Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ครูประณีต คิดนอกกรอบ

ครูประณีต คิดนอกกรอบ

Published by ห้องสมุดประชาชน, 2020-05-31 14:11:14

Description: ครูประณีต คิดนอกกรอบ

Search

Read the Text Version

เวลาคดิ วางนโยบายดา้ นระเบยี บวนิ ยั ขอใหจ้ ดจ�ำวตั ถปุ ระสงคข์ องตวั เองไวเ้ สมอ เปา้ หมายคอื อะไรเวลาคณุ ฝกึ ใหน้ กั เรยี นมรี ะเบยี บวนิ ยั (คณุ ตอ้ งจรงิ ใจ เพราะไมม่ ใี ครรวู้ า่ คณุ ก�ำลงั คดิ อะไร) คณุ อยากลงโทษนกั เรยี นทป่ี ระพฤตติ วั ไมด่ ใี ชไ่ หม อยากขใู่ หก้ ลวั หรอื อยากใหไ้ ดบ้ ทเรยี น อยากใหน้ กั เรยี นรบั ผดิ ชอบตอ่ พฤตกิ รรมของตวั เองใชไ่ หม อยากให้ ตดั สนิ ใจดขี นึ้ กบั ทางเลือกในอนาคต หรือแค่อยากแกแ้ คน้ ทีพ่ วกเขาก่อกวนบทเรียนเจ๋ง ของคุณ ระหวา่ งการอบรมครูคร้งั หน่ึง ฉันขอใหพ้ วกครูเขียนบันทึกประจ�ำวันส้นั ๆ ดงั นี้ 1. เขยี น 1-2 ประโยคอยา่ งรวดเรว็ เพอ่ื อธบิ ายเปา้ หมายของตวั เองใหช้ ดั เจนวา่ เวลาฝกึ นกั เรยี นให้มีระเบียบวินยั ในห้องเรยี น คณุ หวังจะบรรลุความส�ำเร็จในเรอ่ื งใด 2. คราวน้ี ใหจ้ ินตนาการว่า ต�ำรวจจราจรสง่ั ให้คณุ หยุดและพดู วา่ “ผมให้คณุ จอดเพราะ [เติมข้อความจากข้ันตอนที่ 1 ลงในช่องว่าง] คุณจะตอบเจ้าหน้าที่ต�ำรวจ ระเ ีบยบ... วา่ อะไร จะรว่ มมอื และขอบคณุ ทเี่ ขาชว่ ยแกไ้ ขสงิ่ ทคี่ ณุ ท�ำผดิ ทตี่ กั เตอื น หรอื ทเี่ พงิ่ ใหใ้ บสงั่ คุณมีแนวโน้มจะเปลี่ยนเจตคติและเคารพกฎหมายมากขึ้นในอนาคตหรือไม่ หรือคุณ จะแก้ตัว โต้เถียง มุ่งม่ันว่าคร้ังถัดไปจะหลบเลี่ยงให้ดีกว่านี้ หรือตั้งใจจะไปขึ้นศาล เพอ่ื พสิ ูจน์วา่ ต�ำรวจเป็นฝ่ายผดิ 3. ยอ้ นกลบั ไปทคี่ �ำตอบในขน้ั ท่ี 1 ถา้ เชอื่ อยา่ งจรงิ ใจวา่ ตวั เองตอบสนองเชงิ บวก กับส่ิงที่เขียนเป็นคร้ังแรก ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ใช่ โปรดเรียบเรียงถ้อยค�ำหรือทบทวน เปา้ หมายใหม่ เพอื่ ทเ่ี วลาเจา้ หนา้ ทผ่ี มู้ อี �ำนาจมาพดู กบั คณุ อยา่ งนน้ั คณุ จะไดร้ บั ฟงั มากขนึ้ เปา้ หมายของแบบฝกึ หดั นคี้ อื ใหเ้ ขยี นขอ้ ความทคี่ �ำทคี่ ณุ ใชต้ รงกบั ความมงุ่ หมาย ตงั้ ใจของคณุ เอง คณุ ควรมเี ปา้ หมายเดมิ ในทกุ ๆ สถานการณท์ ค่ี ณุ ฝกึ ใหน้ กั เรยี นมรี ะเบยี บ วินัย คุณควรพูดถึงเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและพูดหลายๆ ครั้ง เพื่อให้นักเรียนรู้ว่า เป้าหมายคืออะไร เป้าหมายของคุณควรมีเหตุผล และท่ีส�ำคัญท่ีสุดเป็นสิ่งที่นักเรียน เหน็ ดว้ ยและยอมรบั ในเชงิ บวก เชน่ ถา้ พดู วา่ “ครขู อใหน้ กั เรยี นอยใู่ นหอ้ งหลงั เลกิ เรยี น เพราะอยากใหเ้ ธอตดั สนิ ใจเลอื กใหด้ ขี น้ึ ” นกั เรยี นบางคนจะแยง้ วา่ ”ผมคดิ วา่ เลอื กดแี ลว้ ” ถา้ พดู วา่ “ครจู ะกกั ตวั นกั เรยี นไวต้ อนชว่ งอาหารกลางวนั เพราะอยากใหย้ อมรบั ผดิ ชอบ ตอ่ พฤตกิ รรมของตวั เอง” นกั เรยี นอาจจะแยง้ วา่ “แตไ่ มใ่ ชค่ วามผดิ ของหนู จมิ มตี หี นกู อ่ น และหนบู อกเขาวา่ อยา่ มายงุ่ กบั หนู แล้วครกู ม็ าดวุ า่ หนคู ยุ ในหอ้ ง” 201

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด แต่ถ้าพูดว่า “ครูอยากให้นักเรียนรู้ว่าต้องรับผิดชอบกับพฤติกรรมของตัวเอง และจะเปล่ียนพฤติกรรมเม่ือไหร่ก็ได้ตามต้องการ” นักเรียนจะพูดไม่ได้ว่า “ไม่ หนูท�ำ ไมไ่ ด”้ หรอื ถา้ พดู วา่ “ครขู อใหน้ กั เรยี นเปลยี่ นทน่ี งั่ เดย๋ี วน้ี เพราะครพู ยายามชว่ ยใหเ้ ธอ ประสบความส�ำเร็จ” หรือ “ครูอยากให้นักเรียนอยู่หลังเลิกเรียนและคุยกับครู เพราะ อยากให้เธอสอบผา่ นวิชาของครู” จะมีนักเรียนนอ้ ยมากทีจ่ ะโต้แย้งกับคณุ แมจ้ ะพดู วา่ “ผมไม่อยากประสบความส�ำเร็จ” แต่ไม่จริงหรอก ไม่มีใครอยากล้มเหลว ยกเว้นการ ลม้ เหลวจะท�ำใหพ้ วกเขาบรรลเุ ปา้ หมาย เชน่ ท�ำใหพ้ อ่ แมอ่ ารมณเ์ สยี แตน่ กั เรยี นสว่ นใหญ่ อยากประสบความส�ำเร็จ คณุ ไมจ่ �ำเป็นต้องอธบิ ายเปา้ หมายด้านระเบียบวินยั ของตวั เองไดอ้ ย่างสมบูรณ์ แบบในตอนน้ี แตเ่ ปน็ เรอ่ื งส�ำคญั ทค่ี ณุ ตอ้ งใชเ้ วลาคดิ ถงึ ความเปน็ ไปได้ เพราะทนั ทที เ่ี รม่ิ การสอน คณุ จะมวั ยงุ่ กบั การท�ำตามแผนระเบยี บวนิ ยั ของตวั เองมากจนไมม่ เี วลาคดิ เพอ่ื ขัดเกลาหรือเปล่ียนแผน การคิดและแก้ปัญหาได้รวดเร็วมีประสิทธิผลในเวลาท่ีปัญหา ก�ำลังก่อตัวในห้องเรียนนั้นไม่งา่ ยเลย กรรมสนองกรรม เราออกแบบเทคนิคการสร้างระเบียบวินัยด้วยการลงโทษข้ึนมา เพ่ือลงโทษ ท�ำให้ อับอาย ขู่ให้กลัว หรือแก้แค้นนักเรียนท่ีล้�ำเส้น วิธีลงโทษอาจจะเปล่ียนพฤติกรรม ของนักเรียนได้ชว่ั คราว แต่จะไม่กระตุน้ ให้รบั ผิดชอบต่อการกระท�ำของตวั เอง หรอื ไม่จูงใจให้ร่วมมือกับผู้ใหญ่ วิธีสร้างระเบียบวินัยด้วยการลงโทษเพียงอย่างเดียว มักส่งผลให้วงจรของพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะและการลงโทษรุนแรงข้ึน มีการก่อกวน ในห้องเรยี นมากขน้ึ และคะแนนของนกั เรยี นต�่ำลง เหน็ เลยวา่ พวกนักเรยี นช้นั มัธยม ท่ถี กู กักตัวหลังเลกิ เรยี นหรือพกั การเรียนซำ�้ ๆ มีจ�ำนวนสูงมาก และส่วนใหญต่ อ้ งสง่ ไปเข้าโครงการเรียนเพม่ิ เตมิ เพอ่ื ปอ้ งกนั ไม่ใหต้ ้องออกจากโรงเรียน เพราะขาดเรียน วชิ าส�ำคญั ๆ มากเกนิ ไป นกั เรยี นจะต�ำหนคิ รู หรอื พอ่ แม่ หรอื โรงเรยี น ทท่ี �ำใหต้ วั เอง 202 มปี ัญหา ย่งิ ลงโทษ นกั เรยี นจะยงิ่ ขาดแรงจงู ใจที่จะประสบความส�ำเรจ็

เราออกแบบเทคนิคการสรา้ งระเบียบวนิ ยั ท่ดี ขี นึ้ มา เพื่อท�ำใหน้ ักเรียนทบทวน ระเ ีบยบ... พฤติกรรมของตวั เอง ยอมรบั รับผดิ ชอบต่อการกระท�ำของตัวเอง แกไ้ ขพฤติกรรมหาก ท�ำได้ เข้าใจผลกระทบของพฤติกรรมต่อคนอ่ืนๆ พยายามแก้ปัญหา และเรียนรู้วิธี ตัดสินใจเลือกให้ดีข้ึน แทนที่จะใช้วิธีท�ำให้อับอายหรือข่มขู่ การสร้างระเบียบวินัยท่ีดี จะท�ำใหน้ กั เรยี นมโี อกาสอธบิ ายเหตผุ ลทที่ �ำตวั แบบนนั้ และชว่ ยใหเ้ รยี นรวู้ ธิ ปี ระพฤตติ วั ดี แบบใหม่ๆ แทนท่ีจะต�ำหนคิ รูหรือพ่อแมท่ ีต่ ัวเองแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม นักเรยี น กลับตระหนกั วา่ สามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้ และก�ำหนดไดว้ ่า จะให้คนอนื่ ปฏิบัติตอ่ ตวั เองอยา่ งไรทงั้ ในและนอกโรงเรยี น เราได้รับการส่ังสอนมาอย่างไร ก็มีแนวโน้มจะสอนคนอ่ืนแบบน้ัน เว้นแต่จะ ตงั้ สตใิ หไ้ ดว้ า่ จะไมท่ �ำแบบนน้ั ถา้ ยอ้ นร�ำลกึ ไปถงึ วยั เดก็ ได้ บางทคี ณุ คงพอจ�ำไดว้ า่ การไป ยนื ทม่ี มุ หอ้ งหรอื นง่ั ในบรเิ วณกกั ตวั หลงั เลกิ เรยี นไมใ่ ชแ่ รงบนั ดาลใจใหเ้ รม่ิ ปรบั ปรงุ ตวั ใหม่ มีแต่จะยิ่งหลบเลี่ยงมากข้ึนในอนาคต และบางทีคุณอาจใช้เวลานั้นมาคิดแผนแก้แค้น เพ่ือต่อต้านครูที่ลงโทษตัวเอง บางทีคุณอาจจะย้อนคิดถึงครูท่ียืนกรานให้คุณยอมรับ ผดิ ชอบพฤตกิ รรมของตวั เอง และครทู ใ่ี หร้ างวลั ทค่ี ณุ พยายามอยา่ งจรงิ ใจดว้ ยการจบั มอื การตบหลงั เบาๆ การกอด จดหมายชมเชย หรอื โทรไปหาพอ่ แม่ หรือบางทีคณุ อาจเคย ท�ำผดิ พลาดรา้ ยแรง และไดร้ บั โทษอยา่ งรนุ แรง รวมทงั้ ค�ำต�ำหนติ เิ ตยี นทท่ี �ำใหค้ ณุ เปลย่ี น เจตคติของตวั เองไปจรงิ ๆ ถ้าคุณใช้การท�ำให้อับอายเป็นเครื่องมือท�ำให้นักเรียนขัดเขิน ก็อย่าแปลกใจ ถ้ามีนักเรียนเลียนแบบและพยายามท�ำให้เพ่ือนๆ อับอาย ฉันคิดว่า การท�ำให้อับอาย ไม่ใช่วธิ ีของมอื อาชีพ ไมม่ จี รยิ ธรรม และไมย่ ุตธิ รรม นอกจากนัน้ ยังเปน็ การขม่ เหงทาง จติ ใจทใ่ี ชว้ ิธีนม้ี าควบคุมเด็กๆ บางทคี ุณคงลืมไปแล้วว่า ตัวเองรสู้ กึ อยา่ งไรตอนเปน็ เด็ก แล้วถูกผู้ใหญ่จงใจท�ำให้อับอาย หรือบางทีคุณอาจจะเป็นนักเรียนแค่ไม่ก่ีคนท่ีโชคดี จนไมเ่ คยถกู ท�ำให้อับอาย ใหจ้ ินตนาการวา่ คณุ ตกอยใู่ นสถานการณ์ตอ่ ไปนี้ แลว้ อาจจะ เข้าใจความรสู้ กึ ของนักเรยี นดขี น้ึ ครใู หญส่ ง่ รายงานทสี่ �ำคญั 50 หนา้ ใหค้ รทู กุ คน คณุ เจอรายงานนน้ั ในตจู้ ดหมาย ตอนวันศกุ ร์ พร้อมจดหมายนอ้ ยจากเลขาว่า ครูใหญ่คาดหวงั ใหค้ รูทกุ คนอา่ น รายงานกอ่ นการประชมุ เจา้ หนา้ ทใ่ี นวนั จนั ทร์ คณุ เอารายงานใสก่ ระเปา๋ กลบั บา้ น 203

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด แต่มัวย่งุ กบั การคอยดแู ลเดก็ ๆ ในงานเลยี้ งวันเกดิ ของลูกชาย ซกั เส้อื ผ้า ขับรถ พาลกู สาวไปแขง่ ฟตุ บอล ไปเยย่ี มแมท่ โี่ รงพยาบาล และพยายามหาเวลาอยกู่ บั สามี หรอื ภรรยาสกั 2-3 นาที จงึ ไม่มโี อกาสไดอ้ ่านรายงาน ได้แตด่ ผู า่ นๆ เทา่ นัน้ ในที่ประชุมตอนเช้าวันจันทร์ ครูใหญ่ถามว่า มีก่ีคนได้อ่านรายงาน คณุ ยกมือเพราะไดอ้ ่านไปนิดหนอ่ ยจริงๆ ใหน้ กึ ภาพตอ่ ไปว่า จากนนั้ ครใู หญ่ มองตรงมาที่คุณ แล้วขอให้ยืนขึ้น เธอพูดว่า “ช่วยสรุปประเด็นส�ำคัญๆ ของ รายงานหนอ่ ย” แนน่ อน ครใู หญค่ ดิ วา่ คณุ โกหก เธอรสู้ กึ วา่ คณุ ไมไ่ ดอ้ า่ นรายงาน และก�ำลงั บงั คบั ใหค้ ณุ ท�ำอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ตอ่ ไปนี้ นน่ั คอื หนงึ่ พยายามเสแสรง้ วา่ ตัวเองอ่านรายงาน หรือสอง ยอมรับในท่ีประชุมว่า คุณโกหกท่ีบอกว่าอ่าน รายงานแลว้ ตอนนคี้ ณุ มที างเลอื กวา่ จะเลา่ รายละเอยี ดของเรอ่ื งทเี่ กดิ ขน้ึ ในบา้ น ให้เพ่ือนร่วมงานฟัง หรือท�ำตัวเหมือนคนโกหก ครูใหญ่มีจุดมุ่งหมายเพียง อยา่ งเดยี วตอนขอใหค้ ณุ สรปุ รายงาน คอื ท�ำใหค้ ณุ อบั อายขายหนา้ บางทคี รใู หญ่ คงเชอื่ วา่ วธิ ลี งโทษแบบนจ้ี ะท�ำใหค้ ณุ อยากอา่ นรายงานฉบบั ตอ่ ไป เพอ่ื หลกี เลยี่ ง ไมใ่ หต้ วั เองขายหนา้ แตท่ เ่ี ปน็ ไปไดม้ ากกวา่ คอื คณุ จะโดดประชมุ ครงั้ ถดั ไป หรอื โทรศพั ท์มาลาป่วยในวนั นั้น มีวิธีดีกว่าน้ันท่ีจะควบคุมดูแลและจูงใจผู้คนได้มากกว่าการท�ำให้อับอายและ การลงโทษเพอ่ื ลงโทษเท่าน้ัน และมวี ธิ ที ่ดี กี วา่ มากๆ ทจ่ี ะสอนนักเรียน ปรชั ญาของโคบาล มอี ยปู่ หี นง่ึ ทงี่ านเทศกาลเซาทเ์ วสตข์ องรฐั นวิ เมก็ ซโิ ก ฉนั เจอประสบการณท์ ล่ี มื ไมล่ ง ระหวา่ งชมการฝึกม้าป่าของ เครก คาเมรอน ผู้มสี มญาว่า “ศาสตราจารยโ์ คบาล” ฉนั ทง่ึ กบั ความคลา้ ยคลงึ กนั ระหวา่ งการฝกึ มา้ ปา่ พยศกบั การท�ำใหน้ กั เรยี นเกเรเชอ่ื ฟงั บ่ายวันน้นั คาเมรอนฝึกมา้ ป่า 2 ตวั ตวั หนึ่งไม่เคยมใี ครข่เี ลย อกี ตวั หนง่ึ ตอ่ ตา้ นการ ถูกบังคับใส่อานม้า แต่คาเมรอนข้ึนขี่ม้าทั้ง 2 ตัว ได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยไม่ต้อง ขนึ้ เสียงหรือใช้อะไรมาบังคับท้งั สน้ิ ตอนดคู าเมรอนฝึกม้าและฟังเขาอธิบายวธิ ี ฉันก็ 204 รูว้ ่าก�ำลังดคู รูพเี่ ลีย้ งสอนหนังสอื จงึ จดประเดน็ ส�ำคญั ๆ ไว้มากมาย

คาเมรอนบอกฝูงชนที่อยู่รายรอบสนามฝึกว่า “คนจ�ำนวนมากเริ่มด้วยการ ระเ ีบยบ... ท�ำลายจิตวิญญาณของม้า ส่ิงสุดท้ายที่ผมอยากท�ำคือท�ำลายจิตวิญญาณของม้า ไม่ว่า จะเป็นตัวไหนก็ตาม ผมพยายามฝึกม้าเพื่อเอามาใช้งาน ผมอยากสร้างสัมพันธ์กับม้า ตามระดบั และเวลาของมา้ ตัวนนั้ ถ้าอยากใหม้ ้ามเี จตคตทิ ่ดี ี กอ็ ย่าบังคับมนั คุณต้องให้ เวลามา้ อา่ นใจคุณให้ออกวา่ คุณอยากใหม้ ันท�ำอะไร” ขณะอธบิ าย คาเมรอนหยบิ ผา้ รองอานมา้ ขนึ้ มา แลว้ เดนิ ไปหามา้ ตวั ทเี่ ขาก�ำลงั ฝกึ มา้ มองดูผ้ารอง แลว้ เร่ิมวงิ่ ไปที่ฝงั่ ตรงขา้ ม (เหมือนทน่ี ักเรียนพยายามหนจี ากบทเรียน ยากๆ) แทนท่ีจะว่ิงไล่หรือพยายามต้อนให้จนมุม เพื่อวางผ้ารองไปบนหลังม้าให้ได้ คาเมรอนกลบั ยืนอยู่กบั ท่แี ละคอยจนมา้ หยดุ วิง่ ความอยากร้อู ยากเหน็ จูงใจให้มา้ เดิน เข้าไปหาผา้ รองท่ไี มค่ นุ้ เคย เพอ่ื ดวู ่าเปน็ อะไร เขาปลอ่ ยใหม้ า้ ดมและกดั ผ้ารอง จากน้ัน ก็เอาผ้ารองไปลูบม้าท่ีขากับท้องอย่างนุ่มนวล ก่อนจะวางผ้ารองไปบนหลังม้า ทันใด นนั้ เอง มา้ กส็ ลดั ผา้ รองทงิ้ แลว้ วงิ่ หนไี ป คาเมรอนหยบิ ผา้ รองขน้ึ มา แลว้ คอยจนมา้ กลบั มา ตรวจดผู ้ารองอีกครงั้ ในท่ีสุดเมอ่ื พอใจแลว้ ว่า ผา้ รองนัน้ ไม่เปน็ อันตราย มา้ ก็ยนื น่ิงและ ยอมรบั ผา้ รอง คาเมรอนจะใช้เวลานอ้ ยกวา่ นี้ก็ได้ โดยผูกมา้ ไวแ้ ล้วมัดผ้ารองไวบ้ นหลัง มัน แต่มา้ จะด้ินรนตอ่ สทู้ กุ ครัง้ เวลาเขาใส่อานมา้ “มคี นพามา้ ทมี่ ี ‘ปญั หา’ สารพัดมาให้ผมฝึก” คาเมรอนพดู พลางวางอานบน ผา้ รอง และปล่อยใหม้ า้ ว่ิงไปเรือ่ ยๆ จนรู้ว่าอานมา้ จะไมท่ �ำใหม้ นั เจบ็ คาเมรอนอธบิ ายวา่ “ตามปกติ ปญั หาอยทู่ วี่ ธิ ที มี่ า้ ถกู ฝกึ เปน็ ครง้ั แรก บางคนฝกึ ดว้ ยการพยายามบังคับ และถ้ามา้ ท�ำผิด จะลงโทษอย่างรุนแรง มา้ รวู้ ่าถา้ ท�ำผิด คณุ จะ กระตุกสายบังเหียนหรือกระแทกเดือยตรงส้นรองเท้าให้แรงข้ึน หรือท�ำให้ม้าอ้าปาก มา้ กเ็ ลยกงั วลใจ กลวั พยายามปอ้ งกนั ตวั เอง และไมย่ อมเรยี นรอู้ ะไรทั้งส้นิ ” มา้ เดนิ วนรอบสนามฝกึ อกี หลายรอบ จากนน้ั กช็ ะลอลง แลว้ เดนิ มาหาคาเมรอน และยอมให้เขารัดสายอานม้าใหแ้ น่น นักเรียนก็เหมือนม้าตรงทต่ี ่อตา้ นการท�ำลายจิตวญิ ญาณ หรือการบังคบั ให้ท�ำ อะไรทอ่ี ดึ อดั หรอื ไมค่ นุ้ เคย ถา้ ใหเ้ วลานกั เรยี นคนุ้ เคยกบั ครู และเขา้ ใจวา่ ครอู ยากไดอ้ ะไร จากพวกเขา นกั เรยี นจะรว่ มมอื มากขนึ้ ทเี ดยี ว แตถ่ า้ คดิ จะไมร่ ว่ มมอื แลว้ ตอ่ ใหต้ ี ขใู่ หก้ ลวั หรอื พูดซ้ำ� ซากน่าเบื่อไมย่ อมจบ นักเรียนจะไม่ร่วมมอื อยูด่ ี เดก็ ๆ กเ็ หมอื นมา้ ที่อาจจะ 205

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ร่วมมอื ชวั่ คราวเพราะกลวั เจ็บปวด หรอื หมดแรง แตถ่ ้ายังไมไ่ วใ้ จ ครูกบั นกั เรยี นกต็ ้อง ส้กู นั แบบเดิมซำ�้ แล้วซ�้ำเล่า ฉันทึ่งกับข้อคิดเห็นอย่างหน่ึงของคาเมรอน เพราะคิดว่าเอาไปใช้ได้กับครูท่ี ต้องรับมือนักเรียนที่ต่อต้านการยอมรับอ�ำนาจ คาเมรอนอธิบายว่า “ตามธรรมชาติ ม้าเขา้ ใจล�ำดบั ชนั้ ที่ผู้แขง็ แรงรงั แกผอู้ อ่ นแอกว่า มา้ ยอมรบั วา่ คุณเป็นผ้นู �ำฝงู และมนั เป็นผู้ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่ท้าทายคุณ คุณต้องท�ำให้ม้าเห็นว่าคุณเป็น ผู้น�ำ เป็นหมายเลขหน่ึงในล�ำดับช้ัน โดยไม่ท�ำให้ม้าเจ็บปวดหรือกลัว และท�ำได้โดย ควบคมุ ใจ ไมใ่ ช่ควบคมุ ร่างกายของมา้ ” ถา้ ผลกั นกั เรยี นใหถ้ อยจนหลงั ชนฝา แลว้ เรยี กรอ้ งให้เคารพหรือเช่อื ฟัง คณุ จะ ไมไ่ ดท้ ้ังสองอย่าง เพราะสัญชาตญาณของเดก็ ๆ คือหนีเวลากลวั หรอื ถกู ข่มขู่ แต่ถ้าหนี ไมพ่ น้ จะหนั มาสู้ ถา้ คณุ แสดงใหช้ ดั เจนตงั้ แตเ่ รม่ิ ตน้ วา่ คณุ เปน็ ผนู้ �ำในหอ้ งเรยี น และภาวะ ผนู้ �ำจ�ำเปน็ ส�ำหรบั การสอนของครแู ละการเรยี นรขู้ องนกั เรยี น แสดงวา่ คณุ ท�ำใหน้ กั เรยี น ยอมรบั อ�ำนาจไดโ้ ดยไมเ่ สยี ศกั ดศิ์ รี แทนทจ่ี ะสงั่ ใหร้ ว่ มมอื ครเู กง่ ๆ จะท�ำใหน้ กั เรยี นคดิ วา่ ตัวเองเป็นคนเลือกว่าจะรว่ มมือหรือไม่ หลังจากเห็นคาเมรอนท�ำงานแล้ว ฉันไปซ้ือวิดีโอที่เขาฝึกม้ามาดูที่บ้าน 2 ชุด คือ Gentle Horse-Breaking and Training กับ Dark into Light ย่ิงดู ก็ย่ิงเชื่อว่า โปรแกรมการฝึกอบรมครูควรให้วิดีโอของคาเมรอนเป็นส่วนหน่ึงของหลักสูตรด้วย ถา้ อยากอ่านเรือ่ งราวของ เครก คาเมรอน ให้ไปหาบทความเกา่ ๆ ได้ทางออนไลน์ หรอื ในนิตยสารเก่ียวกับม้า เช่น Western Horseman หรือ Quarter Horse Journal ส�ำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวิดีโอและการประชุมเชิงปฏิบัติการของคาเมรอน ให้ดูท่ี www.craigcameron.com หรือโทรฟรีทเ่ี บอร์ 800-274-0077 กฎระเบียบ VS ข้ันตอนการปฏบิ ัติ กฎระเบียบกบั ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิเปน็ 2 เรื่องทแ่ี ตกต่างกนั มาก กฎเคร่งครดั และไม่ ยืดหยุ่น ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติปรับได้ตามต้องการ เราไม่ได้สร้างกฎข้ึนมาให้คน 206 ละเมิด เช่นเดียวกับกฎหมาย กฎไม่มีข้อยกเว้นให้กับความแตกต่างของแต่ละคน

หรือสถานการณ์ ถ้าต้ังกฎท่ีเคร่งครัดส�ำหรับห้องเรียน ก็อาจจะเสียใจในภายหลัง เช่น คุณสร้างกฎไมย่ อมรบั การบ้านทส่ี ่งช้า หรอื ถา้ ใครขาดสง่ งานไปหนงึ่ ชน้ิ จะไม่ได้ เกรดเอในวิชาของคุณ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้านักเรียนท�ำงานไม่เสร็จเพราะมีเหตุ ฉกุ เฉนิ จรงิ ๆ เชน่ ปว่ ยหนกั เจออบุ ตั เิ หตุ หรอื คนในครอบครวั เสยี ชวี ติ คณุ มที างเลอื ก 2 ทาง คือ ท�ำตามกฎอย่างเคร่งครดั หรือผ่อนปรน ไม่วา่ จะเป็นทางไหน กม็ ขี อ้ เสยี ทงั้ นน้ั ถ้ายึดกฎอย่างเคร่งครัด นักเรียนผู้บริสุทธิ์จะทุกข์ทรมาน และคุณอาจจะได้ สมญาว่าเป็นคนแข็งกร้าวและไร้เมตตา แต่ถ้ายอมผ่อนปรนให้นักเรียนคนหน่ึง ก็จะมี คนอื่นๆ เดินเรียงแถวเข้ามาขอใหพ้ จิ ารณาเปน็ พเิ ศษอย่างรวดเรว็ เพราะมีเหตฉุ กุ เฉนิ เหมอื นกนั (บางเร่อื งอาจจะดูเลก็ นอ้ ยส�ำหรบั คุณ แตส่ �ำคัญมากส�ำหรบั เดก็ ๆ) ไม่วา่ จะ ระเ ีบยบ... ขดี เส้นแบง่ กฎไวต้ รงไหน บางคนจะรสู้ กึ วา่ คุณท�ำไม่ถกู และเล่นพวก ฉนั จึงขอแนะน�ำ ให้คุณตง้ั กฎเฉพาะเรอ่ื งทคี่ ณุ ไมม่ ีวันยอมให้นกั เรียนท�ำอย่างเดด็ ขาดเทา่ น้นั เชน่ ห้ามตี เตะ กดั ดหู มนิ่ เชอ้ื ชาติ หรอื คกุ คามทางเพศ เรอ่ื งเหลา่ นเ้ี กดิ ขน้ึ โดยบงั เอญิ ไมไ่ ดแ้ นน่ อน ข้ันตอนการปฏิบัติไม่ได้บัญญัติเรื่องพฤติกรรม แต่เป็นแนวทางให้นักเรียน ท�ำอะไรบางอย่างไดค้ รบถ้วน เช่น การเขา้ หอ้ งนำ�้ ท�ำงานชดเชย ขออนุญาตขาดเรียน ขออนุญาตเข้าห้องเม่ือมาสาย การก�ำหนดขั้นตอนการปฏิบัติส�ำหรับห้องเรียนท�ำให้ นกั เรยี นมแี นวทางชดั เจนเรอ่ื งพฤตกิ รรม และท�ำใหค้ ณุ มที างเลอื กมากขนึ้ ถา้ มสี ถานการณ์ พิเศษเกิดขึ้น คุณก็เปล่ียนแปลงขั้นตอนได้โดยไม่ต้องต่อว่ากันหรือเกิดความสับสนนัก และตัดสินใจได้ตามสถานการณ์ ถ้านักเรียนบ่นว่า คุณท�ำกับนักเรียนแต่ละคนต่างกัน กใ็ หอ้ ธบิ ายวา่ คณุ ปฏบิ ตั ติ อ่ นกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล เพราะแตล่ ะคนไมเ่ หมอื นกนั เราจะเอา “วิธีเดียวท่ีใช้ได้กับทุกคน” ไปใช้กับการศึกษาไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีพรสวรรค์ ความ สามารถ เปา้ หมาย ความทา้ ทาย และสถานการณ์ท่ีต่างกนั ครคู นหนง่ึ เลา่ วา่ ครง้ั แรกทม่ี นี กั เรยี นบน่ วา่ ครปู ฏบิ ตั ติ อ่ นกั เรยี นแตล่ ะคนตา่ งกนั เธอจะพดู วา่ “หนู เพราะพวกเธอแต่ละคนไม่เหมือนกัน ครจู งึ ปฏบิ ตั ติ อ่ ทกุ คนต่างกนั เพราะถ้าท�ำเหมือนกัน ก็ไม่ยุติธรรมน่ะสิ แต่ครูจะยุติธรรมกับทุกคน และเชื่อเถอะว่า ครูพดู จริงท�ำจรงิ เสมอ” 207

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด คุณจะท�ำให้ห้องเรียนไร้ระเบียบน้อยลงได้ ถ้าก่อนหน้าน้ีคุณก�ำหนดขั้นตอน ส�ำหรบั การแจกและการเกบ็ รวบรวมรายงาน การใหค้ ะแนนรายงานในชนั้ การสง่ การบา้ น การเกบ็ รวบรวมงานทน่ี กั เรยี นท�ำชดเชย การเลกิ ชนั้ เรยี น การออกบตั รอนญุ าตใหน้ กั เรยี น ออกนอกหอ้ งหรอื ไปหอ้ งสมดุ การไปพบครคู นอนื่ ฯลฯ แตอ่ ยา่ เพง่ิ บอกขน้ั ตอนทง้ั หมด ภายใน 2-3 วันแรกของการเปิดเรียน เพราะนักเรียนก�ำลังตื่นเต้นหรือรู้สึกท่วมท้นจน เกินกว่าจะจ�ำทุกอย่างได้ แต่ให้พูดไปทีละขั้นตอนเวลาจ�ำเป็นต้องท�ำเร่ืองนั้น จ�ำไว้ว่า นักเรียนบางคนเรียนรู้ด้วยการเห็นหรือการท�ำ ไม่ใช่แค่บอกให้ฟัง ฉะนั้น ต้องแสดง ให้เห็นว่า คุณอยากให้นักเรียนท�ำอะไร แล้วให้ฝึกแต่ละขั้นไปจนกว่าจะจ�ำได้ข้ึนใจ โดยเฉพาะกับเดก็ เลก็ ๆ คณุ อาจใช้วิธแี จกเอกสารบอกขัน้ ตอนการปฏิบตั กิ ไ็ ด้ ตอนแรก คณุ อาจจะรสู้ กึ เสยี เวลาทตี่ อ้ งใชเ้ วลา 5 นาที ตอนทา้ ยคาบของแตล่ ะชนั้ ใน 2 สปั ดาหแ์ รก มาคยุ กันวา่ พอไดย้ นิ เสียงออดเลิกเรยี นแลว้ นักเรียนจะต้องท�ำอะไรบา้ งตอนเดินออก จากห้อง แต่ถ้านักเรียนเข้าใจ คุณจะประหยัดเวลาได้มากมาย และไม่ต้องปวดหัวใน ภายหลัง เด็กๆ ร้วู า่ ถา้ ท�ำให้ครูไม่ใส่ใจพฤติกรรมไดเ้ พยี ง 1-2 ครัง้ กจ็ ะละเลยขน้ั ตอน ตา่ งๆ ทค่ี รูก�ำหนดไว้ได้ อยา่ ก�ำหนดขนั้ ตอนส�ำหรบั เรอื่ งทคี่ ดิ วา่ ไมส่ �ำคญั และถา้ ก�ำหนดขนั้ ตอนอะไรแลว้ ต้องสาธติ ใหน้ ักเรียนดูและท�ำตาม ไมอ่ ย่างนน้ั คณุ เองจะท�ำใหอ้ �ำนาจของตวั เองลดลง และสญู เสียความเคารพของนกั เรยี น กฎส�ำ หรบั การสรา้ งกฎ คุณอาจจะต้องทดลองเพื่อหาวิธีสร้างระเบียบวินัยดีท่ีสุด ให้เหมาะกับบุคลิกที่เป็น เอกลักษณ์ของตวั เอง และเหมาะกบั นักเรยี น แต่คุณจะมีโอกาสประสบความส�ำเร็จ มากข้นึ ถ้าตอนสรา้ งกฎของหอ้ งเรียน คุณเน้นท่ีแนวคิดส�ำคัญ 3 ประการ ตอ่ ไปนี้ จ�ำกดั จ�ำนวนกฎ พูดถึงกฎในเชิงบวก 208 พจิ ารณาผลท่ีตามมา

ยิ่งสรา้ งกฎ ยง่ิ ตอ้ งเสยี เวลาบงั คบั ให้นกั เรยี นท�ำตามกฎ ยิ่งผลที่ตามมาซับซอ้ น ระเ ีบยบ... ยงิ่ เปน็ ไปไดว้ า่ นกั เรยี นจะท�ำตวั ไมด่ ี เพราะอยากทา้ ทายกฎมากๆ จบั ทกุ คนยดั เขา้ ไปอยู่ ในทแ่ี คบๆ ซึง่ ยบั ย้ังความคดิ สร้างสรรค์ และขดั ขวางความพยายามทีค่ ณุ จะผกู สมั พันธ์ และสรา้ งสภาพแวดล้อมทที่ ้งั สองฝ่ายเคารพกนั หลงั จากทดสอบมาหลายวิธีแล้ว วธิ ีที่ ฉนั ชอบคอื สรา้ งเพยี งกฎเดยี วทคี่ รอบคลมุ ทกุ เรอื่ ง นนั่ คอื ใหเ้ คารพตวั เองและทกุ คนใน ห้องน้ี นีเ่ ปน็ กฎง่ายๆ ข้อเดียวทีค่ รอบคลุมทกุ สถานการณท์ ่ีอาจเกดิ ขึน้ ได้ เชน่ คุณไม่ เคารพคนอืน่ เลยถา้ เคย้ี วหมากฝรั่งเสยี งดงั เอาหมากฝร่งั หรือลกู อมแปะไวบ้ นโตะ๊ หรอื หนงั สอื ตหี รอื ดหู มน่ิ คนอนื่ แกะสลกั ค�ำพดู หยาบคายไวบ้ นโตะ๊ มาเรยี นสาย ทงิ้ ขยะลงพน้ื ขัดจังหวะคนอ่นื ๆ ทกี่ �ำลงั พยายามท�ำงาน กอ่ กวนครทู ่พี ยายามสอน ฯลฯ ใหพ้ ดู ถงึ กฎในเชงิ บวกทกุ ครง้ั ทที่ �ำได้ จ�ำตลกเกา่ ๆ ทบี่ อกวา่ “อยา่ คดิ ถงึ ชา้ งนะ” ไดไ้ หม ซง่ึ ผลลพั ธค์ อื เราจะคดิ ถงึ ชา้ งทนั ที กฎกเ็ หมอื นกนั เพราะฉะนนั้ อยา่ เอาความคดิ ไปใส่หัวเด็กๆ มากกว่าที่มีอยู่แล้ว การพูดถึงกฎในเชิงลบ เช่น ห้ามเค้ียวหมากฝร่ัง ห้ามตะโกน หรือห้ามวิ่งพร้อมกับถือกรรไกรในมือ ก็เหมือนกับการแนะน�ำพฤติกรรม ท่ีไม่เหมาะให้นักเรียนท่ีชอบเรียกร้องความใส่ใจอยู่แล้ว กฎเชิงลบยังท้าทายนักเรียน ทีอ่ ยากท�ำให้ครูเสียสมาธิจากการสอนบทเรยี นยากๆ หรอื เพยี งแคอ่ ยากจะกวนอารมณ์ ครูเล่นๆ และประการสุดท้าย กฎเชิงลบจะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดพฤติกรรมเชิงลบ มากขนึ้ เชน่ ถา้ ตง้ั กฎหา้ มเคย้ี วหมากฝรงั่ ในหอ้ ง บางคนจะลมื ไปวา่ มหี มากฝรง่ั อยใู่ นปาก หรืออาจจะเส่ียงละเมิดกฎ เพราะชอบเคี้ยวหมากฝรั่งจริงๆ พอนักเรียนเช่ือว่า ครูจะ จับได้ว่าตัวเองละเมิดกฎห้ามเคี้ยวหมากฝร่ัง ก็อาจจะซ่อนกากหมากฝร่ังเหนียวๆ ไว้ ใต้โต๊ะของตัวเอง บนช้ันหนังสือของครู หรือในต�ำราของตัวเอง แต่ถ้ามีกฎเชิงบวก ในหอ้ งเรียนว่า “ทง้ิ หมากฝรงั่ ท้งั หมดใหเ้ รียบรอ้ ย” แสดงว่า คุณปล่อยใหน้ ักเรียนเลือก พฤติกรรมของตวั เอง และเปน็ ไปได้มากขึน้ ทีเดยี วท่ีพวกเขาจะรว่ มมือ บางครงั้ คณุ พดู ถงึ กฎในเชงิ บวกไมไ่ ด้หรอื อาจจะตอ้ งเพม่ิ ภาคผนวกดว้ ยถอ้ ยค�ำ เชิงลบ เพ่ือหลีกเลยี่ งการใช้ภาษาวกวนจนคนฟังไม่รูเ้ ร่อื ง ตวั อยา่ งเช่น นโยบายทมี่ ีกฎ เพียงข้อเดียวของฉันจะรวมข้อห้ามต่างๆ ส�ำหรับนักเรียนท่ีต้องการข้อมูลเฉพาะไว้ใน ภาคผนวกว่า ห้ามดูหม่ินคนอื่นด้วยเร่ืองเช้ือชาติ ศาสนา ภูมิหลังทางชาติพันธุ์ สีผิว 209

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ภาษาแม่ เพศภาวะ รสนยิ มทางเพศ สตปิ ญั ญา รปู รา่ ง หรอื ขนาดของรา่ งกาย แตเ่ พราะฉนั พูดถึงกฎในเชิงบวก กฎโดยรวมจึงไม่มีความหมายโดยนัยเชิงลบ และนักเรียนไม่รู้สึก ถูกบงั คบั ใหล้ ะเมิดกฎ เพียงเพราะอยากจะแสดงว่าตวั เองท�ำแบบนน้ั ได้ ให้พิจารณาผลที่จะตามมาจากกฎของตัวเองท่ีจะเกิดกับทุกคน รวมทั้งตัว คณุ เองดว้ ย เชน่ ในการจดั การเรอ่ื งทบ่ี กพรอ่ ง คณุ จ�ำตอ้ งเกบ็ บนั ทกึ เหตกุ ารณท์ น่ี กั เรยี น ท�ำผดิ และตอ้ งใชเ้ วลาก�ำหนดบทลงโทษกบั ผลลพั ธข์ องการท�ำความผดิ การกกั ตวั นกั เรยี นไว้ ตอนช่วงอาหารกลางวันหรือหลังเลิกเรียนอาจดูเป็นความคิดท่ีดี แต่ก็ลงโทษคุณไป ในตวั ดว้ ย เพราะตอ้ งเสยี เวลามาคมุ เดก็ ทถี่ กู กกั ตวั เวน้ แตว่ า่ คณุ อยากจะใชเ้ วลากกั ตวั เดก็ ส�ำหรับการสมาคม การให้นกั เรียนเขียนเรยี งความหรอื รายงานเปน็ วธิ ีลงโทษยอดนยิ ม แต่อาจจะไดผ้ ลตรงขา้ มกับที่ต้งั ใจไวส้ �ำหรบั ทุกคน คือ ตัวคณุ นกั เรียน และครคู นอ่นื ๆ ในโรงเรียน เพราะเท่ากับว่าคุณสอนให้นักเรียนเกลียดการเขียน การส่งนักเรียนไปพบ ครใู หญเ่ ปน็ วธิ ยี อดนยิ มอกี แบบหนง่ึ ซงึ่ อาจจะชว่ ยเอานกั เรยี นออกไปจากหอ้ งได้ แตเ่ ปน็ การสง่ สารทชี่ ดั เจนถงึ นกั เรยี นวา่ คณุ รสู้ กึ วา่ ตวั เองไรค้ วามสามารถทจ่ี ะรบั มอื กบั สถานการณ์ ตามล�ำพัง ระบตุ ัวนักเรียนอันธพาลและพวกทีส่ งั คมรังเกียจ นักเรียนอนั ธพาลไมใ่ ช่เรือ่ งใหม่ ในอดตี อันธพาลใช้ก�ำปนั้ ชกคนอื่นใหต้ าเขียว แตท่ กุ วันนี้พวกเขาใช้อาวุธมากมายท�ำร้ายคนอ่ืนจนบาดเจ็บรุนแรง หรือบางครั้งอาจถึง แกช่ วี ิต โรงเรียนจ�ำนวนมากประสบความส�ำเร็จกบั การท�ำโครงการต่อต้านการรังแก ผอู้ นื่ และโครงการพฒั นาบคุ ลกิ ทเี่ ขม้ แขง็ แตก่ ย็ งั เปน็ ธรรมดาทจี่ ะมนี กั เรยี นอนั ธพาล คนสองคนในหอ้ งเรยี นสมยั ใหมน่ ท้ี กุ หอ้ ง แตป่ ญั หากค็ อื บางครง้ั ยากจะจบั พวกอนั ธพาล ได้คาหนงั คาเขา หรอื แม้แตจ่ ะระบุไดว้ า่ ใครเปน็ อนั ธพาลบา้ ง และท่ยี ากกวา่ น้ันคือ การระบตุ วั จอมบงการทไ่ี มไ่ ดร้ งั แกคนอน่ื โดยตรง แตเ่ ชย่ี วชาญการบงการใหน้ กั เรยี น ดหู มนิ่ หรอื ท�ำรา้ ยกนั เอง ในโรงเรยี นมธั ยมแหง่ หนง่ึ ทฉ่ี นั เคยสอน มนี กั เรยี นทดี่ จู ะสนกุ กับการจัดฉากให้คนทะเลาะกัน เช่น คนที่หน่ึงไปโกหกคนที่สองว่า คนที่สามเคย 210 “คยุ เรอ่ื งแยๆ่ ” ของคนทส่ี องใหฟ้ งั คนทสี่ องกเ็ ลยไปท�ำรา้ ยคนทส่ี ามซง่ึ ไมร่ เู้ รอื่ งรรู้ าว

อะไรเลย แต่กลับถูกลงโทษทางวินัย และบางคร้งั ถูกพกั การเรียนพร้อมกับคนทส่ี อง ระเ ีบยบ... ทงั้ ๆ ทยี่ นื ยนั วา่ ตวั เองไมร่ เู้ รอ่ื ง สว่ นคนทห่ี นงึ่ กลบั ไมถ่ กู ลงโทษ เพราะไมไ่ ดเ้ กย่ี วขอ้ ง อะไรกับความขัดแย้งคร้งั นี้โดยตรง วนั หนง่ึ ฉนั เจอวธิ รี ะบตุ วั นกั เรยี นอนั ธพาลและจอมบงการในหอ้ งเรยี นโดยบงั เอญิ ระหวา่ งเตรยี มการมอบหมายให้นักเรยี นจบั กลมุ่ ยอ่ ยปรกึ ษากนั และท�ำโครงงาน ฉันขอ ใหน้ กั เรยี นในทกุ ๆ คาบ หยบิ กระดาษขนึ้ มาหนง่ึ แผน่ และเขยี นชอ่ื ตวั เองตรงดา้ นบนสดุ แล้วเขยี นชื่อนกั เรียนอีก 3-4 คนท่ีอยากท�ำงานด้วยในกลมุ่ ยอ่ ย แล้วพอคิดได้ภายหลงั จงึ เสรมิ วา่ “และถา้ มคี นทไ่ี มอ่ ยากท�ำงานดว้ ยเลยคนสองคน กเ็ ขยี นชอื่ ลงไปดว้ ย เอาแคช่ อ่ื ก็พอ ครไู ม่อยากได้รายละเอยี ดอะไรทง้ั น้นั ” พอเอารายชอ่ื นักเรยี นกลับมาทบทวนที่บ้านตอนกลางคืน ฉันจึงเหน็ วา่ ในทกุ ชน้ั จะมชี อื่ เดมิ ๆ อยู่ในรายชื่อ “คนทฉ่ี นั ไม่อยากท�ำงานดว้ ย” ฉันจึงรู้วา่ ก�ำลังดูรายชื่อ ของนกั เรยี นอันธพาล จอมบงการ และพวกทีส่ งั คมรังเกียจ แน่นอนฉนั ไม่มีมนตว์ ิเศษ ท่ีจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่พอรู้ว่าจะต้องรับมือกับใครบ้าง ก็ช่วยให้ฉันเฝ้าสังเกต ชน้ั เรยี นไดด้ ขี น้ึ และลดการกระทบกระทง่ั ในหมนู่ กั เรยี นลงได้ ฉนั พยายามหาครทู ปี่ รกึ ษา ทเ่ี ปน็ ผใู้ หญใ่ หน้ กั เรยี นอนั ธพาลพวกนี้ ฉนั เฝา้ ระวงั พวกจอมบงการ และถา้ สงสยั วา่ ก�ำลงั จะก่อปญั หา กจ็ ะเขา้ แทรกแซง และฉนั ท�ำดที ส่ี ุดเพื่อจะผกู มติ รกบั พวกท่สี งั คมรงั เกียจ เพื่อช่วยให้พวกเขาพฒั นาทักษะดา้ นสงั คมและความมัน่ ใจในตวั เอง แคค่ น้ ค�ำวา่ “ตอ่ ตา้ นการรงั แก” งา่ ยๆ ทางอนิ เทอรเ์ นต็ จะไดเ้ วบ็ ไซตน์ บั รอ้ ยๆ ที่มีวิธีแก้ปัญหาส�ำหรับครูกับพ่อแม่ ฉันอยากให้มีความช่วยเหลือมากพอส�ำหรับครู ทอี่ ยากชว่ ยคนทสี่ งั คมไมย่ อมรบั ในหอ้ งเรยี น นกั เรยี นบางคนทกุ ขท์ รมานกบั การถกู ท�ำให้ 211

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ถกู ท�ำให้อับอายขายหนา้ และเจอความโหดร้ายทกุ วนั ท่ีโรงเรยี นอยู่หลายปี การละเลย นักเรียนที่ถูกรังแกยังอาจท�ำให้เกิดอันตรายได้ คนที่พกอาวุธมาในโรงเรียนไม่ใช่พวก อันธพาล แตเ่ ปน็ คนทส่ี งั คมไมย่ อมรบั และจะไมย่ อมทนใหค้ นอนื่ มาทรมานอีกตอ่ ไป พวกครูเปน็ แนวป้องกนั ดา่ นแรก เราไม่อาจก�ำจดั การรงั แกไปไดอ้ ยา่ งถาวร แต่ ท�ำใหล้ ดลงไดแ้ นน่ อน ดว้ ยการปฏเิ สธวา่ จะไมย่ อมทนกบั การขม่ เหงทางวาจาทกุ รปู แบบ ในหอ้ งเรียน และรบั ประกันวา่ ครูจะไมร่ ังแกนักเรยี นเช่นกัน คุณลักษณะของนโยบายดา้ นระเบียบวนิ ัยท่ใี ชไ้ ดผ้ ล คณุ จะหาวธิ จี ดั การหอ้ งเรยี นอยา่ งมปี ระสทิ ธผิ ลไดจ้ ากหลกั สตู รการฝกึ อบรม หนงั สอื การประชุมเชิงปฏิบัติการ และบทความในวารสารต่างๆ ค�ำแนะน�ำส่วนใหญ่อาจ ขดั แยง้ กนั และนา่ สบั สน เชน่ บรรดาผเู้ ชยี่ วชาญยงั ถกเถยี งกนั รนุ แรงวา่ การใหร้ างวลั มผี ลกระทบเชงิ บวกหรอื เชงิ ลบตอ่ พฤตกิ รรมและแรงจงู ใจในระยะยาวหรอื ไม่ บางคน ยืนกรานวา่ การไดร้ บั ผลของการกระท�ำเป็นปัจจัยส�ำคัญต่อการปรบั ปรงุ พฤติกรรม แต่บางคนเช่ือว่าผลลัพธ์คือการลงโทษ และเราควรมองว่า พฤติกรรมที่ไม่เหมาะ เปน็ ปญั หาทต่ี อ้ งระดมความคดิ เพอื่ หาทางออก โปรแกรมการจดั การหอ้ งเรยี นทกุ แบบ เสนอตวั อยา่ งและค�ำยนื ยนั ประสทิ ธผิ ล และมวี ธิ กี ารสารพดั มากมายจนคณุ นกึ อยาก ยกมือยอมแพ้ และท�ำไปตามสถานการณ์โดยไม่ต้องคิดอะไรล่วงหน้า หรือแค่เลือก นโยบายมาสกั อยา่ งและหวงั วา่ จะใชไ้ ดผ้ ล ฉนั แนะน�ำใหค้ ณุ เลอื กหรอื สรา้ งโปรแกรม ทร่ี วมคณุ ลกั ษณะทวั่ ๆ ไปของเทคนคิ การสรา้ งระเบยี บวนิ ยั ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ล และประสบ ความส�ำเร็จดังต่อไปน้ไี ว้ดว้ ย ค�ำนึงถงึ ความแตกตา่ งทางวัฒนธรรม เป็นตวั อยา่ งต้นแบบพฤติกรรมทค่ี ณุ คาดหวงั จากนักเรียน แยกตัวเดก็ ออกจากพฤติกรรมของเด็ก ท�ำให้นกั เรียนยอมรับผิดชอบตอ่ พฤติกรรมของตัวเอง 212 เปิดโอกาสให้นกั เรยี นยอมออ่ นข้อใหโ้ ดยไม่เสยี หนา้

แสวงหาวิธีแกป้ ญั หาดว้ ย ไมใ่ ช่แค่ลงโทษใหร้ ับผลของการกระท�ำ ลงโทษให้รบั ผลของการกระท�ำซ่ึงเปน็ การจัดการปญั หาพฤตกิ รรมเฉพาะ บอกใหช้ ดั เจนวา่ คาดหวังจะเห็นพฤตกิ รรมแบบไหนในอนาคต ให้ค�ำติชมเชงิ บวกเมือ่ นกั เรียนปรับปรงุ พฤตกิ รรม ให้นักเรยี นเริ่มต้นใหมโ่ ดยไม่รื้อฟืน้ ความผิดพลาดในอดีต หาเหตผุ ลที่นักเรียนยังท�ำพฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมซำ้� ซาก เนน้ การให้รางวัลพฤตกิ รรมท่ดี ี ส่งนักเรียนไปหาครใู หญเ่ มื่อเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านัน้ คำ�นึงถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม ระเ ีบยบ... ในสงั คมพหชุ าตพิ นั ธอ์ุ ยา่ งทกุ วนั น้ี เปน็ เรอื่ งส�ำคญั มากทคี่ รคู วรพจิ ารณาขนบประเพณี และความแตกต่างทางวัฒนธรรมก่อนจะทึกทักเอาเองว่า พฤติกรรมของนักเรียน หยาบคาย ท้าทาย หรอื กอ่ กวน เช่น ตามประสบการณ์ส่วนตัว ฉันมีนักเรียนจากหลายประเทศที่เด็กๆ ได้รับ การสั่งสอนให้หลีกเลี่ยงการสบตาผู้ใหญ่ เพื่อแสดงความเคารพ บางวัฒนธรรม ก็ยับยั้ง ไม่ให้เด็กต้ังค�ำถาม เพราะอาจเหมือนกับว่าไปว่าครูท�ำผิดพลาด เด็กชายอีกคนหนึ่ง ท�ำให้ฉันประหลาดใจเม่ือเขาบอกว่า ในประเทศของเขา การแตะศีรษะคนอื่นเป็นการ ดหู มน่ิ อยา่ งร้ายทีส่ ดุ ซึ่งฉันไมม่ วี ันท่ีจะเข้าใจอย่างนน้ั ถ้าเขาไมบ่ อก เม่ือเร็วๆ นี้ นักเรียนทางออนไลน์คนหนึ่งของฉันโพสต์ข้อความท่ีกระตุ้น ความคดิ วา่ “ผมมปี ระสบการณจ์ รงิ ๆ เมอ่ื 2-3 ปกี อ่ น กบั นกั เรยี นแลกเปลย่ี นชาวเกาหลี เขายิ้มเมื่อถูกท�ำโทษในชั้นเรียน แรกๆ ผมโมโหมาก จนเขาอธิบายให้ฟังว่า น่ีเป็นวิธี แสดงความละอายเมอื่ ถกู ลงโทษ ซงึ่ เปน็ ความเขา้ ใจอยา่ งใหมส่ �ำหรบั ผม เกยี่ วกบั ระเบยี บ วนิ ยั ทแี่ ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะบคุ คล และแนวคดิ ของการเคารพนกั เรยี นแตล่ ะคน ตอนน้ี ผมพยายามมากขน้ึ ทจ่ี ะเขา้ ใจบรบิ ทของนกั เรยี นแตล่ ะคน กอ่ นจะจดั การกบั ระเบยี บวนิ ยั ในห้องเรียน” 213

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด เปน็ ตัวอยา่ งต้นแบบพฤติกรรมท่คี ณุ คาดหวังจากนักเรียน ไม่ว่าแผนของคุณจะดีเลิศแค่ไหน ก็ไม่มีวันได้ผล ถ้าคุณไม่ท�ำตนเป็นตัวอย่าง เช่น คุณจะบังคับให้คนเคารพกันไม่ได้ ถ้าอยากให้นักเรียนปฏิบัติต่อคนอ่ืนอย่างเคารพ ก็ต้องแสดงวิธีให้ดูก่อน (และในบางกรณี ต้องท�ำให้ดูคร้ังแล้วคร้ังเล่า เพราะการ ท�ำอะไรอย่างนเี้ ป็นประสบการณใ์ หมส่ �ำหรับบางคน) ถ้าอยากให้นกั เรียนแก้ปญั หา อยา่ งมเี หตุผล คณุ ตอ้ งแสดงเทคนิคให้ดูโดยสรา้ งตน้ แบบพฤติกรรมแสดงวิธกี ารแก้ ปญั หาทค่ี ณุ เผชิญในแต่ละวันทโี่ รงเรียน และอธิบายว่าคุณท�ำอะไรในแต่ละขน้ั ตอน จรงิ อยู่ การสรา้ งต้นแบบพฤตกิ รรมต้องใช้เวลา แตถ่ า้ ท�ำตัง้ แต่ต้นปีการศึกษา จะชว่ ยประหยดั เวลาไดห้ ลายชวั่ โมงในภายหลงั นกั เรยี นจะรว่ มมอื และคณุ ไมต่ อ้ งเสยี เวลา มากมายไปกบั ระเบยี บวนิ ัย หมายเหตุ: อย่ายอมให้เจ้าหน้าท่ีคนอ่ืนๆ ที่เป็นผู้ใหญ่ดูหมิ่นนักเรียน ผู้ใหญ่ มกั จะยนื กรานวา่ “แคพ่ ดู เลน่ ” เวลาดหู มนิ่ หรอื จงใจท�ำใหน้ กั เรยี นอบั อาย แตเ่ พราะครู อยใู่ นต�ำแหนง่ ทมี่ อี �ำนาจ นกั เรยี นจงึ อาจกลวั ทจ่ี ะประทว้ ง หรอื ทจ่ี ะยอมรบั วา่ การลอ้ เลยี น ของครูเปน็ เร่ืองนา่ รงั เกียจหรอื ดูหม่ิน พอนกั เรยี นประทว้ ง ผู้ใหญบ่ างคนกย็ นื กรานวา่ แค่พูดเลน่ แน่นอนคุณบงการพฤติกรรมของผ้ใู หญ่ไม่ได้ และเปน็ เรื่องยากท่จี ะวจิ ารณ์ ผู้ใหญ่โดยไม่ท�ำให้ขายหน้าต่อหน้านักเรียน คุณจะพูดว่า “กรุณาเลิกใช้อ�ำนาจในทาง ทผ่ี ดิ ” ไมไ่ ด้ ใหค้ ุณเชญิ ผใู้ หญ่ไปข้างๆ และพดู วา่ “ชว่ ยฉันหน่อยเถอะ เรามีปญั หากบั การล้อเลียนในห้อง เพราะฉะนั้น เราเลยไม่ข้องแวะกับพฤติกรรมแบบน้ันอย่างส้ินเชิง บางครง้ั นักเรียนไมเ่ ขา้ ใจเวลาทีก่ ารล้อเลยี นลำ�้ เส้น เราเลยไม่ล้อเลยี นกันอย่างเดด็ ขาด ถา้ เดก็ ๆ เหน็ ผใู้ หญล่ อ้ เลยี นนกั เรยี น ฉนั จะบงั คบั ใหพ้ วกเขาท�ำตามกฎไดล้ �ำบาก” ถา้ ผใู้ หญ่ คนน้นั ไม่ยอมรับดีๆ อย่างท่ีคุณหวงั ไว้ ใหแ้ กลง้ ท�ำเป็นว่าเขาเห็นดว้ ย แล้วยมิ้ และพูดวา่ “ขอบคณุ ท่ชี ว่ ยฉันในเรอ่ื งน้”ี (ฉันรู้น่ะว่า คุณไม่อยากตกงาน ไม่อยากสร้างศัตรู แต่ถ้าเห็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก แลว้ ไมย่ อมพูดอะไร กเ็ ทา่ กับบอกเป็นนัยว่า คุณยนิ ยอมใหท้ �ำแบบนน้ั การไม่ใส่ใจการ รงั แกกเ็ หมอื นการเมนิ เฉยตลกทเี่ หยยี ดหยามทางเพศหรอื เชอื้ ชาติ หรอื ไมใ่ สใ่ จการขม่ เหง 214 เด็กทางกาย ซ่งึ เปน็ เรอ่ื งที่ยอมรบั ไมไ่ ด้)

แยกตวั เดก็ ออกจากพฤตกิ รรมของเดก็ ระเ ีบยบ... บางครง้ั เดก็ จงใจท�ำตวั ไมด่ เี พยี งเพอื่ ท�ำใหค้ รรู �ำคาญ แตพ่ ฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมสว่ นใหญ่ เปน็ ผลมาจากการไม่มวี ฒุ ภิ าวะ ขาดความอดทน คบั ขอ้ งใจ หรอื ปรารถนาจะท�ำให้ จนิ ตนาการหรือความต้องการทแ่ี ท้จรงิ บางอย่างสมประสงค์ เด็กๆ ท�ำตวั เหมอื นเดก็ เพราะเปน็ เดก็ (และวยั รนุ่ จ�ำนวนมากกย็ งั เปน็ เดก็ ) เชน่ เดยี วกบั มนษุ ยท์ มี่ ขี อ้ บกพรอ่ ง นักเรียนมีแนวโน้มจะท�ำผิดพลาด ถ้าพวกเขาไม่ได้ท�ำร้ายคุณเป็นการส่วนตัว อย่างชัดเจน กอ็ ยา่ เกบ็ พฤตกิ รรมของนักเรียนมาเป็นอารมณ์ แต่ถงึ เดก็ ท�ำแบบนั้น ก็อาจเป็นเพราะคุณเป็นตวั แทนของฝ่ายผูม้ อี �ำนาจเท่าน้ันเอง ถ้าเราเก็บพฤตกิ รรม ของนกั เรียนมาเป็นอารมณ์ ก็เท่ากับเราจ�ำกัดความสามารถของตวั เองที่จะประเมนิ สถานการณ์อย่างเปน็ กลาง และเลือกการตอบสนองท่ีดที สี่ ดุ ถา้ เราแยกตวั เดก็ ออก จากพฤตกิ รรมได้ เราจะท�ำตามค�ำแนะน�ำยอดเย่ยี มท่วี า่ “เกลียดพฤตกิ รรมเดก็ แต่ รกั เดก็ ” ได้ เจตคตแิ บบนจ้ี ะชว่ ยใหเ้ ราเนน้ ทกี่ ารแกป้ ญั หา และชว่ ยใหน้ กั เรยี นเรยี นรู้ ทจ่ี ะตดั สนิ ใจเลอื กไดด้ ขี น้ึ แทนทจี่ ะเอาแตล่ งโทษนกั เรยี นหรอื ใหร้ บั ผลของการกระท�ำ ซึ่งไร้ความหมาย ทำ�ใหน้ กั เรยี นยอมรับผดิ ชอบตอ่ พฤตกิ รรมของตัวเอง เมื่อเราก�ำหนดบทลงโทษหรือผลของการกระท�ำและบงการพฤติกรรม เราเป็นฝ่าย ควบคมุ และรบั ผดิ ชอบสถานการณน์ น้ั ๆ ถา้ ใหน้ กั เรยี นรบั ผดิ ชอบพฤตกิ รรมของตวั เอง อยา่ งทคี่ วรจะเปน็ กเ็ ทา่ กบั เราสรา้ งประสบการณใ์ หมท่ ตี่ า่ งจากเดมิ อยา่ งสนิ้ เชงิ เชน่ ถ้านักเรียนกอ่ กวนในชั้น และคุณติเตยี นเขาพรอ้ มกับให้เขาเจอผลลัพธท์ ันที ทกุ คน จะหันมาสนใจครู และบางคนจะเห็นอกเหน็ ใจคนทีท่ �ำผดิ โดยอตั โนมตั ิ เพียงเพราะ เขาอยู่ในต�ำแหน่งท่ีมีอ�ำนาจน้อยกว่า แต่ถ้าคุณขอให้นักเรียนหยุดท�ำแบบน้ันและ ทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง แล้วตัดสินใจว่าจะท�ำต่อไปหรือเปลี่ยนพฤติกรรม จุดสนใจจะเปลี่ยนไปอยทู่ ีต่ ัวนกั เรียน และตอนนเ้ี ขาเปน็ คนควบคุมผลที่ตามมาของ 215

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ความขดั แยง้ เขาต�ำหนคิ ณุ ไมไ่ ดว้ า่ เปน็ ตน้ เหตใุ หเ้ ขาท�ำตวั ไมด่ ี หรอื ท�ำใหเ้ กดิ ผลลพั ธ์ อะไรกต็ าม ครจู �ำนวนมากพบวา่ การขอใหน้ กั เรยี นออกไปคยุ กนั นอกหอ้ ง กรอกขอ้ มลู ลงในแบบฟอรม์ เพือ่ บรรยายพฤตกิ รรมซ่งึ ไมเ่ ป็นทย่ี อมรับ หรอื เซ็นสัญญาตกลงว่า จะไมท่ �ำพฤตกิ รรมนั้นเปน็ อีกวธิ ที ่ไี ด้ผลกว่าการลงโทษ เปิดโอกาสใหน้ กั เรียนยอมอ่อนข้อใหโ้ ดยไมเ่ สียหน้า ถา้ มโี อกาสถอยอยา่ งมศี กั ดศิ์ รี นกั เรยี นสว่ นใหญจ่ ะตดั สนิ ใจรว่ มมอื กบั คณุ แตถ่ า้ คณุ กดดันจนไม่มที างถอย ส่วนใหญ่จะกลายเป็นคนดอ้ื ดา้ นและท้าทาย หลายคนจะหัน มาโจมตที างวาจาหรอื ทางกาย แมก้ ระทงั่ ในหมเู่ ดก็ เลก็ ๆ ทม่ี กั จะรสู้ กึ รนุ แรงเกย่ี วกบั ศกั ดศ์ิ รมี ากกวา่ ทผี่ ใู้ หญค่ ดิ ถา้ ปลอ่ ยใหน้ กั เรยี นยอมออ่ นขอ้ ในครง้ั แรกทแ่ี สดงพฤตกิ รรม ไมเ่ หมาะสม เราจะใหบ้ ทเรยี นหลายอยา่ งแกน่ กั เรยี นกบั คนทเ่ี หน็ เหตกุ ารณ์ เชน่ ทกุ คน ตอ้ งรบั ผดิ ชอบตอ่ การตดั สนิ ใจเลอื กวา่ จะแสดงพฤตกิ รรมแบบไหน ทกุ คนท�ำผดิ พลาดได้ และความผิดส่วนใหญ่ไม่ถาวร ผู้น�ำที่ดีต้องแสดงให้เห็นว่า มีความเห็นอกเห็นใจ ในความทุกข์ยากของคนอื่น รู้จักให้อภัย และเคารพคนอื่น นักเรียนจะเลียนแบบ พฤติกรรมของครู ไม่วา่ จะชอบครูคนนนั้ หรือไมก่ ต็ าม ครจู งึ จ�ำเปน็ ตอ้ งตง้ั มาตรฐาน ให้สูงและเปน็ ตวั อยา่ งท่ดี ีเขา้ ไว้ เวลานกั เรยี นแสดงการดหู มนิ่ คณุ อาจจะถามวา่ “นกั เรยี นคดิ วา่ พฤตกิ รรมทที่ �ำ อยนู่ นั้ แสดงความเคารพตวั เองและคนอน่ื หรอื เปลา่ ” ณ จดุ นน้ี กั เรยี นมที างเลอื กทจี่ ะเปลยี่ น พฤตกิ รรมไดโ้ ดยไมเ่ สยี หนา้ เพราะตดั สนิ ใจเลอื กเอง ฉะนนั้ จงึ อาจมแี นวโนม้ มากขนึ้ ทจี่ ะ เลือกประพฤติตนต่างจากเดิม และไม่อยากแก้แค้นท่ีถูกคุณลงโทษเมื่อคุณจ�ำเป็นต้อง ลงโทษเพ่ือท�ำให้ห้องเรียนสงบเรียบร้อย เมื่อฉันให้นักเรียนเลือกเองว่าจะประพฤติตัว อยา่ งไร ถา้ พวกเขารว่ มมอื ฉนั จะไมล่ งโทษ แตจ่ ะขอบคณุ ทตี่ ดั สนิ ใจเลอื กอยา่ งมวี ฒุ ภิ าวะ และรับผิดชอบ จากนั้นพวกเราก็ท�ำกจิ กรรมตอ่ ไปเหมอื นไม่มอี ะไรเกิดข้ึน 216

ครงั้ แรกทฉ่ี นั ลองใชเ้ ทคนคิ แบบน้ี นกั เรยี นทน่ี า่ รงั เกยี จคนนนั้ พดู วา่ “แคน่ น้ั เหรอ” ระเ ีบยบ... ฉันพูดว่า “ใช่” เขาพูดว่า “ง่ายจัง” ฉันพูดว่า “ใช่” เขายักไหล่และนั่งลง แล้วต่อมา ก็ปรับปรุงพฤติกรรม เพราะไม่ง่ายเลยที่จะเกลียดคนท่ีชอบและเคารพเราจริงๆ แถม ไมส่ นุกเลยเมอ่ื คนนัน้ ไมต่ อบโต้ แสวงหาวิธแี ก้ปญั หาดว้ ย ไม่ใชแ่ คล่ งโทษให้รบั ผลการกระท�ำ การสง่ นกั เรยี นทม่ี าสายไปหอ้ งกกั ตวั หลงั เลกิ เรยี นแกป้ ญั หาเรอ่ื งการมาสายไมไ่ ด้ มแี ต่ ท�ำใหค้ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างนักเรยี นกับครแู ย่ลง และสร้างปัญหาด้านวิชาการ สว่ น การสั่งให้นักเรียนใช้เวลา 10 นาที ช่วยท�ำความสะอาดห้องเรียนท�ำให้คุณไม่ต้อง ท�ำงานหนกั และไมต่ อ้ งกรอกเอกสารทจ่ี �ำเปน็ กจ็ รงิ แตจ่ ะดกี วา่ นนั้ ถา้ บอกใหน้ กั เรยี น ใช้โมเดลการแก้ปัญหาไประดมความคิดเพ่ือหาทางออกท่ีเป็นไปได้ แล้วมาคุยกัน จากนน้ั กช็ ว่ ยนกั เรยี นเลอื กวธิ แี กป้ ญั หา แลว้ น�ำทางเลอื กทด่ี ที ส่ี ดุ ไปปฏบิ ตั ิ การท�ำแบบนี้ จะชว่ ยจัดการปัญหาในปัจจุบนั แถมยังสอนให้นกั เรียนรู้วธิ ีแก้ปัญหาในอนาคตด้วย ให้รบั ผลของการกระท�ำ ซึง่ เปน็ การจัดการปัญหาพฤติกรรมเฉพาะ ถา้ คณุ ลงโทษใหร้ บั ผลของการกระท�ำ ใหพ้ ยายามเลอื กผลทจ่ี ะจดั การปญั หาพฤตกิ รรม ที่คุณอยากยับย้ังจริงๆ เช่น ถ้านักเรียนวาดภาพหัวใจด้วยปากกาเขียนบอร์ดสีด�ำ หรอื เขยี นขอ้ ความหยาบคายบนโตะ๊ ของตวั เอง การสง่ นกั เรยี นไปกกั ตวั หลงั เลกิ เรยี น จะไม่เกิดผลอะไรเลย นอกจากทง้ิ โตะ๊ สกปรกไวใ้ หค้ ณุ ดตู า่ งหนา้ แตก่ ารใหน้ ักเรยี น ท�ำความสะอาดโตะ๊ ของตวั เอง หรอื โตะ๊ ทกุ ตวั ในหอ้ งเรยี นจะเหมาะกวา่ เชน่ เดยี วกนั การสง่ นกั เรยี นทก่ี อ่ กวนไปกกั ตวั หลงั เลกิ เรยี นจะไมส่ อนใหเ้ ขาเงยี บและเคารพคนอนื่ แต่การขอให้ออกไปยืนนอกห้องหรือหลังห้องจนกว่าจะรู้สึกว่าควบคุมพฤติกรรม ของตวั เองไดแ้ ลว้ เปน็ การใหโ้ อกาสนกั เรยี นไดฝ้ กึ การควบคมุ ตวั เอง และถา้ พยายามแลว้ แตย่ ังล้มเหลวในครั้งแรก ก็ใหโ้ อกาสฝกึ อกี 2-3 ครง้ั นกั เรยี นอาจจะท�ำส�ำเรจ็ ก็ได้ 217

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด บอกให้ชัดเจนวา่ คาดหวังจะเหน็ พฤติกรรมแบบไหนในอนาคต มีอยู่ปีหน่ึง ฉันมีนักเรียนท่ีชอบขัดจังหวะการสอนอยู่เร่ือย เขาจะยืนข้ึน สูดจมูก เสยี งดงั เพ่ือใหโ้ พรงจมูกโล่ง แล้วเดนิ ข้ามห้องไปถ่มนำ้� ลายในถงั ขยะ เพราะเขาเปน็ นักเรียนท่ีประพฤติตัวดี ฉันจึงไม่ลงโทษ แต่เรียกตัวไปด้านข้างเพ่ือเตือนให้ท�ำตัว สุภาพข้นึ เขายืนกรานวา่ “แตผ่ มก็สุภาพอยู่แลว้ !” ฉนั ถามวา่ “เธอคดิ วา่ การเดนิ ขา้ มหอ้ งไปถม่ นำ�้ ลายในถงั ขยะ ตอนครพู ยายาม พูดกับนกั เรียนในชน้ั สุภาพหรือเปลา่ ” “สุภาพครบั ”เขาพูดอย่างจรงิ จัง “กผ็ มไม่ได้ถ่มนำ้� ลายลงพนื้ นี่นา” การสนทนาครงั้ นนั้ สอนวา่ ฉนั ตอ้ งเฉพาะเจาะจงมากขนึ้ เวลาสง่ั ใหน้ กั เรยี นท�ำอะไร ตอ่ ไปฉันจะไม่เตอื นนักเรียนด้วยถ้อยค�ำทีท่ �ำให้เขา้ ใจผดิ อกี คราวนฉ้ี ันอาจจะ พูดว่า “วางมือไว้บนโต๊ะ” หรือ “ถ้าอยากจะขว้างอะไร ให้ไปขว้างในที่ที่ควรจะขว้าง เท่านั้น เชน่ ในโรงยมิ ” ให้ค�ำ ติชมเชงิ บวกเมื่อนักเรียนปรับปรงุ พฤตกิ รรม ทุกคนตอบสนองต่อค�ำติชมเชิงบวก และนักเรียนเป็นพวกที่ตอบสนองดีมาก ถ้ามี เหตุอะไรที่ท�ำให้ต้องคุยเป็นการส่วนตัว ให้รับผลของการกระท�ำ หรือต้องลงโทษ พอจบเรื่องแล้วให้หาโอกาสชมเชยนักเรียนท่ีเคยท�ำตัวไม่ดี แต่ตอนนี้เปลี่ยน พฤตกิ รรมแลว้ โดยบอกใหร้ วู้ า่ คณุ สงั เกตเหน็ และชน่ื ชมทน่ี กั เรยี นปรบั ปรงุ ตวั หลงั จาก ขัดแย้งกับครู วัยรุ่นมักเช่ือว่า ครูจะไม่ชอบพวกเขาอีกแล้ว แม้จะเป็นเพียงเร่ือง เลก็ นอ้ ยกต็ าม ฉนั จงึ มกั เตอื นนกั เรยี นเสมอวา่ ฉนั ยงั ชอบพวกเขาอยใู่ นฐานะคนคนหนงึ่ แม้จะไมช่ อบพฤตกิ รรมของพวกเขา หมายเหต:ุ นกั เรยี นบางคนไมช่ อบใหค้ รชู มตวั เองตอ่ หนา้ เพอื่ นๆ แตจ่ ะไมว่ า่ อะไร ถา้ คณุ โทรไปเลา่ เรอื่ งดๆี ใหพ้ อ่ แมฟ่ งั หรอื สง่ จดหมายสนั้ ๆ บอกเขาวา่ คณุ รวู้ า่ เขาท�ำตวั ดี หรือจบั มอื เขา หรอื เขียนข้อคดิ เห็นดีๆ ไวต้ รงมุมกระดาษของงานท่เี ขาสง่ ครู 218

ใหน้ ักเรียนเรมิ่ ต้นใหมโ่ ดยไมร่ ้อื ฟนื้ ความผิดพลาดในอดีต ระเ ีบยบ... นอกจากใหค้ �ำตชิ มเชงิ บวกแลว้ ยงั ตอ้ งแนใ่ จวา่ นกั เรยี นเขา้ ใจแลว้ วา่ ความผดิ ทที่ �ำไป จะไม่ถาวร เช่นเดียวกบั ทเี่ ราปลอ่ ยอาชญากรออกจากเรอื นจ�ำหลงั ครบก�ำหนดโทษ เราต้องให้นักเรียนมีโอกาสแก้ตัว แน่นอน ยิ่งท�ำผิดรุนแรง ย่ิงต้องใช้เวลานาน กว่าคุณจะไว้ใจนักเรียนได้เต็มที่อีกคร้ัง แต่ถ้าแสดงให้เห็นชัดๆ ว่า คุณไม่ได้เก็บ เรอื่ งบาดหมางไว้ กเ็ ปน็ ไปไดม้ ากขนึ้ ทเี ดยี ววา่ นกั เรยี นจะรว่ มมอื ในอนาคต ตวั อยา่ ง เชน่ หลงั จากพานกั เรยี นเกเรออกไปคยุ สว่ นตวั ทนี่ อกหอ้ ง พอจบแลว้ เราจะจบั มอื กนั กอ่ นเขา้ หอ้ ง หลงั จากนนั้ ฉนั จะพยายามสบตานกั เรยี นคนนนั้ และอกี ไมก่ น่ี าทตี อ่ มา จะให้ข้อคิดเห็นเชิงบวกกับเขา วันต่อมาฉันจะทักทายเขาตอนเดินเข้าห้อง เพราะ ต้องการให้ทกุ คนในชัน้ ตระหนักวา่ ใครๆ ก็ท�ำผิดพลาดได้ แต่เมอ่ื รแู้ ล้ว ต้องแก้ไข เรียนรู้ และก้าวตอ่ ไป หาเหตผุ ลท่ีนักเรยี นยงั ท�ำพฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมซ�ำ้ ซาก ถ้าคุณลงโทษให้รับผลของการกระท�ำอย่างเดิมๆ ส�ำหรับพฤติกรรมไม่เหมาะสม แบบเดมิ อยรู่ ่ำ� ไป จะไม่มใี ครได้ประโยชน์อะไรเลยจากประสบการณ์น้ี และเสียเวลา อนั มคี า่ ของทกุ คน ถา้ เกดิ ปญั หาเดมิ ซำ�้ ในหอ้ งเรยี น แสดงวา่ นกั เรยี นก�ำลงั สง่ สญั ญาณ ทช่ี ดั เจนวา่ ตอ้ งการความชว่ ยเหลอื เฉพาะอยา่ ง การหาเหตผุ ลทนี่ กั เรยี นท�ำพฤตกิ รรม ซ�้ำซากอาจต้องใช้เวลาและความพยายามมาก แต่จะเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่ามาก หากการไปคยุ กบั นกั เรยี นแบบไมเ่ ปน็ ทางการ คยุ กนั สนั้ ๆ โดยไมม่ กี ารลงโทษ แลกเปลยี่ น ขอ้ คดิ เห็นในบนั ทึกประจ�ำวนั กบั นักเรยี น โทรไปคยุ กบั เขา หรือไปคุยกบั เพอ่ื นสนทิ ของนักเรียนคนน้ันแล้วเก็บเป็นความลับ หรือวิธีการอ่ืนๆ ท�ำนองนี้จะช่วยให้คุณรู้ สาเหตทุ ท่ี �ำให้นักเรยี นประพฤติตัวแบบนน้ั นักเรียนมกั จะประพฤติตัวไม่ดซี ้�ำ เพราะ อยากใหค้ รสู ง่ ตวั ไปคยุ กบั ครทู ป่ี รกึ ษาหรอื นกั จติ วทิ ยา หรอื อยากใหค้ รถู ามวา่ เกดิ อะไรขน้ึ ที่บ้าน ถ้าส่ือสารกับนักเรียนไม่ได้ ให้ถามคนอ่ืนท่ีอยู่แวดล้อม นักเรียนส่วนใหญ่ 219

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด มีครูคนโปรด โค้ช เลขา พนักงานขับรถ พนักงานรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ ต�ำรวจประจ�ำโรงเรียน ภารโรง หรอื ครูท่ปี รกึ ษาซึ่งอาจใหข้ ้อมูลคณุ ได้ เนน้ การใหร้ างวัลพฤติกรรมทด่ี ี ดว้ ยเหตผุ ลบางประการ เราชอบมองหาพฤตกิ รรมเชงิ ลบ และมกั จะเจอทกุ ครงั้ แตเ่ รา ฝึกตัวเองให้มองหาพฤติกรรมดีๆ ได้ ถ้าเน้นการให้รางวัลพฤติกรรมที่ดีแทนการ ลงโทษพฤติกรรมไม่ดี คุณจะสร้างพลวัตใหม่ในห้องเรียนขึ้นมา การให้รางวัลหรือ ชมเชยนกั เรยี นทม่ี นี ำ้� ใจไมใ่ ชก่ ารใหส้ นิ บน เพราะการใหส้ นิ บนเปน็ การตงั้ ใจลอ่ หลอก ให้คนท�ำเพ่ือรางวัลเท่าน้ัน แน่นอน เราไม่อยากสอนเด็กๆ ว่า จะได้รางวัลทุกครั้ง ทรี่ ่วมมอื หรือท�ำงาน เพราะเราจะไม่ให้ เนือ่ งจากไม่ใชว่ ิธีทป่ี ฏิบัติกนั โดยทัว่ ไป แต่ นักเรียนจะได้รางวัลแน่นอน ถ้าเป็นพลเมืองดี หรือเป็นคนท�ำงานท่ีประพฤติตัวดี มคี วามรบั ผดิ ชอบ และมนี ำ�้ ใจ เราทกุ คนลว้ นตอบสนองเชงิ บวกตอ่ ค�ำตชิ ม ทอี่ าจจะ มาในรปู ของการพดู ชมเชย การใหค้ ะแนนดๆี กบั โครงงานทน่ี กั เรยี นท�ำ การประเมนิ ผล การปฏิบัติงานว่าท�ำงานได้ดี การเลื่อนต�ำแหน่ง การได้เงินเดือนขึ้น ได้ใบรับรอง ความสามารถ ไดร้ างวลั ลกู จา้ งดเี ดน่ ประจ�ำเดอื น หรอื การยอมรบั แบบอน่ื ๆ บางครง้ั ผใู้ หญจ่ ะพดู วา่ “เราไมค่ วรใหร้ างวลั เดก็ ๆ” และฉนั จะถามวา่ “คณุ จะไปท�ำงานทกุ วนั หรอื เปล่า ถา้ ไม่เคยไดค้ ่าจ้าง” สง่ นักเรยี นไปหาครใู หญ่เมอื่ เป็นทางเลือกสุดท้ายเทา่ นั้น นานมากแล้วตอนฉันเปน็ เด็ก การถูกส่งตัวไปหอ้ งครใู หญ่เป็นเรอื่ งใหญ่มาก ครูใหญ่ จะตี พ่อแมจ่ ะตี และพ่นี ้องจะเลกิ คบเพราะท�ำใหค้ รอบครัวอับอาย ทกุ วันน้ถี ้าคุณ ส่งนักเรียนไปห้องครูใหญ่ กเ็ ป็นไปไดท้ ี่นักเรียนจะไม่ยอมออกจากห้องเรยี น หรอื ไม่ กห็ นเี รียนไปเลย และถงึ จะยอมไป ก็อาจจะใช้เวลาในหอ้ งคอยพบครใู หญห่ รือหอ้ ง กกั ตวั หลงั เลกิ เรยี น ผลดั กนั เลา่ เรอ่ื งข�ำขนั กบั นกั เรยี นคนอน่ื ทนี่ ง่ั อยดู่ ว้ ยกนั แลว้ อา่ น 220 หนังสอื การต์ นู แกป้ ริศนาค�ำศัพท์ หรือนง่ั จ้องผนังห้องเฉยๆ

พอนักเรียนหัวแข็งไปถึงห้องครูใหญ่ อาจจะเกิดผลต่างไปจากที่คุณตั้งใจไว้ ระเ ีบยบ... เพราะครูใหญ่ไม่สนับสนุนพวกครูเสมอไป แม้ส่วนใหญ่จะสนับสนุน แต่บางคนไม่ท�ำ แบบนน้ั นกั เรยี นมกั ไมแ่ ครว์ า่ จะสอบผา่ นวชิ าของคณุ หรอื จะเรยี นจบหรอื ไม่ พอ่ แมก่ ม็ กั ไม่ยอมรับความจริงและไม่รับผิดชอบต่อวิธีท่ีตัวเองเลี้ยงดูลูกๆ และในกรณีแย่ที่สุด นักเรยี นหรือครอบครวั อาจยกประเดน็ ทางกฎหมายมาฟ้องคุณ ไม่ว่าจะมีมลู เหตใุ ห้ฟอ้ ง หรือไมก่ ็ตาม เพื่อหลกี เลีย่ งปญั หาทแี่ ทจ้ รงิ เรอ่ื งความรบั ผิดชอบส่วนตัว นอกเหนือจากเหตุผลท่ีเห็นได้ชัดเจนแล้ว เหตุผลส�ำคัญท่ีฉันไม่ส่งนักเรียน ไปห้องครูใหญ่ก็คือ ฉันไม่ชอบวงจรของพฤติกรรมท่ีมักเกิดตามมา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เรา คาดหวังไว้ เช่น นกั เรยี นไม่ยอมรับผดิ ชอบต่อการกระท�ำของตัวเอง ไม่เรียนรู้จากความ ผดิ พลาด และไมต่ ง้ั ปณธิ านวา่ จะรว่ มมอื กบั ครใู นอนาคต สงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ มกั จะเปน็ แบบนี้ มากกวา่ เชน่ พอนกั เรยี นประพฤตติ วั ไมด่ ี คณุ กส็ ง่ ไปหอ้ งครใู หญ่ ผลทต่ี ามมาคอื นกั เรยี น โกรธหรืออับอายและพาลต�ำหนิคุณที่ท�ำให้เขารู้สึกแบบนั้น แถมยังต�ำหนิคุณที่ท�ำให้ เขาถูกครูใหญ่ลงโทษ นักเรียนต้องขาดเรียนหลายชั่วโมงหรือหลายวันซึ่งเป็นบทเรียน ส�ำคญั ในวิชาของคุณและวชิ าอน่ื ๆ จากน้ันนกั เรียนกก็ ลบั ห้องด้วยความรู้สกึ ขบขัน หรือ ยงั โกรธ หรือละอาย หรือกระตือรือรน้ ทจ่ี ะแกแ้ คน้ แล้วสุดทา้ ยคณุ กก็ ลับไปท่จี ดุ เรม่ิ ต้น ของวงจรนี้อกี ครั้ง คณุ ท�ำลายวงจรอนั ตรายนไ้ี ดด้ ว้ ยความเหน็ อกเหน็ ใจคนอน่ื กบั ความคดิ สรา้ งสรรค์ และเสนอทางออกใหม่ๆ ฉันขอแนะน�ำอีกคร้ังให้คณุ คิดถึงหัวอกของนกั เรยี นสักครู่เพ่อื เปลย่ี นมุมมองของตัวเอง ใหจ้ นิ ตนาการวา่ จะรสู้ ึกอย่างไร ถา้ หัวหน้าตอ่ ต้านพฤตกิ รรม ของคณุ และแทนทจ่ี ะอธบิ ายวา่ ท�ำไมจงึ คดั คา้ น แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ปญั หา และใหโ้ อกาสคณุ แกต้ วั เพอื่ เปลยี่ นพฤตกิ รรม หวั หนา้ กลบั เดนิ ผา่ นเพอ่ื นรว่ มงานของคณุ เข้าไปหอ้ งประธานบริษทั เพอ่ื ต�ำหนิคุณ น่อี าจจะฟงั ดไู รส้ าระ แตท่ ท่ี �ำงานก็ไม่ต่างจาก หอ้ งเรยี นเทา่ ไหร่ กเ็ หมอื นกบั คณุ เปน็ ประธานบรษิ ทั และนกั เรยี นเปน็ ลกู จา้ ง ซงึ่ มหี นา้ ท่ี เรียนรู้บทเรียน และต้องท�ำงานให้เสร็จเพื่อจะได้คะแนน แล้วได้เลื่อนชั้น หรือได้ใบ ประกาศนยี บตั ร พอนกั เรยี นท�ำผดิ หรอื ท�ำงานไรป้ ระสทิ ธผิ ล งานของคณุ คอื ตอ้ งแกไ้ ข 221

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ความผิดพลาดอย่างรวดเร็วโดยไม่ท�ำลายศักด์ิศรีของนักเรียนมากเกินจ�ำเป็น แน่นอน คณุ ตอ้ งท�ำเหมอื นทพี่ วกนายจา้ งท�ำ นน่ั คอื ตอ้ งจดั การกบั การกระท�ำผดิ ทรี่ า้ ยแรง แตใ่ ช้ วิธีที่ต่างไปจากการรับมือกับปัญหาประจ�ำวัน เช่น การมาสาย ไร้ประสิทธิภาพ ขี้ลืม และการมีเจตคตไิ ม่ดที ว่ั ๆ ไป 12 ข้นั ตอนที่จะทำ�ใหน้ กั เรยี นมรี ะเบียบวินัยดขี ้นึ “ทฤษฎียอดเย่ียมก็จริง แต่ฉันต้องการค�ำแนะน�ำที่เอาไปใช้ได้จริง” ครูสาวคนหน่ึง บอกฉันระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ช่วยบอกหน่อยว่า ฉันควรท�ำหรือพูด อะไรกับนักเรียนบ้าง” เพื่อตอบค�ำถามนี้ ฉันขอเสนอเทคนิค 12 ข้ันตอน ท่ีตัวเอง ใช้ได้ผลดีกับนักเรียนหลากหลายกลุ่ม ต้ังแต่วัยรุ่นที่มีปัญหา ไปจนถึงเด็กเรียนดีที่ ประสบความส�ำเรจ็ สงู เปน็ พเิ ศษ และก�ำลงั จะเขา้ มหาวทิ ยาลยั ขนั้ ตอนพวกนเี้ รยี งตาม ล�ำดบั ของพลังอ�ำนาจ เร่ิมจากปฏิกรยิ าตอบสนองที่ไม่โจ่งแจ้งเลยและแสดงอ�ำนาจ นอ้ ยทสี่ ดุ แลว้ พอมปี ระสบการณ์ กค็ อ่ ยๆ ดดั แปลงเพม่ิ เตมิ บางอยา่ งเขา้ ไป แตข่ น้ั ตอน ท้งั หมดน้ีจะเป็นจุดเรม่ิ ต้นทด่ี ีและพ้ืนฐานอนั ม่ันคงส�ำหรบั คณุ รวมทงั้ ให้โอกาสคณุ ไดฝ้ ึกและประเมินผลของเทคนคิ หลายๆ แบบด้วย 1. อย่าใส่ใจนกั เรยี นทที่ �ำความผดิ นกั เรยี นมกั จะแกลง้ แสดงพฤตกิ รรมบางอยา่ งเพอ่ื ดวู า่ ครจู ะตอบสนองอยา่ งไร ถา้ คณุ หงดุ หงดิ กงั วล หรอื โกรธงา่ ย พวกเขาจะใชป้ ระโยชนจ์ ากการทคี่ ณุ เกบ็ อารมณไ์ มอ่ ยู่ แต่ถ้าคุณเพิกเฉยกับพฤติกรรมแย่ๆ ที่ไม่รุนแรงนัก นักเรียนจะเลิกท�ำไปเอง เช่น บางคนอาจจะแกล้งกระซิบค�ำสบถหยาบคาย เพื่อดูว่าจะท�ำให้คุณหน้าแดงหรือ ตะโกนว่าหรือเปล่า ถ้าคุณแสดงอย่างชัดเจนว่าไม่ใส่ใจ นักเรียนจะเข้าใจว่า น่ีเป็น ห้องเรียนของครู และครูจะเป็นคนตดั สินใจว่า จะตอบสนองพฤติกรรมของนกั เรยี น เมื่อไหร่ และอย่างไร ถ้านักเรียนยังไม่เข้าใจ คุณก็มีทางเลือกอ่ืนอีกมากมาย ขอให้ 222 อ่านต่อไป

2. ส่งสารออกไปโดยไม่ตอ้ งพดู ระเ ีบยบ... เราทุกคนล้วนตอบสนองต่อภาษาท่าทาง จะว่าไป พวกที่ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ สว่ นใหญเ่ หน็ ตรงกนั วา่ รอ้ ยละ 80 ของการสอ่ื สารของมนษุ ยเ์ ป็นแบบไมใ่ ชค้ �ำพูด ใหใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากเครอ่ื งมอื อนั ทรงพลงั นโ้ี ดยใชก้ ารสบตา เปลยี่ นสมุ้ เสยี ง การวางทา่ และอากัปกริ ิยา ถ้าจ�ำเป็น ใหล้ องฝึกท�ำหน้ากระจกก่อน และเร่ิมด้วยการเรยี นรวู้ ิธี ส่งสายตาเตือน พลางคิดถึงการขู่ไปด้วย ขณะฝึกการเตือนนักเรียนแบบว่า “หยุด เดย๋ี วนน้ี ะ ไม่งัน้ เธอจะตอ้ งเสยี ใจสดุ ๆ ไปเลย” ความเงียบใช้ได้ผลกว่าการตะโกนมากๆ การพยายามตะโกนใส่นักเรียนเกเร มแี ตท่ �ำใหพ้ วกเขาเสยี งดงั หรอื ตนื่ เตน้ มากขนึ้ และท�ำใหค้ ณุ ดอู อ่ นแอ แตถ่ า้ คณุ ลดเสยี งลง อยา่ งกะทนั หนั และพดู ชา้ ๆ นกั เรยี นจะจบั ความเปลย่ี นแปลงไดท้ นั ที ลองจนิ ตนาการวา่ คุณก�ำลังพูดเน้นเสียงทีละค�ำ ซึ่งเป็นการส่งค�ำเตือนอย่างเงียบๆ และถ้าคุณหยุดพูด ตอนกลางประโยค และจอ้ งนกั เรยี นเขมง็ พวกเขาจะตอ้ งกลน้ั หายใจ หรอื แสดงความกงั วล ออกมาด้วยการเปลี่ยนท่าทาง ภายในชั่วพริบตา ความกังวลนั้นจะแพร่กระจายไปสู่ คนอ่ืนๆ ในห้อง และคุณจะรู้สึกถึงการเปลี่ยนพลังงานได้จริงๆ ปล่อยให้พลังงานนั้น แพร่กระจายสัก 2-3 วินาที แล้วสอนต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดข้ึน นักเรียนส่วนใหญ่ จะเข้าใจว่าคุณตอ้ งการอะไร นอกจากนั้นคณุ ยงั ใชก้ ารเคล่อื นไหวเพ่ือเตอื นนกั เรียนวา่ พฤตกิ รรมของตวั เอง ก�ำลงั เขา้ เขตอนั ตราย ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นพฤตกิ รรมบางคนแบง่ หอ้ งเรยี นเปน็ 3 เขต นน่ั คอื เขตแดง เหลือง และเขียว เวลาครูยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม แสดงว่า นักเรียนอยู่ในเขตสีเขียว และมีอิสระจะท�ำอะไรกไ็ ด้ พอครูเดินเข้าไปใกล้ จะกลายเป็นเขตสีเหลอื ง นักเรียนควร ระวังตัว (ลองคิดถึงปฏิกริยาของตัวเอง เวลามีรถต�ำรวจแล่นเข้ามาเทียบรถของคุณ บนทางหลวง) พอครูเขา้ ใกลจ้ นแตะตัวนักเรยี นได้ แสดงวา่ เข้ามาในเขตสีแดงแล้ว และ ตามปกตินักเรียนจะควบคุมพฤติกรรมของตัวเอง จนกว่าครูจะเดินจากไป ค�ำแนะน�ำ ตรงนี้ก็คือ ให้คอยเคลื่อนไหวเร่ือยๆ ครูที่เดินไปรอบห้องจะเจอปัญหาด้านพฤติกรรม นอ้ ยลงมากๆ เพราะนกั เรยี นจะมปี ฏกิ ริ ยิ าตอ่ ระยะหา่ งระหวา่ งตวั เองกบั ครโู ดยอตั โนมตั ิ ถา้ สมุ่ เปลย่ี นระยะหา่ งไปเรอ่ื ยๆ นกั เรยี นกน็ า่ จะควบคมุ พฤตกิ รรมของตวั เองมากยงิ่ ขนึ้ 223

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด 3. ใชอ้ ารมณข์ นั คลายเครียด เหตผุ ลทนี่ กั พดู ในทสี่ าธารณะเกง่ ๆ จ�ำนวนมากมกั เรม่ิ รายการดว้ ยเรอื่ งตลก กเ็ พราะวา่ พลวตั ทง้ั หมดในหอ้ งจะเปลย่ี นไป และคณุ อาจใชป้ ระโยชนจ์ ากเรอื่ งนนั้ มาคลายเครยี ด ระหวา่ งครูกบั นักเรยี นได้ (ใหย้ ้อนคิดถงึ การวจิ ัยเก่ียวกับการจงู ใจในบทที่ 5) ฉนั คน้ พบโดยบงั เอญิ วา่ อารมณข์ นั มปี ระโยชนแ์ คไ่ หน ตอนพยายามใหน้ กั เรยี น เกรด 11 เขยี นกลอนไฮกุ มเี ดก็ หวั แขง็ คนหนงึ่ ไมย่ อมเขยี น ไมย่ อมลอง และไมต่ อบสนอง ต่อการเกล้ียกล่อมใดๆ ฉันรู้ว่า ค�ำขู่ไม่มีทางจูงใจให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ จึงไม่ขู่ ฉนั นงั่ คุกเขา่ ประสานมือ และพดู วา่ “ครูเป็นหญงิ ชรา กรณุ าอย่าบังคับใหค้ รูออ้ นวอน เพราะไม่นา่ ดเู ลย และท�ำใหเ้ ข่าท่ชี ราภาพตอ้ งเจบ็ ปวด” เด็กชายส่ายหนา้ และกลอกตา ให้เพื่อนรว่ มชั้น แตอ่ ดยิ้มไม่ได้ พอฉนั ลกุ ขน้ึ และเดินจากไป เขากเ็ ริม่ เขยี นกลอนไฮกุ อกี ครง้ั หนงึ่ มนี กั เรยี นเชอื้ สายสเปน 2 คน ทอ่ี ยากเขา้ แกง๊ ทงั้ คสู่ วมแวน่ กนั แดด และเดินทอดน่องเข้ามาในห้อง ฉันรู้ว่าพวกเขาคาดว่า ครูจะส่ังให้ถอดแว่นและพร้อม จะมีเรื่อง แต่ฉันกลับเดินตามหลังพวกเขาและเริ่มร้องเพลงเป็นภาษาสเปนเบาๆ “Lo mucho que te quiero (ฉนั รกั เธอมากแคไ่ หน) Nunca hablo a ti con la mentira/ Siempre hablo a ti con la verdad/ Quisiera que olvides el pasado, que vuelvas a mi lado, que tengas compacion.” พวกเขาเริ่มหัวเราะซ่ึงท�ำลาย ภาพลกั ษณ์นกั เลงหัวไม้ไปจนหมดสนิ้ และพอฉนั เงยหน้ามองก็เห็นท้งั คพู่ ากันถอดแว่น 4. วางบตั รพฤติกรรมไว้บนโตะ๊ นกั เรียนหลายคนอาจจะไมต่ อบสนองกบั ค�ำสั่งทางวาจา เพราะเปน็ พวกท่ีเรยี นรู้ไดด้ ี เมอื่ เหน็ หรอื เมอื่ มกี ารเคลอ่ื นไหวท�ำใหด้ เู ปน็ ตวั อยา่ ง หรอื เพยี งเพราะเปน็ คนดอื้ ดา้ น บางที นกั เรยี นก็ลมื ไปเลยทั้งทค่ี รเู พิ่งเตือนไปหยกๆ ใหเ้ งยี บหรอื นั่งลง ฉะน้ัน ใหท้ �ำ บตั รพฤตกิ รรมดว้ ยบัตรดชั นีหลากสี เพ่อื ใหห้ าง่ายและดงึ ออกมาใชไ้ ดร้ วดเร็ว 224

ส�ำหรับเดก็ เลก็ ใหเ้ ขียนว่า หยดุ และคิด ตอนนฉ้ี นั ก�ำลงั ท�ำตัวอย่างไร ส�ำหรบั เดก็ โตใหเ้ ขยี นว่า พฤติกรรมทนี่ กั เรียนก�ำลังท�ำอยูเ่ ปน็ ส่ิงท่ยี อมรับไม่ได้ กรุณาสภุ าพใหม้ ากขนึ้ และเอาบัตรนม้ี าคืนครูดว้ ยตวั เองหลงั เลกิ เรยี น ทันทีที่นักเรียนเร่ิมจะก่อกวน ให้เดินไปหาและหย่อนบัตรไว้บนโต๊ะโดยไม่พูด ระเ ีบยบ... อะไร ถ้าก�ำลังสอนอยู่ ก็สอนต่อไป และยืนอยู่ใกล้ๆ สัก 2-3 วินาที ส่วนใหญ่นักเรียน จะหยดุ พฤตกิ รรมน้ัน ให้ทิ้งบัตรไว้บนโต๊ะเอาไวเ้ ตอื นนกั เรยี นทข่ี ี้ลมื ถ้าสอนหลายวชิ า หรือตอนจบกิจกรรมกับเด็กเล็กๆ ให้เลิกเรียนก่อนค่อยเก็บบัตรคืน เวลาเก็บบัตร ให้ ขอบใจนักเรยี นท่หี ยุดท�ำพฤติกรรมไมเ่ หมาะสม (แตถ่ า้ วางบัตรไว้ แล้วนกั เรียนเมินเฉย หรอื โยนบตั รทิง้ ลงพ้นื ใหด้ ูข้ันถดั ไป) 5. คยุ กับนกั เรียนส้ันๆ ถา้ ท�ำทา่ ใบ้ อารมณข์ นั และบตั รพฤตกิ รรมจงู ใจนกั เรยี นไมไ่ ด้ ใหพ้ านกั เรยี นไปคยุ กนั นอกหอ้ ง (หรอื หลงั หอ้ ง กรณมี เี ดก็ เลก็ ๆ หรอื มนี โยบายเขม้ งวดทหี่ า้ มนกั เรยี นยนื อยู่ ตามทางเดินหน้าห้อง) อย่ากงั วลกบั นักเรียนคนอ่ืนๆ ท่ีสนใจว่าเกิดอะไรขน้ึ และแม้ จะสง่ เสยี งดงั ไปบา้ งตอนคณุ ก�ำลงั คุยอยูท่ างเดินหน้าห้อง เพราะนกั เรียนมกั จะเงยี บ ไปเองเวลาครกู ลับเขา้ ห้อง ใหถ้ ามนกั เรียนท่มี ีปัญหาว่า ท�ำไมถึงกอ่ กวน ท้าทาย หรอื ดูหมิน่ หากมเี หตุผล ทีร่ บั ฟังได้ กต็ ้องหาทางแกป้ ญั หา แตถ่ า้ ให้เหตุผลไม่ได้ ก็ถามวา่ ครูท�ำอะไรใหไ้ มพ่ อใจ หรอื ดหู มนิ่ นกั เรยี นหรอื เปลา่ ถา้ เปน็ อยา่ งนน้ั กข็ อโทษและยน่ื มอื ใหเ้ ดก็ จบั แตถ่ า้ ไมไ่ ดท้ �ำ กบ็ อกให้นักเรยี นลองไตร่ตรองดู ตอ่ ไปนเี้ ปน็ ค�ำเตือนท่ีฉนั พดู กบั เดก็ (คณุ อาจจะเลือก เปลย่ี นค�ำบางค�ำส�ำหรับนักเรียนเลก็ ๆ ก็ได้ แตร่ กั ษาใจความส�ำคญั อนั เดมิ ไว)้ 225

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด นักเรียนมีสิทธิ์จะสอบตกในวิชาของครูได้ ถ้าอยากตกจริงๆ ให้เขียนไว้เป็น ลายลกั ษณอ์ กั ษรและเซน็ ชอื่ ก�ำกบั ไว้ ครจู ะไดเ้ กบ็ ไวใ้ นแฟม้ ใหน้ กั เรยี นกบั พอ่ แม่ ดูได้ ในอนาคตถ้าเกิดสงสยั เร่อื งเกรดขน้ึ มา ถ้าไมช่ อบกจิ กรรมท่คี รใู หท้ �ำ ครูก็ เสยี ใจ แตค่ รูเปน็ ครู และท่เี ลอื กงานชนิ้ นั้น เพราะเช่อื ว่าจะสอนใหน้ กั เรยี นได้รู้ ข้อมลู และทักษะส�ำคัญๆ แต่นักเรียนไมจ่ �ำเปน็ ต้องท�ำงานนน้ั เธอมีสิทธจ์ิ ะนัง่ เงียบๆ และไม่ตอ้ งท�ำอะไร แตไ่ มม่ สี ทิ ธขิ์ ดั จงั หวะการสอนของครู ไมม่ สี ทิ ธห์ิ า้ มคนอนื่ เรยี นรู้ หรอื ท�ำใหท้ กุ คน เสียเวลาไปกบั พฤตกิ รรมนา่ รังเกียจท่ีรบกวนผู้อ่นื ให้ถามนกั เรยี นว่า พร้อมจะกลบั เข้าชั้นและร่วมมอื หรอื ไม่ ถ้าพรอ้ ม ให้จับมือกับครู และสัญญาวา่ จะไม่ก่อกวนการเรยี นการสอนอีก (อย่าขา้ มขั้นตอนนี้ เพราะนกั เรียน ส่วนใหญ่จะรักษาค�ำสัญญาอย่างจริงจังมาก และถ้านักเรียนคนเดิมเริ่มจะก่อกวน อกี ครั้ง คุณจะหยดุ พฤติกรรมนัน้ ได้แนน่ อน โดยเตอื นเงยี บๆ ว่า “เธอสญั ญากบั ครู แลว้ นะ”) จากนน้ั กก็ ลบั ไปสอนตอ่ แลว้ ไมต่ อ้ งคดิ ถงึ เรอื่ งนนั้ อกี และถา้ นกั เรยี นท�ำตวั ดี ไปจนหมดคาบหรอื จนท�ำกจิ กรรมเสรจ็ กใ็ ห้ชมเชยเปน็ การสว่ นตัว นักเรยี นอาจจะ ยกั ไหลแ่ ละท�ำท่าเหมอื นไม่แคร์ โดยเฉพาะพวกวัยรนุ่ แต่เชอ่ื เถอะวา่ วัยรุ่นอยากได้ ค�ำชมแน่นอน เพยี งแตไ่ มย่ อมรบั เทา่ นั้น ถ้านกั เรียนทกี่ ่อกวนตัดสนิ ใจไม่กลับเขา้ ชน้ั เรยี น กต็ อ้ งท�ำขั้นตอ่ ไป 6. ให้เวลานอก เด็กก็เหมือนผู้ใหญ่ที่บางคร้ังต้องการเวลาอยู่คนเดียว เพื่อคิดอะไรให้ชัดเจน หรือ รวบรวมสติกลบั คืน บางครง้ั นักเรยี นอยากหนไี ปให้พน้ แรงกดดันของโรงเรยี น (หรือ ชวี ติ ) ถา้ ครง้ั แรกทชี่ วนแลว้ นกั เรยี นทก่ี อ่ กวนตดั สนิ ใจไมก่ ลบั เขา้ ชน้ั เรยี น อยา่ ไปบงั คบั ปล่อยให้ยืนอยู่หน้าประตูและเตือนว่า ถ้าหนี ครูจะต้องส่งตัวไปห้องครูใหญ่เพราะ นกั เรยี นหนเี รยี น และครชู ว่ ยอะไรไมไ่ ด้อีกแลว้ คุณต้องหนกั แนน่ แต่เมตตา ใหบ้ อก นกั เรยี นวา่ ครกู �ำลงั พยายามชว่ ยใหน้ กั เรยี นประสบความส�ำเรจ็ มากขน้ึ และควบคมุ ตวั เองไดอ้ ยา่ งยอดเยยี่ ม จากนน้ั ใหป้ ลอ่ ยนกั เรยี นจอมกวนไวค้ นเดยี ว เพอ่ื จะไดม้ เี วลา 226 ทบทวนพฤตกิ รรมของตัวเอง

เดินกลับเข้าห้องเงียบๆ และสอนต่อไป ขอบใจนักเรียนอื่นๆ ท่ีรอคอย และ ระเ ีบยบ... บอกว่า ครูชื่นชมความอดทนและความร่วมมือของนักเรียน (คุณอยากให้พวกเขา ตระหนกั วา่ ครจู ะใสใ่ จมากขนึ้ ถา้ นกั เรียนรว่ มมอื ไมใ่ ชก่ ่อกวน) บางครงั้ บางคราวในเวลาทสี่ ะดวกและนกั เรยี นคนอนื่ ก�ำลงั ยงุ่ ใหเ้ ดนิ ออกไปดวู า่ นักเรียนจอมกวนพร้อมจะคุยกับคุณหรือยัง ถ้ายัง ก็ปล่อยไว้ตรงน้ัน และถ้าจ�ำเป็น ใหป้ ล่อยไวจ้ นหมดคาบ หรือท�ำกิจกรรมเสร็จ หรือเลิกเรยี นในตอนเยน็ นักเรียนมักจะ เสแสร้งว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย และคุณก็ท�ำแบบนั้นได้เหมือนกัน มีอยู่ 1-2 คร้ัง ท่ีฉันปล่อยให้นักเรียนยืนอยู่นอกห้องตลอดคาบ แล้วทันทีท่ีเสียงออดดังขึ้นก็หายตัว ไปเลย แล้วกลบั มาเรียนในวนั ต่อไป และท�ำตัวดเี หมอื นเทวดาหรือนางฟา้ จริงๆ ก็ไมด่ ี ขนาดนั้นหรอก แตร่ ับรองวา่ ไมใ่ ชป่ ศี าจแน่นอน 7. กลับไปเช่อื มสมั พนั ธก์ ับนกั เรยี นอกี ครั้ง บางครงั้ ครกู บั นกั เรยี นกเ็ รมิ่ ตน้ กนั ผดิ ทา่ ซงึ่ ไมร่ เู้ หมอื นกนั วา่ เปน็ เพราะอะไร และจบลง ด้วยการเข้ากันไม่ได้เลย ครั้งหนึ่งมีนักเรียนมาสารภาพหลังจากเรียนไปได้หลาย สปั ดาหว์ า่ เธอเกอื บโดดเรยี นวชิ าของฉนั ในวนั แรกแลว้ เพราะ “ครมู องหนแู บบโหดๆ” ฉนั ยนื กรานวา่ ไมไ่ ดท้ �ำแบบนน้ั เพราะไมเ่ คยเจอหนา้ กนั มากอ่ น เธอจงึ พดู วา่ “หนรู คู้ ะ่ แต่ตอนเดินผ่านหน้าห้อง ครูมองหนูแบบโหดๆ” ฉันจ�ำเธอไม่ได้เลย แต่เธอคงเดิน ผา่ นหอ้ งตอนทฉี่ นั ก�ำลงั คดิ อะไรจรงิ จงั และหนา้ นวิ่ คว้ิ ขมวดเพราะใจจดจอ่ กบั เรอ่ื งนน้ั โชคดที ่ีพอรู้จกั กันแล้ว นักเรียนกร็ ู้วา่ ฉันไม่ใชค่ นใจรา้ ย แตต่ อ้ งใช้เวลาหลายสัปดาห์ กวา่ เธอจะรูส้ ึกเป็นมติ รกับฉัน ตวั อย่างนีย้ ืนยนั ความจริงทวี่ ่า คุณอาจจะไม่รู้วา่ ท�ำไมจงึ เขา้ กบั นักเรียนบางคน ไม่ได้ แต่ถ้าพบว่าตอ้ งคอยแก้ไขความผดิ ของนกั เรยี นคนเดิมซ้ำ� ๆ กอ่ นจะต�ำหนนิ กั เรยี น ใหถ้ อยกลับมาประเมนิ ความสัมพันธข์ องตวั เองกับนกั เรียนกอ่ น คณุ รักนักเรียนทุกคน ไม่ได้ และไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะชอบคุณ แต่คุณกับนักเรียนต้องเข้ากันให้ได้ เพื่อ ประโยชน์ของท้ังสองฝ่าย ถ้ารู้ตวั วา่ ไม่ชอบนกั เรียนบางคน หรอื เชือ่ มโยงกนั ไม่ได้ ก็ขึน้ กับตัวคุณเองท่ีจะเปล่ียนให้ดีขึ้น คุณมีสมุดคะแนนและอ�ำนาจ เพราะฉะนั้นจะเลือก เป็นคนใจดแี ละใจกวา้ งกไ็ ด้ ใหต้ ง้ั นักเรยี นเปน็ ผูช้ ว่ ยครใู นห้องเรียน และท�ำความรู้จัก 227

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด กนั นดิ หนอ่ ย ใชบ้ นั ทกึ ประจ�ำวนั สว่ นตวั เพอ่ื เขยี นตดิ ตอ่ สอ่ื ความกนั สง่ จดหมายนอ้ ยทม่ี ี เร่อื งเชงิ บวกใหพ้ อ่ แมข่ องนกั เรียน เพื่อชมเชยเวลานักเรียนท�ำเรื่องดีๆ มีเหตุผล หรือขอ ใหค้ รทู ปี่ รกึ ษามาเจอคณุ กบั นกั เรยี น เพอ่ื คยุ กนั อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ เพอ่ื พยายามเรยี นรู้ วธิ ที จี่ ะสอ่ื สารกนั ใหด้ ขี นึ้ บอกนกั เรยี นใหม้ าพบคณุ ทหี่ อ้ งตอนชว่ งพกั กลางวนั และท�ำให้ นักเรียนแปลกใจโดยเอาอาหารอร่อยๆ มาให้กินและน่ังคุยกัน นักเรียนไม่คาดหวังว่า จะได้ของขวญั หรอื ได้คยุ กับครู การท�ำแบบนจี้ งึ อาจช่วยละลายพฤตกิ รรมได้ เวลาเจอ นกั เรยี น ไมต่ อ้ งเรง่ รบี ใหท้ �ำตวั ตามสบาย ไมอ่ ยา่ งนนั้ นกั เรยี นจะพยายามถว่ งเวลา ถา้ รวู้ า่ คณุ มีเวลาแค่ 15 นาที หรือครึง่ ชั่วโมง เพราะอึดอัดทีจ่ ะคยุ กันอย่างจริงใจ การสนทนา อาจท�ำใหค้ ณุ รสู้ กึ ออ่ นแอ แตอ่ ยา่ คาดหวงั วา่ จะเหน็ ผลในทนั ที และอยา่ ทอ้ แท้ ถา้ นกั เรยี น ไม่ใสใ่ จทค่ี ุณพยายามจะคยุ และท�ำเป็นไมแ่ คร์ แตเ่ ชอื่ ฉนั เถอะ พวกเขาแครแ์ น่ แมแ้ ต่ วัยรุ่นก็แครเ์ ร่อื งน้ี อีกทางเลอื กหน่ึงคอื ถ้ามคี วามสมั พันธ์ที่ดีกับนักเรียน ใหห้ านักเรยี นท่ีคณุ ไวใ้ จ ไดว้ ่าจะไมไ่ ปเทีย่ วพูดเรื่องทคี่ ยุ กบั คณุ ถามอยา่ งระมดั ระวังว่า รู้ไหมว่า ท�ำไมนักเรียน จอมกวนคนนน้ั จงึ ท�ำตวั ไมด่ บี อ่ ยๆ ครงั้ หนงึ่ มเี ดก็ หญงิ คนหนงึ่ มาเลา่ วา่ มเี ดก็ ชายคนหนง่ึ ในชนั้ เรม่ิ ท�ำตวั ไมด่ หี ลงั จากคแู่ ฝดตายในอบุ ตั เิ หตุ “เขาไมเ่ คยท�ำตวั แยแ่ บบนน้ั มากอ่ นเลย” การทฉ่ี นั รบั รสู้ ถานการณน์ น้ั ไมไ่ ดท้ �ำใหพ้ ฤตกิ รรมของเขาเปลย่ี นไป แตช่ ว่ ยใหฉ้ นั เปลยี่ น ความเขา้ ใจและท่าทีของฉันกบั เขาแน่นอน 8. โทรหานกั เรยี นจอมปว่ น เยน็ วนั หนง่ึ หลงั จากเจอเรอื่ งหนกั ๆ มาทง้ั วนั ฉนั โทรไปหาพอ่ ของนกั เรยี นทพี่ ยายาม กวนอารมณ์ของฉันด้วยการผิวปากเบาๆ เป็นเสียงสูงที่น่าร�ำคาญนาน 90 นาที ในหอ้ งเรยี น แตพ่ ่อไม่อยู่บ้านและมีเสียงเด็กรบั โทรศัพท์ “หนรู ู้ใชไ่ หมวา่ ใครโทรมา” ฉนั ถาม เขากระซิบว่า “ครบั ” ฉนั พูดว่า “ครูผิดหวังมากกับพฤตกิ รรมของเธอในวันนี้ ครชู อบเธอ แตไ่ มช่ อบ สง่ิ ทเี่ ธอแสดงออกมา เพราะนา่ ร�ำคาญและกอ่ กวนการสอนของครู การเปน็ ครทู ด่ี สี �ำคญั 228 กับครมู าก และครไู ม่อยากให้เธอท�ำแบบน้นั อกี เธอจะท�ำไดม้ ั้ย”

เขาตอบวา่ “ได้ครบั ” ระเ ีบยบ... เด็กคนน้ันไม่ผิวปากอีกเลย และฉันก็ตระหนักว่า ได้เจอวิธียับยั้งพฤติกรรม ไมเ่ หมาะสมทใ่ี ชไ้ ดผ้ ลแลว้ จงึ เรม่ิ โทรหานกั เรยี นโดยตรงเพอื่ คยุ กนั เรอ่ื งพฤตกิ รรม สว่ นใหญ่ การโทรหานักเรียนได้ผลกวา่ โทรหาพ่อแม่มากทีเดยี ว เพราะนักเรียนตอ้ งรบั ผิดชอบตอ่ พฤติกรรมของตัวเองท้ังหมด แล้วพอท�ำตัวดีขึ้น ฉันมักจะโทรหาพ่อแม่ เพื่อเล่าว่าฉัน สนกุ แค่ไหนกับการทลี่ กู ๆ ของพวกเขาอยใู่ นชัน้ นักเรียนไมร่ ู้ว่าจะคดิ ยังไงดี จึงระวังตัว อย่ตู ลอดเวลาอย่างท่ีควรจะเป็น 9. ท�ำสญั ญากนั เช่นเดียวกับการใช้บัตรพฤติกรรมเป็นภาพเตือนท่ีได้ผลดีกับนักเรียนท่ีลืมค�ำส่ัง ด้วยวาจา สัญญาของนักเรียนก็เป็นเคร่ืองเตือนใจท่ีเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งใช้ได้ ผลกับนักเรียนที่สัญญาว่าจะร่วมมือเช่นกัน เราไม่จ�ำเป็นต้องท�ำสัญญาท่ีลงราย ละเอยี ดหรอื ตอ้ งใชแ้ บบฟอรม์ ครบู างคนใชก้ ระดาษทมี่ หี วั จดหมายโรงเรยี นมาท�ำให้ สญั ญาดเู ปน็ ทางการ แตท่ ง้ั หมดทตี่ อ้ งท�ำกแ็ คเ่ ตมิ ค�ำลงไปในชอ่ งวา่ ง ครบู างคนขอให้ นักเรียนเขยี นข้อตกลงว่าจะปรับปรงุ พฤติกรรมอะไร และถา้ ละเมิดสัญญา จะมผี ล ร้ายแรงตามมาอย่างไร การเสรมิ แรงเชงิ บวกท�ำใหเ้ กดิ ผลเรว็ ขน้ึ และมผี ลอยนู่ านขน้ึ กบั พฤตกิ รรม สญั ญา เชิงบวกท�ำให้นักเรียนร่วมมือเร็วขึ้นและมีความสัมพันธ์กับครูดีข้ึน แทนที่จะเขียนว่า หา้ มนกั เรยี นท�ำอะไรบา้ ง ใหเ้ ขยี นรายการทนี่ กั เรยี นควรท�ำ และถา้ เปน็ ไปไดใ้ หเ้ อารางวลั ท่ีไม่ใช่สินบนให้เด็กด้วย เช่น ถ้านักเรียนไม่ละเมิดสัญญาได้ถึง 30 วัน จะได้คะแนน ความประพฤติดี 10 คะแนน แลว้ ยกเลกิ สญั ญาทีเ่ คยท�ำ ลองคิดดูว่า คณุ จะตอบสนอง ดีแคไ่ หน ถา้ ต�ำรวจจราจรไมอ่ อกใบสัง่ แตใ่ ห้เวลาคุณ 30 วัน พิสูจนต์ ัวเองวา่ สามารถ ขับรถอยา่ งปลอดภัยได้ ขอบันทึกไว้หน่อยว่า ฉันชอบการสัญญาด้วยค�ำพูดและการจับมือมากกว่า เพราะเป็นวธิ ีทใ่ี ชไ้ ดผ้ ลส�ำหรบั ตวั เอง 229

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด 10. ขอก�ำลังสนบั สนนุ บางคร้งั แมแ้ ตค่ รูทด่ี ที ่ีสุดยงั หนักใจกบั นกั เรียนหวั แข็ง ถ้าขนั้ ตอน 9 ข้ันแรกล้มเหลว และนักเรียนก็ยังไม่เลิกก่อกวน อย่ามัวเสียเวลาต�ำหนิตัวเอง เพราะเห็นชัดเจนว่า ปญั หาน้ีใหญเ่ กินกวา่ เร่ืองบุคลกิ ภาพขัดกนั หรอื พฤตกิ รรมไม่เหมาะสมท่ีท�ำจนเป็น กิจวัตร อย่าเสียเวลาโต้เถียงหรือบ่นเร่ืองไม่เป็นเรื่อง ให้ขอก�ำลังสนับสนุนดีกว่า โดยไปพบครูใหญ่ และขอค�ำแนะน�ำกับการสนับสนุน ขอให้จัดประชุมระหว่างคุณ กับครูใหญ่และนักเรียนเพื่อแก้ปัญหา โทรไปหาพ่อแม่หรือผู้ปกครองเพื่อขอความ ชว่ ยเหลอื หรือขอใหม้ าคุยกนั ถ้ายงั ไมร่ ว่ มมอื หรอื หลังจากคุยกนั แลว้ คณุ สงสัยวา่ พอ่ แมอ่ าจจะมีสว่ นท�ำให้เดก็ ประพฤตไิ มด่ ี ใหด้ วู า่ พอจะหาญาติทเี่ ปน็ ผใู้ หญห่ รือพี่ ของนักเรียนได้ไหม หรือไปคุยกับพนักงานขับรถและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัย ของโรงเรียน เพราะบางคร้ังเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนสนิทกับนักเรียนท่ีไม่อยากเรียน มากกวา่ ครู ไปปรึกษาครทู ่ปี รึกษาและนกั จิตวิทยา หรือขอให้โคช้ ชว่ ยใหค้ �ำปรกึ ษา แก่นักเรียน ถ้าท่ีโรงเรียนหรือในชุมชนมีโปรแกรมการให้ค�ำปรึกษา ก็ไปขอความ ช่วยเหลอื ฉกุ เฉนิ (แต่ถา้ หาโปรแกรมแบบน้ไี มเ่ จอ กต็ อ้ งดูวา่ มีโปรแกรมและบริการ ด้านสังคมอยา่ งอนื่ หรอื ไม)่ 11. ขอยา้ ยนกั เรียนไปห้องอ่นื ให้ถามครทู ปี่ รกึ ษาว่า จะเตม็ ใจรับนกั เรยี นจอมกวนมานัง่ ท�ำงานในหอ้ งด้วยได้ไหม ครง้ั หนึ่ง มีครูใหญท่ ี่ยอมเอาหัวโจกตัวป่วนไปชว่ ยดูแลใหต้ อนฉันก�ำลงั สอน แต่ถา้ ไมม่ ที างเลอื กแบบน้ี และโรงเรยี นใหญพ่ อทจ่ี ะมคี รคู นอน่ื ทสี่ อนชนั้ เดยี วกนั กไ็ ปคยุ วา่ จะเต็มใจยอมรับนักเรียนจอมกวนไปอยู่ในห้องได้หรือไม่ แน่นอน ครูไม่มีอ�ำนาจ ยา้ ยนักเรยี นได้เอง แต่ถา้ ทัง้ ค่ตู กลงกนั ได้ ฝา่ ยบรหิ ารมักจะอนุมตั ติ ามค�ำขอ สว่ นใน โรงเรยี นขนาดเลก็ ทย่ี า้ ยนกั เรยี นไมไ่ ด้ กต็ อ้ งหาเพอ่ื นครทู มี่ นี กั เรยี นตวั ปว่ นเหมอื นกนั แล้วตกลงแลกนกั เรียนกันสกั ชว่ งหน่ึงในแตล่ ะวนั อาจจะแค่ 10 นาที กไ็ ด้ เพอื่ ให้ ครูกับนกั เรยี นหา่ งกนั สกั พกั 230

12. ขอย้ายนักเรยี นที่ท�ำผดิ ระเ ีบยบ... มีเหตุผลหลายประการท่ีท�ำให้คุณต้องติดแหงกกับนักเรียนเกเรท่ีหมดทางแก้ เช่น ในโรงเรียนขนาดเล็กทีม่ ีทางเลอื กจ�ำกัด ฝา่ ยบริหารไม่สนบั สนนุ พ่อแม่ไมร่ ่วมมอื หรอื ไมร่ บั ผดิ ชอบ หรอื คณะกรรมการบรหิ ารโรงเรยี นในทอ้ งถ่นิ ใช้แนวทางทีไ่ มย่ อม ยดื หยนุ่ ถา้ หมดหนทางหลงั จากลองท�ำทกุ วธิ ที ค่ี ดิ ออกแลว้ นกั เรยี นกย็ งั ไมเ่ ลกิ กอ่ กวน การเรยี นการสอน และฝา่ ยบรหิ ารก็ไม่ยอมย้ายนักเรยี นออกจากห้อง คณุ ก็ตอ้ งย้าย นกั เรยี นเองแบบไมเ่ ปน็ ทางการ ฉนั ใชว้ ธิ นี ไี้ ดผ้ ลมาแลว้ และแนะน�ำครทู สี่ นิ้ หวงั คนอน่ื ซึ่งกลบั มาเลา่ ว่า พอเอาไปใชแ้ ลว้ ก็ได้ผลดเี ชน่ กัน แตอ่ ย่าไปเล่าให้ใครฟังจะดกี วา่ อนั ดบั แรก ใหท้ �ำแฟม้ งานส�ำหรบั นกั เรยี นเจา้ ปญั หา โดยเอางาน 2-3 ชน้ิ ทต่ี งั้ ใจวา่ จะให้ท�ำในห้อง และเขียนค�ำอธิบายกิจกรรมหรือโครงงานพิเศษส้ันๆ แต่ได้ใจความ ครบถ้วน แล้วไปถามบรรณารักษ์ว่า ถ้านักเรียนท�ำตัวดีในห้องสมุด จะอนุญาตให้นั่ง ท�ำงานตามล�ำพังในน้ีได้ไหม ถ้าบรรณารักษ์ยินยอม ก็อธิบายต่อไปว่า จะให้นักเรียน เอาบตั รอนญุ าตมาดว้ ยทกุ วนั แลว้ ใหบ้ รรณารกั ษเ์ ซน็ ชอื่ และระบเุ วลาทน่ี กั เรยี นเขา้ ออก จากหอ้ งสมดุ (ถา้ ในโรงเรยี นไมม่ หี อ้ งสมดุ หรอื บรรณารกั ษไ์ มร่ ว่ มมอื กไ็ ปหาครทู ป่ี รกึ ษา โค้ช ผู้บริหาร หรือครูที่ควบคุมดูแลนักเรียนได้ และตกลงร่วมกันว่าจะทดลองใช้วิธีน้ี ตามเวลาและสถานทที่ ีช่ ่วยกันก�ำหนด ถา้ หาทไี่ มไ่ ด้ ใหต้ ้งั โตะ๊ ตรงนอกประตหู อ้ งเรียน แล้วให้นักเรียนนั่งท�ำงานตรงนั้น ถ้าเขาลุกจากโต๊ะไปเตร็ดเตร่ท่ีอ่ืน แสดงว่าละเมิด นโยบายของโรงเรียน และคณุ ตอ้ งสง่ ตวั ไปหาฝา่ ยปกครอง) อยา่ บอกหรอื เตอื นลว่ งหนา้ วา่ คณุ จะท�ำแบบนี้ แคเ่ รยี กนกั เรยี นออกไป สง่ แฟม้ ให้ และอธบิ ายว่าจะตอ้ งท�ำงานเองใหเ้ สรจ็ เอากระดาษค�ำสั่งที่เขียนว่า คณุ คาดหวังจะให้ นกั เรยี นท�ำตวั อยา่ งไรในหอ้ งสมดุ (หรอื ในทอ่ี นื่ ๆ) ใหอ้ า่ น บอกขนั้ ตอนการเซน็ ชอ่ื ในบตั ร อนญุ าต และย้ำ� ว่า ต้องรบั ผดิ ชอบเอางานกลับมาส่งเม่ือท�ำเสร็จในตอนหมดคาบของ แต่ละวัน อย่าเถียงกับนักเรียน แค่ยื่นแฟ้มให้ พาไปส่งท่ีประตู ปิดประตู แล้วกลับมา สอนนกั เรยี นทร่ี ่วมมือตอ่ ไป ถ้านกั เรยี นทก่ี อ่ ปัญหาตดั สนิ ใจจะไม่มาเรียน ก็แคท่ �ำรายงานสง่ ฝา่ ยปกครอง แลว้ ปลอ่ ยใหเ้ ปน็ หน้าทีข่ องฝ่ายปกครองรับมือกับนักเรียนแทน ถ้านกั เรียนยอมท�ำตาม 231

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ค�ำสั่ง ก็ท�ำแบบนี้ต่อไปให้นานที่สุดเท่าท่ีจ�ำเป็น คร้ังหนึ่งฉันต้องย้ายนักเรียนออกไป ทงั้ เทอม และขอเสรมิ วา่ วนั ทฉ่ี นั หมดความอดทน และยา้ ยเขาออกจากชน้ั เรยี น มหี ลายคน แวะมาขอบคุณทีท่ �ำแบบน้นั เพราะท�ำให้พวกเขาไดเ้ รยี นเสยี ที เนอ่ื งจากเดก็ เกเรคนน้นั ไปข่มขู่เด็กชายบางคน และคุกคามเด็กหญิงบางคนทางเพศ แต่ทุกคนกลัวจนไม่กล้า ยนื่ เรอ่ื งรอ้ งทกุ ขอ์ ยา่ งเปน็ ทางการ เพราะเดก็ เกเรเปน็ ขาใหญใ่ นทมี ฟตุ บอลของโรงเรยี น ท่ีได้รางวัลชนะเลิศ แนน่ อน เปน็ ไปไดว้ า่ ผบู้ รหิ าร (หรอื ทนี่ า่ เศรา้ คอื พวกเพอื่ นคร)ู จะคดั คา้ นขนั้ ตอน ฉกุ เฉนิ ทคี่ ณุ ใหน้ กั เรยี นไปท�ำงานเองตามล�ำพงั ถา้ เปน็ แบบนนั้ ใหอ้ ธบิ าย (และตดิ ตามผล ดว้ ยจดหมายสรปุ การสนทนาทใี่ ชเ้ ปน็ หลกั ประกนั เผอ่ื วา่ บางคนจะรายงานเรอ่ื งของคณุ ไปยังเขตพื้นท่ีการศึกษา) ว่า ได้ลองท�ำทุกทางที่ถูกกฎหมายแล้ว แต่นักเรียนเกเรก็ยัง ก่อกวนจนคุณสอนไม่ได้ และนักเรียนคนอื่นก็เรียนไม่ได้ ให้ระบุวันที่และจ�ำนวนคร้ัง ทเี่ คยขอใหผ้ บู้ รหิ ารสนบั สนนุ หรอื ชว่ ยเหลอื แสดงส�ำเนาของแบบฟอรม์ การสง่ ตวั นกั เรยี น ทม่ี ปี ญั หาดา้ นระเบยี บวนิ ยั บทสรปุ การประชมุ ทกุ ครง้ั และวนั ทก่ี บั จ�ำนวนครง้ั ทโี่ ทรไปหา หรอื การประชุมร่วมกับพ่อแมข่ องเด็กคนนัน้ ถา้ จ�ำ เป็นต้องกักตวั นกั เรยี นไว้หลังเลกิ เรยี น ก็ตอ้ งทำ�ให้ไดผ้ ลคมุ้ ค่า โรงเรยี นบางแหง่ ยนื กรานวา่ จ�ำเปน็ ตอ้ งมศี นู ยก์ กั ตวั หลงั เลกิ เรยี น และหลายโรงเรยี น กส็ ง่ั ใหค้ รผู ลดั กนั ควบคมุ ดแู ลการกกั ตวั หลงั เลกิ เรยี น ถา้ โรงเรยี นของคณุ เปน็ แบบนน้ั และคุณโน้มน้าวใหผ้ ้บู รหิ ารหรอื เพอื่ นครลู องวิธีอืน่ ไมไ่ ด้ ก็ตอ้ งใชป้ ระโยชนจ์ ากการ กกั ตัวหลงั เลิกเรียนให้มากทสี่ ดุ แทนท่ีจะแค่บงั คบั ใช้กฎหา้ มคยุ กัน หรอื ท�ำกจิ กรรมท่เี สียเวลา เช่น ให้นกั เรยี น หาค�ำท่ซี อ่ นอยูใ่ นปริศนา (ซ่ึงเป็นกจิ กรรมยอดนยิ มส�ำหรบั เดก็ ทถ่ี กู กกั ตัวหลงั เลกิ เรียน ดว้ ยเหตผุ ลแปลกๆ บางประการ) ก็เปลย่ี นเป็นการหาบทความทนี่ า่ สนใจส�ำหรับเดก็ ๆ ซึ่งไม่จ�ำเป็นต้องน่าสนใจส�ำหรับผู้ใหญ่ นักเรียนของฉันตอบสนองอย่างกระตือรือร้น ตอ่ บทวจิ ารณ์ภาพยนตรย์ อดนยิ ม สารคดเี กย่ี วกับนกั กีฬาทเ่ี ปน็ ดาวเด่น หรอื เรอ่ื งของ 232 นกั ดนตรี เรยี งความเกย่ี วกบั ประเดน็ ทยี่ งั ขดั แยง้ กนั อยู่ เชน่ ยเู อฟโอ ลายสกั และการเจาะ

สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย แบบทดสอบดา้ นจติ วทิ ยารว่ มสมยั บทความเกยี่ วกบั การชว่ ยเหลอื ระเ ีบยบ... ตวั เอง การวเิ คราะหล์ ายมอื ความส�ำเรจ็ ในการออกเดต การจดั การความโกรธ วธิ ที �ำตวั เป็นคนยอดนิยม ฯลฯ อย่าบังคับว่าจะต้องอ่านถ้าในห้องมีแต่นักต่อต้านวัยเยาว์ แค่แจกเอกสารให้ และพดู วา่ “นเ่ี ปน็ เรอ่ื งบางอยา่ งทน่ี า่ สนใจทเ่ี ราจะอา่ นกไ็ ด”้ จากนนั้ ใหเ้ วลาดสู กั 2-3 นาที แล้วเริ่มอา่ นบางสว่ นในบทความให้ทกุ คนได้ยิน นักเรยี นบางคนจะเริ่มอ่านตาม แม้จะ แกลง้ ท�ำเปน็ ไมใ่ สใ่ จคณุ ถา้ มใี ครแสดงทที า่ วา่ สนใจ ใหข้ ออาสาสมคั รออกมาอา่ น แตถ่ า้ ไม่มีใครอาสา ก็อ่านบทความทั้งหมดเองให้ทุกคนฟัง แล้วกระตุ้นให้นักเรียนแสดง ความคิดเห็น แต่ถ้าไมม่ ใี ครอยากพดู อะไร กอ็ ยา่ เก็บมาเปน็ อารมณ์ เพราะในหอ้ งกักตวั อาจจะมนี กั เรยี นอันธพาลท่ีน่ารงั เกียจอยดู่ ้วย และหลายคนก็ไม่อยากท�ำตวั เปน็ จดุ เดน่ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่สนใจ พูดเองไปเลยว่า คิดอย่างไรกับเร่ืองนี้ จากน้ัน ก็เก็บเอกสารคืน แล้วปล่อยให้นักเรียนนั่งเฉยๆ ต่อไป แต่การนั่งเฉยๆ น่าเบื่อสุดๆ ฉะน้ัน บางคนจะเริ่มคิดเรื่องท่ีคุณเพ่ิงอ่านให้ฟัง และบางคนอาจจะเกิดแรงบันดาลใจ จนคดิ ต่อเนื่องหลายนาที ซึง่ ถอื เปน็ จดุ เร่ิมตน้ ทีด่ ี ระวังใหด้ ี เพราะความพยายามกระตุ้นใหน้ กั เรยี นคดิ อาจจะส่งผลตรงข้ามกบั ที่ตั้งใจไว้ก็ได้ ครูคนหนึ่งเล่าว่า พอเร่ิมใช้บทเรียนจิตวิทยาสั้นๆ และการอภิปรายเพื่อ พฒั นาทกั ษะดา้ นสังคมกบั พวกท่ถี กู กกั ตัวหลังเลิกเรยี น นกั เรยี นมักจะบน่ พอไดย้ นิ เสยี ง ออดหมดคาบ แต่พอผ่านไป 2-3 สัปดาห์ นักเรียนบางคนเริ่มขอให้ครูส่งไปห้องกักตัว เพราะสนุกกับบทเรียนของครคู นนมี้ ากๆ! เกบ็ บนั ทกึ ไม่ว่าจะเลือกใช้นโยบายด้านพฤติกรรมแบบไหนก็ตาม ขอให้ท�ำแฟ้มปัญหาด้าน ระเบยี บวนิ ัย จดบนั ทึกความพยายามที่ได้ชว่ ยนักเรียนไปแล้ว พร้อมลงวันที่ทมี่ ีการ ลงโทษทางวนิ ยั แตล่ ะครงั้ ถา้ นกั เรยี นไมไ่ ดแ้ สดงพฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสมอยา่ งรา้ ยแรง หลายๆ ครงั้ จนกลายเปน็ รปู แบบประจ�ำตวั กไ็ มจ่ �ำเปน็ ตอ้ งบนั ทกึ การคยุ กนั แบบสนั้ ๆ และการให้เวลานอก แต่ถ้าเริ่มท�ำตัวไม่ดีซ้�ำๆ แสดงว่า นักเรียนเจตนาก่อปัญหา 233

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด กต็ อ้ งบนั ทกึ ทกุ อยา่ งไวใ้ นเอกสาร ไมว่ า่ จะเปน็ ค�ำเตอื น บตั รพฤตกิ รรม การโทรศพั ท์ จดหมายทสี่ ง่ ใหพ้ อ่ แม่ การส่งตัวไปห้องครูใหญ่ (นกั เรียนอาจจะหายตวั ไประหว่าง เดนิ ไปหอ้ งครูใหญ่ หรอื ปลอมลายเซน็ ในบตั รอนญุ าต) และบันทึกการสนทนาและ การขอความช่วยเหลือจากผู้บริหารและเพื่อนครู เพราะบันทึกน้ีจะเป็นหลักฐาน ในเหตุการณ์ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาทางกฎหมายเลย แต่ดันเป็นเร่ืองขึ้นมาจนได้ นอกจากนั้นยังช่วยให้คุณประเมินตัวเองว่า เร่ิมจะเครียดเกินไปและอารมณ์ร้อน ตอนให้คะแนนนักเรยี น หรอื ตอนขนึ้ บทใหม่ อย่างนนั้ เป็นประจ�ำหรือไม่ ปรกึ ษาผเู้ ชย่ี วชาญได้ แตต่ อ้ งเชอ่ื สญั ชาตญาณของตวั เองดว้ ย ตรวจสอบหนทางตา่ งๆ และส�ำรวจทางเลอื ก กอ่ นตดั สนิ ใจวา่ จะใชโ้ ปรแกรมระเบยี บ วนิ ยั แบบไหน หาวธิ ที ส่ี มเหตผุ ลและเหมาะกบั รปู แบบการสอนของตวั เอง อยา่ ไปเอากฎ ของคนอื่นมาใช้เพียงเพราะคิดว่าควรจะมีกฎ เด็กๆ มีสัญชาตญาณท่ีจะเข้าใจว่า ผู้ใหญ่จริงใจหรือไม่ และถ้านักเรียนจับได้ว่า คุณไม่จริงใจ และพยายามบังคับให้ นกั เรยี นท�ำตามขอ้ พงึ ปฏบิ ตั ดิ า้ นพฤตกิ รรมทต่ี วั คณุ ไมไ่ ดส้ นบั สนนุ จรงิ ๆ กร็ บั รองไดเ้ ลย วา่ จะไม่มีใครในห้องเรียนท�ำตามกฎนัน้ รวมทง้ั ตวั คุณด้วย หลงั จากขอค�ำแนะน�ำจากอาจารย์กบั เพือ่ นร่วมงาน และค้นคว้าหาวิธีเองแล้ว ถ้ายังไม่รู้อยู่ดีว่า จะท�ำอะไรกับระเบียบวินัยในห้องเรียน ก็อาจจะเร่ิมท�ำตามกฎทอง สมัยใหมท่ บ่ี อกว่า ถา้ อยากใหใ้ ครปฏบิ ตั ติ ่อเราอย่างไร กต็ อ้ งท�ำอย่างนน้ั กบั คนอน่ื ด้วย ฉะนั้น อย่าเพียงแค่ติดกระดาษที่เขียนกฎไว้ในห้อง แต่ตัวคุณต้องท�ำตามกฎน้ันด้วย ปฏิบัติต่อนักเรียนเหมือนที่อยากให้พวกเขาปฏิบัติต่อคุณ ซึ่งอาจจะท�ำได้ช้าสักหน่อย ในตอนแรก และนักเรียนบางคนอาจจะต้องออกจากห้องไปชั่วครู่สัก 1 คร้ัง (หรือ 2 หรือ 3 คร้ัง) แต่ถ้าคุณเคารพนักเรียนอย่างจริงใจ และรักษามาตรฐานพฤติกรรมท่ีสูง ของตัวเองไว้ได้ ในที่สุดนกั เรียนจะยอมรบั และสุดทา้ ยคณุ จะเจอวิธีทใ่ี ช้ได้ผลกับตัวคุณ และนักเรียน 234

มโี ปรแกรมยอดนยิ มมากมายทพ่ี วกครแู นะน�ำ เชน่ Love and Logic (ความรกั ระเ ีบยบ... กบั เหตผุ ล) Positive Discipline (การสรา้ งระเบยี บวนิ ยั เชงิ บวก) และ Discipline with Dignity (การสร้างระเบียบวินัยอย่างมีศักดิ์ศรี) นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ที่ฉันสอน ชอบอา่ นบทความในเว็บไซต์ต่างๆ และเลือกท่ตี ัวเองชอบ บางคนบ่นเรือ่ งการท�ำการค้า ของเวบ็ ไซต์ นกั ศกึ ษาทเี่ รยี นทางออนไลนค์ นหนง่ึ เขยี นวา่ “ฉนั ตอ่ ตา้ นการอา่ นบทความ ตา่ งๆ ในเวบ็ ไซต์พวกน้นั เพราะรงั เกียจโฆษณาทเี่ ชิญชวนใหซ้ ือ้ อะไรตอ่ มอิ ะไร แต่หลัง จากอา่ นข้อคิดเห็นเชงิ บวกทน่ี กั ศกึ ษาคนอืน่ ๆ โพสต์เอาไว้ ฉนั จึงลองอ่านดูอกี ครงั้ และ ได้ค�ำแนะน�ำที่เป็นประโยชน์จริงๆ และพอคิดดูแล้ว ฉันว่าพวกครูก็น่าจะดีใจที่ได้ค�ำ แนะน�ำฟรๆี นะ จะวา่ ไป” ถ้าเจอนักเรียนเกเรมากเกินไปในห้องที่แก้ไขพฤติกรรมไม่ได้แล้ว และชอบ ความรนุ แรง แถมไมช่ อบคณุ แนน่ อน ขอใหอ้ ดทนไว้ และแขวนปฏทิ นิ ไวใ้ นหอ้ งนำ�้ ตรงท่ี คุณจะเห็นได้ตอนแปรงฟันก่อนเข้านอนในแต่ละคืน เพื่อเป็นภาพเตือนใจท่ีรอดมาได้ อกี วนั หนงึ่ อยา่ สนิ้ หวงั อยา่ เกบ็ การกระท�ำของนกั เรยี นมาเปน็ อารมณ์ พวกเขาจะทรมาน ครูคนอ่ืนเหมือนท่ีท�ำกับคุณ เลิกรู้สึกผิด หรือคิดว่าตัวเองไม่มีค่า ครูส่วนใหญ่เคยเจอ “ชว่ งปีแย่ๆ แบบนัน้ มาแล้วครั้งหนง่ึ ” แผนสลายหายนะในยามฉุกเฉนิ บางคร้งั บางคราวมีเรอื่ งมากมายสมุ เขา้ มาจนท�ำใหค้ รูหมดความอดทน แม้แต่ครูทดี่ ี ท่ีสุดก็ยังน็อตหลุดได้ในบางสภาพ พอรู้สึกว่าครูใกล้จะถึงจุดแตกหักแล้ว นักเรียน สกั สองสามคนทเ่ี หน็ อกเหน็ ใจครอู าจจะยอมท�ำตวั ดๆี แตส่ ว่ นใหญจ่ ะมงุ่ มน่ั ท�ำลายครู ใหจ้ นได้ ซึ่งเกิดขน้ึ แมก้ บั คนที่ไมไ่ ด้รา้ ยหรอื ไรค้ วามรู้สึก อันเปน็ ผลมาจากสว่ นผสม เฉพาะและพลวตั ของกลุม่ ทอี่ ย่เู หนือการควบคมุ ของคุณ ฉันยังจ�ำได้ว่ามีครูสาวคนหน่ึงที่เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์ 7 ปี ที่ประสบ ความส�ำเรจ็ กบั การสอนเดก็ หอ้ งเกง่ ในโรงเรยี นมธั ยมทแี่ คลฟิ อรเ์ นยี ทกี่ �ำลงั จะเขา้ มหาวทิ ยาลยั นกั เรยี นพากนั ชนื่ ชมครู และพวกทเ่ี รยี นจบไปแลว้ มกั จะกลบั มาขอบคณุ วนั หนงึ่ มนี กั เรยี น คนหน่งึ ท่จี ู่ๆ กล็ ุกขน้ึ มาวจิ ารณว์ ธิ กี ารสอนกับหลักสูตรโดยครูไม่ทนั ตั้งตัว และปลอ่ ยให้ 235

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด นักเรียนดงึ ครเู ข้ามาโตเ้ ถียงด้วย ไม่ชา้ นกั เรยี นทัง้ ช้ันก็รวมหัวกนั เข้าขา้ งเดก็ ชายคนน้ัน การตอ่ สแู้ ยง่ ชงิ อ�ำนาจทวคี วามรนุ แรงจนดเุ ดอื ดเลอื ดพลา่ นอยา่ งรวดเรว็ แลว้ จบลงดว้ ย การทค่ี รวู งิ่ ร้องไห้ออกไปจากห้อง เตรียมตัวลาออก และเลิกเป็นครูตลอดชีวติ โชคดที ี่ ครใู หญไ่ มย่ อมรบั ใบลาออก และจดั การประชมุ กบั ครู นกั เรยี น และพอ่ แม่ บรรดาพอ่ แม่ สนบั สนนุ ครแู ละพยายามกดดนั มากจนบงั คบั ใหน้ กั เรยี นหยดุ โจมตคี รไู ด้ ภายในไมก่ สี่ ปั ดาห์ นักเรียนก็กลับไปช่ืนชมครูอีก แต่ต้องใช้เวลานานมากกว่าครูจะกลับไปม่ันใจในตัวเอง ได้เหมือนก่อน และยอมรับวา่ ไม่ม่นั ใจว่าตัวเองท�ำได้จริงๆ ตอนฉันเฝ้าดูครูคนนั้นพยายามด้ินรนต่อสู้ ฉันรู้สึกสงสารแต่ไม่คิดว่าตัวเอง จะต้องเจอเหตุการณท์ �ำนองเดยี วกนั ซง่ึ กไ็ ม่เคยเจอ ไม่เคยมใี ครลกุ ข้ึนวจิ ารณ์การสอน และขโมยความมัน่ ใจของฉนั ไป แตเ่ ผอ่ื วา่ วันหน่งึ ฉันอาจจะเจอเรอ่ื งแบบน้นั จึงวางแผน สลายหายนะในยามฉกุ เฉนิ และใสแ่ ฟม้ ไว้ อกี 2-3 ปี ตอ่ มา ฉนั ไปสอนชนั้ เรยี นหนงึ่ ตอ่ จาก ครูสอนแทนท่ีเคยสอนชั้นนี้มานาน และไม่อยากให้ใครมาแทน จึงพยายามเสี้ยมสอน นกั เรยี นใหต้ อ่ ตา้ นฉนั เธอยา้ ยไปเปน็ ครสู อนแทนทห่ี อ้ งอนื่ ในโรงเรยี นเดยี วกนั และอทุ ศิ พลงั ทง้ั หมดทมี่ อี ยมู่ าลอบท�ำลายชนั้ เรยี นของฉนั ฉนั จะไมเ่ ลา่ รายละเอยี ด แตจ่ ะบอกวา่ นกั เรยี น “ปกต”ิ พวกนน้ั ทง้ั ชว่ั รา้ ยและดอื้ ดา้ นกวา่ พวกทเ่ี รยี กกนั วา่ กลมุ่ เสยี่ งทเ่ี ปลย่ี น พฤตกิ รรมไมไ่ ดแ้ ละท�ำตวั ไรร้ ะเบยี บ ทฉี่ นั เคยสอนมามากมาย รวมทงั้ พวกท�ำผดิ กฎหมาย ทเ่ี คยถกู จ�ำคกุ มาแลว้ ดว้ ย พอรวู้ า่ ตวั เองอยใู่ นดงฉลาม ฉนั จงึ ดงึ แผนสลายหายนะในยาม ฉกุ เฉนิ ออกมา ซึ่งไมร่ จู้ ะมปี ระโยชนก์ ับคุณหรอื ไม่ แตน่ ี่คือแผนทว่ี ่านั้น 1. ตอ้ งเปน็ มอื อาชพี ตอ้ งแนใ่ จวา่ แผนการสอน (หรอื เคา้ โครงครา่ วๆ) พรอ้ มจะ ใชง้ านไดส้ �ำหรบั สองสามสปั ดาหข์ า้ งหนา้ แลว้ ตรวจทานวา่ ในแฟม้ ยอ่ ย (ดบู ทที่ 4) มแี ผน การสอน ใบรายชื่อนกั เรียน และขอ้ มูลส�ำหรบั การอพยพในยามฉกุ เฉินหรือไม่ 2. หาเวลาพักเพอื่ รักษาสขุ ภาพจิตทีด่ ี น่เี ป็นเหตุฉุกเฉนิ อย่ารู้สึกว่าต้องหา เหตุผลเฉพาะให้ได้ แค่โทรไปลาป่วย และบอกว่าจะติดต่อกลับมาเมื่อรู้สึกดีข้ึน ถ้ามี คู่สมรสหรือเพ่ือนท่ีโทรไปลาแทนคุณได้ก็จะยิ่งดี ไปพบแพทย์ นักบ�ำบัด ครูท่ีปรึกษา นักจัดกระดูก นักนวดบ�ำบัด หรือมืออาชีพอื่นๆ ท่ีจะช่วยให้คุณรับมือกับความเครียด อย่างนอ้ ย 1 คร้งั แตไ่ มต่ อ้ งสมมุตวิ า่ เป็นโรคใดๆ เพราะความเครยี ดเป็นปญั หารา้ ยแรง 236

โดยตวั มนั เองอยแู่ ลว้ หาเวลาพกั ใหไ้ ดอ้ ยา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ 3 วนั หรอื ถา้ ไดถ้ งึ 1 สปั ดาหจ์ ะยงิ่ ดี ระเ ีบยบ... 3. ใคร่ครวญแล้ววิจารณ์ตนเองอย่างจริงจัง ถามตัวเองว่า อยากเป็นครู จริงๆ ไหม หรือแคค่ ดิ ว่าตวั เองจะสนุกกบั การสอน แต่กลบั พบว่าเกลยี ดการไปท�ำงาน หรือแม้จะต้องดิ้นรนต่อสู้กับการสอน แต่ก็สุขใจและพอใจมากจนเต็มใจปรับปรุงวิธี จัดการห้องเรียนและพัฒนาทักษะการเป็นผู้น�ำ หรือต้องยอมรับว่าตัวเองไม่เหมาะ จะเป็นครู ไมว่ ่าจะอยากเปน็ มากแคไ่ หนก็ตาม คณุ อาจจะสรปุ วา่ ตวั เองไมใ่ ชป่ ญั หา แตท่ งั้ โรงเรยี นมปี ญั หามากจนควบคมุ ไมอ่ ยู่ (และเร่ืองอย่างน้ีเกิดขึ้นได้จริงๆ) ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้ลองสมัครเป็นครูที่โรงเรียนอ่ืน ไปท�ำงานเปน็ ครสู อนแทนในเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาของตวั เอง หรอื เขตใกลเ้ คยี ง หรอื ลาพกั สักระยะหนึ่ง อย่างที่เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ซึ่งฉันรู้จัก ท่ีเป็นชายชราเจ้าอารมณ์และ หยาบคายเคยพูดไว้วา่ “อยา่ ต�ำหนิตวั เอง ถา้ ฉีร่ ดไฟปา่ ให้ดับไม่ได้” 4. ถ้ารู้ตัวว่าไม่อยากสอนหนังสือ ก็ลองคิดดูว่าเมื่อไหร่จะเลิกอาชีพนี้ได้ ถามตวั เองวา่ มที างเลอื กอน่ื ๆ ทจี่ ะหาเลย้ี งชพี หรอื ไม่ มเี งนิ พอจะเลกิ เปน็ ครตู อนนไ้ี ดไ้ หม ถา้ ไมไ่ ด้ กต็ อ้ งวางแผนปรบั ขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ ประวตั กิ ารศกึ ษากบั การท�ำงาน และคน้ หาต�ำแหนง่ งานใหม่ ใหต้ ดิ ตอ่ เพอื่ นรว่ มอาชพี เพอื่ เขยี นจดหมายรบั รองทว่ั ๆ ไปใหค้ ณุ อยา่ บน่ เรอ่ื งงาน แค่บอกว่าก�ำลังช่ังใจเรื่องเปล่ียนอาชีพในอนาคต เน้นสร้างชีวิตท่ีอยากได้ แทนท่ีจะ เกลียดชีวิตของตัวเองในตอนนี้ แค่เปล่ียนจุดเน้นก็จะช่วยให้คุณสอนนักเรียนง่ายขึ้น จนกว่าจะมีเงินพอให้เลิกท�ำอาชีพน้ีได้ หากรู้ว่าตัวเองไม่ต้องติดแหงกไปตลอดกาล และมีทางเลือกท่ีจะเปล่ียนแปลงชีวิตไปในทางท่ีดี คุณอาจจะพบว่า ทันทีที่ตัดสินใจ เลิกสอน คณุ จะผ่อนคลายและสนุกมากจนตัดสินใจสอนต่อไป 5. ถ้าตัดสินใจว่าอยากสอนหนังสือจริงๆ (หรือถ้าต้องสอน จนกว่าจะมีเงิน มากพอใหล้ าออกได้) ใหเ้ ตรยี มตวั เปลย่ี นแปลงหอ้ งเรยี นอย่างจริงจงั ตอนกลบั ไปท�ำงาน วางแผนเปลยี่ นทุกสงิ่ ในหอ้ งเรยี น ต้ังแตก่ ารตกแตง่ ไปจนถงึ การจัดเฟอรน์ เิ จอร์ การจัด ที่นั่ง และเปลี่ยนกฎกับขั้นตอนการปฏิบัติด้วย นอกจากนั้น ให้วางแผนเปล่ียนเจตคติ วิธีท�ำงาน ท่าทาง และน�้ำเสียง ให้ตัดผมและตัดแว่นใหม่ ซ้ือสูท หรือเคร่ืองแต่งกาย บางแบบทบ่ี อกวา่ “ฉนั มอี �ำนาจ!” ไปเขา้ หอ้ งสมดุ ทอ้ งถน่ิ หรอื รา้ นหนงั สอื เพอื่ หาหนงั สอื 237

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด เกย่ี วกบั พลงั ของการแตง่ กาย สทู สดี �ำกบั เสอื้ เชต้ิ สขี าวเปน็ เครอ่ื งแตง่ กายทแ่ี สดงอ�ำนาจ สูงสุด ถ้าเป็นไปได้ ให้แวะไปดูค่ายฝึกทหารหรือโรงเรียนต�ำรวจ หรือดูคลิปวิดีโอท่ีครู ของทหารหรอื ต�ำรวจก�ำลงั สอน เรยี นรู้วิธยี ืนเหมือนท่ีครฝู ึกยนื คอื ยนื เท้าแยกกันมนั่ คง หลังตรง เชิดหน้า ปล่อยแขนแนบล�ำตัว เวลาพูดห้ามขยับตัว เวลาเดินต้องเดินตัวตรง เมอ่ื จะพดู ใหย้ นื เทา้ แยกกนั มนั่ คงอกี ครง้ั นงิ่ สกั หนงึ่ วนิ าที แลว้ เรมิ่ พดู ดว้ ยนำ้� เสยี งจรงิ จงั เร่ืองต่อไปนี้อาจฟังดูไม่ส�ำคัญ แต่คุณต้องตรวจรองเท้าให้ดี และอาจจะต้อง ยอมสละความสบายช่ัวระยะหนึ่ง โดยหารองเท้าหนังมีส้น (ถ้าเป็นรองเท้าบู๊ตจะย่ิงดี) เพอื่ สง่ เสยี งดงั แสดงอ�ำนาจเวลาคณุ เดนิ ซง่ึ ตรงขา้ มกบั เสยี งกระทบพนื้ เบาๆ ของรองเทา้ ส้นสูง หรือเสียงเอ๊ียดๆ ของรองเท้าผ้าใบ ถ้าในห้องเรียนปูพรม ต้องท�ำเป็นเดินออก จากห้อง 1-2 ครั้งระหว่างคาบ นักเรียนจะได้ยินเสียงคุณเดินดังๆ กลับเข้ามาในห้อง พอเขา้ หอ้ งแลว้ ใหป้ ดิ ประตตู ามหลงั ใหแ้ นน่ ไมต่ อ้ งกระแทกประตู แคป่ ดิ อยา่ งหนกั แนน่ ให้สนิท ทสี่ �ำคญั ทส่ี ดุ คอื ใหโ้ ทรหาหวั หนา้ สายของตวั เอง หรอื ครใู หญส่ กั คนหนง่ึ เพอื่ ขอ เขา้ พบกอ่ นกลบั จากการ “ลาปว่ ย” (นไ่ี มใ่ ชเ่ รอื่ งโกหก เพราะความเครยี ดทางสมองและ อารมณ์ท�ำให้คนป่วยได้จริงๆ แถมฆ่าคนได้ด้วย) ตอนไปพบให้อธิบายว่า คุณเครียด มากเกินไปอยู่นานแล้วในห้องเรียน ให้พูดอย่างจริงใจและบอกว่า คุณต้องการความ ชว่ ยเหลอื ในการจดั การหอ้ งเรยี น เพราะคมุ นกั เรยี นในชนั้ ไมอ่ ยแู่ ลว้ ขอใหพ้ วกเขาท�ำตวั ให้ว่างเพื่อเปน็ กองหนุน ในวันท่คี ุณวางแผนกลับมาท�ำงาน ให้พวกเขาสญั ญาวา่ ถา้ คุณ โทรหาหรือส่งนักเรียนมาขอกองหนุน ให้รีบส่งเจ้าหน้าท่ีฝ่ายบริหารไปช่วยเหลือคุณ ทห่ี อ้ งเรียนทนั ที 6. เปลยี่ นโฉมหอ้ งเรยี น ออกแบบจดั เฟอรน์ เิ จอรใ์ หม่ แตจ่ ะจดั อยา่ งไรกไ็ มส่ �ำคญั เทา่ กบั การสรา้ งรปู โฉมใหม่ คณุ ตอ้ งใหน้ กั เรยี นเหน็ ความเปลยี่ นแปลงในทนั ที โดยเปลยี่ น มุมตั้งโตะ๊ ครู ย้ายตเู้ อกสาร แขวนโปสเตอร์ใหม่ๆ หรอื ผลงานศิลปะ 7. จดั โตะ๊ นักเรยี นใหม่ ถา้ เคยจดั แบบครึ่งวงกลมหรือตัวยู ใหย้ า้ ยเก้าอีก้ ลบั ไป เปน็ แถวยาวตามเดมิ แตถ่ า้ เคยจดั แบบแถว ใหห้ ารปู แบบใหมท่ เี่ หมาะกบั หอ้ ง และตงั้ โตะ๊ นักเรยี นบางตวั ให้ชดิ โตะ๊ ครจู นรสู้ ึกอึดอัด 238

8. ท�ำแผนผังทีน่ ง่ั เอาใบรายช่ือนกั เรยี นท่ีเกบ็ ไวท้ ีบ่ า้ นมาวางแผนผงั โดยแยก ระเ ีบยบ... พวกนักเรียนหัวแขง็ ออกจากกัน เอาหัวโจกไปน่งั ตดิ กับฐานของครู และให้อกี คนไปอยู่ ใกลป้ ระตู จะไดม้ ที เี่ หลอื ใหเ้ ดนิ นอ้ ยลง พอถงึ เวลาตอ้ งออกไปขา้ งนอก จดั พวกนกั เรยี นดๆี สักสองสามคนใหน้ ั่งใกล้กันตรงกลางห้อง จะได้เป็นก�ำลังใจให้กนั ได้ 9. สรา้ งบทเรยี นส�ำหรบั 1 สปั ดาห์ ใหเ้ ปน็ บทเรยี นทน่ี า่ สนใจและทา้ ทายสดุ ๆ บทเรยี นทน่ี กั เรยี นตอ้ งท�ำงานมากมาย และใหน้ กั เรยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง ไมใ่ ชค่ รู คน้ ขอ้ มลู ทางออนไลน์ อา่ นนติ ยสารและวารสาร ไปดูหนงั สอื ในหอ้ งสมดุ และรา้ นหนงั สือเพือ่ หา ความคิดดีๆ ที่เว็บ www.teachers.net มีขอ้ แนะน�ำดีๆ มากมาย กบั ลงิ ก์ที่เชอื่ มไปสู่ ขอ้ มลู หรอื วธิ กี ารอน่ื ๆ ถา้ มนี กั เรยี นทม่ี คี วามสามารถตา่ งกนั มาก ใหพ้ จิ ารณาใชบ้ ทเรยี น ทใ่ี ชค้ �ำสง่ั ตา่ งกนั เชน่ แบบทมี่ รี ายการโครงงานทเ่ี ปน็ ไปไดใ้ หน้ กั เรยี นเลอื กท�ำ เปา้ หมาย ของคณุ คือท�ำใหน้ ักเรียนสนใจหมกมุ่นท�ำงานเตม็ ท่จี นลืมท่จี ะท�ำตัวแยๆ่ ไปเลย 10. โทรไปทีโ่ รงเรียนตอนเช้าวนั ศุกร์ และบอกวา่ จะกลบั ไปท�ำงานวันจันทร์ เอาใจตัวเองด้วยการไปชมภาพยนตร์หรือกินอาหารพิเศษตอนบ่ายวันศุกร์ พยายาม ผอ่ นคลายเพราะคณุ จะตอ้ งท�ำงานในชว่ งสดุ สปั ดาห์ (หรอื เยน็ วนั ศกุ ร์ ถา้ เขา้ ไปในโรงเรยี น ตอนชว่ งสดุ สปั ดาหไ์ มไ่ ด้ ใหเ้ ชค็ กบั เลขาหรอื ภารโรงเพอ่ื ใหแ้ นใ่ จวา่ คณุ จะเขา้ หอ้ งเรยี นได)้ แลว้ ใช้เวลาตอนเย็นวนั ศกุ ร์หรอื ชว่ งสดุ สัปดาห์จดั หอ้ งเรยี นใหม่ให้เป็นระเบียบ จากนน้ั คนื วนั อาทติ ยใ์ หอ้ อกไปเดนิ เลน่ ไกลๆ หรอื ออกก�ำลงั กายเพอื่ ชว่ ยใหห้ ลบั สบายขนึ้ แตถ่ า้ นอนไมห่ ลบั กอ็ ยา่ กงั วล คณุ อาจจะเหนอื่ ย แตพ่ ลงั ของความกงั วลจะชว่ ยใหท้ �ำงานไปได้ ตลอดวนั 11. เชา้ วนั จนั ทรใ์ หต้ น่ื เรว็ กวา่ ปกตสิ กั 1 ชวั่ โมง ไปออกก�ำลงั กายแบบกายกรรม หรือฝึกโยคะ นั่งสมาธิ หรอื เดินเล่น หรือวงิ่ เหยาะๆ สักนดิ หน่อย ท�ำอะไรกไ็ ด้ให้เลือด ไหลเวียนและหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติเล็กน้อย คุณฝึกออกก�ำลังเพ่ือเข้าร่วมการแข่งขัน ส�ำคัญ ฉะนั้น ต้องรับประทานอาหารเช้า เพื่อรับประกันว่ามีโปรตีนเข้าไปในร่างกาย สวมเสื้อผ้าท่ีท�ำให้คุณดูมีอ�ำนาจ คว้าแผนการสอนมา แล้วไปให้ถึงโรงเรียนก่อนพวก นักเรียนท่ีชอบไปแต่เช้า เขียนค�ำส่ังส�ำหรับงานชิ้นแรกบนบอร์ด และไปยืนตรงประตู เพอื่ ขวางใหน้ กั เรยี นเขา้ ไดแ้ คท่ ลี ะคน พอนกั เรยี นเรม่ิ เขา้ หอ้ ง ใหส้ บตาแตล่ ะคนแลว้ พดู วา่ 239

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด “ยินดีต้อนรับสู่ห้องเรียนที่ปรับปรุงใหม่” และชี้ให้ไปน่ังที่ใหม่ อย่าเพิ่งคุยอะไรทั้งน้ัน ถา้ นักเรียนต้งั ค�ำถาม ก็พดู ว่า “ไวค้ ่อยคยุ กันเรอื่ งแผนใหม่ทีหลัง ตอนนี้ครกู �ำลังยุ่ง และ นกั เรยี นต้องเริ่มท�ำงานท่คี รูตดิ ไว้บนบอร์ด” 12. หลงั จากทกุ คนนงั่ ลงแลว้ เตอื นนกั เรยี นใหท้ �ำงานจนเสรจ็ ถา้ ไมเ่ สรจ็ ใหเ้ กบ็ กระดาษไปวางไว้บนโต๊ะครู จากนั้นบอกนักเรียนว่า คุณไม่ชอบสิ่งท่ีเกิดข้ึนในห้อง จงึ ไตรต่ รองเรื่องนอ้ี ยา่ งจรงิ จังตอนที่ไม่ได้มาสอน และตดั สินใจเปลี่ยนแปลงบางอย่าง (ถา้ ตดั สนิ ใจไปแลว้ วา่ จะเลกิ เปน็ ครู อยา่ เพง่ิ บอกนกั เรยี น เพราะไมใ่ ชธ่ รุ ะอะไรของพวกเขา แคบ่ อกวา่ คณุ ก�ำลงั พจิ ารณาทางเลอื กหลายอยา่ งส�ำหรบั อนาคต และมมี ากมายใหเ้ ลอื ก เพราะคณุ จบมหาวทิ ยาลัย) นับจากนี้เปน็ ตน้ ไป คุณจะท�ำอะไรๆ ต่างไปจากเดมิ จ�ำไว้ว่าต้องยืนตัวตรง หลังตรง เชิดหน้า และเท้าแยกกันตอนพูดกับนักเรียน นี่เป็นเวลาแสดงอ�ำนาจและพลังของตัวเอง ถ้าไม่รู้จะท�ำอะไรกับมือ ให้เอามือขวาจับ ข้อมือซ้ายไว้หลวมๆ วางไว้ข้างหน้าตามธรรมชาติ หรือไขว้มือไว้ข้างหลังก็ได้ แม้จะดู เหมือนท่าพกั ในขบวนทหารกต็ าม ฉันได้ค�ำแนะน�ำนมี้ าจากครใู นโรงเรยี นต�ำรวจท่ีสอน ใหค้ นวางท่าเชอื่ มั่นอยา่ งสงบ เวลารบั มือกบั คนท่ตี น่ื เตน้ ง่าย อยา่ ตะโกน ใหพ้ ดู เบาๆ อยา่ งจรงิ จงั ทส่ี ดุ ถา้ มคี นกอ่ กวนการสนทนา อยา่ ลงั เลใจ ใหบ้ อกพวกเขาหนง่ึ ครงั้ วา่ คณุ อยากใหน้ กั เรยี นนงั่ ฟงั เงยี บๆ ถา้ ขดั จงั หวะอกี ครงั้ ใหโ้ ทรหา ใครก็ตามทตี่ กลงกันแลว้ ว่าจะมาเป็นกองหนนุ ในยามฉุกเฉิน ขณะคอยก�ำลงั สนบั สนนุ ใหห้ ยุดแลกเปลย่ี นความคิดเห็น กรอกใบส่งตวั นักเรยี นใหเ้ รียบรอ้ ย แลว้ ยนื คอยเงยี บๆ ถ้ากองหนุนใช้เวลา 5 หรือ 10 หรือ 15 นาที ก็คอยอยู่เงียบๆ การท�ำแบบนี้ จะท�ำใหน้ กั เรียนอึดอดั ซ่ึงเปน็ เรื่องดี พวกเขาอาจจะพมึ พ�ำและกระซบิ หรอื คุยเสียงดัง แต่ถา้ นกั เรยี นยงั นง่ั อยู่กบั ที่ และไม่ไดต้ ะโกนถอ้ ยค�ำหยาบคายใส่คณุ กอ็ ย่าไปใสใ่ จ อย่ายอมให้นักเรียนบงการพฤติกรรมของคุณ พวกเขาต้องเข้าใจว่า ครูเป็น ผรู้ บั ผดิ ชอบหอ้ งเรยี น และนกั เรยี นตอ้ งตอบสนองตอ่ พฤตกิ รรมของครู ไมใ่ ชค่ รตู อบสนอง ตอ่ นกั เรยี น พอกองหนุนมาถึง ก็ให้พานักเรียนที่ก่อกวนไปห้องครูใหญ่ ก่อนไป ให้ถาม นักเรยี นในช้นั ว่า “มีใครอยากไปด้วยหรือเปล่า” ซ่งึ แน่นอนว่าไมม่ ีใครอยาก 240

แต่ถา้ คอย 15 นาทีแล้ว ยงั ไม่มีใครมาช่วย ให้บอกครูหรอื เจ้าหน้าที่ซ่ึงอยใู่ กล้ ระเ ีบยบ... ท่ีสุดว่า คุณจะไม่อยู่ในห้องสัก 2-3 นาที แล้วหันไปหานักเรียนที่ก่อกวนและถามว่า “อยากใหค้ รพู าไปสง่ ทหี่ อ้ งครใู หญ่ หรอื จะนงั่ ลงและรว่ มมอื ตดั สนิ ใจเองนะ” ถา้ นกั เรยี น นง่ั ลง ก็พูดว่า “ขอบใจ นกั เรียนตัดสนิ ใจถกู ตอ้ งแล้ว” และสอนตอ่ ไปเหมอื นไม่มอี ะไร เกดิ ขน้ึ แตถ่ า้ นกั เรยี นทกี่ อ่ กวนยงั เมนิ เฉย หรอื เลอื กจะท�ำตวั หยาบคายตอ่ ไป ใหพ้ าไปสง่ ทหี่ ้องครูใหญโ่ ดยไมต่ ้องพดู อะไร แคพ่ ูดวา่ “ไปกันเถอะ” และเริ่มออกเดิน ถ้านกั เรยี น คดั คา้ น อยา่ ไปเถยี ง ใหเ้ ดนิ ตอ่ ไป และสง่ นกั เรยี นพรอ้ มใบสง่ ตวั ทหี่ อ้ งครใู หญ่ (ถา้ นกั เรยี น หายไประหวา่ งทาง หรอื ออ้ ยองิ่ อยขู่ า้ งหลงั กย็ น่ื ใบสง่ ตวั แลว้ ปลอ่ ยใหฝ้ า่ ยบรหิ ารรบั มอื กบั นกั เรียนเอง) แจ้งใครก็ตามท่ีอยู่ในตอนนั้น ซ่ึงอาจจะเป็นครูใหญ่ หรือเลขาของครูใหญ่ว่า นกั เรยี นแทรกแซงการเรียนการสอน และคณุ ไมต่ ้องการใหเ้ ขากลบั มาทีห่ ้องอกี จนกว่า คุณไดพ้ บครใู หญ่ และ/หรอื พอ่ แม่ของนกั เรียน จากนนั้ ให้กลบั ไปหอ้ งเรียน ถ้านักเรยี น ยงั นงั่ กบั ทแ่ี ละรว่ มมอื ดี กข็ อโทษทค่ี ณุ ลา่ ชา้ และขอบคณุ ทค่ี อย แตถ่ า้ นกั เรยี นไมอ่ ยกู่ บั ที่ ให้ยืนกรานว่า พวกเขาต้องนั่งลงและเงียบก่อนคุณจะพูดอะไร คอยนานเท่าที่จ�ำเป็น และท�ำท่าทางให้ดูโหดสุดๆ เท่าท่ีจะท�ำได้ จากน้ันก็พูดอยู่ฝ่ายเดียวจนจบ ไม่ต้องให้ นักเรยี นโต้ตอบ เล่าให้นักเรียนฟังว่า ท�ำไมคุณจึงเลือกมาเป็นครู และอยากช่วยให้นักเรียน ประสบความส�ำเร็จ คณุ เปล่ยี นแปลงบางอยา่ งไปเพื่อจะช่วยพวกเขาใหไ้ ด้ บอกทุกคน ให้ลืมเร่ืองเก่าแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ท้ังหมด แต่คาดหวังว่า นักเรียนจะควบคุมตัวเอง และเคารพตัวเอง พอพูดจบ ให้มองหน้านักเรียนเงียบๆ อยู่นานสักหน่อย และต้อง มั่นใจว่า นกั เรยี นเข้าใจส่ิงท่ีคณุ พูดไปแลว้ จากนั้นใหเ้ ริม่ บทเรยี นใหมบ่ ทแรกทีน่ า่ สนใจ และทา้ ทาย ถา้ เปน็ ไปได้ ใหส้ อดแทรกอารมณข์ นั เขา้ ไปในบทเรยี นแรกดว้ ย ยงิ่ ตลก ยง่ิ ดี อารมณ์ขัน โดยเฉพาะแบบท่ีไม่มีใครคาดคิดมาก่อนจะเป็นแรงจูงใจอันดับหนึ่ง และ เป็นตัวผอ่ นคลายความเครยี ดที่ยอดเยี่ยม เพราะในหอ้ งเรยี นจะตอ้ งเครียดแน่ 241

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด เปน็ ไปได้มากทีเดยี วทีน่ กั เรียนจะร่วมมือ เพราะไม่คิดวา่ ครูจะแสดงพฤตกิ รรม แบบน้ี และมีเร่อื งที่ไม่คาดหวงั เกดิ ข้ึน ดงั ท่ีเคยพดู ไปกอ่ นหนา้ นีแ้ ลว้ วา่ ถ้าสมองไมท่ นั ตั้งตัว และส่วนท่ีรับรู้เลื่อนไถลไปเล็กน้อย คุณจะโน้มน้าวคนท่ีปกติจะจูงใจยากให้ ร่วมมือได้ แนน่ อน เปน็ ไปไดเ้ สมอวา่ คณุ จะมหี วั โจกมากกวา่ หนง่ึ คนในหอ้ ง หรอื มหี ลายคน เลยทเี ดยี ว ถา้ ทงั้ ชนั้ รวมหวั กนั ตอ่ ตา้ นคณุ ซงึ่ อาจเกดิ ขนึ้ ไดบ้ างครงั้ และจบลงดว้ ยการท่ี คุณต้องส่งนักเรียนไปห้องครูใหญ่ทีละคนจนหมดห้อง ถ้าจะต้องเป็นอย่างน้ันจริงๆ กป็ ลอ่ ยใหเ้ ปน็ ไป เพอื่ ท�ำใหฝ้ า่ ยบรหิ ารหนั มาสนใจ (ซงึ่ พวกเขาไมค่ วรแปลกใจเลย เพราะ คุณเตือนล่วงหน้าแล้วว่า อยากได้ความช่วยเหลือ) อะไรบางอย่างจะเกิดข้ึน ผู้บริหาร อาจจะสนับสนุนคุณ หรืออาจจะไม่ก็ได้ และท่ีแย่ที่สุดคือ อาจจะขู่ไล่คุณออก แต่ถ้า คณุ มบี นั ทกึ ทแ่ี สดงวา่ เคยขอการสนบั สนนุ ไวก้ อ่ นเกดิ เรอ่ื ง และพสิ จู นไ์ ดว้ า่ เปน็ เรอื่ งจรงิ พวกเขาอาจจะทบทวนเรอื่ งนอี้ กี ครงั้ ถา้ เชอื่ จรงิ ๆ วา่ จะถกู ไลอ่ อกแน่ คณุ อาจจะสง่ จดหมาย ลาออก “ดว้ ยเหตุผลสว่ นตวั ” ก่อนท่ีพวกเขาจะมเี วลาท�ำเอกสารไลค่ ุณออกเสรจ็ และ แมจ้ ะถกู ไลอ่ อกจรงิ ๆ กไ็ มไ่ ดห้ มายความวา่ คณุ จะไมม่ โี อกาสเปน็ ครอู กี การหางานใหม่ อาจจะยากขึน้ แต่เป็นไปได้ โดยเฉพาะถา้ อยูใ่ นพืน้ ทเี่ ดิม ซง่ึ นายจ้างในอนาคตของคณุ รปู้ ญั หาในโรงเรียนของคุณเป็นอยา่ งดี นเ่ี ป็นแผนท่ฉี ันเคยใช้ ซ่ึงอาจไม่สมบูรณแ์ บบส�ำหรบั คณุ แต่คงพอใหค้ วามคดิ บางอยา่ งได้ ฉนั ไมไ่ ดพ้ ยายามถอ่ มตวั แตท่ ไ่ี มเ่ ปดิ เผยทางออกสดุ ทา้ ยตอนอยใู่ นดงฉลาม เพราะไม่อยากจะมีอิทธิพลเหนอื ครคู นอ่นื จนเกนิ ควร ไม่ว่าคณุ จะตดั สินใจอะไร กข็ อให้ โชคดี การสอนอาจเป็นงานสุดหิน แต่ถ้าคุณตัดสินใจว่าอยากเป็นครูจริงๆ และเพียร พยายามปรับปรงุ ทกั ษะของตัวเอง ฉนั เชื่อว่า ความม่งุ ม่ันและความจริงใจจะพาคุณไป ถกู ทาง ซง่ึ อาจจะตอ้ งใชเ้ วลาสกั หนอ่ ย แตไ่ มเ่ ปน็ ไร และเปน็ เรอ่ื งปกตจิ รงิ ๆ เพราะแมแ้ ต่ พวก “ยอดคุณครู” ท่ีโรงเรียนของคุณก็ยังต้องพยายามฝึกฝนจนสอนได้ดีแม้จะอยาก เชอื่ วา่ ตัวเอง “เปน็ ครูตั้งแตเ่ กิด” แล้วกต็ าม 242

ประเดน็ ส�ำ หรับการอภิปราย ระเ ีบยบ... 1. อธิบายปรัชญาของตัวเองเก่ียวกับระเบียบวินัยให้ชัดเจนได้ ใน 1-2 ประโยค 2. คุณใช้ (หรือวางแผนจะใช้) กฎอะไรในห้องเรียน ท�ำไมจึงใช้ กฎเฉพาะพวกนี้ 3. ครคู วรน�ำเสนอกฎของหอ้ งเรยี นใหน้ กั เรยี นทราบเมอ่ื ไหร่ และ อย่างไร 4.ในกลมุ่ ยอ่ ย หรอื ในบนั ทกึ ประจ�ำวนั ใหบ้ รรยายตอนคณุ ถกู ฝกึ ระเบยี บวนิ ยั ในโรงเรยี นสมยั เปน็ เดก็ ประสบการณน์ ม้ี ผี ลกระทบ ต่อเจตคตแิ ละพฤติกรรมของคณุ อยา่ งไร 5. ท�ำงานในกลมุ่ ย่อยเพอื่ วางแผนสร้างระเบยี บวินยั ท่ดี สี �ำหรับ นกั เรยี นในช้ันใดชนั้ หน่ึง 243

7 อ่าน อ่าน อา่ น เดก็ ๆ ไมไ่ ดร้ งั เกยี จการอา่ นมาตง้ั แตเ่ กดิ เรารขู้ อ้ นด้ี ี เราเหน็ วา่ เกิดอะไรข้ึนเมื่อแนะน�ำให้ทารกรู้จักหนังสือ พวกหนูน้อย ตกหลุมรกั หนงั สอื ถือหนังสอื เลม่ โปรดไปรอบบ้าน และช่ืนชม รูปภาพซ�้ำแล้วซ้�ำเล่า เอานิ้วอ้วนส้ันถูไปไถมาบนหนังสือ แตล่ ะหนา้ แทะมมุ หนงั สอื ทร่ี กั ราวกบั จะกลนื กนิ หนงั สอื ทงั้ เลม่ และมักจะขอให้อ่านหนังสือเล่มเดิมให้ฟังก่อนนอน 50 หรือ 100 หรอื 200 คร้งั

แล้วท�ำไมหลังจากน้ันการอ่านจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่ของนักเรียนและครู ่อาน ่อาน... จ�ำนวนมากในโรงเรียนประถมกับมัธยม อะไรท�ำให้เด็กๆ ที่รักหนังสือกลายเป็นคน เกลยี ดหนงั สอื เขา้ ไส้ แทนทจ่ี ะมวั เดาเหตผุ ล ฉนั ตรงดง่ิ ไปหานกั เรยี นทไ่ี มเ่ ตม็ ใจอา่ นหนงั สอื ตวั จรงิ เสยี งจรงิ ในชน้ั เรยี นของตวั เองในรอบ 20 ปที ผ่ี า่ นมา ทมี่ าจากภมู หิ ลงั ทแี่ ตกตา่ งกนั โดยสน้ิ เชิง และมีวัยต่างกันตงั้ แต่ 7 ขวบถงึ 58 ปี มนี กั เรยี นเกรด 2 ท่มี ีปัญหา วัยรนุ่ ท่ี ไมแ่ ยแสการเรยี น นกั เรยี นอนั ธพาลชน้ั มธั ยม คนเรยี นภาษาองั กฤษ และนกั ศกึ ษาผใู้ หญ่ ดา้ นการศึกษาพนื้ ฐาน ไปจนถงึ นกั ศกึ ษาปีหน่งึ ในมหาวทิ ยาลยั และคนท่ีจะเปน็ ครูใน อนาคต พวกคนที่ไม่เต็มใจอ่านหนังสือเหล่าน้ีสอนฉันว่า ท�ำอย่างไรการอ่านจึงจะเป็น ประสบการณท์ ี่เจ็บปวดน้อยลง และบางครง้ั อาจเป็นเรือ่ งสนกุ ไดส้ �ำหรบั พวกเขา ปัญหาคืออะไร งานดา้ นการสอนครง้ั แรกทฉี่ นั ตอ้ งท�ำสมยั เปน็ นกั ศกึ ษาปรญิ ญาโทดา้ นการศกึ ษา คอื ไปโนม้ นา้ วใหน้ กั เรยี นเกรด 10 ทไ่ี มแ่ ยแสการเรยี น เกดิ ความอยากอา่ นและ เขียน (ฉันไม่ชอบค�ำว่า กลุ่มเสี่ยง ท่ีใช้เรียกนักเรียนพวกนี้ อย่างท่ีมีนักเรียน ฉลาดๆ คนหนงึ่ ใหเ้ หตผุ ลวา่ การเรยี กใครวา่ อยใู่ น “กลมุ่ เสย่ี ง” ฟงั ดเู หมอื นคณุ 245

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด ไม่คิดว่า พวกเขาจะเรียนจบได้) นักเรียนที่ไม่แยแสพวกนั้นเกลียดการอ่าน ซง่ึ ไม่น่าแปลกใจเลยสักนดิ เมือ่ คดิ ถงึ ทกั ษะการอา่ นท่ีแยส่ ดุ ๆ ของพวกเขา ปถี ดั มา ตอนเปน็ ครทู เี่ พง่ิ ไดใ้ บประกอบวชิ าชพี ครมู าใหมๆ่ ฉนั สอนนกั เรยี น 2 ชน้ั ชน้ั หนงึ่ เปน็ พวกเกรด 9 ทพี่ ดู ภาษาองั กฤษแทบไมไ่ ด้ และอกี ชนั้ เปน็ พวกเกรด 10 ทไ่ี ม่ สนใจเรอื่ งการเรยี น พวกทภี่ าษาองั กฤษไมใ่ ชภ่ าษาแมก่ ระตอื รอื รน้ ทจ่ี ะเรยี นรทู้ กุ สง่ิ ทกุ อยา่ ง แตน่ กั เรยี นเกรด 10 ซง่ึ มาจากภมู หิ ลงั ทางชาตพิ นั ธห์ุ ลากหลาย และสว่ นใหญม่ ภี าษาแม่ เป็นภาษาอังกฤษกลับเกลียดการอ่านจนเข้าไส้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยท่ีทักษะการอ่าน ของพวกเขาแย่กว่านักเรียนท่ีฉันสอนตอนปที ีแ่ ล้วเสียอีก ฉันสงสัยว่าเด็กพวกนี้เข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมได้อย่างไร ไม่มีใครสังเกต เหน็ เลยหรอื วา่ พวกเขาแทบจะอ่านหนงั สอื ไมอ่ อก วันหนึ่งตอนเรม่ิ สอนครง้ั แรก ฉนั ถามว่า “มใี ครบ้างชอบอา่ นหนังสอื ” นกั เรียน 2-3 คน ยกมอื แบบไมม่ นั่ ใจนกั ฉนั ถามตอ่ วา่ “แลว้ มใี ครบา้ งทเี่ กลยี ดการอา่ น” นกั เรยี น พากนั โบกมอื ว่อน จนบรรยากาศในห้องปัน่ ปว่ นไปด้วยความร้สู ึกเชิงลบ 246

ต่อจากน้ัน พวกเราใช้เวลาจนหมดคาบคุยถึงความรู้สึกเก่ียวกับหนังสือและ ่อาน ่อาน... การอา่ น นกั เรยี นเล่าว่าอ่านหนงั สอื ออกด้วยวธิ ีไหน และกลายเป็นคนทร่ี ักหรือเกลียด การอา่ นไดอ้ ยา่ งไร สว่ นใหญย่ อมรบั วา่ อยมู่ า 9 ปใี นโรงเรยี น โดยไมเ่ คยอา่ นหนงั สอื เลย แมแ้ ต่เลม่ เดยี ว พอฉันรู้จักนักเรียนดีขึ้น จึงได้ค�ำตอบต่อค�ำถามที่ว่า เด็กพวกนี้เข้ามาเรียน ในโรงเรยี นมธั ยมไดอ้ ยา่ งไร ฉนั ตระหนกั วา่ พวกเขาเกง่ มากจนปดิ บงั ไมใ่ หใ้ ครรวู้ า่ ตวั เองออ่ น เรื่องการอ่านได้ เช่นเดียวกับคนตาบอดที่พัฒนาประสาทการดมกลิ่นหรือการได้ยิน จนยอดเย่ียม คนที่อ่านหนังสือไม่เก่งก็พัฒนาทักษะด้านอื่นให้ดีข้ึนชดเชย จนช�่ำชอง การเลียนแบบ ท่องจ�ำข้อคิดและความเห็นของเพ่ือนร่วมชั้นท่ีอ่านหนังสือออกได้เป็น นกแกว้ นกขนุ ทอง แถมเปน็ นกั อา่ นภาษาทา่ ทางตวั ฉกาจ แคค่ รเู ปลย่ี นสหี นา้ หรอื ทา่ ทาง เล็กน้อยก็รู้แล้วว่าจะต้องท�ำอะไร และพัฒนาทักษะการจดจ�ำได้อย่างดี จนท่องเรื่อง ทอี่ า่ นไปแลว้ ไดท้ ง้ั หมด หรอื ทอ่ งค�ำศพั ทพ์ รอ้ มค�ำแปลจากรายการยาวเหยยี ดในบทเรยี น ค�ำศัพทไ์ ดแ้ ม่นขนาดค�ำตอ่ ค�ำเลยทีเดียว คนที่ไม่อ่านหนังสือพวกน้ันผ่านโรงเรียนประถมไปได้ฉลุย และล�ำบากหน่อย ตอนอยมู่ ธั ยมตน้ จนไปเจอทางตนั เอาตอนมธั ยมปลาย พวกเขาจะหลอกครเู พอ่ื สอบผา่ น วชิ าคณติ ศาสตรไ์ มไ่ ดอ้ กี แลว้ เพราะตอนนโ้ี จทยซ์ บั ซอ้ นและเปน็ นามธรรมเกนิ ไป แมแ้ ต่ คนทจี่ �ำเกง่ ทสี่ ดุ กไ็ มม่ ที างจ�ำต�ำราชวี วทิ ยาไดท้ งั้ เลม่ หรอื นยิ าย 200 หนา้ ได้ ทนั ใดนนั้ เอง พวกเขาก็รู้สึกว่าตัวเองโง่ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ รู้ว่าครูจะคิดว่าพวกเขาโง่ แม้ครูจะ สุภาพเกินกว่าจะพูดออกมาตรงๆ แต่ท่ีแย่ที่สุดคือ เพ่ือนร่วมช้ันที่อ่านออกก็คิดว่า พวกเขาโง่ และวยั รนุ่ ไมแ่ ยแสวา่ จะตอ้ งท�ำตวั สภุ าพ เราจงึ เขา้ ใจวา่ ท�ำไมคนทอี่ า่ นหนงั สอื ไม่เก่งจึงเลอื กท�ำตัวเดน่ ดงั ดว้ ยการเปน็ “นักเลง” หรอื “สอนไม่ได”้ เพราะคนเกเรยงั มี เสนห่ เ์ ชงิ ลบนา่ ดงึ ดดู ใจ แตค่ น “โง”่ หรอื “โงเ่ กนิ กวา่ จะอา่ นอะไรได”้ ชา่ งไรเ้ สนห่ จ์ รงิ ๆ ฉันพยายามโน้มน้าวอย่างหนักให้นักเรียนพวกนั้นเห็นว่า การอ่านเป็นทักษะ ท่เี รยี นรูไ้ ด้ ไมใ่ ชพ่ รสวรรค์แต่ก�ำเนิด และพวกเขาเรียนรไู้ ด้ ฉันเสนออปุ มาเปรียบเทียบ กบั การเรยี นบาสเกตบอลและการเตน้ ร�ำ เพราะหลายคนคาดหวงั จะไดเ้ ปน็ ผเู้ ลน่ ในเอน็ บเี อ 247

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด (NBA – National Basketball Association - สมาคมบาสเกตบอลอาชีพของทวีป อเมริกาเหนือ) และเด็กหญิงส่วนใหญ่มักใช้เวลาว่างฟังดนตรี และฝึกจังหวะเต้นร�ำที่ ซบั ซ้อนอยู่หลงั หอ้ ง ฉันบอกวา่ “นักเรยี นจะชู้ตลกู โทษไมไ่ ด้ ถา้ ไมเ่ คยเข้าไปในสนามบาสเกตบอล พวกเธอกร็ วู้ า่ ขนาดไมเคิล แจ็กสนั ยังต้องฝกึ ท่ามนู วอล์กกวา่ จะเต้นได้ถกู ท่า” เพราะ พวกเราได้ผกู มติ รกนั แนน่ แฟ้น เคารพกันและไวใ้ จกันแล้ว นกั เรียนจงึ ยอมที่จะลองอ่าน หนังสือดูอีกคร้ัง เราช่วยกันก�ำหนดความคาดหวังและออกกฎการอ่านขึ้นมาใหม่ กลุ่ม นกั เรยี นเกรด 10 นี้ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของโปรแกรมอคาเดมี ซงึ่ เปน็ โรงเรยี นลกู ในโรงเรยี นแม่ ส�ำหรับวัยรุ่นท่ีท�ำอะไรได้ต่�ำกว่าความสามารถของตัวเอง ในท่ีน้ีฉันมีโอกาสท�ำงานกับ นกั เรยี นกล่มุ เดิมในช่วง 3 ปีสดุ ท้ายของโรงเรยี นมธั ยม (เกรด 10-12) และฉันยนิ ดที ่จี ะ รายงานวา่ ในทีส่ ุดทุกคนกส็ อบผ่านการทดสอบมาตรฐานด้านการอา่ นและคณติ ศาสตร์ ตามท่ีก�ำหนดเพื่อจบการศึกษา นักเรียน 8 คน ในกลุ่มแรกท่ีเรียนจบได้ทุนการศึกษา เต็มจ�ำนวนไปเข้ามหาวิทยาลัย และจ�ำนวนนักเรียนที่ได้ทุนการศึกษาเพิ่มเป็นสองเท่า ในรนุ่ ตอ่ มา แตน่ น่ั เปน็ อกี เรอื่ งหนง่ึ (ดบู ทท่ี 11 ซง่ึ มขี อ้ มลู ปจั จบุ นั ของนกั เรยี นทฉ่ี นั เขยี น เร่ืองราวของพวกเขาไวใ้ นหนงั สอื ชื่อ My Posse Don’t Do Homework) ฉนั ใชก้ ารพดู คยุ เรอ่ื งการอา่ นเปน็ กจิ กรรมเรมิ่ ตน้ อยา่ งหนงึ่ กบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยม ห้องใหม่ทุกห้อง (และกับนักเรียนเก่งๆ บางคนในห้องเรียนล่วงหน้าเพ่ือเตรียมเข้า มหาวทิ ยาลยั แตไ่ มช่ อบอา่ นหนงั สอื แมจ้ ะเปน็ พวกประสบความส�ำเรจ็ สงู ) ตอ่ มา พอเรมิ่ สอนนักศึกษามหาวิทยาลัย และสอนพิเศษใหเ้ ด็กเล็กๆ ฉนั ก็ตั้งค�ำถามเกย่ี วกบั การอ่าน ตอ่ ไป เชน่ อา่ นหนงั สอื ออกไดอ้ ยา่ งไร ชอบอา่ นไหม ท�ำไมตอนนถ้ี งึ เกลยี ดการอา่ น และ ไดค้ �ำตอบเดิมๆ ซำ�้ ซาก โดยเหตุผลทพ่ี บบ่อยทส่ี ดุ ทน่ี กั เรียนเกลยี ดการอ่าน มดี งั น้ี 1. การอา่ นท�ำใหป้ วดหวั หรือปวดตา 2. กลัวว่าจะตอ้ งอ่านออกเสยี งให้เพอื่ นฟัง แลว้ ทุกคนจะหัวเราะเยาะ 3. อา่ นช้ากว่าเพอื่ นๆ และตามคนอ่ืนไมท่ ัน 4. ครูจัดให้เขา้ กลมุ่ เรยี น “ชา้ ” เสมอ ท�ำใหร้ ูส้ กึ ว่าตัวเองโง่ 5. ลา้ หลงั เพอื่ นมากจนไม่มวี นั ตามทนั 248

6. เชอ่ื วา่ ตอ้ งอ่านงานทค่ี รสู ่ังทกุ ช้ินจนจบ ไมว่ า่ จะยาวหรือยากแคไ่ หน ่อาน ่อาน... 7. คิดว่าพออา่ นจบแล้วต้องไปทดสอบ และจะตอ้ งสอบตกแน่ๆ 8. เรอื่ งท่คี รใู หอ้ า่ นส่วนใหญไ่ ม่น่าสนใจเลย 9. อ่านแลว้ ไม่เขา้ ใจและจ�ำไม่ได้วา่ เพงิ่ อา่ นอะไรไป 10. ถา้ ครขู อความเหน็ เกยี่ วกบั หนงั สอื หรอื เรอื่ งทอี่ า่ น กก็ ลวั วา่ จะออกความเหน็ ผดิ ๆ 11. เกลยี ดคนทีค่ อยสัง่ ให้ท�ำโน่นท�ำนีต่ ลอดวัน ... แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร ฉันหวังว่า คุณจะนึกเห็นวิธีแก้ที่เป็นไปได้มากมาย ขณะอ่าน รายการค�ำบ่นและความกลัวของนักเรียนที่ไม่เต็มใจอ่าน ข้อแนะน�ำต่อไปนี้เป็นแค่ข้อ แนะน�ำ ซงึ่ นา่ จะชว่ ยใหค้ ณุ เรมิ่ ตน้ คดิ วธิ แี กป้ ญั หาของตวั เองได้ หลงั จากรบั ฟงั ขอ้ คดิ เหน็ จากนักเรยี น เพราะแม้จะเรียนเป็นกลุ่ม แต่การอ่านเป็นกิจกรรมทแี่ ต่ละคนต้องท�ำเอง ฉะนนั้ จึงต้องคิดหาวธิ สี อนการอา่ นใหเ้ หมาะกบั แต่ละคน 1. การอา่ นท�ำให้ปวดหวั หรือปวดตา คุยกับนักเรียนเร่ืองอาการตาไวแสงเกินไป (ดูข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับแสงและการ เรียนรใู้ นบทที่ 8) การวิจัยลา่ สุดแนะน�ำว่า เกือบครงึ่ หน่งึ ของคนท่ีถกู จัดวา่ มคี วาม บกพร่องด้านการเรียนรู้ อันทีจ่ ริงแลว้ มปี ัญหาเพราะตาไวแสงเกินไปตา่ งหาก คนท่ี ตาไวแสงจะอา่ นหนงั สอื ล�ำบากและบางครงั้ กเ็ จบ็ ปวดถา้ หนงั สอื พมิ พด์ ว้ ยกระดาษมนั แสงไฟนอี อนหรอื ไฟแบบอนื่ ทท่ี �ำใหเ้ กดิ แสงสะทอ้ นบนหนา้ หนงั สอื จะท�ำใหอ้ า่ นยากขนึ้ การพิมพ์ท่ีมีระดับความต่างระหว่างความสว่างกับความมืดสูง เช่น ตัวอักษรสีด�ำ บนกระดาษสีขาวจะอ่านยากทส่ี ุดส�ำหรับคนท่ตี าไวแสง น่าเสยี ดายทต่ี �ำราและวสั ดุ การเรยี นอนื่ ๆ ใชก้ ารพมิ พแ์ บบนม้ี ากทสี่ ดุ ฉนั มนี กั เรยี นบางคนทต่ี าแดงและนำ้� ตาไหล หลงั จากอา่ นแคไ่ มก่ นี่ าที และทนี่ า่ เศรา้ กวา่ นน้ั คอื มหี ลายคนทตี่ าไวแสงเกนิ ไปถกู จดั เข้าช้ันเรียนการศึกษาพิเศษ หรือโปรแกรมส�ำหรับนักเรียนท่ีมีพฤติกรรมผิดปกติ เพราะไมย่ อมอา่ นหนังสือ หรอื ท�ำตวั ไมด่ เี พอื่ หลีกเลย่ี งการอา่ น 249

ครูประณีตคิดนอกกรอบ: ่ยัวใ ้หนึก ฝึกให้ ิคด คณุ อาจจะเคยเหน็ นักเรียนบางคนเอนตวั ไปบนโต๊ะ และเอาแขนขา้ งหนง่ึ โอบ หนงั สอื กบั กระดาษไว้ ไมใ่ ชเ่ พราะพยายามจะปกปอ้ งหรอื ซอ่ นอะไรไว้ แตเ่ พราะตอ้ งการ บงั แสงใหเ้ กดิ เงาบนหนา้ กระดาษท่กี �ำลงั อา่ นต่างหาก หลายคนชอบใส่หมวกเบสบอล ทม่ี ขี อบหมวกบงั ดวงตาไว้ ท�ำใหเ้ กดิ เงาและลดแสงสะทอ้ น ไมใ่ ชเ่ พราะตอ้ งการตอ่ ตา้ นครู และเป็นไปได้ว่า ที่พวกนักดนตรีกับศิลปินใส่แว่นกันแดดตลอดเวลาแม้แต่ในที่ร่มนั้น นอกจากเพ่อื ใหด้ ูเทแ่ ล้ว ก็เพอื่ ปกปอ้ งดวงตาท่ีไวแสงดว้ ย ผอู้ า่ นทตี่ าไวแสงเกนิ ไปมกั จะชอบเรอ่ื งเลา่ และสนกุ ทมี่ คี นอา่ นเรอ่ื งเหลา่ นน้ั ใหฟ้ งั พวกเขาเข้าร่วมกลุ่มที่ครูให้งานไปอ่าน และอาจมีทักษะด้านความเข้าใจในการอ่านที่ ยอดเยยี่ ม แตถ่ า้ ขอใหอ้ า่ นเองคนเดยี ว พวกเขาจะท�ำตวั ตา่ งไปจากเดมิ อยา่ งสน้ิ เชงิ ถา้ มี นกั เรียนท่ีโดยท่ัวไปแล้วรว่ มมือดี แต่จะเรม่ิ บิดตัวไปมาทันทีท่ีคุณขอใหอ้ ่านเอง นั่นเปน็ สญั ญาณเตอื นใหร้ วู้ า่ นกั เรยี นอดึ อดั กบั การอา่ น พวกเขาอาจจะหรต่ี า ท�ำหนา้ นวิ่ นวดตา พยายามสร้างเงาบนหนงั สือ ยื่นหนงั สือออกไปให้ไกลหรือถอื จนชิดใบหน้า กระพริบตา เร็วๆ หรืออ่านไปแล้วก็หลงบ่อยๆ จนไม่รู้ว่าอ่านไปถึงไหนแล้ว โรงเรียนมักจะวินิจฉัย ผิดว่า พวกท่ีตาไวแสงเกินไปเป็นดิสเล็กเซีย (บางคนอาจจะเป็นหรือไม่เป็นดิสเล็กเซีย ดว้ ยกไ็ ด)้ และจดั สอนพเิ ศษใหน้ กั เรยี นใชก้ ลยทุ ธต์ า่ งๆ ซงึ่ ไมไ่ ดผ้ ล เพราะยงั มแี สงสะทอ้ น อยดู่ ี และรูส้ ึกอึดอดั เหมือนเดมิ ถ้าไม่เคยรู้เรื่องอาการตาไวแสงเกินไป แหล่งข้อมูลที่ดีท่ีสุดคืออินเทอร์เน็ต แต่ต้องแน่ใจว่า สปอนเซอร์ของเว็บไซต์ที่เข้าไปดูมีช่ือเสียงที่ดี มหาวิทยาลัย องค์กร ทางการศึกษา กบั บรษิ ัทที่ปรกึ ษาอิสระมากมายมขี อ้ มูลและลิงก์เชอ่ื มไปหาแหลง่ ขอ้ มลู อนื่ ๆ เว็บไซตจ์ �ำนวนมากมคี �ำพูดรบั รองจากคนทอี่ ่านไดส้ บายตาเม่อื ใช้แผน่ ใสหรอื แผน่ กรองแสงท่มี สี ีมาวางบนหน้าหนงั สอื นอกจากน้ัน ก็ต้องรู้ด้วยว่า มีการวิจัยใหม่ๆ เกี่ยวกับการบ�ำบัดการมองเห็น ปญั หาตาเหลท่ น่ี ยั นต์ าสองขา้ งเบนเขา้ หากนั หรอื ทศั นมาตรศาสตรพ์ ฒั นาการ (การตรวจ ปรบั สายตา) ถา้ วดั คา่ การมองเหน็ ตามมาตรฐานได้ 20/20 กไ็ มไ่ ดห้ มายความวา่ นกั เรยี น คนนนั้ ไมม่ ปี ญั หาการมองเหน็ เมอื่ เดอื นสงิ หาคม ปี 2004 วทิ ยาลยั นกั ทศั นมาตรศาสตร์ เพือ่ พฒั นาการมองเหน็ ได้รายงานว่า “คนทีม่ ปี ัญหาเรอ่ื งการมองเหน็ บกพรอ่ งเนือ่ งจาก 250 รูปแบบทักษะท่ีผิดไปอาจถูกวินิจฉัยผิดๆ ว่ามีปัญหาบกพร่องด้านเรียนรู้หรือสมาธิสั้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook