แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าคณิตศาสตร์พ้ืนฐาน1 รหัสวชิ า ค21101 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 นางสาวกรรณิกา ลิกัลตา ตาแหน่ง ครู กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนเทพสถติ วทิ ยา อาเภอเทพสถติ จงั หวัดชัยภมู ิ สานักงานเตตพน้ื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษาชัยภมู ิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ตอนที่ 1 สว่ นนา วิสัยทัศน์ ผ้เู รียนมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานสากล บนพน้ื ฐานวัฒนธรรมไทย พนั ธกจิ 1. พัฒนาผ้เู รียนให้มศี ักยภาพเป็นพลโลก
2. ยกระดบั การจัดการเรยี นการสอนเทยี บเคียงมาตรฐานสากล 3. ยกระดับการบรหิ ารจดั การดว้ ยระบบคณุ ภาพ 4. สง่ เสรมิ การปฏิบตั ิตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 5. สร้างเครอื ข่ายวัฒนธรรม เป้าประสงค์ 1. ผ้เู รยี นเปน็ เลศิ วชิ าการ สื่อสารได้อย่างน้อย 2 ภาษา ลา้ หน้าทางความคิด ผลิตงานอยา่ งสรา้ งสรรค์ ร่วมกนั รับผิดชอบต่อสังคมโลก 2. จัดการเรยี นการสอนเทยี บเคียงมาตรฐานสากล 3. บริหารจัดการดว้ ยระบบคุณภาพ 4. ผเู้ รยี นปฏบิ ตั ิตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5. โรงเรียนด้าเนนิ การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในทุกระดบั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ หลกั สูตรโรงเรียนเทพสถติ วทิ ยา พุทธศักราช 2564 ตามแนวหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 มุ่งพฒั นาผ้เู รยี นใหม้ คี ุณลักษณะอันพงึ ประสงค์เพอ่ื ให้สามารถอยรู่ ่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมี ความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลเมืองโลกตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดงั น้ี 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ซ่ือสัตย์สจุ ริต 3. มวี ินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อยา่ งพอเพยี ง 6. ม่งุ มน่ั ในการท้างาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะ สมรรถนะสาคัญตองผ้เู รียน หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน มงุ่ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ สมรรถนะสา้ คญั 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหา ความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้ วิธกี ารสือ่ สาร ท่ีมีประสิทธิภาพโดยคา้ นงึ ถึงผลกระทบท่มี ตี อ่ ตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อน้าไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพ่ือ การตดั สินใจเก่ียวกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ท่ีเผชิญได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมกี ารตดั สินใจทีม่ ปี ระสิทธภิ าพโดยค้านึงถึงผลกระทบ ทเ่ี กดิ ขึ้นตอ่ ตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม กระบวนการแก้ปัญหา การประเมินผลถูกออกแบบอย่างรอบคอบ ชนิดท่ีว่าผลท่ีนักเรียนแสดงออกมา จะช้ีบอก ถึงระดับความสามารถของนักเรียนที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนักเรียน จะต้องแสดงออกว่ามคี วามสามารถท่จี ะ 1) เข้าใจปัญหา รวมทงั้ การเข้าใจเรอ่ื งราวสาระจากข้อเขียน แผนผงั สูตร ตารางและสามารถ
อ้างอิง เชื่อมโยงสาระจากแหล่งต่าง ๆ แสดงออกว่าเข้าใจแนวคิดท่ีเก่ียวข้องใช้สาระจากพ้ืนฐานความรู้เดิมของ ตน เพ่อื ท้าความเขา้ ใจกับสาระเร่ืองราวทีก่ ้าหนดให้ 2) บอกลักษณะปญั หา รวมทัง้ การระบุบอกตัวแปรในปัญหา และตงั้ ข้อสังเกตถงึ ความเชอื่ มโยง เก่ียวข้องระหว่างตัวแปร ตัดสินใจว่าตัวแปรใดใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ สร้างสมมุติฐาน และค้นคืนสาระ จัดกระท้า พิจารณาและประเมนิ สาระทีม่ อี ยู่ 3) แสดงการนา้ เสนอการแกป้ ญั หา รวมทั้งการสร้างตาราง กราฟ สญั ลักษณ์ การพูด 4) ลงมอื แก้ปญั หา รวมถงึ การตัดสนิ ใจ วิเคราะห์ระบบ หรอื ออกแบบระบบเพ่อื นน้าไปสเู่ ป้าหมาย หรือวเิ คราะห์วินิจฉัยและเสนอวธิ กี ารแก้ปญั หา 5) สะท้อนการแก้ปัญหา รวมถึงการตรวจสอบการแก้ปัญหาและมองหาสาระข้อมลู เพม่ิ เติม หรอื เพมิ่ ค้าอธิบายใหช้ ัดเจนย่ิงขึ้น ประเมินการแก้ปัญหาจากมมุ มองตา่ ง ๆ หรือหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ และให้เป็นท่ียอมรับ มากขึ้น หรอื เพือ่ ใหส้ ามารถอธบิ ายได้ 6) สอ่ื สารการแก้ปญั หา รวมถงึ การเลอื กสอ่ื และการน้าเสนอทเ่ี หมาะสม เพ่ือบอกกล่าวและ ส่อื สารการแก้ปัญหาใหค้ นนอกไดร้ บั รู้ 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการน้ากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการด้าเนิน ชีวิตประจ้าวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การท้างาน และ การอยู่ร่วมกันในสังคมด้วย การสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและ ความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การ ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเล่ียงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ท่ี สง่ ผลกระทบต่อตนเองและผู้อน่ื 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยี ด้านต่าง ๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่อื การพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การท้างาน การ แก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม ตอนที่ 2 การวเิ คราะห์หลกั สตู ร สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 จานวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจ้านวน ระบบจา้ นวน การด้าเนนิ การของจ้านวนผลท่ี เกดิ ขึ้นจากการดา้ เนนิ การ สมบตั ิของการดา้ เนนิ การ และน้าไปใช้
มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจและวิเคราะห์แบบรูป ความสัมพนั ธ์ฟังก์ชัน ล้าดับและอนุกรม และน้าไปใช้ มาตรฐาน ค 1.3 ใชน้ ิพจน์สมการ และอสมการ อธิบายความสมั พนั ธห์ รอื ชว่ ยแก้ปัญหาท่ีก้าหนดให้ สาระท่ี 2 การวัดและเรตาคณติ มาตรฐาน ค. 2.1 เขา้ ใจพนื้ ฐานเก่ียวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิง่ ทต่ี ้องการวดั และนา้ ไปใช้ มาตรฐาน ค. 2.2 เข้าใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบัติของรปู เรขาคณิต ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งรูปเรขาคณิต และ ทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และน้าไปใช้ สาระท่ี 3 สถติ แิ ละความน่าจะเปน็ มาตรฐาน ค 3.1 เขา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใช้ความรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา มาตรฐาน ค 3.2 เข้าใจหลักการนบั เบ้ืองต้น ความน่าจะเป็น และน้าไปใช้ ตวั ช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์* สาระที่ ๑ จานวนและพีชคณิต มาตรฐาน ค. ๑.๑ เตา้ ใจความหลากหลายตองการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการตองจานวน ผลที่เกิดตนึ้ จากการดาเนนิ การ สมบตั ติ องการดาเนนิ การ และนาไปใช้ ช้ัน ตวั ช้ีวัด / ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ม.๑ ๑. เข้าใจจา้ นวนตรรกยะและความสมั พันธ์ของจ้านวน จา้ นวนตรรกยะ ตรรกยะ และใชส้ มบตั ขิ องจ้านวนตรรกยะในการ - จ้านวนเต็ม แก้ปญั หาคณติ ศาสตรแ์ ละปัญหาในชวี ิตจริง - สมบตั ิของจ้านวนเตม็ ๒. เขา้ ใจและใชส้ มบัติของเลขยกกา้ ลงั ที่มเี ลขช้ีกา้ ลัง - ทศนิยมและเศษส่วน เปน็ จา้ นวนเตม็ บวกในการแก้ปญั หาคณติ ศาสตรแ์ ละ - จ้านวนตรรกยะและสมบตั ิของจา้ นวนตรรกยะ ปัญหาในชีวิตจรงิ - เลขยกก้าลังท่มี ีเลขชี้ก้าลงั เป็นจ้านวนเต็มบวก - การน้าความรเู้ กยี่ วกบั จ้านวนเตม็ จา้ นวนตรรกยะ และเลขยกกา้ ลังไปใชใ้ นการแกป้ ญั หา ๓. เข้าใจและประยุกต์ใช้อตั ราสว่ น สดั ส่วน และร้อย อัตราสว่ น ละ ในการแกป้ ัญหาคณติ ศาสตรแ์ ละปญั หาในชีวติ จริง - อัตราสว่ นของจา้ นวนหลาย ๆ จา้ นวน - สัดสว่ น - การน้าความรู้เก่ียวกับอตั ราสว่ น สดั สว่ นและรอ้ ยไป ใช้ในการแก้ปญั หา มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ ิพจน์ สมการ และอสมการ อธบิ ายความสัมพนั ธห์ รอื ช่วยแก้ปัญหาที่กาหนดให้ ช้นั ตวั ชว้ี ัด/ผลการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ ม.๑ ๑. เข้าใจและใชส้ มบตั ิของการเทา่ กนั และสมบัติของ สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว จา้ นวนเพ่อื วเิ คราะหแ์ ละแก้ปัญหาโดยใช้สมการเชิงเส้น - สมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี ว ตัวแปรเดยี ว - การแก้สมการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว - การน้าความรูเ้ กย่ี วกับการแก้สมการเชิงเส้นตวั แปร เดียวไปใชใ้ นชีวติ จริง
ช้ัน ตวั ชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ ๒. เขา้ ใจและใชค้ วามรเู้ กีย่ วกับกราฟในการแกป้ ญั หา สมการเชิงเส้นสองตัวแปร คณติ ศาสตร์และปญั หาในชวี ิตจริง - กราฟของความสัมพันธ์เชงิ เสน้ ๓. เขา้ ใจและใช้ความรู้เกย่ี วกับความสัมพันธ์เชงิ เสน้ ใน - สมการเชิงเสน้ สองตัวแปร การแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ และปัญหาในชวี ิตจรงิ - การน้าความรู้เกี่ยวกับสมการเชิงเส้นสองตัวแปรและ กราฟของความสัมพันธ์เชงิ เส้นไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ สาระที่ ๒ การวดั และเรตาคณิต มาตรฐาน ค. ๒.๒ เตา้ ใจและวเิ คราะหร์ ูปเรตาคณติ สมบัตติ องรูปเรตาคณิต ความสัมพนั ธ์ระหว่างรปู เรตาคณิต และทฤษฎบี ททางเรตาคณติ และนาไปใช้ ชัน้ ตัวชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ม.๑ ๑.ใช้ความรทู้ างเรขาคณิตและเครื่องมือ เช่น วงเวยี น การสร้างทางเรขาคณติ และสนั ตรง รวมทัง้ โปรแกรม The Geometer’s - การสรา้ งพ้นื ฐานทางเรขาคณิต Sketchpad หรอื โปรแกรมเรขาคณติ พลวัตอนื่ ๆ เพอื่ - การสรา้ งรูปเรขาคณติ สองมิติโดยใช้การสร้างพ้ืนฐาน สรา้ งรปู เรขาคณิตตลอดจนน้าความรู้เกี่ยวกบั การสรา้ งนี้ ทางเรขาคณิต ไปประยุกตใ์ ช้ในการแก้ปญหาในชีวติ จรงิ - การน้าความรู้เกีย่ วกับการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณติ ไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ๒. เขา้ ใจและใช้ความรู้ทางเรขาคณิตในการวเิ คราะหห์ า มติ ิสัมพันธ์ของรปู เรขาคณิต ความสัมพนั ธร์ ะหว่างรูปเรข้าคณิตสองมติ แิ ละรูปเรข้า - หนา้ ตดั ของรูปเรขาคณิตสามมิติ คณิตสามมิติ - ภาพที่ไดจ้ า้ กกา้ รมองด้านหนา้ ดา้ นข้างดา้ นบนของรปู เรขาคณิตสามมติ ิทป่ี ระกอบข้นึ จากลูกบาศก์ สาระท่ี ๓ สถติ ิและความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค. ๓.๑ เตา้ ใจกระบวนการทางสถติ ิ และใชค้ วามรทู้ างสถติ ใิ นการแกป้ ญั หา ชนั้ ตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ม.๑ ๑. เขา้ ใจและใชค้ วามรู้ทางสถิตใิ นการน้าเสนอ ข้อมลู สถิติ และแปลความหมายข้อมูล รวมทัง้ นา้ สถิติไปใชใ้ นชวี ิต - การตง้ั คา้ ถามทางสถิติ จริงโดยใชเ้ ทคโนโลยี ท่เี หมาะสม - การเก็บรวบรวมข้อมูล - การน้าเสนอข้อมลู o แผนภมู ริ ปู ภาพ o แผนภูมแิ ท่ง o กราฟเสน้ o แผนภมู ิรูปวงกลม - การแปลความหมายข้อมูล - การน้าสถติ ิไปใชใ้ นชวี ิตจริง คาอธิบายรายวิชา รหสั วชิ า ค21101 รายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ ื้นฐาน 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 เวลาเรยี น 60 ชัว่ โมง จานวน 1.5 หนว่ ยกิต ศกึ ษาการเปรียบเทียบจา้ นวนเต็ม จ้านวนตรงข้ามและค่าสัมบรู ณ์ การบวก การลบ การคูณ และการหาร จ้านวนเต็ม สมบตั ขิ องจา้ นวนเต็ม และการน้าความรู้เก่ียวกับจ้านวนเต็มไปใช้ในชีวติ จริง เศษส่วน การเปรียบเทียบ
เศษส่วน การบวก การลบ การคณู การหารเศษสว่ น และการน้าความรู้เก่ียวกับเศษส่วนไปใชใ้ นชวี ติ จริง ทศนยิ ม คา่ ประจา้ หลักของทศนยิ ม การเปรียบเทยี บทศนิยม การบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม (ไมร่ วมผลลพั ธ์ท่ีเปน็ ทศนยิ มซา้ ) ความสมั พนั ธข์ องเศษสว่ นกบั ทศนิยม การนา้ ความรูเ้ กี่ยวกบั ทศนยิ มไปใชใ้ นชวี ติ จริง และจ้านวน ตรรกยะและสมบตั ิของจ้านวนตรรกยะ การเขยี นเลขยกกา้ ลงั ทม่ี เี ลขชก้ี ้าลังเป็นจา้ นวนเตม็ บวก การคูณและการหาร เลขยกกา้ ลงั เมอ่ื เลขชี้ก้าลงั เป็นจา้ นวนเตม็ บวก การเขียนจ้านวนใน รปู สญั กรณ์วทิ ยาศาสตร์ และการนา้ ความร้เู กยี่ วกบั เลขยกก้าลังไปใช้ในชีวติ จริง หนา้ ตัดของรปู เรขาคณติ สามมติ ิ การอธิบายภาพสองมิตทิ ไี่ ดจ้ ากการมองดา้ นหน้า ด้านขา้ ง และดา้ นบนของรูปเรขาคณติ สามมิติ และรูปเรขาคณิต สามมิตทิ ีป่ ระกอบข้นึ จากลูกบาศก์ แบบรปู และความสมั พันธ์ คา้ ตอบของสมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว สมบตั ขิ องการ เท่ากัน การแกส้ มการเชงิ เส้น ตัวแปรเดียว และการนา้ ความรเู้ ก่ยี วกับสมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี วไปใช้ในชีวติ จริง โดยการจัดประสบการณ์หรอื สรา้ งสถานการณ์ในชีวิตประจ้าวันที่ใกล้ตวั ใหผ้ ูเ้ รยี นได้ศกึ ษา ค้นควา้ ฝึก ทักษะ โดยการปฏบิ ตั จิ ริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพื่อพัฒนาทกั ษะ กระบวนการในการคิดคา้ นวณ การแก้ปัญหา การ ให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และน้าประสบการณด์ า้ นความรู้ ความคิด ทักษะ และกระบวนการท่ีได้ไปใชใ้ นการเรียนร้สู ง่ิ ต่าง ๆ และใชใ้ นชีวิตประจา้ วันอยา่ งสร้างสรรค์ เพอ่ื ให้เห็นคุณค่าและมี เจตคตทิ ่ีดตี ่อคณติ ศาสตร์ สามารถทา้ งานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบยี บ รอบคอบมคี วามรบั ผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรคแ์ ละมคี วามเชอื่ ม่ันในตนเอง ตัวชี้วดั ค 1.1 ม.1/1 เข้าใจจ้านวนตรรกยะและความสัมพนั ธ์ของจ้านวนตรรกยะ และใชส้ มบัติของจ้านวนตรรกยะ ในการแก้ปญั หาคณิตศาสตร์และปญั หาในชวี ิตจริง ค 1.1 ม.1/2 เข้าใจและใชส้ มบัติของเลขยกก้าลงั ท่ีมีเลขชี้กา้ ลังเป็นจ้านวนเตม็ บวกในการแกป้ ัญหา คณิตศาสตร์และปัญหาในชวี ติ จรงิ ค 1.3 ม.1/1 เข้าใจและใช้สมบัติของการเท่ากนั และสมบัติของจ้านวน เพ่ือวิเคราะห์และแกป้ ัญหาโดยใช้ สมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว ค 2.2 ม.1/2 เข้าใจและใชค้ วามรู้ทางเรขาคณิตในการวิเคราะหห์ าความสัมพนั ธ์ระหว่างรปู เรขาคณิตสอง มติ ิและรูปเรขาคณติ สามมติ ิ รวม 4 ตวั ชวี้ ดั โครงสร้างรายวิชาคณติ ศาสตรพ์ นื้ ฐาน 1 ลาดับ ชื่อหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก ท่ี การเรียนรู้ เรียนรู้ / (ชม.) คะแนน ตวั ชี้วดั
ลาดับ ชื่อหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั ที่ การเรียนรู้ เรียนรู้ / (ชม.) คะแนน ตัวชีว้ ัด 1 ระบบ ค 1.1 ม.1/1 จา้ นวนเตม็ ประกอบด้วย จ้านวน เตม็ บวก จา้ นวนเตม็ ลบ 14 10 จ้านวน และศูนย์ การเปรียบเทยี บจา้ นวนเตม็ โดยพจิ ารณาบนเสน้ เต็ม จา้ นวน จา้ นวน ตรงขา้ มและค่าสัมบูรณ์ การบวก การลบ การคูณ และการ หาร จา้ นวนเต็มเป็นการดา้ เนนิ การทางคณิตศาสตร์ โดยมี ความสมั พนั ธก์ ันระหวา่ งการบวกกบั การลบ การคณู กบั การ หาร ส่วนสมบัติของหนึ่งและศูนย์ สมบตั เิ กย่ี วกับการบวก และการคณู จา้ นวนเตม็ นา้ มาช่วยในการหาคา้ ตอบได้ รวมท้ัง การน้าความรเู้ กี่ยวกับจ้านวนเต็มไปใช้ในชวี ิตจริง 2 จ้านวน ค 1.1 ม.1/1 การเปรยี บเทียบเศษส่วน โดยพจิ ารณาท่ีตวั เศษ การบวก 20 10 ตรรกยะ การลบ การคูณและการหารเศษส่วนเปน็ การดา้ เนินการทาง 10 คณิตศาสตร์ โดยมีความสมั พันธ์กันระหวา่ งการบวกกบั การ 20 10 ลบ การคูณกับการหาร การนา้ ความรูเ้ ก่ยี วกับเศษส่วนไปใช้ ในชีวติ จรงิ การเปรียบเทียบทศนิยม โดยใชเ้ สน้ จา้ นวนและใช้ คา่ ประจา้ หลักของทศนิยม การบวก การลบ การคูณและการ หารทศนยิ มเป็นการดา้ เนินการทางคณิตศาสตร์ โดยมี ความสัมพันธ์กนั ระหวา่ งการบวกกับการลบ การคูณกับการ หาร ความสัมพันธข์ องเศษส่วนกับทศนิยม การนา้ ความรู้ เกี่ยวกับทศนยิ มไปใชใ้ นชวี ติ จริง และจา้ นวนตรรกยะเปน็ จ้านวนทสี่ ามารถเขียนอยู่ในรูปทศนิยมซา้ หรือเศษส่วนได้ รวมท้ังสมบัตขิ องหนึ่งและศูนย์ และสมบัติเกยี่ วกบั การบวก และการคณู จ้านวนตรรกยะสามารถน้ามาชว่ ยในการหา คา้ ตอบได้ 3 เลขยก ค 1.1 ม.1/2 เลขยกกา้ ลงั เป็นสัญลักษณ์ใช้แสดงจา้ นวนทเี่ กดิ จากการคูณ 10 ก้าลัง ตวั เองซ้ากนั หลาย ๆ ตัว สา้ หรบั เลขยกกา้ ลงั ท่มี ีฐาน เดียวกนั และมีเลขชก้ี า้ ลังเปน็ จ้านวนเต็มสามารถน้ามาคูณ และหารกันไดโ้ ดยใชส้ มบัตกิ ารคณู และการหารของเลขยก กา้ ลัง ส่วนสัญกรณว์ ิทยาศาสตรเ์ ปน็ การเขยี นจ้านวนใน รูปการคณู ของจ้านวนทมี่ ากกวา่ หรอื เทา่ กบั 1 แตน่ ้อยกวา่ 10 กับเลขยกกา้ ลงั ทมี่ ีฐานเป็นสบิ และมเี ลขช้ีก้าลงั เปน็ จา้ นวนเต็ม นยิ มใช้กับจา้ นวนทม่ี ีคา่ มาก ๆ หรือจ้านวนท่มี ี ค่าน้อย ๆ รวมท้ังการนา้ ความรู้เกย่ี วกบั เลขยกกา้ ลังไปใชใ้ น ชวี ติ จรงิ สอบกลางภาค 5 มิติ ค 2.2 ม.1/2 รปู เรขาคณติ สามมิติมีหน้าตดั เป็นรูปเรขาคณิตสองมิติท่มี ี 6
ลาดบั ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ท่ี การเรียนรู้ เรยี นรู้ / (ชม.) คะแนน ตวั ชว้ี ดั สัมพนั ธ์ ลกั ษณะแตกตา่ งกัน โดยขน้ึ อยกู่ บั แนวในการตัด 2 แนว คือ 10 10 ของรปู แนวต้ังฉากกบั พ้ืนราบ และแนวขนานกบั พืน้ ราบ ซึ่งการ 60 เรขาคณิต สืบเสาะและสังเกต นา้ มาระบุภาพสองมติ ิทไี่ ดจ้ ากการมอง 30 รูปเรขาคณติ สามมิติ และรูปเรขาคณิตสามมติ ิทป่ี ระกอบข้ึน 100 6 สมการเชงิ ค 1.3 ม.1/1 จากลกู บาศก์ กา้ หนดมมุ มองภาพได้ 3 แบบ คือ มอง เส้นตวั แปร ดา้ นหนา้ ด้านข้าง และดา้ นบน รวมท้ังการเขยี นรูป เดียว เรขาคณติ สองมิตเิ พ่ือแสดงรปู เรขาคณติ สามมิติทปี่ ระกอบ ขึ้นจากลูกบาศก์ รวมตลอดภาคเรียน แบบรูปเป็นการแสดงความสัมพนั ธ์ของสงิ่ ตา่ ง ๆ ท่ีมี ลักษณะส้าคญั บางอยา่ งร่วมกันอยา่ งมีเงื่อนไข ซง่ึ ใช้การ สงั เกต การวิเคราะห์ เพ่ือหาเหตผุ ลมาสนับสนนุ แล้วเขียน ให้อยูใ่ นรปู สมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดียว สว่ นค้าตอบของ สมการเชงิ เส้น ตัวแปรเดยี ว คอื จา้ นวนทแี่ ทนคา่ ของตัวแปรทปี่ รากฏอยู่ใน สมการ แล้วท้าให้สมการเป็นจรงิ การแกโ้ จทย์ปญั หา เกี่ยวกับสมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียว ใชส้ มบตั ขิ องการเทา่ กัน ในการหาค้าตอบของสมการและตรวจสอบคา้ ตอบ รวมทง้ั การนา้ ความรูเ้ ก่ียวกบั สมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี วไปใช้ใน ชีวิตจรงิ สอบปลายภาค
ตอนที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ระบบจานวนเตม็
ตอนที่ 3 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 รายวิชาคณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน รหสั วิชา ค21101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ชื่อหน่วย ระบบจานวนเตม็ เวลารวม 14 ชว่ั โมง เรือ่ ง จานวนเต็มและการเปรียบเทียบจานวนเต็ม เวลา 2 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นางสาวกรรณกิ า ลิกัลตา 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชวี้ ดั มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ้านวน ระบบจ้านวน การด้าเนินการของจ้านวน ผลท่ี เกิดข้ึนจากการดา้ เนินการ สมบัติของการด้าเนินการ และน้าไปใช้ ตัวชี้วดั ค 1.1 ม.1/1 เข้าใจจา้ นวนตรรกยะและความสมั พนั ธ์ของจ้านวนตรรกยะ และใช้สมบัติของจ้านวนตรรก ยะในการแก้ปัญหาคณิตศาสตรแ์ ละปัญหาในชวี ติ จรงิ 2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด จ้านวนเต็มประกอบด้วย จ้านวนเต็มบวก จ้านวนเต็มลบและศูนย์ ซ่ึงเราสามารถเปรียบเทียบจ้านวนเต็มใด ๆ โดยพิจารณาบนเส้นจ้านวน จ้านวนเต็มที่อยู่ทางขวาจะมคี า่ มากกว่าจา้ นวนเตม็ ทอี่ ยทู่ างซ้ายเสมอ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 นกั เรียนสามารถระบหุ รือยกตวั อย่างจา้ นวนเตม็ บวก จ้านวนเต็มลบ และศูนย์ได้ (K) 3.2 นักเรียนสามารถเปรยี บเทยี บจ้านวนเต็มได้ (K) 3.3 นักเรยี นสามารถเรียงล้าดบั จา้ นวนจากมากไปน้อย หรอื นอ้ ยไปมากได้ (K) 3.4 นกั เรยี นสามารถใชเ้ สน้ จ้านวนในการเปรยี บเทียบจ้านวนเต็มได้ (P) 3.5 รับผิดชอบตอ่ หน้าที่ทไี่ ด้รับมอบหมาย (A) 4. สาระการเรยี นรู้ จา้ นวนเต็ม 5. สมรรถนะสาคัญตองผ้เู รียน 5.1. ความสามารถในการสอื่ สาร 5.2. ความสามารถในการคดิ - การใหเ้ หตุผล การสรุปความรู้ การปฏิบตั ิ 5.3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 5.4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1. มีวนิ ัย 6.2. ใฝเ่ รียนรู้ 6.3. มงุ่ ม่นั ในการท้างาน 7. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1
7.1 ตนั้ นาเต้าสบู่ ทเรยี น 1. ครูกลา่ วทักทายกับนักเรยี น แลว้ แจ้งผลการเรียนรู้ใหน้ ักเรียนทราบ 2. ครกู ระตุ้นความสนใจของนักเรยี น โดยให้นกั เรียนดูภาพหน้าหน่วย จากน้นั ครูยกสถานการณ์ของทวีป แอนตาร์กตกิ า 3. ครถู ามคา้ ถามในหนังสือเรยี น หนา้ 2 ว่า “จากสถานการณ์ของทวปี แอนตาร์กติกาข้างต้น นักเรียนคิดวา่ อณุ หภูมิท่ีไดบ้ ันทึกไวข้ องทวปี แอนตาร์กตกิ าต่างกันอยา่ งไร” แลว้ ให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ หมายเหตุ* ครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยค้าถามในหนังสอื เรียน หน้า 2 หลงั เรียนหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 4. ครใู หน้ กั เรยี นดรู ปู เทอรโ์ มมเิ ตอรแ์ สดงอุณหภมู ิโดยเฉลย่ี ของเมอื งหลวง 5 ประเทศ ในทวีปเอเชยี ใน หนังสอื เรียน หนา้ 3 จากนั้นใหน้ ักเรียนเขยี นแสดงอณุ หภมู ิของเมอื งหลวง 5 ประเทศ บนเสน้ จา้ นวน แล้วถามค้าถาม ดงั นี้ เส้นจา้ นวนท่นี กั เรียนเขียนแสดงอุณหภมู ิของเมืองหลวง 5 ประเทศ แสดงจ้านวนชนดิ ใดบ้าง (แนวตอบ จา้ นวนนบั และศนู ย์) จากเส้นจ้านวน นกั เรยี นคดิ ว่าอณุ หภูมิของเมอื งใดสูงที่สดุ เพราะเหตุใด (แนวตอบ กรุงเทพฯ เพราะ บนเส้นจา้ นวนจะเหน็ วา่ 29 อยูท่ างขวาและมีคา่ มากทส่ี ดุ ) จากเสน้ จ้านวน นกั เรยี นคิดว่าอณุ หภมู ิของเมอื งใดต่้าทส่ี ดุ เพราะเหตุใด (แนวตอบ โตเกียว เพราะ บนเส้นจา้ นวนจะเหน็ ว่า 7 อยู่ทางซา้ ยสดุ ) เรียงล้าดับอณุ หภูมิจากสงู สดุ ไปต้่าสุด ได้อย่างไร (แนวตอบ 29, 27, 20, 17, 7) บนเส้นจ้านวน จา้ นวนใดมคี า่ มากกวา่ (แนวตอบ จา้ นวนที่อยู่ทางขวาจะมีค่ามากกวา่ จา้ นวนท่ีอยู่ทางซ้าย) 5. จากนัน้ ครูถามค้าถามเพอื่ ในนักเรยี นเชอื่ มโยงความรู้รอบตวั ดังนี้ นกั เรยี นเคยดขู ่าวพยากรณอ์ ากาศของกรมอุตนุ ยิ มวิทยาหรือไม่ ตวั เลขทแ่ี สดงอณุ หภมู ขิ องประเทศ ต่าง ๆ ในทวปี ยโุ รปเหมือนกัน หรอื แตกตา่ งจากประเทศไทยหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ นกั เรยี นตอบค้าถามได้หลากหลายตามพ้นื ฐานความรู้และประสบการณ์ของตนเอง เชน่ เหมือนกนั เพราะแสดงโดยใช้จา้ นวนนบั หรือแตกตา่ งกนั เพราะอณุ หภูมิในฤดูหนาวของทวีปยุโรป จะแสดงโดยใชจ้ า้ นวนนับทม่ี เี ครื่องหมายลบอยขู่ ้างหน้า เป็นต้น) 7.2 ตัน้ สอน 1. ครใู ห้นกั เรียนจับคู่ศึกษาเน้ือหาในหนงั สือเรยี น หนา้ 4 หวั ขอ้ 1.1 จา้ นวนเต็ม แล้วแลกเปลยี่ นความรู้กบั คู่ของตนเอง จากนน้ั ครูถามค้าถาม ดงั นี้ จ้านวนเตม็ ทีอ่ ยู่ทางขวาของศูนย์บนเส้นจ้านวน คือ (แนวตอบ จ้านวนเตม็ บวก) จา้ นวนเต็มทอ่ี ยู่ทางซา้ ยของศูนย์บนเส้นจ้านวน คือ (แนวตอบ จา้ นวนเต็มลบ) จากคณติ น่ารู้ นักเรยี นจะสงั เกตได้อยา่ งไรว่า ทา้ ไม “ศูนย”์ จึงไมเ่ ปน็ ทัง้ จา้ นวนเต็มบวกและ จา้ นวนเตม็ ลบ (แนวตอบ สังเกตจากเส้นจ้านวน จะพบว่า ศูนย์อยู่ตรงกลางระหว่างจ้านวนเตม็ บวกกบั จ้านวนเตม็ ลบ ดงั นน้ั ศูนย์จึงไม่เป็นทั้งจ้านวนเตม็ บวกและจ้านวนเตม็ ลบ) 2. ครูยกตวั อย่างเส้นจา้ นวนแสดงต้าแหน่งของ -5, -3 และ 2 บนกระดาน แลว้ ให้นักเรยี นสังเกตตา้ แหน่ง ของ 2 กบั -3 และ -5 กับ -3 จากน้ันอธิบายวา่ จากเสน้ จ้านวนบนกระดานนักเรยี นจะสังเกตเห็นวา่ 2 อย่ทู างขวาของ -3 แสดงว่า -3 มีค่าน้อยกว่า 2 หรือแสดงว่า 2 มากกว่า -3 ใช้สญั ลักษณ์ 2 > -3 และ -3 อยู่ทางขวาของ -5 แสดงว่า -3 มากกว่า -5 หรือแสดงว่า -5 น้อยกว่า -3 ใช้สัญลกั ษณ์ -5 < -3 3. ครถู ามคา้ ถาม ดังน้ี
เม่ือนักเรียนทราบจากหวั ข้อ 1.1 เร่อื งจ้านวนเต็มว่า จา้ นวนเตม็ บวกทุกจ้านวนอย่ทู างขวาของศูนย์ และจ้านวนเตม็ ลบทุกจา้ นวนอย่ทู างซ้ายของศนู ย์ นักเรียนสามารถอธบิ ายการเปรียบเทียบจ้านวน เต็มบนเส้นจ้านวนว่าจา้ นวนใดมคี า่ มากกว่าได้อยา่ งไร (แนวตอบ บนเส้นจา้ นวน จา้ นวนเตม็ ทอ่ี ยทู่ างขวาจะมคี ่ามากกวา่ จา้ นวนเต็มที่อยูท่ างซา้ ย) 4. ครูใหน้ กั เรียนอ่าน “คณิตน่ารู้” จากหนังสือเรยี น หน้า 4 พรอ้ มทง้ั แสดงให้นักเรียนดูว่าบนเสน้ จา้ นวน ศูนย์อยตู่ รงกลางระหวา่ งจา้ นวนเตม็ บวกกับจา้ นวนเตม็ ลบ ดงั น้นั ศูนยจ์ ึงไม่เปน็ ท้งั จ้านวนเตม็ บวกและ จา้ นวนเต็มลบ 5. ครูใหน้ ักเรียนท้า Exercise 1.1 ในแบบฝกึ หดั คณิตศาสตร์ เปน็ การบ้าน ช่ัวโมงที่ 2 1. ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยค้าตอบ Exercise 1.1 2. ครกู ลา่ วทบทวน ดงั นี้ - จา้ นวนเต็มประกอบด้วย จา้ นวนเต็มบวก จา้ นวนเตม็ ลบ และศูนย์ - จา้ นวนเต็มบวกจะอยูท่ างขวาของศูนย์บนเส้นจ้านวน จ้านวนเตม็ ลบจะอยู่ทางซา้ ยของศูนยบ์ นเส้น จ้านวน - ศูนยไ์ ม่เปน็ ท้ังจา้ นวนเต็มบวกและจ้านวนเต็มลบ 3. ครใู ห้นกั เรยี นจับคู่ศึกษาตัวอย่างท่ี 1 ในหนังสอื เรยี น หน้า 5 แลว้ แลกเปล่ียนความร้กู บั คูข่ องตนเอง จากนนั้ ให้นกั เรียนแต่ละคนท้า “ลองท้าดู” 4. ครูและนกั เรียนร่วมกันเฉลยค้าตอบ “ลองท้าดู” 5. ครแู จกใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง การเปรียบเทยี บจา้ นวนเตม็ ใหน้ ักเรียนทา้ จากนนั้ ครูและนักเรยี นร่วมกัน เฉลยค้าตอบใบงานที่ 1.1 6. ครยู กตัวอยา่ งจ้านวนเตม็ บวกหา้ จ้านวน ได้แก่ 1, 2, 3, 4, 5 และจา้ นวนเต็มลบหา้ จา้ นวน ไดแ้ ก่ -2, -4, -6, -8, -10 บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนสงั เกตการเรียงของจ้านวนที่กา้ หนดให้ จากนั้นครถู ามค้าถาม ดังน้ี จากชดุ ของจา้ นวน 1, 2, 3, 4, 5 จ้านวนแตล่ ะคู่ที่อยู่ตดิ กันมคี วามสมั พันธก์ นั อย่างไร และจา้ นวน ถัดไปอีก 2 จ้านวนคือจ้านวนใด ตามล้าดับ (แนวตอบ มีความสมั พันธก์ นั คือ จา้ นวนที่อยู่ติดกันจะเพ่ิมขนึ้ ครง้ั ละ 1 และจา้ นวนถัดไปอีก 2 จา้ นวน คือ 6 และ 7 ตามลา้ ดบั ) จากชุดของจา้ นวน -2, -4, -6, -8, -10 จา้ นวนแตล่ ะคู่ท่อี ยตู่ ิดกนั มคี วามสัมพนั ธก์ นั อยา่ งไร และ จา้ นวนถัดไปอีก 2 จ้านวน คือจ้านวนใด ตามล้าดบั (แนวตอบ มคี วามสัมพันธ์กันคือ จ้านวนท่ีอยู่ติดกันจะลดลงคร้ังละ 2 และจ้านวนถัดไปอีก 2 จ้านวน คอื -12 และ -14 ตามล้าดับ) 7. ครใู หน้ กั เรียนจบั คู่ศกึ ษาตวั อยา่ งท่ี 2 ในหนงั สอื เรียน หน้า 5 แลว้ แลกเปล่ียนความรูก้ ับคขู่ องตนเอง จากนั้นให้นกั เรียนแตล่ ะคนท้า “ลองทา้ ดู” 8. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั เฉลยค้าตอบ “ลองทา้ ดู” 9. ครแู จกใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง แบบรูปของจ้านวน ให้นักเรียนท้า จากน้ันครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยค้าตอบ 10. ให้นกั เรียนทา้ แบบฝกึ ทักษะ 1.2 เปน็ การบ้าน 11. ครใู ห้นักเรียนจดั กลมุ่ กล่มุ ละ 4 คน คละความสามารถทางคณิตศาสตร์ แล้วท้ากิจกรรม ดังน้ี - ครแู จกใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง การเรยี งลา้ ดบั จา้ นวน ให้นักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกนั ท้า - ใหส้ มาชกิ ภายในกลุ่มคิดจา้ นวนเตม็ คนละ 2 จ้านวน แลว้ เขียนจา้ นวนทสี่ มาชิกภายในกลมุ่ แตล่ ะ คนคดิ ไวโ้ ดยเขยี นเปน็ ข้อ 3 ลงในใบงานท่ี 1.3 จากน้นั เขียนเรียงล้าดับจา้ นวนจากน้อยไปมาก และมาก ไปนอ้ ย และส่งตัวแทนกลมุ่ ละ 2 คน มาน้าเสนอหน้าชน้ั เรียน
7.3 ต้นั สรปุ 1. ครูให้นกั เรยี นเขียนสรปุ ความรรู้ วบยอดเรื่อง จ้านวนเตม็ และการเปรยี บเทียบจา้ นวนเต็ม ลงในสมดุ 2. ครถู ามคา้ ถามเพื่อประเมินความรรู้ วบยอดของนักเรียน ดังนี้ จา้ นวนเต็มประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง (แนวตอบ จา้ นวนเต็มประกอบดว้ ย จา้ นวนเต็มบวก จา้ นวนเต็มลบ และศูนย์) การเปรยี บเทยี บจ้านวนเต็มบนเส้นจ้านวนมีหลกั การอยา่ งไร (แนวตอบ บนเส้นจา้ นวน จ้านวนเต็มท่อี ยูท่ างขวาจะมคี า่ มากกวา่ จา้ นวนเต็มท่ีอยูท่ างซา้ ย) 8. ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรยี นรู้ 8.1.1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน คณติ ศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ระบบจา้ นวนเตม็ 8.1.2. แบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ระบบจา้ นวนเต็ม 8.1.3. ใบงานท่ี 1.1 เรือ่ ง การเปรียบเทยี บจ้านวนเต็ม 8.1.4.ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง แบบรูปของจ้านวน 8.1.5 ใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง การเรยี งล้าดบั จ้านวน 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 8.2.1 ห้องเรียน 8.2.2 ห้องสมดุ 8.2.3 อินเทอรเ์ น็ต 9. การวดั และประเมนิ ผล สิง่ ที่ต้องการวัด วธิ ีการวดั เครื่องมอื ทใ่ี ช้วัด เกณฑก์ ารวดั แบบประเมินผลงาน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 1.นักเรียนสามารถระบุหรือ ตรวจใบงาน/แบบฝึกหดั ใบงาน/แบบฝึกหัด ยกตวั อย่างจา้ นวนเต็มบวก จา้ นวน ตรวจใบงาน/แบบฝึกหัด ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 เตม็ ลบ และศนู ย์ได้ (K) แบบประเมนิ ผลงาน ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ใบงาน/แบบฝึกหดั 2.นักเรียนสามารถเปรียบเทยี บ ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 จา้ นวนเต็มได้ (K) แบบประเมนิ ผลงาน อยใู่ นระดับดีขึน้ ไป ใบงาน/แบบฝกึ หัด 3.นักเรยี นสามารถเรียงลา้ ดบั จ้านวน ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หดั จากมากไปน้อย หรือน้อยไปมากได้ แบบประเมนิ ผลงาน (K) กล่มุ /รายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรม 4.นกั เรียนสามารถใช้เส้นจา้ นวนใน ผลงานกลมุ่ /รายบคุ คล การท้างานกลุ่ม การเปรยี บเทียบจ้านวนเตม็ ได้ (P) 5. รับผดิ ชอบต่อหน้าท่ีที่ไดร้ ับ สงั เกตพฤติกรรมกลุ่ม มอบหมาย (A)
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 เนอ้ื หาละเอียดชดั เจน 2 ความถูกตอ้ งของเน้ือหา 3 ภาษาทใี่ ช้เข้าใจงา่ ย 4 ประโยชนท์ ี่ได้จากการน้าเสนอ 5 วธิ ีการน้าเสนอผลงาน รวม ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่า้ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ นื่ 3 การท้างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมนี า้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม้่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่้ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงค์ด้าน 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทสี่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ ต่อโรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏบิ ัติตามหลัก ศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีเกยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่ี โรงเรียนจัดขึ้น 2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ 2.1 ให้ข้อมลู ทถี่ ูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ใิ นสิ่งทถ่ี กู ต้อง 3. มวี นิ ัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของ ครอบครวั มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมต่าง ๆ ใน ชวี ิตประจา้ วัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และน้าไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รูจ้ กั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เช่ือฟงั ค้าสง่ั สอนของบิดา - มารดา โดยไมโ่ ต้แย้ง 4.4 ตัง้ ใจเรียน 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 5.1 ใช้ทรพั ย์สนิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คณุ คา่ 5.3 ใช้จา่ ยอยา่ งประหยดั และมีการเก็บออมเงนิ 6. ม่งุ มั่นในการ 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทา้ งานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ท้างาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อปุ สรรคเพ่ือให้งานส้าเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตส้านกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั ช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู ้างาน 8.2 ร้จู ักการดแู ลรกั ษาทรัพย์สมบัติและสง่ิ แวดล้อมของห้องเรยี น และโรงเรียน ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน (นางสาวกรรณิกา ลิกลั ตา) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนและสม้า่ เสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยคร้งั ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตบิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน
10. บันทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ ผลการจดั การเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….....……… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ต้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………........…………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวกรรณกิ า ลิกัลตา) ตา้ แหนง่ ครู ความคิดเหน็ หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...………………………………………………………………………………………………………………………………........... ลงชอื่ ……………………………………………. (นายคมสัน มณศี รี) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ความคิดเหน็ รองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชอื่ ……………………………………………. (นายไพฑูรย์ มณีจันทร์) รองผ้อู ้านวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ความคดิ เหน็ ผอู้ านวยการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวพรณภทั ร์ พงษว์ รัชญพ์ ร) ผ้อู า้ นวยการโรงเรียนเทพสถติ วิทยา วันท.ี่ ...........เดือน........................พ.ศ................
ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง การเปรียบเทยี บจานวนเตม็ คาช้แี จง : จงเติมเครื่องหมาย > หรือ < ลงใน ใหถ้ กู ต้อง 2) 25 1) 5 2 4) -15 52 6) -16 -13 3) -2 -1 8) -27 -18 10) -75 -49 5) -10 -20 12) 243 -100 14) -84 512 7) -24 -17 16) -352 84 18) -1,250 -354 9) 14 -41 20) -21,865 -1,205 -21,568 11) -186 -168 13) 54 -93 15) -105 105 17) 1,536 1,535 19) 8,982 -5,642
เฉลยใบงานที่ 1.1 เร่อื ง การเปรยี บเทยี บจานวนเตม็ คาช้แี จง : จงเติมเครื่องหมาย > หรือ < ลงใน ให้ถูกต้อง 52 1) 5 > 2 2) 25 < -13 3) -2 < -1 4) -15 < -18 5) -10 > -20 6) -16 > -49 7) -24 < -17 8) -27 > -100 9) 14 > -41 10) -75 > 512 11) -186 < -168 12) 243 < 84 13) 54 > -93 14) -84 < -354 15) -105 < 105 16) -352 > -1,205 17) 1,536 > 1,535 18) -1,250 < -21,568 19) 8,982 > -5,642 20) -21,865 <
ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง แบบรปู ตองจานวน คาช้แี จง : ให้นักเรยี นบอกความสมั พนั ธข์ องแบบรปู และเติมจา้ นวนลงในช่องวา่ งให้ถูกต้อง 1. จงบอกความสมั พันธ์ของแบบรปู ท่กี ้าหนดให้ 1) 5, 8, 11, 14, ... …………………………………………………………………………………………………………..…………… 2) -10, -15, -20, -25, ... …………………………………………………………………………………………………………..…………… 3) 2, 0, -2, -4, ... …………………………………………………………………………………………………………..…………… 4) -7, -3, 1, 5, ... …………………………………………………………………………………………………………..…………… 5) -18, -24, -30, -36, ... …………………………………………………………………………………………………………..…………… 2. จากแบบรูปท่ีกา้ หนดให้ จงเติมจา้ นวนลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง 1) 10, 12, 16, 18, 2) -2, 0, 1, 2, 3) -1, -6, -11, -21 4) 17, 11, 5, -13 5) -98, -105, -119,
เฉลยใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง แบบรปู ตองจานวน คาชี้แจง : ให้นักเรียนบอกความสัมพันธข์ องแบบรูปและเติมจ้านวนลงในช่องวา่ งให้ถูกต้อง 1. จงบอกความสัมพันธ์ของแบบรูปท่กี ้าหนดให้ 1) 5, 8, 11, 14, ... ………ค…ว…า…มส…มั …พ…นั …ธ…์คือ……เพ…ิ่ม…ข…น้ึ ค…ร…้ัง…………………………………………………………..…………… 2) ล-1ะ03, -15, -20, -25, ... ………ค…ว…า…มส…มั …พ…นั …ธ…์คือ……ลด…ล…ง…คร…ั้ง…ล…ะ ………………………………………………………..…………… 3) 52, 0, -2, -4, ... ………ค…ว…า…มส…มั …พ…ัน…ธ…์คือ……ลด…ล…ง…คร…้ัง…ล…ะ ………………………………………………………..…………… 4) 2-7, -3, 1, 5, ... ………ค…ว…า…มส…ัม…พ…ัน…ธ…ค์ ือ……เพ…ิ่ม…ข…้นึ ค…ร…ง้ั …………………………………………………………..…………… 5) ล-1ะ84, -24, -30, -36, ... ………ค…ว…า…มส…ัม…พ…นั …ธ…ค์ ือ……ลด…ล…ง…คร…ั้ง…ล…ะ ………………………………………………………..…………… 6 2. จากแบบรูปทกี่ า้ หนดให้ จงเตมิ จ้านวนลงในชอ่ งวา่ งให้ถูกตอ้ ง 1) 10, 12, 14, 16, 18 2) -2, -1, 0, 1, 2, 3 3) 4, -1, -6, -11, -16, -21 4) 17, 11, 5, -1, -7, -13 5) -98, -105, -112, -119, -126
ใบงานที่ 1.3 เรื่อง การเรยี งลาดบั จานวน คาช้แี จง : ให้นกั เรียนเรยี งลา้ ดับจ้านวนต่อไปนี้ 1. จงเรียงลา้ ดับจ้านวนต่อไปนี้จากน้อยไปมาก 1) 56, 85, 41, 16, 48, 55 …………………………………………………………………………………………………………..…………… 2) -52, -12, 8, -23, 14, -13 …………………………………………………………………………………………………………..…………… 3) -23, -45, -27, -38, -60, -39 …………………………………………………………………………………………………………..…………… 2. จงเรียงล้าดบั จ้านวนตอ่ ไปนีจ้ ากมากไปน้อย 1) 74, 56, 92, 12, 66, 77 …………………………………………………………………………………………………………..…………… 2) 13, -8, 9, -10, -4, -11 …………………………………………………………………………………………………………..…………… 3) -41, -32, -50, -18, -21, -31 …………………………………………………………………………………………………………..……………
เฉลยใบงานท่ี 1.3 เร่ือง การเรียงลาดบั จานวน คาชี้แจง : ให้นกั เรียนเรยี งลา้ ดับจ้านวนตอ่ ไปน้ี 1. จงเรยี งล้าดบั จ้านวนต่อไปนจ้ี ากนอ้ ยไปมาก 1) 56, 85, 41, 16, 48, 55 …………16…, ……41…,……4…8,……5…5,……5…6…, ……85……………………………………………………..…………… 2) -52, -12, 8, -23, 14, -13 …………-5…2,……-…23…, ……-1…3,……-…12…,……8…, …1…4…………………………………………………..…………… 3) -23, -45, -27, -38, -60, -39 …………-6…0,……-…45…, ……-3…9,……-…38…,……-2…7…, ……-2…3 ……………………………………………..…………… 2. จงเรยี งลา้ ดบั จา้ นวนต่อไปน้ีจากมากไปน้อย 1) 74, 56, 92, 12, 66, 77 …………92…, ……77…,……7…4,……6…6…, …5…6…, ……12……………………………………………………..…………… 2) 13, -8, 9, -10, -4, -11 …………13…, ……9,……-…4,……-…8,……-…10…, ……-1…1……………………………………………………..…………… 3) -41, -32, -50, -18, -21, -31 …………-1…8,……-…21…, ……-3…1…, …-…32…,……-4…1…, ……-5…0……………………………………………..……………
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 2 รายวิชาคณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน รหสั วชิ า ค21101 ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ชอ่ื หน่วย ระบบจานวนเตม็ เวลารวม 14 ชั่วโมง เรอ่ื ง จานวนตรงต้ามและค่าสมั บรู ณ์ เวลา 1 ชัว่ โมง ครูผสู้ อน นางสาวกรรณิกา ลกิ ลั ตา 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ้านวน ระบบจ้านวน การดา้ เนินการของจ้านวน ผลท่ี เกิดข้ึนจากการดา้ เนนิ การ สมบัตขิ องการด้าเนินการ และน้าไปใช้ ตวั ชวี้ ัด ค 1.1 ม.1/1 เขา้ ใจจา้ นวนตรรกยะและความสมั พนั ธ์ของจ้านวนตรรกยะ และใชส้ มบัติของจา้ นวนตรรก ยะในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวติ จริง 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด ถ้า a เป็นจ้านวนเต็มใด ๆ จ้านวนตรงข้ามของ a มีเพียงจ้านวนเดียว เขียนแทนด้วย -a และค่าสัมบูรณ์ของ จา้ นวนเตม็ ใด ๆ เท่ากบั ระยะทจี่ ้านวนเต็มนัน้ อยหู่ า่ งจากศนู ย์ (0) บนเสน้ จ้านวน 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 นักเรียนสามารถหาจา้ นวนตรงขา้ มของจา้ นวนเต็มได้ (K) 3.2 นักเรียนสามารถหาค่าสมั บูรณข์ องจา้ นวนเตม็ ได้ (K) 3.3 นักเรยี นสามารถอธบิ ายจ้านวนตรงขา้ มและคา่ สัมบูรณข์ องจ้านวนเตม็ โดยใชเ้ สน้ จา้ นวนได้ (P) 3.4 รบั ผิดชอบตอ่ หน้าท่ีทไ่ี ด้รบั มอบหมาย (A) 4. สาระการเรียนรู้ จ้านวนตรงข้ามและคา่ สัมบรู ณ์ 5. สมรรถนะสาคัญตองผูเ้ รียน 5.1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 5.2. ความสามารถในการคิด - การให้เหตผุ ล การสรปุ ความรู้ การปฏิบัติ 5.3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 5.4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1. มวี นิ ัย 6.2. ใฝ่เรียนรู้ 6.3. มุ่งม่ันในการท้างาน 7. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 7.1 ตน้ั นาเต้าส่บู ทเรียน ครูทบทวนความรู้เกีย่ วกบั จ้านวนเตม็ และการเปรียบเทียบจา้ นวนเตม็ โดยการถาม - ตอบ ดังนี้ จ้านวนเตม็ ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง (แนวตอบ จา้ นวนเตม็ ประกอบดว้ ย จ้านวนเต็มบวก จ้านวนเต็มลบ และศนู ย์) การเปรียบเทยี บจ้านวนเตม็ บนเส้นจ้านวนมหี ลกั การอย่างไร (แนวตอบ บนเสน้ จ้านวน จา้ นวนเตม็ ท่อี ยทู่ างขวาจะมคี า่ มากกวา่ จา้ นวนเตม็ ท่ีอยูท่ างซ้าย)
7.2 ต้นั สอน 1. ครูให้นกั เรยี นจบั คู่ศกึ ษาเนื้อหาในหนงั สือเรียน หนา้ 7 เรือ่ ง จา้ นวนตรงขา้ ม แล้วแลกเปลี่ยนความรกู้ ับ คขู่ องตนเอง จากน้นั ครูถามค้าถาม ดงั น้ี 3 และ -3 อยู่ที่ตา้ แหนง่ ใดบนเส้นจา้ นวน ถา้ จุดเร่ิมต้นคือ 0 (แนวตอบ 3 อยหู่ า่ งจาก 0 ไปทางขวาเปน็ ระยะ 3 หน่วย และ -3 อยูห่ ่างจาก 0 ไปทางซ้ายเปน็ ระยะ 3 หนว่ ย) 5 และ -5 อยู่ท่ีต้าแหน่งใดบนเสน้ จ้านวน ถ้าจดุ เรม่ิ ต้นคือ 0 (แนวตอบ 5 อยหู่ ่างจาก 0 ไปทางขวาเปน็ ระยะ 5 หนว่ ย และ -5 อยหู่ ่างจาก 0 ไปทางซ้ายเป็นระยะ 5 หน่วย) นักเรยี นคดิ ว่า 3 กับ -3 มคี วามสัมพนั ธ์กนั อยา่ งไร (แนวตอบ นักเรียนอาจตอบได้หลากหลาย เชน่ ตรงขา้ มกัน หรอื ห่างจาก 0 เป็นระยะเทา่ กัน เปน็ ตน้ ) จากการศึกษาเน้ือหาในหนงั สอื เรยี น หนา้ 7 ให้นักเรียนบอกความหมายของจา้ นวนตรงข้าม (แนวตอบ จ้านวนตรงขา้ ม คือ จา้ นวนทอ่ี ยู่หา่ งจาก 0 เป็นระยะเท่ากนั และอยู่คนละด้านของ 0 บน เสน้ จา้ นวน) จา้ นวนตรงข้ามของจา้ นวนเต็มบวก คอื (แนวตอบ จ้านวนเต็มลบ) จา้ นวนตรงข้ามของจ้านวนเต็มลบ คอื (แนวตอบ จา้ นวนเต็มบวก) 2. ครใู ห้นักเรยี นอ่าน “คณิตน่ารู้” จากหนงั สือเรียน หน้า 7 พร้อมท้งั แสดงใหน้ ักเรยี นดวู ่าบนเส้นจ้านวน ศูนยอ์ ยู่ตรงกลางระหว่างจา้ นวนเตม็ บวกกบั จ้านวนเตม็ ลบ ดงั น้นั จ้านวนตรงขา้ มของ 0 คือ 0 เชน่ เดมิ 3. ครแู จกใบงานที่ 1.4 เร่อื ง จ้านวนตรงขา้ มของจ้านวนเตม็ ใหน้ กั เรียนท้า จากน้ันครแู ละนักเรยี นร่วมกัน เฉลยค้าตอบใบงานท่ี 1.4 4. ครูให้นกั เรียนจับคู่ศกึ ษาเนื้อหาในหนงั สอื เรียน หนา้ 7-8 เร่อื ง คา่ สัมบรู ณ์ แลว้ แลกเปลี่ยนความร้กู ับคู่ ของตนเอง จากน้นั ครถู ามค้าถาม ดงั น้ี คา่ สมั บูรณ์ของจา้ นวนเต็ม คืออะไร (แนวตอบ ค่าสัมบรู ณ์ของจ้านวนเตม็ คอื ระยะหา่ งระหวา่ งจ้านวนเตม็ น้ันกับศนู ย์บนเสน้ จ้านวน) ค่าสัมบูรณ์ของจ้านวนเต็ม a และ -a มคี ่าเทา่ ไร และเทา่ กันหรอื ไม่ (แนวตอบ ค่าสัมบรู ณ์ของ a เทา่ กบั a และคา่ สมั บรู ณ์ของ -a เท่ากับ a ซ่งึ มีค่าเท่ากัน) คา่ สมั บรู ณ์ของจา้ นวนเต็มใด ๆ เป็นจ้านวนเต็มลบไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมไ่ ด้ เพราะค่าสัมบูรณ์เป็นคา่ ของระยะห่าง จงึ ไมส่ ามารถเปน็ ลบได้) ค่าสมั บูรณ์ของ 0 เท่ากับเท่าไร (แนวตอบ ค่าสัมบรู ณข์ อง 0 เทา่ กับ 0) 5. ครกู ลา่ วสรุปว่า “ค่าสมั บรู ณข์ อง 0 เท่ากับ 0 เพราะไม่เกดิ ระยะห่างระหว่าง 0 กบั 0 บนเส้นจ้านวน” 6. ครูให้นักเรยี นจบั คู่ศึกษาตัวอย่างที่ 3 ในหนงั สือเรียน หน้า 8 แลว้ แลกเปลย่ี นความรูก้ ับคขู่ องตนเอง จากนัน้ ให้นักเรียนแต่ละคนท้า “ลองทา้ ดู” 7. ครูและนกั เรยี นร่วมกันเฉลยค้าตอบ “ลองท้าดู” 8. ครูให้นกั เรยี นท้า Exercise 1.3 ในแบบฝกึ หัดคณิตศาสตร์ จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันเฉลยคา้ ตอบ Exercise 1.3 9. ครใู หน้ กั เรียนทา้ แบบฝกึ ทักษะ 1.3 เป็นการบา้ น 10. ครใู หน้ ักเรียนจัดกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน คละความสามารถทางคณิตศาสตร์ แล้วท้ากจิ กรรม ดังนี้ - ครูแจกใบงานท่ี 1.5 เรอ่ื ง คา่ สมั บรู ณข์ องจ้านวนเตม็ ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ทา้
- ให้สมาชิกภายในกล่มุ คดิ จ้านวนเตม็ คนละ 2 จ้านวน แลว้ หาจ้านวนตรงข้ามและหาค่าสัมบูรณ์ของ จา้ นวนเตม็ ท่ตี นเองคดิ จากนัน้ น้าค่าสมั บรู ณม์ าเปรยี บเทียบกนั อยา่ งเชน่ ข้อ 2 ในใบงานท่ี 1.5 โดย เขียนเป็นข้อ 3 ลงในใบงานที่ 1.5 - ส่งตวั แทนกลมุ่ ละ 2 คน มาน้าเสนอหนา้ ชั้นเรียน 7.3 ตน้ั สรุป ครถู ามคา้ ถามเพื่อสรุปความรู้รวบยอดของนกั เรียน ดังนี้ จา้ นวนตรงขา้ ม คืออะไร (แนวตอบ จ้านวนตรงข้าม คือ จ้านวนท่อี ยู่หา่ งจาก 0 เปน็ ระยะเทา่ กนั และอยู่คนละดา้ นของ 0 บน เสน้ จา้ นวน) จ้านวนตรงขา้ มของจ้านวนเต็มบวก คือ (แนวตอบ จา้ นวนเต็มลบ) จา้ นวนตรงขา้ มของจ้านวนเต็มลบ คอื (แนวตอบ จ้านวนเตม็ บวก) คา่ สมั บรู ณข์ องจา้ นวนเต็ม คืออะไร (แนวตอบ ค่าสัมบูรณข์ องจ้านวนเต็ม คือ ระยะหา่ งระหวา่ งจ้านวนเต็มนั้นกับศูนย์บนเส้นจา้ นวน) 8. ส่อื และแหล่งเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 8.1.1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 ระบบจ้านวนเต็ม 8.1.2. แบบฝึกหัดคณติ ศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบจา้ นวนเต็ม 8.1.3. ใบงานที่ 1.4 เรื่อง จ้านวนตรงขา้ มของจา้ นวนเต็ม 8.1.4. ใบงานท่ี 1.5 เร่ือง ค่าสมั บรู ณ์ของจ้านวนเตม็ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 8.2.1 ห้องเรยี น 8.2.2 หอ้ งสมุด 8.2.3 อนิ เทอรเ์ นต็ 9. การวัดและประเมนิ ผล สง่ิ ทีต่ ้องการวดั วธิ ีการวัด เครอื่ งมือทีใ่ ช้วดั เกณฑ์การวดั 1.นกั เรยี นสามารถหาจา้ นวนตรง ตรวจใบงาน/แบบฝึกหดั แบบประเมนิ ผลงาน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 ข้ามของจา้ นวนเตม็ ได้ (K) ใบงาน/แบบฝึกหดั 2.นกั เรยี นสามารถหาค่าสัมบูรณ์ของ ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หดั แบบประเมินผลงาน ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 จ้านวนเตม็ ได้ (K) ใบงาน/แบบฝกึ หดั 3.นกั เรยี นสามารถอธบิ ายจา้ นวน ตรวจใบงาน/แบบฝึกหัด แบบประเมนิ ผลงาน ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ตรงขา้ มและคา่ สัมบรู ณข์ องจ้านวน สงั เกตพฤตกิ รรมกลุ่ม ใบงาน/แบบฝกึ หดั อยใู่ นระดบั ดีขึ้นไป เต็มโดยใช้เส้นจา้ นวนได้ (P) แบบสงั เกตพฤติกรรม 4. รบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ที่ไดร้ บั การท้างานกลมุ่ มอบหมาย (A)
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 เน้ือหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจง่าย 4 ประโยชนท์ ่ีได้จากการน้าเสนอ 5 วิธีการน้าเสนอผลงาน รวม ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมิน ............/................./................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่้ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ นื่ 3 การท้างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมนี า้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม้่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่้ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทีส่ รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบตั ิตามหลัก ศาสนา 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมที่เกยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามท่ี โรงเรยี นจดั ขึ้น 2. ซอ่ื สัตย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง 3. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของ ครอบครวั มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ใน ชีวติ ประจา้ วัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 ร้จู ักใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และน้าไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชื่อฟังค้าสง่ั สอนของบิดา - มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยัดและมีการเก็บออมเงนิ 6. มุ่งมน่ั ในการ 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทา้ งานทีไ่ ด้รับมอบหมาย ทา้ งาน 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรคเพื่อให้งานส้าเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ ส้านกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครูท้างาน 8.2 รู้จักการดแู ลรกั ษาทรัพย์สมบัติและสง่ิ แวดล้อมของห้องเรียน และโรงเรียน ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวกรรณิกา ลิกลั ตา) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนและสม้า่ เสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตบิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน
10. บันทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ ผลการจดั การเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….....……… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ต้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………........…………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ……………………………………………. (นางสาวกรรณกิ า ลิกลั ตา) ต้าแหน่ง ครู ความคิดเห็นหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...………………………………………………………………………………………………………………………………........... ลงชอ่ื ……………………………………………. (นายคมสนั มณีศรี) หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ความคดิ เหน็ รองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชอ่ื ……………………………………………. (นายไพฑรู ย์ มณีจันทร์) รองผู้อา้ นวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ความคิดเหน็ ผอู้ านวยการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชื่อ……………………………………………. (นางสาวพรณภัทร์ พงษว์ รัชญพ์ ร) ผู้อา้ นวยการโรงเรียนเทพสถิตวิทยา วันที.่ ...........เดือน........................พ.ศ................
ใบงานท่ี 1.4 เรอื่ ง จานวนตรงต้ามตองจานวนเต็ม คาชี้แจง : จงเขียนจา้ นวนตรงขา้ มของจา้ นวนต่อไปน้ี 1) จ้านวนตรงขา้ มของ 2 คือ ............................................... 2) จา้ นวนตรงขา้ มของ -6 คอื ............................................... 3) จา้ นวนตรงข้ามของ -11 คือ ............................................... 4) จา้ นวนตรงขา้ มของ 9 คือ ............................................... 5) จา้ นวนตรงขา้ มของ 0 คอื ............................................... 6) จ้านวนตรงขา้ มของ 54 คือ ............................................... 7) จา้ นวนตรงขา้ มของ -93 คือ ............................................... 8) จ้านวนตรงข้ามของ -105 คือ ............................................... 9) จ้านวนตรงขา้ มของ -186 คอื ............................................... 10) จา้ นวนตรงขา้ มของ 1,250 คือ ...............................................
เฉลยใบงานท่ี 1.4 เรื่อง จานวนตรงต้ามตองจานวนเต็ม คาชี้แจง : จงเขยี นจา้ นวนตรงขา้ มของจ้านวนต่อไปน้ี 1) จ้านวนตรงขา้ มของ 2 คือ ................-.2.............................. 2) จ้านวนตรงขา้ มของ -6 คอื ................6............................... 3) จา้ นวนตรงขา้ มของ -11 คือ ................1..1............................. 4) จ้านวนตรงข้ามของ 9 คือ .................-..9............................ 5) จา้ นวนตรงขา้ มของ 0 คือ ................0............................... 6) จา้ นวนตรงขา้ มของ 54 คอื ...............-.5...4............................ 7) จา้ นวนตรงข้ามของ -93 คือ ................9..3............................. 8) จา้ นวนตรงข้ามของ -105 คอื ...............1..0..5............................ 9) จ้านวนตรงขา้ มของ -186 คอื ...............1..8..6............................ 10) จ้านวนตรงข้ามของ 1,250 คอื ..............-.1..,.2..5...0........................
ใบงานท่ี 1.5 เรอื่ ง คา่ สมั บูรณต์ องจานวนเต็ม คาชี้แจง : ให้นกั เรียนตอบคา้ ถามแตล่ ะข้อต่อไปน้ี 1. จงหาคา่ สัมบูรณข์ องจา้ นวนต่อไปน้ี 1) ค่าสัมบรู ณข์ อง 7 เท่ากับ ………………………………………………… 2) คา่ สัมบรู ณ์ของ -8 เท่ากบั ………………………………………………… 3) ค่าสัมบูรณข์ อง 43 เทา่ กบั ………………………………………………… 4) คา่ สัมบูรณ์ของ -51 เท่ากับ ………………………………………………… 2. จงเตมิ เครอ่ื งหมาย >, < หรือ = ลงใน ให้ถกู ต้อง 1) 5 -9 2) -10 10 3) -15 -13 4) -18 -18 5) -25 --22 6) 26 --26
ใบงานที่ 1.5 เรอ่ื ง ค่าสัมบรู ณ์ตองจานวนเต็ม คาชี้แจง : ใหน้ ักเรยี นตอบคา้ ถามแตล่ ะข้อตอ่ ไปน้ี 1. จงหาคา่ สัมบูรณข์ องจ้านวนตอ่ ไปน้ี 1) ค่าสมั บรู ณข์ อง 7 เทา่ กับ ……………7…………………………………… 2) คา่ สมั บูรณข์ อง -8 เทา่ กับ ……………8…………………………………… 3) คา่ สัมบูรณ์ของ 43 เทา่ กับ ……………4…3………………………………… 4) ค่าสัมบรู ณ์ของ -51 เท่ากับ ……………5…1………………………………… 2. จงเตมิ เครื่องหมาย >, < หรือ = ลงใน ใหถ้ กู ต้อง 1) 5 < -9 2) -10 = 10 3) -15 > -13 4) -18 < -18 5) -25 > --22 6) 26 > --26
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 รายวิชาคณติ ศาสตรพ์ นื้ ฐาน รหัสวชิ า ค21101 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ชอื่ หน่วย ระบบจานวนเต็ม เวลารวม 14 ชัว่ โมง เร่ือง การบวกและการลบจานวนเตม็ เวลา 4 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นางสาวกรรณิกา ลกิ ลั ตา 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ้านวน ระบบจ้านวน การดา้ เนินการของจ้านวน ผลที่ เกิดข้ึนจากการดา้ เนินการ สมบัติของการด้าเนินการ และน้าไปใช้ ตวั ชวี้ ดั ค 1.1 ม.1/1 เข้าใจจา้ นวนตรรกยะและความสมั พนั ธข์ องจ้านวนตรรกยะ และใชส้ มบตั ิของจ้านวนตรรก ยะในการแก้ปัญหาคณติ ศาสตร์และปัญหาในชวี ิตจรงิ 2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การบวกจ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเต็มบวกให้น้าค่าสัมบูรณ์มาบวกกัน ผลบวกจะเป็นจ้านวนเต็มบวก การบวกจ้านวนเต็มลบด้วยจ้านวนเต็มลบให้น้าค่าสัมบูรณ์มาบวกกัน ผลบวกจะเป็นจ้านวนเต็มลบ และการบวก จ้านวนเตม็ บวกดว้ ยจา้ นวนเต็มลบหรอื การบวกจา้ นวนเตม็ ลบดว้ ยจ้านวนเต็มบวกให้น้าค่าสัมบูรณ์มาลบกัน ผลบวก จะมีเครื่องหมายตามจ้านวนท่ีมีค่าสัมบูรณ์มากกว่า ส่วนการลบให้ใช้หลักการบวกด้วยจ้านวนตรงข้าม โดย ตวั ต้ัง - ตัวลบ = ตัวตัง้ + จ้านวนตรงขา้ มของตัวลบ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 นักเรียนสามารถหาผลบวกของจ้านวนเต็มได้ (K) 3.2 นกั เรียนสามารถหาผลลบของจา้ นวนเต็มได้ (K) 3.3 นักเรยี นสามารถเขียนอธิบายข้นั ตอนวิธีการหาผลบวกและผลลบของจา้ นวนเต็มได้ (P) 3.4 รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ีทไี่ ด้รบั มอบหมาย (A) 4. สาระการเรยี นรู้ จา้ นวนเตม็ 5. สมรรถนะสาคญั ตองผเู้ รียน 5.1. ความสามารถในการส่ือสาร 5.2. ความสามารถในการคดิ - การให้เหตุผล การสรปุ ความรู้ การปฏิบัติ 5.3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 6.1. มวี นิ ัย 6.2. ใฝ่เรยี นรู้ 6.3. มงุ่ มนั่ ในการท้างาน
7. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 7.1 ตนั้ นาเต้าสบู่ ทเรียน 1. ครทู บทวนความรู้เรื่องการบวกจ้านวนนับด้วยจ้านวนนบั โดยการถาม - ตอบ ดังน้ี นกั เรยี นจ้าไดห้ รือไมว่ า่ การหาผลบวกของจ้านวนนบั ในระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาหาได้อยา่ งไรบา้ ง (แนวตอบ ใชก้ ารนับตอ่ จากจ้านวนใดจา้ นวนหนึง่ หรอื ใชก้ ารนับเพิม่ หรอื การบวกตามแนวต้งั และ การบวกตามแนวนอน) การหาผลบวกของ 5 กบั 3 เขียนเป็นประโยคสัญลกั ษณ์ได้อย่างไร (แนวตอบ 5 + 3 = □ หรือ 3 + 5 = □ ) จากประโยคสัญลักษณ์ มจี ้านวนใดเป็นตัวต้งั และมีจ้านวนใดเปน็ ตวั บวก (แนวตอบ ประโยคสญั ลกั ษณ์ 5 + 3 = □ มี 5 เป็นตวั ตั้ง และมี 3 เปน็ ตวั บวก ประโยคสญั ลกั ษณ์ 3 + 5 = □ มี 3 เปน็ ตวั ต้ัง และมี 5 เป็นตวั บวก) 2. ครูยกตวั อยา่ งการหาผลบวกของ 5 กบั 3 โดยใช้เสน้ จ้านวนในหนังสือเรียน หน้า 10 บนกระดาน แลว้ อธิบาย ดังน้ี - พิจารณาประโยคสญั ลักษณ์ 5 + 3 = □ จากเสน้ จา้ นวน ใหเ้ ริ่มตน้ ท่ี 0 นบั ไปทางขวา 5 หนว่ ย โดย นับตามจา้ นวนของตวั ตงั้ คือ 5 จากนัน้ นับเพิ่มไปทางขวา 3 หน่วย โดยนับตามจ้านวนของตัวบวกคือ 3 จะเหน็ ว่าไปสิน้ สุดท่ี 8 - พิจารณาประโยคสัญลกั ษณ์ 3 + 5 = □ จากเสน้ จา้ นวน ใหเ้ รม่ิ ต้นท่ี 0 นบั ไปทางขวา 3 หน่วย โดย นับตามจา้ นวนของตัวตั้งคือ 3 จากนั้นนบั เพ่ิมไปทางขวา 5 หนว่ ย โดยนบั ตามจา้ นวนของตวั บวกคอื 5 จะเห็นวา่ ไปสน้ิ สุดที่ 8 เชน่ เดยี วกนั 3. ครถู ามคา้ ถาม ดงั นี้ จากเส้นจา้ นวน หลงั จากนับแลว้ ไปสิ้นสดุ ท่ีเลขใด (แนวตอบ สิน้ สดุ ทีเ่ ลข 8) ดังนัน้ ผลบวกของ 5 กบั 3 เทา่ กับเทา่ ไร (แนวตอบ ผลบวกของ 5 กบั 3 เท่ากับ 8) จากตัวอย่างการบวกจ้านวนนับด้วยจ้านวนนับดงั กล่าว นกั เรียนคิดว่าผลบวกทไ่ี ดเ้ ป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกท่ีได้เปน็ จา้ นวนนบั ) 7.2 ตัน้ สอน 1. ครอู ธบิ ายความรู้ ดังน้ี “จา้ นวนนับเรยี กอีกอยา่ งหน่ึงว่า จ้านวนเต็มบวก ดังน้นั การบวกจา้ นวนนบั ดว้ ย จ้านวนนับ จงึ เรียกอกี อย่างหนึ่งว่า การบวกจา้ นวนเตม็ บวกด้วยจา้ นวนเตม็ บวก และการบวกจ้านวนนบั ดว้ ยจา้ นวนนับ จะได้ผลบวกเปน็ จา้ นวนนับ จงึ กลา่ วไดอ้ ีกอยา่ งหน่ึงว่า การบวกจ้านวนเต็มบวกด้วย จ้านวนเตม็ บวก จะไดผ้ ลบวกเปน็ จา้ นวนเต็มบวก” 2. ครใู หน้ กั เรยี นจบั คู่ศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หนา้ 10 เรือ่ ง การบวกจา้ นวนเตม็ ลบด้วยจ้านวนเตม็ ลบ แลว้ แลกเปลย่ี นความรกู้ บั ค่ขู องตนเอง จากนัน้ ครถู ามค้าถาม ดังน้ี การหาผลบวกของ -5 กับ -3 เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ได้อยา่ งไร (แนวตอบ (-5) + (-3) = □ หรือ (-3) + (-5) = □ ) จากประโยคสญั ลักษณ์ มจี า้ นวนใดเป็นตวั ต้ังและมีจ้านวนใดเป็นตัวบวก (แนวตอบ ประโยคสญั ลกั ษณ์ (-5) + (-3) = □ มี -5 เปน็ ตัวตัง้ และมี -3 เป็นตัวบวก ประโยคสัญลกั ษณ์ (-3) + (-5) = □ มี -3 เป็นตัวต้งั และมี -5 เป็นตวั บวก) 3. ครยู กตัวอยา่ งการหาผลบวกของ -5 กับ -3 โดยใช้เส้นจา้ นวนในหนังสือเรยี น หน้า 10 บนกระดาน แล้ว อธิบาย ดังน้ี
- พจิ ารณาประโยคสญั ลักษณ์ (-5) + (-3) = □ จากเส้นจ้านวน ใหเ้ ร่มิ ตน้ ท่ี 0 นบั ไปทางซา้ ย 5 หน่วย โดยนบั ไปทางซ้ายเพราะ ตวั ต้ังมเี ครื่องหมายเปน็ ลบ จากน้ันนบั ต่อไปทางซา้ ยอีก 3 หนว่ ย โดยนับไป ทางซ้ายเพราะ ตวั บวกมเี คร่ืองหมายเป็นลบ จะเห็นวา่ ไปส้ินสุดท่ี -8 - พจิ ารณาประโยคสญั ลักษณ์ (-3) + (-5) = □ จากเสน้ จา้ นวน ใหเ้ รมิ่ ต้นที่ 0 นบั ไปทางซา้ ย 3 หน่วย โดยนบั ไปทางซา้ ยเพราะ ตวั ตั้งมเี คร่ืองหมายเปน็ ลบ จากน้ันนับตอ่ ไปทางซา้ ยอีก 5 หนว่ ย โดยนับไป ทางซา้ ยเพราะ ตัวบวกมีเครื่องหมายเป็นลบ จะเหน็ วา่ ไปสิ้นสุดท่ี -8 เช่นเดียวกนั 4. ครูถามคา้ ถาม ดังนี้ จากเสน้ จา้ นวน หลังจากนับแล้วไปสน้ิ สดุ ทีเ่ ลขใด (แนวตอบ สิ้นสุดท่ี -8) ดงั นน้ั ผลบวกของ -5 กบั -3 เท่ากบั เท่าไร (แนวตอบ ผลบวกของ -5 กับ -3 เท่ากับ -8) จากตวั อย่างการบวกจ้านวนเตม็ ลบดว้ ยจ้านวนเต็มลบ นกั เรยี นคิดวา่ ผลบวกที่ได้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกท่ีไดเ้ ป็นจ้านวนเต็มลบ) ถา้ ให้นักเรยี นหาผลบวกของ (-113) + (-45) โดยใช้เส้นจ้านวน นักเรยี นคิดวา่ มีความสะดวกหรือไม่ และมีวิธีอ่นื ทีส่ ะดวกกวา่ หรือไม่ (แนวตอบ ไม่สะดวก ควรเลอื กหาผลบวกของจา้ นวนเต็มลบโดยใช้คา่ สมั บรู ณจ์ ะสะดวกกว่าใช้ เส้นจา้ นวน) 5. ครูอธิบายเพิ่มเติม ดังนี้ “นอกจากการบวกจ้านวนเต็มลบด้วยจ้านวนเต็มลบโดยใช้เส้นจ้านวนแล้ว เรา ยังสามารถหาผลบวก โดยใช้ความรู้เรื่องค่าสัมบูรณ์มาช่วยในการค้านวณได้อีกด้วย โดยใช้หลักการ “การบวกจ้านวนเต็มลบด้วยจ้านวนเต็มลบ ให้น้าค่าสัมบูรณ์มาบวกกัน แล้วเขียนผลบวกเป็น จ้านวนเตม็ ลบ” 6. ครใู หน้ ักเรียนจบั คู่ศึกษาตวั อย่างท่ี 4 ในหนงั สือเรยี น หน้า 11 แลว้ แลกเปล่ียนความรู้กับคู่ของตนเอง จากนัน้ ใหน้ ักเรียนแต่ละคนท้า “ลองท้าดู” 7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยค้าตอบ “ลองท้าดู” 8. ครแู จกใบงานที่ 1.6 เรื่อง การบวกจา้ นวนเตม็ บวกและการบวกจา้ นวนเต็มลบ ให้นักเรยี นท้า จากน้ันครู และนกั เรยี นร่วมกันเฉลยคา้ ตอบใบงานที่ 1.6 ช่วั โมงท่ี 2 9. ครูถามคา้ ถาม ดังนี้ การบวกจ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเตม็ บวก ผลบวกที่ไดเ้ ป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกท่ีไดเ้ ปน็ จา้ นวนเต็มบวก) การบวกจา้ นวนเต็มลบด้วยจา้ นวนเตม็ ลบ ผลบวกทไ่ี ด้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกท่ีไดเ้ ป็นจา้ นวนเตม็ ลบ) นกั เรยี นคดิ ว่า การบวกจ้านวนเตม็ บวกด้วยจา้ นวนเตม็ ลบ และการบวกจา้ นวนเตม็ ลบดว้ ย จา้ นวนเตม็ บวก ผลบวกทีไ่ ด้จะเป็นจา้ นวนชนิดใด และนักเรยี นจะหาผลบวกได้อยา่ งไร หรอื ใช้วธิ ีการ เชน่ เดียวกนั กบั การบวกจ้านวนเต็มบวกด้วยจ้านวนเตม็ บวก และการบวกจา้ นวนเต็มลบด้วย จ้านวนเตม็ ลบหรือไม่ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดห้ ลากหลายตามพื้นฐานความรู้ และให้อย่ใู นดุลพินิจของครผู สู้ อน) 10.ครยู กตวั อยา่ งการหาผลบวกของ 5 กบั -2 โดยใช้เส้นจ้านวน บนกระดาน จากนั้นครถู ามค้าถาม ดังน้ี การหาผลบวกของ 5 กบั -2 เขยี นเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์ได้อยา่ งไร (แนวตอบ 5 + (-2) = □ หรอื (-2) + 5 = □ ) จากประโยคสญั ลักษณ์ มีจ้านวนใดเปน็ ตวั ตั้งและมจี ้านวนใดเปน็ ตวั บวก (แนวตอบ ประโยคสญั ลกั ษณ์ 5 + (-2) = □ มี 5 เปน็ ตัวต้งั และมี -2 เป็นตัวบวก
ประโยคสัญลักษณ์ (-2) + 5 = □ มี -2 เปน็ ตัวต้ัง และมี 5 เปน็ ตัวบวก) 11.ครูอธบิ าย ดังน้ี - พจิ ารณาประโยคสัญลกั ษณ์ 5 + (-2) = □ จากเส้นจ้านวน ให้เริ่มต้นที่ 0 นับไปทางขวา 5 หน่วย เพราะตวั ต้งั มีเคร่ืองหมายเปน็ บวก จากน้ันนับลดไปทางซา้ ย 2 หน่วย เพราะตวั บวกมเี ครื่องหมาย เป็นลบ หลังจากนบั แล้วจะเห็นว่าไปสิน้ สุดที่ 3 - พิจารณาประโยคสญั ลกั ษณ์ (-2) + 5 = □ จากเสน้ จา้ นวน ใหเ้ ร่ิมต้นที่ 0 นับไปทางซา้ ย 2 หนว่ ย เพราะตัวตงั้ มีเคร่ืองหมายเปน็ ลบ จากนนั้ นับเพิม่ ไปทางขวา 5 หนว่ ย เพราะตัวบวกมีเคร่ืองหมายเป็น บวก ซง่ึ หลังจากนับแลว้ จะเห็นวา่ ไปสนิ้ สดุ ที่ 3 เชน่ เดียวกัน 12.ครถู ามคา้ ถาม ดงั น้ี จากเส้นจ้านวน หลังจากนับแล้วไปส้นิ สุดทเี่ ลขใด (แนวตอบ สิ้นสดุ ที่ 3) ดงั น้ันผลบวกของ 5 กบั -2 เท่ากับเท่าไร (แนวตอบ ผลบวกของ 5 กับ -2 เท่ากับ 3) 13.ครูอธิบายเพิ่มเตมิ ดังน้ี “นอกจากการบวกจา้ นวนเตม็ บวกด้วยจ้านวนเตม็ ลบโดยใชเ้ ส้นจ้านวนแลว้ เรา ยังสามารถใช้ความรเู้ ร่ืองค่าสัมบูรณ์ มาชว่ ยในการหาผลบวกได้อีกด้วย 14.ครูให้นักเรียนจดั กลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน คละความสามารถทางคณิตศาสตร์ แล้วศึกษาเนื้อหาเร่ือง การบวก จา้ นวนเตม็ บวกดว้ ยจ้านวนเต็มลบ ในหนงั สอื เรียน หน้า 11-12 โดยศกึ ษาขอ้ (1) และข้อ (3) จากนัน้ ให้ นกั เรยี นแลกเปลี่ยนความร้ภู ายในกลุ่มของตนเอง 15.ครสู ุ่มถามนักเรียนแต่ละกลุ่ม แลว้ ให้ตวั แทนกลุ่มมาอธิบายค้าตอบบนกระดาน ดังนี้ การหาผลบวกของ 3 กบั -7 เขียนเปน็ ประโยคสัญลักษณ์ได้อยา่ งไร (แนวตอบ 3 + (-7) = □ หรอื (-7) + 3 = □ ) จากประโยคสญั ลกั ษณ์ มีจา้ นวนใดเปน็ ตัวตั้งและมีจา้ นวนใดเปน็ ตัวบวก (แนวตอบ ประโยคสัญลักษณ์ 3 + (-7) = □ มี 3 เป็นตัวต้งั และมี -7 เป็นตัวบวก ประโยคสัญลักษณ์ (-7) + 3 = □ มี -7 เปน็ ตวั ต้งั และมี 3 เปน็ ตวั บวก) การหาผลบวกของ 3 กับ -7 โดยใช้เสน้ จา้ นวน ท้าอย่างไร (ให้ส่งตวั แทนกลมุ่ 2 คน เพื่อมาเขยี น เส้นจา้ นวน 1 คน และอธิบายอกี 1 คน) 1) เมือ่ พิจารณาประโยคสญั ลักษณ์ 3 + (-7) = □ (แนวตอบ จากเสน้ จา้ นวน ให้เริ่มต้นท่ี 0 นับไปทางขวา 3 หนว่ ย เพราะตัวตง้ั มเี คร่อื งหมายเปน็ บวก จากน้นั นับลดไปทางซา้ ย 7 หนว่ ย เพราะตวั บวกมเี ครือ่ งหมายเป็นลบ หลงั จากนับแลว้ จะ เห็นวา่ ไปสนิ้ สุดท่ี -4) 2) เมอื่ พจิ ารณาประโยคสญั ลกั ษณ์ (-7) + 3 = □ (แนวตอบ จากเส้นจา้ นวน ให้เร่มิ ตน้ ท่ี 0 นบั ไปทางซ้าย 7 หนว่ ย เพราะตัวตง้ั มเี คร่ืองหมายเป็น ลบ จากนัน้ นับเพ่มิ ไปทางขวา 3 หน่วย เพราะตวั บวกมีเครื่องหมายเปน็ บวก หลงั จากนบั แลว้ จะ เหน็ ว่าไปสิน้ สดุ ที่ -4 เชน่ เดยี วกนั ) การหาผลบวกของ 3 + (-7) โดยใชค้ า่ สมั บรู ณ์ ทา้ อยา่ งไร (ใหส้ ง่ ตวั แทนกลุ่ม 2 คน เพ่ือมาเขียน แสดงวธิ ที า้ 1 คน และอธบิ ายอกี 1 คน) (แนวตอบ นา้ ค่าสัมบูรณ์ของ -7 ลบด้วยคา่ สมั บรู ณ์ของ 3 แล้วเขยี นผลลัพธเ์ ปน็ จ้านวนเต็มลบ ดงั นี้ |-7| - |3| = -(7 - 3) = -4 ) 16.ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ ศึกษาเนือ้ หาเรอื่ ง การบวกจ้านวนเตม็ ลบดว้ ยจา้ นวนเตม็ บวก ในหนงั สือเรยี น หนา้ 12-13 โดยศกึ ษาข้อ (2) และข้อ (4) จากนั้นให้นกั เรยี นแลกเปล่ียนความรู้ภายในกลมุ่ ของตนเอง
17.ครูสุม่ ถามนักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม แล้วให้ตวั แทนกล่มุ มาอธิบายค้าตอบบนกระดาน ดงั นี้ การหาผลบวกของ -4 กับ 6 เขียนเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์ได้อยา่ งไร (แนวตอบ (-4) + 6 = □ หรือ 6 + (-4) = □ ) จากประโยคสัญลกั ษณ์ มีจา้ นวนใดเป็นตัวตั้งและมจี ้านวนใดเป็นตัวบวก (แนวตอบ ประโยคสัญลักษณ์ (-4) + 6 = □ มี -4 เป็นตัวตง้ั และมี 6 เป็นตัวบวก ประโยคสญั ลักษณ์ 6 + (-4) = □ มี 6 เปน็ ตัวต้งั และมี -4 เป็นตวั บวก) การหาผลบวกของ -4 กับ 6 โดยใชเ้ ส้นจ้านวน ท้าอย่างไร (ให้สง่ ตวั แทนกลุ่ม 2 คน เพ่ือมาเขียน เสน้ จ้านวน 1 คน และอธิบายอกี 1 คน) 1) เม่อื พิจารณาประโยคสญั ลกั ษณ์ (-4) + 6 = □ (แนวตอบ จากเสน้ จา้ นวน ใหเ้ ริ่มต้นท่ี 0 นับไปทางซ้าย 4 หน่วย เพราะตวั ตั้งมเี คร่ืองหมายเปน็ ลบ จากนั้นนับเพมิ่ ไปทางขวา 6 หน่วย เพราะตวั บวกมีเครื่องหมายเป็นบวก หลังจากนับแลว้ จะ เห็นว่าไปสน้ิ สดุ ท่ี 2) 2) เมอ่ื พจิ ารณาประโยคสญั ลักษณ์ 6 + (-4) = □ (แนวตอบ จากเสน้ จา้ นวน ให้เรมิ่ ตน้ ที่ 0 นบั ไปทางขวา 6 หน่วย เพราะตวั ตงั้ มเี ครอื่ งหมายเป็น บวก จากน้ันนับลดไปทางซ้าย 4 หน่วย เพราะตวั บวกมีเครื่องหมายเป็นลบ หลังจากนับแล้วจะ เหน็ ว่า ไปสิน้ สดุ ท่ี 2 เชน่ เดียวกัน) การหาผลบวกของ (-4) + 6 โดยใช้คา่ สมั บูรณ์ ท้าอยา่ งไร (ให้ส่งตวั แทนกลุ่ม 2 คน เพ่ือมาเขยี น แสดงวธิ ีท้า 1 คน และอธิบายอีก 1 คน) (แนวตอบ นา้ ค่าสมั บรู ณ์ของ 6 ลบดว้ ยคา่ สัมบรู ณข์ อง -4 ดงั น้ี |6| - |-4|= 6 - 4 = 2) การหาผลบวกของ -6 กับ 3 เขยี นเป็นประโยคสญั ลกั ษณ์ได้อยา่ งไร (แนวตอบ (-6) + 3 = □ หรอื 3 + (-6) = □ ) จากประโยคสญั ลกั ษณ์ มจี า้ นวนใดเป็นตวั ตง้ั และมจี า้ นวนใดเป็นตวั บวก (แนวตอบ ประโยคสัญลกั ษณ์ (-6) + 3 = □ มี -6 เปน็ ตวั ต้ัง และมี 3 เปน็ ตัวบวก ประโยคสัญลักษณ์ 3 + (-6) = □ มี 3 เปน็ ตวั ตงั้ และมี -6 เปน็ ตัวบวก) การหาผลบวกของ -6 กับ 3 โดยใช้เส้นจ้านวน ท้าอยา่ งไร (ใหส้ ่งตวั แทนกลมุ่ 2 คน เพื่อมาเขยี น เสน้ จา้ นวน 1 คน และอธิบายอีก 1 คน) 1) เมอ่ื พิจารณาประโยคสญั ลกั ษณ์ (-6) + 3 = □ (แนวตอบ จากเส้นจ้านวน ให้เร่ิมตน้ ที่ 0 นบั ไปทางซ้าย 6 หน่วย เพราะตวั ตง้ั มเี ครอ่ื งหมายเปน็ ลบ จากนั้นนบั เพิม่ ไปทางขวา 3 หน่วย เพราะตวั บวกมีเครื่องหมายเปน็ บวก หลงั จากนบั แลว้ จะ เห็นว่าไปสิน้ สดุ ที่ -3) 2) เมอ่ื พิจารณาประโยคสญั ลกั ษณ์ 3 + (-6) = □ (แนวตอบ จากเสน้ จา้ นวน ใหเ้ ริ่มตน้ ที่ 0 นบั ไปทางขวา 3 หนว่ ย เพราะตวั ตง้ั มีเครือ่ งหมายเปน็ บวก จากนั้นนับลดไปทางซา้ ย 6 หนว่ ย เพราะตวั บวกมเี ครอ่ื งหมายเปน็ ลบ หลงั จากนบั แล้วจะ เห็นวา่ ไปส้นิ สดุ ท่ี -3 เช่นเดยี วกนั ) การหาผลบวกของ 3 + (-6) โดยใชค้ ่าสมั บูรณ์ ทา้ อยา่ งไร (ใหส้ ง่ ตวั แทนกลุม่ 2 คน เพื่อมาเขยี นแสดง วธิ ีทา้ 1 คน และอธิบายอีก 1 คน) (แนวตอบ น้าค่าสมั บรู ณ์ของ -6 ลบดว้ ยคา่ สมั บูรณข์ อง 3 แล้วเขียนผลลพั ธ์เปน็ จ้านวนเตม็ ลบ ดงั น้ี |-6| - |3| = -(6 - 3) = -3 ) 18.ครูใหน้ กั เรยี นสังเกตการหาผลบวกของ -4 กับ 6 และการหาผลบวกของ -6 กับ 3 โดยใช้คา่ สัมบูรณบ์ น กระดาน แล้วพิจารณาทเ่ี ครือ่ งหมายของผลบวก จากน้นั ครูถามค้าถาม ดงั นี้
นกั เรียนคิดว่า การบวกจา้ นวนเต็มลบด้วยจา้ นวนเตม็ บวกทง้ั สองตัวอย่างมีเครอื่ งหมายของผลบวก เหมอื นกนั หรือไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ ไมเ่ หมือนกนั เพราะ ผลบวกของ -4 กับ 6 ได้ผลบวกเป็นจ้านวนเต็มบวก แต่ผลบวกของ -6 กบั 3 ไดผ้ ลบวกเปน็ จ้านวนเต็มลบ) นกั เรยี นคิดว่า ผลบวกของทัง้ สองตัวอย่างมีเคร่ืองหมายเหมอื นค่าสัมบรู ณข์ องจา้ นวนใด (แนวตอบ ผลบวกของท้งั สองตวั อยา่ งมเี ครอื่ งหมายเหมือนคา่ สัมบูรณข์ องจา้ นวนที่มีค่าสัมบรู ณ์ มากกวา่ ) 19.ครใู หน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาตัวอยา่ งท่ี 5 ในหนงั สอื เรียน หน้า 13 แลว้ แลกเปลี่ยนความรภู้ ายในกลุ่ม ของตนเอง จากน้ันให้นกั เรียนแตล่ ะคนทา้ “ลองท้าดู” 20.ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยค้าตอบ “ลองทา้ ดู” 21.ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปวา่ “การบวกจ้านวนเต็มบวกด้วยจา้ นวนเตม็ ลบ และการบวกจ้านวนเตม็ ลบ ด้วยจ้านวนเต็มบวก ใหน้ า้ คา่ สมั บรู ณข์ องจ้านวนท่ีมากกวา่ ลบด้วยคา่ สมั บูรณ์ของจา้ นวนทีน่ ้อยกว่า แล้ว เขยี นผลลพั ธ์เป็นจา้ นวนเตม็ ตามจา้ นวนท่ีมคี ่าสัมบรู ณ์มากกว่า” ชัว่ โมงท่ี 3 22.ครใู หน้ กั เรียนจดั กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละความสามารถทางคณิตศาสตร์ (กลมุ่ เดมิ จากชวั่ โมงที่ 2) แล้ว ศึกษาเนื้อหา ในหนงั สือเรยี น หนา้ 13 ขอ้ (5) จากนน้ั ใหน้ ักเรียนแลกเปลีย่ นความรภู้ ายในกล่มุ ของตนเอง 23. ครยู กตัวอยา่ งโจทย์ (-5) + 5 = □ บนกระดาน จากน้นั ครูถามคา้ ถามแลว้ ให้ตัวแทนกลุ่มมาอธิบาย ค้าตอบบนกระดาน ดังนี้ ค่าสัมบรู ณ์ของ -5 และคา่ สมั บูรณข์ อง 5 เท่ากับเท่าไร (ให้เขยี นค้าตอบโดยใช้สัญลกั ษณ์คา่ สมั บรู ณ์) (แนวตอบ |-5| = 5 และ |5| = 5) -5 และ 5 มคี วามสัมพันธ์กนั อยา่ งไร (แนวตอบ เป็นจา้ นวนตรงข้ามกัน) คา่ สัมบูรณ์ของ -5 ลบดว้ ยคา่ สมั บรู ณข์ อง 5 เทา่ กับเท่าไร (แนวตอบ |-5| - |5| = 0) การหาผลบวกของ -5 กับ 5 โดยใช้เส้นจ้านวน ท้าอยา่ งไร (ใหส้ ่งตวั แทนกลุ่ม 2 คน เพื่อมาเขียน เส้นจา้ นวน 1 คน และอธบิ ายอีก 1 คน) 1) เมอื่ พจิ ารณาประโยคสัญลักษณ์ (-5) + 5 = □ (แนวตอบ จากเส้นจ้านวน ใหเ้ รมิ่ ต้นท่ี 0 นบั ไปทางซ้าย 5 หน่วย เพราะตวั ตั้งมีเครอ่ื งหมายเป็น ลบ จากนนั้ นับเพม่ิ ไปทางขวา 5 หน่วย เพราะตวั บวกมเี ครื่องหมายเปน็ บวก หลังจากนบั แล้วจะ เหน็ วา่ ไปสิน้ สดุ ที่ 0) 2) เมื่อพิจารณาประโยคสญั ลกั ษณ์ 5 + (-5) = □ (แนวตอบ จากเส้นจา้ นวน ให้เรมิ่ ต้นท่ี 0 นบั ไปทางขวา 5 หน่วย เพราะตวั ต้ังมเี ครอ่ื งหมายเปน็ บวก จากนั้นนับลดไปทางซา้ ย 5 หนว่ ย เพราะตัวบวกมเี ครือ่ งหมายเป็นลบ หลงั จากนับแลว้ จะ เหน็ ว่าไปสิน้ สดุ ท่ี 0 เชน่ เดียวกนั ) ครูอาจยกตวั อย่างโจทย์เพมิ่ เตมิ เช่น (-6) + 6 = □ , 4 + (-4) = □ และ 6 + (-6) = □ บนกระดาน แล้วถามคา้ ถามเช่นเดยี วกัน เพ่อื ให้นักเรยี นได้เรยี นร้เู พิ่มเติม 24. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา่ “การบวกจ้านวนเต็มบวกด้วยจา้ นวนเต็มลบ และการบวกจ้านวนเต็มลบดว้ ย จา้ นวนเตม็ บวกในกรณีท่มี ีคา่ สมั บูรณเ์ ท่ากนั ผลบวกทไี่ ดจ้ ะมีค่าเท่ากับศนู ยเ์ สมอ” จากนน้ั ครเู ช่อื มโยง กบั เรอื่ งจ้านวนตรงขา้ มโดยกลา่ วว่า “การบวกจา้ นวนสองจ้านวนท่เี ปน็ จา้ นวนตรงขา้ มกัน ผลบวกที่ได้ จะมีค่าเท่ากับศูนย์” 25.ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปการบวกจา้ นวนเตม็ โดยใช้การถาม - ตอบ ดังน้ี
การบวกจ้านวนเตม็ บวกด้วยจ้านวนเตม็ บวก ผลบวกทไี่ ด้เป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกท่ีไดเ้ ป็นจ้านวนเตม็ บวก) การบวกจ้านวนเต็มลบด้วยจ้านวนเตม็ ลบ ผลบวกที่ไดเ้ ป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกท่ีได้เป็นจ้านวนเต็มลบ) การบวกจ้านวนเตม็ ลบดว้ ยจ้านวนเตม็ ลบ โดยใช้คา่ สัมบรู ณ์ท้าอย่างไร (แนวตอบ ให้น้าคา่ สัมบูรณ์มาบวกกัน แล้วเขยี นผลบวกเป็นจ้านวนเต็มลบ) การบวกจ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเต็มลบ และการบวกจ้านวนเต็มลบด้วยจา้ นวนเต็มบวก จะไดผ้ ลบวก เป็นจา้ นวนอะไร (แนวตอบ จะได้ผลบวกเปน็ จ้านวนเตม็ ตามจา้ นวนที่มีค่าสัมบูรณม์ ากกวา่ ) การบวกจา้ นวนเตม็ บวกด้วยจ้านวนเต็มลบ และการบวกจ้านวนเต็มลบดว้ ยจ้านวนเตม็ บวก โดยใช้ ค่าสมั บรู ณ์ท้าอย่างไร (แนวตอบ ใหน้ ้าคา่ สมั บูรณ์ของจ้านวนทม่ี ากกว่าลบด้วยค่าสัมบูรณข์ องจา้ นวนที่น้อยกว่า แล้วเขยี น ผลลพั ธ์เปน็ จ้านวนเตม็ ตามจ้านวนทมี่ คี ่าสัมบรู ณ์มากกวา่ ) 26. ใหน้ ักเรยี นจบั คู่กัน แลว้ ชว่ ยกันทา้ กจิ กรรมคณิตศาสตร์ ในหนงั สอื เรยี น หน้า 14 ดังน้ี - ครแู จกบตั รตัวเลข 1 และ -1 จ้านวนอย่างละ 10 ใบ ให้นักเรยี นแตล่ ะคู่ - ครอู ธิบายข้อตกลงการใช้บตั รตวั เลขใหน้ ักเรยี นฟัง จากน้ันให้นักเรยี นศกึ ษาตวั อย่างการบวก จ้านวนเตม็ สองจ้านวนท่มี เี ครื่องหมายเหมือนกัน แล้วแลกเปลี่ยนความรกู้ บั คู่ของตนเอง - ใหน้ ักเรียนแสดงการหาผลบวกของจ้านวนเต็มสองจา้ นวนที่มเี คร่ืองหมายเหมือนกนั โดยใช้บัตร ตัวเลข แล้วเขยี นผลบวกท่ีได้ลงในสมุดของตนเอง - ครูใหน้ กั เรียนศึกษาตวั อย่างการบวกจ้านวนเต็มสองจ้านวนท่มี ีเครื่องหมายต่างกัน แลว้ แลกเปลยี่ น ความรกู้ บั คู่ของตนเอง - ให้นกั เรียนแสดงการหาผลบวกของจา้ นวนเต็มสองจ้านวนท่ีมเี ครื่องหมายตา่ งกัน โดยใชบ้ ัตรตัวเลข แล้วเขียนผลบวกที่ได้ลงในสมุดของตนเอง - ครูใหน้ ักเรยี นคิดโจทยก์ ารหาผลบวกของจา้ นวนเต็ม มาค่ลู ะ 2 โจทย์ โดยนักเรียนสามารถยืมบตั ร ตัวเลขของเพ่ือนคู่อืน่ ได้ จากนั้นออกมาน้าเสนอการหาผลบวกบนกระดานโดยใชบ้ ตั รตัวเลข 27.ครแู จกใบงานที่ 1.7 เรอื่ ง การบวกจ้านวนเตม็ ใหน้ กั เรียนทา้ จากนัน้ ครแู ละนกั เรียนร่วมกันเฉลย คา้ ตอบใบงานที่ 1.7 ช่วั โมงท่ี 4 28.ครูให้นกั เรยี นจับคู่ศกึ ษาเน้ือหาในหนงั สือเรยี น หนา้ 15 เรอื่ ง การลบจา้ นวนเตม็ แล้วแลกเปลีย่ นความรู้ กบั ค่ขู องตนเอง จากน้นั ครูถามค้าถาม ดงั นี้ จากประโยคสัญลกั ษณ์ 3 - 2 = 1 มีจ้านวนใดเปน็ ตวั ตัง้ และมจี ้านวนใดเปน็ ตัวลบ (แนวตอบ มี 3 เป็นตัวต้งั และมี 2 เป็นตัวลบ) จากประโยคสญั ลกั ษณ์ 3 + (-2) = 1 มีจ้านวนใดเป็นตัวตัง้ และมีจา้ นวนใดเปน็ ตัวบวก (แนวตอบ มี 3 เป็นตัวตง้ั และมี -2 เปน็ ตัวบวก) จากประโยคสัญลกั ษณ์ 3 - 2 = 1 และ 3 + (-2) = 1 มอี ะไรทเ่ี หมือนกนั (แนวตอบ มี 3 เปน็ ตัวต้งั และมีผลลบและผลบวกเหมือนกัน คอื 1) จากประโยคสญั ลกั ษณ์ 3 - 2 = 1 และ 3 + (-2) = 1 นกั เรียนคดิ วา่ ทัง้ สองประโยคสญั ลักษณ์มี ความสัมพนั ธก์ นั อย่างไร (แนวตอบ ประโยคสญั ลักษณ์ 3 - 2 = 1 สามารถเขยี นอยู่ในรูปการบวกได้เป็น 3 + (-2) = 1) 29.ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ดงั น้ี “นักเรียนจะสังเกตเหน็ ว่าเม่ือเขียน 3 - 2 ให้อยูใ่ นรปู การบวก จ้านวนทีน่ ้ามา บวกจะเป็นจา้ นวนตรงขา้ มของ 2 ทีเ่ ปน็ ตัวลบ” แลว้ ครถู ามคา้ ถาม ดังนี้ จากข้อสงั เกตดังกล่าวขา้ งต้นสามารถสรุปเป็นข้อตกลงของการลบจา้ นวนเตม็ โดยอาศยั การบวกได้ อย่างไร
(แนวตอบ ตัวต้งั ลบ ตัวลบ เทา่ กบั ตัวต้งั บวก จ้านวนตรงข้ามของตวั ลบ) 30.ครูยกตัวอยา่ งโจทย์ 4 - 2 = 2 บนกระดาน จากนัน้ ครูถามคา้ ถาม ดังนี้ จากประโยคสัญลักษณ์ 4 - 2 = 2 มจี า้ นวนใดเป็นตวั ลบ (แนวตอบ มี 2 เปน็ ตัวลบ) จา้ นวนตรงข้ามของตัวลบ คือจ้านวนใด (แนวตอบ จ้านวนตรงข้ามของ 2 คือ -2) สามารถเขยี น 4 - 2 = 2 ในรูปการบวกได้อยา่ งไร (แนวตอบ 4 + (-2) = 2) 31.ครูใหน้ กั เรยี นจัดกลุม่ กล่มุ ละ 4 คน คละความสามารถทางคณิตศาสตร์ แลว้ ศึกษาตัวอย่างที่ 6 ใน หนังสือเรียน หน้า 15 แลว้ แลกเปล่ยี นความรภู้ ายในกลุ่มของตนเอง จากน้ันใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ ช่วยกันทา้ “ลองท้าดู” และ “Thinking Time” โดยเขยี นวธิ ีทา้ ลงในสมุดของตนเอง 32.ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยค้าตอบ “ลองทา้ ดู” และ “Thinking Time” 7.3 ต้นั สรุป 1. ครใู ห้นกั เรียนเขยี นสรุปความรรู้ วบยอดเรื่อง การบวกและการลบจ้านวนเตม็ ลงในสมดุ 2. ครูถามค้าถามเพื่อประเมินความร้รู วบยอดของนักเรียน ดงั นี้ การบวกจา้ นวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเตม็ บวก ผลบวกทีไ่ ด้เป็นจ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกที่ได้เป็นจ้านวนเตม็ บวก) การบวกจา้ นวนเตม็ ลบด้วยจา้ นวนเต็มลบ ผลบวกทีไ่ ด้เปน็ จ้านวนอะไร (แนวตอบ ผลบวกที่ได้เปน็ จา้ นวนเต็มลบ) การบวกจ้านวนเต็มบวกดว้ ยจ้านวนเตม็ ลบ และการบวกจ้านวนเตม็ ลบด้วยจ้านวนเต็มบวก จะได้ ผลบวกเปน็ จา้ นวนอะไร (แนวตอบ จะได้ผลบวกเป็นจ้านวนเตม็ ตามจา้ นวนที่มีคา่ สัมบรู ณ์มากกว่า) ข้อตกลงของการลบจา้ นวนเต็มโดยอาศัยการบวก เปน็ อย่างไร (แนวตอบ ตวั ตงั้ ลบ ตัวลบ เท่ากับ ตวั ตัง้ บวก จ้านวนตรงข้ามของตัวลบ) ข้อตกลงของการลบจา้ นวนเต็มเขยี นอยู่ในรูปทัว่ ไปได้อยา่ งไร (แนวตอบ a - b = a + (-b) เมอื่ a และ b แทนจา้ นวนเตม็ ใด ๆ) 8. สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 8.1.1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร์ ม.1 เลม่ 1 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 ระบบจ้านวนเต็ม 8.1.2. แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ ม.1 เล่ม 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ระบบจ้านวนเตม็ 8.1.3. ใบงานที่ 1.6 เรอ่ื ง การบวกจา้ นวนเต็มบวกและการบวกจา้ นวนเต็มลบ 8.1.4. ใบงานท่ี 1.7 เรอ่ื ง การบวกจ้านวนเตม็ 8.1.5. ใบงานท่ี 1.8 เรือ่ ง การลบจ้านวนเตม็ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 8.2.1 หอ้ งเรียน 8.2.2 หอ้ งสมดุ 8.2.3 อินเทอร์เนต็
9. การวัดและประเมินผล วธิ ีการวดั เคร่อื งมือทใี่ ช้วดั เกณฑก์ ารวดั ตรวจใบงาน/แบบฝึกหัด แบบประเมนิ ผลงาน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 สิ่งที่ต้องการวดั ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หัด ใบงาน/แบบฝกึ หดั ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ตรวจใบงาน/แบบฝกึ หดั ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 60 1.นกั เรียนสามารถหาผลบวกของ แบบประเมนิ ผลงาน จา้ นวนเต็มได้ (K) สังเกตพฤติกรรมกลมุ่ ใบงาน/แบบฝึกหัด อยู่ในระดับดีขน้ึ ไป 2.นกั เรียนสามารถหาผลลบของ แบบประเมนิ ผลงาน จ้านวนเต็มได้ (K) ใบงาน/แบบฝกึ หดั 3.นกั เรยี นสามารถเขยี นอธิบาย แบบสงั เกตพฤติกรรม ขัน้ ตอนวิธกี ารหาผลบวกและผลลบ การท้างานกล่มุ ของจา้ นวนเตม็ ได้ (P) 4. รบั ผดิ ชอบตอ่ หน้าที่ที่ไดร้ ับ มอบหมาย (A)
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 เน้ือหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ข้าใจง่าย 4 ประโยชนท์ ่ีได้จากการน้าเสนอ 5 วิธีการน้าเสนอผลงาน รวม ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต้า่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ นื่ 3 การท้างานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 ความมนี า้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม้่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่้ากว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น 321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาติได้ กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทีส่ ร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏบิ ตั ิตามหลัก ศาสนา 1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมที่เกยี่ วกับสถาบันพระมหากษตั ริย์ตามท่ี โรงเรยี นจดั ขึ้น 2. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ ูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบตั ใิ นส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง 3. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของ ครอบครวั มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ใน ชีวติ ประจา้ วัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 ร้จู ักใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และน้าไปปฏิบตั ิได้ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เชื่อฟังค้าสง่ั สอนของบิดา - มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตงั้ ใจเรียน 5. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สนิ และส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยัดและรู้คณุ ค่า 5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเก็บออมเงนิ 6. มุ่งมน่ั ในการ 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทา้ งานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ทา้ งาน 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรคเพื่อให้งานส้าเร็จ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ ส้านกึ ในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู า้ งาน 8.2 รู้จักการดแู ลรกั ษาทรัพย์สมบัติและสง่ิ แวดล้อมของห้องเรยี น และโรงเรียน ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวกรรณิกา ลิกลั ตา) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนและสม้า่ เสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้งั ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบัตบิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน
10. บันทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ ผลการจดั การเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….....……… ปัญหา/อุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ต้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………........…………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ ……………………………………………. (นางสาวกรรณกิ า ลิกัลตา) ตา้ แหนง่ ครู ความคิดเหน็ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...………………………………………………………………………………………………………………………………........... ลงชอื่ ……………………………………………. (นายคมสัน มณีศรี) หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ ความคิดเหน็ รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชอื่ ……………………………………………. (นายไพฑูรย์ มณีจนั ทร์) รองผ้อู ้านวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ความคดิ เหน็ ผอู้ านวยการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……...……………………………………………………………………………………………………………………….................... ลงชือ่ ……………………………………………. (นางสาวพรณภทั ร์ พงษ์วรชั ญ์พร) ผ้อู ้านวยการโรงเรยี นเทพสถิตวทิ ยา วันท่.ี ...........เดือน........................พ.ศ................
ใบงานท่ี 1.6 เรอื่ ง การบวกจานวนเต็มบวกและการบวกจานวนเต็มลบ คาช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคา้ ถามแตล่ ะข้อตอ่ ไปนี้ 1) 13 + 12 = ............................................... 2) 15 + 34 = ............................................... 3) 29 + (31 + 46) = ............................................... 4) (-10) + (-8) = ............................................... 5) (-8) + (-15) = ............................................... 6) (-26) + (-82) = ............................................... 7) (-8) + [(-3) + (-6)] = ............................................... 8) [(-32) + (-17)] + (-23) = ............................................... 9) (-6) + (-3) + (-5) = ............................................... 10) (-200) + (-80) + (-5) = ...............................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351