นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในกรณีที่จังหวัดใดมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 4 คน ให้แบ่ง เขตเลือกตั้งออกเป็น 2 เขตละ 2 คน การเลือกตั้งครั้งนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 269 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 20,243,791 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 9,549,924 คน คิดเป็นร้อยละ 47.17 จังหวัดที่มีผู้มา ใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัดภูเก็ต คิดเป็นร้อยละ 67.87 และ น้อยที่สุด คือ จังหวัดเพชรบรู ณ์ คิดเป็นร้อยละ 32.18 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีผู้แทนราษฎรได้ 2 คน มีจำนวน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 151,605 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 59,323 คน คิดเป็นร้อยละ 39.39 ผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง คือ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง สังกัดพรรคธรรมสังคม และนายพีระพงศ์ อิศรภักดี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง ได้รับ การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 2 แต่ได้ย้าย พรรคจากพรรคสหประชาไทย มาสังกัดพรรคธรรมสังคม และ นับเป็นครั้งแรกของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผู้สมัครของพรรค ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ผลการเลือกตั้งในภาพรวมของประเทศ ปรากฏว่า พรรค ที่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ 72 ที่นั่ง พรรคธรรมสังคม 45 ที่นั่ง พรรคชาติไทย 28 ที่นั่ง พรรคเกษตรสังคม 19 ที่นั่ง พรรคกิจสังคม 18 ที่นั่ง พรรค สังคมนิยมแห่งประเทศไทย 15 ที่นั่ง พรรคพลังใหม่ 12 ที่นั่ง พรรคแนวร่วมสังคมนิยม 10 ที่นั่ง พรรคฟื้นฟูชาติไทย 3 ที่นั่ง 82
ประวัติการเลือกตั้งนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปไตย 2 ที่นั่ง พรรคสังคมชาตินิยม 16 ที่นั่ง พรรคไท 4 ทน่ี ง่ั พรรคเศรษฐกร 1 ทน่ี ง่ั พรรคประชาธรรม 6 ทน่ี ่งั พรรคเกษตรกร 1 ท่ีนงั่ พรรคเสรีชน 1 ทีน่ งั่ พรรคสันตชิ น 8 ท่ีน่ัง พรรคแรงงาน 1 ที่นั่ง พรรคแผ่นดินไทย 2 ที่นั่ง พรรค พลังประชาชน 2 ที่นั่ง พรรคอธิปัตย์ 2 ที่นั่ง พรรคพัฒนา จังหวัด 1 ที่นั่ง ผลการเลือกตั้งในลักษณะดังกล่าวส่งผลให้การจัดตั้ง รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม โดยพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่ได้ เสียงมากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคเกษตรสังคม มาร่วมเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แต่เมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายต่อ รัฐสภากลับไม่ได้รับการยอมรับ จึงทำให้การจัดตั้งรัฐบาล ล้มเหลว และเปิดทางให้พรรคกิจสังคมซึ่งมี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรค และมีเสียงในสภาเพียง 18 เสียง เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคอื่นๆ อีก 6 พรรค คือ พรรคธรรมสังคม พรรคชาติไทย พรรคสันติชน พรรคไทย พรรคพลังประชาชน และภายหลังมีพรรคประชาธรรมมาร่วม ด้วย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 13 ของประเทศไทยในวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2518 แต่ ประสบความยากลำบากในการบริหารประเทศ เนื่องจาก ความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล จึงตัดสินใจยุบสภา ผู้แทนราษฎร ในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2519 และกำหนดให้มี การเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 83
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3.2.11 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป คร้ังท่ี 11 ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 การจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ จัดขึ้นในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2517 และกฎหมายเลือกตั้ง พุทธศักราช 2511 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2517 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสม ระหว่างแบบรวมเขตและแบ่งเขตซึ่งเป็นระบบและวิธีการ เดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10 โดยมีจำนวนสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ 279 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคการเมืองที่ส่งสมาชิก พรรคลงสมัครรับเลือกตั้งจำนวน 38 พรรค จากจำนวน พรรคการเมืองที่มีการยื่นจดทะเบียนทั้งหมด 56 พรรค มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 20,623,430 คน ผลการเลือกตั้ง ปรากฏว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 9,072,629 คน คิดเป็นร้อยละ 43.99 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ มากที่สุด คือ จังหวัดนครพนม คิดเป็นร้อยละ 63.53 และ น้อยที่สุด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ คิดเป็นร้อยละ 26.64 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีผู้แทนราษฎรได้ 2 คน มีจำนวน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 162,677 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 68,786 คน คิดเป็นร้อยละ 42.28 ผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง คือ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง สังกัดพรรคธรรมสังคม และนายสำเภา ประจวบเหมาะ สังกัดพรรคชาติไทย 84
ประวัติการเลือกตั้งนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเพียง 19 พรรค ดังต่อไปนี้ พรรคประชาธิปัตย์ 114 ที่นั่ง พรรคชาติไทย 56 ที่นั่ง พรรคกิจสังคม 45 ที่นั่ง พรรคธรรมสังคม 28 ที่นั่ง พรรค พลังใหม่ 3 ที่นั่ง พรรคเกษตรสังคม 9 ที่นั่ง พรรคพลังประชาชน 3 ที่นั่ง พรรคสังคมชาตินิยม 8 ที่นั่ง พรรคสังคมนิยม 2 ที่นั่ง พรรคธรรมาธิปไตย 1 ที่นั่ง พรรคแนวร่วมประชาธิปไตย 1 ที่นั่ง พรรคแนวร่วมสังคมนิยม 1 ที่นั่ง พรรคแรงงาน 1 ที่นั่ง พรรค ไทสังคม 1 ที่นั่ง พรรคพัฒนาจังหวัด 2 ที่นั่ง พรรคสยามใหม่ 1 ที่นั่ง พรรคประชาธิปไตย 1ที่นั่ง และพรรคสังคมก้าวหน้า 1 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดถึง 114 ที่นั่ง จึงได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมี หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีเหตุการณ์ ผันผวนทางการเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีการกลับเข้า เมืองไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร ได้นำการสู่การเคลื่อนไหว ต่อต้านของกลุ่มต่างๆ จนเหตุการณ์ขยายตัวไปสู่ความรุนแรง และมีการใช้กำลังตำรวจเข้าระงับและกวาดล้างการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 คณะปฏิรูปการปกครอง แผ่นดิน ซึ่งมีพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้า ได้เข้ายึด อำนาจการปกครอง เหตุการณ์ดังกล่าวจึงส่งผลให้สมาชิก สภาผแู้ ทนราษฎรหมดสมาชกิ ภาพไปเชน่ เดยี วกบั พรรคการเมอื ง ที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พุทธศักราช 2517 85
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมา ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2519 รัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียรบริหารบ้านเมือง ท่ามกลางความขัดแย้งในสังคม และความขัดแย้งระหว่าง รัฐบาลกับคณะทหารที่เคยสนับสนุนนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี คณะทหารชุดเดิมได้ยึดอำนาจซ้ำ และให้ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งทันที ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 3.2.12 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป ครั้งที่ 12 วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 หลังจากคณะปฏิรูปการปกครองที่มีพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้าคณะ ทำการยึดอำนาจครั้งที่ 2 และให ้ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งทันที ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 นั้น ต่อมา ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 คณะปฏิรูปฯ ได้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 เป็นการชั่วคราว โดยได้กำหนดให้มีสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่นิติบัญญัติ และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับ ถาวรให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2521 เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง ทั่วไปอย่างช้าที่สุดภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2522 รวมทั้ง ได้จัดตั้งสภานโยบายแห่งชาติขึ้นมา และเสนอให้พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครอง รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 86
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ จึงได้รับพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 15 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลากว่า 1 ปี รัฐบาล พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ สมัยแรกก็สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2521 เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2521 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ ยังไม่มีกฎหมายพรรค การเมืองอย่างเป็นทางการ แต่นักการเมืองก็ได้รวมตัวกันเป็น “กลุ่มการเมือง” และเรียกชื่อกลุ่มของตนเองเช่นเดียวกันชื่อ พรรคการเมืองเก่าที่เคยสังกัดอยู่ โดยรูปแบบการเลือกตั้งยังคง เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10 และ 11 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 301 คน การเลือกตั้งครั้งนี้มีลักษณะพิเศษหลายประการที่สำคัญ คือ ผู้มีสัญชาติไทยแต่บิดาเป็นคนต่างด้าว ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ยกเว้นผู้นั้นจะมีการศึกษาสอบไล่ได้ไม่ต่ำกว่าชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 หรือเคยรับราชการทหาร หรือเคยเป็นข้าราชการ สมาชิก สภานิติบัญญัติ หรือสมาชิกสภาอื่นๆ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ที่ เสียภาษี หรือเคยเสียภาษีติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปี และ ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่จำเป็น ต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสภาผู้แทนราษฎร มีอำนาจลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ 87
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้มีผู้มีสิทธิออกเสียง จำนวน 21,283,790 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 9,344,045 คน คิดเป็น ร้อยละ 43.90 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัด ยโสธร (ร้อยละ 77.11) และน้อยที่สุดคือกรุงเทพฯ (ร้อยละ19.45) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้มีสิทธิออกเสียง จำนวน 172,194 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 81,103 คน คิดเป็นร้อยละ 47.10 ผสู้ มคั รทไ่ี ดร้ บั การเลอื กตง้ั คอื นายสำเภา ประจวบเหมาะ และนายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง นายสำเภา ประจวบเหมาะ ได้รับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นสมัยที่ 2 ขณะที่นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็น สมัยที่ 3 ผลของการเลือกตั้งทั่วไปในภาพรวม ยังไม่มีกลุ่ม การเมืองใดได้เสียงข้างมาก กลุ่มการเมืองที่มีคะแนนนำและ ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรจำนวนมากเรียงลำดับกัน 5 กลุ่ม จากจำนวนทั้งหมด 301 คน คือ กลุ่มกิจสังคม 88 กลุ่ม ชาติไทย 42 กลุ่มประชาธิปัตย์ 35 กลุ่มประชากรไทย 32 กลุ่ม สยามประชาธิปไตย 31 ในวันเดียวกันกับที่มีการเลือกตั้ง ก็ได้มีประกาศแต่งตั้ง สมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญซึ่งมีจำนวน 3 ใน 4 ของสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรที่จะมาจากการเลือกตั้ง จากเสียงสนับสนุนของสมาชิกวุฒิสภา หลังการเลือกตั้ง แล้ว พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น 88
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งไม่ได้ลงเลือกตั้ง ก็ได้รับการเสนอชื่อให้กลับมาเป็น นายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกัน บทเฉพาะกาลของ รัฐธรรมนูญได้เปิดทางให้คณะทหารมีบทบาททางการเมือง ต่อไปอีกได้อย่างน้อย 4 ปี รัฐบาลผสมภายใต้การนำของพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ต้องประสบกับปัญหาเรื่องเสถียรภาพในการ ทำหน้าที่รัฐบาลอย่างมาก ทั้งจากความไม่เป็นเอกภาพภายใน สมาชิกสภากลุ่มต่างๆ ที่เข้าร่วมตั้งรัฐบาลแล้ว ยังมีแรงกดดัน จากภายนอกที่สำคัญ เช่น ปัญหาภาวะน้ำมันขาดแคลน ทำให้ รัฐบาลต้องขึ้นราคาน้ำมันอย่างสูง ส่งผลให้ราคาสินค้าต่างๆ แพงขึ้นด้วย สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างมาก เป็นต้น พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ จึงตัดสินใจปรับ คณะรัฐมนตรี ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ซึ่งก่อให้เกิด ความไม่พอใจแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นอันมาก และ ต่อมาไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ จึงประกาศลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีในวันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 เมื่อรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ลาออก ก็มี พระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ตง้ั พลเอก เปรม ตณิ สลู านนท์ ผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในขณะนั้น เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2523 89
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นรัฐบาลผสมระหว่างบุคคลในกลุ่มของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พรรคกิจสังคม พรรคชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติประชาชน โดยหัวหน้าพรรคต่างๆ ดังกล่าว ได้รับ แตง่ ต้งั เปน็ รองนายกรฐั มนตรี ไดแ้ ก่ พลตรี ประมาณ อดเิ รกสาร หัวหน้าพรรคชาติไทย พลเอก ถนัด คอมันตร์ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ และนายบุญชู โรจนเสถียร รองหัวหน้าพรรค กิจสังคม พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2523 ยาวนานเป็นเวลาประมาณ 8 ปี จนถึงการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ พ.ศ. 2531 โดยไม่ได้ตั้ง พรรคการเมืองของตัวเอง และไม่ได้ลงเลือกตั้ง หากแต่ได้รับ การสนับสนุนจากพรรคการเมืองและกองทัพ แม้ว่าต้องเผชิญ กับวิกฤติทางการเมือง การบริหารจนต้องยุบสภาถึง 3 ครั้ง ก็ตาม การตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 ทำให้สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการ เลือกตั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2522 หมดสมาชิกภาพ ก่อนครบวาระ และต้องจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 3.2.13 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยท่ัวไป ครั้งท่ี 13 วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 นับเป็นการเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 13 90
ประวัติการเลือกตั้งนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของประเทศไทย เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสมระหว่าง รวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบวิธีการเดียวกับการเลือกตั้ง ทั่วไปครั้งที่ 10-12 มีผู้แทนราษฎรทั้งหมด 324 คน มีผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง จำนวน 24,224,470 คน ผลการเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 12,295,339 คน คิดเป็นร้อยละ 50.76 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ มากที่สุด คือ จังหวัดยโสธร คือ ร้อยละ 79.62 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 196,031 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 105,041 คน คิดเป็นร้อยละ 53.58 ผู้สมัครที่ได้รับ การคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายสำเภา ประจวบเหมาะ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายวิเศษ ใจใหญ่ สังกัดพรรคชาติไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง ได้ย้ายจาก พรรคธรรมสังคมมาอยู่พรรคชาติไทย และเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร สมัยที่ 4 สำหรับนายสำเภา ประจวบเหมาะ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยที่ 3 และเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรสมัยแรกของนายวิเศษ ใจใหญ่ พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด 102 ที่นั่ง คือ พรรคกิจสังคม ที่มี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็น หัวหน้าพรรค รองลงไป คือ พรรคชาติไทยที่มีพลตำรวจเอก ประมาณ อดิเรกสาร เป็นหัวหน้าพรรคได้ 80 ที่นั่ง และพรรค ประชาธิปัตย์ ที่มีนายพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค ได้ 56 ที่นั่ง 91
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของสภา ผู้แทนราษฎร ที่มีทั้งหมด 324 เสียง พรรคกิจสังคม พรรค ประชาธิปัตย์ และพรรคประชากรไทยจึงตกลงกันที่จะสนับสนุน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัยหนึ่ง ขณะที่พรรคชาติไทย รวมกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ เป็นฝ่าย ค้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นสมัยที่ 2 ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2526 ต่อมา รัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มีความ ขัดแย้งกับสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการตราพระราชกำหนด แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พุทธศักราช 2522 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีจึงได้ตรา พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 และกำหนดใหม้ กี ารเลอื กตง้ั ใหม่ ในวนั ท่ี 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 3.2.14 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป คร้ังที่ 14 วันท่ี 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสม ระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียวกับ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10-13 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ 347 คน มีจำนวนผู้สิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 26,224,305 คน ผลการเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,070,957 คน คิดเป็น 92
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร้อยละ 61.28 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัดชัยภูมิ (ร้อยละ85.15) และน้อยที่สุด คือ กรุงเทพฯ (ร้อยละ38.13) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 215,056 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 118,364 คน คิดเป็นร้อยละ 55.04 ผู้สมัครที่ได้รับ การคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายสำเภา ประจวบเหมาะ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายวิเศษ ใจใหญ่ สังกัดพรรคชาติไทย ผลการเลือกตั้งในภาพรวม พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมี นายพิชัย รัตตกุล หัวหน้าพรรค และนายชวน หลีกภัย แกนนำ คนสำคัญของพรรคในขณะนั้น ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด ด้วยเสียงมากถึง 99 เสียง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้มากถึง 15 เสียง พรรคชาติไทย 64 เสียง, พรรคกิจสังคม 51 เสียง และพรรคราษฎร 20 เสียง พรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รว่ มกบั พรรคชาตไิ ทย พรรคกจิ สงั คม และพรรคราษฎร ปรากฏวา่ ทุกพรรคต่างเห็นชอบให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ดำรง ตำแหนง่ นายกรฐั มนตรตี อ่ ไป ทง้ั น้ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดม้ พี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ให้ พล.อ.เปรม ตณิ สลู านนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529 นับเป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3 ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 93
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับเลือกตั้งมากที่สุดใน การเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่สามารถ ชนะการเลือกตั้งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ 3.2.15 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยท่ัวไป คร้ังท่ี 15 วันท่ี 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ในปี พ.ศ.2531 รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่ง ประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม และพรรคราษฎร มีความขัดแย้งกันเอง ทำให้พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ต้องตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2531 และกำหนดให้มีการเลือกตั้ง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรไทยเปน็ การทว่ั ไป ในวนั ท่ี 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ถือเป็นการเลือกตั้ง ครั้งที่ 15 ของประเทศไทย การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบผสม ระหว่างรวมเขตและแบ่งเขตซึ่งเป็นระบบและวิธีเดียวกับ การเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10-14 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ 357 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 26,658,638 คน ผลการเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,944,931 คน คิดเป็นร้อยละ 63.56 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัดยโสธร ร้อยละ 90.42 และจังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิน้อย ที่สุด คือ จังหวัดสมุทรสาคร ร้อยละ 35.92 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 223,543 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 147,183 คน คิดเป็นร้อยละ 65.84 ผู้สมัครที่ได้รับ การคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายสำเภา 94
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประจวบเหมาะ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายวิเศษ ใจใหญ่ สังกัดพรรคชาติไทย ผลการเลือกตั้งในภาพรวม ปรากฏว่า ไม่มีพรรค การเมืองใดได้รับเสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรค ชาติไทย ซึ่งมี พลตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรค มีสมาชิกได้รับเลือกมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง 87 คน รองลงไป คือ พรรคกิจสังคม 54 คน และพรรคประชาธิปัตย์ 48 คน แกนนำของพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นลำดับแรก 5 พรรค ได้หารือกันถึงการจัดตั้งรัฐบาล และเสนอให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ แต่ พล.อ. เปรมได้ปฏิเสธที่จะดำรงตำแหน่งต่อ เนื่องจากได้ดำรง ตำแหนง่ มา 8 ปี 5 เดอื นแลว้ ประกอบกบั บา้ นเมอื งกม็ เี สถยี รภาพ ทางการเมืองและเศรษฐกิจ พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ ในฐานะ หัวหน้าพรรคที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด จึงขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 นับเป็นนายก- รัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย และคณะรัฐมนตรี คณะที่ 45 โดยนายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ สมัยที่ 7 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นครั้งแรก คณะรัฐมนตรีคณะนี้สิ้นสุดลง เนื่องจาก พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ได้ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2533 แต่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก- รัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง และในวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2533 ได้มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี คณะที่ 95
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 46 โดยนายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง ยังคงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นครั้งที่ 2 สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งครั้งนี้ บริหาร ประเทศจนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ก็ถูกคณะทหาร ที่เรียกตัวเองว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ภายใต้การนำของพลเอก สุนทร คงสมพงษ์ ใช้กำลังเข้ายึด อำนาจ และได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 ทำให้วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร และให้ คณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลง 3.2.16 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป คร้ังที่ 16 วันท่ี 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 หลังการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อย แห่งชาติ (รสช.) ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ได้เสนอ แต่งตั้งให้นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้ง รัฐบาลในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 รวมทั้งได้ประกาศใช้ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 เป็นการชั่วคราว ซึ่งได้กำหนดให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาต ิ ทำหน้าที่เป็นทั้งรัฐสภา และสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่าง รัฐธรรมนญู ฉบับใหม่ ต่อมา คณะ รสช. ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ซึ่งได้กำหนดให้มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ภายใน 120 วัน นับแต่วันประกาศใช้ 96
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รัฐธรรมนูญ จึงได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขึ้น ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 มาตรา 99 และพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2522 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535) มาตรา 99-102 ได้กำหนดให้มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 360 คน ต่อจำนวนประชากรทั้งประเทศ รูปแบบการเลือกตั้ง เป็นการใช้การเลือกตั้งโดยตรง แบบผสม เขตละไม่เกิน 3 คน และผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคน ต้องสังกัดพรรคการเมือง โดยพรรคการเมืองจะต้องส่งสมาชิก เข้าสมัคร รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า 120 คน ในขณะนั้น มีพรรคการเมืองที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 21 พรรค แต่มีเพียง 15 พรรค ที่ส่งผู้สมัครลงรับ เลือกตั้ง พัฒนาการทางการเมืองที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ การกำหนดให้ “องค์กรกลาง” ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมและ ดูแลการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก โดยมีศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกุล ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการ การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 31,660,156 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 19,622,322 คน คิดเป็นร้อยละ 61.59 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัดมุกดาหาร คิดเป็น ร้อยละ 87.11 97
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 258,192 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 148,107 คน คิดเป็นร้อยละ 57.36 ผู้สมัครที่ได้รับ เลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายสำเภา ประจวบเหมาะ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายวิเศษ ใจใหญ่ สังกัดพรรคชาติไทย ผลการเลือกตั้งในภาพรวม ปรากฎว่า ในจำนวนพรรค การเมืองที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง 15 พรรค มีพรรคการเมือง ทม่ี สี มาชกิ ไดร้ บั เลอื กตง้ั จำนวน 11 พรรค คอื พรรคสามคั คธี รรม พรรคชาติไทย พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรค พลังธรรม พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย พรรคเอกภาพ พรรคราษฎร พรรคมวลชน และพรรคปวงชนชาวไทย หลังจากนั้น 5 พรรคการเมือง อันประกอบด้วย พรรค สามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ได้รวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาล ด้วยคะแนนเสียง 195 เสียง และพรรคฝ่ายค้าน 6 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรม พรรคเอกภาพ พรรคมวลชน และพรรคปวงชนชาวไทย มีคะแนนเสียง 165 เสียง 5 พรรครัฐบาลสนับสนุนให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกขึ้นดำรง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรค สามัคคีธรรม ซึ่งเป็นพรรคแกนนำ โดยอ้างว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 98
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พลเอกสุจินดา คราประยูร ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 19 ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีบริหารประเทศ ในวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2535 ซึ่งในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมัยที่ 8 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงอุตสาหกรรม เนื่องจากพลเอกสุจินดา คราประยูร มิได้เป็นสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและได้เคยประกาศว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ ของ รสช. ดังนั้น หลังจาก พลเอกสุจินดา คราประยูร ดำรง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่นาน จึงถูกต่อต้านจากประชาชน อย่างรุนแรง จนนำไปสู่ “เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ” และทำให ้ พลเอกสจุ นิ ดา คราประยรู ตอ้ งลาออกจากตำแหนง่ นายกรฐั มนตรี ในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 หลังจากนั้น ได้มีความพยายามจากพรรคการเมือง ที่ได้รับเลือกตั้งอ้างความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องกราบ บังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้งในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2534 ตามที่ประชาชน เรียกร้อง และเตรียมการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ ข้อเรียกร้อง สำคัญของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม คือ นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ลดอำนาจของวุฒิสภา 99
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงโดยให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา และให้ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสามารถพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้ ในสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 ได้ให้นายอานันท์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2535 ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 3.2.17 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นท่ัวไป คร้ังที่ 17 วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง ใหม่ในวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2535) ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2535 และ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2522 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535) กำหนดให้มี จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 360 คน ต่อจำนวน ประชากรทั้งประเทศ โดยมีระบบการใช้การเลือกตั้งโดยตรง แบบผสม เขตละไม่เกิน 3 คน และผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคน ต้องสังกัดพรรคการเมือง และพรรคการเมืองนั้นจะต้องส่ง สมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อย กว่า 120 คน เหตุการณ์การเมืองสำคัญที่เกิดอีกในการเลือกตั้ง ครั้งนี้ คือ การยุบพรรคสามัคคีธรรมและการที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติไทย และ มาก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ในชื่อ “พรรคชาติพัฒนา” การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ซึ่งนับเป็นการสิ้นสุดของอำนาจเผด็จการทหาร 100
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่เข้ามาด้วย การรัฐประหารในวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 จึงทำให้ ประชาชนให้ความสนใจการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นอย่างมาก การเลือกตั้งในครั้งนี้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 31,855,156 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 19,760,377 คน คิดเป็นร้อยละ 61.59 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุด คือ จังหวัดมุกดาหาร คิดเป็นร้อยละ 90.43 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 251,564 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 135,457 คน คิดเป็นร้อยละ 53.85 ผู้สมัครที่ได้รับ การคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายสำเภา ประจวบเหมาะ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายวิเศษ ใจใหญ่ สังกัดพรรคชาติไทย ซึ่งมีพลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ เป็น หัวหน้าพรรค หลังจากที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ลาออกไป ก่อตั้งพรรคใหม่ ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในภาพรวม พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเป็นพรรคฝ่ายค้าน และมีบทบาทใน การคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกสุจินดา คราประยูร สมาชิกของคณะ รสช. ที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด คือ 79 คน พรรคชาติไทย 77 คน พรรคชาติพัฒนา 60 คน พรรค ความหวังใหม่ 51 คน พรรคพลังธรรม 47 คน พรรคกิจสังคม 22 คน พรรคเสรีธรรม 8 คน พรรคเอกภาพ 8 คน พรรคมวลชน 4 คน พรรคประชากรไทย 3 คน และพรรคราษฎร 1 คน 101
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์จึงได้เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้ง รัฐบาลร่วมกับพรรคความหวังใหม่ พรรคพลังธรรม พรรค เอกภาพ และพรรคกิจสังคม รวมเป็นจำนวนพรรครัฐบาล มีคะแนนเสียงเท่ากับ 207 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง โดยนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 20 เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2535 ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วยพรรคชาติพัฒนา พรรค เสรีธรรม พรรคชาติไทย พรรคประชากรไทย พรรคมวลชน และ พรรคประชาไทย มีคะแนนเสียง 153 เสียง ต่อมารัฐบาลนายชวน หลีกภัยได้ถูกเสนอญัตติเพื่อขอ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะจากพรรคฝ่ายค้าน ประเด็นหลัก คือ “เอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก.4-01” หลังจากการ อภิปราย ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นว่าฝ่ายรัฐบาล ตอบข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านไม่ชัดเจน จึงมีมติงดออกเสียงให้ รัฐบาล จึงทำให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐนตรี ตัดสินใจ ประกาศยบุ สภาผแู้ ทนราษฎร ในวนั ท่ี 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 และกำหนดให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 3.2.18 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป ครั้งท่ี 18 วันท่ี 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 อยู่ภายใต้ รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2538) เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 ภายใต้รัฐบาล 102
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายชวน หลีกภัย สาระสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มีดังนี้ (1) สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินเช่นเดียวกับรัฐมนตรี (มาตรา 95) (2) เปลี่ยนแปลงจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากที่ กำหนดไว้ 360 คน เป็นจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คน ต่อประชากร 150,000 คน (มาตรา 106) (3) เปลี่ยนแปลงจำนวนผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร ที่กำหนดให้พรรคการเมืองส่งสมัครไม่น้อยกว่า หนึ่งในสาม หรือ 120 คน มาเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด (มาตรา 112) (4) กำหนดให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อกำกับ ดแู ลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 115) (5) เพิ่มบทบัญญัติให้มีศาลปกครองเพื่อทำการพิจารณา คดีปกครอง (มาตรา 195) การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5 พุทธศักราช 2538) ทำให้ต้องบัญญัติพระราชกำหนดแก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ฉบับที่ 3 พุทธศักราช 2538 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 เพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2522 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535) ทำให้การเลือกตั้งในครั้งนี้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้น 103
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็น 391 คน แต่รูปแบบการเลือกตั้งยังคงเป็นการเลือกตั้ง ทางตรงแบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและ วิธีเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10-17 แต่ใช้เกณฑ์คำนวณ ราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคนเหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งที่ 10-15 คือ จำนวนราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อสมาชิกหนึ่งคน ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครจำนวน 20 พรรค มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 37,817,983 คน ผลการเลือกตั้ง ปรากฎว่ามีผู้มาใช้สิทธิลือกตั้ง จำนวน 23,496,746 คน คิดเป็นร้อยละ 62.13 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ มากที่สุด คือ จังหวัดมุกดาหาร คิดเป็นร้อยละ 83.80 และ น้อยที่สุด คือ กรุงเทพฯ คิดเป็นร้อยละ 49.82 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 296,920 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 180,622 คน คิดเป็นร้อยละ 60.83 ผู้สมัครที่ได้รับ การคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายสำเภา ประจวบเหมาะ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายวิเศษ ใจใหญ่ สังกัดพรรคชาติไทย ผลการเลือกตั้งทั้งประเทศปรากฏว่า พรรคชาติไทย ได้ที่นั่งมากที่สุด พรรคชาติไทยจึงเป็นแกนนำในการจัดตั้ง รัฐบาลผสม 7 พรรค ประกอบด้วย พรรคชาติไทย พรรค ความหวังใหม่ พรรคพลังธรรม พรรคกิจสังคม พรรคนำไทย พรรคประชากรไทย และพรรคมวลชน รวม 233 เสียง มีคะแนน เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน 5 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ พรรค 104
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เอกภาพ พรรคเสรีธรรม และ พรรคเสรีภาพมีคะแนนเสียงเพียง 158 เสียง นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย จึงได้ขึ้น ดำรงตำแหนง่ เปน็ นายกรฐั มนตรี คนท่ี 21 เมอ่ื วนั ท่ี 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 เป็นรัฐบาล ชุดที่ 51 ซึ่งนายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง สมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมัยที่ 10 ได้รับ การแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมด้วย ภายหลังจากการบริหารงานมาได้เพียง 8 เดือนเศษ พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็น รายบุคคล จำนวน 10 รัฐมนตรี หลังจากนั้น ยังได้ยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีนายบรรหาร ศิลปอาชา ในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2539 ในประเด็นที่รัฐบาลได้เพิ่ม วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2539 และได้อนุมัติ โครงการก่อสร้างต่างๆ รวม 25 โครงการ มูลค่ามากกว่า 400,000 ล้านบาท ในขณะที่ประเทศได้เริ่มประสบปัญหาด้าน เสถียรภาพทางการเศรษฐกิจ จนเป็นผลให้เศรษฐกิจไทยตกอยู่ ในภาวะสน่ั คลอน ทำใหน้ ายบรรหาร ศลิ ปอาชา จำตอ้ งประกาศ ยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2539 และ กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 3.2.19 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป คร้ังที่ 19 วันท่ี 17 พฤศจิกายน 2539 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญแห่ง 105
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2538) และพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2522 ฉบับที่ 3 พุทธศักราช 2538 เช่นเดียวกันกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 กล่าวคือ เป็นการเลือกตั้ง ทางตรงแบบผสมระหว่างรวมเขตและแบ่งเขต ซึ่งเป็นระบบและ วิธีเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 10-18 โดยใช้เกณฑ์คำนวณ ราษฎรหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อสมาชิกหนึ่งคน มีสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรได้ 393 คน การเลือกตั้งในครั้งนี้มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร ลงรับเลือกตั้ง จำนวน 13 พรรค ได้แก่ พรรคชาติพัฒนา พรรค ประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคประชากรไทย พรรคกิจสังคม พรรคเอกภาพ พรรคพลังธรรม พรรคความหวังใหม่ พรรค เสรีธรรม พรรคมวลชน พรรคไท พรรคเสรีประชาธิปไตย และ พรรคแรงงานไทย มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 38,564,836 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 24,070,744 คน คิดเป็นร้อยละ 62.42 จังหวัดที่มีผู้มา ใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัดสระแก้ว คิดเป็นร้อยละ 87.71 และ น้อยที่สุด คือ กรุงเทพฯ คิดเป็นร้อยละ 48.97 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 304,718 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 209,679 คน คิดเป็นร้อยละ 68.81 ผู้สมัครที่ได้รับ การคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายสำเภา ประจวบเหมาะ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายวิเศษ ใจใหญ่ สังกัดพรรคความหวังใหม่ 106
ประวัติการเลือกตั้งนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผลการเลือกตั้ง ปรากฎว่ามีพรรคการเมืองที่ผู้สมัคร ได้รับเลือกตั้ง จำนวน 11 พรรค คือ พรรคชาติพัฒนา พรรค ประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคประชากรไทย พรรคกิจสังคม พรรคเอกภาพ พรรคพลังธรรม พรรคความหวังใหม่ พรรค เสรีธรรม พรรคมวลชน และพรรคไท โดยพรรคความหวังใหม่ เป็นพรรคการเมืองที่มี คะแนนเสียงสูงสุด และได้เป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับ พรรคชาติพัฒนา พรรคประชากรไทย พรรคมวลชน พรรคเสรีธรรม และพรรคกิจสังคม รวมเป็นพรรครัฐบาล จำนวน 6 พรรคการเมือง มีคะแนนเสียง 221 เสียง เกินกึ่งหนึ่ง ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่พรรคฝ่ายค้านจำนวน 5 พรรคการเมอื งประกอบดว้ ย พรรคประชาธปิ ตั ย์ พรรคชาตไิ ทย พรรคเอกภาพ พรรคพลังธรรม และพรรคไท มีคะแนนเสียง 172 เสียง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 22 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 และแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี คณะที่ 52 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 โดยนายสำเภา ประจวบเหมาะ สมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 9 สมัย ได้รับการแต่งตั้ง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้วย แต่ต่อมาได้ลาออกจากตำแหน่งในการปรับคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2540 และเปิดทางให้นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 11 สมัย ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ อีกครั้งหนึ่ง 107
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาเหตุที่ทำให้พรรคความหวังใหม่ได้รับชัยชนะในการ เลือกตั้งครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากมีสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้ย้าย พรรคเข้าร่วมสังกัดกับพรรคความหวังใหม่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสมาชิกของพรรคชาติไทย ที่นำโดย “กลุ่มวังน้ำเย็น” ของนายเสนาะ เทียนทอง ซึ่งรวมถึงสมาชิกพรรคชาติไทยจาก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3 คน คือ นายสำเภา ประจวบเหมาะ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และนายวิเศษ ใจใหญ่ การบริหารประเทศรัฐบาลของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ จากเหตุการณ์ที่ธนาคารแห่งประเทศ ไทยทำการปกป้องค่าเงินบาทจากการโจมตีของนักค้าเงิน ข้ามชาติ และการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทที่นำไปสู่ วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และต้องเข้ารับความช่วยเหลือจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 หลังจากบริหารประเทศได้เพียง 11 เดือน และส่งผล ให้นายชวน หลีกภัย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 ต่อมา จึงได้ประกาศ ยุบสภาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 หลังจากการ ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พุทธศักราช 2541 แล้วเสร็จ โดยกำหนดให้มีการเลือกทั่วไป ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 108
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3.2.20 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป ครั้งท่ี 20 วันท่ี 6 มกราคม พ.ศ. 2544 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 นับเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกภายใต้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พุทธศักราช 2541 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มีบท เจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมให้มีพรรคการเมืองที่เข้มแข็งและ มีมาตรการส่งเสริมพรรคการเมืองขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้รัฐบาล ที่เข้มแข็ง ในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงระบบ การเลือกตั้งหลายประการ รวมทั้งมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง มาจัดการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ (1) การกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิก จำนวน 500 คน โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากระบบการเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อ (Party lists) จำนวน 100 คน และสมาชิก มาจากระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (One man one vote) จำนวน 400 คน (2) การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ กำหนดให้พรรค การเมืองจัดบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งขึ้นพรรคละ 1 บัญชี บัญชีละไม่เกิน 100 คน โดยมีการเรียงลำดับหมายเลขผู้สมัคร ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งคนหนึ่งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน 109
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เลือกตั้งที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้น โดยจะเลือกได้เพียงบัญช ี รายชื่อใดรายชื่อหนึ่งเท่านั้น โดยพรรคการเมืองต้องส่งผู้สมัคร แบบบัญชีรายชื่อได้พรรคละไม่เกิน 100 คน ผู้สมัครประเภทนี้ จึงเป็นผู้แทนของพรรค การได้ที่นั่งในสภาของผู้แทนประเภทนี้ ต้องคิดจากจำนวนคะแนนเสียงที่แต่ละพรรคได้รับในวันที่ เลือกตั้ง ซึ่งประชาชนจะได้สิทธิในการออกเสียงทั้ง 2 ประเภท แยกกัน เพียงแต่มีเงื่อนไขว่า คะแนนเสียงที่แต่ละพรรคได้รับ แล้วเอามาคำนวณเพื่อได้จำนวนผู้แทนราษฎรนั้นต้องไม่น้อย กว่าร้อยละ 5 ของจำนวนผู้ออกเสียงเลือกตั้งที่ออกมาใช้สิทธิลง คะแนน (3) การเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จะกำหนดให้แต่ละ เขตเลือกตั้ง มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เพียง 1 คน ผู้มีสิทธิ ออกเสียงเลือกตั้งคนหนึ่งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งในเขตนั้นได้เพียงเขตละ 1 คน เท่านั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครลงรับ เลือกตั้งมากเป็นประวัติการณ์ถึง 43 พรรค แต่มีเพียง 5 พรรค เท่านั้น ที่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อครบ 100 คน ได้แก่ พรรคความหวังใหม่ พรรคไทยรักไทย พรรคชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติพัฒนา ส่วนการเลือกตั้งแบบ แบ่งเขตเลือกตั้ง มีเพียงพรรคไทยรักไทยเพียงพรรคการเมือง เดียวเท่านั้น ที่ส่งผู้สมัครครบทุกเขตเลือกตั้ง จำนวน 400 คน รองลงมาคือ พรรคประชาธิปัตย์ ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งจำนวน 398 คน โดยสรุป มีผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด จำนวน 3,722 คน ประกอบด้วย ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 940 คน และ แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 2,782 คน 110
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การเลือกตั้งครั้งนี้มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ทั้งสิ้น 42,875,036 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 29,952,432 คน คิดเป็นร้อยละ 69.86 จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัดลำพูน (ร้อยละ83.78) และน้อยที่สุด คือ จังหวัด สมุทรปราการ (ร้อยละ 60.79) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได ้ 3 คน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 331,053 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 226,731 คน คิดเป็นร้อยละ 68.49 ผู้สมัครที่ได้รับ การเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และร.ต.อ พเยาว์ พูลธรัตน์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ผู้สมัครจากพรรค ประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้ง หลังจากที่นายพีรศักดิ์ อิศรภักดี เคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ในปี พ.ศ. 2518 และนับเป็นครั้งแรกที่ผู้สมัคร จากพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งครบทุกเขต ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 ทำให้ พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองพรรคแรกที่ก่อตั้งขึ้น ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาได้เพียง 2 ปี เศษเท่านั้นได้คะแนนเสียง 247 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งในสภา ผู้แทนราษฎรทั้งหมด 500 ที่นั่ง จึงได้เป็นแกนนำในการจัดตั้ง รัฐบาลผสมร่วมกับพรรคชาติไทยที่มีคะแนนเสียง 40 ที่นั่ง พรรคความหวังใหม่ 36 ที่นั่ง และพรรคเสรีธรรม 14 ที่นั่ง เป็น ผลให้รัฐบาลผสมชุดนี้มีคะแนนเสียงรวมทั้งสิ้น 337 ที่นั่ง และมี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 111
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านมีจำนวนที่นั่งในสภาเหลือเพียง 163 ที่นั่ง ประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 128 ที่นั่ง พรรคชาติพัฒนา 31 ที่นั่ง พรรคราษฎร 2 ที่นั่ง พรรคถิ่นไทย 1 ที่นั่งและพรรคกิจสังคมได้ 1 ที่นั่ง รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรสามารถบริหารประเทศ ได้ครบ 4 ปี ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยสามารถ บริหารประเทศได้ครบวาระ อันแสดงถึงเสถียรภาพและ ความเข้มแข็งของฝ่ายบริหารและนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นไปตาม เจตนารมณ์หลักของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ที่ต้องการให้เกิด ฝ่ายบริหารที่เข้มแข็งและนายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็ง (strong executive and strong prime minister) 3.2.21 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ัวไป คร้ังท่ี 21 วันท่ี 6 กุมภาพันธ์ 2548 หลังจากที่รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้บริหาร ประเทศมาจนครบวาระ 4 ปีเต็ม นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง บริหารประเทศเในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 จึงกำหนดให้มี การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป ครั้งที่ 21 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ซึ่งนับเป็นการเลือกตั้ง ครั้งที่ 2 ภายใต้ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2540 การเลอื กตง้ั ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและระบบบัญช ี รายชื่อ ซึ่งเป็นระบบและวิธีการเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 20 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนทั้งสิ้น 500 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และแบบ บัญชีรายชื่อ 100 คน 112
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครจำนวน 25 พรรค พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครทั้งในระบบการเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อ และระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีจำนวนทั้งหมด 19 พรรค รวมผู้สมัครทั้งหมด 2,247 คน ประกอบด้วยผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ 540 คน และแบบ แบ่งเขตเลือกตั้ง 1,707 คน ทั้งนี้ พรรคไทยรักไทยของนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้ควบรวมสมาชิกจากพรรคต่างๆ ได้แก่ พรรค ความหวังใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคกิจสังคม พรรคเสรีธรรม และพรรคเอกภาพ เข้ากับพรรคไทยรักไทย และใช้คำขวัญหา เสียงว่า “4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหาเสียงด้วยคำขวัญ “ทวงคืนประเทศไทย” การเลือกตั้งครั้งนี้มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ทั้งสิ้น 44,572,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 32,342,834 คน คิดเป็นร้อยละ 72.56 จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัด ลำพูน (ร้อยละ 86.56) และน้อยที่สุด คือ จังหวัดหนองคาย (ร้อยละ 62.55) ผลการเลือกตั้ง ปรากฎว่า พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ลงรับเลือกตั้ง 25 พรรค พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมีเพียง 4 พรรค คือ พรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน โดยพรรคไทยรักไทยที่ได้รับการเลือกตั้ง 377 ที่นั่ง เกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 96 ที่นั่ง พรรคชาติไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้ 26 ที่นั่ง และพรรคมหาชน ได้เพียง 3 ที่นั่ง 113
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเกิดปรากฏการณ์ทางการเมือง ครั้งใหม่ กล่าวคือ พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองสามารถ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงขึ้นดำรง ตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งสมัย ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2548 สำหรบั จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ มสี มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ได้ 3 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 347,246 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 258,438 คน คิดเป็นร้อยละ 74.43 ผู้สมัครที่ได้รับ การคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายประมวล พงศ์ถาวราเดช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนับเป็นการเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมัยที่ 2 ของ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และเป็น ครั้งแรก ของนายประมวล พงศ์ถาวราเดช แม้ว่าพรรคไทยรักไทยจะสามารถก้าวเข้ามาบริหาร ประเทศได้ โดยสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่สามารถ บริหารประเทศได้เพียง 11 เดือน นับจากวันที่เริ่มเข้ามาบริหาร ประเทศในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2548 อันเนื่องมาจากปัญหา ด้านการคอรัปชั่นเชิงนโยบายผนวกกับผลประโยชน์ทับซ้อนของ รัฐบาลที่สั่งสมมานาน ตั้งแต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เข้า มาบริหารประเทศในสมัยแรก (9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2548) จนนำมาสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันที่ 27 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นความไม่ไว้วางใจของประชาชน 114
ประวัติการเลือกตั้งนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คนชั้นกลาง จนเกิดมีการเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงเพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2549 นำโดยพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงต้องตัดสินใจยุบสภา ผู้แทนราษฎรในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 และกำหนดให้ มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 3.2.22 การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป ครั้งที่ 22 วันท่ี 2 เมษายน พ.ศ. 2549 ภายหลังการการยุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้ มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 นับเป็น การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปครั้งที่ 22 โดยมี รูปแบบเป็นการเลือกตั้งทางตรงแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและ แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2540 เชน่ เดยี วกบั การเลอื กตง้ั ครั้งที่ 20 และ 21 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวนทั้งสิ้น 500 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และ แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน อย่างไรก็ดี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมซึ่งประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้ง โดยไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคไทยรักไทย ไม่ยอมรับแนวคิดการลงนามในสัตยาบันร่วมกันว่าหลัง การเลือกตั้งจะจัดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 313 โดยกำหนด ให้มีคณะบุคคลที่เป็นกลางเป็นผู้ดำเนินการในการยกร่าง รัฐธรรมนูญ แต่กลับเสนอให้ทุกพรรคทำสัญญาประชาคมแก้ไข 115
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รัฐธรรมนูญในระหว่างการเลือกตั้ง หลังจากนั้นจึงค่อยมาตั้ง คณะกรรมการที่เป็นกลางชุดหนึ่งขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ตามระบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 44,909,562 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 29,088,209 คน คิดเป็นร้อยละ 64.7 ในจำนวนนี้มีบัตรเสีย 1,680,101 ใบ คิดเป็น 5.78 % ไม่ประสงค์ลงคะแนน (โหวตโน) 9,051,706 คน คิดเป็นร้อยละ 31.12 จากคะแนนที่ได้จำนวน 18,356,402 คะแนน แบ่งออกเป็นคะแนนของพรรคไทยรักไทย 16,420,755 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 56.45%) พรรคเกษตรกร ไทย675,662 คะแนน พรรคพลังประชาชน 305,015 คะแนน พรรคประชากรไทย 292,895 คะแนน พรรคธัมมาธิปไตย 255,853 คะแนน พรรคไทยช่วยไทย 146,680 คะแนน พรรค พัฒนาชาติไทย 134,534 คะแนน และพรรคแผ่นดินไทย 125,008 คะแนน ผลการใช้สิทธิเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง 44,778,628 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง จำนวน 28,998,364 คน คิดเป็นร้อยละ 64.76 แยกเป็นบัตรเสีย 3,778,981 ใบ คดิ เปน็ 13.03 ไมป่ ระสงคล์ งคะแนน 9,610,874 คน คิดเป็น 33.14 ผลการเลือกตั้งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 355,534 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 244,457 คน คิดเป็นร้อยละ 63.13 ผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายพีระ สุกิจปราณีนิจ และนายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ 116
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดพรรคไทยรักไทย ทั้งนี้ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้ง จึงไม่มีผู้สมัครเดิมจากพรรค ประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง ภายหลังจากการเลือกตั้ง 2 เมษายน พ.ศ. 2549 พบว่า ยังมีผู้สมัครบางเขตที่มีคะแนนเสียงไม่เกินร้อยละ 20 ตาม เงื่อนไขของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงได้จัดให้มีการเลือกตั้ง ซอ่ มในวนั ท่ี วนั ท่ี 23 เมษายน พ.ศ. 2549 จำนวน 40 เขตเลอื กตง้ั ใน 17 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ตรัง ปัตตานี พังงา สตูล นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี นราธิวาส ยะลา พัทลุง สงขลา และกระบี่ ในการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2549 ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 110,685 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 53,427 คน คิดเป็น ร้อยละ 48.27 ผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้ง คือ นายทศเนตร เทียมเทศ สังกัดพรรคประชากรไทย ต่อมา ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาขอให้ศาล รัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 198 กรณีการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 จนถึงการเลือกตั้งซ่อม ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2549 ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วย 117
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้เพิกถอนการเลือกตั้ง และจัดให้มีการ เลือกตั้งใหม่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก จำนวน 8 ท่าน วินิจฉัยว่า การดำเนินการของ กกต. ดังกล่าวมีปัญหา เกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพรรคไทยรักไทย ได้ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กในการลงรับสมัครเลือกตั้ง โดยที่คะแนนเสียงเลือกไม่ถึงร้อยละ 20 และต้องจัดให้มีการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ ตอ่ มา ไดม้ คี ำวนิ จิ ฉยั ใหย้ บุ พรรคไทยรกั ไทยในวนั ท่ี 30 พฤษภาคม 2550 และตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรคไทย รักไทย ทั้งหมด 111 คนๆ ละ 5 ปี หลังจากนั้น จึงกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราฎรขึ้นใหม่ในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2549 แต่ไม่สามารถ ดำเนินการได้ เนื่องจากการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ซึ่งมีพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ 3.2.23. การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป คร้ังท่ี 23 วันท่ี 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 หลงั จากคณะปฏริ ปู การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ที่มีพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ได้ทำการยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ได้แต่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำร่าง รัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ และจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่าจะให้ ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนญู ทั้งฉบับ 118
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 23 วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นับเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 1 ภายใต้ กฎกติกาของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พุทธศักราช 2550 กฎกติกาทางการเมืองใหม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ม ี การเปลี่ยนแปลงในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิก วุฒิสภา พ.ศ. 2550 ได้แก่ (1) จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบ เขตเดียวหลายคน โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนแบบเขตเดียว หลายคนทั้งประเทศ จำนวน 400 คน (2) จัดการเลือกตั้งแบบสัดส่วน โดยกำหนดให้กลุ่ม จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จำนวน 8 กลุ่มจังหวัด และแต่ละกลุ่ม จะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เพียง 10 คน โดยมีสมาชิกสภา ผู้แทนแบบเขตเดียวหลายคนทั้งประเทศจำนวน 80 คน คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2550 แบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. แบบสัดส่วน ออกเป็น 8 กลุ่ม จังหวัด แต่ละกลุ่มมี ส.ส. 10 คน ดังนี้ กลมุ่ ท่ี 1 มจี ำนวน 11 จงั หวดั ประชากรรวม 7,615,610 คน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, พะเยา, น่าน, ลำปาง, ลำพูน, แพร่, สุโขทัย, ตาก และกำแพงเพชร 119
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กลมุ่ ท่ี 2 มจี ำนวน 9 จงั หวดั ประชากรรวม 7,897,563 คน ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, ลพบุรี, นครสวรรค์ และอุทัยธานี กลมุ่ ท่ี 3 มจี ำนวน 10 จงั หวดั ประชากรรวม 7,959,163 คน ได้แก่ จังหวัดหนองคาย, อุดรธานี, เลย, นครพนม, สกลนคร, หนองบัวลำภู, กาฬสินธุ์, มุกดาหาร, มหาสารคาม และ อำนาจเจริญ กลมุ่ ท่ี 4 มจี ำนวน 6 จงั หวดั ประชากรรวม 7,992,434 คน ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด, ยโสธร, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ และบุรีรัมย์ กลมุ่ ท่ี 5 มจี ำนวน 10 จงั หวดั ประชากรรวม 7,818,710 คน ได้แก่ นครราชสีมา, นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด และปทุมธานี กลมุ่ ท่ี 6 มจี ำนวน 3 จงั หวดั ประชากรรวม 7,802,639 คน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี และสมุทรปราการ กลมุ่ ท่ี 7 มจี ำนวน 15 จงั หวดั ประชากรรวม 7,800,965 คน ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, นครปฐม, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, ระนอง, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, สมุทรสาคร และ สมุทรสงคราม กลมุ่ ท่ี 8 มจี ำนวน 12 จงั หวดั ประชากรรวม 7,941,622 คน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, พังงา, นครศรีธรรมราช, กระบี่, ภูเก็ต, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, นราธิวาส และ ยะลา 120
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (3) เปลี่ยนการนับคะแนนมาที่หน่วยเลือกตั้ง จากเดิม ที่นับคะแนนที่หน่วยการเลือกตั้งกลางในการเลือกตั้งครั้งนี้มี พรรคการเมืองส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 39 พรรค และมีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 31 พรรค พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครทั้งในระบบการเลือกตั้งแบบ บัญชีรายชื่อ และระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีทั้งหมด 27 พรรค พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแต่เฉพาะระบบ การเลือกแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 12 พรรค พรรคการเมือง ที่ส่งผู้สมัครแต่เฉพาะระบบการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จำนวน 4 พรรค พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครครบทั้ง 8 กลุ่มจังหวัด มี 10 พรรค จำนวนผู้สมัคร ส.ส. แบบสัดส่วน มีจำนวนรวม 1,260 คน ในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ชายร้อยละ 78.57 ที่เหลือ เป็นผู้หญิง กลุ่มจังหวัดที่ 6 มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งมากที่สุด (19.05%) กลุ่มจังหวัดที่ 2 มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งน้อยที่สุด (9.52%) ผู้สมัครส่วนใหญ่ (33.33%) มีธุรกิจส่วนตัวหรือค้าขาย ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือต่ำกว่าปริญญาตรี และมีอายุระหว่าง 51-60 ปี รองลงไปคือ 41-50 ปี พรรคการเมืองที่ผู้สมัครได้รับเลือกตั้ง มีจำนวนทั้งหมด 7 พรรค คือ พรรคพลังประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรครวมใจไทย- ชาติพัฒนา และพรรคประชาราช 121
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ การเลือกตั้งในครั้งนี้มีจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 5,154 คน มีจำนวนผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด 1,260 คน และ แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 3,894 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ทั้งสิ้น 44,002,593 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 32,775,868 คน (ร้อยละ 74.49) จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิมากที่สุด คือ ลำพูน เขต 1 (ร้อยละ 88.90) และน้อยที่สุด คือ สกลนคร เขต 3 (ร้อยละ 62.88) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 351,153 คน มีผู้มาใช้สิทธิ เลือกตั้ง 255,482 คน คิดเป็นร้อยละ 72.55 ผู้สมัครที่ได้รับการ คัดเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายมนตรี ปาน้อยนนท์ และนายประมวล พงศถาวราเดช สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 25 วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ส่งผลให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้า พรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 อันเนื่องมาจากพรรคที่ได้รับคะแนนเสียง จากการเลือกตั้งมากที่สุด จำนวน 233 ที่นั่ง และเป็นพรรคแกน นำในการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับ พรรคชาติไทย 34 ที่นั่ง พรรคเพื่อแผ่นดิน 24 ที่นั่ง พรรคมัชฌิมาธิปไตย 11 ที่นั่ง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา 9 ที่นั่ง และพรรคประชาราช 5 ที่นั่ง รวมคะแนนเสียงพรรคร่วมรัฐบาลทั้งสิ้น 316 ที่นั่ง ต่อพรรค ฝา่ ยคา้ นเพยี งพรรคเดยี ว คอื พรรคประชาธปิ ตั ย์ จำนวน 164 ทน่ี ง่ั 122
ประวัติการเลือกตั้งนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมานายสมัคร สุนทรเวช ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สิ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องมาจากการจัดรายการ ‘ชิมไป บ่นไป’ และ ‘ยกโขยง หกโมงเช้า’ เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551 จนเปน็ เหตุให้ตอ้ งมกี ารเปิดประชุมสภาผ้แู ทนราษฎร เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551 ในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี คนใหม่ นายสมชาย วงศส์ วสั ด์ิ ไดร้ บั การเสนอชอ่ื ใหด้ ำรงตำแหนง่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของไทย และได้จุดชนวนให้เกิดปัญหา ทางการเมืองไทยอีกครั้ง ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมได้มีคำสั่ง ให้ยุบพรรคพลังประชาชนด้วยสาเหตุมาจากการทุจริต การเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช และมีคำสั่งให้ตัดสิทธิ ทางการเมืองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค จนเป็น เหตุให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการหัวหน้าพรรค พลังประชาชนต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย ต่อจากนั้นในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 สภา ผู้แทนราษฎรจึงได้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่อีกครั้ง อันเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ภายใต้การเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และ อันเนื่องมาจากการเกิดกระแสการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองขึ้น กลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลได้ยกมือสนับสนุนให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านจากพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของไทย 123
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3.2.24 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยทั่วไป คร้ังที่ 24 วันท่ี 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 หลังจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้พ้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเนื่องจากคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค พลังประชาชน เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 และส่งผลให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกตัดสิทธิ์ในฐานะกรรมการบริหาร พรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 การยุบพรรคพลังประชาชนทำให้สมาชิกเดิมของพรรค พลังประชาชนจำนวนหนึ่งได้แยกตัวไปตั้งพรรคภูมิใจไทย และ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคที่ตั้งใหม่ และเป็นฝ่ายสนับสนุน สำคัญของรัฐบาลนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ต่อมาในช่วงต้นปี พ.ศ. 2553 มีการชุมนุมประท้วง รัฐบาลและเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ขยายตัวและรุนแรงขึ้นในเดือนเมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 และคณะกรรมการเลอื กตง้ั ไดก้ ำหนดใหม้ กี ารเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ ในวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ในการเลือกตั้งคราวนี้เป็นการเลือกตั้งที่แตกต่างจาก การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ พ.ศ. 2550 เนื่องจากมีการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 กล่าวคือ ในการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี พ.ศ. 2550 เป็นแบบ “เขตเดียว สามเบอร์” คือมีการแบ่งเขตเลือกตั้งโดยที่การแบ่งเขตนั้น 124
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่ละเขตจะมีจำนวนประชากรในเขตที่ต่างกัน ดังนั้น แต่ละเขต จะมีจำนวนผู้แทนได้ไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 1-3 คน ตามขนาดของ ประชากรในเขต ซึ่งผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสามารถกาบัตร เลือกผู้สมัครได้จำนวนเท่ากับจำนวนผู้แทนในเขตของตน ส่วนการเลือกตั้งในครั้งนี้ รูปแบบการลงคะแนนแบบ แบ่งเขตเป็นแบบ “เขตเดียวเบอร์เดียว” โดยแบ่งเขตเลือกตั้ง ออกเป็น 375 เขต ยึดหลักให้แต่ละเขตนั้นมีจำนวนประชากร ที่ใกล้เคียงกันให้มากที่สุด ดังนั้น ในแต่ละเขตจะมีผู้แทนได้ เขตละ 1 คนอย่างเท่าเทียมกัน และผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง สามารถกาบัตรเลือกผู้สมัครได้เพียงคนเดียว การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 จึงเป็น การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน มากกว่า ครั้งก่อน 20 คน โดยแบ่งเป็นการเลือกตั้งผู้แทนตามเขตเล็ก รวมกัน 375 เขต มีผู้แทนราษฎรได้เขตละ 1 คน จำนวน 375 คน จากเดิมเขตละไม่เกิน 3 คน รวม 400 คน และเลือก ผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคโดยเอาประเทศไทยเป็น เขตเลือกตั้งได้ทั้งหมดอีก 125 คน จากเดิมทั้งประเทศแบ่งเป็น 8 เขตๆ ละ 10 คน รวม 80 คน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ทั้งสิ้น 46,939,549 คน มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 35,220,337 คน (ร้อยละ 75.03) และแบบบัญชีรายชื่อ 35,220,208 คน จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิมากที่สุด คือ จังหวัดลำพูน (ร้อยละ 88.61) และน้อยที่สุด คือ จังหวัดสกลนคร (ร้อยละ 68.59) 125
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งที่มีสมาชิกได้รับเลือกตั้ง มากที่สุด คือ พรรคเพื่อไทย 265 คน พรรคประชาธิปัตย์ 159 คน พรรคภูมิใจไทย 34 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 19 คน พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 7 คน พรรคพลังชล 7 คน พรรครักประเทศไทย 4 คน พรรค มาตุภูมิ 2 คน พรรครักษ์สันติ 1 คน พรรคมหาชน 1 คน และ พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน ในวนั ท่ี 5 สงิ หาคม พ.ศ. 2554 ทป่ี ระชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร ได้มีมติเลือก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 ของประเทศไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้มีสิทธิ 374,979 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 274,184 คน คิดเป็นร้อยละ 73.12 มีบัตรเสีย 16,342 บัตร คิดเป็นร้อยละ 5.96 ไม่ประสงค์ ลงคะแนน 13,006 บัตร คิดเป็นร้อยละ 4.74 ผู้สมัครที่ได้รับ การเลือกตั้ง ได้แก่ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ พรรคประชาธิปัตย์ (เขต 1 อำเภอเมือง อำเภอกุยบุรี อำเภอสามร้อยยอด) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน พรรคประชาธิปัตย์ (เขต 2 อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบรุ )ี นายประมวล พงศถ์ าวราเดช พรรคประชาธปิ ตั ย์ (เขต 3 อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพาน นอ้ ย) 3.2.25. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการ ท่ัวไป คร้ังที่ 25 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรก็ได้มีมติเลือก นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 ของประเทศไทย 126
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรค รัฐบาลพยายามผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ฝา่ ยคา้ นกลา่ วหาวา่ พยายามนำอดตี นายกรฐั มนตรี พนั ตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศ ทำให้เกิดกระแสต่อต้านและ เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกและให้ตระกูลชินวัตรเลิกเกี่ยวข้องกับ การเมืองไทย หลังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ลาออก ทั้งหมดในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556 นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจยุบสภาเพื่อยุติ วิกฤตการณ์ดังกล่าว คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงได้กำหนดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ขึ้นใน วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ตามความในพระราช- กฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2556 วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วย สมาชิกจำนวน 500 คน เป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 375 คน และสมาชิกซึ่งมาจาก การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 125 คน คณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดการรับสมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อในวันที่ 23 - 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556 รับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบ 127
นักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แบ่งเขตเลือกตั้งในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 1 มกราคม พ.ศ. 2557 และกำหนดให้เลือกตั้งล่วงหน้าในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครลงรับ เลือกตั้งถึง 53 พรรค ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรค การเมืองพรรคเดียวที่คว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งนี้ หลังจากการเลือกตั้ง นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปผลการเลือกตั้งเบื้องต้น ทั้ง 77 จังหวัด จากจำนวนหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด จำนวน 93,952 หน่วย เปิดลงคะแนนได้ 83,813 หน่วย ไม่สามารถ เปิดให้มีการการลงคะแนนได้ จำนวน 10,139 หน่วย จังหวัดที่มี ผลการเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อย จำนวน 59 จังหวัด ส่วนจังหวัด ที่มีปัญหา มีจำนวน 18 จังหวัด โดยจังหวัดที่งดลงคะแนน ทั้งจังหวัด จำนวน 9 จังหวัด จำนวน 32 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย จังหวัด ชุมพร ระนอง จังสุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต พัทลุง สงขลา และจังหวัดตรัง จังหวัดที่งด ลงคะแนนในบางเขตเลือกตั้ง จำนวน 9 จังหวัด มีจำนวน เขตเลือกตั้ง 67 เขตเลือกตั้ง แต่มีการงดการลงคะแนน จำนวน 37 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย กรุงเทพฯ จังหวัดเพชรบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ สตลู นครศรีธรรมราช ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 43,024,042 คน จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศแบบ ไม่เป็นทางการในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 คิดเป็นร้อยละ 128
ประวัติการเลือกต้ังนักการเมืองถ่ิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 45.84 ไม่ประสงค์จะลงคะแนน 3,426,080 คน คิดเป็นร้อยละ 16.69 มีบัตรเสีย 20,530,427 บัตร คิดเป็นร้อยละ 52.28 เนื่องจากคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยใหเ้ ปน็ ประชาธปิ ไตยทส่ี มบรู ณอ์ นั มพี ระมหากษตั รยิ ์ เป็นประมุข (กปปส.) ออกมาต่อต้านการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าต้องปฏิรูปการเมืองก่อนมีการเลือกตั้งและ ได้ขัดขวางหน่วยเลือกตั้งในบางท้องที่ของกรุงเทพมหานคร และภาคใต้จนไม่สามารถเปิดให้ลงคะแนนได้ คณะกรรมการ การเลือกตั้งจึงกำหนดการเลือกตั้งชดเชยในวันที่ 1 - 2 มีนาคม พ.ศ. 2557 ต่อมาวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2557 ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 ว่าเมื่อพระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎรกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 แต่การเลือกตั้งไม่สามารถแล้วเสร็จ ทั่วประเทศภายในวันดังกล่าวได้ พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง ที่กำหนดให้การ เลอื กตง้ั ตอ้ งเปน็ วนั เดยี วกนั ทว่ั ประเทศ และเมอ่ื พระราชกฤษฎกี า ในส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้งนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนญู ไปด้วย 3.3 บทสรุป จ า ก ก า ร ศ ึ ก ษ า ป ร ะ ว ั ต ิ ก า ร เ ล ื อ ก ต ั ้ ง ส ม า ช ิ ก ส ภ า ผู้แทนราษฎรในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งในรูปของผู้สมัคร ที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นนักการเมืองถิ่น พรรคการเมืองที่สังกัด 129
นักการเมืองถ่ินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และการย้ายพรรคที่สังกัด รวมทั้งสัดส่วนประชาชนที่มีสิทธิ เลือกตั้งและผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง สะท้อนให้เห็นพัฒนาการ ทางการเมอื งของนกั การเมอื งถน่ิ ทส่ี อดคลอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลง ทางการเมืองในระดับชาติ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีการจัดขึ้น ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 26 ประกอบด้วยการเลือกตั้งสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร 25 ครั้ง และการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรเพิ่มเติม 1ครั้ง ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2549 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีนักการเมืองถิ่น หรือผู้สมัครที่ได้รับ การเลอื กใหเ้ ปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ เพยี ง 17 คน โดยทง้ั 17 คน เปน็ นกั การเมอื งชาย มพี รรคการเมอื ง ที่สมาชิกได้รับเลือกตั้ง 9 พรรค ได้แก่ พรรคเสรีมนังคศิลา พรรคสหภมู ิ พรรคสหประชาไทย พรรคธรรมสงั คม พรรคชาตไิ ทย พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคไทยรักไทย นักการเมืองถิ่นประจวบคีรีขันธ์คนแรก คือ นายมิ่ง เลาหเรณู ส่วนนักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมากที่สุด ถึง 11 สมัย คือ นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง และเป็นนักการเมืองถิ่นที่มีการย้าย พรรคมากทส่ี ดุ นบั จากการลงเลอื กตง้ั ในครง้ั แรก คอื การเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป ครั้งที่ 9 ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 สังกัดพรรคสหประชาไทย ก่อนที่จะย้ายไปสังกัด พรรคธรรมสังคม ในการเลือกตั้งครั้งที่ 11 ในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 ต่อมา ได้ย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทย ตั้งแต่การ เลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป ครั้งที่ 13 ในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526 จนถึงการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 130
ประวัติการเลือกตั้งนักการเมืองถิ่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั่วไป ครั้งที่ 18 ในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 รวม 6 สมัย ก่อนที่จะย้ายไปสังกัดพรรคความหวังใหม่ ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรทว่ั ไป ครง้ั ท่ี 19 ในวนั ท่ี 17 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2539 และยุติบทบาทการเป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ร.ต.อ.พเยาว์ พูลธรัตน์ และนายประมวล พงศ์ถาวราเดช ได้รับการเลือกตั้ง เป็นนักการเมืองถิ่นจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นับตั้งแต่การ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป ครั้งที่ 20 วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544 ยกเว้นการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรทั่วไป ครั้งที่ 22 วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 และการเลือกตั้งเพิ่มเติม ในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2549 ที่ นายพีระ สุกิจปราณีนิจ นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ และ นายทศเนตร เทียมเทศ สมาชิกพรรคไทยรักไทยที่ได้รับ การเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งสมาชิกพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้ง จำนวนนักการเมืองถิ่นและจำนวนครั้งของการได้รับ เลือกตั้งอาจชี้ให้เห็นถึงความนิยมในนโยบายที่ผู้สมัครสังกัด หรือคุณสมบัติส่วนตัวของผู้สมัคร ซึ่งหมายรวมถึงภูมิหลังของ ผู้สมัคร กลยุทธ์การหาเสียง และการสร้างเครือข่ายเพื่อเป็น ฐานเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง 131
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369