Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรนาฏดุยางค์ศิลป์ ม.ต้น.2562+ปก_compressed

หลักสูตรนาฏดุยางค์ศิลป์ ม.ต้น.2562+ปก_compressed

Published by prapaporn munkong, 2022-05-30 05:58:12

Description: หลักสูตรนาฏดุยางค์ศิลป์ ม.ต้น.2562+ปก_compressed

Search

Read the Text Version

หลกั สตู รนาฏดรุ ิยางคศลิ ป์ ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น (ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒) สถาบันบณั ฑติ พัฒนศลิ ป์ กระทรวงวฒั นธรรม





สารบัญ ๑ ๑ วิสัยทศั น์ ๑ จดุ หมาย ๒ สมรรถนะสำ�คัญของผเู้ รยี น ๒ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๒ สาระการเรยี นร ู้ ๒๒ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ ๒๔ โครงสร้างเวลาเรยี น ๒๕ เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี น ๔๒ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๕๖ กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ๑๑๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลย ี ๑๕๘ กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๑๗๒ กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ๑๘๘ กลุ่มสาระการเรยี นรูศ้ ิลปะ ๑๙๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ๒๒๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ๒๖๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้นาฏศิลปไ์ ทย โขน ๒๘๔ กลุม่ สาระการเรยี นรู้นาฏศิลป์ไทย ละคร ๒๙๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ป่พี าทย ์ ๓๑๐ กลุ่มสาระการเรียร้เู คร่อื งสายไทย ๓๒๓ กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ตี ศลิ ปไ์ ทย ๓๓๖ กลุ่มสาระการเรยี นรูด้ นตรีสากล ๓๔๙ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คตี ศลิ ป์สากล ๓๖๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้นาฏศิลป์สากล ภาคผนวก

1 วสิ ัยทัศน์ มงุ่ พฒั นาผเู้ รยี นทกุ คน ใหเ้ ปน็ ผมู้ คี วามรแู้ ละทกั ษะ และผนู้ �ำ ความเปน็ ไทย สบื สาน สรา้ งสรรคด์ า้ นนาฏดรุ ยิ างคศลิ ป์ ทงั้ ไทยและสากล กา้ วทนั เทคโนโลยี รว่ มสรา้ งนวตั กรรม เปน็ พลเมอื งทด่ี ี มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มสี ขุ ภาวะทางกาย และสขุ ภาพ จิตทีด่ ี อยูร่ ว่ มกนั อย่างสนั ตติ ามวถิ รี ะบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข จุดหมาย หลกั สตู รนาฏดุริยางคศลิ ป์ ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น (ปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๒) ม่งุ พัฒนาผ้เู รยี นให้เปน็ คนดี คนเก่ง ร่วมสร้างสรรค์นวตั กรรมและเป็นพลเมอื งทเ่ี ข้มแขง็ จงึ กำ�หนดจดุ มงุ่ หมายในการจดั การศึกษา ดงั นี้ ๑. มีความรอบรู้ มเี ป้าหมายและทกั ษะการเรียนรู้ รูจ้ ักการบริหารจดั การตนเอง มีความสามารถในการสอ่ื สาร เชิงบวก การคิดวิเคราะหอ์ ย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปญั หา การใชเ้ ทคโนโลยี และมคี วามรอบรขู้ ้อมลู สารสนเทศและดจิ ิทลั ๒. มีทกั ษะชวี ติ เพอ่ื สรา้ งสุขภาวะทางกาย และสขุ ภาพจติ ทีด่ ี ๓. มที กั ษะวชิ าชพี ด้านนาฏดุริยางคศิลป์ มีทกั ษะการทำ�งานเป็นทีม มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ สามารถนำ�ไปสร้าง ผลงานและนวตั กรรมในลักษณะต่างๆ ได้ ๔. เป็นพลเมอื งไทยและพลเมืองอาเซยี นทเี่ ข้มแข็ง มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มีวนิ ัย มคี วามเพยี ร มีความพอเพยี ง รู้จักตนเองและผู้อื่น มีความรักชาติ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ มีความเท่าเทียม เสมอภาค ยึดม่นั ในวิถชี วี ิตและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ ๕. มสี �ำ นึกและความภาคภูมใิ จในความเป็นไทย รว่ มอนุรักษศ์ ิลปวฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย สมรรถนะส�ำ คญั ของผเู้ รียน หลักสูตรนาฏดุรยิ างคศลิ ป์ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น (ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น มงุ่ เนน้ พัฒนาผ้เู รียนใหม้ คี ุณภาพตามมาตรฐานทกี่ �ำ หนด เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ สมรรถนะส�ำ คัญ ๕ ประการ ดงั นี้ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอด ความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็น ประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับ หรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการส่ือสารท่ีมีประสิทธิภาพโดยคำ�นึงถึง ผลกระทบที่มีต่อตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำ�ไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจเกี่ยวกับ ตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เปน็ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและอปุ สรรคตา่ งๆ ที่เผชญิ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสมบนพนื้ ฐานของหลกั เหตผุ ล คณุ ธรรม และขอ้ มลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสมั พนั ธแ์ ละการเปลยี่ นแปลงของเหตกุ ารณ์ ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจท่ีมีประสิทธิภาพ โดยค�ำ นึงถงึ ผลกระทบที่เกิดขนึ้ ต่อตนเอง สังคม และสิง่ แวดลอ้ ม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำ�กระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำ�เนินชีวิต ประจ�ำ วนั การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง การท�ำ งานและการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมดว้ ยการสรา้ งเสรมิ ความสมั พนั ธ์ อนั ดรี ะหวา่ งบคุ คล การจดั การปญั หาและความขดั แยง้ ตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรบั ตวั ใหท้ นั กบั การเปลยี่ นแปลงของสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม และการรูจ้ กั หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงคท์ ่สี ง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ืน่ ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลอื ก และใช้เทคโนโลยีดา้ นต่าง ๆ และมที ักษะ กระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำ�งานการแก้ปัญหาอย่าง สรา้ งสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคณุ ธรรม

2 คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ หลักสูตรนาฏดรุ ิยางคศลิ ป์ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น (ปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๒) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคม ได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็น พลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซื่อสัตยส์ ุจรติ ๓. มีวนิ ยั ๔. ใฝเ่ รยี นรู้ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ๖. มุ่งม่ันในการทำ�งาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มีจิตสาธารณะ สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ประกอบด้วยองค์ความรู้ ทักษะและ/หรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซง่ึ ก�ำ หนดใหผ้ เู้ รยี นทกุ คนในระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานจ�ำ เปน็ ตอ้ งเรยี นในกลมุ่ รายวชิ าพนื้ ฐาน และเลอื กเรยี นตามความถนดั ในกลุ่มรายวิชาชีพ โดยแบ่งสาระการเรียนร้เู ปน็ ๑๖ สาระการเรียนรู้ ดงั น้ี กลุ่มวิชาพื้นฐาน ๑. สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๒. สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ๓. สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔. สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๕. สาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา ๖. สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ ๗. สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี ๘. สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ กลมุ่ วชิ าชีพ ๑. สาระการเรยี นรูโ้ ขน ๒. สาระการเรยี นร้ลู ะคร ๓. สาระการเรียนร้ปู ่พี าทย์ ๔. สาระการเรียนรู้เคร่อื งสายไทย ๕. สาระการเรยี นรู้คีตศิลปไ์ ทย ๖. สาระการเรียนรู้ดนตรสี ากล ๗. สาระการเรียนรคู้ ีตศลิ ป์สากล ๘. สาระการเรยี นรู้นาฏศิลป์สากล สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ หลักสูตรนาฏดุริยางคศิลป์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๒) ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น กำ�หนดมาตรฐานการเรียนรู้ในกลุ่มวิชาพื้นฐาน ๘ สาระการเรียนรู้ จำ�นวน ๕๕ มาตรฐาน และกลุ่มวิชาชีพ ๘ สาระการเรียนรู้ จำ�นวน ๗๑ มาตรฐาน ดงั น้ี

3 สาระท่ี ๑ การอ่าน กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้ และความคดิ เพ่ือนำ�ไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหาในการดำ�เนนิ ชีวติ และมนี ิสัยรักการอา่ น สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นส่อื สาร เขยี นเรียงความยอ่ ความ และเขียนเร่อื งราว ในรูปแบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพูด มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดอู ย่างมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีจารณญาณและสร้างสรรค์ สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทย อยา่ งเหน็ คุณคา่ และนำ�มาประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตจรงิ

4 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สาระที่ ๑ จำ�นวนและพีชคณติ มาตรฐาน ค ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของการแสดงจำ�นวน ระบบจ�ำ นวน การดำ�เนนิ การ ของจ�ำ นวน ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการดำ�เนินการ สมบัติของการด�ำ เนนิ การ และนำ�ไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรปู ความสมั พันธ์ ฟังก์ชนั ลำ�ดับและอนกุ รม และน�ำ ไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ พิ จน์ สมการ และอสมการ อธบิ ายความสมั พันธห์ รือชว่ ยแก้ปญั หาทก่ี �ำ หนดให้ สาระท่ี ๒ การวัดและเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพน้ื ฐานเก่ยี วกับการวดั วัดและคาดคะเนขนาดของสง่ิ ท่ตี ้องการวดั และนำ�ไปใช้ มาตรฐาน ค ๒.๒ เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบตั ขิ องรูปเรขาคณิต ความสมั พันธ์ระหวา่ ง รูปเรขาคณติ และทฤษฎบี ททางเรขาคณติ และน�ำ ไปใช้ สาระที่ ๓ สถิตแิ ละความน่าจะเป็น มาตรฐาน ค ๓.๑ เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใชค้ วามรทู้ างสถติ ิในการแกป้ ญั หา มาตรฐาน ค ๓.๒ เข้าใจหลกั การนับเบอื้ งตน้ ความน่าจะเป็น และนำ�ไปใช้

5 กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งส่งิ ไม่มชี วี ิตกบั สิง่ มชี วี ิต และความสัมพันธ์ระหว่างสง่ิ มชี วี ิตกับสิ่งมีชวี ิตตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลยี่ นแปลงแทนที่ในระบบนเิ วศ ความหมายของ ประชากร ปญั หาและผลกระทบท่ีมีต่อทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม รวมทงั้ น�ำ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบตั ิของสิง่ มีชีวิต หน่วยพนื้ ฐานของสงิ่ มีชวี ิต การล�ำ เลยี งสารเข้า และออกจากเซลล์ ความสมั พนั ธ์ของโครงสร้าง และหนา้ ท่ีของระบบตา่ งๆ ของสัตว์และมนุษยท์ ่ีท�ำ งานสมั พนั ธ์กัน รวมทั้งนำ�ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความส�ำ คัญของการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรม สารพนั ธุกรรม การเปล่ยี นแปลงทางพนั ธกุ รรมท่ีมผี ลตอ่ ส่งิ มชี วี ิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสง่ิ มชี วี ติ รวมท้งั น�ำ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบัติ ของสสารกบั โครงสร้าง และแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าคหลักและธรรมชาติ ของการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำ�วัน ผลของแรงทีก่ ระท�ำ ตอ่ วตั ถุ ลกั ษณะการเคลือ่ นท่ีแบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทั้งน�ำ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำ�วนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั เสียง แสง และคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทั้งน�ำ ความรูไ้ ปใช้ ประโยชน์ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทง้ั ปฏิสมั พนั ธ์ภายในระบบสุรยิ ะทีส่ ่งผลต่อ ส่ิงมชี ีวติ และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบตั ิภัย กระบวนการเปลยี่ นแปลง ลม ฟา้ อากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อส่งิ มีชีวติ และสง่ิ แวดล้อม

6 สาระที่ ๔ เทคโนโลยี เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดำ�รงชีวิตในสงั คมทมี่ ีการเปลย่ี นแปลง มาตรฐาน ว ๔.๑ อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรแู้ ละทักษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อืน่ ๆ เพ่อื แกป้ ญั หาหรอื พฒั นางานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบ มาตรฐาน ว ๔.๒ เชิงวิศวกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคำ�นงึ ถึงผลกระทบต่อชีวติ สังคม และสิง่ แวดล้อม เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงค�ำ นวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชีวิตจรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การท�ำ งาน และการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รเู้ ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม

7 กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ ๑ ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ ร้แู ละเขา้ ใจประวัติ ความสำ�คัญ ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนา ทต่ี นนับถือและศาสนาอืน่ มีศรทั ธาทถี่ ูกต้อง ยดึ ม่นั และปฏิบตั ิตามหลกั ธรรม เพอ่ื อยรู่ ่วมกันอย่างสนั ตสิ ุข มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ตระหนกั และปฏบิ ตั ติ นเป็นศาสนิกชนท่ดี ี และธำ�รงรกั ษาพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาทตี่ นนับถอื สาระท่ี ๒ หน้าทพี่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดำ�เนนิ ชวี ติ ในสังคม มาตรฐาน ส ๒.๑ เขา้ ใจและปฏบิ ตั ิตนตามหนา้ ทีข่ องการเป็นพลเมอื งดี มีค่านิยมที่ดงี ามและธำ�รงรกั ษา ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ด�ำ รงชีวติ อยู่รว่ มกันในสังคมไทยและสังคมโลกอยา่ งสันตสิ ุข มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จุบนั ยึดม่ัน ศรทั ธาและ ธำ�รงรักษาไวซ้ ึง่ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข สาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรพั ยากรในการผลติ และการบรโิ ภค การใช้ทรัพยากรทมี่ อี ยู่จ�ำ กดั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลกั การ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพ่ือการด�ำ รงชวี ิตอย่างมดี ลุ ยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ เข้าใจระบบและสถาบนั ทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ ความสัมพนั ธท์ างเศรษฐกจิ และความจำ�เปน็ ของการร่วมมอื กันทางเศรษฐกจิ ในสังคมโลก สาระท่ี ๔ ประวัตศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจความหมาย ความสำ�คญั ของเวลา และยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตร์ สามารถใชว้ ิธี การทางประวัตศิ าสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณต์ า่ ง ๆ อย่างเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ เขา้ ใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถงึ ปัจจุบัน ในด้านความสมั พนั ธ์และ มาตรฐาน ส ๔.๓ การเปล่ยี นแปลงของเหตกุ ารณอ์ ยา่ งตอ่ เน่อื ง ตระหนกั ถึงความสำ�คัญ และสามารถ วิเคราะห์ผลกระทบทเ่ี กดิ ขึ้น เข้าใจความเปน็ มาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมิปัญญาไทย มคี วามรัก ความภูมิใจ และธ�ำ รงความเปน็ ไทย

มาตรฐาน ส ๕.๑ 8 มาตรฐาน ส ๕.๒ เขา้ ใจลกั ษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพนั ธ์ของสรรพส่งิ ซึง่ มีผลต่อกันใช้ แผนท่ีและเคร่ืองมือทางภมู ศิ าสตร์ในการคน้ หา วเิ คราะห์ และสรุปขอ้ มูล ตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใชภ้ มู ิสารสนเทศอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เขา้ ใจปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งมนุษยก์ บั สงิ่ แวดลอ้ มทางกายภาพที่กอ่ ให้เกิด การสรา้ งสรรค์ วิถีการดำ�เนินชีวติ มีจิตส�ำ นึก และมสี ่วนร่วมในการจดั การทรัพยากร และสิง่ แวดล้อมเพ่อื การพัฒนาท่ียงั่ ยนื

9 กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา สาระที่ ๑ การเจริญเตบิ โตและพัฒนาการของมนุษย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ เข้าใจธรรมชาติของการเจรญิ เติบโต และพัฒนาการของมนุษย์ สาระท่ี ๒ ชวี ติ และครอบครัว มาตรฐาน พ ๒.๑ เขา้ ใจและเหน็ คณุ ค่าตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทกั ษะในการดำ�เนนิ ชวี ติ สาระท่ี ๓ การเคล่อื นไหว การออกก�ำ ลังกาย การเล่นเกม กฬี าไทย และกีฬาสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ เข้าใจ มที กั ษะในการเคล่ือนไหว กจิ กรรมทางกาย การเลน่ เกม และกฬี า มาตรฐาน พ ๓.๒ รกั การออกก�ำลังกาย การเลน่ เกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเปน็ ประจ�ำอย่างสมำ่� เสมอ มวี นิ ยั เคารพสทิ ธิ กฎ กติกา มีนำ้� ใจนกั กฬี า มีจิตวิญญาณในการแขง่ ขัน และช่ืนชมในสุนทรยี ภาพของการกีฬา สาระท่ี ๔ การสร้างเสรมิ สุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกนั โรค มาตรฐาน พ ๔.๑ เห็นคุณค่า และมที กั ษะในการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ การด�ำ รงสขุ ภาพ การป้องกันโรค และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพือ่ สุขภาพ สาระที่ ๕ ความปลอดภัยในชวี ิต มาตรฐาน พ ๕.๑ ปอ้ งกัน และหลีกเลย่ี งปจั จัยเส่ียง พฤตกิ รรมเสีย่ งตอ่ สขุ ภาพ อุบัตเิ หตุ การใช้ยา สารเสพตดิ และความรนุ แรง

สาระที่ ๑ ทศั นศิลป์ 10 มาตรฐาน ศ ๑.๑ กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ มาตรฐาน ศ ๑.๒ สาระที่ ๒ ดนตรี สร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ปต์ ามจนิ ตนาการ และความคดิ สร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์วจิ ารณ์ คุณคา่ งานทศั นศลิ ป์ ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคิดตอ่ งานศิลปะอย่างอสิ ระ มาตรฐาน ศ ๒.๑ ช่ืนชมและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำ วนั เข้าใจความสมั พันธ์งานต่าง ๆ ทัศนศลิ ป์ ประวตั ิศาสตรแ์ ละวัฒนธรรม เห็นคณุ คา่ มาตรฐาน ศ ๒.๒ งานทัศนศลิ ปท์ ีเ่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ภูมิปญั ญาไทยและสากล สาระท่ี ๓ นาฏศิลป์ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอยา่ งสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ คณุ คา่ ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดตอ่ ดนตรอี ย่างอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ตใ์ นชวี ิตประจ�ำ วัน มาตรฐาน ศ ๓.๒ เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดนตรี ประวัตศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม เห็นคณุ ค่า งานดนตรีท่ีเป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ิน ภูมิปญั ญาไทยและสากล เขา้ ใจและแสดงออกทางนาฏศลิ ป์อยา่ งสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากย์ วจิ ารณ์ คณุ คา่ ดนตรี ถา่ ยทอดความรสู้ กึ ความคดิ ต่อนาฏศิลปอ์ ย่างอสิ ระ ช่ืนชม และประยกุ ตใ์ นชวี ิตประจ�ำ วนั เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างนาฏศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรม เห็นคณุ ค่างานนาฏศลิ ปท์ ีเ่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ ภูมิปญั ญาไทยและสากล

11 กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี สาระที่ ๑ การด�ำ รงชีวิตและครอบครัว มาตรฐาน ง ๑.๑ เข้าใจการทำ�งาน มีความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ มที กั ษะกระบวนการท�ำ งาน มที ักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการท�ำ งานร่วมกัน ทกั ษะการแสวงหา ความรู้ มีคุณธรรมและลกั ษณะนสิ ัยในการทำ�งาน มีจติ ส�ำ นึก ในการใช้พลังงาน ทรัพยากรและสง่ิ แวดลอ้ ม เพอื่ การด�ำ รงชวี ติ และครอบครัว สาระท่ี ๒ การอาชพี เข้าใจ มีทักษะท่ีจำ�เป็น มปี ระสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชพี มาตรฐาน ง ๒.๑ ใช้เทคโนโลยเี พ่อื พฒั นาอาชพี มีคณุ ธรรมและมเี จตคติทีด่ ตี อ่ อาชพี

12 กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ สาระที่ ๑ ภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร มาตรฐาน ต ๑.๑ เขา้ ใจ และตีความเรอ่ื งทฟี่ งั และอ่านจากสอ่ื ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมเี หตุผล มาตรฐาน ต ๑.๒ มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความร้สู ึกและ มาตรฐาน ต ๑.๓ ความคดิ เห็นอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ นำ�เสนอข้อมลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองตา่ ง ๆ โดยการพดู และการเขียน สาระที่ ๒ ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำ�ไปใช้ ได้อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ เข้าใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างภาษา และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และน�ำ มาใชอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม สาระท่ี ๓ ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ ับกลมุ่ สาระการเรียนร้อู นื่ มาตรฐาน ต ๓.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรยี นรู้อ่ืน และเป็นพน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทัศนข์ องตน สาระที่ ๔ ภาษากับความสมั พนั ธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทัง้ ในสถานศึกษา ชมุ ชนและสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาต่างประเทศเปน็ เครื่องมือพ้นื ฐานในการศกึ ษาต่อการประกอบอาชพี และการแลกเปล่ยี นเรยี นรกู้ บั สงั คมโลก

13 กลุม่ สาระการเรียนรูน้ าฏศิลป์ไทย โขน สาระท่ี ๑ การฝึกหดั เบ้ืองต้น และนาฏยศพั ท์ข้ันพน้ื ฐาน มาตรฐาน ศ ๑.๑ มีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั ท่มี า ความหมายหลกั การปฏบิ ัติรวม ทง้ั เห็นคณุ คา่ ของ การฝกึ หดั เบอื้ งตน้ และนาฏยศัพท์ข้ันพนื้ ฐาน มาตรฐาน ศ ๑.๒ มที กั ษะปฏิบตั กิ ารฝกึ หดั เบ้อื งตน้ และนาฏยศพั ท์ขัน้ พน้ื ฐานไดอ้ ย่างถูกตอ้ งตามแบบแผน สาระท่ี ๒ รำ�พืน้ ฐาน/แมท่ า่ มาตรฐาน ศ ๒.๑ มคี วามร้คู วามเข้าใจ สามารถอธบิ ายประวตั ิความเป็นมาองคป์ ระกอบและประโยชน์ ของการฝึกปฏบิ ตั ริ ำ�พื้นฐาน/แม่ทา่ มาตรฐาน ศ ๒.๒ มีทักษะในการปฏิบัติร�ำ พนื้ ฐาน/แมท่ า่ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ตามแบบแผน สาระที่ ๓ รำ�หน้าพาทย์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ มคี วามรคู้ วามเข้าใจ สามารถอธบิ ายประวตั คิ วามเปน็ มาองค์ประกอบของรำ�หนา้ พาทย์ มาตรฐาน ศ ๓.๒ มีทักษะในการปฏบิ ตั ทิ า่ ร�ำ เพลงหน้าพาทยไ์ ด้อย่างถูกตอ้ งตามแบบแผน สาระที่ ๔ รำ�ตรวจพลและพากยร์ ถ มาตรฐาน ศ ๔.๑ มีความรู้ความเข้าใจ สามารถอธบิ ายประวัติความเป็นมาองค์ประกอบ และประโยชนข์ องการรำ�ตรวจพลและพากยร์ ถ มาตรฐาน ศ ๔.๒ มที กั ษะปฏบิ ตั ทิ ่ารำ�ตรวจพลและพากย์รถ ไดอ้ ยา่ งถูกต้องตามแบบแผน สาระที่ ๕ กระบวนท่ารบและการตบี ท มาตรฐาน ศ ๕.๑ มคี วามรู้ความเขา้ ใจ สามารถอธบิ ายประวัติความเปน็ มาองค์ประกอบ ของกระบวนทา่ รบ และการตีบท มาตรฐาน ศ ๕.๒ มีทักษะปฏิบัติท่ารำ�กระบวนท่ารบ และการตบี ทได้อยา่ งถูกต้องตามแบบแผน สาระท่ี ๖ ระบ�ำ เบ็ดเตล็ด เพลงปลุกใจหรือการแสดงพื้นเมอื ง มาตรฐาน ศ ๖.๑ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ สามารถอธบิ ายประวตั คิ วามเป็นมาองคป์ ระกอบของ ระบ�ำ เบด็ เตล็ด เพลงปลุกใจหรอื การแสดงพน้ื เมือง มาตรฐาน ศ ๖.๒ มีทักษะปฏบิ ตั ิทา่ ร�ำ ระบ�ำ เบด็ เตล็ดเพลงปลุกใจหรือการแสดงพื้นเมอื ง ไดอ้ ย่างถูกต้องตามแบบแผน สาระที่ ๗ อนรุ ักษเ์ ผยแพร่และสืบทอดศิลปวฒั นธรรมไทย มาตรฐาน ศ ๗.๑ เขา้ ใจ และเห็นคณุ ค่านาฏศิลป์ไทย วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ นาฏศลิ ปไ์ ทย อย่างสร้างสรรค์ ถ่ายทอดความคดิ เห็น ความรสู้ ึกความคิดรเิ ร่มิ อย่างอิสระ สามารถน�ำ ไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจ�ำ วนั มาตรฐาน ศ ๗.๒ เข้าใจบทบาทความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ไทยกับประวัติศาสตร์สังคมและวัฒนธรรม อนรุ ักษ์ สืบทอด เผยแพรเ่ ห็นคณุ คา่ ของนาฏศลิ ป์ไทย อนั เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ิปัญญาท้องถิ่นและภมู ปิ ญั ญาไทยรวมท้ังสามารถนำ�ความรู้มาบูรณาการได้

14 กล่มุ สาระการเรียนรู้นาฏศลิ ปไ์ ทย ละคร สาระท่ี ๑ การฝึกหัดเบือ้ งตน้ นาฏยศัพทแ์ ละภาษานาฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับท่ีมาความหมาย หลักการปฏิบัติรวมทั้งเห็นคุณค่า ของการ ฝกึ หัดเบอื้ งต้นนาฏยศพั ท์ และภาษานาฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๒ มที ักษะในการปฏบิ ตั ิท่าฝกึ หัดเบ้ืองตน้ นาฏยศพั ท์ และภาษานาฏศิลป์ได้ อยา่ งถกู ต้อง ตามแบบแผน สาระท่ี ๒ ร�ำ มาตรฐาน มีความรคู้ วามเข้าใจ สามารถอธิบายประวัติความเปน็ มาองค์ประกอบ มาตรฐาน ศ ๒.๑ และประโยชน์ของการฝึกปฏิบัติร�ำ มาตรฐาน มาตรฐาน ศ ๒.๒ มีทกั ษะในการปฏบิ ตั ทิ า่ ร�ำ ร�ำ มาตรฐานไดอ้ ยา่ งถูกต้องตามแบบแผน สาระท่ี ๓ ระบ�ำ มาตรฐาน มาตรฐาน ศ ๓.๑ มีความร้คู วามเขา้ ใจ สามารถอธิบายประวตั ิความเป็นมา องค์ประกอบ ของระบ�ำ มาตรฐาน มาตรฐาน ศ ๓.๒ มีทกั ษะในการปฏบิ ัติท่ารำ� ระบำ�มาตรฐานได้อย่างถกู ตอ้ ง ตามแบบแผน สาระที่ ๔ ร�ำ หน้าพาทย์ มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ สามารถอธิบายประวัตคิ วามเปน็ มา องคป์ ระกอบของร�ำ หนา้ พาทย์ มาตรฐาน ศ ๔.๑ มีทักษะในการปฏบิ ตั ทิ ่าร�ำ เพลงหนา้ พาทยไ์ ด้อย่างถูกต้องตามแบบแผน มาตรฐาน ศ ๔.๒ สาระท่ี ๕ ระบ�ำ เบ็ดเตล็ด มาตรฐาน ศ ๕.๑ มคี วามรู้ความเขา้ ใจ สามารถอธบิ ายประวตั คิ วามเป็นมา องคป์ ระกอบของระบำ�เบด็ เตลด็ มาตรฐาน ศ ๕.๒ มที ักษะในการปฏิบตั ทิ า่ ร�ำ ระบำ�เบ็ดเตลด็ ได้อย่างถกู ตอ้ งตามแบบแผน สาระที่ ๖ เพลงปลุกใจ มาตรฐาน ศ ๖.๑ มีความรคู้ วามเข้าใจ สามารถอธิบายประวตั คิ วามเปน็ มา องค์ประกอบของเพลงปลุกใจ มาตรฐาน ศ ๖.๒ มีทักษะในการปฏบิ ตั ทิ ่าร�ำ เพลงปลุกใจ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตามแบบแผน

15 สาระท่ี ๗ อนุรักษ์เผยแพรแ่ ละสืบทอดศิลปวัฒนธรรมไทย มาตรฐาน ศ ๗.๑ เขา้ ใจและเห็นคณุ คา่ นาฏศิลป์ไทย วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์ นาฏศลิ ป์ไทย อยา่ งสร้างสรรค์ ถ่ายทอดความคิดเหน็ ความรู้สึก ความคิดรเิ ร่ิมอย่างอิสระ สามารถนำ�ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ ประจ�ำ วัน เขา้ ใจบทบาทความสัมพันธ์ระหวา่ ง นาฏศิลปไ์ ทยกับประวตั ศิ าสตร์ สงั คมและวัฒนธรรม มาตรฐาน ศ ๗.๒ อนรุ กั ษ์ สืบทอด เผยแพร่ เหน็ คณุ ค่าของนาฏศิลปไ์ ทยอนั เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ และภมู ิปญั ญาไทย รวมทั้งสามารถนำ�ความร้มู าบรู ณาการได้

16 กลุ่มสาระการเรยี นรปู้ ี่พาทย์ สาระที่ ๑ ประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรมของดนตรีไทย มาตรฐาน ศ ๑.๑ เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งดนตรี ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรม เหน็ คุณคา่ ของดนตรี ท่เี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ินและภูมิปญั ญาไทย มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจประวัตทิ ี่มาและประเภทของเครือ่ งดนตรีไทยและการบ�ำ รุงรักษา เครื่องดนตรใี นวงปพี่ าทย์ มาตรฐาน ศ ๑.๓ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดตอ่ ดนตรีไทยอยา่ งอสิ ระ ชนื่ ชม สาระท่ี ๒ การฝึกปฏบิ ตั เิ คร่ืองดนตรตี ามประเภทของเพลง มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจหลกั และวธิ กี ารบรรเลงตามประเภทของเครอื่ งดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจและมีทักษะในการฝกึ ปฏบิ ัตเิ ครอื่ งดนตรี การบรรเลงเพลงประเภทตา่ งๆ ตระหนักและเหน็ คณุ ค่า นำ�มาประยกุ ต์ใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสม สาระท่ี ๓ การบรรเลงดนตรไี ทย มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์เหน็ คุณค่า ของดนตรีไทย ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคิดต่อดนตรีไทยอยา่ งอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจ�ำ วัน มาตรฐาน ศ ๓.๒ อนุรกั ษ์ สืบทอด เผยแพร่ ดนตรีไทยทีเ่ ปน็ มรดกทางศิลปวฒั นธรรมของชาติ เห็นคณุ คา่ ช่ืนชม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น และภมู ปิ ญั ญาไทย

17 กลุม่ สาระการเรยี นรู้เครื่องสายไทย สาระท่ี ๑ ประวัตศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรมของดนตรไี ทย มาตรฐาน ศ ๑.๑ เข้าใจความสมั พันธ์ระหวา่ งดนตรี ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของดนตรี ทีเ่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปัญญาท้องถิน่ และภมู ปิ ญั ญาไทย มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจลกั ษณะและการบำ�รุงรกั ษาเครอ่ื งดนตรีในวงเคร่ืองสายไทย มาตรฐาน ศ ๑.๓ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคดิ ต่อดนตรไี ทยอย่างอิสระชื่นชม สาระท่ี ๒ การฝกึ ปฏิบตั ิเคร่อื งดนตรตี ามประเภทของเพลง มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจหลกั และวิธกี ารบรรเลงตามประเภทของเครื่องดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๒ เขา้ ใจและมที กั ษะในการฝกึ ปฏิบัติเครื่องดนตรี บรรเลงเพลงประเภทตา่ ง ๆ การบันทึกโน้ตเพลงไทย และแสดงออกทางดนตรีไทยอย่างสร้างสรรค์ ตระหนกั และเห็นคุณค่าของดนตรไี ทย ตลอดจนประยุกต์ใชไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสม สาระท่ี ๓ การบรรเลงดนตรไี ทย มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์ เหน็ คุณค่าของดนตรีไทย ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคดิ ต่อดนตรีไทยอยา่ งอิสระ ช่ืนชมและประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจำ�วนั มาตรฐาน ศ ๓.๒ อนรุ กั ษ์ สืบทอด เผยแพร่ ดนตรไี ทย ที่เปน็ มรดกทางศิลปวฒั นธรรมของชาติ เหน็ คุณค่า ชื่นชม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ และภูมปิ ญั ญาไทย

18 กล่มุ สาระการเรยี นรู้คีตศลิ ปไ์ ทย สาระท่ี ๑ ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรมของการขบั ร้องเพลงไทยและดนตรไี ทย มาตรฐาน ศ ๑.๑ เข้าใจความสมั พันธร์ ะหวา่ ง การขบั ร้องเพลงไทย ดนตรีไทย ประวตั ิศาสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คณุ คา่ เพลงร้อง ดนตรี ที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ และภูมิปญั ญาไทย มาตรฐาน ศ ๑.๒ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคดิ ตอ่ การขับร้องเพลงไทย ดนตรไี ทยอยา่ งอสิ ระ ชน่ื ชมเขา้ ใจความสมั พันธ์ ระหว่างการขบั รอ้ งเพลงไทย และวฒั นธรรม สาระท่ี ๒ การฝกึ ปฏิบตั ขิ บั รอ้ งเพลงไทยตามประเภทของเพลง มาตรฐาน ศ ๒.๑ เขา้ ใจหลกั และวิธกี ารขบั ร้องเพลงไทยตามประเภทของเพลง มาตรฐาน ศ ๒.๒ มีทักษะในการขบั ร้องเพลงไทยประเภทตา่ ง ๆ ตระหนักและเห็นคณุ คา่ ตลอดจนประยกุ ต์ใชไ้ ด้อย่างเหมาะสม สาระท่ี ๓ การขับร้องเพลงไทยกับวงดนตรไี ทย มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ และแสดงออกทางการขับร้องอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ เห็นคณุ ค่า ตลอดจนถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคิดตอ่ การขบั รอ้ งเพลงไทย และดนตรไี ทยอยา่ งอสิ ระ ช่ืนชมและประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน มาตรฐาน ศ ๓.๒ อนุรักษ์ สืบทอด เผยแพร่ การขบั ร้องเพลงไทยและดนตรไี ทยทเี่ ปน็ มรดกทาง ศลิ ปวฒั นธรรมของชาติ เหน็ คณุ คา่ ชน่ื ชม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ และภมู ปิ ญั ญาไทย

19 กลุ่มสาระการเรียนรู้ดนตรีสากล สาระท่ี ๑ ประวตั คิ วามเปน็ มา มาตรฐาน ศ ๑.๑ บรรยาย และสร้างมโนทศั น์เกย่ี วกบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดนตรีสากล ประวัติศาสตรค์ วามเป็นมาและวัฒนธรรม อธิบายถงึ คณุ คา่ ของดนตรสี ากล ทเี่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรมตะวนั ตก สาระท่ี ๒ ทฤษฎดี นตรสี ากล มาตรฐาน ศ ๒.๑ เขียน อธบิ าย และปฏบิ ตั ิเก่ียวกบั ทฤษฎีดนตรสี ากล สงั เคราะห์ วเิ คราะห์ พฒั นา และใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างสร้างสรรค์ มาตรฐาน ศ ๒.๒ วเิ คราะห์ อภปิ ราย ความสมั พันธร์ ะหวา่ งดนตรสี ากล แสดงออกทางดนตรสี ากล อยา่ งสร้างสรรค์ สาระท่ี ๓ การฝกึ ปฏิบตั ิเครอื่ งดนตรีสากล มาตรฐาน ศ ๓.๑ อธบิ ายหลัก และวิธกี ารฝึกปฏิบตั ิเคร่ืองดนตรสี ากล มาตรฐาน ศ ๓.๒ ฝึกปฏบิ ตั เิ ครือ่ งดนตรีสากลไดถ้ ูกต้องตามแบบแผนและลกั ษณะของบทเพลง มาตรฐาน ศ ๓.๓ ใชแ้ ละบ�ำ รุงรักษาเครอ่ื งดนตรสี ากล อยา่ งระมดั ระวงั และรบั ผดิ ชอบ สาระที่ ๔ การประยุกต์ บรู ณาการ และเผยแพร่ มาตรฐาน ศ ๔.๑ ประยุกต์ บรู ณาการ และเผยแพรก่ ารบรรเลงดนตรีสากลแบบเด่ียว และรวมวง ตามมาตรฐานของบทเพลง มาตรฐาน ศ ๔.๒ อธิบายมารยาทในการเขา้ ชมการแสดงดนตรีสากล

20 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ีตศลิ ป์สากล สาระท่ี ๑ ประวตั ิความเปน็ มาและทฤษฎีดนตรสี ากล มาตรฐาน ศ ๑.๑ เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหว่างดนตรสี ากล ประวัติศาสตรค์ วามเป็นมาและวฒั นธรรม ชนื่ ชมและเห็นคุณคา่ ของดนตรีสากลท่เี ป็นมรดกทางวัฒนธรรมตะวนั ตก มาตรฐาน ศ ๑.๒ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั ทฤษฎีดนตรีสากล สังเคราะห์ วเิ คราะห์ วิจารณ์ พฒั นา และใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ สาระท่ี ๒ การฝกึ ปฏิบัตกิ ารขับรอ้ งสากลตะวันตก มาตรฐาน ศ ๒.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจหลกั และวิธีการฝึกปฏิบตั ิการขับรอ้ งสากล มาตรฐาน ศ ๒.๒ สามารถฝกึ ปฏบิ ัติการขบั รอ้ งสากลได้ถูกต้องตามแบบแผนและลกั ษณะของบทเพลง มาตรฐาน ศ ๒.๓ สามารถใช้และบำ�รงุ รกั ษาเครอ่ื งดนตรอี ยา่ งระมัดระวังและรับผิดชอบ สาระท่ี ๓ การประยุกต์ บูรณาการ และเผยแพร่ มาตรฐาน ศ ๓.๑ สามารถประยกุ ต์ บรู ณาการ เผยแพร่การขบั ร้องเดี่ยวและรวมวง ตามมาตรฐานของบทเพลง และใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศได้อย่างเหมาะสม มาตรฐาน ศ ๓.๒ การแสดงและการเขา้ ร่วมกจิ กรรมทางดนตรี มาตรฐาน ศ ๓.๓ มารยาทในการเขา้ ชมการแสดงดนตรี-การขับร้องสากล

21 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้นาฏศิลป์สากล สาระที่ ๑ ประวตั คิ วามเปน็ มาและทฤษฎนี าฏศิลปส์ ากล มาตรฐาน ศ ๑.๑ เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหว่างนาฏศิลปส์ ากล ประวัตศิ าสตร์ความเป็นมาและวฒั นธรรม ชน่ื ชมและเห็นคุณค่าของนาฏศลิ ปส์ ากลท่เี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรมตะวันตก มาตรฐาน ศ ๑.๒ มีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับทฤษฎีนาฏศิลปส์ ากล สังเคราะห์ วิเคราะห์ วจิ ารณ์ พฒั นา และใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งสร้างสรรค์ สาระท่ี ๒ การฝึกปฏิบตั นิ าฏศลิ ปส์ ากล มาตรฐาน ศ ๒.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจหลักและวิธกี ารฝึกปฏิบัตนิ าฎศลิ ป์สากล มาตรฐาน ศ ๒.๒ สามารถฝึกปฏบิ ตั นิ าฏศิลปส์ ากลไดถ้ ูกตอ้ งตามแบบแผนหลักสตู ร มาตรฐาน ศ ๒.๓ สถาบนั Royal Academy of Dance ประเทศอังกฤษ สามารถใชแ้ ละดูแลรกั ษาอปุ กรณก์ ารเรียนและการแสดงอยา่ งระมัดระวงั และรบั ผดิ ชอบ สาระที่ ๓ การประยุกต์ บูรณาการ การเผยแพร่ มาตรฐาน ศ ๓.๑ สามารถประยกุ ต์ บูรณาการและเผยแพร่การแสดงนาฏศิลป์สากลทั้งเดีย่ วและหมู่ ตามลกั ษณะของบทเพลง มาตรฐาน ศ ๓.๒ มารยาทในการเข้าชมการแสดงนาฏศิลป์สากล

22 โครงสรา้ งเวลาเรียน ห(ปลกัรับสูตปรรนงุ าพฏุทดธุรศิยกัางรคาชศลิ ๒ป๕์ ร๖ะ๒ด)บั มธั ยมศึกษาตอนต้น สาระการเรียนรู้ เวลาเรียน/ระดบั ชัน้ เรียน รวม ๓ ปี ม.๑ ม.๒ ม.๓ กล่มุ วชิ าพน้ื ฐาน ภาษาไทย ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๓๖๐ (๙ นก.) คณิตศาสตร์ ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ๒๔๐ (๖ นก.) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ๒๔๐ (๖ นก.) สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ๘๐ (๒ นก.) ๒๔๐ (๖ นก. - ประวตั ศิ าสตร์ ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) - ศาสนา ศลี ธรรม จรยิ ธรรม ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) - หน้าทพี่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดำ�เนนิ ชีวติ ในสงั คม ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) - เศรษฐศาสตร์ ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) - ภูมิศาสตร์ ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๔๐ (๑ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) สุขศกึ ษาและพลศึกษา ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๑๒๐ (๓ นก.) ๓๖๐ (๙ นก.) ศิลปะ ๖๐๐ (๑๕ นก.) ๖๐๐ (๑๕ นก.) ๖๐๐ (๑๕ นก.) ๑,๘๐๐ (๔๕ นก.) การงานอาชีพ ภาษาตา่ งประเทศ ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓๖ นก.) รวมเวลาเรียน (กลุม่ วชิ าพ้ืนฐาน) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓๖ นก.) กลุ่มวชิ าชีพ ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓๖ นก.) นาฏศิลป์ไทย โขน ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓๖ นก.) นาฏศลิ ปไ์ ทย ละคร ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓ ๖ นก.) ป่ีพาทย์ ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓๖ นก.) เครอ่ื งสายไทย คีตศลิ ปไ์ ทย ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓๖ นก.) ดนตรีสากล ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓๖ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๔๘๐ (๑๒ นก.) ๑,๔๔๐ (๓๖ นก.) คตี ศลิ ปสากล นาฏศลิ ปส์ ากล รวมเวลาเรยี น (กล่มุ วชิ าชพี ) หมายเหตุ กลุ่มวชิ าชพี นกั เรียนเลือกเรียนสาระการเรียนรู้เพียงสาระเดยี วเทา่ นน้ั

กจิ กรรม 23 รวม ๓ ปี แนะแนว เวลาเรียน/ระดับชัน้ เรยี น ๑๐๕ ลูกเสือ เนตรนารี ม.๑ ม.๒ ม.๓ ๑๐๕ ชมรม/ชุมนมุ ๓๕ ๓๕ ๓๕ ๑๐๕ กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ๓๕ ๓๕ ๓๕ ๔๕ รวมเวลาเรียน ๓๕ ๓๕ ๓๕ (กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น) ๑๕ ๑๕ ๑๕ ๓๖๐ รวมเวลาเรยี นทั้งหมด ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๓,๖๐๐ ช่ัวโมง ๑,๒๐๐ ช่ัวโมง/ปี

24 เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี น ๑. การตดั สินผลการเรยี น การใหร้ ะดับ และรายงานผลการเรยี น ๑.๑ การตดิ สนิ ผลการเรยี น ในการตดั สนิ ผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน้ัน ผู้สอนต้องค�ำนึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนเป็นหลัก และต้องเก็บข้อมูลผู้เรียนทุกด้าน อย่างสม่�ำเสมอ และต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริมผู้เรียนให้พัฒนาจนเต็มศักยภาพ โดยมีเกณฑ์ในการ ตดั สนิ ผลการเรยี น ดังน้ี ๑) ตัดสินผลการเรยี นเปน็ รายวชิ า ผเู้ รียนต้องมเี วลาเรยี นตลอดภาคเรยี นไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของ เวลาเรียนทั้งหมดในรายวชิ าน้ันๆ ๒) ผ้เู รยี นต้องไดร้ บั การประเมนิ ทกุ ตัวชว้ี ดั และผ่านตามเกณฑ์ทวี่ ทิ ยาลัยก�ำหนด ๓) ผเู้ รียนตอ้ งได้รบั การตดั สินผลการเรยี นทุกรายวชิ า ๔) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีวิทยาลัยก�ำหนดในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น การพิจารณาเล่ือนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยและวิทยาลัยพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนา และสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของวิทยาลัยท่ีจะผ่อนผันให้เลื่อนชั้นได้ แต่หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจ�ำนวนมาก และมแี นวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดบั ชั้นทส่ี งู ขึน้ วิทยาลัยอาจตั้งคณะกรรมการพจิ ารณา ใหเ้ รยี นซำ้� ชั้นได้ ทั้งนี้ ใหค้ �ำนงึ ถึง วฒุ ิภาวะและความรคู้ วามสามารถของผู้เรยี นเป็นส�ำคัญ ๑.๒ การให้ระดับผลการเรียน การให้ระดับผลการเรยี นรายวิชา ให้ใชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรียนเปน็ ๘ ระดับ การประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคน์ นั้ ใหร้ ะดับผลการประเมนิ เป็น ดเี ยยี่ ม ดี ผา่ น และไม่ผ่าน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและ ผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่วทิ ยาลัยก�ำหนด และใหผ้ ลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมเป็นผา่ น และไมผ่ ่าน ๑.๓ การรายงานผลการเรยี น การรายงานผลการเรยี นเปน็ การสอื่ สารใหผ้ ปู้ กครอง และผเู้ รยี นทราบความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรู้ ของผเู้ รยี น ซง่ึ วทิ ยาลยั ตอ้ งสรปุ ผลการประเมนิ การจดั ท�ำเอกสารรายงานใหผ้ ปู้ กครองทราบเปน็ ระยะๆ หรอื อยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครง้ั ๒. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา ๑) ผู้เรียน เรียนรายวิชาพ้ืนฐานและวิชาชีพไม่น้อยกว่า ๘๑ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ๔๕ หน่วยกิต และรายวิชาวชิ าชีพ ๓๖ หนว่ ยกิต             ๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๘๑ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน ๔๕ หน่วยกิต และรายวิชาวิชาชีพ ๓๖ หนว่ ยกติ ๓) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ การอา่ น  คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขยี น ในระดบั ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามที่ วทิ ยาลยั ก�ำหนด ๔) ผ้เู รียนมผี ลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคใ์ นระดับผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทีว่ ิทยาลยั ก�ำหนด ๕) ผู้เรยี นเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนและมผี ลการประเมนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามที่วทิ ยาลยั ก�ำหนด

25 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย สาระท่ี ๑ การอา่ น ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรู้ และความคดิ เพ่ือน�ำ ไปใช้ตดั สินใจแกป้ ัญหา ในการด�ำ เนนิ ชีวิต และมนี สิ ยั รกั การอ่าน มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี น เขยี นสอื่ สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอ่ื งราว ในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศ และรายงานการศึกษาคน้ ควา้ สาระท่ี ๒ การเขียน อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ท ๒.๑ สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ยา่ งมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ สาระท่ี ๔ หลักการใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษภ์ าษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ สาระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจ และแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทย อยา่ งเห็นคุณค่า และนำ�มาประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจริง

26 ตวั ชวี้ ัดสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ชน้ั รหสั ตัวชวี้ ดั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๑ ท ๑.๑ ม.๑/๑ ๑. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และ • การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ ท ๑.๑ ม.๑/๒ บทร้อยกรองได้ถูกต้องเหมาะสม ท่ีเปน็ บทบรรยายจากหนังสือเรยี นหรือส่อื อ่ืนๆ ท ๑.๑ ม.๑/๓ กบั เรือ่ งทอี่ า่ น • การอ่านทำ�นองเสนาะบทรอ้ ยกรองประเภทกาพย์ ท ๑.๑ ม.๑/๔ ท ๑.๑ ม.๑/๕ ๒. จบั ใจความส�ำ คญั จากเรอื่ งทอ่ี า่ น • การอ่านจบั ใจความจากวรรณคดแี ละวรรณกรรม ท ๑.๑ ม.๑/๖ ๓. ระบุเหตแุ ละผล ในหนังสือเรียน รวมทง้ั บทเรียน จากกลุ่มสาระ และขอ้ เท็จจรงิ กับขอ้ คิดเหน็ การเรียนรอู้ ่นื ๆ ท ๑.๑ ม.๑/๗ จากเรอ่ื งท่อี า่ น ๔. ระบแุ ละอธบิ ายค�ำ เปรยี บเทยี บ ท ๒.๑ ม.๑/๑ และค�ำ ทีม่ หี ลายความหมาย ท ๒.๑ ม.๑/๒ ในบริบทต่างๆ จากการอ่าน ๕. ตีความคำ�ยากในเอกสาร วชิ าการ โดยพิจารณาจากบรบิ ท ๖. ระบขุ ้อสังเกตและความ สมเหตุสมผลของงานเขียน ประเภทชักจูงโน้มน้าวใจ ๗. วเิ คราะห์คุณคา่ ทไ่ี ด้รับ • การอ่านหนงั สือตามความสนใจ เช่น จากการอา่ นงานเขียนอยา่ ง - หนงั สือที่นักเรียนสนใจและเหมาะสมกับวยั หลากหลาย เพอื่ น�ำ ไปใช้ - หนงั สืออ่านทีค่ รูและนักเรยี นก�ำ หนดรว่ มกัน แกป้ ญั หาในชีวิต ๑. คดั ลายมอื ตัวบรรจง • การคัดลายมือตวั บรรจงครงึ่ บรรทัดตามรปู แบบการ ครง่ึ บรรทัด เขยี นตัวอักษรไทย ๒. เขียนส่อื สารโดยใชถ้ ้อยค�ำ • การเขียนแนะน�ำ ตนเอง หรอื สถานทสี่ ำ�คัญ ถูกตอ้ งชัดเจน เหมาะสม และสละสลวย

27 ชั้น รหัสตวั ชีว้ ัด ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๑ ท ๒.๑ ม.๑/๓ ๓. เขยี นบรรยายประสบการณ์ • การเขยี นเรยี งความบรรยายประสบการณ์ ท ๒.๑ ม.๑/๔ โดยระบุสาระสำ�คญั และ ท ๒.๑ ม.๑/๕ รายละเอยี ดสนับสนุน ท ๒.๑ ม.๑/๖ ๔. เขียนเรียงความ ท ๒.๑ ม.๑/๗ ๕. เขยี นย่อความจากเร่อื งทอี่ า่ น • การเขยี นยอ่ ความจากวรรณคดีและวรรณกรรม ท ๒.๑ ม.๑/๘ ในหนังสอื เรียน หรือสื่อตา่ งๆ ท ๓.๑ ม.๑/๑ ท ๓.๑ ม.๑/๒ ๖. เขยี นแสดงความคดิ เหน็ • การเขยี นแสดงความคดิ เห็น ท ๓.๑ ม.๑/๓ เกีย่ วกบั สาระจากส่ือที่ไดร้ ับ ท ๓.๑ ม.๑/๔ ๗. เขียนจดหมายส่วนตวั • การเขียนจดหมายสว่ นตัวในชีวิตประจ�ำ วนั ท ๓.๑ ม.๑/๕ และจดหมายกิจธุระ • การเขียนจดหมายกจิ ธุระ ท ๔.๑ ม.๑/๑ ๘. เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ • การเขียนรายงานจากการศกึ ษาค้นควา้ และโครงงาน • การเขยี นรายงานโครงงาน ๑. พูดสรปุ ใจความสำ�คัญ • การพูดสรุปความพดู แสดงความคิดเห็นจากเรื่องท่ฟี งั ของเร่อื ง ทฟี่ งั และดู และดู ๒. เลา่ เรอื่ งยอ่ จากเรอื่ งทฟ่ี งั และดู • การพูดประเมินความน่าเชอื่ ถือของสอื่ ที่มเี นอ้ื หา โนม้ น้าวใจ ๓. พูดแสดงความคิดเห็น อยา่ งสรา้ งสรรค์ เก่ียวกบั เร่ือง ทฟ่ี ังและดู ๔. ประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ของส่อื ท่ีมีเน้อื หาโนม้ นา้ วใจ ๕. พูดรายงานเรื่องหรือประเด็น • การพูดรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า ที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ๑. อธิบายลักษณะของเสียง • เสยี งในภาษาไทย ในภาษาไทย

28 ช้นั รหัสตัวชว้ี ดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๑ ท ๔.๑ ม.๑/๒ ๒. สร้างคำ�ในภาษาไทย • การสรา้ งค�ำ - ค�ำประสม ค�ำซำ�้ ค�ำซ้อน ท ๔.๑ ม.๑/๓ ๓. วเิ คราะหช์ นดิ และหนา้ ทข่ี องค�ำ • ชนดิ และหนา้ ทีข่ องค�ำ ในประโยค ท ๔.๑ ม.๑/๔ ๔. วเิ คราะห์ความแตกต่าง • ระดับภาษา ของภาษาพูดและภาษาเขียน ท ๔.๑ ม.๑/๕ ๕. แตง่ บทรอ้ ยกรอง • หลักการแต่งกาพยย์ านี ๑๑ และกาพย์ ฉบบั ๑๖ ท ๔.๑ ม.๑/๖ ๖. จำ�แนกและใชส้ ำ�นวน • ส�ำ นวนไทยทเี่ ปน็ คำ�พังเพยและสุภาษติ ทเี่ ป็นคำ�พงั เพยและสภุ าษติ ท ๕.๑ ม.๑/๑ ๑. สรุปเนอ้ื หาวรรณคดี และ • การวเิ คราะห์คุณค่าและข้อคดิ จากวรรณคดี ท ๕.๑ ม.๑/๒ วรรณกรรมท่ีอา่ น ประเภทกาพย์ รวมทง้ั วรรณคดแี ละวรรณกรรมทมี่ เี นอื้ หา ๒. วเิ คราะห์วรรณคดีและ เก่ียวกบั ท ๕.๑ ม.๑/๓ วรรณกรรม ท่อี า่ นพร้อมยก - บันทึกการเดนิ ทาง ท ๕.๑ ม.๑/๔ เหตุผลประกอบ - วรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ของตน ๓. อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดี - เรอ่ื งสั้น และวรรณกรรมทอี่ ่าน - สารคดี ๔. สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ • บทอาขยานและหนังสืออ่านนอกเวลา จากการอ่านเพือ่ ประยกุ ตใ์ ช้ ในชวี ิตจรงิ ท ๕.๑ ม.๑/๕ ๕. ทอ่ งจำ�บทอาขยานตามที่ ก�ำ หนดและบทรอ้ ยกรองทม่ี คี ณุ คา่ ตามความสนใจ

29 รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๑ ค�ำ อธิบายรายวชิ า ช่ือรายวชิ าภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา ๖๐ ช่วั โมง จำ�นวน ๑.๕ หนว่ ยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อ่านออกเสียงร้อยแก้ว ร้อยกรอง จับใจความส�ำคัญ ระบุเหตุผล และข้อเท็จจริง อธิบาย ข้อสังเกต และ ความสมเหตสุ มผลจากเรอื่ งท่ีอ่าน ตคี วามค�ำยากในเอกสาร ปฏบิ ตั ิตามค่มู ือ วเิ คราะหค์ ุณค่าจากเร่ืองทีอ่ ่านและมมี ารยาท ในการอา่ น คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด เขียนสื่อสาร เขียนบรรยายประสบการณ์ เขียนเรียงความ เขียนย่อความ จากเรื่องท่ีอ่าน เขียนแสดงความคดิ เขียนจดหมายส่วนตัวและจดหมายกจิ ธรุ ะ เขียนรายงานการศึกษาคน้ คว้าและโครงงาน โดยใชถ้ ้อยค�ำถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม และสละสลวย และมารยาทในการเขยี น พูดสรุปใจความส�ำคัญ พูดแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ การพูดรายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีศึกษาค้นคว้า เลา่ เรอื่ งยอ่ จากเรอื่ งทฟ่ี งั และดู ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของสอ่ื ทมี่ เี นอ้ื หาโนม้ นา้ วใจ และมมี ารยาท ในการฟงั การดู และการพดู อธิบายลกั ษณะของเสยี ง และสร้างค�ำในภาษาไทย วิเคราะห์ชนดิ และหนา้ ทข่ี องค�ำในประโยคและความแตกตา่ ง ของภาษาพูดและภาษาเขยี น จ�ำแนกและใชส้ �ำนวนท่เี ปน็ ค�ำพังเพยและสุภาษติ และแตง่ บทร้อยกรอง อธิบาย วิเคราะห์ สรุปคุณค่าเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านเพ่ือประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง พร้อมยกเหตุผล ประกอบ ทอ่ งจ�ำบทอาขยาน ตามก�ำหนด และบทร้อยกรองที่มคี ณุ ค่าตามความสนใจ ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยผู้เรียนสามารถใช้ความสามารถในการคิดการแก้ปัญหาและ ทักษะทางภาษาไทยในการส่ือสารมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน มีมารยาทในการใช้ภาษาไทย และมีเจตคติท่ีดีกับภาษาไทย ซงึ่ เป็นภาษาทีเ่ ป็นเอกลกั ษณ์ของชาติ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด ท. ๑.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ท. ๒.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ท. ๓.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ท. ๔.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ท. ๕.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ รวม ๕ มาตรฐาน ๓๕ ตัวชว้ี ัด

30 รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ ค�ำ อธบิ ายรายวชิ า ช่อื รายวิชาภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง จำ�นวน ๑.๕ หน่วยกติ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อ่านออกเสียงร้อยแก้ว ร้อยกรอง จับใจความส�ำคัญ ระบุเหตุผล และข้อเท็จจริง อธิบาย ข้อสังเกต และ ความสมเหตสุ มผลจากเรือ่ งท่อี ่าน ตีความค�ำยากในเอกสาร ปฏบิ ัตติ ามคมู่ อื วเิ คราะหค์ ณุ ค่าจากเร่อื งทอ่ี ่านและมมี ารยาท ในการอา่ น คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด เขียนส่ือสารเขียนบรรยายประสบการณ์ เขียนเรียงความ เขียนย่อความ จากเรือ่ งที่อา่ น เขียนแสดงความคดิ เขียนจดหมายสว่ นตัวและจดหมายกจิ ธรุ ะ เขยี นรายงานการศึกษาคน้ คว้าและโครงงาน โดยใช้ถอ้ ยค�ำถกู ตอ้ ง ชดั เจน เหมาะสม และสละสลวย และมารยาทในการเขยี น พดู สรุปใจความส�ำคญั พดู แสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ การพูดรายงานเรอื่ งหรอื ประเด็นท่ศี กึ ษาค้นคว้า เลา่ เร่ืองยอ่ จากเรื่องทฟ่ี ังและดู ประเมินความน่าเชือ่ ถอื ของส่ือที่มเี น้ือหาโน้มน้าวใจ และมมี ารยาท ในการฟงั การดู และ การพูด อธิบายลักษณะของเสียง และสร้างค�ำในภาษาไทย วิเคราะห์ชนดิ และหนา้ ที่ของค�ำในประโยคและความแตกต่าง ของภาษาพูดและภาษาเขียน จ�ำแนกและใชส้ �ำนวนทเ่ี ปน็ ค�ำพงั เพยและสภุ าษิต และแต่งบทร้อยกรอง อธิบาย วิเคราะห์ สรุปคุณค่าเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง พร้อมยกเหตุผล ประกอบ ทอ่ งจ�ำบทอาขยาน ตามก�ำหนด และบทรอ้ ยกรองทม่ี คี ณุ ค่าตามความสนใจ ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยผู้เรียนสามารถใช้ความสามารถในการคิดการแก้ปัญหาและ ทักษะทางภาษาไทยในการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวัน มีมารยาทในการใช้ภาษาไทย และมีเจตคติที่ดีกับ ภาษาไทยซงึ่ เปน็ ภาษาท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ของชาติ มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ดั ท. ๑.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ท. ๒.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ ม.๑/๙ ท. ๓.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ท. ๔.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ท. ๕.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ รวม ๕ มาตรฐาน ๓๕ ตวั ชว้ี ัด

31 ตัวชีว้ ัดสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ชัน้ รหสั ตวั ชว้ี ดั ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ม.๒ ท ๑.๑ ม.๒/๑ ๑. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และ • การอา่ นออกเสียงร้อยแกว้ ที่เปน็ บทพรรณนา บทรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ ง จากหนงั สือเรียน หรือสือ่ อ่ืนๆ • การอ่านทำ�นองเสนาะบทรอ้ ยกรองประเภทกลอน ท ๑.๑ ม.๒/๒ ๒. จับใจความส�ำ คัญสรุปความ • การอา่ นจับใจความจากวรรณคดแี ละวรรณกรรม และอธบิ ายรายละเอยี ดจากเรอ่ื ง ในหนังสือเรยี น รวมทงั้ บทเรยี นจากกลมุ่ สาระ ที่อา่ น การเรยี นร้อู ่นื ๆ ท ๑.๑ ม.๒/๓ ๓. เขียนผังความคดิ เพ่อื แสดง ความเข้าใจในบทเรยี นต่างๆ ท่ีอ่าน ท ๑.๑ ม.๒/๔ ๔. อภิปรายแสดงความคิดเห็น และขอ้ โตแ้ ย้งเกีย่ วกบั เรอื่ งทอ่ี า่ น ท ๑.๑ ม.๒/๕ ๕. วเิ คราะห์และจ�ำ แนก ข้อเท็จจรงิ ข้อมูลสนบั สนุน และ ขอ้ คิดเหน็ จากบทความทอ่ี ่าน ท ๑.๑ ม.๒/๖ ๖. ระบขุ อ้ สงั เกตการชวนเชอ่ื การ โน้มน้าว หรือความสมเหตุสมผล ของงานเขยี น ท ๑.๑ ม.๒/๗ ๗. อ่านหนังสอื บทความ หรอื • การอ่านตามความสนใจ เชน่ ค�ำ ประพนั ธอ์ ยา่ งหลากหลาย และ - หนงั สืออ่านนอกเวลา ประเมินคุณค่าหรือแนวคิดที่ได้ - หนงั สอื ทนี่ กั เรยี นสนใจและเหมาะสมกบั วัย จากการอา่ น เพอ่ื น�ำ ไปใชแ้ กป้ ญั หา - หนังสืออ่านทคี่ รแู ละนกั เรียนก�ำ หนดร่วมกนั ในชีวติ ท ๒.๑ ม.๒/๑ ๑. เขยี นบรรยายและพรรณนา • การเขียนเรียงความที่มีบรรยายโวหารและพรรณนา ท ๒.๑ ม.๒/๒ ๒. เขียนเรียงความ โวหาร

32 ช้นั รหสั ตัวช้วี ดั ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๒ ท ๒.๑ ม.๒/๓ ๓. เขียนยอ่ ความ • การเขียนยอ่ ความจากวรรณคดแี ละวรรณกรรม ท ๒.๑ ม.๒/๔ ในหนงั สอื เรยี น และส่อื ต่างๆ ท ๒.๑ ม.๒/๕ ๔. เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ • การเขียนจดหมายกิจธุระในชีวติ ประจำ�วนั - จดหมายเชญิ วิทยากร ท ๓.๑ ม.๒/๑ - จดหมายขอบคุณวทิ ยากร ท ๓.๑ ม.๒/๒ ๕. เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ และ • การเขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ท ๓.๑ ม.๒/๓ แสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือ ความคิดเห็น หรอื โต้แย้งจากวรรณคดี และวรรณกรรม โตแ้ ยง้ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ นอยา่ งมเี หตผุ ล ในหนังสอื เรยี น หรอื ส่อื ตา่ งๆ ท ๓.๑ ม.๒/๔ ๑. พดู สรปุ ใจความส�ำ คญั ของเรอื่ ง • การพูดสรปุ ความ พดู วิเคราะห์ และวิจารณ์ ท ๔.๑ ม.๒/๑ ท่ฟี ังและดู พดู แสดงความรสู้ กึ และความคดิ เหน็ จากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู ท ๔.๑ ม.๒/๒ ๒. วเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คดิ เหน็ และความน่าเชื่อถือ ของข่าวสาร ท ๔.๑ ม.๒/๓ จากส่อื ต่างๆ ท ๔.๑ ม.๒/๔ ๓. วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณเ์ รอื่ งทฟ่ี งั และดูอย่างมีเหตุผลเพ่ือนำ�ข้อคิด มาประยุกตใ์ ช้ในการดำ�เนินชวี ติ ๔. พูดในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตาม • การพูดในโอกาสตา่ งๆ เช่น วัตถปุ ระสงค์ - การพูดอวยพร - การพูดโฆษณา ๑. สรา้ งค�ำ ในภาษาไทย • การสรา้ งคำ�สมาส ๒. วิเคราะห์โครงสร้างประโยค • ลกั ษณะของประโยคในภาษาไทย สามัญประโยครวม และประโยค - ประโยคสามัญ ซอ้ น - ประโยครวม - ประโยคซอ้ น ๓. แต่งบทร้อยกรอง • หลกั การแตง่ กลอนสภุ าพ กลอนดอกสรอ้ ย กลอนสกั วา ๔. ใชค้ �ำ ราชาศัพท์ • ค�ำ ราชาศัพท์และค�ำ สภุ าพ

33 ชั้น รหสั ตัวชี้วัด ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ม.๒ ท ๔.๑ ม.๒/๕ ๕. รวบรวมและอธิบาย • ค�ำ ที่มาจากภาษาตา่ งประเทศ ท ๕.๑ ม.๒/๑ ความหมายของคำ�ภาษา ท ๕.๑ ม.๒/๒ ตา่ งประเทศท่ีใชใ้ นภาษาไทย ท ๕.๑ ม.๒/๓ ๑. สรปุ เน้ือหาวรรณคดีและ ท ๕.๑ ม.๒/๔ วรรณกรรมทอ่ี า่ นในระดบั ทยี่ ากขนึ้ ท ๕.๑ ม.๒/๕ ๒. วิเคราะห์และวิจารณว์ รรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรม ทอ้ งถน่ิ ท่อี ่าน พรอ้ มยกเหตุผล ประกอบ ๓. อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดี และวรรณกรรมท่อี า่ น ๔. สรุปความรูแ้ ละข้อคดิ จากการ อ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ ๕. ท่องจำ�บทอาขยานตามท่ี กำ�หนด และบทรอ้ ยกรองท่มี ี คุณค่าตามความสนใจ

34 รหสั วิชา ท ๒๒๑๐๑ คำ�อธิบายรายวชิ า ชื่อรายวิชาภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จ�ำ นวน ๑.๕ หนว่ ยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรอง บทความหรอื คำ�ประพันธ์ ประเมนิ คุณค่าแนวคิดท่ไี ดจ้ าก การอ่าน อย่างหลากหลาย จับใจความสำ�คัญ วเิ คราะห์ จ�ำ แนกข้อเท็จจรงิ อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ และ ข้อโตแ้ ย้ง ระบุขอ้ สงั เกต การชวนเช่อื การโน้มน้าว เขยี นผังความคิดเพอ่ื แสดงความเขา้ ใจในบทเรยี น มีมารยาทในการอ่าน คัดลายมือตัวบรรจง เขียนบรรยายและพรรณนา เขยี นเรยี งความ เขยี นย่อความ เขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ การเขยี นวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ และแสดงความรคู้ วามคดิ เหน็ หรอื ขอ้ โตแ้ ยง้ ในเรอื่ งทอ่ี า่ นอยา่ งมเี หตผุ ล และ มารยาทในการเขียน พูดสรุปใจความสำ�คัญของเรื่อง พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้า พูดในโอกาสต่างๆได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ วิเคราะห์และวิจารณ์ข้อเท็จจริงข้อคิดเห็นและความน่าเชื่อถือ อย่างมีเหตุผลเพ่ือนำ�ข้อคิดมาประยุกต์ ในการดำ�เนินชีวิต และมมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด การสร้างค�ำสมาส แต่งบทรอ้ ยกรอง วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซ้อน การใช้ ค�ำราชาศัพท์ และอธบิ ายความหมายของค�ำภาษาตา่ งประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย อธิบายคุณค่าวิเคราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ท่อี ่าน สรปุ เน้อื หา ความร้ขู อ้ คิด จากวรรณคดี วรรณกรรมท่ีอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่องจ�ำบทอาขยานตามก�ำหนด และบทร้อยกรองท่ีมีคุณค่า ตามความสนใจ ปลกู ฝงั ใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยผเู้ รยี นสามารถใชก้ ารคดิ การแกป้ ญั หาและทกั ษะทางภาษาไทย ในการสือ่ สารมาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�ำวัน มมี ารยาทในการใชภ้ าษาไทยและมีเจตคตทิ ีด่ ีกับภาษาไทยซึง่ เป็นภาษาทีเ่ ป็น เอกลักษณ์ของชาติ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด ท ๑.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ท ๒.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ท ๓.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ท ๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ท ๕.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ รวม ๕ มาตรฐาน ๓๒ ตวั ชีว้ ดั

35 รหัสวิชา ท ๒๒๑๐๒ ค�ำ อธบิ ายรายวชิ า ช่อื รายวิชาภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จ�ำ นวน ๑.๕ หนว่ ยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง บทความหรือคำ�ประพันธ์ ประเมินคุณค่าแนวคิดท่ีได้จาก การอ่าน อยา่ งหลากหลาย จบั ใจความสำ�คัญ วเิ คราะห์ จ�ำ แนกข้อเทจ็ จรงิ อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ และขอ้ โต้แย้ง ระบุขอ้ สงั เกต การชวนเช่อื การโนม้ น้าว เขียนผังความคิดเพือ่ แสดงความเขา้ ใจในบทเรียน มีมารยาทในการอ่าน คดั ลายมอื ตวั บรรจง เขยี นบรรยายและพรรณนา เขียนเรยี งความ เขยี นยอ่ ความ เขยี นรายงานการศกึ ษาคน้ คว้า เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ การเขยี นวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ และแสดงความรคู้ วามคดิ เหน็ หรอื ขอ้ โตแ้ ยง้ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ นอยา่ งมเี หตผุ ล และ มารยาทในการเขยี น พูดสรุปใจความสำ�คัญของเรื่อง พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้า พูดในโอกาสต่างๆได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ วิเคราะห์และวิจารณ์ข้อเท็จจริงข้อคิดเห็นและความน่าเชื่อถือ อย่างมีเหตุผลเพ่ือนำ�ข้อคิดมาประยุกต์ ในการด�ำ เนินชวี ิต และมมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด การสร้างคำ�สมาส แต่งบทร้อยกรอง วิเคราะห์โครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน การใช้ คำ�ราชาศัพท์ และอธิบายความหมายของค�ำ ภาษาต่างประเทศท่ใี ช้ในภาษาไทย อธบิ ายคณุ ค่าวเิ คราะห์และวิจารณว์ รรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ที่อ่าน สรปุ เนอื้ หา ความรขู้ ้อคดิ จากวรรณคดี วรรณกรรมท่ีอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่องจำ�บทอาขยานตามกำ�หนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่า ตามความสนใจ ปลกู ฝงั ใหผ้ เู้ รยี นมคี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยผเู้ รยี นสามารถใชก้ ารคดิ การแกป้ ญั หาและทกั ษะทางภาษาไทย ในการส่ือสารมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน มีมารยาทในการใช้ภาษาไทยและมีเจตคติท่ีดีกับภาษาไทยซึ่งเป็นภาษาท่ีเป็น เอกลกั ษณ์ของชาติ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ท ๒.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ม.๒/๗ ม.๒/๘ ท ๓.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ม.๒/๖ ท ๔.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ท ๕.๑ ม.๒/๑ ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ รวม ๕ มาตรฐาน ๓๒ ตัวชวี้ ัด

36 ตวั ชี้วัดสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ช้ัน รหสั ตวั ช้วี ัด ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.๓ ท ๑.๑ ม.๓/๑ ๑. อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้ว • การอา่ นออกเสยี งร้อยแกว้ ทีเ่ ปน็ บทบรรยายและ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้อง และ พรรณนาจากหนังสือเรียน หรอื สอ่ื อ่นื ๆ เหมาะสมกบั เร่อื งท่อี ่าน • การอ่านทำ�นองเสนาะบทร้อยกรองประเภท โคลงสี่สุภาพ ท ๑.๑ ม.๓/๒ ๒. ระบคุ วามแตกตา่ งของคำ� • การอ่านจับใจความจากวรรณคดแี ละวรรณกรรม ท่ีมีความหมายโดยตรงและความ ในหนังสอื เรียน รวมท้งั บทเรยี นจากกลมุ่ สาระ หมายโดยนยั การเรยี นรู้อนื่ ๆ ท ๑.๑ ม.๓/๓ ๓. ระบใุ จความส�ำ คญั และ รายละเอยี ดของขอ้ มลู ทส่ี นบั สนนุ จากเร่ืองทีอ่ า่ น ท ๑.๑ ม.๓/๔ ๔. อา่ นเรอ่ื งตา่ งๆ แลว้ เขยี นกรอบ แนวคิด ผังความคดิ บันทกึ ยอ่ ความและรายงาน ท ๑.๑ ม.๓/๕ ๕. วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรอื่ งทอี่ า่ น โดยใชก้ ลวธิ กี ารเปรยี บ เทยี บเพือ่ ให้ ผู้อา่ นเขา้ ใจไดด้ ขี ้นึ ท ๑.๑ ม.๓/๖ ๖. ประเมนิ ความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู ทใ่ี ช้สนบั สนนุ ในเรอ่ื งที่อา่ น ท ๑.๑ ม.๓/๗ ๗. วิจารณค์ วามสมเหตุสมผล การลำ�ดับความ และความเปน็ ไป ได้ของเรอ่ื ง ท ๑.๑ ม.๓/๘ ๘. วิเคราะห์เพ่ือแสดงความคิด เหน็ โต้แยง้ เก่ียวกบั เรอื่ งทอ่ี ่าน

37 ชั้น รหสั ตัวชว้ี ัด ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ม.๓ ท ๑.๑ ม.๓/๙ ๙. ตีความและประเมินคุณค่า • การอ่านตามความสนใจ เช่น ท ๒.๑ ม.๓/๑ แนวคดิ ทไี่ ดจ้ ากงานเขยี น - หนงั สืออ่านนอกเวลา ท ๒.๑ ม.๓/๒ อยา่ งหลากหลายเพอื่ น�ำ ไปใช้ - หนังสืออ่านตามความสนใจและตามวัยของนักเรยี น ท ๒.๑ ม.๓/๓ แกป้ ัญหาในชีวิต - หนงั สืออ่านทีค่ รแู ละนักเรียนร่วมกนั กำ�หนด ท ๒.๑ ม.๓/๔ ๑. เขยี นขอ้ ความโดยใชถ้ ้อยค�ำ • การเขยี นคำ�อวยพร ค�ำ ขวัญและโฆษณา ท ๒.๑ ม.๓/๕ ไดถ้ ูกต้องตามระดับภาษา ท ๒.๑ ม.๓/๖ ๒. เขียนย่อความ • การเขียนยอ่ ความจากวรรณคดแี ละวรรณกรรม ท ๓.๑ ม.๓/๑ ในหนังสือเรียน หรือส่ือต่างๆ ๓. เขยี นจดหมายกจิ ธุระ • การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะในชวี ิตประจ�ำ วนั - จดหมายเชญิ - จดหมายขอความอนเุ คราะห์ - จดหมายแสดงความขอบคุณ ๔. เขียนอธบิ าย ช้ีแจง • การเขียนอธบิ าย ชี้แจง แสดงความคิดเหน็ แสดงความคิดเหน็ และโตแ้ ยง้ และโต้แยง้ ในเรือ่ งต่างๆ อย่างมเี หตผุ ล • การเขยี นวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ ๕. เขียนวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และ เหน็ หรือโต้แย้งจากสอื่ ตา่ งๆ เชน่ แสดงความรู้ ความคดิ เห็น หรอื - บทโฆษณา โต้แย้ง ในเรื่องตา่ งๆ - บทความทางวชิ าการ ๖. กรอกแบบสมคั รงาน • การกรอกแบบสมคั รงาน พร้อมเขยี นบรรยายเก่ยี วกับ ความรู้ และทักษะของตนเองที่ เหมาะสมกบั งาน ๑. แสดงความคดิ เหน็ และประเมนิ • การพูดแสดงความคิดเห็น พูดวิเคราะห์ วิจารณ์และ เรื่องจากการฟังและการดู ประเมินค่าจากเรอ่ื งท่ฟี งั และดู

38 ช้นั รหสั ตวั ช้วี ดั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๓ ท ๓.๑ ม.๓/๒ ๒. วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณเ์ รอ่ื งทฟ่ี งั ท ๓.๑ ม.๓/๓ และดู เพอ่ื น�ำ ขอ้ คดิ มาประยกุ ตใ์ ช้ ในการดำ�เนินชวี ิต ท ๓.๑ ม.๓/๔ ท ๓.๑ ม.๓/๕ ๓. พดู รายงานเร่อื งหรือประเด็น • การพูดรายงานการศกึ ษาค้นคว้า ทศ่ี ึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู ท ๔.๑ ม.๓/๑ และการสนทนา ท ๔.๑ ม.๓/๒ ท ๔.๑ ม.๓/๓ ๔. พดู ในโอกาสต่างๆ ได้ตรง • การพดู ในโอกาสตา่ งๆ เชน่ ท ๔.๑ ม.๓/๔ ตามวตั ถปุ ระสงค์ - การอภิปราย ท ๔.๑ ม.๓/๕ ๕. พูดโนม้ นา้ วโดยนำ�เสนอ - การพดู โนม้ น้าวใจ ท ๔.๑ ม.๓/๖ หลักฐานตามล�ำ ดับเนอ้ื หาอย่าง ท ๕.๑ ม.๓/๑ มเี หตุผล และน่าเชอ่ื ถอื ท ๕.๑ ม.๓/๒ ๑. จำ�แนกและใช้คำ�ภาษา • คำ�ที่มาจากภาษาตา่ งประเทศ การสรา้ งค�ำ สมาส ตา่ งประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย ๒. วิเคราะห์โครงสร้างประโยค • ประโยคซับซอ้ น ซับซอ้ น ๓. วิเคราะห์ระดับภาษา • ระดบั ภาษา ๔. ใชค้ �ำ ทับศพั ท์และศพั ทบ์ ญั ญัติ • คำ�ทับศัพท์ ๕. อธบิ ายความหมายค�ำ ศพั ทท์ าง • ค�ำ ศัพทบ์ ัญญตั ิ วชิ าการและวิชาชพี • ค�ำ ศัพท์ทางวชิ าการและวิชาชีพ ๖. แต่งบทร้อยกรอง • หลักการแต่งโคลงสส่ี ุภาพ ๑. สรปุ เนอื้ หาวรรณคดี วรรณกรรม • การวเิ คราะห์คณุ ค่าและขอ้ คิดจากวรรณคดปี ระเภท และวรรณกรรมท้องถ่ินในระดับ โคลงสสี่ ภุ าพ รวมทง้ั วรรณคดี และวรรณกรรมทม่ี เี นอื้ หา ท่ยี ากย่งิ ขนึ้ เก่ยี วกบั ๒. วิเคราะหว์ ถิ ีไทยและคุณคา่ - คำ�สอนและประวตั ิศาสตร์ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม - วรรณกรรมอาเซยี น ท่อี า่ น - เรื่องสนั้ - สารคดี

39 ชัน้ รหัสตวั ชว้ี ดั ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ม.๓ ท ๕.๑ ม.๓/๓ ๓. สรุปความรู้และข้อคิดจาก • บทอาขยานและหนงั สืออ่านนอกเวลา ท ๕.๑ ม.๓/๔ การอ่าน เพื่อน�ำ ไปประยกุ ตใ์ ช้ใน ชวี ติ จรงิ ๔. ทอ่ งจ�ำ และบอกคุณคา่ บทอาขยานตามทก่ี �ำ หนด และบท รอ้ ยกรองทีม่ คี ณุ คา่ ตาม ความสนใจ และนำ�ไปใชอ้ ้างองิ

40 รหสั วิชา ท ๒๓๑๐๑ คำ�อธิบายรายวชิ า ช่ือรายวชิ าภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จ�ำ นวน ๑.๕ หน่วยกติ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อ่านเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง เร่ืองต่างๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และ รายงาน ระบุความส�ำคัญและรายละเอียดของข้อมูล ความแตกต่างของค�ำที่มีความหมายโดยตรงและความหมาย โดยนัยไดถ้ กู ต้องและเหมาะสมกับเรอ่ื งทีอ่ า่ น วเิ คราะห์ วิจารณค์ วามสมเหตุสมผล เพอื่ แสดงความคิดเหน็ โต้แย้ง เกย่ี วกบั เรอ่ื งท่อี ่าน ตีความ ประเมินคณุ ค่าแนวคิดทไ่ี ดจ้ ากงานเขยี น เพ่อื น�ำไปใชแ้ ก้ปญั หาในชวี ติ และมีมารยาทในการอ่าน คัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทัด เขียนชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติ ย่อความ จดหมายกิจธุระอธิบาย ชี้แจง แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ รายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน กรอกแบบ สมัครงาน โดยใชถ้ ้อยค�ำไดถ้ ูกตอ้ งตามระดับภาษา พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นท่ีศึกษาค้นคว้าแสดงความคิดเห็นโน้มน้าวโดยน�ำเสนอหลักฐานตามล�ำดับเนื้อหาได้ ตรงตามวัตถุประสงค์ วิเคราะห์ และวิจารณ์เรื่องที่ฟังและดูเพื่อน�ำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ในการด�ำเนินชีวิต และมารยาท ในการฟัง การดู และการพูด อธบิ ายความหมายค�ำศพั ทท์ างวิชาการและวิชาชพี จ�ำแนกและใชค้ �ำภาษาตา่ งประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทยวิเคราะห์ โครงสร้างประโยคซับซ้อน ระดบั ภาษา ค�ำทับศัพท์และศัพทบ์ ญั ญตั ิ และแตง่ บทร้อยกรอง สรปุ เน้ือหาวรรณคดี วรรณกรรม ความรูแ้ ละข้อคิดจากการอา่ นเพ่อื น�ำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจรงิ วิเคราะหว์ ถิ ไี ทย ทอ่ งจ�ำและบอกคณุ คา่ บทอาขยานตามทก่ี �ำหนด และบทรอ้ ยกรองทม่ี คี ณุ คา่ ตามความสนใจและน�ำไปใชอ้ า้ งองิ ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยผู้เรียนสามารถใช้ความสามารถในการคิด การแก้ปัญหาและ ทกั ษะทางภาษาไทยในการสอ่ื สารมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวนั มมี ารยาทในการใชภ้ าษาไทยและมเี จตคตทิ ดี่ กี บั ภาษาไทย ซึ่งเปน็ ภาษาท่ีเป็นเอกลักษณข์ องชาติ มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙ ท ๒.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙ ท ๓.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ท ๔.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ท ๕.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ รวม ๕ มาตรฐาน ๓๔ ตัวชีว้ ดั

41 รหัสวชิ า ท ๒๓๑๐๒ ค�ำ อธิบายรายวชิ า ชอื่ รายวชิ าภาษาไทย กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง จำ�นวน ๑.๕ หนว่ ยกิต …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… อ่านเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง เร่ืองต่างๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด บันทึก ย่อความ และ รายงาน ระบุความส�ำคัญและรายละเอียดของข้อมูล ความแตกต่างของค�ำที่มีความหมายโดยตรงและความหมาย โดยนยั ไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสมกับเรื่องทอ่ี า่ น วิเคราะห์ วจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผล เพื่อแสดงความคดิ เหน็ โต้แยง้ เก่ียวกับ เร่ืองท่อี า่ น ตีความ ประเมินคณุ ค่าแนวคิดทีไ่ ด้จากงานเขียน เพือ่ น�ำไปใช้แก้ปัญหาในชวี ิต และมีมารยาทในการอ่าน คัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทัด เขียนชีวประวัติหรืออัตชีวประวัติ ย่อความ จดหมายกิจธุระอธิบาย ชี้แจง แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วจิ ารณแ์ ละแสดงความรู้ รายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน กรอกแบบสมคั รงานโดยใช้ ถ้อยค�ำไดถ้ กู ต้องตามระดับภาษา พูดรายงานเร่ืองหรือประเด็นท่ีศึกษาค้นคว้าแสดงความคิดเห็นโน้มน้าวโดยน�ำเสนอหลักฐานตามล�ำดับเน้ือหาได้ ตรงตามวัตถุประสงค์ วิเคราะห์และวิจารณ์เร่ืองท่ีฟังและดูเพ่ือน�ำข้อคิดมาประยุกต์ใช้ในการด�ำเนินชีวิต และมารยาท ในการฟัง การดู และการพดู อธบิ ายความหมายค�ำศพั ทท์ างวชิ าการและวชิ าชพี จ�ำแนกและใชค้ �ำภาษาตา่ งประเทศทใี่ ชใ้ นภาษาไทยวเิ คราะห์ โครงสรา้ งประโยคซับซอ้ น ระดบั ภาษา ค�ำทบั ศพั ท์และศัพท์บัญญัติ และแต่งบทร้อยกรอง สรปุ เนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรม ความร้แู ละข้อคดิ จากการอา่ นเพือ่ น�ำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจรงิ วเิ คราะหว์ ถิ ไี ทย ทอ่ งจ�ำและบอกคณุ คา่ บทอาขยานตามทก่ี �ำหนดและบทรอ้ ยกรองทมี่ คี ณุ คา่ ตามความสนใจและน�ำไปใชอ้ า้ งองิ ปลูกฝังให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยผู้เรียนสามารถใช้ความสามารถในการคิด การแก้ปัญหาและ ทกั ษะทางภาษาไทยในการสอ่ื สารมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจ�ำวนั มมี ารยาทในการใชภ้ าษาไทยและมเี จตคตทิ ดี่ กี บั ภาษาไทย ซงึ่ เปน็ ภาษาท่เี ปน็ เอกลักษณ์ของชาติ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั ท ๑.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙ ท ๒.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ม.๓/๗ ม.๓/๘ ม.๓/๙ ท ๓.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ท ๔.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ ม.๓/๕ ม.๓/๖ ท ๕.๑ ม.๓/๑ ม.๓/๒ ม.๓/๓ ม.๓/๔ รวม ๕ มาตรฐาน ๓๔ ตัวชี้วัด

42 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ สาระที่ ๑ จำ�นวนและพชี คณิต มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ�ำ นวน ระบบจ�ำ นวน การด�ำ เนินการของจำ�นวน ผลท่เี กดิ ขึน้ จากการด�ำ เนินการ สมบตั ขิ องการด�ำ เนนิ การและนำ�ไปใช้ มาตรฐาน ค ๑.๒ เขา้ ใจและวิเคราะห์แบบรปู ความสัมพันธ์ ฟังก์ชนั ล�ำ ดับและอนุกรม และนำ�ไปใช ้ มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ พิ จน์ สมการ และอสมการ อธบิ ายความสัมพนั ธห์ รอื ช่วยแก้ปัญหาทกี่ �ำ หนดให้ สาระท่ี ๒ การวดั และเรขาคณิต มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจพนื้ ฐานเกยี่ วกบั การวัด วดั และคาดคะเนขนาดของสง่ิ ท่ีต้องการวัด และนำ�ไปใช้ มาตรฐาน ค ๒.๒ เขา้ ใจและวิเคราะหร์ ูปเรขาคณิต สมบตั ิของรูปเรขาคณิต ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง รปู เรขาคณิต และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนำ�ไปใช้ สาระที่ ๓ สถิติและความนา่ จะเปน็ มาตรฐาน ค ๓.๑ เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใชค้ วามรทู้ างสถติ ิในการแกป้ ัญหา มาตรฐาน ค ๓.๒ เข้าใจหลักการนับเบ้อื งต้น ความนา่ จะเปน็ และนำ�ไปใช้

43 ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ชัน้ รหสั ตวั ชว้ี ดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ม.๑ ค ๑.๑ ม.๑/๑ ๑. เข้าใจจำ�นวนตรรกยะและ • จำ�นวนเตม็ ค ๑.๑ ม.๑/๒ ความสมั พนั ธข์ องจ�ำ นวนตรรกยะ • สมบตั ขิ องจ�ำ นวนเต็ม และใชส้ มบตั ขิ อง จ�ำ นวนตรรกยะ • ทศนยิ มและเศษสว่ น ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และ • จำ�นวนตรรกยะและสมบตั ิของจ�ำ นวนตรรกยะ ปญั หาในชวี ิตจริง • เลขยกก�ำ ลังท่ีมีเลขชี้กำ�ลังเป็นจ�ำ นวนเตม็ บวก ๒. เข้าใจและใช้สมบัตขิ อง • การน�ำ ความรู้เก่ียวกบั จ�ำ นวนเตม็ จำ�นวนตรรกยะ เลขยกก�ำ ลงั ทมี่ ีเลขช้ีกำ�ลัง และเลขยกก�ำ ลงั ไปใชใ้ นการแก้ปญั หา เป็นจ�ำ นวนเตม็ บวกในการ แกป้ ัญหาคณติ ศาสตรแ์ ละปญั หา ในชีวติ จริง ค ๑.๑ ม.๑/๓ ๓. เขา้ ใจและประยกุ ตใ์ ชอ้ ตั ราสว่ น • อัตราส่วนของจ�ำ นวนหลายๆ จำ�นวน สัดสว่ นและรอ้ ยละ • สัดส่วน ในการแก้ปญั หาคณติ ศาสตร์ • การน�ำ ความรูเ้ กย่ี วกับอตั ราสว่ น สดั สว่ นและร้อยละ และปญั หาในชีวิตจริง ไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา ค ๑.๓ ม.๑/๑ ๑. เข้าใจและใชส้ มบตั ิของการ • สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว เทา่ กันและสมบัตขิ องจำ�นวน • การแกส้ มการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว เพื่อวเิ คราะห์และแกป้ ัญหา • การน�ำ ความรเู้ กีย่ วกบั การแกส้ มการเชงิ เสน้ โดยใชส้ มการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว ตัวแปรเดียวไปใชใ้ นชีวติ จริง ค ๑.๓ ม.๑/๒ ๒. เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกับ • กราฟของความสมั พนั ธ์เชิงเส้น ค ๑.๓ ม.๑/๓ กราฟในการแกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์ • สมการเชิงเส้นสองตัวแปร และปัญหาในชีวติ จริง • การนำ�ความรู้เกี่ยวกับสมการเชิงเส้นสองตัวแปรและ ๓. เข้าใจและใช้ความรู้เก่ียวกับ กราฟของความสมั พันธ์เชิงเสน้ ไปใชใ้ นชวี ติ จริง ความสมั พนั ธ์เชิงเส้นในการ แกป้ ญั หา คณติ ศาสตรแ์ ละปญั หา ในชวี ิตจริง

44 ช้นั รหัสตัวชี้วดั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ม.๑ ค ๒.๒ ม.๑/๑ ๑. ใช้ความรู้ทางเรขาคณิตและ • การสร้างพน้ื ฐานทางเรขาคณติ เครอ่ื งมอื เชน่ วงเวยี นและสนั ตรง • การสรา้ งรูปเรขาคณติ สองมติ ิ โดยใช้ รวมทั้งโปรแกรม การสร้างพืน้ ฐานทางเรขาคณติ The Geometer’s Sketchpad • การน�ำ ความรู้เกี่ยวกบั การสร้างพนื้ ฐานทางเรขาคณิต หรอื โปรแกรมเรขาคณิตพลวตั ไปใช้ในชวี ิตจริง อื่นๆ เพื่อสร้างรปู เรขาคณติ ตลอดจนน�ำ ความรเู้ กย่ี วกับ การสร้างนไ้ี ปประยกุ ต์ใช้ในการ แกป้ ญั หาในชวี ติ จริง ค ๒.๒ ม.๑/๒ ๒. เข้าใจและใชค้ วามร้ทู าง • หนา้ ตัดของรปู เรขาคณติ สามมติ ิ เรขาคณิตในการวิเคราะห์ • ภาพท่ีไดจ้ ากการมองด้านหน้า ด้านขา้ ง ดา้ นบนของรปู หาความสมั พันธร์ ะหว่าง เรขาคณิตสามมิตทิ ่ีประกอบข้ึนจากลกู บาศก์ รูปเรขาคณติ สองมิติและ รปู เรขาคณติ สามมติ ิ ค ๓.๑ ม.๑/๑ ๑. เขา้ ใจและใช้ความรูท้ างสถิติ • การตั้งคำ�ถามทางสถิติ ในการน�ำ เสนอข้อมูลและ • การเก็บรวบรวมขอ้ มลู แปลความหมายขอ้ มูล • การน�ำ เสนอข้อมลู รวมท้ังนำ�สถิตไิ ปใชใ้ นชวี ิตจรงิ - แผนภมู ริ ปู ภาพ โดยใชเ้ ทคโนโลยที ีเ่ หมาะสม - แผนภูมิแท่ง - กราฟเส้น - แผนภูมิรูปวงกลม • การแปลความหมายข้อมูล • การนำ�สถติ ไิ ปใช้ในชีวิตจรงิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook