Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทวนสอบผลสัมฤทธิ์ ปีการศึกษา 2563

ทวนสอบผลสัมฤทธิ์ ปีการศึกษา 2563

Published by jura Pra, 2021-08-18 07:07:43

Description: ทวนสอบผลสัมฤทธิ์ ปีการศึกษา 2563

Search

Read the Text Version

4.ข้อเสนอการดำเนนิ การเพอื่ ปรับปรุงวธิ ีสอน ไมม่ ี หมวดที่ 3 สรปุ ผลการจดั การเรียนการสอนของรายวิชา 3.1 สรปุ ผลการจัดการเรียนการสอนของรายวิชา ชอื่ -นามสกลุ : ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ คลา้ ยประยงค์ | Section : A-1 1.จำนวนนิสติ ทล่ี งทะเบยี นเรียน 44 คน 2.จำนวนนสิ ติ ทค่ี งอยเู่ มอื่ สิ้นภาคการศึกษา 43 คน 3.จำนวนนิสิตที่ถอน (W) 1 คน 4.การกระจายของระดบั คะแนน (เกรด) ระดบั คะแนน (เกรด) ชว่ งคะแนน จำนวน ร้อยละ หมายเหตุ A 80 >> 4 9.09 B+ 1 2.27 B 75 - 79.99 16 36.36 C+ 70 - 74.99 20 45.45 C 65 - 69.99 2 4.55 D+ 60 - 64.99 0 0 D 55 - 59.99 0 0 F 50 - 54.99 0 0 W 0 - 49.99 1 2.27 E 0 0 G 0 0 0 S 0 0 0 SP 0 0 0 P 0 0 0 U 0 0 0 I 0 0 0 0 0 Value 70.7 Config 81 AVG 0 MAX MIN

N 43 SD 4.21 5.ปจั จยั ที่ทำให้ระดบั คะแนนผิดปกติ ไมม่ ี (ถ้าม)ี 3.2 สรุปผลการจัดการเรยี นการสอนของรายวชิ า (Same As) เหตผุ ล - ไมม่ ขี ้อมูล - ไมม่ ี 6. ความคลาดเคลอื่ นจากแผนการประเมนิ ทก่ี ำหนดไวใ้ นรายละเอยี ดรายวชิ า 6.1 ความคลาดเคลอื่ นดา้ นกำหนดเวลาการประเมิน เหตุผล ไมม่ ี ความคาดเคลอ่ื นดา้ นกำหนดเวลาประเมิน ไม่มี สรุปผลการทวนสอบ ผ่าน 6.2 ความคลาดเคล่ือนดา้ นวิธกี ารประเมนิ ผลการเรยี นรู้ (ถ้ามี) ความคาดเคล่อื นดา้ นวิธกี ารประเมินผลการเรียนรู้ ไมม่ ่ 7. การทวนสอบผลสัมฤทธขิ์ องนสิ ิต วธิ ีการทวนสอบ ตรวจสอบผลการประเมินการเรยี นรูข้ องนกั ศึกษา โดยพจิ ารณาผลคะแนนสอบ ผลคะแนนรายงาน และคะแนนพฤตกิ รรมของนกั ศกึ ษา หมวดท่ี 4 ปัญหาและผลกระทบต่อการดำเนินการ 1. ประเด็นด้านทรัพยากรประกอบการเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวก ปญั หาในการใช้ทรพั ยากรประกอบการเรยี นการสอน ผลกระทบ ขาดโปรแกรมสำเรจ็ รปู ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ทางสถติ ิ ทำให้นกั ศกึ ษาไมส่ ามารถวเิ คราะหข์ อ้ มูลด้วยโปรแกรมสำเรจ็ รปู ทางสถิติได้ 2. ประเด็นด้านการบริหารและองค์กร ปญั หาดา้ นการบรหิ ารและองค์กร ผลกระทบตอ่ ผลการเรยี นรขู้ องนกั ศกึ ษา จากปัญหาสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้อื โคโรนาไวรสั นกั ศกึ ษาปรับตวั ค่อนขา้ งยาก ทำให้ตอ้ งปรบั แผนการสอนเป็น online กระทันหนั หมวดท่ี 5 การประเมินรายวชิ า

1.ผลการประเมินรายวชิ าโดยนสิ ติ 1.1 ข้อวพิ ากษ์ทส่ี ำคญั จากผลการประเมินโดยนกั ศกึ ษา นักศึกษายงั ไมค่ นุ้ เคยกับการเรยี นในรายวิชาทีม่ ีการคำนวน การตรวจและสง่ งานของนกั ศกึ ษาต้องใหเ้ วลามากกว่าน้ี 1.2 ความเห็นของอาจารยผ์ สู้ อนตอ่ ข้อวิพากษต์ ามขอ้ 1.1 สอนวิธีการคำนวนอย่างละเอียด ขยายระยะเวลาการสง่ งาน และตรวจส่งงานคืนเด็กใหไ้ วขึน้ 2.ผลการประเมินโดยวธิ อี ่นื 2.1 ขอ้ วพิ ากษ์ทีส่ ำคัญจากผลการประเมินโดยวิธอี น่ื ไม่มี 2.2 ความเห็นของอาจารยผ์ สู้ อนตอ่ ข้อวพิ ากษต์ ามข้อ 2.1 ไม่มี หมวดที่ 6 แผนการปรับปรุง 1.ความก้าวหนา้ ของการปรับปรุงการเรียนการสอนตามที่เสนอในรายงานของรายวิชาคร้ังที่ผ่านมา 1.1 การปรบั ปรุงตามแผนทเ่ี สนอในภาคการศกึ ษา/ปีการศึกษาท่ีผ่านมา : สิ่งทป่ี รบั ปรงุ ตามแผนการสอน ผลการดำเนินการ สอนการวิเคราะหข์ ้อมลู และการอภปิ รายผล เพมิ่ การสอนการวเิ คราะหข์ ้อมลู ดว้ ยโปรแกรมการวเิ คราะหท์ างสถิติ เพม่ิ การสอนการอภปิ รายผล 1.2 สิ่งทีไ่ มไ่ ดด้ ำเนนิ การ หรือดำเนินการไมเ่ สรจ็ สมบูรณต์ ามแผนทเ่ี สนอในภาคการศกึ ษา/ปกี ารศึกษา ท่ผี ่านมา : สงิ่ ทีไ่ มไ่ ดด้ ำเนินการหรือดำเนินการไมส่ มบรู ณ์ เหตผุ ล ไมม่ ี ไม่มี 2.การดำเนนิ การอน่ื ๆ ในการปรับปรงุ รายวชิ า ส่ิงท่ีปรับปรุงใหม่ ผลท่ีเกดิ ขนึ้ ไมม่ ี ไม่มี 3.ขอ้ เสนอแผนการปรบั ปรุงสำหรับภาคการศึกษา/ปกี ารศกึ ษาต่อไป ขอ้ เสนอแผนปรบั ปรุง เวลาที่ควรแล้วเสร็จ ผรู้ บั ผิดชอบ ภาค 2.2 ปีการศึกษา 2564 ผศ.ดร.วราภรณ์ คลา้ ยประยงค์ เตรียมพร้อมแผนการสอนแบบ online ตลอดทุกสปั ดาห์ ปรบั แผนการเรยี นใหเ้ นอ้ื หามคี วามกระชับขึน้ 4.ขอ้ เสนอแนะของอาจารยผ์ รู้ บั ผดิ ชอบรายวิชาต่ออาจารยผ์ ู้รบั ผิดชอบหลักสตู ร

4.1 ดา้ นการจดั การเรยี นการสอน: ปรบั แผนการสอนใหเ้ นือ้ หามคี วามกระชับมากย่ิงขนึ้ 4.2 ดา้ นการประเมินผล ปรับการสอนให้ตรงตามความต้องการของนกั ศกึ ษา 4.3 ด้านทรัพยากรประกอบการเรยี นและสิง่ อำนวยความสะดวก เลือกใชโ้ ปรแกรมการวิเคราะหส์ ถติ ิ ท่สี ามารถใชไ้ ด้ฟรี 4.4 ด้านการบรหิ ารองค์กร เตรยี มแผนรองรบั สถานการณท์ เ่ี ปล่ียนแปลงเสมอ 4.5 ดา้ นการประเมินรายวิชา ไมม่ ี 4.6 ดา้ นการปรบั ปรงุ ปรบั แผนการสอนตามความเหมาะสมกบั เนอ้ื หา และผูเ้ รยี น 4.7 ดา้ นอื่นๆ ไม่มี

สถาบนั การจัดการปญั ญาภิวฒั น์ ใบส่งผลการศึกษา สถานทีเ่ รียน สถาบันการจดั การปัญญาภวิ ฒั น์ ภาคการศกึ ษาที่ 2 / 2563 ระดับการศกึ ษา ปริญญาตรี วทิ ยาการจัดการ รายวชิ า HT57418 : Survey and Research for Hotel and Tourism Industry ผู้สอน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ คล้ายประยงค์ กลมุ่ A-1 รวม เกรด ลำดบั รหสั ประจำตวั ชือ่ -สกุล Attendance Homework QUIZ MIDTERM FINAL 80.00 A Activity W -- -- 73.00 B 71.00 B 1 6055300095 นางสาวสริ ริ วี เกิดถาวร 25.00 22.00 33.00 66.00 C+ 68.00 C+ 2 6055300397 นางสาวนิฤมล แสนสาร 71.00 B 69.00 C+ 3 6155300011 นายฟลคุ๊ โชติชวี ิน 24.00 20.00 29.00 74.00 B 69.00 C+ 4 6155300020 นางสาวภทั รภร พูลเจรญิ 25.00 18.00 28.00 71.00 B 72.00 B 5 6155300038 นายศรัณย์ เกตแุ กว้ 23.00 19.00 24.00 72.00 B 73.00 B 6 6155300046 นางสาวอรวรรณ เหมอื นทอง 23.00 19.00 26.00 72.00 B 64.00 C 7 6155300101 นางสาวกมลเนตร ออ่ นหริ ัญ 24.00 22.00 25.00 73.00 B 65.00 C+ 8 6155300151 นางสาววภิ าดา สวุ รรณหงษ์ 24.00 21.00 24.00 69.00 C+ 74.00 B 9 6155300178 นางสาวมนสั นนั ท์ ทาปาละ 25.00 20.00 29.00 69.00 C+ 69.00 C+ 10 6155300186 นางสาวณฐั รดิ า บุญสขุ 24.00 21.00 24.00 69.00 C+ 64.00 C 11 6155300194 นางสาวอัชราพร รกั ษ์สิมา 24.00 17.00 30.00 80.00 A 12 6155300232 นางสาวธันวาทพิ ย์ วงษจ์ ีน 23.00 20.00 29.00 13 6155300259 นางสาวชลลดา บญุ ชู 23.00 20.00 29.00 14 6155300275 นางสาวพมิ พพ์ รรณ รอตศรี 24.00 20.00 29.00 15 6155300291 นางสาวชญานิศ วงเวียน 25.00 19.00 28.00 16 6155300330 นางสาวสธุ ดิ า นันทนิรนั ดร์ 24.00 16.00 24.00 17 6155300348 นางสาวเบญญทิพย์ เจริญสุข 24.00 19.00 30.00 18 6155300372 นางสาวสริ ยิ ากร ซ้ิมเจริญ 23.00 18.00 24.00 19 6155300381 นางสาววรรณอนงค์ มว่ งประเสริ 22.00 22.00 25.00 20 6155300399 นางสาวศวิตา เกียรตเิ พชรา 23.00 21.00 30.00 21 6155300411 นางสาวมนสั นนั ท์ โคเลศิ 25.00 20.00 24.00 22 6155300429 นายคณนิ สีเขม้ 24.00 20.00 25.00 23 6155300437 นางสาวอารียา พลเยย่ี ม 22.00 17.00 30.00 24 6155300445 นางสาวพรรณนภา แรกข้นึ 22.00 16.00 26.00 25 6155300461 นางสาวอตพิ ร แสนหาญ 25.00 22.00 33.00 ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ () () คลา้ ยประยงค์ หวั หนา้ สาขาวชิ า คณบดี อาจารยป์ ระจำวิชา พิมพ์เม่ือ : 21/05/2021 16:01

สถาบันการจดั การปัญญาภวิ ัฒน์ ใบสง่ ผลการศึกษา สถานทีเ่ รียน สถาบนั การจดั การปญั ญาภิวัฒน์ ภาคการศึกษาที่ 2 / 2563 ระดับการศึกษา ปรญิ ญาตรี วิทยาการจดั การ รายวิชา HT57418 : Survey and Research for Hotel and Tourism Industry ผู้สอน ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ คล้ายประยงค์ กล่มุ A-1 รวม เกรด ลำดับ รหสั ประจำตวั ชื่อ-สกลุ Attendance Homework QUIZ MIDTERM FINAL 65.00 C+ Activity 80.00 A 69.00 C+ 26 6155300470 นางสาวญาณภา เอี่ยมสังขท์ อง 24.00 17.00 24.00 65.00 C+ 81.00 A 27 6155300488 นายรณภพ วลั ลภวรกจิ 25.00 22.00 33.00 73.00 B 72.00 B 28 6155300526 นายมโนมยั โพธสิ์ ุวรรณ 22.00 18.00 29.00 71.00 B 69.00 C+ 29 6155300534 นายธีรเมธ จนั ทร 25.00 16.00 24.00 67.00 C+ 74.00 B 30 6155300542 นายอิศรา ยมนา 26.00 22.00 33.00 66.00 C+ 74.00 B 31 6155300569 นายขจรภพ พาตา 24.00 19.00 30.00 68.00 C+ 69.00 C+ 32 6155300585 นางสาวศศโิ สม เอกอุฬารพนั ธ์ 25.00 19.00 28.00 75.00 B+ 67.00 C+ 33 6155300615 นายอัครวนิ ท์ สำรวมจติ ร์ 24.00 17.00 30.00 69.00 C+ 69.00 C+ 34 6155300623 นายบริรกั ษ์ คณุ ประดษิ ฐ์ 24.00 19.00 26.00 35 6155300631 นางสาวสุปรยี า สายแก้ว 24.00 18.00 25.00 36 6155300658 นางสาวรัตนประภานนั ท์ อินทรท์ ั 24.00 20.00 30.00 37 6155300666 นางสาวมณียา สจุ รติ ร์ 23.00 18.00 25.00 38 6155300674 นางสาวสทุ ธนชุ กิจมานะเมตตา 24.00 20.00 30.00 39 6155300691 นางสาวหนงึ่ ธิดา บญุ ฤทธ์ิ 24.00 17.00 27.00 40 6155300721 นางสาวภณั ฑิตา นลิ หล้า 23.00 18.00 28.00 41 6155300747 นายกฤษณพงศ์ ลาสุ 24.00 21.00 30.00 42 6155300771 นางสาวลวติ รา ธชั กญั ญพัชร 24.00 18.00 25.00 43 6155300780 นางสาวอัจฉริยา นาสารี 23.00 21.00 25.00 44 6155300798 นางสาวอมราวดี พมิ พ์สนุ นท์ 24.00 21.00 24.00 ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ () () คลา้ ยประยงค์ หัวหน้าสาขาวิชา คณบดี อาจารยป์ ระจำวชิ า พมิ พเ์ มือ่ : 21/05/2021 16:01

สถาบนั การจัดการปัญญาภวิ ฒั น์ ใบสง่ ผลการศึกษา สถานทเ่ี รยี น สถาบันการจัดการปญั ญาภิวัฒน์ ภาคการศกึ ษาท่ี 2 / 2563 ระดบั การศึกษา ปรญิ ญาตรี วิทยาการจัดการ รายวชิ า HT57418 : Survey and Research for Hotel and Tourism Industry ผู้สอน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ คล้ายประยงค์ กลมุ่ A-1 ลำดบั รหสั ประจำตัว ชื่อ-สกุล Attendance Homework QUIZ MIDTERM FINAL รวม เกรด Activity เกรด MANUAL รวม % A 80 >> 4 9.09 B+ 75 - 79.99 1 2.27 B 70 - 74.99 16 36.36 C+ 65 - 69.99 20 45.45 C 60 - 64.99 2 4.55 D+ 55 - 59.99 0 0.00 D 50 - 54.99 0 0.00 F 0 - 49.99 0 0.00 W <<->> 1 2.27 รวม 44 100.00 Config Value AVG 70.6976 CONTROL CODE: 3931450 Max Min 81 N 0 SD 43 4.2070 1763963931450 \"เม่ือส่งผลการเรียนและประกาศผลการเรียนแลว้ จะไมส่ ามารถแก้ไขผลการเรียนได้ทุกกรณี\" After the grades have been approved, any adjustment is not permitted. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วราภรณ์ () () คล้ายประยงค์ หวั หนา้ สาขาวชิ า คณบดี อาจารยป์ ระจำวิชา พมิ พเ์ ม่ือ : 21/05/2021 16:01

No. รหัส ช่ือ นามสกุล สถานะ เขา้ เรยี น ส่งงาน+มสี ่วน Quiz รว่ ม 1 6055300095 นางสาวสิรริ วี เกิดถาวร ปกติ 10 15 25 2 6055300397 นางสาวนิฤมล แสนสาร (ค้างชาระ) ปกติ 3 6155300011 นายฟลคุ๊ โชติชีวิน ปกติ 10 14 24 4 6155300020 นางสาวภัทรภร พูลเจรญิ ปกติ 10 15 25 5 6155300038 นนาางยสศารวณั อยร์วเรกรตณุแกเ้วหมือนทอง (ค้าง ปกติ 9 14 23 6 6155300046 นชาารงะส)าวกมลเนตร อ่อนหิรญั ปกติ 10 13 23 7 6155300101 ปกติ 10 14 24 8 6155300151 นางสาววภิ าดา สุวรรณหงษ์ ปกติ 10 14 24 9 6155300178 นางสาวมนัสนันท์ ทาปาละ ปกติ 10 15 25 10 6155300186 นางสาวณัฐริดา บุญสุข ปกติ 10 14 24 11 6155300194 นางสาวอัชราพร รักษ์สิมา ปกติ 10 14 24 12 6155300232 นางสาวธันวาทิพย์ วงษ์จีน ปกติ 10 13 23 13 6155300259 นางสาวชลลดา บุญชู ปกติ 10 13 23 14 6155300275 นางสาวพิมพ์พรรณ รอตศรี ปกติ 10 14 24 15 6155300291 นางสาวชญานิศ วงเวยี น ปกติ 10 15 25 16 6155300330 นางสาวสุธดิ า นันทนิรันดร์ ปกติ 10 14 24 17 6155300348 นางสาวเบญญทิพย์ เจริญสุข ปกติ 10 14 24 18 6155300372 นางสาวสิรยิ ากร ซิ้มเจริญ ปกติ 10 13 23 19 6155300381 นางสาววรรณอนงค์ ม่วงประเสริฐ ปกติ 9 13 22 20 6155300399 นางสาวศวิตา เกียรติเพชรา ปกติ 10 13 23 21 6155300411 นางสาวมนัสนันท์ โคเลิศ ปกติ 10 15 25 22 6155300429 นายคณิน สีเข้ม ปกติ 10 14 24 23 6155300437 นางสาวอารียา พลเยี่ยม ปกติ 8 14 22 24 6155300445 นางสาวพรรณนภา แรกขึ้น ปกติ 10 12 22 25 6155300461 นางสาวอติพร แสนหาญ ปกติ 10 15 25 26 6155300470 นางสาวญาณภา เอ่ียมสังข์ทอง ปกติ 10 14 24 27 6155300488 นายรณภพ วลั ลภวรกิจ ปกติ 10 15 25 28 6155300526 นายมโนมัย โพธิ์สุวรรณ ปกติ 10 12 22 29 6155300534 นายธีรเมธ จันทร ปกติ 10 15 25 30 6155300542 นายอิศรา ยมนา ปกติ 10 16 26

งานในชั้น นาเสนอ Midterm Final (รายงาน) คะแนนรวม เกรด กลุ่ม เรยี น 80 A 4 นอ 7 15 22 33 W B Oscars Award 5 15 20 29 73 B STST C+ Pluto 7 11 18 28 71 C+ Queen B เอลิซ่า 8 11 19 24 66 C+ Pluto B 4 15 19 26 68 C+ Oscars Award B Pluto 7 15 22 25 71 B 4in1 B 8 13 21 24 69 B Blue Bird B Blue Bird 5 15 20 29 74 C Blue Bird B 8 13 21 24 69 C+ STST C+ 4Gether 4 13 17 30 71 B C+ 4in1 7 13 20 29 72 C+ 4Gether C+ เอลิซ่า 7 13 20 29 72 C Butterfly A 4 Angels 7 13 20 29 73 C+ เอลิซ่า A 7 12 19 26 70 C+ 4in1 C+ Queen 5 11 16 24 64 A 4 นอ 4Gether 4 15 19 30 73 4 นอ Oscars Award 5 13 18 24 65 4Gether 4 นอ 7 15 22 25 69 8 13 21 29 73 7 13 20 24 69 7 13 20 25 69 4 13 17 30 69 4 12 16 26 64 7 15 22 33 80 5 12 17 24 65 7 15 22 33 80 5 13 18 29 69 5 11 16 24 65 7 15 22 33 81

ผลการตรวจรายงานวิจัย รายงานเล่มทาได้ดี รายงานเล่มทาได้ดี แต่บทที่ 2 อ้างอิงไม่มีในบรรณานุกรม บทที่ 3 สถิติใส่ว่า Taro Yamane บทท่ี 5 ไม่มีการนางานวิจัยอ่ืนมาใส่ว่าสอดคล้อ บทท่ี 2 อ้างอิงไม่ถูกต้อง และอ้างอิงจากคนเดียวท่ียาวเกินไป และอ้างอิงงานวิจัยที่เก่ียวข้องไม่มีช่ือเรื่อวิจัย บทท่ี 4 เริ่มต้นไม่เป็นตาม Forma บทที่ 1 ไม่ปรบั แก้ตามคาแนะนา บทที่ 4 ไม่อ่านผลสรปุ สมมติฐาน F-test บทท่ี 1 วัตถุประสงค์และประโยชน์ไม่ถูก บทท่ี 2 อ้างอิงไม่ถูก บทที่ 5 ไม่มีข้อเสนอแนะ บทท่ี 2 อ้างอิงไม่มีในบรรณานุกรม บทที่ 3 ใส่สถิติ Chi square ซ่ึงไม่ถูกต้อง ต้องใช้ F-test t-test บทท่ี 4 ไม่มีสรุปสมมติฐาน t-test บทที่ 1 ไม่ปรบั แก้ตามคาแนะนา บทท่ี 4 ไม่อ่านผลสรุปสมมติฐาน F-test รายงานเล่มทาได้ดี แต่บทที่ 2 อ้างอิงไม่มีในบรรณานุกรม บทที่ 3 สถิติใส่ว่า Taro Yamane บทท่ี 5 ไม่มีการนางานวจิ ัยอ่ืนมาใส่วา่ สอดคล้อ บทท่ี 1 ไม่ปรบั แก้ตามคาแนะนา บทท่ี 4 ไม่อ่านผลสรปุ สมมติฐาน F-test รายงานทาได้ดี รายงานเล่มทาได้ดี แต่บทท่ี 4 อ่านผลไม่มีการเวน้ ย่อหน้าเลย รายงานเล่มทาได้ดี แต่บทที่ 4 อ่านผลไม่มีการเว้นย่อหน้าเลย รายงานเล่มทาได้ดี แต่บทที่ 4 อ่านผลไม่มีการเว้นย่อหน้าเลย บทท่ี 2 อ้างอิงไม่ถูกต้อง และอ้างอิงจากคนเดียวที่ยาวเกินไป และอ้างอิงงานวิจัยที่เก่ยี วข้องไม่มีช่ือเร่ือวิจัย บทที่ 4 เริ่มต้นไม่เป็นตาม Forma บทท่ี 1 ไม่มีการอ้างอิงข้อมูล บทที่ 4 ใช้ t-test แต่มี 3 กลมุ่ ท่ีเป็นหย่ารา้ งระบุ 0 และไม่อ่านสรุปสมมติฐาน F-test รายงานทาได้ดี บทที่ 1 ไม่มีการอ้างอิงข้อมูล บทท่ี 4 ใช้ t-test แต่มี 3 กลมุ่ ที่เป็นหย่ารา้ งระบุ 0 และไม่อ่านสรปุ สมมติฐาน F-test บทที่ 2 อ้างอิงไม่มีในบรรณานุกรม บทที่ 3 ใส่สถิติ Chi square ซึ่งไม่ถูกต้อง ต้องใช้ F-test t-test บทท่ี 4 ไม่มีสรปุ สมมติฐาน t-test รายงานทาได้ดี บทที่ 2 อ้างอิงไม่ถูกต้อง บทท่ี 4 ไม่มีการอ่านผล Post Hoc บทที่ 2 อ้างอิงไม่มีในบรรณานุกรม บทท่ี 3 ใส่สถิติ Chi square ซงึ่ ไม่ถูกต้อง ต้องใช้ F-test t-test บทท่ี 4 ไม่มีสรุปสมมติฐาน t-test รายงานทาได้ดี บทท่ี 1 วัตถุประสงค์และประโยชน์ไม่ถูก บทท่ี 2 อ้างอิงไม่ถูก บทที่ 5 ไม่มีข้อเสนอแนะ รายงานเล่มทาได้ดี บทท่ี 1 ไม่มีการอ้างอิงข้อมูล บทท่ี 4 ใช้ t-test แต่มี 3 กลุ่มที่เป็นหย่ารา้ งระบุ 0 และไม่อ่านสรปุ สมมติฐาน F-test รายงานเล่มทาได้ดี รายงานเล่มทาได้ดี แต่บทที่ 2 อ้างอิงไม่มีในบรรณานุกรม บทที่ 3 สถิติใส่ว่า Taro Yamane บทท่ี 5 ไม่มีการนางานวิจัยอื่นมาใส่วา่ สอดคล้อ บทที่ 1 ไม่มีการอ้างอิงข้อมูล บทที่ 4 ใช้ t-test แต่มี 3 กลุม่ ที่เป็นหย่าร้างระบุ 0 และไม่อ่านสรปุ สมมติฐาน F-test รายงานเล่มทาได้ดี

รายงานทาได้ดี บทที่ 2 อ้างอิงไม่ถูกต้อง และอ้างอิงจากคนเดียวที่ยาวเกินไป และอ้างอิงงานวิจัยท่ีเกีย่ วข้องไม่มีชื่อเร่ือวจิ ัย บทท่ี 4 เริ่มต้นไม่เป็นตาม Forma รายงานทาได้ดี บทที่ 1 วตั ถุประสงค์และประโยชน์ไม่ถูก บทท่ี 2 อ้างอิงไม่ถูก บทท่ี 5 ไม่มีข้อเสนอแนะ บทที่ 2 อ้างอิงไม่ถูกต้อง บทที่ 4 ไม่มีการอ่านผล Post Hoc รายงานทาได้ดี บทที่ 2 อ้างอิงไม่ถูกต้อง บทท่ี 4 ไม่มีการอ่านผล Post Hoc รายงานเล่มทาได้ดี แต่บทที่ 2 อ้างอิงไม่มีในบรรณานุกรม บทท่ี 3 สถิติใส่วา่ Taro Yamane บทท่ี 5 ไม่มีการนางานวิจัยอื่นมาใส่ว่าสอดคล้อ บทที่ 1 วัตถุประสงค์และประโยชน์ไม่ถูก บทท่ี 2 อ้างอิงไม่ถูก บทที่ 5 ไม่มีข้อเสนอแนะ บทที่ 2 อ้างอิงไม่ถูกต้อง และอ้างอิงจากคนเดียวที่ยาวเกินไป และอ้างอิงงานวจิ ัยที่เกย่ี วข้องไม่มีช่ือเร่ือวจิ ัย บทท่ี 4 เริ่มต้นไม่เป็นตาม Forma รายงานทาได้ดี บทที่ 2 อ้างอิงไม่ถูกต้อง บทท่ี 4 ไม่มีการอ่านผล Post Hoc บทท่ี 2 อ้างอิงไม่มีในบรรณานุกรม บทท่ี 3 ใส่สถิติ Chi square ซ่งึ ไม่ถูกต้อง ต้องใช้ F-test t-test บทท่ี 4 ไม่มีสรปุ สมมติฐาน t-test บทท่ี 1 ไม่ปรบั แก้ตามคาแนะนา บทที่ 4 ไม่อ่านผลสรุปสมมติฐาน F-test

พฤติกรรมการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนักงานบริษัทใน เขตแจ้งวฒั นะ จังหวัดนนทบรุ ี กลมุ่ 4 นอ 1. นางสาวสิรริ วี เกิดถาวร รหสั นกั ศกึ ษา 6055300095 2. นางสาวอตพิ ร แสนหาญ รหัสนักศกึ ษา 6155300461 3. นายรณภพ วลั ลภวรกจิ รหสั นกั ศึกษา 6155300488 4. นายอศิ รา ยมนา รหสั นกั ศึกษา 6155300542 รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหน่ึงของการศึกษาวชิ า การสำรวจและวจิ ัยสำหรับธรุ กจิ บรกิ ารและการท่องเท่ยี ว คณะวทิ ยาการจัดการ สาขาการจดั การบริการและการทอ่ งเทยี่ ว สถาบันการจัดการปญั ญาภวิ ัฒน์

สารบญั เร่ือง หน้า บทที่ 1 บทนำ................................................................................................................................................................1 1.1 ความสำคัญและที่มาของปัญหา.........................................................................................................................1 1.2 วตั ถุประสงค์ .......................................................................................................................................................2 1.3 ประโยชน์ที่คาดวา่ จะได้รับ.................................................................................................................................2 1.4 ขอบเขตของการวิจยั ..........................................................................................................................................3 1.5 แผนการดำเนินงานทางปฏิบตั ิของงานวิจยั .......................................................................................................3 บทท่ี 2 ทบทวนวรรณกรรม ..........................................................................................................................................4 2.1 แนวคดิ และทฤษฎที เ่ี กี่ยวขอ้ งกับพฤตกิ รรมผูบ้ ริโภค ........................................................................................4 2.2 แนวคิดและทฤษฎเี กีย่ วกบั อาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy)........................................................9 2.3 งานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง...........................................................................................................................................11 บทที่ 3 ระเบียบวธิ วี จิ ัย................................................................................................................................................16 3.1 วิธีการวิจัย.........................................................................................................................................................16 3.2 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั ...................................................................................................................................16 3.3 สมมติฐานในการวิจัย........................................................................................................................................17 3.4 ประชากรและกลุม่ ตวั อย่าง ..............................................................................................................................17 3.5 เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ...........................................................................................................18 3.6 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และประมวลผลข้อมูล ................................................................................................18 3.7 สถติ ิทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู ........................................................................................................................19 บทท่ี 4 ผลการวิจัย......................................................................................................................................................20 4.1 ขอ้ มูลท่ัวไปของกลุ่มตัวอยา่ ง............................................................................................................................20 4.2 การวิเคราะห์พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy).........................................23 4.3 การวเิ คราะหข์ ้อมลู เพือ่ การทดสอบสมมติฐาน................................................................................................27

บทที่ 5 สรปุ ผลการวจิ ยั ...............................................................................................................................................50 5.1 สรุปผลการวิจยั .................................................................................................................................................50 5.2 อภปิ รายผลการวิจยั ..........................................................................................................................................51 5.3 ข้อเสนอแนะจากการดำเนนิ งานวิจัย ...............................................................................................................51 บรรณานุกรม....................................................................................................................................................................

1 บทท1่ี บทนำ 1.1 ความสำคญั และทมี่ าของปญั หา จากยุคสมยั ของการดำเนนิ ชีวิตทเี่ ปลี่ยนแปลงไป หลายๆสง่ิ ทม่ี ีความเปลย่ี นแปลงไปจากเดิมไม่ว่าจะเป็น วถิ ีชวี ติ การอยู่อาศัย หรอื การรบั ประทานอาหาร สิ่งท่เี หน็ ได้ชดั คอื มกั เปน็ ปัจจัย4 ท่ีเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ ยุคสมัยเปลี่ยนไป การทานอาหารไม่ใช่เพียงแค่เพื่อให้มีแรงดำรงชีวิตไปต่อ ดั่งคนในสมัยก่อนๆ แต่นอกจาก น้ี อาหารสามารถสร้างรายได้ สรา้ งความสุขหลงั ความเหน็ดเหนอ่ื ยหลงั จากการทำงานไดอ้ ีกด้วย หากกล่าวถงึ ลกั ษณะการรับประทานอาหารแล้วน้ัน คงไมพ่ ้นกบั คำกลา่ วท่วี ่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” คือการให้เลือกทานอาหารท่ีส่งเสริมสุขภาพใหแ้ ขง็ แรง แตป่ จั จบุ นั การทานอาหารไม่ได้มีเพยี งแค่ทานให้สุขภาพดี อย่างเดียว แต่ในปัจจุบันที่มนุษย์ส่วนใหญ่อยู่ในยุคของดิจิตอลทีม่ ักมกี ารอัพโหลดรูปภาพ อัพโหลดสิ่งต่างๆใน Social Media อยู่เสมอ อาหารจึงจำเป็นที่ต้องมีความน่าสนใจในรูปร่างหน้าตาของอาหาร หลายคนมองไปถึง “อนาคต” ที่พูดถึง “นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต” ซึ่งเป็นทางเลือกอาหารแบบใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทาง โภชนาการ สะอาดปลอดภยั ต่อการรับประทาน รวมถึงการช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตอาหารของไทยให้ ก้าวทนั และตอบโจทยค์ วามตอ้ งการอาหารในตลาดโลกไม่แพ้ประเทศอ่ืนๆ ทม่ี ใี ห้ได้ชมและชิมกันอย่างกว้างขวาง (สุขุม. 2563: ออนไลน์) เทคนิคที่มักพบได้ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารคือ Molecular Gastronomy เป็น วิธีการทำอาหารทีป่ ระยุกต์มาจากหลักการทางวิทยาศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ มาใช้ประกอบอาหาร โดยมีเทคนคิ การ ปรุงหรือการประกอบที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างอาหารรูปแบบที่แปลกใหม่ และทำให้ผู้ทานรู้สึกตืน่ เต้นกับ เมนูนน้ั ๆ การปรงุ อาหารในแงม่ มุ ของวิทยาศาสตรน์ น้ั เรมิ่ ต้นข้นึ ในทศวรรษท่ี 1980 โดยนิโคลัส เคอรท์ ิ (Nicholas Kurti) นัก ฟิสิกส์ชาวฮังการี และแอร์เวทิส (Hervé This) นักฟิสิกส์เคมีชาวฝร่ังเศส นิโคลัสเป็นศาสตราจารย์ผู้ ชอบนำเครื่องมือจากห้องแล็บไปใช้ทำอาหาร จนได้รับฉายาว่า “นักฟิสิกส์แห่งห้องครัว” ขณะที่แอร์เวน้ันเป็น นักวิทยาศาสตร์ผู้สงสยั วา่ สูตรอาหารท่ีสืบทอดกันมานั้นมคี วามเป็นวิทยาศาสตร์มากน้อยแค่ไหน พวกเขาจึงได้ รว่ มมือกันศกึ ษาอาหารด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตรอ์ ยา่ งจรงิ จงั ปรบั ปรุงข้ันตอนการทำอาหารใหถ้ กู ตอ้ งตาม หลักวิทยาศาสตร์ รวมท้ังใช้วทิ ยาศาสตรส์ ร้างสรรค์วิธกี ารปรุงอาหารแบบใหม่ นิโคลัสและแอร์เวเรียกการศึกษา ของตนเองว่า Molecular and Physical Gastronomy ก่อนที่จะย่อเหลอื Molecular Gastronomy อยา่ งที่เรา เรียกกันในปัจจบุ ัน ด้วยการศึกษาและเผยแพร่ความรู้ด้าน Molecular Gastronomy อย่างไม่หยุดหยอ่ น ทำให้ แอรเ์ วไดร้ บั การยกยอ่ งให้เปน็ “บิดาแห่งอาหารโมเลกุล” แม้อาหารโมเลกลุ จะถือกำเนิดมาหลายสบิ ปแี ลว้ แตก่ าร ปรงุ อาหารโมเลกุลกย็ งั สร้างความต่นื เตน้ ให้กับนักชิมได้เสมอ และน่คี ือเทคนคิ การปรุงอาหารโมเลกุลที่นิยมใช้กัน

2 ในปจั จุบัน (นวัตกนิ . 2563: ออนไลน์) อาหารแนวใหมป่ ัจจุบนั พบได้ในหลากหลายช่องทางทั้งส่ือโฆษณา รายการ ทีวี คนส่วนใหญ่คิดว่าการทำอาหารแนวใหม่จำเป็นแตแ่ คม่ ีในวิทยาศาสตร์ แต่อาหารแนวใหม่เป็นการนำเทคนิค ต่างๆในทางวทิ ยาศาสตร์มาใช้ ไม่ใช่มีเพยี งการนำสารในการประกอบอาหารมาใช้เพยี งอย่างเดียว จากกรณีการ เผยแพร่ในการถึงการใช้สารเคมเี ป็นส่วนประกอบของอาหาร แต่ความเป็นจริงแล้วการใช้สารเคมีเปน็ เพียงส่วน เลก็ น้อยเทา่ น้นั และนอกจากนส้ี ารทางวิทยาศาสตรท์ ่นี ำมาใช้ถกู คิดค้นเพ่อื ให้เหมาะสำหรับการทำอาหาร ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าอาหารแนวใหม่(Molecular Gastronomy) สามารถรับประทานได้ และยังมีความน่าสนใจทั้งใน เทคนิค น่าตาของอาหารและความแปลกใหมข่ องวธิ ีการนำเสนอ จากแนวคิดดังกล่าวผู้วิจัยจึงสนใจจะทำการศึกษา ถึงพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนักงานบริษัทในเขตแจง้ วฒั นะ จ.นนทบุรี เพื่อสำรวจกลุ่มเป้าหมายที่สนใจใน อาหารแนวใหมห่ รืออาหารแนวโมเลกูลาร์ เพอื่ เปน็ ตัวชว่ ยในการสำรวจตลาดของผ้บู รโิ ภคและปจั จยั ทมี่ ีผลต่อการ เลอื กซอ้ื เพื่อเปน็ แนวทางใหผ้ ู้ประกอบการได้รับทราบถึงการส่งผลตอ่ การเลอื กซื้อของผู้บริโภค เพื่อเป็นแนวมาง ในการปรบั กลยทุ ธิก์ ารตตี ลาด และรวมถงึ เป็นแนวทางในการศึกษาของผู้ทสี่ นใจในงานวิจยั เรอ่ื งนี้ต่อไป 1.2 วัตถุประสงค์ 1. เพือ่ ศกึ ษาพฤติกรรมการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนักงานบริษัท ในเขตแจง้ วฒั นะ จงั หวัดนนทบรุ ี 2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนักงานบรษิ ัทในเขตแจง้ วฒั นะ จงั หวดั นนทบรุ ี 1.3 ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับ 1. เพื่อทราบถึงพฤติกรรมการบริโภคอาหารแนวใหม่พฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนกั งานบรษิ ทั ในเขตแจง้ วฒั นะ จังหวดั นนทบุรี 2. เพื่อทราบถึงปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนักงานบรษิ ัทในเขตแจ้งวฒั นะ จังหวดั นนทบุรี 3. เพื่อให้ผู้ประกอบการ ตลอดจนผู้ที่สนใจนำข้อมูลไปปรับปรุงวางแผนการตลาดเพื่อให้เข้าถึง กล่มุ เป้าหมายได้มากขน้ึ 4. เพอ่ื เปน็ แนวทางสำหรับผทู้ ี่สนใจดำเนนิ วจิ ยั เร่ืองนตี้ อ่ ไป

3 1.4 ขอบเขตของการวจิ ยั 1. ด้านเน้อื หาจะทำการศึกษาเกีย่ วกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) กรณศี กึ ษาผูบ้ ริโภคในเขตแจ้งวฒั นะ 2 ดา้ น คอื 1) ลกั ษณะทางประชากร 2) พฤติกรรมการบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) 2. ประชากรท่ีใชใ้ นการศึกษาครง้ั นี้ คอื พนกั งานบรษิ ทั ในเขตแจง้ วัฒนะ จังหวัดนนทบุรี 3. ระยะเวลาในการทำวิจัย คือ เดอื นมีนาคม 2564 ถงึ เดือนเมษา 2564 1.5 แผนการดำเนนิ งานทางปฏิบตั ิของงานวิจยั กิจกรรม/ขัน้ ตอน สัปดาห์ การดำเนนิ งานวิจัย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 1) ศกึ ษาขอ้ มูลที่เก่ียวข้อง 2) เขียนโครงร่างงานวิจัยนำเสนอ 3) เขยี นรายงานบทนำ 4) ทบทวนวรรณกรรม 5) เขียนรายงาน 6) เขียนรายงานระเบียบวธิ ีวจิ ยั 7) ออกแบบมาตราวดั 8) เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลภาคสนาม 9) ประมวลผลและวิเคราะหข์ อ้ มูล 10) เขียนรายงานผลการวิจยั 11) เขียนรายงานอภิปรายผล 12) นำเสนองานวจิ ัย 13) สง่ รายงานฉบับสมบูรณ์

4 บทที่ 2 ทบทวนวรรณกรรม ในการศึกษาและวิจัยเรื่องพฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่(Molecular Gastronomy) ของ พนักงานบรษิ ทั ในเขตแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี ผู้วิจัยได้ทำการรวบรวมแนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ดงั น้ี คอื 2.1 แนวคดิ และทฤษฎที ี่เกย่ี วขอ้ งกับพฤติกรรมผู้บริโภค 2.2 แนวคดิ และทฤษฎีท่เี กีย่ วขอ้ งกับอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) 2.3 งานวจิ ัยท่เี ก่ยี วขอ้ ง 2.1 แนวคิดและทฤษฎที ่เี กี่ยวขอ้ งกบั พฤตกิ รรมผู้บรโิ ภค แนวคดิ และทฤษฎีทเ่ี กีย่ วข้องกับพฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภค พฤติกรรมผู้บริโภค หมายถึงกระบวนการตัดสินใจและกิจกรรมทางกายภาพทีบ่ ุคคลกระทำ เมื่อเขาทำ การประเมิน (Evaluating) ครอบครอง (Acquiring) การใช้ (Using) หรือบริโภค (Consume) สินค้าและบริการ (Goods and Service) (ฉัตยาพร เสมอใจ. 2556: 18) พฤติกรรมผูบ้ ริโภค หมายถึงพฤติกรรมของบุคคลในการค้นหา (Searching) การซื้อ (Purchasing) การ ใช้ การประเมนิ และการดำเนนิ การ (Disposing) เก่ยี วกบั สินค้าหรอื บรกิ าร โดยคาดหวังวา่ ส่งิ เหลา่ นนั้ จะสามารถ ตอบสนองความต้องการของตนได้ (ฉัตยาพร เสมอใจ. 2556: 18) พฤติกรรมผู้บริโภค หมายถึงกระบวนการตัดสินใจและลักษณะกิจกรรมของแต่ละบุคคลในการประเมนิ การจดั หา การใช้ และการดำเนนิ การเกย่ี วกบั สนิ ค้าและบริการ (ฉัตยาพร เสมอใจ. 2556: 18) จากความหมายข้างต้นเราสามารถสรปุ ได้ว่า พฤติกรรมผู้บริโภค หมายถึงกระบวนการหรือ พฤติกรรม การตดั สนิ ใจ การซื้อ การใช้ และการประเมนิ ผลการใชส้ ินค้าหรอื บริการของบคุ คล ซึ่งจะมคี วามสำคัญต่อการซ้ือ สินค้าและบริการทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นเพื่อให้สามารถเข้าใจความหมาย ของพฤติกรรมผู้บริโภคได้ดี ยงิ่ ขึน้ เราจงึ ควรทำความเข้าใจถึงความหมายของคำศัพท์ตอ่ ไปนี้

5 1. ลูกค้า(Customer) หมายถึงบุคคลผทู้ ที่ ำการซ้อื หรอื คาดวา่ จะซ้ือสินค้าหรือบรกิ ารจาก แหล่งใดแหล่ง หน่งึ ซึง่ ผู้ซื้อ (Buyer) อาจจะไมไ่ ด้เปน็ ผู้ใช้ (User) สินคา้ หรือบรกิ ารนั้นกไ็ ด้ ซึ่งเราสามารถ แบ่งลูกค้าออกเป็น 2 ประเภทคอื 1.1 ลกู ค้าบุคคล (Personal Customer) หมายถงึ ผูซ้ ึ่งซ้อื สินค้าหรือบริการเพอื่ การใช้สว่ นตัวหรือใช้ใน ครอบครวั เชน่ นักเรียนซอ้ื คอมพวิ เตอรห์ รอื ปากกาสำหรับใช้ส่วนตัว หรือแมบ่ ้าน ซื้อเครือ่ งครัวหรือข้าวสารและ อาหารตา่ งๆ เพื่อบรโิ ภคในครอบครัว เปน็ ต้น 1.2 ลูกค้าองค์การ (Organizational Customer) หมายถงึ องค์การซ่ึงซอื้ สินค้าหรอื บริการ เพ่อื ใช้เป็น ส่วนประกอบในการผลิตสินค้าและบริการหรอื การดำเนินงานขององค์การ ลกู คา้ องคก์ าร จงึ สามารถเรียกอกี อย่าง หน่งึ วา่ ผู้ใชท้ างอตุ สาหกรรม (Industrial User) ตัวอย่างเช่น บริษัทผลติ อาหาร สำเร็จรปู ซ้ือขา้ วเพ่อื การผลิตโจ๊ก กึ่งสำเร็จรูปกระป๋อง หรือหน่วยงานต่างๆ ที่ซื้อคอมพิวเตอร์สำหรับ ใช้ในการดำเนินงานภายในองค์การ เพื่อให้ พนกั งานสามารถใหบ้ รกิ ารลูกค้าไดร้ วดเรว็ ยิ่งขึน้ เป็นตน้ 2. ผู้บริโภค ( Consumer) หมายถึงบุคคลผู้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการประเมิน การครอบครอง และการใชส้ ินคา้ หรอื บรกิ าร โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือการใช้ด้วยตนเองหรอื การ ใชใ้ นครัวเรือน เช่น แม่บ้านซ้ืออาหารจากร้านขายอาหารสำเร็จรูปเพ่อื นำไปเป็นอาหารมื้อเยน็ ของ ครอบครัว นกั เรียนซ้ือเครื่องเขียน จากร้านขายเครื่องเขียนเพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับการเรียนของตน เป็นต้น หรือสามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า ผู้บรโิ ภคขน้ั สุดทา้ ย (Ultimate Consumer) 3. ผูบ้ ริโภคทคี่ าดหวงั (Prospect or Potential Consumers) หมายถึงบุคคลหรอื กล่มุ บุคคลที่ธุรกิจ มุ่งเน้นทีจ่ ะทำการกระตุ้นหรือชักจูงใจให้เกิดความต้องการและทำการซือ้ สินค้าหรือบริการ ของธุรกิจซ่ึงนักการ ตลาดจะต้องแยกผ้คู าดหวงั ออกมาอยา่ งชัดเจน เพือ่ ทำการสง่ เสริมการขาย ให้ตรงกลมุ่ เป้าหมาย 4. ผู้บรโิ ภครายบุคคล (Individual Consumer) เปน็ ผู้ซอื้ ทีด่ ำเนินกระบวนการซอ้ื สำหรับตนเองผู้ซื้อ อาจมีผู้ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการซื้อ โดยแต่ละบุคคลจะได้รับบทบาท ที่แตกต่างกันในการแสดง พฤติกรรมผูบ้ รโิ ภค โดยทั่วไปเรามักจะคิดว่าผู้ซื้อส่วนบุคคลเป็นสถานการณ์ของผู้บริโภคที่จะทำการซื้อ โดยมีอิทธิพลจาก ผู้อ่ืนเล็กนอ้ ยหรือไม่มเี ลย แต่ความจรงิ ในบางกรณอี าจมบี คุ คลอกี จำนวนหน่ึงเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจซ้ือ ของเขา ตัวอย่างเช่น การวางแผนไปเที่ยวในวันหยุดสุดสปั ดาหก์ บั กลุ่มเพื่อน การตัดสนิ ใจซ้อื บา้ นของคู่สามภี รรยา หรือการตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ของครอบครัว เป็นต้น ซึ่ง บทบาทของบุคคลที่เกี่ยวข้องในการตัดสินใจซอื้ สามารถแบ่งออกเปน็ 5 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ • ผู้ริเริม่ (Initiator) หมายถงึ บคุ คลผซู้ อื้ รบั รู้ถึงความจำเป็นหรอื ความตอ้ งการและริเรม่ิ ความคดิ เกยี่ วกบั การ ซื้อและความต้องการสินคา้ หรือบรกิ าร เช่น นักศึกษาต้องการคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการศึกษา ค้นควา้ และติดต่อสื่อสาร เป็นตน้

6 • ผมู้ ีอิทธิพล (Influencer) หมายถึงบุคคลผซู้ ึ่งแสดงพฤตกิ รรมใดๆ เปน็ ส่ิงกระตุ้นหรือจูงใจต่อบคุ คลอื่น ท้งั ทีต่ ง้ั ใจและไม่ตงั้ ใจ ซ่งึ มอี ิทธิพลตอ่ การตัดสินใจซอื้ หรอื การใช้สินค้าหรือบริการ จากตวั อยา่ งข้างต้น อาจ มีเพื่อนที่มีคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว หรือผู้ปกครองที่ไปร่วมหรือผู้ปกครองทีไ่ ปช่วยเลือกหรือพนักงานทีใ่ ห้ คำแนะนำ หรอื อาจปรึกษาจากผเู้ ช่ียวชาญ เปน็ ต้น • ผตู้ ัดสนิ ใจ (Decider) หมายถงึ ผ้ทู ต่ี ดั สนิ ใจหรือมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไมซ่ ือ้ ช่ืออะไร ซ้ือ อย่างไร ซื้อที่ไหน ซื้อเมือ่ ไร และซื้อจำนวนเท่าใด นักศึกษาอาจสามารถตดั สิน ใจให้เองหรือผู้ปกครอง ตดั สินใจขั้นสดุ ท้ายกไ็ ด้ • ผ้ซู ือ้ (Buyer) หมายถึงบคุ คลผซู้ ึง่ ดำเนินการซือ้ จริง อาจไม่ใช่ผูจ้ ่ายเงนิ แตท่ ำหน้าท่ซี ้ือเท่าน้ัน เช่น ฝ่าย จดั ซอื้ ของบริษทั ตา่ งๆ • ผู้ใช้ (User) หมายถึงบุคคลผู้ซึ่งเกีย่ วข้องกับการใช้สินค้าหรือบริการโดยตรง ซึ่งอาจจะเป็นผู้บริโภคคน สุดท้ายหรอื ผู้ใชใ้ นอตุ สาหกรรม และจะเป็นผูท้ ำการประเมนิ การใชส้ นิ คา้ และบรกิ ารนัน้ ๆ ดว้ ย 5. ผ้บู รโิ ภคทีเ่ ป็นองคก์ าร (Organization Consumers) คือผู้บรโิ ภคทเ่ี ป็นหน่วยงานตา่ ง ๆ ซง่ึ อาจจะ เป็นองค์กรท่ีไมห่ วงั ผลกำไรหรอื หน่วยงานธรุ กิจที่หวงั ผลกำไรก็ได้ทีด่ ำเนนิ กิจกรรม จัดซ้ือเพ่ือนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไปใชใ้ นหนว่ ยงานเพื่อนำไปผลติ ตอ่ หรอื จัดจำหน่ายตอ่ พฤติกรรมการ ซือ้ และการใชส้ ินค้าหรอื บริการในองค์การ มักจะมกี ารจัดบทบาทหนา้ ท่ีในกระบวนการตัดสนิ ใจ จนถึงการดำเนนิ การซือ้ และใช้ท่ีชัดเจน (ฉัตยาพร เสมอใจ. 2556: 20) เช่น • ฝ่ายผลิตต้องการเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวัสดุสำหรับใช้ในการผลิตสินค้า ก็จะแจ้งความต้องการ วัตถปุ ระสงคใ์ นการใช้งาน รวมถึงคุณสมบัตขิ องสิง่ ทีต่ ้องการไปยังผู้บรหิ ารหรอื ฝ่ายจัดชอื้ • ผู้บรหิ ารหรอื ฝ่ายจัดซ้ือทำหน้าท่ีในการตัดสนิ ใจว่าจะซ้อื เคร่อื งมอื นน้ั หรือไม่ ถา้ ซื้อ จะซื้อย่ีห้ออะไรและ ซื้อจากผขู้ ายรายใด ซง่ึ ส่วนใหญ่การตัดสนิ ใจซอื้ มกั จะเป็นไปตามนโยบายของบรษิ ทั บางแหง่ ฝา่ ยจัดซ้ือมี หน้าที่เพียงจัดซื้อตามยี่ห้อแบบรุ่นตามที่ถูกร้องขอมาเท่านั้น ในขณะที่บางบริษัทฝ่ายจัดซื้อต้อง ทำการศกึ ษาข้อมลู เปรียบเทียบและตดั สนิ ใจส่งั ซื้อตามท่เี หน็ วา่ เหมาะสมทส่ี ดุ เอง • ฝ่ายจัดซื้อทำการซื้อหลังจากผ่านการตัดสินใจจากฝ่ายบริหารแล้ว ฝ่ายจัดซื้อที่ดำเนินการซือ้ ตามที่ฝา่ ย บริหารกำหนดไว้ • ฝา่ ยผลิต การใช้และประเมินผลการใชถ้ งึ ประสิทธภิ าพในการใชง้ านและผลลพั ธ์ท่ีได้

7 การแบง่ สว่ นตลาด การแบ่งส่วนตลาด (Segmentation) เป็นการศึกษาถึงลักษณะของกลุ่มผู้บริโภคที่มีความเหมือน และ แตกตา่ งกนั แล้วทำการแบ่งกลมุ่ ผบู้ รโิ ภคออกเป็นกล่มุ ๆ ตามลักษณะทเ่ี หมือนกัน ซ่งึ การแบง่ สว่ นตลาด จะช่วยให้ ธรุ กจิ สามารถวางแผนตลาดในการเข้าถงึ กลุ่มเป้าหมายได้ถกู ต้องและมีประสทิ ธิภาพยงิ่ ขึน้ ในปจั จุบนั เทคโนโลยี ดา้ นขอ้ มูลและการสอื่ สารยงั มีความก้าวหนา้ มากขน้ึ เพยี งใด ก็จะย่งิ ทำใหม้ ีการแบ่งส่วนตลาดออกเปน็ กลุ่มย่อยท่ีมี ขนาดเล็กลงมากขึ้น (Micro-segmentation) เนื่องจาก ผู้บริโภคจะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสาร ทำการ เปรียบเทียบ และเลือกในสิ่งที่ต้องการได้มากกว่า ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนที่ผู้บริโภคไม่ค่อยมีทางเลือกมากนัก ผลติ ภัณฑ์ที่มีส่วนใหญม่ ่งุ เนน้ ทก่ี ารผลิตใน จำนวนมากและไมม่ คี วามแตกตา่ ง (Mass Production) ดังนั้นนักการ ตลาดในปัจจุบันจงึ ยิ่งมีความจำเปน็ ตอ้ งศึกษาพฤตกิ รรมผู้บริโภคอยา่ งละเอยี ดยงิ่ ขึน้ โดยอาศัยเกณฑ์ในการแบ่ง สว่ นตลาดตามลักษณะและพฤตกิ รรมของผบู้ รโิ ภคดงั นี้ (ฉตั ยาพร เสมอใจ. 2556: 39) 1. การแบ่งส่วนตามภูมิศาสตร์ (Geographic) เป็นการแบ่งการตลาดโดยถือเกณฑ์ตามลักษณะทาง ภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันของตลาด ได้แก่ เขตพื้นที่ จำนวนประชากร สภาพอากาศ หรือ กดความ หนาแน่นของประชากร 2. การแบ่งส่วนตามประชากรศาสตร์ (Demographic) เป็นการแบ่งส่วนตลาดตาม ปัจจัยทาง ประชากรศาสตร์ ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ รายได้ การศึกษา เชื้อชาติ ศาสนา สีผิว ขนาดครอบครัว วงจรชีวิตครอบครัว เป็นวิธีการแบ่งส่วนตลาดที่ช่วยให้เห็นถึงกลุ่มตลาดที่สำคัญ เเนื่องจากความ ตอ้ งการขอผ้บู ริโภคหรืออตั ราการใช้จะมีความเกย่ี วขอ้ งกับตัวแปรทางประชากรศาสตร์และสามารถ วัดได้ง่ายกว่าตัวแปรอื่น ส่วนใหญ่จะใช้ตัวแปรหลายด้านมาประกอบกันในการแบ่งส่วนตลาด ตวั อย่างเชน่ การแบง่ สว่ นตลาดโดยใชต้ ัวแปรด้านนอายุของหัวหนา้ ครอบครัว ขนาดครอบครัว และ ระดับของรายได้ประกอบกัน 3. การแบ่งส่วนตามหลักจิตวิทยา (Psychographic) เป็นการแบ่งส่วนตลาดโดยใช้เกณฑ์ ความแตกต่างของวิถีการดำเนนิ ชีวิตและบุคลิกของผูบ้ รโิ ภคที่แตกตา่ งกัน ได้แก่ ชั้นสังคม รูปแบบ การดำเนนิ ชีวติ และบคุ ลกิ ลกั ษณะ 4. การแบ่งส่วนตามพฤติกรรม (Behavioral) เป็นการแบ่งส่วนตลาดตามลักษณะของ พฤติกรรมใน การซ้ือของผบู้ รโิ ภค ได้แก่ โอกาสในการซ้ือ(Purchase Occasion) การแสวงหาผลประโยชน์(Benefit Sought) สถานภาพการใช้ (Using Status) อัตราการใช้ (Usage Rate) สภาพความซ่อื สัตย์ (Loyalty Stitis) ชน้ั ของความพร้อม (Stage of Roadiness) ทัศนคติ (Attitude) 5. การแบ่งส่วนตลาดแบบผสม เป็นการแบ่งส่วนตลาดโดยใช้หลักเกณฑ์การแบ่งส่วนตลาดดังกล่าว ข้างตน้ มาประกอบกนั

8 การตัดสนิ ใจซือ้ ผู้บริโภคมีรูปแบบและขั้นตอนในการตดั สินใจซ้ือสินค้าหรือบรกิ ารแต่ละประเภทที่แตกต่างกัน สำหรับ สินคา้ บางประเภท ผ้บู ริโภคอาจต้องใชเ้ วลาในการตดั สินใจนานและต้องการขอ้ มูลมาก ไดแ้ ก่ สนิ คา้ ราคาแพง อายุ การใช้งานนานๆ ไม่เปลี่ยนบ่อย โดยเฉพาะถ้าเป็นสินค้าหรือบริการที่ไม่ เคยใช้มาก่อน เช่น สถานศึกษา โรงพยาบาล รถยนต์ บ้าน เป็นต้น แต่สำหรับสินค้าบางประเภทกลับใช้เวลาสั้น ไม่ต้องการข้อมูลมากนักในการ ตดั สินใจ หรือบางครง้ั ผบู้ ริโภคอาจจะตัดสินใจในทันทโี ดยไม่ต้องพิจารณาข้อมูลเพิ่มเตมิ อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็น การตัดสินใจสำหรับสินค้าหรือบริการประเภทใด ผู้บริโภคจะมีความเสีย่ งจากการตัดสินใจ คือนอกจากสิ่งท่ีเขา คาดหวังว่าจะไดร้ ับแล้ว ผบู้ รโิ ภคต้องยอม รบั ความเส่ยี งในส่ิงท่เี ขาไมพ่ งึ ปรารถนาจากการตัดสินใจซ้ือนั้นๆ ด้วย ซึ่งความเส่ียงอาจเกิดได้จาก สาเหตตุ า่ งๆ ตอ่ ไปนี้ (ฉตั ยาพร เสมอใจ. 2556: 46) 1. หนา้ ท่ขี องผลิตภัณฑ์ เปน็ ความเสย่ี งทผี่ ลติ ภัณฑ์จะไม่ทำหน้าที่ตามท่ผี ู้ซ้ือคาดหวัง เช่น เคร่ืองซักผ้าที่ซัก ผ้าได้ไม่สะอาด แชมพูขจัดรังแคที่ไม่ช่วยแก้ปัญหา เครื่องบินไม่ถึงท่ีหมายตามเวลาท่ีกำหนด การรักษา อาการป่วยท่ไี ม่หายหรือมีอาการข้างเคียงทไ่ี มพ่ งึ ประสงคเ์ กิดขึน้ เป็นต้น 2. ลักษณะทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ เป็นความเสี่ยงจากรูปลักษณ์ภายนอกของผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภค ปรารถนา เช่น ขนาด สีสัน รูปร่าง หรือความสะดวกในการใช้ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ผู้ผลิตนำ กลับมาพิจารณาและปรบั ใหต้ รงกับความต้องการของผ้บู ริโภคมากยิง่ ขน้ึ เชน่ ช่วงหน่งึ ท่ี ERICSSON เน้น ขนาดเล็กจนเป็นที่โดดเด่น หรือสี JOTUN Multi Color ที่เน้นการเสนอสีที่ตรงกับความต้องการของ ผ้บู ริโภค โดยผลติ ตามตัวอยา่ งสที ่ีลูกค้านำมา เป็นตน้ 3. ราคา เปน็ ความเส่ียงจากคุณภาพของสินค้าและบรกิ ารท่ีได้รับต่ำกว่ามูลค่าของจำนวนเงินท่ีจ่าย ซ่ึงโดย ปกติผู้ซื้อจะคาดหวังว่าต้องได้รับคณุ ภาพของสนิ ค้าหรือบริการคุ้มค่ากับจำนวนเงนิ ทีต่ นไดจ้ ่ายไป หรือ ความเส่ยี งที่จะจ่ายเงนิ ซอ้ื แพงกวา่ ซื้อจากทอ่ี น่ื จึงมหี ลายธุรกจิ ทใ่ี ชก้ ลยุทธ์ การรบั ประกันราคา เพอ่ื สร้าง ความมน่ั ใจใหแ้ กล่ ูกคา้ ว่าไม่จ่ายแพงกว่าการซ้อื จากทอ่ี ื่น 4. การยอมรับของสังคม เปน็ ความมน่ั ใจในการยอมรับจากสังคม ผ้บู ริโภคจะมคี วามคาดหวังที่จะให้สินค้า หรือบริการที่ตนเลือกน้ัน สะท้อนความเป็นตัวตนให้สงั คมเห็นและเกดิ การยอมรับ 5. จิตวิทยา ความรู้สึกภายในจิตใจหรือความเชื่อของบุคคลที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์น้ัน เชน่ ความเชอ่ื ว่านำ้ มนั คา่ ออกเทน 95 ช่วยให้รถว่งิ ได้แรงกวา่ ทงั้ ท่ีรถสามารถใช้นำ้ มันคา่ ออกเทน 91 ได้ เปน็ ตน้

9 6. เวลา ทง้ั เวลาในการค้นหาข้อมูลและเวลาในการรอคอย เนือ่ งจากผลิตภณั ฑ์บางชนดิ เป็นผลิตภัณฑ์ท่ีหา ยาก อาจต้องเสียเวลาในการค้นหาผลิตภัณฑ์ หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น อะไหล่ รถยนต์สําหรับ รถยนตบ์ างประเภท หรืออะไหล่ของผลิตภัณฑเ์ ทคโนโลยี เชน่ คอมพิวเตอร์ อปุ กรณ์ อเิ ล็กทรอนิกส์ หรือ กล้องถ่ายรปู ท่ีมกี ารเปล่ียนแปลงรวดเรว็ ทำให้อะไหล่ร่นุ เดมิ หายาก เปน็ ตน้ ปัจจยั ทีม่ อี ิทธิพลตอ่ การตัดสนิ ใจซื้อของผบู้ ริโภค ผู้บริโภคแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันในด้านตา่ ง ๆ ซึ่งมีผลมาจากความแตกต่างกันของลักษณะทาง กายภาพและสภาพแวดล้อมของแต่ละบุคคล ทำให้การตัดสินใจซื้อของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน ดังน้ัน นักการตลาดจึงจำเปน็ ตอ้ งศึกษาถงึ ปัจจยั ต่างๆ ทจ่ี ะมีผลตอ่ การตดั สินใจซอื้ ของผูบ้ ริโภคอยา่ งเหมาะสม โดยที่เรา สามารถแบง่ ปจั จัยที่มีผลตอ่ พฤตกิ รรมของผู้บริโภคออกเปน็ 2 ประการ ไดแ้ ก่ 1. ปัจจัยภายใน (Internal Factors) ได้แก่ ความจําเป็น ความต้องการ และความปรารถนา แรงจูงใจ บุคลิกภาพ ทัศนคติ การรับรู้ และการเรยี นรู้ 2. ปัจจัยภายนอก (External Factors) ได้แก่ สภาพเศรษฐกิจ ครอบครัว สังคม วัฒนธรรม การติดต่อ ธรุ กจิ และสภาพแวดลอ้ ม 2.2 แนวคดิ และทฤษฎีเกี่ยวกบั อาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) อาหารโมเลกุล (Molecular Gastronomy) หรือเรียกได้หลายชื่อไม่ว่าจะเป็น Emotional cuisine , Experimental cuisine, Modern cuisine, Molecular cooking, New cuisine ค ื อ ก า ร น ำ ห ล ั ก ก า ร ท าง วิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาหาร โดยมีเทคนิคการปรุงหรือการประกอบอาหารหลากหลาย รูปแบบ เพื่อสร้างอาหารรูปแบบแปลกใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ท่ีต้องการรับประทาน อาหารที่ทั้งอร่อยและแปลกตา หลายคนอาจสงสยั วา่ แลว้ อาหารพวกนีร้ ับประทานได้จริงไหม หรือจริงๆแล้วทำ ออกมาโชว์แคส่ วยงาม แตจ่ รงิ ๆแล้วบางเทคนคิ ทีใ่ ชใ้ นอาหารโมเลกลุ ก็เป็นเทคนคิ ทใี่ ชใ้ นอตุ สาหกรรมอาหารกันอยู่ แลว้ การทำอาหารโมเลกลุ อาจต้องใชว้ ัตถุดบิ สว่ นผสมและเครอ่ื งมอื ที่ซบั ซอ้ นกวา่ การผลิตอาหารท่ัวไป เช่น • คาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสร้างฟองในอาหาร • ไนโตรเจนเหลว โดยไนโตรเจนเหลวจะเป็นสารทำความเย็นทำใหอ้ าหารแขง็ ตวั อย่างรวดเร็ว • มอลโตเด็กทรนิ มอลโตเดก็ ทรนิ จดั เป็นวตั ถุเจอื ปนอาหารประเภทหนึง่ • เลซทิ นิ เลซทิ นิ จดั เปน็ อิมลั ซิไฟเออร์ ทำหน้าทีช่ ่วยให้นำ้ มนั กับนำ้ สามารถรวมกันได้ • ไฮโดรคอลลอยด์ ไดแ้ ก่ สตาร์ซ, เจลาติน, เพกตนิ

10 • โซเดยี มอลั จิเนตและแคลเซียม • เอนไซม์ทรานกลูตาอมิเนส ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ เพื่อทำให้เกิดความ เหนยี ว เทคนคิ ท่ีใชใ้ นอาหารโมเลกลุ มหี ลายเทคนิคไดแ้ ก่ • Sous-Vide เป็นเทคนิคการปรุงอาหารโดยนำอาหารใส่ลงในถุงพลาสติกที่ปิดสนิทไม่มีอากาศ จากนนั้ นำไปจุม่ ในอ่างนำ้ ควบคมุ อุณหภมู ิ • การใช้ไนโตรเจนเหลวเพอ่ื ทำใหอ้ าหารภายนอกแขง็ เพอื่ หอ่ หุม้ อาหารไว้ภายใน • Faux Caviar หรือเทคนิคการทำ Spherical หรือเทคนิคการทำให้เป็นเมด็ เจล ซึ่งเม็ดเจลนี้จะ ห่อหุ้มของเหลวชนิดต่างๆไว้ข้างใน เมื่อกินเม็ดเจลนี้เข้าไปก็จะแตกหรือละลายในปาก โดย วัตถุดิบที่สำคัญในการทำเม็ดเจล คือโซเดียมอัลจิเนตและแคลเซียม โดยวิธีการทำเริ่มจากนำ โซเดียมอัลจิเนตมาละลายในอาหารเหลว จากนั้นนำอาหารเหลวที่ผสมโซเดยี มอัลจิเนต ค่อยๆ หยดลงไปในน้ำที่มีแคลเซียมละลายอยู่ จากนั้นค่อยๆซ้อนเม็ดเจลที่ได้ขึ้นจากน้ำ โดยความ เข้มข้นของโซเดียมอัลจิเนตและแคลเซียมจะส่งผลตอ่ ลักษณะของเม็ดเจลเช่น ขนาดและความ กลมของเมด็ เจล • การทำโฟม โดยท่ัวไปนยิ มใชเ้ ลซติ นิ ผสมกบั ส่วนผสมอาหารแล้วตีให้เกดิ ฟอง จะเห็นได้ว่า อาหารโมเลกุลเป็นอาหารที่ส่วนใหญ่เราสามารถพบได้ทั่วไป เพราะส่วนใหญ่เป็นการนำ เทคนิคในอตุ สาหกรรมอาหารทว่ั ไปมาประยกุ ต์ใช้ ซ่ึงก็ขน้ึ อยูก่ บั ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของผู้ผลิต อาหารแตล่ ะรายวา่ จะสามารถสร้างสรรคอ์ าหารได้แปลกใหมม่ ากแคไ่ หน ซึ่งนับเป็นแนวทางในการเพมิ่ มูลค่าให้แก่ สินคา้ แนวทางหนง่ึ (สริ ิวรรณ. 2563: ออนไลน์)

11 2.3 งานวิจยั ทเ่ี ก่ยี วข้อง จิราภรณ์ เรอื งยิง่ (2559 : บทคัดย่อ) ศึกษาเรอ่ื ง พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของวยั รุน่ ในจังหวัดสงขลา: การสังเคราะห์องค์ความรู้และปัจจัยที่มอี ิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหาร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)สังเคราะห์ องคค์ วามรเู้ กี่ยวกับพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารของวยั รนุ่ 2) เปรยี บเทยี บพฤติกรรมการบริโภคอาหารของวัยรุ่น ในจังหวัดสงขลาจำแนกตามปัจจัยเอื้อ 3) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารของวัยรุ่นใน จังหวัดสงขลา โดย ทำการสำรวจกลมุ่ ตวั อย่างจาก นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท4่ี -6 ในโรงเรยี นสงั กัดสำนกั งานเขต พื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 16 จำนวน 437คน ใช้สถิติทดสอบคือ สถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย(x)̄ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภค อาหารของวยั รนุ่ แบ่งเป็น 3 กลมุ่ คอื 1.1) ปจั จัยนำ ไดแ้ ก่ ความรู้เก่ียวกับการบรโิ ภคอาหาร เจตคตติ ่อการบริโภค อาหาร และค่านิยมในการบริโภคอาหาร 1.2) ปัจจัยเอ้ือ ได้แก่ ระดับการศึกษาของผู้ปกครอง และรายได้ของ ครอบครัว และ 1.3) ปัจจัยเสริม ได้แก่ อิทธิพลของสื่อโฆษณา 2) วัยรุ่นที่ระดับการศึกษาของผู้ปกครอง และ รายไดข้ องครอบครัวตา่ งกันมพี ฤตกิ รรมการบริโภคอาหารไม่ต่างกัน และ 3) ค่านยิ มในการบริโภคอาหาร อิทธิพล ของสื่อโฆษณาและความรู้เกี่ยวกับการบริโภคอาหารร่วมกันทำนายพฤติกรรมการบริโภคอาหารของวัยรุ่นใน จังหวัดสงขลาได้ร้อยละ 11.30 สิริไพศาล ยิ้มประเสริฐ (2559 : บทคัดย่อ) ศึกษาเรือ่ ง พฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาและ เปรียบเทียบพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารของนกั ศกึ ษาระดับปริญญาตรชี ้นั ปที ่ี 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล อีสาน นครราชสีมา โดยทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจาก นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา จำนวน 321คน ใช้สถิติทดสอบคือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย(x̄) ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน t-test และ One – way และ Anova ผลการวิจัยพบว่า 1)พฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักศึกษา ระดับปริญญาตรีชั้นปที ี่1 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลอสี าน นครราชสีมา ในภาพรวม อยู่ในระดับพอใช้ (x̄ =1.65, S.D.=2.03 ) หากพจิ ารณาพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารท่ีอย่ใู นระดบั ดี คอื ทา่ นดูวนั หมดอายกุ อ่ นซ้อื อาหาร สำเร็จรูป (x̄ =2.34, S.D.=0.78)รองลงมา คือ ท่านดื่มน้ำสะอาดอย่างนอ้ ยวันละ 6-8 แก้ว (x̄ =2.25, S.D.=0.76 และท่านเลือกซื้อ หรือรับประทานอาหารโดยพิจารณาความสะอาดของร้าน และผู้ขายมากกว่าความอร่อย ( x̄ =2.21, S.D.=0.71) ส่วนพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่อยู่ในระดับพอใช้ คือ ท่านไม่ได้รับประทานอาหารเช้า เนื่องจากต้องรีบเข้าเรียนให้ทัน (x̄ =1.05, S.D.=0.92 ) รองลงมา คือ ท่านรับประทานอาหารประเภททอด (x̄ =1.09, S.D.=0.65 ) และรบั ประทานอาหารรสจัด (x̄ =1.11, S.D.=0.83) 2)นักศึกษา เพศ คณะค่าใชจ้ า่ ยตอ่ เดือน ท่พี ักอาศัย และ ค่าดัชนีมวลกายตา่ งกันมีพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารไมแ่ ตกต่างกัน

12 พชิ ศาล พันธุ์วฒั นา (2562 : บทคดั ย่อ) ศึกษาเร่อื ง พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารของคนเมอื งวยั ทำงานใน กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ1) สภาพทั่วไปของคนเมืองในวัยทำงานทีอ่ าศัยในกรุงเทพมหานครและ 2) พฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนเมืองในวัยทำงาน โดยทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจาก บุคคลที่อาศัยและ ทำงานในกรุงเทพมหานครทม่ี อี ายมุ ากกว่า 19 แตไ่ มเ่ กิน 60 ปี จำนวน 200 ใชส้ ถติ ทิ ดสอบคอื สถติ พิ รรณนาเชิง คุณภาพ เก็บข้อมูลจากสัมภาษณ์เจาะลึก บันทึกสนาม และ บันทึกความจำ ผลการวิจัยพบว่า 1) คนเมือง วัย ทำงานสว่ นใหญเ่ ป็นเพศชายร้อยละ 68.4 อายุระหวา่ ง 41 - 50 ปรี ้อยละ 38.8 พ้ืนเพเปน็ คนกรุงเทพร้อยละ 47.6 อาศัยในคอนโดมเิ นียมร้อยละ 37.6 สถานภาพสมรสร้อยละ 57.8 มีบุตรธดิ าสองคนร้อยละ 41.4 สญั ชาติไทยร้อย ละ 97.0 นับถือศาสนาพทุ ธรอ้ ยละ 86.4 และไม่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 78.7 ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพพนักงาน บริษัทเอกชนรอ้ ยละ 48.6 มรี ายไดต้ ่อเดอื นระหวา่ ง 35,001 - 45,000 บาทรอ้ ยละ 43.7 2) คนเมอื งในวัยทำงาน สว่ นใหญ่บรโิ ภคอาหารประเภทอาหารตามสั่งรอ้ ยละ 58.7 ทีผ่ ่านการปรงุ แบบตม้ หรอื ลวกสุกรอ้ ยละ 46.3 รสชาติ เผ็ดร้อยละ 52.8 สิ่งที่คำนึงเรือ่ งแรกในการบริโภคอาหารคอื ความสะดวกรถเร็วร้อยละ 43.4 มีค่าใช้จ่ายในการ บริโภคอาหาร 300 - 499 บาทต่อวนั ร้อยละ 3.6 น้อยกวา่ 100 บาทร้อยละ 18.7 100 - 299 บาทรอ้ ยละ 34.6 300 – 499 บาทร้อยละ 29.3 500 - 699 บาทและร้อยละ 13.8 มีค่าใชจ้ ่ายต้ังแต่ 700 บาทข้ึนไปและกลุม่ อาหาร ทบ่ี ริโภคเปน็ ประจำได้แกอ่ าหารกล่องโฟม/พลาสตกิ และพชื ผักสวนครัวตรงข้ามกบั อาหารเสรมิ และวิตามินที่ไม่ นิยมบริโภค ธัญจิรา จันทร์เจริญ (2562 : บทคัดย่อ) ศึกษาเรื่อง ปัจจัยในการตัดสินใจเพื่อเลือกบริโภคอาหาร กรณีศึกษา นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มีวัตถุประสงคเ์ พือ่ ศึกษาและเปรยี บเทยี บพฤติกรรมการ บริโภคอาหารของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา โดยทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจากนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา จำนวน 100 คน ใช้สถิติทดสอบคือ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย(x)̄ และส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจยั พบวา่ อิทธพิ ลการเลอื กบริโภคอาหารของกลุ่มนักศกึ ษามหาวทิ ยาลัยราชภัฎ สวนสุนันทาวิเคราะห์จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 100 คนทั้งนี้พบว่าปัจจัยส่วนบุคคลพบว่ามีนักศึกษาที่ตอบ แบบสอบถามเพศหญิงจำนวน 88 คนเพศชายจำนวน 12 คนด้านช่วงอายทุ ีท่ ำแบบสอบถาม มากทสี่ ดุ คอื อายุ 22 ปีจำนวน 30 คนและช่วงอายทุ ี่ทำแบบสอบถามน้อยทสี่ ุดคอื 18 ปจี ำนวนเจ็ดคนด้านระดับชั้นปีทีท่ ำแบบสอบถาม มากที่สุดคอื ชน้ั ปที ส่ี องจำนวน 51 คนดา้ นคณะ/วิทยาลัยที่ศกึ ษาอยู่ ท่ที ำแบบสอบถามมากท่ีสดุ คอื คณะครุศาสตร์ คณะวทิ ยาการจดั การ คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรมมนษุ ยศาสตร์ และสังคมมาศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีจำนวนคณะละ 12 คน และศิลปกรรมศาสตร์ วิทยาลัยพยาบาลและสุขภาพ วิทยาลัยสถาปัตยกรรม ศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ จำนวน 10 คนด้านรายได้ต่อเดือน ช่วงรายได้ท่ีผู้ตอบแบบสอบถาม เลือกตอบมากท่ีสดุ คือ ช่วง 5,000 - 8,000 จำนวน 40 คน และรายได้ที่เลอื กตอบนอ้ ยทีส่ ุดคือชว่ ง 13,000 ถึง

13 15,000 บาทจำนวน 10 คน ขอ้ คำถามเกี่ยวกบั ข้อมลู พฤติกรรมการเลอื กบริโภคอาหารผ้วู ิจยั ดำเนนิ การเก็บข้อมูล เลอื กบริโภคอาหารผู้ตอบแบบสอบถามเลอื กรับประทานอาหารมื้อเช้าและอาหารที่รับประทานส่วนใหญ่มมาจาก การปรงุ เองมากทีส่ ุด นัยนา สุทิน (2555 : บทคัดย่อ) ศึกษาเรื่อง พฤติกรรมการบริโภคอาหารมังสวิรัติของผู้บริโภคใน กรุงเทพมหานคร มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศึกษาพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารมังสวริ ัติของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร ลักษณะส่วนบุคคลและรูปแบบการดำเนินชีวิต ประกอบด้วยด้านกิจกรรม ความสนใจ และความคิดเห็นที่มี ความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคอาหารมังสวิรัติของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร โดยทำการสำรวจกลุ่ม ตวั อยา่ งจาก ผู้บรโิ ภคอาหารมงั สวริ ัติซง่ึ อาศยั ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 ใช้สถิติทดสอบคือ คา่ ความถ่ี ร้อย ละ และการทดสอบสมมติฐานโดยใชส้ ถิติทดสอบ Chi-Square, Cramer’s V และ Somer’s d ผลการวิจัยพบว่า 1.ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญงิ อายุ 25- 34 ปี มีภูมลิ ำเนาเดิมคอื กรงุ เทพมหานคร ลกั ษณะการอยู่ อาศัยคอื อยู่รว่ มกับผู้อนื่ โดยสว่ นมากมกี ารศกึ ษาในระดับ ปรญิ ญาตรี มีอาชพี เป็นลกู จ้าง พนักงานบริษัทเอกชน และรายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดือน 10,000 -20,000บาท 2.ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญม่ ีพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารมงั สวริ ัตใิ นด้านจุดประสงค์คือเพอื่ สุขภาพทีด่ ี โอกาส ในการบริโภคคอื ในเทศกาลกนิ เจและไม่แน่นอน มีความถ่ใี นการบรโิ ภคคอื น้อยกวา่ 1ครง้ั ตอ่ สปั ดาห์ ระยะเวลาใน การบริโภคคือ 1-3 ปี มื้ออาหารที่บริโภคมากที่สุดคือทุกมื้อ มีค่าใช้จ่ายในการบริโภคน้อยกว่า100บาทต่อมื้อ สถานทบ่ี รโิ ภคมากท่สี ุดคอื รา้ นอาหารทัว่ ไปที่มีอาหารมงั สวิรตั ขิ ายและบุคคลท่ีมีอิทธพิ ลในการบรโิ ภคมากทีส่ ุดคือ ตนเอง 3.รูปแบบการดำเนินชีวิตด้านกิจกรรมที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่นิยมทำมากที่สุดคือ มีสุขอนามัยในการ ขับถ่ายเป็นเวลาตามปกติทุกวัน ด้านความสนใจ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความสนใจมีสุขภาพกาย สุขภาพใจท่ีดแี ละด้านความคิดเหน็ พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญ่คิดว่าเป้าหมายในการดำรงชีวติ คือสุขภาพ กาย สุขใจทด่ี ีมากทส่ี ดุ ผลการทดสอบสมมตฐิ านท่ีระดับนัยสำคญั 0.05 พบวา่ 1. เพศ อายุ ภมู ลิ ำเนาเดิม ลักษณะการอยอู่ าศยั ระดับการศกึ ษา อาชีพและรายไดเ้ ฉลีย่ ตอ่ เดอื นมีความสัมพนั ธก์ ับ พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารมังสวิรัติขิงผู้บรโิ ภคในกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะลกั ษณะข้อมูลส่วนบุคคลด้านอายุ และระดับการศึกษามีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการบริโภคอาหารมังสวิรัติของผูบ้ ริโภคในกรุง เทพมหานครใน ระดับสงู 2. รูปแบบการดำเนินชีวิตดา้ นกิจกรรม ความสนใจและความคดิ เหน็ มคี วามสัมพันธก์ บั พฤติกรรมการบริโภคอาหาร มงั สวิรัติของผูบ้ รโิ ภคในกรุงเทพมหานครในระดบั ต่ำ

14 วิภาดา เนียมรักษา (2558 : บทคัดย่อ) ศึกษาเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้ออาหารเพื่อ บรโิ ภคของนักท่องเที่ยวชาวไทยในตลาดน้ำอัมพวา จังหวดั สมทุ รสงคราม มีวัตถุประสงค์เพ่อื นักศึกษาถึงปัจจัยท่ี ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้ออาหาร เพื่อบริโภคของนักท่องเที่ยวชาวไทยในตลาดน้ำอัมพวาจังหวัด สมุทรสงคราม โดยทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจาก นักท่องเที่ยวชาวไทยในตลาดนำ้ อัมพวา จำนวน 400 คน ใช้ สถติ ทิ ดสอบคือ คา่ รอ้ ยละ ถา้ เฉลี่ย และค่าเบ่ยี งเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานใช้สถิติค่าที ( T-teat)และ ค่าเอฟ(F-test)การเปรียบเทยี บพหุคูณด้วยวิธี LSD และใช้ทฤษฎวี ิเคราะห์หาฆ่าสถิติคา่ ไคสแควร์ ( Chi-Square test ) ผลการวิจยั พบว่า ผตู้ อบแบบสอบถามให้ความสำคญั ปัจจัยส่วนประสม ทางการตลาดท่ีส่งผลต่อพฤติกรรม การเลือกซื้ออาหารในตลาดน้ำอัมพวา โดยมีภาพรวม ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อในระดับมากและให้ความสำคัญ ปัจจัยด้านจิตวิทยาที่ส่งผลต่อพฤติกรรม การเลือกซื้ออาหารในตลาดน้ำ อัมพวา โดยมีภาพรวม ส่งผลต่ อการ ตัดสินใจซอื้ หรอื อย่ใู นระดบั มาก ในสว่ นของพฤติกรรมการเลอื กซอื้ อาหารในตลาดนำ้ อมั พวาพบว่า ผ้ใู ห้ขอ้ มูลตอบ แบบสอบถามสว่ นใหญ่ มีความถี่ในการมาเพื่อบริโภคอาหาร 1 - 2 ครั้ง ประเภทของอาหารในการบริโภคอาหาร วา่ ง ชว่ งเวลาในการมาบรโิ ภคอาหาร คือ ชว่ งเวลา 18.00-19.00 น. บคุ คลท่ีมารว่ มในการบรโิ ภคอาหารเป็นเพื่อน บุคคลที่มีส่วนในการตัดสินใจคือเพื่อน และค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการบริโภคอาหาร ต่ำกว่า 500 บาท จากการ ทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัย ด้านประชากรศาสตร์ ที่แตกต่างกันส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้ออาหารใน ตลาดน้ำอัมพวา อย่างมี นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และจากการทดสอบสมมติฐาน ความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยด้านส่วน ประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้ออาหารในตลาดน้ำอัมพวา ในภาพรวม พบว่า มี ความสัมพนั ธ์กับความถี่ในการมาเพ่ือบริโภคอาหาร ชว่ งเวลาในการมาบริโภคอาหาร บคุ คลทมี่ าร่วม ใน การบรโิ ภคอาหาร และบุคคลทีม่ สี ่วนในการตัดสินใจในการเลือกซอ้ื อาหาร อย่างมีนยั สาํ คญั ทาง สถิติท่รี ะดบั 0.05 และในการทดสอบสมมตฐิ านความสมั พนั ธร์ ะหว่างปัจจัยดา้ นจิตวิทยาทีส่ ง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรมการเลอื กซ้ืออาหารใน ตลาดนำ้ อัมพวา พบว่า มคี วามสัมพันธก์ บั ประเภทของอาหารในการ บริโภค ชว่ งเวลาในการมาบริโภคอาหาร และ บุคคลทม่ี าร่วมในการบรโิ ภคอาหาร อย่างมีนยั สําคญั ทางสถติ ิที่ระดบั 0.05 ชนัญญา พรศกั ดิ์ววิ ัฒน์ (2560 : บทคดั ย่อ) ศึกษาเร่อื ง พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารเพื่อสุขภาพรูปแบบ อาหารคลีน (Clean Food) มีวัตถปุ ระสงค์เพื่อ ศกึ ษาพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารเพอ่ื สุขภาพรูปแบบอาหารคลีน (Clean Food)ของกลุ่ม วัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร ลักษณะส่วนบุคคล และรูปแบบการดำเนินชีวิต ประกอบด้วยด้านกิจกรรมความสนใจและความคิดเห็นที่มีความสัมพันธ์และพฤติกรรมการบริโภคอาหารเพ่ือ สขุ ภาพในรปู แบบอาหารคลนี ของกลุ่มวยั ทำงานในเขตกรงุ เทพมหานคร โดยทำการสํารวจกลุม่ ตัวอย่างจาก กลุ่ม วัยทำงานที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 200 คน ใช้สถิติทดสอบคือ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละและการ ทดสอบสมมุติฐานโดยใช้สถิติทดสอบ Chi – square ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบส่วน ใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหวา่ ง 21-25 ปี ลกั ษณะการอยอู่ าศัยเป็นบ้าน โดยส่วนมากสถานภาพโสด มีการศกึ ษาในระดับปริญญาตรี

15 มีอาชีพลูกจ้างเอกชนหรือพนักงานบริษัทและรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 –20,000 บาท ผู้ตอบแบบสอบถาม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่ไม่เคยรับประทาน 2.กลุ่มที่เคยรับประทานและไม่รับประทานต่อ 3.กลุ่มที่เคย รับประทานและรับประทานต่อ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ผู้ตอบแบบสอบถามจะอยู่ในกลุ่มผู้ที่เคยรับประทานและไม่ รับประทานต่อ โดย มีสาเหตุว่าไมน่ ยิ ม อาหารประเภทนี้ รองลงมาเปน็ เคยและรับระทานต่อซ่งึ แบ่งไดเ้ ป็น 3 กลุ่ม คือ 1)ปรุงทานเองที่บา้ น 2)ซื้อแบบพร้อมรับประทาน 3)ปรุงทานเองที่บ้านและซื้อแบบพร้อมรับประทานซึง่ โดย ส่วนใหญ่ เลือกที่จะซื้อแบบพร้อมรับประทาน ตามมาด้วยปรุงทานเองที่บ้านและซือ้ แบบพร้อมรับประทานและ สุดทา้ ย คอื ปรงุ ทานเองที่บ้านในสว่ นกล่มุ ผู้ท่ีไม่เคยรับประทานมสี าเหตวุ ่าไม่นิยมอาหารประเภทนี้และเหตุผลที่ไม่ สนใจเพราะคิดว่าไม่อร่อย สำหรับกลุ่มท่ีเลือกปรงุ ทานเองทีบ่ ้านรวมทั้งกลมุ่ ทเ่ี ลอื ก ปรงุ ทานเองทีบ่ ้านและซอื้ แบบ พร้อมรับประทานด้วยนั้น เนื่องจาก เน้นความสะอาดในกระบวนการ ผลิต มั่นใจในความสด สะอาดกว่าแบบ พร้อมรับประทาน ในการเลือกซื้อวตั ถุดบิ ต่อคนต่อครั้งมี ค่าใช้จ่ายประมาณ 101 – 200 บาท โดยส่วนใหญ่และ เมื่อเทียบกบั อาหาร 1มื้อ มีความเตม็ ใจจ่าย เพื่อทานอาหารคลีนเพิ่มข้ึน 50-100 บาท ความถี่ในการปรุงอาหาร รวมถึงความถี่ในการเลือกซื้อ วัตถุดิบ 2-3 วันต่อสัปดาห์ สถานทท่ี ี่ซอ้ื วตั ถุดิบ คือ ห้างสรรพสินค้า สำหรับกลุ่มที่ เลือกซื้อแบบ พร้อมรับประทานรวมถึงกลุ่มที่เลือกปรุงทานเองที่บ้านและซื้อแบบพร้อมรับประทานด้วยน้ัน เน่ืองจาก มีการระบุปริมาณแคลลอร่แี ละคณุ ค่าทางโภชนาการสำหรบั อาหารแต่ละกล่องหรอื ถงุ อยา่ งละเอียดและ เชื่อถือได้และเน้นความสะอาดในกระบวนการผลิต มีค่าใช้จ่ายต่อคนตอ่ ครัง้ ประมาณ 200-300บาท ความถี่ใน การเลอื กซ้อื อาหาร 2-3 วันตอ่ สปั ดาห์ในด้านทัศนคติ กิจกรรม ของกล่มุ ผู้ทเี่ คยรับประทานและรับประทานอาหาร เพื่อสุขภาพต่อนั้น มีความห่วงใยในสุขภาพ ตนเองมาก และโดยส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มคนที่ออกกำลังกายและ เลือกทานอาหารเพอ่ื สุขภาพเปน็ หลกั มีการรบั ประทานอาหารตามร้านอาหารเพยี ง 1-2 คร้ังต่อเดือน และสาเหตุ ที่เลือกรับประทาน อาหารเพื่อสุขภาพนั้น เนื่องจากต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นอันดับแรกและตามมาด้วย ต้องการ ลดน้ำหนักความสนใจ ความคิดเห็นของผู้ที่เลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องนั้น จาก เหตผุ ลแรกที่วา่ เปา้ หมายในชวี ติ คอื การมีสุขภาพกายและจิตทดี่ จี ากการบรโิ ภคอาหารเพื่อ สขุ ภาพที่ชว่ ยให้รูปร่าง ดี ผลการทดสอบสมมุติฐานที่ระดับนยั สำคัญ 0.05 พบว่า เพศ อายุ อาชพี ลักษณะที่อยอู่ าศยั สถานภาพ รายได้ เฉลยี่ ตอ่ เดอื น ไมม่ คี วามสมั พันธก์ ับพฤตกิ รรมการบริโภค อาหารเพ่ือสุขภาพรูปแบบอาหารคลนี ของกลุ่มวัยทำงาน ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะ ลักษณะข้อมูลส่วนบุคคลด้านสถานภาพและอาชีพไม่มีความสัมพันธ์กับ พฤตกิ รรมการบรโิ ภค อาหารเพอ่ื สขุ ภาพรูปแบบอาหารคลีนของกลุ่มวัยทำงานในเขตกรงุ เทพมหานครในระดับสูง รูปแบบ การด าเนินชวี ิตด้านกิจกรรม ความสนใจ ทศั นคติและความคิดเห็นมีความสมั พันธก์ ันกับพฤติกรรม การ บรโิ ภคอาหารเพ่ือสุขภาพรปู แบบอาหารคลนี ของกลมุ่ วยั ทำงานในเขตกรงุ เทพมหานคร

16 บทท่ี 3 ระเบียบวธิ วี ิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) มุ่งที่จะศึกษาพฤติกรรมการเลือก บริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนักงานบริษัทในเขตแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี ดังมี รายละเอยี ดของการดำเนนิ การวิจัยดังนี้ 3.1 วิธกี ารวิจยั 3.2 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย 3.3 สมมตฐิ านในการวิจัย 3.4 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง 3.5 เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล 3.6 การประมวลผลขอ้ มูล 3.7 สถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู 3.1 วธิ กี ารวิจัย งานวิจัยครั้งนี้เป็นงานวิจยั เชิงปริมาณ (Quantitative Research) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเลือกบริโภค อาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนักงานบรษิ ัทในเขตแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี เครื่องมือที่ใชใ้ น การวิจัยคือแบบสอบถาม และใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) โดยการเก็บ รวบรวมข้อมลู ในกลุ่มตัวอย่างทีเ่ ต็มใจให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม สำหรับสถิติที่ใช้ในการวเิ คราะห์ ข้อมูลคอื สถติ เิ ชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) และสถติ เิ ชงิ อนุมาน (Inferential Statistic) เพ่อื ใช้ทดสอบ สมมตฐิ าน 3.2 กรอบแนวคิดในการวิจัย ตวั แปรตาม (Dependent Variable) ตัวแปรต้น (Independent Variable) พฤตกิ รรมการเลือกบริโภคอาหาร 1. เพศ แนวใหม่(Molecular 2. อายุ Gastronomy) ของพนกั งานบริษัท 3. รายได้ ในเขตแจง้ วฒั นะ 4. กจิ กรรมยามว่าง จงั หวดั นนทบุรี

17 3.3 สมมติฐานในการวจิ ัย สมมตฐิ านที่ 1 พนกั งานบรษิ ัทแถวแจ้งวฒั นะทม่ี เี พศต่างกนั มพี ฤติกรรมต่อการเลือกบริโภคอาหารแนว ใหม่(Molecular Gastronomy) แตกต่างกนั สมมติฐานท่ี 2 พนกั งานบรษิ ทั แถวแจ้งวัฒนะทม่ี ีอายุต่างกัน มีพฤตกิ รรมต่อการเลอื กบรโิ ภคอาหารแนว ใหม่(Molecular Gastronomy) แตกต่างกัน สมมติฐานท่ี 3 พนักงานบริษัทแถวแจ้งวัฒนะที่มีรายได้ต่างกัน มีพฤติกรรมต่อการเลือกบริโภคอาหาร แนวใหม่(Molecular Gastronomy) แตกต่างกัน สมมติฐานที่ 4 พนักงานบรษิ ัทแถวแจ้งวฒั นะที่มกี จิ กรรมยามวา่ งตา่ งกนั มพี ฤตกิ รรมตอ่ การเลือกบริโภค อาหารแนวใหม่(Molecular Gastronomy) แตกต่างกนั 3.4 ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ พนักงานบริษัทในเขตแจ้งวัฒนะ จังหวัดนนทบุรี เป็นประชากร ประเภท Infinite Population เปน็ ประชากรที่มจี ำนวนมาก และไม่สามารถนับไดค้ รบถ้วน การกำหนดกลุ่มตัวอย่าง โดยวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบบบังเอิญ(Accidental Sampling) และใช้ วิธีการคำนวณขนาดตัวอย่าง (Sample Size) ด้วยวิธี W.G.Cochran ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ที่ความคลาด เคลอ่ื น ±5 % ดังนี้ สตู ร n= ������2������(1−������) ������2 n แทน จำนวนกลุ่มตัวอยา่ งท่ีต้องการ π แทน สัดส่วนของประชากรทผ่ี วู้ ิจยั ตอ้ งการ (0.5) Z แทน ความมัน่ ใจทผี่ ้วู จิ ยั กำหนดไวท้ รี่ ะดบั นัยสำคญั ทางสถิติ Z ทร่ี ะดับนยั สำคัญทางสถติ ิ 0.5 มีคา่ เท่ากบั 1.96 (มน่ั ใจ 95%) e แทน สัดสว่ นของความคลาดเคลื่อนทีย่ อมใหเ้ กดิ ขน้ึ ได้ (0.05) แทนคา่ ในสูตร n = (1.96)2(0.5)(1−0.5) (0.05)2 n = 3.8416(0.25) 0.0025

18 n = 0.9604 0.0025 n = 384.16 ~ n = 384 คน ไดข้ นาดกลุ่มตวั อย่างทต่ี ้องเก็บข้อมูลคอื 384 คน แตผ่ ู้วิจยั จะทำการเกบ็ ขอ้ มลู จำนวน 115 คน 3.5 เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใชใ้ นการวิจัยครั้งนี้ เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลรปู แบบของแบบสอบถาม โดยแบ่งเป็น 2 สว่ น ดงั น้ี ส่วนที่ 1 ขอ้ มลู ทั่วไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) 3.6 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และประมวลผลขอ้ มูล 3.6.1 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผวู้ ิจยั ไดท้ ำการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ตามลำดบั ดังน้ี 1. ผู้วิจัยได้ทำการกระจายแบบสอบถามออนไลน์ไปยังกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทในเขตแจ้ง วัฒนะ จังหวัดนนทบรุ ี จำนวน 115 คน 2. ระยะเวลาท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวมแบบสอบถามระหว่างเดือนมนี าคม พ.ศ 2564 ถึงเดือนเมษายน พ.ศ 2564 3. ตรวจแบบสอบถามทผ่ี ู้ตอบแบบสอบถามตอบกลบั มา เพื่อนำไปวเิ คราะหต์ ่อไป 4. นำขอ้ มลู ทีไ่ ด้ทั้งหมด นำมาวิเคราะห์ข้อมลู จากสถิตติ ่อไป 3.6.2 การประมวลผลขอ้ มูล การประมวลผลข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ ใช้วิธีวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Analysis) เมื่อเก็บ รวบรวมข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ได้ทำการตรวจสอบแบบสอบถามจากที่ได้ส่งลิงค์และคิวอาร์โคดแบบสอบถาม ออนไลน์ไปให้พนกั งานบริษทั ในเขตแจง้ วฒั นะ จงั หวดั นนทบุรี จำนวน 115 คน จงึ ไดน้ ำแบบสอบถามทร่ี วบรวมได้ มาดำเนนิ การ ดงั นี้

19 1.การตรวจสอบข้อมูล (Editing) ตรวจสอบความสมบูรณ์ และความถูกต้องของแบบสอบถาม 2.การประมวลผลข้อมูล โดยการนำข้อมูลมาทำการประมวลผลโดยใชค้ อมพิวเตอรด์ ว้ ยโปรแกรม สำเร็จรูปเพ่ือการวจิ ัยทางสถิติ 3.7 สถิติทีใ่ ชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล 3.7.1 สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) ได้แก่ ตาราง แผนภูมิ ข้อคาม จำนวนร้อยละที่ใช้ แสดงขอ้ มลู 3.7.2 สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistic) เพื่อทดสอบสมมตฐิ าน ได้แก่ สถิติวิเคราะห์ไคสแควร์ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับพฤติกรรมต่อการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนักงานบรษิ ัทในเขตแจง้ วฒั นะ จงั หวัดนนทบรุ ี

20 บทที่ 4 ผลการวจิ ยั จากการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาเรื่อง พฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ของพนกั งานบรษิ ทั ในเขตแจง้ วัฒนะ จงั หวดั นนทบุรี ซ่ึงรวบรวมขอ้ มลู โดยการใช้แบบสอบถาม กับ กล่มุ พนกั งานบริษทั ในเขตแจ้งวัฒนะ จงั หวดั นนทบรุ ี จำนวน 115 คน ผวู้ จิ ยั ไดน้ ำข้อมลู มาวเิ คราะห์หาค่าทางสถิติ และกำหนดผลการนำเสนอผลการวจิ ยั ดังนี้ 4.1 ข้อมูลท่ัวไปของกล่มุ ตวั อยา่ ง 4.2 การวิเคราะห์พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) 4.3 การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเพ่ือการทดสอบสมมตฐิ าน 4.1 ข้อมลู ท่ัวไปของกลุ่มตวั อยา่ ง รอ้ ยละ ตางรางท่ี 4.1 ตารางแสดงจำนวนและร้อยละ จำแนกตามเพศ 35.7 เพศ จำนวน 64.3 100 ชาย 41 หญิง 74 รวม 115 จากตารางที่ 4.1 กลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงจำนวน 74 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 64.3 ท่เี หลือคือ เพศ ชายจำนวน 41 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 35.7

ตารางท่ี 4.2 ตารางแสดงจำนวนและร้อยละ จำแนกตามอายุ จำนวน 21 97 อายุ 11 ร้อยละ ไม่เกนิ 25 ปี 1 84.3 26 – 30 ปี 3 9.6 31 – 35 ปี 3 0.9 36 – 40 ปี 115 2.6 41 ปขี ้ึนไป 2.6 รวม 100 จากตารางท่ี 4.2 กลุ่มตวั อยา่ งส่วนใหญ่มอี ายุไม่เกิน 25 ปี จำนวน 97 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 84.3 รองลงมา คือ อายุ 26 – 30 ปจี ำนวน 11 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 9.6 อายุ 36 – 40 ปีจำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.6 อายุ 41 ปีข้ึนไปจำนวน 3 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 2.6 และอายรุ ะหว่าง 31 - 35 ปีจำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.9 ตามลำดับ ตารางที่ 4.3 ตารางแสดงจำนวนและรอ้ ยละ จำแนกตามรายได้ จำนวน ร้อยละ รายได้ 57 49.6 ไมเ่ กิน 10,000 บาท 46 40.0 10,001 – 20,000 บาท 9 7.8 20,001 – 30,000 บาท 2 1.7 30,001 – 40,000 บาท 1 0.9 40,001 บาทข้นึ ไป 115 100 รวม จากตารางที่ 4.3 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีรายไดเ้ ฉลี่ยต่อเดือน ไม่เกิน 10,000 บาท จำนวน 57 คน คิด เป็นร้อยละ 49.6 รองลงมาคือ 10,001 – 20,000 บาท จำนวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 40.0 20,001 – 30,000 บาท จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 7.8 30,001 – 40,000 บาท จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อย ละ 17 และ 40,001 บาทข้นึ ไป จำนวน 1 คน คิดเปน็ ร้อยละ 0.9 ตามลำดบั

ตารางที่ 4.4 ตารางแสดงจำนวนและร้อยละ จำแนกตามกิจกรรมยามวา่ ง 22 กจิ กรรมยามว่าง จำนวน ร้อยละ 33.9 ฟังเพลง 39 47.8 8.7 ดภู าพยนตร์/ดลู ะคร 55 4.3 5.2 ออกกำลงั กาย 10 100 เดนิ ห้างสรรพสินค้า 5 อืน่ ๆ 6 รวม 115 จากตารางท4่ี .4 กลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่มกี ิจกรรมยามว่างคอื ดูภาพยนตร์/ดูละคร จำนวน 55 คน คิดเป็นร้อยละ 47.8 รองลงมาคือ ฟังเพลง จำนวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 33.9 ออกกำลังกาย จำนวน 10 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 8.7 อนื่ ๆ จำนวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 5.2 และเดนิ หา้ งสรรพสนิ ค้า จำนวน 5 คน คดิ เป็นร้อยละ 4.3 ตามลำดับ

23 4.2 การวเิ คราะห์พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ตารางที่ 4.5 ตารางแสดงจำนวนและรอ้ ยละของพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) พฤตกิ รรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำนวน รอ้ ยละ 1. ทา่ นเคยบริโภคอาหารแนวใหม่หรือไม่ เคย 45 39.1 ไมเ่ คย 70 60.9 รวม 115 100 2. ท่านบรโิ ภคอาหารแนวใหมบ่ ่อยแค่ไหน 1 - 2 ครั้ง/สปั ดาห์ 34 75.6 3 - 4 ครงั้ /สปั ดาห์ 9 20.0 5 - 7 ครงั้ /สัปดาห์ 2 4.4 รวม 45 100 3. สถานท่ที ่ีทา่ นเลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ หา้ งสรรพสนิ ค้า 23 51.1 ห้องอาหาร(ในโรงแรม) 13 28.9 รา้ นอาหาร(Fine Dining) 9 20.0 รวม 45 100 4. ทา่ นใช้บรกิ ารสง่ั อาหาร Delivery บ่อยแคไ่ หน 1 - 2 ครั้ง/สัปดาห์ 28 62.2 3 - 4 ครั้ง/สัปดาห์ 11 24.4 5 - 7 คร้ัง/สัปดาห์ 6 13.3 รวม 45 100 5. ชว่ งเวลาทท่ี า่ นเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ ชว่ งเชา้ 2 4.4 ช่วงกลางวัน 19 42.2 ช่วงเยน็ 24 53.3 รวม 45 100

24 6. หากมีร้านอาหารทเ่ี ปดิ ขายอาหารแนวใหม่ ท่านสนใจทีจ่ ะเลือกบริโภคหรอื ไม่ จำนวน รอ้ ยละ 110 95.7 สนใจบรโิ ภค 5 4.3 ไม่สนใจบรโิ ภค 115 100 รวม 51 44.3 7. ปจั จัยใดทีเ่ ป็นสาเหตตุ ่อการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ 29 25.2 ราคา 28 24.3 ความนิยม 7 6.1 คุณค่าทางโภชนาการ 115 100 อน่ื ๆ รวม 89 77.4 27 23.5 8. สญั ชาตอิ าหารทที่ ่านชอบบริโภค 46 40.0 อาหารไทย 66 57.4 อาหารจนี 30 26.1 อาหารอติ าเลยี่ น 11 9.6 อาหารญ่ีป่นุ อาหารฝรงั่ เศส 27 23.5 อนื่ ๆ 107 93 9. สื่อประเภทใดดึงดูดความสนใจต่อการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหมม่ ากทส่ี ุด สือ่ โทรทศั น์ 5 4.3 สือออนไลน์ 10 8.7 หนังสอื พิมพ์ 00 นิตยาสาร อืน่ ๆ 109 94.8 10. หากไดบ้ ริโภคอาหารแนวใหม่ ท่านจะแนะนำผู้อ่นื หรือไม่ 6 5.2 แนะนำ ไม่แนะนำ 115 100 รวม

25 หมายเหตุ * ผู้ตอบที่เลือกไม่เคยบริโภคอาหารแนวใหม่ สามารถข้ามไปตอบคำถามข้อท่ี 6 ได้ และ ข้อ 8 9 สามารถเลือกตอบไดม้ ากกวา่ 1 ขอ้ จากตารางที่ 4.5 จำนวนและร้อยละของพฤติกรรมการบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) พบวา่ 1) ทา่ นเคยบรโิ ภคอาหารแนวใหมห่ รอื ไม่ กลมุ่ ตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่เคยบรโิ ภคอาหารแนวใหม่จำนวน 70 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 60.9 และเคย บรโิ ภคอาหารแนวใหมจ่ ำนวน 45 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 39.1 2) ทา่ นบริโภคอาหารแนวใหมบ่ อ่ ยแคไ่ หน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความถี่ในการบริโภคอาหารแนวใหม่ 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 75.6 รองลงมาคือ 3 – 4 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 9 คน คิดเป็นร้อย ละ 20.0 และ 5 – 7 คร้ัง/สัปดาห์ จำนวน 2 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 4.4 ตามลำดับ 3) สถานทท่ี ที่ ่านเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ สถานที่ท่ีกลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ ห้างสรรพสินค้าจำนวน 23 คน คิด เป็นรอ้ ยละ 51.1 รองลงมาคือ ห้องอาหาร(ในโรงแรม)จำนวน 13 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 28.9 แลร้านอาหาร (Fine Dining)จำนวน 9 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 20.0 ตามลำดับ 4) ท่านใช้บริการสั่งอาหาร Delivery บอ่ ยแค่ไหน กลุม่ ตัวอยา่ งมกี ารใช้บริการสั่งอาหาร Delivery สว่ นใหญ1่ – 2 ครัง้ /สัปดาห์ จำนวน 28 คน คดิ เป็นร้อยละ 62.2 รองลงมาคือ 3 – 4 คร้ัง/สัปดาห์ จำนวน 11 คน คดิ เป็นร้อยละ 24.4 และ 5 - 7 ครั้ง/ สัปดาห์ จำนวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 13.3 ตามลำดับ 5) ช่วงเวลาท่ีทา่ นเลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ในช่วงเวลา ช่วงเย็นจำนวน 24 คน คิดเป็น ร้อยละ 53.3 รองลงมาคือ ช่วง กลางวันจำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 42.2 และช่วงเช้าจำนวน 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 4.4 ตามลำดบั 6) หากมีรา้ นอาหารท่ีเปิดขายอาหารแนวใหม่ ท่านสนใจที่จะเลอื กบรโิ ภคหรือไม่ หากมีร้านอาหารแนวใหม่เปิดใหม่ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สนใจบริโภคจำนวน 110 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 95.7 และไม่สนใจท่จี ะบรโิ ภคจำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 4.3

26 7) ปัจจัยใดท่ีเป็นสาเหตตุ ่อการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลต่อการเลอื กบริโภคของกลมุ่ ตัวอยา่ งส่วนใหญ่คอื ราคาจำนวน 51 คน คิดเป็นร้อย ละ 44.3 รองลงมาคือ ความนิยมจำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 25.2 คุณค่าทางโภชนาการ จำนวน 28 คน คิดเปน็ ร้อยละ 24.3 และอืน่ ๆ เชน่ อยากลองบรโิ ภคอาหารแปลกใหม่ ประสบการณ์การ บรโิ ภคอาหาร เป็นตน้ จำนวน 7 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 6.1 ตามลำดบั 8) สญั ชาติอาหารทีท่ า่ นชอบบริโภค สญั ชาติอาหารท่ีกลมุ่ ตัวอย่างส่วนใหญ่ชอบบริโภคคอื อาหารไทยจำนวน 89 คน คิดเป็นร้อยละ 77.4 รองลงมาคอื อาหารญ่ีปุ่นจำนวน 66 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 57.4 อาหารอิตาเล่ียนจำนวน 46 คน คิด เป็นร้อยละ 40.0 อาหารฝรั่งเศส 30 คน คิดเป็นร้อยละ 26.1 อาหารจีนจำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 23.5 และอื่นๆ เช่น อาหารเกลาหลี อาหารเยอรมัน เป็นต้น จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 9.6 ตามลำดบั 9) สือ่ ประเภทใดดงึ ดดู ความสนใจตอ่ การเลอื กบรโิ ภคอาหารแนวใหมม่ ากท่ีสดุ สอ่ื ทีก่ ลมุ่ ตัวอย่างให้ความสนใจตอ่ การเลือกบริโภคมากท่ีสุดคอื สือ่ ออนไลน์จำนวน 107 คน คิด เปน็ ร้อยละ 93.0 รองลงมาคือ สอื่ โทรทัศนจ์ ำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 23.5 นิตยาสารจำนวน 10 คน หนงั สือพิมพ์จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 4.3 ตามลำดบั 10) หากได้บรโิ ภคอาหารแนวใหม่ ทา่ นจะแนะนำผอู้ ืน่ หรอื ไม่ เมื่อรูจ้ กั หรอื ได้ลองบริโภค กลุม่ ตัวอย่างส่วนใหญเ่ ลอื กท่ีจะแนะนำผอู้ ื่นจำนวน 109 คน คิดเป็น ร้อยละ 94.8 และเลือกที่จะไม่แนะนำผูอ้ ืน่ จำนวน 6 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 5.2

27 4.3 การวิเคราะห์ข้อมลู เพือ่ การทดสอบสมมตฐิ าน สมมตุ ฐิ านที่ 1 พนกั งานบรษิ ัทแถวแจ้งวัฒนะท่มี เี พศต่างกัน มพี ฤตกิ รรมต่อการเลอื กบริโภคอาหารแนว ใหม(่ Molecular Gastronomy) ของพนกั งานบริษทั ในเขตแจง้ วัฒนะ จังหวัดนนทบุรี ไมแ่ ตกตา่ งกัน ตารางที่ 4.6 พฤตกิ รรมการเลอื กบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญงิ ทา่ นเคยบริโภคอาหารแนวใหมห่ รือไม่ เคย 19 26 ไม่เคย 22 48 รวม 41 74 Chi-square = 1.391 Sig = 0.238 จากตารางท่ี 4.6 พบวา่ ผลท่ไี ด้จากการสมมติฐาน พฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ พบว่า พบวา่ เพศหญงิ ไม่เคยบรโิ ภคอาหารแนวใหมม่ ากที่สดุ จำนวน 48 คน และ เพศชายไม่เคยบริโภคอาหารแนวใหม่ จำนวน 22 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 1.391 และ ค่า Sig เท่ากับ 0.238 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ พฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนว ใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ ไมแ่ ตกต่างกนั โดยมนี ยั สำคญั ทางสถิติที่ระดบั 0.05 ตารางท่ี 4.7 จำนวนครัง้ การบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ต่อสัปดาห์ จำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญิง จำนวนการบรโิ ภคต่อสปั ดาห์ 1 - 2 ครั้ง/สัปดาห์ 13 21 3 - 4 ครง้ั /สัปดาห์ 54 5 - 7 ครั้ง/สัปดาห์ 11 รวม 19 26 Chi-square = 0.927 Sig = 0.629 จากตารางที่ 4.7 พบว่าผลที่ไดจ้ ากการสมมติฐาน เพศหญิงบริโภคอาหารแนวใหม่ 1 - 2 ครง้ั /สปั ดาหม์ าก ทสี่ ุดจำนวน 21 คน และเพศชาย บรโิ ภคอาหารแนวใหม่ 1 - 2 คร้ัง/สัปดาห์มากทสี่ ุดจำนวน 13 คน ทดสอบด้วย สถิติ Chi-square เท่ากับ 0.927 และค่า Sig เท่ากับ 0.629 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ จำนวนครั้ง การบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ต่อสัปดาห์ จำแนกตามเพศ ไม่แตกต่างกันโดยมี นัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดบั 0.05

28 ตารางที่ 4.8 สถานทที่ ี่เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญิง สถานท่ีทเ่ี ลอื กบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ หา้ งสรรพสนิ ค้า 9 14 หอ้ งอาหาร(ในโรงแรม) 58 ร้านอาหาร(Fine Dining) 54 รวม 19 26 Chi-square = 0.821 Sig = 0.663 จากตารางที่ 4.8 สถานที่ที่เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ พบว่า เพศหญิงเลือกบริโภคอาหารแนวใหมใ่ นห้างสรรพสินค้ามากท่ีสุดจำนวน 14 คน และเพศชายเลือกบริโภค อาหารแนวใหม่ในห้างสรรพสินค้ามากที่สุดจำนวน 9 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 0.821 และ ค่า Sig เท่ากับ 0.663 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ สถานที่ที่เลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศไม่แตกตา่ งกนั โดยมนี ัยสำคัญทางสถติ ทิ ่รี ะดบั 0.05 ตารางท่ี 4.9 จำนวนครงั้ การใชบ้ ริการสงั่ อาหาร Delivery ตอ่ สัปดาห์ จำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญิง การสั่งอาหาร Delivery 1 - 2 คร้งั /สปั ดาห์ 10 18 3 - 4 ครงั้ /สัปดาห์ 65 5 - 7 คร้ัง/สปั ดาห์ 33 รวม 19 26 Chi-square = 1.108 Sig = 0.576 จากตารางที่ 4.9 จำนวนครั้งการใช้บริการสั่งอาหาร Delivery ต่อสัปดาห์ จำแนกตามเพศ พบว่า เพศ หญงิ เลอื กบริโภคอาหารผ่านทางการใช้บรกิ าร Delivery 1 - 2 ครง้ั /สัปดาห์มากท่ีสดุ จำนวน 18 คน และเพศชาย เลือกบริโภคอาหารผ่านทางการใช้บริการ Delivery 1 - 2 ครั้ง/สัปดาห์มากที่สุดจำนวน 10 คน ทดสอบด้วย สถิติ Chi-square เท่ากับ 1.108 และคา่ Sig เท่ากับ 0.576 ซ่งึ หมายความวา่ ปฏิเสธสมมตฐิ าน คือ จำนวนครงั้ การ ใชบ้ รกิ ารสงั่ อาหาร Delivery ตอ่ สปั ดาห์ จำแนกตามเพศ ไม่แตกต่างกันโดยมีนยั สำคญั ทางสถติ ิที่ระดับ 0.05

29 ตารางท่ี 4.10 ช่วงเวลาทเ่ี ลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญงิ ชว่ งเวลาเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ ช่วงเช้า 1 1 ช่วงกลางวัน 10 9 ช่วงเย็น 8 16 รวม 19 26 Chi-square = 1.671 Sig = 0.434 จากตารางที่ 4.10 ช่วงเวลาที่เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ พบว่า เพศหญิงเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ในเวลาช่วงเย็นมากที่สุดจำนน 16 คน และเพศชายในเวลาช่วง กลางวันมากที่สุดจำนวน 10 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 1.671 และค่า Sig เท่ากับ 0.434 ซงึ่ หมายความว่าปฏิเสธสมมตฐิ าน คอื ชว่ งเวลาที่เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนก ตามเพศ ไมแ่ ตกต่างกนั โดยมีนยั สำคัญทางสถติ ิทร่ี ะดบั 0.05 ตารางที่ 4.11 ความสนใจที่จะเลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญงิ ความสนใจท่จี ะเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ สนใจบรโิ ภค 38 72 ไมส่ นใจบรโิ ภค 32 รวม 41 74 Chi-square = 1.351 Sig = 0.245 จากตารางท่ี 4.11 ความสนใจที่จะเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตาม เพศ พบว่า เพศหญิงมีความสนใจในการบรโิ ภคอาหารแนวใหมม่ ากท่ีสดุ จำนวน 72 คน และเพศชายมีความสนใจ ในการบริโภคอาหารแนวใหม่มากที่สุดจำนวน 38 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 1.351 และ ค่า Sig เท่ากับ 0.245 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ ความสนใจที่จะเลือกบริโภคอาหารแนว ใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ ไมแ่ ตกต่างกันโดยมีนยั สำคัญทางสถติ ทิ ่รี ะดบั 0.05

30 ตารางที่ 4.12 ปจั จัยทส่ี ่งผลตอ่ อการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญิง ปัจจยั ใดทส่ี ง่ ผลต่อการเลอื กบรโิ ภคแนวใหม่ ราคา 18 33 ความนิยม 12 17 คณุ ค่าทางโภชนาการ 8 20 อืน่ ๆ 3 4 รวม 41 74 Chi-square = 1.188 Sig = 0.756 จากตารางท่ี 4.12 ปัจจยั ท่ีสง่ ผลต่อการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนก ตามเพศ พบวา่ เพศหญงิ มีปัจจัยในการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหมค่ อื ราคามากท่ีสุดจำนวน 33 คน และเพศชายมี ปัจจัยในการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่คือราคามากที่สุดจำนวน 18 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi- square เทา่ กบั 1.188 และค่า Sig เทา่ กับ 0.756 ซึ่งหมายความวา่ ปฏิเสธสมมตฐิ าน คอื ปัจจยั ท่ีส่งผลตอ่ การเลือก บรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ ไมแ่ ตกต่างกนั โดยมนี ยั สำคัญทางสถติ ิทร่ี ะดบั 0.05 ตารางที่ 4.13 การบอกต่อการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญิง การบอกตอ่ การเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ แนะนำ 39 70 ไม่แนะนำ 24 รวม 41 74 Chi-square = 0.015 Sig = 0.903 จากตารางท่ี 4.13 การบอกต่อการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตาม เพศ พบว่า เพศหญิงเมอ่ื ไดล้ องบรีโภคอาหารแนวใหมแ่ ลว้ จะแนะนำผู้อน่ื มากทีส่ ุดจำนวน 70 คน และเพศชายเมอื่ ได้ลองบรีโภคอาหารแนวใหม่แล้วจะแนะนำผู้อื่นมากที่สุดจำนวน 39 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi- square เท่ากับ 0.015 และค่า Sig เท่ากับ 0.903 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ การบอกต่อการเลือก บริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามเพศ ไม่แตกต่างกันโดยมนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั 0.05

31 สมมตุ ฐิ านที่ 2 พนักงานบรษิ ัทแถวแจ้งวัฒนะที่มอี ายตุ ่างกนั มพี ฤตกิ รรมต่อการเลอื กบริโภคอาหารแนว ใหม(่ Molecular Gastronomy) ของพนักงานบรษิ ัทในเขตแจง้ วัฒนะ จงั หวัดนนทบรุ ี ไม่แตกตา่ งกัน ตารางท่ี 4.14 พฤตกิ รรมการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ เพศ ไม่เกนิ 26 – 30 31 – 35 36 – 40 41 ปีขน้ึ ไป 25 ปี ปี ปี ปี เคยบรโิ ภคอาหารแนวใหมห่ รือไม่ เคย 39 5 0 1 0 ไมเ่ คย 58 6 1 2 3 รวม 97 11 1 3 3 Chi-square = 2.846 Sig = 0.584 จากตาราง 4.14 พฤตกิ รรมการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี ไม่เคยบริโภคอาหารแนวใหม่มากที่สุดจำนวน 58 คน รองลงมาคือ กลุ่มตัวอยา่ งทม่ี อี ายุ 26 – 30 ปี ทไ่ี มเ่ คยบรโิ ภคอาหารแนวใหม่จำนวน 6 คน กลุม่ ตัวอย่างท่ีมีอายุ 31 – 35 ปี ที่ ไม่เคยบริโภคอาหารแนวใหมจ่ ำนวน 1 คน กลุม่ ตัวอยา่ งท่มี ีอายุ 36 – 40 ปี ทไี่ ม่เคยบริโภคอาหารแนวใหมจ่ ำนวน 2 คน และกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 41 ปีขึ้นไปจำนวน 3 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 2.846 และ ค่า Sig เท่ากับ 0.584 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ พฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายไุ มแ่ ตกต่างกันโดยมีนยั สำคัญทางสถิตทิ ร่ี ะดับ 0.05 ตารางที่ 4.15 จำนวนครั้งการบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ตอ่ สปั ดาห์ จำแนกตามอายุ เพศ ไม่เกนิ 25 26 – 30 31 – 35 36 – 40 41 ปีขน้ึ ไป ปี ปี ปี ปี จำนวนการบรโิ ภคตอ่ สปั ดาห์ 1 - 2 ครง้ั /สัปดาห์ 30 4 0 0 0 3 - 4 คร้ัง/สปั ดาห์ 7 1010 5 - 7 คร้งั /สปั ดาห์ 2 0000 รวม 39 5 0 1 0 Chi-square = 4.368 Sig = 0.358

32 จ า ก ต า ร า ง ที่ 4.15 จ ำ น ว น ค ร ั ้ งกา รบ ริ โภ ค อา ห ารแ นว ใ ห ม่ (Molecular Gastronomy) ต่ อ สปั ดาห์ จำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มตวั อย่างท่มี ีอายุไมเ่ กนิ 25 ปี มจี ำนวนการบริโภคอาหารแนวใหมม่ ากท่ีสุด 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์มากที่สุดจำนวน 30 คน และกลุ่มตัวอย่างที่มอี ายุ 26 – 30 ปี มีจำนวนการบริโภคอาหารแนว ใหม่มากที่สุด 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 4.368 และค่า Sig เท่ากับ 0.358 ซ่ึง หมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ จำนวนครั้งการบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) ต่อ สัปดาห์ จำแนกตามอายุ ไมแ่ ตกต่างกนั โดยมีนัยสำคญั ทางสถิติทีร่ ะดบั 0.05 ตารางที่ 4.16 สถานทีท่ ่เี ลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ เพศ ไม่เกิน 25 26 – 30 31 – 35 36 – 40 41 ปขี ึ้นไป ปี ปี ปี ปี สถานที่ทีท่ ่านเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ 18 4 0 1 0 ห้างสรรพสนิ คา้ ห้องอาหาร(ในโรงแรม) 12 1 0 0 0 ร้านอาหาร(Fine Dining) 9 000 0 รวม 39 5 0 1 0 Chi-square = 3.330 Sig = 0.504 จากตารางท่ี 4.16 สถานที่ที่เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ที่ห้างสรรพสินค้ามากที่สุด จำนวน 18 คน รองลงมาคือ กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 26 – 30 ปี เลือกบริโภคอาหารแนวใหมท่ ี่ห้างสรรพสินค้ามาก ที่สุดจำนวน 4 คน และกลุ่มตัวอย่างที่มอี ายุ 36 – 40 ปี เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ทีห่ ้างสรรพสินค้ามากท่สี ุด จำนวน 1 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 3.330 และค่า Sig เท่ากับ 0.504 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธ สมมติฐาน คือ สถานท่ที เ่ี ลอื กบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ ไมแ่ ตกต่างกัน โดยมนี ัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดับ 0.05

33 ตารางที่ 4.17 จำนวนคร้ังการใช้บรกิ ารสง่ั อาหาร Delivery ต่อสัปดาห์ จำแนกตามอายุ เพศ ไมเ่ กนิ 25 26 – 30 31 – 35 36 – 40 41 ปีขึ้นไป ปี ปี ปี ปี การสั่งอาหาร Delivery 1 - 2 คร้งั /สปั ดาห์ 24 40 0 0 3 - 4 ครั้ง/สปั ดาห์ 10 10 0 0 5 - 7 ครง้ั /สัปดาห์ 5 00 1 0 รวม 39 50 1 0 Chi-square = 7.495 Sig = 0.112 จากตารางที่ 4.17 จำนวนครั้งการใช้บริการสั่งอาหาร Delivery ต่อสัปดาห์ จำแนกตามอายุ พบว่า กลุม่ ตวั อยา่ งทีม่ ีอายุไม่เกนิ 25 ปี มจี ำนวนการใชบ้ รกิ ารส่ังอาหาร Delivery มากทส่ี ดุ 1 – 2 ครั้ง/สปั ดาห์ จำนวน 24 คน รองลงมาคือ กลมุ่ ตวั อย่างทมี่ ีอายุ 26 – 30 ปี มีจำนวนการใชบ้ ริการสั่งอาหาร Delivery มากที่สดุ 1 – 2 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 4 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 7.495 และค่า Sig เท่ากับ 0.112 ซึ่ง หมายความวา่ ปฏเิ สธสมมติฐาน คอื จำนวนครั้งการใช้บรกิ ารสั่งอาหาร Delivery ตอ่ สัปดาห์ จำแนกตามอายุ ไม่ แตกตา่ งกนั โดยมนี ยั สำคัญทางสถิติทีร่ ะดับ 0.05 ตารางท่ี 4.18 ชว่ งเวลาทีเ่ ลอื กบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ เพศ ไมเ่ กิน 25 26 – 30 31 – 35 36 – 40 ปี ปี ปี ปี 41 ปีขึ้นไป ชว่ งเวลาเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ ช่วงเชา้ 1 100 0 ชว่ งกลางวัน 18 1 0 0 0 ชว่ งเย็น 20 3 0 1 0 รวม 39 5 0 1 0 Chi-square = 4.707 Sig = 0.319

34 จากตารางท่ี 4.18 ช่วงเวลาที่เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ พบวา่ กลมุ่ ตวั อย่างทม่ี ีอายไุ ม่เกนิ 25 ปี เลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ช่วงเยน็ มากทีส่ ุดจำนวน 20 คน รองลงมาคือ กลุ่มตวั อย่างท่ีมีอายุ 26 – 30 ปี เลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหมช่ ่วงเย็นมากท่ีสดุ จำนวน 3 คน และกล่มุ ตัวอย่างที่มี อายุ 36 – 40 ปี เลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ช่วงเย็นมากที่ สุดจำนวน 1 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi- square เท่ากบั 4.707 และค่า Sig เทา่ กบั 0.319 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมตฐิ าน คือ ชว่ งเวลาท่ีเลือกบริโภค อาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ ไม่แตกตา่ งกนั โดยมนี ยั สำคัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั 0.05 ตารางท่ี 4.19 ความสนใจท่จี ะเลอื กบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ เพศ ไม่เกนิ 25 26 – 30 31 – 35 36 – 40 41 ปีข้นึ ไป ปี ปี ปี ปี ความสนใจทจี่ ะเลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ 92 11 1 3 3 สนใจบรโิ ภค ไม่สนใจบรโิ ภค 5 00 0 0 รวม 97 11 1 3 3 Chi-square = 0.970 Sig = 0.914 จากตารางที่ 4.19 ความสนใจที่จะเลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตาม อายุ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี มีความสนใจที่จะบริโภคอาหารแนวใหม่มากที่สุดจำนวน 92 คน รองลงมาคือ กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ 26 – 30 ปี มีความสนใจที่จะบริโภคอาหารแนวใหม่มากที่สุดจำนวน 11 คน กล่มุ ตวั อยา่ งท่ีมีอายุ 31 – 35 ปี มีความสนใจทจี่ ะบริโภคอาหารแนวใหมม่ ากท่ีสดุ จำนวน 1 คน กลุ่มตัวอย่างที่มี อายุ 36 – 40 ปี มคี วามสนใจท่ีจะบริโภคอาหารแนวใหมม่ ากที่สุดจำนวน 3 คน และกล่มุ ตวั อยา่ งท่ีมีอายุมีความ สนใจที่จะบริโภคอาหารแนวใหม่มากที่สุดจำนวน 3 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 0.970 และ ค่า Sig เท่ากับ 0.914 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ ความสนใจที่จะเลือกบริโภคอาหารแนว ใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ ไมแ่ ตกตา่ งกนั โดยมนี ัยสำคัญทางสถติ ิท่รี ะดบั 0.05

35 ตารางท่ี 4.20 ปัจจัยทีส่ ง่ ผลตอ่ อการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ เพศ ไมเ่ กิน 25 26 – 30 31 – 35 36 – 40 ปี ปี ปี ปี 41 ปีขนึ้ ไป ปจั จัยใดทส่ี ่งผลต่อการเลอื กบริโภคแนวใหม่ ราคา 47 4 0 0 0 ความนิยม 25 3 0 0 1 คณุ ค่าทางโภชนาการ 20 3 1 3 1 อนื่ ๆ 5 10 0 1 รวม 97 11 1 3 3 Chi-square = 19.047 Sig = 0.087 จากตารางที่4.20 ปัจจัยท่ีส่งผลตอ่ อการเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนก ตามอายุ พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี ราคาเปน็ ปจั จยั ที่สง่ ผลตอ่ การเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่มาก ท่สี ดุ จำนวน 47 คน และกลุม่ ตวั อย่างทม่ี อี ายุ 26 – 30 ปี ราคาเปน็ ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการเลือกบริโภคอาหารแนว ใหม่มากที่สุดจำนวน 4 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 19.047 และค่า Sig เท่ากับ 0.087 ซ่ึง หมายความว่าปฏิเสธสมมติฐานคือ ปัจจัยที่ส่งผลต่ออการเลือกบริโภคอาหารแนว ใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ ไม่แตกตา่ งกนั โดยมีนยั สำคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดบั 0.05 ตารางที่ 4.21 การบอกตอ่ การเลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ เพศ ไม่เกิน 25 26 – 30 31 – 35 36 – 40 ปี ปี ปี ปี 41 ปขี นึ้ ไป การบอกต่อ แนะนำ 91 11 1 3 3 ไม่แนะนำ 6 000 0 รวม 97 11 1 3 3 Chi-square = 1.175 Sig = 0.882

36 จากตารางท่ี 4.21 การบอกตอ่ การเลือกบรโิ ภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตาม อายุ พบว่า กล่มุ ตัวอยา่ งที่มอี ายุไมเ่ กิน 25 ปี แนะนำอาหารแนวใหม่ตอ่ ผู้อืน่ มากทสี่ ดุ จำนวน 91 คน รองลงมาคือ กลมุ่ ตัวอย่างทม่ี อี ายุ 26 – 30 ปี แนะนำอาหารแนวใหม่ต่อผ้อู ่นื มากทสี่ ดุ จำนวน 11 คน กลุ่มตวั อย่างที่มีอายุ 31 – 35 ปี แนะนำอาหารแนวใหม่ต่อผอู้ ่ืนมากท่สี ุดจำนวน 1 คน กลมุ่ ตัวอยา่ งที่มอี ายุ 31 – 35 ปี แนะนำอาหารแนว ใหมต่ ่อผอู้ ืน่ มากท่ีสุดจำนวน 3 คน และกลมุ่ ตวั อยา่ งทม่ี ีอายุ 41 ปีขน้ึ ไปแนะนำอาหารแนวใหม่ต่อผู้อื่นมากท่ีสุด จำนวน 3 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi-square เท่ากับ 1.175 และค่า Sig เท่ากับ 0.882 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธ สมมติฐาน คือ การบอกต่อการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามอายุ ไม่ แตกต่างกนั โดยมีนยั สำคญั ทางสถติ ิท่ีระดับ 0.05 สมมุติฐานที่ 3 พนักงานบรษิ ัทแถวแจ้งวัฒนะที่มีรายได้ต่างกัน มีพฤติกรรมต่อการเลือกบรโิ ภคอาหาร แนวใหม่(Molecular Gastronomy) ของพนกั งานบรษิ ัทในเขตแจง้ วฒั นะ จังหวัดนนทบรุ ี ไม่แตกตา่ งกนั ตารางท่ี 4.22 พฤตกิ รรมการเลอื กบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามรายได้ เพศ ไม่เกิน 10,001 – 20,001 – 30,001 – 40,001 10,000 20,000 บาท 30,000 บาท 40,000 บาท บาทข้ึนไป บาท เคยบริโภคอาหารแนวใหม่หรือไม่ เคย 23 17 3 2 0 ไม่เคย 34 29 6 0 1 รวม 57 46 9 2 1 Chi-square = 4.008 Sig = 0.405 จากตารางที่ 4.22 พฤติกรรมการเลือกบริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตาม รายได้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้ไม่เกนิ 10,000 บาท ไม่เคยบริโภคอาหารแนวใหม่มากที่สุดจำนวน 34 คน รองลงมาคอื กลมุ่ ตัวอยา่ งทม่ี รี ายได้ 10,001 – 20,000 บาท ไมเ่ คยบรโิ ภคอาหารแนวใหม่มากทสี่ ุดจำนวน 29 คน กลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้ 20,001 – 30,000 บาท ไม่เคยบริโภคอาหารแนวใหม่มากที่สุดจำนวน 6 คน และกลุ่ม ตัวอย่างทีม่ ีายได้ 40,001 บาทขึ้นไป ไม่เคยบริโภคอาหารแนวใหม่มากท่ีสดุ จำนวน 1 คน ทดสอบด้วยสถิติ Chi- square เท่ากับ 4.008 และค่า Sig เท่ากับ 0.405 ซึ่งหมายความว่าปฏิเสธสมมติฐาน คือ พฤติกรรมการเลือก บริโภคอาหารแนวใหม่ (Molecular Gastronomy) จำแนกตามรายได้ ไม่แตกต่างกันโดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.05


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook