Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.2

(คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.2

Published by แชร์งานครู Teachers Sharing, 2021-01-19 11:52:10

Description: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.2
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
เล่ม 2
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Keywords: (คู่มือ)หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 ล.2,คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์,กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560),หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

คูมอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วัสดแุ ละสสาร 10 ความทนทานตอการขูดขีดของวสั ดุ หรือความทนทานตอ การเกดิ รอย ของวัสดุเมอื่ มีแรงมากระทาํ นําวัสดุมาขูดขีดกนั และสงั เกตรอยท่ีเกดิ ขึน้ บนเนอ้ื วัสดทุ ถ่ี ูกขูดขดี วสั ดุทถ่ี ูก ขูดขดี แลว ไมเ กดิ รอยแสดงวา มีความแข็งกวา วสั ดุท่ใี ชข ูดขดี การเปลยี่ นแปลงสภาพของวัสดุเมอ่ื มแี รงมากระทําและสามารถ กลับสสู ภาพเดมิ เมือ่ หยุดออกแรงกระทาํ ออกแรงดงึ วัสดุ สงั เกตสภาพของวัสดุกอ นออกแรงดงึ การเปลี่ยนแปลงของ วสั ดขุ ณะออกแรงดึงและสภาพของวสั ดุเมอื่ หยดุ ออกแรงดงึ วัสดุทีไ่ ดรับแรงกระทาํ แลว มี สภาพเปลย่ี นแปลง เชน รูปราง และเมอ่ื หยดุ แรงกระทําวสั ดุนน้ั กลบั สสู ภาพเดมิ แสดงวา การถา ยโอนความรอ นจากบรเิ วณท่มี ีอุณหภมู สิ งู กวาไปยงั บรเิ วณทม่ี อี ุณหภูมติ า่ํ กวา โดยผานอนุภาคของวสั ดุ การใหค วามรอ นท่ีปลายดา นหนึ่งของแทงวสั ดุ และสงั เกตการเปลีย่ นแปลง อุณหภูมทิ ีป่ ลายอีกดานหน่ึงของวัสดุ วสั ดทุ ี่มกี ารเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมไิ ดเ รว็ แสดงวานําความ รอนไดดี การที่มกี ระแสไฟฟา ผา นวัสดุ การนาํ วัสดุไปตอ ในวงจรไฟฟาอยาง งายท่ีประกอบดวย เซลลไ ฟฟา หลอดไฟฟาและ สายไฟฟา วัสดทุ ที่ ําใหห ลอดไฟฟา ในวงจรไฟฟา สวาง แสดงวา นําไฟฟา สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

11 คูม อื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร เร่อื งท่ี 1 ความแขง็ ของวัสดุ เรื่องนี้นักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับสมบัติและวิธี ทดสอบความแข็งของวัสดุและการนําความรูเร่ืองความ แขง็ ของวสั ดุไปใชประโยชน จุดประสงคก ารเรียนรู 1. ทดลอง อธิบายและเปรียบเทียบ ความแข็งของวัสดุ ชนิดตาง ๆ 2. สืบคนขอมูลและยกตัวอยางการนําสมบัติความแข็ง ของวสั ดุมาใชประโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั เวลา 2 ช่ัวโมง วัสดุ อุปกรณส ําหรับทํากจิ กรรม สือ่ การเรียนรแู ละแหลงเรียนรู แผนไม แผนกระจก แผนเหล็ก แผนพลาสติก แผน 1. หนงั สอื เรยี น ป.4 เลม 2 หนา 4 - 9 อะลูมเิ นียม 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม ป.4 เลม 2 หนา 4 - 9  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วสั ดแุ ละสสาร 12 แนวการจัดการเรยี นรู (30 นาที) ข้นั ตรวจสอบความรู (5 นาท)ี 1. นกั เรยี นสงั เกตแผน ไมกับกอนดินน้ํามัน จากนั้นครูตรวจสอบความรูเดิม ในการตรวจสอบความรู ครู เกีย่ วกับความแข็งของวัสดุโดยใชค ําถามดังนี้ เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ 1.1 แผนไม กับดินน้ํามัน มีสมบัติอะไรท่ีแตกตางกัน (สี กลิ่น เนื้อวัสดุ ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน ความแข็ง) ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง 1.2 นักเรียนคิดวาวัสดุใดแข็งกวากัน ทราบไดอยางไร (นักเรียนตอบ จากการอานเนือ้ เร่ือง ตามความเขาใจ) 1.3 นกั เรียนคิดวา ความแขง็ คอื อะไร (นักเรียนตอบตามความเขา ใจ) 1.4 นักเรียนคิดวาการทดสอบความแข็งทําไดอยางไร (นักเรียนตอบ ตามความเขา ใจ) ครูเชื่อมโยงประสบการณเดิมของนักเรียนสูการเรียนเรื่องความแข็ง ของวัสดุและชกั ชวนนกั เรียนอา นเรื่องความแข็งของวสั ดุ ขั้นฝกทกั ษะจากการอาน (20 นาท)ี นักเรียนอาจไมสามารถตอบ คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว 2. นักเรียนอาน ชื่อเรื่อง และคําถามใน คิดกอนอาน ในหนังสือเรียนหนา คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียนคิด อยางเหมาะสม รอคอยอยางอดทน 4 แลวรวมกันอภิปรายในกลุมเพื่อหาคําตอบใน คิดกอนอาน ครูบันทึก แ ล ะ รั บ ฟ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง นกั เรยี น คําตอบไวบนกระดาน เพ่ือยอนกลับมาตรวจสอบอีกครั้งหลังจากอาน เนื้อเรอ่ื งแลว 3. นักเรียนอานคําใน คําสําคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หาก นักเรียนอานไมได ครูควรสอนการอานใหถูกตอง) จากนั้นใหนักเรียน อธิบายความหมายตามความเขาใจ และชักชวนใหหาความหมายที่ ถูกตอ งหลังจากการอา นเนือ้ เร่ือง 4. นกั เรียนอานเน้ือเร่อื ง ครใู ชว ิธกี ารอา นทเี่ หมาะสมกับความสามารถของ นกั เรียน จากนั้นรว มกันอภิปรายใจความสาํ คัญตามแนวคาํ ถามดงั นี้ 4.1 พอเพียงและเพื่อนๆ ไดรับมอบหมายใหทําอะไร (สืบคนขอมูล เกี่ยวกบั วสั ดุทค่ี นในสมยั โบราณใช) 4.2 ส่ิงท่ีพอเพียงและเพ่ือนๆ เลือกสืบคนคืออะไร (สืบคนวัสดุท่ีใช สรางปราสาทหิน) สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

13 คูม ือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร 4.3 พอเพียงมีวิธีสืบคนขอมูลอยางไร (สืบคนโดยใชโปรแกรมการดู การเตรยี มตวั ลว งหนาสาํ หรบั ครู แผนที่บนอินเทอรเ น็ต) เพื่อจัดการเรยี นรูในครง้ั ถัดไป 4.4 พอเพียงและเพื่อนๆ เลือกสืบคนปราสาทหินชื่ออะไร (ปราสาท ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํา หนิ พิมาย) กิจกรรมท่ี 1 วัสดุแตละชนิดมีความแข็ง เปนอยางไร โดยครูเตรียมวัสดุอุปกรณ 4.5 ปราสาทหนิ ทําจากวสั ดุอะไร (หนิ ) ดังน้ี กระดาษปรูฟ 1 แผน /หอ งเพอื่ เขียน 4.6 หินนํามาใชทําสวนใดของปราสาทหินบาง (ทําตัวปราสาท ตารางสรุปผลการทดลองของทั้งหอง และ มอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมเตรียม ทางเดนิ ) กระเบ้ืองดินเผาและกระเบื้องเคลือบเพ่ือ 4.7 หินมสี มบัติอยางไรจงึ นํามาใชทําปราสาทหิน (มีความแข็ง) ใชในกิจกรรม 4.8 ความแข็งคืออะไร (ความทนทานตอการขูดขีดทําใหเกิดรอยได ยาก) 4.9 อุปกรณแกะสลักหินควรมีความแข็งมากกวาหรือนอยกวาหิน (นกั เรียนตอบตามความเขาใจ) ขั้นสรปุ จากการอา น (60 นาที) 5. ครูและนักเรียนชวยกันสรุปเรื่องท่ีอานซึ่งควรสรุปไดวาในสมัยโบราณ คนนําหินมาสรางปราสาทหินเนื่องจากหินเปนวัสดุที่มีความแข็งมาก ความแข็งคอื ความทนทานตอการขูดขดี ทําใหเ กิดรอยไดย าก 6. นกั เรียนตอบคําถามใน รูห รือยัง ในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา 4 7. ครูและนักเรยี นรว มกันอภิปรายเพ่ือเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนใน รูหรือยังกับคําตอบที่เคยตอบและบันทึกไวในคิดกอนอาน และแกไข คาํ ตอบทีผ่ ิดในคิดกอนอา นใหถูกตอง 8. ครูชักชวนนักเรียนลองตอบคําถามทายเรื่องท่ีอาน ดังนี้ เราทดสอบ ความแข็งของวัสดุไดอยางไร ซ่ึงควรตอบไดวา นําวัสดุแตละชนิดมาขูด ขีดกันวัสดทุ แ่ี ข็งนอ ยกวา จะเกดิ รอย  สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วสั ดแุ ละสสาร 14 แนวคาํ ตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม หินเปน กอน มีความแข็งมาก คนสมัยโบราณนาํ หินมาทาํ เปน ปราสาทหิน ความแขง็ คอื ความทนทานตอการขูดขีด เกิดรอยไดย าก สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

15 คูม ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดุและสสาร กิจกรรมท่ี 1 วสั ดแุ ตล ะชนดิ มคี วามแข็งเปน อยา งไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดทดลองเรื่องความแข็งของ วัสดุโดยนําวัสดุแตละชนิดมาขูดขีดกันแลวสังเกตรอยบน เน้ือวัสดุเพื่อเปรียบเทียบความแข็งของวัสดุแตละชนิด และสืบคนขอมูลเพ่ือยกตัวอยางการนําสมบัติความแข็ง ของวสั ดุมาใชประโยชน เวลา 1.5 ชัว่ โมง จุดประสงคการเรียนรู 1. ทดลอง อธบิ ายและเปรียบเทียบความแข็งของวัสดุ ชนิดตา ง ๆ 2. สบื คนขอมลู และยกตวั อยา งการนาํ สมบัติความแข็ง ของวัสดมุ าใชประโยชนในชวี ิตประจําวนั วสั ดุ อุปกรณสําหรับทาํ กจิ กรรม สิง่ ที่ครูตอ งเตรยี ม/กลุม ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 1. แผน ไม ขนาด 10 x 10 cm 1 แผน C2 การคิดอยางมีวิจารณญาณ 2. แผนพลาสตกิ ขนาด 10 x 10 cm 1 แผน C4 การสอ่ื สาร 3. แผนเหลก็ ขนาด 10 x 10 cm 1 แผน C5 ความรว มมือ 4. แผนกระจก ขนาด 10 x 10 cm 1 แผน C6 การใชเทคโนโลยสี ารสนเทศ 5. แผนอะลมู เิ นยี ม ขนาด 10 x 10 cm 1 แผน ส่ือการเรยี นรแู ละแหลงเรียนรู 6. กระดาษปรูฟ 1 แผน 1. หนงั สอื เรยี น ป.4 เลม 2 หนา 6-9 สง่ิ ที่นักเรยี นตอ งเตรียม/กลุม 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.4 เลม 2 หนา 5-9 1. กระเบ้ืองเคลือบและกระเบ้อื งดนิ เผา อยางละ 1 ช้นิ 3. ตัวอยางวีดิทศั นป ฏิบตั ิการวิทยาศาสตรเ รื่องวสั ดุ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร แตละชนดิ มคี วามแข็งเปน อยางไร S1 การสังเกต http://ipst.me/8058 S6 การจดั กระทาํ และสอ่ื ความหมายขอมูล S8 การลงความเหน็ จากขอมูล 4. ส่อื เสริมเพิ่มความรู เรือ่ งความแข็ง S9 การตง้ั สมมติฐาน S10 การกําหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั ิการ S11 การกําหนดและควบคมุ ตวั แปร S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอ สรปุ  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วัสดุและสสาร 16 แนวการจัดการเรียนรู ขอเสนอแนะเพ่มิ เตมิ 1. นักเรียนแตล ะกลมุ สังเกตลักษณะกระเบ้อื งดินเผาและ กระเบอ้ื ง ตัวอยา ง ตารางบนั ทึกผล เคลือบ ครูอาจใหบ างกลุมนําเสนอสิง่ ท่สี งั เกตเพ่ือตรวจสอบทักษะ การสังเกตใหตรงกัน แลวถามตอไปวาวสั ดุทั้งสองมคี วามแขง็ วัสดุที่ถูกขีด ไม พลาสตกิ อะลมู เิ นยี ม กระจก เหลก็ ตา งกนั หรอื ไมอยา งไร ครูรบั ฟง คําตอบท่ีอาจแตกตางกัน (ครูจด คําตอบท่ีนา สนใจไวบ นกระดาน) วัสดุทใี่ ชขดู ขดี ไม 2. ครูชักชวนนักเรียนใหคิดและเสนอวิธีตรวจสอบวาวัสดุ 2 ชนิดน้ัน พลาสตกิ ชนิดใดแข็งกวากันซ่ึงครูอาจชวยโดยใหนึกถึงเร่ืองท่ีอานมาแลว อะลุมเิ นียม เพื่อใหไดขอเสนอวาตองนําวัสดุ 2 ชนิด มาขูดขีดกัน จากน้ันนํา กระจก อภิปรายถึงวิธีตรวจสอบความแข็งของวัสดุ (นักเรียนตอบตาม เหลก็ ความเขาใจ เชน นักเรียนอาจจะตอบวา วัสดุท่ีแข็งนอยกวา จะ เกดิ รอย) 3. นักเรียนเริ่มทดสอบความแข็งของกระเบ้ืองดินเผาและกระเบ้ือง เคลือบโดยใชวัสดุทั้งสองชนิดขีดกันและกัน โดยออกแรงใหมาก พอและ สังเกตรอยที่ลบไมออกบนผิววัสดุ อนึ่งกอนการทดสอบ ครูควรใหนักเรียนใชกระดาษหนังสือพิมพปูรองโตะกอนเพ่ือจะได ไมเ กดิ ความเสยี หายกับโตะเรียน 4. ใหนักเรยี นกลมุ หน่งึ นําเสนอวิธที ดสอบความแข็งของวัสดุและผลท่ี ได โดยครูชวยเขียนสรุปบนกระดาน กลุมอ่ืน ๆ อาจเพ่ิมเติมหรือ แกไขจนไดขอสรุปวา เมื่อผลัดกันใชวัสดุ 2 ชนิดขีดกันวัสดุท่ีไม เกิดรอยในเน้ือจะแข็งกวาวัสดุท่ีเกิดรอยในเนื้อ ท้ังน้ีเพ่ือใหเขาใจ ตรงกันเกยี่ วกบั วิธีทดสอบและเปรยี บเทยี บความแข็งของวัสดุอ่ืนๆ แลว จงึ ใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรมที่ 1 5. นักเรียนอานชื่อกิจกรรมวัสดุแตละชนิดมีความแข็งเปนอยางไร และ ทําเปนคิดเปน โดยรวมกันอภิปรายทีละประเด็นเพื่อ ตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับจุดประสงค ในการทํากิจกรรมโดย ใชคําถามดงั นี้ 5.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเร่ืองอะไร (ความแข็งของวัสดุ แตล ะชนิด) 5.2 นักเรียนจะไดเรียนรูเรื่องนี้ดวยวิธีใด (ทดลองและสืบคน ขอมลู ) สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

17 คมู อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วสั ดุและสสาร 5.3 เม่ือเรยี นแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายและเปรียบเทียบ ความแข็งของวัสดุชนิดตาง ๆ ไดและยกตัวอยางการนําสมบัติ ความแข็งของวัสดมุ าใชป ระโยชน) นกั เรียนบันทึกจุดประสงคล งในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา 5 และ อาน ส่ิงท่ีตองใชในการทํากิจกรรม ครูยังไมแจกวัสดุอุปกรณให นกั เรียน แตนํามาแสดงใหนักเรียนดทู ลี ะอยาง 6. นักเรียนอาน ทําอยางไร ทีละขอแลวรวมกันอภิปรายเพื่อสรุป ลําดับขั้นตอนตามความเขาใจโดยครูอาจชวยเขียนสรุปส้ัน ๆ บน กระดานและนําอภิปรายตามแนวคําถามดังตอ ไปน้ี นักเรียนตองทําอยางไรกับวัสดุท้ัง 5 ชนิด (สังเกตลักษณะของ วัสดแุ ตละชนิด เลือกวัสดุมา 1 ชนิดและต้ังสมมติฐานวาวัสดุน้ันมี ความแข็งเปนอยางไรเม่ือเทียบกับวัสดุท่ีเหลือ ระบุตัวแปรที่ เกี่ยวของ ออกแบบการทดลองและตารางบันทึกผลและทําการ ทดลองตามทีอ่ อกแบบไว) ครูอาจสรุปลําดับการทํากิจกรรมพอเปนแนวทาง เชน เลือกวัสดุ  ต้ังสมมติฐาน  ระบุตัวแปร  วิธีการตรวจสอบความแข็ง  ออกแบบการทดลอง  กําหนดอุปกรณ  ออกแบบตาราง บันทึกผล  ทําการทดลอง  บันทึกผล สืบคนขอมูล  นาํ เสนอ  อภปิ ราย 7. นักเรียนรวมกนั อภปิ รายภายในกลมุ เพอื่ ต้ังสมมติฐาน ระบุตัวแปร ออกแบบการทดลอง และตารางบนั ทกึ ผล 8. ครูเลือกตัวแทน 1 กลุมนําเสนอผลการอภิปราย ครูเขียนผลการ อภิปรายของนักเรียนบนกระดานแลวนําอภิปรายโดยใชคําถาม ตอ ไปน้เี พอื่ เปน แนวทางในการปรับปรงุ ผลงานของกลมุ อนื่ ๆ 8.1ถาจะเปรียบเทียบความแข็งของวัสดุแตละชนิดจะตองทํา อยางไร (นําวัสดุที่ตองการเปรียบเทียบมาทดสอบโดยขูดขีด ซงึ่ กนั และกันสังเกตรอยทีเ่ กิดขึน้ บนวัสดทุ ัง้ สองชนิด) 8.2ทราบไดอ ยา งไรวาวสั ดุชนิดใดแข็งกวากัน (วัสดุท่ีแข็งกวาจะ ไมเ กดิ รอย) 8.3 ในการทดลองนี้ ส่ิงที่กําหนดใหตางกันหรือตัวแปรตนคืออะไร (วสั ดุทน่ี าํ มาขูดขีดกัน) 8.4 ส่ิงท่ีเฝาติดตามหรอื สงั เกตในการทดลองน้ี (ตวั แปรตาม) คืออะไร (รอยที่เกดิ ขน้ึ จากการขดี จัดเปนตวั แปรตาม)  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วัสดแุ ละสสาร 18 8.5 ส่ิงท่ีกําหนดใหเหมือนกันหรือเทากันมีอะไรบาง (แรงที่ขูดขีด ขอ เสนอแนะเพ่ิมเติม จํานวนครั้งที่ขูดขีด ผูที่ขูดขีด ตําแหนงท่ีขีด จัดเปนตัวแปรท่ี ตอ งควบคุมใหคงท)ี่ นักเรียนท่ีมีความสามารถสูง ครู อาจกําหนดใหสํารวจวัสดุท่ีหลากหลาย 8.6 การทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมติฐานทําไดอยางไร (นําวัสดุแต มากขน้ึ เพื่อนํามาทดสอบความแข็งของ ละชนิดมาขูดขีดซ่ึงกันและกัน สังเกตและบันทึกการเกิดรอย วัสดุโดยใหระบุตัวแปรตนที่แตกตางไป หรอื ไมเ กดิ รอย) จากกิจกรรมเดมิ 8.7 ตารางบันทึกผลที่ออกแบบไวเปนอยางไร (นักเรียนตอบตามที่ หากนักเรียนไมสามารถ ออกแบบไว) ตอบคําถามหรืออภิปรายไดตาม แนวคําตอบ ครูควรใหเวลา 8.8 เมอ่ื แตล ะกลุมไดผลการทดลองของตนเองแลว ตองทําอยางไร นักเรียนคิดอยางเหมาะสม รอ (นาํ เสนอผลการทดลองของกลุมและนําผลการทดลองมาเขียน คอยอยางอดทน และรับฟง รวมกันในตารางบนกระดาน) ี ตอจากนั้นจึงใหแตละกลุมตกลงเลือกวัสดุที่จะนําไปออกแบบการ ทดลองของตนเองโดยอาจใชการตกลงกันหรือสุมเลือกก็ไดโดยทั้งหองควร เลือกวสั ดุใหค รบทุกชนดิ และวสั ดุแตล ะชนิดควรมนี กั เรียนเลือก 2 กลมุ 9. เมื่อนักเรียนเขาใจวิธีทํากิจกรรมในทําอยางไร แลว นักเรียนจะไดปฏิบัติ ตามข้ันตอน ดงั นี้ 9.1 สงั เกตลักษณะของวัสดุแตล ะชนดิ (S1) 9.2 ต้ังสมมติฐานและระบุตัวแปรเพ่ือทดสอบเก่ียวกับความแข็งของ วัสดุ (S9,S11) 9.3 ออกแบบการทดลอง ตารางบันทึกผล และรว มกันอภิปรายสรุปวิธี ทดสอบความแขง็ ของวัสดุ (S10, S12) 9.4 เรมิ่ การทดลองตามวิธที สี่ รุปไว (S12) 9.5 นาํ เสนอและลงขอ สรปุ เก่ยี วกับความแข็งของวสั ดุ (S8, S13) (C4) 9.6 สบื คน ขอ มูลเกีย่ วกับการใชประโยชนจากความแขง็ ของวสั ดุ (C6) ขณะทดลอง ครูควรสังเกตการทํางานรวมกัน และความใสใจในการ ควบคุมตัวแปรและการสังเกตผล เชน การควบคุมขนาดของแรงท่ีใช ในการขดู ขีดวสั ดุแตล ะชนิด การทดลองซํ้าดวยขนาดของแรงท่ีมากขึ้น ถาไมเกิดรอยขีด การสงั เกตลักษณะของรอยท่ีเกิดข้นึ วา เปนรอยในเน้ือ วัสดุ หรือเกดิ จากเนอ้ื ของวัสดุอกี ชนิดมาติดทีผ่ ิวกอ นจะใหน ําเสนอ 10.เมอ่ื เสร็จสน้ิ การทดลองใหน กั เรียนเก็บอุปกรณที่ใชแลวใหเรียบรอย จากน้ัน ตัวแทนของกลุมนําเสนอผล ขณะที่นําเสนอใหลงความเห็นดวยวาวัสดุของ กลุมตนแข็งกวาวัสดุใดบางเพราะเหตุใด หากมีความเห็นขัดแยงกับเพ่ือน กลุมอืน่ ครูควรใหโอกาสนาํ อปุ กรณมาตรวจสอบใหมเ พ่ือยนื ยนั ผล สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

19 คมู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร 11. ครูตั้งคําถามใหคิดตอไปวา ถาตองการเปรียบเทียบความแข็งของวัสดุให การเตรียมตวั ลวงหนา สาํ หรับครู ครบทุกชนิด ควรออกแบบการทดลองและตารางบันทึกผลการทดลอง เพอ่ื จัดการเรียนรใู นครงั้ ถดั ไป อยางไร (ตองนาํ วัสดุแตละชนิดมาขูดขีดซึ่งกันและกันใหครบ และออกแบบ ตารางเพ่อื บนั ทึกการเกดิ รอยบนวัสดใุ หครบทุกชนดิ ) ในครั้งถดั ไป นกั เรยี นจะไดเรียนเร่ือง สภาพยืดหยุนของวัสดุ ครูเตรียมฟองนํ้า 12. ครูใหนําผลการทดลองของทุกกลุมมาบันทึกลงในตารางเดียวกันบน และดินน้ํามัน เพ่ือนํามาใชในการสาธิต กระดาน (ครูควรเตรียมตารางสรุปผลดังตัวอยา งเพ่ือนําไปติดบนกระดาน ดู หนาชนั้ เรยี น เฉลยในตารางท่ี 1) แลว อภิปรายเพ่อื หาขอสรปุ จากขอมูลในตารางโดยใชคาํ ถามตอไปน้ี 12.1 วัสดุใดมีความแข็งมากท่ีสุด ทราบไดอยางไร (กระจก เพราะเมื่อนํา วสั ดทุ กุ ชนิดมาขดู ขีดแลว ไมเกิดรอย) 12.2 วัสดุใดมคี วามแข็งนอ ยท่สี ดุ รูไ ดอยางไร (ไม เพราะเม่อื นําวัสดุทุกชนิด มาขูดขีดกบั ไม ไมจ ะเกดิ รอย) 12.3 เรียงลําดับความแข็งของวัสดุจากมากไปหานอย ไดอยางไร (ลําดับ ความแข็งของวัสดุจากมากไปหานอย คือ กระจก เหล็ก พลาสติก อะลูมิเนียม ไม) หมายเหตุ ลําดับความแข็งของวัสดุอาจไมเปนไปตามน้ี โดยเฉพาะกระจก และเหล็ก ใหยึดตามผลการทดสอบในหองเรียนจริง ครใู หความรูเพ่มิ เติม เพอื่ ใหค รอบคลุมแนวคดิ ใน รูอะไรในเรอ่ื งนี้ 13. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปรวมกันวา ความแข็งของ วัสดุ คือ ความทนทานตอการขูดขีดของวัสดุ ทดสอบโดยนําวัสดุชนิดหน่ึง มาขูดขีดบนวัสดุอีกชนิดหน่ึงแลวดูการเกิดรอยบนเน้ือของวัสดุ วัสดุท่ีเกิด รอยแสดงวา มคี วามแข็งนอ ยกวาวัสดุทไี่ มเกิดรอย 14. นักเรียนรว มกนั อภิปรายคําตอบใน ฉนั รูอะไร โดยครูอาจเพิ่มเติมคําถามใน การอภปิ รายเพ่ือใหไ ดแ นวคําตอบทถี่ ูกตอง 15. นกั เรยี นสรปุ สิง่ ทไี่ ดเรยี นรูในกจิ กรรมนี้ จากนั้นนักเรียนอาน สิ่งที่ไดเรียนรู และเปรียบเทยี บกับขอ สรปุ ของตนเอง 16. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเก่ียวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรูเพิ่มเติม ใน อยากรูอ กี วา จากนั้นครสู มุ นกั เรยี น 2 -3 คน นําเสนอคําถามของตนเอง หนา ชัน้ เรียนและใหน กั เรยี นอภิปรายเกย่ี วกบั คาํ ถามทนี่ ําเสนอ 17.ค รู นํ า อ ภิ ป ร า ย ใ ห นั ก เ รี ย น ท บ ท ว น ว า ไ ด ฝ ก ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในข้ันตอนใดบาง แลว ใหบันทกึ ในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา 8 18.นักเรียนรวมกันอาน รูอะไรในเรื่องน้ี ในหนังสือเรียน หนา 9 ครูแนะนําให นักเรียนใชแอพลิเคชันสําหรับการสังเกตภาพเสมือนจริง (AR) ในหนังสือ  สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วสั ดแุ ละสสาร 20 เรียน หนา 9 และรวมกันอภิปรายเก่ียวกับความแข็งของวัสดุเพื่อนําไปสู ขอสรุปเก่ียวกับสิ่งท่ีไดเรียนรูในเร่ืองนี้ จากนั้นครูกระตุนใหนักเรียนตอบ คาํ ถามทายเรื่อง เชน อุปกรณแกะสลักหินมีความแข็งเปนอยางไรเม่ือเทียบ กับหินโดยครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายแนวทางการตอบคําถาม เชน อุปกรณแกะสลักหินมีความแข็งมากกวาหิน จึงสามารถเจาะเขาไปในเน้ือ หินได หรืออื่น ๆ โดยเนนใหนักเรียนตอบคําถามพรอมอธิบายเหตุผล ประกอบ ตารางที่ 1 ผลการขูดขีดวัสดุแตละชนิด (/ หมายถึง เกิดรอย x หมายถึง ไม เกดิ รอย) วัสดทุ ี่ถูกขีด ไม พลาสติก อะลมู เิ นยี ม กระจก เหล็ก วัสดทุ ่ีใชข ดู ขดี ไม -x x xx พลาสตกิ /- x xx อะลูมเิ นยี ม / / - xx กระจก / / / -/ เหล็ก / / / x- ความรูเพม่ิ เตมิ สาํ หรบั ครู วัสดุในธรรมชาติ เชน แร มีสวนผสมทางเคมีและลักษณะบางประการคงท่ี แรอาจจะ ประกอบดวยธาตชุ นดิ เดียว เชน ทอง เงิน กํามะถัน เพชร หรืออาจประกอบดวยธาตุมากกวาหนึ่ง ชนดิ เชน แรย ิปซมั (เกลือจืด) ประกอบดวยธาตุ 3 ชนดิ คือ แคลเซียม กํามะถัน และออกซิเจน แรแ ตละชนิดมคี วามแข็งเฉพาะตัวไมเหมอื นกัน โมห (Moh) พ.ศ. 2316 – 2382 ผูเชี่ยวชาญ เรอ่ื งแร ชาวเยอรมนั เปน ผูสรางสเกลความแข็งของแรขึ้นมา แรที่แข็งกวาจะทําใหเกิดรอยบนผิวแรท่ี ออนกวาดังน้ันเมื่อนําเพชรซึ่งแข็งท่ีสุดไปขูดขีดกับแรที่เหลืออีก 9 ชนิดจะทําใหแรน้ันเกิดรอย เรยี กวา Moh’s Scale คา ความแข็งมาตรฐานท่สี งู ทีส่ ุดของแร คอื เพชร มคี าความแขง็ มาตรฐาน 10 คอรันดมั มคี าความแข็งมาตรฐาน 9 โทแพซ มีคา ความแขง็ มาตรฐาน 8 เปนตน สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

21 คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วสั ดแุ ละสสาร แนวคาํ ตอบในแบบบันทกึ กจิ กรรม 1. ทดลอง อธิบายและเปรยี บเทียบความแขง็ ของวสั ดุชนดิ ตาง ๆ 2. สืบคนขอมูลและยกตวั อยางการนําสมบตั ิความแข็งของวัสดมุ าใช ประโยชน เปน แผน สีน้าํ ตาล เปน แผน ใสไมม สี ี (หรอื อาจมสี อี ื่นๆ ตามท่ีสงั เกตได) เปนแผน สีดาํ วาว เปน แผน สเี งิน เปน แผน ใสไมมีสี  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วสั ดุและสสาร 22 ขน้ึ อยูก ับการเลอื กของนกั เรียน เชน กระจก กระจก ไม พลาสตกิ เหล็ก และ อะลมู ิเนียม ชนิดของวสั ดุ การเกิดรอยในเนอ้ื วสั ดทุ ี่ถกู ขูดขดี แรงทใ่ี ชขูดขีด จํานวนครง้ั ที่ขดู ขีด ผูท่ขี ดู ขดี ตําแหนงที่ขดู ขดี ข้ึนอยูกับคาํ ตอบของนักเรยี น สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

23 คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วัสดุและสสาร ขึน้ อยกู ับคาํ ตอบของนกั เรยี น วัสดุทแ่ี ข็งมากกวาเมื่อนาํ ไปขูดขีดกบั วัสดทุ แ่ี ข็งนอยกวา จะทาํ ใหวัสดุ ที่แขง็ นอยกวาเกดิ รอย ลาํ ดับความแข็งของวสั ดุจากมากไปหานอ ยเปนดังนี้ กระจก เหลก็ อะลูมิเนียม พลาสติก ไม คําตอบอาจไมเ ปนไปตามลําดบั นี้ ใหยดึ คําตอบตามผลการทดลองของนักเรยี น  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วัสดแุ ละสสาร 24 คําตอบขนึ้ อยูกบั สมมติฐานของนักเรยี น ผลการทดลองอาจจะสอดคลอง หรือไมสอดคลอ งกับสมมตุ ฐิ าน คําตอบขนึ้ อยูกบั นักเรียน เชน การตดั กระจก ตอ งใชมดี ตัดกระจกท่ใี บมดี ทําจากเพชรซ่ึงมคี วามแข็งมากกวากระจก การแกะสลักไมตองใชมีด แกะสลกั ซ่ึงทาํ จากโลหะซง่ึ แขง็ กวาไม วสั ดุตา งชนดิ กนั เม่ือนาํ มาขูดขดี กนั วัสดุทเ่ี กดิ รอยจะมีความแขง็ นอยกวา เรยี งลาํ ดับความแข็งจากมากไปหานอยไดด ังนี้ กระจก เหลก็ อะลูมเิ นียม พลาสติก ไม ความแขง็ ของวัสดคุ อื ความทนทานตอการขูดขดี หรือความทนทานตอ การเกิด รอยของวสั ดุ เม่ือมีแรงมากระทํา วัสดตุ างชนิดกันมคี วามแขง็ แตกตา งกัน ทดสอบความแข็งของวัสดแุ ตละชนดิ ไดโ ดยการนาํ วัสดุไปขูดขีดซ่ึงกันและกนั วสั ดทุ ่ีแข็งมากกวา จะไมเ กดิ รอยขดี บนผวิ วสั ดทุ ีแ่ ข็งนอยกวา จะเกิดรอยขดี บนผิว สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

25 คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วัสดุและสสาร คาํ ถามของนักเรยี นท่ตี ั้งตามความอยากรูของตนเอง            สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วัสดุและสสาร 26 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมินการเรียนรูของนักเรียนทําได ดงั น้ี 1. ประเมนิ ความรเู ดิมจากการอภปิ รายในชัน้ เรียน 2. ประเมินการเรยี นรจู ากคําตอบของนกั เรียนระหวา งการจัดการเรียนรูและจากแบบบันทึกกิจกรรม 3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ ละทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 จากการทาํ กจิ กรรมของนกั เรียน การประเมินจากการทาํ กจิ กรรมท่ี 1 วัสดแุ ตล ะชนดิ มีความแข็งเปน อยา งไร ระดบั คะแนน 2 คะแนน หมายถงึ พอใช 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ 3 คะแนน หมายถงึ ดี รหสั สิง่ ทป่ี ระเมนิ คะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสังเกต S6 การจดั กระทาํ และสอ่ื ความหมายขอมลู S8 การลงความเหน็ จากขอมลู S9 การตง้ั สมมตฐิ าน S10 การกําหนดนิยามเชิงปฏบิ ัติการ S11 การกําหนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอ สรปุ ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 C2 การคดิ อยางมวี ิจารณญาณ C4 การสื่อสาร C5 ความรวมมือ C6 การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร รวมคะแนน สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

27 คมู ือครูรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร ตาราง แสดงการวิเคราะหท ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเ กณฑก ารประเมิน ดงั นี้ ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรุง (1) S1 การสังเกต การสงั เกตวัสดุ สามารถใชประสาทสัมผสั เก็บ สามารถใชประสาทสัมผสั ไมส ามารถใชป ระสาท S6 การจัดกระทํา ประกอบดว ย รายละเอยี ดเก่ยี วกับการเกิด เก็บรายละเอยี ดเกีย่ วกับ สมั ผัสเก็บรายละเอียด และสือ่ ความหมาย ขอ มูล - ลกั ษณะของวสั ดุ รอยขดู ขีดบนเน้ือวัสดุไดถูกตอง การเกิดรอยขูดขดี บนเน้ือ เกย่ี วกับการเกดิ รอยขดู ขีด S8 การลง - การเกดิ รอยขดู ดว ยตนเองโดยไมเพ่มิ ความ วสั ดุไดถ ูกตองโดยตอง บนเนื้อวสั ดไุ ดถูกตองดว ย ความเหน็ จาก ขอมูล ขดี บนเนอ้ื วัสดุ คดิ เหน็ อาศัยการชีแ้ นะจากครูหรือ ตนเอง หรือมกี ารเพิม่ เติม ผูอ ืน่ หรอื เพ่ิมเติมความ ความคิดเห็น แมวาครู คดิ เห็น หรือผอู ืน่ ชว ยแนะนาํ หรือ ชแ้ี นะ การบนั ทึกผลและ สามารถนาํ เสนอขอมลู ที่ไดจาก สามารถนาํ เสนอขอมลู ทไ่ี ด ไมสามารถนําเสนอขอมลู การกําหนด การทดสอบความแข็งใหผ ูอ่ืน จากการทดสอบความแข็ง ทไี่ ดจากการทดสอบความ สญั ลักษณในตาราง เขาใจไดงา ยและชัดเจน ใน ใหผูอน่ื เขาใจไดใ นรปู แบบ แข็งของวัสดุใหผอู นื่ เขา ใจ รูปแบบตารางบันทึกผลไดถกู ตอ ง ตารางบนั ทกึ ผลโดยอาศยั ไดถูกตอ งแมวาครูหรือ ดว ยตนเอง การชแี้ นะจากครหู รือผูอนื่ ผอู ืน่ ชว ยแนะนําหรอื ชี้แนะ การระบุความแข็ง สามารถเพิ่มเติมความคิดเหน็ สามารถเพิ่มเติมความ ไมสามารถแสดงความ ของวสั ดุ 1 ชนิดเม่ือ เกยี่ วกับขอมลู ที่มีอยูจ ากการ คดิ เหน็ เกย่ี วกับขอมูลที่มีอยู คดิ เหน็ เกย่ี วกบั ขอมลู ท่มี ีอยู เทยี บกบั วัสดุชนดิ สังเกตความแข็งของวัสดไุ ดอยาง อยางถูกตองบางสว น หรอื เพิม่ เตมิ ความคิดเห็น อ่ืนท่ีเหลอื ถูกตอง มเี หตุผล จากความรูหรอื พยายามใหเ หตุผลจาก อยา งไมมีเหตุผล แมวาครู ประสบการณเดมิ ไดด ว ยตนเอง ความรูหรือประสบการณ หรือผอู นื่ ชว ยแนะนําหรือ เดิมไดจ ากการชี้แนะของครู ชแ้ี นะ หรอื ผอู ่นื  สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วัสดุและสสาร 28 ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรุง (1) S9 การ การตัง้ สมมตฐิ าน สามารถคิดหาคําตอบลว งหนา คดิ หาคําตอบลว งหนากอน ไมส ามารถคิดหาคําตอบ ต้ังสมมติฐาน กอนทําการทดลอง โดยอาศยั ทาํ การทดลอง โดยอาศยั ลวงหนา กอนทาํ การทดลอง การสังเกต ความรูห รอื การสงั เกต ความรหู รอื และไมสามารถสรา ง S10. การกําหนด การระบุวธิ กี าร ประสบการณเ ดมิ เปน พน้ื ฐาน ประสบการณเดมิ เปน ขอ ความท่บี อก นิยามเชิง สงั เกตความแขง็ และสามารถสรา งขอความท่ี พ้ืนฐาน และสรา งขอความ ความสมั พนั ธร ะหวา งตัว ปฏิบัติการ ของวัสดุ บอกความสัมพันธร ะหวา งตัว ท่บี อกความสมั พนั ธ แปรตน(ชนิดของวัสดุ) กบั แปรตน(ชนิดของวัสด)ุ กบั ตัว ระหวางตัวแปรตน (ชนิด ตัวแปรตาม(รอยท่เี กิดจาก แปรตาม(รอยทเี่ กิดจากการขูด ของวสั ด)ุ กับตัวแปรตาม การขูดขีดบนวสั ดุ) แมวา ครู ขีดบนวสั ดุ) ไดถ ูกตองครบถว น (รอยที่เกิดจากการขูดขีด หรอื ผอู ่นื ชวยแนะนาํ หรือ ดว ยตนเอง บนวัสด)ุ ไดค รบถวนจาก ชแ้ี นะ การชแี้ นะของครหู รอื ผูอืน่ สามารถกาํ หนดนยิ ามเชิง ปฏบิ ัตกิ ารความแขง็ ของวัสดไุ ด สามารถกาํ หนดนิยามเชิง ไมส ามารถกาํ หนดนยิ ามเชงิ ถูกตองดว ยตนเองวา ถา นําวสั ดุ ปฏิบัติการความแขง็ ของ ปฏบิ ัติการความแขง็ ของ สองชนิดมาขูดขีดกนั วสั ดทุ ่ีไม วสั ดุไดถูกตอง โดยอาศยั วสั ดุได แมวา ครหู รอื ผูอื่น เกดิ รอยจะมคี วามแข็งมากกวา การชี้แนะจากครูหรอื ผูอ่ืน ชว ยแนะนําหรือชีแ้ นะ วัสดทุ เ่ี กดิ รอยขดู ขดี บนผวิ วา ถานาํ วัสดุสองชนดิ มา ขดู ขีดกนั วัสดุทไี่ มเกดิ รอยจะมีความแขง็ มากกวาวสั ดทุ ่เี กดิ รอยขดู ขีดบนผิว สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

29 คูม อื ครรู ายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดุและสสาร ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ควรปรบั ปรงุ (1) ทางวิทยาศาสตร การกําหนดตวั แปร สามารถระบตุ ัวแปรตน ตวั แปร พอใช (2) ไมส ามารถระบตุ ัวแปรตน ตน ตัวแปรตาม ตาม ตัวแปรทต่ี องควบคุมให ตวั แปรตาม ตัวแปรท่ีตอง S11. การกําหนด และตัวแปรทต่ี อง คงทไ่ี ดถ ูกตองดวยตนเอง ซง่ึ ตัว สามารถระบุตัวแปรตน ควบคุมใหค งท่ีไดแ มว า ครู และควบคุมตัวแปร ควบคมุ ใหคงท่ี แปรตน คือชนิดของวสั ดุ ตวั แปร ตัวแปรตาม ตัวแปรทตี่ อง หรอื ผูอ ืน่ ชวยแนะนาํ หรือ ตามคือการเกดิ รอย ควบคุมใหค งท่ีไดถูกตอง ชแ้ี นะ ตัวแปรทต่ี องควบคุมใหค งที่ โดยอาศัยการชี้แนะจาก ประกอบดวย ขนาดของวสั ดุ ครูหรือผูอ ่ืน คนท่ีทําการทดลอง แรงที่ใชข ีด วัสดุตาํ แหนง ทีข่ ีด S12. การทดลอง การทดลองตามที่ สามารถดาํ เนินการทดลองตาม สามารถดาํ เนินการ ไมส ามารถออกแบบการ ออกแบบไว ขั้นตอนท่ีไดออกแบบไวไ ดดวย ทดลองตามข้ันตอนที่ได ทดลองหรือดําเนนิ การ ตนเองอยา งถูกตอง ออกแบบไวไดอยา ง ทดลองตามขั้นตอนที่ได ถกู ตองโดยอาศยั การ ออกแบบไว แมวาครูหรอื ชแี้ นะจากครูหรือผอู ื่น ผอู ่นื ชว ยแนะนาํ หรอื ชแ้ี นะ S13. การ ความสมั พันธ สามารถตีความหมายจากการ ครูหรอื ผูอ่นื ตองชว ยแนะนํา ไมส ามารถตคี วามหมาย ตีความหมายขอมูล ระหวางการเกดิ รอย ทดลองและลงขอสรุปไดดว ย หรือชแี้ นะจงึ จะสามารถ จากการสงั เกต และลง และการลงขอ สรุป และความแขง็ ของ ตนเองวา ความแขง็ ของวสั ดุคือ ตีความหมายจากการ ขอ สรุปไดดว ยตนเองวา วสั ดุ ความทนทานตอการขดู ขีดหรือ ทดลอง และลงขอสรปุ ไดว า ความแข็งของวัสดุคอื ความ ความทนทานตอการเกิดรอยเมอ่ื ความแข็งของวัสดคุ อื ความ ทนทานตอการขดู ขีดหรือ มแี รงมากระทาํ และวสั ดุ ทนทานตอการขูดขีดหรือ ความทนทานตอการเกดิ แตละชนดิ มคี วามแขง็ ตางกนั ความทนทานตอการเกิด รอยเมื่อมแี รงมากระทํา รอยเมื่อมแี รงมากระทาํ และวัสดุแตละชนิดมีความ และวสั ดแุ ตละชนดิ มีความ แขง็ ตา งกัน แข็งตา งกัน  สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วัสดุและสสาร 30 ตาราง แสดงการวเิ คราะหท ักษะแหง ศตวรรษที่ 21 ตามระดับความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ กณฑก ารประเมิน ดงั น้ี ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรงุ (1) C2 การคิด การวิเคราะหและ สามารถวิเคราะหและเลือก สามารถวิเคราะหและเลือก ไมสามารถวิเคราะหและ อ ย า ง มี เลือกผลิตภัณฑหรือ ผลิตภัณฑหรือเหตุการณท่ี ผลิตภัณฑหรือเหตุการณที่ เ ลื อ ก ผ ลิ ต ภั ณ ฑ ห รื อ วิจารณญาณ เหตุการณที่เก่ียวกับ เ กี่ ย ว ข อ ง กั บ ก า ร ใ ช เก่ียวของกับการใชประโยชน เหตุการณที่เกี่ยวของกับ ประโยชนของความ ประโยชนจากสมบัติความ จากสมบัติความแข็งของวัสดุ การใชประโยชนจากสมบัติ แขง็ ของวสั ดุ แข็งของวัสดุจากหลักฐาน จ า ก ห ลั ก ฐ า น ไ ด อ ย า ง มี ความแข็งของวัสดุจาก ไดอยา งมีเหตผุ ลและถูกตอง เหตุผลและถูกตองจากการ หลักฐานไดแมวาครูหรือ ดวยตนเอง ช้แี นะของครหู รือผอู น่ื ผูอนื่ ชวยแนะนําหรือชแ้ี นะ C4 การสอ่ื สาร การนาํ เสนอขอ มูล สามารถนําเสนอขอมูลท่ีได สามารถนําเสนอขอมูลท่ีได ไมสามารถแสดงนําเสนอ จากการทดลองเรื่องความ จากการทดลองเรื่องความ ขอมูลท่ีไดจากการทดลอง แข็งของวัสดุในรูปแบบที่ แข็งของวัสดุ ในรูปแบบที่ เรื่องคว ามแข็งของวัสดุ ชดั เจนและเขาใจงายไดดวย ชัดเจนและเขา ใจงายจากการ แ ม ว า ค รู ห รื อ ผู อื่ น ช ว ย ตนเอง ช้ีแนะของครูหรือผูอื่น แนะนําหรอื ชี้แนะ C5 ความ การทํางานรวมมือ สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับผูอ่ืน ไมสามารถทํางานรวมกับ รว มมือ กนั ในกลุม ผูอ่ืนรวมท้ังยอมรับฟง รว มท้ังยอมรับฟงคว าม ผูอื่นอยางสรางสรรคใน คว ามคิดเห็นของผูอ่ืน คิ ด เ ห็ น ข อ ง ผู อื่ น อ ย า ง ก า ร ทํ า กิ จ ก ร ร ม ต้ั ง แ ต อยางสรางสรรคในการทํา ส ร า ง ส ร ร ค ใ น ก า ร ทํ า เร่ิมตนจนเสร็จส้ินกิจกรรม กิจกรรมตั้งแตเริ่มตนจน กิจกรรมเปนบางคร้ังทั้งน้ี แมวาจะไดรับการกระตุน เสร็จสน้ิ กจิ กรรม ตอ งอาศยั การกระตุนจากครู จากครูหรือผูอ ืน่ หรือผูอืน่ C6 การใช การเลือกใชขอมูล สามารถเลือกใชขอมูลที่ สามารถเลือกใชขอมูลที่ ไมสามารถเลือกใชขอมูลที่ เ ท ค โ น โ ล ยี จากการสืบคน นาเช่ือถือจากแหลงเรียนรู นาเชื่อถือจากแหลงเรียนรู นาเช่ือถือจากแหลงเรียนรู สารสนเทศ จ า ก อิ น เ ท อ ร เ น็ ต เ พื่ อ จ า ก อิ น เ ท อ ร เ น็ ต เ พ่ื อ จ า ก อิ น เ ท อ ร เ น็ ต เ พื่ อ นําเสนอขอมูล ไดดวย นํ า เ ส น อ ข อ มู ล จ า ก นําเสนอขอมูล แมวาครู ตนเอง คาํ แนะนําของครหู รอื ผอู ่นื หรือผูอื่นชวยแนะนําหรือ ชแี้ นะ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

31 คมู ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร เรื่องท่ี 2 สภาพยืดหยุนของวัสดุ ในเรื่องนี้ นักเรียนจะไดเรียนรูเก่ียวกับสมบัติและวิธี ทดสอบสภาพยืดหยุนของวัสดุ และการนําความรูเรื่อง สภาพยืดหยุนของวสั ดมุ าใชป ระโยชน จดุ ประสงคการเรียนรู ส่ือการเรียนรแู ละแหลงเรียนรู 1. ทดลอง อธบิ ายและเปรียบเทยี บสภาพยดื หยนุ ของวัสดุ 1. หนงั สือเรียน ป.1 เลม 1 หนา 8-12 2. สืบคน ขอมลู และยกตัวอยา งการนาํ สมบตั สิ ภาพยืดหยนุ 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.1 เลม 1 หนา 9-16 ของวสั ดมุ าใชประโยชน เวลา 2.5 ชัว่ โมง วสั ดุ อุปกรณส าํ หรบั ทํากจิ กรรม เสนเอ็นไนลอน เสนเอ็นยืด คานไม ถานไฟฉายขนาด ใหญ ลวดเสียบกระดาษ ถุงพลาสติกหูห้ิว ไมบรรทัด กระดาษปรฟู ฟองนํ้า ดนิ นํา้ มัน  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วสั ดุและสสาร 32 แนวการจดั การเรียนรู (30 นาที) ข้ันตรวจสอบความรู (5 นาที) 1. นักเรียนแตละกลุมสังเกตฟองน้ํากับดินน้ํามันและนําเสนอสมบัติท่ี ในการตรวจสอบความรู ครู แตกตางกันใหไดมากที่สุด (คําตอบท่ีไดอาจหลากหลาย เชน สี ขนาด เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ รปู รา ง นํา้ หนัก นุม ทึบ การดดู ซับนํา้ ) ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง 2. ครูสาธิตเพื่อใหนักเรียนสังเกตความแตกตางของวัสดุ 2 ชนิดโดยใชมือ จากการอา นเนื้อเร่อื ง หน่ึงบบี ฟองน้ํา และอีกมอื หนง่ึ บีบดินนํา้ มนั แลว ถามคําถามดงั น้ี 2.1 ฟองน้ําและดินน้ํามันมีการเปล่ียนแปลงรูปรางอยางไร (นักเรียน ตอบตามความเขาใจ ครูรับฟงคําตอบของนักเรียน) ครูคลายมือท่ีบีบ ฟองนํา้ และดินนา้ํ มันแลว สอบถามตอ ไปวา 2.2 เมื่อคลายมือท่ีบีบฟองน้ําและดินน้ํามัน ฟองนํ้าและดินนํ้ามันมีการ เปลี่ยนแปลงรูปรางในลักษณะเดียวกันหรือไมและมีสมบัติดานใด แตกตางกัน (นักเรียนตอบตามความเขาใจ ครูรับฟงคําตอบของนักเรียน หรอื อาจจดบนั ทึกไว) ขั้นฝกทกั ษะจากการอาน (20 นาท)ี 3. ครูเช่ือมโยงประสบการณเดิมของนักเรียนสูสมบัติสภาพยืดหยุน ของวัสดุ โดยชักชวนใหน กั เรียนอานเรื่องสภาพยืดหยุนของวัสดุ ให เปดหนังสือเรียนหนา 10 อานช่ือเร่ือง และตรวจสอบความเขาใจ ของนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียน จากนั้นใหนักเรียนอานและลอง ตอบคําถาม คิดกอนอาน ครูจดคําตอบของนักเรียนไวเพื่อใช เปรยี บเทียบกบั คําตอบของนกั เรยี นหลังจากอา นเน้ือเรื่องแลว 4. นักเรียนอานคําใน คําสําคัญ และอานเนื้อเรื่อง แลวอภิปราย เก่ียวกบั เนือ้ เรอื่ งที่อานตามคาํ ถามดังน้ี 4.1 เรอื่ งทีน่ ักเรยี นอานเกยี่ วกับอะไร (ยางพารา) 4.2 นํ้ายางสดท่ีไดจากตนยางพารามีลักษณะอยางไร (นํ้ายางสด เปนของเหลวสีขาวคลา ยน้าํ นม) สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

33 คูม ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วสั ดุและสสาร 4.3 ยางมสี มบตั อิ ยางไรบาง (นมุ กนั น้ํา มสี ภาพยดื หยุน ) การเตรยี มตัวลวงหนาสาํ หรับครู 4.4 เพราะเหตุใดจึงตองมีการผลิตยางสังเคราะห (มีความตองการ เพอื่ จดั การเรยี นรูใ นครงั้ ถัดไป ใชย างเพิม่ มากขนึ้ ) ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํากิจกรรมท่ี 4.5 เราใชย างทาํ อะไรไดบ าง (เราใชยางทําลูกบอลยาง ยางลบ ยาง 2 วัสดุแตละชนิดมีสภาพยืดหยุนเปนอยางไร โดยนักเรียนจะไดทดลองเพื่อเปรียบเทียบ รถยนต รองเทา ) สภาพยืดหยุนของวัสดุ ครูเตรียมการจัด 4.6 ยางมีสมบตั ทิ ส่ี ําคัญคืออะไร (มสี ภาพยดื หยนุ ) กจิ กรรม ดงั น้ี สภาพยืดหยุนหมายถึงอะไร (สภาพยืดหยุนคือสภาพที่วัสดุ 1. เตรียมเสนเอ็นไนลอนกับเสนเอ็นยืดที่ มีขนาดใกลเคียงกัน และตัดใหมีความยาว เปลย่ี นแปลงรูปรา งเม่ือไดรับแรงกระทําแลวสามารถกลับคืน ประมาณ 30 เซนตเิ มตร จํานวนเทากับจํานวน กลุมของนักเรยี น สูรปู รา งเดมิ ไดเม่อื หยุดแรงกระทาํ ) 2. เตรียมถานไฟฉายประมาณ 5 กอน/ ข้นั สรุปจากการอาน (5 นาที) กลมุ 5. ครูและนกั เรียนรว มกันอภปิ รายจนไดขอ สรุปจากการอานวา 3. เตรียมคานไมท่ีมีความยาวประมาณ 1 นํ้ายางสดที่ไดจากตนยางพารานํามาทําเปนยางแผนสําหรับปอน เมตร หรืออาจใชไมเ มตรแทนก็ได โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสิ่งของเคร่ืองใชในชีวิตประจําวัน ยาง มีสมบัติสําคัญคือ มีสภาพยืดหยุน กันน้ํา นุม สภาพยืดหยุนเปน 4. ครูควรฝก ผูกปมทีป่ ลายเสน เอ็นไนลอน สมบัติของวัสดุที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปรางเม่ือไดรับแรงกระทํา และเสน เอ็นยืดใหแ นน กอนนําไปผูกกับคานไม และกลับคนื สรู ปู รา งเดมิ ไดเมอื่ หยดุ แรงกระทํา และลวดเสียบกระดาษ เพื่อไมใหปมของเสน เอ็นไนลอนและเสน ดายคลายจากกนั 6. นักเรยี นตอบคําถาม รูหรือยงั ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา 10 7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายสภาพยืดหยุนเพื่อเปรียบเทียบ 5. การแขวนถุงบรรจุถานไฟฉาย ครูตอง วางคานไมบนโตะหรือเกาอ้ีที่สูงพอ ท่ีจะไมให คําตอบของนักเรียนในรูหรือยังกับคําตอบท่ีเคยตอบและบันทึกไว ถงุ พลาสตกิ ทบ่ี รรจุถา นไฟฉายแตะพ้นื ในคิดกอนอานวาเหมือนหรือตางกันอยางไร หากตอบผิดใหแกไข คาํ ตอบทผ่ี ดิ ใหถกู ตอ ง ครูชักชวนนักเรียนลองตอบคําถามทายเร่ืองท่ีอานวานอกจากยาง แลวมีวัสดุอะไรอีกบางท่ีมีสภาพยืดหยุนและทดสอบสภาพยืดหยุนได อยางไร ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดานโดยครูยังไมเฉลย คําตอบแตชักชวนใหน ักเรียนหาคําตอบจากการทาํ กิจกรรม  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดุและสสาร 34 ความรเู พม่ิ เตมิ สําหรับครู การปลูกยางในประเทศไทยเร่ิมต้ังแตเม่ือไรน้ันไมมีการบันทึกเปนหลักฐานที่แนนอน แตคาดวา นาจะเริ่มมีการปลูกในชวงประมาณป พ.ศ. 2442-2444 โดยพระยารัษฏานุประดิษฐมหิศรภักดี หรือ คอซมิ บี้ ณ ระนอง เจาเมืองตรงั ในขณะนั้น ไดนําเมล็ดยางพารามาปลูกท่ีอําเภอกันตัง จังหวัดตรัง เปน ครัง้ แรก ชาวบา นเรยี กตน ยางชุดแรกนี้วา ตน ยางเทศา ตอมาไดมีการขยายการปลูกยางพาราในจังหวัด ตรงั และนราธิวาส ป พ.ศ. 2454 มีการนํายางพารามาปลูกในจังหวัดจันทบุรี โดยหลวงราชไมตรี หรือ ปูม ปุณศรี เปนผูนํามาปลูก และนับจากนั้นเปนตนมาไดมีการปลูกยางพาราไปทั่วท้ัง 14 จังหวัดใน ภาคใต และ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก นอกจากน้ียังมีการนํายางพารามาปลูกในภาคกลาง ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ต้ังแตป พ.ศ. 2534 ยางพาราก็กลายเปนพืชเศรษฐกิจที่สําคัญ ของประเทศไทย (ภูวดล วิรยิ พนั ธ, 2559) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

35 คูม อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดแุ ละสสาร แนวคําตอบในแบบบันทึกกิจกรรม ยางมีสภาพยืดหยุน สภาพยืดหยนุ คอื สภาพท่วี ัสดุเปลยี่ นแปลงรปู รา งเมอ่ื ไดร ับแรงกระทําและ กลับคนื สร ปรา งเดมิ ไดเ มือ่ หยดแรงกระทาํ วสั ดทุ ่ีมีสภาพยืดหยุน นาํ มาทาํ ของเลน ของใช เชน ลกู บอล ยางรถยนต รองเทา ยางลบ  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วัสดุและสสาร 36 กิจกรรมท่ี 2 วสั ดแุ ตละชนดิ มสี ภาพยืดหยนุ เปน อยา งไร กิ จ ก ร ร ม นี้ นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด ท ด ล อ ง เ ร่ื อ ง ส ภ า พ ยืดหยนุ ของวสั ดุโดยออกแรงกระทํากับวัสดุแลวสังเกตการ เปล่ยี นแปลงของวัสดุเมื่อออกแรงกระทําและหยุดออกแรง กระทําเพื่อเปรียบเทียบสภาพยืดหยุนของวัสดุแตละชนิด และสืบคนขอมูลเพื่อยกตัวอยางการนําสมบัติสภาพ ยืดหยุนของวัสดไุ ปใชประโยชน เวลา 2 ชว่ั โมง จุดประสงคการเรียนรู 1. ทดลอง อธิบายและเปรยี บเทียบสภาพยดื หยนุ ของวัสดุ 2. สืบคนขอมูลและยกตัวอยางการนําสมบัติสภาพยืดหยุน ของวัสดุมาใชป ระโยชน วัสดุ อุปกรณส ําหรับทาํ กจิ กรรม สิ่งทค่ี รูตองเตรียม/กลมุ ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 1. เสน เอน็ ไนลอน เสน ผาศนู ยกลาง 0.3 mm 1 เสน C2 การคดิ อยา งมีวิจารณญาณ C4 การสอื่ สาร 2. เสน เอน็ ยืด (ขนาดเทา เสนเอน็ ไนลอน) 1 เสน C5 ความรวมมือ C6 การใชเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร 3. คานไม ยาว 1 เมตร 1 อัน ส่อื การเรยี นรูแ ละแหลงเรียนรู 4. ลวดเสยี บกระดาษ 2 อัน 1. หนงั สอื เรยี น ป.4 เลม 2 หนา 12-14 5. ถา นไฟฉายขนาดใหญ 5 กอน 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม ป.4 เลม 2 หนา 10-14 3. ตวั อยางวดี ิทศั นปฏบิ ตั ิการวทิ ยาศาสตรเ รอ่ื งวสั ดุแตล ะ 6. ไมบรรทดั หรือสายวดั 1 อนั /เสน ชนิดมสี ภาพยืดหยนุ เปนอยางไร 7. ถุงพลาสติกมหี ูหวิ้ 1 ใบ http://ipst.me/8059 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 4. สอ่ื เสริมเพิม่ ความรู เรือ่ งสภาพยืดหยนุ S1 การสงั เกต S2 การวัด S8 การลงความเห็นจากขอมูล S9 การตงั้ สมมติฐาน S10 การกําหนดนยิ ามเชิงปฏิบตั กิ าร S11 การกําหนดและควบคุมตัวแปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอสรปุ สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

37 คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วสั ดุและสสาร แนวการจดั การเรยี นรู นักเรียนอาจไมสามารถตอบ คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว 1. ครูนําเขาสูกิจกรรมโดยเริ่มจากการตรวจสอบความรูของนักเรียน คําตอบ คุณครูควรใหเวลานักเรียน เก่ียวกับความหมายของสภาพยืดหยุน จากการอานนําเรื่องตามแนว คิดอยางเหมาะสม รอคอยอยาง คาํ ถามดงั น้ี อดทน และรับฟงแนวความคิดของ 1.1 สภาพยืดหยุนของวัสดุคืออะไร (สภาพยืดหยุน หมายถึงสภาพของ นักเรียน วสั ดทุ ่ีเปลี่ยนแปลงรูปรางเมื่อไดรับแรงกระทําและกลับคืนสูรูปราง เดิมเมื่อหยุดแรงกระทาํ ) 1.2 วัสดุใดบางมีสภาพยืดหยุน เพราะเหตุใด (นักเรียนอาจตอบวา ฟองนํ้า ลูกบอลยาง ยางรถยนต ลวดสปริง โฟมสําหรับหอผลไม เพราะเมือ่ ออกแรงกระทํากบั วสั ดเุ หลานี้ วัสดุจะเปลี่ยนแปลงรูปรางและเม่ือหยุดแรงกระทําจะกลับคืนสู รูปรา งเดมิ ) 2. ครเู ชอ่ื มโยงประสบการณเดิมของนักเรียนสูกิจกรรมท่ี 2 วัสดุแตละชนิด มีสภาพยืดหยุนเปนอยางไร โดยใหนักเรียนอานช่ือกิจกรรม และ ทํา เปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา 12 ครูตรวจสอบความเขาใจของ นกั เรียนเกี่ยวกบั ส่ิงทจ่ี ะเรียน โดยใชค าํ ถามดงั ตอ ไปน้ี 2.1 กจิ กรรมน้ีนกั เรียนจะไดเรียนเก่ยี วกบั เรื่องอะไร (สภาพยืดหยุนของ วสั ดุ) 2.2 นักเรยี นจะไดเรยี นเรือ่ งน้ดี ว ยวธิ ีใด (การทดลอง) 2.3 เมอื่ เรียนแลว นกั เรยี นจะทําอะไรได (อธิบายและเปรียบเทียบสภาพ ยืดหยุนของวัสดุ วิธีทดสอบสภาพยืดหยุน รวมถึงยกตัวอยางการ นาํ สมบตั ิสภาพยืดหยนุ ของวัสดุมาใชประโยชนใ นชีวิตประจําวัน) นกั เรียนบนั ทกึ จุดประสงคข องกิจกรรมในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม หนา 10 3. นักเรียนอานส่ิงท่ีตองใช จากนั้นครูแสดงวัสดุอุปกรณที่ตองใชในการ ทดลองใหนกั เรียนดทู ีละชนิด 4. นกั เรียนอาน ทําอยางไร ในหนังสือเรียนหนา 12-13 ครูใชวิธีการอานที่ เหมาะสมกับความสามารถของนกั เรยี น จากนัน้ ครูตรวจสอบความเขาใจ ในเน้ือหาที่อานเพื่อใหนักเรียนสามารถทํากิจกรรมไดดวยตนเอง โดยใช แนวคาํ ถามดังน้ี 4.1 นักเรียนเริ่มการทดลองอยางไร (จัดวัสดุและอุปกรณโดยมัดปลาย ดานหนึ่งของเสนเอ็นไนลอนและเสนเอ็นยืดเขากับลวดที่ดัดเปน  สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร 38 ตะขอ และมัดปลายอีกดานหนึ่งกับคานไมแลวสังเกตลักษณะของ เสนเอ็นไนลอนและเสนเอน็ ยืดพรอมบันทกึ ลักษณะที่สังเกตได) 4.2 ข้ันตอนตอไปนักเรียนทําอยางไร (อภิปรายเพื่อตั้งคําถาม เปรียบเทียบสภาพยดื หยุนของเสนเอน็ ไนลอนและเสนเอ็นยดื ) 4.3 ขั้นตอนตอไปนักเรียนทําอยางไร (อภิปรายเพื่อต้ังสมมติฐานวา วสั ดใุ ดมีสภาพยืดหยุน ดกี วา กนั ) นักเรียนบันทึกลักษณะท่ีสังเกตไดของวัสดุ คําถามการทดลองและ สมมติฐานลงในแบบบันทกึ กจิ กรรมหนา 11 4.4 ตอ ไปนักเรียนทาํ อยา งไร (นักเรยี นตอบตามความเขาใจของตนเอง ครูควรแกไขหรือเพ่ิมเติมใหถูกตองครบถวน ตามแนวคําตอบดังนี้ ทาํ การทดลองสภาพยืดหยุน ของเสน เอ็นไนลอนและเสนเอ็นยืดโดย วัดความยาวของเสนเอ็นท้ังสองชนิดกอนบรรจุถานไฟฉายในถุง คอยๆ บรรจุถายไฟฉายลงในถุงพลาสติกทีละกอน วัดความยาว ของเสนเอ็นทั้ง 2 ชนิดขณะใสถานไฟฉายและวัดความยาวของเสน เอ็นท้ัง 2 ชนิดหลังนําถานไฟฉายออก ทําการทดลองเหมือนเดิม โดยใสถานไปเพ่ิมทีละกอนเรื่อยๆ จนความยาวของเสนเอ็นท้ัง 2 ชนิดกอนใสถานไฟฉายกับเม่ือนําถานไฟฉายออกจากถุงไมเทาเดิม จากน้ันสืบคนขอมูลการใชประโยชนของวัสดุตามสมบัติสภาพ ยดื หยุน ) 5. ครสู อบถามเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับการทดลองโดยใชคําถามดังตอไปนี้ 5.1 นักเรยี นออกแรงกระทําตอ วัสดุอยา งไร (ใชถ านไฟฉายถวงน้าํ หนกั ) 5.2 ตัวแปรตนของกิจกรรมนี้คืออะไร (ชนิดของวัสดุคือเสนเอ็นไนลอน และเสนเอน็ ยดื ) 5.3 ตัวแปรตามของกิจกรรมนี้คืออะไร (ความยาวของวัสดุกอนถวง น้ําหนกั ขณะถว งนา้ํ หนกั และหลังจากถว งนาํ้ หนักดวยถา นไฟฉาย) 5.4 ตัวแปรที่ตองควบคุมใหคงที่ มีอะไรบาง (ขนาดและความยาวของ วสั ดจุ ากคานไมถงึ ตะขอ ขนาดและมวลของถา นไฟฉาย) 5.5 นักเรียนจะสังเกตวาวัสดุมีสภาพยืดหยุนไดอยางไร (สังเกตและ เปรียบเทียบความยาวของวัสดุกอนและหลังจากถวงน้ําหนักดวย ถานไฟฉาย) 6. ครูอาจนําคําตอบของนักเรียนมาสรุปเปนข้ันตอนยอๆ เปนลําดับบน กระดาน ดงั นี้ สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

39 คมู ือครูรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วสั ดุและสสาร วัดความยาวของวัสดุกอนถวงน้ําหนักดวยถานไฟฉาย→บรรจุ ถานไฟฉาย 1 กอนลงในถงุ พลาสติกเปนเวลา 30 วินาที→วัดความ ยาวของวัสดุ→นําถานไฟฉายออก→วัดความยาววัสดุหลังจากนํา ถา นไฟฉายออก→ทําซํ้าโดยเพ่ิมถานไฟฉายเปน 2,3,4,5… กอน จน ความยาวของวัสดุหลังจากหยุดถวงดวยถานไฟฉายแตกตางจาก ความยาวกอ นถว งนาํ้ หนกั ดว ยถานไฟฉาย) นักเรียนบันทึกตัวแปรตางๆ และนิยามเชิงปฏิบัติการลงในแบบบันทึก กจิ กรรมหนา 11 7. เม่ือนักเรียนเขาใจวิธีทํากิจกรรมในทําอยางไร แลวนักเรียนจะไดปฏิบัติ ตามขน้ั ตอน ดงั น้ี 7.1 สังเกตลักษณะของเสนเอ็นไนลอนและเสนเอ็นยืดเมื่อมัดปลายดาน หน่งึ กบั ลวดเสยี บกระดาษและปลายอกี ดา นกับคานไม (S1) 7.2 ตัง้ คําถามทดลองเพื่อเปรยี บเทียบสภาพยดื หยุน (S12) 7.3 ตั้งสมมติฐาน กําหนดตัวแปรและกําหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ บันทึก (S9, S10, S11) 7.4 ดาํ เนนิ การทดลองเพ่ือเปรียบเทียบสภาพยืดหยุนของเสนเอ็นไนลอน และเสนเอ็นยืด (S12) 7.5 สืบคนขอมูลเกี่ยวกับการใชประโยชนของวัสดุในดานสภาพยืดหยุน (C6) 8. นักเรยี นนาํ เสนอผลการทดลอง (C4) 9. ตัวแทนแตละกลุมบันทึกจํานวนกอนถานไฟฉายท่ีมากที่สุดท่ีทําใหวัสดุทั้ง สองชนิดยดื ออกและกลับสูสภาพเดมิ ดังตวั อยา งในตาราง จาํ นวนถา นไฟฉายที่มากท่ีสุด กลุมท่ี ที่ทําใหว ัสดกุ ลบั สสู ภาพเดิมได (อัน) เสนเอน็ ไนลอน เสน เอน็ ยืด 1 2 3 4 5 6 …  สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วสั ดุและสสาร 40 10.ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับขอมูลในตารางโดยใชคําถาม นักเรียนอาจไมสามารถตอบ ดังตอไปน้ี คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว 10.1 การทดลองสภาพยืดหยุนของวัสดุสองชนิดของนักเรียนแตละ คําตอบ คุณครูควรใหเวลานักเรียน กลุมเปนอยางไร (นักเรียนควรไดผลการทดลองวา ถาเปนวัสดุ คิดอยางเหมาะสม รอคอยอยาง ชนิดเดียวกันจะใชจํานวนกอนถานไฟฉายมากที่สุดท่ีวัสดุกลับสู อดทน และรับฟงแนวความคิดของ สภาพเดิมในจํานวนใกลเคียงกัน แตถาเปนวัสดุตางชนิดกันจะใช นักเรียน จํานวนกอนถา นไฟฉายตางกัน โดยเสนเอ็นไนลอนใชจํานวนกอน ถานไฟฉายมากกวา ) กรณีที่นักเรียนบางกลุมผลการทดลองซึ่งแตกตางไปจากกลุมอื่นมาก ครูควรใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหสาเหตุที่ทําใหผลการทดลอง แตกตาง ท้ังนี้เพื่อวิเคราะหหาขอผิดพลาดท่ีทําใหผลการทดลอง คลาดเคล่ือน 10.2 เม่ือบรรจุถานไฟฉาย 1 กอน ลงในถุงพลาสติกเพื่อถวงน้ําหนัก ความยาวเสนเอ็นไนลอนกอนและหลังถวงนํ้าหนักเทากันหรือ ตางกันอยางไร (เทากัน) แสดงวาเสนเอ็นไนลอนมีสภาพยืดหยุน หรอื ไม รูไดอยางไร (เสนเอน็ ไนลอนมสี ภาพยืดหยุน เพราะขณะมี แรงกระทําเสนเอ็นไนลอนมีความยาวเพิ่มข้ึนและเมื่อหยุดแรง กระทําความยาวของเสน เอน็ ไนลอนกลับมาเทา เดิม) 10.3 ตอ งบรรจุถา นไฟฉายก่ีกอ นจงึ ทาํ ใหค วามยาวของเสนเอ็นไนลอน ไมกลับสูสภาพเดิมหลังจากนําถานไฟฉายออก (คําตอบข้ึนอยูกับ ผลการทดลองของนักเรียน) แสดงวาสภาพยืดหยุนของเสนเอ็น ไนลอนเปนอยางไร (เสนเอ็นหมดสภาพยืดหยุน เพราะเม่ือวัด ความยาวของเสนเอ็นไนลอนภายหลังนําถานไฟฉายออกจะไม เทาเดิม) 10.4 เมื่อบรรจุถานไฟฉาย 1 กอนลงในถุงพลาสติกเพื่อถวงน้ําหนัก เสนเอ็นยืดมีสภาพยืดหยุนหรือไม รูไดอยางไร (เสนเอ็นยืดมี สภาพยืดหยุน โดยความยาวของเสนเอ็นยืดขณะมีแรงกระทําจะ เพ่ิมขึ้นและเม่ือหยุดออกแรงความยาวของเสนเอ็นยืดจะกลับมา เทาเดิม) 10.5 ตองใชถานไฟฉายกี่กอนเพื่อถวงน้ําหนัก เสนเอ็นยืดจึงจะหมด สภาพยืดหยุน และรูไดอยางไร (คําตอบขึ้นอยูกับผลการทดลอง ของนักเรียน ซ่ึงรูไดความยาวของเสนเอ็นยืดภายหลังนํา ถา นไฟฉายออกจะไมเทาเดมิ ) สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

41 คูมอื ครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วสั ดแุ ละสสาร 10.6 เสนเอ็นไนลอนและเสนเอ็นยืดตองใชถานไฟฉายมากที่สุด จํานวนกี่กอนท่ีทําใหวัสดุทั้งสองชนิดสามารถกลับสูสภาพเดิมได (คําตอบข้ึนอยูกับผลการทดลองของนักเรียน ครูควรแนะนําการ สงั เกตขอ มูลในตารางบนั ทกึ ผล) 10.7 เสนเอ็นไนลอนหรือเสนเอ็นยืดมีสภาพยืดหยุนดีกวากัน รูได อยา งไร (เสน เอ็นไนลอนมีสภาพยืดหยุนดกี วา เสนเอ็นยืด รูไดจาก เสนเอ็นไนลอนใชจํานวนถานไฟฉายเพื่อถวงน้ําหนักมากกวาเสน เอน็ ยืดและเมอ่ื หยุดถวงน้ําหนกั หรือหยุดออกแรง เสนเอ็นไนลอน กลบั สูสภาพเดมิ ได) 11. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปวา สภาพยืดหยุน หมายถึง สภาพของวัสดุที่เปล่ียนแปลงรูปรางเมื่อมีแรงมากระทํา และ สามารถกลบั สรู ปู รางเดิมไดเ มอ่ื หยดุ แรงกระทาํ วัสดแุ ตละชนิดมีสภาพ ยืดหยุนแตกตางกัน เชน เสนเอ็นไนลอนมีสภาพยืดหยุนดีกวาเสนเอ็น ยืด เนื่องจากเสนเอ็นไนลอนสามารถรับแรงกระทําไดมากกวาเสนเอ็น ยืดแตก ย็ งั กลับสูสภาพเดมิ ได 12. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวาในทางวิทยาศาสตรนั้น วัสดุท่ีมีสภาพยืดหยุน หมายถึง วัสดุที่เม่ือออกแรงกระทําแลวจะเปล่ียนแปลงรูปรางหรือ ขนาด แตเม่ือหยุดออกแรงจะกลับคืนสูสภาพเดิมทุกประการ ถาวัสดุ นัน้ ไมก ลบั สสู ภาพเดิม เรียกวา วัสดุไมมีสภาพยืดหยุน สวนวัสดุท่ีเคย มีสภาพยืดหยุน เมื่อถูกแรงกระทําถึงระดับหนึ่งแลวไมสามารถกลับสู สภาพเดิมได เรียกวา วัสดหุ มดสภาพยดื หยนุ 13. นักเรียนนําเสนอผลการสืบคนเกี่ยวกับการนําสมบัติสภาพยืดหยุนมา ใชประโยชน ซ่ึงนักเรียนอาจตอบไดวามีการนําวัสดุที่มีสภาพยืดหยุน มาใชประโยชนมากมาย เชน ใชเสนเอ็นยืดทําเอวกางเกง ทําสรอย ขอมือ ใชยางรัดของรัดส่ิงของตาง ๆ ใชฟองน้ําบุเกาอี้หรือเตียงนอน เปนตน จากนั้นมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมสืบคนขอมูลเพ่ิมเติม และนํามาสงครู หลังจากครูตรวจแลวคัดเลือกผลงานท่ีนาสนใจ นาํ เสนอแกเ พื่อนนกั เรยี นในช้ันเรียนตอ ไป 14. นักเรียนรวมกันอภิปรายคําตอบใน ฉันรูอะไร โดยครูอาจเพ่ิมเติม คาํ ถามในการอภิปรายเพื่อใหไดค าํ ตอบตามตัวอยางแนวคําตอบที่ใหไว ในหนา 45  สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดุและสสาร 42 15. นักเรียนสรุปส่ิงท่ีไดเรียนรูในกิจกรรมนี้ดวยภาษาของนักตนเอง การเตรยี มตัวลวงหนา สาํ หรับครู จากน้ันครูใหนักเรียนอาน สิ่งที่ไดเรียนรู แลวเปรียบเทียบกับขอสรุป เพื่อจดั การเรยี นรูในครง้ั ถดั ไป ของตนเอง ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดเรียนรู 16. ครูชักชวนนักเรียนตอบคําถามใน นําเร่ือง วาวัสดุอะไรบางท่ีมีสภาพ เร่ืองท่ี 3 การนําความรอนของวัสดุ สิ่งท่ี ยืดหยุน (คําตอบของนักเรียนอาจหลากหลาย เชน เสนเอ็นไนลอน ครูจะตองเตรียม คือถว ยแกว ถว ย เสนเอ็นยืด ฟองนาํ้ ) พลาสติก ถวยเซรามิก และถวยสเตนเลส สําหรับใชในการสาธิตการนําความรอน 17. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเก่ียวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู ของวัสดุเพ่ือเช่ือมโยงสูเร่ืองท่ีจะเรียนวา เพิ่มเติมใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอ ถวยทท่ี าํ จากวสั ดตุ า งชนิดกันเมื่อบรรจุน้ํา คาํ ถามของตนเองหนาช้ันเรียนและใหนักเรียนอภิปรายเก่ียวกับคําถาม รอน ถวยแตละใบจะรอนมากนอย ท่นี ําเสนอ แตกตางกัน ข้ึนอยูกับสมบัติการนําความ รอ นของวัสดุ 18. ครูนาํ อภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษที่ 21 อะไรบางและในข้ันตอน ใดบางแลวใหบนั ทึกในแบบบนั ทกึ กจิ กรรมหนา 14 19. นกั เรียนรวมกนั อาน รูอะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียน หนา 15 ครูอาจ แนะนําใหนักเรียนใชแอฟลิเคชันสําหรับการสังเกตภาพเสมือนจริง (AR) เกี่ยวกับสภาพยืดหยุน ในหนังสือเรียน หนา 15 แลวชักชวน นักเรียนอภิปรายเพื่อนําไปสูขอสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ไดเรียนรูในเรื่องนี้ จากน้ันครูตรวจสอบความเขาใจในบทเรียนวาสภาพยืดหยุนคืออะไร และวัสดุใดบางมีสภาพยืดหยุนโดยต้ังคําถามวา สภาพยืดหยุนมี ประโยชนตอใยแมงมุมหรือไม มนุษยสามารถทําวัสดุท่ีมีสมบัติคลายใย แมงมุม เพื่อนํามาใชงานไดหรือไม ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย แนวทางการตอบคําถาม เชน สภาพยืดหยุนมีประโยชนตอใยแมงมุม เพราะแมงมุมบางชนิด ชักใยเพ่ือดักจับเหยื่อ เชน แมลงตางๆ เมื่อ แมลงมาติดทใ่ี ยแมงมมุ ใยแมงมมุ จะตองรับแรงกระทําจากน้ําหนักของ แมลงและสามารถกลับสูสภาพเดิมได หรือขณะที่มีแรงจากลม มา ปะทะใยแมงมุม ใยแมงมมุ สามารถยืดออกไดและเม่ือไมมีลมก็สามารถ กลับสูสภาพเดิมได ปจจุบันมนุษยกําลังพัฒนาใหวัสดุมีสมบัติคลายใย แมงมมุ เพอ่ื นาํ มาใชประโยชนตอ ไป สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

43 คมู อื ครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วสั ดุและสสาร แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม 1. ทดลอง อธบิ ายและเปรยี บเทียบสภาพยดื หยุนของวสั ดุ 2. สบื คน ขอ มูลและยกตวั อยางการนําสมบัติสภาพยดื หยุนของวัสดุมาใช ประโยชน  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วสั ดแุ ละสสาร 44 คําตอบขึน้ อยกู ับการสังเกตของนักเรียน ตวั อยางคาํ ตอบ เชน เปน เสนกลม สขี าวใส ตวั อยา งคําตอบ เชน เปน เสน กลม สีขาวขนุ คําตอบข้นึ อยกู บั การสงั เกตของนักเรียน ตัวอยา งคําตอบ เชน เสน เอ็นไนลอนหรอื เสนเอน็ ยืดมสี ภาพ ยดื หยนุ ดีกวากัน มากกวา ชนิดของวสั ดุ การเปลี่ยนแปลงความยาวของวัสดุ ขนาดของเสนเอน็ ไนลอนและเสนเอ็นยดื น้าํ หนักของถา นไฟฉายแตละกอน ความยาวเริ่มตนของวสั ด ความยาวของวัสดุ วัสดุที่มีสภาพยดื หยนุ จะมคี วาม ยาวเทาเดมิ เม่ือเทียบกันระหวางความยาวกอนถว ง ดว ยถา นไฟฉาย และเม่อื นําถา นไฟฉายออก สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

45 คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดุและสสาร คาํ ตอบข้นึ อยูกับผลการทดลองของนักเรียน คาํ ตอบขึ้นอยูกบั ผลการสบื คน ขอมูลของนกั เรียน  สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วสั ดแุ ละสสาร 46 จาํ นวนถานไฟฉายมากขึ้น แรงกระทาํ กับเสน เอน็ ไนลอนและเสนเอน็ ยดื ก็จะมากขึน้ ไมเทากัน แรงทีก่ ระทําตอเสนเอ็นไนลอนซึง่ ทาํ ใหเสน เอ็นไนลอนกลบั สสู ภาพเดมิ มี ปริมาณมากกวาแรงท่กี ระทาํ ตอ เสน เอน็ ยดื สังเกตจากเสนเอน็ ไนลอนใชจํานวน ถานไฟฉายมากกวาในการทําใหเ สน เอ็นไนลอนยดื แลว กลับสูสภาพเดิม เสนเอ็นไนลอนมีสภาพยืดหยุนมากกวา สังเกตจากแรงกระทาํ ทท่ี ําใหเสนเอ็น ไนลอนยืดแลว กลบั สูส ภาพเดิมมีปรมิ าณมากกวา แรงกระทําที่ทําใหเสน เอ็นยดื ยืด แลวกลับสสู ภาพเดิม นาํ มารดั สิ่งของ ทําขอบกางเกง นํามาทอเปน ชดุ วายน้าํ เสน เอ็นไนลอนสามารถยืดออกและกลบั สูส ภาพเดมิ ไดเมอื่ ถว งดว ยถา นไฟฉายจาํ นวน ......... กอน แตเสน เอ็นยดื ยืดออกและกลับสสู ภาพเดมิ ไมได เมือ่ ถว งดวยถานไฟฉายจํานวน ........ กอ น (หมายเหตุ ตัวเลขข้ึนอยูกับผลการทดลองทีไ่ ดจรงิ ซึ่งจาํ นวนกอนถานไฟฉายทใ่ี ชก ับ เสนเอน็ ไนลอนจะตองมากกวา เสน เอ็นยืด) วสั ดุท่ีมีสภาพยดื หยุน หมายถึง วัสดุทเ่ี ม่ือไดร ับแรงกระทําแลว จะเปลีย่ นแปลง รปู รา ง แตเ มอ่ื ไมมแี รงกระทําจะกลับคืนสสู ภาพเดมิ ทกุ ประการ วสั ดตุ า งชนดิ กนั มี สภาพยืดหยุนตางกัน สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

47 คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดุและสสาร คาํ ถามของนกั เรียนท่ตี ้ังตามความอยากรขู องตนเอง             สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดุและสสาร 48 แนวการประเมินการเรียนรู การประเมนิ การเรยี นรขู องนกั เรยี นทําได ดังน้ี 1. ประเมนิ ความรูเ ดิมจากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรียนรูจากคาํ ตอบของนักเรยี นระหวางการจัดการเรียนรแู ละจากแบบบนั ทึกกิจกรรม 3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและทกั ษะแหง ศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กจิ กรรมของนักเรียน การประเมินจากการทาํ กิจกรรมที่ 2 วสั ดุแตล ะชนิดมสี ภาพยืดหยนุ เปน อยา งไร ระดับคะแนน 2 คะแนน หมายถึง พอใช 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง 3 คะแนน หมายถึง ดี รหัส สิ่งท่ปี ระเมิน คะแนน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร S1 การสงั เกต S2 การวัด S8 การลงความเหน็ จากขอมลู S9 การต้ังสมมติฐาน S10 การกาํ หนดนยิ ามเชิงปฏบิ ตั ิการ S11 การกําหนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอ สรุป ทักษะแหงศตวรรษที่ 21 C2 การคิดอยา งมีวิจารณญาณ C4 การสือ่ สาร C5 ความรวมมือ C6 การใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร รวมคะแนน สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

49 คูม ือครรู ายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วสั ดุและสสาร ตาราง แสดงการวิเคราะหทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต ามระดับความสามารถของนักเรียน โดยอาจใชเ กณฑการประเมิน ดงั น้ี ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรบั ปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S1. การสังเกต การสงั เกตสภาพ สามารถใชป ระสาทสัมผสั สามารถใชป ระสาทสัมผัสเกบ็ ไมส ามารถใชป ระสาท ยืดหยนุ เกบ็ รายละเอยี ดลกั ษณะ รายละเอียดลักษณะของวสั ดุ สัมผสั เกบ็ รายละเอยี ด ประกอบดวย ของวสั ดุและการ และการเปลยี่ นแปลงความ ลักษณะของวสั ดุและการ - ลกั ษณะของวัสดุ เปลย่ี นแปลงความยาวของ ยาวของวสั ดกุ อนออกแรง เปลยี่ นแปลงความยาวของ - การ วสั ดกุ อนออกแรง ขณะ ขณะออกแรง และหลงั ออก วสั ดุกอ นออกแรง ขณะ ออกแรง และหลงั ออกแรง แรงกระทาํ ไดถูกตองโดยตอง ออกแรง และหลังออกแรง เปลีย่ นแปลง กระทําไดถูกตองดว ย อาศยั การชแี้ นะจากครูหรือ กระทําได แมว าครหู รือ ความยาวของ ตนเองโดยไมเ พ่ิมความ ผอู นื่ ผอู ื่นชวยแนะนําหรอื ชี้แนะ วสั ดุ คิดเห็น S2. การวัด การอา นคา ความ สามารถอานคา ความยาว สามารถใชไ มบ รรทดั วดั ความ ไมส ามารถอานคา ความยาว ยาวของวัสดแุ ละ ระบหุ นว ยความ ของวสั ดุและระบุหนวยของ ยาวไดแตม ีขอ ผิดพลาด และ ของวสั ดแุ ละระบุหนว ยของ ยาว ความยาวไดอยางถูกตอง ระบุหนว ยของความยาวได ความยาวได แมวา ครหู รือ ดวยตนเอง อยา งถูกตอง ผูอื่นชว ยแนะนาํ หรอื ชี้แนะ S8. การลง การเปรียบเทยี บ สามารถเปรียบเทียบสภาพ สามารถเปรียบเทยี บสภาพ ไมสามารถ เปรยี บเทยี บ ความเห็นจาก สภาพยดื หยุนของ ยืดหยนุ ของวัสดทุ ัง้ สองชนดิ ยืดหยนุ ของวัสดทุ ้ังสองชนิด สภาพยดื หยนุ ของวัสดทุ ้งั ขอ มูล เสนเอน็ ไนลอนและ โดยเพ่ิมเติมความคิดเห็น โดยเพม่ิ เติมความคิดเห็น สองชนดิ และไมส ามารถ เสนเอ็นยดื เกย่ี วกับขอมลู ท่ีมีอยูไดอ ยาง เกี่ยวกับขอมูลท่ีมีอยูไดอ ยาง แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับ ถูกตอง มเี หตุผล จาก ถูกตองเพยี งบางสวน โดยตอ ง ขอมูลที่มอี ยู แมว า ครหู รือ ความรหู รอื ประสบการณ อาศยั การชแ้ี นะจากครหู รือ ผอู ื่นชวยแนะนําหรือชแี้ นะ เดิมดวยตนเอง ผูอืน่  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วัสดแุ ละสสาร 50 ทักษะกระบวนการ รายการประเมิน ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรงุ (1) S9. การ การเขยี น สามารถคิดหาคําตอบ สามารถคดิ หาคําตอบลวงหนา ไมสามารถคดิ หาคําตอบ ต้งั สมมตฐิ าน สมมตฐิ าน ลวงหนากอ นดาํ เนนิ การ กอ นดําเนินการทดลอง โดย ลวงหนากอ นดําเนนิ การ ทดลอง โดยอาศยั การ อาศัยการสังเกตความรูห รือ ทดลอง และไมสามารถสรา ง สังเกตความรูหรือ ประสบการณเดิมเปนพื้นฐาน ขอความทบี่ อกความสัมพนั ธ ประสบการณเ ดมิ เปน และสามารถสรา งขอความท่ี ระหวา งตัวแปรตน (ชนดิ ของ พนื้ ฐาน และสามารถสรา ง บอกความสัมพนั ธระหวา งตัว วัสดุ) กบั ตวั แปรตามได ขอ ความทีบ่ อก แปรตน (ชนดิ ของวสั ดุ) กับตวั (สภาพยดื หยนุ ของวัสด)ุ ความสัมพนั ธร ะหวางตัว แปรตาม(สภาพยืดหยุนของ แมว าครูหรอื ผูอน่ื ชว ย แปรตน(ชนดิ ของวัสด)ุ กบั วัสดุ) ไดค รบถว นจากการ แนะนําหรอื ชแ้ี นะ ตวั แปรตาม(สภาพยดื หยุน) ชแ้ี นะของครหู รือผอู น่ื ไดค รบถวนดวยตนเอง S10. การกาํ หนด การระบวุ ธิ กี าร สามารถระบวุ ธิ กี ารสังเกต สามารถระบุวธิ ีการสงั เกต ไมส ามารถระบวุ ิธกี ารสงั เกต นยิ ามเชิง สังเกตสภาพ ปฏิบตั ิการ ยดื หยนุ ของวัสดุ สภาพยดื หยนุ ของวสั ดุได สภาพยืดหยุน ของวสั ดไุ ด สภาพยดื หยุนของวัสดไุ ด ถูกตองดวยตนเองวาถา นํา ถูกตอง จากการชแี้ นะของ แมว า ครูหรอื ผูอนื่ ชวย วัสดมุ าแขวนกับ ครหู รอื ผอู ื่นวา ถานําวสั ดุมา แนะนําหรอื ชแ้ี นะ ถานไฟฉาย วสั ดุจะยงั มี แขวนกับถา นไฟฉาย วสั ดจุ ะ สภาพยืดหยนุ กต็ อเมื่อนํา ยงั มีสภาพยืดหยนุ กต็ อเมื่อ ถานไฟฉายออก ความยาว นําถา นไฟฉายออก ความ ของวสั ดุเทา กบั ความยาว ยาวของวัสดเุ ทา กับความยาว กอ นแขวนถานไฟฉาย กอ นแขวนถานไฟฉาย สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

51 คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยที่ 4 วสั ดแุ ละสสาร ทกั ษะกระบวนการ รายการประเมนิ ดี (3) ระดับความสามารถ ควรปรับปรุง (1) ทางวิทยาศาสตร พอใช (2) S11. การกําหนด การกําหนดตวั แปร สามารถระบตุ ัวแปรตน ตัว สามารถระบตุ ัวแปรตน ตัว ไมส ามารถระบตุ ัวแปรตน และควบคุมตัวแปร ตน ตัวแปรตาม แปรตาม ตัวแปรท่ีตอง แปรตาม ตวั แปรทีต่ อง ตวั แปรตาม ตวั แปรท่ีตอง และตวั แปรทต่ี อง ควบคุมใหค งท่ีไดถูกตอง ควบคมุ ใหค งท่ีไดถูกตองจาก ควบคุมใหค งที่ไดแมว าครู S12. การทดลอง ควบคมุ ใหค งท่ี ดวยตนเอง ซึง่ ตวั แปรตน การชแ้ี นะของครหู รือผูอน่ื หรอื ผอู ื่นชว ยแนะนาํ หรือ คอื ชนิดของวสั ดุ ตวั แปร ชแ้ี นะ การดาํ เนนิ การ ตามคอื การเปลยี่ นแปลง สามารถดาํ เนนิ การทดลอง ทดลองตามที่ ความยาวของวสั ดเุ มอ่ื ไดรับ ตามท่กี ําหนดใหไ ดอยา ง ไมส ามารถดําเนินการ กําหนดให และไมไดรบั แรงกระทํา ถูกตองภายใตก ารชแ้ี นะของ ทดลองตามทก่ี ําหนดให ตวั แปรทีต่ องควบคุมให ครหู รือผูอื่น แมวา ครหู รือผูอน่ื จะชว ย คงท่ีประกอบดวย ขนาด แนะนาํ หรือชแี้ นะ ของวัสดุ ความยาวของวัสดุ และนาํ้ หนกั ของถานไฟฉาย สามารถดาํ เนินการทดลอง ตามทกี่ ําหนดใหไดด ว ย ตนเองอยา งถูกตอง S13. การ ความสมั พันธ สามารถตีความหมายจาก ครหู รอื ผอู ืน่ ตองชวยแนะนํา แมว าครูหรอื ผูอ่นื จะชว ย ตีความหมายขอมูล ระหวางการ การทดลอง และลงขอ สรปุ หรอื ชี้แนะจงึ จะสามารถ แนะนําหรือชแ้ี นะก็ไม และการลงขอ สรุป เปลย่ี นแปลงความ ไดด วยตนเองวาวัสดทุ ่ีมี ตคี วามหมายจากการทดลอง สามารถตีความหมายจาก ยาวของวัสดุเมื่อมี สภาพยดื หยุน หมายถงึ และลงขอสรปุ ไดว า วัสดทุ มี่ ี การทดลอง และลงขอสรุป แรงกระทาํ กบั สภาพ วัสดุทเ่ี มื่อออกแรงกระทํา สภาพยดื หยุน หมายถงึ วสั ดุ ไดดว ยตนเองวาวสั ดุท่ีมี ยืดหยุน แลว จะเปลย่ี นแปลง ท่ีเมือ่ ออกแรงกระทาํ แลว จะ สภาพยดื หยุน หมายถึง รูปราง แตเมื่อหยุดออก เปลีย่ นแปลง วัสดุที่เมื่อออกแรงกระทํา แรงกระทาํ จะกลับคนื สู รปู ราง แตเ มอื่ หยุดออกแรง แลว จะเปล่ียนแปลง สภาพเดมิ ทุกประการ วสั ดุ กระทําจะกลบั คนื สูส ภาพ รูปรา ง แตเ ม่ือหยุดออกแรง ตา งชนดิ กันมสี ภาพ เดมิ ทุกประการ วสั ดตุ าง กระทาํ จะกลบั คนื สูสภาพ ยืดหยนุ ตา งกัน ชนิดกันมสี ภาพยืดหยนุ เดมิ ทุกประการ วสั ดุตาง ตา งกนั ชนดิ กันมสี ภาพยืดหยุน ตางกนั  สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วสั ดุและสสาร 52 ตาราง แสดงการวเิ คราะหทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ กณฑการประเมิน ดังนี้ ทกั ษะแหง รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ศตวรรษที่ 21 ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรุง (1) C2 การคิด การวิเคราะหและ สามารถวิเคราะหและเลือก สามารถวิเคราะหและเลือก ไมสามารถวิเคราะหและ อ ย า ง มี เลือกผลิตภัณฑหรือ ผลิตภัณฑหรือเหตุการณที่ ผลิตภัณฑหรือเหตุการณที่ เ ลื อ ก ผ ลิ ต ภั ณ ฑ ห รื อ วิจารณญาณ เหตุการณที่เก่ียวกับ เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ ก า ร ใ ช เกีย่ วขอ งกบั การใชประโยชน เหตุการณที่เกี่ยวของกับ ประโยชนของสภาพ ประโยชนจากสมบัติสภาพ จากสมบัติสภาพยืดหยุนของ การใชประโยชนจากสมบัติ ยืดหยนุ ยื ด ห ยุ น ข อ ง วั ส ดุ จ า ก วัสดุจากหลักฐานไดอยางมี สภาพยืดหยุนของวัสดุจาก หลักฐานไดอยางมีเหตุผล เหตุผลและถูกตองจากการ หลักฐานไดแมวาครูหรือ และถกู ตอ งดว ยตนเอง ชีแ้ นะของครหู รอื ผูอ ่ืน ผูอนื่ ชวยแนะนําหรอื ช้แี นะ C4 การสอ่ื สาร การนําเสนอขอ มูล สามารถนําเสนอขอมูลท่ีได สามารถนําเสนอขอมูลท่ีได ไมสามารถนําเสนอขอมูลที่ จากการทดลองเร่ืองสภาพ จากการทดลองเรื่องสภาพ ไดจากการทดลองเร่ืองสภาพ ยืดหยุนของวัสดุในรูปแบบ ยืดหยุนของวัสดุ ในรูปแบบ ยืดหยุนของวัสดุ แมวาครู ท่ีชัดเจนและเขาใจงายดวย ที่ชัดเจนและเขาใจงายจาก หรือผูอ่ืนชวยแนะนําหรือ ตนเอง การช้แี นะของครูหรอื ผูอ ืน่ ชี้แนะ C5 ความ การทํางานรวมมือ สามารถทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกับผูอื่น ไมสามารถทํางานรวมกับ รว มมือ กนั ในกลุม ผูอ่ืนรวมทั้งยอมรับฟง รวมท้ังยอมรับฟงความ ผูอ ่นื อยางสรางสรรคในการ คว ามคิดเห็นของผูอื่น คิ ด เ ห็ น ข อ ง ผู อื่ น เ ป น ทํากิจกรรมเก่ียวกับสภาพ อยางสรางสรรคในการทํา บางคร้ังทั้งน้ีตองอาศัยการ ยืดหยุนของวัสดุ ต้ังแต กิจกรรมเก่ียวกับสภาพ กระตุนจากครหู รือผูอ่นื เร่ิมตนจนเสร็จส้ินกิจกรรม ยืดหยุนของวัสดุ ตั้งแต แมวาจะไดรับการกระตุน เรม่ิ ตน จนเสรจ็ ส้ินกิจกรรม จากครหู รือผูอืน่ C6 การใช การเลือกใชขอมูล เลือกใชข อมลู ท่ีถูกตองจาก เลือกใชขอมูลที่ถูกตองจาก ไมสามารถเลือกใชขอมูลที่ เ ท ค โ น โ ล ยี จ า ก ก า ร สื บ ค น แหลงเรียนรูท่ีนาเช่ือถือ แหลง เรียนรูท่ีนาเช่ือถือเพ่ือ ถูกตองจากแหลงเรียนรูที่ สารสนเทศ ขอมลู เพ่ือนําเสนอขอมูล ไดดวย นําเสนอขอมูล จากการ นาเช่ือถือเพื่อนําเส นอ ตนเอง ชแี้ นะของครหู รือผอู ื่น ขอมูล แมวาครูหรือผูอื่น ชว ยแนะนาํ หรอื ช้ีแนะ สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 

53 คูมอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร เรื่องท่ี 3 การนาํ ความรอนของวัสดุ ในเร่ืองนี้ นักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับสมบัติและวิธี ทดสอบการนําความรอนของวัสดุ และนําความรูเรื่องการ นําความรอนมาใชป ระโยชน จุดประสงคก ารเรียนรู 1. ทดลอง อธิบาย และเปรียบเทียบการนาํ ความรอนของ วสั ดุ 2. สบื คน ขอมลู และยกตวั อยางการนาํ วสั ดุที่มีสมบัตินํา ความรอ นมาใชป ระโยชน เวลา 1.5 ช่ัวโมง วัสดุ อปุ กรณสาํ หรับทํากจิ กรรม สอื่ การเรียนรแู ละแหลง เรียนรู ชุดการนําความรอน เทยี นไข นํ้ารอน กระปองทราย 1. หนังสือเรียน ป.4 เลม 2 หนา 17-23 ไมข ดี ไฟ 2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.4 เลม 2 หนา 15-20  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนวยท่ี 4 วัสดุและสสาร 54 แนวการจัดการเรียนรู (30 นาที) ในการตรวจสอบความรู ครู เพียงรับฟงเหตุผลของนักเรียนและ ขน้ั ตรวจสอบความรู (5 นาที) ยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ แตชักชวน ใหนักเรียนไปหาคําตอบดวยตนเอง 1. ครูนําถวยแกว ถวยพลาสติก ถวยเซรามิก และถวยสเตนเลสมา จากการอา นเน้อื เรอื่ ง ใหน ักเรียนดู และสอบถามวาถา ครจู ะเลอื กถวยสําหรับใสขาวตม รอนๆ ควรจะเลือกใชถวยชนิดใด เพราะเหตุใด (คําตอบของ หากนักเรียนไมสามารถตอบคําถาม นักเรียนอาจแตกตางกัน) ครูเช่ือมโยงประสบการณเดิมของ หรืออภิปรายไดตามแนวคําตอบ ครู นักเรียนสูเรื่องท่ีจะเรียนวาวัสดุตางชนิดกันเม่ือไดรับความรอน ควรใหเ วลานกั เรียนคิด อยางเหมาะสม วสั ดแุ ตล ะชนดิ จะรอ นมากนอยแตกตางกนั หรือไม และข้ึนอยูกับ ร อ ค อ ย อ ย า ง อ ด ท น แ ล ะ รั บ ฟ ง สมบัติใดของวสั ดุ (นักเรียนตอบตามความเขาใจ) แนวความคดิ ของนกั เรียน 2. ครูตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเก่ียวกับการนําความรอน ของวัสดุโดยใชค าํ ถามดงั ตอ ไปน้ี 2.1 การนําความรอนคืออะไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจ ตัวอยางคําตอบ เชน การที่วัสดุรอนข้ึนเมื่อสัมผัสกับความ รอน) 2.2 วัสดุอะไรบางนําความรอนได (นักเรียนตอบตามความ เขาใจ ตวั อยา งคาํ ตอบ เชน เหลก็ ) ครูจดบันทึกคําตอบของนักเรียนโดยครูยังไมเฉลยคําตอบท่ี ถกู ตอ งแตชกั ชวนใหน ักเรยี นคนหาคําตอบในการอานนาํ เรือ่ ง ข้นั ฝกทักษะจากการอา น (15 นาท)ี 3. นักเรียนอานช่ือเร่ืองและ คิดกอนอาน ในหนังสือเรียนหนา 17 แลว รว มกนั อภิปรายในกลุมเพ่ือหาแนวคําตอบ ครูบันทึก คําตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใชเปรียบเทียบคําตอบ หลังการอา น 4. นักเรียนอานคําใน คําสําคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอานไมได ครูควรสอนการอานใหถูกตอง) จากนนั้ ใหนักเรียนอธิบายความหมายของคําตามความเขาใจ และชักชวนใหหาความหมายของคําหลังจากการอานเนื้อ เร่ือง สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 

55 คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร 5. นักเรียนอานเนื้อเร่ือง โดยครูเลือกใชวิธีการอานที่เหมาะสม การเตรยี มตวั ลว งหนา สาํ หรบั ครู กับความสามารถของนักเรียน จากน้ันตรวจสอบความเขาใจ เพ่อื จดั การเรยี นรูในครง้ั ถดั ไป ดว ยคําถามตอไปน้ี 5.1 การถายโอนความรอนเกิดข้ึนไดอยางไร (การถายโอน ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํา ความรอนเกิดขึ้นไดเม่ือ 2 บริเวณมีอุณหภูมิตางกัน กิจกรรมท่ี 3 วัสดุแตละชนิดมีการนํา ความรอนจากบริเวณท่ีอุณหภูมิสูงกวาจะถายโอนไปยัง ความรอนเปนอยางไร โดยนักเรียนจะได บรเิ วณท่อี ณุ หภมู ติ าํ่ กวา ) ทดลองเพ่ือเปรยี บเทยี บการนาํ ความรอน 5.2 ขณะนักเรียนอยูในน้ํา มีการถายโอนความรอนหรือไม ของวัสดุแตละชนิด ครูเตรียมการจัด อยา งไร (มี โดยมีการถายโอนความรอ นจากรางกายของ กิจกรรม ดังนี้ เราไปสูน ํ้า ทําใหรางกายรูสึกเย็น) 5.3 ขณะเดินเทาเปลาบนพื้นคอนกรีตกลางแดด เรารูสึก รอนเทา อุณหภูมิของพ้ืนหรือเทาสูงกวากัน และมีการ ถายโอนความรอนจากท่ีใดไปสูที่ใด (อุณหภูมิของพ้ืน คอนกรีตสูงกวาเทาของเรา ดังน้ันความรอนจากพ้ืน คอนกรตี จะถา ยโอนมาสูเ ทา ทาํ ใหเรารสู กึ รอนเทา) 5.4 การถายโอนความรอนเกิดไดกับสารก่ีสถานะ อะไรบาง (การถายโอนความรอนเกิดไดกับสาร 3 สถานะ ไดแก ของแข็ง ของเหลว และแกส ) 5.5 การนําความรอนเก่ียวของกับการถายโอนความรอน หรือไม อยางไร (เก่ียวของ การนําความรอนเปนการ ถายโอนความรอนผานอนุภาคของวัสดุจากบริเวณที่มี อุณหภมู สิ งู กวาไปยังบริเวณทม่ี ีอุณหภมู ิตาํ่ กวา ) ขัน้ สรปุ จากการอา น (10 นาท)ี 6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดขอสรุปจากการอานวา 1. เตรียมกาตม นาํ้ สําหรบั ใชตมน้าํ การถายโอนความรอนเกิดขึ้นตลอดเวลา จากบริเวณที่มี อุณหภูมิสูงไปยังบริเวณท่ีมีอุณหภูมิต่ํากวา ความรอนถาย 2. ในกรณที แ่ี ทงวัสดุในชุดทดลองการนํา โอนผานไดท้ังของแข็ง ของเหลว และแกส และการถายโอน ความรอนเกาเปนสนิม ครูควรใช ความรอนวิธีหน่ึงคือการนําความรอนซ่ึงเกิดจากความรอน กระดาษทรายขัดกอนนํามาใชจัด สงผานอนุภาคของวัสดุอยางตอเน่ืองจากบริเวณท่ีมีอุณหภูมิ กิจกรรม สงู กวา ไปยังทีม่ ีอุณหภมู ติ ่ํากวา 7. นักเรียนตอบคําถามใน รูหรือยัง ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 15  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดแุ ละสสาร 56 8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเรื่องการนําความรอนและ เปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนในรูหรือยังกับคําตอบท่ี บันทึกไวในคิดกอนอาน วาเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร หากนักเรียนตอบผดิ ใหแกไขคาํ ตอบที่ผิดใหถกู ตอง ครูชักชวนนักเรียนเขาสูกิจกรรมโดยอาจใชคําถามวาวัสดุตาง ๆ นํา ความรอนไดเทากันหรือไม เราจะเปรียบเทียบการนําความรอนของวัสดุ ไดอยา งไร ความรเู พม่ิ เตมิ สําหรับครู การถายโอนความรอ นจะถา ยโอนจากบรเิ วณทม่ี ีอุณหภูมิสูงไปยังบริเวณทม่ี ีอุณหภูมติ ่ํากวา การถายโอนความรอนมี 3 ลักษณะ คือ การนําความรอน การพาความรอน และการแผรังสี ความรอน 1. การนําความรอ น คอื การถายโอนความรอ นผา นอนุภาคของวสั ดอุ ยา งตอเนอื่ ง โดยความ รอ นผานจากบรเิ วณทม่ี อี ณุ หภมู ิสงู ไปยังบริเวณทม่ี อี ุณหภูมิตํ่ากวา 2. การพาความรอ น คือ การถายโอนความรอนผานตัวกลางที่เปนของเหลวหรือแกส โดยท่ี ของเหลวหรอื แกสสวนที่ไดร ับความรอนจะเคลือ่ นท่ีพาความรอนไปดว ย 3. การแผรังสีความรอน คือ การถายโอนความรอนในรูปคล่ืนแมเหล็กไฟฟา โดยไมตอง อาศยั ตัวกลาง เอกสารอา งอิง http://web.mit.edu/16.unified/www/FALL/thermodynamics/notes/node115.html สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

57 คมู ือครูรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วสั ดแุ ละสสาร แนวคําตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม การถายโอนความรอ นเกดิ ขึ้นไดจ ากส่งิ ตา ง ๆ รอบตัวเรามอี ณุ หภูมิแตกตา งกัน ความรอ นจะถายโอนจากบริเวณทม่ี ีอณุ หภมู ิสูงกวา ไปยังบริเวณทม่ี ีอณุ หภูมิตาํ่ กวา การนาํ ความรอนคือการท่ีความรอนถา ยโอนผานอนภุ าคของวสั ดุจากบรเิ วณท่ี มีอณุ หภูมสิ ูงกวา ไปยังบรเิ วณทม่ี อี ุณหภูมิต่ํากวา เรารูสกึ รอนเทาเม่ือเดนิ ดวยเทา เปลา กลางแดด เพราะมีการถา ยโอนความรอ น จากพ้นื มาสเู ทาเรา  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดุและสสาร 58 กิจกรรมที่ 3 วสั ดแุ ตล ะชนิดมีการนาํ ความรอนเปน อยางไร กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดทดลอง อธิบายและ เปรียบเทียบการนําความรอนของวัสดุโดยสังเกตการนํา ความรอนของแทงวัสดุในชุดการนําความรอน และสืบคน ขอมูลเพ่ือยกตัวอยางการนําสมบัติการนําความรอนของ วัสดมุ าใชประโยชน เวลา 1 ชว่ั โมง จดุ ประสงคการเรียนรู 1. ทดลอง อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการนําความรอนของ วสั ดตุ าง ๆ 2. สืบคน ขอ มลู และยกตวั อยางการนาํ วัสดุทมี่ ีสมบัตินาํ ความรอ นมาใชป ระโยชน วัสดุ อุปกรณส ําหรับทํากจิ กรรม สงิ่ ที่ครตู อ งเตรียม/กลุม 1. ชุดการนาํ ความรอ น 1 ชุด ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 (แทงวัสดุในชุดการนําความรอนมี 5 แทง ไดแก แทง C2 การคิดอยา งมีวิจารณญาณ อะลมู ิเนียม แทงทองแดง แทงเหล็ก แทง ไม แทงแกว ) C4 การส่อื สาร 2. เทยี นไข 1 แทง C5 ความรวมมอื C6 การใชเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. น้ํารอ น ¼ ลติ ร 4. ไมข ีดไฟ 1 กลัก ส่ือการเรียนรแู ละแหลงเรียนรู 5. กระปอ งทราย 1 กระปอง ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 1. หนงั สือเรียน ป.4 เลม 2 หนา 19-21 S1 การสงั เกต 2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.4 เลม 2 หนา 16–20 S8 การลงความเหน็ จากขอมูล 3.ตัวอยางวีดิทัศนปฏิบัติการวิทยาศาสตรเรื่องวัสดุแตละ S9 การตัง้ สมมตฐิ าน ชนดิ มกี ารนําความรอนเปนอยางไร S10 การกาํ หนดนยิ ามเชงิ ปฏิบัติการ http://ipst.me/8060 S11 การกําหนดและควบคุมตวั แปร S12 การทดลอง S13 การตคี วามหมายขอมลู และการลงขอสรปุ 4. สอื่ เสรมิ เพ่ิมความรู เร่อื งการนาํ ความรอ น สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 

59 คมู ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ป.4 เลม 2 | หนว ยที่ 4 วัสดุและสสาร แนวการจัดการเรียนรู ขอ เสนอแนะเพิม่ เติม 1. ครนู ําอภปิ รายเพอื่ นําเขาสกู ิจกรรม โดยใชแ นวคําถามดังน้ี 1. ครูตมนํ้าใหรอนไวลวงหนา และควร 1.1 ถานักเรียนใชมือจับชอนสเตนเลสท่ีจุมในนํ้ารอน นักเรียน เปนผูรินนํา้ รอนใหนักเรียนแตล ะกลุม รสู กึ อยางไร เพราะเหตุใด (รสู ึกรอนมือ เพราะความรอนจาก น้าํ รอนถา ยโอนผา นชอ นสเตนเลสมาสูมอื เรา) 2. ในกรณที ่ีแทงวัสดุในชุดทดลองการนํา 1.2 ชอนสเตนเลสมีสมบัติอะไร ความรอนจึงถายโอนผาน คว า มรอ นเ กาเ ปนส นิม คว รใ ช ชอนสเตนเลสได (ชอ นสเตนเลสมสี มบตั นิ ําความรอน) กระดาษทรายขัดกอ นเร่มิ ทาํ กิจกรรม 1.3 วัสดุอื่นท่ีนําความรอนไดมีอะไรอีกบาง และรูไดอยางไร (เหล็ก แกว นําความรอนได รูจากเม่ือเราจับเหล็ก และแกว 3. การประกอบชุดนําความรอนควรดึง ทแี่ ชใ นนา้ํ รอน เราจะรสู ึกรอนมือ) ปลายวัสดุดานที่อยูในภาชนะใหย่ืน 1.4 นักเรียนคิดวาสเตนเลส เหล็ก และแกวนําความรอนไดดี พนจากจุกยางเทา ๆ กัน ประมาณ เทา กันหรือไม (นักเรียนควรตอบวาสเตนเลส เหล็ก และแกว 1.5 – 2.0 cm เพื่อใหน้ํารอนสัมผัส นาํ ความรอ นไดด ไี มเ ทา กนั ) กบั แทงวัสดไุ ดเทากนั 1.5 นักเรียนคิดวาจะมีวิธีทดสอบอยางไรวาวัสดุใดนําความรอน ไดด กี วากัน (นกั เรียนตอบไดห ลากหลาย) 4. หยดเทียนไขท่ีเย้ิมสังเกตไดจากสีของ เทียนจะใสขึ้นคลาย ๆ มีของเหลวอยู ครูควรสรุปคําตอบของนักเรียน และชักชวนนักเรียนทํากิจกรรมที่ 3 บนผิววัสดุ วิธที ดสอบการนาํ ความรอนของวัสดชุ นดิ ตาง ๆ 2. นกั เรยี นอานชอื่ กิจกรรม และ ทําเปน คดิ เปน ในหนังสือเรยี นหนา 5. ครูอาจใชดินนํ้ามันแทนเทียนไขโดย วางกอนดินนํ้ามันลงบนปลายแทง 19 ครตู รวจสอบความเขา ใจของนกั เรยี นเกีย่ วกับสิ่งท่ีจะเรยี น โดย วัสดุ ใชคาํ ถามดงั ตอไปน้ี 2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดเรียนเร่ืองอะไร (การนําความรอน ของวัสด)ุ 2.2 นักเรียนจะไดเรียนเรื่องน้ีดวยวิธีใด (ทดลองและสืบคน ขอ มลู ) 2.3 เม่ือเรยี นแลวนักเรยี นจะทําอะไรได (อธบิ ายและเปรียบเทียบ การนําความรอนของวัสดตางๆ วิธีทดสอบการนําความรอน รวมถึงยกตัวอยางการนําสมบัติการนําความรอนของวัสดุมา ใชป ระโยชนในชวี ติ ประจําวัน) นักเรียนบันทึกจุดประสงคของกิจกรรมในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 16 อานส่ิงท่ีตองใชในการทํากิจกรรม ครูยังไมแจกวัสดุ อุปกรณแ กนักเรยี นแตนาํ อุปกรณม าแสดงใหนักเรยี นดูทลี ะอยาง  สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี