พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผมู ีพระภาคเจาไดทรงภาสิต แลว แมซ ึ่งพระพุทธพจนน ว้ี า 'เราตถาคตไมม ีความโกรธ เปน ผปู ราศจากโทสะดังตะปู ตรึงจิตแลว ,' ภายหลงั พระตถาคตทรงประณามพระเถระสารบี ตุ ร และพระเถระโมคคัล ลานะทง้ั หลายกับทง้ั บริษทั . พระผูเปน เจา นาคเสน พระตถาคตโกรธแลวจึงประณาม บรษิ ทั หรือ หรอื วา พระตถาคตทรงยนิ ดีแลว ประณามบริษทั ; พระผเู ปนเจาจงรเู หตนุ นั้ กอ นวา 'เหตนุ ชี้ ่ือน.้ี ' ถา พระตถาคตโกรธแลว ประณามบรษิ ทั , ถาอยางนน้ั ความโกรธของพระตถาคตยังไมเปน ไปลว งไดแ ลว . ถา วา พระตถาคตทรงยินดแี ลว ประณาม, ถา อยา งน้ันพระตถาคตเจา ไมรปู ระณามแลว เพราะเหตุไมใชวัตถ.ุ ปญ หาแมนี้สองเง่อื น มาถงึ พระผูเ ปน เจา แลว พระผเู ปน เจา พงึ ขยายใหแจง เถดิ .\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมไ ดภ าสิตแลวซงึ่ พระ พทุ ธพจนน วี้ า 'เราตถาคตไมม ีความโกรธ เปน ผูป ราศจากโทสะดงั ตะปตู รงึ จิตแลว .' อนงึ่ พระองคท รงประณามพระเถระสารีบตุ รและพระเถระโมคคัลลานะทงั้ หลายกับทงั้ บรษิ ทั . ก็แหละการประณามน้นั จะทรงประณามดวยความโกรธก็หาไม. ขอถวายพระพร บุรุษในโลกนี้ บางคนพลาดลม ลงทรี่ ากไมหรือทต่ี อ หรอื ทศ่ี ิลา หรือทีก่ ระเบอื้ ง หรอื ทภ่ี าคพนื้ อนั ไมเ รียบ หรือทเี่ ปอ กตมในแผนดนิ ใหญ, เออก็ แผน ดนิ ใหญโ กรธแลว จึงใหบ รุ ษุ นั้นลม ลงหรอื ?\" ร. \"หามไิ ด ความโกรธหรอื ความเล่อื มใสของแผน ดนิ ใหญไมม ี, แผนดินใหญ พน แลว จากความเอน็ ดูและขึง้ เคยี ด, บรุ ษุ น้นั พลาดลมแลวเองนน่ั เทียว.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ความโกรธหรอื ความเลือ่ มใส ยอมไมม แี ดพ ระตถาคต ทง้ั หลาย, พระตถาคตองคอ รหันตสัมมาสัมพทุ ธเจา ท้ังหลายพน แลว จากความเอ็นดู และขงึ้ เคียด, พระเถระทงั้ หลายเหลาน้นั พระองคท รงประณามขับไลแลว เพราะ ความผิดของตนท่ตี นกระทาํ แลว เองทีเดียวโดยแทแลฉนั นัน้ . อปุ มาเหมือนบุคคลท่ี พลาดจากแผน ดนิ ลมลง ฉนั ใด, บคุ คลทพี่ ลาดแลว ในพระศาสนาอนั ประเสรฐิ ของ พระพทุ ธเจา ผชู นะแลว พระองคท รงประณามเสยี ฉันนัน้ ; อนึ่ง ซากศพที่ตายแลว ใน มหาสมุทร ๆ ยอ มซัดขน้ึ ฉนั ใด, บุคคลพลาดแลวในพระศาสนาอันประเสริฐของ พระพทุ ธเจา ผชู นะแลว พระองคท รงประณามเสีย ฉนั นั้น. ขอถวายพระพร พระตถาคตทรงประณามพระเถระทง้ั หลายเหลา นน้ั เพราะเหตุ ไร พระองคใ ครป ระโยชน ใครความเกอื้ กลู ใครความสขุ ใครค วามหมดจดพิเศษแกพ ระ เถระทง้ั หลายเหลานั้นวา 'ภิกษุทง้ั หลายเหลา นี้ จกั พนจากความเกดิ ความแก ความ เจบ็ และความตาย ดว ยอุบายอยา งน'ี้ จึงทรงประณามขบั ไลเ สยี .\"
ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วสิ ัชนาปญ หานั้นสม อยา งนนั้ , ขาพเจา ยอมรับรองอยา งนน้ั .\" ๔. สัพพัญูสยปณามปญ หา ๓๔ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผูเ ปน เจา กลาวอยวู า 'พระ ตถาคตเปนสพั พัญ'ู ดังน.้ี และกลาวอกี วา 'เมื่อภกิ ษุสงฆมพี ระเถระชอื่ สารบี ุตร และ โมคคลั ลานะเปน ประธาน อนั พระตถาคตประณามแลว ศากยราชผูอ ยใู นเมืองชอื่ จาตุ มนครดว ย สหมั บดีพรหมดว ย แสดงพชี ูปมาเปรียบดว ยพชื ออ น และวจั ฉตรณูปมา เปรียบดวยลูกโครุน ใหพ ระผมู ีพระภาคเลอ่ื มใสแลว ใหย กโทษแลว ใหสงบแลว ' ดงั น.้ี พระผเู ปน เจานาคเสน พระตถาคตงดโทษแลว อดโทษแลว เขา ไประงับแลว สงบแลว ดว ยอุปมาทงั้ หลายเหลา ใดอุปมาทง้ั หลายเหลา นนั้ อนั พระตถาคตทรงทราบแลว หรอื หนอแล? พระผเู ปนเจา นาคเสน ถา วา อปุ มาทง้ั หลายเหลา นน้ั อนั พระตถาคตไมทรง ทราบแลว , ถา อยา งนนั้ พระพทุ ธเจา ไมใชส ัพพญั .ู ถาวาอุปมาเหลา นนั้ อนั พระ ตถาคตทรงทราบแลว, ถาอยา งนน้ั พระตถาคตขมเหงเพง ความทดลอง ทรงประมาณ แลว , ถาอยา งนัน้ ความไมมคี วามกรุณา ยอ มเกดิ พรอมแดพระตถาคตแลว. ปญ หาแม นี้สองเง่อื น มาถงึ พระผเู ปน เจาแลว, ปญ หานั้นพระผูเปน เจาพงึ ขยายใหแจงชัดเถดิ .\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระตถาคตเปน สพั พญั ู, และพระผูม ีพระ ภาคเล่ือมใสแลว งดโทษแลว อดโทษแลว เขาไประงับแลว สงบแลว ดว ยอุปมา ทง้ั หลายเหลา นั้น. พระตถาคตเปน ธรรมสาม,ี ศากยราชท้งั หลายชาวจาตมุ นคร และ สหัมบดีพรหมอาราธนาพระตถาคต ใหพ ระตถาคตทรงยนิ ดแี ลว ใหเลอื่ มใสแลว ดว ยขอ อุปมาทง้ั หลายท่ีพระตถาคตทรงทราบแจงชัดแลวทีเดยี ว' อน่งึ พระตถาคตทรงเลื่อมใส แลว อนุโมทนายงิ่ แลว วา สาธุ แกศ ากยราชชาวจาตุมนคร และสหมั บดีพรหมเหลาน้ัน. เหมอื นสตรีเชิญสามี ใหสามียนิ ดเี ลอ่ื มใสดว ยทรพั ยเปน ของ ๆ สามนี น่ั เทยี ว, และสามกี ็บนั เทิงตามยง่ิ แลวซึ่งทรพั ยน ั้นฉนั ใด; ศากยราชชาว จาตมุ นครและสหัมบดี พรหม อาราธนาพระตถาคต เชญิ พระตถาคตใหท รงยินดแี ลว ใหเล่ือมใสแลว ดวยขอ อปุ มาทง้ั หลายทีพ่ ระตถาคตทรงทราบแลวทเี ดียว, และพระตถาคตเลอ่ื มใสแลว ทรง อนโุ มทนาแกศ ากยราชชาวจาตุมานครและสหัมบดพี รหมยงิ่ แลว ดว ยพระพทุ ธพจนวา สาธุ ฉนั นน้ั นน่ั เทยี วแล. อีกนยั หนงึ่ เปรยี บเหมือนชางกัลบกประดบั พระเศยี รของพระมหากษตั ริย ดว ย สุพรรณอลงกรณข องพระมหากษัตรยิ นนั่ เอง อัญเชิญพระมหากษัตรยิ ใหท รงยนิ ดี
เลอ่ื มใส, และพระมหากษัตรยิ เลื่อมใสแลว ทรงบนั เทงิ วา สาธุ แลวจึงพระราชทาน รางวัลแกชา งกัลบกนน้ั ตามความปรารถนา ฉนั ใด; ศากยราชชาวจาตมุ นครและ สหัมบดพี รหมอาราธนาพระตถาคต เชญิ พระตถาคตใหยนิ ดยี ิง่ แลว ใหเ ลอื่ มใสแลว ดว ยขออปุ มาทง้ั หลายทพ่ี ระตถาคตทรงทราบแลวทเี ดยี ว, และพระตถาคตเล่อื มใสแลว ทรงอนโุ มทนาแกศากยราช ชาวจาตุมนคร และสหมั บดพี รหมยง่ิ แลว ดว ยพระพทุ ธพจนว า สาธุ ฉนั นน้ั นนั่ เทยี วแล. อีกนัยหนง่ึ เปรยี บเหมอื นสทั ธิวหิ ารกิ ถอื เอาบณิ ฑบาตทอี่ ุปธยายนํามาแลว นอมเขา ไปถวายอุปธ ยาย อาราธนาอปุ ธ ยาย ยงั อุปธ ยายใหยนิ ดใี หเ ลอื่ มใส อุปธยาย เลือ่ มใสแลว อนโุ มทนากะสทั ธิวหิ ารกิ นน้ั วา สาธุ ดงั น้ี ฉนั ใด; ศากยราชชาวจาตมุ นคร และสหมั บดพี รหม อาราธนาพระตถาคต เชิญพระตถาคตใหทรงยนิ ดแี ลว ใหเลอื่ มใส แลว ดวยขออปุ มาทง้ั หลายท่ีพระตถาคตทรงทราบแลวทเี ดยี ว, และพระตถาคต เลอ่ื มใสแลว อนุโมทนาแลว วา สาธุ ดงั นี้ ทรงแสดงธรรมแกศ ากยราชชาวเมอื งจาตุ มนคร และสหมั บดีพรหมทั้งหลายเหลา นน้ั เพอื่ ความพน จากทกุ ขทง้ั ปวง ฉนั นั้นนน่ั เทียวแล.\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอวิสัชนาปญ หาน้ันสม อยางนนั้ , ขาพเจา ยอมรับรองอยา งนน้ั .\" ๕. อนเิ กตานาลยกรณปญหา ๓๕ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ี้ พระผมู ีพระ ภาคเจาทรงภาสติ แลว วา 'ธรรมชาตินแี้ ล คอื ความไมต ดิ ทอ่ี ยู ความไมม ีอาลัย เปน ความเห็นชอบของพระมนุ 'ี ดงั น.้ี และตรสั อีกวา 'บณั ฑิตเม่อื พจิ ารณาเหน็ ประโยชน ของตน พึงสรา งวหิ ารอนั นา รืน่ รมยใจ ยงั ภกิ ษผุ ูเ ปนพหสุ ตู ทง้ั หลายใหอยูในวหิ ารนนั้ ' ดังน.ี้ พระผเู ปน เจา นาคเสน ถา พระตถาคตตรัสแลว วา 'ธรรมชาตนิ แี้ ล คือ ความไมติด ท่ีอยู ความไมม อี าลยั เปนความเหน็ ชอบของพระมนุ 'ี ดงั น,้ี ถา อยา งนน้ั คาํ ท่ีวา 'บณั ฑติ เมื่อพจิ ารณาเหน็ ประโยชนข องตน พงึ สรา งวหิ ารอันนา ร่ืนรมยใจ ยงั ภกิ ษุผเู ปน พหุสตู ทงั้ หลายใหอ ยใู นวหิ ารน้นั ' ดังน้ี เปน ผดิ . ถา วาพระตถาคตตรัสแลววา 'บัณฑิต เม่ือพิจารณาเห็นประโยชนข องตน พึงสรา งวหิ ารอันนารนื่ รมยใจ ยังภกิ ษุผเู ปน พหสุ ตู ทง้ั หลายใหอ ยใู นวหิ ารนน้ั ' ดังน,ี้ ถาอยา งนน้ั คําท่วี า 'ธรรมชาตนิ แี้ ล คือ ความไมต ิดที่ อยู ความไมม อี าลัย เปน ความเหน็ ชอบของพระมนุ \"ี แมน ้ันกผ็ ิด. ปญ หาแมน ส้ี องเงอื่ น มาถงึ พระผเู ปน เจาแลว พระผเู ปน เจา พงึ แกไ ขขยายใหแจงชัดเถิด.\"
พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา ทรงภาสิตพระพทุ ธ พจนแมน แี้ ลววา 'ธรรมชาตนิ ีแ้ ล คือความไมติดท่ีอยู ความไมมีอาลยั เปนความ เห็นชอบของพระมุน'ี ดังน.ี้ และตรัสแลววา 'บัณฑติ เมื่อพจิ ารณาเหน็ ประโยชนของตน พึงสรางวหิ ารอนั นา รน่ื รมยใ จ ยังภกิ ษุผูเปน พหสุ ตู ทง้ั หลายใหอ ยูในวิหารน้นั ' ดงั น.ี้ ขอถวายพระพร พระพทุ ธพจนใ ด ท่พี ระผมู ีพระภาคเจา ตรสั แลววา 'ธรรมชาติ นแ้ี ล คอื ความไมต ิดท่ีอยู ความไมมอี าลัย เปน ความเหน็ ชอบของพระมนุ 'ี ดังน,้ี พระ พทุ ธพจนนนั้ เปนคําแสดงสภาวะเปน คํากลา วเหตุไมห ลงเหลอื เปน คํากลา วเหตุไมมี สวนเหลือ เปน คาํ กลา วตรงไมออ มคอ ม เปนคําเหมาะแกส มณะ เปน คําสมรูปของ สมณะ เปน คาํ สมสวนแกสมณะ เปน คาํ สมควรแกส มณะ เปน โคจรของสมณะ เปน ทต่ี ้ัง มั่นของสมณะ. เปรยี บเหมือนเนื้อทอี่ ยใู นปา เมอ่ื เทยี่ วไปในไพรในปา ไมม ีอาลัยในทอ่ี ยู ไมต ิดทอ่ี ยู ยอมไปไดต ามความปรารถนาฉนั ใด, ภกิ ษพุ งึ เปน ผไู มต ิดทีอ่ ยู ไมมีอาลยั คิดเหน็ วา 'ขอ น้ันแหละเปน ความเห็นชอบของพระมนุ 'ี ฉันนน้ั นน่ั แล. ขอถวายพระพร สวนพระพทุ ธพจนใ ด ที่พระผมู พี ระภาคเจาตรสั แลว า 'บัณฑิต เม่ือพิจารณาเหน็ ประโยชนของตน พึงสรา งวหิ ารอันนารน่ื รมยใจ ยงั ภกิ ษผุ เู ปน พหุสตู ทงั้ หลายใหอ ยใู นวหิ ารนน้ั ' ดังน,้ี พระพทุ ธพจนน น้ั พระผูมพี ระภาคเจา ทรงเล็งเห็น อํานาจประโยชนสองประการจงึ ตรัสแลว , อาํ นาจประโยชนส องประการนัน้ คือ อะไรบา ง? คือ: ธรรมดาวาวหิ าร อนั พระพทุ ธเจา ทงั้ ปวงทรงสรรเสริญ ชมเชย อนุมตั ิ ยก ยอ งแลว , ทายกทั้งหลายเหลา นน้ั ถวายวหิ ารทานแลว จกั พนจากความเกิด ความแก ความเจ็บ ความตาย; นี้เปน อานสิ งสใ นวหิ ารทานขอทห่ี นงึ่ . คําทจ่ี ะพงึ กลาวยังมีอกี : เมื่อวิหารมีอยู ภิกษเุ ปน อันมากจกั เปนผูปรากฏ จักเปน ผอู ันชนท้ังหลายผปู ระสงคจะ พบเหน็ หาไดงา ย, ภกิ ษทุ ้งั หลายผูไมมที อี่ ยู จักเปน ผูอนั ชนทง้ั หลายพบเห็นไดยาก; น้ี เปนอานิสงสใ นวหิ ารทานขอท่สี อง. พระผูมีพระภาคเจา ทรงเลง็ เหน็ อาํ นาจประโยชนส องประการนี้ จงึ ตรสั แลว วา 'บณั ฑิตเม่อื พจิ ารณาเหน็ ประโยชนของตน พงึ สรา งวิหารอันนา รนื่ รมยใ จ ยงั ภกิ ษผุ ูเปน พหุสตู ใหอยูใ นวหิ ารนน้ั ' ดงั น,ี้ พระพทุ ธโอรสไมพงึ กระทาํ ความอาลยั ในทอี่ ยนู นั้ \" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอ วสิ ัชนาปญ หาน้นั สม อยางนนั้ , ขา พเจา ยอมรบั รองอยา งนนั้ .\" ๖. อุทรสยํ มปญ หา ๓๖
พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ี้ พระผมู ีพระ ภาคเจาไดท รงภาสติ แลววา 'ภกิ ษอุ ยาพงึ ประมาทในบณิ ฑาหารอนั ตนพงึ ลุกขน้ึ ยืนอยู ที่ประตูเรอื นรบั , ภกิ ษพุ ึงเปน ผูส ํารวมแลว ในทอ ง' ดังน.้ี และตรัสอีกแลววา 'ดูกอ นอุทา ยี กเ็ ราแล ในกาลบางที บรโิ ภคเสมอขอบบา ง บริโภคยง่ิ บาง ดว ยบาตรใบน้ี' ดังน้ี พระ ผูเปน เจา นาคเสน ถา วา พระผูมีพระภาคเจา ตรสั แลววา 'ภิกษุอยาพงึ ประมาทในบิณฑา หารอนั ตนพงึ ลุกขึ้นยนื อยทู ปี่ ระตูเรอื นรบั , ภิกษุพงึ เปน ผสู ํารวมแลวในทอง' ดงั น,้ี ถา อยางนน้ั คาํ ทวี่ า 'แนะอทุ ายี กเ็ ราแล ในกาลบางที บรโิ ภคเสมอขอบบาง บริโภคย่ิงบาง ดวยบาตรใบน'ี้ ดงั นี้ น้ันผิด. ถาวา พระตถาคตเจาตรสั แลว วา 'แนอ ุทายี กเ็ ราแลในกาล บางที บริโภคเสมอขอบบาง บริโภคยง่ิ บาง ดว ยบาตรใบน'้ี ดงั น,้ี ถาอยา งนน้ั คําท่ีวา 'ภกิ ษุอยาพงึ ประมาทในบณิ ฑาหาร อนั ตนพงึ ลกุ ขน้ึ ยนื อยูท ่ีประตูเรอื นรบั , ภิกษพุ งึ เปน ผสู าํ รวมแลวในทอ ง' ดงั นี้ แมนน้ั กผ็ ดิ . ปญหาแมน ้สี องเงอ่ื น มาพงึ พระผูเปน เจา แลว ปญ หานนั้ พระผเู ปน เจา พงึ แกไ ขขยายใหแจง ชดั เถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจาทรงภาสิตแลว แมซ่ึง พระพทุ ธพจนน ี้วา 'ภิกษุอยา พงึ ประมาทในบณิ ฑาหารอันตนพึงลกุ ขน้ึ ยืนอยทู ีป่ ระตู เรือนรับ, ภิกษพุ ึงเปน ผูส าํ รวมแลว ในทอง' ดังน.้ี และตรัสแลว วา 'แนะอุทายี กเ็ รา ตถาคตแล ในกาลบางที บรโิ ภคเสมอขอบา ง บริโภคยิ่งบาง ดวยบาตรใบน'ี้ ดังน.้ี พระ พุทธพจนใ ด พระผมู ีพระภาคเจาตรัสแลว วา \"ภกิ ษอุ ยา พงึ ประมาทในบณิ ฑาหารอันตน พงึ ลุกขน้ึ ยนื อยูทป่ี ระตูเรอื นรับ, ภกิ ษุพึงเปน ผูส าํ รวมแลว ในทอง\" ดงั น.ี้ พระพุทธพจน น้ันเปน เคร่อื งกลาวโดยสภาวะเปน เครอ่ื งกลา วเหตุไมเหลือ เปนเครือ่ งกลา วเหตไุ มม ี สวนเหลือ เปน เครอ่ื งกลา วโดยนิปรยิ ายโดยตรง เปน เคร่อื งกลาวเหตทุ แ่ี ท เปน เครือ่ ง กลาวเหตตุ ามเปน จริง ไมวปิ รติ เปน คาํ ของฤษีและมนุ ี เปน พระพุทธพจนของพระผมู ี พระภาค เปน คําของพระอรหันต เปนคาํ ของพระปจ เจกพทุ ธเจา เปนพระพทุ ธพจนข อง พระชินพุทธเจา เปน พระพุทธพจนข องพระสัพพญั ู เปน พระพทุ ธพจนข องพระตถาคต พระอรหันตสมั มาสมั พทุ ธเจา. ขอถวายพระพร บคุ ลไมสาํ รวมแลว ในทอง ยอ มฆา สัตวบ าง ยอมถือเอาของที่ เจาของเขาไมใ หแลวบาง ยอ มถึงภรยิ าของผูอื่นบา ง ยอมกลา วคําเท็จบาง ยอ มดม่ื นาํ้ กระทาํ ผดู ม่ื แลวใหเ มาบาง ยอมฆามารดาบา ง ยอมฆาบิดาบาง ยอ มฆา พระอรหนั ต บาง ยอมทําลายสงฆบ าง ยอ มกระทาํ พระโลหติ ของพระตถาคตใหหอขึ้น ดวยจิตอนั ประทุษรายแลวบาง. ขอถวายพระพร พระเทวทตั ไมส าํ รวมทอ งแลว ทําลายสงฆแ ลว สรา งกรรมเปน ท่ีตั้งอยตู ลอดกปั ปไมใชหรอื ? พระผูมีพระภาคเจาทรงเหน็ เหตทุ ั้งหลายมีอยางมาก แม
เหลา อนื่ เปน ปานฉะน้แี ลว จงึ ตรสั แลว วา \"ภกิ ษอุ ยาพึงประมาทในบณิ ฑาหารท่ตี นพงึ ลกุ ขนึ้ ยนื อยทู ปี่ ระตเู รือนรับ, ภกิ ษุพงึ เปน ผสู ํารวมทอง\" ดงั น.ี้ ขอถวายพระพร บคุ คลผสู ํารวมทองแลว ยอมถงึ พรอ มเฉพาะคือตรัสรอู ภิสมยั คอื สัจจะสี่ กระทาํ สามญั ญผลทั้งหลายสใี่ หแ จงยอมถงึ ความเปน ผูชํานาญใน ปฏสิ ัมภทิ าทงั้ หลายส่ดี ว ย ในสมาบตั ทิ ้ังหลายแปดดว ย ในอภญิ ญาทง้ั หลายหกดวย บาํ เพญ็ สมณธรรมสิน้ เชิงดว ย. ขอถวายพระพร ลูกนกแขกเตา เปนผูส าํ รวมทอ งแลว กระทําโลกใหไ หวแลว เพยี งไรแตพ ภิ พช่อื ดาวดงึ ส นาํ ทาวสักกะผูเ ปน จอมของเทวดาทง้ั หลาย เขา ไปยงั ที่ บาํ รุงแลวมใิ ชห รือ? พระผูมพี ระภาคเจาทรงเหน็ เหตทุ ัง้ หลายมากอยา งแมเหลาอนื่ เห็น ปานฉะนี้ จงึ ตรัสแลววา \"ภิกษุอยาพึงประมาทในบณิ ฑาหารทีต่ นพงึ ลกุ ข้นึ ยนื อยทู ี่ ประตูเรอื นรับ, ภกิ ษุพงึ สํารวมแลวในทอง\" ดังน.ี้ ขอถวายพระพร กพ็ ระพทุ ธพจนใ ด ทพี่ ระผมู พี ระภาคเจา ตรสั แลววา \"แนะ อุ ทายี ก็เราผตู ถาคตแล ในกาลบางคราว บรโิ ภคเสมอขอบบาตรบา ง บริโภคย่ิงบา ง ดว ย บาตรใบน\"้ี ดงั น,้ี พระพุทธพจนนนั้ อนั พระตถาคตมกี จิ กระทาํ แลว มีกริ ยิ าสําเร็จแลว สําเรจ็ ประโยชนแลว มกี าลเปนท่สี ดุ อยูแลว หา มกเิ ลสไดแ ลว เปน พระสพั พญั ผู เู ปน เอง ตรัสหมายเอาพระองคเ อง. ขอถวายพระพร ความกระทําความสบายแกบ คุ คลเปนไข กระสับกระสายอยู สํารอกแลว รนุ แลว รมแลว เปน กริ ยิ าอันหมอพึงปรารถนาฉันใด, ความสาํ รวมในทอง อนั บคุ คลยังมกี เิ ลส ยงั ไมเหน็ สัจจะ พงึ กระทําฉนั นน้ั เทยี วแล. กิจท่จี ะตองกระทาํ ดว ย ความขดั และครูส ี และชาํ ระใหห มดจด ยอ มไมม ีแกแกวมณีอันมีความสวา ง มีชาติ บริสทุ ธ์โิ ดยชาติยง่ิ ฉนั ใด, ความหา มในความกระทํากริ ิยาทง้ั หลาย ยอมไมมแี ดพระ ตถาคตเจา ผบู รรลุบารมีในวสิ ยั ของพระพทุ ธเจา แลว ฉนั นน้ั นน่ั เทียวแล.\" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอวิสัชนาปญ หาน้นั สม อยา งนนั้ , ขา พเจา ยอมรับรองอยา งนน้ั .\" ๗. ธมั มวนิ ยปฏิจฉนั นปญหา ๓๗ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู พี ระ ภาคเจาไดทรงภาสติ ไวแลว วา 'ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ธรรมและวินยั ทพี่ ระตถาคตใหร ู แจง ทว่ั ไปแลว ถาบคุ คลเปดแลว คอื บอกกลา วเลา เรียนอยูแ ลว กจ็ ะไพโรจนรงุ เรอื ง ถา ปด บงั ไว มิไดบ อกกลา วมไิ ดแ สดง กจ็ ะลล้ี บั ไปไมรุงเรอื ง' ดงั น.ี้ ครั้นมาภายหลงั อกี เลา
ปาฏิโมกขุทเทส พระวนิ ัยปฎ กสิ้นเชงิ ดวย พระผูมีพระภาคเจา ทรงปดกาํ บังไวแ ลว. ถา วา พงึ ไดความประกอบหรอื ความสมควร หรือสมัยในศาสนาของพระพุทธเจาผูชนะแลว พระวนิ ัยบญั ญตั อิ ันบุคคลเปดเผยแลว พงึ งดงาม, ความศึกษา ความสาํ รวม ความ นยิ ม สีลคุณ และอาจารบัญญัติ อรรถรส ธรรมรส วมิ ุตตริ ส มีในวนิ ยั นัน้ สน้ิ เชงิ เพราะ เหตุไร เพราะเหตุนนั้ วินยั บญั ญตั อิ นั บุคคลเปด เผยแลว พงึ งดงาม. ถา วา พระผูม พี ระ ภาคเจาตรัสแลว วา 'ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ธรรมและวินยั ทพี่ ระตถาคตใหรแู จงทวั่ ไปแลว บุคคลเปดเผยแลว ยอมไพโรจนแจม แจงรงุ เรือง ถา บุคคลไมเ ปด เผยแลว ก็จะลี้ลับ กาํ บงั อยูไ มไ พโรจนร งุ เรอื ง' ดงั น,้ี ถา อยางนน้ั คําทว่ี า 'ปาฏิโมกขทุ เทสและวินัยปฏ ก ทง้ั สน้ิ พระองคทรงปกปด กาํ บงั ไว' ดงั น้ี นน้ั ผดิ . ถา ปาฏิโมกขทุ เทสและวินัยปฎ กสิ้นเชงิ พระองคป ด กาํ บงั ไวแลว , ถา อยางนน้ั คาํ ท่วี า \"ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ธรรมและวินัยทพ่ี ระ ตถาคตใหร แู จง ทว่ั ไปแลว อนั บคุ คลเปด เผยแลว ยอมไพโรจนร งุ เรือง' ดังน้ี แมน นั้ ก็ผดิ . ปญ หาแมน สี้ องเง่อื น มาถงึ พระผเู ปน เจาแลว พระผเู ปน เจาพึงขยายออกใหแจงชัด เถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร แมพระพุทธพจนนี้ พระผมู พี ระภาคไดทรง ภาสิตแลววา 'ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรมและวินยั ทพ่ี ระตถาคตใหร ูแ จง ทว่ั ไปแลว ถา บคุ คลเปดเผยแลว ยอ มไพโรจนถา บุคคลปกปด กาํ บงั ไว ยอ มไมไพโรจน. ' และภายหลัง พระองคทรงปด กาํ บัง พระปาฏโิ มกขุทเทสและวนิ ยั ปฎ กทงั้ สนิ้ ไว. ก็แหละ ความปด กําบงั นน้ั มไิ ดท ่วั ไปแกชนทงั้ หลายทงั้ ปวง พระองคท รงกระทาํ ใหเปนเขตแดนปด ไว แลว. ขอถวายพระพร ปาฏิโมกขทุ เทส พระผมู พี ระภาคเจา กระทําใหเปน เขตแดนปด ไวแ ลว ดว ยเหตสุ ามประการ คอื : ทรงปดไวแลวดว ยอาํ นาจแหง วงศข องพระตถาคต ทั้งหลายทม่ี แี ลวในกาลกอน, ทรงปด ไวแลว เพราะความที่ธรรมเปน ของหนกั , ทรงปด ไว แลว เพราะความที่ภมู ขิ องภกิ ษุเปนของหนัก. พระปาฏิโมกขุทเทส พระผมู พี ระภาคเจา กระทําใหเปน เขตแดนปด ไวแ ลว ดว ยอาํ นาจแหง วงศของพระตถาคตทง้ั หลายที่มแี ลว ในกาลกอ นอยางไร? ปาฏิโมกขทุ เทสในทา มกลางของภกิ ษุ ปดแกช นทง้ั หลายนอกนนั้ น้ีอันใด การปด บงั พระปาฏโิ มกขทุ เทสนน้ั เปนวงศข องพระตถาคตทงั้ หลายทมี่ แี ลว ใน กาลกอ นทงั้ ปวง. เปรียบเหมือนขตั ติยมายาของกษตั รยิ ท ง้ั หลาย กษตั ริยจะแสดงไดก็ แตในกษัตรยิ ท ้ังหลายอยา งเดยี ว, กริ ยิ าน้ีเปนประเพณขี องโลก ของกษตั รยิ ทง้ั หลาย ปดแลวแกชนทงั้ หลายอันเหลอื นอกนน้ั ฉนั ใด; ปาฏิโมกขทุ เทสควรแสดงไดใน ทา มกลางแหง ภกิ ษุ ปด ไวแ กช นทง้ั หลายอนั เหลอื นอกนนั้ อนั ใดนี้ นี้เปน วงศข องพระ ตถาคตทั้งหลายทม่ี ีแลวในกาลกอนทงั้ ปวง ฉนั นั้นนน่ั เทยี ว.
อีกนยั หนง่ึ หมูชนท้ังหลายยอมเปน ไปในแผน ดิน, หมชู นทงั้ หลาย ยอมเปนไป ในแผนดินอยา งไรน้ี คือ คนปลํ้าทงั้ หลาย ชา งทอง ชางทาํ กระสวย คนกลา วถอ ยคําเปน ธรรม และชนทั้งหลายทร่ี วู ทิ ยาตา ง ๆ ก็กาํ บังวทิ ยาซอนวทิ ยาของตนไวต ามพวกตาม เหลา แสดงไดแ ตพวกเดียวกนั ปด ไวแ กช นท้ังหลายเหลือนอกนนั้ ฉันใด; ปาฏิโมกขทุ เทสควรแสดงในทา มกลางภกิ ษุ พระองคปด ไวแกชนทงั้ หลายอนั เหลอื นน้ั ฉนั นนั้ , นี้ เปนวงศข องพระตถาคตทงั้ หลายทม่ี แี ลวในกาลกอ น. ปาฏิโมกขทุ เทส พระองคก ระทาํ แดนปด ไวดวยอาํ นาจความเปนวงศของพระตถาคตทงั้ หลายทม่ี แี ลว ในกาลกอนอยาง น.ี้ ปาฏิโมกขทุ เทสพระองคท รงกระทําใหเ ปน แดนปดไว เพราะความทธ่ี รรมเปน ของ หนกั อยางไร? ธรรมเปน ของหนกั ดังภาระ บุคคลผกู ระทาํ กิจท่จี ะพึงกระทาํ ในพระปาฏิ โมกขุทเทสน้นั ใหบ ริบูรณ ยอ มกระทาํ พระอรหตั ตผลวมิ ตุ ติใหบรบิ ูรณ ยอ มบรรลุ อรหตั ตผลวมิ ตุ ติน้ัน ดว ยความเปน ผูกระทาํ กิจทีจ่ ะพึงกระทาํ ในพระปาฏิโมกขุทเทส น้ันใหบ ริบูรณโ ดยลาํ ดบั , จะไดบรรลอุ รหัตตผลวิมุตตนิ ้นั ดว ยความเปน ผไู มกระทํากจิ ในปาฏโิ มกขทุ เทสนนั้ ใหบ ริบูรณก ห็ าไม, พระปาฏโิ มกขุทเทส พระองคป ดไวด ว ยพทุ ธ ประสงควา 'ธรรมเปน แกน สาร ธรรมประเสริฐน้ี จงอยาเปน ของไปแลว ในมอื ของบุคคล ท้ังหลาย ผไู มก ระทาํ กจิ ในปาฏโิ มกขุทเทสนั้นใหบ รบิ ูรณ อันบคุ คลไมกระทาํ กจิ ในปาฏิ โมกขทุ เทสนน้ั ใหบ ริบูรณท ัง้ หลาย อยา ไดดหู มิ่นดูแคลนติเตียนเลย, อนง่ึ ธรรมเปน สาระ ธรรมประเสรฐิ น้ี จงอยา ไปในคนชวั่ อนั คนชว่ั อยา ไดดูหมิ่นดูแคลนตเิ ตียนเลย?' พระปาฏิโมกขทุ เทส พระองคก ระทาํ ใหเปน แดนปดไวแลวเพราะความทธี่ รรมเปน ของ หนกั อยางน.้ี พระปาฏิโมกขุทเทส พระองคทรงปดไวด ว ยทรงพระดาํ รวิ า 'ธรรมดาวา จนั ทนแดงอนั เปนสาระประเสริฐบวร มีชาติเปนอติชาติ กระจายเรย่ี รายไปแลว อัน บุคคลยอ มดหู มิ่นตเิ ตียน ฉนั ใด, ธรรมเปนสาระธรรมอันประเสริฐน้ี จงอยา เปน ของไป แลว ในมอื ของบคุ คลทงั้ หลายผไู มก ระทาํ กจิ ในปาฏโิ มกขุทเทสใหบ ริบูรณโ ดยลําดับ อยา ไดเ ปนของอันบคุ คลดูหมิ่นดูแคลนติเตยี นเลย, อนง่ึ ธรรมเปนสารธรรมอนั ประเสริฐ น้ี จงอยา เปนของไปในทุรชน อนั ทุรชนอยา ไดด ูหมิน่ ดแู คลนนนิ ทาติเตยี นเลยฉนั นนั้ ' ดงั น.้ี พระปาฏโิ มกขุทเทส พระองคทรงกระทําใหเ ปน แดนปดไวแลว เพราะความทธ่ี รรม เปนของหนกั อยางน.ี้ พระปาฏิโมกขทุ เทสพระองคท รงกระทาํ ใหเปน แดนปด ไวแ ลว เพราะความทภี่ ูมิของภกิ ษุเปน ของหนกั อยางไร? ความเปน ภกิ ษอุ นั ใคร ๆ ชัง่ ไมได ไมม ี ประมาณหาราคามิได อนั ใคร ๆ ไมอ าจเพอื่ จะตีราคา เพ่อื จะชงั่ เพอื่ จะกําหนด, พระ ปาฏิโมกขุทเทส พระองคท รงปด ไวดวยพระพุทธประสงคว า 'บุคคลต้ังอยูแลวในความ เปน ภิกษุ มีคณุ อยา งนเ้ี ปน รูปน้ี จงอยา เปน ผเู ปรียบเสมอดวยโลก' ดงั น,ี้ พระปาฏิ โมกขุทเทส ยอ มเที่ยวอยคู ือวา ยอ มควรในระหวา งของภกิ ษุทง้ั หลายเทา นัน้ เปรียบ
เหมอื นผา หรือเครอ่ื งลาด หรือชา ง มา รถ ทอง เงนิ แกว มณี แกวมกุ ดา และนางแกว เปน ตน ทีเ่ ปน บวรประเสรฐิ ในโลก ของทง้ั ปวงเหลา นน้ั ยอ มเขา ถึงพระมหากษตั รยิ คอื ยอ มควรแกพระมหากษตั ริย ฉนั ใด; สกิ ขาและนกิ ายเปน ท่ีมาและปรยิ ตั ติ และคณุ คือ ความสาํ รวมในอาจาระและศีลสังวรทง้ั หลายในโลกประมาณเทา ใด คณุ ทง้ั ปวง เหลานั้น ยอ มเปนของเขา ถงึ ภกิ ษุสงฆ ฉนั นัน้ แท. พระปาฏิโมกขุทเทสพระองคท รง กระทําใหเ ปน แดนปด ไวแลว เพราะความทภ่ี ูมิของภิกษเุ ปนของหนักอยา งน.ี้ \" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วสิ ัชนาปญ หาของพระผเู ปน เจา นนั้ สมอยาง นัน้ , ขาพเจา ยอมรับรองอยา งนนั้ .\" ๘. มุสาวาทครลุ หภุ าวปญหา ๓๘ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระผูม พี ระภาคเจาทรงภาสิต แลว แมซ ึ่งพระพุทธพจนน ว้ี า 'บุคคลเปน ปาราชิกเพราะสมั ปชานมสุ าวาท ความเปน ผรู ู ทว่ั พรอ มกลาวเท็จ' ดังน.้ี ครน้ั มาภายหลงั พระองคตรัสแลว วา 'ภิกษุตองอาบตั ิเบา มี วตั ถุควรแสดงในสาํ นักแหง บคุ คลผูเ ดียวได เพราะสมั ปชานมสุ าวาท' ดงั น.้ี พระผเู ปน เจา นาคเสน เหตุใหแ ปลกกนั ในสมั ปชานมสุ าวาทนนั้ เปน อยางไร? อะไรเปน เหตกุ ระทาํ ใหต างกนั ในสมั ปชานมุสาวาทนนั้ ? บุคคลขาดมลู ดว ยสมั ปชานมุสาวาทอนั หนง่ึ และ เปนสเตกิจโฉพอเยียวยาได ดว ยสมั ปชานมุสาวาทอนั หนึ่ง สองอยา งน้จี ะตองกัน อยา งไร? ถาวา พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั แลว วา 'บุคคลเปน ปาราชกิ เพราะสมั ปชาน มสุ าวาท' ดงั น,้ี ถา อยา งนนั้ คําท่วี า 'ภิกษตุ อ งอาบัตเิ บา มวี ตั ถคุ วรแสดงในสาํ นักแหง บุคคลผูเ ดียวได เพราะสมั ปชานมสุ าวาท' ดงั นี้ นนั้ เปนผดิ . ถาวา พระตถาคตตรัสแลว วา 'ภิกษตุ องอาบตั ิเบา มีวตั ถคุ วรแสดงในสาํ นกั แหง บคุ คลผเู ดียวได เพราะสมั ปชาน มุสาวาท,' ถา อยางนนั้ คําทว่ี า 'บุคคลเปนปาราชิกเพราะสมั ปชานมุสาวาท,' ถา อยา ง นน้ั คาํ ท่วี า 'บคุ คลเปน ปาราชกิ เพราะสมั ปชานมนุสาวาท' ดงั นี้ แมนนั้ กผ็ ดิ . ปญ หาแม นส้ี องเง่อื น มาถงึ พระผูเปน เจา แลว พระผเู ปนเจา พงึ ขยายใหแ จง ชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมท รงภาสติ พระพุทธ พจนน ี้วา 'บุคคลเปน ปาราชกิ เพราะสัมปชานมสุ าวาท.' และตรสั แลววา 'ภิกษตุ อ ง อาบตั ิเบา มวี ตั ถุควรแสดงในสาํ นกั แหง บคุ คลผเู ดยี วได เพราะสัมปชานมสุ าวาท' ดังน้ี จรงิ . ก็แหละ พระพทุ ธพจนท ้ังสองนน้ั เปน คาํ แสดงโทษหนกั และเบาตามอาํ นาจวตั ถุ บรมบพติ รจะสําคัญเนื้อความนน้ั เปน ไฉน: บรุ ุษในโลกนบ้ี างคน พึงใหป ระหารแกบรุ ษุ อื่นดว ยฝา มอื , บรมบพติ รพงึ ปรบั สินไหมอะไรแกบรุ ษุ ผูนนั้ ?\"
ร. \"ถาวา บุรษุ น้นั กลา วแลว วา ขาพเจาไมข มาโทษไซร, ขาพเจา ใหราชบุรษุ ปรับ กหาปณะหนึ่งแกบ ุรุษนน้ั เพราะมิไดข มา.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ก็ในโลกน้ี บรุ ุษนัน้ นน่ั เทียว พงึ ใหป ระหารแกบรมบพติ ร ดว ยฝา มอื , กส็ ินไหมอะไร พงึ ปรับแกบรุ ษุ นน้ั ?\" ร. \"ขาพเจา พงึ ใหร าชบรุ ุษตัดมือของบรุ ุษผปู ระหารนน้ั เสยี บา งใหต ัดเทา ของ บุรุษนนั้ เสยี บา ง จนถงึ ใหต ัดศรี ษะดงั ตัดหนอ ไม ใหร ิบเรือนของบรุ ษุ น้ันแมท ้งั ปวงบา ง ใหเลกิ ตระกูลสองฝา ยถึงเจด็ ช่ัวตระกูล.\" ถ. \"ขอถวายพระพร กเ็ หตอุ ะไร เปน เครื่องใหแปลกกนั ในพระราชอาชญานนั้ ดวยเหตไุ ร จงึ ปรับสินไหมกหาปณะเดยี วนอยนกั เพราะประหารบุรษุ ผหู นงึ่ ดว ยฝา มือ ดว ยเหตุไรจงึ ลงอาชญาตดั มอื ตัดเทา จนถงึ ตดั ศรี ษะ และริบเรอื นทง้ั ปวง จนถงึ เลกิ ถอนตระกูลทง้ั สองฝา ย ถึงเจด็ ช่วั ตระกลู เพราะประหารบรมบพติ รดว ยฝามือ ขอถวาย พระพร?\" ร. \"เพราะเนอื่ งดว ยวตั ถซุ ิ พระผเู ปนเจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร สัมปชานมสุ าวาท เปน โทษหนักและเบาตามอาํ นาจวตั ถุ ฉนั นน้ั นนั่ เทียวแล.\" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วิสัชนาปญ หาของพระผูเปนเจา นน้ั สมอยา ง นัน้ , ขาพเจา ยอมรับรองอยางนนั้ .\" ๙. ยาจโยคปญ หา ๓๙ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู พี ระ ภาคเจาทรงภาสติ แลว วา 'ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราเปนพราหมณผูค วรที่ยาจกจะพึงขอ เปนผลู างมอื เตรียมไวทกุ เมอ่ื เปน ผทู รงสรรี ะกายมใี นท่ีสดุ เปน ผไู มมใี ครยง่ิ กวา ' ดังน.้ี และตรัสอีกวา 'ขนั ธปญ จก คอื พากุลภกิ ษุนี้ เลิศกวา ภกิ ษุทง้ั หลายผูเปน สาวกของเรา บรรดาท่มี ีอาพาธนอย' ดังน.ี้ กอ็ าพาธท่เี กดิ แลวในพระสรีรกายของพระผูมพี ระภาคเจา ยอ มปรากฏมากครั้ง. ถา วา พระตถาคตไมม ีใครย่ิงกวา , ถาอยา งนนั้ คาํ ทว่ี า 'ขนั ธ ปญ จก คอื พากลุ ภิกษุนเี้ ลิศกวาภกิ ษทุ ง้ั หลายผูเปน สาวกของเรา บรรดาทม่ี อี าพาธ นอย' ดงั นเี้ ปนผิด. ถาวา พระพากลุ เถระเปน ผูเลศิ กวา ภกิ ษทุ งั้ หลาย บรรดาที่มอี าพาธ นอย, ถาอยา งนนั้ คําทว่ี า 'ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย เราเปนพราหมณผ ูควรทยี่ าจกจะพงึ ขอ เปนผลู างมอื เตรียมไวท กุ เมอื่ เปน ผทู รงสรรี กายมีในทีส่ ดุ เปน ผูไมมใี ครย่งิ กวา ' ดงั นี้ แม
นนั้ ก็ผดิ . ปญหาแมน ี้สองเงอื่ น มาถงึ พระผูเปน เจา แลว พระผเู ปนเจา พงึ แกไ ขขยายให แจง ชัดเถดิ .\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร จริงอยู พระพทุ ธพจนน พ้ี ระผมู พี ระภาคเจา ทรงภาสติ แลว วา 'ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย เราเปน พราหมณผ ูค วรท่ยี าจกจะพงึ ขอ เปนผู ลางมือเตรียมไวทกุ เมอ่ื เปน ผทู รงสรีระกายมีในทสี่ ุด เปน ผูไ มม ีใครย่งิ กวา ' ดงั น.ี้ และ ตรสั แลว วา 'ขนั ธปญจก คือ พากุลภกิ ษนุ ี้ เลิศกวา ภกิ ษทุ ง้ั หลายผเู ปน สาวกของเรา บรรดาที่มีอาพาธนอย' ดงั น.ี้ ก็แหละ พระพุทธพจนน ั้น พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั หมาย เอานกิ ายเปน ท่ีมา และมรรคท่บี คุ คลจะพงึ เรยี นซึ่งมีในภายนอก. ขอถวายพระพร พระสาวกทง้ั หลายของพระผมู พี ระภาคเจา ท่ีเปน ผปู ระกอบการยืนและจงกรมกม็ อี ย,ู พระสาวกเหลา นน้ั ยอ มยงั วนั ใหน อ มลว งไป ดว ย การยืนและจงกรม, ฝายพระผมู พี ระภาคเจา ทรงยงั วันและคนื ใหน อมลว งไป ดว ยการ ยืน จงกรม น่ัง บรรทม; ภกิ ษุทงั้ หลายเหลา นัน้ ใด เปนผูประกอบการยนื และจงกรม ภกิ ษเุ หลา นน้ั เปนผเู อกยง่ิ ดว ยคณุ พเิ ศษนน้ั . พระสาวกทั้งหลายของพระผูม ีพระภาค เจาท่เี ปน เอกาสนกิ ะ คือ ฉนั หนเดียวกม็ ีอยู, พระสาวกเหลาน้ี ไมยอมฉนั โภชนะเปน ครั้ง ทสี่ อง แมเ พราะเหน็ แกช วี ติ , ฝา ยพระผมู พี ระภาคเจา ยอ มเสวยพระกระยาหารครั้งท่ี สอง เพราะทรงหวิ ; ภกิ ษทุ ั้งหลายเหลา นนั้ ใด ท่ีเปน เอกาสนิกะ ฉันหนเดยี ว ภกิ ษุ เหลา น้นั เปนผเู อกยิ่ง ดว ยคณุ พเิ ศษนน้ั . เหตุทงั้ หลายเชน นน้ั มากมายอยา ง พระผมู พี ระ ภาคเจาทรงหมายเอาความขอ น้ันตรัสแลว . ฝา ยพระผูมพี ระภาคเจา ไมม ีใครยิง่ กวา โดยศลี สมาธิ ปญญา วมิ ุตติ วมิ ตุ ตญาณทสั สนะ และโดยพระกาํ ลงั และเวสารชั ช ญาณ และโดยพระพทุ ธธรรมสิบแปดประการ. ก็แหละพระองคทรงหมายเอาพระ คุณธรรมน้นั ในพทุ ธวิสัยทง้ั มวลตรัสแลววา 'ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย เราเปน พราหมณ ฯลฯ เปน ผูไมม ีใครยิง่ กวา ' ดงั น.้ี ขอถวายพระพร เปรยี บเหมอื นในหมูมนษุ ย บุคคลผูห นง่ึ เปน ผมู ชี าติ ผหู นงึ่ เปน ผูมีทรพั ย ผหู น่งึ เปน ผูมวี ชิ ชา ผหู นงึ่ เปน ผมู ีศลิ ปะ ผหู นงึ่ เปนคนกลา หาญ ผูหนง่ึ เปนคน ฉลาดเฉยี บแหลม, ชนเหลา นน้ั แมท กุ ชนดิ พงึ มีในโลก, พระราชานน่ั แล ยอ มเปน ผู สงู สดุ กวา ชนท้ังหลายเหลา น้ัน โดยแท ขอ นฉ้ี นั ใด; พระผูมพี ระภาคเจายอ มเปน ยอด เปนใหญเปน ผปู ระเสรฐิ ทสี่ ดุ ของสัตวท ้ังปวง ฉนั นัน้ นนั่ แล. สวนทา นผูมอี ายพุ ากุละนี้ ที่ เปนผมู อี าพาธนอ ยนนั้ เนือ่ งดวยอภินหิ าร คือ บุญกศุ ลทไ่ี ดกอสรา งไวโดยเฉพาะ. ทา น เปนผมู ีอาพาธนอ ย อนั พระผมู พี ระภาคเจา ยกยอ งวา เปน ผูเลศิ กเ็ พราะชว ยบําบดั พยาธนิ น้ั ๆ เสยี .\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอวิสัชนาปญ หาน้ัน สม
อยา งนน้ั , ขาพเจายอมรบั รองอยางนนั้ .\" วรรคที่หา ๑. อิทธยิ ากมั มวปิ ากปญหา ๔๐ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผูมีพระภาคเจา ทรงภาสติ แลวแมซ ่ึงพระพุทธพจน นีว้ า 'ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ขนั ธบญั จกน้ใี ด คอื มหาโมคคลั ลา นะ ขนั ธบญั จกนน้ั เลศิ กวา ภิกษทุ งั้ หลายผูเปน สาวกของเราผตู ถาคต บรรดาทมี่ ฤี ทธ'ิ์ ดังน.้ี ภายหลงั ไดยนิ วา พระเถระนน้ั อนั โจรท้ังหลายทุบแลว ดวยตะบองทงั้ หลาย มี ศีรษะแตกแลว มกี ระดกู อนั โจรใหละเอยี ดแลว แลเนือ้ และแถวแหง เอน็ และเยอ่ื ใน กระดูกแลว ปรนิ ิพพานแลว . พระผเู ปน เจา นาคเสน ถา พระมหาโมคคัลลานเถระ ถงึ ที่สุดแหงฤทธแ์ิ ลว , ถา อยา งนน้ั คําทว่ี า 'พระเถระอนั โจรท้งั หลายทุบแลวดวยตะบอง ทัง้ หลาย ปรนิ พิ พานแลว' นน้ั เปน ผิด ถา พระเถระอันโจรท้งั หลายทบุ แลวดวยตะบอง ทัง้ หลาย ปรนิ พิ พานแลวจริง, ถา อยา งน้นั คําทวี่ า 'พระเถระถึงทส่ี ดุ แหง ฤทธ์แิ ลว ' ดังนี้ แมน น้ั กผ็ ดิ . พระ โมคัลลานเถระน้นั ไมอ าจแลว เพื่อจะนาํ ความเขา ไปทํารา นตนออกเสียดวยฤทธ,์ิ พระ เถระนนั้ ควรเพอ่ื จะเปน ทพี่ ง่ึ อาศัยของโลก แมท งั้ เทพดาอยา งไรได? ปญ หาแมน ้สี อง เงือ่ น มาถงึ พระผูเปน เจา แลว พระผเู ปน เจา พงึ ขยายใหแจง ชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา ไดทรงภาสิตแลวแมซงึ่ พระพทุ ธพจน นี้วา 'ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย ขนั ธบญั จก นีใ้ ด คอื ภกิ ษุชอ่ื มหาโมคคลั ลา นะ ขนั ธบัญจกนน้ั เลิศกวา ภิกษุทง้ั หลายที่เปน สาวกของเราผูต ถาคตบรรดาทม่ี ฤี ทธ'์ิ ดังน.ี้ แตทา นผมู ีอายุมหาโมคคลั ลานะ อนั โจรทง้ั หลายทุบแลว ดว ยตะบอง ปรนิ พิ พาน แลว, กแ็ ลความปรนิ พิ พาน เพราะโจรตดี วยตะบองนัน้ เพราะกรรมครอบงาํ ถอื เอา.\" ร. \"พระผเู ปน เจานาคเสน แมว ิสัยแหง ฤทธ์ิของบคุ คลผมู ีฤทธ์ิ แมวบิ ากแหง กรรมสองสง่ิ นเ้ี ปนอจนิ ไตยไมควรคดิ ไมใชหรือ? บัณฑิตพงึ นําสงิ่ ที่ไมควรคิดออกเสีย ดว ยสง่ิ ที่ไมค วรคิด. อปุ มาเหมือนวา ชนทง้ั หลายใคร ๆ ใครจ ะบรโิ ภคผลไม ยอ มทุบผล มะขวดิ ดวยผลมะขวดิ ยอ มทุบผลมะมวงดวยผลมะมว ง ฉนั ใด, บัณฑิตพงึ ทบุ สงิ่ ทไ่ี ม ควรคิดดว ยสิ่งทไี่ มค วรคิดนําออกเสยี ฉนั นน้ั นน่ั เทยี วแล.\" ถ. \"ขอถวายพระพร แมส ิ่งทไี่ มควรคดิ ทงั้ หลาย สงิ่ หนง่ึ มมี าตรายงิ่ มกี าํ ลัง กวา. เหมือนพระมหากษัตรยิ ในแผนดนิ มชี าติอนั เสมอกนั , แมพ ระมหากษตั รยิ ม ชี าติ
อันเสมอกนั เหลานนั้ พระมหากษัตรยิ อ งคห นงึ่ ยงั พระราชอาชญาใหเ ปน ไป ขม พระมหากษัตริยทัง้ หลายทง้ั ปวงเสยี ได ฉันใด, อจนิ ไตยทง้ั หลายเหลา นน้ั กรรมวิบาก อยางเดยี ว มมี าตรายงิ่ มกี าํ ลังกวา , กรรมวบิ ากอยา งเดยี วยังอาชญาใหเ ปน ไป ขม อจนิ ไตยทง้ั หลายทงั้ ปวงเสยี ได, กิริยาทงั้ หลายนอกนนั้ ยอมไมไดโอกาสแหง บุคคลอนั กรรมครอบงําแลว .\" ขอถวายพระพร เหมือนบุรษุ คนหนงึ่ ในโลกน้ี ยอ มผิดในประการส่ิงหนึง่ น่นั เทียว, มารดาหรือบดิ ากด็ ี พหี่ ญิงพีช่ ายก็ดี สขีและสหายกด็ ี ยอมเปน ทพี่ ึ่งตา นทานแก บรุ ษุ นนั้ ไมไ ด, พระมหากษัตริยพ ระองคเดยี ว ยังพระราชอาชญาใหเ ปน ไปขม ใน ความผดิ นน้ั เสยี ไดโดยแท, อะไรเปน เหตใุ นความขมนัน้ คอื ความเปนบคุ คลมีความผดิ เปนเหตุ; อจินไตยของไมค วรคิดทั้งหลายนัน้ กรรมวิบากอยา งเดียว มมี าตราหนัก มี กําลังกวา , กรรมวิบากอยางเดียว ยังอาชญาใหเ ปน ไปขม อจินไตยอ่นื ๆ ทั้งปวงเสียได ฉนั นนั้ นน่ั เทยี ว, เมอ่ื บุคคลอันกรรมครอบงาํ แลว กริ ยิ าอนั เหลือนอกนน้ั ยอมไมได โอกาส. อีกนัยหนง่ึ ครน้ั เมื่อไฟปา ตั้งข้นึ พรอ มแลว ในแผน ดนิ นาํ้ แมส กั พนั หมอ ยอ มไม อาจเพ่ือจะใหไ ฟน้ันดับได, ไฟอยา งเดยี วยงั อาชญาใหเ ปน ไปขมนํา้ นน้ั เสียไดโ ดยแท, อะไรเปน เหตุในขอ นนั้ คอื ความทไ่ี ฟมกี ําลังเปนเหตุ ฉนั ใด;สิ่งทเ่ี ปน อจนิ ไตยทง้ั หลาย เหลา นน้ั วบิ ากแหงกรรมสง่ิ เดียวมีมาตราหนกั มกี ําลงั กวา, วิบากแหง กรรมอยางเดยี ว ยังอาชญาใหเปน ไปขม อจนิ ไตยทง้ั หลายอนื่ ทงั้ ปวงเสยี ได, เมอ่ื บุคคลอันกรรมครอบงํา แลว กิรยิ าอันเหลอื นอกนน้ั ยอมไมไดโอกาส ฉนั นนั้ นน่ั เทยี วแล. เพราะเหตุนน้ั เมอ่ื ทาน ผมู อี ายมุ หาโมคคัลลานะอนั กรรมครอบงาํ แลว อนั โจรทบุ อยดู ว ยตะบองทงั้ หลาย ความประมวลฤทธมิ์ าจงึ มไิ ดม ีแลว .\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอวสิ ชั นาปญ หานัน้ สม อยางนนั้ , ขาพเจา ยอมรบั รองอยางนน้ั .\" ๒. โพธสิ ัตตธมั มตาปญ หา ๔๑ พระราชาตรัสถามวา \"พระผมู ีพระภาคเจา แมไดทรงภาสิตพระพทุ ธพจนน ไี้ ว ในธรรมปริยายของธรรมดาวา 'มารดาและบดิ าของพระโพธิสตั วท ั้งหลายเทย่ี งแลว อนั ธรรมดานิยมแลว ความตรัสรเู ปนของอนั ธรรมดานิยมแลว พระอัครสาวกทั้งหลาย อัน ธรรมดานยิ มแลว พระอคั รสาวกท้ังหลาย อนั ธรรมดานยิ มแลว พระโอรสอนั ธรรมดา นิยมแลว อปุ ฐากอนั ธรรมดานิยมแลวในกาลกอ นเทยี ว' ดังน.้ี ก็พระผูเปน เจา มากลาว
อีกวา 'พระโพธสิ ตั วส ถติ อยใู นดุสติ พิภพทพิ ยกาย เลือกมหาวิโลกนะทงั้ หลายแปดคอื : เลือกกาลหนงึ่ เลอื กทวปี หนง่ึ เลอื กประเทศหนง่ึ เลือกตระกูลหนงึ่ เลอื กพระชนนหี นง่ึ เลอื กอายหุ นงึ่ เลอื กเดอื นหนงึ่ เลือกเนกขมั มะหนง่ึ . พระผเู ปนเจา นาคเสน เมื่อญาณยัง ไมแกก ลา ความตรสั รูย งั ไมม ี, คร้ันเมือ่ ญาณแกก ลา แลว อนั พระโพธสิ ตั วไมอาจเพอื่ จะ รอ แมตลอดระหวา งพรบิ ตาหนงึ่ , ญาณมใี นใจแกกลา แลว อันใคร ๆ กา วเกนิ ไมไ ด; เพราะเหตไุ ร พระโพธสิ ัตวจ งึ เลือกกาลดวยความดาํ ริวา 'เราจะเกดิ ในกาลไร?' เมอ่ื ญาณยังไมแกก ลา ความตรสั รยู อ มไมม ,ี ครนั้ เมอื่ ญาณแกกลา แลว อนั พระโพธิสตั วน ้ัน ไมอ าจเพื่อจะรออยู แมต ลอดระหวางพริบตาหนงึ่ : เพราะเหตุไร พระโพธสิ ัตวจงึ เลอื ก ตระกลู ดวยทรงดําริวา 'เราจะเกิดในตระกลู ไร?' พระผเู ปน เจานาคเสน ถา วา มารดาบริ ดาทงั้ หลายของพระโพธสิ ัตวเทย่ี งแลว อนั ธรรมดานยิ มแลว ในกาลกอ นทีเดียว คือมเี กดิ กบั สําหรบั กัน, ถา อยางนนั้ คาํ ทว่ี า 'พระโพธิสัตวเ ลอื กตระกลู ' ดงั นี้ นน้ั ผดิ . ถาวาพระ โพธสิ ัตวเลอื กตระกลู ถาอยา งนั้น คาํ วา 'มารดาและบดิ าทงั้ หลายของพระโพธิสตั ว เทย่ี งแลว ในกาลกอนเทยี ว' ดงั นี้ แมน นั้ กผ็ ดิ . ปญ หาแมน ้ีสองเง่อื น มาถงึ พระผเู ปน เจา แลว , พระผูเปน เจา พงึ ขยายใหแจม แจง เถดิ .\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร มารดาและบดิ าทง้ั หลายของพระโพธิสัตว เทยี่ งแลว อนั ธรรมดานยิ มแลว ในกาลกอนทเี ดยี ว, อนง่ึ พระโพธสิ ัตวย อมเลอื กตระกลู จรงิ . ก็พระโพธิสตั วทรงดาํ รวิ ากระไรแลว จงึ เลอื กตระกลู ? พระโพธิสัตวด าํ รวิ า 'มารดา บดิ าทง้ั หลายเหลาใดน้ี มารดาบิดาทง้ั หลายเหลา นนั้ เปน กษตั ริยห รือ หรอื วา เปน พราหมณ ทรงดาํ ริอยา งน้แี ลว จงึ เลือกตระกูล. ขอถวายพระพร \"ของแปดอยา งทีย่ งั ไมเ คยไปเคยมา บุคคลตอ งแลดกู อ น ทีเดยี ว, ของแปดอยางทัง้ หลายอยา งไร: พอ คาเม่ือจะคา ขายของตองแลดภู ณั ฑะทตี่ น จะขายน้ันกอ นหน่ึง, คชสารเม่ือเดินไปถงึ ทางทีต่ นยงั ไมเคยมา ตอ งเอางวงสอบสวน เสยี กอ นหนงึ่ , พอ คาเกวียนตองแลดูทาเกวยี นทีต่ นยงั ไมเ คยไปเคยมาเสียกอนหนงึ่ , ตน หนตองแลดูฝง ทต่ี นยังไมเ คยไปเคยมาเสยี กอน แลวจงึ แลน เรอื ไปหนงึ่ , หมอตองแลดู พิจารณาอายขุ องคนไข แลวจงึ เขา ไปใกลค นไขร บั เยยี วยารักษาหน่งึ , ตะพานท่จี ะขา ม อันบุคคลเมอ่ื จะข้ึนตอ งแลดพู ิจารณาใหร วู า ตะพานนน้ั ม่นั หรือไมมนั่ เสียกอ นจงึ ขึน้ ขา ม หนง่ึ , ภิกษุเมอ่ื จะบริโภคโภชนาหารตองปจ จเวกขณพจิ ารณาอนาคตกอนแลว จงึ บรโิ ภคโภชนะไดห นงึ่ , พระโพธิสตั วท ้งั หลายเม่ือจะหยัง่ ลงสตู ระกูลตองแลดเู ลือก ตระกลู กอ น วา ตระกูลนน้ั จะเปนตระกูลกษตั ริยหรอื หรอื เปน ตระกูลพราหมณห นงึ่ . สิง่ ท้งั หลายแปดอยา งน้ี สงิ่ ทีย่ งั ไมเคยไปเคยมา บุคคลตอ งแลดพู ิจารณากอนแล.\"
ร. \"ดลี ะ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอ วสิ ัชนาปญ หาของพระผูเ ปน เจา นน้ั สมอยา ง น้ัน, ขาพเจา ยอมรับรองอยางนนั้ .\" ๓. อตัตนิปาตนปญ หา ๔๒ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผูม ีพระภาคเจา แมไ ดท รงภา สติ พระพทุ ธพจนน ห้ี า มไววา 'ดูกอ นภิกษุทง้ั หลายอนั ภกิ ษุอยา พงึ ทาํ ตนใหต กลง, ถา ภิกษุรปู ใดทาํ ตนใหตกลง ภกิ ษนุ นั้ อันพระวนิ ยั ธรพงึ ใหท าํ ตามธรรม' ดังน.ี้ ครัน้ มา ภายหลงั พระผเู ปนเจา กลา วอยูวา 'พระผมู พี ระภาคเจา เมอื่ ทรงแสดงธรรมแกส าวก ทงั้ หลายในท่ใี ดที่หนึ่ง ยอมทรงแสดงธรรมเพือ่ ความขาดขึ้นพรอ มแหง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โดยปรยิ ายมใิ ชอยางเดียว, ก็สัตวผ ใู ดผูห น่งึ กา วลว ง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ เสีย ดว ยประการทงั้ ปวง ทรงสรรเสรญิ ผูน้นั ดวยความสรรเสรญิ อยางยง่ิ ดงั น.ี้ พระผูเปนเจา นาคเสน ถา วา พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั พระพทุ ธบญั ญตั ิหามวา 'ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย อันภกิ ษอุ ยา พงึ กระทาํ ตนใหต กลง, ถาภกิ ษุรูปใดกระทําตนใหตกลง ภกิ ษุรูปนน้ั อนั พระ วินยั ธรพงึ ใหก ระทาํ ตามธรรม,' ถาอยา งนน้ั คาํ ทว่ี า 'พระผูม พี ระภาคเจา ทรงแสดง ธรรมเพื่อความขาดขึน้ พรอ มแหง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ' นนั้ ผดิ . ถา วา พระองคทรง แสดงธรรมเพอื่ ขาดข้นึ พรอมแหง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ, ถา อยา งนน้ั คําทีว่ า 'ดูกอน ภิกษทุ ง้ั หลาย อนั ภิกษุอยา กระทําตนใหต กลง, ถา ภิกษรุ ปู ใดกระทําตนใหต กลง ภิกษุ รูปนนั้ อนั พระวินัยธรพงึ ใหก ระทาํ ตามธรรม' ดงั นี้ แมน นั้ กผ็ ิด, ปญ หาแมน้สี องเงือ่ น มาถงึ พระผเู ปน เจา แลว พระผูเปนเจา พงึ ขยายใหแจงชัดเถิด.\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมท รงภาสิตซงึ่ พระ พุทธพจนนหี้ า มไววา 'ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย อันภิกษอุ ยา งกระทําตนใหต กลง, ถา ภิกษุ รปู ใดกระทาํ ตนใหต กลง ภิกษรุ ูปน้นั อนั พระวินยั ธรพงึ ใหก ระทําตามธรรม' ดังนจ้ี รงิ . และธรรมอันพระผูมีพระภาคเจา เมอ่ื จะทรงแสดงแกสาวกท้งั หลาย ณ ที่ใดทหี่ นงึ่ ทรง แสดงแลว เพอ่ื ความขาดขนึ้ พรอมแหง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โดยปรยิ ายมิใชอ ยาง เดยี ว. กพ็ ระผมู พี ระภาคเจา ทรงหามแลวดว ย ทรงชักชวนแลวดว ย ดว ยเหตุใด เหตนุ ั้น ในการแสดงธรรมนนั้ มอี ย.ู ขอถวายพระพร ภกิ ษผุ มู ีศลี ถงึ พรอมแลว ดวยศีล บริบรู ณดว ยศลี เปน ผเู สมอ ดวยยาในการที่จะกระทาํ พษิ คอื กเิ ลสของสัตวท งั้ หลายใหพ นิ าศฉบิ หายไป, เปน ผู เสมอดวยโอสถ ในการเขา ไประงบั พยาธิ คอื กเิ ลสของสัตวทง้ั หลาย, เปนผเู สมอดวย นาํ้ ในการลา งละอองธุลี คือ กเิ ลสของสตั วท ้ังหลาย, เปน ผูเ สมอดวยแกว มณี ในการให
สมบัตทิ ้งั ปวงแกสัตวทงั้ หลาย, เปนผูเสมอดวยเรือในการไปสฝู ง คือ นพิ พานจากหว ง ทง้ั ส่ี ของสัตวท ัง้ หลาย, เปนผูเสมอดวยหมูชนพวกขนสนิ คาเปน ไปกับดว ยทรพั ย ใน การทีไ่ ดขามทางกนั ดาร คอื ชาตขิ องสัตวท งั้ หลาย, เปน ผเู สมอดว ยลมในการที่จะยงั ความรอนพรอมดว ยไฟสามกอง คือราคะ โทสะ โมหะ ของสตั วท ง้ั หลายใหด ับ, เปนผู เสมอดวยมหาเมฆ ในการทจี่ ะกระทาํ ใจของสัตวทงั้ หลายใหบริบรู ณ, เปน ผูเสมอดวย อาจารยใหศ กึ ษาสิง่ เปน กุศลของสัตวทง้ั หลาย, เปน ผเู สมอดว ยบุคคลช้ีทางดใี นการ บอกทางเกษมแกสตั วทง้ั หลาย. พระผมู พี ระภาคเจาทรงบัญญตั ิสกิ ขาบทวา 'ดูกอน ภิกษทุ งั้ หลาย อนั ภกิ ษอุ ยา กระทําตนใหตกลง, ถา ภิกษรุ ูปใดกระทําตนใหตกลง ภิกษุ รูปนั้นอนั พระวนิ ยั ธรพงึ ใหก ระทําตามธรรม' ดงั น้ี ดว ยความไหวตามแกสตั วท งั้ หลายวา 'ภิกษผุ ูม ศี ีล มรี ูปอยา งนี้ มีคณุ มาก มีคณุ มใิ ชอ นั เดียว มีคณุ ไมม ีประมาณ เปน คุณราสี กองคณุ เปน ผกู ระทําความเจรญิ แกสัตวทงั้ หลายอยา ฉบิ หายเสยี เลย' ดังน.ี้ พระผูมี พระภาคเจาทรงหา มแลว ดว ยเหตุใด เหตนุ ้เี ปนเหตใุ นเทศนาน.ี้ ขอถวายพระพร แมค ํานี้ พระเถระกุมารกสั สปผูกลา วธรรมวจิ ิตร เมื่อแสดง ปรโลกแกปายาสริ าชัญญะ ภาสิตแลววา 'ราชญั ญะ สมณะ และพราหมณท ั้งหลาย ผมู ี ศลี มีธรรมอันงาม ต้ังอยูต ลอดกาลยืดยาวนาน ดว ยประการใด ๆ สมณะและพราหมณ ทงั้ หลายเหลา น้นั ยอมปฏิบตั เิ พ่อื ประโยชนเกอ้ื กูลแกช นมาก เพ่ือสุขแกช นมาก เพื่อ ความไหวตามโลก เพื่อประโยชน เพื่อความเก้อื กลู และความสขุ แกเทพดา และมนษุ ย ทงั้ หลาย ดวยประการนน้ั ๆ, ดังน.ี้ ก็พระผมู พี ระภาคเจา ทรงชกั ชวนสาวกทง้ั หลายดว ย เหตุไร? พระองคท รงชกั ชวนสาวกท้ังหลาย เพราะวา แมช าติความเกิดเปน ทกุ ข ความ แกก ็เปน ทกุ ข ความเจ็บกเ็ ปน ทกุ ข ความตายกเ็ ปน ทกุ ข ความโศกกเ็ ปน ทกุ ข ความรา่ํ ไร ราํ พนั เพอ ดวยวาจาก็เปน ทกุ ข ความลาํ บากกายกเ็ ปน ทกุ ข ความลาํ บากใจก็เปน ทกุ ข ความคับแคน ก็เปน ทุกข ความประกอบพรอมคอื ประจวบเขา ดว ยสตั วแ ละสงั ขาร ทัง้ หลาย ไมเปนท่ีรกั ก็เปน ทกุ ข ความประกอบปราศ คอื ความพลดั พรากจากสตั วแ ละ สังขารทงั้ หลายทีเ่ ปน ท่รี ักเปน ทกุ ข มารดาตายกเ็ ปน ทกุ ข บดิ าตายก็เปน ทกุ ข พช่ี าย และนอ งชายตายกเ็ ปน ทุกข พี่หญงิ และนอ งหญงิ ตายก็เปน ทกุ ข บุตรตายกเ็ ปน ทกุ ข ภริยาตายก็เปน ทกุ ข ญาติตายก็เปน ทกุ ข ญาตฉิ ิบหายกเ็ ปนทกุ ข ภัยเกิดแตโ รคกเ็ ปน ทกุ ข ความฉบิ ฉายแหง โภคะก็เปนทุกข ศลี ฉิบหายเสยี กเ็ ปน ทกุ ข ทฐิ ิฉบิ หายก็เปน ทกุ ข ภยั เกิดแตพ ระมหากษตั รยิ ก ็เปนทกุ ข ภยั เกดิ แตโ จรกเ็ ปน ทกุ ข ภัยเกิดแตบ คุ คลมีเวรก็ เปนทกุ ข ภัยเกิดแตข าวแพงก็เปนทกุ ข ภยั เกดิ แตไ ฟกเ็ ปน ทกุ ข ภัยเกิดแตน้าํ ก็เปน ทกุ ข ภัยเกิดแตคลน่ื ก็เปน ทกุ ข ภยั เกิดแตวังวนกเ็ ปน ทุกข ภยั เกดิ แตจ รเขก็เปน ทกุ ข ภยั เกดิ แตปลายรา ยกเ็ ปนทุกข ภัยเกิดแตติเตยี นตนเองกเ็ ปนทกุ ข ภัยเกดิ แตบ ุคคลอ่นื เขาติ
เตยี นก็เปน ทุกข ภัยเกดิ แตอาชญากเ็ ปน ทกุ ข ภัยเกิดแตค วามคร่นั ครามแตบ รษิ ัทก็เปน ทกุ ข ภยั เกดิ แตก ารเล้ยี งชีพกเ็ ปนทกุ ข ภยั เกดิ แตม รณะก็เปนทุกข ความตดี ว ยหวายก็ เปนทกุ ข ความตีดวยแสกเ็ ปน ทกุ ข ความตดี ว ยทอ นไมก ิง่ ไมก เ็ ปน ทกุ ข ความตอ งตดั มอื ก็เปน ทุกข ความตองตัดเทา กเ็ ปน ทกุ ข ความตอ งตัดมอื และเทา ก็เปนทกุ ข ความตดั หูก็ เปน ทกุ ข พิลังคถาลิกะอธบิ ายวา เมือ่ เขาจะกระทาํ กรรมกรณน น้ั เลิกกระบาลศรี ษะขน้ึ แลว จงึ เอาคมี คีบกอนเหลก็ แดงวางท่ีศรี ษะนนั่ เยือ่ ในสมองเดอื ดข้ึน เพราะเหลก็ แดง นน้ั กรรมกรณช อ่ื พลิ งั คถาลกิ ะนก้ี เ็ ปน ทกุ ข กรรมกรณชือ่ สงั ขมณุ ฑกิ ะ อธบิ ายวา เมอ่ื เขาจะทาํ กรรมกรณนัน้ ถลกหนงั ดว ยอนั เชอื ดหมวกแหงหูทงั้ สองขางและกา นแหง คอ กระทาํ ผมทงั้ หลายทง้ั ปวงใหเปน ขอดแหง เดยี วกนั พันดว ยทอนไม หนงั กบั ผมเลกิ ข้ัน ดวยกนั แตน นั้ เขาครูสีกะโหลกศีรษะดวยกรวดหยาบทง้ั หลายลา งกระทําใหมสี ีเหมือน สแี หงสงั ข กรรมกรณช ่อื สงั ขมุณฑกิ ะนี้ก็เปน ทกุ ข กรรมกรณช ่ือราหุมขุ ะอธิบายวา เมอ่ื เขาจะทาํ กรรมกรณน น้ั เปด ปากดวยขอเหล็ก ใหประทปี โพลงในภายในปาก หรือเอา สิว่ เจาะปากตง้ั แตหมวกแหง หูทงั้ หลาย โลหติ ไหลเตม็ ปาก กรรมกรณช อื่ ราหมุ ขุ ะน้กี ็ เปนทกุ ข กรรมกรณช ่อื โชติมาลิกะ อธบิ ายวา คนผทู ํากรรมกรณทงั้ หลาย เขาพนั สรีระ ท้ังสนิ้ ดวยผา ชบุ นา้ํ มนั แลว จดุ ไฟ กรรมกรณช ือ่ โชติมาลิกะนกี้ ็เปน ทกุ ข กรรมกรณช ่ือ หตั ถปชโชตกิ ะ อธบิ ายวา ชนผูก ระทํากรรมกรณทั้งหลายเขาพนั มือท้ังหลายดว ยผา ชบุ น้ํามนั แลว ตามไฟใหโ พลง ราวกะประทีป กรรมกรณเชน น้กี ็เปน ทกุ ข กรรมกรณช ื่อเอ รกวฏั ฏิกะ อธบิ ายวา เมื่อเขาจะกระทํากรรมกรณนัน้ เชอื ดอวยั วะใหเ นอ่ื งดว ยหนงั ตั้งแตภ ายใตค อจนถงึ ขอ เทา ท้ังหลาย เอาเชือกทงั้ หลายผูกโจรนนั้ ฉดุ ไป โจรนนั้ เหยยี บ เชือกทง้ั หลายทีเ่ นื่องดว ยหนงั ของตนลม ลง กรรมกรณเ ชน นกี้ เ็ ปนทุกข กรรมกรณช ่ือจี รกวาสกิ ะ อธบิ ายวา เมอ่ื เขาจะทาํ กรรมกรณน ้นั เชอื ดอวยั วะใหเนอ่ื งดว ยหนงั อยางนัน้ หยดุ อยูเพียงเอว เชอื ดตง้ั แตเพยี งเอวหยดุ อยเู พียงขอเทาทั้งหลาย สรรี ะภายใตแตสรรี ะ เบอ้ื งบนเหมอื นนงุ ผากรอง กรรมกรณเ ชนนี้กเ็ ปน ทกุ ข กรรมกรณช อ่ื เอเณยยกะ อธบิ าย วา เม่ือเขาจะกระทาํ กรรมกรณน ั้น วางหว งเหลก็ ทง้ั หลายท่ีขอศอกและเขา ทงั้ สองแลว ตอกเหลาเหลก็ ทง้ั หลายลง โจรน้นั อาศัยตงั้ อยทู พ่ี นื้ โดยเหลาเหลก็ ทั้งหลายส่ี บุรุษ ทงั้ หลายผทู าํ กรรมกรณจดุ ไฟลอมรอบโจรน้นั กรรมกรณเ ชนนก้ี ็เปน ทกุ ข กรรมกรณชอ่ื พลสิ มงั สกิ ะ อธบิ ายวา ผทู าํ กรรมกรณท ั้งหลาย ประหารปากดว ยเบด็ ทง้ั หลายมปี าก สองขาง ถลกหนงั และเนอ้ื และเอ็นขนึ้ เสยี กรรมกรณเชนนี้กเ็ ปน ทกุ ข กรรมกรณชอื่ ก หาปณกะ อธบิ ายวา ผทู าํ กรรมกรณท ง้ั หลาย ทําสรรี ะทง้ั สนิ้ ใหต กไปประมาณเทา กหาปณะหนึ่ง ๆ ดวยพรา ท้ังหลายอนั คม ตงั้ แตเอว กรรมกรณเ ชนน้กี เ็ ปนทกุ ข กรรมกรณชอื่ ขาราปฏิจฉกะ อธบิ ายวา ผูก ระทํากรรมกรณทั้งหลาย ประการสรรี ะในท่ี
นนั้ ๆ ดว ยอาวธุ ทงั้ หลาย และครสู ีนํ้าแสบ ดวยหญาทง้ั หลาย หนังและเนือ้ และเอน็ ทง้ั หลายลอ นไป แลว ยงั เหลอื อยแู ตรางกระดกู เทา นน้ั กรรมกรณเชน นก้ี เ็ ปนทุกข กรรมกรณช ่อื วาปลฆิ ปรวิ ตั ตกิ ะอธบิ ายวา ผูก ระทาํ กรรมกรณท ้งั หลายนน้ั ใหโ จรนนั้ นอนลงโดยขา ง ๆ หนงึ่ แลว ตอกเหลาเหลก็ ลงทช่ี อ งแหง หู ทาํ โจรนน้ั ใหเ นอื่ งเปน อัน เดียวกนั ดว ยแผน ดนิ ภายหลังจบั โจรนน้ั ทเี่ ทา ชกั หมุนไป กรรมกรณเ ชน นก้ี ็เปนทุกข กรรมกรณชอ่ื ปลาลปฐกะ อธบิ ายวา ผูกระทาํ กรรมกรณผูฉลาดไมลอกผิวหนงั แลว ทาํ ลายกระดูกทง้ั หลายดว ยลกู หนิ บดทง้ั หลาย จบั ท่ีผมทง้ั หลายยกขน้ึ ยงั มีแตก องเนือ้ เทา นนั้ ภายหลังจงึ รงึ รัดกองเนอื้ นน้ั ดว ยผมทั้งหลายนนั่ เดียว จับพนั ผกู ทําใหเ หมือน เกลียวแหง ฟาง กรรมกรณเชน นก้ี ็เปน ทุกข ความรดดวยนาํ้ มนั อนั รอ นกเ็ ปนทกุ ข ความ ใหสุนขั ทงั้ หลายกดั ก็เปน ทกุ ข ความตอ งยกขึ้นสเู หลาทงั้ เปน กเ็ ปน ทกุ ข ตอ งตัดศีรษะก็ เปนทกุ ข สัตวผ ไู ปแลวในสงสารยอมเสวยทุกขทง้ั หลายมากอยา งมิใชอ ยา งเดยี ว เหน็ ปานฉะน้ี ๆ. นา้ํ เชี่ยวทีภ่ เู ขาชอ่ื หิมวนั ต ยอมทวมทบั หนิ และกรวดและทรายและแรแ ละ รากไมก ง่ิ ไมท ง้ั หลายในแมน ้าํ ช่อื คงคา ฉนั ใด, สตั วไปแลว ในสงสาร ยอ มเสวยทกุ ข ทง้ั หลายมากอยางมิใชอยา งเดยี ว ฉนั นน้ั เทยี วแล. ขนั ธปญ จกเปน ไปแลว เปน ทุกข, ความไมม ขี นั ธปญจกเปนไปแลวเปน สุข, พระผูม ีพระภาคเจา เม่ือทรงแสดงคุณแหง ความไมมีขนั ธปญ จกเปน ไปดว ยภัยในขันธปญ จกเปน ไปแลวดว ย จงึ ทรงชักชวนสาวก ทงั้ หลาย เพอื่ กระทําใหแจงช่ือพระนพิ พานเพอ่ื ความกา วลวง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ เสยี ดว ยประการทงั้ ปวง. พระผูม ีพระภาคเจาทรงชักชวนสาวกทงั้ หลายเพอ่ื กระทาํ ให แจงซึ่งพระนพิ พานดว ยเหตใุ ด ทุกขต าง ๆ นเี้ ปน เหตนุ ้ันในการชกั ชวนน.ี้ \" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ปญ หาพระผูเปน เจา คล่ีคลายขยายดีแลว เหตุ พระผเู ปน เจา กลาวดแี ลว ขอ วิสชั นาปญ หานนั้ สมอยา งนนั้ , ขาพเจา ยอมรับรองอยา ง นั้น.\" ๔. เมตตานิสงั สปญหา ๔๓ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระผมู พี ระภาคเจา แมท รงภาสติ พระพทุ ธพจนน ้ีวา 'ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย เมตตาทเี่ ปน เจโตวมิ ุตติ บรรลไุ ดถ งึ ฌาน อนั บคุ คลเสพย่ิงแลว ใหเจริญแลว ใหเ จรญิ แลว กระทาํ ใหม ากแลว กระทาํ ใหเ ปน ดงั ยาน แลว กระทาํ ใหเปนวตั ถแุ ลว ตั้งขึ้นเนอื ง ๆ แลว สง่ั สมแลว ปรารภพรอมดีแลว อานสิ งส ท้ังหลายสบิ เอด็ ประการ ใหบ ุคคลผนู ัน้ หวงั เถดิ คอื ถงึ จะไมปรารถนากพ็ ึงมีเปน แน อานิสงสส ิบเอด็ ประการเปน ไฉน: บคุ คลบรรลุเมตตาเจโตวิมุตตินน้ั ยอมหลบั เปน สขุ
หนง่ึ ยอ มกลับตน่ื เปนสขุ หนงึ่ ยอ มไมเหน็ สุบินอันลามกหนงึ่ ยอมเปน ท่ีรกั ของมนษุ ย ท้ังหลายหนง่ึ ยอมเปนทร่ี กั ของอมนษุ ยท ้งั หลายหนึง่ เทพดายอ มรกั ษาบุคคลผเู จรญิ เมตตานน้ั ไวหนง่ึ เพลงิ หรือพิษ หรือศสั ตรายอมไมกา วลง คอื ไมตกลงในกายของ บคุ คลผูเ จริญเมตตานนั้ ไดห นง่ึ จิตของบคุ คลผเู จริญเมตตาน้ัน ยอมตงั้ มั่นเร็วหนง่ึ พรรณสแี หงหนา ของบคุ คลผเู จรญิ เมตตานนั้ ยอ มผอ งใสหนงึ่ บคุ คลผูเจริญเมตตานั้น เม่อื จะกระทํากาลกริ ยิ าตาย ยอมเปน คนไมห ลงกระทาํ กาลกิริยาหน่ึง เม่ือไมแ ทงตลอด คือ ไมตรสั รูธ รรมย่งิ ข้ึนไปกวา ฌานทปี่ ระกอบดว ยเมตตานั้น ยอ มจะเปน ผูเขา ถงึ พรหม โลกหนึ่ง' ดงั น.้ี ภายหลงั พระผเู ปนเจา กลาวอยูว า 'สามะกมุ ารเปน ผูมีเมตตาเปน ธรรม เครอ่ื งอยู อันหมแู หง เนอื้ แวดวงเปน บริวารเทยี่ วอยูในปา อนั พระมหากษตั รยิ ทรงพระ นามวา กปล ยกั ษ ยงิ แลวดว ยลกู ศรดม่ื ยาพิษ สลบแลว ลมลมในท่นี นั้ น่นั เทยี ว' ดังน.ี้ พระผเู ปนเจา นาคเสนถา วาพระผมู พี ระภาคเจา ตรัสแลววา 'ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย เมตตาเปนเจโตวมิ ุตติ ฯลฯ บุคคลผเู จริญเมตตานนั้ เม่อื ไมตรัสรธู รรมยิ่งกวา เมตตา ฌานนั้น จะเปน ผเู ขาถงึ พรหมโลก' ดงั น.ี้ ถา อยา งนน้ั คาํ ทวี่ า 'สามะกมุ ารเปนผมู ี เมตตาเปน ธรรมเครอ่ื งอยู อนั หมูแหง เนื้อแวดวงเปนบรวิ ารเทยี่ วอยูใ นปา อนั พระเจา กปล ยกั ษย งิ แลวดวยลูกศรด่มื ยาพษิ สลบแลว ลม ลงในทนี่ นั้ นั่นเทยี ว' ดงั น้ี นน้ั เปนผดิ . ถา วา สามะกมุ ารมเี มตตาเปนธรรมเครื่องอยู อนั หมแู หง เนือ้ แวดวงเปน บริวารเท่ียวอยู ในปา อนั พระเจากปลยกั ษย งิ แลวดวยลกู ศรดม่ื ยาพษิ สลบลม ลงแลว ในที่นน้ั นนั่ เทยี ว, ถา อยา งน้นั คาํ ท่ีวา 'ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย เมตตาท่ีเปน เจโตวิมุตติ อันบคุ คลเสพย่งิ แลว ฯลฯ อานสิ งสท ั้งหลายสบิ เอด็ ประการ อันบคุ คลพงึ หวงั เถดิ , อานิสงสส ิบเอ็ดประการ เปนไฉน: บุคลผูเจริญเมตตาแลว ยอ มหลบั เปนสขุ หนง่ึ ยอ มกลับตื่นเปน สขุ หนง่ึ ยอ ม ไมเ หน็ สบุ นิ อนั ลามกหนึง่ ยอ มเปนทร่ี ักของมนษุ ยท ั้งหลายหนงึ่ ยอ มเปนทีร่ ักของ อมนุษยท งั้ หลายหนงึ่ เทพดายอมรกั ษาบคุ คลผเู จรญิ เมตตานนั้ ไวหน่งึ เพลงิ หรือพษิ หรือศัสตรายอ มไมกาวลง คอื ไมต กลงในกายของบคุ คลผูเจริญเมตตานนั้ ไดหนงึ่ ' ฯลฯ ดังนี้ แมนน้ั ก็ผดิ . ปญหาแมน ีส้ องเง่ือน ละเอยี ด สขุ มุ ลกึ ซ้งึ จะพงึ ปลอยเหง่อื ในตัวของ มนุษยท ง้ั หลายผูฉลาดดใี หอ อกบาง, ปญหานน้ั มาถงึ พระผูเปนเจา แลว พระผูเปนเจา จงสางปญ หานนั้ อนั ยงุ เหยงิ ดวยชฏั ใหญ จงใหจกั ษุเพอื่ จะขยายแกช นิ โอรสทงั้ หลาย.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจา แมไดทรงภาสิตพระ พทุ ธพจนน วี้ า 'ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย เมตตาทีเ่ ปน เจโตวมิ ุตติอันบคุ คลเสพยง่ิ แลว ให เจรญิ แลว กระทําใหมากแลว ฯลฯ ปรารภพรอมดแี ลว อานสิ งสท ง้ั หลายสิบเอ็ดประการ อนั บุคคลนน้ั หวังเถดิ คือ ถงึ ไมปรารถนากจ็ ะพงึ มเี ปน แน, อานสิ งสส บิ เอด็ ประการนน้ั เปน ไฉน: บคุ คลเจริญเมตตาแลว ยอ มหลับเปน สขุ หนงึ่ ยอ มกลบั ตืน่ เปน สุขหน่ึง ยอ ม
ไมเ ห็นสุบนิ อนั ลามกหน่งึ ยอ มเปน ท่ีรกั ของมนษุ ยท ั้งหลายหนง่ึ ยอ มเปน ทีร่ ักของ อมนษุ ยท ง้ั หลายหนงึ่ เทพดายอ มรกั ษาบคุ คลผเู จริญเมตตานัน้ ไวห นึ่ง เพลงิ หรือพษิ หรือศสั ตรา ยอ มไมก าวลง คือ ไมตกในกายของบคุ คลผเู จริญเมตตาน้นั ไดห นึง่ ' ดงั น.้ี อนงึ่ สามะกุมารเปน ผมู ีเมตตาเปนธรรมเครอื่ งอยู อันหมูแ หง เนอื้ แวดวงเปน บริวาร เท่ียวอยใู นปา อันพระเจา กปลยกั ษ ยงิ แลว ดว ยลูกศรดมื่ ยาพษิ สลบแลว ลม ลงแลว ในท่นี นั้ นน่ั เทยี ว. กเ็ หตุในขอ น้ันมอี ย,ู เหตุในขอ นนั้ อยางไร? เหตใุ นขอ นน้ั คือ คณุ ท้งั หลายนน้ั ไมใชค ณุ ของบคุ คล คุณท้ังหลายนน้ั เปนคณุ ของเมตตาภาวนา ความใหเ มตตาเจริญ. สามะกมุ ารแบกหมอ นา้ํ ไปในขณะนัน้ เปน ผปู ระมาทแลว ในเมตตาภาวนา. บุคคลเปน ผูเขา ถงึ พรอมเมตตา แลวในขณะใด เพลิง หรือพษิ หรือศสั ตรายอมไมก า วลง คือ ไมตกลงในกายของบคุ คล นั้นได ในขณะน้นั . บคุ คลทัง้ หลายเหลา ใดเหลาหนง่ึ เปน ผูใครค วามฉิบหาย ไมใ ช ประโยชนเ ก้อื กูลแกบ ุคคลผูเจรญิ เมตตานนั้ ครัน้ เขา ไปใกลแลว ยอ มไมเหน็ บคุ คลผู เจรญิ เมตตานน้ั ยอมไมไ ดโ อกาสในบคุ คลผเู จริญเมตตานน้ั . คุณทั้งหลายเหลา นัน้ ไมใชคณุ ของบคุ คลทั้งหลายนน้ั เปน คุณของเมตตาภาวนา. ขอถวายพระพร ในโลกน้ี บรุ ษุ เปน ผกู ลา ตอ สงคราม สอดสวมเกราะและราง ขา ยอนั ขา ศึกทาํ ลายไมได แลวลงสสู งคราม, ลูกศรท้งั หลายอนั ขาศกึ ยงิ ไปแลว แกบ รุ ุษ นน้ั ครั้นเขาไปใกลแ ลว ตกเรีย่ รายไป, ยอ มไมไดโ อกาสในบุรษุ นน้ั ; คุณนน้ั ไมใชคณุ ของ บุรษุ ผกู ลาตอสงคราม คุณนนั้ เปน คุณของเกราะและรางขา ย อนั ลกู ศรพึงทาํ ลายไมไ ด ฉนั ใด; คณุ ทง้ั หลายนนั้ ไมใชค ุณของบคุ คล คุณท้ังหลายนนั้ เปน คุณของเมตตาภาวนา; บุคคลเปนผูถงึ พรอมเมตตาภาวนาแลว ในขณะใด ไฟหรอื ยาพิษ หรอื ศสั ตรา ยอ มไม กาวลง คอื ไมต กตองในกายของบุคคลนัน้ ในขณะนนั้ , บคุ คลทง้ั หลายเหลาใดเหลา หนงึ่ ใครความฉบิ หายไมใ ชป ระโยชนเกือ้ กลู แกบคุ คลนน้ั ครน้ั เขาไปใกลแลว ไมเหน็ บุคคลนนั้ ไมไดโอกาสในบุคคลนั้น; คุณท้ังหลายนน้ั ไมใ ชคณุ ของบุคคล คุณทั้งหลาย นนั้ เปน คณุ ของเมตตาภาวนา ฉนั นั้นแทแล. อกี ประการหนงึ่ ในโลกนีบ้ ุรษุ พงึ ทาํ รากไมเ ครือ่ งหายตัวดังทิพยไ วในมอื , ราก ไมน นั้ เปน ของต้งั อยูในมอื ของบุรุษนนั้ เพียงใด มนุษยโดยปกติใคร ๆ คนอ่ืน ยอมไมเ ห็น บุรษุ นนั้ เพยี งน้ัน, ขณะทีไ่ มเ ห็นนนั้ ไมใ ชค ุณของบุรษุ เปนคุณของรากไมเคร่ืองหายตวั , บรุ ุษทม่ี ีรากไมใ นมือนนั้ ยอมไมปรากฏในคลองแหงจกั ษขุ องมนษุ ยโดยปกตทิ ง้ั หลาย ดว ยรากไมไรเลา ฉนั ใด; คณุ ทั้งหลายนนั้ ไมใ ชคุณของบุคคลคุณทั้งหลายนนั้ เปน คณุ ของเมตตาภาวนา ความใหเมตตาเจริญ; บคุ คลเปน ผูเขาถึงพรอ มเมตตาฌานในขณะ ใด เพลิง หรือยาพษิ หรอื ศัสตราวธุ ยอมไมต กลงดว ยกายของบคุ คลนัน้ ไดใ นขณะนนั้ ,
บุคคลทั้งหลายเหลา ใดเหลา หน่ึง เปน ผใู ครซ่งึ ความฉบิ หายแกบคุ คลน้ัน เขาไปใกลแ ลว ยอมไมเหน็ บคุ คลน้นั ยอ มไมไดโ อกาสในบุคคลนั้น; คณุ ทัง้ หลายเหลา นนั้ ไมใ ชค ณุ ของบุคคล คณุ ท้งั หลายเหลานนั้ เปน คณุ ของเมตตาภาวนา ฉนั นนั้ น่ันเทียวแล ขอ ถวายพระพร. อกี นยั หนง่ึ มหาเมฆใหญย งั ฝนใหต กพราํ ยอ มไมอ าจเพือ่ จะยงั บุรุษผูเ ขาไปสูท ี่ เปน ทเ่ี รน ใหญ อนั บุคคลกระทาํ ดแี ลว ใหชมุ ได, ความไมช ุม นนั้ ไมใชคณุ ของบรุ ษุ , มหาเมฆใหญก ระทาํ ฝนใหต กพราํ กระทาํ บรุ ษุ นน้ั ใหชมุ ไมไ ด ดว ยทเี่ ปน ท่เี รน ใหญใด ความไมช มุ นนั้ เปน คณุ ของที่เปนท่ีเรน ใหญน ้ัน ฉันใด; คณุ ทั้งหลายนนั้ ไมใ ชค ณุ ของ บุคคล คณุ ทงั้ หลายนน้ั เปน คุณของเมตตาภาวนา, บุคคลเปนผเู ขาถงึ พรอมเมตตา ฌาน ในขณะใด เพลิงหรือยาพษิ หรือศัสตราวธุ ยอ มไมต กตอ งกายของบคุ คลน้นั ได ในขณะนน้ั , บุคคลทัง้ หลายเหลาใดเหลาหน่ึง ใครค วามฉิบหายแกบคุ คลนน้ั ครนั้ เขา ไปใกลแ ลว ยอ มไมเหน็ บคุ คลนนั้ ยอ มไมอ าจเพ่ือจะกระทําสง่ิ ท่ไี มเกอื้ กูลแกบุคคลนนั้ . คุณทง้ั หลายเหลานี้ ไมใ ชค ณุ ของบุคคล คณุ ท้งั หลายเหลา น้ี เปน คณุ ของเมตตาภาวนา ความใหเ มตตาเจริญ ฉนั นน้ั นั่นเทียวแล.\" ร. \"นา อัศจรรย พระผูเปน เจา นาคเสน นา พศิ วง พระผูเปน เจา นาคเสน, เมตตา ภาวนาเปน เครอื่ งหามบาปท้งั ปวงเสยี ได.\" ถ. \"ขอถวายพระพร เมตตาภาวนานาํ กุศลและคณุ ทัง้ ปวงมาแกบคุ คลท้งั หลาย ผูเกอ้ื กูลบา ง แกบ ุคคลทัง้ หลายผูไมเก้อื กลู บาง. สัตวท ง้ั หลายเหลา ใดนนั้ ที่เน่ืองดว ย วญิ ญาณ เมตตาภาวนามอี านสิ งสใ หญแ กส ัตวทง้ั หลายเหลา นนั้ ทง้ั ปวง จึงควรจะสอ ง เสพไวในใจ สนิ้ กาลเปน นริ ันดรแล.\" ๕. กสุ ลากุสลสมสมปญ หา ๔๔ พระราชาตรสั ถามวา \"วบิ ากของบคุ คลกระทาํ กุศลบา ง ของบคุ คลกระทาํ อกศุ ลบาง เสมอ ๆ กนั หรอื วา บางสง่ิ เปน ของแปลกกนั \". พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร วิบากของกุศลกด็ ี ของอกุศลก็ดี มีแปลกกนั , กศุ ลมวี ิบากเปนสขุ ยงั ความเกิดในสวรรคใ หเปนไปพรอ ม อกุศลมวี บิ ากเปน ทกุ ข ยงั ความเกิดในนรกใหเ ปนไปพรอ ม.\" ร. \"พระผูเ ปน เจา นาคเสน พระผเู ปนเจา กลา วอยวู า 'พระเทวทตั ดําโดยสวน เดียว มาตามพรอ มแลวดว ยธรรมทง้ั หลายดาํ โดยสว นเดียว, พระโพธสิ ตั วข าวโดยสว น เดยี ว มาตามพรอมแลวดว ยธรรมทงั้ หลายขาวโดยสว นเดยี ว, ก็พระเทวทตั เสมอกนั
ดวยพระโพธิสตั ว โดยยศดว ย โดยฝก ฝายดว ย ในภพ ๆ บางทีก็เปน ผูยง่ิ กวา บาง. ใน กาลใด พระเทวทตั เปน บตุ รของปุโรหิต ของพระเจา พรหมทตั ในเมอื งพาราณส,ี ในกาล นนั้ พระโพธิสตั วเปนคนจณั ฑาล ทรงวทิ ยา รา ยวทิ ยายังผลมะมวงใหเ กดิ ข้นึ แลว ใน สมยั มใิ ชกาล; พระโพธิสัตวเลวกวา พระเทวทตั โดยชาตแิ ละยศกอ นในภพน.ี้ คาํ ท่ีจะพึงกลา วยงั มีอกี : พระเทวทัตเปน พระราชาเจา แหง ปฐพีใหญ เปน ผู พรอมเพรียงดว ยกามทั้งหลาย ในกาลใด, ในกาลนนั้ พระโพธิสัตวเปน คชสาร เคร่ือง อปุ โภคของพระมหากษตั รยิ น ้นั เปน ผูถึงพรอ มดว ยลกั ษณะทงั้ ปวง เมอื่ ไมอดทนความ เย้ืองกรายโดยคติของพระเทวทตั นนั้ พระราชาปรารถนาจะฆา ไดตรัสแลว กะนาย หตั ถาจารยอยา งนวี้ า 'ดกู อ นอาจารย คชสารของทา นไมช ํานาญ ทา นจงกระทาํ เหตชุ ่อื อากาสคมนะแกคชสารน้ัน;' แมใ นชาตนิ นั้ พระโพธิสัตวย ังเลวกวา พระเทวทัต โดยชาติ เปนดริ จั ฉานเลวกอน. คาํ ท่ีจะพงึ กลา วยงั มีอีก: พระเทวทัตเปน มนุษยเ ทย่ี วไปในปา ในกาลใด, ในกาล นนั้ พระโพธสิ ตั วเปน วานรชอื่ มหากะบ;่ี แมในภพนี้ ยงั มวี เิ ศษแหง มนษุ ยแ ละดิรจั ฉาน ปรากฏอย,ู พระโพธสิ ตั วเ ลวกวา พระเทวทตั โดยชาต.ิ คาํ ทจ่ี ะพึงกลา วยงั มีอีก: พระเทวทัตเปน มนุษย เปน เนสาทชื่อโสณุตตระ มี กาํ ลงั กวา มกี าํ ลงั เทาชา ง ณ กาลใด, ในกาลนน้ั พระโพธิสัตวเปน พญาชา งชอ่ื ฉทั ทนั ต, พรานนน้ั ฆาคชสารนน้ั ; แมใ นภพนนั้ พระเทวทตั ยังเปน ผยู ิ่งกวา. อกี ชาตหิ นง่ึ พระเทวทตั เปนมนุษย เปน พรานเท่ยี วไปในปา ไมอยูเปน ตําแหนง ณ กาลใด, ในกาลนนั้ พระโพธิสตั วเปน นกกระทาผเู พง ซึ่งมนต, พรานเทย่ี วไปในไพรน้ัน ฆานกกระทาน้ันเสยี ในกาลแมน น้ั ; แมใ นภพนน้ั พระเทวทตั ดีกวา โดยชาตบิ า ง. อกี ชาติหนงึ่ พระเทวทตั เปน พระเจากรงุ กาสี ทรงพระนามวา กลาปุ ในกาลใด, ในกาลนนั้ พระโพธสิ ัตวเนดาบสชอื่ ขนั ตวิ าท,ี พระมหากษัตรยิ น น้ั กรว้ิ แลว แกด าบสนน้ั ยังราชบุรษุ ใหต ัดมอื และเทา ท้งั หลายของดาบสนนั้ เสียดงั หลอแหงไมไผ; แมในชาตนิ น้ั พระเทวทตั ผูเดยี วยงั ภมู ยิ ่งิ กวา โดยชาตดิ ว ย โดยยศดวย. อกี ชาติหนึ่ง พระเทวทตั เปน มนุษยเ ทย่ี วไปในปา ณ กาลใด, ในกาลนัน้ พระโพ ติสัตวเ ปน วานรใหญชอ่ื นนั ทิยะ, แมใ นกาลน้นั พรานเทย่ี วไปในปา นนั้ ฆาวานรินทรน ้นั เสยี กบทง้ั มารดาและนอ งชาย; แมใ นภพนน้ั พระเทวทตั ผเู ดียวเปน ผยู ิ่งกวาโดยชาติ. อีกชาตหิ น่ึง พระเทวทตั เปน มนุษย เปน อเจลก ชอ่ื การัมพิยะในกาลใด, ใน กาลนน้ั พระโพธสิ ัตวเ ปน นาคราชาช่อื ปณ ฑรกะ; แมในภพนนั้ พระเทวทัตผเู ดยี วเปน ผู ย่งิ กวา โดยชาต.ิ
อีกชาตหิ นง่ึ พระเทวทตั เปนมนุษยชฏิลกะในปาใหญ ณ กาลใด, ในกาลนัน้ พระโพธิสัตวเ ปน สุกรใหญช อ่ื ตัจฉกะ; แมในภพนน้ั พระเทวทตั ผูเดยี วยง่ิ กวา โดยชาต.ิ อกี ชาติหน่งึ พระเทวทตั ไดเ ปน พระราชาชือ่ สรุ ปริจโร ในชนบทช่ือเจดยี ท้งั หลาย เปน ผูไปในอากาศไดป ระมาณชว่ั บรุ ษุ หนึ่งในเบ้อื งบน ในกาลใด, ในกาลนนั้ พระโพธิสัตวเ ปน พราหมณช ่ือกปล ะ; แมใ นภพนนั้ พระเทวทัตทีเดียวเปน ผูยงิ่ กวา ทงั้ ชาติทงั้ ยศ. อีกชาตหิ นง่ึ พระเทวทัตเปนมนษุ ยช ือ่ สามะ ในกาลใด, ในกาลนน้ั พระ โพธสิ ัตวเปน พญาเนอ้ื ช่ือรุร;ุ แมในภพนนั้ พระเทวทัตทเี ดยี วย่ิงกวา โดยชาต.ิ อีกชาติหน่งึ พระเทวทตั เปนมนษุ ย เปน พรานเที่ยวไปในปา ในกาลใด, ในกาล นนั้ พระโพธสิ ตั วเปน ชา งใหญ พรานนนั้ ตดั งาทง้ั หลายของชา งใหญน น้ั เสียเจ็ดครั้ง นาํ ไป; แมใ นภพนน้ั พระเทวทัตทีเดียวเปน ผูยิง่ กวา โดยกาํ เนดิ . อกี ชาตหิ นงึ่ พระเทวทตั เปนสิคาลขตั ตยิ ธรรม, ประเทศราชทงั้ หลายในชมพู ทวีปโดยที่มปี ระมาณเทา ใด พระยาสคิ าละน้นั ไดก ระทาํ แลวซ่งึ พระราชาทงั้ หลาย เหลา น้ันทงั้ ปวง ใหเ ปนผูอ นั ตนใชสอยเนอื ง ๆ แลว ณ กาลใด, ในกาลน้นั พระโพธสิ ตั ว เปน บณั ฑิตชอ่ื วิธรู ะ; แมใ นภพนน้ั พระเทวทตั ทเี ดียวเปน ผยู ่ิงกวา โดยยศ อกี ชาตหิ นงึ่ พระเทวทตั เปน ชาง ฆาเสยี ซึง่ ลกู นกทั้งหลายแหงแมน กชอ่ื ละตุกิ กา (นกไสร) ในกาลใด, ในกาลนนั้ แมพ ระโพธิสตั วไ ดเปน ชาง เปน เจา แหงฝงู ; แมใ นภพ นนั้ ชนทง้ั สองเหลานน้ั ไดเปน ผเู สมอ ๆ กนั . อกี ชาติหนึ่ง พระเทวทัตเปนยักษช ่อื อธรรม ในกาลใด, ในกาลนนั้ แมพ ระ โพธิสัตวเปนยกั ษชื่อสุธรรม; แมในภพนน้ั ชนทง้ั สองนน้ั เสมอกนั . อกี ชาตหิ นงึ่ พระเทวทตั เปน นายเรอื เปน ใหญกวา ตระกลู หารอย ในกาลใด, ใน กาลนน้ั แมพ ระโพธสิ ตั วเ ปนนายเรือ เปน ใหญก วา ตระกลู หา รอ ย; แมใ นภพนนั้ ชนแม ท้ังสองเปนผเู สมอ ๆ กนั บา ง. อีกชาติหนึง่ พระเทวทัตเปนพอคา เกวียน เปน ใหญแ หง เกวียนทง้ั หลายหารอย ในกาลใด, ในกาลนน้ั แมพระโพธสิ ัตวก ็เปน พอ คา เกวยี น เปนใหญแหง เกวยี นหา รอ ย; แมใ นภพนน้ั ชนทง้ั สองเปนผูเ สมอ ๆ กนั . อกี ชาติหนึ่ง พระเทวทัตเปนพญาเน้ือช่ือ สาขะ ณ กาลใด, ในกาลนน้ั แมพระ โพธิสตั วเ ปน พญาเน้ือชื่อนิโครธ; แมใ นภพนนั้ ชนท้ังสองนน้ั เปน ผเู สมอ ๆ กนั . อีกชาติหนงึ่ พระเทวทตั เปนเสนาบดชี ่อื สาขะ ณ กาลใด; พระโพธสิ ตั วเ ปน พระราชาชอื่ นโิ ครธ ในกาลนนั้ ; แมในภพนน้ั ชนแมทง้ั สองเหลา นน้ั เปน ผเู สมอ ๆ กนั .
อีกชาตหิ นึ่ง พระเทวทตั เปน พราหมณช ่ือกณั ฑหาละ ณ กาลใด, ในกาลนน้ั พระโพธิสตั วเ ปน ราชกมุ ารทรงพระนามวาจนั ทะ; พราหมณช ือ่ กัณฑหาละนนี้ ่นั เทยี ว เปน ผยู งิ่ กวา ในภพนน้ั . อีกชาติหน่งึ พระเทวทตั เปน พระราชาช่ือพรหมทตั ณ กาลใด, ณ กาลนนั้ พระ โพธสิ ตั วเ ปน บตุ รของพระเทวทัตนนั้ เปน ราชกุมารชื่อมหาปทมุ ะ พระราชานนั้ ใหร าช บรุ ษุ ท้งิ ซง่ึ บุตรของตนในเหว ณ กาลน้นั ; บดิ าแหละเปน ผยู ง่ิ กวา เปนผวู เิ ศษกวา โดย ชาติใดชาตหิ น่ึง; แมใ นชาตนิ ้ัน พระเทวทตั ทเี ดยี วเปน ผยู ่ิงกวา. อีกชาตหิ นงึ่ พระเทวทัตเปน พระราชาช่ือมหาปตาปะ ในกาลใด, ในกาลน้นั พระโพธิสตั วเปน กุมารชอ่ื ธรรมปาละ เปน บตุ รของพระราชาชอ่ื มหาปตาปะนนั้ พระราชานนั้ ใหร าชบุรุษตดั มอื และเทาทงั้ หลายและศรี ษะของบุตรของตนเสีย ในกาล นั้น; แมใ นภพนน้ั พระเทวทตั ทเี ดียวเปน ผยู ง่ิ กวา. แมช นทงั้ สองเกดิ ในศากยตระกูล แมในกาลน้ีในวันน,ี้ พระโพธิสตั วจะไดเปน พระสัพพญั พู ทุ ธเจาโลกนายก, พระเทวทัตจะไดบวชแลว ในศาสนาของพระพุทธเจา ผเู ปนเทพดาลว งเทพดานน้ั กระทําฤทธใ์ิ หเ กดิ แลว ไดก ระทําแลว ซงึ่ อาลยั ของ พระพทุ ธเจา . พระผเู ปนเจา นาคเสน คาํ ใดท่ขี า พเจา กลา วแลว คาํ นน้ั ท้งั ปวง จะถกู หรอื ๆ จะผิด\" ถ. \"ขอถวายพระพร บรมบพติ รตรัสเหตมุ อี ยางมากใดนัน้ เหตนุ น้ั ทงั้ ปวงถกู ไม ผิด.\" ร. \"พระผเู ปน เจานาคเสน ถา วา กรรมดาํ บา ง กรรมขาวบา ง มคี ตเิ สมอกัน, ถา อยางนน้ั กศุ ลบา ง อกุศลบาง มวี บิ ากเสมอกนั .\" ถ. \"ขอถวายพระพร กศุ ลบา ง อกศุ ลบา ง จะมวี ิบากเสมอกนั หามิได, กศุ ลบา ง อกศุ ลบาง ซ่ึงจะมวี บิ ากเสมอกัน หามไิ ด, พระเทวทัตผดิ แลวกวา ชนทง้ั ปวง, พระ โพธสิ ัตวไ มผ ดิ แลว กวา ชนทั้งปวงทีเดียว, ความผดิ ในพระโพธิสัตวข องพระเทวทตั นนั้ อนั ใด ความผดิ นัน้ ยอ มสุก ยอ มใหผ ลในภพน้ัน ๆ. แมพระเทวทัตนน้ั ต้ังอยูในความ อิสระแลว ใหค วามรักษาทว่ั ในชนบททง้ั หลาย, ใหคนทําสะพานโรงสภาบญุ ศาลา, ให ทานเพอ่ื สมณะและพราหมณท ั้งหลาย เพอ่ื คนกาํ พรา คนเดนิ ทางไกล คนวณพิ ก ทัง้ หลาย และคนนาถะอนาถะ ทัง้ หลายตามความปรารถนา; พระเทวทัตนนั้ ไดสมบัติ ทง้ั หลายในภพดว ยวิบากของกรรมเปน กศุ ล คือ สรางสะพานและโรงสภา และศาลา เปนท่บี าํ เพ็ญบญุ และการบรจิ าคทั้งหลายนนั้ . ใคร ๆ จะอาจเพอ่ื จะกลาวคาํ นี้วา 'บคุ คลเสวยสมบัตนิ อกจากทานและการทรมานอนิ ทรียแ ละความสาํ รวมกายวาจาใจ และอโุ บสถกรรม' กบ็ รมบพติ รตรัสคาํ ใด อยา งนีว้ า 'พระเทวทตั ดวย พระโพธิสตั วดว ย
เวยี นตามกนั ฝา ยเดยี ว,' สมาคมนัน้ ไมไ ดมแี ลว โดยกาลลว งไปรอ ยชาติ สมาคมนัน้ ไมไ ดม ีแลว โดยกาลลว งไปพนั ชาติ สมาคมนน้ั ไมไดม ีแลว โดยกาลลว งไปแสนชาต,ิ ณ กาลบางทีบางคราว สมาคมนน้ั ไดม ีแลวโดยวันคนื ลว งไปมากมาย. อุปมาดว ยเตาตา บอด อันพระผมู พี ระภาคเจา นํามาแสดงแลว เพ่อื ความกลับไดค วามเปน มนษุ ย, บรม บพิตร จงทรงจาํ สมาคมของชนท้ังหลายเหลา น้ี อนั เปรยี บดวยเตา ตาบอด. จะไดม ี สมาคมกบั พระเทวทตั ฝา ยเดยี ว แกพ ระโพธิสัตว หามิได, แมพระเถระชอ่ื สารบี ตุ ร ได เปนบดิ าของพระโพธสิ ัตว ไดเปน มหาบิดา ไดเ ปนจุฬบดิ า ไดเปน พนี่ องชาย ไดเ ปน บตุ ร ไดเปนหลาน ไดเ ปน มิตร ของพระโพธิสตั ว ในแสนแหง ชาติมใิ ชแสนเดยี ว, แมพ ระ โพธสิ ตั ว ไดเ ปน บิดาของพระสารบี ุตร เปนมหาบิดา เปน จฬู บิดา เปน พน่ี อ งชาย เปน บุตร เปน หลาน เปน มติ รของพระสารบี ตุ ร ในแสนแหง ชาตมิ ิใชแสนเดียว. สัตวทง้ั หลาย ทีน่ ับเนื่องแลว ในหมสู ตั วแมท ง้ั ปวง ไปตามกระแสแหงสงสารแลว อนั กระแสแหง สงสาร พัดไปมาอยู ยอ มสมาคมดว ยสตั วและสงั ขารทั้งหลายไมเ ปน ท่รี กั บาง เปนท่ีรกั บา ง. เปรยี บเหมือนนํ้ากระแสพัดไปอยู ยอ มสมาคมดวยสิ่งสะอาดและไมส ะอาด และส่งิ ที่ งามและสงิ่ ทลี่ ามก ฉันใด; สตั วท ัง้ หลายทนี่ ับเน่ืองในหมขู องสตั วแ มทงั้ ปวง ไปตาม กระแสแหงสงสาร กระแสแหงสงสารพัดไปอยู ยอมสมาคมดว ยสตั วและสังขาร ทงั้ หลายเปนทร่ี กั บาง ไมเปน ทร่ี กั บา งฉันนน้ั นนั่ เทยี วแล. ขอถวายพระพร พระเทวทตั เปน ยกั ษ ต้งั อยูในอธรรมดว ยตน ยงั มนษุ ยบ คุ คล ทัง้ หลายอนื่ ใหประกอบแลว ในอธรรม ไหมอ ยูในนรกใหญส ิน้ ปท งั้ หลายหา สิบเจ็ดโกฏิ กบั หกลา นป. แมพ ระโพธิสัตวเ ปน ยกั ษ ตงั้ อยูในธรรมดวยพระองค ชกั นาํ บคุ คล ทงั้ หลายอ่ืนใหประกอบในธรรม เปนผพู รอ มเพรียงดวยกามสมบัตทิ ้ังปวง บนั เทงิ แลว ในสวรรคส้ินปห า สิบเจ็ดโกฏิกับหกลา นป. เออก็ พระเทวทัตมากระทาํ พระพทุ ธเจา ผไู ม ควรบุคคลจะใหซ ูบซีด ใหซูบซดี แลว ทาํ ลายพระสงฆผ ูพรอมเพรยี งกันแลวดว ย ในภพนี้ เขาไปสแู ผน ดินแลว , พระตถาคตตรัสรูสรรพธรรม เปน ทสี่ ้นิ อปุ ธพิ รอมแลว ดับขันธปริ นิพพานแลว .\" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอวสิ ชั นาปญ หาน้ัน สม อยางนน้ั , ขา พเจา ยอมรบั รองอยา งนน้ั .\" ๖. อมราเทวปี ญ หา ๔๕ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระพทุ ธพจนน้ี พระผมู พี ระภาค เจาแมท รงภาสติ แลว วา 'ถา หญงิ พงึ ไดขณะ หรือโอกาสอนั ลบั หรอื พึงไดแมช ายผู
ประโลมเชนนนั้ หญงิ ทั้งหลายแมท ง้ั ปวง อันไดเ หตุสามอยา งแลว ไมไ ดช ายอนื่ แลว พงึ กระทาํ กรรมลามกกับดว ยบรุ ุษเปลีย้ ' ดงั น.ี้ และตรัสอยูอกี วา 'หญิงชอ่ื อมรา เปน ภริยา ของพระมโหสถ อันพระมโหสถฝากไวในบา น อยปู ราศจากสามมี านาน นงั่ ในท่ลี ับสงดั แลว กระทาํ สามใี หเ ปน ผูเ สมอเปรียบดว ยพระราชา อันบรุ ษุ อ่นื ประโลมแลว ดวย กหาปณะพนั หนงึ่ ไมก ระทาํ กรรมลามก' ดงั น.ี้ พระผูเปน เจา นาคเสน ถา วา พระผมู พี ระ ภาคเจาตรัสแลว วา 'ถาหญงิ พงึ ไดขณะ หรอื โอกาสอนั ลบั หรือพงึ ไดแมชายประโลม เชน นนั้ หญงิ ทงั้ หลายแมท ัง้ หวงอนั ไดเหตสุ ามอยา งแลว ไมไดชายอน่ื แลว พงึ กระทาํ กรรมลามกกบั ดวยบรุ ษุ เปลี้ย' ดงั น,้ี ถาอยางนน้ั คาํ ทีว่ า 'หญงิ ชื่ออมรา เปน ภรยิ าของ พระมโหสถ อนั พระมโหสถฝากไวในบาน อยูป ราศจากสามีนาน นงั่ ในที่ลบั สงัดแลว กระทําสามใี หเ ปนผเู สมอเปรียบดวยพระราชา อันบรุ ษุ อน่ื ประโลมแลว ดวยกหาปณะ พันหนงึ่ ไมก ระทํากรรมลามก' ดงั น้ี นนั้ เปน ผิด. ถาหญงิ ชื่ออมรา เปน ภรยิ าของ พระมโหสถ' ดังนี้ นนั้ เปน ผดิ . ถา หญงิ ชือ่ อมรา เปน ภรยิ าของพระมโหสถ อนั พระมโหสถฝากไวใ นบา ง อยปู ราศจากสามนี าน นงั่ ในท่ีลบั สงัดแลว กระทําสามีใหเปน ผเู สมอดวยพระราชา อันบรุ ษุ อ่นื ประโลมแลวดว ยกหปณะพนั หนง่ึ ไมก ระทํากรรม ลามก' ดงั น,ี้ คําที่วา 'ถาหญิงพงึ ไดข ณะ หรือโอกาสอนั ลบั หรือพงึ ไดแมช ายประโลม เชน นนั้ หญงิ ทง้ั หลายแมท ั้งปวง อันไดเหตสุ ามอยา งแลว ไมไดชายอื่นแลว พงึ กระทาํ กรรมลามกกบั บุรุษเปลย้ี ' ดังนี้ แมน น้ั ก็ผดิ . ปญหาแมน ้สี องเงอ่ื น มาถึงพระผูเปน เจา แลว พระผูเปนเจา พงึ ขยายใหแ จงชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระพุทธพจนนี้ พระผมู ีพระภาคเจา แมตรัส แลว วา 'ถาหญิงพงึ ไดข ณะ หรอื พงึ ไดโ อกาสอันลบั หรอื พงึ ไดแมชายประโลมเชน นน้ั หญงิ ท้ังหลายแมท ง้ั ปวง อนั ใดเหตสุ ามอยา งแลว ไมไดชายอน่ื แลว พึงกระทํากรรม ลามกกบั ดว ยบุรุษเปล้ยี ' ดังน.้ี และตรัสอยูอกี วา 'หญงิ ช่ืออมรา เปน ภรยิ าของ พระมโหสถ อนั พระมโหสถฝากไวในบาน อยูปราศจากสามีนาน นง่ั ในทล่ี บั สงดั แลว กระทาํ สามีใหเ ปน ผูเปรียบเสมอดว ยพระราชา อนั บรุ ุษอนื่ ประโลมแลว ดว ยกหาปณะ พันหนง่ึ ไมก ระทาํ กรรมลามก' ดังนี้ จรงิ . นางอมรานน้ั จะไดก หาปณะพนั หน่ึง จะตอ ง กระทาํ กรรมลามกกับบรุ ษุ เชน นน้ั , นางอมรานั้น ไมพงึ กระทํากรรมลามกนนั้ , ถา นางจะ ไมพ ึงไดข ณะหรอื โอกาสอนั ลบั หรือชายผปู ระโลมเชนนนั้ . นางอมรานนั้ จะคิดคน ไม เหน็ ขณะ หรอื โอกาสอนั ลับ หรอื แมชายผปู ระโลมเชนนน้ั . นางอมรานนั้ เพราะกลัวแต ความครหาในโลกน้ี ชอ่ื วา ไมเ หน็ ขณะ, เพราะกลวั แตน รกในโลกหนา ชอ่ื วาไมเ หน็ ขณะ , เพราะคิดวา 'กรรมลามกมวี บิ ากเผด็ รอ น' ชอื่ วาไมเ หน็ ขณะ, นางอมรานนั้ ไมล ะทง้ิ สามเี ปน ทรี่ กั ชื่อวาไมเ หน็ ขณะ, เพราะกระทําสามีใหเ ปน ผหู นักเมอื่ ประพฤติตกตํา่
เคารพธรรม ชอ่ื วา ไมเหน็ ขณะ, เม่อื ตดิ เตยี นบุคคลไมไ ดเ ปน อริยะ ช่ือวา ไมเหน็ ขณะ, นางอมรานัน้ ไมอยากจะละเมิดเสยี กริ ิยา ชื่อวา ไมเ ห็นขณะ. นางอมรานน้ั ไมเหน็ ขณะ ดว ยเหตทุ ัง้ หลายมากเหน็ ปานน,้ี นางอมราน้ัน คดิ คน แลว, ไมเ หน็ แมโอกาสอันลบั ไมไ ดก ระทํากรรมลามกแลว ถาวา นางอมรานั้น พงึ ไดโอกาสลบั แตม นษุ ยท ง้ั หลาย, ไม พึงไดโอกาสลบั แตอ มนษุ ยท ง้ั หลายโดยแท, ถานางอมราน้ัน พงึ ไดโ อกาสลับแต อมนุษยทง้ั หลาย, ไมพงึ ไดโ อกาสลบั แตบ ัณฑิตท้ังหลายผรู จู ติ ของบคุ คลอื่นโดยแท; ถา นางอมราน้ัน พงึ ไดโ อกาสลบั แตบัณฑติ ทงั้ หลายผรู ูจิตของบุคคลอื่น ไมพ ึงไดโ อกาส อนั ลับแตบาปท้ังหลายดว ยตนเองโดยแท; ไมพงึ ไดโอกาสอนั ลบั แตอธรรม. นางอมรา น้ัน ไมไดโอกาสอนั ลบั ดวยเหตทุ ง้ั หลาย มอี ยา งมากเหน็ ปานนีแ้ ลว จงึ ไมไดก ระทํา กรรมลามกแลว . นางอมรานนั้ คดิ คน แลวในโลก เมอ่ื ไมไ ดชายผปู ระโลมเชน นั้น ไมได กระทาํ กรรมลามกแลว . ขอถวายพระพร พระมโหสถเปน บณั ฑิต มาตามพรอมแลวดวยองคท ง้ั หลาย ยี่สิบแปดประการ, มาตามพรอมแลวดว ยองคท ง้ั หลายยีส่ ิบแปดประการเปน ไฉน: มา ตามพรอ มแลว ดว ยองคท งั้ หลายยส่ี บิ แปดประการ คือ พระมโหสถเปนผูก ลา หนง่ึ เปน ผู มีหิรลิ ะอายตอบาปหนึ่ง เปน ผูมโี อตตปั ปะ ความสะดงุ กลวั ตอบาปหนงึ่ เปนผมู ีฝกฝา ย หนง่ึ เปน ผถู งึ พรอ มแลว ดว ยมิตรหนงึ่ เปน ผูทนหนงึ่ เปน ผมู ศี ีลหน่ึง เปน ผกู ลา ววาจา จรงิ หนง่ึ เปน ผถู งึ พรอ มแลว ดว ยความเปน ผสู ะอาดหนึ่ง เปน ผไู มม ีความโกรธหนงึ่ เปน ผูไมม มี านะลว งเกนิ หนงึ่ เปน ผไู มม ีความรษิ ยาหนง่ึ เปน ผูมคี วามเพยี รหนง่ึ เปน ผู กอสรางบารมหี นงึ่ เปน ผูสงเคราะหห นงึ่ เปน ผจู าํ แนกทานหนง่ึ เปนผมู ถี อ ยคําละเอยี ด หนง่ึ เปน ผมู คี วามประพฤตติ กต่ําหน่งึ เปน ผูออนโยนหน่งึ เปน ผไู มโ ออ วดหนงึ่ เปน ผไู ม มมี ายาหนง่ึ เปน ผูถ งึ พรอมแลว ดวยความรเู กินหนง่ึ เปน ผูมีเกยี รติหนงึ่ เปนผถู ึงพรอม แลวดว ยวทิ ยาหนง่ึ เปน ผูแสวงหาประโยชนเ กื้อกูลแกบ คุ คลผเู ขา ไปอาศัยทงั้ หลายหนงึ่ เปนผอู ันชนทง้ั ปวงปรารถนาแลว หนึง่ เปน ผูม ที รพั ยห นงึ่ เปน ผูมยี ศหน่ึง. พระมโหสถ เปน บณั ฑิตมาตามพรอมแลว ดวยองคทง้ั หลายยส่ี บิ แปดประการเหลา น.้ี นางอมรานนั้ ไมไ ดบุรษุ อนื่ เปนผปู ระโลมเชนนน้ั แลว จงึ มิไดกระทาํ กรรมลามกแลว .\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอ วสิ ชั นาปญ หานน้ั สม อยา งนนั้ , ขาพเจายอมรับรองอยา งนนั้ .\" ๗. ขีณาสวอภายนปญ หา ๔๖
พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน พระผูม ีพระภาคเจาไดท รงภาสิต แมพ ระพทุ ธพจนน ว้ี า 'พระอรหันตท งั้ หลาย ปราศจากความกลัวและความสะดงุ หวาดหวน่ั แลว , ภายหลงั มา พระขณี าสพหา รอ ยเหน็ ชางชอื่ ธนปาลกะ ในเมอื งราชคฤห มาใกลพ ระผมู พี ระภาคเจาแลว ละท้งิ พระชนิ ะผปู ระเสรฐิ เสีย หลกี ไปแลว ยังทศิ ใหญ ทิศนอย เวน ไวแ ตพ ระอานนทเ ถระองคเดยี ว. พระผูเ ปน เจานาคเสน พระอรหันต ทั้งหลายเหลา นนั้ หลกี ไปแลว เพราะความกลวั หรือใครจ ะยังพระทศพลใหล ม ดวยคดิ วา 'พระทศพลจะปรากฏดว ยกรรมของตน' ดังนแ้ี ลว จงึ หลกี ไปแลว หรือวาเปน ผูใ คร เพื่อจะเห็นปาฏิหาริย ไมม ีอะไรจะเปรียบ และไพบลู ย ไมมอี ะไรจะเสมอ ของพระ ตถาคต จึงหลกี ไปแลว? พระผูเปนเจา นาคเสน ถา วา พระผูมีพระภาคเจา ตรสั แลววา 'พระอรหนั ตท งั้ หลาย ปราศจากความกลวั และความสะดุง หวาดหว่นั แลว ' ดงั น,้ี ถา อยางนน้ั คําทว่ี า 'พระขีณาสพหา รอ ยเหน็ ชางชอื่ ธนปาลกะ ในเมอื งราชคฤห มาใกล พระผมู ีพระภาคเจา แลว ละทงิ้ พระชินะผปู ระเสริฐแลว หลกี ไปยงั ทิศใหญท ิศนอย เวน ไวแตพระอานนทอ งคเ ดยี ว' ดงั นี้ นน้ั เปน ผดิ . ถา วา พระขณี าสพหา รอ ยเห็นชา งช่อื ธน ปาลกะ ในเมอื งราชคฤหมา ใกลพระผมู ีพระภาคเจาแลว ละทง้ิ พระชนิ ะประเสรฐิ แลว หลีกไปยงั ทิศใหญทิศนอย เวน ไวแ ตพระอานนทอ งคเดียว, ถา อยา งน้ัน คาํ ทว่ี า 'พระ อรหนั ตท ง้ั หลายปราศจากความกลัวและความสะดงุ หวาดหว่ันแลว ' ดังน้ี แมน ั้นก็ผิด. ปญ หาแมน ้สี องเงอื่ นมาถึงพระผเู ปน เจา แลว พระผูเปน เจาจงขยายใหแ จง ชดั เถิด\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระผมู พี ระภาคเจาไดท รงภาสติ พระพทุ ธ พจนน แี้ ลว วา 'พระอรหนั ตทงั้ หลาย ปราศจากความกลวั และความสะดงุ หวาดหวน่ั แลว' ดังน.ี้ พระขณี าสพทัง้ หลายหา รอ ยเหน็ ชา งชือ่ ธนปาลกะ ในเมอื งราชคฤห มาใกล พระผมู ีพระภาคเจา แลว ละทง้ิ พระชนิ ะผปู ระเสริฐแลว หลกี ไปยงั ทิศใหญทิศนอ ย เวน ไว แตพระอานนทองคเดยี ว. ก็และความหลกี ไปน้นั จะไดห ลกี ไปเพราะความกลวั กห็ าไม จะไดห ลีกไปแมเ พราะความเปนผูใครเพ่อื จะยังพระผูม พี ระภาคเจา ใหล มลงก็หาไม. ก็ พระอรหนั ตท ัง้ หลายพงึ กลัว หรือพึงสะดุงดว ยเหตุใด เหตนุ ้ัน อันพระอรหันตท ้ังหลาย เลิกถอนเสียแลว , เพราะเหตนุ ั้น พระอรหันตทงั้ หลายจึงชอ่ื วา เปนผปู ราศจากความ กลัวและความสะดงุ หวาดหวนั่ แลว. ขอถวายพระพร แผน ดนิ ใหญ เมือ่ สมทุ รและยอด แหง ภูเขา เม่อื ชนแมขดุ อยู แมท าํ ลายอยู แมทรงอยู ยอ มกลัวหรือ? ร. \"หาไม พระผูเปนเจา ?\" ถ. \"เพราะเหตไุ ร ขอถวายพระ?\" ร. \"มหาปฐวแี ผน ดนิ ใหญ พงึ กลวั หรือพงึ สะดุง ดว ยเหตุใด เหตุนน้ั ไมมแี ก แผน ดนิ ใหญ พระผเู ปน เจา.\"
ถ. \"ขอถวายพระพร แผนดนิ ใหญ พึงกลวั หรอื สะดงุ ดวยเหตุใด เหตนุ ้นั ไมมีแก แผน ดินใหญ ฉันใด, พระอรหันตท ง้ั หลาย พงึ กลวั หรอื พึงสะดุงดว ยเหตใุ ด เหตุนน้ั ไมม ี แกพระอรหนั ตท งั้ หลาย ฉนั นั้นนนั่ เทยี ว. ขอถวายพระพร ยอดแหงภูเขา เม่อื ชนตดั อยกู ็ ดี เมื่อทาํ ลายอยกู ด็ ี เมือ่ ยอดเขานัน้ ตกลงเองก็ดี เม่อื ชนเอาไฟเผากด็ ี ยอ มกลัวหรือ?\" ร. \"ไมก ลัวเลย พระผูเ ปน เจา .\" ถ. \"เพราะเหตไุ ร ขอถวายพระพร?\" ร. \"ยอดแหง ภูเขา พงึ กลวั หรอื พึงสะดงุ ดว ยเหตใุ ด เหตนุ นั้ ยอมไมมีแกยอดแหง ภูเขา พระผเู ปน เจา .\" ถ. \"ขอถวายพระพร ยอดแหง ภูเขา พงึ กลวั หรอื พึงสะดุง ดว ยเหตุใด เหตนุ ้นั ยอมไมมีแกย อดแหง ภูเขา ฉนั ใด, พระอรหนั ตท ง้ั หลายพึงกลวั หรือพงึ สะดงุ เพราะเหตุ ใด เหตนุ น้ั ไมม ีแกพ ระอรหนั ตทง้ั หลายฉนั นนั้ นน่ั เทยี ว; แมถาวา ชนท้ังหลายทนี่ บั เนอื่ ง แลว ในหมูส ัตวเหลา ใดเหลา หนง่ึ ในแสนโลกธาตทุ ง้ั หลาย ชนท้งั หลายเหลา นนั้ แมท ้ัง ปวง พงึ เปนผมู ีหอกในมือ ลอ มพระอรหนั ตองคหนง่ึ จะกระทาํ พระอรหันตน นั้ ใหส ะดงุ กไ็ มสามารถจะกระทาํ ได, ความแปรปรวนเปน อยา งอน่ื แมน อ ยหนง่ึ ของจิต ของพระ อรหันตท ง้ั หลาย ไมพ ึงมี มอี ะไรเปน เหต?ุ ความแปรปรวนเปน อยา งอน่ื แมน อยหนึ่งของ จติ ของพระอรหนั ตทง้ั หลาย ไมพ งึ มี เพราะพระอรหนั ตท ั้งหลาย เปน ผปู ราศจากเหตุ แหงความกลวั และความสะดงุ แลว. เออก็ ความปริวิตกแหงจิตไดมีแลว แกพ ระขณี าสพ ท้งั ปวงเหลานน้ั อยา งนวี้ า 'วนั น้ี เมอื่ พระพทุ ธเจา ผบู วรประเสรฐิ ผูเ ปนพฤษภ คือพระชิ นะอันประเสริฐ ไดเขา ไปสเู มอื งอนั ประเสริฐ ชางชอ่ื ธนปาลกะจกั แทงทถ่ี นน ภกิ ษผุ ู อุปฏฐากจกั ไมล ะทงิ้ พระพทุ ธเจา ผูเปน เทพดาลว งเสยี ซึง่ เทพดา โดยไมส งสยั ถา วา เราทงั้ หลายแมทัง้ ปวง จักไมละทง้ิ พระผมู ีพระภาคเจา คุณของพระอานนทจกั ไม ปรากฏ, ความเกดิ ขน้ึ พรอมแหงกถาในเพราะเหตนุ น้ั จกั ไมม,ี อนง่ึ คชสารจักไมเขาไป ใกลพ ระตถาคตน่นั เทียว, เอาเถดิ เราทง้ั หลายจักหลีกไปเสยี ความหลีกไปอยา งนน้ี ี่ จะ เปน อบุ ายเครอ่ื งพน จากเคร่ืองผกู คือ กเิ ลสของหมชู นอนั ใหญ, อนึ่ง คุณของพระ อานนทจกั เปน คุณปรากฏแลว;' พระอรหนั ตท งั้ หลายเหลานน้ั เหน็ อานสิ งสอยา งน้แี ลว จึงหลกี ไปยงั ทศิ ใหญทิศนอย.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน ปญ หาพระผเู ปน เจา จาํ แนกดแี ลว ขอจาํ แนกปญหา นน้ั สมอยา งนน้ั , ความกลัวหรือความสะดงุ ยอมไมม ีแกพ ระอรหนั ตท งั้ หลาย พระ อรหนั ตท ง้ั หลายเหลาน้นั เหน็ อานสิ งสแ ลว จงึ หลกี ไปยงั ทิศใหญแ ละทิศนอยแล.\" ๘. สันถวปญหา ๔๗
พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู ีพระ ภาคเจา ทรงภาสิตแลว วา 'ภัยเกิดแลว แตส ันถวะละอองธลุ ี คอื ราคะ โทสะ โมหะ เกดิ แตอารมณเ ปน ทกี่ ําหนด, ธรรมชาติไมม ีอารมณเปน ทีก่ าํ หนด ธรรมชาติไมมีสนั ถวะ ทง้ั สองอยางนนั้ เปน ธรรมชาตอิ นั มุนี คอื พระพทุ ธเจาเหน็ แลวแท' ดงั น.้ี และตรัสอกี วา 'ชายผบู ณั ฑติ เมอ่ื พจิ ารณาเหน็ ประโยชนของตน พงึ สรา งวหิ ารทงั้ หลายใหเปน ที่ รนื่ รมยแ หง ใจ ยงั ภิกษพุ หสุ ตุ ทัง้ หลาย ใหอ ยใู นวหิ ารนน้ั ' ดังน.้ี พระผเู ปนเจา นาคเสน ถา พระตถาคตตรสั แลววา 'ภยั เกดิ แลว แตสนั ถวะ ละอองธลุ ี คอื ราคะ โทสะ โมหะ เกิดแตอารมณเปนทกี่ าํ หนด, ธรรมชาตไิ มมีอารมณ เปน ทก่ี าํ หนด ธรรมชาตไิ มมสี ันถวะ ท้ังสองอยางนน้ั เปน ธรรมชาตอิ นั มุนี คือ พระพทุ ธเจา เหน็ แลว แท' ดงั น,ี้ ถาอยา งนน้ั คําที่วา 'ชายผูบณั ฑติ เมอ่ื พิจารณาเหน็ ประโยชนของตน พงึ สรา งวหิ ารทงั้ หลายใหเปนท่รี ืน่ รมยแ หง ใจ ยงั ภกิ ษุพหุสตุ ท้งั หลาย ใหอ ยใู นวหิ ารน้ัน' ดังนี้ คาํ นนั้ ผดิ . ถาพระตถาคตตรสั แลว วา 'ชายผบู ณั ฑิต เมอ่ื พิจารณาเหน็ ประโยชนของตน พงึ สรา งวหิ ารทงั้ หลายใหเปนที่รืน่ รมยแ หงใจ ยังภิกษุ พหุสทุ ง้ั หลายใหอยใู นวิหารน้ัน' ดังน,้ี ถา อยางนน้ั คําทว่ี า 'ภยั เกดิ แลว แตสนั ถวะ ละอองธุลี คอื ราคะ โทสะ โมหะ เกดิ แตอารมณเปนทีก่ าํ หนด, ธรรมชาติไมมีอารมณ เปนทก่ี าํ หนด ธรรมชาติไมม สี นั ถวะ ทั้งสองอยางนน้ั เปน ธรรมชาตอิ นั มุนี คอื พระพทุ ธเจา เห็นแลว แท' ดังน้ี แมน นั้ กผ็ ิด. ปญ หาแมน ้สี องเงอ่ื น มาถงึ พระผเู ปน เจา แลว พระผูเปน เจาพึงขยายแกไขใหแ จงชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร พระพระผูมีภาคเจา ทรงภาสิตแลว แมพระ พุทธพจนน วี้ า 'ภัยเกดิ แตส นั ถวะ ละอองธลุ ี คือ ราคะ โทสะ โมหะ เกดิ แตอารมณเ ปน ท่ี กาํ หนด, ธรรมชาตไิ มม อี ารมณเปน ทกี่ าํ หนด ธรรมชาติไมม สี นั ถวะ ทง้ั สองอยางนน้ั เปนธรรมชาตอิ นั มุนี คอื พระพุทธเจา เหน็ แลวแท' ดังน.ี้ และตรัสแลว วา 'ชายผบู ณั ฑติ เม่อื พิจารณาเห็นประโยชนของตน พงึ สรา งวหิ ารทง้ั หลายใหเปน ทร่ี นื่ รมยแ หง ใจ ยงั ภกิ ษุพหสุ ุตทง้ั หลายใหอ ยูในวหิ ารนน้ั ' ดังน.้ี ขอถวายพระพร พระพุทธพจนใด ที่พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสแลว วา 'ภยั เกดิ แต สันถวะ ละอองธุลี คอื ราคะ โทสะ โมหะ เกดิ แตอารมณเปนทก่ี าํ หนด, ธรรมชาตไิ มม ี อารมณเปนทก่ี าํ หนด ธรรมชาตไิ มมีสันถวะ ทั้งสองอยา งนน้ั เปน ธรรมชาติอันมุนี คอื พระพทุ ธเจา เห็นแลวแท' ดังน,้ี พระพทุ ธพจนน น้ั เปน เครอื่ งแสดงโดยสภาวะ เปน เครือ่ ง กลาวเหตุไมเ หลอื เปน เครื่องกลาวเหตไุ มมสี ว นเหลอื เปนเคร่อื งกลา วโดยนปิ รยิ าย
โดยตรง เปน คาํ สมควรแกส มณะ เปน คําสมรูปแกสมณะ เปน คาํ เหมาะแกสมณะ ควร แกส มณะ เปน โคจรของสมณะ เปนปฏิปทาของสมณะ เปนปฏบิ ัติของสมณะ. ขอถวายพระพร เปรยี บเหมอื นมฤคพญาสีหราชอยูในปา เมอ่ื เท่ียวในไพรในปา ไมมอี าลยั ในทอี่ ยู มที ี่เปนทอ่ี ยูอ นั บุคคลสังเกตไมไ ด ยอ มนอนตามความปรารถนา ฉนั ใด, อันภิกษพุ งึ คดิ วา 'ภยั เกดิ แตส นั ถวะ ละอองธุลี คือ ราคะ โทสะ โมหะ เกิดแต อารมณเ ปนทก่ี ําหนด, ธรรมชาตไิ มม อี ารมณเ ปนทก่ี าํ หนด ธรรมชาติไมม ีสันถวะทั้งสอง อยา งนน้ั เปน ธรรมชาติอนั มนุ ี คือ พระพทุ ธเจา เหน็ แลว แท' ดังน.ี้ สวนพระพทุ ธพจนใ ด ท่ีพระผมู พี ระภาคเจาตรสั แลว วา 'ชายผบู ณั ฑิต เมอ่ื พิจารณาเหน็ ประโยชนของตน พึง สรา งวหิ ารใหเปนทร่ี นื่ รมยแ หงใจ ยงั ภิกษพุ หสุ ุตทัง้ หลายใหอยูในวหิ ารน้ัน' ดังน,ี้ พระ พุทธพจนน น้ั อันพระผูม พี ระภาคเจาทรงพิจารณาเหน็ อํานาจประโยชนส องประการ จึง ตรสั แลว, อาํ นาจประโยชนสองประการ เปน ไฉน? ธรรมดาวา วหิ ารทานอนั พระพทุ ธเจา ทง้ั หลายทงั้ ปวง พรรณนาแลว อนุมัติแลว ชมแลว สรรเสรญิ แลว, ทายก ท้ังหลายใหว หิ ารทานนัน้ แลว จักพน จากความเกิด ความแก ความตาย นเ้ี ปน อานสิ งส ในวหิ ารทานทแี่ รกกอ น. คาํ ท่ีจะพึงกลา วยงั มีอกี : คร้ันเมอ่ื วหิ ารมีอยู นางภกิ ษุมณีทั้งหลาย จกั เปนผอู นั บคุ คลสงั เกตไดง าย จกั เปน ผูอ นั บคุ คลท้งั หลายผูใครจะพบเหน็ จะเหน็ พบเหน็ ได โดยงา ย, นางภกิ ษณุ ที ้ังหลาย จกั เปน ผูม กี ารพบเหน็ ไดโดยยาก ในทอ่ี ยูไ มเปนท่กี าํ หนด นเ้ี ปน อานสิ งสใ นวหิ ารทานทส่ี อง. พระผมู พี ระภาคเจาทรงพิจารณาเหน็ อํานาจ ประโยชนสองประการเหลา นี้ จงึ ตรสั แลว วา 'ชายผบู ณั ฑติ เม่ือพิจารณาเหน็ ประโยชน ของตน พงึ สรา งวหิ ารท้งั หลายใหเ ปน ทร่ี ืน่ รมยแหง ใจ ยงั ภิกษพุ หสุ ตุ ท้งั หลายใหอยใู น วิหารนนั้ ' ดังน,ี้ แตพ ระพทุ ธโอรสไมทาํ ความอาลยั ในท่อี ยนู น้ั .\" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอวิสัชนาปญ หานน้ั สม อยา งนน้ั , ขา พเจายอมรับรองอยางนน้ั .\" ๙. ภควโต อัปปาพาธปญ หา ๔๘ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ี้ พระผมู ีพระ ภาคเจาทรงภาสิตแลววา 'ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เราผูตถาคตเปนพราหมณผ ูค วรอนั ยาจกพงึ ขอ เปนผูม มี ืออนั ชาํ ระแลว ในกาลทัง้ ปวง เปน ผูท รงสรีระกายมใี นที่สุดไว เปน ผู ไมมีใครยิง่ กวา เปน หมอรักษา เปน แพทยผ เู ชอื ดลกู ศร' ดงั น.ี้ และตรัสอกี วา ขันธ บัญจกนใี้ ด คอื พักกุลภกิ ษุ ขนั ธบัญจกนน้ั เลิศกวา ภกิ ษุทงั้ หลายท่เี ปน สาวกของเรา
บรรดาที่มอี าพาธนอย' ดงั น.ี้ ก็อาพาธเกดิ ข้นึ แลวปรากฏอยูใ นพระสรรี กาย ของพระผูมี พระภาคเจามากครง้ั . ถาวา พระผูมพี ระภาคเจาไมมีใครจะยิง่ กวา , ถาอยา งนนั้ คาํ ทว่ี า 'ขันธบัญจกนใี้ ด คือ พักกลุ ภกิ ษุ ขันธบญั จกนน้ั เลศิ กวา ภิกษทุ งั้ หลายทเี่ ปน สาวกของ เรา บรรดาทมี่ อี าพาธนอ ย' ดงั นี้ นนั้ ผดิ . ถา วา พระพักกุลเถระเปน ผูเลศิ กวาภกิ ษุ ทงั้ หลายบรรดาท่มี ีอาพาธนอ ย, ถาอยา งนนั้ คาํ ท่วี า 'ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย เราผตู ถาคต เปน พราหมณ เปน ผคู วรเพ่ืออนั ยาจกจะพงึ ขอ มีมืออนั ชาํ ระแลวในกาลทัง้ ปวง เปน ผู ทรงสรรี กายมใี นทสี่ ดุ ไมม ใี ครยิง่ กวา เปน หมอรกั ษา เปน แพทยเชอื ดลูกศร'ดังน้ี แมน ั้น กผ็ ดิ . ปญหาแมน้ีสองเงื่อน มาถงึ พระผเู ปน เจา แลว พระผเู ปน เจา พงึ แกไ ขขยายใหแจง ชดั เถดิ .\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระพุทธพจนน ี้ พระผมู พี ระภาคเจา ไดท รง ภาสติ แลววา 'ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราผตู ถาคต เปน ผพู ราหมณค วรที่ยาจกจะพึงขอ มี มอื อันชําระแลว ในกาลทง้ั ปวง เปน ผทู รงสรีระกายอนั มใี นท่ีสุด ไมม ใี ครย่งิ กวา เปน หมอรกั ษา เปน แพทยผ เู ชือดลูกศร' ดงั น.้ี และตรสั แลววา 'ขนั ธบัญจกนใี้ ด คอื พกั กลุ ภิกษุ ขนั ธบญั จกนนั้ เลิศกวา ภกิ ษุทงั้ หลายทเี่ ปน สาวกของเราบรรดาทมี่ ีอาพาธนอ ย' ดังน.ี้ ก็แหละ คาํ นั้น พระผมู พี ระภาคเจาทรงหมายเอาขอ ทน่ี กิ ายเปนทมี่ า และคุณ พเิ ศษทบ่ี คุ คลเรียนแลว มใี นภายนอก มีอยใู นพระองค ตรสั แลว . ขอถวายพระพร พระสาวกทงั้ หลายของพระผมู ีพระภาคเจา เปน ผถู อื การยืน และจงกรมเปน วตั รก็มอี ยู พระสาวกท้ังหลายเหลานั้นทําวันและคนื ใหน อ มลว งไป ดว ย อันยนื และจงกรม, สว นพระผมู พี ระภาคเจา ทาํ วันและคนื ใหน อ มลวงไป ดว ยอนั ยนื และจงกรมและน่งั และนอน; ภกิ ษุทง้ั หลายเหลา ใดน้นั เปน ผถู อื การยนื และจงกรมเปน วัตรภิกษุทง้ั หลายเหลา นั้น เปน ผเู อกยง่ิ ดว ยองคนนั้ . พระสาวกทง้ั หลายของพระผูม ี พระภาคเจา เปนเอกาสนกิ ะ คอื ฉนั หนเดียวกม็ ีอยู พระสาวกทงั้ หลายเหลา น้นั ไม บรโิ ภคโภชนะคร้งั ท่ีสอง แมเ พราะเหตชุ วี ติ , สว นพระผูมพี ระภาคเจา เสวยพระกระยา หารครง้ั ที่สองบา งท่สี ามบา ง เพยี งไร; ภกิ ษทุ ้งั หลายเหลา ใดนนั้ ที่เปน เอกาสนกิ ะ ภิกษุ ทั้งหลายเหลา น้ัน เปน ผเู อกยิ่งดวยองคนนั้ . เหตุทั้งหลายเหลา นน้ั มิใชอ ยางเดยี ว เหตุ ทั้งหลายเหลา นน้ั ๆ พระองคห มายเอาองคน น้ั ๆ ตรัสแลว . ฝายพระผมู พี ระภาคเจา ไม มใี ครยิ่งกวา โดยศีล โดยสมาธิ โดยปญญา โดยวมิ ตุ ติ โดยวิมุตติญาณทสั สนะญาณ เคร่อื งรูเครอื่ งเห็นในวิมตุ ติ โดยญาณเปนกาํ ลังทง้ั หลายสิบ โดยเวสารชั ขะส่ีดวยโดย พทุ ธธรรมสบิ แปด โดยอาสารณญาณทั้งหลายหกประการดว ยก็พระองคอ าศยั ญาณ นน้ั ในพทุ ธวสิ ยั สิ้นเชงิ ตรัสแลว วา 'ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย เราเปน พราหมณค วรเพื่ออนั ยาจกจะพงึ ขอ มมี ืออนั ชําระแลว ในกาลทง้ั ปวง เปนผทู รงสรีระกายมใี นท่สี ดุ ไมมใี คร
จะยงิ่ กวา เปน หมอรกั ษา เปน แพทยผ เู ชอื ดลกู ศร' ดังน.้ี บรรดามนุษยท ้งั หลายในโลกน้ี มนุษยพวกหนง่ึ เปนผมู ีชาติ มนุษยพวกหนง่ึ เปน ผมู ที รพั ย มนษุ ยพ วกหน่ึงเปน ผมู วี ทิ ยา มนษุ ยพวกหนงึ่ เปนผมู ีศลิ ป มนุษยพวกหนง่ึ เปน ผกู ลา มนษุ ยพ วกหนงึ่ เปนผเู ฉลียว ฉลาด พระมหากษัตรยิ อ งคเดยี วนนั่ เทยี ว ขม มนษุ ยท ง้ั ปวงเหลา นน้ั เปน ผูสงู สุดแหง มนุษยท งั้ หลายเหลา นน้ั ฉนั ใด; พระผูม ีพระภาคเจา เปน ผเู ลศิ เปนผเู จริญทสี่ ุด เปนผู ประเสรฐิ สดุ แหงสตั วท งั้ หลายทง้ั ปวง ฉนั นนั้ นน่ั เทียวแล. กท็ านผูมีอายพุ กั กุละ ไดเ ปน ผู มอี าพาธนอยใด ความเปน ผมู อี าพาธนอยนนั้ ดวยอาํ นาจแหง อภนิ ิหาร. แทจรงิ เมอื่ อาพาธเพราะอุทรวาตเกดิ ขน้ึ แลว แดพระผมู พี ระภาคเจา ทรงพระนามวา อโนมทัสสี และโรคชอ่ื ตณิ บุปผกะ เกดิ ขึ้นแลวแดพระผูมพี ระภาคเจา ทรงพระนามวา วิปส สดี วย แกภ ิกษทุ งั้ หลายหกลานแปดแสนดวย สว นพระพักกุละเปน ดาบส บาํ บดั พยาธินนั้ เสียใหห ายดวยเภสัชท้ังหลายตาง ๆ แลว จงึ ถงึ ความเปน ผมู อี าพาธนอ ย พระ ผมู ีพระภาคเจา ตรสั แลววา 'ขนั ธบญั จกน้ีใด คือ พกั กุลภิกษุ ขนั ธบัญจกนนั้ เลิศกวา ภิกษุทง้ั หลายทเ่ี ปนสาวกของเราบรรดาทม่ี อี าพาธนอย' ดังน.้ี ครัน้ เมอ่ื พยาธเิ กดิ ข้ึนแด พระผมู พี ระภาคเจา บา ง ยังไมบ งั เกิดขน้ึ แลวบาง เมื่อพระผมู ีพระภาคเจาทรงถอื ธดุ งค บา ง ไมทรงถือบา งกด็ ี สตั วไร ๆ เปนผเู ชน ดว ยพระผมู พี ระภาคเจา ไมม .ี แมพ ระพทุ ธ พจนน ี้ พระผมู พี ระภาคเจา ผเู ปนเทพดาลวงเสยี ซง่ึ เทพดา ไดท รงภาสติ ไวแ ลว ใน คมั ภีรสังยุตติกาย อันประเสรฐิ ดังพระราชลญั จกรอนั ประเสริฐวา \"ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย สตั วทัง้ หลายทหี่ าเทา มไิ ดก ด็ ี สัตวส องเทา กด็ ี และสเี่ ทา กด็ ี มเี ทา มากกด็ ี ท่ีมีรูปหรอื ไม มรี ปู กด็ ี ทม่ี สี ญั ญาหรือไมม สี ัญญากด็ ี ทจี่ ะวามีสญั ญาก็ไมใ ช จะวาไมม สี ญั ญาก็ไมใ ช ก็ดี ประมาณเทา ใด พระตถาคตอรหันต สมั มาสมั พทุ ธเจา อนั บัณฑติ ยอ มกลาววา เปน ยอดของสัตวท ั้งหลายเหลา น้ัน ดงั น.้ี \" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วิสัชนาปญ หานนั้ สมอยา งนน้ั , ขาพเจา ยอม รบั รองอยางนนั้ .\" ๑๐. อนุปปนนมัคคอปุ ปาทปญหา ๔๙ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู ีพระ ภาคเจาตรัสวา 'ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย พระตถาคตอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา เปน ผยู งั มรรคท่ยี งั ไมเกิดขึน้ แลวใหเ กดิ ข้ึน' ดังน.ี้ และตรัสอกี วา 'ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย พระ ตถาคตไดเหน็ มรรคของเกา ทางของเกา อนั พระสัมมาสมั พทุ ธเจาทง้ั หลาย มแี ลว ใน ปางกอ นเสด็จดาํ เนนิ แลวเนอื ง ๆ.' พระผเู ปน เจา นาคเสน ถา วา พระตถาคตเปน ผยู งั
มรรคท่ยี ังไมไดเกิดขนึ้ ใหเกดิ ขน้ึ , ถา อยา งนั้น พระพุทธพจนท ่วี า 'ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย เราไดเหน็ มรรคของเกา ทางของเกา ทพ่ี ระสมั มาสมั พทุ ธเจา ทง้ั หลาย มแี ลว ในกาลกอ น เสดจ็ ดาํ เนนิ แลวเนือง ๆ' ดงั น้ี นน้ั ผิด. ถาวา พระตถาคตตรัสแลว วา 'พระตถาคตไดเหน็ มรรคของเกา ทางของเกา ทพี่ ระสัมมาสมั พทุ ธเจา ท้ังหลาย มีแลวในกอ นเสด็จดาํ เนนิ แลวเนอื ง ๆ,' ถาอยา งน้นั พระพทุ ธพจนว า 'ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย พระตถาคตอรหนั ต สัมมาสมั พุทธเจา เปน ผูกระทํามรรคทยี่ ังไมเ กดิ ใหเกดิ ขึ้น' ดงั นี้ แมนนั้ ก็ผิด. ปญ หาแม นสี้ องเงื่อน มาถึงพระผเู ปน เจา แลว , พระผเู ปน เจา พงึ แกไ ขขยายใหแจงชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร แมพระพุทธพจนน้ี พระผูมีพระภาคเจาตรสั แลววา 'ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย พระตถาคตอรหนั ตสัมมาสมั พุทธเจา เปน ผยู ังมรรคทยี่ งั ไมเกดิ ขึ้นแลว ใหเกิดข้นึ ' ดงั น.้ี และตรัสอีกวา 'ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราไดเหน็ มรรคของ เกา ทางของเกา อนั พระสมั มา สมั พทุ ธเจาทงั้ หลาย มแี ลวในปางกอ น เสดจ็ ดําเนนิ แลว เนอื ง ๆ' ดังน.้ี แมค าํ ท้งั สองนน้ั กลา วโดยสภาวะทเี ดยี ว. พระตถาคตทง้ั หลายแตปางกอ น อนั ตรธาน ไมม ใี ครจะส่งั สอน มรรคชอื่ วาอนั ตรธานแลว, พระตถาคตนั้น เม่อื พจิ ารณาดว ยพระจกั ษุ คือ ปญหา ไดทรงเหน็ มรรคนน้ั ซงึ่ ชาํ รดุ แลว ทรุดโทรมแลว รกแลว อันมอื ปดแลว กาํ บงั แลว ไม เปน ที่สญั จร อนั พระสัมมาสมั พทุ ธเจา ทง้ั หลาย แตปางกอ นไดเสดจ็ ดาํ เนินเนือง ๆ แลว, เพราะเหตุนน้ั พระองคจ งึ ตรัสแลววา 'ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย เราไดเหน็ มรรคของเกา ทาง ของเกา อนั พระสัมมาสมั พทุ ธเจาท้งั หลายมแี ลว ในปางกอ น เสด็จดาํ เนนิ เนือง ๆ แลว ' ดงั น.้ี พระตถาคตทั้งหลายแตปางกอน อนั ตรธาน ไมม ีใครจะส่ังสอน พระตถาคตได ทรงกระทําแลว ซ่งึ ทางอนั ชาํ รุดทรุดโทรมแลว อันมือปด แลว กาํ บงั แลว ใหเ ปน ท่ีสัญจร ในกาลน้ี เพราะเหตุใด, เพราะเหตุนน้ั พระองคจ งึ ตรัสแลววา 'ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลายพระ ตถาคตอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจา เปนผยู ังมรรคทีย่ งั ไมเกดิ แลว ใหเ กิดขึน้ ' ดังน.ี้ ขอถวายพระพร ในโลกน้ี แกว มณี ซอนอยใู นระวางยอดภเู ขาเพราะพระเจา จักรพรรดิอันตรธานเสยี , มณรี ัตนะนน้ั ยอ มเขา ถงึ ดว ยความปฏบิ ัติชอบ ของพระเจา จกั รพรรดิองคอ นื่ อีก; มณีรตั นะนน้ั จะวา พระเจาจกั รพรรดนิ ้นั สรางขึ้นแลว คอื ให เกดิ ขน้ึ แลวบางหรือเปน ไฉน?\" ร. \"หามไิ ด พระผูเ ปน เจา มณีรตั นะนนั้ ตง้ั อยโู ดยปกต,ิ ก็แตว ามณีรตั นะนนั้ เกิดข้นึ แลว เพราะพระเจา จกั รพรรดนิ ัน้ .\" ถ. \"ขอถวายพระพร มณีรตั นะน้นั เกดิ ขน้ึ แลว เพราะพระเจาจกั รพรรดิน้นั ฉัน ใด, พระผมู ีพระภาคเจา เม่อื พจิ ารณาดว ยจกั ษุ คือ ปญ ญา ยงั มรรคเปน ที่ไปยงั พระ นิพพานมอี งคแปด ตง้ั อยโู ดยปกติอนั พระตถาคตทง้ั หลาย มีแลว แตปางกอ น ทรง
ประพฤตสิ บื มาแลวเม่ือไมม ใี ครจะส่ังสอน ชํารดุ แลว ทรดุ โทรมแลว รกแลว อนั มืดปด แลว กาํ บงั แลว ไมเ ปน ท่สี ญั จร ใหเกดิ ขึน้ แลว ไดก ระทาํ มรรคน้นั ใหเ ปน ท่ีสัญจร ฉนั นนั้ นนั่ แล; เพราะเหตนุ น้ั พระองคจึงตรัสแลว วา 'ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย พระตถาคตอรหนั ต สัมมาสัมพทุ ธเจา เปน ผยู งั มรรคที่ยงั ไมเ กดิ ขึน้ แลวใหเ กดิ ขึน้ ' ดังน.้ี อกี นยั หนงึ่ มารดายงั บุตรมอี ยนู น่ั เทยี ว ใหเกิดแตกําเนดิ แลว อันโลกยอมกลา ว วา ชนกิ า ฉนั ใด, พระตถาคต ทรงพจิ ารณาดว ยจกั ษคุ ือปญญา ยงั มรรคมีอยนู ั่นเทียว ชํารดุ แลว ทรดุ โทรมแลว รกแลว อันมดื ปด แลว กาํ บงั แลว ไมเ ปน ทส่ี ญั จร ใหเ กิดขนึ้ แลว ไดกระทาํ มรรคน้ันใหเ ปน ท่สี ัญจรแลว ฉันนน้ั นนั่ เทยี ว; เพราะเหตนุ ้นั พระองคจ งึ ตรสั วา 'ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย พระตถาคตอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจาเปน ผยู งั มรรคทยี่ งั ไม เกิดขน้ึ ' ดังน.้ี อีกประการหนง่ึ บรุ ษุ ไร ๆ เหน็ ภณั ฑะอยา งใดอยา งหนงึ่ ทห่ี ายไป, ชนยอ ม กลา ววา 'ภัณฑะนนั้ อนั บุรุษนน้ั ใหเ กดิ ขน้ึ แลว' ฉนั ใด, พระตถาคต เมื่อทรงพจิ ารณาดวยจกั ษุคอื ปญญา ยงั มรรคมีอยนู น่ั เทียว ชาํ รดุ แลว ทรุดโทรมแลว รกแลว อนั มดื ปด แลว กาํ บงั แลว ไมเปนทส่ี ัญจร ใหเกดิ ขึ้นแลว ไดกระทาํ มรรคนั้นใหเปน ท่ีสญั จรแลว ฉนั นน้ั นนั้ แล; เพราะเหตนุ น้ั พระองคจงึ ตรัสแลววา 'ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลายพระตถาคตอรหันตสัมมาสัม พุทธเจา เปนผยู งั มรรคท่ียงั ไมเกดิ ขึ้นแลว ใหเกดิ ขึ้น' ดังน.้ี อกี ประการหนง่ึ บุรษุ ไร ๆ ชาํ ระปาแลว เปด เผยพนื้ ท,ี่ ชนยอ มกลาวา 'พนื้ นนั้ ของบรุ ุษนนั้ ' กแ็ ตว าพน้ื น่ันอนั บุรษุ นน้ั มิไดใหเ ปน ไปแลว บุรษุ นน้ั ชือ่ วา ภมู สิ ามิโก เจาของแหง พนื้ เพราะกระทาํ พน้ื นน้ั ใหเปน เหตุ ฉันใด, พระตถาคตทรงพิจารณาดว ย จกั ษุคือปญ ญา กระทาํ มรรคมีอยูน น่ั เทียว ชาํ รุดแลว ทรดุ โทรมแลว รกแลว อันมดื ปด แลว กาํ บังแลว ไมเปน ทสี่ ัญจร ใหเ กิดขึ้นแลว ไดกระทาํ มรรคน้นั ใหเปน ทสี่ ัญจรแลว ฉนั น้ันนนั่ เทยี วแล; เพราะเหตนุ น้ั พระองคจ งึ ตรัสแลววา 'ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย พระตถาคต อรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา เปน ผูยงั มรรคทย่ี งั ไมเ กิดขนึ้ แลว ใหเ กิดขึน้ ' ดงั น.้ี \" ร. \"ดีละ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอวิสัชนาปญ หาน้ัน สม อยา งนนั้ , ขา พเจา ยอมรับรองอยา งนน้ั .\" วรรคท่ีหก ๑. ปฏปิ ทาโทสปญหา ๕๐
พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน ในกาลใด พระโพธิสตั วไ ดท รง กระทําทุกรกิรยิ า, ความเพยี รเปนเหตุรเิ ริม่ ความเพยี รเปนเหตุกา วหนา เชนนนั้ ความ ผจญกเิ ลสเชนนัน้ ความกาํ จดั เสนาแหง มฤตยูเชน น้นั ความอดอาหารเชนนน้ั ความ กระทํากิจทก่ี ระทําไดย ากเชน นนั้ ไมไ ดม ีแลวในที่อื่น, ในกาลนนั้ พระโพธิสัตวไ มไ ดแ ลว ซึ่งอสั สาทะความยนิ ดนี อยหนง่ึ ในเพราะความบากบนั่ อนั ใหญเ ห็นปานนนั้ จงึ ยงั จติ ดวงนน้ั นนั่ แลใหหวนกลบั แลว ไดต รัสอยา งนว้ี า 'กด็ วยทกุ รกิรยิ าอันเผด็ รอ นนี้ เรากห็ า ไดบรรลญุ าณทัสสนะพิเศษ อันประเสรฐิ เพยี งพอยงิ่ กวา ธรรมของสามัญมนษุ ยไ มแ ล, ชะรอยมรรคาเพือ่ ความตรัสรู จะพงึ เปน ทางอนื่ แนแล.' ครัน้ ทรงดาํ รติ กลงพระทัยฉะนี้ แลว จึงทรงเบอื่ หนา ยจากทกุ รกิริยานัน้ ไดบ รรลสุ พั พญั ุตญาณดวยมรรคาอื่น แตก ็ ทรงพรา่ํ สอนชกั ชวนสาวกทง้ั หลายดว ยปฏปิ ทานัน้ อกี วา 'ทา นทงั้ หลาย จงปรารภความ เพยี ร จงพากเพียร จงประกอบความเพียรในพระพทุ ธศาสนา จงกาํ จดั เสนาแหง มฤตยู เสีย เหมือนกญุ ชรทําลายเรอื นไมออเสยี ฉะนนั้ ' พระผูเปน เจา นาคเสน เพราะเหตุไรเลา พระตถาคตจึงทรงพรา่ํ สอน ชักชวนสาวกทงั้ หลาย ในปฏิปทาทพ่ี ระองคเ องทรงเบอื่ หนา ย คนื คลาย ดหู มนิ่ แลว ?\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร ปฏปิ ทาน้ันนัน่ แล เปนปฏปิ ทาทัง้ ในกาลนน้ั ทงั้ ในกาลบัดน,ี้ พระโพธสิ ัตวท รงดาํ เนนิ ปฏปิ ทานน้ั น่ันแล บรรลุสพั พญั ุตญาณแลว. ก็แตวา พระโพธสิ ตั วก ระทาํ ความเพยี รเกนิ ไป อดอาหารเสยี โดยไมม สี วนเหลอื , ขอ ที่จิต เปน ธรรมชาตทิ ราม กําลงั เกดิ ขึ้นแลว แกทา น เพราะความอดอาหารเสีย, ทา นไมไ ดอาจ แลว เพอ่ื บรรลสุ ัพพัญตุ ญาณ เพราะความทีจ่ ติ เปนธรรมชาตทิ รามกาํ ลงั น้นั , ทานเมอื่ เสพกวฬงิ การาหาร อาหารคือคําขา วพอประมาณ จงึ ไดบ รรลุสพั พญั ุตญาณ ตอกาล ไมนานเลยดว ยปฏปิ ทานนน้ั เอง. ปฏิปทานน้ั แหละ เปน ไปเพ่อื ไดเ ฉพาะซ่งึ สพั พญั ตุ ญาณ ของพระตถาคตทง้ั ปวง. ขอถวายพระพร เปรยี บเหมอื นอาหารเปน เคร่อื งอุปถัมภส ตั วท ้ังปวง, สัตวท ั้ง ปวงไดอ าศยั อาหารจงึ ไดเสวยความสขุ ฉนั ใด; ปฏิปทานน้ั แหละ เปน ไปเพื่อไดเ ฉพาะ ซ่งึ สพั พัญุตญาณ ของพระตถาคตทงั้ ปวง ฉนั น้ันนน่ั แล. การทพี่ ระตถาคตไมไดบรรลุ สัพพัญุตญาณในขณะนนั้ มใิ ชโ ทษของความเพยี รเปนเหตุรเิ ร่ิม มใิ ชโ ทษของความ เพียรเปน เหตกุ าวหนา มิใชโ ทษของความผจญกเิ ลส, โดยท่แี ท เปน โทษของความอด อาหารเทา นน้ั , ปฏิปทานน้ั อนั ธรรมดาเตรยี มไวแลว ทุกเมื่อ. ขอถวายพระพร เปรยี บเหมอื นบรุ ุษเดินทางไกล ดว ยความเรว็ เกินไป, เพราะ ความเรว็ เกินไปนั้น เขาพงึ เปน ผชู าไปแถบหนงึ่ หรือเปน คนปลกเปลีย้ เดินไมไ ดบนพนื้ แผนดิน, เออก็ เหตทุ ่ีเขาเดนิ ไมไดน ้ัน เปน โทษของมหาปฐพหี รอื มหาบพิตร?\"
ร. \"หามิได พระผูเปน เจา , มหาปฐพเี ตรยี มอยูแลวทกุ เมื่อ, โทษของมหาปฐพี น้นั จะมมี าแตไ หน, เหตุทบี่ ุรษุ นน้ั เปน ผชู าไปแถบหนงึ่ นน้ั เปนโทษของความพยายาม ตา งหาก.\" ถ. \"ขอถวายพระพร ขอ นนั้ ฉนั ใด, การทพ่ี ระตถาคตไมไ ดบ รรลุสพั พัญตุ ญาณใน ขณะน้ัน มิใชโ ทษของความเพยี รเปนเหตุริเริม่ มิใชโทษของความเพยี รเปน เหตกุ าวหนา มใิ ชโ ทษของความผจญกิเลส, โดยท่แี ท เปน โทษของความอดอาหารตางหาก, ฉนั น้ัน นนั่ แล, ปฏปิ ทานนั้ อนั ธรรมดาเตรียมไวแลวทุกเมอื่ . อกี นยั หนงึ่ เปรยี บเหมอื นบุรษุ พงึ นงุ ผาสาฎกอันเศรา หมอง, เขาไมพงึ ซกั ผาน้ัน ในนา้ํ , ขอทผี่ าเศรา หมองนนั้ ไมใชโทษของนํา้ , นํ้าเตรียมอยูทุกเมือ่ , นนั่ เปน โทษของ บรุ ษุ ตา งหาก ขอ น้ฉี นั ใด; การทพี่ ระตถาคตไมไดบรรลพุ ระสัพพัญตุ ญาณในสมัยนัน้ มิใชโทษของความเพียรเปน เหตรุ เิ ร่ิม มใิ ชโ ทษของความเพยี รเปน เหตกุ า วหนา มิใชโ ทษ ของความผจญกเิ ลส, โดยทแ่ี ท เปนโทษของความอดอาหารตา งหาก, ปฏิปทานนั้ อนั ธรรมดาเตรยี มไวแ ลวทกุ เมอ่ื ฉันนั้นนัน่ แล. เพราะเหตนุ ้ัน พระตถาคตจึงทรงพร่าํ สอน ชักชวนสาวกท้งั หลายในปฏปิ ทานนั้ . ปฏปิ ทานัน้ หาโทษมิได อันธรรมดานนั้ เตรยี มไว แลว ทกุ เม่ือ ดว ยประการฉะนแ้ี ล ขอถวายพระ.\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอวิสชั นาปญ หาของพระผเู ปนเจา นน้ั สมอยางนน้ั , ขา พเจา ยอมรบั รองอยา งนน้ั .\" ๒. นปิ ปปญ จปญ หา ๕๑ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู พี ระ ภาคเจาไดต รสั สอนไวว า 'ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย ทานทงั้ หลายจงเปนผมู นี ปิ ปปญ จะเปน ที่มายนิ ดี มีความยนิ ดใี นนปิ ปปญจธรรมไมมีเครอ่ื งเนนิ่ ชา' ดังน.ี้ นิปปปญ จะนนั้ เปน ไฉน คอื ธรรมพวกไร?\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร โสดาปต ติผลก็ช่อื นิปปปญจะสกทาคามิผล กช็ ่ือ นิปปปญจะ อนาคามิผลกช็ อื่ นิปปปญจะ อรหัตตผลกช็ ่อื นปิ ปปญจะ ธรรมไมมเี ครือ่ ง เนนิ่ ชา .\" ร. \"พระผเู ปน เจานาคเสน ถา วา โสดาปตตผิ ลก็ชอ่ื นปิ ปปญ จะสกทาคามิผลก็ ชื่อ
นปิ ปปญจะ อนาคามผิ ลกช็ อ่ื นปิ ปปญจะ อรหัตตผลกช็ ่อื นิปปปญจะไซร, ภิกษุ ทง้ั หลายเหลา น้ี ยอมแสดงขึ้น ยอ มไตถาม พระสตู ร เคยยะ เวยยากรณ คาถา อุทาน อิ ติวตุ ตก ชาตก อัพภตู ธรรม เวทัลละ ยงั กงั วลอยดู วยนวกรรม คือ การใหดวย การบชู าดว ย เพือ่ ประโยชนอ ะไร? ภิกษทุ งั้ หลายเหลา นน้ั ไดชอื่ วา กระทําอยซู ง่ึ กรรม ท่ีพระชินหา มไวแ ลว ไมใ ชห รอื ?\" ถ. \"ขอถวายพระพร ภกิ ษทุ งั้ หลายเหลา ใดนัน้ ยอ มแสดงข้ึน ยอมไตถามพระ สูตร เคยยะ เวยยากรณ คาถา อุทาน อติ วิ ตุ ตก ชาตก อพั ภูตธรรม เวทัลละ ยังกังวลอยู ดว ยนวกรรม คือ การใหดว ย การบชู าดวย, ภิกษทุ ง้ั หลายเหลา นนั้ ทั้งปวง ช่ือวา กระทาํ ความเพียรเพอ่ื จะถงึ ซง่ึ นิปปปญจธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลายเหลาใดนั้น เปน ผูบรสิ ุทธ์ิแลว โดย สภาพ มวี าสนาเคยอบรมมาแลว, ภกิ ษุทงั้ หลายเหลา นนั้ มนี ปิ ปปญ จธรรมโดยขณะ แหง จิตอนั เดียว. ฝา ยวาภกิ ษทุ ง้ั หลายเหลา ใดน้ัน เปน ผมู ีธลุ ี คือ กิเสลในนยั นต า คอื ปญ ญามาก, ภกิ ษทุ ง้ั หลายเหลา น้ัน ยอ มเปน ผมู นี ปิ ปปญ จธรรม ดวยประโยคทงั้ หลาย เหลา น.้ี เปรยี บเหมือนบรุ ษุ ปลูกพืชลงในนาแลวเกบ็ ขา วเปลอื ก ดว ยความเพยี รตาม กาํ ลังของตน เวน แลว จากรั้วเปนเคร่ืองปองกนั , บรุ ุษอีกคนหน่งึ ปลกู พชื ลงในนาแลวเขา ไปสปู า ตัดไมแ หงดว ย กงิ่ ไมดว ย เรยี วหนามดว ย กระทําร้วั แลว จึงเกบ็ ขา วเปลอื ก, ความแสวงหาของบุรุษนนั้ ดว ยกนั้ รว้ั ในนานัน้ เพ่ือประโยชนแ กข า วเปลอื ก ฉันใด; ขอถวายพระพร ภิกษทุ ง้ั หลายเหลา ใดนนั้ เปนผบู รสิ ทุ ธแิ์ ลว โดยสภาวะ มี วาสนาเคย อบรมแลว , ภกิ ษุทง้ั หลายเหลานน้ั เปน ผมู เี ครือ่ งเนน่ิ ชา ออกแลวโดยขณะแหงจติ อันหนึง่ เหมอื นบุรษุ เวน ความกั้นดว ยรว้ั เสยี เกบ็ ขา วเปลอื ก; ฝา ยภกิ ษทุ ง้ั หลายเหลา ใด นัน้ เปน ผมู ีธลุ ี คือ กิเสลในนยั นต า คอื ปญ ญาใหญหลวง, ภิกษทุ ง้ั หลายเหลา นน้ั เปน ผู มเี ครื่องเนนิ่ ชา ออกแลว ดว ยประโยคทง้ั หลายเหลา นี้ เหมอื นบรุ ุษกระทาํ ความกนั้ ดว ย ร้ัวแลว เก็บขา วเปลอื ก ฉนั นนั้ นน้ั เทยี วแล. อีกประการหนงึ่ เปรียบเหมือนชอแหง ผลไม พงึ มีทยี่ อมแหง ตน มะมว งใหญ, ถาวา ในทน่ี นั้ ผใู ดผหู นงึ่ เปนผมู ีฤทธมิ์ าแลว พงึ นําผลแหง ตน มะมว งนน้ั ไปได, ในทนี่ น้ั ฝายบุคคลผไู มมีฤทธิ์ ตัดไมแ หงและเถาวลั ย ผกู ใหเ ปนพะองแลว ขนึ้ สูตน มะมว งนนั้ โดย พะองนนั้ นาํ ผลไปได, จงึ ควรแสวงหานน้ั เพ่ือเอาแตผล ฉันใด;บุคคลทงั้ หลายเหลา ใด น้นั บริสทุ ธแ์ิ ลว โดยสภาวะ มีวาสนาอบรมแลว ในปางกอ น, บุคคลท้งั หลายเหลา นนั้ เปนผมู ีธรรมเครอื่ งเนนิ่ ชาออกแลวโดยขณะแหงจติ อนั หนง่ึ เหมือนบคุ คลมีฤทธท์ิ น่ี าํ ผล มะมวงไปไดนน้ั ; ฝา ยวา ภิกษทุ ัง้ หลายใดนั้น เปนผมู ธี ลุ ี คอื กิเสลในนยั นตา คือ
ปญญาใหญหลวง, ภกิ ษุท้ังหลายเหลา นนั้ ยอ มตรัสรสู จั จะทงั้ หลายดว ยประโยคนี้ เหมอื นบุรุษนาํ ผลแหงมะมว งไปโดยพะอง ฉนั นนั้ นน่ั เทยี วแล. อกี ประการหนง่ึ เปรียบเหมือนบุรุษผูก ระทาํ ความตองการ คอื แสวงหาทรัพย คนหนงึ่ คนเดยี วทเี ดียว เขา ไปใกลเ จานายแลวยังทรัพยน นั้ ใหส ําเร็จได, คนหนง่ึ เปน ผมู ี ทรัพย ยงั บรษิ ทั ใหเจรญิ แลว ดว ยอํานาจแหงทรัพย ยงั ทรพั ยนน้ั ใหส าํ เร็จดวยบรษิ ทั , ความแสวงหาดว ยบริษัทในทรพั ยน ั้นของบรุ ุษนนั้ อันใด ความแสวงหาบริษัทนน้ั เพอื่ ประโยชนแกท รพั ย ฉนั ใด;บุคคลทั้งหลายเหลา ใดนน้ั บริสุทธ์แิ ลวโดยสภาวะ มวี าสนา อบรมมาแลวในปางกอ น, บุคคลทง้ั หลายเหลาน้ันยอมถงึ ความเปน ผชู าํ นาญใน อภญิ ญาท้งั หลายหก โดยขณะแหงจติ อนั หนง่ึ เปรยี บเหมือนบุรุษคนหนึง่ กระทาํ ซ่งึ อนั ยังทรพั ยใ หสําเร็จ; ฝา ยภกิ ษทุ ง้ั หลายเหลา นั้นใด มธี ลุ ี คอื กิเลสในนยั นต า คือ ปญ ญา ใหญหลวง, ภกิ ษุทง้ั หลายเหลา นนั้ ยอมยงั ทรัพย คือ สามัญญคุณใหสําเร็จเฉพาะดว ย ประโยคทงั้ หลายเหลา นี้ เปรยี บเหมอื นบุรษุ กระทาํ ซึ่งอนั ยงั ทรพั ยใหส ําเรจ็ ดวยบรษิ ทั . ขอถวายพระพร แมอ ุทเทสเปน ของมอี ุปการมาก แมปรปิ จุ ฉาเปน ของมีอปุ การ มาก แม นวกรรมเปน ของมีอปุ การมาก แมการใหเปน ของมอี ุปการมาก แมก ารบชู าเปนของมีอปุ การมาก ในกจิ ท่คี วรกระทาํ ทั้งหลายเหลา น้นั ๆ. ขอถวายพระพร บรุ ษุ ผูจะเปน ขาราชการกระทําแลว ซ่ึงราชกิจดว ยชนผูเ ปน ราช บริษัททงั้ หลาย คือ อมาตยร าชภัฏกรมวงั ผูรักษาพระทวารและราชองครักษ, ครนั้ เมอื่ กจิ ควรกระทาํ ยงั ไมเ กดิ ขน้ึ แลว ราชบุรษุ ทง้ั หลายเหลานน้ั แมทง้ั หมด เปนผมู อี ุปการแก บุรุษขาราชการนนั้ ฉนั ใด; แมอุทเทส ปรปิ จุ ฉา นวกรรม การใหแ ละการบูชาลวนเปน ของมีอุปการมาก ในกจิ ควรกระทําท้ังหลายเหลาน้ัน ฉนั นน้ั . ถาวา ชนทง้ั หลวงทงั้ ปวง พึงเปน ผูบ ริสทุ ธแ์ิ ลว โดยอภชิ าติไซร, กิจอันผพู ราํ่ สอนจะพึงกระทาํ ไมพ ึงม;ี กเ็ พราะเหตุ ใดแล กิจอันผพู รํา่ สอนจะพงึ กระทาํ ดวยการฟงมอี ย.ู พระเถระสารีบุตรผมู กี ุศลมลู ส่งั สมแลว สนิ้ อสงไขยและกัปปอ นั นบั ไมไ ดแลว ถงึ แลว ซง่ึ ทส่ี ุดแหงปญ ญา, แมพระเถระ สารบี ตุ รนน้ั เวน จากการฟง ไมอาจแลว เพอื่ จะพงึ อาสวกั ขยั . ขอถวายพระพร เพราะเหตุนนั้ การฟงชื่อมีอปุ การมาก, แมอ ุทเทสแมป รปิ จุ ฉา มอี ุปการมาก กเ็ หมอื นกนั , เพราะเหตุนน้ั อทุ เทสปรปิ จุ ฉาจงึ เปน นปิ ปปญจธรรม มี เครื่องเนนิ่ ชา ออกแลว เปน อสงั ขตะ.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน ปญ หาพระผูเปน เจา เพง ดแี ลว ขอวสิ ชั นาปญ หาของ พระผเู ปนเจาน้ันสมอยา งนน้ั , ขา พเจา ยอมรบั รองอยา งน้นั .\"
๓. คิหอิ รหัตตปญหา ๕๒ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระผเู ปน เจา กลาวอยวู า 'บุคคล เปนคฤหัสถบ รรลุพระอรหตั แลว มีคติสอง คือ: พระอรหนั ตนนั้ บวชบา ง ปรนิ พิ พานบา ง ในวนั นนั้ ทเี ดียว, วนั นน้ั อนั พระอรหนั ตน นั้ ไมอ าจเพ่อื จะกา วเกนิ ได. \" พระผูเ ปนเจานาคเสน ถา วา พระอรหนั ตน ั้นไมพ งึ ไดอ าจารยห รืออุปช ฌาย หรอื บาตรและจวี รในวนั น้ัน, พระอรหันตน นั้ พึงบวชเองหรอื พงึ ลว งวัน หรือพระอรหนั ต อื่นบางรปู เปน ผมู ีฤทธ์ิ พงึ มาแลวยงั พระอรหันตนนั้ ใหบ วชบา งหรอื หนอ หรอื พระ อรหันตนนั้ พึงปรนิ พิ พาน. พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร พระอรหนั ตน ้ันไมพ งึ บวชเอง เม่ือบวชเอง ยอ มตอ งเถยยสังวาส; อนงึ่ ทานไมล ว งวนั ความทพี่ ระอรหนั ตอ งคอ น่ื จะมาจะมหี รือไม มี พระอรหันตน ้นั ยอ มดบั เสยี ในวนั นัน้ ทเี ดยี ว.\" ร. \"พระผเู ปน เจานาคเสน ถา อยางนนั้ ความทพ่ี ระอรหตั มอี ยู เปน กจิ อนั พระ อรหนั ตน น้ั ไมล ะแลว ความนําชวี ติ ไป ยอมมีแกพระอรหนั ตผ มู ธี รรมอันถึงทับแลวดว ย เหตุไรเลา?\" ถ. \"ขอถวายพระพร เพศแหง คฤหัสถบรรลพุ ระอรหัตในเพศอนั ไมเสมอ ยอ ม บวชบา ง ยอมปรนิ พิ พานบา ง ในวนั นนั้ ทเี ดียว เพราะความทเ่ี พศเปน ของทุรพล; สว น นั้นไมใชโ ทษของพระอรหตั โทษน้ันเปน โทษของเพศแหง คฤหสั ถ เพราะความที่เพศเปน ของทรุ พล. เปรียบเหมือนโภชนะเปน ของเลีย้ งอายขุ องสตั วทงั้ หลายทงั้ ปวง เปนของ รักษาชวี ิตของสัตวท ้งั หลายทง้ั ปวงไว ยอ มผลาญชีวติ แหง บุคคล ผมู กี ระเพาะอาหารไม ปกติ เพราะไมช วยยอ ยแหงไฟเผาอาหารซง่ึ ออ นและทรามกาํ ลงั , โทษนน้ั ไมใ ชโ ทษของ โภชนะ โทษนน้ั เปน โทษของกระเพาะ เพราะมไี ฟธาตอุ อ นกาํ ลงั ฉนั ใด; คฤหัสถท บี่ รรลุ พระอรหัตในเพศอนั ไมเสมอ ยอมบวชบาง ยอ มปรนิ พิ พานบา ง ในวนั น้ันทเี ดยี ว เพราะ ความทุรพลดว ยเพศ, โทษนนั้ ไมใชโทษของพระอรหัต โทษนน้ั เปน โทษของเพศแหง คฤหัสถ เพราะความเปน เพศทรุ พล ฉนั นนั้ นนั่ เทียว. อีกนัยหนงึ่ เปรียบเหมอื นเสน หญา อนั นอ ย คร้นั เมอ่ื หนิ เปนของหนกั อนั บุคคล วางไวขา งบนแลว หญา นนั้ ยอ มแหลกตกไป เพราะความทแี่ หง หญา เปนของทุรพล ฉัน ใด, คฤหสั ถท บี่ รรลพุ ระอรหัตแลว ไมอาจเพ่ือจะทรงพระอรหัตไวด วยเพศนนั้ ยอมบวช บา ง ยอ มปรนิ พิ พานบา ง ในวนั น้นั ทเี ดยี ว ฉนั นน้ั . อกี นยั หนง่ึ เปรยี บเหมือนบุรษุ ไมม ีกาํ ลงั เปน ผทู ุรพล มชี าติอันเลย มบี ญุ นอ ย ไดราชสมบตั ใิ หญ ยอ มตกต่ําเสอ่ื มถอยโดยขณะไมอาจเพื่อจะทรงความเปนอิสระไวไ ด
ฉันใด; คฤหสั ถที่บรรลพุ ระอรหัตแลว ไมอาจเพื่อจะทรงพระอรหตั ไวดว ยเพศนนั้ ได ฉัน นั้นน่นั เทยี วแล, เพราะเหตนุ ้นั คฤหัสถทบ่ี รรลุพระอรหตั แลว ยอมบวชบาง ยอ ม ปรนิ พิ พานบาง ในวนั นน้ั ทเี ดยี ว.\" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วิสัชนาปญ หาของพระผเู ปนเจา นน้ั สมอยา ง นั้น, ขาพเจา ยอมรบั รองอยางนนั้ .\" ๔. โลมกัสสปปญ หา ๕๓ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู ีพระ ภาคเจา ตรสั วา 'เราไดเกดิ เปนมนษุ ยในกาลกอ นทเี ดียวไดเปน ผมู ชี าตแิ หง บคุ คลไม เบยี ดเบยี นสตั วท ง้ั หลาย' ดังน.ี้ และพระโพธสิ ัตวเ ปน ฤษชี อื่ โลมกสั สป ไดเ ห็นนาง จนั ทวดกี ัญญา ฆา สตั วท งั้ หลายมใิ ชรอ ยเดยี ว บชู ามหายญั ช่อื วา วาชเปยยะ. พระผูเปน เจานาคเสน ถา วา พระผมู พี ระภาคเจาตรสั แลววา 'เราเปนมนษุ ยในกาลกอนทีเดยี ว เปน ผมู ชี าติแหงบคุ คลไมเ บยี ดเบียนสตั วท ้ังหลาย ดงั น,ี้ ถากระน้นั คาํ วา 'ฤษีชื่อ โลมกสั สป ฆาสัตวท ้ังหลายมใิ ชรอ ยเดียวบูชามหายญั ชอื่ วาชเปยยะ' ดงั น้ี นน้ั ผิด. ถา วาฤษชี ่ือโลมกสั สป ฆาสตั วท ัง้ หลายมิใชร อ ยเดยี ว บูชามหายญั ชอ่ื วาชเปยยะ, ถา อยา งนนั้ คําทวี า 'เราเกิดเปน มนษุ ยในกาลกอ นเทยี ว ไดเปน ผมู ชี าตแิ หง บคุ คลไม เบียดเบยี นสัตวท ง้ั หลาย' ดังน้ี แมน ้นั กผ็ ิด. ปญหาแมน ้สี องเงื่อน มาถงึ พระผูเปน เจา แลว พระผูเปน เจาพึงแกไ ขขยายใหแ จง ชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร แมพระพทุ ธพจนน ี้ อนั พระผูมพี ระภาคเจา ไดท รงภาสิตแลววา 'เราเกดิ เปนมนษุ ยใ นกาลกอนเทยี ว ไดเ ปน ผูมชี าตแิ หง บุคคลไม เบยี ดเบยี นสัตวท ง้ั หลาย' ดงั น,ี้ และฤษีชือ่ โลมกสั สปฆา สตั วทง้ั หลายมใิ ชรอ ยเดยี ว บูชามหายญั ชอ่ื วาชเปยยะ; ก็แหละมหายญั น้นั อนั ฤษีชอื่ โลมกัสสปนน้ั มสี ัญญาวปิ ลาศ แลว บูชาแลว ดวยอํานาจแหงราคะ จะเปน ผูม เี จนาเปน ปกตอิ ยูบูชาแลวหามิได. \" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน บคุ คลทงั้ หลายแปดเหลานี้ ยอ มฆา สตั ว, บคุ คล ทัง้ หลายแปด เปนไฉน: บุคคลทง้ั หลายแปด คือ บคุ คลกาํ หนัดแลว ยอ มฆาสัตวด ว ย อาํ นาจแหง ราคะ บุคคลอันโทสะประทษุ รา นแลว ยอ มฆา สัตวดวยอาํ นาจแหง ราคะ บุคคลอนั โทสะประทุษรา ยแลว ยอ มฆา สตั วดว ยอาํ นาจแหง โทสะ บคุ คลหลงแลว ยอม ฆาสัตว ดว ยอาํ นาจแหง โมหะ บุคคลมมี านะ ยอ มฆา สตั วดว ยอํานาจแหง มานะ บคุ คล โลภแลว ยอมฆาสัตวด ว ยอาํ นาจแหง ความโลภบุคคลไมมที รพั ยนอ ยหนง่ึ ยอมฆา สตั ว เพ่อื ประโยชนแ กการเลีย้ งชวี ิตบคุ คลพาลยอ มฆาสัตวดว ยอาํ นาจแหง ความไมร ู เพราะ
เหตมุ สี หายเปน พาล พระมหากษตั ริยย อมฆาสตั วด ว ยอาํ นาจแหง กฎหมาย บุคคล ท้งั หลายแปดเหลา น้ี ยอ มฆา สัตว. มหายญั เปน ปกตทิ ีเดยี ว อนั พระโพธิสัตวท ําแลว . ถ. \"ขอถวายพระพร มหายัญโดยปกตทิ เี ดยี ว อนั พระโพธสิ ตั วท ําแลว หามไิ ด. ถาวา พระโพธสิ ัตวพงึ นอ มลงไปโดยความเปน ปกตเิ พือ่ จะบชู ามหายัญไซร, พระ โพธสิ ัตวไ มพ งึ กลาวคาถาวา 'เราไมพ ึงปรารถนาแผน ดินซึ่งมสี มทุ รเปน เคร่อื งลอม คอื มี ทะเลลอมอยรู อบ ดุจกณุ ฑลซึ่งพนั ไวดว ยเถาวลั ยด าํ พรอ มดวยนนิ ทา, แนะ สยั หะ ทา น จงรูอยางน.ี้ ' ขอถวายพระพร พระโพธสิ ตั วม ีวาทะอยา งนี้ พอเห็นนางราชกญั ญาชอื่ จนั ทวดี เปนผมู ีสัญญาผิด มจี ิตฟุงซา น กําหนัดแลว , ครัน้ มสี ัญญาผิดแลว เปน ผอู ากลู และ อากลู ดว นและดวน บชู ามหายญั ช่ือวา วาชเปยยะ เปน ทฆ่ี า สตั วของเลยี้ งและสัง่ สม เลือดในคอใหญดว ยจติ ฟงุ ซา นแลว และวงิ เวียนแลว และมัวเมาแลว นนั้ . เปรยี บเหมอื น คนบา มจี ติ ฟงุ ซา นแลว เหยยี บไฟรุงเรืองแลวบา ง จบั อสรพษิ อันกําเรบิ แลว บาง เขาไป ใกลชางซบั มันแลวบาง ไมเ หน็ ฝง แลน ไปสสู มทุ รบาง ยอ มขยาํ คถู บา ง ยอ มลงบอคูถ บา ง ยอ มขน้ึ ไปสูที่มหี นามบา ง ยอ มโดดในเหวบา ง ยอ มกินอสุจิบา ง เปนคนเปลอื ย เทีย่ วไปกลางถนนบาง ยอมทํากิรยิ าไมค วรทาํ มากอยา ง แมอน่ื บา งฉนั ใด; พระโพธิสตั ว พอเหน็ นางราชกญั ญาชื่อ จนั ทวดี เปน ผูมสี ัญญาผิด มีจติ ฟงุ ซา น, คร้ันมีสัญญาผิด แลวเปนผอู ากลู และอากลู ดว นและดวน, บูชามหายญั ชอ่ื วาชเปยยะ เปนทฆี่ า สัตวข อง เลย้ี งและสงั่ สมเลือดในคอใหญ ๆ ดว ยจิตฟงุ ซา นแลว และวิงเวียนแลว และมวั เมาแลว ฉันนน้ั นนั่ เทยี วแล. ขอถวายพระพร บาปอนั บคุ คลมีจิตฟงุ ซา นแลว ทาํ แลว ซงึ่ จะเปน มหาสาวชั ชะ เปน ไปกับดว ยโทษใหญ แมในทฏิ ฐธรรมหามิไดจะเปน มหาสาวัชชะ แมโดยวบิ ากใน สัมปรายะก็หาไม. ในโลกนใี้ คร ๆ เปนบา พึงตอ งอาชญาประหารชีวิต บรมบพิตรจะ ทรงวางอาชญาอะไรแกเ ขา?\" ร. \"อาชญาอะไร จกั พึงมแี กคนบาเลา , พระผเู ปน เจา ขา พเจายังราชบรุ ุษ ทั้งหลายใหโบยแลว จงึ นาํ คนบา นั้นออกเสีย, ความใหราชบรุ ุษโบยนาํ ออกเสยี นนั่ แหละ เปนอาชญาของคนบา นน้ั .\" ถ. \"ขอถวายพระพร แมพระราชอาชญา เพราะความผดิ ของคนบา ไมม ี, เพราะ เหตนุ นั้ เมื่อความผิดอนั คนบาแมทาํ แลว ยอ มไมมโี ทษ คนบาเปน สเตกจิ โฉ. ฤษชี ่อื โลมกสั สปมสี ญั ญาผิด มจี ิตฟุงซา นแลว กาํ หนดั แลว พรอมดว ยการเหน็ นางราชกัญญา ชอ่ื จันทวด,ี คร้ันเปน ผูมีสญั ญาผดิ แลว มคี วามกระสับกระสา ยฟงุ ซา นแลว อากูลและ อากูล ดว นและดว น บูชามหายัญช่ือ วาชเปยยะ เปน ท่ฆี า สัตวข องเลย้ี งและสง่ั สมเลอื ด
ในคอใหญ ๆ ดว ยจติ ฟงุ ซาน และวงิ เวยี นแลว และมวั เมาแลวน้นั . กแ็ ละพระโพธิสตั ว นัน้ มจี ิตเปน ปกติกลบั ไดส ติในกาลใด, บวชแลว อีก ยงั อภญิ ญาท้งั หลายหา ใหเ กดิ แลว เปนผเู ขา ไปสพู รหมโลกนน่ั เทียว ในกาลนน้ั .\" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอวิสัชนาปญ หานัน้ สม อยางนนั้ , ขา พเจายอมรับรองอยางนน้ั .\" ๕. ฉันททนั ตโชติปาลอารัพภปญหา ๕๔ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ี้ พระผมู พี ระ ภาคเจา ตรสั แลว วา 'พญาฉทั ทนั ตคชสารจบั นายพรานไดดวยคิดวา เราจกั ฆา มนั เสยี ได เหน็ ผา กาสาวะเปน ธงของฤษีทงั้ หลายแลว สญั ญาไดเ กดิ ขึน้ แลว แกพญาคชสารอนั ทุกขถ ูกตองแลววา ธงพระอรหันตมีรูปแหง บคุ คลอันสัตบุรุษทั้งหลายไมพ งึ ฆา ' ดังน้.ี และตรัสแลว วา 'มาณพช่อื โชตปิ าละ ดา บริภาษพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธ เจาทรงพระนามวา กสั สป ดว ยวาจาท้งั หลายอันหยาบเปนของแหง อสตั บรุ ุษโดยวาทะ วา คนโลน โดยวาทะวา สมณะ' ดังน.ี้ พระผเู ปน เจา นาคเสน ถา วา พระโพธิสตั วเ ปน ดริ ัจฉานยงั บูชาผากาสาวะยง่ิ , ถาอยา งนนั้ คําทว่ี า 'โชติปาละมาณพ ดาบริภาษ พระผุ มีพระภาคอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจาทรงพระนามวา กัสสป ดว ยวาจาทง้ั หลายอนั หยาบ เปนของแหง อสตั บุรษุ โดยวาทะวา คนโลน โดยวาทะวา สมณะ' ดังนี้ นน้ั เ ปน ผิด. ถาวา โชตปิ าละมาณพ ดา บรภิ าษ พระผมู พี ระภาคเจาอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา ทรงพระนาม วากสั สป ดวยวาจาทงั้ หลายอนั หยาบ เปน ของแหง อสัตบรุ ษุ โดยวาทะวา คนโลน โดย วาทะวา สมณะ, ถาอยา งนน้ั คาํ ทว่ี า 'ผา กาสาวะอนั พญาฉทั ทนั ตค ชสารบูชาแลว ' ดังนี้ แมนั้นก็ผิด. ถา วา พระโพธิสตั วเ ปน สตั วดิรจั ฉานเสวยเวทนาอนั หยาบคายเผด็ รอนอยู ยงั บชู าผากาสาวะทนี่ ายพรานนงุ แลว , พระโพธสิ ัตวเ ปนมนุษยม ญี าณแกกลา มปี ญญา เครื่องตรสั รแู กกลาแลว เหน็ พระผูม ีพระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจาทรงพระนามวา กัสสป ผทู รงทศพลญาณเปน อัครอาจารยใ นโลก มีแสงสวางมวี าหนึง่ เปน ประมาณ รุงเรอื งแลว ผบู วรสงู สุด ทรงคลุมแลวซงึ่ ผา กาสาวะอันงามประเสริฐแลว ทําไมจงึ ไม บูชาเลา ? ปญ หาแมน สี้ องเงอื่ น มาถงึ พระผูเปนเจา แลว พระผเู ปนเจา จงแกไขขยาย ออกใหแ จง ชดั เถดิ .\" ถ. \"ขอถวายพระพร แมพ ระพุทธพจนน ี้ พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสแลว วา 'พญาฉทั ทนั ต
คชสารจบั นายพรานได คดิ วา เราจักฆา มนั เสยี ไดเ หน็ ผา กาสาวะเปน ธงของฤษี ทั้งหลายแลว สัญญาไดเ กิดขนึ้ แลว แกพญาฉัททันตค ชสาร อันทกุ ขถกู ตอ งแลววา ธง ของพระอรหนั ต มรี ูปแหง บุคคลอันสตั บรุ ุษทัง้ หลายไมพ งึ ฆา \" ดงั น.้ี อนงึ่ มาณพชอื่ โชตปิ าละ ดา บริภาษพระผมู ีพระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา ทรงพระนามวา กัสสป ดวยวาจาทง้ั หลายอนั หยาบเปน ของแหงอสัตบุรษุ โดยวาทะวา คนโลน โดยวาทะวา สมณะ. ความดาและบริภาษนน้ั เปน ไปแลวดวยอาํ นาจแหง ชาติ และตระกูล. โชติปาละมาณพ เกดิ แลว ในตระกกู ลไมมีศรัทธา ไมเลือ่ มใสแลว, มารดา และบดิ าทงั้ หลาย พน่ี องหญงิ และพนี่ อ งชายทั้งหลาย ทาสีและทาสและเดก็ และมนษุ ย บริวารทงั้ หลาย แหง โชตปิ าละมาณพนน้ั มีพรหมเปน เทวดา เปน ผหู นกั ในพรหมเปน ผู เคารพตอพรหม, ชนทั้งหลายมีมารดาและบดิ าเปนตน เหลานนั้ คดิ วา 'พราหมณ ทงั้ หลายอยา งเดียว เปน ผูส งู สดุ ประเสรฐิ ' ดงั น้ี ตเิ ตยี นเกลยี ดบรรพชติ ท้ังหลาย นอกจากพราหมณ. โชติปาละมาณพ ฟง คํานน้ั ของชนท้งั หลายมมี ารดาและบิดาเปน ตน เหลา นน้ั อนั นายชา งหมอ ชือ่ ฆฎกี ารเรียกมาแลว เพอ่ื จะเผาพระศาสดา จงึ กลา ว แลว อยางนว้ี า 'ประโยชนอะไรของทา นดว ยสมณะโลน อน ทา นเหน็ แลวเลา ?' พระถวายพระพร อมฤตรสมากระทบพษิ แลว กลายเปน ของขมฉนั ใด, อน่งึ นา้ํ เยน็ มากระทบไฟกลายเปน นา้ํ รอ น ฉนั ใด, โชตปิ าละมาณพเกดิ ในตระกลู ไมมีศรทั ธา ไมเล่ือมใสแลว, โชตปิ าละมาณพนน้ั เปน ผมู ดื แลว ดว ยอาํ นาจตระกูลและชาติ จงึ ดา แลว บรภิ าษแลว ซงึ่ พระตถาคต ฉันนน้ั นนั่ แล. กองแหง ไฟใหญรุงเรอื งแลว ชชั วาลแลว เปน ไปกับดวยแสงสวา ง มากระทบนํา้ แลว มแี สงสวางและเตโชธาตอุ นั นาํ้ นน้ั เขาไปขจดั แลว เปน ของเย็น เปน ของดาํ ยอ มเปนของเชนกบั ดวยผลยา งทรายอันสกุ งอมแลว ฉนั ใด, โชติปาละมาณพเปน ผูมบี ญุ มศี รทั ธา มีแสงสวา ง อันไพบลู ยด ว ยญาณ เกิดแลว ใน ตระกลู ไมมีศรทั ธา ไมเ ลื่อมใสแลว, โชติปาละมาณพนน้ั เปนคนบอดดว ยอาํ นาจแหง ตระกูล ดา บรภิ าษพระตถาคตแลว, ครั้นเขา ไปใกลพระตถาคตแลว รทู ่ัวถงึ ซง่ึ คุณแหง พระพทุ ธเจา เปนผรู าวกะเดก็ บวชแลวในพระศาสนาของพระชนิ พทุ ธเจา ยงั อภิญญา ทง้ั หลายดว ย สมาบตั ทิ ง้ั หลายดว ย ใหเ กดิ ขึ้นแลว ไดเ ปน ผเู ขา ไปสพู รหมโลกแลว .\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปนเจา นาคเสน ขอ วิสัชนาปญ หานนั้ สม อยา งนนั้ , ขาพเจายอมรบั รองอยา งนน้ั .\" ๖. ฆฏกี ารปญ หาท่ี ๕๕
พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู พี ระ ภาคเจาไดทรงภาสติ แลว วา 'โรงของนายชา งหมอ ชอ่ื ฆฏกี าร ไดเ ปน โรงมอี ากาศเปน หลงั คา ตั้งอยแู ลว ตลอดไตรมาสทง้ั ปวง และฝนไมร วั่ ได' ดงั น.ี้ และทรงภาสิตแลวอกี วา 'กุฎขี องพระตถาคตทรงพระนามวากัสสป ฝนร่วั ได. ' พระผเู ปน เจา นาคเสนกุฎีของพระ ตถาคตผมู ีกศุ ลมลู อันหนาขึน้ แลว อยา งนี้ รัว่ ได เพอ่ื เหตอุ ะไร? ธรรมดาอานภุ าพของ พระตถาคตอนั บณั ฑติ พึงปรารถนา. พระผูเปนเจา นาคเสน ถา วา โรงของนางชา งหมอ ชื่อฆฏีการอนั ฝนรว่ั ไมไ ดไดเปน โรงมอี ากาศเปน หลงั คา ตัง้ อยแู ลว , ถา อยางนนั้ คาํ ทว่ี า 'กุฎขี องพระตถาคตอันฝนร่ัวได' ดังน้ี นัน้ ผิด. ถา วา กุฎขี องพระ ตถาคตอันฝนร่ัวได, ถา อยา งนนั้ คาํ ทวี่ า 'โรงของนายชา งหมอ ชือ่ ฆฏีการอนั ฝนรว่ั ไมไ ด มีอากาศเปนหลงั คา' ดงั นี้ แมนั้นกผ็ ิด. ปญหาแมน สี้ องเงอ่ื น มาถึงพระผเู ปน เจา แลว พระผเู ปน เจา พงึ แกไ ขขยายออกใหแจงชดั เถดิ .\" ถ. ขอถวายพระพร แมพ ระพทุ ธพจนน ี้ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั แลว วา 'โรงของ นายชางหมอ ชอื่ ฆฏกี าร ไดเ ปนโรงมีอากาศเปน หลงั คา ตง้ั อยูแลวตลอดไตรมาสท้ังหวง และฝนไดร ว่ั ได' ดังน.้ี และทรงภาสติ แลว อกี วา 'กฎุ ขี องพระตถาคตทรงพระนามวา กสั สปฝนรั่วได' ดังนี้. ขอถวายพระพร นายชา งหมอชอ่ื ฆฏีการเปน คนมศี ีล มธี รรมอนั งาม มกี ศุ ลมูล อันหนาหนกั แลว เลีย้ งมารดาและบดิ าทงั้ หลายแกแ ลว เปนผบู อดอย,ู ชนท้ังหลายไม บอกกลา วแลว เทยี ว นาํ หญา ในเรอื นของนายชา งหมอ น้นั ลบั หลงั ของนายชา งหมอ ไป มุงกุฎขี องพระผูมีพระภาคเจา นนั้ , นายชา งหมอช่ือฆฏีการนั้น กลับไดปตอิ ันไมห วน่ั ไหว แลว ไมเ ขยอื้ นแลว ตงั้ มนั่ ดวยดีแลว ไพบลู ยแ ลว ไมมวี ัตถอุ นั ใดเสมอ เพราะอนั นาํ หญา นั้นไป และยังโสมนัสยง่ิ อันใคร ๆ ชงั่ ไมไดใ หเกิดขึน้ แลว วา 'โอหนอ พระผมู พี ระ ภาคเจาของเรา เปน ผสู งู สดุ ในโลก เปน ผูคนุ เคยดวยดแี ลว' ดังน้ี เพราะเหตนุ นั้ วิบาก เปน ไปในทฏิ ฐธรรมเกดิ ขึ้นแลว แกน ายชา งหมอ ชอื่ ฆฏกี ารน้นั . พระตถาคตยอมไม หวน่ั ไหว เพราะวิการเทา นนั้ เลย. พญาเขาชอื่ สิเนรุ ยอมไมหวนั่ ไหวไมกระเทอื น เพราะ ลมมีแสนมิใชแ สนเดยี วประหารบาง, สาครอันบวรประเสรฐิ ทรงนา้ํ ใหญไ ว ยอ มไมเ ตม็ ยอ มไมวิการ แมด วยแสนแหงคงคาใหญ มรี อ นแหงนหตุ มใิ ชรอยเดียว ฉนั ใด; พระ ตถาคตยอ มไมเ ขยือ้ นเพราะวิการมีประมาณเทา นน้ั ฉนั น้นั น่นั เทยี ว. กุฎีของพระ ตถาคตอนั ฝนร่วั ได ดว ยเหตใุ ด เหตุนนั้ เปน ไปแลว ดว ยความไหวตามแกห มแู หง ชน ใหญ. พระตถาคตทัง้ หลาย เมอื่ พิจารณาเหน็ อาํ นาจแหง ประโยชนท ้งั หลายสองเหลา นี้ ไมสอ งเสพปจจยั ทพี่ ระองคน ริ มิตแลวเอง ดว ยทรงดํารวิ า 'พระศาสดาน้เี ปน ทักขเิ ณยย บคุ คลอันเลศิ ' ดังน้ี เทพดาและมนษุ ยทง้ั หลายถวายแลว ซ่ึงปจ จัยแกพ ระผูมีพระภาค
เจาจะพนจากทุคติท้งั ปวง; บคุ คลทัง้ หลายอ่นื อยา พงึ ติเตียนวา 'พระตถาคตทง้ั หลาย แสดงปาฏิหารยิ แสวงหาเครอื่ งเล้ียงชพี ' ดังน.ี้ พระตถาคตทง้ั หลายทรงพจิ ารณาเหน็ อํานาจแหง ประโยชนส องประการเหลา น้ี ยอ มไมส องเสพปจ จัยทพ่ี ระองคน ริ มติ แลว เอง. ถา วา ทา วสักกะหรือพรหมหรอื พระองคเอง พงึ กระทาํ กฎุ ีนน้ั ใหฝ นรั่วไมได เหตนุ น้ั เปนสาวชั ชะเปน ไปกบั โทษอันบุคคลพงึ เวน เหตนุ นั้ นน่ั แล เปนไปกับดว ยโทษ เปน ไป กับดวยนคิ คหะวา 'พระตถาคตทั้งหลาย กระทาํ กรรมอนั หยาบยังโลกใหห ลงพรอม ยอ มกระทาํ กรรมอนั บุคคลกระทาํ ยงิ่ แลว .' เพราะเหตุนน้ั เหตนุ น้ั อนั พระตถาคต ทั้งหลายพงึ เวน . พระตถาคตทัง้ หลายยอมไมขอพสั ดุ. พระตถาคตทงั้ หลายยอมเปน บคุ คลไมควรบริภาษเพราะไมข อพสั ดนุ น้ั .\" ร. \"ดลี ะ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วสิ ชั นาปญ หาน้นั สม อยา งนนั้ , ขาพเจายอมรบั รองอยา งนน้ั .\" ๗. ภควโต ราชปญหา ๕๖ พระราชาตรสั ถามวา \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู ีพระ ภาคเจา ตรสั วา 'ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย เราเปน พราหมณค วรเพื่อยาจกจะพงึ ขอ' ดังน.้ี และตรัสอีกวา 'ดูกอ น เสละ เราเปน พระราชา' ดงั น.ี้ พระผูเปน เจา นาคเสน ถา วา พระผู มพี ระภาคเจา ตรสั แลววา 'ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เราเปนพราหมณ ควรเพอื่ อนั ยาจกจะ พึงขอ' ดงั น,้ี ถา อยา งนนั้ คาํ ท่วี า 'ดกู อน เสละ เราเปน พระราชา' ดงั น้ี น้ันผดิ . ถา วา พระตถาคตตรัสแลววา 'ดูกอ น เสละ เราเปน พระราชา' ดังน,ี้ ถา อยางนั้น คําท่วี า 'ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย เราเปน พราหมณค วรเพอ่ื อนั ยาจกจะพงึ ขอ' ดงั น้ี แมน น้ั กผ็ ิด. ก็ พระตถาคตพงึ เปนกษตั ริยบ า ง พงึ เปน พราหมณบา ง, ในชาติเดียวเปน ไดส องวรรณะ ยอมไมม.ี ปญ หาแมน ีส้ องเงอ่ื น มาถงึ พระผูเปน เจา แลว พระผูเปน เจา พึงขยายใหแจง ชดั เถิด.\" พระเถรเจา ทลู วา \"ขอถวายพระพร แมพระพุทธพจนน ี้ พระผูมีพระภาคเจาทรง ภาสติ แลว วา 'ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย เราเปน พราหมณควรเพอ่ื อนั ยาจกจะพึงขอ' ดงั น.้ี และตรสั อกี วา 'ดูกอน เสละ เราเปน พระราชา' ดังน.้ี พระตถาคตเปนพราหมณดว ย เปน พระมหากษตั ริยดวย เพราะเหตไุ ร เหตใุ นขอ นน้ั มอี ย.ู \" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน พระตถาคตเปน พราหมณดวย เปน พระมหากษัตริย ดวย เพราะเหตไุ ร? เหตนุ น้ั เปน อยา งไรเลา ?\"
ถ. \"ขอถวายพระพร ธรรมทงั้ หลายท่ีเปน บาป เปน อกุศลท้ังปวง อันพระตถาคต ลอยเสียแลว ละเสยี แลว ไปปราศแลว ถงึ ความฉิบหายแลว อนั พระตถาคตเลกิ ถอน แลว สิ้นไปแลว ถงึ ความส้ินไปแลว ดบั ไปแลว เขา ไประงบั แลว , เพราะฉะนนั้ พระ ตถาคตอันบณั ฑติ ยอ มกลา ววา เปน พราหมณ. ธรรมดาวา พราหมณ ลวงแลวซง่ึ ทาง แหงความสงสยั เปน ความสงสัยมีสว นมใิ ชอ นั เดียว, แมพระผมู พี ระภาคเจา ลว งแลว ซง่ึ ความสงสยั ทางแหง ความสงสยั มีสว นมใิ ชอ นั เดยี ว, เพราะเหตนุ น้ั พระตถาคตอัน บณั ฑิตยอ มกลาววา เปน พราหมณ. ธรรมดาวาพราหมณ ออกแลวจากภพและคตแิ ละ กําเนดิ ทงั้ ปวง พน วิเศษแลว จากมลทนิ และละออง เปน ผไู มม ีสหาย, แมพ ระผูมีพระ ภาคเจา ออกไปแลวจากภพและคตแิ ละกําเนดิ ทง้ั ปวงพน วเิ ศษแลว จากมลทนิ และ ละออง คอื กิเลส เปนผไู มม สี หาย, เพราะเหตนุ น้ั พระตถาคตอันบณั ฑติ ยอมกลาววา เปน พราหมณ. ธรรมดาวาพราหมณเ ปน ผเู ลศิ ประเสรฐิ สดุ นา เลอื กสรร บวร มธี รรมเปน เครือ่ งอยูด ังทพิ ยม าก, แมพระมีพระภาคเจาเปน ผเู ลศิ ประเสริฐสดุ นาเลือกสรร บวร มี ธรรมเปนเคร่ืองอยูดงั ทิพยม าก, แมเพราะเหตุนน้ั พระตถาคตอันบณั ฑติ ยอ มกลา ววา เปน พราหมณ. ธรรมดาวา พราหมณเ ปน ผทู รงไวซ ง่ึ ความเรียน และใหผ ูอ ื่นเรียน และ การให และการรบั และความทรมาน และความสาํ รวม และความนยิ ม และความสงั่ สอนมแี ตปางกอ น และประเวณใี นวงศ, แมพ ระผมู พี ระภาคเจาผทู รงไวซ งึ่ ความเรียน และใหผูอ่ืนเรยี น และการให และการรับ และความทรมาน และความสาํ รวม และ ความนิยม และความสง่ั สอน และประเวณใี นวงศ เปนอาจณิ ของพระพทุ ธเจา แตป าง กอน, แมเพราะเหตนุ น้ั พระตถาคตอันบณั ฑติ ยอมกลา ววา เปน พราหมณ ธรรมดาวา พราหมณเ ปน ผเู พง ดว ยสขุ วหิ ารอันประเสรฐิ และฌาน, แมพระผมู พี ระภาคเจา เปน ผู เพงดว ยสขุ วหิ ารอนั ประเสรฐิ และฌาน, แมเพราะเหตนุ นั้ พระตถาคตอันบณั ฑิตยอ ม กลาววา เปน พราหมณ. ธรรมดาวา พราหมณยอ มรูค วามเปนไปแหง อภชิ าตแิ ละความ เท่ียวไปเนอื ง ๆ ในภพนอยและภพใหญ และคติทงั้ ปวง, แมพ ระผูม พี ระภาคเจา ยอมรู ความเปน ไปแหงอภิชาติ และความทองไปเนือง ๆ ในภพนอยและภพใหญ และคตทิ งั้ ปวง. แมเ พราะเหตุนนั้ พระตถาคตอนั บณั ฑติ ยอ มกลา ววา เปน พราหมณ. ขอถวายพระพร ช่ือวา พราหมณ ดงั น้ี ของพระผมู พี ระภาคเจา นัน่ ไมใ ชพระ นามอนั มารดากระทาํ ไมใ ชพ ระนามอนั บดิ ากระทาํ ไมใ ชพ ระนามอนั พนี่ อ งชายกระทํา มใิ ชพ ระนามอนั พนี่ องหญงิ กระทาํ มิใชพระนามอนั มติ รและอมาตยท ัง้ หลายกระทาํ มใิ ชพ ระนามอนั ญาติสาโลหติ กระทํา มใิ ชพ ระนามอันสมณะและ พราหมณทงั้ หลายกระทาํ ไมใชพ ระนามอนั เทวดาทัง้ หลายกระทาํ แลว . พระนามนนั้ มี ในทีส่ ดุ แหง วโิ มกข เปน พระนามของพระผมู ีพระภาคเจา ทง้ั หลายผตู รัสรูแ ลว , พระนาม
วา พราหมณ ดงั น้ี นนั้ เปนสจั ฉกิ าบญั ญตั ิเพราะเหตุมาตรวาไดเ ฉพาะแลว ปรากฏแลว เกดิ ข้นึ พรอมแลว พรอมดว ยอนั ขจดั มารและเสนาแหงมาร ลอยแลวซงึ่ ธรรมทงั้ หลาย เปนบาปเปน อกุศล เปน อดีตอนาคตปจจุบนั ไดเ ฉพาะสพั พญั ุตญาณทโี่ คนแหง ไมโพธทิ เี ดยี ว. เพราะเหตนุ ้ัน พระตถาคตอันบัณฑติ ยอ มกลาววา เปน พราหมณ. \" ร. \"พระผูเปน เจานาคเสน พระตถาคต อนั บัณฑิตยอมกลาววา เปน พระราชา เพราะเหตไุ รเลา ?\" ถ. \"ขอถวายพระพร บุคคลผูใดผูห นง่ึ ใหท าํ ความเปน พระราชาสงั่ สอนโลก บคุ คลผูน ัน้ ช่อื พระราชา, แมพ ระผูมีพระภาคเจา ใหทาํ ความเปน พระราชาโดยธรรมใน หมืน่ แหง โลกธาตุ สง่ั สอนโลกกับทง้ั เทวดากบั ทง้ั มารกับท้งั พรหม หมูสตั วก บั ทงั้ สมณะ และพราหมณ, เพราะเหตนุ นั้ พระตถาคตอันบัณฑิตยอ มกลาววา พระราชา. ธรรมเนยี ม พระราชา ยอ มครอบงําหมชู นและมนษุ ยท ้ังหลายทงั้ ปวง ยงั หมูแหงญาตใิ หเพลดิ เพลิน ยงั หมูแหง บุคคลมิใชมิตรใหโศกเศรา ยกขน้ึ ซึ่งเศวตฉตั รอันขาวปราศจากมลทนิ มคี นั เปน สาระมั่น ประดับแลวดว ยรอยแหง ซีไ่ มพรอง นาํ ไปซึ่งยศและสิริใหญ ๆ, แมพ ระผมู ี พระภาคเจายงั มารและเสนาแหงมาร ผปู ฏบิ ตั ิผดิ แลวใหโ ศกเศรา ยังเทพดาและมนุษย ท้ังหลายผปู ฏิบตั ิชอบแลวใหเ พลดิ เพลิน ยกเศวตฉตั รอนั ขาวและปราศจากมลทนิ คือ วมิ ตุ ตเิ ลิศประเสรฐิ มีคันเปน สาระม่นั คือ ขนั ตี ประดับแลว ดว ยซรี่ อยหน่งึ คือ ญาณอัน ประเสรฐิ นาํ ยศและสิรใิ หญๆ ในหมืน่ แหง โลกธาต,ุ แมเ พราะเหตนุ น้ั พระตถาคตอนั บัณฑิตยอมกลา ววา พระราชา. ธรรมเนยี มพระราชาตอ งเปน ท่ีควรถวายบังคมของชนผู เขาไปใกลแ ลว และถงึ พรอ มแลว ทงั้ หลายมาก, แมพ ระผูมีพระภาคเจา เปน ผคู วรไหว ย่ิงของเทพดาและมนุษยผ เู ขา ไปใกลแ ลว และถงึ พรอมแลวทง้ั หลายมาก, แมเ พราะเหตุ นัน้ พระตถาคตอนั บัณฑิตยอ มกลา วาพระราชา. ธรรมเนยี มพระราชาเล่ือมใสแกบคุ คล ผูใดผูหน่งึ ซง่ึ ทาํ ใหพอพระหฤทัย จึงพระราชทานพร อนั บคุ คลนั้นปรารถนาแลว ใหเ อิบ อิ่มตามประสงค, แมพ ระผมู พี ระภาคเจา เลอื่ มใสแลวแกบ คุ คลผใู ดผูห นงึ่ ซง่ึ ใหท รงยินดี ดวยกายดว ยวาจาดว ยใจ ประทานความพน จากทกุ ขท้งั ปวง เปน พระไมมีพรอน่ื จะยงิ่ กวา อนั บคุ คลน้ันปรารถนาแลว ใหเ อบิ อ่มิ ตามความใครอันประเสริฐไมเหลือ, แมเ พราะ เหตนุ น้ั พระตถาคตอันบณั ฑิตยอมกลา ววาพระราชา. ธรรมเนียมพระราชายอ มติเตียน บคุ คลลวงพระอาณาใหเสื่อม ยอมกาํ จดั ผลู วงซง่ึ อาญาน้ัน, ผลู ว งอาณาในศาสนาอัน ประเสริฐ แมข องพระผูมพี ระภาคเจา เปน ผอู ันบณั ฑติ ดูหมิ่นดแู คลนแลว ติเตยี นแลว โดยความเปน อลัชชี และเปน ผเู กอ เวน ไปจากศาสนาอนั ประเสริฐของพระพุทธเจาผู ชนะแลว , แมเ พราะเหตนุ น้ั พระตถาคตอนั บณั ฑิตยอ มกลา ววา พระราชา. อนึ่ง ธรรม เนยี มพระราชา แสดงธรรมและอธรรมดวยความสง่ั สอน ประเวณีของพระมหากษตั รยิ
ทัง้ หลาย ผสู ถติ ในธรรมแตป างกอ นแลว จงึ ใหกระทําความเปน พระราชาโดยธรรม อนั ชนและมนษุ ยท ้ังหลายทะเยอทะยานรักใคร ปรารถนาแลว ยอ มสถาปนาวงศแ หง ตระกูลของพระราชาไวย นื นาน ดวยกาํ ลงั แหงคณุ แหงธรรม, แมพระผูม ีพระภาคเจา ทรงแสดงธรรมและอธรรมดวยพราํ่ ส่งั สอน ประเวณขี องสยัมภพู ุทธเจา ทงั้ หลายแตป าง กอ นเมอ่ื สงั่ สอนโลกโดยธรรม อันเทพดาและมนุษยท งั้ หลายทะเยอทะยานรกั ใคร ปรารถนาแลว ยงั ศาสนาใหเปนไปสน้ิ กาลนาน ดว ยกาํ ลงั แหง คุณแหง ธรรม แมเ พราะ เหตุนน้ั พระตถาคตอนั บัณฑติ ยอ มกลา ววา พระราชา. พระตถาคตพงึ เปน พราหมณบา ง พงึ เปน พระราชาบา ง ดวยเหตใุ ด เหตุนนั้ มีประการมิใชอยางเดยี ว ดว ยประการฉะน.ี้ ภกิ ษผุ ฉู ลาดดวยดี แม จะพรรณนาไปตลอดกัลปหนึ่ง พงึ ยงั เหตนุ นั้ ใหถงึ พรอม คือใหจบไมไ ด, ประโยชนอ ะไร ดว ยกลา วเหตุมากเกนิ บรมบพิตรพึงรับเหตุทีอ่ าตมภาพยอพอสมควร.\" ร. \"ดีละ พระผเู ปน เจา นาคเสน ขอ วสิ ัชนาปญ หานั้นสม อยางนนั้ , ขา พเจา ยอมรบั รองอยางนนั้ .\" ๘. ทวนิ นงั พทุ ธานงั โลเก นุปปชชนปญหา ๕๗ พระราชาตรัสถามวา \"พระผเู ปนเจา นาคเสน แมพ ระพทุ ธพจนน ้ี พระผมู ีพระ ภาคเจา ทรงภาสติ แลว วา 'ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลายพระอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา ทัง้ หลาย สองพระองค พงึ เกดิ ขึ้นไมก อ นไมหลงั พรอมกันในโลกธาตอุ ันเดยี ว ดว ยเหตุใด เหตนุ ัน้ ไมใชเปน ที่ตงั้ ไมใชโอกาส เหตนุ น้ั อันบุคคลยอมไมไ ด. \" พระผูเ ปน เจา นาคเสน พระตถาคตท้งั หลายแมทง้ั ปวง แมเ มื่อทรงแสดง ยอ ม ทรงแสดงธรรมท้ังหลาย มีในฝกฝา ยแหง ปญญาเครือ่ งตรสั รูส ามสิบเจด็ ก็เม่อื ตรัส ยอ ม ตรัสอรยิ สัจทง้ั หลายสี่ กเ็ มื่อใหศ ึกษายอมใหศกึ ษาในสกิ ขาทงั้ หลายสาม กเ็ ม่อื พรา่ํ สอน ยอมพราํ่ สอนเพอ่ื ความปฏิบตั ใิ นความไมป ระมาท. พระผูเปนเจา นาคเสน ถา วา เทศนาของพระตถาคตทงั้ หลายแมทงั้ ปวงอยาง เดยี วกนั กถากอ็ ยา งเดียวกนั สกิ ขาก็อยา งเดยี วกัน ความพร่าํ สอนก็อยา งเดยี วกนั พระ ตถาคตทงั้ หลายสองพระองค ยอ มไมเ กิดข้นึ ในขณะเดยี วกนั , เพราะเหตุไร พระตถาคต สององคจึงไมเ กิดในคราวเดยี วกนั เลา? โลกน้ีมแี สงสวา งเกิดแลว ดวยความเกิดขนึ้ แหง พระพทุ ธเจา แมอ งคเ ดยี วกอน, ถา วาพระพทุ ธเจา ทส่ี องพงึ มี โลกนพี้ งึ มแี สงสวา งเกิด แลว เกนิ ประมาณ ดว ยแสงสวา งแหง พระพทุ ธเจา ทง้ั หลายสอง, และพระตถาคต
ทงั้ หลายสอง เม่อื จะกลาวสอน พงึ กลา วสอนงา ย. เมือ่ จะพรํ่าสอน พงึ พรํา่ สอนงา ย. พระผเู ปนเจา จงกลาวเหตใุ นขอ นนั้ แกขา พเจา ๆ พึงสนิ้ ความสงสัยอยางไรเลา ?\" พระเถรเจา ทูลวา \"ขอถวายพระพร หมื่นโลกธาตนุ ้ี ทรงพระพุทธเจา ไวไดแ ต พระองคเ ดียว ยอ มทรงคุณของพระตถาคตไวไดแ ตพระองคเ ดียว; ถา วา พระพุทธเจา ที่ สอง พงึ เกิดขึน้ หมน่ื โลกธาตนุ ี้ พงึ ทรงไวม ไิ ด พงึ เขยื้อน พงึ หวนั่ ไหว พึงเอนไป พงึ ทรุด ลง พึงกวดั แกวง พง่ึ เรย่ี ราย พงึ กระจัดกระจาย พงึ เขา ถงึ ความตั้งอยูไมไ ด. เปรยี บเหมือนเรอื ท่ีขา มไดแตคนเดยี ว ครนั้ เม่ือบุรุษคนเดียวข้ึนแลว พอด,ี ถาวา บรุ ุษที่สองพึงมาไซร เปน ผูเชนนน้ั โดยอายุ และวรรณ และวยั และประมาณ โดยอวัยวะ ใหญน อ ยผอมและอว น, บรุ ษุ นนั้ พงึ ขึ้นสูเรอื นั้น, เรือนั้นจะพงึ ทรงกายของบรุ ษุ ทง้ั สองไว ไดห รอื ?\" ร. \"หาไม พระผูเปนเจา เรอื นั้นพงึ เขยอ้ื น พึงหวนั่ ไหว พงึ เอียง พึงเพียบลง พงึ กวดั แกวง พงึ เรี่ยราย พงึ กระจัดกระจาย เขา ถงึ ความคงอยูไมได พงึ จมลงในนํา้ .\" ถ. \"ขอถวายพระพร เรือนน้ั พงึ ทรงบรุ ษุ สองคนไวไมไ ด จมลงในน้ํา ฉันใด, หมนื่ โลกธาตนุ ี้ ทรงไวไดแ ตพระพทุ ธเจา พระองคเดยี ว ทรงคณุ ของพระตถาคตไวไ ดแต พระองคเดียว ถาพระพทุ ธเจา ท่สี อง พงึ เกดิ ขึน้ หม่นื โลกธาตนุ ้ี พงึ ทรงไวไมไ ด พึง เขยอื้ นและหวน่ั ไหวและเอนและทรดุ ลงและกวดั แกวง และเรีย่ ราย และกระจดั กระจาย ไป พึงเขา ถงึ ความตงั้ อยไู มได ฉนั นนั้ . อีกอยา งหนงึ่ เปรียบเหมือนบุรุษ พงึ บริโภคโภชนะตามตองการเพียงไร บุรษุ น้นั ยังโภชนะทชี่ อบใจใหเ ตม็ ยงิ่ เพียงคอ อิม่ แลวชมุ แลว บรบิ ูรณแลว ไมม ีระหวา ง เปน ผู แขง็ ดังไมเ ทา กม ไมลง พงึ บริโภคโภชนะเทานั้นอกี นนั่ เทียว, บุรษุ นน้ั พงึ มสี ุขบา งหรอื หนอ?\" ร. \"หาไม พระผูเปนเจา บรุ ุษน้ันพงึ บริโภคคราวเดยี วเทยี วตาย\" ถ. \"ขอถวายพระพร ขอ นี้ ฉันใด, หมน่ื โลกธาตนุ ี้ ทรงพระพุทธเจา ไวไดแ ต พระองคเ ดยี ว ทรงคณุ ของพระตถาคตไวไ ดแตพระองคเ ดียว, ถา พระพุทธเจา ที่สอง พงึ เกิดขึ้น หมนื่ โลกธาตนุ ี้ พึงทรงไวไ มไ ด พงึ เขยื้อนหว่นั ไหว เอนทรุดลง และกวัดแกวง เร่ียรายกระจัดกระจาย เขา ถงึ ความต้ังอยูไ มได ฉันนนั้ เทยี ว.\" ร. \"พระผเู ปน เจา นาคเสน แผน ดนิ ยอ มเขยื้อนดว ยหนกั ธรรมเกนิ หรือหนอแล?\" ถ. \"ขอถวายพระพร เกวียนทงั้ หลายสอง เตม็ แลว ดวยรัตนะเสมอขอบ, บุคคล ทงั้ หลายขนรตั นะแตเกวยี นเลมหนง่ึ บรรทกุ ในเกวยี นเลมหนง่ึ , เกวียนนน้ั พงึ ทรงรตั นะ แหงเกวียนทง้ั หลาย แมส องไดหรือไม? \"
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430