Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ครูประณีต คิดนอกกรอบ

ครูประณีต คิดนอกกรอบ

Published by ห้องสมุดประชาชน, 2020-05-31 14:11:14

Description: ครูประณีต คิดนอกกรอบ

Search

Read the Text Version

วางของหลายๆ อย่างไว้บนโต๊ะท่ีต้ังไว้รอบห้องเรียน (เช่น อุปกรณ์กีฬา เกม หนังสือ หนังสือการ์ตูน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ) แล้วบอกให้นักเรียนเข้าห้องไป มองดูสิ่งเหล่านั้น แล้วไปยืนใกล้โต๊ะที่มีส่ิงที่ตัวเองสนใจท่ีสุด ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนรู้ว่า พวกเขามอี ะไรคล้ายกนั แทนทีจ่ ะมองกนั ว่าแปลกหรือแตกตา่ งไปไม่เหมอื นตัวเอง (ครู คนหน่ึงเล่าว่าได้ใชค้ �ำคณุ ศพั ท์ เช่น “เปน็ มติ ร” หรือ “กระตอื รอื ร้น” แทนส่ิงของเพ่ือ แสดงบุคลกิ ภาพทเ่ี หมอื นกนั ) ใหน้ กั เรยี นวาดภาพสตั วต์ วั โปรด แลว้ ใหเ้ อาใหเ้ พอื่ นดพู รอ้ มเลา่ วา่ ท�ำไมจงึ เลอื ก สตั วช์ นิดนัน้ ให้นักเรียนยืนเป็นวงกลมวงใหญ่ คนแรกเร่ิมบอกชื่อตัวเองพร้อมท�ำท่าทาง (เช่น ตบมือ นวดทอ้ ง ขยับนวิ้ หรอื เคาะเท้าขา้ งหน่ึง) แล้วนักเรยี นทัง้ ชน้ั พูดชือ่ น้ันและ เ ่ิรม ้ดวย... ท�ำท่าตาม ต่อมาคนท่ีสองพูดช่ือกับท�ำท่าของตัวเอง นักเรียนทั้งช้ันก็พูดช่ือและท�ำท่า ของท้ังสองคนตามล�ำดับ แล้วคนที่สามก็เริ่มท�ำเช่นเดียวกัน และท�ำไปเร่ือยๆ อย่างนี้ จนรอบวง สร้าง “ขอ้ สอบบ๊องๆ” ทม่ี ีค�ำถามพิสดาร เชน่ นกฮมั มงิ เบริ ์ดกระพือปกี ก่คี ร้ัง ในหนงึ่ นาที ผเี สอ้ื หนกั แคไ่ หน ลกู จงิ โจอ้ ยใู่ นกระเปา๋ หนา้ ทอ้ งแมน่ านแคไ่ หน นกกระจอกเทศ วิ่งเรว็ แคไ่ หน ให้นกั เรยี นจับคหู่ รือเป็นทีมเพ่ือตอบค�ำถาม และให้ “รางวัลบ๊องๆ” แก่ ผู้ชนะ ซ่ึงเป็นของเล็กๆ น้อยๆ ราคาไม่แพง เช่น เครื่องกดท�ำเสียงแมลง หรือยางลบ หมากฝร่ัง แจกลูกโป่ง แล้วดูว่าใครท�ำให้ลูกโป่งลอยอยู่ในอากาศได้นานที่สุด โดยใช้แค่ จมูกหรอื ขอ้ ศอกดนั ใหล้ กู โป่งลอยขนึ้ ตอนใกล้ตกพ้นื ให้นักเรียนยืนเป็นวงกลม คนหนึ่งบอกชื่อตัวเอง แล้วโยนถุงถั่วข้ามไปอีกฝั่ง คนที่รับถุงไว้จะบอกชื่อตัวเอง แล้วโยนถุงให้คนต่อไป ซ่ึงจะบอกช่ือตัวเองแล้วโยนถุง ต่อไป โดยเวียนท�ำอยา่ งน้ีจนครบทกุ คน สอนให้ท่องค�ำพูดตอบโต้กันตามท่ีติดไว้ล่วงหน้าบนบอร์ดหรือที่แจกเป็น กระดาษไปใหน้ กั เรียนฝึกหลายๆ คร้งั แล้วท่องค�ำพูดทง้ั หมด ซง่ึ รปู แบบทดี่ ีคือแบบท่ี พวกทหารท่องเวลาครูฝึกพดู ว่า “หน่ึง สอง” และนักเรียนตอบวา่ “สาม สี”่ แล้วตาม ด้วยค�ำพูดบางอย่าง เช่น “เราอยากเรียนรู้/ถึงมาอยู่ที่นี่ ห้า หก/เจ็ด แปด พวกเรา เย่ียมยอด/สุดยอดชัดแจ๊ด” 151

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ใหจ้ �ำไวว้ า่ พวกเดก็ โตอาจจะเรยี น 6-7 วชิ า ในหนง่ึ วนั และครหู ลายคนกอ็ าจจะ ขอให้เขียนเหมอื นกนั ฉะนนั้ ถ้าตอ้ งเขียนอะไรกต็ ามในกิจกรรมเปดิ ตัว ขอให้เขียนส้ันๆ งา่ ยๆ เพราะเป้าหมายคือการรจู้ ักบุคลิกภาพและความสามารถทว่ั ไปของนักเรียน ไมใ่ ช่ การขู่ การปราม หรือท�ำใหพ้ วกเขาเบอื่ วัตถปุ ระสงค์ส�ำคญั ของกจิ กรรมเปิดตวั คือ การท�ำใหน้ กั เรียนได้ท�ำอะไรอย่าง รวดเร็ว เผ่ือว่าถ้าคุณถูกขัดจังหวะ นักเรียนก็ท�ำงานของตัวเองต่อไปได้ จนกว่าคุณจะ กลับมาใส่ใจพวกเขาอย่างเต็มท่ี ถ้าอยากเล่นเกมหรือท�ำกิจกรรมบางอย่างท่ีคุณต้อง เป็นคนควบคุม ให้เก็บไว้เป็นกิจกรรมอันดับสอง กิจกรรมเปิดตัวต้องเป็นส่ิงที่นักเรียน ท�ำตอ่ ไปไดเ้ อง ถา้ คุณตอ้ งไปยุ่งกับรายละเอยี ดดา้ นการจัดการบางอย่าง กจิ กรรมเปดิ ตวั ทดี่ จี ะลดโอกาสทน่ี กั เรยี นจะแสดงพฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม เพราะ พวกเขาไม่เบื่อ และไม่รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างที่มักเป็นเวลา เข้าไปในห้องเงียบๆ และต้องนั่งประจันหน้ากับครูที่ไม่คุ้นเคย กิจกรรมท่ีนักเรียนเป็น ศูนย์กลางยังท�ำให้คุณมีโอกาสสังเกตนักเรียนตอนพวกเขาก�ำลังมีส่วนร่วมในกิจกรรม คณุ จะรไู้ ดท้ นั ทวี า่ คนไหนขอ้ี าย หรอื ไมม่ น่ั ใจในตวั เอง คนไหนชอบอยเู่ ปน็ กลมุ่ มแี นวโนม้ ชอบสมาคมกับคนอื่น และคนไหนไมเ่ ตม็ ใจร่วมมอื ส่ังให้ชัดเจน วิธที ่คี ุณส่งั นกั เรยี นครั้งแรกส�ำคญั มาก พวกเขาจะเรมิ่ คิดเกีย่ วกบั ตัวคณุ และรูปแบบ การสอนของคณุ ภายใน 2-3 นาทแี รกทพี่ บกนั เปน็ ครง้ั แรก (จ�ำการวจิ ยั เรอ่ื งการตดั สนิ ภายใน 1 ส่วน 5 ของวินาที ที่เล่าไว้ในในบทน�ำได้ไหม) บุคลิกที่คุณแสดงออกมา จะแตกต่างกนั มาก แล้วแตว่ า่ คณุ น่งั ทโ่ี ตะ๊ ครู นงั่ บนเกา้ อีไ้ มม่ ีพนกั พิง เดนิ ไปเดนิ มา ในห้อง หรือยนื ตรงประตู นกั เรียนจะตอบสนองตอ่ ระดบั เสยี ง ความดงั และนำ้� เสยี ง ของคุณ ค�ำท่ีคุณเลือกใช้ และโดยเฉพาะการแสดงออกทางสีหน้าและภาษาท่าทาง เช่น ถ้าเอามอื กอดอกแสดงว่าก�ำลงั ปกป้องตวั เอง เนอื่ งจากวนั นเ้ี ปน็ วนั แรกทเ่ี ปดิ เรยี น นกั เรยี นบางคนจะกระตอื รอื รน้ แตบ่ างคน 152 วิตกหรือกังวลใจ ฉะน้ัน ต้องมั่นใจว่าคุณออกค�ำส่ังท่ีง่ายและชัดเจนส�ำหรับกิจกรรม

เปิดตัว อย่าลืมว่ามีบางคนเรียนรู้ดีเมื่อเห็น จึงควรเขียนค�ำสั่งไว้บนกระดานด้วย และ เ ่ิรม ้ดวย... หลายคน โดยเฉพาะคนท่ีเรียนรู้ดีเมื่อได้ลงมือท�ำ จะรับรู้ตอบสนองได้เร็วขึ้นและดีขึ้น ถ้าคุณท�ำให้ดเู ป็นตวั อย่างก่อน ขณะทเ่ี ดก็ ๆ ท�ำกิจกรรมแรก กข็ านช่ือไปดว้ ย และจดั การปญั หาทอี่ าจเกดิ ขึน้ โดยไมค่ าดคิด ตอ่ จากน้ีก็ถงึ เวลาทักทายนักเรียน แต่อย่าเพง่ิ แจกเอกสาร “ยนิ ดตี อ้ นรับ สชู่ น้ั เรยี นของคร”ู หรอื กระโดดไปท�ำกจิ กรรมหรอื เกมทส่ี องทนั ที ใหค้ ยุ กบั นกั เรยี นกอ่ น โดยเดนิ ไปรอบห้องสกั พัก เพ่ือเปดิ โอกาสให้นกั เรียนมองคุณโดยไม่ดเู ป็นการไมส่ ุภาพ บอกนักเรียนว่า คุณตั้งหน้าตั้งตารอท�ำงานกับพวกเขามากแค่ไหน ชอบวิชาน้ี (หรือ นักเรียนชั้นน้ี) มากแค่ไหน และท�ำไมจึงเลือกสอนวิชาน้ีหรือชั้นนี้ อธิบายว่า นักเรียน จะได้เรียนรู้อะไรในเทอมน้ี แต่ไม่ต้องลงรายละเอียดว่าจะสอนเรื่องอะไรบ้างในปี การศึกษานี้ เกรน่ิ น�ำให้ส้นั และง่าย กระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นสนใจด้วยการยัว่ ให้นึก ฝึกใหค้ ิด ทันทีที่ท�ำกิจกรรมเปิดตัวเสร็จ และความอลหม่านในโอกาสท่ีเป็นวันแรกคลายลง บา้ งแลว้ กถ็ งึ เวลากระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นสนใจดว้ ยการยวั่ ใหน้ กึ ฝกึ ใหค้ ดิ เรยี กวา่ ยดึ จบั สมองนกั เรยี นไว้ ในแงว่ ทิ ยาศาสตร์ ตามที่ เควิน ดตั ตัน นักวจิ ัยของมหาวทิ ยาลยั เคมบรดิ จ์ และผเู้ ขยี นหนงั สอื ชอื่ Flipnosis: The Art of Split-Second Persuasion (Heineman, 2010) กลา่ วไว้ พฤตกิ รรมบางอยา่ งท�ำใหร้ ะบบของสมองทีเ่ กย่ี วกับ การคาดเดาภัยอันตรายใช้การไมไ่ ด้ สมองจงึ ชะงักไปชัว่ ขณะ เพือ่ “ตัง้ หลัก” ใหม่ เมอื่ มสี งิ่ ผดิ ปกตเิ กดิ ขน้ึ สมองสว่ นทเ่ี รยี กวา่ อมกิ ดาลา (amygdala - ศนู ยก์ ลางอารมณ์ ของสมอง) และเทมโพโรพาไรทลั จงั กช์ นั (temporoparietal junction - ตวั ตรวจสอบ ส่ิงแปลกใหม่) จะเร่งท�ำงานเป็นการใหญ่ อันเป็นจังหวะท่ีสมองเปิดรับค�ำแนะน�ำ ฉะนน้ั เมอื่ มสี ง่ิ ทไ่ี มค่ าดคดิ เกดิ ขนึ้ สมองสว่ นทที่ �ำหนา้ ทรี่ คู้ ดิ (cognitive function) จะท�ำงานไมไ่ ดไ้ ปชวั่ ครหู่ นงึ่ จงึ เปน็ โอกาสวเิ ศษส�ำหรบั คนทโ่ี นม้ นา้ วใจเกง่ ๆ อยา่ งครู จะใส่ค�ำแนะน�ำเข้าไปในสมองเดก็ ๆ เพราะในทางชีววิทยา สมองทก่ี �ำลังงงงันอยู่น้ัน มีแนวโน้มท่ีจะยอมรับค�ำแนะน�ำอยแู่ ลว้ 153

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด นักเรียนอาจคาดหวังว่าคุณคงจะทบทวนกฎ และพูดถึงผลลัพธ์ของการแสดง พฤติกรรมไม่เหมาะสมต่างๆ ฝ่ายบริหารของโรงเรียนอาจจะส่ังให้คุณคุยเร่ืองข้อพึง ปฏิบัติด้านระเบียบวินัยกับนักเรียนในวันแรก แต่ฉันพูดไว้ก่อนหน้าน้ี นี่เป็นเวลาหน่ึง ท่ีฉันจะลองเสี่ยงละเลยค�ำสั่งพวกน้ัน เพราะนักเรียนส่วนใหญ่รู้วิธีประพฤติตัวดีแล้ว แม้แต่ในกรณีที่ไม่น่าเป็นไปได้ส�ำหรับเด็กท่ีเพ่ิงเข้าเรียนเป็นคร้ังแรก เพราะพ่อแม่หรือ พวกผู้ใหญก่ ส็ ่ังมาหลายคร้งั แล้ววา่ ใหน้ ั่งอยู่กบั ที่ เงียบ เลกิ ตกี นั หรอื แหยก่ นั ห้ามพดู ค�ำหยาบ และท�ำตวั สภุ าพในท่ีสาธารณะ ถ้าฝา่ ยกฎหมายของโรงเรยี นกังวลเรื่องความ รบั ผดิ ตามกฎหมาย กอ็ าจจะใหพ้ อ่ แมก่ บั ผปู้ กครองเซน็ สญั ญาตอนลกู สมคั รเขา้ เรยี นกไ็ ด้ ครตู อ้ งรบั ผิดชอบต่อความปลอดภัยของนกั เรียนและการสอน แต่ฉนั ไม่เชอื่ ว่าเป็นเร่อื ง ยตุ ิธรรมหรอื ถูกตอ้ งท่ีจะให้ครทู �ำหนา้ ที่เป็น “ต�ำรวจจราจร” ดว้ ย ในเม่อื สิง่ ท่ีครูตอ้ งท�ำ คือผูกสัมพันธ์กับนักเรียน ดังนั้น ฉันจึงชะลอการคุยเรื่องกฎออกไปก่อน จนกว่าจะถึง วันที่ 2, 3 หรือ 4 ของการเปิดเรียน (ถ้าละเลยค�ำส่ังของฝ่ายบริหารไม่ได้ ก็ต้องหาวิธี ท�ำใหน้ กั เรยี นสนกุ กบั การคยุ เรอ่ื งกฎ ตามทดี่ ตั ตนั บอกไวว้ า่ อารมณข์ นั เปน็ เครอ่ื งมอื หนง่ึ ทีใ่ ช้ได้ผลทสี่ ุดในการลดความเปน็ ปรปักษ์ และจงู ใจให้หนั มาร่วมมอื ) ตามปกตฉิ นั จะเรมิ่ ดว้ ยการพดู วา่ “วนั นพี้ วกเราควรจะทบทวนกฎและระเบยี บ ปฏบิ ตั ิ แตค่ รูอยากเก็บไวค้ ุยกนั ตอนปลายๆ ของสปั ดาห์ เพราะตอนนอี้ ยากใหพ้ วกเรา ท�ำความรู้จักกนั กอ่ น” จากนนั้ ฉนั จะท�ำกิจกรรมท่นี ักเรียนสนใจ และสนกุ กบั การฉาย สไลดห์ รอื บางตอนของภาพยนตร์ กระตกุ ใหน้ กั เรยี นตกใจไปกบั สถติ ติ า่ งๆ ทม่ี ผี ลกระทบ ตอ่ ชวี ติ ของตัวเอง ยั่วใหค้ ดิ แกป้ รศิ นาลบั สมอง ดงึ เขา้ มาเลน่ เกมตลกๆ ขอใหว้ าดภาพ สนุ ขั ทชี่ อบกนิ บทกวี ทา้ ทายใหเ้ อาชนะฉนั ในเกมตอ่ ค�ำ โดยใหท้ ง้ั ชนั้ รวมกลมุ่ มาสกู้ บั ครู และอนุญาตให้ใช้พจนานุกรมได้ ถ้านักเรียนชนะ ทุกคนจะได้เกรดเอส�ำหรับการบ้าน ชน้ิ แรก (จนถึงตอนน้ี ยังไม่เคยมีใครเอาชนะฉันได้เลย แต่ถา้ ท�ำได้ กเ็ ปน็ เร่ืองดี เพราะ ทุกคนจะได้เป็นนักเรียนเกรดเอ แม้จะเพียงชั่วคราวก็ตาม) ฉันท�ำทุกอย่างยกเว้นส่ิงที่ นกั เรยี นคาดวา่ ครจู ะท�ำ นน่ั คอื การคยุ เรอ่ื งกฎและระเบยี บปฏบิ ตั ิ ขอ้ ก�ำหนดของหลกั สตู ร วัตถปุ ระสงค์ ข้ันตอนการปฏบิ ัตติ ามมาตรฐาน ความส�ำคญั ของการศึกษา การทดสอบ 154 มาตรฐานทกี่ �ำลังจะมาถงึ และคร่อก...ฟี้…

คณุ จะกระตนุ้ ใหน้ กั เรยี นสนใจและคดิ อะไรกไ็ ด้ ขน้ึ กบั วชิ าทคี่ ณุ สอน บคุ ลกิ ภาพ เ ่ิรม ้ดวย... ของคณุ และตวั นกั เรยี นเอง ไมว่ า่ จะเลอื กอะไร ขอใหป้ รบั เปลย่ี นงานโดยเพม่ิ สงิ่ ทน่ี กั เรยี น ไมค่ าดคดิ เขา้ ไป ฉนั ไมไ่ ดแ้ นะน�ำใหใ้ ชส้ ง่ิ แปลกใหมเ่ พยี งแคจ่ ะไดท้ �ำอะไรแปลกใหมเ่ ทา่ นน้ั และไมไ่ ดบ้ อกวา่ ครมู หี นา้ ทสี่ รา้ งความบนั เทงิ ใหน้ กั เรยี น แตว่ นั แรกๆ ของการเปดิ เรยี น ส�ำคัญพอๆ กับการออกเดตคร้ังแรกๆ ของความสัมพันธ์โรแมนติก เพราะจะก�ำหนด อนาคตของความสมั พนั ธใ์ นระยะยาวได้ และพวกเราจะใชว้ ทิ ยาศาสตรใ์ หเ้ ปน็ ประโยชน์ เพือ่ สร้างความสมั พันธน์ นั้ ส�ำหรบั ค�ำอธบิ ายทางวทิ ยาศาสตรเ์ กยี่ วกบั เรอื่ งทวี่ า่ สารเคมใี นสมองมผี ลกระทบ ต่อความใส่ใจของนักเรียนอย่างไร และความเครียดมีผลกระทบต่อการเรียนรู้อย่างไร ฉันตอ้ งแนะน�ำวา่ ใหไ้ ปอ่านหนงั สอื ของ Eric Jensen ช่ือ Teaching With the Brain in Mind (สมาคมเพ่ือการนเิ ทศและการพัฒนาหลักสูตร, ปี 1998 และดูขอ้ มลู เพมิ่ เติม ในภาคผนวก) หยดุ ยง้ั เจตคติท่ีเหน็ ครูกบั นกั เรยี นอยคู่ นละข้าง มสี ภุ าษติ เกา่ ของทหารเรอื บอกไวว้ า่ “ทบุ ใหน้ ว่ มกอ่ น แลว้ คอ่ ยถามชอื่ ทหี ลงั ” ครฝู กึ ทหารเกณฑ์ใช้วิธีน้ันเพ่ือกระตุ้นให้ไอ้เณรท้ังหลายทุ่มจนสุดตัว และรู้ว่าใครเป็นผู้ ควบคมุ อยา่ งรวดเรว็ ฉนั ใชย้ ทุ ธวธิ เี ดยี วกนั แตป่ รบั ใหน้ มุ่ นวลขนึ้ และคงวตั ถปุ ระสงค์ เดิมไว้ ฉันอยากให้นักเรียนเข้าใจทันทีว่า ครูยินดีต้อนรับทุกคนเข้ามาในห้องเรียน แตน่ เ่ี ปน็ ห้องเรียนของฉนั และฉันเปน็ คนรับผิดชอบ นอกจากนนั้ ฉันยงั อยากสรา้ ง สภาพแวดลอ้ มทน่ี กั เรยี นท�ำงานกบั ครู ไมใ่ ชต่ อ่ ตา้ นครู ฉนั ไมย่ อมใหน้ กั เรยี นมาบงการ ให้ครูกับนักเรียนอยู่คนละฝ่าย (ฉันเคยปล่อยให้เป็นแบบนั้นเมื่อสอนปีแรก ต่อมา จึงรู้ว่า ส�ำคัญแค่ไหนท่ีนักเรียนต้องตอบสนองครู ไม่ใช่ครูตอบสนองนักเรียน และ เลกิ ยอมใหน้ กั เรียนบงการ) ฉนั พยายามแสดงใหน้ กั เรยี นเหน็ ว่า เราอยขู่ ้างเดียวกัน และจะท�ำงานด้วยกันเพอ่ื แก้ปญั หา และท�ำอย่างสนุกสนานทสี่ ุดเทา่ ท่จี ะท�ำได้ นเี่ ปน็ อกี ยทุ ธวธิ ที สี่ อดคลอ้ งกบั ผลการวจิ ยั เรอ่ื งการจงู ใจของเควนิ ดตั ตนั การรว่ ม รู้สึกเป็นเครื่องโน้มน้าวใจที่ทรงพลัง ถ้าแสดงให้นักเรียนเห็นว่า ครูรู้สึกอย่างเดียวกัน 155

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด นกั เรยี นจะเอาใจมาอยกู่ บั ครู เลกิ เหน็ ครเู ปน็ ศตั รู เปน็ ผใู้ หญ่ หรอื ผบู้ งั คบั ใชก้ ฎ และเรมิ่ เหน็ ครูเปน็ เพอื่ นมนษุ ย์ (ไม่ใช่แค่เพอ่ื น แตเ่ ปน็ มนษุ ยด์ ้วย) คณุ อาจจะเลอื กท�ำอะไรๆ ทตี่ า่ งจากฉนั โดยสนิ้ เชงิ กไ็ ด้ สง่ิ ทที่ �ำไมส่ �ำคญั เทา่ กบั วา่ ใชไ้ ดผ้ ลหรอื เปลา่ แตถ่ า้ นกั เรยี นยงั ไมเ่ หน็ ตรงกนั กบั คณุ คณุ จะสอนอะไรพวกเขาไมไ่ ดเ้ ลย แลว้ มัวไปยุ่งกับการพยายามก�ำหนดระเบยี บวินยั และบังคบั ใช้กฎของตวั เอง การท�ำใหน้ ักเรยี นเห็นตรงกนั กับครูไม่ใช่เร่ืองยาก ฉันยังไมเ่ คยเจอเด็กทอ่ี ยาก ล้มเหลวหรือไม่อยากให้ใครชอบ แต่เด็กๆ จ�ำนวนมาก โดยเฉพาะพวกวัยรุ่นมักท�ำตัว นา่ รงั เกยี จและไมน่ า่ รกั เลย เวลารสู้ กึ กลวั และเดก็ ๆ กก็ ลวั อะไรๆ มากมาย สง่ิ ทนี่ กั เรยี น กลัวในโรงเรยี นโดยเฉพาะมี 2 อยา่ ง คอื กลวั คนไม่ชอบ และกลัวสอบตกวชิ าของคุณ แม้แต่เดก็ ฉลาดกย็ ังกังวลเรือ่ งนี้ ฉนั จึงพูดถงึ ความกลัวของนกั เรียนตอนกลา่ วต้อนรับ ในท�ำนองน้ี ยินดีต้อนรับสู่ห้องเรียน ครูช่ือ จอห์นสัน ครูดีใจมากที่พวกเธอมาเรียนห้องน้ี เพราะครูชอบสอน ครูอยากช่วยให้นักเรียนเก่งข้ึน จะได้ประสบความส�ำเร็จ ในอนาคต ครูจะไม่แกลง้ นักเรียน หรอื พยายามท�ำใหส้ อบตก หรอื บังคบั ให้ท�ำ อะไรตามใจครู ครูเคยรบั ราชการทหารมา 9 ปี ตอนที่ยงั อายุนอ้ ย และเบื่อกับ การมีคนสงั่ ให้ท�ำโน่นท�ำนตี่ ลอดเวลา ฉะนนั้ ครจู ะพยายามไมจ่ ู้จถี้ งึ แม้ว่าหน้าท่ี ของครูคือเป็นครู แต่ต้องมีคนมาขับรถคันนี้ อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าพวกเรา จะขึ้นไปบนถนน และนักเรียนเดนิ ทางต่อไปได้ ครูสัญญาวา่ จะไม่ท�ำให้ใครอบั อายขายหน้าในหอ้ งเรียน เพราะรู้ดีวา่ คนทอ่ี บั อายรสู้ กึ อยา่ งไร ไมม่ ใี ครรสู้ กึ ดเี ลยใชไ่ หมทตี่ อ้ งขายหนา้ แตค่ รคู าดหวงั ให้พวกเธอคิด แลว้ ถา้ มคี นตายเพราะคดิ มากเกนิ ไป ครจู ะรบั ผดิ ชอบเตม็ ท่ี เอาละ ตอนนมี้ ใี ครบา้ งทอี่ ยากไปหาหมอฟนั มากกวา่ แทนอา่ นออกเสยี ง ยกมือข้นึ ซิ จะมีคนยกมือเสมอ ดังน้ัน ฉันก็จะพูดว่า ท�ำใจสบายๆ ตอนเป็นเด็ก ครกู ็ข้ีอายมากและกลวั ทีจ่ ะตอ้ งอา่ นออกเสียง ในชั้นครนู ้ี ถา้ ใครไมอ่ ยากอ่าน ออกเสยี ง ก็ไมต่ อ้ งอา่ น ฉะนัน้ ตอนนี้ เลิกกังวลไดแ้ ลว้ ครไู มอ่ ยากใหน้ ักเรยี น 156 เกลียดการเข้ามาเรียนในห้องนี้ ครูอยากให้สนุกกับการอ่าน การเขียน และ

การคุยกันเร่ืองหนังสือ เรื่องเล่า และเรียงความที่พวกเราจะอ่านกันในปีนี้ เ ่ิรม ้ดวย... ครูหวงั ว่า นักเรียนจะสบายใจมากพอทจ่ี ะอาสาอา่ นออกเสียงวนั หลงั แต่ครจู ะ ไม่บงั คับใหใ้ ครอา่ น นี่คือสิ่งท่ีครูอยากให้นักเรียนเรียนรู้จริงๆ คือ ครูอยากให้พวกเธอ วเิ คราะหค์ วามคดิ ของคนอนื่ ๆ เปน็ เปรยี บเทยี บความคดิ ทแ่ี ตกตา่ ง และแสดง ความเหน็ ของตัวเองอย่างฉลาดและอธบิ ายไดช้ ัดเจน ยิง่ นกั เรยี นมีทกั ษะทาง ภาษา จะยง่ิ ประสบความส�ำเร็จในโรงเรียน ในการท�ำงาน และในชีวิตส่วนตวั โดยเฉพาะในชวี ติ รัก นกั เรยี นพากนั หวั เราะคกิ คกั เพราะคดิ วา่ ครพู ดู เลน่ แตฉ่ นั ไมไ่ ดพ้ ดู เลน่ ฉนั อธบิ าย ต่อไปว่า ครูพูดจริงๆ นะ ลองคิดดูสิ พวกเราใช้ค�ำพูดเพ่ือจะได้ส่ิงที่ต้องการในชีวิต แน่นอน เราใช้ค�ำพูดเพื่อตอบค�ำถามในโรงเรียน และใช้ค�ำพูดเพ่ือชวนคน ออกเดตดว้ ย หรือเพอื่ อธิบายวา่ ท�ำไมจงึ ไม่อยากเสพยา หรือถอดเสอื้ ผา้ หรือ เพื่อโน้มน้าวให้พ่อแม่ยอมให้โกนหัว หรือยืมรถ แล้ววันหลัง นักเรียนจะต้อง ใชค้ �ำพดู เพอ่ื ใหว้ า่ ทแ่ี มย่ ายชอบ ถา้ คดิ วา่ เรอื่ งนนั้ ไมส่ �ำคญั รบั รองตอ้ งประหลาดใจ มากแนๆ่ พูดถึงเรื่องประหลาดใจแล้ว นักเรียนอาจจะประหลาดใจที่ได้รู้ว่า ทุกคนจะเร่ิมต้นในชั้นน้ีด้วยการได้เกรดเอ แต่จะเก็บเอไว้ได้หรือไม่ ก็ข้ึนกับ ตัวเอง ครจู ะท�ำดที ส่ี ุดเพ่อื ชว่ ยให้เรารักษาเกรดเอไว้ใหไ้ ด้ และสญั ญาว่า ถา้ มา เรียนตามปกติ รว่ มมอื กบั ครู และขยันท�ำงาน ก็จะสอบผ่านวชิ าน้ี ฉนั ใชเ้ ทคนคิ ใหท้ กุ คนเรมิ่ ตน้ ดว้ ยเกรดเออยหู่ ลายปี โดยไมเ่ ขา้ ใจวา่ ท�ำไมจงึ ไดผ้ ล ดีนัก ฉันใช้เทคนิคนี้ครั้งแรกโดยบังเอิญ แต่พอได้ผลดีมาก ฉันจึงใช้เป็นวิธีมาตรฐาน ไปเลย เมอ่ื เรว็ ๆ นี้ ขณะคน้ ควา้ รายงานการวจิ ยั เกย่ี วกบั ภาวะผนู้ �ำทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ล การตลาด และการจูงใจ ฉันจึงได้รู้ว่า เหตุท่ีกลยุทธ์อย่างน้ีมีประสิทธิผลมากก็เพราะคนคิดว่า ได้ของฟรี แล้วพอได้มา ก็ไม่อยากเสียไป พวกนักการตลาดมืออาชีพใช้เทคนิคแบบน้ี ตลอดเวลา เช่น การซ้ือ 1 แถม 1 อาจจะโน้มน้าวให้คุณซื้อของบางอย่างที่ตอนแรก 157

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ไม่คิดจะซื้อ แต่เพราะจะได้ของชิ้นท่ีสองฟรี ก็เลยซื้อของช้ินแรก ซึ่งเห็นแล้วว่าเป็น “ของตวั เอง” หรอื คปู องกบั การเปน็ สมาชกิ รา้ นคา้ กท็ �ำใหล้ กู คา้ รสู้ กึ วา่ ไดอ้ ะไรบางอยา่ งฟรี แมร้ าคาสนิ คา้ ในคปู องจะสงู กวา่ ปกติ หรอื ตวั แทนขายรถยนตท์ เ่ี อากญุ แจรถทค่ี ณุ ยงั ไมไ่ ด้ ตดั สนิ ใจซอื้ มาวางไวบ้ นโตะ๊ ตรงหนา้ คณุ แลว้ ผลกั กญุ แจมาใหพ้ ลางพดู วา่ “กญุ แจของคณุ ” ซงึ่ จรงิ ๆ แลว้ ยงั ไมใ่ ชข่ องคณุ แตค่ ณุ รสู้ กึ เหมอื นเปน็ รถของคณุ แลว้ จงึ เปน็ ไปไดค้ อ่ นขา้ ง มากวา่ คณุ จะซื้อรถยนตค์ นั นน้ั การเรม่ิ ต้นใหไ้ ด้เกรดเอไม่ได้ให้อะไรนกั เรียนจริงๆ เพราะพวกเขายงั ไมไ่ ด้เกรด อะไรทงั้ นนั้ แต่การท่ีครใู ชป้ ากกาเขียนตวั เอลงไปในสมดุ คะแนน ท�ำใหน้ ักเรยี นรสู้ กึ ว่า เกรดเอทเี่ หน็ เปน็ ของจรงิ และสว่ นใหญจ่ ะพยายามรกั ษาเกรดเอตวั นนั้ เอาไว้ ตรงกนั ขา้ ม ถา้ นกั เรยี นรสู้ กึ วา่ เรมิ่ ตน้ ทศี่ นู ย์ และตอ้ งพยายามเพอื่ ใหไ้ ดเ้ กรดเอ กจ็ ะรสู้ กึ เหมอื นเรมิ่ ตน้ ดว้ ยรายการหกั บัญชี ทง้ั ๆ ทไ่ี ม่มีรายการนน้ั อยูจ่ รงิ เหมอื นกบั ทไ่ี มม่ เี กรดเออยูจ่ ริง แต่ บางครงั้ จริงหรอื ไม่จริงส�ำคญั นอ้ ยกวา่ การจูงใจ สงิ่ ทคี่ ณุ เลอื กจะท�ำและพดู เพอื่ สรา้ งความรว่ มรสู้ กึ ระหวา่ งครกู บั นกั เรยี น จะขนึ้ กบั บุคลิกภาพของคุณ ตัวนักเรียน และหลักสูตรของคุณ แต่ฉันขอกระตุ้นให้คุณเล่าเรื่อง ตวั เองให้นกั เรยี นฟังนิดหน่อย และน�ำเสนอกจิ กรรมทไี่ ม่มคี ะแนนให้ แต่ช่วยให้คุณรู้จกั นกั เรยี นในฐานะทเ่ี ปน็ คน และนกั เรยี นไดร้ จู้ กั บคุ ลกิ ภาพของคณุ คณุ ไมอ่ ยากเปน็ เพอ่ื นเกลอ กับนักเรียน และอยากให้นักเรียนรู้ว่า คุณมีมาตรฐานเข้มงวดเรื่องพฤติกรรม แต่ขณะ เดียวกนั กเ็ ปน็ ผูใ้ หญท่ ่เี หน็ อกเหน็ ใจ ใสใ่ จนกั เรียน และจะคอยชว่ ยเหลือพวกเขา บางคร้ังฉันชอบติดตามผลของกิจกรรมเปิดตัว ด้วยการแจกบัตรดัชนีและขอ ข้อมูลจากนักเรยี น (ฉนั ใช้บตั รสีตา่ งกนั ส�ำหรับแตล่ ะชน้ั เรยี น จะได้เห็นง่าย วา่ เป็นบัตร ของชนั้ ไหน และเอาบตั รของกลมุ่ นน้ั กลบั บา้ นไดเ้ วลาตอ้ งโทรศพั ทไ์ ปหาหรอื มเี รอ่ื งตดิ ตอ่ สื่อสารกับพ่อแม่) เนื่องจากเด็กๆ จ�ำนวนมากเรียนรู้ได้ดีเมื่อเห็น ฉันจึงเขียนส่ิงที่ฉัน ตอ้ งการบนกระดานดว้ ย 158

ชอ่ื : เ ่ิรม ้ดวย... ทอี่ ยูส่ �ำหรับส่งจดหมาย: เบอรโ์ ทรศัพท:์ วันเกิด: ชื่อพอ่ แม/่ ผปู้ กครอง: เลขประจ�ำตวั นกั เรยี น: หมายเหต:ุ ตอ้ งมนั่ ใจวา่ คณุ มบี ตั รเปลา่ ไวด้ ว้ ยส�ำหรบั นกั เรยี นทย่ี า้ ยเขา้ มาทหี ลงั จะไดใ้ สเ่ พม่ิ เขา้ ไปในแฟม้ ได้ ขณะท่ีนักเรียนกรอกบัตรดัชนี ฉันจะเขียนชื่อคนท่ีขาดเรียนไว้ในบัตรเปล่า เพื่อให้พวกเขากรอกขอ้ มูลเม่อื กลับมาเรยี น จากนั้น ฉันจะเดินตามทางเดนิ ระหวา่ งแถว ไปทวั่ หอ้ ง พรอ้ มถือใบรายช่อื นักเรียนไปดว้ ย แลว้ ทดสอบในใจวา่ ตัวเองจ�ำช่ือนักเรยี น ได้หรือไม่ ถ้าติดขัดท่ีคนไหน ก็จะแอบมองข้ามไหล่นักเรียนไปดูชื่อที่เขียนไว้ในบัตร พอนกั เรียนกรอกขอ้ มูลเสร็จ ฉนั จะขอให้คว�่ำบตั ร แล้วเขียนอะไรนดิ หน่อยบนหลงั บตั ร ฉันอธิบายวา่ ครูอยากให้นักเรียนบอกอะไรก็ได้ท่ีครูจ�ำเป็นต้องรู้เพ่ือจะเป็นครูที่ดีของเธอ ถ้าใครเปน็ ดิสเล็กเซยี (dyslexia - ความบกพร่องทางการอ่านหรอื การเรียนรู้) มปี ญั หาการพดู เปน็ โรคลมชกั หรอื แคเ่ กลยี ดการอา่ น กบ็ อกใหค้ รรู ู้ ถา้ มงี านท�ำ ครูอยากรวู้ า่ ท�ำงานที่ไหน ถ้ามีงานอดเิ รกหรือกีฬาท่ชี อบ กบ็ อกมาดว้ ย ครจู ะ ไดร้ วมไวใ้ นบทเรียน และถา้ มีอะไรทีอ่ ยากท�ำเป็นพิเศษ กบ็ อกครูไดเ้ ลย ให้เวลานักเรียนไม่ก่ีนาทีเพื่อเขียนประเด็นส�ำคัญๆ บนหลังบัตร (และเพื่อให้ ฉันจ�ำชื่อนักเรียนได้มากข้ึน) แทนที่จะให้นักเรียนส่งบัตรต่อๆ กันมา ฉันกลับเดินไป ตามแถวและรับบัตรแต่ละใบมาเองเพื่อจุดมุ่งหมาย 3 อย่าง น่ันคือ 1 ท�ำให้ใกล้ชิด นักเรียนมากข้ึน พวกเขาต้องระวังตัว และเป็นไปได้มากทีเดียวท่ีจะท�ำตัวดีๆ 2 ท�ำให้ ทุกคนได้ความใส่ใจเป็นส่วนตัว ซ่ึงป้องกันไม่ให้พวกชอบเรียกร้องความใส่ใจจากครู พยายามเรียกร้องเป็นพิเศษ และ 3 ท�ำให้มีโอกาสจับคู่ระหว่างช่ือกับใบหน้าของ 159

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด นกั เรยี น ขณะรบั บตั รแตล่ ะใบมา ฉนั จะพดู วา่ “ขอบใจ” และทวนชอ่ื ออกมาดงั ๆ พอเกบ็ บตั รมาครบ ฉนั จะเดนิ ไปหนา้ หอ้ ง แลว้ พลกิ ดเู รว็ ๆ เพอื่ ทดสอบตวั เองในใจ ถา้ จ�ำชอื่ ไหน ไมไ่ ด้ กจ็ ะเรียกใหย้ กมือ หลังจากทบทวนบัตรทุกใบอย่างรวดเร็วแล้ว ฉันบอกนักเรียนว่า ถึงเวลาของ การทดสอบครงั้ แรกแล้ว ทุกคนพากนั อา้ ปากคา้ ง ครวญคราง และบน่ พมึ พ�ำ ฉันพูดวา่ “ท�ำใจให้สบาย นเี่ ป็นการทดสอบส�ำหรบั ครู ครจู ะพูดช่ือทุกคนตาม ใบรายชอ่ื เพือ่ ดวู า่ จ�ำได้หมดไหม ถา้ พูดถกู หมด ครูก็ชนะ แต่ถ้าลมื ไปหนงึ่ ช่อื นักเรียน ทกุ คนจะได้เกรดเอโดยอตั โนมัตสิ �ำหรับการสอบครงั้ แรก โดยไมต่ ้องยกปากกาหรือ ดนิ สอดว้ ยซำ�้ ไป” แนน่ อน ฉนั ไมไ่ ดเ้ ตรยี มขอ้ สอบไว้ แตน่ กั เรยี นไมร่ ู้ และฉนั จบั พวกเขาไวอ้ ยหู่ มดั แม้แต่เด็กๆ ท่ีไม่ชอบโรงเรียนก็ยังสนใจ เพราะมั่นใจว่าครูจะพลาด และทุกคนจะได้ เกรดเอฟรๆี บางครงั้ นักเรียนฉลาดๆ ก็ถามว่า ครจู ะได้อะไร ถา้ จ�ำชอ่ื ทกุ คนได้ถกู ต้อง ฉันตอบว่า “ได้ทุกอย่าง” พวกเขาดีใจและลุ้นจนตัวโก่งตอนฉันพูดชื่อทีละคน (ถ้าคุณ ตัดสินใจจะลองท�ำแบบน้ี และเริ่มกิจกรรมแรกด้วยการท�ำป้ายช่ือ คุณต้องให้เด็กๆ คว�ำ่ บัตรไว้จะไดไ้ ม่มใี ครหาว่าคณุ โกงได)้ มาจนถึงตอนน้ีฉันสอบผ่านการขานช่ือทุกคร้ัง บางคร้ังฉันลืมช่ือนักเรียนไป ครงึ่ หน่ึงทันทที ีพ่ วกเขาออกจากหอ้ ง แต่นกั เรยี นไม่รู้ และไม่ส�ำคัญ เพราะฉนั มโี อกาส อื่นๆ อีกท่ีจะจ�ำช่ือเด็กๆ ในวันถัดไป ถ้าท�ำพลาดและลืมชื่อ ซึ่งฉันรู้ว่าตัวเองจะเป็น อยา่ งนั้นสกั วนั หนึ่ง แตไ่ ม่ใชห่ ายนะอะไร นกั เรียนดีใจด้วยซำ้� ที่ไดเ้ กรดเอฟรีๆ และดีใจ มากขนึ้ ถา้ จบั ไดว้ า่ ครทู �ำพลาด ซง่ึ จะเปน็ บทเรยี นทดี่ ใี หน้ กั เรยี นเหน็ วา่ ผใู้ หญก่ ผ็ ดิ พลาด ไดเ้ ช่นกนั แตช่ ีวิตยงั ด�ำเนนิ ต่อไปได้ คณุ อาจจะคดิ วา่ “เสยี เวลา! หนา้ ทข่ี องฉนั คอื สอนหนงั สอื ไมใ่ ชม่ าอวดวา่ ตวั เอง จ�ำเกง่ ” ฉันขอแยง้ วา่ คณุ จะสอนดขี ้ึนมากๆ (และเรว็ ขึ้นมาก) ถ้าสละเวลาท�ำความรจู้ กั นักเรียนก่อนจะเร่ิมสอน เพราะชื่อไม่ได้เป็นแค่ถ้อยค�ำ แต่เป็นตัวแทนของเจ้าของช่ือ และเดก็ หลายคนไมไ่ ดเ้ อาอะไรตดิ ตัวมาโรงเรียนเลย นอกจากชื่อของตวั เอง หรอื บางทคี ณุ คงคดิ วา่ “ฉนั จ�ำชอื่ 100 ชอื่ ภายในวนั เดยี วไมไ่ ดห้ รอก!” ถา้ เปน็ 160 อย่างนั้น และคุณยังไม่ได้ท�ำอะไร ให้แจกกระดาษสีขนาด 8 x 10 น้ิว ให้นักเรียน

พรอ้ มสง่ ปากกาเขยี นบอรด์ 2-3 ดา้ ม ไปรอบๆ หอ้ ง ขอใหน้ กั เรยี นเขยี นชอ่ื ดว้ ยตวั อกั ษร เ ่ิรม ้ดวย... ตัวใหญ่พอที่คุณจะมองเห็นจากอีกฝั่งของห้องได้ จากน้ันให้พับกระดาษครึ่งหน่ึงเป็น รปู เตน็ ท์ แลว้ ตง้ั ปา้ ยชอื่ ไวบ้ นโตะ๊ บอกนกั เรยี นวา่ ความจ�ำของครแู ยม่ าก แตส่ �ำคญั มาก ทค่ี รจู ะตอ้ งรู้จกั ชือ่ นกั เรยี น การใช้เวลาจ�ำช่ือนักเรียนจะคุ้มค่ากับความพยายาม เพราะสุดท้ายจะให้ผล ตอบแทนที่ดีหลายอย่าง ข้อแรก เป็นการแสดงให้เห็นว่า คุณใส่ใจนักเรียนมากพอ จนเต็มใจจะสละเวลามาท�ำความรู้จักพวกเขา ข้อสอง คนเรามีแนวโน้มจะท�ำตัวแย่ ถ้าไมเ่ ป็นท่ีรูจ้ ักอยใู่ นฝูงชน ตอนจบของการพบกันครั้งแรก ฉันจะยืนตรงประตูและย้ิมให้นักเรียนที่เดิน ออกไป ฉันโบกมอื และพูดลากเสยี งเป็นส�ำเนียงท้องถ่นิ ว่า “กลับมาเดย๋ี วนี้เลยทกุ คน” นกั เรยี นบางคนหวั เราะและโบกมอื บางคนกลอกตาและสา่ ยหนา้ กบั ความไรส้ าระของครู แตจ่ ากไปดว้ ยรอยย้ิม และเด็กๆ ทก่ี �ำลงั หวั เราะเปน็ ภาพท่ีน่ารกั สอนขน้ั ตอนการตอบสนองด้วยวาจา แม้คุณวางแผนจะสอนข้ันตอนการปฏิบตั ิในภายหลงั แตต่ อนนถี้ ึงเวลาสอนขน้ั ตอน การตอบค�ำถามในช้ันเรียนแล้ว นักเรียนมีวิธีตอบได้หลากหลายรูปแบบจนนับ ไมถ่ ว้ น แต่มีทางเลอื กพ้ืนฐาน 3 อย่าง ดังน้ี นกั เรยี นตอ้ งยกมอื ก่อนพูดเสมอ และหา้ มขดั จังหวะคนอ่ืน นักเรยี นอาจจะตอบค�ำถามของคุณหรือตอบโตข้ ้อคดิ เห็นของเพอ่ื นๆ ได้ทันที ท่อี ยากตอบ ทุกคนตอ้ งรอสักครู่ (10 ถงึ 60 วินาที) ก่อนตอบค�ำถาม พวกเราบางคนเช่ือว่าอยากให้นักเรียนยกมือก่อนพูด จนเริ่มสอนจริงๆ จึง ตระหนกั ว่า บางครัง้ กอ็ ยากใหพ้ ดู ออกมาเลย เช่น ระหว่างการระดมความคดิ หรือเวลา พยายามท�ำให้นักเรียนกระตือรือร้นหรือตื่นเต้นมากๆ กับความคิดหรือกิจกรรม และ ระหวา่ งท�ำกจิ กรรมอน่ื ๆ โดยเฉพาะการท�ำแบบฝกึ หดั ทซ่ี บั ซอ้ นหรอื กบั แนวคดิ เชงิ นามธรรม เราอาจจะอยากใหน้ กั เรยี นใชเ้ วลาคดิ สกั 2 นาทเี ตม็ ๆ กอ่ นตอบ แมค้ ณุ จะไมเ่ ลอื กใชว้ ธิ นี ้ี 161

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ฉันขอแนะน�ำให้ลองดูก่อน คิดเสียว่าก�ำลังท�ำการทดลองก็แล้วกัน ถ้าให้เวลานักเรียน ท่ีคิดช้ากับพวกท่ีตอบเร็วมีเวลาคิดให้ดีก่อนพูด คุณจะพบว่า ความซับซ้อนกับระดับ ความฉลาดในการตอบสนองของนกั เรยี นจะเพม่ิ ขนึ้ และจะไดย้ นิ เสยี งนกั เรยี นทตี่ ามปกติ ไมเ่ คยอาสาตอบค�ำถามเลย ถา้ เรมิ่ ดว้ ยการใหย้ กมอื เทา่ นนั้ และสอนวา่ นเ่ี ปน็ ขนั้ ตอนมาตรฐานของครู ไมช่ า้ นักเรียนจะเรียนรู้วิธีการตอบสนองตามท่ีคุณสอน แต่ถ้าภายหลังคุณอยากเปล่ียนวิธี ตอบสนอง นกั เรยี นอาจจะท�ำไมไ่ ด้ ดงั นน้ั ฉนั ขอแนะน�ำใหส้ อนทง้ั 3 วธิ ี ไปพรอ้ มกนั เลย โดยใช้หลายๆ แบบฝึกหัด จากนั้นก็ประกาศว่าอยากให้ใช้วิธีตอบแบบไหนเวลาเริ่ม กจิ กรรมใหม่ วธิ งี า่ ยๆ แบบหนงึ่ ทจี่ ะท�ำใหน้ กั เรยี นเตรยี มพรอ้ ม (และเตอื นพวกเขา) คอื ท�ำโปสเตอร์ 3 ใบ ทีม่ ีภาพตา่ งๆ เหมอื นในภาพที่ 5.1 ถา้ คณุ มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ใหว้ าดภาพประกอบดว้ ยตวั เอง หรอื ขอใหน้ กั เรยี น ทว่ี าดเกง่ ๆ ท�ำโปสเตอรใ์ หก้ ไ็ ด้ แลว้ เวลาท�ำกจิ กรรม กเ็ อาโปสเตอรม์ าพงิ ไวท้ บี่ อรด์ หรอื ตดิ ไวบ้ นผนงั หอ้ งตรงทที่ กุ คนมองเหน็ ได้ ถา้ เปน็ เดก็ เลก็ ๆ คณุ อาจจะท�ำเรอ่ื งนใี้ หก้ ลายเปน็ โครงงานสนุกๆ เช่น ให้นักเรียนท�ำโปสเตอร์ทั้ง 3 ใบ แล้วเก็บไว้ใต้โต๊ะพอจะใช้ก็เอา ออกมาวางบนโต๊ะของตัวเอง ระหว่างท�ำกิจกรรมทค่ี รูก�ำหนดไว้ เตรียมพรอ้ มส�ำ หรับ “การทดสอบครู” มปี จั จยั มากมายทมี่ ผี ลกระทบตอ่ พฤตกิ รรมของนกั เรยี น ซง่ึ เราท�ำนายไมไ่ ดว้ า่ นกั เรยี น จะตอบสนองอยา่ งไร ถ้าคุณท�ำใหน้ ักเรียนเริม่ ตน้ ไดใ้ นกิจกรรมทห่ี น่งึ หรือท่ีสอง และ ดึงให้เข้ามาร่วมท�ำงานบางอย่างที่ท้าทายหรือสนุกได้ นักเรียนส่วนใหญ่จะลืมเร่ือง การประพฤตติ ัวไม่ดี ซ่งึ คุณกต็ ้งั ใจจะใหเ้ ป็นอยา่ งนัน้ แต่บางคร้งั นกั เรยี นอาจจะเริ่ม ทดสอบความอดทนของคณุ ในชว่ ง 2-3 นาทแี รกของวนั แรกในชน้ั เรยี น เดก็ คทู่ นี่ งั่ ไกล จากคุณท่ีสุดอาจจะเริ่มส่งจดหมายน้อยถึงกัน หรือคุยเสียงดัง ขณะท่ีคุณก�ำลังพูด กับนักเรียนในชั้น บางคนอาจจะนั่งประจันหน้าคุณ และเริ่มเขียนชื่อตัวเองบนโต๊ะ บางคนอาจจะลุกขึน้ แลว้ อาจหาญเดนิ ทอดนอ่ งไปคยุ กบั เพ่ือนทอี่ ยู่อีกฝ่ังของหอ้ ง 162

ข้ันตอนการตอบสนองดว้ ยวาจา 3 แบบ 5.1 ยกมือขอพูด พูดได้เลย! ขอคิดเงียบๆ ถ้าเป็นแบบน้ัน คุณจะท�ำอะไร ปฏิกิริยาของคุณจะก�ำหนดท่าทีต่อไปในปี เ ่ิรม ้ดวย... การศกึ ษานนั้ ใหจ้ �ำวา่ คณุ ก�ำลงั สรา้ งบคุ ลกิ ภาพครขู องตวั เอง อยา่ ปลอ่ ยใหน้ กั เรยี นลากคณุ เขา้ มาเผชญิ หนา้ กบั เรอ่ื งพฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะเลก็ ๆ นอ้ ยๆ ไมอ่ ยา่ งนนั้ ทกุ คนจะตระหนกั วา่ จะท�ำใหค้ รูเสยี สมาธเิ มอื่ ไหรก่ ็ได้ แน่นอน คณุ ตอ้ งตอบสนองการท้าทายของนกั เรียน แตต่ อ้ งไมย่ อมใหน้ กั เรยี นมาควบคมุ พฤตกิ รรม พวกเขาคาดหวงั วา่ คณุ จะตะคอก สง่ ตวั ไปห้องครูใหญ่ ขู่ว่าจะโทรไปบอกพ่อแม่ หรือเมินเฉยไปเลย ฉะน้ัน คุณต้องท�ำส่ิงที่ ไมค่ าดคดิ เชน่ สดู หายใจดงั ๆ ใหท้ กุ คนไดย้ นิ แลว้ นงิ่ ไว้ ถลงึ ตาจอ้ งหนา้ นกั เรยี นใหน้ าน ทส่ี ดุ เทา่ ทจี่ ะท�ำได้ (หรอื จนกระทงั่ ทกุ คนเงยี บ และคอยดวู า่ จะเกดิ อะไรขนึ้ ) ถา้ นกั เรยี น หยุดพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะน้ัน ให้หายใจออกและพูดว่า “ขอบใจมาก” เหมือนว่าคุณ เพ่งิ จะป้องกันโลกจากหายนะอนั ใหญห่ ลวงไวไ้ ด้ ถา้ นกั เรยี นคนเดมิ กอ่ กวนอกี ครง้ั ใหเ้ ดนิ ไปหาทนั ที แลว้ ยนื ประชดิ ตวั ดว้ ยทา่ ที ขึงขงั และรอคอย ถา้ นกั เรียนเงียบ แสดงวา่ คณุ พร้อมจะรบั มือกับการก่อกวนได้แลว้ ซึ่งข้นึ กับบคุ ลิกภาพของคณุ คณุ อาจจะปาดคิ้ว ท�ำตาเข และท�ำหนา้ ตลกๆ ใสน่ กั เรียน ทท่ี �ำตวั ไมด่ ี แตอ่ ยา่ ใหค้ นอน่ื เหน็ รบี เดนิ ไปทหี่ นา้ ตา่ ง (ถา้ ในหอ้ งมหี นา้ ตา่ งแคบ่ านเดยี ว มองไปขา้ งนอก แลว้ เดนิ กลบั มาทโี่ ตะ๊ และท�ำทเี ปน็ วา่ ก�ำลงั มองหาของส�ำคญั ท�ำทกุ อยา่ ง ทวี่ า่ นเี้ พอ่ื คลายความตงึ เครยี ด และท�ำลายวงจรพฤตกิ รรมกอ่ กวน ถา้ คณุ ท�ำใหน้ กั เรยี น วอกแวกได้ช่ัวขณะ คนท่ีก่อกวนจะพลอยหยุดชะงักไปด้วย เช่น คุณอาจจะเลือกวิธี ถามตอบแบบตลกๆ เชน่ กอ๊ กๆ ใครเอย่ แลว้ นกั เรยี นกพ็ ดู ชอ่ื ใครกไ็ ด้ เชน่ รอ็ บ คณุ ถามวา่ ร็อบไหน นกั เรียนจะใหค้ �ำตอบตลกๆ เชน่ ร็อบสุดหลอ่ อย่างน้ีเป็นตน้ หรอื ทายปรศิ นา อะไรเอย่ กไ็ ด้ แลว้ ท�ำใหน้ กั เรยี นหวั เราะ ซงึ่ เปน็ การผลติ สารเคมที ด่ี ใี นสมอง ท�ำใหอ้ ยาก 163

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด รว่ มมือกบั ครูมากขนึ้ หรือคณุ อาจจะตบหน้าผากตวั เองและพดู ว่า “ตายจรงิ ! ครูลืมเอา ปืนไฟฟ้ามา” หรืออาจจะหันเหความสนใจจากตัวป่วนไปมองนักเรียนคนอื่น และพูด เปน็ ท�ำนองวา่ “โอ้โฮ ครชู อบวนั แรกที่เปิดเรยี นจรงิ ๆ พวกเธอล่ะ ครูชอบจนขนลกุ เลย นะเนย่ี !” หรอื อาจจะประกาศวา่ “ครลู มื บอกไปวา่ ถา้ ไมอ่ ยากท�ำกจิ กรรมทคี่ รวู างแผนไว้ ก็เปิดต�ำราเพื่อเตรียมตัวสอบคร้ังแรกได้เลย” หรืออาจจะพูดว่า “เรามักจะกังวลใจ นิดหน่อยในวันแรกทม่ี าโรงเรยี นกนั ทัง้ นัน้ ใครรู้สกึ อย่างนี้บา้ ง” ถา้ มีคนยกมือ ก็ดงึ เข้า มารว่ มการสนทนาทนั ที แต่ถา้ ไมม่ ี ก็สอนหรอื ท�ำกิจกรรมต่อไป อย่ากงั วล ถ้านกั เรยี น หัวเราะคิกคัก หรือช�ำเลืองดูหน้ากันเหมือนจะบอกว่า “ครูคนน้ีเพี้ยนจัง!” คุณเป็นครู ฉะนนั้ รูก้ ันอยูแ่ ลว้ วา่ ต้องมาจากต่างดาว ถ้ามตี วั ป่วนประจ�ำห้องหน่ึงคน (หรอื หลายคน) กต็ อ้ งท�ำอะไรสักอย่าง ถ้าเปน็ การกอ่ กวนเล็กๆ นอ้ ยๆ ก็อยา่ ใส่ใจ หันไปสนใจคนทร่ี ว่ มมอื และขอบใจทท่ี �ำตวั ดเี ยีย่ ม แตถ่ า้ ตัวปว่ นยังก่อกวนไมเ่ ลิก ต้องลงมอื จัดการ แตอ่ ย่าต่อตา้ น คณุ ตอ้ งตัดสินใจเองว่า จะท�ำอะไร แตอ่ ยา่ ไปสนใจการกอ่ กวน ถา้ นกั เรยี นท�ำใหค้ ณุ แสดงปฏกิ ริ ยิ าตอ่ พฤตกิ รรม ของพวกเขาได้ นกั เรยี นจะเปน็ ฝา่ ยชนะ นกั เรยี นไมต่ อ้ งกงั วลวา่ จะตอ้ งสอนใหค้ รบตาม หลักสตู ร จึงมีสารพดั วิธีท่จี ะท�ำตัวแยๆ่ คณุ ต้องวางแผนลว่ งหน้าวา่ จะท�ำอะไรได้บา้ ง เพ่ือกระตนุ้ นกั เรียน แล้วเลือกท�ำตามแผนนน้ั โดยตั้งเป้าหมายวา่ จะตอ้ งท�ำใหน้ ักเรียน ตอบสนองครู ไม่ใช่ครูตอบสนองนักเรียน ถ้ามีปัญหาร้ายแรง ให้ดูบทท่ี 6 เร่ืองเทคนิค ส�ำหรบั ระเบียบวินยั เฉพาะเรื่องและข้อแนะน�ำตา่ งๆ อย่าปล่อยให้นักเรียนแย่ๆ แค่คนหรือสองคนท�ำลายความอยากสอนของคุณ ใหจ้ �ำจติ วทิ ยาพนื้ ฐานทวี่ า่ เปน็ ไปไดว้ า่ ในแตล่ ะกลมุ่ จะมคี นหวั แขง็ อยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ หนงึ่ คน ทจ่ี ะทา้ ทายผนู้ �ำเพยี งเพอ่ื ดปู ฏกิ รยิ าของผนู้ �ำ ถา้ ผนู้ �ำควบคมุ ตวั เองได้ มนั่ ใจและกลา้ หาญ คนที่ท้าทายมกั จะยอมออ่ นข้อ และผู้น�ำตอ้ งใหเ้ ขามโี อกาสถอยโดยไม่เสียหนา้ 164

อยา่ เก็บพฤตกิ รรมไม่เหมาะสมของนักเรยี นมาเป็นอารมณ์ เ ่ิรม ้ดวย... อย่าเกบ็ พฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมของนกั เรียนมาเป็นอารมณ์ โดยเฉพาะตอนเปิดเทอม หรือต้นปีการศกึ ษา เดก็ ๆ ท�ำตัวแบบท่ีเรารับไม่ไดด้ ้วยเหตุผลหลายประการ ซงึ่ อาจ ไม่เกย่ี วกบั ครเู ลย บอ่ ยคร้ังทีน่ ักเรียนแสดงความโกรธ และแมว้ ่าจะโกรธใสค่ ณุ แต่ เขาไม่ได้โกรธคุณ บ่อยคร้ัง ฉันจะพยายามหาเหตุผลท่ีนักเรียนแสดงพฤติกรรมไม่ เหมาะสม โดยไมแ่ สดงปฏกิ ริ ยิ าอะไรออกไปทนั ที และไมส่ ง่ นกั เรยี นไปหอ้ งครใู หญด่ ว้ ย แต่จะสั่งให้น่ังลงและคุยกัน หรือเขียนค�ำอธิบายพฤติกรรมของตัวเองลงในบันทึก ประจ�ำวัน ต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง 2-3 แบบของพฤติกรรมไม่เหมาะสมในช้ันเรียนกับ เหตุผลท่ีท�ำอยา่ งนน้ั เดก็ ชายคนหนงึ่ พรวดพราดลกุ จากทนี่ งั่ ควำ่� โตะ๊ เรมิ่ ตะโกนและชกู �ำปน้ั สา่ ยไปมา แลว้ ก็ออกจากห้องโดยไม่ยอมพดู อะไร แต่มีเพื่อนเดก็ มาแอบบอกฉันว่า เด็กหญงิ ที่นง่ั ตรงขา้ ม นง่ั ไขวห่ า้ งสลบั ขาไปมาแสดงทา่ ยว่ั ยวนและจอ้ งหนา้ เดก็ ชายคนนนั้ ตรงๆ เขาเลย อยากออกไปจากห้อง เพราะอดึ อดั ขัดเขนิ ทัง้ กายท้งั ใจ เดก็ หญงิ คนหนงึ่ กระโดดขนึ้ จากทนี่ ง่ั แลว้ ตเี ดก็ ชายทน่ี งั่ ขา้ งๆ โดยไมย่ อมพดู อะไร เด็กชายบอกฉันว่าไม่ต้องสนใจ ฉันคิดว่าเขาคงประชด จึงบอกให้เด็กหญิงน่ังลงและ ท�ำตัวดีๆ เธอกลับตีหัวเด็กชายอีกคน ฉันไม่มีทางเลือก นอกจากเรียกฝ่ายปกครองมา เอาตวั ไปจากหอ้ ง ตอ่ มาเดก็ หญงิ สารภาพวา่ อยากใหค้ รสู ง่ ตวั กลบั บา้ นในวนั นน้ั เพราะ ทอ้ งไสไ้ มด่ ี และกลวั วา่ จะถกู ท�ำรา้ ยในหอ้ งนำ้� ของโรงเรยี น (เคยมเี ดก็ หญงิ รนุ่ พที่ �ำรา้ ยเธอ ในหอ้ งน�ำ้ มาสองครง้ั แลว้ ) เด็กชายคนหน่ึงขว้างพจนานุกรมใส่หัวฉัน (ถ้าคุณอ่านหนังสือของฉันเร่ือง My Posse Don’t Do Homework ก็คงจ�ำเอมีลิโอได้) เขาอยากออกจากห้องเรียน เพราะอา่ นหนงั สอื ไมอ่ อก และกลวั วา่ ฉนั จะรคู้ วามลบั แลว้ ท�ำใหเ้ ขาอบั อายตอ่ หนา้ คนอน่ื ฉนั มเี รอื่ งเลา่ ท�ำนองนอ้ี กี มากมาย แตแ่ นใ่ จวา่ คณุ เขา้ ใจแลว้ อยา่ เกบ็ พฤตกิ รรม ของนกั เรียนมาเป็นอารมณ์ โดยเฉพาะเม่ือพวกเขายังไม่รจู้ กั คณุ ดพี อท่จี ะเกลยี ดคณุ ได้ อย่าทึกทักเอาเองว่า ทุกครั้งที่นักเรียนท้าทายอ�ำนาจของครู เพราะจงใจดูหมิ่นครู ถา้ นกั เรยี นไมเ่ จาะจงดหู มน่ิ คณุ โดยเฉพาะและเปน็ การสว่ นตวั ใหส้ นั นษิ ฐานวา่ เปา้ หมาย 165

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ของการดูหมิ่นคือสถานะของคุณ ในฐานะครู ผู้ใหญ่ หรือเจ้าหน้าท่ีผู้มีอ�ำนาจ คุณต้อง แสดงให้นักเรียนเห็นต่อไปว่า อยากใหพ้ วกเขาเคารพคุณ และเคารพตัวเองอยา่ งไร สร้างกจิ กรรม “ทำ�เด๋ยี วนี้” ท่ตี อ้ งท�ำ ประจำ�วัน กิจกรรม “ท�ำเดี๋ยวนี้” ( หรือกิจกรรม “ท�ำเม่ือได้ยินเสียงกระดิ่ง” หรือกิจกรรม อุ่นเคร่ือง หรือจะเรียกชื่ออะไรก็ได้) เป็นกิจกรรมหน่ึงท่ีส�ำคัญที่สุดและยุทธวิธีหนึ่ง ที่ใช้ได้ผลที่สุด ที่จะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการพยายามท�ำให้นักเรียนอยู่กับท่ีและ มสี มาธิ นอกจากนน้ั ยงั ชว่ ยกนั พฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมไดด้ มี ากดว้ ย แทนทจ่ี ะปลอ่ ยให้ นักเรียนเข้าห้องไปเอ้อระเหยรอให้ครูพร้อม หรือรอฟังเสียงออดเข้าเรียน กิจกรรม “ท�ำเดี๋ยวนี”้ จะท�ำใหน้ ักเรียนเรม่ิ ท�ำงานทนั ทที ่เี ข้าหอ้ ง พอเสียงออดดังขนึ้ นกั เรียน ก็ควรจะก�ำลงั ยุ่งกับงานแล้ว (หรอื ย่งุ ทนั ทที เ่ี ขา้ หอ้ ง ถ้าคุณไม่ได้ใช้เสยี งออดก�ำหนด เวลา) หากเริ่มปีหรือภาคการศึกษาด้วยกิจกรรม “ท�ำเด๋ียวนี้” ท่ีดีๆ ทุกวัน คุณจะ พบว่า ไม่ถึงหน่ึงสัปดาห์ นักเรียนจะปรับเปล่ียนจากเวลาอยู่นอกห้องเรียนเข้าไป พรอ้ มเรียนทันทีจนเป็นนสิ ยั นกั เรยี นตอ้ งรวู้ า่ ครคู าดหวงั อะไรจากพวกเขากนั แน่ ฉะนนั้ จงึ ส�ำคญั มากทค่ี ณุ ตอ้ งสง่ั ใหช้ ดั เจนในระหวา่ งการท�ำกจิ กรรม “ท�ำเดยี๋ วน”ี้ ส�ำหรบั 2-3 ครงั้ แรก คณุ อาจจะ เขียนค�ำสั่งไว้บนบอร์ดในห้อง ฉายขึ้นจอ หรือพิมพ์เอกสารแจก หรือสั่งด้วยวาจาไป พร้อมกับการสาธิตเป็นตัวอย่าง การสั่งด้วยวาจาเพียงอย่างเดียวไม่ใช่วิธีสอนกิจกรรม “ท�ำเดี๋ยวน้ี” ที่ไดผ้ ล เพราะนกั เรยี นท่ีเรยี นรู้จากภาพหรือการท�ำ อาจจะลมื หรือเข้าใจ ค�ำสง่ั ดว้ ยวาจาผดิ ไป ปจั จยั ส�ำคญั คอื ความสมำ�่ เสมอ ถา้ วนั หนง่ึ คณุ เรม่ิ ตดิ ค�ำสง่ั ไวบ้ นบอรด์ กต็ อ้ งท�ำอยา่ งนน้ั ทกุ วนั เชน่ เดยี วกนั ถา้ ฉายขน้ึ จอ กต็ อ้ งฉายทกุ วนั ครจู �ำนวนมากพบวา่ จะงา่ ยขนึ้ และไดผ้ ลดขี น้ึ ถา้ ใชส้ ถานทพี่ เิ ศษ เชน่ ไวทบ์ อรด์ แบบเคลอื่ นทไี่ ด้ กระดานขา่ ว หรือมุมหน่ึงของกระดานด�ำหรอื ไวทบ์ อร์ดที่ทกุ คนเห็นชดั แน่นอน เน้ือหาของกจิ กรรม “ท�ำเด๋ยี วนี้” จะขึ้นกับอายุ ความสามารถ และ บุคลิกภาพของนักเรียน รวมทั้งวิชาท่ีคุณสอน แต่กิจกรรมอุ่นเคร่ืองดีๆ ทุกอย่างมี 166 คุณสมบตั ิท่ัวไปทีเ่ หมอื นกนั ดังนี้

ทุกคนท�ำเสรจ็ ไดภ้ ายใน 5 ถงึ 15 นาที ท�ำส�ำเร็จไดโ้ ดยอิสระไมต่ อ้ งให้ครชู ่วย เป็นกจิ กรรมทน่ี า่ สนใจ สนุก หรอื ท้าทาย เป็นกจิ กรรมทีใ่ หค้ วามรู้ ไม่ใชแ่ คท่ �ำเพอ่ื ฆา่ เวลาเท่านน้ั ไม่มคี ะแนน แต่จะช่วยใหส้ อบไดค้ ะแนนดีข้นึ เป็นกิจกรรมทเ่ี ก็บรวบรวมไวใ้ นแฟม้ ได้ หรืออภิปรายในชนั้ หรือในกลุ่มย่อยได้ เปล่ียนไดเ้ ป็นระยะๆ เพ่อื เพ่ิมความน่าสนใจ และไมน่ ่าเบือ่ เน่ืองจากเป้าหมายหนึ่งของกิจกรรม “ท�ำเด๋ียวนี้” คือการสร้างนิสัย จึงควร เ ่ิรม ้ดวย... ท�ำกจิ กรรมแบบเดมิ อยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ สกั หนงึ่ สปั ดาห์ เพอื่ จะไดไ้ มต่ อ้ งเปลย่ี นค�ำสงั่ ไปทกุ วนั แตพ่ อนักเรียนเคยชนิ แล้ว ก็อาจจะเปลยี่ นกจิ กรรมสปั ดาหล์ ะครงั้ หรือทกุ ตน้ เดอื นก็ได้ เพอ่ื คงความสนใจและการมสี ว่ นรว่ มของนกั เรยี น หลงั จากมปี ระสบการณใ์ นการท�ำงาน หลายๆ อยา่ งแลว้ กเ็ อาหลายๆ กจิ กรรมมาผสมกนั เพอ่ื ใหห้ ลากหลายยง่ิ ขนึ้ เชน่ ถา้ คณุ สอนวทิ ยาศาสตร์ ให้เรม่ิ ต้นสปั ดาหด์ ้วยภาพถา่ ยของสัตวแ์ ปลกๆ แต่ละวนั นักเรยี นจะ เห็นภาพถ่ายติดไว้ในห้อง งานที่ต้องท�ำคือเรียกช่ือสัตว์ สะกดชื่อได้ถูกต้อง และเขียน คุณลักษณะ 3-4 อย่าง ของสัตว์ชนิดน้ันได้ แล้วสัปดาห์ถัดมา คุณอาจจะติดภาพถ่าย ของพชื เอาไว้ หรอื ลองท�ำกิจกรรมอ่ืนทีแ่ ตกตา่ งไปอย่างสน้ิ เชิง การติดตามผลหลังจากนักเรียนท�ำกิจกรรม “ท�ำเดี๋ยวน้ี” เสร็จแล้วเป็นสิ่ง ส�ำคญั มาก ใหอ้ ภปิ รายในชนั้ หรอื ในกลมุ่ ยอ่ ย เพอื่ เรมิ่ ตน้ บทเรยี นแรกในวนั นน้ั ขออาสา สมคั รโชวผ์ ลงานของตวั เองใหเ้ พอ่ื นๆ ดู ถา้ เปน็ ไปได้ ใหร้ วบรวมรายงานไปเกบ็ ไวใ้ นแฟม้ ที่คุณจะใช้อ้างอิงได้ในภายหลัง ถ้าเป็นโจทย์คณิตศาสตร์ หรือปัญหาถาม-ตอบ ก็ให้ นักเรียนเปรียบเทียบค�ำตอบ และแก้ไขให้ถูกต้องด้วยตัวเอง เช่น ถ้าสอนคณิตศาสตร์ และขอให้นักเรียนท�ำโจทย์คณิตศาสตร์ 2-3 ข้อเป็นกิจกรรม “ท�ำเด๋ียวนี้” ก็ให้เฉลย ค�ำตอบ หรอื ใหน้ กั เรยี นแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งเองกอ่ นสง่ ครู ถา้ สอนวทิ ยาศาสตร์ และกจิ กรรม “ท�ำเดย๋ี วน”ี้ คอื การอา่ นเรอ่ื งสน้ั ๆ เกยี่ วกบั สตั วห์ รอื พชื บางชนดิ ทคี่ รเู ลอื กให้ ใหอ้ ภปิ ราย เรอ่ื งทอ่ี า่ นสกั ครู่ กอ่ นจะสอนหวั ขอ้ ตอ่ ไป ถา้ ใหน้ กั เรยี นท�ำกจิ กรรม “ท�ำเดยี๋ วน”้ี แลว้ ไม่ ท�ำอะไรตอ่ นกั เรียนจะเรียนรูอ้ ยา่ งรวดเรว็ วา่ นีเ่ ปน็ เป็นกจิ กรรมท่ีไม่ส�ำคัญ และอาจจะ หยดุ รว่ มมอื 167

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด มสี งิ่ ทเ่ี ราท�ำไดส้ ารพดั คณุ อาจจะใชก้ จิ กรรมยอดนยิ มบางอยา่ งส�ำหรบั นกั เรยี น แต่ละช้ันท่ีฉันเคยใช้หรือไปสังเกตการณ์มาต่อไปน้ีเพ่ือกระตุ้นจินตนาการของตัวเอง ซงึ่ สว่ นใหญ่น�ำไปปรับใช้กับเดก็ โตหรอื เดก็ เลก็ ก็ได้ คณุ จะหาขอ้ แนะน�ำมากมายได้ทาง ออนไลน์ จากเว็บไซต์นับสิบๆ แห่งท่ีอุทิศพ้ืนท่ีให้กับการจัดการห้องเรียนและแผน การสอน (ดแู หล่งขอ้ มูลตา่ งๆ ไดใ้ นภาคผนวก) วางวตั ถทุ ี่ใชเ้ ป็นประจ�ำทุกวนั หนึง่ ช้นิ บนชน้ั ตรงหน้าห้อง แล้วใหน้ ักเรยี นหาวิธี พสิ ดารทจ่ี ะใช้วัตถนุ น้ั มา 10 วิธี ฉายภาพโจทยค์ ณติ ศาสตร์ 3 ขอ้ ขน้ึ จอ แลว้ ใหน้ กั เรยี นแกโ้ จทยแ์ ละเปรยี บเทยี บ ค�ำตอบกนั สดุ ท้ายนกั เรยี นทง้ั ชัน้ ต้องส่งค�ำตอบเดียวกัน ใหต้ ิดค�ำถามทีต่ อ้ งตอบวา่ ใชห่ รือไมใ่ ช่ 1 ข้อ เก่ยี วกบั บางส่งิ ทีไ่ ด้เรียนไปแลว้ ไว้บนบอร์ด หรือฉายขึ้นจอ ติดป้าย “ใช่” ใหญ่ๆ ไว้ท่ีผนังห้องด้านหนึ่ง และติดป้าย “ไมใ่ ช่” ไว้อีกฝั่งหนึ่ง ให้นักเรียนอา่ นค�ำถามแล้วไปยนื ทางฝง่ั ทเี่ ปน็ ค�ำตอบของตวั เอง แลว้ อภปิ รายสนั้ ๆ โดยครไู มบ่ อกค�ำตอบ จากนน้ั ใหโ้ อกาสนกั เรยี นเปลยี่ นขา้ ง กอ่ นเฉลย ค�ำตอบ ฉายภาพถ่ายของบุคคลขึ้นจอ แล้วขอให้นักเรียนวาดภาพส่ิงของบางอย่างท่ี คนคนนนั้ อาจจะมีอยู่ในหอ้ งนัง่ เล่น แต่ละวันเอาเอกสารวางไว้ใกล้ประตู ให้นักเรียนหยิบเองก่อนเข้าห้อง แล้ว เตรยี มตวั เขียนหรอื อภิปรายหัวข้อน้นั สกั ชัว่ ครู่ (ต้องบอกนกั เรยี นให้แนช่ ัดว่าจะใหเ้ วลา เทา่ ไหร)่ เอกสารทแี่ จกอาจจะเปน็ บทความสน้ั ๆ เกยี่ วกบั สงิ่ ของทพี่ สิ ดาร เชน่ หมู 3 ขา อาชญากรทถี่ ูกจบั หลังจากท�ำเรื่องโงจ่ นเหลอื เชอ่ื หรือค�ำอธิบายของพวกนกั สร้างสถติ ิ พสิ ดาร เช่น คนทีจ่ ูบกันหลายช่วั โมงติดตอ่ กนั ฉายปญั หาทา้ ทายขน้ึ จอ เชน่ ใหไ้ ปหาวา่ ชพี จรของนกั เรยี นคนไหนเตน้ เรว็ ทส่ี ดุ หรอื ชา้ ที่สุด ท�ำให้นักเรียนตอ้ งหาวิธวี ดั ชีพจรใหไ้ ด้ ติดค�ำหน่ึงค�ำไว้บนบอร์ด แล้วให้นักเรียนใช้เฉพาะตัวอักษรในค�ำน้ันเท่าน้ัน เขยี นค�ำอ่ืนๆ ทส่ี ้นั กวา่ น้ันให้ได้มากท่ีสดุ ขณะที่นักเรียนเข้าห้อง ให้ฉายคลิปภาพยนตร์ส้ันซ้�ำๆ ที่แสดงคนท�ำอะไร 168 บางอยา่ งอยู่ ให้เวลานักเรียนเรียนรู้กริยานน้ั 3 นาที แลว้ ท�ำทา่ เลียนแบบ

วางถุงถั่วเล็กๆ 3 ใบ ไว้บนโต๊ะแต่ละตัว หรือบนโต๊ะแต่ละคู่ ให้เวลานักเรียน เ ่ิรม ้ดวย... 5-10 นาที หดั ใชส้ องมอื โยนและรบั ถงุ ถว่ั ทง้ั สามใบสลบั กนั อยา่ งตอ่ เนอื่ ง (หรอื อยา่ งนอ้ ย กใ็ ห้พยายามหัด) พอเริม่ เรยี น ใหอ้ ธิบายวา่ มีปจั จัยอะไรบ้างทีเ่ ก่ียวข้องกบั การเรียนรู้ วธิ ีโยนและรบั ของอยา่ งตอ่ เน่ือง (เช่น สมดลุ และจังหวะเวลาทเ่ี หมาะสม) ฉายรายการค�ำศพั ทข์ น้ึ บนจอ ใหน้ กั เรยี นใชเ้ วลา 2 นาที ทอ่ งจ�ำศพั ทท์ กุ ค�ำใหไ้ ด้ จากน้ัน ปิดจอ แล้วให้เขยี นหรือพดู ค�ำเหล่านัน้ ออกมาใหถ้ ูกต้อง เขียนค�ำแปลกๆ เช่น flatulence บนกระดาน ให้นักเรียนคิดหาความหมาย และใช้ค�ำน้ันแตง่ ประโยคอย่างเหมาะสม ฉายภาพถ่ายของวัตถุสีสันสดใสหลายอย่างข้ึนจอ ให้นักเรียนดูภาพ 3 นาที แลว้ เขยี นรายการวตั ถทุ กุ อยา่ งทเี่ หน็ พรอ้ มบอกวา่ มสี อี ะไรบา้ ง (ถา้ เปน็ วชิ าศลิ ปะ จะให้ นกั เรียนวาดภาพก็ได้) เขยี นชอ่ื เมอื งเมอื งหนงึ่ บนกระดาน ใหน้ กั เรยี นหาวา่ เมอื งนน้ั อยใู่ นประเทศอะไร และลองประมาณดูวา่ อยหู่ า่ งจากเมืองของตวั เองแค่ไหน ฉายภาพทีถ่ ่ายระยะใกลข้ องวตั ถชุ ิน้ หนึง่ ขน้ึ จอ ให้เดาว่าวตั ถนุ น้ั คืออะไร ฉายภาพเงาของวัตถุหลายอย่างท่ีใช้เป็นประจ�ำทุกวันขึ้นจอ แล้วให้บอกว่า วัตถุแตล่ ะชนิ้ คืออะไร ตั้งค�ำถามไว้บนกระดานหรือจอ เช่น มีคนข่ีม้าลายกันไหม อูฐหนักแค่ไหน ลูกสุนัขแรกเกิดได้ยินเสยี งหรอื เปลา่ หลงั จากผา่ นไป 2-5 นาที ให้นกั เรยี นบอกค�ำตอบ กบั เพอื่ นๆ แล้วแลกเปลีย่ นความเหน็ กัน ใหน้ กั เรยี นเข้าไปในโรงยมิ แลว้ หาการออกก�ำลังกายแบบแบง่ เปน็ สถานีต่างๆ แล้วให้ท�ำจนครบ เหมือนท่ีใช้ในค่ายฝึกทหารเกณฑ์ เช่น สถานีซิท-อัพเพื่อบริหาร กล้ามเนอื้ หน้าทอ้ ง สถานกี ระโดดตบ สถานีวดิ พืน้ ฯลฯ แตล่ ะสถานีมภี าพ ค�ำบรรยาย บอกวธิ แี ละจ�ำนวนครัง้ ทีต่ ้องท�ำซ้�ำ หลงั จากครบรอบแล้ว นักเรยี นอาจจะกระโดดเชือก หรอื ยงิ ลกู บาสเล่นจนกว่าทกุ คนจะท�ำเสร็จ และพร้อมจะเริม่ เรยี น 169

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ขณะท่ีอ่านรายการน้ี คุณอาจจะมีความคิดอ่ืนๆ เร่ืองกิจกรรมดีๆ ท่ีจะให้ นักเรียนท�ำ แต่ถ้าคิดไม่ออก ให้นักเรียนลองเสนอดู เพราะมักจะคิดอะไรที่ยากและ ทา้ ทายกว่างานของครไู ด้ เม่ือครูน�ำไปใช้ นักเรยี นจะสนใจท�ำกจิ กรรมมากข้นึ แนะน�ำ ให้นักเรยี นรู้จักกัน เลือกวิธีแนะน�ำตวั อย่างระมัดระวัง นักเรยี นทร่ี จู้ กั ชือ่ กันมีโอกาสที่จะท�ำดตี ่อกนั มากขน้ึ แต่เกมยอดนิยมหลายแบบท่ีใช้ให้ผู้คนท�ำความรู้จักคุ้นเคยกัน จะใช้ได้ผลกับเด็กเล็กๆ และผใู้ หญม่ ากกวา่ กบั นกั เรยี นชน้ั ประถมปลาย มธั ยมตน้ และมธั ยมปลาย ทงั้ นี้ กเ็ พราะวา่ เด็กเลก็ ๆ มกั จะบรสิ ุทธ์เิ กนิ กวา่ จะจงใจโหดรา้ ยกับคนอ่นื สว่ นผูใ้ หญ่ก็สุภาพหรอื กงั วล กบั การสอบผา่ นเกนิ กวา่ จะดหู มน่ิ กนั แตเ่ ดก็ กอ่ นวยั รนุ่ และวยั รนุ่ ชอบท�ำใหค้ นอนื่ อบั อาย และเป็นทุกข์ ปัจจัยที่ควรพิจารณาอีกอย่างหน่ึงซ่ึงท�ำให้ฉันใจสลาย นั่นคือ เด็กๆ จ�ำนวนมากตกเป็นเป้าหมายของแก๊ง ก๊ก หรืออันธพาล ส่ิงที่อาจจะดูเป็นเกมง่ายๆ ส�ำหรับคุณ และต้ังใจให้นักเรียนมีโอกาสคุ้นเคยกัน อาจจะสร้างสถานการณ์ท่ีอึดอัด หรอื ถงึ กบั เปน็ อนั ตรายไดส้ �ำหรบั บางคน ฉนั ไมแ่ นะน�ำใหจ้ บั คนู่ กั เรยี นหรอื สรา้ งกลมุ่ ยอ่ ย จนกว่าคณุ จะรจู้ ักนกั เรียนในชน้ั ดพี อ จนแน่ใจวา่ การจดั กลุม่ จะไม่ท�ำให้เกดิ ปญั หา ปจั จยั อกี อยา่ งทตี่ อ้ งพจิ ารณาคอื ความขอ้ี าย บางคนชอบเกบ็ ตวั ซงึ่ ไมใ่ ชข่ อ้ เสยี เพราะไมใ่ ชว่ า่ ทกุ คนจะชอบสมาคมกับคนอ่นื เชน่ เดียวกบั นักแสดงที่ต้องการผชู้ ม ผูน้ �ำ ตอ้ งการผู้ตาม นักกฬี าทเ่ี ขา้ แข่งขันต้องการผู้ชม ห้องเรยี นตอ้ งการทั้งคนฟังและคนพูด ครบู างคนเชอื่ วา่ ครมู หี นา้ ทชี่ ว่ ยใหค้ นขอ้ี ายเอาชนะความอาย และกลายเปน็ คนกลา้ พดู ต่อหน้ากลุ่มคน แตบ่ างคนเชอ่ื ว่า ครมู ีหน้าท่สี รา้ งท่หี ลบภยั ใหค้ นขอ้ี ายเข้ามาอยู่อยา่ ง สบายใจกอ่ น หลงั จากพรอ้ มแล้วแล้วค่อยเปิดโอกาสใหอ้ อกไปสู่โลกภายนอก พวกคน ขอ้ี ายบอกฉนั วา่ คนขอ้ี ายสว่ นใหญช่ อบวธิ ที สี่ องมากกวา่ ฉนั บอกไมไ่ ดว้ า่ แบบไหนถกู ตอ้ ง แต่ฉันเชื่อว่าท�ำให้สบายใจน่าจะดีกว่า ฉันเคยเป็นเด็กขี้อายมาก และแม้จะได้เรียนรู้ การเอาชนะความวิตกจนกล้าพูดต่อหน้ากลุ่มคนได้ แต่ยังกังวลใจมากอยู่ดี (คุณรู้ดีว่า การสอนตา่ งจากการพดู ในทส่ี าธารณะมาก) ดงั นนั้ ฉนั จงึ พยายามคดิ กจิ กรรมทนี่ กั เรยี น 170 ขอี้ ายไมต่ อ้ งกลายเป็นจดุ เดน่ นานเกนิ 2-3 วนิ าที

เกมแนะน�ำตัวยอดนิยมท่ีสุดอันหนึ่งในโรงเรียน (และมหาวิทยาลัย) คือ การ เ ่ิรม ้ดวย... สมั ภาษณ์นกั เรียน ซ่ึงคุณอาจจะเลน่ มาเกินหนงึ่ ครง้ั แล้ว โดยครจู ะขอใหน้ กั เรยี นจับคู่ สมั ภาษณก์ นั แลว้ แนะน�ำใหค้ นอน่ื รจู้ กั คขู่ องตวั เอง แบบฝกึ หดั นด้ี งึ ดดู ใจครเู พราะท�ำได้ เร็วและง่าย แต่นักเรียนหลายคนคิดว่า กิจกรรมนี้เป็นแบบฝึกหัดท่ีท�ำให้อับอายและ เจ็บปวด หลายคนกลัวการสมั ภาษณ์เพื่อนแบบน้ดี ว้ ยเหตุผล 2-3 ประการตอ่ ไปนี้ ถา้ ครไู มจ่ บั คใู่ ห้ จะเหลอื นกั เรยี นอยู่ 2-3 คน ทไ่ี มม่ ใี ครอยากจบั คดู่ ว้ ย พวกเขา รู้สกึ ถกู ปฏเิ สธและไม่มใี ครชอบ ยิ่งครบู งั คับให้คนอนื่ มาจบั คู่ จะย่ิงรสู้ กึ แย่ และไม่มีวนั ลืมว่า ไมม่ ใี ครอยากจับคู่ดว้ ย นกั เรยี นบางคนขอี้ ายมากจนการตอ้ งออกมาพดู หนา้ ชน้ั เปน็ ความเจบ็ ชำ้� จ�ำฝงั ใจ โดยเฉพาะในวนั แรก เด็กๆ มักจับข้อด้อยของคนอื่นได้รวดเร็ว เช่น พูดไม่ชัด เสียงเหน่อ ติดอ่าง หน้าแดง และบางคนจะเอาเรอื่ งพวกนีไ้ ปทรมานคนทมี่ ีปมดอ้ ย ชว่ งกอ่ นวยั รนุ่ และวยั เจรญิ พนั ธม์ุ กี ารเปลย่ี นแปลงรา่ งกายในทกุ รปู แบบทท่ี �ำให้ เดก็ ๆ อบั อาย เชน่ มสี วิ ขน้ึ มหี นา้ อก เสยี งแตก มขี นขนึ้ ทหี่ นา้ ไมเ่ ปน็ ทเ่ี ปน็ ทาง ปฏกิ รยิ า ทางร่างกายต่อสิ่งเร้าที่ไม่อาจควบคุมได้ บางครั้ง ส่ิงท่ีแย่ท่ีสุดที่ครูท�ำกับนักเรียน คือ ท�ำให้พวกเขากลายเปน็ จดุ สนใจข้ึนมา ความยากจน กฎทางศาสนา หรือพ่อแม่ท่ีเข้มงวดอาจบังคับให้เด็กบางคน แตง่ กายตา่ งจากนักเรียนสว่ นใหญ่ เครือ่ งแตง่ กายอาจท�ำใหพ้ วกเขาอับอาย หรือท�ำให้ เพอื่ นร่วมชน้ั ตง้ั ค�ำถามที่พวกเขาไม่อยากตอบในที่สาธารณะ โปรดอย่ามองข้ามความคิดท่ีจะใช้เกมเพ่ือให้นักเรียนคุ้นเคยกัน มีเกมและ กิจกรรมมากมายทีไ่ ม่บงั คบั ใหน้ กั เรียนออกมาพดู หรอื ยนื หนา้ ห้อง มีเกมหน่ึงทอ่ี าจารย์ ในมหาวิทยาลัยของฉนั ใชไ้ ด้ผลดมี ากกับผใู้ หญ่ และพอฉนั เอาเกมนัน้ มาใชก้ ับนกั เรียน ชนั้ มธั ยม กไ็ ดผ้ ลดีมาก เกมค�ำ คุณศัพท์ 1. ขอให้นักเรียนคิดถึงค�ำคุณศัพท์หน่ึงค�ำที่บรรยายลักษณะของตัวเองได้ใน ขณะนน้ั คณุ อาจจะตอ้ งเตือนนกั เรยี นว่าคณุ ศัพทค์ อื อะไร ตามปกตฉิ นั จะให้ตวั อยา่ งค�ำ 171

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด สัมผัสอักษร 2-3 ค�ำ เช่น Rapping Robert (โรเบิร์ตขาแร็พ) หรือTalented Tiffany (ทฟิ ฟานีท่มี พี รสวรรค)์ และตวั อยา่ งน่าขนั 2-3 ค�ำ เชน่ Hungry Sam (แซมผหู้ วิ โหย) 2. เร่ิมต้นที่มุมหนึ่งของห้อง โดยขอให้นักเรียนคนแรกพูดชื่อและค�ำคุณศัพท์ ของตวั เอง แลว้ ใหค้ นทสี่ องท�ำเชน่ กนั และท�ำตอ่ มาเรอื่ ยๆ จนถงึ คนทห่ี า้ แลว้ หยดุ ตรงนน้ั 3. ไปยืนข้างนักเรียนคนแรกแล้วถามว่า “นี่คือใคร” นักเรียนจะพากันพูดชื่อ และค�ำคณุ ศพั ทข์ องคนคนนน้ั ใหย้ า้ ยไปยนื ใกลค้ นทส่ี อง แลว้ ถามวา่ “นค่ี อื ใคร” ท�ำเชน่ นี้ ต่อไปจนกว่าจะพูดช่ือนกั เรียน 5 คนแรกได้ครบ 4. ท�ำขั้นตอนเดิมซ้�ำ และหยุดทุกครั้งเมื่อครบ 5 คน แล้วเริ่มพูดช่ือซ�้ำตั้งแต่ 5 คนแรก จนถึง 5 คนในกลุ่มถดั ไปเรื่อยๆ แลว้ พอไปถึงคนสุดทา้ ยในห้อง ใหเ้ รม่ิ พดู ชือ่ นกั เรียนคนแรกไปจนถงึ คนสุดท้าย 5. จะท�ำหรือไม่ท�ำข้ันตอนน้ีก็ได้ แต่นักเรียนชอบขั้นน้ีมาก ขณะที่แต่ละคน พูดช่ือและค�ำคุณศัพท์ของตัวเอง ฉันจะจดลงไปในแผ่นท่ีเขียนหมายเลขไว้ แล้วสั่งให้ นักเรียนเอากระดาษกับปากกามาเขียนหมายเลข 1 ถึง 30 (หรือตามจ�ำนวนนักเรียน ในชน้ั ) ฉนั สมุ่ อา่ นค�ำคณุ ศพั ทจ์ ากกระดาษในมอื และนกั เรยี นเขยี นชอื่ ทคี่ กู่ บั ค�ำคณุ ศพั ทน์ น้ั พออ่านครบทกุ ค�ำและนกั เรียนมีรายชอ่ื ทุกคนครบแล้ว ฉันจะทวนชื่ออยา่ งรวดเร็วและ เฉลยชื่อที่ถูกต้อง จากนั้นก็ขอให้คนที่ตอบถูกทุกช่ือ คนที่พลาดไป 1 ชื่อ หรือ 2 ช่ือ และอน่ื ๆ ยกมอื ข้ึน แลว้ ให้รางวัลเป็นขนมปงั กรอบรูปสัตว์ หรอื ดินสอแสนสวยให้คนท่ี พูดชอื่ ได้ถกู ต้องมากทสี่ ุด อยา่ ทอ้ ใจถ้านกั เรยี นโตๆ ส่ายหนา้ กบั ความไรส้ าระของคุณ เพราะถา้ พวกเขา มีอารมณ์ขันพอที่จะหัวเราะกับคุณได้ ก็อาจจะยอมเล่นเกมกับคุณ แต่ถ้ามีนักเรียนท่ี รบั มอื ยากอยา่ งทฉ่ี นั เจอ และเหน็ วา่ พวกหวั โจกจะท�ำลายเกมหรอื ไมย่ อมเลน่ คณุ จะตอ้ ง ตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาอยา่ งรวดเรว็ เชน่ อาจจะเมนิ พวกทที่ �ำใหง้ านกรอ่ ย แลว้ ไปเลน่ กบั คน ท่ียอมร่วมมือแทน นักเรียนท้ังชั้นจะเห็นว่าถ้าร่วมมือ จะได้ความใส่ใจจากครูมากกว่า ซ่งึ เป็นเร่อื งดี คณุ อาจจะต้งั ชอ่ื เล่นใหท้ กุ คนท่ไี มย่ อมเล่นเกมว่า เปน็ พวก “ใช้สิทธิท์ ่ีจะ ไม่พูดปรักปร�ำตนเอง” และแสดงให้เห็นว่า ใครไม่อยากเล่นก็ช่าง แล้วขอให้คนที่ไม่มี ส่วนร่วมออกไปนอกวง จนกว่านักเรียนท่ีเหลือจะท�ำกิจกรรมเสร็จ การท�ำแบบน้ีเป็น 172 เรื่องเสี่ยง เพราะพวกคนเกเรอาจจะไม่ยอมออกไป และบรรลุเป้าหมายท่ีต้องการ

ใหค้ รทู งิ้ แผน แลว้ หนั มาทะเลาะกบั นกั เรยี น ซง่ึ เปน็ ตวั อยา่ งทไี่ มด่ ี คณุ อาจจะหยดุ เกมได้ เ ่ิรม ้ดวย... โดยไมต่ อ้ งอธบิ ายอะไร แล้วท�ำกิจกรรมถดั ไปตามแผนท่วี างไว้ เช่น แจกใบงานหรอื ให้ ไปอ่านเร่ืองท่ีท้าทาย ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่ดี เพราะได้บอกทุกคนอย่างชัดเจนแล้วว่า ถ้าไม่อยากเล่น ครูก็มีงานมากมายให้ท�ำ ซึ่งเป็นการส่งสารที่ดีอีกอันหน่ึงเช่นกัน ไม่ว่า จะท�ำอะไรกต็ าม ขอใหไ้ ว้ใจสญั ชาตญาณของตวั เอง สร้างกจิ วตั รและพธิ กี รรม ขั้นตอนการปฏิบัติตามมาตรฐานอาจจะเป็นวิธีอันดับหนึ่งในการขจัดการเสียเวลา ในห้องเรียน คุณอาจจะต้องใช้เวลาสัก 2-3 นาที ในแต่ละวันเพ่ือทบทวนข้ันตอน จนกว่านักเรียนจะท�ำตามได้ โดยไม่ต้องให้ครูคอยคุม แต่พอนักเรียนรู้จนข้ึนใจแล้ว คุณจะสบายไปตลอดภาคหรือตลอดปกี ารศึกษา ครทู กุ คนมวี ิธีการสอนของตวั เอง มขี อ้ ก�ำหนดของหลักสตู ร และมีระบบการจดั การของหอ้ งเรียนทตี่ อ้ งคดิ แต่ขนั้ ตอน หลายๆ อย่างในห้องเรียนทุกห้องจะเหมือนกัน เช่น บางครั้งครูทุกคนต้องท�ำให้ นกั เรยี นสนใจใหไ้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ตอ้ งเกบ็ รวบรวมรายงาน แจกวสั ดกุ ารเรยี น อนญุ าต หรอื ไมอ่ นญุ าตใหน้ กั เรยี นไปเขา้ หอ้ งนำ�้ ตรวจทานวา่ นกั เรยี นเขา้ ใจบทเรยี น ท�ำความ สะอาดหอ้ งหลงั จากนกั เรยี นท�ำโครงงานเสรจ็ ฯลฯ ถา้ เราออกแบบและสอนขนั้ ตอน เพ่ือใหน้ กั เรยี นท�ำงานส�ำเรจ็ ซง่ึ เปน็ งานทีต่ อ้ งท�ำซ�้ำๆ ในแต่ละวันหรือสปั ดาห์ กจ็ ะ ช่วยประหยัดเวลา นักเรียนไมห่ งดุ หงิด หอ้ งเรยี นมปี ระสิทธผิ ลมากข้นึ และเปน็ ท่ที ี่ นกั เรยี นอยู่อยา่ งมคี วามสขุ ถ้าไมร่ เู้ ลยว่า ควรใช้ข้นั ตอนแบบไหน และจะสอนนกั เรยี นให้เข้าใจไดอ้ ย่างไร ใหพ้ ยายามหาครทู ปี่ ระสบความส�ำเรจ็ และมคี วามสุข ขอไปสังเกตการสอน แมเ้ พ่อื นครู ที่มีความสขุ จะไมเ่ รยี กส่งิ นว้ี ่าข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิ แตก่ เ็ อาไปใช้ และคุณจะสงั เกตเห็นว่า นักเรียนในชั้นรู้ว่าจะต้องท�ำอะไรบ้าง เมื่อถึงเวลาเร่ิมท�ำกิจกรรม หรือเก็บรวบรวม รายงาน หรอื เขา้ แถวเดนิ ไปหอ้ งสมดุ ฯลฯ ถา้ คณุ ไมม่ คี รทู จ่ี ะไปสงั เกตการสอนได้ ใหไ้ ป ยืมหนังสือ วิดีโอ และดีวีดีจากห้องสมุดเพื่อการพัฒนาบุคลากร ในส�ำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาของคุณ แต่ถ้าไม่มี ก็ขอให้ผู้บริหารแนะน�ำแหล่งข้อมูลให้ ถามเพ่ือนครู 173

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด หรอื คน้ หาทางอนิ เทอรเ์ นต็ ในหวั ขอ้ “ขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ใิ นหอ้ งเรยี น” และเขา้ ชมเวบ็ ไซต์ ทเ่ี ป็นโฮสต์และออกแบบมาให้ครูแลกเปล่ียนวธิ ีปฏิบัติที่ดีท่สี ุดและประสบการณ์ตา่ งๆ ระหว่างน้ัน เพื่อจะให้คุณเริ่มต้นได้ ขอให้ดูสถานการณ์ท่ีคุณอยากจะผ่าน ชว่ งรอยตอ่ จากกจิ กรรมหรอื บทเรยี นหนง่ึ ไปยงั อกี อนั หนงึ่ ไดร้ วดเรว็ และราบรนื่ ฉนั ไดเ้ หน็ คลปิ วดิ โี อทเี่ ดก็ ชน้ั ประถมลกุ จากทน่ี ง่ั และเดนิ ไปรอบหอ้ งเปน็ แถวเดยี ว พรอ้ มกบั รอ้ งเพลง ประจ�ำช้ันไปท่ีมุมเล่านิทาน แล้วน่ังลงเองอย่างรวดเร็วและเงียบๆ คอยให้ครูเริ่มอ่าน นทิ าน ซง่ึ ทงั้ หมดนใี้ ชเ้ วลาไมถ่ งึ หนง่ึ นาที และระหวา่ งนน้ั เดก็ ทกุ คนยมิ้ แยม้ และมโี อกาส ใช้พลังงานไปบางส่วน ก่อนจะน่ังลงฟังนิทาน ส่วนครูก็น่ังอยู่ตรงหน้ากลุ่มนักเรียนท่ีมี ความสุขและเตม็ ใจรับฟัง ชา่ งเป็นความคิดทฉี่ ลาดจริงๆ! ถา้ สอนเดก็ โต กอ็ าจจะดดั แปลงการเดนิ รอ้ งเพลงมาเปน็ การเปดิ ดนตรที อ่ นเดมิ เพื่อสง่ สญั ญาณว่า ถึงเวลาที่ทกุ คนตอ้ งท�ำงานทกี่ �ำลงั ท�ำอยู่ใหแ้ ล้วเสร็จ และเอามาส่ง หรอื ใหห้ ยดุ อา่ นต�ำรา หรอื ไปหาอุปกรณ์ศิลปะ หรอื เอาเครือ่ งคดิ เลข พจนานุกรม หรอื แบบฝึกหัดออกมาจากท่ีเก็บของในห้อง ถ้าใช้ดนตรีท่อนเดิมเพื่อส่งสัญญาณส�ำหรับ กจิ กรรมเดมิ ทกุ ครง้ั นกั เรยี นจะเรยี นรกู้ ารท�ำตามสญั ญาณอยา่ งรวดเรว็ และถา้ ตดั ดนตรี ท่อนน้ันให้ยาว 20 วินาที (หรือ 30 วินาที) พอดีเป๊ะ ก็จะเป็นการสั่งให้ทุกคนพร้อม ส�ำหรบั กจิ กรรมถดั ไปไดต้ อนดนตรจี บพอดี หรอื อาจจะเปดิ ดนตรแี ค่ 2-3 วนิ าที แลว้ นบั ถอยหลงั ดงั ๆ ชา้ ๆ จาก 10 ถงึ 1 เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นมเี วลาแค่ 10 วนิ าที ในการเตรยี มพรอ้ ม จะเรม่ิ กจิ กรรมใหม่ การใชด้ นตรหี รอื นับถอยหลังสรา้ งพลังงานและความกระตอื รอื รน้ อย่างมากโดยทนี่ กั เรยี นไมร่ ู้สกึ ต่อตา้ น ตา่ งจากเวลาท่คี รสู ง่ั หรือขอรอ้ งด้วยวาจา ฉันอา่ นเร่อื งของครูท่ใี ช้ยทุ ธวิธีคล้ายๆ กนั เพือ่ สง่ สญั ญาณให้นักเรยี นท�ำความ สะอาดในหอ้ งเรยี น หลงั จากท�ำโครงงานศลิ ปะทใี่ ชว้ สั ดซุ ง่ึ ตอ้ งเกบ็ รวบรวมและน�ำไปเกบ็ ไว้ใหก้ ลมุ่ ถดั ไป เธอเปิดเพลง William Tell Overture ชว่ ง 2-3 วนิ าทแี รก (ดาห์ ดาห์ ดาห์ ดมั ) เปน็ สญั ญาณ ซึ่งนกั เรียนตอบสนองอยา่ งดีใจกบั สญั ญาณเร้าอารมณแ์ บบนั้น 174

โปรดฟังทางนี้! เรื่องจ�ำเปน็ ทัว่ ๆ ไปอกี อยา่ งหนงึ่ คือ ตอ้ งกระตนุ้ ให้นกั เรียนสนใจอยา่ งรวดเรว็ ครทู ่ี เชยี่ วชาญการสอนเดก็ อนุบาลกบั ประถมเปน็ แหลง่ ความคดิ ทย่ี อดเย่ยี ม พวกเขามกั ใชก้ ารทอ่ งค�ำพูดตอบโตก้ ันเปน็ จงั หวะคลอ้ งจอง การให้สัญญาณมือโดยไมต่ ้องพดู การท�ำเสยี งแปลกๆ หรอื สอื่ สามมติ ิสสี ันสดใสขนาดใหญ่ทตี่ ดิ ไว้บนผนงั หน้าห้อง วธิ ี พวกนยี้ งั ใชไ้ ดผ้ ลดกี บั นกั เรยี นโตๆ ดว้ ย แมพ้ วกเขาอาจจะกลอกตาไปมาและเสแสรง้ วา่ ตัวเอง “สดุ ยอดเกินกวา่ ” จะสนกุ กบั กจิ กรรมแบบน้ี ครบู างคนใช้วิธีตะโกน ถ้าคณุ ใชแ้ ลว้ ได้ผล กไ็ ม่เปน็ ไร แต่พอผ่านไปสักระยะหน่ึง การตะโกนจะไดผ้ ลนอ้ ยลง และ จะดเู หมือนวา่ ครูควบคมุ อารมณ์ไม่อยู่ คนทีน่ ิง่ สงบจะไม่ตะโกน การใชอ้ �ำนาจอย่าง เ ่ิรม ้ดวย... ม่ันใจและสงบน่งิ จะไดผ้ ลกวา่ ความตน่ื ตระหนกหรอื ความโกรธ ตามปกติ เสยี งทม่ี ที �ำนองหรอื จงั หวะหรอื สญั ญาณจะไดผ้ ลดกี วา่ และนา่ ร�ำคาญ น้อยกวา่ การตะโกน ครูบางคนท�ำให้ห้องเรียนเงยี บไดโ้ ดยตบมือ 5 คร้งั ครูบางคนใชว้ ิธี เปา่ นกหวดี 2 ครงั้ เพอื่ สรา้ งเสยี งทเี่ ดน่ กวา่ เสยี งนกั เรยี น และเตอื นลว่ งหนา้ วา่ พอไดย้ นิ เสยี งนแี้ ลว้ ทกุ คนตอ้ งหยดุ ทกุ อยา่ งทก่ี �ำลงั ท�ำอยู่ แลว้ หนั มาฟงั ครเู งยี บๆ ครคู นหนงึ่ ทฉี่ นั ดูในคลิปวิดีโอใช้ “ไม้เรียกฝน” (rain stick – เคร่ืองดนตรีของชาวอินเดียนแดงที่ใช้ เรยี กฝน) ทท่ี �ำเสยี งคลา้ ยเสยี งฝนตกเบาๆ ครง้ั แรกทเี่ ขายกไมข้ น้ึ และนกั เรยี นไดย้ นิ เสยี ง ทุกคนเงียบและมองครทู ีพ่ ูดว่า “บางครั้งครูอยากให้ทุกคนมองและฟังครู ครอู ยากให้ นักเรียนท�ำอย่างนี้ทันทีที่ได้ยินเสียงน้ี” นักเรียนรู้สึกทึ่งและไม้เรียกฝนใช้ได้ผลดีมาก เพราะดงึ ความสนใจไดโ้ ดยไมท่ �ำเสยี งดงั นา่ ตกใจ (ตง้ั แตน่ น้ั มาฉนั ใชไ้ มเ้ รยี กฝนกบั นกั ศกึ ษา ในมหาวิทยาลัย พวกเขาชอบมากและใช้ไดผ้ ลด)ี ครูคนนี้มีเครื่องวัดเสียงด้วย โดยท�ำแถบยาวติดเทปกาวสองหน้าไว้ห่างๆ กัน 3 จดุ จดุ ลา่ งสดุ เขยี นวา่ ‘เวลาเงยี บๆ’ จดุ ทส่ี องตรงกลางเขยี นวา่ ‘ท�ำงานดว้ ยกนั เปน็ ค’ู่ และจดุ บนสดุ เขยี นวา่ ‘คยุ กนั ในกลมุ่ ’ ครจู ะแปะบตั รรปู ฟตุ บอล ซงึ่ มขี นาดใหญ่ เหน็ งา่ ย และเคลอื บพลาสตกิ ไวแ้ ลว้ ตรงจดุ ตา่ งๆ บนแถบผา้ ตามระดบั ความเบาหรอื ดงั ของเสยี ง ทีค่ รอู นญุ าตใหน้ ักเรียนท�ำไดใ้ นชว่ งเวลาท่กี �ำหนด จากนนั้ ก็ใหน้ ักเรยี นลองท�ำกิจกรรม สน้ั ๆ 3 อยา่ ง ดว้ ยระดบั เสยี งทแี่ ตกตา่ งกนั แลว้ ครจู ะบอกนกั เรยี นวา่ ระดบั เสยี งขนาดไหน ทค่ี รูยอมรับได้ 175

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด การทคี่ รใู หน้ กั เรยี นฝกึ ขนั้ ตอนตา่ งๆ แลว้ บอกวา่ ครคู ดิ อยา่ งไร เปน็ ขน้ั ตอนส�ำคญั ที่ใชส้ อนข้ันตอนทกุ แบบ เราไม่คาดหวังว่า นกั เรียนจะเข้าใจความหมายไดโ้ ดยอตั โนมัติ เม่ือเราพดู ว่า “คยุ เบาๆ กับคนทเี่ ป็นครู่ ว่ มงาน” ระดับเสียงที่วา่ เบาของนักเรยี นอาจจะ เป็นเสียงตะโกนส�ำหรับครู จึงส�ำคัญมากท่ีครูต้องจ�ำว่า การที่นักเรียนท�ำตามค�ำขอ ของครูไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่เคารพหรือไม่เต็มใจร่วมมือ แต่น่าจะเป็นเพราะไม่รู้ว่าครู คาดหวังอะไรกนั แน่ สญั ญาณไรเ้ สยี งและการใชท้ า่ ใบ้ บางครงั้ สญั ญาณไรเ้ สยี งหรอื การใชท้ า่ ใบเ้ หมาะสมกวา่ การใชเ้ สยี งหรอื สญั ญาณเสยี ง เชน่ คนทตี่ อ้ งการไปหอ้ งนำ�้ สามารถสง่ สญั ญาณทคี่ รกู �ำหนดไวล้ ว่ งหนา้ เชน่ ชนู ว้ิ มอื 3 นิ้ว โดยหันฝ่ามือออกด้านหน้า แม้ตอนครูก�ำลังพูด โดยไม่ขัดจังหวะการสอน แล้วครูพยักหน้าหรือท�ำสัญญาณแบบเดียวกันเพื่อตอบอนุญาต (ครูบางคนลังเลท่ี อนุญาตให้นักเรียนเซ็นช่ือออกไปห้องน�้ำเอง แต่ครูจ�ำนวนมากรายงานว่า แม้แต่ เดก็ เลก็ หรอื นกั เรยี น “ดอ้ื ” กย็ งั ชอบทค่ี รไู วใ้ จและมอบความรบั ผดิ ชอบใหท้ �ำอยา่ งนนั้ ตามปกติ นกั เรยี นจะพยายามอยา่ งหนกั เพอื่ รกั ษาความไวใ้ จและเสรภี าพทค่ี ณุ มอบให้ เพราะไม่อยากสูญเสียสิ่งนั้นไป นักเรียนที่ใช้สิทธิพิเศษผิดทางจะถูกคัดช่ือออกจาก ใบรายชอ่ื ทใ่ี หเ้ ซน็ ชอื่ ออกจากหอ้ งเอง และตอ้ งพยายามอยา่ งหนกั เพอื่ จะไดค้ วามไวใ้ จ และเสรภี าพท่ีเสยี ไปกลบั คืนมา) ไมว่ า่ จะเปน็ ชว่ งไหนระหวา่ งทอ่ี อกค�ำสงั่ คณุ ตรวจสอบไดเ้ ลยวา่ นกั เรยี นเขา้ ใจ หรอื ไม่ โดยยกนวิ้ โปง้ ขนึ้ แลว้ มองหนา้ นกั เรยี นเปน็ เชงิ ถาม คนที่ “เขา้ ใจ” จะยกนว้ิ โปง้ ขนึ้ สว่ นคนท่ยี ังสับสนใหค้ วำ่� นิ้วโปง้ ลง ซงึ่ ท�ำใหค้ ุณมที างเลอื ก และข้นึ กบั จ�ำนวนนิ้วโป้งที่ คว่ำ� ลงว่า ควรจะพดู ย�ำ้ และเรยี บเรยี งค�ำพูดใหม่ หรือลองวธิ ีอ่นื หรอื ให้นักเรยี นท�ำงาน เด่ียว หรอื จบั คู่ หรอื ท�ำเปน็ กลุ่ม ขณะทคี่ ณุ เดนิ วนไปรอบๆ เพ่อื ใหค้ วามช่วยเหลอื นอกจากนนั้ นกั เรยี นอาจจะรเิ รม่ิ ตรวจสอบความเขา้ ใจของตวั เองเงยี บๆ ถา้ คณุ สอนให้นักเรียนเอานิ้วชี้เคาะหัวทุกครั้งท่ีสับสนกับสิ่งท่ีครูก�ำลังสอน ถ้ามีแค่คนเดียว 176 เคาะหวั ตวั เอง คณุ จะรวู้ า่ ตอ้ งใชเ้ วลากบั นกั เรยี นคนนนั้ ขณะทคี่ นอนื่ ท�ำงานเองได้ แตถ่ า้

มีนักเรียนมากกว่า 2 คน เคาะหัวตัวเอง คุณก็จะได้สอนให้ช้าลง หรือเปลี่ยนวิธีสอน เ ่ิรม ้ดวย... หรือหยุดสอนเม่ือไม่มีใครต้องการให้พูดซ�้ำ ไม่ใช่ว่าสอนไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมารู้ตัว ทีหลังว่า นกั เรยี นตามไมท่ นั และไมเ่ ข้าใจ ครบู างคนเลอื กใชส้ ัญญาณมือแทนการใชค้ �ำพดู เวลาอยากให้นักเรียนหยุดคยุ และใส่ใจครู ครูจะหยุดและเอามือข้างหน่ึงป้องหูพลางจ้องหน้านักเรียนเขม็ง จากนั้น นกั เรยี นจะหยดุ คยุ และเอามอื ปอ้ งหตู วั เอง ครจู ะคอยจนนกั เรยี นทกุ คนท�ำตามแลว้ พดู วา่ “ขอบใจท่ฟี งั ครู” และสอนหรอื ท�ำกิจกรรมท�ำถดั ไป เช่นเดียวกัน ครูฉลาดๆ อาจจะแค่ ยกมอื แค่หน่ึงขา้ ง แล้วคอยใหท้ ุกคนยกมอื ตาม กอ่ นจะสอนตอ่ ไป ครูทด่ี เี ยี่ยมซงึ่ ฉนั กล่าวถึงไปแลว้ ใชว้ ธิ ที ่เี รยี กว่า “ขอ 5 อยา่ ง” โดยติดแผนผงั ไวบ้ นผนงั หอ้ ง เพอ่ื ใหเ้ หน็ สงิ่ ทค่ี รคู าดหวงั วา่ นกั เรยี นจะท�ำ 5 อยา่ ง เวลาครยู กมอื นนั่ คอื หนึ่ง ให้มองครู สอง หยุดคุย สาม วางมือแนบล�ำตัว ส่ี ห้ามขยับเท้า และห้า ฟังครู เขาเขียนหมายเลขบนความคาดหวงั แตล่ ะอย่าง จากนัน้ ขณะทค่ี รูก�ำลังสอน ถ้านักเรียน ไขวเ้ ขวไปจากการเรียน ครจู ะต้องพากลับมาให้อยใู่ นรอ่ งในรอยโดยเร็วและเงียบๆ โดย พูดว่า “เจนนี หมายเลข 2 ขอบใจนะ” วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมาก ครูไม่ต้องหยุดสอน และ นกั เรยี นตอบสนองโดยไมต่ อ้ งเปน็ จดุ สนใจของทกุ คน ถา้ คณุ ปรบั ความคาดหวงั ใหเ้ หมาะ กับชนั้ ของคุณ วธิ นี ี้จะใชไ้ ดผ้ ลกับนกั เรียนทุกวัย ทุกคนพร้อมหรือยงั ปัจจัยส�ำคัญท่ีต้องพิจารณาเวลาให้สัญญาณไม่ว่าจะใช้ค�ำพูดหรือไม่ก็ตาม คือ คุณอยากให้นักเรียนตอบสนองสักกี่เปอร์เซ็นต์ ฉันคิดว่าจะดีท่ีสุด ถ้าคุณมองข้าม พฤติกรรมไม่เหมาะสมเล็กๆ น้อยๆ ไป และหลีกเล่ียงการท�ำตัวเป็น “คนบ้าการ ควบคมุ ” (ตามทน่ี กั เรยี นเรยี ก) ระหวา่ งการสอนและการท�ำกจิ กรรมทวั่ ๆ ไป แตเ่ มอ่ื คุณตรวจสอบความเข้าใจหรอื แกไ้ ขพฤติกรรม แสดงว่า คณุ ต้องการการตอบสนอง เตม็ รอ้ ยจากนกั เรยี นแน่ ตัวอยา่ งเชน่ ถา้ คณุ ขอให้นกั เรยี นท�ำสญั ญาณมอื ตอบกลบั เวลาคุณส่งสัญญาณมือ (คุณยกมือและคอยให้ทุกคนหยุดคุย แล้วนักเรียนยกมือ ตอบกลบั ) คณุ กน็ า่ จะยนื กรานวา่ ตอ้ งการการตอบสนองเตม็ รอ้ ยจากนกั เรยี น เพราะถา้ 177

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด คุณยอมรบั การตอบสนองเพยี งแค่ 95 เปอร์เซ็นต์ แลว้ ท�ำงานต่อไป อาจดูเหมอื นว่า ทกุ คนพรอ้ มจะไปดว้ ยกนั แตไ่ มช่ า้ คณุ จะพบวา่ มนี กั เรยี นไมต่ อบสนองมากขน้ึ เรอ่ื ยๆ และไมน่ านคณุ กจ็ ะตอ้ งวนกลบั มาทจ่ี ดุ เรม่ิ ตน้ อกี ครงั้ หรอื กระทง่ั สรู้ บปรบมอื กบั ปญั หา เดมิ ๆ ท่ยี ังแก้ไมไ่ ดอ้ ีก ถา้ คณุ สอนเดก็ เล็กๆ ซงึ่ มกั จะดใี จที่ได้ตอบสนองสัญญาณมอื การตอบสนองเต็มร้อยจึงไม่ใช่เร่ืองยาก และนักเรียนท่ีโตกว่าหลายคนก็ให้ความ ร่วมมือเช่นกัน แต่ถ้าสงสัยว่า ในห้องเรียนอาจมีบางคนไม่ร่วมมือ คุณอาจจะเริ่ม โดยใช้ค�ำพูดก่อน และถ้าในกลุ่มมีนักเรียนแค่ 2-3 คน ท่ีไม่ตอบสนอง ก็จะเห็น ไมช่ ัดนัก แต่อยา่ ใสใ่ จ เพราะพวกเขาจะไปตามกลุ่มใหญ่อยแู่ ลว้ อย่าท�ำให้เร่ืองเล็กกลายเป็นเร่ืองใหญ่ โดยแยกนักเรียน 1-2 คน ท่ีไม่ท�ำตาม ค�ำสั่งของคุณออกไป เพราะเป็นไปได้มากที่สุดว่า นักเรียนก�ำลังทดสอบว่าจะปั่นหัว ให้ครูทะเลาะกับนักเรียนได้ไหม คุณมีอะไรท�ำดีกว่าโต้เถียงกับคนที่ท�ำตัวแบบเด็กๆ แตถ่ า้ นกั เรยี น 1-2 คน หนา้ เดมิ ๆ พยายามทา้ ทายโดยไมร่ ว่ มมอื ตอ่ ไป แสดงวา่ พวกเขา อาจจะก�ำลังเรียกร้องความใส่ใจจากคุณ ฉันแนะน�ำให้คุณใส่ใจพวกเขา แต่ไม่ใช่ตอน ก�ำลังสอน ใหห้ าเวลาใสใ่ จพวกเขาเตม็ รอ้ ยในเวลาที่คุณสะดวก แตไ่ มส่ ะดวกเลยส�ำหรบั พวกเขา เวลาท่ีเหมาะอาจจะเป็นตอนที่นักเรียนที่ร่วมมือมีเวลาว่าง 5 นาที ไปพักเล่น สังสรรค์กับเพื่อนๆ ในตอนท้ายของกิจกรรมหรือตอนหมดคาบ ซึ่งเป็นเหมือนการให้ รางวลั นักเรียนทีม่ คี วามพยายาม ข้ันตอนการปฏบิ ัติตอนเลกิ เรียน ทันทีท่ีเริ่มออกแบบขั้นตอนการปฏิบัติ คุณจะพบว่าก�ำลังสร้างข้ันตอนใหม่ๆ ตาม ความจ�ำเป็น ขอใหแ้ นใ่ จว่าคุณจะสร้างค�ำสง่ั ทช่ี ัดเจนส�ำหรับแต่ละขนั้ ตอน และให้ โอกาสนักเรียนได้ฝึกฝนจนกว่าจะท�ำได้ถูกต้อง ถ้านักเรียนต้องการฝึกหลายๆ ครั้ง ก็อยา่ ไปลงโทษ หรอื ถ้านกั เรียนไม่ท�ำตามใจคุณ เพราะไม่เขา้ ใจวา่ คณุ ต้องการอะไร กันแน่ ก็อย่ากังวลท่ีจะต้องเสียเวลา เพราะเวลา 2-3 นาที ท่ีใช้ไปเพ่ือสอนข้ันตอน ต่างๆ จะเป็นประโยชน์ให้คุณประหยัดเวลาภายหลังได้เป็น 10 เท่า เพราะไม่ตอ้ ง 178 พดู ซำ้� ๆ ใหน้ กั เรยี นนง่ั ลงและสนใจงานของตวั เอง หรอื อยา่ สง่ เสยี งดงั หรอื เอาหนงั สอื

ไปวางใหเ้ ปน็ ระเบยี บบนชน้ั หรอื เกบ็ กวาดบรเิ วณทที่ �ำเลอะเทอะไว้ หรอื ใหย้ นื เงยี บๆ เ ่ิรม ้ดวย... ข้างโตะ๊ ระหวา่ งคอยสัญญาณออดเลิกเรยี น การท�ำแบบนนั้ เตอื นใหฉ้ นั นกึ ถงึ ขนั้ ตอนส�ำคญั ทฉ่ี นั โปรดอยา่ งหนง่ึ นนั่ คอื ขนั้ ตอน การปฏบิ ตั ติ อนเลกิ เรยี น ฉนั ไดบ้ ทเรยี นมาตอนสอนปแี รกวา่ ถา้ ปลอ่ ยใหน้ กั เรยี น 1-2 คน ท่ีคอ่ ยๆ เขยบิ (หรอื ทไี่ ปออกัน) ไปอยูท่ ที่ างออก 5 หรอื 10 นาที กอ่ นสัญญาณออด เลกิ เรยี นดงั ขนึ้ (บางทกี ็ 15 นาทกี อ่ นดว้ ยซำ้� ) ไมช่ า้ กจ็ ะตอ้ งวนุ่ กบั เดก็ ไรร้ ะเบยี บเปน็ กลมุ่ และเดก็ ทว่ี ุ่นวายไรร้ ะเบยี บน้นั ไม่ไดน้ ่าดเู ลย ในช่วงปีท่ีสองของการสอน ฉันเร่ิมสอนข้ันตอนการปฏิบัติตอนเลิกเรียนให้ ทกุ ๆ ช้นั เรยี นในวนั แรก ซึ่งใหผ้ ลตา่ งจากปีแรกมากมาย คณุ อาจจะใช้วธิ ีให้นักเรียนยืน ตรงท่ีน่ังของตัวเอง หรือเข้าแถวตามแนวผนังห้อง (ให้รางวัลนักเรียนท่ีท�ำตัวดีไปยืน หวั แถว และตอ้ งแน่ใจวา่ ไดเ้ วียนสทิ ธพิ เิ ศษนีใ้ ห้คนอ่นื ดว้ ย) เด็กเลก็ ๆ ไมค่ ่อยสนใจเวลา และยอมเรียนรู้เพลง หรือการท่องค�ำเปน็ ท�ำนอง และกจิ วตั รส�ำหรบั การเตรยี มตัวออก จากห้อง แต่นักเรยี นโตๆ มกั จะเฝา้ ดูนาฬิกา ดงั นั้น นโยบายของฉนั คอื จะเลกิ ชนั้ เรยี น ต่อเม่อื เสยี งออดดังขึน้ ไมม่ ีการรูดซิปเป้ หรอื จัดกระดาษให้เข้าทีก่ ่อนหน้าน้นั ฉนั จะให้ เวลา 3 นาที เพื่อเตอื นล่วงหนา้ ใหเ้ ตรียมตัวออกจากหอ้ ง นกั เรียนคุยกันได้ แตต่ ้องไม่ ออกหา่ งจากท่นี ั่งของตวั เองเกนิ มอื เอ้ือม ไมม่ ีการค่อยๆ เขยิบหรือเอาศอกดนั กนั ไปที่ ประตู ถ้าฉันเห็นใครเขยิบตัว เอาศอกดันกัน จัดกระดาษ และมีอะไรผิดปกติ นักเรียน จะได้การบา้ นเพิม่ และต้องทดสอบในวนั ถัดไป แต่ถ้ารว่ มมอื และท�ำตามขั้นตอนตลอด สปั ดาห์ จะได้รางวลั เปน็ เวลาว่าง 5 นาที ในคาบเรียนของวนั จันทร์ ให้ใช้เวลาคิด นกั จติ วทิ ยาซงึ่ ท�ำงานกบั นกั เรยี นทเี่ ปน็ ดสิ เลก็ เซยี (dyslexia) เลา่ ประสบการณท์ เี่ ปลยี่ น เจตคติของฉันเกี่ยวกับเวลาและวิธีจัดการอภิปรายในช้ันอย่างส้ินเชิง เธอเล่าเร่ือง เดก็ ชายวยั รนุ่ ทเ่ี ขา้ มาในศนู ยก์ ารรกั ษาและขอทดสอบไอควิ เพอื่ พสิ จู นใ์ หพ้ อ่ เหน็ วา่ ตวั เอง ไมใ่ ชค่ นปญั ญาออ่ นตามค�ำกลา่ วอา้ งของโรงเรยี น เธอจดั การทดสอบไอควิ มาตรฐาน 179

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ภายใตส้ ภาวะปกตติ ามค�ำขอของเดก็ ชาย เขาไดค้ ะแนนตำ�่ มาก แตย่ นื กรานวา่ คะแนน ไมถ่ ูกต้องและขอทดสอบใหม่ นกั จติ วทิ ยาเลา่ วา่ “ตามปกตเิ ดก็ ทม่ี คี นบอกวา่ ตวั เองไมฉ่ ลาดมาหลายปจี ะเชอ่ื ตามน้นั โดยเฉพาะถ้าพ่อแม่เชอ่ื อย่างน้นั ด้วย แต่เดก็ ชายคนนไี้ ม่เชือ่ ” ฉะนัน้ เธอจงึ จัดการทดสอบครงั้ ทีส่ องให้ ครัง้ นี้ เธออนญุ าตให้เด็กชายใชเ้ วลา มากท่ีสุดเท่าที่ต้องการเพื่อตอบค�ำถาม เขาใช้เวลา 3 เท่า ของการทดสอบตามปกติ แตไ่ ด้คะแนนในระดบั อัจฉริยะ! หลังจากได้ยินเร่ืองนั้นแล้ว ฉันสงสัยว่า มีอัจฉริยะน้อยในห้องเรียนของฉัน สกั ก่คี นที่รสู้ ึกโง่ เพราะฉนั ไมใ่ ห้เวลาพวกเขามากพอที่จะประมวลขอ้ มูล พวกคิดชา้ อาจ มคี วามคดิ ดขี นึ้ กไ็ ด้ แตพ่ วกเขาแทบไมม่ โี อกาสแบง่ ปนั ความคดิ กบั คนอน่ื ในหอ้ ง ฉนั รวู้ า่ ไม่มีเจตนาสอนนักเรียนคิดช้าไม่ให้คิด เพราะมัวไปกระตุ้นพวกตอบค�ำถามเร็ว ไม่ว่า จะตอบได้ถูกต้องแม่นย�ำหรือลึกซ้ึงไหม ฉันชอบท�ำอะไรเร็วๆ เพราะคิดว่าจะช่วยลด พฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม เพราะนกั เรียนมัวแตท่ �ำกจิ กรรมจนไม่มีเวลาท�ำตัวเกเร แต่ขณะ ทีฉ่ ันมวั ย่งุ กับการว่งิ แขง่ เพื่อกระตนุ้ พวกตอบสนองเร็ว กลายเป็นว่าฉนั ก�ำลังสอนพวก คิดช้าว่า อย่าเสียเวลาคิดเลย เพราะกว่าจะตอบค�ำถามแรกได้ คนอ่ืนก็ตอบไปหมด ทกุ ขอ้ แล้ว ดังนั้นฉนั จงึ ออกนโยบายใหมท่ ่บี งั คบั ให้ทกุ คนตอ้ งคดิ (10 วนิ าที แล้วเพิม่ เป็น 20 และสดุ ท้ายกใ็ ห้ 60 วินาทีเต็ม) กอ่ นคนแรกตอบค�ำถาม และไดผ้ ลท่นี า่ ท่งึ นกั เรียน ทต่ี ามปกตไิ มต่ อบสนองกเ็ รม่ิ ยกมอื และขอ้ คดิ เหน็ ทไี่ ตรต่ รองมาเปน็ อยา่ งดขี องพวกเขา เป็นแรงบนั ดาลใจใหพ้ วกคดิ เรว็ พยายามคิดใหล้ กึ ซง้ึ ขึน้ และกระบวนการคดิ ของฉนั ก็ดี ข้ึนด้วย เราไม่ใชว้ ธิ ีก�ำหนดเวลาคิดส�ำหรบั การอภปิ รายทกุ ครั้งไป เชน่ ไม่ใช้กับการคุย เร่ืองกิจกรรมของโรงเรียนแบบไม่เป็นทางการ แต่พอใช้เวลามากขึ้นจริงๆ เพ่ือครุ่นคิด ไตร่ตรองค�ำถามส�ำคญั ๆ เราก็เปลีย่ นแปลงพลวตั ในหอ้ งเรยี นไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ ถา้ คณุ เคยใหร้ างวลั นกั เรยี นทค่ี ดิ เรว็ เพราะยกมอื ตอบไดท้ นั ที กอ็ าจจะลองสอน ใหพ้ วกเขาชา้ ลงและคดิ เงยี บๆ สกั 2-3 ครง้ั โดยเรมิ่ ท่ี 5 หรอื 10 วนิ าที กอ่ น แลว้ คอ่ ยๆ 180 เพม่ิ จนเตม็ 1 นาที บางครงั้ ครพู บวา่ เปน็ เรอื่ งยากทต่ี วั เองจะเงยี บสกั 10 หรอื 20 วนิ าที

(ลองท�ำเดี๋ยวนี้เลย โดยต้ังค�ำถามตัวเองและคิดอย่างน้อยท่ีสุด 10 วินาที ถ้ารู้สึกว่า เ ่ิรม ้ดวย... 10 วินาที นานเกินไป แสดงว่า คุณอาจจะเป็นพวกประมวลข้อมูลเร็ว แต่ถ้าไม่พอ แสดงวา่ เปน็ พวกประมวลขอ้ มลู ช้า คณุ อาจจะฉลาดกวา่ ท่ีเคยคิดก็ได!้ ) ฉันขอแนะน�ำว่าคุณต้องลองใช้เทคนิคนี้ในห้อง นักเรียนมักจะยอมรับการ ทดลองคดิ ใหน้ านขน้ึ โดยเฉพาะถา้ อนญุ าตใหผ้ ลดั กนั เปน็ เจา้ หนา้ ทค่ี มุ เวลา เพราะรสู้ กึ วา่ ก�ำลงั ท้าทายตัวเองกบั นาฬิกา แทนทีจ่ ะถูก (คณุ ) บงั คบั ใหเ้ งยี บ ทำ�แบบทดสอบวินจิ ฉยั ใหเ้ วลาครทู ปี่ รกึ ษา 1-2 วนั เพอื่ สะสางตารางสอน กอ่ นแจกเอกสารตอ้ นรบั นกั เรยี น 1 หน้าที่เตรียมไว้ ในช่วง 2 วันนั้น ให้นักเรียนท�ำแบบทดสอบวินิจฉัย หรือหางาน ที่ช่วยประเมนิ ทักษะและความสามารถ จุดแขง็ และจดุ ออ่ นของนักเรยี น (อยา่ ยับย้ัง ความกระตอื รอื รน้ ของนกั เรยี นดว้ ยการใหค้ ะแนนงานพวกน้ี บอกนกั เรยี นใหท้ �ำดที ส่ี ดุ แตอ่ ย่าให้คะแนน หรืออกี วิธหี นง่ึ คอื ใหค้ ะแนนเต็มกับทกุ คนทตี่ ้งั ใจท�ำงานจนเสรจ็ แมจ้ ะมขี อ้ ผดิ พลาดบา้ ง ก็ไม่หกั คะแนน) แบบทดสอบวินจิ ฉยั กบั แบบฝกึ หดั พวกนี้ จะชว่ ยใหค้ ณุ ปรบั แผนการสอนได้ เพอ่ื ไมใ่ หง้ านทง่ี า่ ยหรอื ยากเกนิ ไป จนนกั เรยี นเบอื่ หรอื ทอ้ ถอย ในแบบทดสอบวนิ จิ ฉยั ฉนั จะมตี วั อยา่ งค�ำถามจากแบบทดสอบบทเรยี น ตา่ งๆ แบบทบทวนเนอ้ื หาในภาคการศกึ ษา และขอ้ สอบปลายภาค เพอ่ื ประเมนิ วา่ นักเรียนได้เรียนรู้ไปมากแค่ไหนแล้ว ถ้าผลออกมาว่า นักเรียนส่วนใหญ่ต้องการ ความชว่ ยเหลือและอยากให้ทบทวนเนือ้ หาเก่า ก็จะชว่ ยทวนให้ แต่ถ้าไม่มใี ครตอบ ค�ำถามไวยากรณ์ผดิ เกนิ 1-2 ข้อ ฉนั จะยกเลิกบทเรียนทง่ี า่ ยทสี่ ุดในแผนการสอน ส�ำหรับเด็กเล็กๆ คุณอาจจะเล่นเกมหรือท�ำกิจกรรมที่จะช่วยให้คุณประเมิน ระดับความสามารถในการเรยี นรู้ของนกั เรยี นในหลายๆ วชิ า เกมคณิตศาสตร์ โครงงาน วิทยาศาสตร์ และการสะกดค�ำ หรือกิจกรรมการเขียนจะท�ำให้คุณพอประเมินได้ว่า ใครรู้อะไรบ้าง ส�ำหรับนักเรียนต้ังแต่เกรด 3 ข้ึนไป การให้แสดงความคิดเห็นกับเรื่อง ทอี่ า่ นจะเปน็ วธิ กี ารยอดเยย่ี มทช่ี ว่ ยใหท้ ราบวา่ นกั เรยี นรอู้ ะไรบา้ งในวชิ านน้ั แถมยงั ชว่ ย ให้เห็นทักษะการใช้ตรรกะและการเขียนของนักเรียนด้วย ให้หาเรียงความที่น่าสนใจ 181

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด หรือที่แสดงประเด็นขัดแย้ง บทบรรณาธิการ บทวิจารณ์ภาพยนตร์ บทความสารคดี ในหนงั สอื พมิ พห์ รอื นิตยสาร แลว้ ท�ำส�ำเนาใหน้ กั เรียนไปอ่านเงียบๆ และเขยี นวา่ ตวั เอง คดิ อยา่ งไรกบั เนอื้ หานนั้ (ส�ำหรบั เดก็ เลก็ ใหเ้ ขยี นมาหนง่ึ ยอ่ หนา้ หรอื ครง่ึ หนา้ สว่ นนกั เรยี น ช้ันมัธยมต้องเขียนอย่างน้อยท่ีสุดหนึ่งหน้าเต็มๆ) การท�ำแบบน้ีช่วยให้คุณได้ข้อมูล เกยี่ วกับการคดิ เชงิ วิเคราะห์และทักษะการเขยี นเรียงความของนักเรียน แถมยังเปน็ การ ฝกึ ฝนท่ีดสี �ำหรับแนวการเขยี นทีน่ ักเรยี นตอ้ งท�ำ ถ้าไปเรียนตอ่ ในมหาวทิ ยาลยั ครั้งหนึ่งฉันเคยสอนการเขียนเรียงความให้นักศึกษาปีหน่ึงในมหาวิทยาลัย หลักสตู ร 4 ปี ทกุ คนเปน็ นักเรียนเกยี รตนิ ยิ มตอนเรียนชน้ั มัธยม ซึง่ มีปัญหาในการคิด หวั ขอ้ และเนอ้ื หาหลกั ของเรยี งความ และอยากใหค้ รบู อกวา่ ตวั เองตอ้ งพดู อะไร เมอ่ื กลบั ไปสอนมัธยมปลาย ฉันจงึ เพิ่มการบา้ นทเี่ ปน็ งานเขยี นแบบปลายเปดิ มากขน้ึ และพวก นกั เรยี นเกา่ กจ็ ะมาเลา่ วา่ เพราะตวั เองฝกึ มาดกี วา่ เพอ่ื นรว่ มชนั้ ในมหาวทิ ยาลยั ในการเขยี น อย่างทีอ่ าจารยค์ าดหวัง ใบต้อนรบั นักเรียนและแฟ้มข้อมลู ทันทีท่ีแน่ใจพอควรว่า จะไม่มีนักเรียนเปลี่ยนห้องอีกแล้ว และในวันถัดไปจะไม่มี นกั เรยี นใหมม่ าอกี 10 คน กถ็ งึ เวลาแจกใบตอ้ นรบั นกั เรยี นทม่ี ขี อ้ ความหนง่ึ หนา้ และ อธบิ ายกตกิ าพื้นฐานอยา่ งครบถว้ น ให้อ่านขอ้ ความใหน้ กั เรยี นฟงั เพ่ือรับประกันว่า ทกุ คนได้เหน็ และได้ยินข้อความตามทเ่ี ขยี นไว้ตรงเปะ๊ พออา่ นจบหน่งึ หมวด ให้หยดุ และถามว่า ใครมีค�ำถามหรือข้อคิดเห็นอะไรบ้าง และต้องแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจ ความคาดหวังของคุณอยา่ งถูกตอ้ งโดยแท้ในแตล่ ะหวั ขอ้ พออ่านจบครบถ้วนแล้ว ให้ถามอีกคร้ังว่า มีค�ำถามหรือข้อคิดเห็นอะไรไหม นเี่ ปน็ โอกาสทจี่ ะโตแ้ ยง้ ครู ถา้ คดิ วา่ กฎหรอื ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั อิ นั ไหนดไู รเ้ หตผุ ล ถา้ ใคร มีข้อคิดเห็น ให้รับฟัง ไตร่ตรองอย่างรอบคอบและตัดสินใจในตอนน้ันเลย หรือบอก นกั เรยี นวา่ ครจู ะพจิ ารณาความคดิ ทเี่ สนอมา แลว้ ใหค้ �ำตอบในคาบถดั ไปทเี่ รามาเจอกนั ถ้าคุณเป็นครูที่มีประสบการณ์หรือเป็นครูตามธรรมชาติ หรือมีนักเรียนท่ีร่วมมือและ 182 ท�ำตัวดีเป็นพิเศษ ก็อาจจะลองรับเอาความเห็นของนักเรียนเข้ามารวมไว้ในกฎ หรือ

ใหน้ กั เรยี นลงคะแนนวา่ จะเอาหรอื ไมเ่ อากฎขอ้ ไหน แตถ่ า้ มปี ระสบการณใ์ นการสอนนอ้ ย เ ่ิรม ้ดวย... หรอื ยงั ไมม่ นั่ ใจกบั การก�ำหนดอ�ำนาจของตวั เอง กอ็ ยา่ เพง่ิ แบง่ อ�ำนาจของการตง้ั กฎไปให้ นกั เรยี น การยอมละอ�ำนาจควบคุมกฎเกณฑบ์ ้างอาจจะฟงั ดูดี และดเู ป็นประชาธปิ ไตย แต่อาจจะกลายเป็นวา่ คณุ ยกเลกิ การควบคุมห้องเรยี นไปเสยี แลว้ ซ่งึ ไมใ่ ช่ความคดิ ทด่ี ี แม้แต่นักเรยี นทฉี่ ลาดหรอื มีวุฒิภาวะ ก็ยังตอ้ งมีใครสักคนควบคุมดแู ล และนนั่ เป็นงาน ของครู แนน่ อน ไมเ่ สยี หายอะไรทจ่ี ะไตรต่ รองขอ้ คดิ และความเหน็ ของนกั เรยี น การรบั ฟงั ความคดิ ของนกั เรยี นเปน็ วธิ ที ด่ี ที จี่ ะหลกี เลยี่ งพฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมหรอื การฝา่ ฝนื ค�ำสง่ั ในอนาคต ถา้ มนี กั เรยี นท�ำตวั ดแี ละรว่ มมอื กอ็ าจจะใหร้ างวลั โดยท�ำขอ้ สอบสนกุ ๆ ตามกฎ ของคณุ เพอ่ื ฝกึ ฝน ฉนั เขยี นแผน่ ใสแลว้ ใชเ้ ครอ่ื งโปรเจคเตอร์ หรอื สรา้ งสไลดด์ ว้ ยโปรแกรม พาวเวอร์พอยต์ เพื่อต้งั ค�ำถามอยา่ งเชน่ 1. ถา้ นักเรียนมาเข้าเรียนสาย นกั เรยี นควรจะ ก. ท�ำเสียงดังมากๆ ให้ทุกคนสังเกตเหน็ ข. กระหดื กระหอบท�ำเป็นวา่ เพง่ิ วงิ่ 5,000 เมตร มาโรงเรียน ค. ตบหลงั เพอ่ื นๆ ทกุ คนตอนเดนิ ผ่าน ง. เข้าไปน่งั เงยี บๆ และเริม่ ท�ำงาน 2. นกั เรยี นควรน�ำอะไรมาโรงเรยี นทกุ วนั ก. ขนมหวาน หมากฝร่งั เครือ่ งเลน่ ซีดี แมงมมุ และแมลงต่างๆ ข. ปากกาหรือดินสอ กระดาษ และต�ำรา (ถ้าม)ี ค. สุนัขตัวโปรด ถงุ เทา้ กลน่ิ ตุๆ 1 คู่ และนำ�้ อดั ลม 2 กระป๋อง ง. สมุดระบายสี หนงั สือการ์ตนู และจดหมายถึงซานตาคลอส นกั เรยี นสนกุ กบั “การสอบ” และทกุ คนหวั เราะ ซงึ่ ดมี ากเพราะชว่ ยคลายเครยี ด และสร้างความผูกพันในหมู่นักเรียนข้ึนมาทันที ฉันเคยพูดแบบน้ีมาแล้ว แต่เป็นเรื่อง ที่ควรพูดซ้�ำ คนท่ีหัวเราะด้วยกันจะผูกมิตรกันอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มจะร่วมมือ เรว็ ข้นึ และมปี ระสิทธผิ ลขึน้ 183

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด แจกแฟม้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนในวนั เดยี วกบั ทแ่ี จกใบตอ้ นรบั เพอื่ ใหน้ กั เรยี นมที ่ี เก็บเอกสารและงานเอกสารอืน่ ๆ ทีค่ ณุ จะแจกตอ่ ไป กระดาษท่เี ป็นหน้าว่างๆ จะท�ำให้ นักเรียนหลายคนสนใจ ฉะนั้นให้เตรียมตัวตอบค�ำถามว่า “เราตกแต่งแฟ้มของตัวเอง ไดไ้ หม” นเี่ ปน็ เรอ่ื งเลก็ ๆ นอ้ ยๆ เรอื่ งหนง่ึ ทนี่ กั เรยี นบางคนจะพยายามท�ำใหเ้ ปน็ เรอื่ งใหญ่ ท่ตี ้องโต้เถยี ง เพอื่ ท�ำใหค้ รเู ขว ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะทนพฤติกรรมของนักเรียนท่ีไม่รู้จักโต และชอบ ทา้ ทายหน่อยๆ แสดงว่า คณุ ตอ้ งยืนกรานไมใ่ หน้ กั เรียนเขียนอะไรบนปกแฟ้มนอกจาก ชอื่ ตวั เอง ฉนั อนญุ าตใหน้ กั เรยี นตกแตง่ แฟม้ ได้ แตต่ อ้ งไมม่ ตี ราประจ�ำแกง๊ ไมม่ คี �ำพดู แยๆ่ เกี่ยวกับเช้ือชาติ หรือเรื่องลามกหยาบคาย ฉันอธิบายว่า วัตถุประสงค์ส�ำคัญของแฟ้ม ไม่ใช่เพ่ือให้นักเรียนแสดงความสามารถพิเศษและความเช่ือทางการเมืองของตัวเอง หากเพื่อเป็นเคร่ืองมือจัดระเบียบ เพราะแฟ้มจะท�ำให้ครูส่ือสารกับนักเรียนง่ายข้ึน ประหยัดเวลาส�ำหรับทกุ คน และเปน็ ทเี่ ก็บงานเอกสารส�ำคญั ของนกั เรียน แตถ่ า้ ใครจะ เลือกใช้แฟ้มเพื่อแสดงค�ำประกาศทางการเมืองหรือภาพวาดท่ียั่วยุอารมณ์ ฉันก็ยอม ให้ท�ำได้ แต่ส่ิงท่ีวาดหรือเขียนต้องไม่ดูหม่ินหรือข่มขู่คนอ่ืน เช่น ถ้านักเรียนวาดภาพ ตน้ กญั ชา แทนที่จะโวยวายเอาเรอ่ื งอยา่ งท่นี กั เรยี นคดิ ฉนั กลับจะพูดว่า “อ๋อ เธอชอบ ต้นไม้เหรอ น่าจะไปเรียนพฤกษศาสตร์ตอนเข้ามหาวิทยาลัยนะ” แล้วรีบเปล่ียนเร่ือง นกั เรยี นจะไดไ้ มร่ วู้ า่ ครโู ง่ หรอื แคพ่ ดู เลน่ ไมว่ า่ จะเปน็ แบบไหน กท็ �ำใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจวา่ ฉันไม่ใช่คนชอบหาเร่ืองทะเลาะในห้องเรียน และจะไม่ยอมถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในวังวน ของการโต้เถียงจุกจิกทตี่ ้ังใจท�ำเพอ่ื กอ่ กวนการสอน (ถ้านักเรยี นยืนกรานจะยั่วให้โกรธ ฉนั จะพาเขาออกไปคยุ สน้ั ๆ ขา้ งนอกหอ้ งหรอื ตรงมมุ หอ้ ง และถา้ จ�ำเปน็ จะนดั มาคยุ กนั ส่วนตวั หลงั เลกิ เรยี นในเวลาทฉ่ี นั สะดวก) ให้นกั เรียนมอี ำ�นาจหนา้ ท่ี พวกครมู ีแนวโนม้ ที่จะชอบอบรมบม่ เพาะจติ วญิ ญาณใครๆ แต่ถึงแม้จะชอบช่วยคน กช็ อบควบคมุ ดว้ ย หลายคนจงึ พบวา่ การใหอ้ �ำนาจคนอน่ื เปน็ เรอ่ื งยาก แตก่ ารแบง่ ปนั 184 อ�ำนาจกลับให้ผลดีมหาศาล การมอบหมายให้นักเรียนช่วยงานบางอย่าง จะท�ำให้

ครูประหยัดเวลาและพลังงานอันมีค่า เพ่ือไปท�ำงานอ่ืนท่ีส�ำคัญกว่า เด็กๆ เองจะ เ ่ิรม ้ดวย... รู้สึกวา่ ตัวเองส�ำคัญขึน้ ครูต้องสอนใหน้ กั เรียนรจู้ กั รับผดิ ชอบ กระตุ้นใหร้ ว่ มมือกับ ครูและเพื่อนๆ ครูชั้นประถมบางคนมอบหมายงานเฉพาะอย่างให้นักเรียนทุกคน พร้อมแต่งตั้งให้มีต�ำแหน่งส�ำคัญ เช่น ประธานฝ่ายเหลาดินสอ เจ้าหน้าท่ีขานชื่อ คนเข้าเรียน เจา้ หนา้ ทีไ่ ดร้ บั อนุญาตเกบ็ รวบรวมรายงาน พนกั งานตอ้ นรบั แขก ฯลฯ ครใู นโรงเรยี นมธั ยมมกั จะจา้ งนกั เรยี นเปน็ เจา้ หนา้ ทธ่ี รุ การหรอื ผชู้ ว่ ย โดยใหค้ า่ ตอบแทน เป็นคะแนนที่ช่วยงานธุรการของครูในบางคาบของแต่ละวัน แม้โรงเรียนจะไม่มี โปรแกรมงานธรุ การอยา่ งเปน็ ทางการ ฉนั มกั จะขอให้ฝ่ายบรหิ ารอนุมัตกิ ารจัดการ แบบนั้น และไม่เคยถูกปฏเิ สธเลย ในชั้นเรียน ฉันมักมอบหมายให้นักเรียนช่วยขานชื่อคนท่ีเข้าเรียน แต่บันทึก การเขา้ เรยี นเปน็ เอกสารทางการ ฉนั จงึ ตรวจทานเสมอเพอื่ รบั ประกนั ความถกู ตอ้ งแมน่ ย�ำ (นกั เรยี นจะไดไ้ มถ่ กู กดดนั ใหบ้ นั ทกึ ขอ้ มลู ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง) ในแตล่ ะคาบ ฉนั มนี กั เรยี นทชี่ ว่ ย ติดตามการเขา้ เรียน และมีตวั ส�ำรองเผื่อคนทท่ี �ำหน้าที่น้นั ขาดเรยี น (นีเ่ ป็นโอกาสท่คี ณุ จะไดร้ ู้วา่ นกั เรยี นคนหน่งึ มที ักษะในการจดจ�ำชอ่ื ทุกคนในหอ้ ง) นอกจากนัน้ ยังจดั คน เฝา้ ประตใู นแตล่ ะคาบ เพอื่ เปดิ ประตเู วลามคี นมาเคาะตอนครกู �ำลงั สอน แทนทจี่ ะปลอ่ ย ให้เดินเข้ามาขัดจังหวะบทเรียน คนเฝ้าประตูจะทักทายคนที่มาเคาะประตู และรับ จดหมาย ขอ้ ความ หรอื งานเอกสารทไี่ มต่ อ้ งการความใสใ่ จของฉนั ในทนั ที ฉนั เคยสอนใน โรงเรียนทมี่ นี กั เรยี นทเ่ี ดินสาร 2-3 คน มาเคาะประตใู นแตล่ ะชัว่ โมง เพ่ือมาส่งจดหมาย ของพ่อแม่ที่นัดแนะเวลามารับตอนเลิกเรียน มาส่งลูกโป่งของขวัญวันเกิด มาส่งแบบ ส�ำรวจของโรงเรียนแบบไม่เป็นทางการ จดหมายแจ้งการประชุมของชมรมต่างๆ ฯลฯ การมีคนเฝ้าประตูช่วยลดการก่อกวน และบอกให้นักเรียนรู้ว่า งานของพวกเขาส�ำคัญ เกินกวา่ ทคี่ รูจะยอมให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาขดั จงั หวะ ทีมท�ำความสะอาดเป็นต�ำแหน่งหนึ่งท่ีส�ำคัญท่ีสุด ฉันมักขออาสาสมัครก่อน แตถ่ ้าไมไ่ ดอ้ ย่างนอ้ ยทสี่ ดุ 4 คน ฉนั จะแบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่มละ 4 คน แล้วใหเ้ วยี นกนั ท�ำหนา้ ท่ี ทมี นรี้ บั ประกนั วา่ พอไดย้ นิ เสยี งออดเลกิ ชน้ั จะไมม่ เี ศษขยะบนพนื้ หรอื บนโตะ๊ บางครั้งนักเรียนบ่นว่าครูให้ท�ำสิ่งท่ีเป็น “งานของภารโรง” แต่พอฉันอธิบายว่า ความ รับผิดชอบเบ้ืองต้นของพวกภารโรง คือ การสร้างสภาพแวดล้อมท่ีปลอดภัยและถูก 185

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด สุขอนามัย ไม่ใช่การตามท�ำความสะอาดหลังจากคนขี้เกียจท�ำห้องเลอะเทอะ นักเรียน กเ็ ข้าใจ และพอถึงเวลาต้องเกบ็ กวาดขยะของตัวเองหรือเพื่อนๆ ก็จะกระตุ้นกนั เองใหม้ ี ระเบยี บขนึ้ ใส่ใจกบั เฟอรน์ ิเจอรแ์ ละวัสดอุ ปุ กรณต์ า่ งๆ ในหอ้ งมากขึ้น แสดงให้เห็นอำ�นาจของทางเลอื ก ตอนเป็นนกั ศึกษาในมหาวทิ ยาลยั ศาสตราจารยด์ า้ นจิตวทิ ยาช่ือ เคนเนธ โบรเดอร์ เคยให้พวกเราท�ำงานง่ายๆ ด้วยการเติมค�ำพูดสองอย่าง ที่โผล่ขึ้นมาในใจทันที ในประโยคท่วี า่ “ฉันต้อง _______” และ “ฉัน _______ไม่ได้” ตอ่ จากนน้ั อาจารยก์ ส็ งั่ ใหข้ ดี ค�ำวา่ “ตอ้ ง” ออกจากประโยคแรก และแทนดว้ ย ค�ำว่า “เลือก” ขีดค�ำว่า “ไม่ได้” ออก และแทนด้วยค�ำว่า “ไม่อยาก” ฉันกับทุกคน คัดค้านการเปล่ียนค�ำ แต่อาจารยย์ นื กรานให้ท�ำเชน่ น้ัน ทา่ นบอกวา่ “ยอมรบั ความจรงิ กนั เถอะ” แลว้ เดนิ ทอดนอ่ งไปหนา้ หอ้ ง และเขยี นบนบอรด์ วา่ “มงี านเพยี ง 5 อยา่ งทเ่ี รา ต้องท�ำเพ่ือให้รอดชวี ติ น่นั คอื กนิ หายใจ ดืม่ นำ้� นอน และไปห้องน้�ำ ทเี่ หลือนอกน้ัน เปน็ แคท่ างเลอื ก จะท�ำหรอื ไมท่ �ำกไ็ ด”้ “แตม่ หี ลายอย่างท่ีพวกเราท�ำไม่ได”้ ฉันแยง้ “ใช่แลว้ ” อาจารย์โบรเดอรพ์ ยักหนา้ “คณุ เปลย่ี นชาตพิ นั ธ์ุ หรอื ความสูงของ ตวั เองไมไ่ ด้ แตถ่ า้ มแี รงจงู ใจอนั แทจ้ รงิ และเตม็ ใจท�ำงาน คณุ จะท�ำไดส้ �ำเรจ็ แทบทกุ อยา่ ง เวลาคณุ เดนิ ไปมาแลว้ พดู วา่ ‘ฉนั ตอ้ ง (ท�ำ)’ และ ‘ฉนั (ท�ำ) ไมไ่ ด’้ ตลอดเวลา คณุ ก�ำลงั บอกคนอน่ื วา่ ตวั เองเปน็ เหยอ่ื และพวกเขาจะท�ำกบั คณุ เหมอื นเปน็ เหยอื่ ถา้ ไมช่ อบชวี ติ ของตวั เอง กเ็ ปล่ยี นสิ คณุ มีอ�ำนาจจะท�ำแบบน้ันได้ แตจ่ ะใชห้ รือไม่ ก็ขึ้นกับตวั เอง” น่ันเป็นบทเรียนอันทรงพลังที่สุดท่ีฉันเคยเรียนรู้มา และช่วยให้ตระหนักว่า ฉนั เปลย่ี นชวี ติ พฤตกิ รรม และเจตคตขิ องตวั เองไดจ้ รงิ ๆ จงึ ใชต้ น้ แบบของอาจารยโ์ บรเดอร์ มาจูงใจนักเรียน เราท�ำแบบฝึกหัดอ�ำนาจแห่งทางเลือกของตัวเองเสร็จในสัปดาห์แรก ทเี่ ปดิ เรยี น ทกุ ครงั้ ฉนั จะท�ำแบบฝกึ หดั ใหเ้ สรจ็ ไปพรอ้ มกบั นกั เรยี นดว้ ย เพราะเปน็ บทเรยี น 186 ทส่ี อนเรอ่ื งใหม่ๆ ไดท้ ุกครง้ั

ถา้ ตัดสินใจใชแ้ บบฝกึ หัดนี้ ก็ต้องแน่ใจว่า นกั เรยี นเข้าใจวตั ถปุ ระสงค์ของคุณ เ ่ิรม ้ดวย... และรบั ประกนั วา่ นไี่ มใ่ ชก่ ารสอบ จงึ ไมต่ อ้ งอา่ นค�ำตอบใหค้ นอนื่ ฟงั หรอื เอาใหด้ ู ครจู ะ ไม่ให้คะแนนสิ่งที่นักเรียนเขียน และไม่ต้องส่งครูด้วยซ้�ำ แต่เป็นเร่ืองส�ำคัญที่นักเรียน ตอ้ งรวู้ า่ แบบฝกึ หดั นที้ �ำไปเพอื่ ประโยชนข์ องตวั นกั เรยี นเอง เพอื่ ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจตวั เองดขี นึ้ และเข้มแข็งขน้ึ (แนน่ อน แบบฝึกหัดน้ีจะชว่ ยให้คุณสอนนักเรียนได้ แต่นักเรียนบางคน อาจไม่สนใจจะช่วยคณุ แล้วเราจะพดู เรื่องน้กี นั ไปท�ำไม) นี่คอื ตัวอย่างบางประโยคทน่ี ักเรียนมักใชเ้ รมิ่ ตน้ “ฉันตอ้ งท�ำการบา้ น และฉัน ไม่มีทางไดเ้ กรดเอในวิชาคณติ ศาสตร์” “ฉันตอ้ งท�ำความสะอาดหอ้ ง และฉนั ใสห่ มวก ในโรงเรียนไม่ได้” “ฉนั ตอ้ งไปโรงเรียน และฉนั โดดเรยี นไมไ่ ด”้ “ฉนั ต้องเป็นพี่เลีย้ งเดก็ เสมอ และฉันลดนำ�้ หนกั ไมไ่ ด้” ถามนักเรียนว่า มีใครสมัครใจมาคุยส่ิงท่ีตัวเองเขียนกับครูไหม และปล่อยให้ คนอื่นๆ ไตร่ตรองประโยคท่ีตัวเองเงียบๆ แต่ต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ต่อไปนี้ให้ดี เช่น นักเรียนบางคนคิดว่าแบบฝกึ หัดนน้ี า่ หดหู่มาก บางคนต้องใชเ้ วลานานและตอ้ งท�ำ หลายหน นกั เรยี นสว่ นใหญจ่ ะโตแ้ ยง้ แนน่ อน ถา้ คณุ บอกวา่ พวกเขาไมอ่ ยากจะไดเ้ กรดเอ และตดั สนิ ใจเลอื กเองวา่ จะไมใ่ สห่ มวก หรอื จะโดดเรยี น และบางทนี กั เรยี นอาจจะพดู ถกู ถ้าพวกเขายกตวั อยา่ งของเป้าหมายที่มขี อ้ จ�ำกัดถกู ตอ้ งตามกฎหมาย หรอื เป็นไปไมไ่ ด้ ทางกายภาพ (เชน่ เดก็ หญงิ คนหนง่ึ ทส่ี ายตาเอยี งอยา่ งรนุ แรงอาจจะไมม่ ที างเปน็ นกั บนิ เครื่องบินไอพน่ ของสายการบินพาณิชย์ได้ แตบ่ างคนอาจแย้งวา่ เปน็ ไปได้ และเด็กชาย คลอดลกู ไมไ่ ด้ อยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ กไ็ มไ่ ดใ้ นตอนน)ี้ กต็ อ้ งยอมรบั และตอบรบั ค�ำตอบทกุ อยา่ ง ทีม่ เี หตผุ ล แตจ่ รงิ ๆ แล้ว ประโยคสว่ นใหญท่ ีบ่ อกวา่ ต้องท�ำอะไร และท�ำอะไรไม่ได้นน้ั ไมต่ ้องตรวจสอบกนั จรงิ จังขนาดนนั้ ฉันไม่สนบั สนนุ การใชค้ �ำส่งั ท่เี ป็นลายลกั ษณ์อกั ษรส�ำหรับแบบฝึกหดั นี้ เพราะ นักเรียนบางคนจะอ่านใบงานท้ังหมดก่อนเร่ิมเขียน และถ้ารู้ล่วงหน้าว่าครูจะขอให้ เปลย่ี นค�ำ แบบฝึกหัดน้ีจะไมม่ ีประโยชน์ ทนั ทที น่ี กั เรยี นเขา้ ใจและยอมรบั ความจรงิ ของบทเรยี นน้ี กต็ อ้ งยอมรบั วา่ เวลา ท�ำตัวไม่ดีหรือสอบตกในวิชาของคุณ เป็นเพราะตัวเองเลือกท�ำอย่างน้ันเอง นักเรียน ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งยอมใหค้ นลอกการบา้ น ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งดหู มน่ิ คนทด่ี หู มนิ่ ตวั เองกอ่ น ไมจ่ �ำเปน็ 187

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ตอ้ งมาเรยี น ถา้ ไมอ่ ยากเรยี น นกั เรยี นอาจจะเลอื กมาเรยี นเพยี งเพราะไมช่ อบทางเลอื กอน่ื และถ้าใครมีปัญหาการเรยี นรู้ตามที่หลกั สตู รก�ำหนด กม็ าขอความช่วยเหลือจากคณุ ได้ หรอื จะใหจ้ ดั ครสู อนพเิ ศษ หรอื ใชเ้ วลาท�ำการบา้ นมากขน้ึ ถา้ นกั เรยี นไมม่ คี วามบกพรอ่ ง ในการเรียนรู้จริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลสมควรที่จะสอบตกวิชาของคุณ เรียนไม่จบ หางานดีๆ ไม่ได้ ผกู มิตรไมเ่ ปน็ พฒั นาทกั ษะที่เปน็ ประโยชนไ์ ม่ได้ และไมป่ ระสบความส�ำเรจ็ ทบทวนล�ำ ดับข้นั ความต้องการของมาสโลว์ หัวข้อท่ีเด็กๆ สนใจมากท่ีสุด คือ เรื่องของตัวเองและของเพ่ือนๆ แถมยังสับสน กับตัวเองมากที่สุด และความสับสนมักน�ำไปสู่ปัญหาในโรงเรียน บางทีคุณอาจจะ ก�ำลังคิดว่า “อย่างกับฉันอยากได้งานเพ่ิมจะแย่แล้วอย่างนั้นแหละ เพราะตอนน้ี งานในหลกั สตู รวชิ าของตวั เองกแ็ นน่ เอย้ี ดอยแู่ ลว้ แถมงานชว่ งวนั หยดุ เรยี น การเดนิ พาเหรดวันกีฬาสี การประชุม และงานบริหารท่วี นุ่ วาย แค่น้ี กไ็ มม่ ีเวลาสอนเนอ้ื หา ในต�ำราใหค้ รบแลว้ ฉะนน้ั ไมต่ ้องพดู เร่อื งการสอนจิตวทิ ยาเลย” คุณไมไ่ ด้พดู อะไร ผดิ เลยถา้ ก�ำลงั คดิ แบบนี้ เพราะการสอนจติ วทิ ยาไมใ่ ชง่ านของคณุ ฉะนน้ั คณุ อาจจะ ตดั สินใจข้ามหัวขอ้ นีไ้ ป แต่ถา้ มีนักเรียนเจ้าปัญหาท่บี างครงั้ ท�ำให้คุณอยากเปลย่ี น อาชีพ คณุ นา่ จะลองจดั อภิปรายทฤษฎขี องอับราฮมั มาสโลว์ ในชั้นดู ซงึ่ ใชเ้ วลาแค่ ไมก่ ี่นาที และอาจชว่ ยใหค้ ุณไม่ตอ้ งโมโหไปอกี หลายชว่ั โมงหรือหลายเดอื น บางครงั้ ระหวา่ งการฝกึ อบรมครู คณุ อาจจะเรยี นวชิ าการส�ำรวจสกั วชิ าสองวชิ า เกี่ยวกับจิตวิทยาเด็ก หรือจิตวิทยาวัยรุ่น และอาจจะเคยอ่านการตีความล�ำดับข้ัน ความตอ้ งการของมาสโลวม์ าแลว้ อยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ หนงึ่ ครงั้ ฉนั คยุ เรอ่ื งนเี้ ปน็ ครงั้ แรกในชนั้ ของนักเรยี นที่มีปัญหาอยา่ งจริงจงั ท่ีจะตอ่ ตา้ นการล่อลวงของแกง๊ ยาเสพติด การขโมย ของในรา้ น และเรื่องเพศ วนั หนึง่ เราเริ่มคยุ กนั วา่ ท�ำไมผคู้ นจงึ ท�ำสิง่ ทพ่ี วกเขาท�ำ และ ฉนั บอกวา่ ตอนเรยี นจติ วทิ ยาในมหาวทิ ยาลยั ฉนั ไดเ้ รยี นรวู้ า่ คนเรามกั ท�ำสง่ิ ตา่ งๆ เพราะ ตอ้ งการเปน็ สว่ นหนงึ่ ของอะไรสกั อยา่ ง ไมว่ า่ เราจะสญั ญากบั ตวั เองกค่ี รง้ั กต็ ามวา่ เราจะ เปน็ อสิ ระและมจี ดุ ยนื ของตวั เอง แตก่ ลบั จบลงดว้ ยการยอมแพ้ และท�ำสง่ิ ทตี่ วั เองเสยี ใจ 188 แลว้ เกลยี ดตัวเอง

“หนเู ปน็ แบบนนั้ ! หนเู ปน็ แบบนนั้ !” นกั เรยี นคนหนงึ่ ยกมอื โบกไปมา “หนชู อบ เ ่ิรม ้ดวย... ไปซอ้ื ของกบั พสี่ าวและเพอ่ื นๆ พ่ี พวกเขาชอบขโมยของจากรา้ น และหนพู ดู วา่ ฉนั จะไม่ ขโมย แต่ต่อมา หนูก็ขโมย แล้วก็ขโมยอีก แล้วไม่อยากให้ตัวเองท�ำอย่างนั้นเลย หนู สาบานวา่ จะไมไ่ ปกบั พวกเขาอกี แตพ่ อพวกเขาชวน หนกู ไ็ ปและท�ำเรอื่ งทต่ี วั เองบอกวา่ จะไมท่ �ำ หนรู สู้ กึ แยม่ าก โดยเฉพาะตอนไปโบสถแ์ ละนง่ั ตดิ กบั ยาย หนคู ดิ วา่ ถา้ รเู้ รอ่ื งนี้ ยายจะละอายใจในตวั หนูแค่ไหนนะ” ฉนั รบั ประกนั กบั ไทอชิ าวา่ เธอไมใ่ ชค่ นรา้ ยกาจหรอก เธอเปน็ แคม่ นษุ ยค์ นหนง่ึ เพราะมนษุ ยต์ อ้ งการเปน็ สว่ นหนงึ่ ของกลมุ่ และอยากใหก้ ลมุ่ ยอมรบั จงึ เขา้ เปน็ สมาชกิ ชมรม องค์กรด้านสังคม และแก๊ง ฉันถามนักเรียนว่า “มีกี่คนท่ีมีครอบครัว มีคนท่ีรัก แตย่ งั รสู้ กึ วา่ ตวั เองไมไ่ ดเ้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของกลมุ่ อยา่ งแทจ้ รงิ ” นกั เรยี นมากกวา่ ครงึ่ ยกมอื ฉันบอกว่า “นักเรียนไม่ใช่มือปราบพิชิตอธรรมที่โดดเดี่ยวเหมือนในหนังเรื่อง Lone Ranger นะ ผคู้ นมากมายรสู้ กึ วา่ ถกู ทอดทงิ้ ขนาดครอบครวั ของตวั เองกย็ งั ไมใ่ สใ่ จ แตเ่ รา ต้องการเป็นส่วนหน่ึงของอะไรบางอย่าง ฉะน้ัน ให้หาบางส่ิงท่ีเธอจะเป็นส่วนหน่ึงได้ เช่น กฬี าท่ีเล่นเป็นทีม ชมรมงานอดิเรก สตูดิโอคาราเต้ โบสถ์ วงดนตรที ฝี่ ึกซ้อมกนั ใน โรงรถ คณะนักร้องประสานเสียง กลุ่มนักรอ้ งบนบาทวิถี อาสาสมัครในองค์กร กลุม่ นกั แสดง หรือแค่กล่มุ เดก็ 2-3 คน ท่กี ินอาหารกลางวันดว้ ยกัน หรือน่งั รถเมลค์ ันเดยี วกัน หรือเดินไปโรงเรียนดว้ ยกันทกุ วนั ” ฉนั อธบิ ายว่า ผ้คู นที่รูส้ ึกเป็นสว่ นหนึ่งของบางสงิ่ แลว้ จะไม่อยากไปอยกู่ บั กลมุ่ คนเลว เช่น แก๊งพวกชอบท�ำลายข้าวของส่วนรวม และคนที่ขโมยของจากร้านค้า นักเรียนพากันตั้งใจฟังมากจนฉันตัดสินใจแนะน�ำให้พวกเขารู้จักทฤษฎีของมาสโลว์ ฉันเล่าทฤษฎีน้ีย่อๆ และแลกเปล่ียนความคิดเห็นกัน คืนนั้น ฉันท�ำแผนผังของทฤษฎี ใหน้ กั เรยี นเอากลบั บา้ น และตดิ ไวใ้ นทท่ี พี่ วกเขาจะคอยดไู ดเ้ ปน็ ระยะๆ เพอื่ เตอื นตวั เอง ให้เติบโตต่อไป ก้าวขึ้นไปตามบันไดแห่งความสุข และการได้เป็นตัวเองโดยสมบูรณ์ หลายคนเล่าวา่ การได้เรียนรูเ้ ร่ืองความตอ้ งการของมนุษยช์ ่วยใหพ้ วกเขาตัดสินใจเลือก ดขี ึน้ เวลาคยุ เรอื่ งพวกนี้ ฉนั จะใชค้ �ำศพั ทแ์ ละตวั อยา่ งทซี่ บั ซอ้ นมากกวา่ หรอื นอ้ ยกวา่ ท่ีแสดงไว้ในหลักฐานประกอบท่ี 5.1 ข้ึนกับอายุและวุฒิภาวะของนักเรียนในห้องนั้น 189

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด แตฉ่ นั ไมเ่ คยเจอนกั เรยี นกลมุ่ ไหนทไี่ มเ่ ขา้ ใจทฤษฎนี ี้ อนั ทจ่ี รงิ นกั เรยี นในชนั้ ที่ “แยท่ ส่ี ดุ ” กลับเป็นกลุ่มท่ีสนใจคุยเร่อื งนม้ี ากท่สี ุด เอกสารประกอบที่ 5.1 ลำ�ดับขน้ั ความต้องการของมาสโลว์ ระดบั 1: ทางกาย นกั เรยี นตอ้ งการอาหาร นำ้� และนอนทกุ วนั ถา้ ก�ำลงั หวิ โหย นกั เรยี น จะไม่แคร์ว่าก�ำลงั ใส่รองเท้าสดุ เท่หรอื เปล่า แตแ่ คร์ว่าจะหาอะไรมากินไดไ้ หม นักเรียน จะใช้เวลาและพลังงานไปแสวงหาปัจจัยพื้นฐานพวกนี้ จนกว่าจะบรรลุความต้องการ ในระดับ 1 แต่ถ้าหาไม่ได้ ให้ขอความช่วยเหลือ อย่าอาย ครูจะส่งนักเรียนไปหาคนท่ี ช่วยได้ ระดบั 2: ความปลอดภยั ทนั ทที น่ี กั เรยี นสนองตอบความตอ้ งการทางกายแลว้ กจ็ ะเรมิ่ คิดเรอ่ื งอน่ื ๆ เชน่ ดแู ลตัวเองให้อบอ่นุ หลกี เลี่ยงอนั ตราย และรักษาสขุ ภาพใหด้ ี ระดบั 3: ดา้ นสงั คม ผคู้ นและสตั วจ์ �ำนวนมาก เชน่ สนุ ขั ปา่ อยากเปน็ สว่ นหนง่ึ ของกลมุ่ และเปน็ ทร่ี ัก นักเรียนอาจจะมคี รอบครัว แตย่ งั รูส้ ึกวา่ ไมม่ ีใครรกั อยดู่ ี บางทีนี่อาจเป็น เหตผุ ลที่เราคอยวนเวียนอยใู่ กล้ๆ คนท่ีเราไมไ่ ดช้ อบจริงๆ หรือคนท่ที �ำเร่อื งท่ีเรารวู้ า่ ผิด ใหห้ ยดุ ท�ำแบบน้ี แลว้ ลองหาบางอยา่ งทเ่ี ราจะเปน็ สว่ นหนงึ่ ได้ เชน่ ทมี ชมรม หรอื อาจจะ เปน็ แคเ่ ดก็ 2 คน ทก่ี นิ อาหารกลางวนั ดว้ ยกนั ทกุ วนั ใหห้ าคนทชี่ อบตวั ตนแทจ้ รงิ ของเรา ซง่ึ ไม่จ�ำเปน็ ต้องเปน็ คนวัยเดียวกัน จะแก่กวา่ หรือเดก็ กว่ากไ็ ด้ทัง้ นน้ั ระดบั 4: อตั ตา ทนั ทีทีร่ ู้สึกว่าเปน็ สว่ นหน่งึ ของอะไรสกั อยา่ งไดแ้ ล้ว เราจะเริม่ มองหา วธิ เี พมิ่ ความเคารพตวั เอง เพราะทกุ คนลว้ นตอ้ งการรสู้ กึ วา่ ตวั เองเปน็ คนส�ำคญั มคี นส�ำนกึ ในบญุ คณุ และอยากใหค้ นอืน่ เคารพเรา ระดบั 5: การไดเ้ ปน็ ตวั เองโดยสมบรู ณ์ นกั เรยี นมอี าหาร ทพ่ี กั ผคู้ นทร่ี กั นกั เรยี น และ มีความเคารพตัวเอง ตอนนี้นักเรียนชักได้ที่แล้ว! นักเรียนรู้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร และ อยากเปน็ ตวั เองอยา่ งดที ส่ี ดุ เขม้ แขง็ พอทจ่ี ะเดนิ ออกจากวงทะเลาะววิ าท แตจ่ ะยนื หยดั สู้เพ่ือหลักการของตัวเอง นักเรียนจะบ่มเพาะพรสวรรค์ของตนและเรียนรู้เพียงเพราะ สนกุ ทไี่ ด้เรียนรสู้ ิ่งใหม่ๆ นักเรยี นท�ำตามความฝันของตวั เอง! 190

แนะนำ�ให้รู้จกั อภิปญั ญา (การรู้คดิ ) เ ่ิรม ้ดวย... วันหน่ึงมีนักเรียนเกรด 11 คนหน่ึงตั้งค�ำถามกับงานที่ให้ท�ำในช้ัน อยากรู้ว่าจะท�ำ ไปท�ำไม ฉันถามว่า แล้วคิดว่าท�ำไปท�ำไมล่ะ เขาตอบว่า “เพื่อให้นักเรียนเสียเวลา และครูมีงานท่ีจะให้คะแนน” ฉันนึกอยากจะบอกว่าไม่ต้องพูดมาก แต่ตัดสินใจว่า จะอธบิ ายใหเ้ ขาฟงั อยา่ งครบถว้ นดกี วา่ จนไมต่ อ้ งตง้ั ค�ำถามแบบนอี้ กี เลย แตก่ ลบั กลาย เป็นวา่ ค�ำอธบิ ายนั้นขยายกลายเป็นการอภิปรายเกยี่ วกบั ทฤษฎกี ารเรียนรู้ของบลูม เราคุยกนั อย่างมีชีวติ ชวี าจนทุกคนพากันนั่งตัวตรงและตง้ั ใจฟงั วันถดั ไปฉนั จึงน�ำ เสนอบทเรียนเดิมให้กบั หอ้ งอนื่ ๆ นกั เรียนทุกช้ันตอบสนองในเชิงบวก ทกุ ครงั้ ทเี่ ขยี นขอ้ ความวา่ “ทฤษฎกี ารเรยี นรดู้ า้ นพทุ ธพิ สิ ยั ของบลมู (Bloom’s Taxonomy of Cognitive Domains)” บนบอรด์ ฉนั มกั ไดย้ นิ เสยี งกระซบิ และเสยี งบน่ พึมพ�ำอย่างไม่พอใจนิดหน่อย เพราะไม่รู้ว่า taxonomy คืออะไร แต่ฟังคล้ายค�ำว่า taxes (ภาษ)ี ซ่ึงไม่มใี ครชอบ ฉนั ขอใหน้ ักเรียนพยายามคดิ ว่ามันหมายความว่าอย่างไร พวกเขามักจ�ำไดว้ ่า ค�ำว่า domain หมายถงึ อาณาจกั รสตั ว์ แตไ่ ม่ร้จู กั taxonomy ฉันจึงหยบิ พจนานกุ รม เล่มโตจากช้ันหนังสือและประกาศว่า ครูก�ำลังจะ “ค้นหาความหมายของค�ำนี้ใน พจนานุกรมฉบับกระเป๋าของคร”ู พวกนกั เรียนเกรด 9 จะหวั เราะคกิ คัก ส่วนพวกท่ีโต กว่านั้นจะกลอกตาพร้อมเดาะล้ินท�ำเสียงดูถูกตอนฉันถือพจนานุกรม แต่ฉันไม่ใส่ใจ การเย้ยหยนั ของพวกเขา มกั จะมคี นพดู ขน้ึ วา่ “นนั่ ไมใ่ ชข่ นาดฉบบั กระเปา๋ นนี่ า” ฉนั จะขยบิ ตาและพดู วา่ “เธอก็ต้องมีกระเป๋าใหญ่ๆ ไวใ้ สพ่ จนานกุ รมเลม่ นีส้ ”ิ ฉันไม่ได้ท�ำแบบน้ันเพียงเพ่ือจะเป็นตัวตลก แต่เพื่อเป็นต้นแบบพฤติกรรม ทอี่ ยากใหน้ กั เรยี นฝกึ ฝน ซงึ่ ไดผ้ ลจรงิ ๆ เพราะไมน่ านนกั พวกนกั เรยี นกห็ ยบิ พจนานกุ รม ฉบบั กระเป๋าทใ่ี ช้งา่ ยของตัวเองมาหาค�ำท่ไี มร่ จู้ ักเวลาครสู อน หลังจากหาความหมายของค�ำต่างๆ ได้แล้ว ฉันบอกนักเรียนว่า ครูจะเล่า ใหฟ้ งั วา่ พวกครไู ดเ้ รยี นรู้บทเรยี นอะไรบ้างในมหาวิทยาลยั ซึ่งตามปกติจะไม่ถ่ายทอด ต่อให้นักเรียน แต่นักเรียนควรจะรู้ว่า ท�ำไมพวกครูจึงขอให้นักเรียนท�ำอะไรต่อมิอะไร 191

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ฉะนน้ั พวกเราจะลองใชว้ ธิ คี ดิ แบบอภปิ ญั ญา ฉนั อธบิ ายระดบั ตา่ งๆ ของการคดิ พรอ้ มให้ ตัวอยา่ งประกอบเรือ่ งสองเรอื่ ง แลว้ ขอให้นกั เรียนคดิ ตัวอยา่ งเพม่ิ เตมิ จากหลายๆ วิชา ส�ำหรบั การคดิ แตล่ ะระดบั และแจกเอกสารเกยี่ วกบั ทฤษฎขี องการเรยี นรขู้ องบลมู ทฉ่ี นั เขียนขึ้นเอง (ดเู อกสารประกอบที่ 5.2) จากน้ันเราก็อภิปรายเกี่ยวกับวิธีการต่างๆ ที่ต้องใช้ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ ในชวี ติ ประจ�ำวนั นกั เรยี นรสู้ กึ ทง่ึ ทไ่ี ดเ้ หน็ วา่ “เรอื่ งนา่ เบอื่ ไรป้ ระโยชน”์ ทกุ เรอ่ื งทตี่ วั เอง ก�ำลังเรียนรู้ในโรงเรียน แม้แต่การวิเคราะห์โคลงของเชกสเปียร์นั้น จริงๆ แล้วจะช่วย นกั เรียนเวลาเรม่ิ ชีวติ “ทีแ่ ท้จริง” ของตัวเอง เอกสารประกอบที่ 5.2 ทฤษฎกี ารเรยี นรูด้ ้านพทุ ธิพสิ ยั ของบลูม การน�ำมาประยุกตใ์ ชใ้ นโรงเรียน จ�ำได้ จดจ�ำขอ้ มลู : เชน่ ทอ่ งพยญั ชนะเอ บี ซี บอกชอ่ื สตี า่ งๆ เขยี นชอื่ รฐั 50 รฐั บอกชอื่ ดาวเคราะหท์ ุกดวง เขา้ ใจความหมาย เขา้ ใจสงิ่ ตา่ งๆ: เชน่ รวู้ า่ ค�ำเกดิ จากการผสมตวั อกั ษร เขา้ ใจวา่ การลบ หมายถึง หักออก เข้าใจวา่ รัฐ 50 รัฐ รวมกนั เป็นประเทศ ร้วู ่าการเลน่ สเกตตอ้ งอาศยั ความสมดุล และรู้วา่ ถ้าผสมสแี ดงกับนำ�้ เงินจะไดส้ มี ว่ ง ประยกุ ต์ น�ำสงิ่ ทีเ่ ขา้ ใจไปใช้: เช่น สะกดค�ำไดถ้ ูกต้อง บวกหรอื ลบตวั เลข เขียนประโยค วาดภาพระบบสรุ ยิ ะ สง่ ฟตุ บอลตอ่ ใหค้ นอนื่ เลน่ สเกตบอรด์ ผาดโผน หรอื เลอื กสที ถี่ กู ตอ้ ง ไปผสมเป็นสีเฉพาะตามตอ้ งการ วเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บความเหมอื นความตา่ งของขอ้ มลู หรอื ความคดิ : เชน่ เปรยี บเทยี บ ตัวละคร 2 ตัว ที่แตกต่างกันในเร่ืองแต่ง ระบุช้ินส่วนเคร่ืองยนต์ หาค�ำที่สะกดค�ำผิด ในประโยค หรอื บอกความแตกตา่ งและความเหมอื นระหวา่ งนโยบายดา้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน ใน 3 ประเทศ ประเมินผล ตัดสินตามความรู้ท่ีมีอยู่: เช่น ท�ำการทดลองวิทยาศาสตร์ 3 อย่าง แล้ว ตัดสนิ ว่าอันไหนให้ผลดที ่สี ุด เลอื กข้อโต้แยง้ ท่โี น้มน้าวท�ำให้เชอ่ื ไดม้ ากที่สดุ จาก 3 ขอ้ 192 ทวี่ า่ ดว้ ยเดยี วกนั แสดงความเหน็ วา่ ท�ำไมหนงั สอื บางเลม่ จงึ ควรคา่ ทจ่ี ะอา่ นหรอื ไมค่ วรอา่ น

หรือเลือกทางออกที่ดีท่ีสุดจาก 3 ทาง เพ่ือแก้ปัญหา หรือตัดสินว่านโยบายด้านอาวุธ เ ่ิรม ้ดวย... นวิ เคลียร์ของประเทศหนึ่งมผี ลดหี รอื ผลเสยี ตอ่ ประเทศอืน่ ๆ ในโลก สงั เคราะห์ ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะมาสรา้ งบางสง่ิ ทเี่ ปน็ ของตวั เอง: เชน่ แตง่ เรอื่ งหรอื บทกวี ออกแบบและสรา้ งโมเดล คดิ โจทยค์ ณติ ศาสตร์ วาดภาพประกอบฉากละคร สรา้ งทฤษฎี มาอธิบายว่า ท�ำไมบางสง่ิ จึงเกดิ ขึ้น หรือสร้างแบบทดสอบส�ำหรับชน้ั เรยี นในโรงเรยี น การใชท้ ฤษฎีการเรียนรขู้ องบลูมในชวี ิตจริง จ�ำได้ จดจ�ำค�ำเน้อื รอ้ งของเพลงหนึ่งไดท้ ุกค�ำ หรือจ�ำรายการของท่จี ะไปซือ้ ได้ทุกอยา่ ง ทอ่ งสถิติของทีมกฬี า หรอื ชิ้นส่วนของเครอื่ งยนต์หรอื เคร่ืองเสยี งได้ เข้าใจความหมาย เข้าใจความแตกต่างระหว่างตัวรับสัญญาณกับตัวขยายเสียง รู้วิธี การท�ำงานของเครื่องยนต์ที่ใช้น้�ำมันเบนซิน หรือการท�ำงานของคอมพิวเตอร์ หรือ ตระหนักว่าบางคนกอ็ ่อนไหวกว่าคนอน่ื ประยุกต์ ต่อล�ำโพงเคร่ืองเสียง ท�ำส�ำเนาแผ่นซีดีดนตรี เปลี่ยนหัวเทียนของรถยนต์ ท�ำซอสกวั คาโมเลจากต�ำราอาหาร กรอกใบสมคั รงาน ซอ่ มเครอ่ื งปง้ิ ขนมปงั หรอื รถจกั รยาน หรือขอคนขอี้ ายไปออกเดตได้โดยไม่ท�ำใหค้ นนัน้ กลวั วเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บงาน 2 อย่าง ท่ีแตกตา่ งกนั เขียนรายการข้อดีกับขอ้ เสยี ของการ แตง่ งาน การมเี พศสมั พนั ธ์ การมลี กู การสง่ ลกู ไปเขา้ โรงเรยี นเอกชนหรอื รฐั บาล การเขา้ เปน็ สมาชกิ แก๊ง หรอื การเลกิ สูบบหุ รี่ ประเมินผล ตดั สินใจวา่ งานทที่ �ำอยู่ในปจั จุบันเปน็ อนาคตท่ีตัวเองต้องการหรอื ไม่ ฟงั ผูส้ มัครหาเสยี งแลว้ เลอื กวา่ จะลงคะแนนใหใ้ คร คุยกบั คูข่ องตวั เองวา่ จะฝึกวนิ ยั ใหล้ ูกๆ ได้อย่างไรบ้าง หรอื ประเมินวา่ ตวั เองไดช้ ว่ ยท�ำงานบา้ นพอๆ กบั คนอื่นหรือไม่ สงั เคราะห์ วางแผนชวี ติ แลว้ ท�ำใหเ้ ปน็ จรงิ เรมิ่ ธรุ กจิ ของตวั เอง แตง่ เพลง สรา้ งบา้ นสนุ ขั คิดปรุงซอสบาร์บีคิวที่เป็นสูตรลับของตัวเอง หรือวางแผนงบประมาณและใช้เงินตาม รายไดข้ องตวั เอง 193

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด วันน้ัน หลังจากอภิปรายเรื่องระดับต่างๆ ของการคิดเชิงวิพากษ์แล้ว ฉันเอา เนื้อหาจากหนังสือพิมพ์มาให้นักเรียนวิเคราะห์ เราอ่านบทบรรณาธิการ บทวิจารณ์ ภาพยนตร์ จดหมายถงึ บรรณาธกิ าร และบทวิจารณอ์ ัลบั้มดนตรี ฉนั ขอให้นักเรียนดวู ่า หลงั จากอา่ นแลว้ คดิ วา่ ตวั ตนของคนเขยี นเปน็ อยา่ งไร และยอมรบั ความเหน็ ของนกั เขยี น พวกนนั้ หรอื ไม่ พวกเราดโู ฆษณาทกุ ชน้ิ ในนติ ยสารเลม่ หนงึ่ แลว้ ใหน้ กั เรยี นคดิ วา่ ใครเปน็ กลุ่มเป้าหมายของนิตยสารฉบับน้ัน ผู้พิมพ์ผู้โฆษณามีความเห็นทางการเมืองอย่างไร และผเู้ ขยี นบทความเปน็ คนแบบไหน บางคนวเิ คราะหแ์ ละคดิ เชงิ วพิ ากษแ์ บบนไี้ ดอ้ ยา่ งเปน็ ธรรมชาติ แต่วธิ ีน้ถี อื เป็นเร่ืองใหมท่ ่นี ่าต่ืนเตน้ ส�ำหรับพลังทางสมองของนกั เรียนบางคน หลงั จากสอนให้ตระหนักถึงทกั ษะการคิดในระดับทส่ี ูงขึ้นโดยไมไ่ ด้วางแผนว่า จะสอนเรอ่ื งนมี้ าก่อน นักเรยี นกเ็ ร่มิ มองหางานแบบฝึกหดั ที่จะผลกั ดนั ตวั เองให้ขึ้นไปสู่ ระดับสงู สุด แน่นอน ฉันปรับทฤษฎีของเรียนรู้ของบลูมให้ทันสมัยอยู่เร่ือยๆ และบางคร้ัง กใ็ ช้ค�ำศัพท์คนละแบบ เช่น ใช้ค�ำวา่ สรา้ ง แทนค�ำว่า สงั เคราะห์ และค�ำว่า เขา้ ใจ แทน ค�ำว่า เข้าใจความหมาย ครูบางคนรวมท้ังตัวฉันเองชอบใช้ค�ำดั้งเดิมของบลูมมากกว่า เพราะคดิ วา่ บรรยายการกระท�ำไดแ้ มน่ ย�ำกวา่ แตไ่ มค่ ดิ วา่ ค�ำศพั ทเ์ ฉพาะจะส�ำคญั เทา่ กบั การเขา้ ใจความหมาย และการน�ำข้อมลู พวกนไ้ี ปประยกุ ต์ใช้เวลาวางแผนการสอน ประเด็นสุดท้ายเก่ียวกับหัวข้อน้ีคือ กรุณาอย่าทึกทักว่า นักเรียนไม่ฉลาดหรือ ไมโ่ ตพอจะเขา้ ใจแนวคดิ พวกนไี้ ด้ ฉนั เคยคยุ เรอื่ งนก้ี บั นกั เรยี นทม่ี ผี ลการเรยี นไมด่ ี วยั รนุ่ ทไ่ี มแ่ ยแสการเรยี น และผใู้ หญท่ พ่ี ดู ภาษาองั กฤษไมเ่ กง่ แลว้ พบวา่ อยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ ทกุ คน เข้าใจความคดิ พืน้ ฐาน และซาบซึง้ ท่คี รูปฏิบตั ิต่อเขาแบบคนฉลาดทมี่ ีความสามารถ 194

แสดงความส�ำ นกึ ในบญุ คณุ เ ่ิรม ้ดวย... ให้ขอบใจนักเรียนทุกๆ วัน ที่มาเรยี นและร่วมมอื กับคณุ นกั เรียนไม่เบ่อื ท่ีจะไดย้ ินวา่ ตัวเองวิเศษแค่ไหน ถ้าเราคาดหวังให้เด็กท�ำตัวดีต่อไปเรื่อยๆ ก็ต้องขอบใจท่ีเขา ท�ำตัวดี และทุกครั้งท่ีท�ำได้ ให้หาโอกาสจับมือนักเรียน ตบหลังเบาๆ และกระตุ้น ใหแ้ สดงว่ามีวฒุ ิภาวะและควบคมุ ตัวเองได้เพมิ่ ข้ึน เดก็ ๆ ทเ่ี ราสอนจะเตบิ โตขนึ้ มา เหมือนตัวเรา ไมว่ า่ จะชอบหรอื ไม่ก็ตาม นักเรียนจะท�ำกับคนอนื่ เหมอื นท่ผี ู้ใหญท่ �ำ กับพวกเขา เพราะเดก็ ส่วนใหญ่ใชเ้ วลากับครมู ากกวา่ พ่อแม่และครอบครัว ครูจงึ มี บทบาทส�ำคัญยิง่ ในการก�ำหนดคา่ นิยมและพฤตกิ รรมของเด็ก ดงั น้นั เราจึงมภี าระ หน้าท่ีท่จี ะตอ้ งสอนนักเรียนด้วยการท�ำตนเป็นตัวอยา่ ง ตอ้ งอธบิ ายให้ชัดเจน มหี ลัก จรยิ ธรรม เหน็ อกเห็นใจผูอ้ ่ืน และน่าเคารพนับถือ หวงั ว่าสว่ นทย่ี ากลำ�บากจะจบลงแล้ว ฉันถือวา่ ใชไ้ ด้ทีเดยี ว ถ้าตอนปลายสัปดาห์แรกของการเปดิ เรยี น คณุ จ�ำชอื่ นักเรียน ไดท้ กุ คน พวกเขาเรียนรูก้ ฎและความคาดหวังของคุณ คุณมคี วามคิดดีๆ วา่ จะท�ำ อะไรกบั นกั เรยี นบ้าง พวกเขาเข้าใจว่าต้องรบั ผดิ ชอบตอ่ การกระท�ำของตวั เองตามท่ี คณุ ขอ และร้วู า่ จะต้องท�ำอะไรบ้างจึงจะสอบผ่านวชิ าของคุณ นกั เรียนรจู้ กั ข้ันตอน การปฏบิ ตั บิ างอยา่ งของคณุ และถา้ ลมื คณุ กพ็ รอ้ มจะเตอื น คณุ ดงึ นกั เรยี นเขา้ มารว่ ม กิจกรรมได้ และท�ำให้พวกเขาย่งุ มากจนลมื ท�ำตัวไมด่ ี หรอื ได้เรียนรูว้ ่า การให้ความ รว่ มมือสนุกกว่าการกอ่ กวน ถา้ โชคช่วย นักเรยี นจะเข้าใจตัวเองดขี นึ้ นดิ หนอ่ ยด้วย แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ได้ความเข้าใจพ้ืนฐานเกี่ยวกับการคิดในระดับต่างๆ และรู้ว่า จ�ำเป็นต้องท�ำอะไรบ้างเพื่อพัฒนาทักษะการคิดไปสู่ระดับสูงสุด ฉะน้ันสัปดาห์ที่ 2 ก็ควรจะง่ายกว่าสัปดาห์แรก สัปดาห์ท่ี 3 ก็ควรจะง่ายกว่าสัปดาห์ท่ี 2 และเป็น อยา่ งนี้เรื่อยไป อย่างน้อยทีส่ ดุ กน็ ่าจะเปน็ อย่างนน้ั 195

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ตอนนค้ี ณุ วางแผนการสอนทเ่ี หมาะกับช้นั ของตวั เองไดแ้ ล้ว แตอ่ ย่าเพ่ิงระบุให้ เฉพาะเจาะจงเกินไป ถ้าวางแผนละเอียดเป็นนาที งานธุรการต่างๆ กับการขัดจังหวะ ท่ีหลีกเลี่ยงไม่ได้ (เช่น การฉีดวัคซีน การถ่ายภาพของชมรม ทัศนศึกษา การแนะแนว อาชพี วนั ศษิ ยเ์ กา่ ดเี ดน่ คนื สเู่ หยา้ วนั แนะน�ำงานในกองทพั ฯลฯ) จะท�ำใหค้ ณุ แทบเปน็ บา้ และการท�ำใหค้ รเู ปน็ บ้าเป็นหน้าทข่ี องนกั เรียนอยแู่ ล้ว เพราะฉะนน้ั อย่าชงิ บ้าไปก่อน ซ่งึ จะท�ำใหน้ ักเรียนหมดสนุก 196

ประเด็นส�ำ หรบั การอภิปราย เ ่ิรม ้ดวย... 1. ครคู วรยิ้มกอ่ นคริสตม์ าสหรือไม่ คณุ คิดอย่างไรกบั หวั ขอ้ น้ี 2. เลา่ กจิ กรรมดีๆ ทที่ �ำในวันแรก ซึ่งคุณไปสงั เกตหรือได้ยินมา ใหค้ นอน่ื ฟงั 3. ครคู วรบังคับนักเรยี นข้ีอายใหย้ ืนขึน้ และพดู หน้าช้นั หรือไม่ 4. ออกแบบกจิ กรรมในวนั แรก 3 อยา่ ง ทีไ่ ม่ท�ำให้นกั เรยี นรูส้ ึก กลวั ท่จี ะเข้ารว่ ม ส�ำหรบั นกั เรียนหลายๆ วยั 5. ครจู ะท�ำอะไรเปน็ การเฉพาะได้ เพอ่ื ประเมนิ ความรเู้ ก่าของ นกั เรียนกอ่ นมาเรียนวชิ าทค่ี รูสอน 6. ท�ำใบต้อนรับนักเรียนขนาดความยาว 1 หน้า ให้นักเรียน ในชัน้ ใดชัน้ หน่งึ 197

6 ไมใ่ ชค่ร�ำะนเบ่ายี รบงั วเกนิ ยี ัยจ ถ้าพูดคำ�ว่า ระเบียบวินัย กับเด็กส่วนใหญ่ พวกเขาจะคิดถึง การลงโทษทนั ที เพราะแมค้ �ำ นจ้ี ะมหี ลายมติ ิ แตเ่ ดก็ ๆ ถกู สอนมา ใหค้ ดิ เพยี งมติ เิ ดยี วเทา่ นน้ั แตใ่ นแวดวงทหาร ค�ำ นม้ี คี วามหมาย โดยนยั เชงิ บวกมากกวา่ บคุ ลากรสายนจ้ี ะเขา้ ใจวา่ ระเบยี บวนิ ยั ท�ำ ใหท้ �ำ หนา้ ทไ่ี ดเ้ ปน็ ทมี ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ล ชว่ ยพฒั นาการควบคมุ ตวั เอง และทำ�ใหม้ บี ุคลกิ เขม้ แขง็

ครสู ามารถน�ำหลกั การของระเบยี บวนิ ัยทหารมาสอนให้นกั เรยี นพฒั นาระเบยี บ ระเ ีบยบ... วินัยในตัวเองและเคารพกันได้ แน่นอน ฉันไม่ได้แนะน�ำให้คุณจัดการชั้นเรียน เหมอื นคา่ ยฝกึ ทหาร เชน่ ถา้ ท�ำตวั ไมด่ ี ตอ้ งลกุ จากเตยี งมาวดิ พนื้ 50 ครง้ั แตฉ่ นั เชอ่ื วา่ เดก็ ๆ ตอ้ งการและอยากไดก้ ารแนะแนวกบั ภาวะผนู้ �ำจากผใู้ หญท่ เี่ ขม้ แขง็ โลกอาจเป็นสถานท่ีท่ีน่ากลัวส�ำหรับเด็กๆ พวกเขาจึงอยากให้ผู้ใหญ่ก�ำหนด ขอบเขตพฤตกิ รรม และตงั้ ขดี จ�ำกดั ไว้ เพอื่ จะไดผ้ อ่ นคลายและเรยี นรู้ โดยไมต่ อ้ ง รบั ผดิ ชอบในสงิ่ ท่เี กินความสามารถของตัวเอง ผู้ใหญก่ ไ็ ม่อยากอยู่ในโลกท่สี บั สนอลหมา่ นเชน่ กัน เราอยากไดก้ ฎที่สมเหตุผล เพื่อให้มีเสรีภาพสูงสุดและอันตรายน้อยสุด เด็กๆ ก็ไม่ต่างจากพวกเรา แม้หนังสือ กับบทความในหนังสือพิมพ์ และรายการโทรทัศน์จะบอกเราว่า เด็กๆ ทุกวันนี้ไม่ใส่ใจ มคี วามบกพรอ่ งในการเรียนรู้ พัฒนาล่าช้า ไม่เต็มใจหรือไม่ใสใ่ จ และไมม่ ที างฝกึ ให้เด็ก มรี ะเบยี บวนิ ยั หรอื เรยี นรไู้ ด้ แตฉ่ นั ไมเ่ ชอื่ อยา่ งนน้ั เลย เพราะเคยสอนเดก็ ท่ี “สอนไมไ่ ด”้ มาแล้วมากมาย เด็กๆ อยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติและกระตือรือร้นจะเรียนรู้ แตน่ า่ เสยี ดายทพี่ อเขา้ โรงเรยี นแลว้ กลบั กลวั แทนทจี่ ะอยากรอู้ ยากเหน็ และกระตอื รอื รน้ ตามธรรมชาติ เช่น กลัวสอบตก กลวั ไมม่ ใี ครชอบ และโดดเดย่ี ว กลวั นกั เรยี นอนั ธพาล 199

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด มารงั แก กลวั จะหางานดๆี ไมไ่ ดแ้ มจ้ ะเรยี นจบมหาวทิ ยาลยั กลวั พอ่ แมจ่ ะหยา่ กนั เหมอื น “คนอื่นๆ” กลัวจะตายเพราะเอดส์ กลวั ถกู คนทีข่ บั รถผ่านมายงิ เอาแบบสุ่ม หรอื กลวั ถูกพวกติดยามาจี้ชิงทรพั ย์ตามถนนนอกโรงเรยี น เราจัดการปัญหาทุกเรื่องที่เด็กๆ กลัวไม่ได้ แต่ถ้าเราสร้างสถานที่ท่ีสงบและ เปน็ ระเบียบในหอ้ งเรยี น ท่ีท่นี ักเรยี นรู้สกึ ปลอดภยั และได้รบั การคุ้มครอง ที่ที่นกั เรยี น รู้ว่าครูคาดหวังอะไร และเชอื่ วา่ ครูจะไม่ปล่อยใหน้ ักเรียนคนอืน่ มาท�ำใหต้ ัวเองเจบ็ ปวด หรอื ทรมานไดเ้ มอ่ื ไหร่ เดก็ ๆ จะอยากรอู้ ยากเหน็ และกระตอื รอื รน้ ทจ่ี ะเรยี นรขู้ น้ึ มาใหม่ และแสดงธรรมชาตอิ ยา่ งน้ันในบทเรยี นที่เราสอน ระเบียบวนิ ยั เชิงบวกเปน็ ปจั จยั ส�ำคญั ส�ำหรบั การสรา้ งแหล่งความสุขในห้องเรยี นอยา่ งน้ัน ก�ำ หนดปรชั ญาของตวั เอง บางทีคุณอาจจะเคยเห็นพวกครูที่ “โชคดี” ที่ดูเหมือนไม่มีปัญหาด้านระเบียบ วินยั แมโ้ ชคมีสว่ นกจ็ รงิ แตก่ ารเตรยี มตวั มผี ลกับการจดั การหอ้ งเรียนมากกวา่ ถา้ คณุ ตง้ั กตกิ าพนื้ ฐานในหอ้ งไว้ กจ็ ะปอ้ งกนั ปญั หาดา้ นระเบยี บวนิ ยั ได้ ฉนั ชอบ คดิ ถงึ กฎของหอ้ งเรยี นวา่ เหมอื นนงั่ รา้ นกอ่ สรา้ งส�ำหรบั เดก็ ๆ กฎของเราจะคอย คำ้� จนุ กนั ไมใ่ หเ้ ดก็ ๆ หกลม้ หรอื บาดเจบ็ รนุ แรง พอพวกเขาโตขน้ึ เรากผ็ อ่ นคลาย หรือเลิกกฎทีละข้อจนกว่าเด็กๆ จะพึ่งตัวเองได้ ตัดสินใจเองได้ ลองท�ำอะไรที่ เสยี่ งมากเท่าท่ีจะเสีย่ งได้ ตามความมั่นใจและความสามารถของตัวเอง ถ้าเรา ออกกฎที่สมเหตผุ ล บงั คับใชก้ ฎอย่างยตุ ธิ รรม และปรบั ให้เข้ากบั ความตอ้ งการ ของเด็กๆ ที่ก�ำลังเปล่ียนไป เด็กๆ จะเรียนรู้ว่า เราไม่ได้ออกกฎหรือข้อจ�ำกัด ต่างๆ มาเพื่อท�ำให้นักเรียนหมดสนุก แต่กลับท�ำให้พวกเขามีเสรีภาพมากข้ึน ตา่ งหาก 200


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook