ไมตรัสรยู ่ิง' ดังน.ี้ แมในวนิ ัยบัญญัติ พระองคตรสั แลวอยางน้วี า 'ดกู อ นอานนท โดย กาลทเี่ ราผตู ถาคตลว งไปแลว พระสงฆเ มอื่ จาํ นง จะเลกิ ถอนสิกขาบททง้ั หลายนอย และนอ ยโดยลาํ ดับเสีย กจ็ งเลิกถอนเถิด' ดงั น.้ี กแ็ ตพระตถาคตเจา ทรงลองใจภิกษุ ท้ังหลายวา 'สาวกท้ังหลายของเราผตู ถาคต เราผูตถาคตใหส ละละวางสิกขาบท โดย กาลทเี่ ราผตู ถาคตลวงไปแลว จกั ละวางสกิ ขาบททั้งหลาย นอ ยและนอ ยโดยลําดับหรือ วา จักถอื เอาสกิ ขาบทท้ังหลาย นอ ยและนอ ยโดยลําดับ' จงึ ตรัสพทุ ธพจนนนั้ . อุปมา เหมอื นพระเจา จักรพรรดิ มพี ระราชโองการตรัสกะพระราชโอรสทงั้ หลายอยา งนีว้ า 'พอ ท้งั หลาย มหาชนบทนแี้ ลมีสาครเปน ท่สี ุดรอบในทิศทง้ั ปวง' พอ ทงั้ หลาย เจา ทงั้ หลาย ยากที่จะกระทาํ เพือ่ จะทรงไวด วยกาํ ลงั มปี ระมาณเทานั้น, เจาทงั้ หลายมาเถดิ โดยกาล ที่เราลว งไปแลว เจา ทง้ั หลายละตําบลทงั้ หลายท่ตี ง้ั อยูในทีส่ ุดแหง แดน ๆ เสยี เถดิ , ดงั นี้ ; พระราชกุมารทงั้ หลายเหลา นนั้ โดยกาลทพี่ ระชนกลว งไปแลว จะพงึ ละวางตําบล ท้ังหลายทต่ี ง้ั อยูใ นทสี่ ดุ แหง แดน ๆ เหลา นน้ั ท้ังปวง ในชนบททีถ่ งึ พระหัตถแ ลว บา งหรอื แล ขอถวายพระพร.\" ร. \"หาไม พระผเู ปนเจา ธรรมดาพระมหากษัตริยท ง้ั หลายมคี วามปรารถนายงิ่ นกั , พระราชกมุ ารทง้ั หลายพึงรวบรวมชนบทสองเทาสามเทา ย่งิ ขน้ึ ไปกวา ชนบททถี่ งึ พระหตั ถแลว น้ัน ดวยความโลภในราชสมบัต,ิ พระราชกมุ ารทงั้ หลายเหลาน้ันจะพงึ ละ วางชนบททถ่ี ึงพระหัตถแ ลว อะไรเลา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร พระตถาคตเจา เม่อื ลองใจภิกษุทง้ั หลาย ตรัสแลว อยางน้ี วา 'ดกู อนอานนท โดยกาลทเ่ี ราผูต ถาคตลว งไปแลว พระสงฆเ ม่ือจาํ นงจะเลิกถอน สกิ ขาบททง้ั หลายนอยและนอยโดยลาํ ดบั เสีย กเ็ ลกิ ถอนเถิด' ดงั น.ี้ พระพทุ ธโอรส ท้งั หลาย พึงคมุ ครองรกั ษาสกิ ขาบทสองรอ ยหาสิบท่ียง่ิ แมอนื่ ดวยความโลภในธรรม เพือ่ ความพน จากทุกข, พระพทุ ธโอรสทงั้ หลาย พึงละวางสกิ ขาบททพ่ี ระตถาคตทรง บัญญตั ไิ วแลวโดยปกตอิ ะไรเลา ฉนั นน้ั นน่ั เทียวแล.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระผมู ีพระภาคเจาตรสั พระพทุ ธพจนใดวา 'สกิ ขาบททง้ั หลายนอยและนอยโดยลาํ ดบั ' ดงั น,้ี ชนนหี้ ลงแลว เกดิ ความสงสัยแลน ไปสูค วามสงสยั โดยยง่ิ ในพระพุทธพจนน ีว้ า 'สิกขาบทเหลานนั้ สกิ ขาบทเหลา ไหน ชอ่ื วาสิกขาบทนอ ย สิขาบทเหลาไหน ช่อื วา สกิ ขาบทนอยโดยลาํ ดับ.\" ถ. \"ขอถวายพระพร สิกขาบททกุ กฏ ช่ือวา สิกขาบทนอ ย สกิ ขาบททพุ ภาสิต ชื่อ วา สิกขาบทนอ ยตามลําดบั , สองสกิ ขาบทเหลา น้ี ชื่อวาสกิ ขาบททั้งหลายนอ ยและนอ ย โดยลาํ ดับ. แมพระเถระผูใหญท ง้ั หลายมแี ลว ในกอน ใหเกดิ ความสงสัยในปญหาขอ น,้ี ปญ หานน้ั อนั พระผมู พี ระภาคมิไดท รงกระทาํ ในทอ่ี นั เดยี วกนั แมโดยพระเถระทง้ั หลาย
เหลานน้ั ปญหานี้พระผมู พี ระภาคแสดงแลว เพราะปรยิ ายเพอื่ ความตง้ั ม่นั แหงพระ ธรรม.\" ร. \"พระผูเปน เจา ขอลี้ลับของพระพุทธเจา ผูช นะแลว พระผเู ปนเจา เกบ็ ไวนาน แลว พระผูเ ปน เจา มาเปดแลว กระทําใหป รากฏแลวในโลก ในกาลนี้ ในวนั น.้ี \" ๒. ฐปนียาพยากรณปญ หา ๑๒ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา พระพทุ ธพจนน ี้ อนั พระผมู พี ระภาคแมไ ด ทรงภาสติ แลววา 'ดูกอนอานนท กาํ มอื ของอาจารยในธรรมทง้ั หลาย ไมมีแดพ ระ ตถาคต'ดังน.ี้ ก็แตพระผมู พี ระภาคเจาอนั พระเถระผบู ุตรแหงนางพราหมณชี ่อื มาลงุ ก ยะ มาทูลถามปญหาอีกไมท รงพยากรณแ ลว. ปญหานีม้ สี ว นสอง จกั เปนปญหาอาศัย สวนหนงึ่ แลว โดยความไมร บู าง โดยความกระทาํ ความซอนบา ง. ถา วา พระผูมพี ระ ภาคเจาตรสั แลว วา 'ดกู อนอานนท กาํ มอื ของอาจารยในธรรมทัง้ หลาย ไมม แี ดพ ระ ตถาคต' ดังน.้ี ถา อยางนนั้ พระองคเ มอื่ ไมรู จึงไมพ ยากรณแ กพ ระเถระผูบ ตุ รแหงนาง พราหมณชี อื่ มาลุงกยะ. ถาวาพระองครูอยู ไมพ ยากรณ, ถาอยา งน้ัน กํามอื ของ อาจารยใ นธรรมทัง้ หลาย ยอ มมีแดพระตถาคต. ปญหาแมน ี้สองเงอื่ น มาถงึ พระผเู ปน เจา แลว, ปญหาน้ันพระผูเปน เจาพงึ ขยายใหแ จม แจงเถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมไ ดท รงภาสิตพระ พทุ ธพจนน ว้ี า 'ดูกอ นอานนท กํามอื ของอาจารยใ นธรรมทั้งหลาย ยอ มไมม แี ดพ ระ ตถาคต' ดงั น.ี้ สวนพระเถระมาลงุ กยบตุ รมาทลู ถามปรศิ นาแลว พระองคไมทรง พยากรณแ ลว, ก็แหละความไมทรงพยากรณน นั้ พระองคจ ะไดทรงกระทําดว ยความไม รู ก็หาไม จะไดทรงกระทาํ โดยความกระทําความซอน กห็ าไม. ความพยากรณป ญหา ทง้ั หลายเหลา นี้ มสี ปี่ ระการ, ความพยากรณป ญ หาสปี่ ระการเปน ไฉน ? ปญหาที่ จําตอ งพยากรณโดยสว นเดยี วหนง่ึ , ปญ หาทต่ี องแจกพยากรณห นง่ึ , ปญ หาทตี่ องยอ น ถามแลวจงึ พยากรณหนง่ึ , ปญ หาทจ่ี ําตองยกไวห นึ่ง, ปญหาทีต่ องยอนถามแลวจงึ พยากรณห น่ึง, ปญหาทจ่ี าํ ตอ งยกไวห นึง่ , กป็ ญ หาที่จาํ ตองพยากรณโ ดยสวนเดยี วเปน ไฉน? ปญหาทจ่ี ําตอ งพยากรณโ ดยสวนเดียววา \"รปู อนจิ จ\"ํ รูปไมเ ทีย่ ง \"เวทนา อนิจจา\" เวทนาไมเ ทย่ี ง \"สญญา อนจิ จา\" ความจาํ หมายไมเท่ียง \"สังขารา อนจิ จา\" สังขารทงั้ หลายไมเ ท่ยี ง \"วิญญาณํ อนจิ จ\"ํ วญิ ญาณไมเที่ยง; น้ีปญหาทีจ่ ําตอ ง พยากรณโดยสวนเดยี ว.
ปญหาทีต่ อ งแจกพยากรณเปนไฉน? ปญหาวา \"รปู เปนของไมเ ทีย่ งหรอื เลา,\" \"เวทนา, สญั ญา, สังขาร, วญิ ญาณ, เปน ของไมเ ทีย่ งหรือเลา ดงั น\"ี้ ละอยาง ๆ เปน ปญ หาตอ งแจกพยากรณละอยา ง ๆ; น้ี เปน ปญหาตองแจกพยากรณ. ปญหาตองยอ นถามแลวจงึ พยากรณเ ปนไฉน? ปญหาวา \"บคุ คลยอมรแู จง ส่ิง ทงั้ ปวงดว ยจกั ษุหรอื หนอแล\" ดังน,้ี เปน ปญ หาตอ งยอนถามแลว จงึ พยากรณ. ปญหาท่คี วรงดไวเ ปนไฉน? ปญ หาวา \"โลกเทย่ี งหรอื \" ดังน้ี เปน ปญหาควรงด ไว, ปญ หาวา \"โลกไมเทยี่ งหรอื ,\" \"โลกมที ่ีสดุ ,\" \"โลกไมมีทส่ี ุด,\" \"โลกมีทสี่ ดุ ดวยไมม ที สี่ ุด ดว ย,\" \"โลกมีทสี่ ดุ ก็ไมใชไ มม ีทสี่ ุดกไ็ มใ ช, \" \"ชีวติ กอ็ นั นน้ั สรีระก็อนั นน้ั ,\" \"ชีวติ ตา งหาก สรีระตา งหาก,' \"สตั วมีในเบอ้ื งหนาแตความตาย,\" \"สัตวไ มม ใี นเบือ้ งหนา แตความตาย,\" \"สตั วมีดว ย ไมม ีดว ย ในเบื้องหนา แตความตาย,\" \"สัตวมีกไ็ มใช ไมมกี ไ็ มใชในเบื้องหนา แตความตาย,\" เปน ปญหาควรงดคอื ไมค วรแกละอยา ง ๆ;นี้เปน ปญหาควรงดไว. พระผู มพี ระภาคไมท รงพยากรณปญ หาควรงดนน้ั แกพระเถระมาลงุ กยบุ ตร. และปญ หานั้น ควรงดเพราะเหตุอะไร? เหตหุ รือการณเพอ่ื จะแสดงปญ หานนั้ ไมม ,ี เพราะเหตนุ นั้ ปญหานี้จึงควรงดไว, ควรเปลง วาจาไมมกี ารณไมมีเหตยุ อ มไมม แี ตพ ระผูมีพระภาคเจา ผูต รัสรแู ลว ท้ังหลาย ขอถวายพระพร.\" ร. \"ดีละ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอวสิ ชั นาปญ หาน้ี สมอยา งนน้ั , ขา พเจา ยอม รบั รองอยา งนน้ั .\" ๓. มัจจภุ ายนปญหา ๑๓ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา พระพทุ ธพจนน ้ี อนั พระผูมพี ระภาคเจา แมท รงภาสติ แลววา 'สตั วท้งั หลายทงั้ ปวง ยอ มสะดงุ ตออาชญา สัตวท ้งั หลายทง้ั ปวง ยอมกลวั ตอ ความตาย' ดงั น.้ี และพระองคต รัสแลว วา 'พระอรหันตก า วลว งภยั ท้ังปวง แลว' ดงั นีอ้ กี . พระอรหันตย อ มสะดงุ แตอาชญาและภยั หรอื สัตวท ง้ั หลายในนรกทีเ่ สวย ทกุ ขอ ยใู นนรกมไี ฟโพลงแลว รอ นพรอ มแลว เม่อื จะเคลอ่ื นจากนรกใหญมเี ปลวแหง ไฟ โพลงแลว นน้ั ยอมกลวั แตมจั จดุ ว ยหรอื ? ถาวา พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั แลววา 'สัตว ทง้ั หลายทงั้ ปวง ยอ มสะดงุ ตออาชญา สตั วท ้งั หลายทง้ั ปวง ยอ มกลวั ตอความตาย' ดังน,้ี ถา อยา งนนั้ คาํ ท่วี า 'สตั วท งั้ หลายทง้ั ปวงยอมสะดุงตออาชญา สตั วท้งั หลายทวั้ ปวงยอมกลัวตอความตาย' ดงั นี้ แมน ้ันกผ็ ิด. ปญ หาแมน ี้มีเงอ่ื นสอง มาถงึ พระผูเปน เจาแลว , ปญ หาน้ันพระผูเ ปน เจาจงขยายออกใหแ จง ชดั เถดิ .\"
พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจามไิ ดทรงมุง หมายพระ อรหนั ตทงั้ หลายตรัสพระพทุ ธพจนน ้ีวา 'สตั วทัง้ หลายทั้งปวงยอมสะดุงตออาชญา สัตว ท้ังหลายทง้ั ปวงยอมกลวั ตอ ความตาย'ดังน,้ี พระอรหนั ตอนั พระผมู พี ระภาคเจา ยกแลว ในวัตถนุ ั้น, เหตแุ หงภยั อันพระอรหันตเ ลิกถอนพรอ มแลว , สัตวท ง้ั หลายเหลา ใดนน้ั เปนไปกบั ดวยกิเลส อนงึ่ สัตวท งั้ หลายใด มที ฏิ ฐไิ ปตามซ่งึ ตน คือ เห็นวาเปน ตัวเปน ตน มีประมาณยงิ่ อนึง่ สตั วท ง้ั หลายเหลา ใด ฟขู นึ้ และยอมลงแลวเพราะสขุ และทุกข ทงั้ หลาย, พระผมู พี ระภาคเจา ทรงมงุ หมายสัตวท ง้ั หลายเหลา นน้ั ตรสั แลววา 'สตั ว ทั้งหลายทงั้ ปวง ยอมสะดงุ ตอ อาชญา สตั วท ้ังหลายทงั้ ปวงยอ มกลวั ตอความตาย' ดงั น.้ี คตทิ ั้งปวงอนั พระอรหนั ตเขา ไปตัดเสียแลว, กําเนดิ อันพระอรหนั ตย ้ือแยง เสยี แลว ปฏิสนธิอันพระอรหันตก าํ จดั เสียแลว , กเิ ลสดังซี่โครงทง้ั หลาย อนั พระอรหนั ตห กั ราน เสียแลว , อาลัยในภพทั้งหลายทงั้ ปวง อนั พระอรหันตถ อนข้นึ พรอ มแลว, กศุ ลและ อกุศล อันพระอรหนั ตก าํ จดั เสยี แลว , อวชิ ชาอนั พระอรหนั ตกาํ จดั ใหพ นิ าศแลว , วิญญาณ อนั พระอรหนั ตก ระทาํ ไมใ หเ ปน พชื ไดแลว , กิเลสท้งั หลายทงั้ ปวง อนั พระ อรหันตเ ผาเสยี แลว , โลกธรรมท้ังหลาย อนั พระอรหนั ตเ ปน ไปลว งไดแ ลว, เพราะเหตนุ ้นั พระอรหนั ตย อ มไมส ะดงุ แตภยั ทัง้ หลายทว้ั ปวง. ขอถวายพระพร ในนครนี้ พงึ มมี หาอมาตยท้ังส่ขี องพระมหากษตั รยิ ลว นเปน ผู อนั พระราชาโปรด ไดยศแลว มคี วามคนุ เคยในพระมหากษตั รยิ พระองคท รงตง้ั ไวใ น ตาํ แหนง มคี วามเปน อิสระใหญ. ลําดบั นน้ั ครั้นเม่ือราชกิจอนั หนง่ึ เกิดขึ้นแลว พระมหากษัตรยิ ทรงมพี ระราชบัญชา ชนทงั้ ปวงในแวน แควนของพระองคโ ดยประมาณ เทาไรวา \"ชนทง้ั หลายทัง้ ปวงเทยี ว จงกระทาํ พลแี กเ รา, ทา นท้ังหลายผมู หาอมาตยสจ่ี ง ยงั กิจนนั้ ใหส าํ เร็จ;\" ความสะดุงเพราะกลวั แตพลี จะพึงเกิดข้ึนแกม หาอมาตยท ง้ั สี่ เหลา น้ันบา งหรอื เปนไฉน ขอถวายพระ.\" ร. \"หาไม พระผเู ปน เจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร ความสะดงุ กลัวแตพ ลี ไมพ งึ เกิดขนึ้ แกม หาอมาตยท ง้ั สี่ เหลา นั้น เพราะเหตอุ ะไร?\" ร. \"มหาอมาตยส เ่ี หลา นน้ั อนั พระมหากษตั รยิ ทรงต้งั ไวแ ลวในตาํ แหนง อัน สงู สุด, พลยี อมไมมแี กมหาอมาตยท งั้ ส่ีเหลา นนั้ .\" ถ. \"มหาอมาตยท ั้งสเี่ หลา นนั้ มพี ลอี นั กา วลว งดวยประการทงั้ ปวงแลว , พระมหากษตั รยิ ทรงมงุ หมายชนท้ังหลายอันเศษนอกจากมหาอมาตยเ หลา นนั้ ทรงพระ ราชบญั ชาแลว วา 'ชนทง้ั หลายทงั้ ปวงเทยี ว จงกระทําพลีแกเรา' ดังนี้ ฉันใด; พระพทุ ธ พจนน ้ีอันพระผมู พี ระภาคเจา มิไดท รงมงุ หมายพระอรหนั ตท ง้ั หลายตรสั แลว, พระ
อรหนั ตพระองคยกเสียแลวในวัตถนุ น้ั , เหตแุ หง ความ กลวั ของพระอรหันต ทา นเลกิ ถอนพรอมแลว ; สัตวท ง้ั หลายเหลา ใดนั้นทย่ี งั มกี เิ ลส อนง่ึ ทิฏฐไิ ปตามตนของสตั ว ทัง้ หลายเหลา ใด มีประมาณยิ่ง คอื หนาหนักในสนั ดาน อนง่ึ สตั วท งั้ หลายเทาใด ฟขู นึ้ และยอบลงแลว เพราะสขุ และทุกขท งั้ หลายพระผมู พี ระภาคทรงมงุ หมายสตั วท งั้ หลาย เหลานัน้ ตรสั แลววา 'สตั วทง้ั หลายทงั้ ปวง ยอมสะดงุ ตออาชญา สัตวท งั้ หลายทงั้ ปวง ยอมกลัวตอความตาย' ดังน้ี ฉนั น้นั โดยแท. เพราะเหตนุ นั้ พระอรหนั ตย อ มไมส ะดงุ แต ภัยท้ังหลายทงั้ ปวง ขอถวายพระพร.\" ร. \"พระผูเปน เจา คาํ วา \"สัพเพ\" ทงั้ ปวงน้ี แสดงสตั วม ีสว นเหลอื หามไิ ด, คาํ วา \"สพั เพ\" ทงั้ ปวงนี้ กลา วสตั วไ มม ีสวนเหลือ, พระผเู ปน เจา จงกลา วเหตยุ ิง่ ในขอน้ันแก ขาพเจา เพ่อื ใหค าํ นน้ั มหี ลักฐาน\" ถ. \"ขอถวายพระพร ในที่น้ี พงึ มีเจา ของบา นนายบา นบงั คบั บุรษุ ผรู ับใชวา 'ผูรับใชผ เู จริญ ทานจงมา บรรดาชาวบา นทง้ั หลายในบา น มปี ระมาณเทา ใด ทา นจงยงั ชาวบา นทงั้ หลายทง้ั ปวงเหลานนั้ ใหประชมุ กนั ในสํานักของเราโดยเรว็ ' ดงั น;ี้ ผรู ับใชนัน้ รับวา 'ดลี ะเจา ขา ' แลวยืนอยู ณ ทามกลางแหงบา น ยงั ชนทง้ั หลายใหไ ดยนิ เสยี งเนอื ง ๆ สามครั้งวา 'บรรดาชาวบา นทงั้ หลายในบา นมีประมาณเทาใด ชาวบานทงั้ หลายทงั้ ปวงเหลานน้ั จงประชมุ กันในสํานักของเจา บา นโดยเรว็ ๆ;' ลําดบั น้ัน ลูกบานทงั้ หลาย เหลานน้ั รบี ประชมุ กนั ตามคาํ ของบรุ ษุ ผบู งั คบั แลว จงึ บอกแกเจา ของบา นวา 'ขา แต เจา ลกู บานทงั้ หลายทั้งปวงประชุมกันแลว , กิจทีจ่ าํ ตอ งกระทําอนั ใด ของทา นมีอยู ทา นจงกระทาํ กิจนน้ั ' ดังน.้ี เจาของบา นนนั้ เมอ่ื ใหพอเรอื นทง้ั หลายใหป ระชุมกนั บงั คับ ลกู บา นทงั้ หลายทง้ั ปวง, สวนลูกบานท้งั หลายเหลานนั้ อันเจา บา นบังคบั แลวจะประชมุ กนั ทัง้ หมดหามิได ประชมุ แตพ อเรอื นทงั้ หลายพวกเดยี ว, สวนเจา ของบานกย็ อ มรับวา 'ลูกบา นทงั้ หลายของเราเทา นน้ี น่ั เทียว' คนทงั้ หลายเหลา อ่นื ทไี่ มม าแลวมากกวา , สตรี และบุรุษทงั้ หลาย ทาสแี ละทาสท้ังหลาย ลกู จางทงั้ หลาย กรรมกรทั้งหลาย ชาวบา น ทง้ั หลาย ชนใชท ้ังหลาย โคและกระบอื ทงั้ หลาย แพะและแกะทง้ั หลายทเี่ ปนสัตวด ี ชน ท้งั หลายเหลา ใด ท่ไี มม าแลว ชนทง้ั หลายเหลา นน้ั ทงั้ ปวง เจา ของบา นมิไดร ับแลว , เพราะความทลี่ กู บานอนั เจา ของบานมุง หมายพอ เรือนทงั้ หลายพวกเดยี ว บงั คับแลววา 'ชนทง้ั หลายเหลา นัน้ ทงั้ ปวง เจา ของบา นมไิ ดรับแลว, เพราะความทลี่ กู บานอนั เจา ของ บา นมงุ หมายพอเรอื นทง้ั หลายพวกเดียว บังคบั แลว วา 'ชนทงั้ หลายทง้ั ปวงจงประชมุ กนั ' ดงั นี้ ฉนั ใด. คาํ นนั้ อนั พระผมู ีพระภาคเจามไิ ดม ุงหมายพระอรหันตทั้งหลายตรสั แลว , พระอรหนั ต พระองคทรงยกแลวในวตั ถุนน้ั , เหตุแหงความกลวั ของพระอรหนั ต ทา นเลิกถอนแลว สัตวท ั้งหลายเหลา ใดนน้ั ทย่ี ังมกี เิ ลส อน่งึ ทฏิ ฐิไปตามตนของสตั ว
ทั้งหลายเหลา ใด มีประมาณยง่ิ อน่งึ สัตวท งั้ หลายเหลาใด ฟขู ้นึ และยอบลงแลว เพราะ สขุ และทกุ ขทง้ั หลาย, พระผมู พี ระภาคทรงมงุ หมายสตั วท ้งั หลายเหลา นนั้ ตรสั แลว วา 'สัตวท ง้ั หลายท้งั ปวง ยอ มสะดงุ ตอ อาชญา สตั วท ัง้ หลายท้ังปวงยอ มกลัวตอ ความตาย' ดังนี้ ฉนั นน้ั โดยแท. เพราะเหตนุ นั้ พระอรหนั ตย อมไมสะดุงแตภ ัยทั้งหลายทงั้ ปวง. ขอถวายพระพร คาํ แสดงสตั วม ีสว นเหลือ อรรถแสดงสตั วมีสว นเหลือก็ม,ี คํา แสดงสัตวมสี ว นเหลือ อรรถแสดงสัตวไมมสี วนเหลอื กม็ ,ี คาํ แสดงสตั วไ มมสี วนเหลือ อรรถแสดงสัตวมสี ว นเหลอื กม็ ,ี คําแสดงสตั วไ มมีสว นเหลือ อรรถกแ็ สดงสัตวไมม สี วน เหลอื ก็ม:ี เนอื้ ความบัณฑิตพงึ รับรองดวยเหตุนน้ั ๆ. เนอ้ื ความอนั บณั ฑติ พงึ รบั รองโดย เหตุหา อยาง คอื โดยอาหจั จบทหนงึ่ โดยรสหนึง่ โดยอาจรยิ วงั สตาหนง่ึ โดยอธิบาย หนงึ่ โดยการณุตตรยิ ตาหนง่ึ ก็ในเหตุหาอยางน้ี สตู รทานอธบิ ายวา อาหัจจบท, สุตตา นโุ ลม ทา นอธบิ ายวา รส, อาจริยวาท ทานอธบิ ายวา อาจรยิ วังสะ, อตั ตโนมัติ ทา น อธบิ ายวา อธบิ าย, เหตถุ งึ พรอมดว ยเหตทุ ง้ั หลายสี่เหลา นี้ ทานอธิบายวา การณตุ ตริย ตา. เนื้อความ บณั ฑิตพงึ รบั รองโดยเหตทุ ง้ั หลายหา ประการเหลา นแ้ี ล : ปญหานี้ จึง เปนปญ หาอันอาตมภาพวินจิ ฉยั ดแี ลวดวยประการอยา งนี้ ขอถวายพระพร.\" ร. \"พระผูเ ปน เจานาคเสน ปญ หานเ้ี ปน ปญ หาอนั พระผเู ปน เจา วนิ ิจฉยั ดแี ลว เถิด, ขา พเจา รบั รองปญหานน้ั อยา งนน้ั , พระอรหันตจงเปน ผอู ันพระผมู ีพระภาคเจา ยก แลวในวัตถนุ นั้ , สัตวทง้ั หลายเหลือนน้ั สะดงุ เถิด. ก็แตว า สัตวท ้ังหลายทเี่ กดิ ในนรก เสวยทกุ ขเวทนากลา เผ็ดรอ นอยูในนรก มอี งคอวยั วะใหญน อ ยทง้ั ปวงโพลงชชั วาทแลว เปนผูรองไหน า สงสาร คร่ําครวญรํา่ ไรบนเพอดวยปาก อนั ทกุ ขกลาเหลอื ทนครอบงาํ แลว ไมมีผูเปน ทพี่ ึ่ง ไมมีผูเ ปน ทีร่ ะลกึ เปน สัตวห าผเู ปน ทพี่ ึ่งมิได อาดรู ดว ยความโศกไม นอย เวยี นวา ยอยู เปน สัตวม ีความโศกเปน ทถ่ี งึ ในเบ้ืองหนา โดยสว นเดยี ว, เมื่อจุตจิ าก นรกใหญ มเี สยี งใหญน ฤนาท ยงั ภยั นากลวั ใหเกดิ อากูลดวยระเบยี บแหง เปลวหก อยางเดย่ี วประสานกนั แลว มเี ร่ยี วแรงแหง เปลวแผไ ปไดเนือง ๆ ตลอดรอยโยชน โดยรอบ กระดาง เปน ทีย่ งั สตั วใหร อ น จะกลวั ตอความตายดว ยหรอื เลา? พระผเู ปน เจา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร สัตวเ หลา นน้ั ยอ มกลวั ตอความตาย.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน นรกยงั ทุกขเวทนาใหเ กดิ โดยสว นเดียวไมใ ชหรือ, สตั วท ง้ั หลายทีเ่ กิดในนรกเหลา น้ัน เสวยแตทุกขเวทนาโดยสว นเดยี ว เมอ่ื จะเคลอ่ื นจาก นรกยอมกลวั แตค วามตายเพ่ือเหตอุ ะไรเลา , ยอ มยนิ ดีในนรกเพือ่ เหตุอะไรเลา พระผู เปนเจา ?\"
ถ. \"ขอถวายพระพร สัตวท ง้ั หลายท่เี กิดอยใู นนรกเหลา นน้ั ซง่ึ จะยินดอี ยใู นนรก หามิได, สตั วท ั้งหลายท่ีเกิดอยูในนรกเหลา นนั้ อยากจะพน จากนรกโดยแท; ความ สะดุงเกิดข้นึ แกส ตั วเ กดิ ในนรกทั้งหลายเหลา นนั้ ดวยอานภุ าพใด อานภุ าพนี้ เปน อานภุ าพของความตาย ขอถวายพระพร.\" ร. \"ความสะดงุ เพราะจุติเกดิ ขน้ึ แกส ัตวท ง้ั หลาย ทอี่ ยากจะพน อนั ใด ขา พเจา จกั ไมเชอ่ื ความเกดิ ความสะดุงน;้ี สัตวทง้ั หลายเหลา น้นั ไดส่งิ ที่ตนปรารถนาแลว ดวย เหตุท่ีเปน ท่ีตัง้ ใด เหตุท่ีเปน ที่ตง้ั นั้น ควรราเรงิ พระผเู ปนเจา. ใหข า พเจา ทราบดว ยดโี ดย เหตุเถิด พระผเู ปน เจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร เหตุเปนทีต่ ั้งนี้วา 'ความตาย' ดังนแี้ ล เปนเหตทุ ีต่ งั้ แหง ความสะดงุ ของสตั วทงั้ หลาย ท่ยี งั ไมไ ดเหน็ อริยสจั จ, ชนน้ียอ มสะดงุ ดว ย ยอม หวาดเสียวดว ย เพราะความตายน.้ี กบ็ ุคคลใดกลัวตองเู หา ผนู น้ั เม่อื กลวั ตอความตาย จึงกลวั ตองูเหา , ก็ผใู ด กลวั ตอ ชาง, ราชสีห เสือโครง, เสือเหลือง, หม,ี เสอื ดาว, ควาย, วัวลาน, ไฟ, นาํ้ , หลักตอ, หนาม, ละอยา ง ๆ ผูนน้ั เม่อื กลวั ตอ ความตาย จงึ กลวั ตอชาง , ราชสหี เสอื โครง , เสือเหลอื ง หม,ี เสือดาว, ควาย, ววั ลาน, ไฟ, น้าํ , หลักตอ, หนาม, ละอยา ง ๆ, กผ็ ใู ด กลัวตอหอก ผนู นั้ เมื่อกลัวตอความตาย จงึ กลวั ตอ หอกนน้ั . นั่นเปน เดชโดยภาวะกบั ทง้ั รสแหง ความตาย, สตั วท ั้งหลายท่ีมกี เิ ลส ยอมสะดงุ ยอมกลัวแต ความตาย ดวยเดชโดยภาวะกับทง้ั รสนนั้ , บรมบพติ ร สตั วทง้ั หลายทเ่ี กดิ ในนรก แม อยากจะพน นรก ยอ มสะดงุ ยอ มกลวั แตค วามตาย. ในทนี่ ้ี ถา มหี นอ เกดิ ขึ้นในกายของ บรุ ษุ ๆ นน้ั เสวยทกุ ขเพราะโรคน้ัน อยากจะพนจากอปุ ท วะจึงเรียกหมอทางผาตัดมา, หมอทางผา ตดั นน้ั รบั แกบ รุ ษุ นนั้ แลว พงึ ยงั เครอื่ งมือใหเ ขาไปต้งั อยู เพอ่ื จะบงโรคนนั้ คือ พึงกระทาํ ศัสตราใหคม พงึ เอาเหลก็ นาบสุมในไฟ พงึ บดเกลอื แสบดวยหนิ บด; ความสะดงุ พงึ เกดิ แกบุรุษผอู าดรู นน้ั ดวยอนั เชือดดว ยคมศัสตราอันคม และนาบดว ยคู ซเ่ี หล็ก และอนั ยงั นาํ้ เกลอื แสบใหเขา ไปบา งหรอื ไม?\" ร. \"ความสะดงุ พงึ บังเกิดขึ้นแกบรุ ุษนน้ั ซิ พระผูเปน เจา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร บรมบพติ ร เมอ่ื บุรษุ นน้ั กระสบั กระสา ยอยู แมใ ครจ ะพน จากโรค ความสะดงุ ยอ มเกดิ ขึน้ แกบ รุ ุษนน้ั เพราะความกลัวตอ เวทนา ดว ยประการ ดังน้ี ฉนั ใด, เมอ่ื สัตวท งั้ หลายทเ่ี กดิ อยใู นนรก แมใครจะพน จากนรก ความสะดงุ ยอม เกดิ ขนึ้ แกสัตวท ้งั หลายเหลา น้นั เพราะอนั กลวั แตความตาย ฉนั นนั้ นน่ั เทยี วแล. อกี อยา งหนง่ึ ในทน่ี ี้ มบี ุรุษกระทําความผิดในทา นผเู ปน อสิ ระตอ งจาํ ดว ยตรวน เคร่ืองจํา ตอ งขงั อยใู นหอ ง เปน ผใู ครเพ่อื จะพนไป, ชนผเู ปนอสิ ระนน้ั ใครจ ะปลอยบุรุษ นั้นนั่น พงึ เรยี กบุรษุ นนั้ มา;เมอ่ื บรุ ุษผกู ระทาํ โทษผิดในทา นผเู ปน อสิ ระน้ันรอู ยวู า 'ตัวมี
โทษไดกระทาํ แลว' ความสะดุง พึงเกิดขึ้นแกบรุ ุษนนั้ เพราะไดเ หน็ ทา นทเี่ ปน อสิ ระบา ง หรอื ไม? \" ร. \"ความสะดงุ ยอมเกิดข้ึนแกบ รุ ุษนน้ั ซ?ิ \" ถ. \"ขอถวายพระพร บรมบพติ ร เมอ่ื บรุ ุษผมู ีโทษผิดในทา นผเู ปน อิสระ ถงึ ปรารถนาจะพน จากเรือนจาํ ความสะดงุ ยอมเกดิ ขนึ้ แกบ รุ ษุ นนั้ เพราะกลวั แตทานผู เปนอสิ ระ ดว ยประการน้ี ฉนั ใด, เมื่อสัตวท ง้ั หลายทเี่ กดิ ในนรก ถงึ อยากจะพน จากนรก ความสะดงุ ยอมเกิดขึน้ แกส ตั วทง้ั หลายเหลา นนั้ เพราะกลัวแตค วามตาย ฉนั นน้ั โดย แท. \" ร. \"พระผเู ปน เจา พระผเู ปน เจาจงกลา วเหตทุ ยี่ ง่ิ ขน้ึ ไปแมอื่นอีก ขาพเจาจะพึง เช่ือดว ยเหตไุ รเลา ?\" ถ. \"ขอถวายพระพร บรมบพติ ร ในทน่ี ้ี พึงมีบุรุษอนั อสรพษิ มพี ิษรายกดั แลว บุรุษน้นั พึงลม ลงเกลือกกล้ิงดว ยพิษวกิ ารนนั้ , ครงั้ นน้ั มบี ุรษุ ผูใดผูหนงึ่ พึงเรยี กอสรพษิ มีพษิ รา ยนน้ั มา ดวยบทแหงมนตอ นั ขลงั ใหอ สรพษิ มพี ษิ รา ยน้ันดดู พษิ คืน เมอ่ื อสรพษิ มีพษิ รา ยนน้ั เขาไปใกล เหตคุ วามสวัสดี ความสะดงุ พงึ เกิดขน้ึ แกบ รุ ษุ ผูมีพษิ ซาบแลว นั้นบา งหรือไม? \" ร. \"ความสะดงุ ยอมเกิดขนึ้ แกบ ุรุษนน้ั ซ.ิ \" ถ. \"ขอถวายพระพร เม่ืออสรพิษเหน็ ปานนน้ั เขาไปใกล แมเ พราะเหตคุ วาม สวสั ดี ความสะดุงยงั เกดิ ข้นึ แกบ ุรษุ นั้น ดว ยประการฉะนี้ ฉันใด, ความสะดุง ยอ ม เกิดข้ึนแกส ัตวท ง้ั หลายที่เกิดในนรก แมใ ครจะพน จากนรกเพราะกลัวแตความตาย ฉนั นั้นโดยแทแ ล, ความตายเปน ของไมพ งึ ปรารถนาของสัตวท งั้ หลายทั้งปวง. เพราะเหตุ น้ันสัตวท งั้ หลายทเี่ กดิ ในนรก ถงึ อยากจะพนจากนรก กย็ อ มกลวั ตอความตาย.\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วิสชั นาปญ หาของพระผเู ปน เจา สมอยา งนน้ั , ขาพเจา ยอมรับรองอยา งนนั้ .\" ๔. มัจจุปาสามุตตกิ ปญหา ๑๔ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระพทุ ธพจนนอี้ นั พระผมู พี ระ ภาคเจา แมท รงภาสิตแลว วา 'บุคคลตงั้ อยูใ นอากาศ ไมพ งึ พน จากบวงแหง มจั จุ คือ ความตาย, บคุ คลตัง้ อยูใ นสมทุ ร ไมพ ึงพน จากบวงแหง มจั จ,ุ บุคคลเขาไปสูชองแหง ภูเขาทัง้ หลายแลว ไมพงึ พน จากบว งแหง มจั จุ, บคุ คลตั้งอยใู นประเทศแผน ดนิ ใด พงึ พน จากบว งแหง มจั จไุ ด ประเทศแผนดนิ นั้นไมม 'ี ดังน.้ี
สวนปริตรทงั้ หลาย อนั พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงขึ้นแลว อกี ; ปริตรทงั้ หลาย อยา งไรน?้ี ปริตรทัง้ หลาย คอื รตนสตู รหนงึ่ ขนั ธปริตรหนงึ่ โมรปรติ รหน่ึง ธชัคคปรติ ร หนง่ึ อาฏานาฏยิ ปริตรหนง่ึ องั คุลามาลปรติ รหนงึ่ . ถา วา บุคคล แมไปในอากาศแลว แม ไปในทา มกลางแหง สมทุ รแลว แมไ ปในปราสาท และกุฎี และทีเ่ ปน ทเี่ รน และถา้ํ และ เงอ้ื มเขา และซอกเขา และปลอง และชอ งเขา และระหวางภูเขายอ มไมพ นจากบว งแหง มจั จุได, ถา อยา งน้นั ความกระทําปริตรเปน ผดิ . ถาวาความพน จากบวงแหง มัจจุได ดว ยความกระทําปรติ รยอมมไี ซร, ถา อยา งนน้ั คาํ ทวี่ า 'บคุ คลต้งั อยแู ลวในอากาศ ตัง้ อยแู ลวในทา มกลางแหง สมทุ ร เขา ไปสชู อ งแหงภเู ขาทง้ั หลายแลว ไมพงึ พน จากบว ง แหง มัจจ,ุ บคุ คลตง้ั อยแู ลว ในประเทศแผน ดนิ ใด พงึ พน จากบวงแหง มัจจไุ ด ประเทศ แหงแผนดนิ นนั้ ยอ มไมม'ี ดังนี้ แมน น้ั ก็เปน ผิด. ปญ หาแมนี้สองเงอ่ื น มีขอดยงิ่ กวา ขอด โดยปกติ มาถงึ พระผูเปน เจา แลว, ปญ หานั้น พระผูเปน เจา พงึ แกไ ขใหจ ะแจงเถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมไดทรงภาสติ พระ พุทธพจนนวี้ า 'บุคคลตั้งอยแู ลว ในอากาศ พงึ พนจากบว งแหงมจั จุไมได, บคุ คลตัง้ อยู แลว ในทา มกลางแหง สมทุ ร พงึ พน จากบวงแหง มัจจุไมได, บุคคลเขา ไปแลวสูชองแหง ภูเขาท้ังหลาย พงึ พน จากบวงแหง มัจจุไมไ ด, บุคคลต้ังอยูในประเทศแผน ดนิ ใด พงึ พน จากบวงแหง มจั จไุ ด ประเทศแผนดนิ นน้ั ยอมไมมี' ดงั น.้ี อน่งึ ปริตรทง้ั หลาย พระผมู พี ระ ภาคเจา ไดท รงยกขนึ้ แสดงแลว. กแ็ หละความยกปรติ รข้ึนแสดงนนั้ พระองคทรงกระทํา เพอื่ บคุ คลมอี ายยุ งั เหลอื อยู เปน ผถู งึ พรอ มแลว ดว ยวยั มีกรรมเครื่องหามกันไป ปราศจากสนั ดานแลว, ความกระทาํ หรือ หรือความพากเพียรเพอ่ื ความตง้ั มนั่ ของ บคุ คลผสู ้ินอายแุ ลวยอ มไมม ,ี เหมือนตน ไมตายแลว แหง แลว ผไุ มม ยี าง มีความเปน อนั ตรายกน้ั แลว มีอายสุ งั ขารไปแลว เมอื่ บคุ คลพรมน้ําแมสกั พนั หมอ ความเปน ของชุม หรอื หรือความเปนไมมใี บออ น และเปน ของเขียวของตน ไมนนั้ ไมพ ึงมี ฉนั ใด, ความ กระทําหรอื ความเพยี รดวยเภสัช และความกระทาํ ปริตรเพอื่ ความตัง้ มนั่ แหง บคุ คลผูส้ิน อายุแลว ไมม .ี โอสถและยาทัง้ หลายในแผน ดนิ เหลาใดนน้ั แมย าท้งั หลายเหลา นั้น เปน ของไมก ระทาํ กจิ ของบคุ คลผูส ิ้นอายุแลว ปริตรยอ มรกั ษาคมุ ครองไดแตบ คุ คลผูมอี ายุ ยังเหลอื อยู ถึงพรอ มแลวดวยวยั ปราศจากกรรมเครอ่ื งหา มแลว, พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงปริตรท้งั หลายขน้ึ แลว เพอ่ื ประโยชนแ กบ ุคคลมอี ายุยงั เหลืออยู. เปรียบ เหมอื นชาวนา เมอื่ ขาวเปลอื กสกุ แลว เมื่อซงั ขา วตายแลว พงึ กนั้ น้ําไมใ หเ ขา ไปในนา, แตข า วกลา ใด ที่ยงั ออ นอาศยั เมฆ ถงึ พรอมแลวดว ยวัย ขาวกลา นนั้ ยอ มเจรญิ โดย ความเจรญิ ดว ยนํ้า ฉนั ใด, เภสัชและความกระทาํ ปริตร เพ่ือบคุ คลผสู น้ิ อายุแลว พระองคยกหา มแลว, ก็แตวา มนษุ ยท งั้ หลายเหลา ใดนนั้ เปน ผมู อี ายยุ งั เหลอื อยู ยงั ถงึ
พรอ มดว ยวัยอยู พระองคต รัสปริตรและยาทง้ั หลาย เพอ่ื ประโยชนแ กม นุษยท งั้ หลาย เหลาน้นั , มนษุ ยทงั้ หลายเหลา นน้ั เจรญิ อยดู ว ยปรติ รและเภสัชทั้งหลาย ขอถวายพระ พร.\" ร. \"พระผูเปน เจา ถา บคุ คลสนิ้ อายแุ ลว ยอมตาย บคุ คลทยี่ งั มีอายเุ หลอื อยู ยอ มเปน อย,ู ถา อยา งนัน้ ปรติ รและเภสชั ทงั้ หลายเปนของไมมีประโยชนนะ ซ.ิ \" ถ. \"ขอถวายพระพร กบ็ รมบพิตรเคยทอดพระเนตรเห็นโรคอะไร ๆ ทคี่ ืนคลาย ไป เพราะเภสัชทัง้ หลายบางหรอื ไม?\" ร. \"เคยเหน็ ซิ พระผูเ ปนเจา ขาพเจา ไดเหน็ มาหลายรอ ยแลว.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ถา อยางนัน้ คาํ ท่วี า 'ความทาํ ปริตรและเภสชั หาประโยชน มไิ ด' ดงั นนี้ ้นั ยอมเปนคาํ ผดิ .\" ร. \"พระผูเปน เจา นาคเสน ความด่มื และชะโลมยาทงั้ หลายเพราะความเพยี ร ของหมอท้ังหลายปรากฏอย,ู โรคคืนคลายเพราะความเพยี รนน้ั ของหมอทัง้ หลาย เหลาน้ัน.\" ถ. \"ขอถวายพระพร แมเสยี งของบคุ คลทั้งหลาย เมอ่ื ยังปริตรทัง้ หลายให เปน ไปอยู คอื สวดปรติ รอยู ชนทงั้ หลายอน่ื ยอ มไดย นิ อยู, ชวิ หาของบคุ คลผสู วดปรติ ร เหลานั้นยอ มแหง ใจยอ มวงิ เวียน คอยอ มแหบ; พยาธทิ ั้งปวงยอมระงบั ไป ความจญั ไร ทง้ั หลายทง้ั ปวงยอ มปราศจากไป ดวยความเปน ไปแหงปริตรท้งั หลายเหลา น้ัน ๆ. บรม บพติ รเคยทอดพระเนตรเหน็ แลว หรอื ใคร ๆ ทอี่ สรพษิ กดั แลว ผูมวี ิชชาปรติ รขบั พิษ ขจัดปด เปา พษิ ใหเ สอ่ื มคลาย มชี วี ิตรอดอยูได. \" ร. \"อยางนนั้ ซิ พระผูเปน เจา ขอ นั้นยอมเปน ไปในโลก แมใ นทกุ วนั น.ี้ \" ถ. \"ขอถวายพระพร ถา อยา งนั้น คําที่วา 'ความกระทาํ ปริตรและเภสชั หา ประโยชนม ิได' ดังนน้ี น้ั ผิด. เพราะอสรพษิ ใครจ ะกดั กก็ ดั บรุ ษุ ผูกระทาํ ปรติ รแลวไมไ ด, ปากของอสรพิษที่อา ขน้ึ แลว ยอมหบุ ลง, แมต ะบองท่ีโจรท้ังหลายเง้ือข้นึ แลว ยอ มตีไม ลง, โจรทงั้ หลายเหลานนั้ ปลอ ยตะบองเสยี กระทําความรักใคร, คชสารประเสริฐ แม โกรธแลว เขามาใกลแลว กลบั ยินด,ี กองไฟใหญโ พลงชชั วาลแลวเขา มาใกลแ ลว ดบั ไป, ยาพษิ แรงกลา อนั บรุ ุษผกู ระทําปรติ รนนั้ เคย้ี วแลว กลบั กลายเปน ยาบําบัดโรคไปบาง แผไปเพื่ออาหารกิจบาง, ขา ศึกทง้ั หลายใครจะฆา คร้นั เขาไปใกลแลว กลับยอมตัวเปน ทาส, บว งแมบ ุรุษผูก ระทาํ ปริตรนนั้ เหยียบแลว ยอ มไมร ูด. อนงึ่ บรมบพติ รเคยทรงสดบั แลวหรอื เม่ือนกยงู กระทาํ ปริตรอยู พรานนกไมอาจเพื่อจะนําบว งเขา ไปใกลนกยูงนนั้ ถงึ เจ็ดรอ ยป, มาวนั หนงึ่ นกยูงนน้ั ประมาทไปหาไดก ระทาํ ปรติ รไม พรานนกจึงไดน าํ บวงเขา ไปใกลน กยงู นน้ั ไดในวันนน้ั .\"
ร. \"ขาพเจา เคยไดฟ งซิ กติ ตศิ ัพทน นั้ ฟุง ทง้ั ไปในโลกทงั้ เทวดา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ถา อยางนัน้ คาํ ทวี่ า 'ความกระทาํ ปริตรและเภสัชหา ประโยชนม ไิ ด' ดงั นน้ี นั้ เปนผดิ . อน่ึง บรมบพติ รเคยทรงสดับแลว หรือ ทานพ (อสูรบตุ ร ของอสรู มารดาชือ่ ทน)ุ เมือ่ จะรกั ษาภรยิ า เก็บภริยาไวใ นผอบแลวกลนื ผอบเขาไวใ น ทอง บรหิ ารรกั ษาดวยทอง, คร้งั นน้ั วทิ ยาธรเขาไปทางปากของทานพนัน้ อภิรมยกบั ดวยภริยาของทานพน้นั , ในกาลทที่ านพนน้ั ไดรูแลว ไดคายผอบนน้ั ออกเปดด,ู ขณะ เปดผอบนน้ั วทิ ยาธรหลกี หนไี ปไดตามความปรารถนา.\" ร. \"ขา พเจา เคยไดฟง ซิ พระผเู ปน เจา แมกติ ติศพั ทนน้ั ฟงุ ทัว่ ไปในโลกกบั ท้งั เทวดา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร วทิ ยาธรน้ันพน แลว จากการจับไป ดว ยกาํ ลังแหง ปรติ ร ไมใชห รอื ?\" ร. \"อยา งนนั้ ซิ พระผเู ปน เจา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ถา อยางน้นั กาํ ลงั แหง ปรติ รมอี ย.ู \" ร. \"พระผูเปน เจา ปรติ รรักษาชนทงั้ หลายปวงทั่วไปหรอื ?\" ถ. \"ขอถวายพระพร ปรติ รรักษาชนทง้ั หลายบางจําพวก ไมร กั ษาคนทงั้ หลาย บางจาํ พวก.\" ร. \"ถา อยา งนนั้ ปรติ รไมเปน ประโยชนแกช นทงั้ หลายทง้ั ปวงทวั่ ไปนน่ั ซิ พระผู เปนเจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร โภชนะยอ มรักษาชีวติ ของสัตวท้งั หลายทง้ั ปวงหรือหนอ แล?\" ร. \"โภชนะยอ มรักษาชนทง้ั หลายบางพวก ไมร ักษาชนทัง้ หลายบางพวก.\" ถ. \"เพราะเหตุไร ขอถวายพระพร.\" ร. \"พระผูเปน เจา ณ กาลใด ชนทงั้ หลายบางพวกบริโภคโภชนาหารนน้ั มากเกนิ ประมาณ ยอมจุกตาย ในกาลนน้ั . เพราะเหตุนนั้ จงึ วา 'โภชนะรกั ษาชนทง้ั หลายบาง พวก ไมร กั ษาชนทงั้ หลายบางพวก.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ถา อยา งนน้ั โภชนะไมร ักษาชวี ิตของสัตวทั้งหลายทงั้ ปวง ทว่ั ไป.\" ร. \"พระผูเ ปน เจานาคเสน โภชนะยอมนาํ คอื ทอนชวี ิตสัตวท ง้ั หลายดวยเหตุ สองอยา ง คือ ความบรโิ ภคมากเกนิ อยา งหน่ึง, คอื ความท่สี ัตวผบู รโิ ภคน้ันมธี าตไุ ฟ หยอ นหน่ึง; โภชนะเปน ของใหอายุแกสัตวท ้งั หลาย มานาํ ไป คอื ทอนชวี ติ สตั วทงั้ หลาย เพราะความบาํ รงุ ไมด .ี \"
ถ. \"ขอถวายพระพร ปริตรยอ มรักษาชนทงั้ หลายบางพวกยอ มไมรักษาชน ทงั้ หลายบางพวก ฉนั นนั้ นน่ั เทยี ว. ขอถวายพระพร ปรติ รรกั ษาไวไมไ ด ดวยเหตสุ ามอยา ง คือ กัมมวรณ กรรม เปนเครื่องกนั้ หนง่ึ , กิเลสาวรณ กเิ ลสเปนเครื่องกั้นหนง่ึ , อสทั ทหนตา ความไมเ ชือ่ ถอื ปรติ รนั้นใหม น่ั คงหนงึ่ . ปรตรเปน เครือ่ งตามรักษาสัตว ละการรักษาเสีย เพราะเหตุ เครือ่ งกัน้ ซงึ่ สตั วทั้งหลายกระทําแลว ดว ยตน. อุปมาเหมือนมารดาเลยี้ งบตุ รทเ่ี กดิ ใน ครรภอมุ ทรงครรภมาจนคลอด ดวยเครอื่ งบํารุงเปน ประโยชนเ กือ้ กลู , ครัน้ คลอดแลว นาํ ของไมส ะอาด และมลทิน และนาํ้ มกู เสยี จากอวัยวะชาํ ระใหห มดจด ฉาบทาสุคนธ อันอดุ มประเสริฐ, เมอื่ บคุ คลอ่ืนดา อยหู รอื ตอี ยู มารดามหี ฤทัยหวน่ั ไหว ฉดุ จูงไปหาเจา บาน; ถา บตุ รของมารดานัน้ เปน ผมู โี ทษผดิ ลวงเขตแดน, เม่ือเปนเชน นั้น มารดานน้ั ยอ มตยิ อ มโบยบตุ รนั้นดว ยทอนไม และตะบอง และเขา และกาํ มือท้ังหลาย; มารดาของ บุตรน้นั ไดเ พื่อจะกระทาํ ความฉุดมาฉุดไป และความจับและจูงไปหาเจา บา นหรือเปน ไฉน?\" ร. \"หาไม พระผเู ปนเจา .\" ถ. \"เพราะเหตไุ ร ขอถวายพระพร.\" ร. \"เพราะโทษผดิ ของบุตรน้นั กระทําแลว เองนะซ.ิ \" ถ. \"ขอถวายพระพร มารดามิอาจรกั ษาปอ งกนั บุตรนั้นไวไ ด เพราะโทษท่ีบุตร น้นั กระทาํ ผดิ เอง ฉนั ใด, ปรติ รเปนเครอื่ งรกั ษาสตั วท งั้ หลาย กระทาํ ความรักษาสตั ว ทั้งหลายไวไ มไ ด เพราะโทษผิดที่สัตวท ง้ั หลายกระทาํ ดว ยตน ฉนั นนั้ นนั่ เทยี วแล.\" ร. \"พระผเู ปน เจานาคเสน ดลี ะ ปญ หาพระผเู ปนเจา วนิ จิ ฉัยดีแลว , ชฏั พระผู เปนเจา กระทาํ ไมใ หเปน ชัฏแลว, มืดพระผูเ ปนเจา กระทําใหเ ปน แสงสวางแลว , รางขาย คอื ทฐิ ิมากระทบพระผเู ปน เจา ผูป ระเสรฐิ กวาเจา คณะผปู ระเสรฐิ แลว คล่ีคลายไปแลว.\" ๕. ภควโต ลาภนั ตรายปญ หา ๑๕ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระผูเปน เจา กลา วอยวู า 'พระ ตถาคตรวย จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และยาเปน ปจ จยั แกค นไขเ ปน บริกขารทง้ั หลาย' ดังน.ี้ อนง่ึ พระผูเปน เจา กลา วอีกวา พระตถาคตเสดจ็ เขา ไปสบู านแหง พราหมณชอื่ ปญ จสาลคามเพอื่ บณิ ฑาหาร ไมไดวัตถอุ นั ใดอันหนง่ึ เลย มบี าตรลา งแลว อยางไร คอื ทรงแตบ าตรเปลา เสดจ็ ออกแลว .' ถา วา พระตถาคตรวยจีวร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และ ยาเปน ปจ จยั แกคนไขเ ปน บรกิ ขารทั้งหลาย, ถา อยา งนนั้ คําทวี่ า 'พระองคไดเ สดจ็ เขา
ไปสูบานแหง พราหมณชือ่ ปญ จสาลคาม เพื่อบิณฑาหาร ไมไดว ัตถอุ นั ใดอนั หนง่ึ เลย ทเี ดียว มบี าตรลา งแลวอยา งไร คอื ทรงแตบ าตรเปลาเสดจ็ ออกแลว' ดงั นน้ี นั้ ผิด. ถา วา พระตถาคตเสดจ็ เขา ไปสูบา นแหง พราหมณชือ่ ปญจสาลคาม เพ่ือบณิ ฑาหาร ไมได วตั ถอุ นั ใดอันหนงึ่ เลยทีเดียว ทรงบาตรลา งแลว อยา งไร เสดจ็ ออกแลว , ถาอยา งนัน้ คาํ ทวี่ า 'พระตถาคตรวย จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และยาเปน ปจจัยแกคนไขเ ปนบรขิ าร ทง้ั หลาย' ดังน้ี แมนนั้ กผ็ ิด. ปญ หาแมน ้สี องเงอ่ื นใหญดว ยดี บัณฑิตพงึ แทงตลอดโดย ยาก มาถึงพระผเู ปนเจา แลว , ปญหานนั้ พระผูเปน เจา พงึ ขยายออกใหแ จงชัดเถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระตถาคตรวยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยาเปน ปจจัยแกค นไขเ ปน บรขิ ารทงั้ หลาย. อนึง่ พระองคเ สด็จเขาไปสบู านแหง พราหมณชอื่ ปญจสาลคาม เพือ่ บิณฑาหาร ไมไ ดวัตถอุ นั ใดอนั หนงึ่ เลยทีเดยี วแลว ทรง บาตรลา งแลว อยางไร เสดจ็ ออกแลว. ก็แหละ ความทพี่ ระองคไมไดวัตถุอันใดอันหนึ่ง ทรงแตบาตรเปลา เสดจ็ ออกแลวนัน้ เปน ไปเพราะเหตแุ หงมารผมู บี าป.\" ร. \"พระผูเปน เจา ถา อยา งนนั้ กศุ ลทพี่ ระองคท รงกอ สรา งไวแลวสนิ้ กปั ป ท้ังหลาย ลว งคลองแหง การนบั แลว จะสาํ เรจ็ ผลอะไร, มารผูม ีบาป ตง้ั ขน้ึ แลวในกาลน้ี จะพึงปด กศุ ลน้นั เปน ธรรมเคร่อื งอยมู กี าํ ลงั และเร่ยี วแรงแลววา กระไร. ถาอยา งนัน้ อปุ วาทจะมาในสองสถานเพราะวตั ถนุ ัน้ วา 'อกุศลเปนของกาํ ลังวเิ ศษแมกวา กศุ ล, กาํ ลงั ของมายอ มมกี ําลังวิเศษแมก วากําลงั ของพระพทุ ธเจา .' ถาอยา งนน้ั ยอดไมเ ปนของ หนกั วเิ ศษแมก วาโคนแหง ตน ไม, บาปท่สี ดุ จะเปน ของมกี าํ ลงั วิเศษแมก วา บุคคลท่ี สะพรง่ั แลว ดว ยคุณ.\" ถ. \"ขอถวายพระพร อกุศลซง่ึ จะเปน ของมกี ําลังวเิ ศษแมก วากุศล และกาํ ลงั ของมารซึ่งจะเปน ของมกี าํ ลงั วเิ ศษแมก วา กาํ ลังของพระพทุ ธเจา. เพราะเหตมุ ปี ระมาณ เทา นั้น หามิได. เออก็ บรมบพิตรพึงปรารถนาเหตุในขอน.้ี ขอถวายพระพร เหมอื นมบี รุ ุษนํานํ้าผง้ึ หรอื หรือรวงแหง น้ําผงึ้ หรอื เคร่อื ง บรรณาการอืน่ ทลู เกลา ฯ ถวายแดพระเจา จกั รพรรด,ิ บรุ ุษผูร กั ษาพระทวารของพระเจา จักรพรรดิ พงึ วา กะบรุ ุษนน้ั น่ันอยา งนวี้ า 'สมยั นี้ ไมใ ชกาลเพือ่ จะเฝาพระมหากษตั ริย, เหตนุ นั้ แล ทานจงถอื เครือ่ งบรรณาการของทา นกลับไปเสยี เร็ว ๆ เถิด อยา ทนั ให พระมหากษัตริยลงพระราชอาชญาแกท านเสยี กอนเลย, ลาํ ดับนนั้ บุรษุ นนั้ สะดุง หวาดเสยี วแลว เพราะกลวั แตพระราชอาชญา พงึ ถือเครอ่ื งบรรณาการน้นั กลบั ไปเรว็ ๆ ฉนั ใด; พระเจา จกั รพรรดนิ น้ั ชอ่ื วา เปนผูเ สอื่ มโดยวเิ ศษ เพราะบรุ ษุ ผูร กั ษาซึ่งพระทวาร กห็ รอื ไมพงึ ไดเ ครอื่ งบรรณาการหนอยหนง่ึ อันอนื่ ดวยเหตุสกั วา ขาดแคลนเครอื่ ง บรรณาการ มปี ระมาณเทา นนั้ บา งหรอื แล ขอถวายพระพร.\"
ร. \"หาไม พระผูเปน เจา บุรุษผรู ักษาพระทวารนนั้ เปน ผูอ นั ความรษิ ยาครอบงํา แลว หา มเครอื่ งบรรณาการเสยี แลว, กแ็ ตว า เครือ่ งบรรณาการแมแ สนเทา ยอมเขา ถงึ แดพระเจา จกั รพรรดโิ ดยพระทวารอื่น.\" ถ. \"ขอถวายพระพร บรุ ษุ ผูร กั ษาพระทวารน้นั อันความรษิ ยาครอบงาํ แลว หา ม เครอื่ งบรรณาการของพระเจา จกั รพรรดเิ สยี แลวถึงกระนน้ั เคร่อื งบรรณาการแมแสน เทา ยอ มเขา ถงึ แดพ ระเจาจกั รพรรดโิ ดยพระทวารอื่น ฉนั ใด, มารผูมบี าปอันความ ริษยาครอบงําแลว สงิ พราหมณและคฤหบดีท้งั หลายชาวบา นปญ จสาลคามแลว , ถึง กระนน้ั แสนแหงเทพดาทงั้ หลายเหลาอน่ื มใิ ชแสนเดียว ถอื โอชาทพิ ยอมฤตเขาไปใกล แลว เปน ผปู ระคองอญั ชลีนมสั การพระผมู ีพระภาคเจา ยืนอยู ดว ยคิดวา 'เราทงั้ หลาย จักแทรกทิพยโอชาลงในพระกายของพระผมู พี ระภาคเจา ' ฉันนน้ั นนั่ เทยี ว ขอถวายพระ พร.\" ร. \"ขอนั้นจงยกไวเถดิ พระผเู ปน เจา ปจ จยั ท้งั หลายส่ี เปน ลาภดขี องพระผูมี พระภาคเจาผบู รุ ษุ สงู สดุ ในโลก หรอื พระองคอนั เทพดาและมนษุ ยท ง้ั หลายวงิ วอนเชญิ บริโภคปจ จยั ทง้ั หลายสี่ เออกแ็ หละความประสงคอ นั ใดของมาร ความประสงคน น้ั สาํ เรจ็ แลวดว ยเหตุมปี ระมาณเทาน้นั มารนนั้ ไดกระทําอนั ตรายแกค วามเสวยของพระ ผูมีพระภาคเจา ดว ยเหตไุ รเลา . ความสงสยั ในขอ นี้ของขาพเจา ยงั ไมข าด, ขาพเจา มี ความสงสัยในขอนนั้ เกิดแลว แลน ไปสูความสงสัยแลว , ใจของขาพเจา ยอมไมแลน ไป ในเหตนุ น้ั มารไดกระทําอนั ตรายแกลาภเลวทรามเล็กนอ ย เปน บาป ไมใชข องพระอรยิ เจา แดพระตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจาผูเ ปน อัครบุคคลประเสริฐ มีบุญเปน กศุ ล ประเสริฐเปนแดนเถดิ ไมม ใี ครเสมอ ไมม บี ุคคลเปรยี บ ไมมีใครเปรียบเสมอในโลกกบั ทั้งเทวดา เพราะเหตุไรเลา พระผูเปนเจา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร อันตรายมีอยูสีป่ ระการ คือ อทฏิ ฐนั ตราย อนั ตรายดว ย ความไมเ หน็ หนึ่ง อทุ ทิสสกตนั ตราย อนั ตรายกะโภชนะอนั บคุ คลเฉพาะกระทาํ แลวหนึ่ง อปุ ก ขตนั ตราย อนั ตรายกะของอนั บุคคลเตรียมไวแลวหนงึ่ ปริโภคันตราย อนั ตรายใน ของเครื่องใชสอยหนงึ่ . ในอันตรายท้ังสน่ี น้ั ชื่อ อทิฏฐนั ตราย คือใคร ๆ กระทาํ อนั ตราย กะของทบ่ี คุ คลปรงุ ไวแลวไมเฉพาะ ดวยอันไมเ หน็ ดว ยคดิ วา 'ประโยชนอ ะไรดว ยอันให แลว แกบ คุ คลอื่น.' น้ชี อื่ อทฏิ ฐนั ตราย. อทุ ทสิ สกตนั ตรายเปน ไฉน? ในโลกนี้ โภชนะ เปนของอนั ใคร ๆ อา งบคุ คลบางคนแลว ตกแตง เฉพาะแลว ใคร ๆ กระทาํ อนั ตรายกะ โภชนะ นน้ั , น้ีชอ่ื อุททิสสกตนั ตราย. อปุ ก ขตนั ตรายเปน ไฉน? ในโลกนี้ วัตถุ อนั ใด อันหนงึ่ เปน ของอันบคุ คลเตรียมไวแลว แตย งั ไมไดประเคนแลว ใคร ๆ กระทาํ อนั ตราย ในวตั ถทุ ่เี ขาเตรียมไวแลวนน้ั , นีช้ อ่ื อุปก ขตนั ตราย. ปรโิ ภคนั ตราย เปน ไฉน? ในโลกน้ี
วตั ถุอนั ใดอันหนง่ึ เปน เครอ่ื งใชสอยใคร ๆ กระทาํ อันตรายในวัตถุเครอื่ งใชสอยนนั้ , น้ีชื่อ เปน ปรโิ ภคนั ตราย. อนั ตรายทง้ั หลายสเ่ี หลา น้ีแล. ขอถวายพระพร กม็ ารผมู บี าปสงิ พราหมณและคฤหบดีชาวบา นปญจสาลคาม ทั้งหลายแลว เพราะเหตใุ ด, ท่นี นั้ จะเปน ทบี่ ริโภคของพระผูม ีพระภาคเจา ไมใชเ ลย จะ เปน วตั ถอุ นั บคุ คลตระเตรยี มแลว ก็ไมใช จะเปน โภชนะอนั บุคคลกระทําเฉพาะแลว ก็ ไมใช, วตั ถุยงั ไมมาแลว ยงั ไมถึงพรอ มแลว มารกระทาํ อนั ตรายดว ยความเหน็ ; กค็ วาม กระทาํ อนั ตรายนน้ั เฉพาะพระผมู ีพระภาคเจาองคเดยี วเทา นน้ั หามไิ ด, ชนท้งั หลาย เหลา ใดออกแลว มาเฉพาะแลว โดยสมัยนั้น ชนทงั้ หลายเหลา นนั้ แมท ั้งปวงไมไดโภชนะ แลว ในวนั นน้ั . บคุ คลใด พึงกระทําอนั ตรายกะเครือ่ งบรโิ ภคอนั บคุ คลกระทําเฉพาะแลว เตรียมไวแลวเพื่อพระผูม พี ระภาคเจา นน้ั อาตมภาพไมเ หน็ บคุ คลนั้นในโลกทัง้ เทพดา ท้งั มารทง้ั พรหม ในหมูสัตวก บั ทงั้ สมณะและพราหมณ ทง้ั เทพดาและมนุษย; ถา ใคร ๆ พงึ กระทาํ อันตรายกะเคร่ืองบริโภคอนั บคุ คลกระทาํ เฉพาะแลว เตรียมไวแ ลว เพ่อื พระผู มพี ระภาคเจา นัน้ ดวยความริษยา, ศีรษะของบคุ คลนั้น พงึ แตกโดยรอ ยภาค หรอื พัน ภาค ขอถวายพระพร. ขอถวายพระพร คณุ ทง้ั หลายของพระตถาคตสป่ี ระการเหลา นีอ้ ันใคร ๆ หาม กันไมได, คุณท้งั หลายสป่ี ระการทีใ่ คร ๆ หา มกนั ไมไ ดเ ปน ไฉน? ลาภอันบุคคลกระทาํ แลว เฉพาะ เตรยี มไวแ ลว เพอ่ื พระผมู ีพระภาคเจา อนั ใคร ๆ ไมอ าจเพอ่ื จะกระทาํ อนั ตรายหนงึ่ , แสงสวางมวี าหนง่ึ เปน ประมาณ ไปตามพระสรรี ะของพระผูม พี ระภาค เจา อันใคร ๆ ไมอาจเพอ่ื จะกระทาํ อนั ตรายหนงึ่ , รตั นะ คือ พระสพั พัญุตญาณของ พระผมู พี ระภาคเจา อนั ใคร ๆ ไมอาจเพือ่ จะกระทาํ อนั ตรายหนึ่ง, พระชนมชพี ของพระ ผูม พี ระภาคเจา อนั ใคร ๆ ไมอ าจเพ่ือจะกระทําอนั ตรายหนง่ึ , คุณทงั้ หลายของพระ ตถาคตเจา สี่ประการเหลา นแี้ ล อันใคร ๆ พึงหามกนั ไมได. คุณท้ังหลายแมทงั้ ปวง เหลาน้ี มีรสเปน อนั เดียว ไมม ีโรค ไมก ําเรบิ ไมมคี วามเพียรแหง ผูอ ่นื กิริยาทงั้ หลายเปน ของไมห ยาบ. มารผูม บี าปแอบสงิ พราหมณและคฤหบดที ้งั หลายชาวบา นปญจสา ลคาม ดวยความไมเ หน็ , โจรทงั้ หลายซมุ อยูในชฏั ในประเทศที่สุดแหง แดนของ พระมหากษตั ริย ประทษุ รายชนเดนิ ทาง กถ็ าวา พระมหากษัตรยิ พงึ ทอดพระเนตรเหน็ โจรทงั้ หลายเหลานน้ั ไซร, โจรทง้ั หลายเหลานน้ั พงึ ไดความสวัสดี หรอื เปน ไฉนเลา ? ขอ ถวายพระพร\" ร. \"หาไม พระผูเปน เจา ถา พระมหากษตั รยิ ทอดพระเนตรเห็นโจรทัง้ หลาย เหลานนั้ ไซร, พระองคพ งึ ทรงบัญชาใหราชบุรษุ ผาโจรทง้ั หลายเหลา นนั้ รอยภาคบา ง พนั ภาคบา ง.\"
ถ. \"ขอถวายพระพร โจรทง้ั หลายซุมอยูในชัฏในประเทศเปน ทส่ี ุดแหงแดนของ พระมหากษัตรยิ ประทษุ รายชนเดนิ ทางได ดว ยความทพี่ ระมหากษตั ริยไม ทอดพระเนตรเหน็ ฉนั ใด, มารผูมีบาปแอบสงิ พราหมณแ ละคฤหบดีทงั้ หลายชาวบา น ปญจสาลคามได ดวยความทีใ่ คร ๆ ไมเ หน็ ฉนั นน้ั นน่ั เทยี วแล. อีกอยา งหนงึ่ เปรียบเหมอื นสตรียังพรอ มดวยสามี ลอบเสพบุรษุ อื่นดว ยความ ท่ีสามไี มเ หน็ ฉนั ใด, มารผูมบี าปแอบสงิ พราหมณและคฤหบดีทง้ั หลายชาวบา นปญจ สาลคามได ดว ยความทใี่ คร ๆ ไมเหน็ ฉนั นนั้ โดยแท; ถาสตรีเสพบรุ ษุ อนื่ ในทเ่ี ฉพาะหนา ของสามีไซร, สตรีนนั้ พงึ ไดความสวัสดีบางหรอื เปนไฉน? ขอถวายพระพร\" อีกอยางหนึง่ เปรียบเหมอื นสตรยี ังพรอ มดวยสามี ลอบเสพบุรษุ อื่นดว ยความ ท่สี ามไี มเหน็ ฉนั ใด, มารผูมบี าปแอบสิงพราหมณและคฤหบดีทงั้ หลายชาวบา นปญ จ สาลคามได ดว ยความท่ีใคร ๆ ไมเ หน็ ฉนั นน้ั โดยแท; ถา สตรีเสพบรุ ุษอ่ืนในท่ีเฉพาะหนา ของสามีไซร, สตรนี นั้ พงึ ไดความสวัสดบี า งหรอื เปน ไฉน? ขอถวายพระพร\" ร. \"หาไม พระผูเ ปน เจา ถา สตรีนน้ั เสพบรุ ษุ อืน่ ตอหนาสามีไซร, สามพี งึ ทบุ สตรี น้ันบา ง พงึ ฆา สตรีนัน้ บา ง พงึ จําสตรนี น้ั ไวบ าง พงึ นาํ สตรีน้ันเขาไปสคู วามเปน ทาสีบา ง ซิ.\" ถ. \"ขอถวายพระพร มารผมู บี าปแอบสิงพราหมณและคฤหบดที ง้ั หลาย ชาวบา นปญจสาลคามไดแลว ดว ยความทใ่ี คร ๆ ไมเ หน็ ฉันนน้ั นนั่ เทียวแล. ถา วา มารผู มบี าป พงึ กระทาํ อนั ตรายกะเคร่ืองเสวยทบี่ ุคคลอทุ ิศเฉพาะกระทาํ แลว เตรยี มไวแ ลว เพอ่ื พระผมู พี ระภาคเจาไซร, ศรี ษะของมารนั้น พงึ แตกโดยรอยภาคบา ง โดยพนั ภาค บาง ขอถวายพระพร.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน ความแอบสงิ อยา งนน้ั นนั่ มารผูมบี าปกระทําแลว ดว ยความเปนโจร, มารผูม บี าปแอบสิงพราหมณแ ละคฤหบดีทงั้ หลายชาวบา นปญ จสา ลคามไดแ ลว. ถาวา มารผมู บี าปนน้ั พงึ กระทําอนั ตรายกะเครื่องเสวยทบี่ ุคคลเฉพาะ กระทาํ แลว เตรียมไวแลว เพอื่ พระผูม ีพระภาคเจาไซร, ศีรษะของมารน้นั พงึ แตกรอ ย ภาคบา งพันภาคบา ง, กายของมารน้ัน พงึ เร่ยี รายไปเหมอื นดงั กาํ แหง เถา บา ง. ดีละ พระผเู ปน เจานาคเสน ขอ วสิ ัชนาของพระผูเปนเจา สมอยา งนน้ั ขาพเจายอมรบั รอง อยา งนนั้ .\" ๖. สัพพสัตตหติ จรณปญหา ๑๖
พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระผูเปนเจา กลาวอยวู า 'พระ ตถาคตนาํ สง่ิ ท่ไี มเ ปนประโยชนเ กือ้ กูลออกเสยี เขา ไปตัง้ ประโยชนเกอื้ กูลไวแ กสตั ว ทัง้ หลายทงั้ ปวง, ดังน.้ี อนงึ่ พระผเู ปนเจา กลา วอยอู ีกวา 'เมอื่ ธรรมปรยิ ายเปรยี บดว ย กองแหง ไฟ อนั พระผูมพี ระภาคเจาตรัสเทศนาอยู โลหติ รอนพลงุ ขนึ้ แลว จากปากภิกษุ ทั้งหลายประมาณหกสบิ ' ดงั น.้ี พระผเู ปนเจา พระตถาคต เม่ือทรงแสดงธรรมปรยิ ายมี กองแหง ไฟเปน เครือ่ งเปรียบ นาํ ประโยชนเ ก้อื กลู ของภกิ ษทุ งั้ หลายประมาณหกสบิ ออก เสียแลว เขา ไปตง้ั สง่ิ ทไี่ มเ ปน ประโยชนเ กอื้ กลู ไวแกภ ิกษทุ ง้ั หลายเหลา นน้ั . ถาวา พระ ตถาคตนําสง่ิ ทไี่ มใ ชป ระโยชนเ กอื้ กูลออกเสีย เขาไปตงั้ สิ่งทเี่ ปน ประโยชนเ กอ้ื กูลไวแ ก สัตวท ง้ั หลายทง้ั ปวง, ถาอยา งนน้ั คําท่วี า 'ธรรมปรยิ ายมีกองไฟเปนเคร่อื งเปรียบ อนั พระผูม พี ระภาคเจาตรัสเทศนาอยู โลหติ รอนพลงุ ออกแลวจากปากของภกิ ษุทงั้ หลาย ประมาณหกสบิ นน้ั ผิด. ถาเม่ือธรรมปริยายมีกองไฟเปนเคร่ืองเปรยี บ อนั พระผูม พี ระ ภาคเจา ตรัสเทศนาอยู โลหติ รอนพลงุ ออกจากปากของภิกษทุ ง้ั หลายประมาณหกสบิ จรงิ , ถา อยา งน้ัน คําท่วี า 'พระตถาคตนาํ สิ่งท่ีไมใ ชป ระโยชนเ กื้อกลู ออกเสยี เขา ไปตง้ั ส่งิ ท่ีเปน ประโยชนเกื้อกูลไวแ กสัตวทง้ั หลายทง้ั ปวง' ดงั น้ี แมน ั้นกผ็ ิด. แมป ญหานสี้ อง เง่ือน มาถึงพระผูเปน เจา แลว พระผเู ปนเจา พงึ ขยายใหแจง ชดั เถดิ \" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระตถาคตนําสงิ่ ทีไ่ มใ ชประโยชนออกเสีย เขา ไปตง้ั สิ่งทเ่ี ปนประโยชนเก้ือกลู ไว แกสตั วท ้งั หลายทง้ั ปวง, เม่อื ธรรมปริยายมีกองไฟ เปนเคร่ืองเปรยี บ พระองคตรัสเทศนาอยู โลหิตรอ นพลงุ ออกแลวจากปากของภกิ ษุ ท้งั หลายประมาณหกสิบดวยจริง, กแ็ ละโลหิตนนั้ จะไดพ ลงุ ออกจากปากของภิกษุ ทง้ั หลายเหลา น้ัน เพราะกริ ยิ าของพระตถาคต ก็หาไม โลหติ นนั้ พลงุ ออกจากปากของ ภกิ ษทุ งั้ หลายเหลา นัน้ เพราะกิรยิ าของตนของภิกษุทงั้ หลายนน่ั เอง.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน ถา พระตถาคตไมท รงภาสติ ธรรมปริยายมกี องไฟเปน เครอ่ื งเปรียบ โลหิตรอ นจะพงึ พลงุ ออกจากปากของภกิ ษทุ ง้ั หลายเหลา น้นั หรอื ?\" ถ. \"หาไม ขอถวายพระพร ความเรา รอนเกดิ ขึน้ แลวในกายของภิกษทุ ั้งหลาย เหลา นัน้ ผปู ฏบิ ตั ผิ ดิ แลว เพราะไดฟ ง ธรรมปรยิ ายของพระผูม พี ระภาคเจา, โลหติ รอน พลงุ ออกจากปากของภิกษทุ ้งั หลายเหลา น้ัน เพราะความเรารอนน้นั .\" ร. \"พระผูเปน เจานาคเสน ถา อยา งนนั้ โลหิตรอ นพลงุ ออกแลว จากปากของ ภิกษุทง้ั หลายเหลาน้ัน เพราะกริ ิยาของพระตถาคตนน้ั เอง พระตถาคตทีเดยี วเปฯ อธิการในความท่ีโลหิตรอนพลงุ ออกจากปากนน้ั เพื่อความฉิบหายของภกิ ษุทง้ั หลาย เหลานั้น. อปุ มาเหมอื นกะวา งเู ขาไปสูจอมปลวก, มบี ุรษุ ผูตอ งการฝนุ คนใดคนหนง่ึ ทําลายจอมปลวกนาํ ฝนุ ไป, พึงปด โพรงแหง จอมปลวกนน้ั เสียดวยความนําฝนุ ไป, ทีน้นั
งูในจอมปลวกน้นั นนั่ เทยี ว ไมไ ดค วามหายใจ คือ หายใจไมได ตาย; งนู น้ั ถงึ ความตาย เพราะกิรยิ าของบรุ ุษนนั้ ไมใ ชห รอื พระผเู ปนเจา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร งนู นั้ ถึงความตายเพราะกิรยิ าของบรุ ษุ นน้ั .\" ร. \"พระผูเปน เจา นาคเสน พระตถาคตเปน อธกิ ารในความทีโ่ ลหิตเปนของรอน พลุงออกจากปากของภกิ ษทุ ง้ั หลายนน้ั เพ่อื ความฉบิ หายแหง ภิกษทุ ง้ั หลายเหลา นนั้ ฉันนนั้ นน่ั เทยี วแล.\" ถ. \"ขอถวายพระพร พระตถาคตเมอ่ื ทรงแสดงธรรม ไมท รงกระทาํ ความเอ็นดู และปฏฆิ ะ, พระองคพน จากความเอน็ ดแู ละปฏฆิ ะทรงแสดงธรรม, เมอ่ื พระองคทรง แสดงธรรมอยา งนี้ บุคคลทงั้ หลายเหลา ใด เปนผูปฏิบัติชอบในธรรมนน้ั บคุ คลเหลา นี้ ยอ มตรัสรู; สวนบคุ คลท้งั หลายเหลา ใด เปน ผปู ฏิบตั ิผดิ แลว บคุ คลทง้ั หลายเหลา น้นั ยอ มตกไป. เปรียบเหมือนเมอ่ื บรุ ษุ สนั่ ตน มะมว ง หรอื ตนชมพู หรือตนมะทราง(นาจะ เปน มะปรางมากกวา -ความเห็นสว นตวั ) ผลทงั้ หลายในตน ไมอ ันใด ทเ่ี ปน สาระมขี ้ัวมั่น ผลเหลานั้นไมเ คลอ่ื นไมห ลุด คงอยใู นตน ไมนนั้ นนั่ เทยี ว, สว นผลทง้ั หลายอนั ใด มีโคน แหง กา นเนา มีขัว้ ทรพล ผลทัง้ หลายเหลา น้ัน ยอมหลนไป ฉนั ใด, พระตถาคต เมอื่ ทรง แสดงธรรม ไมก ระทาํ ความเอ็นดูและปฏิฆะ, พระองคพ น แลว จากความเอน็ ดูและ ปฏิฆะทรงแสดงธรรม, เม่อื พระองคท รงแสดงธรรมอยอู ยางน้ี บุคคลทง้ั หลายเหลาใด เปนผูปฏบิ ตั ชิ อบแลวในธรรมนน้ั บคุ คลทงั้ หลายเหลา นน้ั ยอ มตรสั ร;ู สว นบุคคล ทัง้ หลายเหลา ใดทปี่ ฏิบัติผดิ แลว บคุ คลทงั้ หลายเหลา นนั้ ยอ มตกไป ฉนั นั้นน่ันเทยี วแล. อีกนัยหนงึ่ ชนชาวปรารถนาจะปลกู ขาวกลา ยอ มไถซึง่ นา, เมอ่ื ชาวนานน้ั ไถ นาอยู หญา ทง้ั หลายไมใชแสนเดยี วยอมตายไป ฉนั ใด;พระตถาคตจะยงั สตั วท งั้ หลายท่ี มวี ิปส สนาญาณ ซง่ึ แกก ลา แลวใหต รสั รพู ระองคพ น แลวจากความเอน็ ดแู ละปฏฆิ ะทรง แสดงธรรม, เม่อื พระองคท รงแสดงธรรมอยูอ ยา งนี้ บุคคลท้ังหลายเหลา ใด เปน ผปู ฏิบตั ิ ชอบแลว ในธรรมน้ัน บคุ คลทงั้ หลายเหลา นัน้ ยอมตรัสรู; สวนวา บคุ คลทั้งหลายเหลา ใด ทเ่ี ปน ผปู ฏบิ ัตผิ ดิ แลว บุคคลทัง้ หลายเหลา นั้น เหมอื นกะหญา ทั้งหลายทตี่ ายไปแลว ฉันนน้ั . อกี นยั หนงึ่ มนษุ ยท ั้งหลายหบี ออยในยนต เหตจุ ะตอ งการรส, เมือ่ มนษุ ย ท้ังหลายเหลา นั้นหบี ออ ยอยู กมิ ชิ าติทงั้ หลายเหลาใด ในยนตนนั้ ทีไ่ ปแลวในปากแหง ยนต กมิ ิชาตทิ ง้ั หลายเหลา นน้ั ยอมถูกยนตบ บี ฉันใด; พระตถาคตมพี ระประสงคจะให สัตวทง้ั หลายท่ีมวี ปิ ส สนาญาณในใจอันแกก ลาแลวตรสั รู ทรงบีบเฉพาะซงึ่ ยนตค อื ธรรม, สตั วท้งั หลายเหลา ใด ที่ปฏิบัติผิดแลว ในธรรมนน้ั สตั วท ง้ั หลายเหลา นั้น ยอม ตายเหมือนกมิ ิชาติ ฉนั นน้ั นน่ั เทยี วแล ขอถวายพระพร.\"
ร. \"พระผูเ ปน เจานาคเสน ภกิ ษุทงั้ หลายเหลา นน้ั ตกแลว ดวยธรรมเทศนาน้นั ไมใ ชห รือ?\" ถ. \"ขอถวายพระพร ชางถากเสียดายตน ไมอ ยู กระทําใหต รงใหบริสุทธไ์ิ ด หรอื ไม? ร. \"หาไม พระผูเปน เจา ชา งถากนําไมท คี่ วรเวนออกเสยี กระทําไมน ใ้ี หต รงให บริสุทธ์อิ ยา งเดียว.\" ถ. \"ขอถวายพระพร พระตถาคตเมือ่ เสยี ดายบรษิ ทั ไมอ าจเพื่อจะยงั สตั ว ทั้งหลายทีค่ วรจะตรสั รูใหต รสั รูได, ตอ งนาํ สตั วท้งั หลายทีป่ ฏบิ ัติผดิ ออกเสียแลว จึงให สัตวทั้งหลายที่ควรตรสั รูเหลาน้เี ทานน้ั ตรสั รไู ด ฉนั นัน้ น่นั เทียว. กภ็ กิ ษุทงั้ หลาย เหลา นั้นเปน ผปู ฏบิ ตั ผิ ดิ แลว ยอ มตกไป เพราะกรรมทตี่ นกระทาํ แลว . เปรยี บเหมอื นตน กลว ย ไมไผ และนางมา อสั ดร อนั ผลเกดิ แตต นยอ มฆา เสยี ฉนั ใด, บุคคลทั้งหลายเหลา ใดน้นั เปน ผูป ฏิบตั ผิ ดิ แลว บุคคลท้ังหลายเหลา นน้ั อันกรรมที่ตนกระทาํ แลว ยอ มฆา เสยี ตกไป ฉนั น้ัน. อน่ึง โจรทง้ั หลาย ยอ มถงึ ความควกั จักษเุ สยี และเสียบดว ยหลาว ตัด ศีรษะเสยี เพราะโทษผดิ ที่ตนกระทาํ แลว ฉนั ใด, บคุ คลทั้งหลายเหลา ใด ปฏิบตั ผิ ิดแลว บุคคลทง้ั หลายเหลา นนั้ อนั โทษผิดทตี่ นกระทาํ แลว ยอมฆา เสยี ยอมตกลงจากพระชนิ ศาสนา ฉันนนั้ . โลหิตรอนพลงุ ขนึ้ แลวจากปากของภิกษทุ ั้งหลายประมาณหกสิบเหลา ใด โลหิตนนั้ ของภกิ ษุทง้ั หลายเหลานน้ั จะไดพ ลุงออกเพราะกริ ยิ าของพระผมู พี ระภาค เจา กห็ าไม จะไดพ ลงุ ออกเพราะกริ ิยาของบคุ คลทั้งหลายอื่น กห็ าไมเลย, โลหติ นน้ั พลงุ ออกเพราะโทษผิดทต่ี นกระทําแลว ของตนเองโดยแทแล. เปรยี บเหมอื นบุรษุ พงึ ให อมฤตแกช นทงั้ ปวง, ชนทง้ั หลายเหลา นั้นกนิ อมฤตนั้นแลว เปนผูไมม โี รค มีอายยุ ืน พงึ พนจากจัญไรทัง้ ปวงได, ลําดับนัน้ บุรุษคนใดคนหน่ึงกนิ ตอมฤตนน้ั ดว ยประพฤติผดิ อยา ง จงึ ถึงความตาย; บรุ ษุ ผูใ หอ มฤตนนั้ พงึ ถืออกุศลไมใ ชบุญหนอ ยหนงึ่ มคี วามให อมฤตนนั้ เปนเหตุหรือไม ขอถวายพระพร\" ร. \"หาไม พระผเู ปน เจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร บรุ ุษผูใ หอ มฤตน้นั ไมต อ งอกศุ ล ไมใ ชบ ุญ เพราะความให อมฤตนน้ั เปน เหตุ ฉนั ใด, พระตถาคตทรงใหอมฤตเปน ธรรมทานแกเทพดาและมนษุ ย ทัง้ หลายในโลกธาตุ มีหมน่ื หนงึ่ เปน ประมาณ, สัตวท ง้ั หลายเหลาใดนน้ั เปน ภพั พ บคุ คลควรตรัสรู สัตวทง้ั หลายเหลา น้ัน ยอ มตรสั รดู วยอมฤต คือ ธรรม, สว นสตั ว ทง้ั หลายเหลา ใดน้นั เปน อภพั พะไมค วรจะตรัสรู สัตวท ง้ั หลายเหลา นนั้ อนั กริ ยิ าของตน ยอมฆา เสยี จากอมฤต ยอ มตกไป ฉนั นน้ั นน่ั เทยี วแล.\"
ร. \"พระผูเ ปน เจานาคเสน ดลี ะ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอวสิ ัชนาของพระผเู ปน เจา สมอยา งนนั้ , ขาพเจา ยอมรับรองอยา งนัน้ .\" ๗. เสฏฐธมั มปญ หา ๑๗ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระพทุ ธพจนนี้ พระผมู พี ระภาค เจาแมต รสั แลววา 'ดกู อนวาสฏิ ฐโคตร ธรรมน่ันเทยี วเปน ของประเสรฐิ สดุ ในชนนนั้ ในทฏิ ฐธรรม คอื ภพเหน็ ประจักษน ้นี นั่ เทยี วดวย ในภพอนั สตั วพ งึ ถงึ ในเบอ้ื งหนา พรอม เฉพาะดว ย' ดังน,้ี สว นคฤหสั ถเปนอุบาสก เปน โสดาบนั ปด อบายไดแ ลว มที ฏิ ฐิบรรลุ แลว ทราบแจง ศาสนาแลว ดว ยใจ ยอ มไหว ยอ มลุกรบั ภกิ ษุบา ง สามเณรบาง ท่ยี งั เปน ปถุ ชุ น ถา พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั แลว วา 'ดกู อ นวาสฏิ ฐโคตร ธรรมน่นั เทียว เปน ของ ประเสรฐิ สุดในชนนนั้ ในทฏิ ฐธรรมคอื ภพเหน็ ประจกั ษนน้ี ั่นเทียวดว ย ในภาพอนั สัตว พึงถงึ ในเบ้อื งหนา พรอมเฉพาะดว ย' ดงั น,้ี ถา อยา งน้นั คําทีว่ า 'คฤหสั ถเปน อุบาสกเปน โสดาบัน ปดอบายไดแลว มที ิฏฐิบรรลุแลว รูแ จงศาสนาแลวดว ยใจ ยอ มไหว ยอมลกุ รบั ภกิ ษบุ าง สามเณรบาง ทยี่ งั เปน ปถุ ุชน' ดังน้ี นนั้ เปนผดิ . ถาคฤหัสถเปนอบุ าสก เปน โสดบัน ปด อบายไดแ ลว มที ฏิ ฐบิ รรลแุ ลว รูแ จงศาสนาดวยใจ ยอมไหว ยอมลกุ รบั ภิกษบุ า ง สามเณรบาง ทเ่ี ปน ปุถชุ น, ถา อยา งนนั้ คําที่วา 'ดกู อ นวาสฏิ ฐโคตรธรรมนั่น เทยี ว เปน ของประเสรฐิ สุดในชนนน้ั ทง้ั ในทฏิ ฐิธรรมและอภสิ ัมปรายะ' ดงั น้ี แมน ้ันก็ เปนผิด. ปญหาแมน ี้สองเง่ือน มาถงึ พระผูเ ปน เจาแลว , พระผูเ ปนเจา พงึ ขยายใหแจง ชัด เถดิ .\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมทรงภาสติ พระพุทธ พจนน ้ี แกม าณพผูเหลา กอวาสฏิ ฐโคตรวา 'ดูกอนวาสฏิ ฐโคตร ธรรมน่นั เทยี ว เปน ของ ประเสริฐสุดในชนนนั้ ทงั้ ในทฏิ ฐธิ รรมดว ย ในอภิสมั ปรายะดว ย' ดงั น,ี้ อนึ่ง คฤหสั ถเ ปน อบุ าสกเปน โสดาบนั ปดอบายไดแ ลว มที ฏิ ฐิบรรลแุ ลว รูแจงศาสนาดว ยใจยอมไหว ยอ มลกุ รบั ภิกษุและสามเณรที่เปน ปถุ ุชน กแ็ ตวา เหตใุ นปญ หาน้ันมีอยู, เหตนุ นั้ อยางไร? ธรรมทงั้ หลายทกี่ ระทาํ ใหเ ปน สมณะของสมณะยีส่ บิ เพศทั้งหลายสองดวย เหลา น้ีซง่ึ เปน เหตใุ หพ ระสมณะเปน ผคู วรไหวแ ละลุกรบั และความนบั ถือและบูชา, ธรรมท้งั หลายที่กระทาํ ใหเปน สมณะของสมณะยสี่ บิ และเพศทง้ั หลายสองอยางไร? คอื นยิ มประเสรฐิ ทสี่ ุด ไดแกค วามมงุ ตอพระนฤพานหนึง่ นิยมเลศิ คอื นิยมในพระอรหตั หนงึ่ ความประพฤตหิ นง่ึ ธรรมเครื่องอยูหนงึ่ ความสํารวมหนงึ่ ความระวังหนงึ่ ความ อดทนหนงึ่ ความเปน ผูยนิ ดีในธรรมอนั งาม คือ ความเปน ผูเ รียบรอ ยหนงึ่ ความ
ประพฤตใิ นความเปน ผูเ ดียวหน่งึ ความยนิ ดียิ่งในความเปน ผูเ ดยี วหนง่ึ ความหลกี ออก เรนอยูห นง่ึ หิรโิ อตตปั ปะหนง่ึ ความเพียรหน่ึง ความไมประมาทหนง่ึ ความสมาทาน สกิ ขาหนง่ึ อุทเทสความเรยี นพระบาลหี นง่ึ ปรปิ จุ ฉา ความเรียนอัฏฐกถาและฎีกาหนึ่ง ความยนิ ดียงิ่ ในศลี คุณเปน ตน หน่ึง ความเปนผไู มม ีอาลยั หน่งึ ความเปนผูก ระทํา สิกขาบทใหบ ริบรู ณหนึ่ง, ความทรงผา กาสาวะไวห นึ่ง ความเปน ผูมีศีรษะโลน หน่งึ ; ธรรมทงั้ หลายกระทาํ ใหเปน สมณะของสมณะยส่ี บิ และเพศท้ังหลายสองเหลา น้แี ล. อบุ าสกโสดาบนั คดิ วา 'ภิกษุมาสมาทานคณุ ทั้งหลายเหลา น้ี ประพฤติอยู, ภิกษุนน้ั เพราะความทธ่ี รรมท้งั หลายเหลาน้นั เปน ของไมบกพรอ ง เพราะความท่ธี รรมทง้ั หลาย เหลา น้นั เปน ของเต็มบรบิ ูรณแลว เพราะความทธ่ี รรมทงั้ หลายเหลา นน้ั เปน ของถงึ พรอ มแลว เพราะความท่ีธรรมมาตามพรอ มแลว ดว ยธรรมทัง้ หลายเหลาน้ัน เธอหยั่ง ลงสูอเสขภูมิ อรหันตภมู ,ิ เธอหย่งั ลงสูภมู อิ นื่ ที่ประเสรฐิ , เธอมาตามพรอ มแลวดวยพระ อรหัต' จงึ ควรไหว ควรลกุ รบั , อุบาสกโสดาบนั คิดวา \"ภิกษุนน้ั เขาถงึ ความเปน ผูเ สมอ ดว ยพระขณี าสพทง้ั หลาย, ความถงึ พรอมนน้ั ของเราไมม'ี จึงควรไหว ควรลกุ รบั ภิกษุที่ เปน ปถุ ชุ น, อบุ าสกโสดาบนั คดิ วา 'ภิกษนุ ั้นเขา ถงึ บริษทั เลิศ เรามไิ ดเขาถงึ ทีน่ นั้ แลว ' จึงควรไหว ลกุ รับ ภิกษุท่ีเปน ปุถุชน, อุบาสกโสดาบนั คิดวา 'ภิกษนุ นั้ ยอ มไดเ พ่อื จะฟง ปาฏโิ มกขทุ เทส เรายอมไมไ ดเ พอ่ื จะฟง ปาฏิโมกขทุ เทสนนั้ ' จึงควรไหว ลกุ รับ ภกิ ษทุ ี่ เปน ปุถุชน, อบุ าสกโสดาบนั คดิ วา 'ภกิ ษนุ ัน้ ยงั กุลบุตรท้ังหลายอืน่ ใหบวชใหอุปสมบท ยังศาสนาของพระพทุ ธเจา ผชู นะแลวใหเ จรญิ เรายอ มไมไดเ พอื่ จะกระทาํ กิจทง้ั สามนน้ั ' จึงควรไหวค วรลุกรบั ภกิ ษุทเ่ี ปนปถุ ชุ น, อบุ าสกโสดาบนั คิดวา 'ภกิ ษนุ ้นั เปน ผูกระทาํ ใหบรบิ ูรณใ นสกิ ขาบททง้ั หลายไมม ีประมาณ เราไมไดประพฤติในสกิ ขาบททง้ั หลาย เหลานัน้ ' ดังนี้ จึงควรไหว ควรลุกรบั ภิกษทุ ่ีเปน ปถุ ชุ น, อบุ าสก โสดาบัน คดิ วา 'ภกิ ษุ น้ันเขา ถงึ แลว ซึ่งเพศแหง สมณะ ตงั้ อยใู นความประสงคของพระพทุ ธเจา เราหลกี ไป แลว สูทไี่ กลจากเพศนนั้ ' ดงั นี้ จึงควรไหว ควรลกุ รับ ภิกษทุ เี่ ปน ปถุ ุชน, อุบาสกโสดาบนั คดิ วา 'ภิกษนุ นั้ มขี นในรักแรร ุงรังแลว มไิ ดห ยอดประดบั มีกลิ่นแหงศลี ฉาบทาแลว สว น เราเปน ผยู นิ ดยี ิ่งในการประเทืองผวิ และประดบั ' ดังนี้ จงึ ควรไหว ควรลุกรบั ภกิ ษทุ เ่ี ปน ปถุ ุชน, ก็อบุ าสกโสดาบนั คิดวา 'ธรรมทงั้ หลายท่กี ระทาํ ใหเปน สมณะยส่ี บิ และเพศ เหลา นัน้ ใด ธรรมทงั้ หลายแมท ้งั ปวงเหลา นี้ ยอ มมีพรอมแกภ กิ ษุ ภิกษุนน้ั นนั่ เทยี ว ยอม ทรงธรรมทงั้ หลายเหลา นั้นไว ยงั กลุ บุตรทง้ั หลายแมอ นื่ ใหศึกษาอยใู นธรรมท้งั หลาย เหลาน้นั นิกายเปน ทีม่ า และความยงั กุลบตุ รใหศกึ ษานนั้ ของเราไมม 'ี ดังนี้ จงึ ควรไหว ควรลกุ รบั ภิกษุทเ่ี ปน ปุถชุ น.
ขอถวายพระพร เออก็ ราชกมุ ารเรียนวทิ ยาศึกษาธรรมเนยี มของกษตั ริยใน สาํ นกั แหง ปโุ รหติ , โดยสมัยอน่ื ราชกุมารนัน้ ไดอภเิ ษกแลว จงึ ควรไหว ควรลกุ รบั อาจารย ดว ยความดาํ รวิ า 'ปุโรหติ นีเ้ ปน อาจารยใ หศึกษาของเรา\" ดังนี้ ฉันใด; อบุ าสก โสดาบัน คดิ วา 'ทา นผูดํารงวงศ เปน ผยู งั กุลบุตรใหศึกษา ดงั น'้ี จึงควรไหว ควรลกุ รบั ภิกษทุ เ่ี ปน ปุถชุ น ฉนั นนั้ น่นั เทียวแล. เออก็ บรมบพติ รจงทรงทราบความที่ภูมขิ องภกิ ษุ เปน ของใหญ ความที่ภมู ิของภิกษเุ ปน ของไพบูลย ไมม ภี มู อิ ื่นเสมอน้นั โดยปริยายน:ี้ ถา อุบาสกโสดาบนั กระทําใหแจง ซ่ึงพระอรหตั , คตทิ ั้งหลายสองเทาน้นั ไมม ีคตอิ ่นื ยอมมี แกอบุ าสกผกู ระทําใหแจง พระอรหตั น้นั คอื : อุบาสกผอู รหนั ตน น้ั พงึ ปรินิพพานบาง พงึ เขาไปถงึ ความเปนภิกษบุ า ง ในวนั นนั้ ทเี ดียว; เพราะวา ภูมิของภกิ ษนุ ีใ้ ด ภูมิของภกิ ษุ น้นั เปน บรรพชาไมเขยือ้ น เปน ของใหญบ รสิ ุทธส์ิ งู ย่ิง.\" ร. \"พระผูเปน เจา นาคเสน ปญ หาไปแลวโดยญาณ พระผเู ปน เจา ผมู ีความรูยงิ่ มีกาํ ลงั คลคี่ ลายออกดว ยดีแลว, บุคคลอื่นนอกจากทา นผูมีความรเู ชน พระผเู ปน เจา ไม อาจเพื่อจะคล่คี ลายปญ หานอี้ อกใหแ จงชดั อยางนี้ไดแล.\" ๘. ตถาคตอเภชชปริสปญ หา ๑๘ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา กลา วอยวู า 'พระตถาคตมีบริษัทอนั ใคร ๆ ใหแตกไมไ ด ดงั น.ี้ ก็แหละ พระผูเปน เจา กลาวอยูอกี วา 'ภิกษุหารอย พระเทวทัต ทําลายแลว ประหารอนั เดยี ว' ดงั น.้ี ถาพระตถาคตเปน ผมู บี รษิ ัทอนั ใคร ๆ ทาํ ลายไมได แลวไซร, ถาอยางนน้ั คาํ ท่ีวา 'ภิกษทุ ง้ั หลายประมาณหา รอ ย พระเทวทัตทําลายแลว ประหารอันเดยี ว' ดงั นี้ นนั้ เปน ผิด. ถาภกิ ษุท้ังหลายประมาณหา รอ ย อนั พระเทวทตั ทําลายแลว ประหารอนั เดียวไซร, ถาอยา งนน้ั คาํ ทว่ี า 'พระตถาคตเปน ผูมบี รษิ ทั อันใคร ๆ ทาํ ลายไมไ ดด งั น้ี แมน ั้นเปน ผิด. ปญหาแมน ้สี องเงือ่ น ลึก ใคร ๆ ตดั สินโดยยากเปน ขอดวิเศษกวา ขอดโดยปกติ มาถงึ พระผูเ ปน เจา แลว , ชนหมนู ้ีอนั อวชิ ชากางกนั้ ปกคลมุ แลว ปดแลว หมุ หอแลว ในปญหาน,้ี พระผเู ปนเจา จงแสดงกาํ ลงั แหง ปรชี าญาณ ในปรัปปวาททง้ั หลาย ในปญ หานีเ้ ถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระตถาคตเปนผูมีบรษิ ัทอนั ใคร ๆ ทาํ ลาย ไมไ ด, กแ็ หละ ภกิ ษทุ ง้ั หลายประมาณหา รอ ย อันพระเทวทตั ทาํ ลายแลว ประหารอนั เดยี ว. ก็แตวา ความทําลายนั้นดว ยกาํ ลงั แหงเหตุเครือ่ งทําลาย, คร้ันเม่ือเหตเุ คร่ือง ทําลายมอี ยู ชอื่ วาของอนั ใคร ๆ ทาํ ลายไมไ ดไมมี. เมือ่ เหตุเคร่ืองทาํ ลายมอี ยู แม มารดายอมแตกจากบตุ ร แมบ ตุ รยอ มแตกจากมารดา แมบดิ ายอมแตกจากบตุ ร แม
บตุ รยอ มแตกจากบิดา แมพ นี่ องชายยอมแตกจากพน่ี อ งหญงิ แมพ ่ีนอ งหญงิ ยอมแตก จากพนี่ องชาย แมสหายยอ มแตกจากสหาย, แมเ รอื ทั้งลายทข่ี นานดว ยตนไมตาง ๆ ยอ มแตกดวยกําลงั แหงคลนื่ ประหาร แมตน ไมท มี่ ผี ลถึงพรอ มแลว ดว ยรส อันบคุ คลพงึ กําหนดดวยนา้ํ ผง้ึ อนั เรีย่ วแรงมีกาํ ลังแหงลมกระทบเฉพาะแลวยอ มแตก แมทองคํามี ชาตยิ อ มแตกดวยโลหะ เออก็ คาํ ทวี่ า 'พระตถาคตเปน ผมู บี ริษทั อนั ใคร ๆ ทําลายได ดงั นี้ ไมใชค วามประสงคของวญิ ชู นทง้ั หลาย ไมใชความนกึ นอ มของพระพทุ ธเจา ทั้งหลาย ไมใชฉันทะของบณั ฑติ ทงั้ หลาย. เออกพ็ ระตถาคตอันบัณฑติ ทง้ั หลายยอ ม กลา วสรรเสรญิ วา 'พระองคม บี รษิ ทั อนั ใครทําลายไมไ ด' ดังนี้ ดวยเหตใุ ด เหตนุ นั้ ใน ความกลา วสรรเสรญิ นน้ั มอี ย,ู เหตใุ นความกลาวสรรเสริญนนั้ อยา งไร? คือใครไมเคยได ยินไดฟง มาวา 'เมอื่ พระตถาคตยงั เปน พระโพธิสัตว ทรงประพฤตจิ รยิ าในภพใดภพหน่ึง ดวยการหยบิ ฉวยทรพั ยของใคร ๆ อนั พระองคไ ดกระทําแลว หรอื หรอื ดวยการเจรจา วาจาที่ไมน ารกั หรือดว ยความประพฤตสิ ง่ิ ทไ่ี มเปน ประโยชนแ กต นและผอู ืน่ หรอื ดว ย ความเปน ผูไมม ีตนเสมอ บรษิ ัทของพระองคแ ตกแลว ' ดงั นี้เลย, เพราะเหตนุ นั้ บัณฑติ ทัง้ หลายจงึ กลา วสรรเสรญิ วา 'พระตถาคตเปนผมู บี รษิ ทั อันใคร ๆ ทาํ ลายไมได. 'เหตนุ ้ี แมบ รมบพิตรพงึ ทรงทราบวา 'เหตอุ นั หนงึ่ มาแลว โดยสตู รมอี ยูในพทุ ธพจน มอี งคเกา ประการวา 'บรษิ ัทของพระตถาคตแตกแลว เพราะเหตชุ อ่ื นี้ อนั พระองคยังเปน โพธสิ ตั ว กระทําแลว .\" ร. \"หาไม พระผูเ ปนเจา กเ็ หตนุ ั้น มิไดป รากฏในโลก แมอ นั ขา พเจากไ็ มไ ดยิน, ดีละ พระผูเปน เจานาคเสน ขอ วสิ ัชนาของพระผูเ ปน เจาสมอยา งนน้ั , ขาพเจา ยอม รับรองอยา งนน้ั .\" ๙. อซานโตปาปกรณอปุญญปญ หา ๑๙ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผเู ปนเจา กลา วอยวู า 'ผูใดไม รูก ระทาํ ปาณาตบิ าต ผนู ้นั ยงั อกุศลมีกาํ ลังกลาใหเกิด' ดังน.้ี สว นพระผมู ีพระภาคเจา ตรสั แลวในวนิ ยั บัญญัตอิ ีกวา 'ความไมม อี าบัตแิ กภกิ ษุผไู มร'ู ดงั น.ี้ ถาวาบคุ คลไมร ูแ ลว กระทาํ ปาณาตบิ าต ยงั อกศุ ลมกี าํ ลงั กลาใหเ กิด, ถา อยา งนนั้ คาํ ทว่ี า 'ความไมมีอาบตั ิ แกภิกษผุ ไู มรู, ดังนี้ นน้ั เปน ผดิ . ถาวา ความไมมอี าบตั ิแกภิกษุผไู มร ู, ถา อยา งนั้น คาํ ทว่ี า 'บคุ คลไมรแู ลว กระทาํ ปาณาติบาตยงั อกุศลมกี าํ ลงั กลาใหเกดิ ' ดงั น้ี แมน นั้ กผ็ ิด. ปญ หาแมน ้ีสองเงือ่ นอนั บคุ คลขามยาก กา วลว งยาก มาถงึ พระผเู ปน เจา แลว, ปญหา นั้นพระผเู ปน เจา พงึ ขยายใหแ จง ชัดเถดิ .\"
พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจาแมไดทรงภาสิตพระ พุทธพจนนวี้ า 'บุคคลใดไมร ู กระทําปาณาตบิ าต บคุ คลนน้ั ยอ มยงั อกศุ ลมีกาํ ลงั กลา ให เกิด,' กแ็ มในวนิ ยั บัญญตั ิ พระองคตรสั แลววา 'ความไมม ีอาบัติแกภกิ ษผุ ูไมร ู' ดังนี้อกี , เน้ือความพิเศษในพระพทุ ธพจนน น้ั มอี ย,ู เนื้อความพิเศษเปนไฉน? เนอื้ ความพิเศษ คือ อาบัตทิ เ่ี ปน สญั ญาวิโมกข พนดวยสัญญาก็ม;ี ทเ่ี ปนโนสญั ญาวโิ มกขไมพ นดว ย สญั ญากม็ ี อาบัตนิ ใ้ี ด ทีเ่ ปน สัญญาวโิ มกข พระผูมพี ระภาค ทรงปรารภอาบตั ินน้ั ตรัส แลว า 'ความไมมอี าบตั แิ กภกิ ษุผูไมร'ู ดังน้ี ขอถวายพระพร.\" ร. \"ดีละ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอ วิสัชนาของพระผูเปน เจาน้ี สมอยา งนน้ั , ขาพเจา ยอมรบั รองอยา งนนั้ .\" ๑๐. ภกิ ขคุ ณอเปกขภาวปญ หา ๒๐ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ี้ พระผมู ีพระ ภาคเจาไดทรงภาสติ แลว วา 'ความดําริอยา งน้ีวา 'เราจะบริหารภิกษุสงฆห รอื หรือวา ภิกษสุ งฆม ีตวั เราเปนท่ีพาํ นกั ' ดงั น้ี มไิ ดมแี ดพ ระตถาคตเลย' ดังน.ี้ กเ็ มือ่ พระผูมพี ระ ภาคเจา ทรงแสดงคุณตามทเ่ี ปนจริง ของพระผมู ีพระภาคทรงพระนามวา เมตไตรย ได ตรัสแลวอยางนีว้ า 'พระผมู พี ระภาคทรงพระนามวา เมตไตรย น้นั จกั บรหิ ารภกิ ษสุ งฆ มใิ ชพ นั เดียว เหมอื นเราผูต ถาคตบริหารภิกษสุ งฆม ใิ ชรอ ยเดยี วอยูในกาลนี้ แมฉนั นนั้ ' ดังน.ี้ ถา วา พระผูม ีภาคไดตรสั แลว วา 'ดกู อ นอานนท ความดาํ รอิ ยางนว้ี า 'เราจะบรหิ าร ภิกษสุ งฆห รือ หรือวา ภกิ ษสุ งฆม ตี ัวเราเปน ทพี่ ํานัก' ดงั นี้ มิไดมีแดพ ระตถาคตเลย' ดงั น,้ี ถาอยา งน้ัน คาํ ทีว่ า 'เราบริหารภิกษสุ งฆมิใชรอยเดียว' ดงั นี้ นนั้ เปน ผดิ . ถาวา พระตถาคตตรัสแลว า 'เหมอื นเราผตู ถาคตบริหารภกิ ษสุ งฆม ิใชร อ ยเดียวอยใู นกาลน้ี แมฉ ันนน้ั ,' ถาอยางนน้ั คําทว่ี า 'ดูกอ นอานนท ความดํารวิ า 'เราจะบรหิ ารภกิ ษสุ งฆ หรอื หรอื วา ภกิ ษุสงฆม ตี ัวเราเปนท่ีพาํ นกั ' ดังน้ี มิไดมแี ดพ ระตถาคตเลย' ดงั นี้ แมน นั้ ก็ ผดิ . ปญ หาแมน ้ีสองเงอื่ น มาถึงพระผเู ปน เจาแลว ปญหานน้ั พระผเู ปน เจา พงึ แกไ ขให แจม แจงเถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาค แมไดทรงภาสิตพระพุทธ พจนน ี้วา 'ดูกอ นอานนท ความดํารวิ า 'เราจะบริหารภกิ ษุสงฆดงั นหี้ รือ หรอื วา ภิกษุ สงฆม ีตวั เราเปน ทพ่ี าํ นกั 'ดงั น้ี อยา งน้มี ไิ ดม แี ดพ ระตถาคตเลย' ดังน.ี้ เมอื่ พระองคท รง แสดงคณุ ตามที่เปนจรงิ ของพระผมู พี ระภาคเจา แมท รงพระนามวา เมตไตรย ไดต รัส แลว วา 'พระผมู ีพระภาคเจา ทรงพระนามวา เมตไตรยนน้ั จกั บริหารภิกษุสงฆม ใิ ชพ นั
เดียว เหมอื นเราบรหิ ารภกิ ษสุ งฆมิใชร อยเดียวอยูในกาลนี้ แมฉนั นน้ั ' ดงั น.ี้ กใ็ นปญ หา นี้ เนอื้ ความหน่งึ เปน สาวเสส มสี ว นเหลอื เนือ้ ความหนง่ึ เปน นริ วเสสไมม ีสว นเหลอื . พระ ตถาคตเจามิไดทรงดาํ เนนิ ตามบริษทั . สว นบรษิ ทั ดาํ เนนิ โดยเสด็จพระตถาคตเจา. แม วาจาวา เรา วา ของเรา นเ้ี ปน แตสมมติ พระโองการตนิ ม้ี ิใชป รมตั ถ. ความรกั ของพระ ตถาคตเจาปราศจากไปแลว ความเย่ือใยปราศจากไปแลว และความถือวาของเรา ยอมไมม แี ดพระตถาคต, กแ็ ตวา ความอาศยั ยึดเหน่ียวยอ มม.ี อปุ มาเหมอื นแผนดนิ เปน ที่อาศัยตงั้ อยขู องสัตวทง้ั หลายทตี่ งั้ อยูในพน้ื สตั วท งั้ หลายเหลา นี้ เปน ผตู ง้ั อยใู น แผน ดินโดยแท, แตวา ความเพง วา 'สัตวทัง้ หลายเหลา นี้ ของเรา' ดงั นี้ ยอมไมม แี ก แผน ดินใหญ ฉันใด; พระตถาคตเจา เปน ทพี่ ่งึ อาศยั ของสตั วท ัง้ หลายทงั้ ปวง สัตว ท้ังหลายเหลา นี้ พง่ึ พระตถาคตโดยแท, กแ็ ตว า ความเพง วา 'สัตวท งั้ หลายเหลา น้ี ของ เรา' ยอ มไมม แี ดพ ระตถาคตเลย ฉันนน้ั . อีกอยางหนึ่ง เปรยี บเหมอื นมหาเมฆใหญ เมื่อยังฝนใหต กเฉพาะกาล ยอมให ความเจริญแกห ญา และตน ไม และสตั วข องเล้ยี ง และมนษุ ยทงั้ หลาย ยอ มตามเล้ยี งไว ซึง่ สันตต,ิ ก็สัตวท ้งั หลายทง้ั ปวงเหลา นนั้ เปน ผูอาศัยฝนเปนอย,ู ก็แตวา ความเพงวา 'สัตวทง้ั หลายเหลานนั้ ของเรา' ดงั น้ี ยอมไมม ีแกมหาเมฆ ฉนั ใด; พระตถาคตยังกศุ ล ธรรมใหเกิดแกส ตั วท งั้ ปวง ยอมตามรกั ษาสตั วทงั้ ปวงไว, ก็สตั วท ง้ั หลายทงั้ ปวง เหลานนั้ เปน ผอู าศัยพระศาสดาเปน อย,ู แตว า ความเพงวา 'สตั วท ั้งปวงเหลาน้ี ของ เรา' ยอ มไมมแี ดพ ระตถาคต ฉันนนั้ ; ซ่ึงเปนดังน้ันเพราะเหตไุ ร? ซง่ึ เปน ดังนน้ั เพราะ ความที่ทิฏฐไิ ปตามซ่งึ ตนพระตถาคตละเสียไดแ ลว.\" ร. \"ดีละ พระผเู ปนเจา นาคเสน ปญหาพระผเู ปนเจา คลค่ี ลายออกไดแลว ดวย เหตทุ ง้ั หลายตา ง ๆ, ปญ หาลกึ พระผเู ปน เจา มากระทาํ ใหต นื้ ไดแลว , ขอดพระผเู ปน เจา ทาํ ลายไดแลว, ชัฏพระผูเ ปน เจากระทําไมใหเ ปน ชฏั แลว , มืดกระทาํ ใหเ ปนแสงสวา ง แลว, ปรปั ปวาททงั้ หลายพระผูเ ปนเจา หกั เสียแลว, จักษขุ องชินบตุ รทง้ั หลายอนั พระผู เปนเจา ใหเ กิดขึน้ ไดแลว.\" วรรคทส่ี าม ๑. วตั ถคยุ หทสั สนปญหา ๒๑ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระตถาคตแมท รงภาสติ พระ พทุ ธพจนนว้ี า 'ความสาํ รวมระวังดว ยกาย ความระวงั ดว ยวาจา ความระวังดวยใจ เปน ของดลี ะอยา ง ๆ ความระวงั ในทท่ี ง้ั ปวง เปน ของดีกระทาํ ประโยชนใ หสาํ เรจ็ ได' ดงั น.ี้
และพระตถาคตเจาเสดจ็ นง่ั ในทา มกลางบริษัทสี่ ทรงแสดงอวัยวะทจ่ี ะพงึ ซอ นในผาตัง้ ลงแลวในฝก แกพราหมณช ่อื เสละ ตอ หนา แหง เทพดามนษุ ยท ้งั หลาย. ถาวาพระผมู ี พระภาคเจาตรัสแลววา 'ความระวงั ดวยกายเปน ของด'ี ดงั น,้ี ถา อยางนน้ั คําที่วา 'พระองคแสดงอวัยวะท่ีจะพงึ ซอนในผา ตงั้ ลงแลวในฝก แกเสลพราหมณน ้นั เปน ผิด. ถา วาพระตถาคตทรงแสดงอวยั วะทจ่ี ะพงึ ซอนในผา ตั้งลงแลว ในฝก แกเ สลพราหมณ, ถา อยางนนั้ คําทวี่ า 'ความระวงั ดว ยกายเปนของดี' ดงั นี้ แมน ั้นก็ผดิ . ปญ หาแมน สี้ องเงื่อน มาถงึ พระผูเปน เจา แลว พระผเู ปนเจา พงึ ขยายใหแ จงชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมต รัสพระพทุ ธพจนนี้ แลว 'ความระวังดว ยกายเปน ของด'ี ดังน.้ี และทรงแสดงอวยั วะที่จะพงึ ซอ นในผา ตง้ั ลง แลว ในฝก แกเสล พราหมณ. ขอถวายพระพร ความสงสยั ในพระตถาคตเกดิ ขน้ึ แลว แกบ ุคคลใด พระผูมพี ระ ภาคเจาทรงแสดงพระกายมสี วนเปรียบดว ยอวยั วะนนั้ ดว ยฤทธ์ิ เพือ่ จะยังบคุ คลนน้ั ให รู, บุคคลนัน้ เทา นัน้ ยอมเหน็ ปาฏหิ ารยิ น น้ั .\" ร. \"พระผเู ปน เจานาคเสน ใครเลา จกั เชือ่ ปาฏิหารยิ น นั้ บุคคลไปในบรษิ ัท ยอ ม เหน็ อวัยวะทจี่ ะพงึ ซอ นนนั้ แตผ ูเดยี ว ดวยปาฏหิ ารยไรเลา , คนทงั้ หลายนอกนนั้ มใี นที่ นั่นเทียว ไมไ ดเ หน็ . เชญิ พระผเู ปนเจา อางเหตใุ นขอนน้ั ยงั ขา พเจา ใหห มายรูด ว ยเหตุ เถิด.\" ถ. \"ขอถวายพระพร บรมบพติ รเคยทอดพระเนตรบางแลวหรอื บุรุษมพี ยาธิบาง คน พรกั พรอ มดว ยญาตแิ ละมติ รมาแวดลอ มอยรู อบขาง?\" ร. \"เคยเหน็ พระผเู ปน เจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร บุรษุ เสวยทกุ ข รูส กึ เจบ็ โดยเวทนาใด บริษัทหรือญาตแิ ละ มิตรเห็นเวทนานนั้ บา งหรือ?\" ร. \"หาไม พระผูเปนเจา บุรษุ นัน้ ยอมเสวยทุกข รูส ึกเจ็บปวดแตต นผูเ ดยี ว.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ความสงสัยเกดิ ขนึ้ แลว แกบุคคลใด พระตถาคตทรงแสดง พระกายมีสวนเปรียบดวยอวยั วะ ท่จี ะพึงวอนใหล ับในผา ดว ยฤทธ์ขิ องพระองค เพอ่ื ยัง บคุ คลนั้นใหร แู ตผเู ดยี ว. บุคคลนั้นผเู ดียวเหน็ ปาฏิหาริยน ้นั ฉนั นน้ั ขอถวายพระพร. อกี นยั หนงึ่ ภตู สงิ บรุ ษุ คนใดคนหน่ึง, บริษทั นอกนน้ั ยอมเหน็ ความมาของภูต น้นั บา งหรอื ?\" ร. \"หามิได บรุ ุษทก่ี ระสบั กระสา ยอยเู ทา นน้ั ยอ มเหน็ ความมาของภูตนั้น.\"
ถ. \"ขอถวายพระพร บริษทั นอกนั้น ยอมไมเ หน็ ความมาของภตู น้นั บรุ ษุ ท่ี กระสบั กระสายอยูเทา นน้ั ยอ มเหน็ ความมาของภตู นน้ั ฉนั ใด, ความสงสัยในพระ ตถาคตเกดิ ขึ้นแลวแกบคุ คลใด บุคคลนั้นผเู ดยี ว ยอ มเหน็ ปาฏหิ าริยแตผ ูเดยี ว ฉนั นน้ั .\" ร. \"พระผูเ ปน เจา นาคเสน กจิ ที่บุคคลจะพงึ กระทาํ โดยยาก พระผมู พี ระภาค เจา เม่อื ทรงแสดงปาฏิหาริยท ใ่ี คร ๆ จะพงึ แสดงแมแกบ คุ คลผูเดยี วในทา มกลางบรษิ ัท ใหเ หน็ แตผเู ดียวไมไ ดนัน้ ทรงกระทาํ ไดแ ลว.\" ถ. \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจาซง่ึ จะไดท รงแสดงอวัยวะทจี่ ะพึงซอน แลว น้ันหามิไดล ก็แตว า พระองคท รงแสดงพระฉายดว ยฤทธ.ิ์ \" ร. \"เสล พราหมณไดเ หน็ อวยั วะทีจ่ ะพงึ ซอนอันใดแลว จงึ สันนษิ ฐานเขา ใจแน ได เม่ือบุคคลไดเ ห็นพระฉาย ก็ไดช่อื วาเหน็ อวยั วะท่ีจะพงึ ซอ นนนั้ ทีเดยี วนะ พระผเู ปน เจา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร พระตถาคตทรงกระทาํ แมซ่งึ กรรมอนั บคุ คลกระทาํ ไดโ ดย ยาก เพ่ือจะยงั สัตวทงั้ หลายทคี่ วรจะตรสั รูใหตรัสรู ถา วาพระตถาคตพงึ กระทาํ กจิ ท่ีจะ พงึ กระทาํ ใหเ สื่อมไปเสยี , สัตวท้งั หลายทคี่ วรตรัสรไู ด จะไมพึงตรสั รู พระตถาคตผรู ซู ่งึ อุบายอันบคุ คลพึงประกอบเพอ่ื จะยงั สตั วท ง้ั หลายทค่ี วรตรสั รใู หต รสั รู เพราะเหตใุ ด, เพราะเหตนุ น้ั สตั วท ้ังหลายทค่ี วรจะตรสั รู ยอมตรสั รูไดด วยอุบายอนั จะพงึ ประกอบใด ๆ พระตถาคตยังสตั วท ีค่ วรตรัสรูท ัง้ หลายใหต รัสรูด ว ยอุบายทจี่ ะพงึ ประกอบนนั้ ๆ. ขอถวายพระพร เหมอื นหมอผฉู ลาด เมอื่ จะเยียวยารกั ษาคนไขค ร้ันไปดูคนไข เหน็ แจง ประจกั ษแ ลว กว็ างยา โรคควรจะสาํ รอกออกเสีย กใ็ หสํารอกเสยี โรคควรถา ย ยา ก็ใหถา ยเสยี โรคควรจะชโลมยา ทายา กใ็ หช โลมยา ทายาเสยี โดยทค่ี วรจะรมก็รม เสยี รักษาดวยยานนั้ ๆ เอาความหายโรคเปน ประมาณ ฉนั ใด; สัตวทง้ั หลายท่คี วรตรสั รู จะตรสั รูไดดว ยอุบายทจ่ี ะพงึ ประกอบใด ๆ พระตถาคตกใ็ หตรัสรดู วยอบุ ายทจ่ี ะพงึ ประกอบนน้ั ๆ ฉันน้นั นนั่ เทยี วแล ขอถวายพระพร. อกี นัยหนงึ่ สตรที ีม่ ีครรภห ลงแลวยอมแสดงอวัยวะที่ควรซอ นไมค วรแสดงให ใครเห็น แกห มอผดงุ ครรภ ฉนั ใด, พระตถาคตทรงแสดงพระฉายที่ไมควรแสดงใหใ คร เห็น ควรจะซอนไว ดว ยฤทธ์ิเพอ่ื จะยงั สัตวท ้งั หลายทีค่ วรจะตรัสรใู หต รสั รู ฉนั นนั้ นั่น เทยี วแล. อาศยั ยึดบุคคล โอกาสชื่อเปน ของไมค วรแสดง ยอ มไมม .ี ถา วา ใคร ๆ พงึ เหน็ พระหฤทยั ของพระผมู พี ระภาคเจาแลวจงึ ตรสั รไู ด, พระผูมีพระภาคเจา พงึ ทรงแสดง พระหฤทยั แมแ กบ ุคคลน้นั ดว ยอบุ ายท่ีจะพึงประกอบ. พระตถาคตเปนผรู ูอุบายทจี่ ะพงึ ประกอบ และฉลาดในเทศนาพระตถาคตทรงทราบอธั ยาศยั ของพระเถรช่ือ
นนั ทะ นาํ พระนันทเถระนนั้ ไปสพู ิภพของเทพดา แลวทรงแสดงนางเทพกญั ญา ดวย ทรงพระดาํ ริวา 'กลุ บตุ รนี้จกั ตรัสรูไดด วยอบุ ายเครอ่ื งประกอบน'ี้ ดังน,้ี กลุ บุตรนน้ั กต็ รัส รูแลวดว ยอบุ ายเครอ่ื งประกอบนัน้ ไมใ ชห รอื ? ขอถวายพระพร พระตถาคตดหู มิน่ ติเตยี นสุภนิมิตโดยปริยายมิใชอ นั เดยี ว เกลียดสภุ นิมติ ทรงแสดงนางเทพอปั สรทง้ั หลายมีสเี ทาดงั สีเทา นกพิลาบ เพราะความ ตรัสรขู องทา นเปนเหต,ุ พระ นันทเถระตรสั รูด ว ยอบุ ายนน้ั ดงั นแ้ี ล, พระตถาคตเปน ผรู ู อุบายเครอื่ งประกอบเปนผฉู ลาดในเทศนา ดว ยอบุ ายอยา งน้ีบาง ขอถวายพระพร. คําท่ีจะพงึ กลา วยงั มีอีก พระตถาคต เมอื่ พระเถระจฬู ปน ถกอนั พระเถระผู พ่ีชายฉดุ ออกเสียจากวหิ าร เกิดทกุ ขโทมนสั พระองคเสดจ็ เขาไปใกลแลว ประทานทอ น ผาอันละเอยี ดใหแ ลว ดว ยหวังพระหฤทัยวา \"กลุ บุตรน้ีจกั ตรัสรูด ว ยทอนผา น'้ี ดงั น,ี้ กลุ บุตรนัน้ กถ็ งึ ความเปนผชู าํ นาญในพระชนิ ศาสนา ดว ยเหตุนนั้ . พระตถาคตเปนผูรู อบุ ายเครือ่ งประกอบ เปน ผฉู ลาดในเทศนาดว ยอบุ ายอยา งน้บี า ง. คําทจ่ี ะพงึ กลา วยงั มีอีก พระตถาคต เม่ือพราหมณโมฆราชมาทลู ถามปญ หา ถงึ สามครงั้ พระองคม ิไดทรงพยากรณด ว ยความดาํ รวิ า 'มานะของกลุ บตุ รน้ีจักระงบั ไป ดวยอุบายอยา งน,ี้ ความตรัสรจู ักมเี พราะความที่มานะระงบั ไป' ดังน,้ี มานะของ กุลบตุ รนนั้ กร็ ะงับไปแลว ดว ยเหตุนนั้ , เพราะความทม่ี านะระงบั ไป พราหมณน ั้นถึงแลว ซง่ึ ความเปน ผชู ํานาญในอภญิ ญา หกประการ. พระตถาคตเปนผูรอู ุบายเครือ่ งประกอบ เปนผฉู ลาดในเทศนาดวยอุบายอยา งน้ีบา ง ดังน.้ี \" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ปญหาพระผเู ปน เจา แกไ ขดว ยดแี ลวดว ยเหตุ ท้งั หลายมากหลายประการ, ชัฏพระผเู ปนเจา กระทําไมใหเ ปนชฏั แลว , มดื กระทาํ ให เปนแสงสวา งแลว, ขอดทําลายแลวปรัปปวาททงั้ หลายพระผเู ปน เจา หกั รานเสยี แลว , จักษพุ ระผเู ปน เจาไดใ หเ กิดขนึ้ แลวแกชินบตุ รทง้ั หลาย, เดียรถยี ท ง้ั หลาย มากระทบ พระผูเ ปน เจา ผูประเสรฐิ กวา เจา คณะผูป ระเสริฐแลว หาปฏภิ าณมไิ ด.\" ๒. ตถาคตผรุสวาจนตั ถตี ิปญ หา ๒๒ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระเถระสารบี ตุ ร ผธู รรมเสนาบดี แมภาสติ คาํ นว้ี า 'พระตถาคตมีวจสี มาจารบรสิ ุทธิแ์ ลว , พระตถาคตจะตอ งรักษาวจี ทจุ รติ อันใดดวยคดิ วา 'บุคคลอื่นอยาไดร วู จที ุจริตน้ีของเราเลย' ดังน,้ี วจีทจุ ริตน้ัน ไมมี แดพระตถาคต, ดังน.ี้ สว นพระตถาคตทรงบญั ญตั ปิ าราชิก เพราะความผิดของพระ เถระสทุ นิ ผบู ตุ รแหง กลนั ทเศรษฐี รอ งเรยี กดวยวาทะวา โมฆบรุ ุษ เปน วาจาหยาบ, พระ
เถระนน้ั สะดงุ แลวดวยความสะดุงอันหนกั มีความเดอื ดรอ นดวยวาทะวา โมฆบุรุษ ไม อาจแลว เพื่อจะแทงตลอดอรยิ มรรค, ถาวา พระตถาคตมวี จีสมาจารบรสิ ทุ ธิแ์ ลว , วจี ทจุ รติ ยอ มไมม ีแดพระตถาคต, ถา อยางนนั้ คําที่วา 'พระตถาคตรองเรยี กพระเถระ สทุ ิน ดว ยวาทะวา โมฆบรุ ษุ เพราะโทษผดิ ของพระเถระสทุ นิ กลันทบุตร' น้ันผิด. ถาวา พระผู มพี ระภาคเจา ทรงรอ งเรยี กดวยวาทะวา โมฆบุรษุ เพราะความผิดของพระเถระสทุ ิน กลันทบตุ ร, ถาอยา งนน้ั คาํ ทีว่ า พระตถาคตมวี จสี มาจารบริสุทธแ์ิ ลว วจที จุ ริตยอ มไมม ี แดพระตถาคตแลว' ดงั นี้ แมน ั้นก็ผิด. ปญ หาแมน สี้ องเงื่อนมาถงึ พระผเู ปนเจา แลว , ปญ หาน้ันพระผูเปนเจา พงึ ขยายใหแจงชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระเถระสามีบตุ รผูธรรมเสนาบดี แมไ ดภ า สติ คาํ น้วี า 'ดกู อ นทา นผูม ีอายุ พระตถาคตมีวจสี มาจารบรสิ ุทธ์ิ พระตถาคตจะตอง รักษาวจที ุจรติ ใด ดวยทรงดาํ รวิ า 'บคุ คลผูอื่นอยารทู จุ ริตน้ขี องเราเลย' ดังน,ี้ วจีทุจรติ นั้น ยอมไมม ีแดพระตถาคต' ดังน.้ี และพระผมู พี ระภาคเจาเมอ่ื ทรงบญั ญตั ิปราราชกิ เพราะโทษผิดของทา นผมู ีอายุ สทุ นิ กลันทบุตร ทรงรองเรียนแลว ดว ยวาทะวา โมฆ บรุ ุษ. ก็แลความรอ งเรียกนนั้ จะไดร องเรยี กดว ยจิต อันโทษประทษุ รายแลว กห็ าไม, จะ รอ งเรียกดว ยเหตคุ ิดจะขม กระทําอาํ นาจอวดอา ง กห็ าไม, รองเรียกแลวดว ยลักษณะ ตามท่เี ปน จรงิ อยางไร. กล็ ักษณะตามที่เปน จริงอยา งไร ในการรองเรยี กนน้ั อยา งไร? ขอถวายพระพร ความตรัสรูอริยสัจสี่ ในอัตภาพนี้ ของบุคคลใดไมมี, ความ เปน บุรุษของบคุ คลนน้ั เปนของเปลา, กิจอนื่ ทต่ี นกระทําอยูย อ มเปน พรอ ม คือ สาํ เรจ็ โดยกจิ อน่ื , เพราะเหตนุ ้นั ทา นจงึ กลา ววา 'โมฆบุรุษ บรุ ษุ เปลา' ดงั น.้ี ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา ทรงรอ งเรยี กทานผมู ีอายุสทุ นิ กลนั ทบตุ ร ดว ยคําตามเปน จรงิ จะไดทรงรองเรียกดว ยวาทะท่ไี มจ ริงกห็ าไม แมดว ยประการดังน.ี้ \" ร. \"พระผเู ปน เจานาคเสน บคุ คลใดดาอยู ยอ มกลา วความเปน จรงิ กด็ ,ี ขาพเจา ปรบั สินไหมแกบุคคลนัน้ ตามโทษ, ความดานน้ั เปนผิดทีเดียว, บุคคลนั้น อาศัยวัตถุ ประพฤติโวหารตา งดา อย.ู \" ถ. \"ขอถวายพระพร กก็ ารไหว หรือการตอนรับ หรือสกั การะ หรือความเพม่ิ ให บรรณาการแกบ ุคคลแลว บรมบพติ รเคยไดท รงสดบั แลวมีหรอื ?\" ร. \"ไมเคยสดบั เลย บคุ คลผูผดิ แลว ในทา นผูใดผูหนึ่ง เพราะเหตใุ ดเหตหุ นง่ึ เปน ผูควรจะขแู ละคุกคาม, ราชบรุ ุษทงั้ หลาย ยอ มตดั ศรี ษะของบรุ ุษนน้ั เสียบา ง ยอมตี บุรุษน้ันบา ง ยอ มจําไวบา ง ยอ มฆา เสยี บา ง ยอมปรับบา ง.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ถา อยางน้นั กริ ยิ าทพี่ ระผมู พี ระภาคเจาทรงกระทาํ แลวไม เปนกิริยาเสยี หายเลย\"
ร. \"พระผูเ ปน เจา นาคเสน พระผมู พี ระภาคเจา เมอื่ ทรงกระทาํ แมก ิรยิ า พงึ กระทําดว ยอาการเหมาะเจาะสมควร, โลกกบั ทงั้ เทพดายอมกระดาก ยอมละอายตอ พระตถาคตโดยย่งิ แมด ว ยการฟง , ยอมกระดาก ยอ มละอายตอ พระตถาคตโดยยงิ่ ดวยการไดเ หน็ , ยอ มกระดาก ยอ มละอายตอพระตถาคต ดวยการเขาไปหาและการน่ัง ใกลยง่ิ ขน้ึ ไปกวา การไดเ หน็ น้ัน.\" ถ. \"ขอถวายพระพร หมอเยยี วยา เม่ือโทษในกายหนาหนกั กาํ เริบแลว ใหย าคุม หรือเปนไฉน?\" ร. \"หาไม พระผูเปน เจา หมอนน้ั ใครจ ะกระทาํ ใหเปน คนไมม ีโรค ใหยาประจทุ ี่ ไซท ั้งหลาย.\" ถ. \"ขอถวายพระพร พระตถาคตยอมใหค วามพรํา่ สอน เพื่อความระงบั พยาธิ คอื กิเลสทงั้ ปวง ฉนั นนั้ นนั่ เทียว. พระวาจาของพระตถาคตแมหยาบ ก็คมุ สัตวทง้ั หลาย ไว, กระทาํ สตั วท งั้ หลายใหเปนผอู อน. เปรียบเหมือนน้ําแมร อน ยอ มคมุ ส่งิ ท่คี วรจะคมุ ไวอันใดอนั หนง่ึ กระทาํ ใหเปน ของออ นได ฉนั ใด, พระวาจาของพระตถาคตแมหยาบก็ มปี ระโยชนไ ปพรอ มแลว ดว ยพระกรณุ า. อน่ึง คําของบดิ ามีประโยชนแ กบตุ รท้ังหลาย ไปพรอ มแลวดวยกรุณา ฉนั ใด, พระวาจาของพระตถาคตถงึ หยาบ ก็มปี ระโยชนไป พรอมแลว ดวยพระกรุณา ฉนั นน้ั . พระวาจาของพระตถาคตถงึ หยาบ กเ็ ปน เคร่ืองละ กิเลส. มูตรโคแมมกี ล่ินเหมน็ ทด่ี ม่ื แลว ยาแมมีรสเฝอ นขมทีก่ นิ แลว ยอมกาํ จัดพยาธิ ของสัตวท ง้ั หลายได ฉนั ใด, พระวาจาของพระตถาคตถงึ หยาบ กม็ ีประโยชนไ ปพรอม แลวดวยพระกรณุ า ฉนั น้ัน, อนง่ึ ปยุ นนุ แมใ หญ ตกลงแลวในกายของบคุ คลอืน่ ยอ มไม กระทาํ ความเสยี ดแทงแกบคุ คลนนฉนั ใด, พระวาจาของพระตถาคตถงึ หยาบ ก็ไมใ ห เกิดทกุ ขแกใคร ๆ ฉันนนั้ นัน่ เทยี วแล ขอถวายพระพร.\" ร. \"พระผูเ ปน เจา นาคเสน ปญ หาพระผูเปน เจา วินจิ ฉยั ดแี ลว ดวยเหตทุ ้ังหลาย มาก, ดีละ พระผูเ ปน เจา นาคเสน ขอวิสัชนาปญหาของพระผูเปน เจา นัน้ สมอยา งนน้ั , ขาพเจา ยอมรบั รองอยา งนน้ั .\" ๓. รกุ ขเจตนาเจตนปญหา ๒๓ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระตถาคตแมท รงภาสิตพระ พทุ ธพจนนว้ี า 'ดกู อนพราหมณ ทา นเปน ผมู คี วามเพียรปรารภแลว เปนผไู มป ระมาท แลว รูอยู ถามความนอนเปน สขุ กะตนไมน ้ีทีไ่ มเจตนา ไมฟง มิรู เพราะเหตอุ ะไร' ดงั น.้ี และตรัสแลว อีกวา 'แมตนสะครอ , ไดภ าสิตแลว ในขณะนัน่ เทยี ว อยา งนวี้ า 'ดูกอน
พราหมณภารทวาชโคตร คําแมของเรายอมมี ทา นจงฟง คําเรา' ดงั น.้ี พระผเู ปน เจา นาคเสน ถา วา ตน ไมไ มม ีเจตนา, ถาอยา งน้ัน คําท่ีวา 'ตน สะครอ เจรจากับดว ย พราหมณภารทวาชโคตร' น้ันผดิ , ถาวา ตน สะครอ เจรจากบั พราหมณภ ารทวาชโคตร, ถา อยา งนน้ั คาํ ทวี่ า 'ตน ไมไ มม เี จตนา' แมน ัน้ ก็ผดิ , ปญหานี้สองเงอื่ น มาถงึ พระผเู ปน เจาแลว พระผเู ปนเจา พงึ ขยายใหแจง ชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจาแมท รงภาสติ พระพทุ ธ พจนน ีแ้ ลว วา 'ตน ไมไ มม ีเจตนา' ดังน,ี้ และตนสะครอเจรจากับดว ยพราหมณภารทวาช โคตร, กแ็ หละ คํานนั้ ทานกลา วแลว โดยสมมตุ ขิ องโลก, ความเจรจาของตน ไมทไี่ มม ี เจตนาไมม ,ี เออก็คาํ ทว่ี า \"รุกโข ตน ไม\" นีเ้ ปนช่ือของเทพดาทส่ี ิงอยูใ นตน ไมนนั้ , อนึง่ คําทวี่ า 'ตน ไมเ จรจา' น้ันเปน โลกบญั ญัต.ิ เหมอื นเกวียนเต็มแลวดว ยขาวเปลอื ก ชน ยอมกลา ววา 'เกวยี นขาวเปลอื ก' ดังน,้ี ก็แตวา เกวยี นนน้ั มไิ ดก ระทาํ แลวดว ย ขา วเปลือก, เกวียนนนั้ สาํ เรจ็ แลวดว ยไม, ชนยอ มกลาววา \"ธญญสกฏํ เกวยี น ขา วเปลือก\" ดงั นี้ ก็เพราะความที่ขา วเปลอื กเปนของอนั บคุ คลบรรทุกแลว ในเกวยี นนนั้ ฉันใด: ตน ไมจะเจรจากห็ าไม, ตนไมเปน ของไมมเี จตนา, ก็แตว า เทพดาใดสงิ อยใู น ตน ไมน นั้ คําทว่ี า \"รุกโข ตน ไม\" น้ีเปน ชือ่ ของเทพดานั้น, อนงึ่ คําทว่ี า 'ตนไมเ จรจา' ดังนี้ น้นั เปน โลกบญั ญัติ ฉนั นนั้ นั่นเทียว. อกี นัยหนงึ่ บคุ คลคนนมสมอยู ยอมกลา ววา 'เราคนเปรยี ง' ดังน,ี้ บคุ คลนน้ั คน วตั ถุอันใดอยู วตั ถนุ น้ั ไมใชเ ปรยี ง, บุคคลนน้ั คนนมสมนนั่ เทยี ว ยอ มกลา ววา 'เราคน เปรยี ง' ดังน้ี ฉนั ใด: ตนไมเจรจาไมไ ด, ตนไมเ ปน ของไมม เี จตนา, ก็แตวา เทพดาใดที่สิง อยูใ นตน ไมน นั้ คําท่วี า 'ตนไม' น้ีเปน ชอื่ ของเทพดานั้น, อน่งึ คาํ ทว่ี า 'ตน ไมเ จรจา' ดงั นน้ั เปน บญั ญัติของโลก ฉันนน้ั นน่ั เทยี ว. อีกนัยหนงึ่ ชนผใู ครจ ะกระทาํ ของท่ีไมม ใี หส ําเรจ็ ยอ มกลาววา 'เราจะกระทาํ ของที่ไมมีใหส าํ เร็จ,' ยอ มกลา วของท่ไี มสาํ เร็จแลววา 'เปนของสําเร็จแลว,' วาจาอยา ง นีน้ นั้ เปน สมมตขิ องโลก ฉนั ใด; ตน ไมเ จรจาไมไ ด, ตน ไมเ ปน ของไมม เี จตนา, กแ็ ตว า เทพดาใดสงิ อยทู ตี่ น ไมน น้ั คาํ ทว่ี า 'ตน ไม' นี้เปน ช่ือของเทพดานน้ั , อน่งึ คาํ ทว่ี า 'ตนไม เจรจา' ดังนน้ี น้ั เปน บญั ญัตขิ องโลก ฉนั นนั้ เทยี วแล. ขอถวายพระพร ชนยอ มกลา วโดยสมมติของโลก ฉันใด, แมพ ระตถาคตทรง แสดงธรรมแกส ตั วทัง้ หลาย ตามสมมติของโลก ฉันน้ันนน่ั เทยี ว.\" ร. \"พระผูเ ปน เจา นาคเสน ดลี ะ ขอวสิ ชั นาปญ หาของพระผเู ปนเจา นนั้ สมอยาง นัน้ , ขาพเจา ยอมรบั รองอยา งนนั้ .\"
๔. เทวปณฑปาตมหปั ผลภาวปญ หา ๒๔ พระราชาตรัสถามวา\"พระผเู ปนเจา นาคเสน คาํ นี้ พระเถระทง้ั หลายผกู ระทํา ธรรมสังคายนา แมภ าสติ แมว า 'เราไดฟง แลว วา พระพทุ ธเจาเสวยภัตรของนาง ชา งทองช่อื จนุ ทะ แลว จึงประชวรหนัก มีมรณะเปนสว นสดุ ' ดงั น.้ี สวนพระผมู พี ระภาค เจาตรัสแลว อีกวา 'ดูกอ นอานนทบ ิณฑบาตท้ังหลายสองนีเ้ สมอกัน มผี ลเสมอกัน มี วิบากเสมอกนั , มีผลใหญโดยพเิ ศษดวย มอี านิสงสใ หญโ ดยพิเศษดว ย เกนิ กวา บณิ ฑบาตท้งั หลายอนื่ นั่นเทียว' ดังน.้ี ถา วาเม่ือพระผมู พี ระภาคเจาเสวยภัตรของนาง ชา งทองชอ่ื จนุ ทะ อาพาธกลา เกดิ ข้นึ แลว เวทนาหนักมมี รณะเปน สวนสดุ เปนไปแลว , ถา อยา งน้ัน คาํ ทว่ี า 'ดูกอ นอานนทบ ิณฑบาตทงั้ หลายสองเหลา น้ีเสมอกนั มผี ลเสมอ กัน มวี บิ ากเสมอกนั , มีผลใหญพเิ ศษดว ย มอี านสิ งสใหญพิเศษดวย เกินกวา บณิ ฑบาต ท้ังหลายอน่ื นน่ั เทยี ว' ดังนี้ นั้นเปน ผด. ถาวา บิณฑบาตทง้ั หลายแมส องเหลา น้เี สมอกัน มผี ลเสมอกนั มวี ิบากเสมอกนั , มีผลใหญพเิ ศษดวย มีอานสิ งสใหญพิเศษดวย เกนิ กวา บิณฑบาตท้ังหลายอนื่ น่นั เทียว, ถาอยา งนนั้ คาํ ทว่ี า 'เม่ือพระผมู พี ระภาคเจาเสวยภัตร ของนายจุนทะแลวอาพาธกลาเกิดขึน้ แลว เวทนาหนักมมี รณะเปนท่ีสดุ เปน ไปแลว ' แม นน้ั กผ็ ดิ . พระผเู ปนเจา นาคเสน บิณฑบาตนนั้ มีผลใหญโดยความเปน ของเปนไปแลว ดวยยาพิษ มผี ลใหญโ ดยความเปน ของยงั โรคใหเ กดิ ขึ้นมีผลใหญโ ดยความเปน ของ กระทําอายุใหพ ินาศไป มผี ลใหญโดยความเปน ของนาํ ชวี ิตของพระผูมพี ระภาคเจาไป หรอื หนอ? พระผูเ ปน เจา จงกลาวเหตุในขอ นน้ั แกข า พเจา เพอื่ จะขม ปรัปปวาททง้ั หลาย เสยี . ชนน้เี ปน ผหู ลงพรอ มในขอน้ีวา \"โรคลงแดงเกิดขึน้ แลว เพราะอาหารทเี่ สวยแลว มากเกนิ ดว ยอํานาจแหง ความโลภ.\" ปญหาแมน ี้สองเงอ่ื นมาถึงพระผเู ปน เจา แลว, พระ ผูเปนเจา พงึ ขยายใหแ จง ชดั เถิด. พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร คําน้ี พระเถระทง้ั หลายผกู ระทาํ ธรรม สังคายนาแมภ าตไิ วแลววา 'เราไดฟง แลววา พระพทุ ธเจา เสวยภัตรของนายชา งทองชอ่ื จนุ ทะแลว ประชวรหนกั มมี รณะเปนท่สี ุด' ดังน.้ี สวนพระผมู ีพระภาคเจา ไดต รัสแลวอีก วา 'ดูกอ นพระอานนทบณิ ฑบาตทงั้ หลายสองเหลา นเี้ สมอกัน มผี ลเสมอกนั มวี บิ าก เสมอกนั , มผี ลใหญพ เิ ศษดว ย มอี านิสงสใ หญพ ิเศษดว ย เกนิ กวา บิณฑบาตท้งั หลาย อน่ื นน่ั เทยี ว: บิณฑบาตทัง้ หลายสองเหลา ไหน? บิณฑบาตทงั้ หลายสอง คือ: พระ ตถาคตเสวยบณิ ฑบาตใดแลวจึงตรสั รูสัมมาสัมโพธญิ าณ ไมม ปี ญ ญาอนื่ ยิง่ กวา บณิ ฑบาตน้นั หนง่ึ , พระตถาคตเสวยบณิ ฑบาตใดแลวจงึ เสดจ็ ปรินพิ พานดวยนพิ พาน ธาตุ เปน อนปุ าทเิ สสไมม ีขนั ธปญจกทก่ี รรมกเิ ลสยึดมน่ั เปน สว นเหลอื บณิ ฑบาตน้ัน
หนงึ่ , บิณฑบาตท้งั หลายสองเหลา นี้เสมอกัน มีผลเสมอกัน มวี บิ ากเสมอกัน, มีผลใหญ พิเศษดว ย มอี านสิ งสใหญพ เิ ศษดวย เกินกวาบิณฑบาตท้ังหลายอนื่ นน่ั เทยี ว.' กแ็ หละ บิณฑบาตนน้ั มีคณุ มาก มอี านิสงสมิใชอยา งเดยี ว. เทพดาทั้งหลายชน่ื ชมแลว มีใจ เล่อื มใสแลว วา 'บณิ ฑบาตนี้ เปน บิณฑบาตคร้ังสดุ ทา ยของพระผูมพี ระภาคเจา ดงั น'ี้ แลว จงึ แทรกโอชาทพิ ยลงในมงั สะสุกรออ น. ก็แหละโอชาทพิ ยน ่นั เปน ของแปรโดยชอบ แปรเรว็ เปนทย่ี ังใจใหย นิ ดี มีรสมาก เกื้อกลู แกเพลงิ ธาตุในพระอุทร, โรคอะไร ๆ ทยี่ ังไม เกิดข้นึ แกพ ระผมู พี ระภาคเจา จะเกดิ ขนึ้ แลวเพราะแทรกโอชาทพิ ยนน้ั เปน เหตุกห็ าไม, เออก็ เมือ่ พระสรรี ะของพระผูม ีพระภาคเจา ทพุ ลภาคอยโู ดยปกติแลว พระชนมายุ สงั ขารส้ินแลว ครนั้ โรคเกดิ ขึน้ แลว จงึ กาํ เรบิ ยง่ิ ข้นึ ไป. เหมอื นไฟโพลงอยโู ดยปกติ เมอื่ ใคร หยบิ เชือ้ อน่ื เตมิ เขาไปในไฟน้นั ไฟนนั้ ยง่ิ โพลงชัชวาลหนกั ข้ึน ฉนั ใด, เมือ่ พระสรรี ะ ของพระผมู พี ระภารเจา ทพุ ลภาพอยโู ดยปกติ พระชนมายุสงั ขารส้ินแลว พระโรค เกิดข้ึนแลว จงึ ยิง่ กาํ เรบิ หนกั ขน้ึ ฉันนนั้ . อีกนยั หนงึ่ กระแสนํ้าไหลอยโู ดยปกติ คร้ันมหาเมฆตกเตมิ แลว เปนหว งใหญ พาน้ําเชย่ี วหนกั ข้นึ ฉนั ใด, เมื่อพระสรีระของพระผูมพี ระภาคเจาทพุ ลภาพอยโู ดยปกติ พระชนมายุสงั ขารสนิ้ แลว พระโรคเกดิ ข้นึ แลว จงึ ยง่ิ กําเรบิ หนกั ขึน้ ฉนั นั้น. อกี อยา งหนงึ่ ทองมวี าโยธาตุกาํ เรบิ ข้นึ อยโู ดยปกติ เมื่อบริโภคอาหารอ่นื ท่ดี บิ ซํา้ เขาไปยง่ิ อดื หนักขน้ึ ฉนั ใด, พระสรรี ะของพระผูมพี ระภาคเจาทพุ ลภาพอยโู ดยปกติ พระชนมายุสงั ขารส้ินแลว พระโรคเกดิ ขนึ้ แลว จงึ ยงิ่ กําเรบิ หนกั ขน้ึ ฉนั นน้ั นั่นเทยี วแล. โทษในบิณฑบาตนน้ั มิไดม,ี อนงึ่ บณั ฑิตไมอาจเพื่อจะยกโทษแกบิณฑบาตนน้ั .\" ร. \"พระผูเปน เจานาคเสน บณิ ฑบาตทง้ั หลายสองเหลา นั้นเสมอกนั มผี ลเสมอ กัน มีวบิ ากเสมอกนั , มผี ลใหญพเิ ศษดว ย มีอานสิ งสใหญพเิ ศษดว ย เหลอื เกนิ กวา บิณฑบาตท้งั หลายอน่ื เพราะเหตุไร?\" ถ. \"ขอถวายพระพร บิณฑบาตท้ังหลายสองเหลา นน้ั เสมอกัน ฯลฯ มผี ลใหญ พิเศษดว ย มีอานสิ งสใ หญพ เิ ศษดว ย เหลอื เกินกวา บิณฑบาตทง้ั หลายอน่ื ดว ยอาํ นาจ ความถงึ พรอมธรรม.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน บณิ ฑบาตทงั้ หลายสองเหลา นน้ั เสมอกนั ฯลฯ มี อานิสงสใ หญพ ิเศษดว ย เหลอื เกนิ กวาบณิ ฑบาตทง้ั หลายอนื่ นนั่ เทยี ว ดว ยอํานาจ ความถงึ พรอ มธรรมทง้ั หลายเหลา ไหน?\" ถ. \"ขอถวายพระพร บิณฑบาตทัง้ หลายสองเหลา นนั้ เสมอกนั ฯลฯ มผี ลใหญ พิเศษดวย มีอานสิ งสใหญพ เิ ศษดวย เหลอื เกินกวาบิณฑบาตทัง้ หลายอ่ืน ดว ยอํานาจ แหงการเขาอนบุ ุพพวหิ ารสมาบัติทงั้ หลายเกา ทง้ั อนโุ ลมและปฏิโลม.\"
ร. \"พระผูเปน เจา นาคเสน ในสองวันเทานนั้ เรว็ นัก พระตถาคตเจาอนบุ ุพพ วิหารสมาบัตทิ งั้ หลายเกา เปนอนุโลมและปฏโิ ลมทนั หรือ?\" ถ. \"ขอถวายพระพร เพยี งในสองวนั เทา นนั้ พระตถาคตเขา อนุบพุ พวหิ าร สมาบัตทิ งั้ หลายเกา เปน อนโุ ลมและปฏโิ ลมทนั .\" ร. \"นาอศั จรรย นา พิศวง ทานใดที่เปน อสทสิ ทาน ไมม ที านอนื่ เหมือน และเปฯ บรมทานทานอยางยิง่ ในพทุ ธเขตน้ี แมท านนนั้ ทา นไมนบั แลว โดยบณิ ฑบาตทงั้ หลาย สองเหลา น.้ี นา อศั จรรย พระผเู ปนเจา นา พศิ วง พระผเู ปน เจา, อนุบพุ พวิหารสมาบัติ ทงั้ หลายเกา ใหญเ พยี งไรเลา . ทานยอ มมผี ลใหญพิเศษ และมอี านิสงสใหญพ ิเศษดว ย อํานาจอนบุ พุ พวหิ ารสมาบตั ิเกา ประการ. ดีละ พระผเู ปน เจา ขอวสิ ัชนาปญหาของพระ ผูเปน เจา นนั้ สมอยา งนน้ั , ขาพเจา ยอมรบั รองอยา งนนั้ .\" ๕. พทุ ธปชู านญุ ญาตปญหา ๒๕ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู ีพระภาค เจา แมไดทรงภาสติ แลว วา 'ดกู อนอานนท ทา นทงั้ หลายจงเปนผไู มม คี วามขวนขวาย เพอื่ จะบูชาพระสรรี ะของพระตถาคต' ดังน้ี และตรสั แลว อกี วา 'ทา นทงั้ หลายจงบูชา ธาตุแหงบคุ คลควรบูชานน้ั ทา นทง้ั หลายจักไปสูสวรรคแตโ ลกนี้ ดว ยการกระทาํ บชู า อยา งน'ี้ ดังนี้ ถา พระตถาคตตรัสแลว วา 'ทานทงั้ หลายจงเปนผูไมม คี วามขวนขวายเพ่ือ จะบูชาพระสรีระของพระตถาคต' ดังน้ี ถา อยางนน้ั คาํ ทวี่ า 'ทา นทัง้ หลายจงบชู าธาตุ ของบคุ คลควรบชู านน้ั , ทา นทัง้ หลายจักไปสสู วรรค แตโลกน้ี ดว ยการกระทําบูชาอยา ง น'้ี น้นั ผิด. ถาพระตถาคตตรัสแลววา 'ทา นทง้ั หลายจงบชู าธาตุของบคุ คลควรบูชาน้ัน, ทา นทง้ั หลายจกั ไปสสู วรรคแ ตโลกนี้ ดวยการกระทาํ บูชาอยางน,ี้ ' ถาอยางนน้ั คาํ ทวี่ า 'ดูกอ นอานนท ทา นท้งั หลายจงเปนผไู มม ีความขวนขวาย เพ่อื จะบชู าพระสรีระของพระ ตถาคต' ดังนี้ แมน ้ันก็ผดิ . ปญ หาแมน สี้ องเงื่อน มาถงึ พระผูเ ปนเจา แลว พระผเู ปน เจา จงขยายความใหแ จงชดั เถดิ .\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู พี ระภาคเจา แม ทรงภาสิตแลววา 'ดูกอนอานนท ทา นทง้ั หลายจงเปนผูไมม ีความขวนขวายเพือ่ จะบชู า พระสรีระของพระตถาคต' ดังน.ี้ และตรสั แลวอีกวา 'ทานทงั้ หลายจงบชู าธาตขุ อง บุคคลควรบชู านน้ั , ทา นทง้ั หลายจกั ไปสสู วรรคแตโลกน้ี ดวยการกระทําบชู าอยา งน'ี้ ดังน.ี้ กแ็ หละพทุ ธพจนนี้ พระองคห าไดตรัสเพือ่ ชนทงั้ หลายทงั้ ปวงทว่ั ไปไม, พระองค ทรงปรารภชินโอรสทั้งหลาย ตรัสพทุ ธพจนน ีว้ า 'ดกู อนอานนท ทานทงั้ หลายจงเปน ผไู ม
มีความขวนขวาย เพอื่ จะบชู าพระสรีระของพระตถาคต' ดังนี้. เพราะการบูชาน้นี นั่ ไม เปนการงานของชนิ โอรสทั้งหลาย ความพจิ ารณาสงั ขารท่งั หลาย ความทาํ ในใจโดย แยบคายโดยอบุ ายทชี่ อบ ความพิจารณาสตปิ ฏ ฐานเนอื ง ๆ การยดึ อารมณท ีเ่ ปน สาระ ความรบกิเลส ความประกอบประโยชนข องตนเนือง ๆ นี้ เปนกจิ ของชนิ โอรสทง้ั หลาย. การบชู าเปน กจิ ของเทพดาและมนุษยท งั้ หลายทเี่ หลือ. เหมือนอยา งวา การศกึ ษาศลิ ปะฝาย ชา ง มา รถ ธนู และกระบี่ และการเรียน มนตส าํ หรับกษัตริย การฟงเสียง ความรูก ระทําการรบเอง และใชผอู น่ื ใหร บ เปน กจิ ของ ราชโอรสทง้ั หลายของพระเจา แผน ดนิ , การไถนา การคาขาย การเลยี้ งโค เปน กจิ ของ เวศยศ ูทร เปนอันมากท่ีเหลอื อยู ฉันใด. การบชู านีน้ น้ั กม็ ิใชก ารงานของชนิ โอรส ทงั้ หลาย, ความพิจารณาสงั ขารทงั้ หลาย ความทําในใจโดยแยบคายความพิจารณาสติ ปฏฐานเนือง ๆ ความยึดอารมณท ่ีเปนสาระ ความรบกเิ ลส ความประกอบประโยชน ของตนเนอื ง ๆ น้ี เปนกิจของชนิ โอรสทงั้ หลาย, การบูชาเปน กจิ ของเทพดาและมนษุ ย ทงั้ หลายทเ่ี หลอื ฉันนั้นนน่ั แล. อีกนยั หนง่ึ ความศึกษา อิรเู พท ยชเุ พท สามเพท อาถพั พณเพท และลกั ษณ ศาสตร รลู กั ษณะชายหญงิ ตาง ๆ และรูมหาปรุ สิ ลักษณะสามสบิ สองประการ เปน ตน เปน กจิ ของพราหมณม าณพตอ งศกึ ษาใหร ,ู การไถนา การคา ขาย การเลี้ยงโค เปนกจิ ของเวศย ศทู รท้งั หลายมากอันเศษ ฉนั ใด: บูชาน้ีนน้ั กไ็ มใ ชก ารงานของชินโอรส ทงั้ หลาย, ความพจิ ารณาสังขารท้ังหลาย ความทําในใจโดยแยบคาย ความพิจารณา สติปฏ ฐานเนอื ง ๆ ความยดึ อารมณทีเ่ ปน สาระ ความรบกเิ ลส ความประกอบประโยชน ของตนเนอื ง ๆ นี้เปน กจิ ของชินโอรสทงั้ หลาย, การบชู าเปน กจิ ของเทพดาและมนษุ ย ทัง้ หลายอนั เหลือนั้น ฉันน้ันนนั่ เทียวแล เพราะเหตุนน้ั พระตถาคตทรงดาํ ริในพระ หฤทยั วา 'ภกิ ษทุ ้งั หลายเหลา นี้ จงอยาประกอบในกจิ มใิ ชการงาน, ภกิ ษทุ ้งั หลาย เหลา นจ้ี งประกอบในกจิ เปน การงาน' แลว จึงตรสั วา 'ดกู อนอานนท ทา นทง้ั หลายจง เปนผูไ มมคี วามขวนขวาย เพอ่ื จะบชู าพระสรีระของพระตถาคตเถิด' ดงั น.ี้ ถา พระ ตถาคตไมพ งึ ตรสั พระพุทธพจนน ้ีไซร, ภกิ ษุทง้ั หลายจะพงึ รวบรวมแมบาตรและจวี รของ ตน กระทาํ พุทธบูชาอยา งเดยี วเทานัน้ .. ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วสิ ัชนาปญ หานัน้ สม อยางนนั้ , ขา พเจายอมรับรองอยางนน้ั .\" ๖. ภควโต ปาทปปปฏกิ ปตติ ปญ หา ๒๖
พระราชาตรสั วา \"พระผูเปนเจา นาคเสน พระผูเปนเจา กลา วอยวู า 'เม่อื พระผูมี พระภาคเจาเสด็จดาํ เนนิ อยู แผนดินใหญไมม ีเจตนาน้ี พนื้ ท่ีลมุ ฟูขนึ้ พนื้ ทด่ี อนยอมยบุ ลงเปน ประเทศเรยี บราบเสมอกัน.' และกลา วอยอู กี วา 'พระบาทของพระผูมพี ระภาค เจาอันสะเกด็ ศลิ ากระทบแลว ' ดงั น.้ี สะเก็ดศลิ าท่ตี กลงแลวทพี่ ระบาทของพระผมู พี ระ ภาคเจา ไมกลบั แลว จากพระบาทของพระผมู ีพระภาคเจา เพอ่ื เหตไุ ร? พระผเู ปนเจา นาคเสน ถา วา เมื่อพระผมู ีพระภาคเจา ดําเนนิ อยู แผน ดนิ ใหญไ มมเี จตนาน้ี ทีล่ ุมยอ มฟู ข้ึน ทดี่ อนยอมยุบลง ถา อยา งนน้ั คําที่วา 'พระบาทของพระผมู พี ระภาคเจา อันสะเกด็ ศลิ ากระทบแลว , นนั้ ผดิ . ถา วา พระบาทของพระผูมพี ระภาคเจา อนั สะเกด็ ศลิ ากระทบ แลว . ถา อยา งนน้ั คาํ ท่วี า 'เมื่อพระผูมพี ระภาคเจา เสดจ็ ดาํ เนนิ อยูแ ผน ดินใหญท ีไ่ มม ี เจตนานี้ พื้นทล่ี มุ ยอมฟขู น้ึ พื้นท่ีดอนยอ มยุบลง' ดงั นี้ แมน นั้ ก็ผิด. ปญหาแมน ้ีสอง เงอ่ื น มาถงึ พระผูเจา แลว เปน พระผูเปน เจา พงึ ขยายออกใหแจงเถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร เหตุนี้มจี รงิ : เม่อื พระผมู ีพระภาคเจา เสดจ็ ดําเนนิ อยู แผน ดนิ ใหญท ไี่ มม เี จตนาน้ี พน้ื ท่ีลมุ ฟูขน้ึ พ้นื ทดี่ อนยุบลง. และพระบาทของ พระผมู พี ระภาคเจา อนั สะเก็ดศลิ ากระทบแลว. กแ็ หละสะเก็ดศิลานน้ั มไิ ดต กลงแลว โดยธรรมดาของตน, สะเก็ดศิลานน้ั ตกลงแลวดวยความเพียรของพระเทวทตั . ขอถวายพระพร พระเทวทตั ผูกอาฆาตในพระผมู พี ระภาคเจา สนิ้ แสนชาติ ทงั้ หลายมาก, พระเทวทัตนนั้ คิดจะใหศิลาใหญม ีขนาดเทาเรือนยอดตกลงในเบอ้ื งบน แหงพระผมู พี ระภาคเจา ดวยอาฆาตนั้น, จงึ ปลอ ยศิลานน้ั , ครั้งน้นั ภเู ขาทง้ั หลายสอง ผดุ ขึ้นจากแผน ดนิ แลวรับศลิ านน้ั ไว, ครัง้ นัน้ กะเทาะแตกจากศิลาดว ยเขาทง้ั หลายสอง นน้ั ประหารกระทบกนั เมื่อจะตกลงโดยสถานใด หรือโดยสถานนน้ั ไมม นี ยิ ม จงึ ตกลง แลวท่พี ระบาทของพระผมู พี ระภาคเจา .\" ร. \"พระผูเปน เจา นาคเสน กภ็ ูเขาท้งั หลายสองรบั ศลิ าแลวอยา งไร แมกะเทาะ ศลิ าอนั ภเู ขาทง้ั หลายสอง พงึ รบั รองอยา งน้นั .\" ถ. \"ขอถวายพระพร แมของท่รี ับแลว ในโลกนี้บางสงิ่ ยอ มรว้ั ออกไหลออก เขา ถงึ ความสน้ิ ไป. เหมอื นนาํ้ อันบคุ คลเอาฝามอื รองไว ยอ มรั่วออกไหลออกไดต าม ระวางแหงนิ้วมือท้ังหลาย ยอ มถงึ ความสน้ิ ไปหมดไป, นํา้ นมสด เปรยี ง น้ําผงึ้ เนยใส น้ํามนั รสปลา รสเนอ้ื ละอยา ง ๆ บคุ คลเอาฝามือรองไว ยอมรัว่ ยอมไหลซึมซาบออกได ตามระวางนิ้วมอื ท้ังหลาย ฉนั ใด, ภูเขาทงั้ สองทเี่ ขา ไปเพอ่ื จะรบั รองประหารกระทบ ศิลาท่กี ลง้ิ ลงมา สะเกด็ แตกจากศิลาทก่ี ล้งิ ลงมานน้ั กระเด็นไปตกทห่ี ลงั พระบาทของ พระผูม ีพระภาคเจา ฉนั นนั้ .
อีกอยา งหนึง่ ทรายทลี่ ะเอยี ดสขุ มุ เสมอดว ยละอองธลุ ี บคุ คลกําไวแ ลว ดว ยกาํ มอื ยอ มรั่วไหลหมดสนิ้ ไป ฉนั ใด, ภูเขาทงั้ หลายมารวมแลว เพือ่ จะรับศิลานน้ั กระทบ กนั กบั ศิลาทกี่ ลิ้งมานนั้ สะเก็ดแตกแลว แตศิลานัน้ ตกไปไมนิยมสถาน ตกลงแลวทพี่ ระ บาทของพระผมู พี ระภาคเจา ฉนั นั้น. อกี ประการหนง่ึ คาํ ขา วทบ่ี ุคคลในโลกนบ้ี างคนเปบแลว เมลด็ ขาวท่รี ว งออก จากปากแลว ยอมกระจดั กระจายเรย่ี รายสญู ไป ฉันใด. เมอื่ ภูเขาทงั้ หลายสองมา รวมกัน เพ่ือจะรับศลิ าที่กลง้ิ ลงมานนั้ ประหารกระทบศลิ าที่กลงิ้ ลงมา สะเกด็ แตกแต ศลิ านนั้ กระเด็นไปตกท่พี ระบาทของพระผูม พี ระภาคเจา ฉนั นน้ั .\" ร. \"ยกไวเถดิ พระผเู ปน เจา ขอซงึ่ ภูเขาทงั้ หลายรบั ศลิ าท่กี ลงิ้ ลงมายกไวเ ถิด, ครั้นเมื่อเปน เชน นนั้ แมส ะเกด็ ก็ควรกระทาํ ความเคารพในพระผมู พี ระภาคเจา เหมอื น แผน ดินใหญก ระทาํ ความเคารพฉะน้นั .\" ถ. \"ขอถวายพระพร สภาพสบิ สองอยางเหลา นี้ ยอ มไมก ระทําความเคารพ, สภาพสบิ สองอยางเปน ไฉน? สภาพสิบสองอยาง คือบคุ คลท่กี ําหนดั แลว ไมกระทาํ ความเคารพดว ยอํานาจราคะ, บุคคลทีแ่ คน เคืองแลว ไมก ระทําความเคารพดว ย อํานาจโทสะ. บุคคลท่ีหลงแลวไมก ระทาํ ความเคารพดวยอาํ นาจโมหะ, บคุ คลทผ่ี อู ืน่ ยก ยอ งแลว ฟงุ ไปไมก ระทาํ ความเคารพดวยอาํ นาจมานะ, บคุ คลไมม ีคณุ พระรตั นตรยั ใน สนั ดาน คือ ไมพิจารณาเหน็ คณุ พระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ ยอ มไมก ระทําความ เคารพ ดว ยไมม คี ณุ พเิ ศษ, บุคคลท่ีกระดางดอื้ ขันขึงยอมไมก ระทาํ ความเคารพ ดวย ความไมมธี รรมเคร่ืองหา มจะใหโอนออน, บคุ คลท่ีเลวยอ มไมก ระทาํ ความเคารพ ดว ย ความเปน คนมีสภาพอนั เลวทราม, บุคคลกระทําคาํ บงั คับของทา นทเ่ี ปนอิสสระ ยอมไม กระทําความเคารพ ดว ยความที่ตนไมเ ปน อสิ สระ, บุคคลทไ่ี มมีจาคะจิต ยอ มไมก ระทํา ความเคารพ ดว ยความเปนคนตระหน,ี่ บคุ คลอันใคร ๆ ใหถ งึ ทกุ ขแลว ยอ มไมกระทาํ ความเคารพ ดว ยความเปนผูมงุ จะตอบแทน ใหผูใหทกุ ขแ กต นนัน้ ถึงทกุ ขบ า ง, บุคคล โลภแลว ยอ มไมก ระทําความเคารพ ดว ยความเปน คนอันโลภครอบงาํ แลว, บุคคลมัว ขวนขวายประโยชนของตนอยู ยอมไมก ระทําความเคารพ ดวยมุงจะกระทําประโยชน ใหส าํ เร็จ. สภาพสิบสองอยา งเหลา นี้แล ยอ มไมก ระทาํ ความเคารพ. ก็แหละสะเกด็ ศลิ า น้นั แตกแลว เพราะศิลาสามกอ นนนั้ กระทบกัน ไมไดกระทําความกาํ หนดทิศ กระเดน็ ไปตกทพี่ ระบาทของพระผูมพี ระภาคเจา. อีกประการหนงึ่ ละอองธลุ ีอนั ละเอียดสุขมุ อนั กาํ ลังแหงลมพดั หอบไปแลว ไม กระทาํ ความกาํ หนดทิศ กระจดั กระจายเรย่ี รายไปฉนั ใด, สะเกด็ ศลิ านนั้ แตกแลว เพราะ ศลิ าสามกอนกระทบกนั มิไดกระทาํ นิมิตในทิศ กระเด็นลอยไปตกทพ่ี ระบาทของพระผู
มีพระภาคเจา ฉนั นน้ั . กถ็ า วา สะเก็ดศลิ านน้ั ไมกระเด็นออกไปตา งแตศิลานนั้ , ภูเขา ท้งั หลายพงึ ผดุ ขนึ้ รับสะเก็ดศิลาแมน น้ั . กส็ ะเก็ดศลิ านนั้ มไิ ดต ้งั อยทู พ่ี นื้ ดิน มิไดต ั้งอยู ในอากาศ แตกแลวดวยเรย่ี วแรงศิลาตอ ศลิ ากระทบกนั กระเด็นลอยไปตกที่พระบาท ของพระผมู พี ระภาคเจา. อกี อยางหนึ่ง เปรยี บเหมอื นใบไมเกา ๆ อนั ลมบา หมหู อบขนึ้ ไมม คี วามกาํ หนด ทศิ ยอ มตกลงโดยสถานใดสถานหน่งึ ฉนั ใด, สะเกด็ ศลิ านนั้ ไมม คี วามกําหนดทศิ ดว ย กําลงั ศลิ าตอศลิ ากระทบกนั เม่ือจะตกสะเกด็ ไปตกทพ่ี ระบาทของพระผูม ีพระภาคเจา ฉนั นนั้ นนั่ เทยี วแล. เออก็ สะเกด็ ศิลานนั้ ตกลงทพ่ี ระบาทของพระผมู พี ระภาคเจา เพ่ือ ความทพ่ี ระเทวทัตผอู กตญั ู เปนคนกระดางจะเสวยทกุ ข.\" ร. \"พระผูเปน เจา นาคเสน ดลี ะ ขอ วสิ ชั นาปญหาน้นั สม อยา งนนั้ , ขา พเจา ยอมรบั รองอยา งนน้ั .\" ๗. คาถาภคี ตี โภชนทานกถากถนปญ หา ๒๗ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ี้ พระผมู ีพระ ภาคเจา ตรัสแลววา 'โภชนะทีเ่ ราขับแลว ดว ยพระคาถาไมค วรจะบริโภค, แนะพราหมณ ความบริโภคโภชนะทตี่ นขับดว ยพระคาถาน้นั ไมเปนธรรม คือ ไมเปน จารีตของ พระพทุ ธเจา ทง้ั หลาย ผพู ิจารณาเห็นรอบคอบอยู, พระพทุ ธเจา ทั้งหลาย ยอ มบรรเทา คอื หา มเสยี ไมเ สวยโภชนะท่พี ระองคข บั แลว ดว ยพระคาถา, ดกู อ นพราหมณเ มือ่ ธรรม มีอยู คือ อาชวี ปาริสุทธิธรรม หรอื สุจรติ ธรรมสบิ อยา งหรือจารีตธรรมของพระพทุ ธเจา ท้งั หลายมีอยู คอื วา เปน ไปอยู ความแสวงหาเสมอดวยเหยยี ดมอื ในโอกาสขอโดยสว น เดยี ว เปน เครอ่ื งเล้ยี งพระชนมชพี ของพระพุทธเจา ทง้ั หลาย ดงั น.้ี \" อนึ่ง พระผูม พี ระภาคเจา เมอื่ ทรงแสดงธรรมแกบ ริษัทจะตรสั อนุปุพพกิ ถา ตรัส ทานกถาทแี รกกอ น ตรัสสีลกถาในภายหลงั , เทพดาและมนุษยท งั้ หลายฟง ภาสิตของ พระผมู พี ระภาคเจา ผเู ปน อสิ สระในโลกทง้ั ปวง แลว จงึ ตกแตง แลวจงึ ใหท าน, พระ สาวกทง้ั หลายของพระผูมพี ระภาคเจานัน้ ยอมบริโภคทานท่พี ระผมู พี ระภาคเจาสงไป แลวนนั้ อกี . พระผูเปน เจา นาคเสน ถา วา พระผมู ีพระภาคเจาตรสั แลว วา 'โภชนะทเ่ี ราขับ แลวดว ยพระคาถา ไมควรเราจะบริโภค' ดงั น,้ี ถา อยา งนน้ั คําท่วี า 'พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสทานกถากอน' ดงั นี้ นน้ั ผิด. ถาวา พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสทานกถากอน, ถาอยาง น้ัน คําทว่ี า 'โภชนะที่เราขับแลวดวยพระคาถา ไมควรเราจะบริโภค' ดงั น้ี แมน นั้ ก็ผิด.
ขอ นนั้ มีอะไรเปน เหต?ุ พระผูเ ปน เจา ทกั ขเิ ณยยบุคคลกลา ววิบากของ บิณฑบาตแกค ฤหัสถท ้ังหลาย คฤหัสถเ หลานน้ั ฟง ธรรมกถาแลว เปน ผมู ีจติ เลอื่ มใส แลว ใหท านเนือง ๆ, ทักขิเณยยบคุ คลเหลาใด บรโิ ภคทานนน้ั ทกั ขเิ ณยยบคุ คคล เหลานั้นทงั้ ปวง ยอมบริโภคทานทท่ี กั ขิเณยยบุคคลขับแลวดวยพระคาถา. ปญ หาแมน ี้ สองเงือ่ น ละเอยี ดลึก มาถงึ พระผูเปน เจาแลว , พระผเู ปน เจาพงึ จะแกไ ขขยายใหแ จง ชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระพุทธพจนน ้ี พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั แลววา 'โภชนะท่เี ราขับแลว ดว ยพระคาถา ไมค วรเราจะบรโิ ภค, แนะพราหมณ ความ บรโิ ภคโภชนะท่ีตนขับดวยพระคาถานั้น ไมเ ปนธรรม คอื ไมเปน จารตี ของพระพทุ ธเจา ทั้งหลาย ผพู จิ ารณาเหน็ รอบคอบอย,ู พระพุทธเจา ท้ังหลาย ยอ มบรรเทา คือ หามเสยี ไมเสวยโภคชนะทพี่ ระองคขบั แลว ดว ยพระคาถา, ดกู อนพราหมณ เมอื่ ธรรมมีอยู คอื อาชีวปารสิ ทุ ธธิ รรม หรอื สจุ รติ ธรรมสิบอยา งหรือจารตี ธรรมของพระพทุ ธเจาทง้ั หลายมี อยู คอื วา เปน ไปอยู ความแสวงหาเสมอดวยเหยยี ดมอื ในอากาศขอโดยสว นเดยี ว เปน เคร่ืองเลย้ี งชพี พระชนมชพี ของพระพทุ ธเจา ทงั้ หลาย' ดังน.ี้ อน่งึ พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ทานกถากอ น. ก็และความตรัสทานกถากอนนน้ั เปน กิริยาของพระตถาคตทงั้ ปวง: พระตถาคตท้งั ปวงยงั จติ ของทายกทงั้ หลายใหย นิ ดี ยง่ิ แลวในทานน้ัน ดว ยตรัสทานกอ นยอ มประกอบในศลี ตอ ภายหลัง. เปรียบเหมอื น มนษุ ยทง้ั หลายใหภ ัณฑะเคร่อื งเลนท้งั หลายแกท ารกรนุ ทงั้ หลาย คอื ไถนอย ๆ หมอ นอย ๆ กังหนั นอ ยๆ ทะนานนอย ๆ รถนอยๆ ธนนู อย ๆ, ทารกทงั้ หลายเหลา นน้ั ยอ ม ประกอบในการงานของตน ๆ ตอ ภายหลงั ฉันใด: พระตถาคตยังจิตของทายกทั้งหลาย ใหยินดยี งิ่ ดว ยทานกถาทีแรกกอนแลว จงึ ประกอบในศลี ตอ ภายหลัง ฉันนนั้ นนั่ เทียว. อีกประการหนงึ่ เปรียบเหมอื นหมอ ธรรมดาวาหมอเมื่อเยียวยารกั ษาไข ยังคน เปน ไขกระสบั กระสายอยทู ง้ั หลาย ใหดืม่ นาํ้ มนั เพอ่ื จะสมาน กระทาํ ใหมกี าํ ลังสวี่ นั หา วนั กอ นแลว จงึ รุนยาตอ ภายหลงั ฉนั ใด: พระตถาคตคราวแรกทรงยงั จติ ของทายก ทงั้ หลาย ใหยนิ ดีย่ิงดว ยทานกถาแลว จงึ ประกอบในศลี ตอภายหลัง ฉันนนั้ นนั่ เทียว. จติ ของทายกทานบดที ง้ั หลายเปน จติ ออ น มีความเปน ของออ นสนทิ แลว , ทายกทานบดี ทั้งหลายเหลา นั้น จกั ตามถงึ ฝง แหง สาคร คือ สงสาร ดว ยสะพานคือทาน ดวยเรอื คอื ทานนนั้ ดว ยประการดงั น,ี้ เพราะเหตุนน้ั พระตถาคตทรงสัง่ สอนภมู แิ หง กรรมแกท ายก ทงั้ หลายเหลา นนั้ , ก็แตวา จะตอ งทรงวิญญัติ เพราะสง่ั สอนนนั้ กห็ าไม.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระผูเปนเจา กลา ววิบัญญัตอิ นั ใดวา 'วญิ ญตั ิ' ก็ วิญญตั ิท้ังหลายเหลา นั้นมีเทา ไร?\"
ถ. \"ขอถวายพระพร วิญญตั มิ ีสองคือ: กายวญิ ญตั ิ ใหเขารูแจงดว ยกายหนง่ึ วจี บญั ญัติ ใหเ ขารูแจงดวยวาจาหน่งึ . ในวญิ ญตั สิ องเหลา นนั้ กายวิญญตั ิทมี่ โี ทษกม็ ี ที่ไม มโี ทษกม็ ;ี วจวี ิญญัตทิ ม่ี ีโทษกม็ ี ทไ่ี มมโี ทษก็ม.ี กายวิญญตั ิทมี่ โี ทษอยา งไร? ในศาสนา นีภ้ กิ ษบุ างองคเ ขาไปใกลตระกูลทง้ั หลายแลว จงึ ยนื อยูในโอกาสไมค วรยืนเสพการยนื นน้ั , กายวญิ ญัตินี้มีโทษ; กพ็ ระอรยิ ะทงั้ หลาย ยอ มไมบ ริโภคโภชนะทภ่ี กิ ษุนนั้ ขอแลว ดว ยกายวญิ ญัติน้นั , สว นบคุ คลนั้นเปน ผูอันบัณฑิตดหู ม่นิ ดแู คลนตเิ ตยี น ไมเ คารพแลว , ในสมัย คอื ลัทธิของพระอรยิ ะท้งั หลาย ถึงซงึ่ ความนบั วา 'ผมู อี าชวี ะอนั ทาํ ลายแลว ' ทีเดยี ว. คําทจ่ี ะพงึ กลา วยงั มอี กี : ในศาสนานี้ ภกิ ษบุ างองคเ ขาไปใกลตระกูลทั้งหลาย แลวจงึ ยนื อยูในโอกาสไมควรยนื นอมคอไปเพง แลว ดงั เพง แหง นกยงู ดว ยคิดวา 'ชน ทั้งหลายเหลา น้ีจกั เหน็ ดว ยการยนื อยา งน,ี้ ' ชนเหลานน้ั เห็นภิกษนุ น้ั ดว ยการยนื นนั้ , กายวญิ ญัตแิ มนีม้ ีโทษ; พระอริยเจา ท้งั หลายไมบรโิ ภคโภชนะที่ภกิ ษนุ นั้ ขอแลว ดว ย กายวญิ ญตั นิ น้ั , สวนบุคคลนนั้ เปน ผูอนั บณั ฑิตดหู มนิ่ ดแู คลนตเิ ตยี น ไมเ คารพแลว ใน สมยั คอื ลทั ธขิ องพระอรยิ เจา ทงั้ หลาย ยอ มถงึ ซง่ึ ความนบั วา 'ผูมอี าชีวะทาํ ลายแลว' ทเี ดยี ว. คําท่จี ะพึงกลา วยงั มีอีก; ในศาสนานี้ ภิกษุบางองคใ หเ ขารแู จง ดว ยคางบา ง ดวยค้ิวบาง ดว ยแมมอื บา ง, วิญญัตแิ มน มี้ โี ทษ; พระอริยะทัง้ หลาย ยอมไมบ รโิ ภค โภชนะท่ีภิกษนุ ้นั ขอแลวดว ยกายวญิ ญัตนิ นั้ , สวนบคุ คลนั้นเปน ผูอ นั บณั ฑติ ดูหมน่ิ ดู แคลนตเิ ตียน ถึงซง่ึ ความนับวา 'เปนผมู อี าชีวะทาํ ลายแลว ' ทเี ดยี ว. ขอถวายพระพร แมพ ระเถระชื่อสารีบุตร เมอื่ พระอาทติ ยอัสดงคตแลว เปน ไข ในสว นราตรี อนั พระเถระชือ่ มหาโคคลั ลานะ ถามถงึ เภสชั จึงเปลง วาจา, เภสชั เกิดขนึ้ ดวยวจีเภทนนั้ ; ครง้ั นั้น พระเถระชื่อ สารีบตุ ร ละเภสัชนนั้ ไมอ าศยั เลยี้ งชพี เพราะกลัว แตความทาํ ลายแหง อาชวี ะวา \"เภสชั น้เี กดิ ข้ึนแลวดว ยวจีเภทของเรา, อาชวี ะของเรา อยาแตกเลย\" ดงั นี้ มิใชหรอื ? วจวี ญิ ญตั แิ มอ ยา งน้ี เปนไปกบั ดวยโทษ; ก็พระอริยเจา ทัง้ หลายยอ มไมบริโภคโภชนะท่ีภิกษนุ ั้นขอแลวดวยวจวี ญิ ญตั นิ น้ั , สว นบุคคลนน้ั เปน ผู อันบัณฑิตดหู ม่ินดแู คลนติเตียนไมเ คารพแลว ในสมยั คอื ลัทธขิ องพระอรยิ เจา ทัง้ หลาย บุคคลนั้นยอมถงึ ซง่ึ ความนับวา 'มอี าชีวะทาํ ลายแลว' ทีเดยี ว. วจวี ิญญตั ิอยา งไรไมมโี ทษ? ขอถวายพระพร ในศาสนานี้ ภกิ ษเุ ม่อื ปจ จัยมี ขอ เภสัชในตระกลู ท้ังหลายทีเ่ ปน ญาตแิ ละผูปวารณา, วจีวญิ ญัตินไี้ มมีโทษ; พระอริยเจา ทั้งหลายยอ มบริโภคปจจยั ทภ่ี กิ ษนุ น้ั ขอแลว ดว ยวจีบญั ญตั ินั้น, สวนบุคคลน้ันเปน ผอู นั บัณฑิตยกยอ งชมเชยสรรเสรญิ แลว ในสมยั คือ ลทั ธขิ องพระอรยิ เจา ท้งั หลาย, เธอน้ัน
ยอ มถึงซง่ึ ความนับวา 'เปน ผมู ีอาชีวะบรสิ ุทธแิ์ ลว ' นน่ั เทยี ว อนั พระตถาคตอรหันต สมั มาสมั พทุ ธเจา ทง้ั หลายทรงอนมุ ตั แิ ลว . ขอถวายพระพร พระตถาคตทรงละโภชนะของกสิภารทวาชพราหมณอ ันใด เสยี โภชนะนน้ั เกิดแลวดวยความแคน ไดและผกู พนั และฉุดครา และขม และโตตอบ, เพราะเหตุนน้ั พระตถาคตจงึ ทรงหา มบณิ ฑบาตนน้ั เสีย ไมอาศยั เปน อย.ู \" ร. \"พระผูเปน เจานาคเสน เมอ่ื พระตถาคตเสวยอยู เทพดาทงั้ หลายแทรกโอชะ ทิพยลงในบาตรสนิ้ กาลทั้งปวงหรือ หรือวาเทพดาทงั้ หลายแทรกโอชะทิพยลงใน บิณฑบาตทงั้ หลายสอง คอื มงั สะสุกรออ นหนึ่ง มธปุ ายาสหนง่ึ สองอยา งเทา นน้ั ?\" ถ. \"ขอถวายพระพร เม่ือพระตถาคตเสวยอยู เทพดาทง้ั หลายถือโอชะทพิ ย บาํ รงุ แทรกโอชะทพิ ยลงในคาํ ขาวทที่ รงยกขึ้นแลว และยกขน้ึ แลว สนิ้ กาลทงั้ ปวง. เปรียบเหมอื นคนครัว (คนเคร่อื ง) ของพระมหากษัตริย เมือ่ พระมหากษตั รยิ เ สวยอยู คนเครื่องมือนนั้ ถือแกงบํารุงแทรกแกงลงในคาํ ขาวทกุ องค ฉนั ใด, เมื่อพระตถาคตเสวย อยเู ทพดาทงั้ หลายถอื โอชะทพิ ย บาํ รงุ แทรกโอชะทิพยล งในคําขาวทพ่ี ระองคทรงยกขนึ้ แลวและทรงยกขึน้ แลว ทกุ ๆ เวลา ฉนั นนั้ นนั่ เทยี วแล. แมเ มอ่ื พระตถาคตเสวยขา วยว ปูลกะแหง ทใ่ี นเมอื งเวรัญชา เทพดาทง้ั หลายใหชมุ แลว ใหช มุ แลว ดว ยโอชะทพิ ยน อม เขาไปแลว , เพราะเหตนุ น้ั พระกายของพระตถาคตจงึ ไดเ ปน อวยั วะเจริญแลว.\" ร. \"พระผูเปน เจา นาคเสน เทพดาทง้ั หลายเหลาใด ถงึ ซงึ่ ความขวนขวายในการ ประคับประคองพระสรรี กายของพระตถาคตแลวเนือง ๆ ลาภทงั้ หลายของเทพดา ทั้งหลายเหลา น้ันหนอ. ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วิสชั นาปญ หาของพระผูเ ปนเจานน่ั สมอยา งนนั้ , ขาพเจา ยอมรบั รองอยางนน้ั .\" ๘. ภควโตธมั มเทสนายอปั โปสกุ ตภาวปญ หา ๒๘ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระผเู ปน เจา กลาววา 'พระ ตถาคตทรงอบรมพระสพั พญั ุตญาณมาในระหวา งสอี่ สงไขยแสนกปั ป จึงกระทาํ พระ สพั พัญุตญาณใหแกกลา ไดแลว เพอ่ื จะยกประชุมชนหมใู หญข น้ึ .' และกลา วอกี วา 'ภายหลงั พระองคบรรลุความเปนสพั พัญแู ลว จติ ของพระองคน อมไปเพอื่ ความเปน ผู มคี วามขวนขวายนอ ย หานอ มไปเพ่ือจะทรงแสดงธรรมไม' ดงั น.ี้ พระผูเปน เจานาคเสน นายขมังธนู หรอื อันเตวาสิกของนายขมงั ธนู ศกึ ษา ความลอบยงิ เพอ่ื ประโยชนแกสงครามสนิ้ วนั ทง้ั หลายมาก เม่อื การรบใหญถ ึงพรอม
แลวกลับทอถอยเสีย ฉนั ใด; พระตถาคตทรงอบรมพระสพั พญั ตุ ญาณมา ในระหวา ง ส่อี สงไขยแสนกัปปใ หแกกลา แลว เพอ่ื จะยกประชุมชนหมูใหญขน้ึ , คร้ันพระองคบ รรลุ ความเปน สพั พญั ูแลว ทรงทอถอยในการแสดงธรรมก็ฉันนนั้ . อีกนัยหนงึ่ คนปลาํ้ หรืออันเตวาสกิ ของคนปล้ํา ตงั้ ใจศกึ ษาการปล้ําไวแ ลว สิ้น วันทัง้ หลายมาก ครัน้ เมอ่ื การตอ สขู องคนปลํ้าถงึ พรอมแลว พึงทอใจ ฉันใด, พระตถาคต ทรงอบรมพระสัพพญั ุตญาณมาในระหวางสอื่ สงไขกบั แสนกัปปกระทําใหแกกลา เพ่ือจะยกประชุมชนหมูใ หญข ้ึน, ครน้ั เมอ่ื พระองคถึงความเปน พระสัพพญั ูแลว ทรง ทอ ถอยในการแสดงธรรมกฉ็ ันนนั้ . พระผูเ ปน เจา นาคเสน พระตถาคตทรงทอ แลว เพราะความกลวั หรอื หนอ, หรือ วาทรงทอแลว เพราะความทธี่ รรมไมปรากฏ,หรือวา พระองคท รงทอ แลว เพราะความท่ี แหงพระองคเปนผูทพุ พล, หรอื วา พระองคท รงทอ แลว เพราะความทพี่ ระองคไ มใช สพั พญั ?ู อะไรเปนเหตุในความทอ นนั้ ? เชญิ พระผูเปนเจา กลา วเหตุแกข า พเจา เพ่อื ขา มความสงสยั เสีย. พระผูเปนเจา นาคเสน ถา พระตถาคตทรงอบรมพระสัพพญั ุตญาณมาใน ระหวา งสือ่ สงไขยกบั แสนกปั ปใหแกก ลา แลว เพอ่ื จะยกประชมุ ชนหมใู หญข ้ึน, ถาอยาง นน้ั คําที่วา 'พระตถาคตทรงบรรลคุ วามเปน สัพพัญูแลว จติ ของพระองคน อมไปเพอ่ื ความเปน ผมู คี วามขวนขวายนอ ย หานอมไปเพ่อื จะแสดงธรรมไม' ดังน้ี คาํ นนั้ ผดิ . ถา วา เม่ือพระองคบ รรลุความเปน พระสพั พญั ูแลว จติ ของพระองคนอ มไปเพือ่ ความเปน ผมู คี วามขวนขวายนอย หานอ มไปเพื่อจะทรงแสดงธรรมไม, ถา อยา งนนั้ คําท่วี า 'พระ ตถาคตอบรมพระสัพพัญุตญาณมาในระหวา งสี่อสงไขกบั แสนกัปปใ หแ กก ลาแลว เพ่ือจะยกประชมุ ชนหมูใหญขน้ึ ' ดงั น้ี แมน น้ั ก็ผิด. ปญหาแมนี้สองเง่อื นลึกอันบุคคล เปลือ้ งยาก มาถงึ พระผูเปน เจาแลว, พระผูเปน เจา พงึ แกไ ขขยายออกใหแ จง ชดั เถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระตถาคตทรงอบรมพระสัพพญั ุตญาณ มาในระวางสอี่ สงไขยกับแสนกปั ปใหแกก ลาแลวเพอื่ จะยกชนหมใู หญข ้ึน; และครัน้ พระองคบรรลุพระสัพพญั ตุ ญาณแลว จิตของพระองคน อ มไปแลว เพอื่ ความเปน ผมู ี ความขวนขวายนอยหานอมไปเพื่อจะทรงแสดงธรรมไม, ก็ความนอ มไปนนั้ เหตุเหน็ ความท่ธี รรมเปน ของลึก และละเอยี ด และอันบุคคลเหน็ ยาก และอนั บุคคลตรสั รูตาม ดวยยาก และสุขมุ และแทงตลอดดว ยยาก และความทส่ี ัตวทงั้ หลายมีอาลยั เปน ทม่ี า ยนิ ดี และสกั กายทฏิ ฐิอนั สัตวท ง้ั หลายยกขน้ึ แลวมน่ั ; ทรงดําริวา \"อะไรหนอแล อยา งไร หนอแล\" ดงั นี้ จติ ของพระองคนอมไปแลว เพอื่ ความเปน ผูม คี วามขวนขวายนอย หา
นอมไปเพอ่ื จะทรงแสดงธรรมไม; จติ นนั้ มคี วามคิดถงึ ความแทงตลอดของสตั วท้ังหลาย ในพระหฤทัยอยางเดยี ว. ขอถวายพระพร อปุ มาเหมอื นหมอผูต ัดผา เขาไปใกลน วชนผูอนั พยาธมิ ใิ ช อยา งเดยี วเบยี ดเบยี นแลว จงึ คิดอยา งนว้ี า \"พยาธขิ องชนนี้ จะพึงระงบั ไดดว ยความ เพียรอะไรหนอ หรือดว ยเภสชั ขนานไหน\" ดังนี้ ฉนั ใด; จติ ของพระตถาคตเห็นชนอนั พยาธิ คอื กิเลสทง้ั ปวงเบยี ดเบยี นแลว และเหน็ ความทธ่ี รรมเปนของลกึ และละเอยี ด และอนั บุคคลเห็นโดยยาก และอันบคุ คลตรัสรตู ามโดยยาก สุขมุ มคี วามแทงตลอด โดยยากวา \"อะไรหนอแล อยา งไรหนอแล\" ดังนี้ จิตของพระองคนอมไปแลว เพือ่ ความ เปนผูมีความขวนขวายนอย หานอมไปเพือ่ จะทรงแสดงธรรมไม; ความนอ มไปนน้ั มี ความคดิ ถงึ ความแทงตลอดของสัตวทงั้ หลายในพระหฤทัยอยา งเดยี ว ฉนั นน้ั เทียว. อุปมาเหมอื นพระราชผกู ษตั รยิ มุรธาภิเษกแลว ทอดพระเนตรเหน็ นายประตู และหมทู หาร และหมสู ัตว และชาวนคิ ม และราชภฏั และอมาตย และราชกัญญา ผู อาศัยพระองคเ ปนอยทู ั้งหลาย มคี วามดํารใิ นพระหฤทยั เกิดข้นึ อยา งนวี้ า \"เราจกั สงเคราะหชนทง้ั หลายเหลา นีอ้ ยางไรหนอแล\" ฉนั ใด;พระตถาคตทอดพระเนตรเหน็ ความที่ธรรมเปน ของลึก และละเอยี ด และบคุ คลเหน็ โดยยาก และอนั บุคคลตรัสรตู าม โดยยาก สขุ ุม มีความแทงตลอดโดยยาก และความทส่ี ตั วทง้ั หลายมอี าลยั เปน ท่มี า ยนิ ดี และความทสี่ กั กายทิฏฐิเปน ของสัตวท ั้งหลายเหลา นน้ั ถือมัน่ , จึงทรงดาํ รวิ า \"จะ กระทาํ อะไรหนอแล เราจกั กระทาํ อยา งไรหนอแล\" ดงั นี้ จิตของพระองคน อมไปแลว เพื่อความเปนผูมคี วามขวนขวายนอ ย หานอ มไปเพอ่ื จะทรงแสดงธรรมไม ฉนั นนั้ ; ความนอมพระหฤทัยไปน้ัน มีความคดิ ถงึ ความแทงตลอดของสัตวทัง้ หลาย ในพระ หฤทยั อยา งเดยี ว. เออก็ พระตถาคตทั้งหลายอันพรหมวงิ วอนแลวยอ มทรงแสดงธรรม อันใด ความทพ่ี ระตถาคตทง้ั หลายอนั พรหมวงิ วอนแลว ทรงแสดงธรรมน้นั เปน ธรรม ของพระตถาคตทงั้ หลายทงั้ ปวง. กอ็ ะไรเปน เหตุในขอ นนั้ ? โดยสมยั นน้ั มนษุ ยท งั้ หลาย ดาบสและปริพาชกทงั้ หลาย สมณะและพราหมณทง้ั หลายเหลา ใดชนทงั้ หลายเหลา นน้ั ทง้ั ปวง เปน ผมู ีพรหมเปนเทพดาผูห นกั ในพรหมเปน ผูม พี รหมเปน ที่ถงึ ในเบ้ืองหนา ;โลก กับทง้ั เทพดาจกั นอบนอ ม จกั เชอ่ื ถือ จกั นอ มใจตามพระตถาคตเจา เพราะความนอบ นอมของพรหมน้นั ผมู กี าํ ลงั มยี ศ มชี ื่อเสียงโดง ดงั ผูเ ยย่ี ม ผูเ ลิศลอย เพราะเหตุนน้ั พระตถาคตทง้ั หลาย ตอ พรหมวงิ วอนแลวจงึ ทรงแสดงธรรม. เปรียบเหมอื นพระมหากษตั รยิ หรือราชมหาอมาตยผหู นงึ่ ยอมนอบนอ มทาํ ความเคารพแกบคุ คลใด, ประชุมชนนอกนั้น ยอมนอบนอมกระทาํ ความเคารพแก บคุ คลน้นั เพราะความนอบนอมของพระมหากษตั รยิ ห รือราชมหาอมาตยนน้ั ผมู กี าํ ลัง
กวา ฉนั ใด;โลกกับทง้ั เทวดาจกั นอบนอ มแดพ ระตถาคตทง้ั หลายผูอ นั พรหมนอบนอ ม แลว ฉนั นน้ั แล. พรหมอนั ชาวโลกบูชาแลว ๆ, เพราะฉะนน้ั มหาพรหมนน้ั จงึ ทูลวงิ วอน พระตถาคตเจา ทงั้ ปวงเพ่อื แสดงธรรม, และพระตถาคตทั้งหลายอันพรหมทูลวิงวอน แลว จงึ ทรงแสดงธรรมเพราะเหตุนนั้ ขอถวายพระพร.\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ปญ หาพระผูเปน เจา คลี่คลายขยายดีแลว เวย ยากรณมคี วามเจรญิ นัก ขอวิสัชนาปญหาน้นั สมอยางนนั้ , ขาพเจายอมรบั รองอยา ง น้ัน.\" ๙. พทุ ธอาจรยิ านาจริยปญหา ๒๙ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู ีพระ ภาคทรงภาสติ วา 'อาจารยข องเราตถาคตไมม ี บุคคลเชนกับดว ยเราตถาคตไมมี ในโลก กบั ทง้ั เทพดา ไมมบี คุ คลเปรียบดว ยเราตถาคต' ดังนแ้ี ลว . ภายหลงั พระองคต รสั แลววา 'ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย อาฬารดาบสกาลามโคตรเปนอาจารยของเราตถาคต ตง้ั เราผู อันเตวาสกิ ใหเ ปนผเู สมอดว ยตน และบูชาเราดวยบูชายงิ่ ดว ยประการดงั นี้แล' ดงั น.ี้ พระผเู ปนเจา นาคเสน ถา พระตถาคตตรสั วา 'อาจารยของเราตถาคตไมม ี บุคคลเชนกบั ดวยเราตถาคตไมม ี' ดังน,้ี ถา อยา งนนั้ คาํ ที่วา 'ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย อาฬารดาบสกาลามโคตรเปนอาจารยข องเราตงั้ เราผอู นั เตวาสกิ ไวใหเปนผเู สมอดว ย ตน และบูชาเราดว ยบูชายงิ่ ดว ยประการดังนแ้ี ล' ดงั น้ี นน้ั เปนผดิ . ถา พระตถาคตตรสั แลว วา 'ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย อาฬารดาบสกาลามโคตรเปน อาจารยของเรา ตงั้ เราไวใ ห เปน ผูเสมอดว ยตน และบูชาเราดว ยบูชายงิ่ ดว ยประการดังนแี้ ล' ดงั น,้ี ถา อยา งน้นั คาํ ท่ีวา 'อาจารยข องเราตถาคตไมม ี บคุ คลเชนกับดว ยเราตถาคตไมม'ี ดังนี้ แมน นั้ กผ็ ดิ . ปญหาแมน ้ีสองเงอื่ น มาถงึ พระผูเปนเจา แลว พระผูเปน เจา พงึ แกไขขยายออกใหแจง ชัดเถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร แมพระพทุ ธพจนน้ี พระผมู ีพระภาคเจาได ทรงภาสิตวา 'อาจารยของเราตถาคตไมม ี บุคคลเชน กับดว ยเราตถาคตไมม ี ในโลกกับ ทัง้ เทพดา ไมม บี ุคคลเปรียบดว ยเราตถาคต' ดงั น้แี ลว . ภายหลงั ตรสั วา 'ดูกอ นภิกษุ ท้งั หลาย อาฬารดาบสกาลามโคตรเปน อาจารยข องเรา ต้ังเราไวใ หเปน ผูเ สมอดว ยตน และพจนน นั้ พระองคท รงหมายเอาความท่อี าฬารดาบสกาลามโคตร เปนอาจารยข อง พระองค เม่อื พระองคยงั เปน พระโพธิสตั วอ ยู ยงั ไมไดตรัสรูแ ลว ในกาลกอนแตความ ตรสั รูเทยี วตรัสแลว.
ขอถวายพระพร อาจารยทงั้ หลายของพระโพธิสัตว เมือ่ ยงั เปน โพธิสัตวอยู ยงั มิไดต รัสรยู ิง่ ในกาลกอ นแตค วามตรัสรเู ทยี ว หาคนเหลา น,ี้ พระโพธสิ ตั วอันอาจารย ทง้ั หลายเหลา ไรเลา สัง่ สอนแลวยงั วันใหนอ มลว งไปแลว ในสาํ นักของอาจารยน ั้น ๆ, อาจารยท ้งั หลายหา คอื บคุ คลไหนบาง? ขอถวายพระพร พราหมณท ้งั หลายแปดเหลา ใดนน้ั เมอ่ื พระโพธิสัตวพ อเกิด แลวมารบั ลกั ษณะทงั้ หลาย พราหมณท ั้งหลายแปดคอื ใครบา ง? พราหมณทง้ั หลาย แปด คอื รามพราหมณห นงึ่ ธชพราหมณห นง่ึ ลักษณพราหมณห นง่ึ มนั ตีพราหมณห น่งึ ยัญญพราหมณห นงึ่ สุยามพราหมณหน่ึง สโุ ภชพราหมณห นงึ่ สทุ ตั ตพราหมณหนงึ่ รวมเปนแปดคน, พราหมณท ง้ั หลายเหลา นน้ั ใหพ ระชนกทรงทราบความสวัสดีของพระ โพธิสัตวน น้ั แลว ไดก ระทาํ กรรมคือการรักษาแลว, กพ็ ราหมณท ง้ั หลายเหลา นนั้ เปน อาจารยท ีแรก. คําทจ่ี ะพึงกลา วยงั มอี ีก: พระเจาสทุ โธทนะผพู ระชนกของพระโพธสิ ัตว ทรงนาํ พราหมณชอื่ สรรพมติ ร เปน อภชิ าติ เปน ผสู ูง มชี าตเิ ปน ผกู ลาวบท มเี วยยากรณ มอี งค หก เชามาแลว ทรงจับพระเตานํา้ หลอ มอบถวายใหศึกษาวา 'ทา นจงยงั กมุ ารนใี้ ห ศึกษา,' สรรพมติ รพราหมณน ี้ เปน อาจารยท ่ีสอง. คําทจ่ี ะพึงกลา วยงั มีอกี : เทพดาใดนน้ั ยงั พระโพธสิ ตั วใหส งั เวช, พระโพธสิ ตั ว ทรงสดับคําของเทพดาใดแลว จงึ สงั เวชแลว หวาดแลว เสด็จออกแลว บรรพชาแลว ในขณะนนั้ นน่ั เทียว, เทพดานเี้ ปน อาจารยท สี่ าม. คาํ ทจ่ี ะพงึ กลา วยงั มอี ีก: อาฬารดาบสกาลามโคตรนี้ เปน อาจารยท สี่ .ี่ คาํ ที่จะพงึ กลา วยงั มอี ีก: อุททกดาบสรามบุตรน้ี เปน อาจารยค ํารบหา . อาจารยท ้ังหลายของพระโพธสิ ัตว เม่อื ยังเปน พระโพธสิ ตั วอยยู ังมไิ ดต รัสรู ใน กาลกอ นแตความตรสั รูทีเดยี ว หา พวกเหลาน้ีแล. กแ็ ตว า อาจารยท้งั หลายเหลา นนั้ เปน อาจารยในธรรมเปน โลกยิ ะ. ก็แหละ อาจารยผ สู ง่ั สอน เพอ่ื จะแทงตลอดพระสพั พญั ตุ ญาณ ในธรรมเปน โลกุตตระนี้ ไมม ี ใครย่งิ กวา ของพระตถาคตไมม.ี ขอถวายพระพร พระตถาคตเปนสยมั ภูไมม ีอาจารย, เพราะเหตนุ นั้ พระ ตถาคตตรัสแลววา 'อาจารยของเราตถาคตไมม ี บุคคลเชนกับดว ยเราไมม ี ในโลกกบั ท้งั เทพดา ไมม ีบคุ คลเปรยี บดว ยเรา ดงั น.้ี \" ร. \"ดีละ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอวสิ ชั นาปญ หานนั้ สม อยา งนน้ั , ขาพเจา ยอมรับรองอยา งนน้ั .\"
๑๐. อัคคานัคคสมณปญ หา ๓๐ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผูมพี ระภาคเจา แมทรงภาสิต พระพทุ ธพจนน ้วี า 'บรรพชิตชอ่ื เปนสมณะ เพราะความทอี่ าสวะทงั้ หลายส้ินไป' ดังน.ี้ แลวตรสั อีกวา 'บณั ฑติ ทัง้ หลายกลา วนระผูมคี วามพรอมเพรียงดว ยธรรมทั้งหลายสนี่ ้นั วา เปน สมณะแทในโลก' ดังนี้ ในคํานน้ั ธรรมทัง้ หลายส่ีเหลาน้ี คือ ขนั ติ ความอดทน อัปปาหารตา ความเปน ผูมอี าหารนอ ย คอื มักนอย รตวิ ปิ ปหาน ความละความยนิ ดี เสยี อากิญจญั ญะ ความเปน ผูไ มม ีความกงั วล. คณุ ธรรมทัง้ หลายทง้ั ปวงเหลา นี้ ยอ มมี แกบุคคลผยู งั ไมสนิ้ อาสวะแลว ยงั มีกเิ ลสนั่นเทยี ว. ถาบรรพชิตชอื่ วา เปนสมณะ เพราะ ความทอ่ี าสวะทง้ั หลายสนิ้ ไป, ถา อยา งนน้ั คาํ ที่วา 'บณั ฑิตทง้ั หลายกลา วนระผมู คี วาม พรอมเพรียงดว ยธรรมทงั้ หลายสีน่ น้ั วาเปน สมณะแทในโลก' ดังน้ี นน้ั เปน ผิด. ถา วา บรรพชติ ผูมคี วามพรอมเพรยี ง ดว ยธรรมทัง้ หลายส่ี ช่อื วา เปน สมณะ, ถา อยางนนั้ คํา ทว่ี า 'บรรพชิตชื่อเปนสมณะ เพราะความทอ่ี าสวะทงั้ หลายสิ้นไป' ดังนี้ แมน้นั กเ็ ปน ผดิ . ปญหาแมน ีส้ องเง่อื น มาถงึ พระผูเปนเจา แลว พระผเู ปน เจา พงึ ขยายใหแ จง ชดั เถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจาแมทรงภาสติ พระพทุ ธ พจนน ี้แลววา 'บรรพชติ ชือ่ วา เปนสมณะ เพราะความทอี่ าสวะท้ังหลายสนิ้ ไป' ดังน.ี้ และตรสั แลววา 'บัณฑิตทง้ั หลายกลา วนระผูมคี วามพรอมเพรยี งดว ยธรรมทง้ั หลายส่ี นนั้ วา เปน สมณะแทในโลก.' พระพทุ ธพจนว า 'บณั ฑติ ทั้งหลายกลาวนระผูม คี วาม พรอมเพรียงดว ยธรรมทงั้ หลายส่นี นั้ วา เปน สมณะ' น้ีนนั้ พระองคตรัสแลว ดวยอาํ นาจ แหง คณุ ของบคุ คลทง้ั หลายเหลา นัน้ ๆ. สว นคําที่วา 'บรรพชติ ชือ่ เปนสมณะ เพราะ ความที่อาสวะทง้ั หลายสิ้นไป ดงั นี้ ๆ เปน คาํ กลาวไมม สี ว นเหลอื กลาวสว นสุด. เออก็ บุคคลท้ังหลายเหลา ใดเหลา หนึ่ง เปน ผปู ฏบิ ตั แิ ลวเพื่อความเขา ไประงับกเิ ลส พระองค ทรงคัดสรรบคุ คลผูปฏบิ ตั ิทัง้ หลายทวั้ ปวงเหลาน้ัน ตรสั สมณะผูส้นิ อาสวะแลววา เปน ยอด. อปุ มาเหมอื นดอกไมท เี่ กิดในนา้ํ และเกดิ บนบกทงั้ หลายเหลา ใดเหลาหนง่ึ มหาชนยอมกลา วดอกมะลวิ า เปน ยอดแหง ดอกไมทง้ั หลายเหลา นนั้ , บบุ ผชาติทง้ั หลาย ตาง ๆ เหลา ใดเหลาหนงึ่ เหลือนั้น ทา นคดั สรรดอกไมท ง้ั หลายเหลานน้ั ดอกมะลอิ ยา ง เดียวเปน ที่ปรารถนาเปน ท่รี กั ของมหาชน ฉนั ใด; บุคคลทั้งหลายเหลา ใดเหลา หนงึ่ เปน ผปู ฏบิ ตั แิ ลว เพือ่ ความเขาไประงับกิเลส ยอมกลาวสมณะผูส ิ้นอาสวะแลววา เปนยอด ฉนั นนั้ นน่ั เทยี ว. อีกนัยหนง่ึ โลกยอมกลา ววาขา วสาลีเปน ยอดแหง ขาวเปลอื กทงั้ หลายท้งั ปวง, ธัญญชาติทงั้ หลายตา ง ๆ เหลา ใดเหลาหนงึ่ อาศยั ธญั ญชาติทงั้ หลายเหลา นนั้ เปน
โภชนะเพื่อยงั สรรี ะใหเปนไป โลกยอมกลา วขาวสาลีอยา งเดียว วา เปน ยอดแหง ธัญญ ชาตทิ งั้ หลายเหลา นน้ั ฉนั ใด; บุคคลทง้ั หลายผปู ฏบิ ัติแลว เพ่อื ความเขา ไประงับกเิ ลส บณั ฑิตทง้ั หลายคัดสรรบุคคลผปู ฏบิ ตั ิท้งั หลายทง้ั ปวงเหลา นั้น กลา วสมณะผูส น้ิ อา สวะแลว วา เปน ยอด ฉนั นน้ั นนั่ เทียวแล.\" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอวิสชั นาปญ หาของพระผเู ปน เจา นนั้ สมอยาง นนั้ , ขา พเจา ยอมรบั รองอยางนน้ั .\" วรรคทีส่ ่ี ๑. วัณณภณนปญหา ๓๑ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผมู พี ระภาคเจา แมท รงภาสติ พระพทุ ธพจนน ้ีวา 'ภิกษุทงั้ หลาย ถา บคุ คลทง้ั หลายอืน่ พึงกลา วสรรเสริญคณุ ของเราผู ตถาคต หรือกลาวสรรเสริญคุณแหงพระธรรมแหงพระสงฆกด็ ,ี ทา นทงั้ หลายไมค วรจะ กระทําความเพลดิ เพลนิ ไมค วรจะกระทาํ โสมนสั ดีใจ ไมค วรจะกระทาํ ความเหมิ จิต ใน การทบ่ี ุคคลทง้ั หลายกลา วสรรเสรญิ คุณนั้น'ดังน.้ี อนงึ่ พระตถาคตเมอ่ื พราหมณช อ่ื เส ละ กลา วสรรเสริญคุณตามเปนจรงิ แลวอยา งไร พระองคม คี วามเพลิดเพลนิ และดพี ระ หฤทัย เหมิ พระหฤทัยยิง่ ตรสั ระบคุ ุณของพระองคยง่ิ ขึ้นไปแกเสละ พราหมณนนั้ วา 'ดกู อนเสละ เราผูต ถาคตเปนพระราชา เปนพระราชาโดยธรรม ไมม ี ใครจะย่ิงกวา เราผูตถาคตยงั จกั รโดยธรรมใหเปน ไป จกั รอันใคร ๆ พงึ ใหเ ปน ไปเทยี ม ไมไ ด' ดังน.้ี พระผูเปน เจา นาคเสน ถาพระผมู พี ระภาคเจา ตรสั แลว วา 'ภกิ ษุทัง้ หลาย ถา บุคคลทงั้ หลายอน่ื กลา วสรรเสริญคณุ ของเราผูตถาคต หรือกลา วสรรเสรญิ คณุ ของ พระธรรม ของพระสงฆก ด็ ี, ทานทง้ั หลายไมค วรจะกระทาํ ความเพลิดเพลนิ ไมค วร 'จะ กระทาํ ความโสมนสั ดใี จ ไมค วรจะกระทาํ ความเหมิ จติ ในการทบี่ ุคคลท้งั หลายกลา ว สรรเสริญคณุ นน้ั ' ดงั น,้ี ถา อยางนน้ั คําทว่ี า 'เมื่อเสละพราหมณก ลาวสรรเสริญพระคณุ ตามเปนจรงิ อยา งไร พระองคม ีความเพลดิ เพลนิ แลว ดพี ระหฤทยั เหมิ พระหฤทยั ตรัส ระบุคณุ ของพระองคแกเ สละพราหมณน น้ั ' ดงั นี้ นั้นเปน ผดิ . ถา วา เมอ่ื เสละพราหมณ กลาวสรรเสรญิ พระคณุ ตามเปนจรงิ อยางไร พระองคม คี วามเพลดิ เพลนิ แลว ดพี ระ หฤทยั เหิมพระหฤทัย ตรัสระบุคุณของพระองคแกเ สละพราหมณนนั้ ยิ่งขน้ึ ไป,' ถา อยา งนน้ั คําทว่ี า 'ภิกษทุ ง้ั หลายถา บคุ คลทัง้ หลายอื่น กลาวสรรเสรญิ คุณของเราผู ตถาคต หรือกลา วสรรเสรญิ คณุ ของพระธรรมพระสงฆกด็ ี, ทา นทงั้ หลายไมค วรจะ
กระทาํ ความเพลดิ เพลนิ ไมค วรจะกระทาํ ความโสมนัส ไมควรจะกระทาํ ความเหิมจติ ในการท่ีบุคคลทงั้ หลายกลา วสรรเสริญคุณนั้น' ดงั น้ี แมน้นั กผ็ ดิ . ปญหาแมน ้สี องเง่อื น มาถงึ พระผเู ปน เจาแลว , พระผูเปนเจา พงึ แกไ ขขยายออกใหแจงชดั เถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมท รงภาสิตพระพุทธ พจนน แ้ี ลว วา 'ภิกษทุ งั้ หลาย บุคคลท้ังหลายอื่น กลา วสรรเสริญของเราผตู ถาคต หรอื กลา วสรรเสรญิ คุณของพระธรรมพระสงฆก ด็ ,ี ทานทัง้ หลายไมควรจะกระทาํ ความ เพลิดเพลนิ ไมค วรจะกระทาํ ความโสมนัส ไมค วรจะกระทาํ ความเหมิ จติ ในการท่ี บุคคลทงั้ หลายกลาวสรรเสรญิ คณุ นนั้ ' ดงั น.้ี อนึ่ง เมื่อเสละพราหมณกลาวสรรเสรญิ พระคณุ ตามเปน จริงอยา งไร พระองคมคี วามเพลดิ เพลนิ แลว ดพี ระหฤทัย เหิมพระ หฤทัย ตรัสระบุคณุ ของพระองคแ กเ สละพราหมณน ้ันย่งิ ขนึ้ ไปวา 'ดูกอ นเสละ เราเปน พระราชา เปน พระราชาโดยธรรม ไมม ีใครยิ่งกวา เรายงั จกั รโดยธรรมใหเปน ไป จกั รอัน ใคร ๆ พงึ ใหเ ปน ไปเทยี มไมไ ด' ดังนี้ จรงิ . พระผมู พี ระภาคเจา เม่ือทรงแสดงลกั ษณะ แหง ความเปน เองทงั้ รสแหงธรรม ความเปน เองเปน ของไมผ ดิ เปนของจริงของแท ความเปน อยา งนน้ั ของพระธรรมกอน จงึ ตรสั วา 'ภกิ ษทุ ง้ั หลาย บคุ คลทง้ั หลายอืน่ กลา วสรรเสรญิ คณุ ของเราผูต ถาคต หรอื กลาวสรรเสรญิ คณุ ของพระธรรมพระสงฆก ด็ ี, ทานทง้ั หลายไมควรจะกระทาํ ความเพลิดเพลิน ไมค วรจะกระทาํ ความโสมนัส ไมควร จะกระทาํ ความเหิมจติ ในการทบ่ี คุ คลทง้ั หลายกลา วสรรเสริญคุณน้ัน ดงั น.้ี กแ็ ตวา พระพทุ ธพจนใ ด เมือ่ เสละพราหมณกลา วสรรเสริญพระคุณตามความเปน จรงิ แลว พระ ผูมพี ระภาคเจา ซ้ําตรสั ระบุพระคุณพระองค แกเ สละพราหมณน ั้นยงิ่ ขน้ึ ไปวา 'ดกู อนเส ละ เราเปน พระราชา เปน พระราชาโดยธรรม ไมม ใี ครจะย่งิ กวา' ดงั น,้ี พระพทุ ธพจนน ั้น พระองคจะไดต รสั แลว เพราะเหตุแหง ลาภกห็ าไม จะไดต รัสแลวเพราะเหตแุ หง ยศกห็ า ไม จะไดต รสั แลวเพราะเหตแุ หง ฝกฝา ยกห็ าไม จะไดตรัสแลวโดยความเปน ผใู ครอ นั เต วาสกิ กห็ าไมพ ระพทุ ธพจนน นั้ พระองคต รัสแลวดวยความไหวตาม ดว ยความกรุณา ดวยอาํ นาจแหง ประโยชนเ ก้ือกูลวา 'ความตรัสรธู รรมจักมีแกเสละพราหมณน ี้ดว ย แก มาณพทงั้ หลายสามรอ ยดว ย โดยอุบายอยา งน'้ี ดังนี้ โดยแทแล, เพราะเหตุนนั้ พระองคจงึ ตรสั สรรเสริญคุณของพระองคย ่ิงข้นึ ไปอยา งนว้ี า 'ดูกอนเสละ เราเปน พระราชา เปน พระราชาโดยธรรม ไมม ีใครจะยิ่งกวา ดงั น.ี้ \" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอวิสัชนาปญ หานั้นสม อยา งนน้ั , ขา พเจา ยอมรับรองอยา งนนั้ .\" ๒. อหึสานิคคหปญหา ๓๒
พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผมู ีพระภาคเจา แมท รงภาสติ พระพทุ ธพจนน ีแ้ ลว วา 'ทานผนู บั ถือพระรัตนตรยั วาของเรา เม่อื ไมเบยี ดเบยี นสตั วอ นื่ จกั เปน ท่ีรักในโลก' ดงั น.ี้ และตรัสอกี วา 'เราตถาคตพงึ ขม สภาพที่ควรขม พงึ ยกยอง สภาพท่คี วรยกยอง' ดงั น.ี้ พระผูเปน เจา นาคเสน การตดั มือเสีย ตัดเทาเสยี ฆา เสีย ขัง เสยี ใหก ระทํากรรมกรณเ สยี ใหต ายเสีย กระทําสนั ตติใหก าํ เรบิ ชื่อความขม. คํานนั้ ไม ควรแดพ ระผมู พี ระภาคเจา, พระผูมีพระภาคเจา ก็ไมค วรเพ่ือจะตรัสคํานน้ั . พระผเู ปน เจานาคเสน ถา พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั แลว วา 'ทานผนู บั ถอื พระรัตนตรยั เม่ือไม เบยี ดเบยี นสัตวอ ่ืน จักเปน ทรี่ กั ในโลก' ดังน,ี้ ถาอยา งนนั้ คําที่วา 'เราผูต ถาคตพึงขม สภาพทีค่ วรขม พงึ ยกยองสภาพควรยกยอ ง' ดังนี้ นนั้ เปน ผิด. ถา วาพระตถาคตตรัส แลว วา 'เราผูตถาคตพงึ ขมสภาพซึง่ ควรขม พงึ ยกยองสภาพซง่ึ ควรยกยอ ง' ดงั น,ี้ ถา อยางนน้ั คาํ ทว่ี า 'ทา นผนู ับถือพระรัตนตรยั เม่อื ไมเ บยี ดเบยี นสัตวอนื่ จักเปนท่รี กั ใน โลก' ดงั น,ี้ ถาอยางนนั้ คาํ ทวี่ า 'เราผตู ถาคตพงึ ขม สภาพทค่ี วรขม พงึ ยกยองสภาพควร ยกยอ ง' ดงั น้ี น้นั เปน ผิด. ถา วา พระตถาคตตรัสแลววา 'เราผูตถาคตพงึ ขมสภาพซงึ่ ควร ขม พงึ ยกยองสภาพซงึ่ ควรยกยอ ง' ดงั น,้ี ถา อยางนนั้ คาํ ทว่ี า 'ทา นผนู บั ถือพระ รตั นตรยั เมอ่ื ไมเ บียดเบยี นสตั วอ่นื จกั เปน ที่รักในโลก' แมนนั้ กผ็ ดิ . ปญ หาแมน ้ีสอง เงื่อน มาถึงพระผูเปน เจา แลว , พระผเู ปน เจา พงึ ขยายใหแ จงชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจาแมทรงภาสตพระพุทธ พจนน แี้ ลววา 'ทา นผูนับถอื พระรตั นตรัย เม่ือไมเบียดเบยี นสัตวอน่ื จกั เปนท่ีรกั ใครใ น โลก' ดังน,ี้ ตรสั แลว วา 'เราผูตถาคตพงึ ขมสภาพซึง่ ควรขม พงึ ยกยอ งสภาพซง่ึ ควรยก ยอง' ดงั นี้ดว ย. พระพทุ ธพจนน ว้ี า 'ทา นผนู ับถือพระรตั นตรยั เม่อื ไมเ บยี ดเบยี นสัตวอ ่ืน จกั เปนที่รกั ในโลก' ดงั นี้ นน่ั เปน อนมุ ัติของพระตถาคตทงั้ หลายทงั้ ปวง: พระวาจาน้นั เปน เครื่องพราํ่ สอน พระวาจานนั้ เปน เครือ่ งแสดงธรรมของพระตถาคตทง้ั หลายทง้ั ปวง, เพราะวา ธรรมมีความไมเบยี ดเบียนเปน ลักษณะ, พระพทุ ธพจนนนั้ เปน เครื่องกลาว ความเปน เอง ก็เพราะพระตถาคตตรัสพระวาจาใดแลว วา 'เราผูตถาคตพึงขมสภาพซึ่ง ควรขม พงึ ยกยอ งสภาพซง่ึ ควรยกยอ ง' ดงั นี้ พระวาจานั้นเปน เครอ่ื งตรัส. ขอถวายพระพร จติ ทฟี่ งุ ซา นแลวควรขม, จิตที่หดหคู วรประคองไว; จติ เปน อกศุ ลควรขม , จิตเปน กุศลควรยกยอง: ความกระทําในใจโดยไมแ ยบคายควรขม, ความกระทําในใจโดยแยบคายควรยกยอ ง: บุคคลผูปฏบิ ัตผิ ิดแลวควรขม , บุคคลผู ปฏบิ ตั ชิ อบแลว ควรยกยอง; บุคคลไมใ ชอ ริยะควรขม , บคุ คลทเ่ี ปน อรยิ ะควรยกยอ ง; โจรควรขม, บคุ คลท่ไี มเ ปนโจรควรยกยอง.\"
ร. \"พระผูเ ปน เจานาคเสน ขอนัน้ จงยกไว, บัดนพ้ี ระผเู ปน เจากลบั มาสวู ิสัยของ ขาพเจา แลว, ขา พเจา ถามเนือ้ ความใด เนอื้ ความนนั้ เขา ถึงแกขา พเจา แลว; พระผูเ ปน เจานาคเสน กโ็ จรอนั ใคร ๆ เม่อื จะขมควรขม อยางไร?\" ถ. \"ขอถวายพระพร โจรใคร ๆ เมอ่ื จะขมพงึ ขม อยางน;ี้ โจรทค่ี วรจะขู อนั บุคคล ผูขมพงึ ข,ู โจรควรจะปรับสินไหมพงึ ปรับไหม, โจรควรจะขับไล พงึ ขับไลเ สีย, โจรซึง่ ควร จะจําไวพ ึงจาํ ไว, โจรซ่ึงควรจะฆาพงึ ฆา เสยี .\" ร. \"พระผูเ ปน เจา นาคเสน กค็ วามฆา โจรทงั้ หลายอนั ใด ความฆา นน้ั เปน อนมุ ัติ ของพระตถาคตทั้งหลายดว ยหรอื ?\" ถ. \"หาไม ขอถวายพระพร.\" ร. \"พระผูเปน เจานาคเสน โจรซ่ึงควรจะบงั คับควรจะสงั่ เปน อนมุ ตั ขิ องพระ ตถาคตท้งั หลายดวย เพ่ือเหตไุ รเลา ?\" ถ. \"ขอถวายพระพร โจรใดนนั้ อนั ราชบรุ ุษทง้ั หลายฆา อยโู จรนน้ั อนั ราชบุรษุ ทั้งหลายจะฆา โดยอนมุ ัติของพระตถาคตทงั้ หลายกห็ าไม, โจรนน้ั ราชบุรษุ ท้งั หลายฆา เสยี เพราะโทษผดิ ท่ีโจรกระทําแลว เอง, เออก็ พระตถาคตพร่าํ สอน ๆ โดยธรรม, กร็ าช บรุ ษุ ท้ังหลายอาจเพ่ือจะจบั บุรษุ มไิ ดก ระทาํ ความผิด ไมม คี วามผดิ เทย่ี วอยทู ถ่ี นนฆา เสยี ใหตายโดยอนมุ ัตหิ รือ?\" ร. \"หาไม พระผูเปน เจา . ถ. \"เพราะเหตไุ ร ขอถวายพระพร?\" ร. \"เพราะความทบ่ี รุ ษุ นนั้ มไิ ดกระทําความผดิ นะซิ พระผเู ปนเจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร โจรอนั ราชบุรษุ ทงั้ หลายฆาเสีย ตามอนมุ ตั ขิ องพระ ตถาคตท้ังหลาย หามไิ ด, โจรนั้นอนั ราชบรุ ษุ ทัง้ หลายฆา เสียเพราะโทษผิดท่โี จรกระทาํ เอง อยา งนน้ี น่ั เทียว, กผ็ ูบ ังคบั จะตอ งโทษอนั หนงึ่ เพราะความบงั คับนน้ั หรือ?\" ร. \"หาไม พระผูเปนเจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร ถา อยา งนนั้ ความพราํ่ สอนของพระตถาคตทง้ั หลาย ยอ ม เปน ความพรา่ํ สอนโดยชอบ.\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา ขอ วสิ ชั นาปญ หานนั้ สมอยา งนั้น, ขา พเจา ยอมรบั รอง อยางนนั้ .\" ๓. ภกิ ขปุ ณามปญหา ๓๓
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430