Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 ล.2

(คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 ล.2

Published by แชร์งานครู Teachers Sharing, 2021-01-19 13:36:53

Description: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 ล.2
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
เล่ม 2
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Keywords: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 ล.2,คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์,กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560),หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จกั ร 160 15 กุมภาพันธ์ 2561 05:00 น. 22:00 น. 19:00 น. 16 กมุ ภาพนั ธ์ 2561 05:00 น. 22:00 น. 19:00 น. กลุ่มดาวยังมีรปู รา่ งเชน่ เดิม และเม่อื สังเกตที่เวลาเดิม กลุ่มดาว มีการเปลี่ยนแปลง ตำแหน่งเลก็ น้อย โดยขึ้นและตกเรว็ ขึน้ เล็กนอ้ ย และตลอด 3 คนื กล่มุ ดาวจะขึน้ จาก ขอบฟ้าทางด้านทิศตะวนั ออกและตกลับขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันตกทุกวนั สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

161 คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร นักเรยี นบันทกึ ตำแหน่งของกลมุ่ ดาวไดต้ ามผลการสงั เกต เชน่ 22.00 14 กุมภาพันธ์ 2561 2562 2563 สิงโต ตะวนั ออก สิงโต ตะวันออก สงิ โต ตะวันออก 85 85 85 45 45 45 กลมุ่ ดาวยงั มีรูปรา่ งเชน่ เดิม และเมอื่ สงั เกตกลุม่ ดาวนน้ั ในวันและเวลาเดิมในปี ถดั ไป กล่มุ ดาวนน้ั จะปรากฏบนทอ้ งฟา้ ทต่ี ำแหน่งเดิมทกุ ๆ ปี ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วฏั จกั ร 162 นกั เรียนบันทกึ ตำแหน่งของกลมุ่ ดาวได้ตามผลการสงั เกตทอ้ งฟ้า เช่น 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 สงิ โต 19:00 น. 85 ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 22:00 น. 0 05:00 60 น. ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 24850 ตะวันตกเฉียงเหนอื 35 นกั เรียนบันทึกตำแหนง่ ของกลมุ่ ดาวได้ตามผลการสงั เกตทอ้ งฟ้า สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

163 คมู่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร นกั เรียนบันทึกตำแหน่งของกลมุ่ ดาวได้ตามผลการสงั เกตท้องฟ้า นกั เรียนตอบตามความคดิ ของตนเอง เช่น รปู ร่างและการข้นึ และตก ของกลุม่ ดาวในแผนท่ีดาว เหมือนกบั ทีส่ งั เกตบนท้องฟ้าในเวลาต่าง ๆ ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร 164 การระบุตำแหนง่ ของกลุ่มดาว ทำไดโ้ ดยใชแ้ ผนทดี่ าวระบมุ ุมทศิ และมุมเงย 1. ศกึ ษาส่วนประกอบของแผนทดี่ าว 2. หมนุ วันที่และเดือนท่ีปรากฏบนแผ่นดาว ใหต้ รงกบั วัน เวลาท่จี ะสงั เกตดาว 3. ฝึกหาตำแหนง่ ของกลุ่มดาวที่ปรากฏในแผนทด่ี าว จากการใชแ้ ผนทดี่ าว พบวา่ ใน 1 วัน กลมุ่ ดาวทสี่ ังเกตมกี ารเปลีย่ นแปลงตำแหน่งไป เรือ่ ย ๆ โดยเคลอ่ื นท่ีจากด้านตะวนั ออกไปทางด้านตะวนั ตก จากการใชแ้ ผนที่ดาวพบวา่ ตำแหน่งของกล่มุ ดาวที่สงั เกตในวนั ถดั ๆ ไป มีการ เปล่ยี นแปลงตำแหน่งเลก็ นอ้ ย โดยปรากฏหา่ งจากตำแหน่งเดิมไปทางด้านทศิ ตะวันตก สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

165 คูม่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจกั ร จากการใช้แผนทด่ี าวพบว่า ตำแหน่งของกลุ่มดาวที่สังเกตในปีถดั ๆ ไป เมอ่ื สังเกตท่วี ัน และเวลาเดมิ กลมุ่ ดาวจะปรากฏทตี่ ำแหนง่ เดิมทกุ ๆ ปี จากการใช้แผนทีด่ าวและการสังเกตท้องฟ้าพบวา่ ลกั ษณะการเรียงตัวของดาวแตล่ ะ ดวงในกล่มุ และการเปลีย่ นแปลงตำแหน่งของกลมุ่ ดาวเหมอื นกนั กลุ่มดาวมปี รากฏการณข์ ึ้นและตก สงั เกตจากกลุ่มดาวมีการเปลยี่ นตำแหนง่ โดยปรากฏ ขึ้นทข่ี อบฟา้ ด้านตะวนั ออกและลับขอบฟา้ ด้านตะวันตก และเปน็ เช่นนท้ี กุ คนื กลุ่มดาวแตล่ ะกลุ่มมกี ารเรยี งตัวของดาวในกลุ่มดาวแบบเดมิ และมีปรากฏการณก์ าร ขึ้นและตกตามเสน้ ทางเดมิ ในแต่ละคนื โดยปรากฏข้ึนทขี่ อบฟา้ ด้านทิศตะวนั ออกและ ลับขอบฟา้ ดา้ นทิศตะวนั ตก การปรากฏของกล่มุ ดาวจะปรากฏท่ตี ำแหนง่ และเวลาเดิม ในรอบปเี ปน็ วัฏจกั ร แผนทดี่ าวเป็นเครอื่ งมอื ท่ชี ่วยในการดูดาว โดยมกี ารระบุช่ือและ ตำแหนง่ ของกลมุ่ ดาวท่ีสงั เกตในวัน เดือน และเวลาหนึ่ง ๆ กลุ่มดาวจะมกี ารเรยี งตวั ท่ตี ำแหน่งคงที่ โดยมปี รากฏการณข์ นึ้ และตกหรอื มกี ารเปลี่ยน ตำแหนง่ ในแตล่ ะเวลาในวนั หนึ่ง ๆ และมกี ารเปลยี่ นแปลงตำแหนง่ ไปทุกวันในรอบปี การเปลย่ี นตำแหนง่ ของกลุ่มดาวเปน็ วฏั จกั ร ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หน่วยท่ี 4 วัฏจกั ร 166 คำถามของนกั เรยี นทต่ี ้ังตามความอยากรู้ของตนเอง       สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

167 คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรียนรขู้ องนักเรียนทำได้ ดงั น้ี 1. ประเมนิ ความรู้เดิมจากการอภปิ รายในช้นั เรียน 2. ประเมินการเรยี นรู้จากคำตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรียนรูแ้ ละจากแบบบันทึกกิจกรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 จากการทำกิจกรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทำกจิ กรรมที่ 2.2 วัฏจกั รการปรากฏของกล่มุ ดาวเป็นอยา่ งไร ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถงึ ดี รหสั สงิ่ ที่ประเมนิ คะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S5 การหาความสมั พันธ์ระหวา่ ง • สเปซกับสเปซ • สเปซกบั เวลา S8 การลงความเห็นจากข้อมูล S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C2 การคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ C4 การสื่อสาร รวมคะแนน ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วฏั จักร 168 โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมนิ ดังนี้ ระดบั ความสามารถ ทักษะ กระบวนการทาง รายการประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) วทิ ยาศาสตร์ S1 การสงั เกต บรรยายรายละเอียด สามารถใช้ประสาทสัมผัสเก็บ สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใช้ประสาทสัมผัส S5 การหา เกี่ยวกับส่วนประกอบ รายละเอียดและบรรยาย เก ็ บรายละเอ ี ยด และ เ ก ็ บ ร า ย ล ะ เ อ ี ย ด แ ล ะ ของแผนที่ดาว ลักษณะ ข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบ บรรยายข้อมูลเกี่ยวกับ บรรยายข้อมูลเกี่ยวกับ การเรียงตัวของดาวใน ของแผนที่ดาว ลักษณะการ ส่วนประกอบของแผนท่ี ส่วนประกอบของแผนที่ดาว ก ล ุ ่ ม ด า ว แ ล ะ ก า ร เรียงตัวของดาวในกลุ่มดาว ดาว ลักษณะการเรียงตัว ลักษณะการเรียงตัวของดาว เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง และการเปลี่ยนแปลงตำแหนง่ ของดาวในกลุ่มดาว และ ใ น ก ล ุ ่ ม ด า ว แ ล ะ ก า ร ของกลมุ่ ดาว ของกลุ่มดาวได้ด้วยตนเอง การเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เปลี่ยนแปลงตำแหน่งของ โดยไมเ่ พม่ิ เตมิ ความคิดเห็น ของกลุ่มดาวได้ จากการ กลุ่มดาวได้เพียงบางส่วน ชแี้ นะของครูหรือผอู้ ่ืน หรือ แม้ว่าจะได้รับคำชี้แนะจาก มีการเพ่ิมเติมความคิดเห็น ครูหรอื ผ้อู นื่ การบอกความสัมพันธ์ สามารถระบุความสัมพันธ์ สามารถระบุความสมั พันธ์ สามารถระบุความสัมพันธ์ ความสมั พนั ธ์ ระหว่างลักษณะและ ระหว่างลักษณะและการเรียง ระหว่างลักษณะและการ ระหว่างลักษณะและการ ระหว่างสเปซ การเรียงตัวของดาวใน ตัวของดาวในกลุ่มดาวและ เรียงตัวของดาวในกลุ่ม เรียงตัวของดาวในกลุ่มดาว กับสเปซ ก ล ุ ่ ม ด า ว แ ล ะ ก า ร การเปลยี่ นแปลงตำแหน่งของ ดาวและการเปลี่ยนแปลง แ ล ะ ก า ร เ ป ล ี ่ ย น แ ป ล ง เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง กลุ่มดาวแตล่ ะกลมุ่ บนท้องฟ้า ตำแหน่งของกลุ่มดาว ตำแหน่งของกลุ่มดาวแต่ละ ของกลุ่มดาวแต่ละกลุ่ม ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งด้วยตนเอง แต่ละกลุ่มบนท้องฟ้าได้ กลุ่มบนท้องฟ้าได้ แต่ไม่ บนท้องฟ้า ถูกต้องจากการชี้แนะของ ถูกต้องสมบูรณ์แม้ว่าจะได้ ครูหรือผู้อืน่ รับคำช้แี นะจากครหู รือผ้อู ่นื S5 การหา การบอกความสัมพันธ์ สามารถบอกความสัมพันธ์ สามารถบอกความสัมพันธ์ สามารถบอกความสัมพันธ์ ความสัมพนั ธ์ ระหว่างตำแหน่งของกลมุ่ ระหว่างตำแหน่งของกลุ่มดาว ระหว่างตำแหน่งของกลุ่ม ระหว่างตำแหน่งของกลุ่ม ระหวา่ งสเปซกบั ดาวเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ เมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละคืน ดาวเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ ดาวเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละ เวลา ละคืน และในรอบปี และในรอบปีไดด้ ้วยตนเอง ละคืน และในรอบปีได้โดย คืนและในรอบปีได้แต่ไม่ ต้องอาศัยการชี้แนะของครู ถูกต้อง แม้ว่าจะได้รับคำ หรือผ้อู นื่ ช้แี นะจากครหู รือผู้อ่ืน สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

169 คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เล่ม 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร ทกั ษะ ระดบั ความสามารถ กระบวนการทาง รายการประเมิน ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) วิทยาศาสตร์ S8 การลง ลงความเห็นจากข้อมูล สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก ความเห็นจาก ขอ้ มลู ไ ด ้ ว ่ า ก ล ุ ่ ม ด า ว มี ข้อมูลได้ถูกต้องด้วยตนเองว่า ข้อมูลได้ถูกต้องโดยอาศัย ข ้ อ ม ู ล ไ ด้ ถ ู ก ต ้ อ ง เ พ ี ย ง ปรากฏการณ์การขึ้น กลุ่มดาวมีปรากฏการณ์การ การชี้แนะจากครูหรือผู้อ่ืน บางส่วน แม้ว่าจะได้รับคำ และตกโดยเปลี่ยนแปลง ขึ้นและตก โดยเปลี่ยนแปลง ว่ากลุ่มดาวมีปรากฏการณ์ ชี้แนะจากครูหรือผู้อื่นว่า ตำแหน่งไปทุกเวลาและ ตำแหน่งไปทุกเวลาและทุกวัน ก า ร ข ึ ้ น แ ล ะ ต ก โ ด ย กลุ่มดาวมีปรากฏการณ์การ ทุกวัน เม่อื ครบรอบ 1 ปี เมื่อครบรอบ 1 ปี เราจะเห็น เปลี่ยนแปลงตำแหน่งไป ขึ้นและตก โดยเปลี่ยนแปลง เราจะเห็นกลุ่มดาวนั้น กลุ่มดาว นั ้น กล ับ ม า อ ยู่ ทุกเวลาและทุกวัน เมื่อ ตำแหน่งไปทุกเวลาและทุก กลบั มาอยู่ตำแหนง่ เดิม ตำแหน่งเดมิ ครบรอบ 1 ปี เราจะเห็น วัน เมอื่ ครบรอบ 1 ปี เราจะ กลุ่มดาวนั้นกลับมาอยู่ เห็นกลุ่มดาวนั้นกลับมาอยู่ ตำแหน่งเดมิ ตำแหนง่ เดมิ S13 การ ตีความหมายข้อมูลจาก สามารถตีความหมายข้อมูล สามารถตีความห มาย สามารถตีความหมายข้อมูล ตีความหมาย การสังเกตกลุ่มดาวท่ี จากการสังเกตกลุ่มดาวท่ี ข้อมูลจากการสังเกต กลุ่ม จากการสังเกต กลุ่มดาวท่ี ข้อมูลและ ปรากฏและลงข้อสรุป ปรากฏและลงข้อสรุปได้ ดาวที่ปรากฏให้เห็นและ ปรากฏให้เห็นและลงข้อสรุป ลงข้อสรุป ได้ว่า กลุ่มดาวจะมีการ ถูกต้องด้วยตนเองว่า กลมุ่ ดาว ลงข้อสรุปได้ถูกต้องจาก ได้ถูกต้องสมบูรณ์เพียง เปลี่ยนแปลงไปทุกเวลา จะมีการเปลี่ยนแปลงไปทุก การชี้แนะของครูหรือผู้อ่ืน บางส่วนว่า กลุ่มดาวจะมีการ และทกุ วัน เมอื่ ครบรอบ เวลาและทุกวัน เมื่อครบรอบ ว่า กลุ่มดาว จะมีการ เปลี่ยนแปลงไปทุกเวลาและ 1 ปี เราจะเห็นกลุ่มดาว 1 ปี เราจะเห็นกลุ่มดาวน้ัน เปลี่ยนแปลงไปทุกเวลา ทุกวัน เมื่อครบรอบ 1 ปี เรา นั้นกลับมาอยู่ตำแหน่ง กลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม ซึ่งมี และทุกวัน เมื่อครบรอบ 1 จะเห็นกลมุ่ ดาวนนั้ กลบั มาอยู่ เดิม ซึ่งมีแบบรูปการ แบบรูปการปรากฏและการ ปี เราจะเห็นกลุ่มดาวน้ัน ตำแหนง่ เดิม ซ่ึงมแี บบรปู การ ป ร า ก ฏ แ ล ะ ก า ร เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เรียก กลบั มาอยู่ตำแหนง่ เดิม ซ่ึง ปรากฏและการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ว ั ฎ จ ั ก ร ก า ร ป ร า ก ฏ ข อ ง มีแบบรูปการปรากฏและ ตำแหน่ง เรียก วัฎจักรการ เรยี ก วฎั จักรการปรากฏ กล่มุ ดาว การเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ป ร า ก ฏ ข อ ง ของกลุ่มดาว เรียก วัฎจักรการปรากฏ กลุ่มดาว ของกลุ่มดาว ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยที่ 4 วัฏจักร 170 ตาราง แสดงการวเิ คราะห์ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมนิ ดงั นี้ ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) C2 การคิดอยา่ ง วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลท่ี มีวิจารณญาณ สังเกตและอภิปรายลักษณะ ไ ด ้ จ า ก ก า ร สังเกตและ จากการสังเกตและอภิปราย ไ ด ้ จ า ก ก า ร สังเกตและ การเรียงตัวของดาวในกลุ่มดาว อภิปรายลักษณะการเรียงตัว ลักษณะการเรียงตัวของดาวใน อภิปรายลักษณะการเรียงตัว และการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ของดาวในกลุ่มดาวและการ กลุ่มดาวและการเปลี่ยนแปลง ของดาวในกลุ่มดาวและการ ของกลุ่มดาว เพื่อลงความเห็น เปลี่ยนแปลงตำแหน่งของ ตำแหน่งของกลุ่มดาว เพื่อลง เปลี่ยนแปลงตำแหน่งของ เกี่ยวกับวัฏจกั รการปรากฏของ กลุ่มดาว เพื่อลงความเห็น ความเห็นเกี่ยวกับ วัฏจักรการ กลุ่มดาว เพื่อลงความเห็น กลมุ่ ดาวไดอ้ ยา่ งสมเหตุสมผล เกี่ยวกับ วัฏจักรการปรากฏ ปรากฏของกลุ่มดาวได้อย่างสม เกี่ยวกับ วัฏจักรการปรากฏ ของกลุ่มดาวไ ด ้ อ ย ่ า ง เหตุผล โดยต้องอาศัยการ ของกลุ่มดาวได้บ้างแต่ไม่ สมเหตุสมผลด้วยตนเอง ชีแ้ นะของครหู รือผู้อ่นื สมเหตุสมผลในบาง ประเด็น C4 การสอ่ื สาร นำเสนอข้อมูลจากการ สามารถนำเสนอข้อมูล สามารถนำเสนอข้อมูลจาก สามารถนำเสนอข้อมูลการ สังเกตและอภิปรายลักษณะ จากการสังเกตและอภิปราย การสังเกตและอภิปรายลักษณะ สังเกตและอภิปรายลักษณะ การเรียงตัวของดาวในกลุ่มดาว ลักษณะการเรียงตัวของดาว การเรียงตัวของดาวในกลุ่มดาว การเรียงตัวของดาวในกลุ่ม และการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ใ น ก ล ุ ่ ม ด า ว แ ล ะ ก า ร และการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ดาวและการเปลี่ยนแปลง ของกลุ่มดาว เพื่ออธิบาย เปลี่ยนแปลงตำแหน่งของ ของกลุ่มดาว เพื่ออธิบาย ตำแหน่งของกลุ่มดาว เพ่ือ เกี่ยวกับวัฏจกั รการปรากฏของ กลุ่มดาว เพื่ออธิบาย เกี่ยวกับวัฏจักรการปรากฏของ อธิบายเกี่ยวกับวัฏจักรการ กลมุ่ ดาวเพ่อื ให้ผอู้ ่นื เข้าใจ เกี่ยวกับวัฏจักรการปรากฏ กลุ่มดาวเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ปรากฏของกลุ่มดาว เพื่อให้ ของกลุ่มดาวเพื่อให้ผู้อ่ืน โดยอาศัยการชี้แนะจากครู ผู้อื่นเข้าใจได้เพียงบางส่วน เขา้ ใจได้ด้วยตนเอง หรอื ผ้อู นื่ แมว้ า่ จะได้รับคำช้ีแนะจากครู หรอื ผอู้ นื่ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

171 คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร กิจกรรมท้ายบทท่ี 2 วฏั จกั รการปรากฏของกลุ่มดาว (1 ชว่ั โมง) 1. ครูให้นักเรยี นวาดรปู หรอื เขียนสรุปส่ิงทีไ่ ด้เรียนรู้จากบทนี้ ในแบบบันทึก กิจกรรม หนา้ 57 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ แผนภาพในหวั ขอ้ รอู้ ะไรในบทนี้ ในหนงั สือเรียน หนา้ 70 3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคำตอบของตนเองในสำรวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 36 อีกครั้ง หากคำตอบของนักเรียนไม่ ถกู ตอ้ งให้ขีดเสน้ ทับข้อความเหล่าน้ัน แล้วแกไ้ ขให้ถูกต้อง หรืออาจแก้ไข คำตอบด้วยปากกาต่างสี นอกจากนี้ครูอาจนำคำถามในรูปนำบทใน หนังสือเรียน หน้า 48 มาร่วมกันอภิปรายคำตอบอีกครั้ง ดังนี้ “ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร กลุ่มดาวเรียง ตัวกันเป็นกลุ่มแบบเดิมตลอดไปหรือไม่ และการปรากฏของกลุ่มดาวจะ เป็นเช่นไร” ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแนวทางการตอบคำถาม โดย นักเรียนควรตอบคำถามตามความเข้าใจ ด้วยคำพูดของตนเอง เช่น ดาวเคราะห์และดาวฤกษ์มีส่วนที่เหมือนกันคือเป็นดาวที่มีลักษณะคล้าย ทรงกลม แตแ่ ตกต่างกันตรงท่ีดาวเคราะห์เป็นดาวทไ่ี ม่มีแสงในตวั เอง คน บนโลกสามารถมองเห็นดาวเคราะห์ได้เนื่องจากดาวเคราะห์ได้รับแสง จากดวงอาทิตย์แล้วสะท้อนเข้าสู่ตาของเรา ส่วนดาวฤกษ์มีแสงในตัวเอง แสงจากดาวฤกษ์เข้าสู่ตาของผู้สังเกตได้โดยตรงคนบนโลกจึงมองเห็นดาว ฤกษ์ได้ ดาวฤกษ์เป็นดาวที่มตี ำแหนง่ การเรยี งตัวคงท่ี เม่ือจินตนาการโดย ลากเส้นเชื่อมโยงดาวฤกษ์ดวงที่สว่างที่มีตำแหน่งใกล้กันจะเห็นว่ามี รปู รา่ งต่าง ๆ เราสามารถใชแ้ ผนท่ดี าวช่วยในการสงั เกตตำแหน่งของกลุ่ม ดาว โดยกลุ่มดาวมีเส้นทางการขึ้นและตก และการปรากฏที่เป็นแบบรูป เรยี ก วฏั จกั รการปรากฏของกลมุ่ ดาว 4. นักเรียนทำ แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 วัฏจักรการปรากฏของกลุ่มดาว จากนั้นนำเสนอคำตอบหน้าชั้นเรียน ถ้าคำตอบยังไม่ถูกต้องครูนำ อภิปรายหรือให้สถานการณ์เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขแนวคิดคลาดเคลื่อนให้ ถูกตอ้ ง ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจักร 172 5. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามชวนคิดและทำกิจกรรม ร่วมคิดร่วมทำ โดย สร้างแบบจำลองท้องฟ้าในวันและเวลาที่ครูกำหนดเพื่อแสดงกลุ่มดาวที่ สวยงามอย่างน้อย 5 กลุม่ ดาว 6. นักเรียนร่วมกันอ่านและอภิปรายเนื้อเรื่องในหัวข้อวิทย์ใกล้ตัว โดยครู กระตุ้นให้นักเรียนตอบคำถามว่า ถ้าเราไปค่ายลูกเสือแล้วพลัดหลงกับ เพื่อน ๆ ขณะเดินป่า เราจะใช้กลุ่มดาวใดช่วยในการหาทิศทางเพื่อ กลับไปยงั ค่ายซ่ึงอยูท่ างทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 7. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามสำคัญประจำหน่วยอีกครั้ง ดังน้ี “วัฏจักรน้ำและวัฏจักรการปรากฏของกลุ่มดาวเป็นอย่างไร และสำคัญ กับมนุษย์อย่างไร” ถ้าคำตอบของนักเรียนยังไม่ถูกต้อง ให้นักเรียน ร่วมกนั อภิปรายเพื่อใหไ้ ด้คำตอบที่ถูกตอ้ ง สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

173 ค่มู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจักร แนวคำตอบในแบบฝกึ หดั ทา้ ยบท ดาวฤกษ์ เพราะ ดาวดวงน้มี ีตำแหน่งคงที่ คือ ปรากฏหรือเรียงตัวท่ี ตำแหนง่ คงท่ใี กลก้ ับดาวฤกษ์ในกลุ่มดาวคนคู่ ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วฏั จักร 174 เปลีย่ นแปลง โดยในวนั ถดั ไปเมอื่ สังเกตท้องฟ้าเวลาเดมิ เราจะมองเหน็ กลมุ่ ดาวจระเข้เปลยี่ นตำแหนง่ ไปจากเดมิ เล็กน้อย ไมเ่ ปลีย่ นแปลงตำแหนง่ โดยในปีถดั ไปเมื่อสังเกตท้องฟ้าในวันและเวลาเดิม กลุ่มดาวจระเขจ้ ะปรากฏท่ตี ำแหนง่ เดมิ ผสู้ งั เกตตอ้ งหันหนา้ ไปทางทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ จากนั้นกางนว้ิ ชแ้ี ละ นว้ิ กอ้ ยต่อขึน้ ไป 5 ครง้ั โดยวัดจากเส้นขอบฟ้า สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

175 คูม่ ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หนว่ ยท่ี 4 วัฏจกั ร เราสามารถระบตุ ำแหนง่ ของกล่มุ ดาวบนท้องฟา้ โดยใช้ค่ามมุ ทศิ และมุมเงย ซง่ึ สามารถหาทศิ โดยการสงั เกตดวงอาทิตย์หรอื ดาว และวดั ค่ามมุ เงย โดยใช้มือ ⎯ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.5 เลม่ 2 | หน่วยที่ 4 วัฏจกั ร 176 บรรณานกุ รม (หนว่ ยที่ 4) Brody, M.J. (1993). Student understanding of water and water resources: A review of the literature. Paper presented at the annual meeting of the American Educational Research Association, Atlanta, GA, April. (ERIC Document Reproduction Service No. ED 361 230). Henriques, L. “Children’s misconceptions about weather: A review of the literature.”. National Association of Research in Science Teaching annual meeting, New Orleans, 29 April 2000. Hester, J. et al. (2002). 21st Century Astronomy. W. W. Norton & Company. New York Science Teacher. Astronomy misconceptions. Retrieved October 10, 2018, from https://newyork scienceteacher.com/sci/pages/miscon/astr.php Philips, W.C. (1991). Earth Science Misconceptions. The Science Teacher. 58 (2) 21-23. Project WET International Foundation and CEE (1995). The water cycle. Retrieved October 2, 2018, from https://files.dnr.state.mn.us/education_safety/education/project_wet/sample_activity.pdf Sacramento City College. 44 Common misconceptions about astronomy. Retrieved October 10, 2018, from https://www.scc.losrios.edu/pag/astronomy/44-common-misconceptions-about-astronomy/ University Corporation for Atmospheric Research Center for Science Education (2011). The water cycle. Retrieved March 10, 2019, from https://scied.ucar.edu/longcontent/water-cycle Weiler, B. (1 9 9 8 ) . Children's misconceptions about science. Retrieved September 8, 2 0 1 8, from http://amasci.com/miscon/opphys.html สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

177 คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สิ่งมชี ีวิต ˹‹Ç·Õè 5 ÊèÔ§ÁÕªÕÇµÔ ภาพรวมการจดั การเรยี นรปู ระจาํ หนว ยที่ 5 สงิ่ มชี ีวติ บท เรื่อง กิจกรรม ลําดบั การจดั การเรยี นรู ตัวช้ีวัด บทที่ 1 ลักษณะ เร่ืองที่ 1 การ กิ จ ก ร ร ม ที่ 1.1 • สงิ่ มชี วี ติ ทั้งพชื สตั ว และมนุษย เมื่อ ว 1.3 ทางพันธุกรรมของ ถ า ย ท อ ด ลั ก ษ ณ ะ สง่ิ มชี ีวติ ทางพันธุกรรมของ ลั ก ษ ณ ะ ท า ง โตเต็มท่ีจะมีการสืบพันธุเพ่ือเพ่ิม ป. 5/1 อธิบายลักษณะ สง่ิ มีชวี ิต พันธุกรรมของพืชมี จํานวนและดํารงพันธุ โดยลูกที่เกิด ทางพนั ธกุ รรมท่มี ี อะไรบาง มาจะไดรับการถายทอดลักษณะทาง การถา ยทอดจากพอ • พันธกุ รรมจากพอแมทําใหมีลักษณะ แมส ูลูกของพืช สัตว กิ จ ก ร ร ม ที่ 1.2 ทางพันธุกรรมที่เฉพาะแตกตางจาก และมนษุ ย ลั ก ษ ณ ะ ท า ง ส่งิ มีชีวติ ชนิดอนื่ พันธุกรรมของสัตวมี ป. 5/2 แสดงความอยาก อะไรบา ง ลักษณะบางลักษณะของลูกอาจ รอู ยากเหน็ โดยการ เหมือนพอ หรือเหมือนแม หรือ ถามคําถามเก่ยี วกับ กิ จ ก ร ร ม ที่ 1.3 เหมือนท้ังพอและแม หรือแตกตาง ลกั ษณะทค่ี ลา ยคลึง ลั ก ษ ณ ะ ท า ง จากท้ังพอและแมได ซึ่งลักษณะ กนั ของตนเองกับพอ พันธุกรรมของคนใน ของลูกขึ้นอยูกับลักษณะของพอ แม และแม ค ร อ บ ค รั ว เ ป น • พืชมีการถายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม เชน ลักษณะของใบ อยา งไร สดี อก • สัตวมีการถายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม เชน สีขน ลักษณะของขน ลกั ษณะของหู • มนุษยมีการถายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม เชน เชิงผมที่หนาผาก ลักยิ้ม ลักษณะหนังตา การหอลิ้น รว มคิด รวมทํา ลกั ษณะของติ่งหู  สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สิง่ มชี ีวิต 178 บท เรอ่ื ง กจิ กรรม ลาํ ดบั การจัดการเรยี นรู ตัวช้ีวัด บทท่ี 2 ส่ิงมีชีวิต เ รื่ อ ง ที่ 1 กิ จ ก ร ร ม ท่ี 1 • สิ่งมีชีวิตมีโครงสรางและลักษณะที่ ว 1.1 และสงิ่ แวดลอ ม โ ค ร ง ส ร า ง แ ล ะ โ ค ร ง ส ร า ง แ ล ะ เหมาะสมกับการดํารงชีวิตในแหลง ป.5/1 บรรยายโครงสราง ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง ทอี่ ยู ซ่งึ เปน ผลมาจากการปรบั ตวั และลักษณะของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตในแหลง ที่ สิ่งมีชีวิตเหมาะสม ท่ี เ ห ม า ะ ส ม กั บ ก า ร อยู กั บ แ ห ล ง ท่ี อ ยู ดํารงชีวิต ซึ่งเปนผลมา อยา งไร จา ก ก า ร ปรั บ ตั ว ข อ ง สง่ิ มีชีวิตในแหลง ทีอ่ ยู เ ร่ื อ ง ที่ 2 กิ จ ก ร ร ม ที่ 2 • ในแหลงที่อยูหน่ึง ๆ สิ่งมีชีวิตจะมี ว 1.1 ค ว า ม สั ม พั น ธ ส่ิ ง มี ชี วิ ต มี ความสัมพนั ธซ ง่ึ กนั และกัน ป.5/2 อธิบาย ระหวางส่ิงมีชีวิต ความสัมพันธกับ • สิ่งมีชีวิตมีการกินกันเปนอาหาร ความสมั พันธระหวาง กับสง่ิ มีชีวติ สง่ิ มชี ีวิตอยางไร โดยกินตอกันเปนทอด ๆ ในรูปแบบ สิ่งมชี ีวิตกบั สง่ิ มีชวี ติ และ ของโซอ าหาร ความสัมพันธร ะหวา ง • โซอาหารจะมีส่ิงมีชีวิตท่ีเปนผูผลิต สิ่งมีชวี ติ กบั ส่ิงไมมชี วี ิต เพื่อประโยชนต อการ และสิ่งมชี ีวติ ที่เปนผบู รโิ ภค • น อ ก จ า ก น้ี ส่ิ ง มี ชี วิ ต ยั ง มี ดาํ รงชีวิต ป.5/3 เขียนโซอาหาร เ รื่ อ ง ที่ 3 กิ จ ก ร ร ม ที่ 3 ความสมั พันธกบั สิง่ ไมมีชีวิตในแหลง และระบุบทบาทหนาที่ ค ว า ม สั ม พั น ธ ส่ิ ง มี ชี วิ ต มี ทีอ่ ยดู วย ของสิ่งมีชีวิตที่เปนผูผลิต ระหวางสิ่งมีชีวิต ค ว า ม สั ม พั น ธ กั บ และผบู รโิ ภคในโซอ าหาร กบั ส่งิ ไมม ชี วี ติ ส่ิงไมมีชีวิตในแหลง • สิ่งแวดลอมมีความสําคัญตอการ ป.5/4 ตระหนกั ในคุณคา ทอี่ ยูอยางไร ดํารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต จึงควร ของส่ิงแวดลอมที่มีตอ ชวยกนั ดแู ลรกั ษาสง่ิ แวดลอม ก า ร ดํ า ร ง ชี วิ ต ข อ ง สิ่งมีชีวิต โดยมีสวนรวม ใ น ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า รว มคดิ รวมทาํ ส่งิ แวดลอม สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

179 คูมอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 ส่งิ มชี ีวิต บทที่ 1 ลักษณะทางพนั ธกุ รรมของสง่ิ มชี ีวติ จดุ ประสงคก ารเรยี นรปู ระจําบท บทนีม้ อี ะไร การถา ยทอดลักษณะทาง พันธุกรรมของส่งิ มีชวี ติ เมอ่ื เรียนจบบทนี้ นักเรยี นสามารถ เรอ่ื งที่ 1 ลักษณะทางพันธุกรรมของพืชมี กิจกรรมท่ี 1.1 1. อธิบายลักษณะทางพันธุกรรมที่มีการถายทอด อะไรบาง จากพอแมส ูล ูก ของพืช สัตว และมนษุ ย กจิ กรรมที่ 1.2 ลักษณะทางพันธุกรรมของสัตว 2. ต้งั คาํ ถามและสํารวจเก่ยี วกับลักษณะที่คลายคลึง กิจกรรมที่ 1.3 กันของตนเองกบั พอแม มีอะไรบา ง แนวคิดสาํ คัญ ลักษณะทางพันธุกรรมของคน สิ่งมีชีวิตท้ังพืช สัตว และมนุษย เมื่อเจริญเติบโต ในครอบครัวเปนอยางไร เต็มท่ีจะมีการสืบพันธุเพื่อเพ่ิมจํานวนและดํารงพันธุใหคง อยูตอไป โดยลูกที่เกิดจากการสืบพันธุของพอและแมจะ ไดรับการถายทอดลักษณะทางพันธุกรรมมาจากพอและ แม ซ่ึงลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมที่ไดรับการถายทอดมานี้เปน ลักษณะเฉพาะของสิง่ มีชวี ิตแตละชนิด สื่อการเรยี นรูและแหลง เรียนรู หนา 74-93 หนา 62-83 1. หนงั สอื เรยี น ป. 5 เลม 2 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป. 5 เลม 2  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สิ่งมีชีวติ 180 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทักษะแหง ศตวรรษท่ี 21 รหสั ทักษะ กิจกรรมท่ี 1.1 1.2 1.3 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร  S1 การสังเกต S2 การวัด  S3 การใชจํานวน  S4 การจาํ แนกประเภท  S5 การหาความสมั พนั ธระหวาง   สเปซกบั สเปซ  สเปซกบั เวลา  S6 การจดั กระทาํ และส่ือความหมายขอ มูล  S7 การพยากรณ  S8 การลงความเห็นจากขอมูล S9 การตัง้ สมมตฐิ าน S10 การกาํ หนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร S11 การกาํ หนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอ สรุป S14 การสรางแบบจําลอง ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 C1 การสรางสรรค C2 การคดิ อยา งมวี ิจารณญาณ C3 การแกปญหา C4 การสอื่ สาร C5 ความรว มมือ C6 การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมายเหตุ: รหัสทกั ษะที่ปรากฏนี้ ใชเฉพาะหนังสือคมู ือครูเลม นี้ สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

181 คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 สงิ่ มชี ีวิต แนวคิดคลาดเคล่อื น แนวคดิ คลาดเคลื่อนที่อาจพบและแนวคิดท่ีถูกตอ งในบทที่ 1 ลักษณะทางพนั ธุกรรมของสง่ิ มชี วี ิต มดี ังตอ ไปนี้ แนวคดิ คลาดเคล่ือน แนวคดิ ทถี่ ูกตอง ลูกชายจะไดรับการถายทอดลักษณะมาจากพอ ลูกจะไดรับการถายทอดลักษณะมาจากทั้งพอและแมผาน สว นลกู สาวจะไดรบั การถายทอดลกั ษณะมาจากแม การสบื พันธุ (Enger et al., 2012) Allen (2014) ถา ครูพบวามแี นวคิดคลาดเคลือ่ นใดทย่ี ังไมไดแกไขจากการทาํ กิจกรรมการเรียนรู ครูควรจดั การเรียนรูเพิ่มเตมิ เพ่ือ แกไขตอ ไป  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยที่ 5 สง่ิ มชี ีวิต 182 บทนีเ้ รม่ิ ตน อยา งไร (1 ชัว่ โมง) ใ น ก า ร ท บ ท ว น ค ว า ม รู พ้ืนฐาน ครูควรใหเวลานักเรียน 1. ครูทบทวนความรูพื้นฐานเก่ียวกับลักษณะของสิ่งมีชีวิต โดยนํา คดิ อยา งเหมาะสม รอคอยอยาง ภาพท่ีมีทั้งสิ่งมีชีวิตและส่ิงไมมีชีวิตมาใหนักเรียนสังเกต เชน อดทน นักเรียนตองตอบคําถาม ภาพยีราฟกําลังด่ืมนํ้า (สามารถดาวนโหลดภาพจาก เหลาน้ีไดถูกตอง หากตอบไมได https://bit.ly/333Pixr หรือ https://bit.ly/31NpWDU) โดย หรือลืมครูตองใหคว ามรูท่ี ใชคําถามดงั น้ี ถกู ตองทนั ที 1.1 ในภาพมีส่ิงใดบาง (นักเรียนตอบตามความจริง เชน ยีราฟ พชื นาํ้ ดนิ ) ในการตรวจสอบความรู ครู 1.2 ในภาพมีสง่ิ ใดบา งเปนสิ่งมชี วี ติ (ยรี าฟ พืช) รับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน 1.3 ยีราฟมีลักษณะใดบางท่ีแสดงวาเปนสิ่งมีชีวิต (ยีราฟ สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ สามารถกินอาหาร เจริญเติบโต สืบพันธุ หายใจ ขับถาย แตชักชวนใหหาคําตอบที่ถูกตอง ตอบสนองตอ สงิ่ ตาง ๆ ได) จากกิจกรรมตา ง ๆ ในบทเรียนนี้ 2. ตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการถายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต โดยใชคําถามตอจากการทบทวน ความรูพื้นฐาน ดังนี้ 2.1 การสืบพันธุมีประโยชนตอส่ิงมีชีวิตอยางไร (นักเรียนตอบ ตามความเขาใจ เชน ทําใหสิ่งมีชีวิตเพิ่มจํานวนดํารงพันธุให คงอยตู อ ไปได) 2.2 ถายีราฟในภาพมีการสืบพันธุ ลูกของยีราฟตัวน้ีจะมีลักษณะ อยางไร เพราะเหตุใด (นักเรยี นตอบตามความเขา ใจ) 3. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเรื่องส่ิงมีชีวิต โดยใหอานชื่อหนวย และ อานคําถามสําคัญประจําหนวยท่ี 5 ในหนังสือเรียน หนา 74 ดงั นี้ 1. ลักษณะตา ง ๆ ทป่ี รากฏในสิ่งมีชวี ติ เกดิ ข้นึ ไดอยา งไร 2. ส่ิงมชี ีวติ มีความสมั พนั ธกับสง่ิ แวดลอมอยา งไร นักเรียนตอบคําถาม โดยครูยังไมตองเฉลยคําตอบ แตจะให นกั เรียนยอนกลบั มาตอบอกี ครั้งหลงั จากเรียนจบหนวยน้แี ลว 4. ครใู หน กั เรยี นอานช่ือบท และจุดประสงคการเรียนรูประจําบท ในหนังสือเรียน หนา 75 จากนั้นครูใชคําถามเพื่อตรวจสอบ ความเขาใจดงั นี้ สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

183 คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยท่ี 5 สิ่งมชี ีวิต 4.1 บทน้ีจะไดเรียนเร่ืองอะไร (เร่ืองการถายทอดลักษณะทาง ถานักเรียนไมสามารถตอบ พนั ธุกรรมของสงิ่ มีชีวิต) คาํ ถามหรืออภิปรายไดตามแนว คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียน 4.2 จากจุดประสงคการเรียนรูเมื่อเรียนจบบทน้ีนักเรียนสามารถ คดิ อยางเหมาะสม รอคอยอยาง ทําอะไรไดบาง (จะสามารถอธิบายลักษณะทางพันธุกรรมที่มี อดทน และรับฟงแนวความคิด การถายทอดจากพอ แม ไปสูลูกของพืช สัตว และมนุษย ของนักเรยี น รวมทั้งตั้งคําถามและสํารวจเก่ียวกับลักษณะท่ีคลายคลึงกัน ของตนเองกับพอ แมไ ด) 5. นักเรียนอานช่ือบทและแนวคิดสําคัญ ในหนังสือเรียน หนา 76 จากน้ันครูใชคําถามวา จากการอานแนวคิดสําคัญ นักเรียนคิดวา จะไดเรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไรบาง (จะไดเรียนเรื่องลักษณะทาง พันธุกรรมของพชื สัตว และมนษุ ย) 6. ครูชักชวนใหนกั เรียนสงั เกตรปู และอานเนื้อเรื่องใน หนา 76 โดย ครูฝกทักษะการอานตามวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับความสามารถ ของนักเรียน ครูตรวจสอบความเขาใจจากการอาน โดยใชคําถาม ดังนี้ 6.1 ลูกของสิ่งมีชีวิตมีลักษณะอยางไรเมื่อเปรียบเทียบกับพอแม (ลกู มลี กั ษณะคลา ยคลึงกับพอ แม) 6.2 นักเรียนสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตอะไรในภาพบาง (เด็กผูหญิง สุนขั หญา) 6.3 ส่ิงมชี วี ติ ในภาพเปน ส่ิงมชี วี ติ ชนิดเดยี วกนั หรือไม รูไดอยางไร (เปนสิง่ มชี วี ติ ตางชนิดกัน รูไดจากการสังเกตพบวามีลักษณะ ทแี่ ตกตางกัน) 6.4 นักเรียนคิดวาพอแมของเด็กผูหญิงในภาพนาจะมีลักษณะ อยางไร เพราะเหตใุ ด (นกั เรียนตอบตามความเขาใจ) 6.5 นักเรียนคิดวาพอแมของสุนัขในภาพนาจะมีลักษณะอยางไร เพราะเหตใุ ด (นักเรียนตอบตามความเขาใจ) 6.6 นักเรียนคิดวาหญาในภาพ นาจะเกิดจากหญาท่ีมีลักษณะ อยา งไร เพราะเหตใุ ด (นกั เรยี นตอบตามความเขา ใจ) 6.7 เพราะเหตุใดลูกจึงมีลักษณะบางอยางเหมือนพอและแม (นักเรียนตอบตามความเขา ใจ) 6.8 ลกู จะมีลักษณะท่ีแตกตางจากพอและแมไดหรือไม (นักเรียน ตอบตามความเขา ใจ)  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 สง่ิ มีชีวิต 184 7. ครชู ักชวนนักเรยี นตอบคาํ ถามเกย่ี วกบั สง่ิ มชี ีวติ ในสํารวจความรู การเตรียมตัวลว งหนา สําหรบั ครู กอนเรยี น เพื่อจัดการเรียนรูในครงั้ ถัดไป 8. นกั เรยี นทาํ สํารวจความรูกอนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดเรียน 64-65 โดยนักเรียนอานคําถามแตละขอ ครูตรวจสอบความ เร่ืองที่ 1 การถายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต โดยครูเตรียมสื่อ เขาใจของนักเรียน จนแนใจวานักเรียนสามารถทําไดดวยตนเอง การสอน เชน วีดิทัศนการสืบพันธุของ จึงใหนักเรียนตอบคําถาม ซ่ึงคําตอบของแตละคนอาจแตกตาง ปลากัด มาใหนักเรียนสังเกตการสืบพันธุ ของสัตว โดยอาจใชวีดิทัศนของ สสวท. กนั และคาํ ตอบอาจถูกหรือผิดกไ็ ด โดยดาวนโหลดจากเว็บไซต 9. ครูสังเกตการตอบคําถามของนักเรียนเพ่ือตรวจสอบวานักเรียนมี https://www.youtube.com/watch? แนวคิดเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอยางไรโดยอาจสุมใหนักเรียน 2-3 คน v=Rsf4kJg9VKw นําเสนอคําตอบของตนเอง ครูยังไมตองเฉลยคําตอบ แตจะให นักเรียนยอนกลับมาตรวจสอบอีกคร้ังหลังจากเรียนจบบทนี้แลว ท้ังนี้ครูควรบันทึกแนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดที่นาสนใจของ นักเรียน แลวนํามาใชในการออกแบบการจัดการเรียนรูเพื่อแกไข แนวคิดคลาดเคลื่อนใหถูกตอง และตอยอดแนวคิดที่นาสนใจของ นักเรียน เพ่ื อก ระ ตุน ค ว า มส นใ จข อ ง นักเรยี นในขน้ั การตรวจสอบความรู สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

185 คูมือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 สง่ิ มีชีวติ แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม การสาํ รวจความรูกอนเรียน นกั เรยี นอาจตอบคําถามถกู หรือผิดก็ไดข้นึ อยูกับความรเู ดิมของนักเรยี น แตเ มื่อเรียนจบบทเรยี นแลว ใหน ักเรียนกลบั มาตรวจสอบคําตอบอีกคร้ังและแกไขใหถกู ตอง ดงั ตัวอยา ง ครูควรแนะนําใหนกั เรยี นสังเกตภาพสีในหนังขสอื เรียน เพ่อื บอกสขี องนกได ลูกนกมลี กั ษณะหัว จะงอยปาก ลําตวั และขนสีนา้ํ ตาลปน เทา ดํา เหมอื นกับพอ แมนกคู ข ง ลกู นกมีลกั ษณะหวั จะงอยปาก ลาํ ตัวและขนสีนํ้าเงิน เหลือง สม เขยี ว เหมอื นกบั พอแมนกคู ง ก ลูกนกมีลกั ษณะหัว จะงอยปาก ลาํ ตัว และขนสีนํ้าเงนิ ขาว สม ทเี่ หมือนกับพอแมนกคู ก  สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยท่ี 5 สิง่ มีชีวติ 186 ลกั ษณะท่ีเหมือนแม ไดแ ก สีควิ้ สีผม สีตา ชัน้ ของหนังตา ไมม ลี กั ย้มิ ลักษณะท่ีแตกตางจากแม ไดแ ก สผี วิ เชิงผมท่ีหนา ผาก ลักษณะจมกู ลูกมีลักษณะบางอยา งเหมือนแมเ พราะไดรบั การถายทอดลักษณะน้นั มาจากแม และมลี กั ษณะบางอยาง แตกตางจากแม เพราะเปน ลักษณะที่ไดรับมาจากพอ หรือจากรุนปู ยา ตา ยาย สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

187 คูมอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 สง่ิ มชี ีวติ เรือ่ งท่ี 1 การถา ยทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมของสิง่ มีชวี ิต ในเรือ่ งน้นี กั เรียนจะไดเรียนรูเ ก่ยี วกบั การถายทอด สือ่ การเรียนรแู ละแหลงเรียนรู ลกั ษณะทางพันธกุ รรมของพืช สัตว และมนุษย 1. หนังสือเรยี น ป.5 เลม 2 หนา 79-90 จุดประสงคการเรยี นรู 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.5 เลม 2 หนา 66-79 1. สังเกต วิเคราะห และอธิบายลักษณะทางพันธุกรรม ของพชื ทม่ี ีการถายทอดจากรุนพอแมสูรุน ลกู 2. สังเกต วิเคราะห และอธิบายลักษณะทางพันธุกรรม ของสัตวท่ีมีการถา ยทอดจากรุนพอ แมส รู ุนลูก 3. สํารวจ และเปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมของ คนในครอบครวั เวลา 6 ชัว่ โมง วสั ดุ อุปกรณส ําหรับทาํ กจิ กรรม บัตรภาพตนพืชรุนลูก บัตรภาพตนพืชรุนพอแม บตั รภาพครอบครวั ของสัตว สีไม  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยท่ี 5 ส่ิงมีชีวิต 188 แนวการจดั การเรยี นรู (60 นาที) ข้นั ตรวจสอบความรู (10 นาท)ี 1. ครตู รวจสอบความรูเดิมเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต โดยนํา ในการตรวจสอบความรู ครู ภาพหรอื วีดิทศั นส นั้ ๆ เกีย่ วกับการสบื พันธุของปลากัดมาใหนักเรียนสังเกต เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ อาจใชวดี ิทัศนของ สสวท. ซ่ึงดาวนโหลดจากเว็บไซต shorturl.at/dzDKT ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน จากนัน้ ใหน ักเรียนรว มกันอภปิ รายโดยใชค าํ ถามดังน้ี ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง 1.1 ลูกของปลากัดเกิดขึ้นไดอยางไร (เกิดจากการสืบพันธุแบบอาศัยเพศ จากการอา นเนือ้ เร่อื ง ของพอ แมปลากดั ) 1.2 พอพันธปุ ลากดั ในวีดิทัศนม ลี กั ษณะอยางไร (นักเรียนตอบโดยใชขอมูล ทไ่ี ดจ ากการสังเกตปลากดั เพศผูในวีดทิ ศั น เชน ลําตัวสีนา้ํ เงินเขม ครีบ และหางยาวพล้ิวสีนาํ้ เงินสดใส) 1.3 แมพันธุป ลากัดในวีดิทัศนม ีลักษณะอยางไร (นักเรียนตอบโดยใชขอมูล ทไี่ ดจ ากการสังเกตปลากัดเพศเมยี ในวดี ิทัศน เชน ลําตัว ครีบ และหาง สีแดงเขม) 1.4 ลูกของปลากัดคูนี้นาจะมีลักษณะอยางไร เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบ ตามความเขา ใจ ครูยงั ไมเ ฉลยคําตอบแตใหน ักเรยี นกลับมาตอบอีกครั้ง หลังจากอานเรื่องการถายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต แลว) 2. ครูเช่อื มโยงความรูเดิมของนกั เรียนสกู ารเรยี นเรื่องการถายทอดลักษณะทาง พันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต โดยใชคําถามวา นักเรียนรูหรือไมวาลักษณะของ ส่ิงมีชีวิตรุนลูกจะเปนอยางไร เม่ือเปรียบเทียบกับรุนพอแม จากน้ันครู ชักชวนนักเรียนหาคําตอบจากการอานเร่ืองการถายทอดลักษณะทาง พนั ธกุ รรมของสิ่งมีชีวิต ข้ันฝกทกั ษะจากการอา น (30 นาท)ี 3. นักเรียนอานช่ือเร่ือง และคําถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียนหนา 79 แลวรวมกันอภิปรายเพ่ือหาคําตอบตามความเขาใจของนักเรียน ครูบันทึก คําตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใชเปรียบเทียบกับคําตอบภายหลังการ อานเน้ือเร่อื ง 4. นักเรียนอานคําสําคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอาน ไมได ครูควรสอนอานใหถูกตอง) จากนั้นครูชักชวนใหนักเรียนอธิบาย ความหมายของคําสําคญั จากเน้อื เรือ่ งท่จี ะอาน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

189 คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สิง่ มชี ีวิต 5. นักเรียนอานเน้ือเรื่องในหนังสือเรียนหนา 79-80 โดยครูฝกทักษะการอาน ถ า นั ก เ รี ย น ไ ม ส า ม า ร ถ ต อ บ ตามวิธีการอานที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูใช คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว คําถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจจากการอาน โดยใชคําถามดังน้ี คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียนคิด 5.1 เจาไตรรงคเ ปนสิ่งมชี ีวิตชนิดใด (ปลากัด) อยางเหมาะสม รอคอยอยางอดทน 5.2 เจาไตรรงคมีลักษณะอยางไร (ลําตัวรวมท้ังครีบของเจาไตรรงคมีการ แ ล ะ รั บ ฟ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง เรยี งของสีเหมอื นกับสีธงชาตไิ ทย คือ สนี ํา้ เงิน ขาว และแดง แตละสีจะ นักเรยี น เขม และตัดกันอยางชดั เจน) 5.3 เจาไตรรงคมีลักษณะเปนอยางไร เม่ือเทียบกับพอและแม (เจาไตรรงค จะมีสีน้ําเงินเหมือนท้ังพอและแม มีสีขาวและสีแดงเหมือนแม แตก ารเรยี งของสีขาว สนี า้ํ เงนิ และสแี ดง ของเจาไตรรงคไ มเ หมอื นแม) 5.4 เพราะเหตุใดสีของเจาไตรรงคจึงเหมือนพอและแม (นักเรียนตอบตาม ความเขาใจจากการอานยอหนาท่ี 1 และ 2 เชน เพราะเกิดจาก การถา ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมาจากพอ และแม) 5.5 ในเรื่องนก้ี ลา วถึงบุคคลใด (เกรกอร เมนเดล) 5.6 เกรกอร เมนเดล สงสัยในเรื่องใด (เมนเดลสงสัยวาพืชมีลักษณะตาง ๆ ไดอยางไร) 5.7 เกรกอร เมนเดล หาคําตอบในสิ่งที่สงสัยอยางไร (เมนเดลหาคําตอบ จากการทดลองผสมพันธุถ่ัวลันเตาที่มีลักษณะแตกตางกันท้ังรูปราง สีของลําตน ดอก ฝก และเมล็ด จากนั้นนําเมล็ดที่ไดจากการผสมพันธุ แตละคร้งั ไปปลูกเพื่อสงั เกตลักษณะของตน ถัว่ รนุ ลูก) 5.8 เกรกอร เมนเดล ไดคําตอบในสิ่งท่ีสงสัยหรือไม อยางไร (เกรกอร เมนเดล ไดคําตอบในส่ิงท่ีสงสัยวาลักษณะตาง ๆ ท่ีปรากฏ ในตนถ่ัวลันเตารุนลูกน้ันไดรับการถายทอดมาจากตนพอและตนแมที่ เขานาํ มาผสมพนั ธุก นั ) 5.9 การทดลองของเกรกอร เมนเดลมีประโยชนอยางไร (ผลการทดลอง ของเมนเดลทําใหรูวาลักษณะตาง ๆ ท่ีปรากฏในรุนลูกนั้นเปนลักษณะ ท่ไี ดร ับการถา ยทอดมาจากพอ และแม) 5.10ลักษณะทางพันธุกรรม คืออะไร (ลักษณะทางพันธุกรรม คือ ลักษณะที่ ถา ยทอดจากรุนพอ แมไปสูร ุนลูก) 5.11การถายทอดลักษณะทางพันธุกรรม คืออะไร (การถายทอดลักษณะ ทางพนั ธกุ รรมเปน การถา ยทอดลกั ษณะตาง ๆ จากรนุ พอแมไ ปสูรนุ ลกู )  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 ส่งิ มีชีวิต 190 5.12การถายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นไดอยางไร การเตรียมตัวลว งหนาสําหรบั ครู (การถายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมของสง่ิ มีชีวิตเกิดข้ึนไดเม่ือส่ิงมีชีวิต เพื่อจัดการเรียนรูในครง้ั ถัดไป มีการสบื พนั ธุแบบอาศยั เพศ) 5.13 จากเร่ืองน้ีนักเรียนคิดวาลักษณะใดของปลากัดท่ีเปนลักษณะทาง ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดทํา กิจกรรมที่ 1.1 ลักษณะทางพันธุกรรม พนั ธุกรรม (สีของลาํ ตวั ครีบ และหาง) ของพืชมีอะไรบาง ครูอาจเตรียมตัวอยาง ข้ันสรปุ จากการอาน (20 นาท)ี ตนพืชที่มีสวนตาง ๆ ชัดเจน มา 1 ตน 6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อใหไดขอสรุปวาส่ิงมีชีวิตเม่ือมีการ เชน มะเขือ พริก ตอยต่ิง ตอยติ่งฝร่ัง สืบพันธุ และมีลูก ลักษณะท่ีปรากฏในสิ่งมีชีวิตรุนลูกจะไดรับการถายทอด เพ่ือใหนักเรียนสังเกตสําหรับกา ร มาจากส่ิงมีชีวิตรุนพอแม ซ่ึงลักษณะท่ีมีการถายทอดจากรุนพอแมไปสูรุน ตรวจสอบความรเู ดมิ ของนักเรียน ลูก เรียกวา ลักษณะทางพันธุกรรม ครูตองเตรียมบัตรภาพตนพืชรุน 7. นักเรียนตอบคําถามจากเร่ืองที่อานใน รูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม ลูก และบตั รภาพตนพืชรุนพอแม สําหรับ หนา 66 ใช ใน ก าร ทํ ากิ จ กร ร ม ค รู ส า มา ร ถ 8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนใน ดาวนโหลดไฟลบัตรภาพโดยการสแกน รหู รอื ยังกับคาํ ตอบที่เคยตอบในคดิ กอนอาน ซงึ่ ครบู นั ทกึ ไวบนกระดาน QR code ในหนังสือเรียนหนา 81 หรือ 9. ครูชกั ชวนใหน กั เรยี นลองตอบคําถามทายเร่ืองที่อานวา ส่ิงมีชีวิตแตละชนิด จากคูมือครูนํามาพิมพสี และจัดเปนชุด มลี กั ษณะใดบางท่ีเปน ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม บัตรภาพ เพ่ือใหนักเรียนแตละกลุมใช ครูบันทกึ คําตอบของนกั เรียนบนกระดาน โดยยังไมเฉลยคําตอบ แตชักชวน สําหรับทํากจิ กรรม ใหน ักเรียนหาคําตอบจากการทํากิจกรรม สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

191 คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สง่ิ มีชีวิต ความรเู พมิ่ เติมสาํ หรับครู ส่งิ มชี วี ิตมีการสบื พันธุเ พอ่ื ดาํ รงพันธุ และทาํ ใหเ กดิ การถา ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรมจาก รุนพอแมไปสูรุนลกู การสบื พันธขุ องส่งิ มีชวี ิตมที ั้งแบบอาศัยเพศ (sexual reproduction) และ แบบไมอาศยั เพศ (asexual reproduction) การสืบพันธุแบบอาศัยเพศเปนการสืบพันธุท่ีมีการผสมกันของเซลลสืบพันธุเพศผูและเซลล สบื พันธเุ พศเมีย เกิดข้นึ ในอวยั วะหรือสว นท่มี ีการสรางเซลลสืบพันธุ ในพืชดอกมีดอกเปนอวัยวะ ทําหนาท่ีสรางเซลลสืบพันธุ สวนสัตวรวมท้ังมนุษยมีอวัยวะในระบบสืบพันธุทําหนาท่ีสรางเซลล สืบพันธุ ส่ิงมีชีวิตท่ีเกิดจากการสืบพันธุแบบอาศัยเพศจะไดรับการถายทอดลักษณะมาจากท้ังพอ และแม ทําใหล ักษณะบางลักษณะของลกู อาจเหมอื นพอ หรือเหมือนแม หรือเหมือนทั้งพอและแม หรือแตกตางจากท้ังพอและแมได ซึ่งลักษณะของลูกขึ้นอยูกับลักษณะของพอและแม ถาพอมี ลกั ษณะใดเปนลักษณะเดน ลูกจะมีลักษณะน้ันเหมือนพอ ถาแมมีลักษณะใดเปนลักษณะเดน ลูก จะมีลักษณะนั้นเหมือนแม ถาท้ังพอและแมมีลักษณะเดนทั้งคูลูกจะมีลักษณะนั้นเหมือนทั้งพอ และแมได สวนการท่ีลูกมีลักษณะบางอยางแตกตางจากท้ังพอและแมนั้นเกิดจากการท่ีพอแมมี ลักษณะดอยแฝงไวทําใหลักษณะน้ันไมปรากฏในรุนพอและแม แตมาปรากฏในรุนลูก หรืออาจ เกิดจากการทีล่ ักษณะของพอ และแมแสดงออกท้ังคู ลกู จึงมีลกั ษณะที่ผสมกันของทง้ั พอและแม ส่งิ มีชวี ติ บางชนิดนอกจากจะสบื พนั ธแุ บบอาศัยเพศแลว ยังพบการสืบพันธุแบบไมอาศัยเพศ ดวย ซึ่งการสืบพันธุแบบไมอาศัยเพศของพืชเปนการสืบพันธุท่ีพืชตนใหมพัฒนาและเจริญเติบโต มาจากสวนอื่น ๆ ท่ีไมใชดอกของพืช เชน ลําตน ใบ ราก สวนการสืบพันธุแบบไมอาศัยเพศของ สตั วก เ็ ชน กนั สัตวต ัวใหมจ ะเกิดจากการพฒั นาและเจริญเติบโตมาจากสวนตาง ๆ ของสัตวตัวเดิม การสืบพันธุแบบไมอาศัยเพศของสัตวมีหลายวิธี เชน การแตกหนอ การงอกใหม ส่ิงมีชีวิตที่เกิด จากการสืบพันธุแบบไมอาศัยเพศจะไดรับลักษณะทางพันธุกรรมทุกอยางมาจากสิ่งมีชีวิตเดิม เทา น้นั ทาํ ใหมีลักษณะทกุ อยา งเหมือนกับสง่ิ มชี วี ติ เดิม  สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 ส่ิงมีชีวติ 192 แนวคําตอบในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม การถายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เปนการถายทอดลักษณะตาง ๆ จากรนุ พอ แมไ ปสรู ุน ลูก การถายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นไดจากการท่ี สงิ่ มชี ีวติ มกี ารสืบพันธแุ บบอาศัยเพศ สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

193 คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สง่ิ มชี ีวิต กิจกรรมท่ี 1.1 ลกั ษณะทางพันธกุ รรมของพชื มอี ะไรบาง กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดสังเกตลักษณะตาง ๆ ของ พืชดอกและพืชไมมีดอก ตนรุนพอแม และตนรุนลูก และ อธบิ ายลักษณะทางพนั ธกุ รรมของพืช เวลา 2 ชว่ั โมง จดุ ประสงคก ารเรยี นรู สงั เกต วิเคราะห และอธิบายลักษณะทางพันธกุ รรม ของพชื ทม่ี ีการถา ยทอดจากรุนพอ แมส ูร นุ ลกู วัสดุ อปุ กรณส าํ หรบั ทํากจิ กรรม 1 ชุด 1 ชดุ ส่งิ ทค่ี รตู องเตรียม/กลุม 1. บัตรภาพตนพชื รุนลูก 2. บัตรภาพตน พชื รนุ พอ แม ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร S1 การสงั เกต S8 การลงความเห็นจากขอมูล S13 การตีความหมายขอมลู และลงขอสรุป ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 สอื่ การเรียนรแู ละแหลงเรียนรู หนา 81-82 หนา 67-71 C2 การคดิ อยา งมีวิจารณญาณ 1. หนังสอื เรียน ป.5 เลม 2 C4 การสือ่ สาร C5 ความรว มมือ 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.5 เลม 2  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 สิง่ มีชีวติ 194 แนวการจัดการเรยี นรู ในการตรวจสอบความรู ครูเพียง รับฟง เหตุผลของนักเรียนเปนสําคัญ 1. ครูทบทวนความรพู ้ืนฐานเก่ียวกับสวนตาง ๆ ของพืช และตรวจสอบความรู และยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ ใหกับ เดิมเก่ียวกับลักษณะทางพันธุกรรมของพืช โดยอาจใหนักเรียนสังเกตตน นักเรียน แตชักชวนนักเรียน ไปหา พืชดอก ท่มี รี าก ลาํ ตน ใบ ดอก ผล จากน้นั ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย คําตอบท่ีถูกตองจากกิจกรรมตาง ๆ โดยครูใชแนวคําถามดังตอไปน้ี ในบทเรียนนี้ 1.1 พืชตนน้ี คือตนอะไร (นักเรียนตอบชื่อพืชท่ีครูนํามาใหนักเรียนสังเกต ถา นักเรียนไมรจู กั ใหค รูบอกชื่อพชื ) 1.2 พืชดอกตนน้มี ีสวนประกอบใดบาง (ราก ลําตน ใบ ดอก และผล) 1.3 สว นประกอบแตละอยาง มีลักษณะอยางไร (นักเรียนตอบตามลักษณะ ตาง ๆ ของพืชที่สังเกตไดจริง คือ ลักษณะราก ลําตน ใบ สีใบ ดอก ลกั ษณะกลีบดอก สดี อก เชน ใบรปู รา งกลม กลบี ดอกสเี หลือง) 1.4 สวนใดของพืชดอกท่มี หี นาทสี่ ืบพันธแุ บบอาศยั เพศ (ดอก) 1.5 ถาพืชดอกตนนี้สืบพันธุแบบอาศัยเพศและมีตนลูก ตนลูกของพืชดอก ตนนี้จะมีลักษณะเปนอยางไร เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความ เขาใจ เชน พืชตนลกู จะมีสีดอกเหมอื นตน พอแม) 1.6 นอกจากกลมุ พืชดอกแลว ยังมีพชื กลมุ ใดอกี (กลุมพืชไมม ดี อก) 1.7 พืชไมมีดอกแตกตางจากพืชดอกอยางไร (พืชไมมีดอกแตกตางจากพืช ดอก ดังนี้ พืชดอก เมื่อเจริญเติบโตเต็มท่ีจะสรางดอกเพ่ือใชในการ สบื พันธุ สวนพชื ไมมดี อกไมไดใชด อกในการสบื พนั ธุ) 1.8 นักเรียนรจู ักพชื ไมมดี อกอะไรบาง (นักเรียนตอบตามประสบการณเดิม เชน เฟน มอส) 2. ครูเช่ือมโยงความรูพื้นฐานของนักเรียนไปสูกิจกรรมท่ี 1.1 โดยใชคําถามวา เมือ่ พืชมีการสืบพันธุแบบอาศยั เพศลกั ษณะของสวนตาง ๆ ของพืชตนลูกจะ เปน อยา งไรเมื่อเทยี บกับตนพอแม และลักษณะทางพันธุกรรมของพืชดอกมี อะไรบาง 3. นักเรียนอานช่ือกิจกรรม และ ทําเปนคิดเปน จากนั้นรวมกันอภิปรายเพ่ือ ตรวจสอบความเขาใจจุดประสงคในการทาํ กจิ กรรม โดยครูใชค าํ ถามดงั น้ี 3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเร่ืองอะไร (ลักษณะทางพันธุกรรมของ พชื ) 3.2 นกั เรียนจะไดเรียนรเู รือ่ งน้ดี วยวธิ ีใด (สังเกตและวเิ คราะห) 3.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายลักษณะทางพันธุกรรม ของพืชได) สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

195 คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยท่ี 5 ส่งิ มชี ีวติ 4. นกั เรยี นบนั ทึกจุดประสงคล งในแบบบันทกึ กจิ กรรม หนา 67 และ อานส่ิงท่ี ถานักเรียนไมสามารถตอบ ตอ งใชในการทาํ กจิ กรรม คาํ ถามหรืออภิปรายไดตามแนว คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียน 5. นักเรียนอาน ทําอยางไร โดยครูใชวิธีฝกทักษะการอานที่เหมาะสมกับ คดิ อยางเหมาะสม รอคอยอยาง ความสามารถของนักเรียน แลวรวมกันอภิปรายเพ่ือสรุปลําดับขั้นตอนการ อดทน และรับฟงแนวความคิด ทํากจิ กรรมตามความเขาใจของนกั เรียน โดยครใู ชค าํ ถามดงั ตอไปนี้ ของนกั เรียน 5.1 นักเรียนตองสังเกตสิ่งใดเปนอันดับแรก (สังเกตลักษณะของพืชรุนลูก จากบตั รภาพ) ขอ เสนอแนะเพ่มิ เติม 5.2 นักเรียนจะสังเกตลักษณะใดของพืชรุนลูกบาง (ลักษณะที่จะสังเกต ขน้ึ อยูกับความเขาใจของนกั เรียน เชน ลักษณะลําตน ใบ ดอก และผล 1. ครูสามารถดาวนโหลดบัตรภาพ ของพชื ) ตนพืชรุนลูก และตนพืชรุนพอแม 5.3 นกั เรียนจะสังเกตลักษณะใดของลาํ ตน ใบ ดอก และผลบาง (ขึ้นอยูกับ ไดโดย สแกน QR code ใน ความเขา ใจของนักเรียน เชน รูปรางของลําตน รูปรางใบ สีใบ ลายบน หนังสือเรียน หนา 81 นํามาพิมพ ใบ รูปรางลกั ษณะดอก กลีบดอก สดี อก รปู รา งของผล) สี และจัดเปนชุดบัตรภาพ เพ่ือให 5.4 เม่ือสังเกตลักษณะของพืชรุนลูกแลว นักเรียนบันทึกลักษณะที่สังเกตได นักเรียนแตละกลุมใชสําหรับทํา ท่ีใด (บันทึกในแบบบนั ทกึ หนา 68-69) กิจกรรม 5.5 เม่ือสังเกตลักษณะพืชรุนลูกแลว นักเรียนตองสังเกตอะไรตอ (สังเกต ลกั ษณะของตนพืชรนุ พอ แม) 2. พืชบางชนิดในบัตรภาพมีลักษณะ 5.6 นักเรียนจะสังเกตลักษณะใดของพืชรุนพอแมบาง (สังเกตลักษณะสวน บางอยางที่เฉพาะ ครูสามารถช้ี ตาง ๆ ของพชื รนุ พอแมเ ชน เดยี วกบั การสงั เกตลักษณะพืชรนุ ลูก) และบอกชื่อสวนประกอบตาง ๆ 5.7 เมื่อสังเกตทั้งพืชรุนลูกและรุนพอแมแลว นักเรียนตองทําอะไร ของพชื แตละชนิดได โดยใชขอมูล (วิเคราะห และจัดกลุมตนพืชรุนลูกกับตน พืชรุนพอแม) จากความรูเพิ่มเตมิ สาํ หรับครู โดย 5.8 เมื่อจัดกลุมพืชรุนลูกและรุนพอแมแลว นักเรียนตองทําอะไรตอไป ยงั ไมบ อกช่ือพชื แกนกั เรียน (นําเสนอผลการจัดกลุม ) 5.9 นักเรียนจะตองอภิปรายเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (อภิปรายเก่ียวกับลักษณะ ทางพันธกุ รรมของพชื ) 6. เมือ่ นกั เรียนเขาใจวธิ ีการทาํ กิจกรรมในทําอยา งไรแลว ครูแจกบัตรภาพตน พชื รุนลูก และใหนักเรยี นสงั เกตและบันทึกลกั ษณะของพืชรนุ ลูก 7. เม่ือนักเรียนสังเกตลักษณะของตนพืชรุนลูกและบันทึกผลแลว ครูแจกบัตร ภาพตนพืชรุนพอแม ใหนักเรียนสังเกตลักษณะของพืชรุนพอแม และให นกั เรยี นเร่ิมปฏบิ ัตติ ามขั้นตอนตอ ไป 8. หลังจากทํากิจกรรมแลวครูนําอภิปรายผลการทํากิจกรรม โดยใชคําถาม ดังน้ี  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยที่ 5 สง่ิ มชี ีวิต 196 8.1 นักเรียนสังเกตลักษณะใดของพืช (นักเรียนตอบตามลักษณะที่สังเกต ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละ จริง เชน รูปรางของลําตน รูปรางใบ สีใบ ลายบนใบ รูปรางลักษณะ ทักษะแหงศตวรรษที่ 21 ทน่ี ักเรียนจะ ดอก กลบี ดอก สดี อก) ไดฝก จากการทํากจิ กรรม 8.2 ผลการจัดกลุมตน พืชรุนลูกกับตนพืชรุนพอแมของนักเรียนเปนอยางไร (นกั เรียนตอบตามผลการจดั กลมุ ที่ไดจรงิ ซึ่งคาํ ตอบทถ่ี ูกตองคือ S1 การสังเกตลกั ษณะของพชื รนุ ลูก - ตนลูกตน ที่ 1 เปนลูกของ ตนพอ แม ตน ท่ี 1 (พอ ) กบั ตน ท่ี 5 (แม) และรุนพอแม - ตน ลูกตน ท่ี 2 เปน ลกู ของ ตน พอแม ตนท่ี 3 (พอ) กับตน ที่ 6 (แม) S8 อภปิ รายเกีย่ วกับลักษณะทาง - ตน ลกู ตน ท่ี 3 เปนลูกของ ตนพอ แม ตน ที่ 7 (พอ) กบั ตน ท่ี 2 (แม) พันธุกรรมของพชื - ตนลูกตน ท่ี 4 เปนลูกของ ตนพอแม ตน ท่ี 8 (พอ) กับตนที่ 4 (แม) C2, C5 วเิ คราะหแ ละจบั คตู นพชื รุน ลูกกับตน พชื รุนพอแม 8.3 นักเรียนจัดกลุมลูกกับพอแมไดอยางไร (พิจารณาจากลักษณะตาง ๆ C4 นําเสนอผลการจดั กลุม ของตนพืชรุนลูก และตนพืชรุนพอแม ท่ีมีรูปรางลักษณะเหมือนหรือ คลายคลึงกัน) ถานักเรียนไมสามารถตอบ คาํ ถามหรืออภิปรายไดตามแนว 9. ครูยกตัวอยางผลการจับคูตนพืชรุนลูกกับตนพืชรุนพอแมของนักเรียนมา คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียน 1-2 คู และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทํากิจกรรม ตามแนวคําถาม คดิ อยา งเหมาะสม รอคอยอยาง ดังน้ี จากน้นั ใหนกั เรยี นบนั ทึกผลลงในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา 68-69 อดทน และรับฟงแนวความคิด กรณที ต่ี น พืชรนุ ลูกตน ที่ 1 เปนลูกของพืชรุน พอแม ตน ท่ี 1 ของนักเรยี น (พอ) กบั ตนท่ี 5 (แม) 9.1 ลักษณะใดของลูกที่เหมือนทั้งพอและแม (นักเรียนตอบตามขอมูลที่ บันทึกในตาราง เชน ลักษณะของลําตน ลําตนเทียม รูปรางลักษณะ ของใบ สีใบ รปู รางลักษณะของดอก) 9.2 ลกั ษณะใดของลูกทเ่ี หมือนเฉพาะพอ (นักเรียนตอบตามขอมูลที่บันทึก ในตาราง เชน ตน ลูกไมมีลักษณะใดที่เหมือนเฉพาะตนพอ ซ่ึงในพอแม ลูกกลุมอ่ืน ลูกอาจมีลักษณะบางอยางเหมือนเฉพาะพอได เชน ลูกตน ท่ี 4 เปนลูกของตนท่ี 8 (พอ) และ ตนท่ี 4 (แม) ซ่ึงพบวาตนลูกมี ลักษณะของกลีบปากสีขาวและมีจุดประสีมวงเขมเหมือนตนพอ และ ตนลูกมีลักษณะลายบนใบเหมือนตนท่ี 8 (พอ) สวนตนที่ 4 (แม) ไมมี ลายบนใบ) 9.3 ลักษณะใดของลูกท่ีเหมือนเฉพาะแม (นักเรียนตอบตามขอมูลที่บันทึก ในตาราง เชน ตนลูกไมมีลักษณะใดที่เหมือนเฉพาะตนแม ซ่ึงในพอแม ลูกกลุมอื่น ลูกอาจมีลักษณะบางอยางเหมือนเฉพาะแมได เชน ลูกตน ท่ี 3 เปนลูกของตนที่ 2 (พอ) และ ตนท่ี 7 (แม) ซึ่งพบวาตนลูกมี ลกั ษณะใบชายตง้ั ข้ึนเหมอื นตน แม) สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

197 คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สง่ิ มชี ีวติ 9.4 ลกั ษณะใดของพืชรุนลูกท่ีแตกตางจากท้ังพอและแม และแตกตางกัน ถานักเรียนไมสามารถตอบ อยางไร (นกั เรียนตอบตามขอมลู ทบี่ ันทึกในตาราง เชน ในกรณีลูกตน คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว ท่ี 1 มีสีของกลีบดอกที่แตกตางจากตนพอและตนแม แตเปนสีที่เกิด คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียน จากการผสมสีของตนพอและตนแม นั่นคือ ลูกมีกลีบดอกสีสม คิดอยางเหมาะสม รอคอยอยาง ที่กลางกลีบปากมีสีเหลือง ซึ่งกลีบดอกสีสมเกิดจากการผสมของสี อดทน และรับฟงแนวความคิด เหลือง (พอ ) กับสแี ดง (แม) สวนสีเหลืองที่กลางกลีบปากไดมาจากท้ัง ของนกั เรยี น พอ และแม) การเตรียมตวั ลวงหนา สาํ หรับครู 9.5 ลกั ษณะตา ง ๆ ที่ปรากฏในตน พชื รุนลูก เกิดข้ึนไดอยางไร (ตนพืชรุน เพอ่ื จัดการเรียนรูในครง้ั ถดั ไป ลกู มีลกั ษณะตาง ๆ เพราะไดร บั การถายทอดมาจากตน พชื รนุ พอ แม) ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดทํา 9.6 ลักษณะใดท่ีเปนลักษณะทางพันธุกรรมของพืช เพราะเหตุใด กิจกรรมที่ 1.2 ลักษณะทางพันธุกรรมของ (ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช เชน รูปรางลักษณะของลําตน ใบ สัตวมีอะไรบาง ครูตองเตรียมส่ือตาง ๆ และดอก สีของลําตน ใบ และดอก เพราะเปนลักษณะท่ีมีการ เพอ่ื ใชในการเรยี นการสอนดงั น้ี ถา ยทอดจากรุน พอแมไปสรู ุนลกู ) 1. บัตรภาพครอบครัวของสัตว ซึ่ง 10. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปวาพืชมีการถายทอด สามารถดาวนโหลดไฟลบัตรภาพ ลักษณะทางพันธุกรรมจากตนพืชรุนพอแมไปสูรุนลูก ลักษณะทาง โดยการสแกน QR code ในหนังสือ พันธุกรรมของพืชมีหลายลักษณะ เชน ลักษณะลําตน รูปรางของใบ เสน เรียนหนา 83 นํามาพิมพสี และ ใบและลายบนใบ รูปรางลักษณะของดอก ลักษณะของกลีบดอก สีดอก จัดเปนชุดบัตรภาพ เพ่ือใหนักเรียน ซึ่งลักษณะเหลาน้ีของลูกบางอยางอาจเหมือนพอ เหมือนแม เหมือนทั้ง แตล ะกลุมใชส าํ หรบั ทํากิจกรรม พอ และแม หรือแตกตางจากทงั้ พอ และแมไ ด (S13) 2. บัตรคําช่ือสัตวที่หลากหลาย และ 11. นกั เรยี นรวมกนั อภิปรายเพื่อตอบคําถามใน ฉนั รอู ะไร โดยครอู าจใช ครบทั้ง 5 กลุม ไดแก กลุมปลา คําถามเพ่มิ เติมในการอภิปรายเพอ่ื ใหไ ดแ นวคําตอบท่ีถูกตอง กลุมสัตวสะเทินน้ําสะเทินบก กลุม สัตวเล้ือยคลาน กลุมนก และกลุม 12. นักเรยี นอาน สิ่งท่ไี ดเรียนรู และเปรยี บเทียบกับขอสรุปทไ่ี ดจ ากการ สัตวเล้ียงลูกดวยนํ้านม เพื่อใชใน อภิปราย การตรวจสอบความรูเดมิ ของนกั เรยี น 13. ครูกระตนุ ใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเกย่ี วกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรูเพิ่มเติม ใน อยากรูอกี วา จากนั้นครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอคําถามของ ตนเองหนาช้ันเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับคําถามท่ี นําเสนอ 14. ครูนําอภิปรายเพื่อใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษที่ 21 อะไรบางในขั้นตอนใด แลว บันทกึ ลงในแบบบันทกึ กิจกรรมหนา 71  สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยท่ี 5 สงิ่ มชี ีวิต 198 บตั รภาพตน พืชรุน ลูก สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

199 คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 ส่งิ มีชีวติ บตั รภาพตนพชื รนุ พอแม  สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยที่ 5 ส่งิ มีชีวติ 200 ท่มี าของบตั รภาพ 1. กลวยไมแ คทลียา สวนชนกนนั ทอ อคิด 2. กลว ยไมร องเทานารี คุณเศรษฐพัส สบื พงศภ ิญโญ 3. เฟนชายผา สีดา คุณวรรณา พินจิ ไพทูรย สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

201 คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยที่ 5 สิ่งมชี ีวติ ความรูเ พมิ่ เตมิ สําหรบั ครู ลกั ษณะและโครงสรางของพืชท่ีใชในกจิ กรรม 1.1 กลว ยไม แคทลยี า  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สง่ิ มชี ีวติ 202 ความรูเ พิ่มเติมสาํ หรับครู ลกั ษณะและโครงสรางของพืชทีใ่ ชใ นกิจกรรม 1.1 กลว ยไม รองเทานารี สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

203 คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยท่ี 5 สิง่ มชี ีวติ ความรูเพ่ิมเตมิ สําหรบั ครู ลกั ษณะและโครงสรางของพชื ทใี่ ชใ นกิจกรรม 1.1 เฟน ขา หลวงหลังลาย  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนว ยที่ 5 สง่ิ มชี ีวติ 204 ความรูเพม่ิ เติมสําหรับครู ลกั ษณะและโครงสรางของพืชที่ใชใ นกิจกรรม 1.1 เฟน ชายผาสีดา (แบบท่ี 1) สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

205 คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สิ่งมชี ีวติ ความรูเพมิ่ เติมสาํ หรบั ครู ลักษณะและโครงสรางของพืชท่ีใชใ นกจิ กรรม 1.1 เฟน ชายผาสดี า (แบบที่ 2)  สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 สง่ิ มชี ีวติ 206 แนวคําตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม สงั เกต วิเคราะห และอธิบายลักษณะทางพนั ธกุ รรมของพืชทีม่ ีการ ถา ยทอดจากรุน พอแมสรู นุ ลูก สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

นกั เรียนบันทกึ ลกั ษณะทส่ี งั เกตตามการสังเกตจรงิ เชน 207 คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 ส่งิ มีชีวติ  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีลักษณะใบ ลกั ษณะกลีบดอก ลกั ษณะสีดอก 1 (พอ) ลาํ ตนเทยี มเปนขอ ปลอ ง ใบสเี ขยี ว รปู รางยาวรี ขอบเรียบ มี 6 กลบี กลบี ปากมขี อบหยักกลีบดอกสสี ม ตรงกลางของ 5 (แม) ลําตนเทยี มเปนขอ ปลอ ง กลีบปากสีเหลอื ง ลาํ ตน เทยี มเปนขอ ปลอ ง 3 (พอ ) ใบสเี ขยี ว รปู รา งยาวรี ขอบเรียบ มี 6 กลบี กลีบปากมีขอบหยกั กลีบดอกสเี หลอื ง ตรงกลางของกลีบปากสีแดง 6 (แม) ไมเห็นลาํ ตน ใบสเี ขยี ว รปู รางยาวรี ขอบเรยี บ มี 6 กลีบ กลีบปากมีขอบหยักกลบี ดอกสเี หลอื ง ตรงกลาง ของกลบี ปากสแี ดง ปลายใบเปนแฉก ขอบหยัก ไมมดี อก ไมมดี อก ไมเ ห็นลาํ ตน ปลายใบเปน แฉก ขอบหยกั ไมม ดี อก ไมม ดี อก ไมเ หน็ ลําตน ปลายใบเปนแฉก ขอบหยัก ไมม ดี อก ไมมีดอก

ลักษณะใบ ลกั ษณะกลีบดอก ลักษณะสดี อก ไมมดี อก ไมเ ห็นลําตน มี 2 แบบ ใบกาบควํา่ ลงใบชายตั้งขน้ึ เปนแฉก ไมม ีดอก ไมมีดอก 7 (พอ) ไมเหน็ ลําตน ไมม ีดอก 2 (แม) ไมเ ห็นลําตน คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยท่ี 5 สง่ิ มีชีวิต 208มี 2 แบบ ใบกาบตงั้ ขนึ้ ใบชายหอยลง เปนแฉก ไมม ีดอก มี 2 แบบ ใบกาบควา่ํ ลง ใบชายตั้งขึน้ เปนแฉก ไมมีดอก สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี  ไมเหน็ ลําตน ใบรปู รา งยาวรี มี 3 กลบี ดอกเปนแผนกลม กลีบดอกสีมว งแดงเขม สีเขียวมจี ดุ ประสขี าว ไมเ ห็นลําตน ใบรูปรา งยาวรี ตน พอ กลีบปากเปน กระเปาะ มีจุดประสขี าวท่ขี อบ ไมเ หน็ ลําตน 8 (พอ) ใบมมี ีจดุ ประสขี าว ตนแม ทงั้ ตนพอ และแม มี 3 กลีบเปน กลบี ดอกสมี ว งแดงเขม มีจดุ ประสขี าวทข่ี อบ ใบไมม จี ดุ ประสขี าว 4 (แม) แผนกลม กลบี ปากเปน กระเปาะ กลีบดอกสมี วงแดงเขม มจี ดุ ประสขี าวทีข่ อบ กลีบปากสขี าวลว น รปู ราง ลักษณะ และสี ของลาํ ตน ใบ ดอก

209 คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.5 เลม 2 | หนวยที่ 5 ส่งิ มชี ีวิต รูไดจากการสังเกต และเปรยี บเทียบลักษณะตาง ๆ ของตนพืชรนุ ลูกและตน พชื รนุ พอ แม ได โดยตน พืชรนุ ลูกอาจมลี ักษณะบางอยา งท่เี ปนลกั ษณะผสมของตน พืชรุน พอแม หรือ เปน ลักษณะท่ีไมมใี นรุนพอแม เชน ตนพืชรนุ ลกู มีสีดอก แตกตา งจากรุนพอ แม ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของพืช เชน รปู ราง ลกั ษณะ และสี ของลาํ ตน ใบ ดอก เพราะ เปน ลักษณะที่มกี ารถายทอดจากรนุ พอ แมไ ปสูรนุ ลูก เมอื่ สงั เกตรูปรา งลกั ษณะของลาํ ตน ใบ ดอก สีของลาํ ตน ใบ ดอก ของตน พืชรนุ ลูก และตนพืชรุนพอแม พบวาตน พืชรุนลกู มีลักษณะบางอยางเหมอื นตน พอ บางอยา ง เหมอื นตนแม บางอยางเหมือนทงั้ ตน พอตน แม บางอยางแตกตางจากทง้ั ตน พอตน แม ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของพืชเปน ลักษณะท่ีมกี ารถา ยทอดจากรนุ พอ แมไปสรู นุ ลกู ซ่ึงมี หลายลักษณะ เชน ลกั ษณะลําตน รปู รา งของใบ เสน ใบและลายบนใบ รูปรา งลกั ษณะ ของดอก ลกั ษณะของกลีบดอก สีดอก  สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี