Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนพร้อมบันทึกหลังแผนครูปีย์วรา1-2564

แผนพร้อมบันทึกหลังแผนครูปีย์วรา1-2564

Published by Peewara Phalee, 2021-09-14 07:07:04

Description: แผนพร้อมบันทึกหลังแผนครูปีย์วรา1-2564

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู้ รหสั วิชา ว30221 รายวิชา เคมี1 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ชอื่ -สกุล นางสาวปีย์วรา ผาลี ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย โรงเรียนสาคลีวิทยา สำนกั งานพน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษาพระนครศรีอยธุ ยา สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำนำ ผจู้ ัดทำได้จัดทำแผนการจดั การเรยี นร้รู ายวชิ าเคมี 1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกึ ษา 2551 (ปรบั ปรงุ 2560) เพื่อใช้เปน็ แนวทางวางแผนจัดการเรยี นการรแู้ กผ่ ูเ้ รยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่4 นางสาวปีย์วรา ผาลี กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

สารบญั หน้า หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 โมลและสตู รโมเลกลุ 11 17 • แผนฯ ท่ี 1 มวลอะตอม 24 • แผนฯ ที่ 2 โมล (มวลตอ่ โมล) 29 • แผนฯ ท่ี 3 ความสมั พันธ์ระหวา่ งโมล มวล 34 • แผนฯ ท่ี 4 ความสัมพันธร์ ะหว่างโมล มวล และปริมาตรของแก๊ส 41 • แผนฯ ที่ 5 สูตรเคมี (กฎสัดส่วนคงท่ี) 48 • แผนฯ ที่ 6 สูตรเคมี (ร้อยละโดยมวล) • แผนฯ ท่ี 7 สตู รเคมี (สูตรโมเลกลุ และสูตรอย่างง่าย) 55 62 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 สารละลาย 70 76 • แผนฯ ที่ 8 ความเข้มข้นของสารละลายในหนว่ ยรอ้ ยละ 82 • แผนฯ ท่ี 9 ความเขม้ ขน้ สารละลาย (ppm/ppb/โมลาริต/ี้ โมแลรติ ้ี/เศษส่วนโมล) • แผนฯ ที่ 10 การเตรยี มสารละลายจากสารบริสทุ ธิ์ 88 • แผนฯ ที่ 11 การเจือจางสารละลาย 94 • แผนฯ ท่ี 12 สมบัตขิ องสารละลาย 100 105 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ปรมิ าณสารสมั พนั ธ์ 110 115 • แผนฯ ท่ี 13 ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 120 • แผนฯ ท่ี 14 สมการเคมี 128 • แผนฯ ที่ 15 การคำนวณปริมาณสารในปฏกิ ริ ิยาเคมี (ที่เกี่ยวข้องกับมวล) • แผนฯ ที่ 16 การคำนวณปรมิ าณสารในปฏกิ ิรยิ าเคมี (ที่เกย่ี วข้องกับความเขม้ ข้น) • แผนฯ ท่ี 17 การคำนวณปริมาณสารในปฏกิ ิรยิ าเคมี (ท่ีเก่ียวขอ้ งกับปรมิ าตรของแก๊ส) • แผนฯ ที่ 18 การคำนวณปรมิ าณสารในปฏิกริ ิยาเคมี (หลายขั้นตอน) • แผนฯ ที่ 19 สารกำหนดปริมาณ • แผนฯ ที่ 20 ผลได้รอ้ ยละ

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระเคมี มาตรฐานท่ี 1 เข้าใจโครงสรา้ งอะตอม การจดั เรียงธาตใุ นตารางธาตุ สมบัติของธาตุ พนั ธะเคมีและสมบัติของสาร แกส๊ และสมบัตขิ องแก๊ส ประเภทและสมบัตขิ องสารประกอบอนิ ทรยี แ์ ละพอลิเมอร์ รวมทั้งการนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐานที่ 3 เข้าใจหลักการทำปฏบิ ตั ิการเคมี การวัดปรมิ าณสาร หน่วยวดั และการเปล่ียนหนว่ ยการคำนวณ ปรมิ าณของสาร ความเขม้ ข้นของสารละลาย รวมทง้ั การบูรณาการความรู้และทกั ษะในการอธบิ าย ปรากฏการณ์ในชวี ิตประจำวันและการแกป้ ญั หาทางเคมี

คำอธบิ ายรายวชิ า วชิ า เคมี 1 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/1 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 60 ช่วั โมง รหัสวิชา ว30221 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ศึกษาขอ้ ปฏบิ ัติเบอื้ งต้นในการทำปฏิบัตกิ ารเคมี เลอื กและใชอ้ ุปกรณ์หรือเคร่ืองมือในการทำ ปฏบิ ัตกิ าร และวดั ปริมาณต่างๆ แบบจำลองอะตอมของนักวิทยาศาสตรแ์ ละววิ ฒั นาการของแบบจำลอง อะตอม สญั ลักษณน์ ิวเคลียร์ของธาตุ การจัดเรียงอเิ ลก็ ตรอนในระดับพลังงานหลกั และระดบั พลังงานยอ่ ย แนวโนม้ สมบตั ขิ องธาตเุ รพรเี ซนเททฟี ตามหม่แู ละตามคาบ สมบัตขิ องธาตุโลหะแทรนซิชัน ครึง่ ชีวติ ของ ไอโซโทปกัมมันตรังสี พันธะไอออนิก สารประกอบไอออนิก พันธะโคเวเลนต์ รูปร่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ และ สมบัติของสารโคเวเลนต์โครงร่างตาขา่ ยชนิดตา่ งๆ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การสบื คน้ ขอ้ มลู การสำรวจตรวจสอบ การอภปิ ราย การอธบิ ายและลงข้อสรปุ ใหน้ กั เรียนสามารถสรา้ งองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองใชก้ ระบวนการ ทำงานเปน็ กลุ่ม ฝึกกระบวนการคดิ เพอื่ แกไ้ ขปญั หา ใช้เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมทีท่ นั สมยั เป็นสอื่ ในการเรยี น การสอน เพอ่ื ใหเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำความรู้และหลักการไปใช้ประโยชนอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ เช่อื มโยง อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจำวนั สามารถจัดกระทำและวเิ คราะหข์ อ้ มูล ส่อื สารส่ิงที่ เรียนรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจแก้ปัญหา มีเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ วิทยาศาสตร์ มจี ติ วิทยาศาสตรเ์ หน็ คุณคา่ ของ วิทยาศาสตร์ และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันอย่างสรา้ งสรรค์ ตลอดจนมีจริยธรรมคุณธรรมและการมวี ินัย ใฝ่ เรยี นรู้ มงุ่ ม่ันในการทำงาน ผลการเรยี นรู้ 1. บอกและอธิบายข้อปฏบิ ัติเบอื้ งต้น และปฏิบตั ติ นท่ีแสดงถงึ ความตระหนักในการทำปฏิบตั กิ ารเคมี เพอ่ื ใหม้ คี วามปลอดภัยท้งั ต่อตนเอง ผู้อนื่ และสง่ิ แวดลอ้ ม และเสนอแนวทางแก้ไขเม่ือเกิดอุบัตเิ หตุ 2. เลือกและใช้อุปกรณ์หรอื เครอื่ งมอื ในการทำปฏิบตั ิการ และวัดปรมิ าณต่างๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. นำเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี นรายงานการทดลอง 4. ระบหุ น่วยวัดปรมิ าณต่างๆ ของสาร และเปลย่ี นหน่วยวดั ใหเ้ ปน็ หน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้แฟก เตอรเ์ ปล่ยี นหน่วย 5. สบื ค้นข้อมูลสมมติฐานการทดลองหรอื ผลการทดลองทีเ่ ปน็ ประจกั ษ์พยานในการเสนอ แบบจำลอง อะตอมของนกั วทิ ยาศาสตรแ์ ละอธิบายวิวฒั นาการของแบบจำลองอะตอม 6. เขียนสญั ลกั ษณ์นิวเคลียรข์ องธาตุ และระบจุ ำนวนโปรตอน นิวตรอนและอเิ ล็กตรอนของอะตอมจาก สญั ลักษณน์ วิ เคลียร์ รวมท้ังบอกความหมายของไอโซโทป 7. อธิบายและเขยี นการจดั เรยี งอเิ ล็กตรอนในระดับพลงั งานหลกั และระดบั พลังงานย่อย เมือ่ ทราบเลข อะตอมของธาตุ

8. ระบหุ มู่ คาบ ความเป็นโลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะของธาตเุ รพรเี ซนเททฟี และธาตุแทรนซิชันใน ตารางธาตุ 9. วเิ คราะห์ และบอกแนวโน้มสมบัตขิ องธาตเุ รพรเี ซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ 10. บอกสมบตั ขิ องธาตุโลหะแทรนซิชนั และเปรียบเทียบสมบตั กิ บั ธาตโุ ลหะในกล่มุ ธาตเุ รพรีเซนเททฟี 11. อธบิ ายสมบัติ และคำนวณคร่งึ ชวี ติ ของไอโซโทปกัมมันตรังสี 12. สบื ค้นข้อมูล และยกตัวอยา่ งการนำธาตุมาใชป้ ระโยชน์ รวมทงั้ ผลกระทบต่อส่งิ มชี วี ติ และสิง่ แวดลอ้ ม 13. อธิบายการเกดิ ไอออน และการเกิดพันธะไอออนกิ โดยใช้แผนภาพหรอื สัญลกั ษณแ์ บบจุดของลิวอิส 14. เขยี นสตู ร และเรียกชอื่ สารประกอบไอออนิก 15. คำนวณพลังงานท่เี กี่ยวข้องกบั ปฏกิ ิรยิ าการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวัฏจกั รบอร์น-ฮาเบอร์ 16. อธบิ ายสมบัติของสารประกอบไอออนิก 17. เขียนสมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สุทธขิ องปฏกิ ริ ยิ าของสารประกอบไอออนกิ 18. อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพนั ธะเดี่ยว พนั ธะคู่ และพันธะสามดว้ ยโครงสร้างลวิ อสิ 19. เขียนสตู รและเรยี กช่ือสารโคเวเลนต์ 20. วิเคราะห์ และเปรยี บเทยี บความยาวพนั ธะ และพลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมท้งั คำนวณ พลังงานที่เก่ยี วขอ้ งกับปฏกิ ิรยิ าของสารโคเวเลนต์จากพลังงานพนั ธะ 21. คาดคะเนรูปร่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ โดยใชท้ ฤษฎีการผลักระหว่างคู่อเิ ล็กตรอนในวงเวเลนซ์และระบุ สภาพข้วั ของโมเลกุลโคเวเลนต์ 22. ระบชุ นดิ ของแรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเปรยี บเทียบจุดหลอมเหลว จุดเดือดและ การละลายน้ำของสารโคเวเลนต์ 23. สบื คน้ ข้อมูล และอธบิ ายสมบัตขิ องสารโคเวเลนตโ์ ครงร่างตาขา่ ยชนดิ ต่างๆ 24. อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสมบัตขิ องโลหะ 25. เปรียบเทียบสมบตั ิบางประการของสารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์และโลหะ สืบค้นขอ้ มลู และ นำเสนอตัวอยา่ งการใช้ประโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนต์ และโลหะได้อยา่ ง เหมาะสม

โครงสรา้ งรา ลำดับ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ ท่ี - บอกและอธิบายขอ้ ปฏบิ ัตเิ บอ้ื งต้นและปฏิบตั ิต 1 ความปลอดภยั และ ที่แสดงถงึ ความตระหนักในการทำปฏิบัติการเค ทักษะในปฏบิ ัติการเคมี เพื่อให้มีความปลอดภยั ทง้ั ตอ่ ตนเอง ผ้อู ื่น และ ส่ิงแวดล้อม และเสนอแนวทางแก้ไขเมื่อเกิด อุบัติเหตุ - เลือกและใช้อุปกรณห์ รือเคร่อื งมอื ในการทำ ปฏิบตั กิ าร และวัดปรมิ าณต่างๆ ไดอ้ ย่าง เหมาะสม - นำเสนอแผนการทดลอง ทดลองและเขยี น รายงานการทดลอง - ระบุหนว่ ยวัดปริมาณต่างๆ ของสาร และเปล่ีย หน่วยวดั ใหเ้ ปน็ หนว่ ยในระบบเอสไอดว้ ยการใ แฟกเตอรเ์ ปลี่ยนหน่วย

ายวิชาเคมี 2 สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก คะแนน (ชว่ั โมง) 10 ตน - การทำปฏิบตั ิการเคมตี อ้ งคำนึงถึงความ 9 คมี ปลอดภยั และความเปน็ มติ รต่อสิง่ แวดล้อม ะ ดงั นัน้ จงึ ควรศึกษาขอ้ ปฏบิ ตั ขิ องการทำ ปฏิบตั กิ ารเคมี เชน่ ความปลอดภยั ในการใช้ อปุ กรณแ์ ละสารเคมีการปอ้ งกนั อบุ ัติเหตุ ระหว่างการทดลอง การกำจดั สารเคมี - อุปกรณ์และเครื่องมอื ช่งั ตวง วดั แต่ละชนิดมี วิธกี ารใชง้ านและการดูแลแตกต่างกนั ซึ่งการ วดั ปรมิ าณตา่ ง ๆ ให้ไดข้ ้อมูลที่มคี วามเท่ียง และความแม่นในระดับนยั สำคัญท่ีตอ้ งการ ยน ต้องมีการเลือกและใชอ้ ปุ กรณ์ในการทำ ใช้ ปฏิบัตกิ ารอย่างเหมาะสม - การทำปฏิบตั กิ ารเคมีตอ้ งมีการวางแผน การ ทดลอง การทำการทดลอง การบนั ทกึ ขอ้ มูล สรปุ และวเิ คราะหน์ ำเสนอขอ้ มูล และการเขียน รายงานการทดลองท่ีถกู ตอ้ ง โดยการทำ ปฏิบตั ิการเคมีตอ้ งคำนงึ ถงึ วิธีการทาง วทิ ยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ - การทำปฏบิ ัตกิ ารเคมตี ้องมกี ารวัดปรมิ าณ ต่างๆ ของสาร การบอกปรมิ าณของสารอาจ

2 อะตอมและสมบตั ิของ - สืบคน้ ข้อมลู สมมติฐานการทดลองหรือผลการ ธาตุ ทดลองทเี่ ปน็ ประจกั ษพ์ ยานในการเสนอ แบบจำลองอะตอมของนักวิทยาศาสตรแ์ ละ อธิบายววิ ัฒนาการของแบบจำลองอะตอม - เขยี นสญั ลักษณ์นวิ เคลียรข์ องธาตุ และระบุ จำนวนโปรตอน นิวตรอนและอิเลก็ ตรอนของ อะตอมจากสัญลักษณ์นวิ เคลียร์ รวมทงั้ บอก ความหมายของไอโซโทป - อธบิ ายและเขยี นการจัดเรยี งอิเลก็ ตรอนในระด พลงั งานหลักและระดบั พลงั งานย่อย เมอ่ื ทราบ เลขอะตอมของธาตุ - ระบหุ มู่ คาบ ความเปน็ โลหะ อโลหะ และก่ึง โลหะของธาตเุ รพรีเซนเททีฟและธาตแุ ทรนซชิ ในตารางธาตุ - วเิ คราะห์ และบอกแนวโนม้ สมบตั ขิ องธาตุเรพ เซนเททีฟตามหมู่และตามคาบ - บอกสมบตั ิของธาตโุ ลหะแทรนซชิ นั และ เปรยี บเทยี บสมบัติกบั ธาตโุ ลหะในกลุ่มธาตุเรพ เซนเททีฟ

ระบุ อยใู่ นหน่วยต่าง ๆ ดงั น้นั เพือ่ ใหม้ ี 25 มาตรฐานเดียวกนั จงึ มกี ารกำหนดหนว่ ยใน ระบบเอสไอให้เปน็ หนว่ ยสากล ซง่ึ การเปล่ยี น หน่วยเพอื่ ให้เปน็ หน่วยสากล สามารถทำได้ ดว้ ยการใชแ้ ฟกเตอร์เปล่ียนหนว่ ย ร แบบจำลองอะตอมมวี วิ ัฒนาการ โดยเรมิ่ จาก ดอลตันเสนอวา่ ธาตุประกอบด้วยอะตอมซึ่งเปน็ อนุภาคขนาดเลก็ ไม่สามารถแบ่งแยกไดต้ อ่ มา ทอมสนั เสนอวา่ อะตอมประกอบดว้ ยอนภุ าค ทม่ี ีประจุลบ เรียกวา่ อเิ ลก็ ตรอน และอนภุ าค ประจบุ วก รัทเทอรฟ์ อร์ดเสนอวา่ ประจบุ วก ทเี่ รียกว่า โปรตอน รวมตวั กนั อย่ตู รงก่งึ กลาง อะตอม เรียกวา่ นวิ เคลียส ซ่ึงมขี นาดเลก็ มาก ดับ และมอี ิเล็กตรอนอยรู่ อบนวิ เคลยี ส โบรเ์ สนอว่า บ อิเลก็ ตรอนเคลื่อนท่ีเป็นวงรอบนิวเคลียส โดยแตล่ ะวงมรี ะดับพลังงานเฉพาะตัว ในปัจจุบนั นักวิทยาศาสตรย์ อมรับว่าอิเล็กตรอนมกี าร ชัน เคลอ่ื นทร่ี วดเร็วรอบนวิ เคลยี ส และไม่สามารถ ระบุตำแหน่งท่ีแนน่ อนได้จงึ เสนอแบบจำลอง พรี อะตอมแบบกลมุ่ หมอก ซึง่ แสดงโอกาสการพบ อิเล็กตรอนรอบนิวเคลยี ส โดย สญั ลักษณ์ นวิ เคลยี ร์ของธาตุ ประกอบดว้ ยสญั ลักษณ์ธาตุ พรี เลขอะตอมซ่งึ แสดงจำนวนโปรตอน และเลขมวล ซึง่ แสดงผลรวมของจำนวนโปรตอนกบั นิวตรอน

- อธบิ ายสมบตั ิ และคำนวณครึ่งชีวติ ของไอโซโท กัมมนั ตรังสี - สืบค้นขอ้ มลู และยกตวั อยา่ งการนำธาตมุ าใช้ ประโยชน์ รวมทั้งผลกระทบตอ่ ส่ิงมีชีวติ และ สิง่ แวดล้อม 3 พันธะเคมี - อธบิ ายการเกิดไอออน และการเกดิ พันธะ ไอออนกิ โดยใชแ้ ผนภาพหรอื สัญลักษณแ์ บบจุด ของลิวอิส - เขียนสูตร และเรยี กช่ือสารประกอบไอออนกิ - คำนวณพลงั งานที่เกีย่ วข้องกบั ปฏกิ ริ ยิ าการเกิด สารประกอบไอออนิกจากวฏั จักรบอรน์ -ฮาเบอ - อธิบายสมบัติของสารประกอบไอออนกิ - เขยี นสมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สทุ ธ ของปฏกิ ิรยิ าของสารประกอบไอออนิก - อธิบายการเกิดพันธะโคเวเลนต์แบบพันธะเด่ีย พันธะคู่ และพันธะสามดว้ ยโครงสรา้ งลวิ อิส - เขยี นสูตรและเรียกชื่อสารโคเวเลนต์

ทป อะตอมของธาตชุ นิดเดยี วกนั ที่มีจำนวนโปรตอน 20 เท่ากนั แต่มีจำนวนนิวตรอนตา่ งกนั เรยี กว่า ไอโซโทป ธาตุแตล่ ะชนดิ มไี อโซโทป ซงึ่ ใน ธรรมชาตบิ างธาตุมีไอโซโทปท่แี ผร่ ังสไี ดเ้ นอ่ื งจาก นิวเคลียสไมเ่ สถียร เรยี กว่า ไอโซโทปกัมมันตรังสี สำหรบั ธาตุกมั มนั ตรังสเี ปน็ ธาตุที่ทกุ ไอโซโทป สามารถแผ่รังสีไดร้ ังสีทเี่ กดิ ขึ้น เชน่ รงั สีแอลฟา รงั สบี ีตา รังสีแกมมา โดยคร่งึ ชีวติ ของไอโซโทป กัมมันตรงั สี เป็นระยะเวลาทไ่ี อโซโทป กัมมนั ตรังสสี ลายตวั จนเหลอื ครึ่งหนึง่ ของ ปรมิ าณเดิม ซึ่งเปน็ ค่าคงทเี่ ฉพาะของแต่ละ ไอโซโทปกัมมันตรงั สี พันธะเคมี (Chemical Bonding) ด กฎออกเตต เปน็ การจดั เรียงอิเล็กตรอน ของอะตอมใหไ้ ด้ครบ 8 ตัว พันธะเคมี เปน็ แรงยึดเหน่ียวภายในและ ด ภายนอกระหวา่ งอะตอม โมเลกุล หรอื ไอออน อร์ พนั ธะเคมีเกิดจากเวเลนซ์อิเลก็ ตรอน (อิเลก็ ตรอนในระดับพลงั งานนอกสดุ ) ของ ธิ อะตอมนน้ั มจี ำนวนอิเล็กตรอนครบ 8 ตวั ซ่งึ เปน็ ไปตามกฎออกเตต ทำให้ธาตุนน้ั เสถยี ร ดว้ ย ยว วิธกี ารต่างๆ คือ 1. ให้อิเลก็ ตรอนกบั อะตอม 2. รับอิเลก็ ตรอนจากอะตอมอ่นื

- วิเคราะห์ และเปรียบเทียบความยาวพันธะแล พลังงานพันธะในสารโคเวเลนต์ รวมทงั้ คำนวณ พลังงานทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ปฏิกิริยาของสาร โคเวเลนต์จากพลังงานพันธะ - คาดคะเนรูปรา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์โดยใช้ทฤษฎ การผลักระหว่างคู่อิเลก็ ตรอนในวงเวเลนซแ์ ละ ระบุสภาพข้วั ของโมเลกุลโคเวเลนต์ - ระบชุ นิดของแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ และเปรยี บเทยี บจุดหลอมเหลว จดุ เดือดและการละลายน้ำของสารโคเวเลนต์ - สืบคน้ ข้อมลู และอธิบายสมบัตขิ องสารโคเว เลนตโ์ ครงร่างตาข่ายชนดิ ต่างๆ - อธิบายการเกิดพันธะโลหะและสมบตั ิของโลหะ - เปรียบเทยี บสมบตั ิบางประการของสารประกอ ไอออนิกสารโคเวเลนตแ์ ละโลหะ สืบคน้ ขอ้ มูล และนำเสนอตัวอยา่ งการใชป้ ระโยชน์ของ สารประกอบไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลห ไดอ้ ย่างเหมาะสม

ละ 3. ใช้อิเลก็ ตรอนร่วมกนั กับอะตอมอนื่ ณ พนั ธะไอออนกิ (Ionic bond) คือ แรงยดึ เหนีย่ ว ที่เกดิ ในสาร โดยทีอ่ ะตอมของธาตุทีม่ ีค่าพลงั งาน ไอออไนเซชันตำ่ ให้ เวเลนต์อเิ ลก็ ตรอนแก่อะตอม ฎี ของธาตทุ ่มี ีค่าพลังงานไอออนไนเซชนั สูง ะ กลายเป็นไอออนท่ีมีประจบุ วกและประจลุ บ เมื่อ ไอออนท้งั สองเขา้ มาอยูใ่ กลก้ นั จะเกิดแรงดึงดูด ทางไฟฟ้าทแี่ ขง็ แรงระหว่างประจุไฟฟา้ ตรงข้าม เหล่านัน้ ทำให้ไอออนทั้งสองยึดเหนยี่ วกนั พนั ธะโคเวเลนต์ (Covalent bond) หมายถงึ พนั ธะทเี่ กิดจากการใชเ้ วเลนซ์ อเิ ล็กตรอนรว่ มกนั ดังเชน่ ในกรณีของไฮโดรเจน ะ ดังนั้นลักษณะที่สำคัญของพันธะโคเวเลนตก์ ค็ อื อบ การทอี่ ะตอมใชเ้ วเลนตอ์ ิเล็กตรอนรว่ มกนั เป็นคู่ ล ๆสารประกอบที่อะตอมแตล่ ะคู่ยึดเหนยี่ วกันดว้ ย พันธะโคเวเลนต์ เรียกว่า สารโคเวเลนต์ โมเลกุล หะ ของสารท่อี ะตอมแต่ละคู่ยึดเหนยี่ วกนั ด้วยพันธะ โคเวเลนต์ เรียกวา่ โมเลกุลโคเวเลนต์ พันธะโลหะ (Metallic bond) คอื พันธะทเ่ี กิด เนอ่ื งจากเวเลนต์อเิ ลก็ ตรอนที่เคลือ่ นท่อี ยู่ โดยรอบท้งั ก้อนโลหะ และการท่ีเวเลนต์ อเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่ไดอ้ ยา่ งอิสระ เพราะโลหะ เปน็ ธาตทุ ี่มีเวเลนตอ์ ิเล็กตรอนน้อยและมคี ่า พลังงานไอออนไนเซชนั ต่ำ จงึ ทำให้เกิดกลุ่ม



หมอกอิเลก็ ตรอน ทำใหม้ ีแรงดงึ ดูดระหว่าง ไอออนบวกซง่ึ เรียงชดิ กัน โดยท่ีคุณสมบัตขิ อง โลหะนนั้ จะเป็นธาตุทเี่ ปน็ ของแข็ง (ยกเวน้ ปรอท ท่ีเป็นของเหลว) นำไฟฟ้าไดด้ ีมากกวา่ อิเล็กตรอน เคลอื่ นท่ไี ปมาตลอดเวลา มีผวิ มันวาว มีจุดเดอื ด และจุดหลอมเหลวสูง นำความร้อนได้ดี และ สามารถตแี ผ่เปน็ แผน่ บางๆตดิ กัน

กำหนดการสอน วชิ า เคมี 1 รหัสวิชา ว30222 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4/1 เวลา 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน จำนวน 1.5 หน่วยกติ ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2561 สปั ดาห์ เนื้อหา/สาระทสี่ อน จำนวน คะแนน ภาระงาน/ วิธกี ารประเมิน หมาย ท่ี ช่ัวโมง ช้ินงาน เหตุ 1 ความปลอดภยั และทักษะใน 3- - - ปฏิบตั ิการเคมี 2 การวัดปรมิ าณสาร 2 5 ใบงาน ตรวจใบงาน 2-3 หนว่ ยวัด 2 3-4 วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ 2- - - 4 แบบจำลองอะตอมของดอลตนั 2 10 ช้ินงาน ตรวจช้ินงาน และทอมสนั 3 5 แบบจำลองอะตอมของ รทั เทอร์ฟอรด์ โบร์ และกล่มุ หมอก 6 อนุภาคในอะตอมและไอโซโทป 2 5 ใบงาน ตรวจใบงาน 6-7 การจดั เรียงอิเล็กตรอนในอะตอม 3 7 ตารางธาตุ 15 สอบปากเปล่า 8 ขนาดอะตอมและขนาดไอออน 2 5 ใบงาน ตรวจใบงาน 8-9 IE EN และ EA 3 9 ธาตแุ ทรนซิชนั 1- - - 10 สอบกลางภาค 3 10 แบบทดสอบ ทดสอบกลางภาคเรยี น 11 ธาตแุ ทรนซิชัน 2- - - 11-12 การสลายตัวของธาตุกัมมนั ตรังสี 2 12 คร่ึงชวี ติ ของธาตุกมั มนั ตรงั สี 2 10 ใบงาน ตรวจใบงาน 2 13 การนำธาตไุ ปใช้ประโยชนแ์ ละ ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวติ 13 สญั ลกั ษณ์แบบจุดของลวิ อิสและ 1 5 ใบงาน ตรวจใบงาน กฎออกเตด 14 การเกิดพนั ธะไอออนิก 1 14 สตู รเคมแี ละชอ่ื ของสารประกอบไอ 1 5 กิจกรรมในชั้นเรียน ออนกิ 14 พลังงานกบั การเกิดสารประกอบไอ 1 ออนกิ 15 สมบัตขิ องสารประกอบไอออนิก 1 5 กจิ กรรม ตรวจจากใบกิจกรรม 15 สมการไอออนิกและสมการไอ 1 ออนิกสทุ ธิ 15 การเกิดพันธะโคเวเลนต์ 1- - -

16 สูตรโมเลกุลและชอ่ื ของสารโคเว 1 5 กิจกรรม ตรวจจากใบกิจกรรม เลนต์ 1 10 กิจกรรม ตรวจจากใบกิจกรรม 16 ความยาวพนั ธะและพลงั งานพันธะ ของสารโคเวเลนต์ 3 -- - 1 -- - 16-17 รปู รา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ 2 -- - 17 สภาพขวั้ ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ 1 20 แบบทดสอบ ทดสอบปลายภาคเรยี น 18 แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งโมเลกลุ โคเว 2 100 เลนตแ์ ละสมบัติของสารโคเวเลนต์ 1 18 สารโคเวเลนต์โครงรา่ งตาขา่ ย 3 19 พันธะโลหะ 60 19 การใช้ประโยชนข์ องสารประกอบ ไอออนกิ สารโคเวเลนต์ และโลหะ 20 สอบปลายภาค รวม

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 รหัสวิชา ว30221 วิชา เคมี1 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 จำนวน 3 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ความปลอดภยั และทกั ษะในปฏบิ ตั กิ ารเคมี เร่ือง ความปลอดภยั และทักษะในปฏบิ ตั ิการเคมี ********************************************************************************** 1. ผลการเรียนรู้ บอกและอธบิ ายข้อปฏบิ ัตเิ บ้ืองต้น และปฏบิ ัติตนทีแ่ สดงถึงความตระหนกั ในการทำ ปฏิบตั กิ ารเคมีเพือ่ ให้มคี วามปลอดภัย ท้งั ตอ่ ตนเอง ผ้อู ื่น และสิง่ แวดลอ้ ม และเสนอแนวทางแก้ไข เม่อื เกิดอบุ ัตเิ หตุ 2. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระเคมี เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย การ คำนวณปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้และทักษะในการ อธบิ ายปรากฏการณ์ในชวี ิตประจำวันและการแกป้ ัญหาทางเคมี 3. สาระสำคญั การทดลองถอื เป็นหัวใจของการศกึ ษาคน้ ควา้ ทางเคมีท่ีสามารถนำไปส่กู ารคน้ พบและความรู้ ใหม่ทางเคมี นอกจากน้ยี ังสามารถชว่ ยถ่ายทอดความรูแ้ กน่ ักเรยี นใหเ้ กดิ ความรูแ้ ละความเข้าใจใน บทเรียนไดด้ ยี ่งิ ขึ้น การทดลองทางเคมีสำหรับนักเรยี นนยิ มทำในหอ้ งปฏิบัตกิ ารและมคี วามเกี่ยวขอ้ ง กบั สารเคมี อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมือตา่ งๆ ผทู้ ำปฏิบัติการจึงตอ้ งทราบเกยี่ วกบั ประเภทของสารเคมที ใ่ี ช้ วิธกี ารทดลอง ข้อควรปฏบิ ตั ิในการทำปฏบิ ัติการเคมี และการกำจัดสารเคมี เพือ่ ให้สามารถทำ ปฏิบัติการได้อย่างปลอดภยั รวมถงึ มคี วามรู้และความสามารถปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ เพือ่ ลดความ รุนแรงและความเสยี หายทเี่ กิดขนึ้ ได้ 4. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ 1. ระบคุ วามเป็นอันตรายของสารเคมีจากสญั ลกั ษณ์และขอ้ มลู บนฉลากสารเคมี 2. อธบิ ายขอ้ ปฏบิ ตั เิ บือ้ งตน้ และการปฏิบตั ิตนทแ่ี สดงถงึ ความตระหนกั ในการทำปฏบิ ตั กิ าร เคมีเพ่ือใหม้ ีความปลอดภัย ทั้งต่อตนเอง ผู้อ่ืน และส่งิ แวดล้อม และเสนอแนวทางแกไ้ ข เม่อื เกดิ อุบัติเหตุ ด้านทักษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การสังเกต) ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรียนมคี วามกระตือรอื รน้ ในการเรียน 5. สาระการเรยี นรู้ - ฉลากและสญั ลักษณ์แสดงความเป็นอนั ตรายของสารเคมี - ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการทำปฏิบัติการเคมี - การกำจดั สารเคมี - การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 6.1 ความสามารถในการส่ือสาร (รู้ เขา้ ใจ การพูดคยุ ร่วมสนทนา รับฟังความเหน็ ของผ้อู ื่น) 6.2 ความสามารถในการคดิ (คิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ สรา้ งองคค์ วามรู้ แสดงความคดิ เห็นกบั ผู้อ่ืน) 6.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา (นำเสนอแนวความคิดเห็นในการแก้ปัญหา คิดวธิ แี ก้ปญั หา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต (การทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืนได้อยา่ งมีความสุข) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใช้เทคโนโลยใี นการศกึ ษา คน้ คว้าเพมิ่ เติม) 7. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 7.1 มวี ินัย 7.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 7.3 มุ่งม่ันในการทำงาน 8. ขนั้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1-2 (เวลา 2 ชวั่ โมง) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (15 นาท)ี ครูใช้คำถามนำว่า การทำปฏิบัติการเคมีได้อย่างปลอดภัยจะต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง เพื่อ นำเข้าสู่เรื่องความปลอดภัยในการทำงานกับสารเคมี จากนั้นครูกระตุ้นความสนใจของนกั เรยี น โดย แสดงรูปหรือขวดบรรจุสารเคมีทีม่ ีสัญลักษณ์และขอ้ มูลในฉลากสารเคมี เช่น โพแทสเซียมไอโอไดด์ (KI) เลด(II)ไนเทรต(Pb(NO3)2) โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต(NaHCO3) กรดแอซีติก(CH3COOH) โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต(KMnO4) กรดไฮโดรคลอรกิ (HCl) โซเดยี มไฮดรอกไซด์(NaOH) จากนั้น ให้นกั เรียนจดั กล่มุ สารเคมโี ดยใช้รูปสัญลักษณ์ท่ปี รากฏบนฉลากเป็นเกณฑ์ในการแบ่งกลมุ่ เพ่ือนำเข้า สเู่ ร่อื งฉลากและสัญลกั ษณ์ความเปน็ อันตรายของสารเคมี ซ่งึ นักเรียนอาจจดั กลุ่มโดยแบ่งสารเคมีที่มี รูปสญั ลกั ษณเ์ หมอื นกนั ไวเ้ ปน็ กลุ่มเดยี วกนั ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (30 นาท)ี 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลบนฉลากของสารเคมีว่าส่วนมากประกอบด้วย ชื่อผลิตภัณฑ์ สัญลักษณ์ความเป็นอันตรายของสารเคมี คำเตือน ข้อมูลความเป็นอันตราย ข้อควรระวังและข้อมูล บริษัทผู้ผลิตสารเคมี โดยชี้ประเด็นให้นักเรียนเหน็ ว่ารายละเอยี ดของข้อมูลมีองค์ประกอบส่วนใหญ่ คลา้ ยคลึงกนั แต่ตำแหน่งของข้อมูลตา่ งๆ บนฉลากอาจต่างกัน 2. ให้นักเรียนศึกษาเรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานกับสารเคมี และครูอธิบายเกี่ยวกับ สัญลักษณ์ความเป็นอันตรายของสารเคมีในระบบ Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals (GHS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สากล และ National Fire Protection Association Hazard Identification System (NFPA) ซ่ึ ง เ ป ็ น ร ะ บ บ ท ี ่ ใ ช ้ ใ น สหรัฐอเมรกิ า โดยยกตัวอยา่ งฉลากสารเคมี กรดไฮโดรคลอรกิ เข้มข้น(HCl) แอมโมเนยี (NH3) - ครูยกตัวอยา่ งสญั ลกั ษณค์ วามเป็นอนั ตรายในระบบ GHS โดยยกตัวอยา่ งฉลากสารเคมีของ กรดไฮโดรคลอริกเขม้ ข้น(HCl) และแอมโมเนยี (NH3) จากน้ันครใู ห้นักเรียนพิจารณาตอบคำถามเพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจว่า จากฉลากของกรดไฮโดรคลอริกและแอมโมเนีย สารเคมีทั้งสองมอี ันตราย ตามระบบ GHS อยา่ งไรบ้าง

(แนวคำตอบ กรดไฮโดรคลอรกิ เป็นสารกดั กร่อนและเปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพ และแอมโมเนีย เป็นสารกัดกร่อน สารไวไฟ และมีอันตรายถึงชีวติ ) - ครยู กตัวอย่างสัญลกั ษณ์ความเปน็ อนั ตรายในระบบ NFPA ของสารเคมี ได้แก่ กรดไฮโดร คลอริกเข้มข้น(HCl) และแอมโมเนีย(NH3) จากนั้นครูให้นักเรียนพิจารณาตอบคำถามเพ่ือตรวจสอบ ความเข้าใจว่า จากสญั ลักษณค์ วามเป็นอันตรายในระบบ NFPA ของกรดไฮโดรคลอรกิ และแอมโมเนยี สารเคมีใดเป็นอนั ตรายมากกวา่ กนั ในด้านความไวไฟ ความเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และความว่องไว ในการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี (แนวคำตอบ แอมโมเนียมีความไวไฟมากกว่ากรดไฮโดรคลอริก แตก่ รดไฮโดรคลอริกมีความ ว่องไวในการทำปฏิกิริยาเคมีมากกว่าแอมโมเนีย และสารทั้งสองชนิดมีระดับความเป็นอันตรายต่อ สุขภาพเทา่ กัน) 3. ครูและนักเรยี นอภิปรายร่วมกนั เกี่ยวกับข้อควรปฏบิ ัติในการทำปฏิบัติการเคมี ท้ังก่อนทำ ปฏิบัติการ และขณะทำปฏิบัติการว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งควรได้ข้อสรุปว่า ข้อควรปฏิบัติก่อนการทำ ปฏิบัติการเคมี คือ ศึกษาขั้นตอนการทำปฏิบัติการ ศึกษาข้อมูลสารเคมี และข้อควรปฏิบัติขณะทำ ปฏบิ ัติการเคมี คอื แต่งกายใหเ้ หมาะสม โดยสวมแวน่ ตานิรภัย ใสเ่ สอื้ คลุมปฏิบตั กิ าร สวมถุงมอื 4. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางในการกำจัดสารเคมีที่ใช้แล้วหรือที่เหลือใช้จากการทำ ปฏิบัตกิ ารเคมี ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาท)ี 1. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรม โดยพิจารณาฉลากสารเคมีในห้องปฏิบัติการของโรงเรียน จากนั้นอภปิ รายวา่ ฉลากสารเคมีในหอ้ งปฏิบตั ิการของโรงเรียนเหมือนหรอื แตกตา่ งจากฉลากในระบบ GHS และ NFPA หรือไม่ อยา่ งไร 2. ครูต้ังคำถามว่า สารประกอบของโลหะเปน็ พิษ เช่น ตะกวั่ แคดเมียม ที่ใชแ้ ล้วหรือท่ีเหลือ ใช้จากการทำปฏิบัตกิ ารเคมี เม่ือรวบรวมไว้แลว้ เทลงอ่างนำ้ ไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (แนวคำตอบ ไม่ได้ เพราะจะทำใหส้ ิง่ แวดลอ้ มเปน็ พิษจึงควรส่งใหบ้ ริษัทรับกำจัดสารเคมี) จากนั้นครูเชื่อมโยงว่า นอกจากการกำจัดสารเคมีที่ถูกวิธีแล้ว ยังมีวิธีการอื่นที่สามารถ นำมาใชเ้ พือ่ ใหเ้ กดิ ความเป็นมติ รต่อสง่ิ แวดล้อมมากยงิ่ ข้ึน เชน่ ออกแบบการทดลองท่ไี มก่ อ่ ใหเ้ กิดของ เสียที่เป็นอนั ตราย เลือกใช้สารเคมีและปฏิกริ ิยาเคมีทป่ี ลอดภยั และมีความคุ้มค่าในการใช้พลงั งาน ใช้ อปุ กรณท์ ดแทนสำหรับทำปฏิบัตกิ ารแบบย่อส่วนเพ่ือเปน็ การลดการใช้สารเคมีและพลงั งาน อกี ท้ังยัง สามารถลดปริมาณของเสียทีเ่ กิดขึ้นไดอ้ กี ดว้ ย ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) ครูให้นักเรียนสะท้อนความเข้าใจและแสดงถงึ ความตระหนักเกี่ยวกับความปลอดภัยในการ ทำปฏกิ ริ ยิ าเคมี และความเป็นมิตรตอ่ สง่ิ แวดล้อม โดยให้นักเรียนสรุปความรู้เปน็ แผนผังมโนทศั น์ ขั้นประเมนิ (Evaluation) (15 นาท)ี นกั เรยี นทำแบบฝึกหัด 1.1 เร่อื ง ความปลอดภยั ในการทำงานกบั สารเคมี และร่วมกันเฉลย

ชั่วโมงท่ี 3 (เวลา 1 ช่ัวโมง) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาที) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยยกตัวอย่างข่าวสถานการณ์ซึ่งเป็นข้อความภาพ ท่ี แสดงถึงความเสียหายที่เกิดจากอบุ ัติเหตุจากสารเคมี ได้แก่ ภาพข่าวคนถูกน้ำกรดสาด คนบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากกรณแี ก๊สแอมโมเนยี ร่ัวจากห้องทำความเย็น เพื่อนำเขา้ สูก่ ารอภปิ รายถึงอบุ ัติเหตุท่ี อาจเกดิ ขึน้ จากการใช้สารเคมใี นหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (15 นาท)ี 1. ครยู กตัวอย่างอบุ ัติเหตุทอ่ี าจเกิดขึ้นจากการใช้สารเคมใี นหอ้ งปฏิบตั กิ าร เชน่ สารเคมีหก ใส่มอื สารเคมีกระเด็นเข้าตา ไอสารเข้าจมูก แลว้ ต้ังคำถามวา่ เมือ่ เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวควรทำอย่างไร เป็นอันดับแรก แนวคำตอบคือ ต้องทราบชนิดและปริมาณของสารเคมีก่อน แล้วจึงทำการปฐม พยาบาลเบอื้ งตน้ 2. นักเรยี นศึกษาเร่ือง อบุ ตั เิ หตุจากสารเคมี 3. ครูให้นักเรียนแบ่งออกเป็น 4 กลมุ่ แลว้ ศึกษาข้อมูลเก่ยี วกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นใน กรณที เ่ี กดิ อบุ ัติเหตจุ ากสารเคมใี นแต่ละหวั ข้อ ไดแ้ ก่ การปฐมพยาบาลเม่ือร่างกายสัมผัสสารเคมี การ ปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา การปฐมพยาบาลเมื่อสูดดมแก๊สพิษ และการปฐมพยาบาลเมื่อโดน ความร้อน ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (10 นาท)ี ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สารเคมีใน ห้องปฏบิ ตั กิ ารและการปฐมพยาบาลเบ้อื งต้น ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาท)ี นักเรียนนำเสนอแนวทางในการแก้ไขอุบัติเหตุในรูปแบบที่สามารถสร้างความเข้าใจให้กับ ผู้อน่ื ไดด้ ี โดยการแสดงบทบาทสมมติ โดยมคี รเู ปน็ ผู้ช้แี นะและให้ความร้เู พิม่ เติม ขั้นประเมนิ (Evaluation) (10 นาที) นักเรียนทำแบบฝึกหัด 1.2 เรือ่ ง อบุ ตั เิ หตจุ ากสารเคมี และร่วมกันเฉลย

9. การวัดและประเมินผล/หลกั ฐานหรือร่องรอยของการเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ วี ดั เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารวัด ดา้ นความรู้ ถกู ต้องร้อยละ 1.ระบคุ วามเป็นอันตรายของสารเคมจี าก 1. ตรวจจากแผนภาพ 1. แบบประเมนิ แผนภาพ 70 ขึน้ ไป สัญลักษณ์และขอ้ มูลบนฉลากสารเคมี 2. ตรวจจากแบบฝกึ หัด 2. แบบฝึกหัด 1.1 เรื่อง 2. อธบิ ายขอ้ ปฏิบัติเบอ้ื งต้นและการ 1.1 เรอื่ ง ความปลอดภัย ความปลอดภัยในการ ผ่านเกณฑ์ ปฏิบตั ติ นทแี่ สดงถงึ ความตระหนกั ในการ ในการทำงานกับสารเคมี ทำงานกบั สารเคมี และ ระดบั ดี ทำปฏิบตั ิการเคมีเพอื่ ให้มีความปลอดภัย และแบบฝกึ หัด 1.2 แบบฝกึ หัด 1.2 เรอ่ื ง ข้ึนไป ท้งั ต่อตนเอง ผอู้ นื่ และสง่ิ แวดล้อม และ เรอ่ื ง อุบตั ิเหตจุ าก อุบัตเิ หตุจากสารเคมี ผ่านเกณฑใ์ น เสนอแนวทางแกไ้ ขเม่อื เกดิ อุบตั ิเหตุ สารเคมี ระดบั ดีขึ้นไป ดา้ นทกั ษะกระบวนการ แบบประเมินทกั ษะ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (การ ประเมินทักษะ กระบวนการทาง สงั เกต) กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมินพฤติกรรม สังเกตพฤติกรรมระหว่าง ระหวา่ งจัดการเรียนรู้ นกั เรยี นมีความกระตอื รือรน้ ในการเรียน จัดการเรยี นรู้ 10. สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้ - แบบฝึกหัดที่ 1.1 เรอ่ื ง ความปลอดภัยในการทำงานกับสารเคมี - แบบฝกึ หัดที่ 1.2 เร่ือง อุบตั เิ หตุจากสารเคมี แหลง่ การเรยี นรู้ - หนงั สือเรียนรายวชิ าเคมี 1 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยสถาบนั ส่งเสริมการ สอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธกิ าร - ห้องสมดุ โรงเรียน

แบบฝึกหัด 1.1 ความปลอดภยั ในการทำงานกบั สารเคมี 1. พิจารณาข้อมูลบนฉลากของโซเดียมไฮดรอกไซต์ และวงกลมพร้อมหมายเลขเพื่อระบุส่วนที่แสดงข้อมูล ตอ่ ไปน้ี 1.1 ช่อื ผลิตภัณฑ์ 1.2 รปู สัญลกั ษณ์ แสดงความเป็นอนั ตรายของสารเคมี 1.3 คำเตอื น ขอ้ มลู ความเป็นอนั ตราย และข้อควรระวัง (ทีม่ า: หนงั สือเรยี นอเิ ล็กทรอนิกส์รายวชิ าเคมี 1 สสวท) 2. พจิ ารณาตวั อยา่ งฉลากสารเคมตี อ่ ไปน้ี แล้วตอบคำถาม

(ทมี่ า: หนงั สือเรียนอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์รายวชิ าเคมี 1 สสวท) 2.1 สารเคมไี มค่ วรวางใกล้เปลวไฟ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 สารเคมีเป็นพิษต่อสิง่ แวดล้อม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 สารเคมีมีฤทธก์ิ ัดกรอ่ นผัวหนงั ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. สารละลายเลด(II)ไนเตรท (Pb(NO3)2) เข้มข้นร้อยละ 10 โดยมวลต่อปริมาตร ที่เหลือจากการทดลอง 5 มลิ ลลิ ติ ร ควรทิง้ อยา่ งไร เพราะเหตุใด ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. (ท่มี า: หนงั สอื เรียนอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์รายวชิ าเคมี 1 สสวท) 4. จากรูป ผทู้ ำปฏิบตั ิการควรปรบั ปรงุ ส่งิ ใดบา้ ง เพื่อให้เกิดความปลอดภยั ในการทำปฏิบัตกิ ารเคมี ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………….………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

เฉลย แบบฝกึ หัด 1.1 ความปลอดภยั ในการทำงานกบั สารเคมี 1. พิจารณาข้อมูลบนฉลากของโซเดียมไฮดรอกไซต์ และวงกลมพร้อมหมายเลขเพื่อระบุส่วนที่แสดงข้อมูล ตอ่ ไปนี้ 1.1 ช่อื ผลิตภณั ฑ์ 1.2 รปู สญั ลักษณ์ แสดงความเปน็ อันตรายของสารเคมี 1.3 คำเตอื น ข้อมลู ความเป็นอนั ตราย และขอ้ ควรระวัง 1 2 3 (ทีม่ า: หนังสือเรยี นอเิ ล็กทรอนกิ ส์รายวิชาเคมี 1 สสวท) 2. พจิ ารณาตัวอยา่ งฉลากสารเคมตี อ่ ไปน้ี แล้วตอบคำถาม

(ทมี่ า: หนังสอื เรยี นอเิ ลก็ ทรอนกิ สร์ ายวชิ าเคมี 1 สสวท) 2.1 สารเคมีไมค่ วรวางใกลเ้ ปลวไฟ กรดไนทรกิ โพแทสเซยี มเปอรแ์ มงกาเนต คอปเปอร(์ II)ไนเทรต เลด(II)ไนเทรต 2.2 สารเคมีเปน็ พษิ ต่อส่ิงแวดลอ้ ม แอมโมเนยี 2.3 สารเคมีมีฤทธิ์กดั กรอ่ นผัวหนงั กรดไนทริก แอมโมเนยี โพแทสเซียมไฮดรอกไซต์

3. สารละลายเลด(II)ไนเตรท (Pb(NO3)2) เข้มข้นร้อยละ 10 โดยมวลต่อปริมาตร ที่เหลือจากการทดลอง 5 มิลลลิ ติ ร ควรทิ้งอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด ทงิ้ ในภาชนะทห่ี ้องปฏิบัตกิ ารจัดเตรียมไว้ให้ เพอ่ื รวบรวมใหไ้ ด้ปริมาณมากพอแล้วส่งบริษัทรับกำจัด สารเคมี เนือ่ งจาก (Pb(NO3)2) มสี ัญลักษณ์ทแ่ี สดงวา่ เปน็ สารเคมที อี่ ันตรายถงึ ชีวิตได้ 4. จากรปู ผทู้ ำปฏิบัติการควรปรับปรุงสิง่ ใดบา้ ง เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ในการทำปฏบิ ัติการเคมี (ทีม่ า: หนงั สือเรียนอเิ ล็กทรอนิกสร์ ายวิชาเคมี 1 สสวท) 1. รวบผม 2. สวมแวน่ ตานิรภยั 3. ตดิ กระดุมเสื้อคลมุ ปฏิบตั ิการ 4. สวมรองเทา้ หุ้มปลายและส้นเท้า

แบบฝกึ หัด 1.2 อุบัตเิ หตุจากสารเคมี คำส่งั : ใหน้ กั เรยี นระบวุ ธิ ีปฐมพยาบาลเบอ้ื งต้นทเี่ หมาะสม เมอื่ เกดิ อุบัติเหตุต่อไปนีใ้ นหอ้ งปฏิบัติการ 1. สารละลายกรดกระเดน็ ถกู ผิวหนัง ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. สมั ผสั กบั เมด็ โซเดียมไฮดรอกไซด์ ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. ไอรอ้ นจากอา่ งน้ำร้อนสมั ผัสร่างกาย ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. เศษแกว้ จากหลอดทดลองทแ่ี ตกบาดมอื ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5. เมอื่ ใชม้ ือสัมผสั โตะ๊ ในห้องปฏิบัติการ แล้วเกิดอาการแสบรอ้ น ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………….……………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………..

เฉลย แบบฝึกหัด 1.2 อุบัติเหตุจากสารเคมี คำส่ัง: ใหน้ กั เรยี นระบวุ ธิ ปี ฐมพยาบาลเบอื้ งต้นทีเ่ หมาะสม เมื่อเกิดอุบัติเหตุต่อไปน้ีในหอ้ งปฏิบตั ิการ 1. สารละลายกรดกระเดน็ ถกู ผวิ หนัง ถอดเสอื้ ผ้าบริเวณท่ีเป้ือนออก ซบั สารละลายกรดออกจากร่างกายให้มากท่ีสุดแลว้ ล้างน้ำปริมาณ มากๆ 2. สมั ผัสกับเมด็ โซเดียมไฮดรอกไซด์ ล้างน้ำปริมาณมาก ๆ 3. ไอร้อนจากอ่างน้ำรอ้ นสัมผสั ร่างกาย แชน่ ำ้ เย็นหรือปิดแผลด้วยผา้ ชุบนำ้ จนหายปวดแสบปวดร้อน แลว้ ทายาขผี้ งึ้ สำหรับไฟไหม้และน้ำ ร้อนลวก 4. เศษแก้วจากหลอดทดลองที่แตกบาดมอื ลา้ งดว้ ยน้ำเกลือลา้ งแผล แล้วใสย่ าและปดิ พลาสเตอร์ 5. เมอ่ื ใช้มือสมั ผสั โตะ๊ ในหอ้ งปฏิบตั ิการ แลว้ เกดิ อาการแสบรอ้ น ล้างน้ำปรมิ าณมาก ๆ



บันทกึ หลังการสอน ผลการจัดการเรยี นการสอน ดา้ นความรู้ 1. จากแบบประเมนิ แผนภาพ พบว่านกั เรียนส่วนใหญ่สามารถระบคุ วามเปน็ อนั ตรายของสารเคมีจาก สญั ลกั ษณ์และข้อมูลบนฉลากสารเคมีได้อยา่ งถกู ตอ้ งร้อยละ 70 ขน้ึ ไป 2. จาก แบบฝกึ หดั 1.1 เรื่อง ความปลอดภยั ในการทำงานกบั สารเคมี และแบบฝึกหัด 1.2 เรื่อง อุบัติเหตุจากสารเคมี พบวา่ นกั เรียนส่วนใหญ่สามารถอธิบายขอ้ ปฏบิ ัตเิ บอ้ื งต้นและการปฏิบัติตนท่ีแสดงถึง ความตระหนกั ในการทำปฏบิ ัตกิ ารเคมีเพอื่ ใหม้ ีความปลอดภัย ทงั้ ตอ่ ตนเอง ผอู้ ืน่ และสิง่ แวดลอ้ ม และเสนอ แนวทางแกไ้ ขเมอื่ เกิดอบุ ัตเิ หตุไดอ้ ย่างถูกตอ้ งรอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป ดา้ นทกั ษะกระบวนการ จากแบบประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (ใช้ภาพประเมนิ ทกั ษะการสังเกต) พบว่า นกั เรยี นส่วนใหญ่มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในระดบั ดขี ึ้นไป ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ จากแบบประเมนิ พฤตกิ รรมระหวา่ งจัดการเรียนรู้ พบว่านกั เรียนส่วนใหญ่มีความกระตอื รอื รน้ ในการ เรียน ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดีขึน้ ไป ปญั หา/อปุ สรรค ดา้ นความรู้ 1. นักเรยี นบางส่วนยงั ไม่สามารถระบุความเปน็ อนั ตรายของสารเคมจี ากสัญลักษณแ์ ละขอ้ มลู บน ฉลากสารเคมีได้ 2. นกั เรยี นบางสว่ นยงั ไม่สามารถอธิบายขอ้ ปฏิบัติเบ้ืองต้นและการปฏิบตั ติ นท่แี สดงถึงความตระหนัก ในการทำปฏิบตั ิการเคมเี พอ่ื ใหม้ ีความปลอดภยั ท้ังต่อตนเอง ผู้อืน่ และสิ่งแวดล้อม และเสนอแนวทางแกไ้ ข เมอ่ื เกดิ อบุ ัตเิ หตุได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ นกั เรียนบางสว่ นยังมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การสังเกต) ตำ่ กว่าระดับดี ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ นกั เรยี นบางส่วน (23.81%) มีความกระตือรือรน้ ในการเรยี น ต่ำกว่าระดบั ดี (อาจเปน็ ผลเนื่องมาจาก อปุ กรณก์ ารเรยี นออนไลนไ์ ม่พรอ้ ม หรือยังไม่สามารถปรับตวั ไดใ้ นการเรยี นอนนไลน์) แนวทางแก้ไข สงั เกต ตดิ ตาม และเพิ่มความดูแลนักเรยี นคนทมี่ ีปัญหาข้างตน้ ลงช่ือ .................................................... (นางสาวปยี ว์ รา ผาลี) .........../................../..............

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 รหสั วชิ า ว30221 วชิ า เคมี1 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความปลอดภยั และทกั ษะในปฏิบัตกิ ารเคมี เรือ่ ง การวัดปริมาณสาร ********************************************************************************** 1. ผลการเรียนรู้ เลอื กและใช้อปุ กรณ์หรอื เครื่องมือในการทำปฏิบตั ิการ และวดั ปริมาณต่าง ๆ ได้อยา่ ง เหมาะสม 2. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระเคมี เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย การ คำนวณปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้และทักษะในการ อธบิ ายปรากฏการณใ์ นชวี ติ ประจำวันและการแกป้ ญั หาทางเคมี 3. สาระสำคญั อปุ กรณ์ทางวทิ ยาศาสตร์เปน็ อปุ กรณห์ รอื เครอื่ งมอื ภายในห้องปฏิบัติการเพอ่ื ใช้ทดลอง และ หาคำตอบต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ เชน่ เคร่ืองแก้ว เครือ่ งชง่ั เปน็ ตน้ จึงควรมคี วามรเู้ กี่ยวกบั วธิ กี ารใชง้ านและการดแู ลรกั ษา เพราะในหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารจะประกอบไปด้วยอปุ กรณ์และเคร่ืองมอื หลายชนิดท่ีมีความแตกต่างกัน หากขาดความรใู้ นการใชอ้ ุปกรณห์ รือเครื่องมอื ท่ถี กู ต้อง อาจทำให้ เกดิ อุบัติเหตตุ ่อตนเองและผูอ้ นื่ ได้ และในการทำปฏบิ ัตกิ ารเคมีความนา่ เช่อื ถอื ของขอ้ มลู ท่ไี ดน้ ั้น พิจารณาได้จากความเท่ยี งและความแม่น ซ่งึ สำหรับการวดั นน้ั ความน่าเช่ือถือขึ้นกับทักษะของผู้ ปฏบิ ตั กิ าร และความละเอยี ดของเครอื่ งมือและอปุ กรณท์ ่ใี ช้ 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ 1.เลอื กและใช้อุปกรณห์ รอื เครื่องมอื ในการทำปฏิบัติการและวดั ปรมิ าณตา่ งๆ 2.อ่านค่าปริมาณจากการวดั โดยแสดงเลขนยั สำคัญท่ีถกู ต้อง ด้านทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การสังเกต การวัด และการทดลอง) ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรียนมคี วามกระตือรือรน้ ในการเรยี น 5. สาระการเรียนรู้ - ความเที่ยงและความแมน่ - อุปกรณว์ ดั ปรมิ าตร ไดแ้ ก่ บกี เกอร์ ขวดรปู กรวย กระบอกตวง ปิเปตต์ บิวเรตต์ และขวด กำหนดปรมิ าตร และอุปกรณว์ ดั มวล ไดแ้ ก่ เครือ่ งชงั่ สามคาน และเคร่อื งช่ังไฟฟ้า - เลขนยั สำคญั 6. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 6.1 ความสามารถในการส่ือสาร (รู้ เข้าใจ การพดู คุย ร่วมสนทนา รับฟังความเหน็ ของผอู้ ืน่ )

6.2 ความสามารถในการคิด (คิดวเิ คราะห์ คิดสร้างสรรค์ สร้างองค์ความรู้ แสดงความคิดเห็นกบั ผอู้ ื่น) 6.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา (นำเสนอแนวความคดิ เหน็ ในการแก้ปญั หา คดิ วิธแี ก้ปญั หา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต (การทำงานรว่ มกับผ้อู ่ืนไดอ้ ยา่ งมีความสขุ ) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใชเ้ ทคโนโลยีในการศกึ ษา ค้นคว้าเพ่มิ เตมิ ) 7. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 7.1 มวี นิ ยั 7.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 7.3 มุ่งมนั่ ในการทำงาน 8. ขัน้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) (15 นาท)ี 1. ครนู ำคา่ ท่ีวดั ได้จากการทดลองแลว้ ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาและตงั้ คำถามว่า ขอ้ มลู ชดุ ใดมี ความนา่ เชอื่ ถือมากท่สี ุด เพราะเหตุใด เพื่อให้ไดข้ ้อสรุปวา่ ความน่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู สามารถ พิจารณาไดจ้ าก 2 ส่วนดว้ ยกัน คอื ความเท่ียงและความแมน่ โดยความเที่ยง คอื ความใกลเ้ คียงกัน ของค่าท่ไี ด้จากการวัดซ้ำ ส่วนความแมน่ คือ ความใกลเ้ คียงของคา่ เฉลี่ยจากการวดั ซำ้ เทียบกับคา่ จรงิ 2. ครตู ั้งคำถามว่า ข้อมูลแตล่ ะชุดมคี วามเท่ยี งและความแมน่ แตกต่างกนั เพราะเหตใุ ด ซ่ึง ควรได้คำตอบวา่ ความเท่ยี งและความแม่นของขอ้ มลู ขึ้นกบั ทกั ษะของผ้ทู ดลอง และอปุ กรณ์ที่ใช้ใน การทำปฏิบัตกิ าร 3. ครใู ช้คำถามนำวา่ ถา้ จะแบง่ กลมุ่ อปุ กรณว์ ัดปริมาตร ไดแ้ ก่ บีกเกอร์ ขวดรปู กรวย กระบอกตวง ปเิ ปตต์ บวิ เรตต์ และขวดกำหนดปริมาตร โดยใชค้ วามแม่นเป็นเกณฑ์ จะสามารถแบง่ ได้เปน็ กี่กลุม่ และอุปกรณใ์ นแต่ละกลมุ่ มีอะไรบ้าง โดยครูอาจแสดงรปู อุปกรณป์ ระกอบ เพ่ือนำเข้าสู่ เร่ืองอุปกรณ์วัดปริมาตร ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (50 นาที) 1. ครูสาธิตและอธบิ ายการใชง้ านอปุ กรณ์วดั ปรมิ าตร ไดแ้ ก่ บกี เกอร์ ขวดรูปกรวย กระบอก ตวง ปเิ ปตต์ บิวเรตต์ ขวดกำหนดปริมาตร อุปกรณ์วดั มวล เชน่ เคร่อื งชัง่ แบบสามคาน เครื่องชัง่ ไฟฟา้ ในประเดน็ ต่อไปน้ี - วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเทคนิคการใชอ้ ุปกรณแ์ ละเครื่องมอื - การอ่านค่าและการรายงานผลจากการวัด ทั้งนีใ้ หเ้ นน้ ในประเด็นการอ่านปรมิ าตรของ ของเหลวต้องใหส้ ายตาอยู่ในระดบั เดยี วกบั ระดบั ส่วนโคง้ ของของเหลวดงั รูป และการประมาณคา่ ที่ ไดจ้ ากการอ่านปริมาตรของของเหลวในบิวเรตต์ ว่าสามารถประมาณตัวเลขไดต้ ้ังแต่ 0-9 - ขอ้ ควรระวังในการใชแ้ ละการดูแลอุปกรณ์และเครือ่ งมือ ทั้งนเี้ มือ่ ครูอธบิ ายขน้ั ตอนการใช้บวิ เรตต์ ให้เน้นในประเดน็ การบรรจุของเหลวใสบ่ ิวเรตตซ์ งึ่ ไมค่ วรทำ เหนือระดบั สายตา และต้องไล่ฟองอากาศออกจากปลายบิวเรตต์ให้หมดก่อนการใช้งาน โดยระหว่างที่ มกี ารสาธิตควรให้นกั เรยี นไดฝ้ กึ ปฏบิ ัติรว่ มด้วย 2. นกั เรียนทำกจิ กรรม 1.1 เพ่อื ฝกึ ทักษะการใช้อุปกรณ์วัดปริมาตรและอปุ กรณว์ ัดมวล ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (20 นาท)ี นำเสนอขอ้ มูลที่ได้จากการทำการทดลอง แลว้ อภิปรายร่วมกนั ในประเด็นความแม่นทไี่ ด้จาก การใช้อุปกรณ์วัดปริมาตรตา่ งชนิดกนั และรว่ มกนั สรุปกิจกรรม

ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาท)ี 1. ครูอาจใหค้ วามรเู้ พ่ิมเติมว่า ปิเปตตเ์ ป็นอปุ กรณว์ ดั ปรมิ าตรท่ีสอบเทยี บ (calibrate) โดย การวดั ปรมิ าตรของของเหลวท่ถี า่ ยเทออกจากปเิ ปตต์ ขณะท่ีกระบอกตวงเป็นอุปกรณว์ ดั ปรมิ าตรท่ี สอบเทยี บโดยการวดั ปรมิ าตรของของเหลวทเ่ี ตมิ ลงในกระบอกตวง ดงั นนั้ เมอ่ื ถา่ ยเทของเหลวออก จากกระบอกตวงจะมขี องเหลวบางสว่ นติดคา้ งอยใู่ นกระบอกตวง ทำให้ปรมิ าตรของของเหลวทีถ่ ่ายเท ออกมาน้อยกว่าทว่ี ดั ได้ และชใ้ี ห้เห็นสัญลกั ษณ์ที่ปรากฏบนอุปกรณ์ 2. ครใู ห้ความรเู้ พ่ิมเตมิ วา่ อปุ กรณ์แตล่ ะชนดิ มีความละเอยี ดไมเ่ ทา่ กัน โดยชี้ให้เห็นตัวเลขที่ ปรากฏบนอปุ กรณ์ท่ีนำมาใหน้ กั เรียนดู เชน่ คา่ ความคลาดเคลอื่ นของกระบอกตวง และปิเปตตข์ นาด 25 มลิ ลิลติ ร เทา่ กบั ±0.40 และ ±0.10 ตามลำดับ ดังรูป 3. ครใู หน้ กั เรียนพิจารณารูปรา่ งของกระบอกตวงและปิเปตต์ แลว้ ตั้งคำถามเพ่ือนำอภิปราย วา่ เพราะเหตใุ ดกระบอกตวงมีคา่ ความคลาดเคล่ือนมากกว่าปเิ ปตต์ ซึง่ ควรไดข้ ้อสรุปวา่ ปิเปตต์มี พน้ื ทห่ี น้าตดั บรเิ วณที่ผิวของของเหลวนอ้ ยกวา่ กระบอกตวง ทำใหค้ วามผิดพลาดของระดบั ของเหลวท่ี ถา่ ยเทมีค่าน้อยกว่าของกระบอกตวง นอกจากนนั้ ครอู าจอธิบายเพ่ิมเติม ดงั น้ี การอ่านปรมิ าตรจากอปุ กรณว์ ัดปริมาตรเป็นการอ่านคา่ จากความสูงของของเหลว เมื่อ พิจารณา จากสูตรคำนวณปรมิ าตรทรงกระบอก คือ ปรมิ าตร = พื้นที่หน้าตัด × สูง จะพบว่า หาก พ้นื ที่หนา้ ตัดมคี ่านอ้ ย ความสงู ที่อา่ นไดจ้ ะมคี า่ มาก ทำให้ความผิดพลาดจากการอ่านค่าความสงู น้อย กว่า ซึ่งอธบิ ายด้วยตวั เลขประกอบ ดงั นี้ ตอ้ งการตวงของเหลวปรมิ าตร 1 mL ถ้าพ้นื ท่หี น้าตดั ของอุปกรณ์วัดปรมิ าตรเทา่ กับ 1 cm2 ความสูงที่อา่ นได้จะเทา่ กับ 1 cm ถ้าอ่านค่าความสูงผดิ ไป 0.1 cm จะอา่ นปริมาตรผิดไปร้อยละ 10 แต่ถา้ พื้นทีห่ นา้ ตดั ของอุปกรณว์ ดั ปริมาตรเท่ากบั 0.1 cm2 ความสูงทอี่ า่ นไดจ้ ะเทา่ กบั 10 cm ถา้ อ่านคา่ ความสงู ผดิ ไป 0.1 cm เทา่ เดมิ ปรมิ าตรที่อ่านผดิ ไปคิดเป็นเพยี งแค่รอ้ ยละ 1 4. ครใู หน้ กั เรยี นพิจารณารปู ค่าอณุ หภมู ิท่ีอ่านได้จากเทอรม์ อมิเตอร์ จากน้ันตง้ั คำถามว่า อณุ หภูมิทีอ่ ่านไดจ้ ากเทอรม์ อมิเตอร์ท้ังสองมีคา่ เทา่ ใด ซึง่ นกั เรียนอาจตอบวา่ อา่ นค่าได้ 26.22 และ 26.0 องศาเซลเซียส ตามลำดบั เพื่อนำเข้าสกู่ ารอธิบายความหมายของเลขนยั สำคัญ 5. ครูอธิบายเกย่ี วกับหลกั การนบั เลขนัยสำคญั การปดั เศษ และเลขนัยสำคัญของผลลัพธ์ทีไ่ ด้ จากการคำนวณ ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (20 นาที) 1. ครูให้นักเรยี นตอบคำถามเพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจเกยี่ วกับเลขนยั สำคญั โดยตรวจสอบ การบนั ทึกผลการทำกจิ กรรม 1.1 และการคำนวณของตนเองว่าสอดคล้องกับหลกั การเกยี่ วกับเลข นัยสำคัญหรือไม่ หากไมส่ อดคลอ้ งให้แก้ไขให้ถูกต้อง ทงั้ นี้ครูอาจใหต้ ัวแทนนกั เรยี นนำเสนอรายงาน การตรวจสอบข้อมูลของตนเอง โดยคำตอบท่ไี ดค้ วรสอดคล้องกับความละเอยี ดของอปุ กรณท์ ่ีใช้ใน การทำกจิ กรรม 2. อภิปรายและสรุปบทเรยี นร่วมกนั เกย่ี วกบั วัตถปุ ระสงค์ เทคนคิ วิธีการใช้งาน รวมท้งั ขอ้ ควรระวังในการใช้และการดแู ลอุปกรณ์และเครือ่ งมอื ในการทำปฏบิ ัติการเคมี และเลขนัยสำคญั 3. นกั เรียนทำแบบฝึกหดั 1.3 เร่ือง การวัดปริมาณสาร และรว่ มกนั เฉลย

9. การวัดและประเมินผล/หลกั ฐานหรอื ร่องรอยของการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีวัด เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การวัด ดา้ นความรู้ 1.เลอื กและใชอ้ ุปกรณห์ รอื เคร่ืองมอื ใน 1. ตรวจจากใบกจิ กรรม 1. ใบกิจกรรม 1.1 การ ผา่ นเกณฑ์รอ้ ย การทำปฏบิ ตั ิการและวัดปรมิ าณ 1.1 การวดั ปริมาตรโดย วัดปริมาตรโดยใช้ ละ 60 ข้ึนไป ต่างๆ ใช้อุปกรณ์ชนิดต่างๆ อุปกรณ์ชนดิ ต่างๆ และ 2.อา่ นค่าปริมาณจากการวัดโดยแสดง และการวัดมวลโดยใช้ การวัดมวลโดยใช้เครอื่ ง เลขนัยสำคญั ท่ีถูกต้อง เครื่องช่ัง ชั่ง 2. ตรวจจากแบบฝกึ หดั 2. แบบฝกึ หัด 1.3 เร่ือง 1.3 เรอื่ ง การวัดปรมิ าณ การวัดปรมิ าณสาร สาร ดา้ นทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ประเมนิ ทกั ษะ แบบประเมนิ ทักษะ ผา่ นเกณฑ์ (การสงั เกต การวดั และการทดลอง) กระบวนการทาง กระบวนการทาง ระดบั ดี วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ขึ้นไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ นักเรียนมคี วามกระตือรือรน้ ในการ สังเกตพฤตกิ รรมระหว่าง แบบประเมนิ พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ใน เรยี น จดั การเรียนรู้ ระหว่างจัดการเรยี นรู้ ระดับดีขึ้นไป 10. สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ แบบฝึกหัด 1.3 เร่ือง การวัดปริมาณสาร แหลง่ การเรยี นรู้ - หนงั สอื เรียนรายวิชาเคมี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ โดยสถาบันส่งเสรมิ การสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร - ห้องสมุดโรงเรยี น

แบบฝึกหดั 1.3 การวดั ปริมาณสาร 1. ใหน้ กั เรียนใสเ่ ครื่องหมาย ✓ หน้าขอ้ ความทถี่ ูกต้อง และใส่เครอื่ งหมาย หนา้ ขอ้ ความทไ่ี มถ่ กู ต้อง ……… 1.1 ความแมน่ (Accuracy) ความใกลเ้ คียงของคา่ เฉลย่ี จากการวัดซำ้ เทยี บกับค่าจริง ……… 1.2 สามารถใชก้ ระบอกตวงในการตวงปริมาตรน้ำเทา่ นนั้ ……… 1.3 ขวดกำหนดปรมิ าตร ใชส้ ำหรับเตรยี มสารละลาย ……… 1.4 บกี เกอร์ ใช้ต้มสารละลายและใช้ผสมสาร ……… 1.5 ความเที่ยง (Precision) ความใกล้เคยี งกันของค่าท่ีไดก้ ับคา่ เฉลี่ย 1.6 การอา่ นคา่ ปริมาตรของของเหลวใหอ้ ่านตามขดี บอกปรมิ าตร โดยไมป่ ระมาณค่า ……… ทศนิยมตำแหน่งสดุ ทา้ ย ……… 1.7 การอ่านคา่ ปริมาตรของของเหลวให้สายตาอยเู่ หนอื ระดบั ของของเหลว ……… 1.8 หากต้องนำ้ กล่นั ปรมิ าตร 2.8 มิลลิลิตร ใหใ้ ช้ปเิ ปตตแ์ บบตวง 2. ใหน้ ักเรียนนำตวั อักษรหนา้ ข้อมลู ต่อไปนี้เติมลงใต้รปู ภาพ A. บีกเกอร์ (Beaker) G. หลอดทดลอง (Test tube) B. ขวดรปู กรวย (Erlenmeyer flask) H. ขวดกำหนดปริมาตร (Volumetric C. กระบอกตวง (Measuring cylinder) D. เครอื่ งใหค้ วามร้อน (Hot Plate) flask) E. ปิเปตต์แบบปริมาตร (Volumetric I. เครอ่ื งชง่ั แบบสามคาน (Triple- pipette) beam balance) F. บวิ เรตต์ (Burette) J. ปเิ ปตตแ์ บบตวง (Graduated pipette) 1. ……………………………… 2.………………………………… 3.…………………………… 4. ……………………………

5. ……………………………… 6. ……………………………… 7. …………………………… 8. …………………………… 9. ……………………………… 10. ………………………………… 3. จงตอบคำถามตอ่ ไปนีใ้ ห้ถูกต้อง ก. 3.25 มีเลขนยั สำคญั ……….. ตวั ข. 11.02 มเี ลขนยั สำคญั ……….. ตัว ค. 4.80 มเี ลขนัยสำคญั ……….. ตวั ง. 1.66 x1023 มีเลขนัยสำคัญ ……….. ตัว จ. 0.0058 มเี ลขนัยสำคญั ……….. ตัว ฉ. 1.2+62.543+10.12 ผลลัพธม์ ีเลขนยั สำคัญ ……….. ตัว ช. 54.62 x2.5 ผลลัพธม์ เี ลขนยั สำคญั ……….. ตัว

เฉลย แบบฝกึ หัด 1.3 การวดั ปริมาณสาร 1. ให้นกั เรียนใสเ่ ครอ่ื งหมาย ✓ หนา้ ขอ้ ความท่ถี ูกต้อง และใส่เครื่องหมาย หน้าข้อความที่ไมถ่ ูกต้อง ✓ 1.1 ความแม่น (Accuracy) ความใกล้เคียงของค่าเฉลย่ี จากการวัดซำ้ เทยี บกบั คา่ จริง 1.2 สามารถใชก้ ระบอกตวงในการตวงปรมิ าตรนำ้ เทา่ นนั้ ✓ 1.3 ขวดกำหนดปรมิ าตร ใช้สำหรบั เตรียมสารละลาย ✓ 1.4 บีกเกอร์ ใช้ต้มสารละลายและใช้ผสมสาร 1.5 ความเท่ียง (Precision) ความใกล้เคยี งกนั ของค่าทีไ่ ดก้ ับค่าเฉล่ยี 1.6 การอา่ นค่าปรมิ าตรของของเหลวให้อา่ นตามขดี บอกปรมิ าตร โดยไม่ตอ้ งประมาณ ค่าทศนยิ มตำแหนง่ สุดท้าย 1.7 การอา่ นค่าปรมิ าตรของของเหลวให้สายตาอยู่เหนือระดบั ของของเหลว ✓ 1.8 หากตอ้ งน้ำกลัน่ ปริมาตร 2.8 มลิ ลลิ ิตร ให้ใชป้ ิเปตต์แบบตวง 2. ให้นกั เรียนนำตัวอักษรหน้าขอ้ มูลตอ่ ไปนีเ้ ติมลงใต้รปู ภาพ K. บีกเกอร์ (Beaker) Q. หลอดทดลอง (Test tube) L. ขวดรปู กรวย (Erlenmeyer flask) R. ขวดกำหนดปริมาตร (Volumetric M. กระบอกตวง (Measuring cylinder) N. เครอื่ งใหค้ วามร้อน (Hot Plate) flask) O. ปเิ ปตต์แบบปรมิ าตร (Volumetric S. เครือ่ งช่ังแบบสามคาน (Triple- pipette) beam balance) P. บิวเรตต์ (Burette) T. ปเิ ปตต์แบบตวง (Graduated pipette) 1. …………D…………… 2.…………F……………… 3.………G…………… 4. ………B……………

5. ………C……………… 6. …………H…………… 7. …………A………… 8. ……………E……… 9. ………J…………… 10. ……………I……………… 3. จงตอบคำถามต่อไปนีใ้ ห้ถกู ต้อง ซ. 3.25 มเี ลขนัยสำคญั 3 ตัว ตัว ฌ. 11.02 มเี ลขนัยสำคัญ 4 ตัว ญ. 4.80 มีเลขนัยสำคญั 3 ตวั ตวั ฎ. 1.66 x1023 มเี ลขนัยสำคัญ 3 73.9 ตวั ฏ. 0.0058 มีเลขนยั สำคญั 2 1.4 × 102 ฐ. 1.2+62.543+10.12 ผลลพั ธ์มีเลขนัยสำคัญ ฑ. 54.62 x2.5 ผลลพั ธ์มีเลขนยั สำคญั ตวั



บันทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรยี นการสอน ด้านความรู้ 1. จากใบกิจกรรม 1.1 การวดั ปริมาตรโดยใชอ้ ุปกรณ์ชนิดต่างๆ และการวัดมวลโดยใชเ้ ครื่องช่งั พบว่านกั เรยี นสว่ นใหญส่ ามารถเลือกและใชอ้ ปุ กรณห์ รือเคร่อื งมอื ในการทำปฏิบัตกิ ารและวดั ปริมาณตา่ งๆ ได้ อย่างถูกต้องรอ้ ยละ 60 ข้ึนไป 2. จากแบบฝกึ หัด 1.3 เร่อื ง การวัดปรมิ าณสาร พบว่านกั เรียนส่วนใหญส่ ามารถเลือกและใช้อปุ กรณ์ หรือเคร่ืองมอื ในการทำปฏิบัติการและวัดปริมาณต่างๆ ได้ร้อยละ 60 ขึ้นไป ด้านทกั ษะกระบวนการ จากแบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ พบวา่ นักเรยี นส่วนใหญม่ ีทักษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ (การสังเกต การวดั ) ในระดับดขี ้ึนไป (ไมไ่ ดป้ ระเมนิ ทกั ษะการทดลองเนือ่ งจากสถานการณ์ การเรยี นออนไลน์) ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ จากแบบประเมนิ พฤตกิ รรมระหว่างจดั การเรียนรู้ พบวา่ นักเรียนส่วนใหญ่มีความกระตอื รอื รน้ ในการ เรียน ผ่านเกณฑใ์ นระดับดีขึน้ ไป ปญั หา/อปุ สรรค ดา้ นความรู้ 1. นักเรียนบางสว่ นยงั ไม่สามารถเลือกและใช้อปุ กรณ์หรอื เครือ่ งมือในการทำปฏบิ ัติการและวัด ปรมิ าณตา่ งๆ ได้ 2. นักเรียนบางส่วนยังไม่สามารถเลือกและใช้อุปกรณ์หรอื เครื่องมือในการทำปฏิบตั กิ ารและวัด ปริมาณต่างๆ ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ นกั เรียนบางสว่ นยังมที ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การสังเกต และการวดั ) ต่ำกวา่ ระดับดี ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ นกั เรียนบางส่วน (14.29%) มคี วามกระตอื รือรน้ ในการเรยี น ต่ำกวา่ ระดับดี (อาจเป็นผลเน่อื งมาจาก อปุ กรณก์ ารเรียนออนไลนไ์ มพ่ รอ้ ม หรอื ยงั ไมส่ ามารถปรบั ตัวได้ในการเรยี นอนนไลน์) แนวทางแก้ไข สังเกต ติดตาม เพิ่มความดแู ล และสอบถามความสะดวกในการเรียนรู้ของนกั เรยี นคนทีม่ ีปัญหา ขา้ งตน้ ลงช่อื .................................................... (นางสาวปีย์วรา ผาลี) .........../................../..............

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 รหสั วิชา ว30221 วิชา เคมี1 ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 2 ช่ัวโมง เร่อื ง หนว่ ยวัด หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ความปลอดภยั และทกั ษะในปฏิบัติการเคมี ********************************************************************************** 1. ผลการเรียนรู้ ระบุหนว่ ยวัดปริมาณต่าง ๆ ของสาร และเปลีย่ นหน่วยวดั ใหเ้ ปน็ หนว่ ยในระบบเอสไอด้วย การใช้แฟกเตอรเ์ ปล่ียนหน่วย 2. มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระเคมี เข้าใจหลักการทำปฏิบัติการเคมี การวัดปริมาณสาร หน่วยวัดและการเปลี่ยนหน่วย การ คำนวณปริมาณของสาร ความเข้มข้นของสารละลาย รวมทั้งการบูรณาการความรู้และทักษะในการ อธบิ ายปรากฏการณใ์ นชีวติ ประจำวันและการแก้ปญั หาทางเคมี 3. สาระสำคัญ การบอกปริมาตรของสารอาจระบอุ ยใู่ นหน่วยต่างๆ ดังนนั้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจท่ีตรงกันจึง มกี ารกำหนดหนว่ ยเอสไอให้เป็นหนว่ ยสากล ผู้ปฏิบตั ิการควรมีทักษะการเปลยี่ นหนว่ ยเพ่ือให้เป็น หน่วยสากลโดยการใชแ้ ฟกเตอรเ์ ปลยี่ นหนว่ ย 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรู้ 1.ระบหุ นว่ ยวัดปริมาณตา่ งๆ ของสาร 2.เปล่ียนหน่วยวัดให้เปน็ หน่วยในระบบเอสไอดว้ ยการใช้แฟกเตอร์เปลย่ี นหน่วย ดา้ นทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (การใชจ้ ำนวน) ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ นักเรียนมคี วามกระตือรือรน้ ในการเรียน 5. สาระการเรยี นรู้ - หนว่ ยในระบบเอสไอ (SI units) หน่วยเอสไออนุพันธ์ (Derived SI units) และ หนว่ ยนอก ระบบเอสไอ - แฟกเตอร์เปล่ียนหนว่ ย - วธิ กี ารเปรียบเทียบหนว่ ย 6. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 6.1 ความสามารถในการส่ือสาร (รู้ เขา้ ใจ การพดู คยุ ร่วมสนทนา รับฟงั ความเห็นของผูอ้ ื่น) 6.2 ความสามารถในการคดิ (คิดวิเคราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ สรา้ งองคค์ วามรู้ แสดงความคดิ เห็นกับผูอ้ ่ืน) 6.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา (นำเสนอแนวความคดิ เหน็ ในการแกป้ ัญหา คดิ วิธีแกป้ ญั หา) 6.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ (การทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ ได้อย่างมคี วามสขุ ) 6.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (ใช้เทคโนโลยีในการศกึ ษา ค้นคว้าเพ่ิมเติม)

7. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 7.1 มีวนิ ัย 7.2 ใฝ่เรยี นรู้ 7.3 มงุ่ ม่ันในการทำงาน 8. ขน้ั ตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (15 นาท)ี ครูกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียนโดยยกตวั อยา่ งการวัดปริมาณส่งิ ของที่พบในชีวติ ประจำวัน ซงึ่ วัดปรมิ าณเดียวกนั แต่ใช้หนว่ ยที่แตกต่างกัน เช่น การวดั มวลทีร่ ายงานด้วยหนว่ ยปอนด์และ กโิ ลกรัม จากน้ันใหน้ กั เรยี นยกตัวอยา่ งอน่ื ๆ เพมิ่ เตมิ เชน่ การระบปุ รมิ าตรในหน่วยลติ ร ลูกบาศก์ เซนติเมตร ลูกบาศกเ์ ดซิเมตร ถ้วยตวง แกลลอน การระบอุ ุณหภูมิในหนว่ ยองศาเซลเซยี ส ฟาเรนไฮต์ แลว้ อภปิ รายร่วมกนั เพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ ว่าหนว่ ยท่วี ัดไดจ้ ากปรมิ าณทต่ี า่ งกัน กจ็ ะมีหนว่ ยท่แี ตกตา่ งกัน และแต่ละปริมาณกม็ ไี ด้หลายหนว่ ย ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (30 นาที) นกั เรยี นศกึ ษาเรือ่ ง หนว่ ยวดั ครูใหค้ วามรู้ว่า การรายงานค่าปรมิ าณเดยี วกันแตใ่ ช้หนว่ ยวัดท่ี แตกตา่ งกนั อาจก่อใหเ้ กิดความเข้าใจไมต่ รงกนั ได้ ดังน้นั จึงมีการกำหนดระบบหนว่ ยวัดระหวา่ ง ประเทศหรอื หนว่ ยเอสไอ ซึง่ เปน็ หนว่ ยสากลทีเ่ ข้าใจได้ตรงกนั นอกจากนีย้ งั มีหนว่ ยนอกระบบเอสไอ ทไี่ ด้รบั การยอมรับและมใี ชอ้ ยา่ งแพรห่ ลาย ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (15 นาท)ี ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายขอ้ สรปุ เกยี่ วกบั หน่วยวดั ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครใู หน้ กั เรยี นตอบคำถาม ลวดแมกนีเซยี มหนา 0.1 มิลลิเมตร สามารถเขยี นแสดงความ หนาให้อยู่ในรูปสญั กรณว์ ทิ ยาศาสตร์ในหน่วยเอสไอได้เป็นเท่าใด วธิ ีทำ 0.1 mm = 0.1 × 10-3 m = 1 × 10-4 m ดงั น้ัน ลวดแมกนเี ซยี มหนา 0.1 มลิ ลเิ มตร เท่ากับ 1 × 10-4 เมตร 2. ครูนำอภปิ รายในประเดน็ ว่า ในการคำนวณเพื่อเปลยี่ นหนว่ ยสามารถใชว้ ิธใี ดในการ คำนวณไดบ้ า้ ง เพ่อื นำเขา้ สกู่ ารอธิบาย เรื่องแฟกแตอรเ์ ปลย่ี นหน่วยและวธิ กี ารเทียบหนว่ ย 3. ครใู ห้ความรู้เกย่ี วกบั แฟกแตอร์เปลี่ยนหนว่ ยและวธิ ีการเทยี บหน่วย ขั้นประเมิน (Evaluation) (30 นาท)ี นักเรยี นทำงานแบบฝึกหัด 1.4 เรอ่ื ง หน่วยวัด และรว่ มกนั เฉลย

9. การวดั และประเมินผล/หลักฐานหรอื รอ่ งรอยของการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีวดั เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารวัด ดา้ นความรู้ ผา่ นเกณฑ์ร้อย ละ 60 ขน้ึ ไป 1. ระบุหน่วยวัดปรมิ าณต่างๆ ของสาร ตรวจจากแบบฝึกหัด 1.4 แบบฝกึ หดั ท่ี 1.4 เรอ่ื ง ผา่ นเกณฑ์ 2. เปล่ียนหนว่ ยวดั ใหเ้ ปน็ หนว่ ยใน เรือ่ ง หน่วยวดั หนว่ ยวดั ระดบั ดี ข้นึ ไป ระบบเอสไอดว้ ยการใช้แฟกเตอร์ เปล่ียนหนว่ ย ดา้ นทักษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ประเมินทกั ษะ แบบประเมินทกั ษะ (การใชจ้ ำนวน) กระบวนการทาง กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ นกั เรยี นมีความกระตอื รือรน้ ในการเรยี น สังเกตพฤติกรรมระหวา่ ง แบบประเมนิ พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ใน จดั การเรียนรู้ ระหว่างจัดการเรยี นรู้ ระดับดีขน้ึ ไป 10. ส่อื และแหล่งเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ แบบฝึกหัด 1.4 เรอื่ ง หนว่ ยวดั แหลง่ การเรียนรู้ - หนังสือเรียนรายวิชาเคมี 1 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยสถาบันสง่ เสรมิ การสอน วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร - ห้องสมดุ โรงเรยี น

แบบฝกึ หัด 1.4 หน่วยวัด 1. จงเขียนแฟคเตอรเ์ ปล่ยี นหนว่ ยจากความสัมพนั ธต์ ่อไปนี้ 1.1 He 4 g มีปรมิ าตร 22.4 dm3 …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………. 1.2 ปริมาตร 1 m3 เทา่ กบั 1000 dm3 …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………. 1.3 CO2 1 mol มี 6.02 x 1023 molecule …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………. 1.4 มวล 1 amu เท่ากับ 1.66 × 10-24 g …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………. 1.5 ทองคำ 1 บาท หนกั 15.244 g …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………. 2. จงแสดงวธิ กี ารเปลยี่ นหน่วย ไปเปน็ หน่วยใหมท่ ี่ต้องการในแตล่ ะขอ้ ตอ่ ไปน้ี 2.1 59.2 cm เป็น dm …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………

2.2 1.8 kg เป็น mg …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………. 2.3 2,800 mL เปน็ dm3 …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… 2.4 3.2 g/mL เป็น Kg/dm3 …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… 3. จงคำนวณผลลพั ธ์จากโจทย์ตอ่ ไปน้ี 3.1 นำ้ สม้ สายชู (CH3COOH) 1 cm3 มีมวล 1.044 g ถา้ น้ำส้มสายชู 12.72 g จะมปี รมิ าตรกล่ี กู บาศก์ เซนตเิ มตร …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………… 3.2 ทองแดง 75.5 kg มีปริมาตรกี่ลูกบาศก์เมตร (ความหนาแน่นของทองแดง เท่ากับ 8.9 × 103 kg/m3) …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… ……………………………………………………………………………………………….………………………………..……………………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………

เฉลย แบบฝึกหดั 1.4 หน่วยวัด 1. จงเขียนแฟคเตอร์เปลยี่ นหน่วยจากความสมั พนั ธ์ตอ่ ไปนี้ 1.1 He 4 g มปี รมิ าตร 22.4 dm3 4g หรือ 22.4 dm3 22.4 dm3 4g 1.2 ปรมิ าตร 1 m3 เท่ากับ 1000 dm3 1 m3 หรอื 1000 dm3 1000 dm3 1 m3 1.3 CO2 1 mol มี 6.02 x 1023 molecule 1 mol หรอื 6.02 x 1023 molecule 6.02 x 1023 molecule 1 mol 1.4 มวล 1 amu เทา่ กบั 1.66 × 10-24 g 4g หรือ 22.4 dm3 22.4 dm3 4g 1.5 ทองคำ 1 บาท หนัก 15.244 g 1 bath หรอื 15.244 g 15.244 g 1 bath 2. จงแสดงวิธกี ารเปล่ียนหน่วย ไปเปน็ หนว่ ยใหม่ทตี่ อ้ งการในแตล่ ะข้อตอ่ ไปน้ี 2.1 59.2 cm เปน็ dm 59.2 cm = 59.2 cm × 1 m × 10 dm 100 cm 1 m = 5.92 dm 2.2 1.8 kg เป็น mg = 1.8 kg × 1000 g × 1000 mg 1.8 kg 1 kg 1 g = 1.8 kg × 106 mg 2.3 2,800 mL เป็น dm3 2,800 mL = 2,800 mL × 1 L × 1 dm3 1000 mL 1 L = 2.8 dm3

2.4 3.2 g/mL เป็น Kg/ dm3 3.2 g/mL = ×3.2 g × 1 kg 1000 mL × 1L 1 mL 1000 g 1L dm3 1 = 3.2 kg/dm3 3. จงคำนวณผลลพั ธจ์ ากโจทยต์ อ่ ไปนี้ 3.1 นำ้ สม้ สายชู (CH3COOH) 1 cm3 มีมวล 1.044 g ถา้ นำ้ สม้ สายชู 12.72 g จะมีปริมาตรก่ลี ูกบาศก์ เซนติเมตร โจทย์ตอ้ งการ เปลย่ี น CH3COOH 12.72 g เปน็ cm3 โจทยใ์ ห้ ความสมั พันธ์ CH3COOH 1 cm3 = 1.044 g แฟคเตอรเ์ ปลยี่ นหนว่ ย คอื 1 cm3 CH3COOH หรือ 1.044 g CH3COOH 1.044 g CH3COOH 1 cm3 CH3COOH วธิ ีทำ จากสูตร ปริมาณและหน่วยทต่ี อ้ งการ = ปรมิ าณและหน่วยทีโ่ จทย์กำหนด × แฟคเตอร์เปลีย่ นหนว่ ย แทนคา่ ปรมิ าตรของ CH3COOH = 12.72 g CH3COOH × 1 cm3 CH3COOH 1.044 g CH3COOH = 12. 18 cm3 ดังนั้น นำ้ ส้มสายชู (CH3COOH) มวล 1.044 g มีปริมาตรเทา่ กับ 12. 18 cm3 3.2 ทองแดง 75.5 kg มีปริมาตรกี่ลูกบาศก์เมตร (ความหนาแน่นของทองแดงเท่ากับ 8.9 × 103 kg/m3) โจทยต์ ้องการ เปล่ยี น ทองแดง 75.5 kg เป็น m3 โจทย์ให้ ความสัมพนั ธ์ ทองแดง 8.9 × 103 kg มปี รมิ าตร = 1 m3 แฟคเตอรเ์ ปลยี่ นหนว่ ย คอื 8.9 × 103 kg Cu หรอื 1 m3 Cu 1 m3 Cu 8.9 × 103 kg Cu วธิ ีทำ ปรมิ าณและหน่วยทต่ี ้องการ = ปรมิ าณและหน่วยท่โี จทยก์ ำหนด × แฟคเตอร์เปลี่ยนหนว่ ย จากสตู ร ปริมาตรของ Cu = 75.5 kg Cu × 1 m3 Cu แทนค่า 8.9 × 103 kg Cu = 8.5 × 10-3 m3 ดังนัน้ ทองแดง 75.5 kg มีปริมาตรเทา่ กบั 8.5 × 10-3 m3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook