Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อุปมาอุปไมยจากพระไตรปิฎก

อุปมาอุปไมยจากพระไตรปิฎก

Description: ธรรมะอุปมาอุปไมยจากพระไตรปิฎก

Search

Read the Text Version

๑๗ม ง ค ล ที่ สงเคราะห์ญาติ หมู่ญาติยิง่ มีมากได้ย่ิงดี แมถ้ ึงไมเ้ กิดในป่า เป็นหมวดหมไู่ ดเ้ ปน็ ดี เพราะต้นไม้ทีต่ ้ังอยูโ่ ดดเดี่ยว แม้จะใหญโ่ ตเปน็ เจา้ ป่า ย่อมถกู ลมแรงโคน่ ลงได้ www.kalyanamitra.org

151 ๑. ประเภทของญาติ ๑.๑ ดุ้นฟืนเผาศพไฟไหม้ปลาย ๒ ข้าง ตรงกลางก็เปอื้ นคถู ย่อมไมส่ ำ�เร็จประโยชนท์ ่ีจะใช้ ในบ้านในป่า ฉันใด เรากล่าวบุคคลผู้ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน ไม่ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ผู้อ่ืน มอี ปุ มาฉนั นน้ั . องั .จตุกก. (พทุ ธ) มก. ๓๕/๒๗๐ ๑.๒ ผู้ปฏิบัติทั้งเพื่อประโยชน์ตนทั้งเพ่ือประโยชน์ผู้อ่ืนเป็นผู้เลิศ เป็นผู้ประเสริฐสุด เป็น ประธาน เป็นผู้อุดม เป็นผู้สูงสุด เปรียบเหมือนน้ำ�นมโค นมส้มดีกว่าน้ำ�นม เนยข้นดีกว่านมส้ม เนยใสดีกวา่ เนยข้น ยอดเนยใสดกี ว่าเนยใสทงั้ หมด ยอดเนยใสนับว่า เป็นเลิศ. อัง.จตุกก. (พุทธ) มก. ๓๕/๒๗๐ ๒. ลกั ษณะของญาติ ๒.๑ ถ้าผู้ใดเป็นมิตรแม้จะมีกำ�ลังน้อย แต่ตั้งอยู่ในมิตรธรรม ผู้น้ันชื่อว่า เป็นญาติ เป็น เผ่าพนั ธ์ุ เปน็ มติ ร และเป็นสหายของเรา. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๗/๔๔ www.kalyanamitra.org

152 ๒.๒ ลาภท้ังหลายมีความไม่มีโรคเป็นอย่างยิ่ง ทรัพย์มีความสันโดษเป็นอย่างย่ิง ญาติมี ความค้นุ เคยเป็นอยา่ งย่งิ พระนิพพานเป็นสุขอย่างย่งิ . ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๓๖๑ ๒.๓ ถ้ามีจิตเลื่อมใสรักใคร่กัน ถึงแม้จะอยู่คนละฝั่งสมุทร ก็เหมือนอยู่ใกล้ชิดกัน ถ้ามีจิต คดิ ประทษุ ร้ายกนั ถึงแมจ้ ะอยู่ใกลช้ ิดกัน ก็เหมอื นกบั อยู่กับคนละฝัง่ สมุทร. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๐/๒๓๒ ๓. ประโยชนข์ องการสงเคราะห์ญาติ ๓.๑ บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายมิตร เหล่าอมิตรย่อมยำ่�ยีบุคคลผู้นั้นไม่ได้ ดุจต้นไทรมีราก และย่านงอกงาม พายุไม่อาจพดั พานใหล้ ้มได้ ฉะน้นั . ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๓/๔๓ ๓.๒ บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายมิตร บุคคลผู้นั้นย่อมรุ่งเรืองดุจกองเพลิง ย่อมไพโรจน์ดุจ เทวดามีสริ ิประจำ�ตัว. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๓/๔๓ ๓.๓ กรรมท่ีบุคคลทำ�ในคนกตัญญู มีศีล มีความประพฤติประเสริฐ ย่อมไม่ฉิบหายไป เหมือนพชื ทบ่ี ุคคลหวา่ นลงในนาดี ฉะนน้ั . ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๕๙/๘๖๒ ๓.๔ หมญู่ าติยิ่งมีมากไดย้ ิ่งดี แม้ถงึ ไมเ้ กิดในปา่ เปน็ หมวดหมู่ไดเ้ ป็นดี เพราะต้นไม้ท่ีตัง้ อยู่ โดดเดยี่ ว แม้จะใหญ่โตเปน็ เจ้าปา่ ยอ่ มถูกลมแรงโคน่ ลงได.้ ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๕๖/๑๙๙ ๔. สงเคราะหญ์ าติ ๔.๑ การให้ ๑ เจรจาไพเราะ ๑ การประพฤติใหเ้ ป็นประโยชน์ ๑ ความเปน็ ผมู้ ีตนเสมอใน ธรรมทง้ั หลายในคนนนั้ ๆ ตามควร ๑ ธรรมเคร่อื งยึดเหยี่ยวน�้ำ ใจในโลกเหล่านีแ้ ล เป็นเหมอื นเพลา รถอนั แลน่ ไปอย่.ู ท.ี ปา. (พุทธ) มก. ๑๖/๙๒ ๔.๒ ธรรมดาพระเจา้ จกั รพรรดยิ อ่ มทรงสงเคราะหป์ ระชาชนดว้ ยสงั คหวตั ถุ ๔ ฉนั ใด ภกิ ษผุ ู้ ปรารภความเพยี รกค็ วรสงเคราะห์ ควรประคอง ควรอนเุ คราะห์ ควรท�ำ ใหร้ า่ เรงิ แกบ่ รษิ ทั ๔ ฉนั นน้ั . มลิ ิน. ๔๔๓ www.kalyanamitra.org

153 ๔.๓ ธรรมดากาเมือ่ เหน็ สิ่งใดที่เป็นอาหาร คือ ซากสตั ว์ หรือของเดน ก็ย่อมป่าวรอ้ งเรียก พวกญาติมากิน ฉนั ใด ภกิ ษผุ ู้ปรารภความเพียรกค็ วรเปน็ ฉนั นั้น คอื เมอ่ื ไดล้ าภโดยชอบธรรมแลว้ ก็ควรแจกแบ่งปนั ใหเ้ พ่อื นพรหมจรรย.์ มิลนิ . ๔๒๘ ๔.๔ ธรรมดาอาหารยอ่ มเปน็ เคร่ืองหล่อเลี้ยงสตั วท์ ้ังปวง ฉนั ใด ภิกษุผปู้ รารภความเพยี รก็ ควรอุปถมั ภส์ ัตวท์ ัง้ ปวง ฉนั นน้ั ธรรมดาอาหารย่อมให้สัตว์ท้ังหลายเจริญเติบโตแข็งแรง ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ ควรท�ำ ใหบ้ คุ คลท้ังหลายเจริญอยดู่ ว้ ยบุญ ฉันนัน้ . มิลิน. ๔๖๓ ๔.๕ ธรรมดาปา่ ย่อมเป็นทีป่ ิดบงั คนท่ีไม่สะอาดไว้ ฉนั ใด ภกิ ษผุ ูป้ รารภความเพยี รก็ควรปดิ ความหลงผิดของผูอ้ ืน่ ไว้ ฉันน้ัน. มลิ ิน. ๔๕๖ ๔.๖ ธรรมดาเมฆย่อมทำ�ให้พืชท้ังปวงงอกเงยขึ้น ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควร ทำ�ใหพ้ ืช คือ ศรทั ธาของบคุ คลทัง้ หลายงอกงามขึน้ ฉันนน้ั ควรปลูกพชื คือ ศรัทธาน้นั ไว้ในสมบัติ ทั้ง ๓ อนั ได้แก่ มนุษย์สมบตั ิ สวรรคส์ มบัติ นพิ พานสมบัติ. มลิ นิ . ๔๕๘ ๔.๗ บรุ ษุ ผมู้ กี �ำ ลังทรพั ย์ ยศ ศักดิ์ บรวิ าร รูว้ า่ ญาติจะได้รับพระราชอาชญาหนกั กช็ ว่ ยให้ เป็นเบาตามความสามารถ ฉันใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบการบรรพชาชองพระเทวทัตจะ ท�ำ ใหก้ รรมของพระเทวทตั ถงึ ท่สี ุดได้ จึงใหบ้ รรพชาชว่ ยให้หนกั เป็นเบา ฉนั น้ัน. มลิ นิ . ๑๗๐ ๔.๘ พญานกแขกเต้ากลา่ วว่า ข้าพเจ้าน�ำ ขา้ วสาลีของท่านไปถงึ ยอดง้วิ แลว้ ... ฝงั ขุมทรพั ย์ ไว้ท่ีป่าง้วิ น้นั พราหมณ์ถามว่า ทา่ นจงบอกวิธฝี ังขมุ ทรัพย์ พญานก: นกเหล่าอื่นมีขนปีกหลุดหมดแล้ว เป็นนกทุพพลลาพ ข้าพเจ้าต้องการบุญ จึงได้ ใหข้ า้ วสาลีแกน่ กเหลา่ นัน้ บณั ฑิตทงั้ หลายกล่าววา่ การทำ�บญุ เปน็ การฝงั ขมุ ทรพั ย์. ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๐/๓๕๖ ๔.๙ พวกเจ้าศากยะและพวกเจ้าโกลิยะให้กั้นแม่น�ำ้ โรหิณี เนื่องจากนำ้�ในแม่น้ำ�มีปริมาณ น้อย ไม่เพยี งพอตอ่ การท�ำ กสิกรรมของทั้งสองเมอื ง ทาส กรรมกร ประชาชน แย่งน้ำ�กนั ใช้วาจา ดูถูกชาติกำ�เนิดซ่ึงกันและกัน กระทบกระท่ังจนไปถึงอำ�มาตย์ และพระราชา พระราชาทั้งสอง เมืองเตรยี มทพั แล้ว ออกมาเพือ่ ท�ำ การรบแยง่ ชงิ น�ำ้ www.kalyanamitra.org

154 พระบรมศาสดาทรงทราบ จึงเสด็จมาถามว่า ความเป็นกษัตริย์หรือน้ำ�มีค่ามากกว่ากัน กษัตรยิ ท์ ง้ั สองได้คิด จึงเลิกรากนั ไป. ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๒/๓๖๒ ๕. ญาตทิ ีไ่ มค่ วรสงเคราะห์ ๕.๑ กรรมที่บุคคลทำ�ในอสัตบุรุษ ย่อมฉิบหายไม่งอกงาม เหมือนพืชที่บุคคลหว่านลงในไฟ ย่อมถกู ไฟไหม้ไม่งอกงาม ฉะน้ัน. ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๙/๘๖๒ ๕.๒ ไมค่ วรต้งั บตุ รธิดา พ่นี ้อง หรอื วงศ์ญาติ ผูไ้ มต่ ้งั อย่ใู นศีลให้เปน็ ใหญ่ เพราะคนเหล่านัน้ เป็นคนพาล ไม่จัดว่าเป็นพี่น้อง คนเหล่าน้ัน เป็นเหมือนคนท่ีตายไปแล้ว แต่เมื่อเขาเหล่านั้นมาหา ถงึ สำ�นัก ก็ควรให้ผ้านงุ่ หม่ และอาหาร. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๔/๓๒๓ www.kalyanamitra.org

155 www.kalyanamitra.org

๑๘ม ง ค ล ที่ ท�ำ งานไม่มีโทษ ดอกบัวหลวงมีเงา่ ขาว ผุดขน้ึ จากนำ�้ ที่สะอาด เกดิ จากสระโบกขรณี บานเพราะพระอาทิตยม์ ีแสงเหมือนไฟ โคลนตมก็ไมเ่ ปอ้ื น ผงธลุ กี ไ็ ม่เลอะ น้ำ�กไ็ ม่เปียก ฉนั ใด พระราชาก็ฉันนนั้ กรรมกเิ ลสไม่เปรอะเปือ้ นพระองคผ์ ูม้ ีวินิจฉัยสะอาด ไม่ทรงผลุนผลนั มีพระราชกิจบรสิ ุทธิ์ ทรงปราศจากกรรมท่ีเปน็ บาป เหมอื นดอกบวั ทีเ่ กิดขนึ้ ในสระโบกขรณที ้งั หลาย ฉะนนั้ www.kalyanamitra.org

157 ๑. ท�ำ งานไม่มีโทษ ๑.๑ ผู้มีมีด เมื่อไม่ปอกผลมะงั่วที่มีเปลือกแข็งออก จะทำ�ให้มีรสขม ข้าแต่พระราชา บุคคลเม่ือปอกเปลือกเป็น จะทำ�ให้มีรสอร่อย เม่ือปอกแต่เปลือกบางๆ ออกก็คงทำ�ให้ไม่อร่อย ฉันใด ฝ่ายพระราชาผู้ทรงพระปรีชา ก็ฉันน้ัน ไม่ทรงเร่งรัดเก็บทรัพย์ขูดรีดภาษี ควรปฏิบัติ คลอ้ ยตามธรรมะ ทำ�ความสขุ ส�ำ ราญแกร่ าษฎร ไม่ทรงเบียดเบยี นผู้อืน่ . ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๙/๒๑๑ ๑.๒ ธรรมดาพระราชาผู้ทรงไม่บีบคั้นแว่นแคว้นราษฎรเหมือนหีบอ้อยเลย ทรงละการ ลอุ ำ�นาจอคติ ผกู ใจเขาดว้ ยสงั คหวัตถุ ๔. ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๕๙/๓๔๑ ๑.๓ ผใู้ ดปรบั ผไู้ ม่ได้ท�ำ ความผิด ๑๐๐ บ้าง ๑,๐๐๐ บ้าง ผูน้ ้ันชอื่ ว่า ใชอ้ �ำ นาจดว้ ยอาชญา คือ ทรัพย์ ผใู้ ดออกค�ำ สง่ั ประหารและทิ่มแทง ผู้นน้ั ชื่อว่า ใช้อ�ำ นาจดว้ ยอาชญา คือ ศัสตรา แต่ พระราชาองค์น้ที รงละแม้ทงั้ สองนัน้ ทรงปกครองไมต่ ้องใช้อาชญา. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๑๕ ๑.๔ โคที่ฝึกดีแล้ว ย่อมเกิดเป็นหัวหน้าหมู่ใด หัวหน้าหมู่ตัวน้ันเป็นโคที่นำ�ธุระไปได้ สมบูรณด์ ว้ ยก�ำ ลัง เดนิ ไปเรยี บร้อยและเร็ว คนทง้ั หลายย่อมเทยี มโคตวั นน้ั ในการขนภาระ ไมค่ �ำ นงึ ถึงสีของมัน ฉันใด ในหมู่มนุษย์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ในชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ กษัตริย์ www.kalyanamitra.org

158 พราหมณ์ แพศย์ ศทู ร จัณฑาล บรรดามนุษย์เหล่านั้นทกุ ๆ ชาติ คนผู้ท่ีฝกึ แล้วย่อมเกิดเปน็ ผู้มีวตั ร ดี ตั้งอยู่ในธรรม สมบูรณ์ด้วยศีล กล่าวคำ�สัตย์ มีใจประกอบด้วยหิริ ละชาติ และมรณะได้แล้ว อยู่จบพรหมจรรย์ ปลงภาระแล้ว ไมป่ ระกอบด้วยกิเลส ไดท้ �ำ กิจเสรจ็ แล้ว ไมม่ อี าสวะ เปน็ ผูถ้ ึงฝง่ั แห่งธรรมทั้งปวง ดับแล้วเพราะไม่ถือมั่น ก็ทักษิณาท่ีบำ�เพ็ญในผู้นั้น ผู้ปราศจากความกำ�หนัดเป็น บญุ เขต ย่อมมีผลไพบลู ย.์ องั .ปัญจก. (พุทธ) มก. ๓๖/๓๘๔ ๑.๕ พระราชาผู้ทรงจดั งานดี หม่นั ขยนั ตามกาล ไมเ่ กยี จคร้าน โภคสมบตั ทิ ง้ั ปวงย่อมเจรญิ ขน้ึ เหมอื นฝงู โคท่มี ีโคผู้ ฉะนัน้ . ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๕๑๔ ๑.๖ ความเปน็ ผูน้ ำ� โลกหาได้ยาก เหมอื นกับดอกมะเด่อื กระต่ายในดวงจันทร์ หรือเหมือน นำ้�นมกา ฉะน้ัน. ข.ุ เถร. (อรรถ) มก. ๕๑/๑๒๕ ๑.๗ ดอกบัวหลวงมีเง่าขาว ผุดขึ้นจากนำ้�ที่สะอาด เกิดจากสระโบกขรณี บานเพราะ พระอาทติ ยม์ แี สงเหมอื นไฟ โคลนตมกไ็ มเ่ ปอ้ื น ผงธลุ กี ไ็ มเ่ ลอะ น�ำ้ กไ็ มเ่ ปยี ก ฉนั ใด พระราชากฉ็ นั นน้ั กรรมกิเลสไม่เปรอะเป้ือนพระองค์ ผู้มีวินิจฉัยสะอาด ไม่ทรงผลุนผลัน มีพระราชกิจบริสุทธิ์ ทรง ปราศจากกรรมที่เปน็ บาป เหมอื นดอกบัวทเ่ี กิดขึ้นในสระโบกขรณีทงั้ หลาย ฉะนน้ั . ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๕๙/๒๑๓ ๑.๘ จันทัน ๓๐ ตัว ทำ�ดว้ ยไม้แกน่ ไม่มกี ระพีเ้ หล่าวางเรยี งยันกันไว้ ยอดโดมท่ีจนั ทันเหลา่ นั้นยึดไว้ดีแล้ว และถูกกำ�ลังบังคับบีบขนาบไว้ จึงไม่ตกไปจากข้างบน ฉันใด แม้พระราชาผู้ทรง เป็นบัณฑิต ก็ฉันนั้น ที่เหล่าองคมนตรีผู้เป็นมิตรม่ันคงไม่แตกกัน มีความสะอาดยึดเหน่ียวไว้ดีแล้ว ก็ไม่ทรงพลาดไปจากศิริ เหมือนยอดโดมทีแ่ บกภาระของจันทันไว้ ฉะนนั้ . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๙/๒๑๐ ๒. ทำ�งานมีโทษ ๒.๑ กษัตริย์พระองค์ใด ยังไม่ทันพิจารณาแล้วทรงลงพระราชอาญา กษัตริย์พระองค์นั้น ช่ือว่า ย่อมกลืนกินพระกระยาหารพร้อมด้วยหนาม เหมือนคนตาบอดกลืนกินอาหารพร้อมด้วย แมลงวนั ฉะนน้ั . ขุ.ชา. (ทั่วไป) มก. ๖๐/๑๘๖ www.kalyanamitra.org

159 ๒.๒ ศรี คือ ม่ิงขวัญ ย่อมละพระราชาผู้ไม่จัดแจงการงาน โง่เขลา มีความคิดอ่าน เลวทราม ไร้ปญั ญา เหมือนงลู อกคราบอนั เก่าคร�ำ่ ครา่ ฉะน้นั . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๕๑๔ ๒.๓ เมอ่ื ฝงู โคขา้ มฟากอยู่ ถ้าโคโจกตัวน�ำ ฝงู ไปคด โคนอกนน้ั กค็ ดไปตามกัน ในหมมู่ นษุ ยก์ ็ เหมือนกนั ถ้าท่านผไู้ ด้รบั สมมตใิ หเ้ ป็นใหญ่ ประพฤติไมเ่ ปน็ ธรรมไซร้ ประชาชนนอกน้ีก็จะประพฤติ ไมเ่ ป็นธรรมด้วย ถ้าพระราชาผไู้ มต่ ้งั มน่ั อยใู่ นธรรม รฐั ทัง้ ปวงกย็ ากเขน็ . ขุ.ชา. (พุทธ) มก. ๕๘/๖๐๖ ๒.๔ เมื่อต้นไม้ใหญ่มีผล ผู้ใดเก็บผลดิบมา ผู้น้ันย่อมไม่รู้รสแห่งผลไม้น้ัน ท้ังพืชพันธุ์แห่ง ต้นไม้นั้นก็ย่อมพินาศ รัฐเปรียบด้วยต้นไม้ใหญ่ พระราชาปกครองโดยไม่เป็นธรรม พระราชาน้ัน ยอ่ มไม่รรู้ สแหง่ รัฐนนั้ และรฐั ของพระราชานัน้ ก็ยอ่ มพนิ าศ. ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก.๖๒/๘๓ ๒.๕ กษัตริย์พระองค์ใด ทรงลงพระอาชญากับผู้ไม่สมควรจะลงพระอาชญา ไม่ทรงลง พระราชอาชญากับผู้ที่สมควรลงพระราชอาชญา กษัตริย์พระองค์น้ัน เป็นเหมือนคนเดินทาง ไม่เรยี บ ไม่รวู้ ่าทางเรียบหรอื ไมเ่ รยี บ. ข.ุ ชา. (ทั่วไป) มก. ๖๐/๑๘๖ ๒.๖ น้ำ�เตา้ ขมผสมดว้ ยยาพษิ บุรษุ ทร่ี กั ชวี ติ ยังไมอ่ ยากตาย รกั สขุ เกลียดทกุ ข์มาถงึ พวก ชาวบ้านบอกเขาว่า บรุ ุษผเู้ จริญ นำ้�เตา้ ขมนผ้ี สมดว้ ยยาพษิ ถา้ ทา่ นหวังจะดืม่ กด็ ่ืมเถิด น�ำ้ เต้าขม นนั้ จกั ไม่ท�ำ ใหท้ า่ นผูด้ ่ืมพอใจทั้งสี กลนิ่ และรส ครน้ั ท่านดม่ื เขา้ ไปแลว้ กจ็ กั ถงึ ตาย หรือไดร้ ับทกุ ข์ ปางตาย บุรุษน้ัน ไม่พิจารณาน้ำ�เต้าขมน้ัน ดื่มมิได้วาง นำ้�เต้าขมนั้นก็ไม่ทำ�ให้เขาผู้ดื่มพอใจทั้งสี กลิ่น และรส ครั้นดื่มแล้วพึงถึงตายหรือได้รับทุกข์ปางตาย แม้ฉันใด เรากล่าวว่า การสมาทาน ธรรมน้ีทมี่ ที ุกข์ในปจั จุบนั และมีทุกขเ์ ป็นวบิ ากในอนาคต มีอปุ มาฉันนัน้ . ม.ม.ู (พทุ ธ) มก. ๑๙/๓๗๙ ๒.๗ น�ำ้ หวาน ๑ ภาชนะ น่าดม่ื ถึงพรอ้ มดว้ ยสี กลิน่ และรส แตผ่ สมด้วยยาพิษ บรุ ษุ ท่รี กั ชีวิต ยังไม่อยากตาย รักสุขเกลยี ดทกุ ข์มาถึง พวกชาวบ้านก็บอกเขาว่า ท่านผเู้ จริญ น�้ำ หวาน ๑ ภาชนะ น่าดื่ม ถึงพร้อมด้วยสี กล่ิน และรส แต่ผสมด้วยยาพิษ ถ้าท่านหวังจะด่ืมก็ดื่มเถิด น้ำ� หวาน ๑ ภาชนะนน้ั จักทำ�ใหท้ ่านผู้ด่ืมพอใจท้ังสี กลนิ่ และรส ครน้ั ทา่ นด่มื เขา้ ไปแลว้ กจ็ ักถึงตาย หรือจักได้รับทุกขป์ างตาย www.kalyanamitra.org

160 บุรษุ นน้ั ไม่พิจารณาน้ำ�หวาน ๑ ภาชนะน้ัน แล้วด่มื มิไดว้ าง น�ำ้ หวาน ๑ ภาชนะนั้นกท็ �ำ ให้ เขาผดู้ ืม่ พอใจท้ังสี กลิน่ และรส คร้ันดื่มแล้ว พงึ ถงึ ตาย หรือไดร้ บั ทกุ ขป์ างตาย แมฉ้ นั ใด เรากล่าวว่า การสมาทานธรรมน้ีที่มีสุขในปัจจุบันแต่มีทุกข์เป็นวิบากในอนาคต มีอุปมา ฉันน้นั . ม.ม.ู (พุทธ) มก. ๑๙/๓๘๐ www.kalyanamitra.org

161 www.kalyanamitra.org

๑๙ม ง ค ล ที่ งดเว้นจากบาป ถ้าแผลไมม่ ีในฝา่ มอื บคุ คลพึงนำ�ยาพษิ ไปด้วยฝ่ามือได้ เพราะยาพษิ ย่อมไมซ่ มึ เข้าไปสู่ฝ่ามือไม่มีแผล ฉนั ใด บาปยอ่ มไมม่ ีแก่ผู้ไม่ท�ำ บาป ฉนั น้ัน www.kalyanamitra.org

163 ๑. คนทำ�บาป ๑.๑ บคุ คลผู้ไม่มีความละอาย กล้าเพียงดังกา มีปกตกิ �ำ จัดคณุ ผู้อ่นื มกั เอาหน้า. ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๓ ๑.๒ ผใู้ ดพึงนำ�ภาชนะดนิ ไปได้ แม้ภาชนะส�ำ รดิ ผนู้ ัน้ ก็พงึ น�ำ ไปได้ หล่อนท�ำ ช่ัวจนช�ำ่ ก็จัก ทำ�ช่วั อย่างน้ันอีก. ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๓/๓๑๔ ๑.๓ ขึ้นชื่อว่าที่ลับ ย่อมไม่มีในโลกนี้แก่คนผู้กระทำ�บาปกรรม อุปมาดังต้นไม้ที่เกิดในป่าก็ ยังมีคนเหน็ คนพาลย่อมส�ำ คญั บาปกรรมนั้นวา่ เป็นทลี่ บั . ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๕๘/๔๐๖ ๑.๔ อกุศลธรรมอันลามกเหล่านั้น ย่อมเกิดขึ้นในอัตภาพนั้น ย่อมเป็นธรรมอยู่อาศัยใน อัตภาพ เปรยี บเหมือนเหล่าสัตวท์ อ่ี าศยั รยู ่อมอยู่ในรู ท่ีอาศยั นำ้�ย่อมอยู่ในน�้ำ ที่อาศัยป่ายอ่ มอยู่ใน ป่า ที่อาศัยต้นไม้ย่อมอยู่ท่ีต้นไม้ ฉันใด อกุศลธรรมอันลามกเหล่านั้น ย่อมเกิดขึ้นในอัตภาพน้ัน ย่อมเป็นธรรมอยอู่ าศยั ในอตั ภาพ ฉนั นน้ั เหมอื นกัน. ข.ุ ม. (อรรถ) มก. ๖๖/๓๐๘ www.kalyanamitra.org

164 ๑.๕ บุคคลมีมายาดุจถ่านปกปิดด้วยข้ีเถ้า ดุจตอปกปิดด้วยนำ้� และดุจศัสตราปกปิดด้วย เอาผา้ เกา่ พนั . ข.ุ ม. (อรรถ) มก. ๖๖/๔๒๔ ๑.๖ ผใู้ ดแล มวั รักษาของรักวา่ น่ีเป็นของรกั ของเรา ท�ำ ตนให้เหนิ หา่ งจากความดี เสพของ รักท้ังหลาย เหมอื นนกั เลงสุราดื่มสุราเจอื ยาพษิ ฉะน้ัน ผนู้ ้ันย่อมไดร้ บั ทกุ ขใ์ นโลกหนา้ เพราะกรรม อนั ลามกน้ัน. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๒/๖๓๒ ๒. งดเวน้ จากบาป ๒.๑ เราจะคลายความเหน็ อันชว่ั ชา้ เหมอื นโปรยแกลบลอยไปในลมอนั แรง เหมอื นทิ้งหญา้ และใบไมล้ อยไปในแมน่ ำ้�มีกระแสอันเชย่ี ว. ข.ุ เปต. (อรรถ) มก. ๔๙/๕๑๖ ๒.๒ ผ้หู ้ามนรชนเสียจากบาป เปรียบเหมอื นท�ำ นบเป็นที่ก้นั กระแสน�ำ้ เชี่ยวไวไ้ ด้ ฉะน้นั . ขุ.ชา. (ท่ัวไป) มก. ๖๒/๔๖๐ ๒.๓ บุคคลพงึ เว้นกรรมชว่ั ทั้งหลายเสยี เหมือนพ่อค้ามที รัพย์มาก มีพวกน้อย เว้นทางอัน พงึ กลัว เหมอื นผ้ตู ้องการจะเป็นอยู่เว้นยาพิษ ฉะนนั้ . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๒/๒ ๒.๔ แม้พวกเธอก็จงละอกุศลธรรมเสีย จงทำ�ความพากเพียรแต่ในกุศลธรรมท้ังหลาย เมือ่ เป็นเช่นนี้ แม้พวกเธอกจ็ กั ถงึ ความเจรญิ งอกงามไพบูลย์ในพระธรรมวนิ ยั นี ้ ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนป่าไม้สาละป่าใหญ่ ใกล้บ้านหรือนิคม และป่านั้นปกคลุมไป ด้วยเหล่าต้นละหุ่ง บุรุษผู้หวังดีหวังประโยชน์ และหวังความปลอดภัยของต้นสาละน้ัน เขาจึงตัด ต้นรังเล็กๆ ท่ีคดที่ต้นละหุ่ง คอยแย่งโอชาออกน�ำ ไปทิ้งเสียภายนอก แผ้วถางภายในป่าให้สะอาด เรยี บรอ้ ยแลว้ คอยบ�ำ รุงรักษาตน้ รงั เลก็ ๆ ที่ต้นตรงขึน้ ดีไว้ได้โดยชอบ ภิกษทุ งั้ หลาย ดว้ ยการกระท�ำ ดังทีก่ ล่าวมานี้ สมยั ตอ่ มา ปา่ ไมร้ ังนน้ั กเ็ จริญงอกงามไพบลู ย์ ข้นึ โดยล�ำ ดับ แม้ฉันใด ภิกษุทงั้ หลาย แมพ้ วกเธอกจ็ งละอกุศลธรรมเสยี จงท�ำ ความพากเพียรอยู่ แตใ่ นกุศลธรรมทงั้ หลาย ฉันน้ันเถิด. ม.ม.ู (พทุ ธ) มก. ๑๘/๒๕๗ ๒.๕ บุคคลผู้มีผ้าอันไฟไหม้ หรือมีศีรษะอันไฟไหม้ พึงทำ�ความพอใจ ความพยายาม www.kalyanamitra.org

165 ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติ และสัมปชัญญะ ให้มีประมาณย่ิง เพือ่ ละธรรมทัง้ หลายทเี่ ป็นบาปอกศุ ลเหลา่ นัน้ ฉนั นน้ั เหมอื นกัน. องั .ทสก. (พทุ ธ) มก. ๓๘/๑๗๐ ๒.๖ ภิกษุผู้ปรารภความเพียรนั้น ยังมิจฉาวิตกท้ังหลายให้สงบระงับ เปรียบเหมือนฝนยัง ธลุ ีที่ลมพดั ฟ้งุ ขน้ึ แล้วให้สงบ ฉะน้ัน. ข.ุ อิต.ิ (อรรถ) มก. ๔๕/๕๓๕ ๒.๗ ธรรมดาในแว่นแคว้นพระเจ้าจักรพรรดิย่อมไม่มีโจรผู้ร้าย ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภ ความเพียรกไ็ ม่ควรใหม้ ีโจรผู้ร้าย คือ กามวติ ก พยาบาทวติ ก วิหงิ สาวติ ก ฉันนั้น ข้อน้ีสมกบั พระพุทธพจนว์ า่ ผใู้ ดยนิ ดีในการระงับวติ ก อบรมอสุภะ๑ มสี ติทกุ เม่ือ ผนู้ ัน้ จะทำ� ท่สี ดุ แห่งทกุ ข์ได้ จะตดั เคร่ืองผกู แห่งมารได.้ มิลนิ . ๔๔๓ ๒.๘ ธรรมดาต้นหนย่อมต้ังเข็มทิศด้วยตนเอง ไม่ให้ผู้อื่นแตะต้อง ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภ ความเพียรกค็ วรตงั้ เขม็ ทิศไว้ในใจ หา้ มใจไม่ใหน้ กึ ถงึ ส่ิงที่เปน็ บาปอกศุ ลทง้ั หลาย ฉนั น้นั . มลิ นิ . ๔๓๓ ๒.๙ ธรรมดางู เม่ือเที่ยวไปย่อมหลีกเว้นยาพิษของตน ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ ควรหลีกเว้นทจุ ริต ฉันน้ัน. มิลิน. ๔๕๔ ๒.๑๐ ความชั่วช้าแม้เพียงเท่าปลายขนทราย ย่อมปรากฏเหมือนเท่าก้อนเมฆท่ีลอยอยู่ บนฟ้า แก่ภกิ ษุผูไ้ ม่มีกิเลสเครอ่ื งย่ัวยวน แสวงหาความสะดวกเปน็ นติ ย.์ ขุ.เถร. (อรรถ) มก. ๕๓/๒๓๒ ๒.๑๑ เปรียบเหมือนพ่อค้าเกวียนหมู่ใหญ่ เดินทางจากภาคตะวันออกไปภาคตะวันตก แลว้ ได้แบ่งกองเกวียนออกเปน็ ๒ กอง กองละประมาณ ๕๐๐ เล่ม ใหข้ บวนหนึ่งลว่ งหนา้ ไปก่อน อีกขบวนหน่ึงจะตามไปภายหลัง ขบวนท่ีล่วงหน้าไปก่อนถูกคนเดินสวนทางหลอกให้ทิ้งหญ้าท้ิงนำ้� เล่าว่าข้างหน้าฝนตกหนักในทางกันดาร พุ่มไม้ หญ้า ไม้ และนำ้�บริบูรณ์ หัวหน้ากองเกวียน หลงเช่ือ จงึ พาพวกไปตายหมดส้นิ เพราะท้งิ หญา้ ท้ิงน�ำ้ แลว้ ก็หาน�ำ้ และหญ้าขา้ งหนา้ ไมไ่ ด้ พวก ไปทีหลังไม่ยอมเชื่อคนหลอก ไม่ยอมทิ้งหญ้าท้ิงนำ้� จึงเดินทางข้ามทางกันดารโดยสวัสดี แล้ว เปรียบว่า พระองค์แสวงหาโลกอื่นโดยไม่แยบคาย จะพลอยให้คนที่เช่ือถือพากันถึงความพินาศไป ดว้ ยเหมอื นนายกองเกวียนคณะแรก. ท.ี ปา. (เถระ) มก. ๑๔/๓๘๘ ๑ อสุภะ สภาพทไ่ี มง่ าม, พจิ ารณารา่ งกายของตนและผอู้ ื่นให้เหน็ สภาพทีไ่ ม่งาม www.kalyanamitra.org

166 ๒.๑๒ เปรียบเหมอื นชายเล้ยี งหมูคนหน่งึ ไปส่หู มู่บา้ นอนื่ เหน็ คูถ (อุจจาระ) แห้ง ที่เขาทง้ิ ไว้ เปน็ อนั มาก ก็คลผ่ี ้าห่มออก เอาคถู แหง้ ใสแ่ ล้วห่อทนู เหนือศีรษะมา ในระหว่างทางฝนตก คูถนน้ั ก็ ไหลเลอะเปรอะไป คนท้งั หลายจึงพากันตเิ ตยี นว่า เปน็ บ้าหรอื ไปแบกหอ่ คูถมาท�ำ ไม เขากลบั ตอบ วา่ ท่านตา่ งหากเปน็ บ้า เพราะของท่แี บกมาน่ีเปน็ อาหารของหมู พระองค์ก็เปรยี บเหมอื นอยา่ งน้ัน ขอจงสละความเหน็ ผิดนน้ั เสยี เถดิ . ที.ปา. (เถระ) มก. ๑๔/๓๙๑ ๒.๑๓ เปรียบเหมือนนักเลงสกา ๒ คน เล่นสกากัน คนหนึ่งย่อมกลืนลูกโทษท่ีมาถึงตัว (ลูกสกาท่ีจะทำ�ให้แพ้) อีกคนหนึ่งบอกว่า ท่านชนะเร่ือยข้างเดียวขอลูกสกาให้ข้าพเจ้าทำ�พิธีบ้าง คนชนะจึงส่งให้ไป นักเลงคนที่ ๒ จึงเอายาพิษทาลูกสกา เม่ือเล่นครั้งท่ีสองนักเลงสกาคนแรกก็ กลนื ลกู โทษท่มี าถึงนน้ั อีก และตายเพราะกลืนยาพษิ เข้าไปดว้ ย พระองค์ก็เปรียบเหมือนนักเลงสกา ทก่ี ลืนยาพษิ ไปกบั ลกู สกาดว้ ย ขอจงทรงสละความเหน็ ผดิ น้นั เสยี เถิด. ที.ปา. (เถระ) มก. ๑๔/๓๙๒ ๒.๑๔ เปรียบเหมือนชาย ๒ คน ชวนกันไปยงั ชนบทเพ่ือหาทรพั ย์ ไปพบป่านในระหว่างทาง ก็ห่อป่านเดินทางไป ครั้นไปพบด้ายที่ทอจากบ้าน คนหน่ึงเห็นด้ายมีราคากว่า ก็ทิ้งป่านห่อด้ายไป อีกคนหนง่ึ ไมย่ อมท้งิ ดว้ ย ถือวา่ แบกมาไกลแลว้ ผกู รัดไว้ดแี ล้ว โดยนยั นี้ไปพบผา้ เปลอื กไม้ ผ้าฝ้าย เหลก็ โลหะ ดีบกุ ตะกั่ว เงิน ทอง คนหนงึ่ ท้งิ ของเก่าถือเอาของใหมท่ ี่มีราคากวา่ แต่อกี คนหนงึ่ ไม่ ยอมทง้ิ ถือว่าแบกมาไกลแล้ว ผกู รดั ไวด้ แี ลว้ เมอ่ื กลบั ไปถงึ บา้ น บุตร ภรยิ า เพ่ือนฝูงของผู้แบกหอ่ ปา่ น ก็ไม่ชน่ื ชม แตบ่ ุตร ภรยิ า เพื่อนฝงู ของผูแ้ บกห่อทองกลบั มา ตา่ งชน่ื ชม พระองค์จะเปน็ อย่าง ผแู้ บกหอ่ ป่าน ขอจงทรงสละความเหน็ ผิดน้นั เสียเถดิ . ที.ปา. (เถระ) มก. ๑๔/๓๙๔ ๒.๑๕ ความเป็นพรานนี้ เราได้ละแล้ว เหมือนงูลอกคราบเก่าของตน หรือเหมือนต้นไม้ อันเขียวชอ่มุ ผลัดใบเหลืองทิง้ ฉะนน้ั วันนเี้ ราละความเปน็ พรานได้. ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๐/๔๕๕ ๒.๑๖ ภิกษุท้ังหลาย พวกเธอจงปลดเปลื้องราคะ และโทสะเสีย เหมือนมะลิเครือปล่อย ดอกท้งั หลายทเ่ี หีย่ วเสีย ฉะนั้น. ข.ุ ธ. (โพธิ) มก. ๔๓/๓๓๙ ๒.๑๗ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปหาพระราหุลซึ่งกำ�ลังพักอยู่ ณ ปราสาทชื่อ อัมพลัฎฐิกา ขณะที่พระองค์ทรงล้างพระบาท ทรงเหลือนำ้�ไว้ในภาชนะหน่อยหน่ึง รีบส่ังเรียก พระราหลุ มาพิจารณาดนู ำ้�นน้ั แลว้ ทรงแสดงเปรยี บเทยี บวา่ ผเู้ ปน็ สมณะถ้าไม่มคี วามละอายกลา่ ว www.kalyanamitra.org

167 เทจ็ ท้งั ท่ีรู้ กเ็ หลอื ความเปน็ สมณะเพียงหน่อยหน่ึงเหมอื นน�้ำ ในขนั ทรงเทน้ำ�ท้ิงแล้วทรงคว่ำ�ขัน และหงายขันขึ้น แล้วทรงเปรียบเทียบให้ฟังว่า ถ้ายังกล่าว เทจ็ อยกู่ เ็ หมือนนำ้�ท่ีเขาทิ้งแล้ว เหมอื นขันท่ีคว�ำ่ และวา่ งเปล่าเหมือนขนั ท่หี งาย ทรงยกอุปมาด้วยช้างข้ึนมาเปรียบเทียบว่า ช้างต้นที่อวัยวะทุกส่วนทำ�งานให้พระราชาได้ ไม่มีอะไรที่ช้างต้นนั้นจะทำ�ไม่ได้ คนที่ไม่มีความละอายกล่าวเท็จท้ังที่รู้ก็เหมือนกัน ท่ีจะไม่ทำ�บาป อะไรเลยไมม่ ี จากนั้นทรงสอนให้พิจารณาดูกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมของตน เหมือนคนใช้ คันฉอ่ งดเู งาหนา้ ตวั เอง ฉะน้นั . ม.มู (พุทธ) มก. ๒๐/๒๖๓ ๒.๑๘ ถ้าแผลไม่มีในฝา่ มอื บคุ คลพึงน�ำ ยาพษิ ไปดว้ ยฝา่ มือได้ เพราะยาพิษย่อมไมซ่ ึมเข้าไป สฝู่ า่ มือไม่มีแผล ฉันใด บาปยอ่ มไมม่ แี ก่ผไู้ ม่ท�ำ บาป ฉันน้ัน. ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๓๖ ๓. ผลของบาป ๓.๑ คนพาลย่อมสำ�คัญบาปประดุจนำ้�ผึ้ง ตราบเท่าท่ีบาปยังไม่ให้ผล ก็เม่ือใดบาปให้ผล เมอ่ื นน้ั คนพาลยอ่ มประสพทกุ ข์. ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๒๑๕ ๓.๒ คนนี้จะเป็นผู้เปื้อนไปด้วยบาป เหมือนกับผ้านุ่งของพ่ีเลี้ยงที่เปื้อนน�้ำ ลายนำ้�มูก มูตร และคถู . ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๕๙/๑๘๔ ๓.๓ บุคคลจะอยู่ในอากาศ อยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร จะเข้าไปสู่ซอกเขาก็ตามที ก็ไม่พึง พน้ จากกรรมชั่วไปได้ เพราะประเทศ คือ แผ่นดนิ ทเี่ ขาอยูน่ ั้น บาปกรรมจะตามไมท่ ัน ไมม่ ี. ข.ุ อุ. (พุทธ) มก. ๔๔/๔๖๒ ๓.๔ ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ชาวนครสีพีพากันขับไล่พระเวสสันดรผู้ไม่มีความผิดจาก แว่นแควน้ ก็เปรยี บเหมอื นชว่ ยกนั ตดั ตน้ ไมอ้ ันน�ำ รสท่ีตอ้ งการทกุ อย่างมาให้ ฉะนน้ั . ขุ.ชา. (พทุ ธ) มก. ๖๔/๕๐๓ ๓.๕ ท่านจงหลีกไปเสียเถิด โลกยังกว้างใหญ่ ท่านไม่ไปท่ีอ่ืน ยังประพฤติอธรรมอยู่ในที่น้ี อธรรมอันท่านประพฤตแิ ลว้ อยา่ ไดท้ �ำ ลายทา่ นเลย เหมือนก้อนหินต่อยหม้อแตก ฉะน้ัน. ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๕๘/๔๓๔ www.kalyanamitra.org

168 ๓.๖ อันคนพาลทำ�กรรมทั้งหลายอันลามกอยู่ ย่อมไม่รู้สึก บุคคลผู้มีปัญญาทราม ย่อม เดอื ดร้อน ดจุ ถกู ไฟไหม้ เพราะกรรมของตนเอง. ข.ุ ธ. (พุทธ) มก. ๔๒/๖๗ ๓.๗ บุคคลไม่ควรดูหม่ินบาปว่า บาปมีประมาณน้อยจักไม่มาถึง แม้หม้อน้ำ�ยังเต็มด้วย หยาดน้�ำ ท่ีตกลง ทีละหยาดๆ ได้ ฉันใด ชนพาลเม่ือสั่งสมบาปแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเตม็ ด้วยบาปได ้ ฉันน้นั . ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๒๒๕ ๓.๘ กรรมท่บี ุคคลใด ไมพ่ ิจารณาให้ถีถ่ ว้ นเสียกอ่ น แลว้ ท�ำ ลงไป ผลช่วั รา้ ยยอ่ มมแี ก่บคุ คล นัน้ เหมอื นความวบิ ตั ิแหง่ ยาแกโ้ รค ฉะน้นั . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๑๖๕ ๓.๙ บุคคลนึกอยู่ว่า หากว่าท่านจักกระทำ�กรรมชั่วนั้น ท่านจักได้รับความติเตียนในบริษัท ๔ วญิ ญชู นท้ังหลายจกั ตเิ ตียนทา่ น เหมือนชาวเมืองรงั เกยี จของสกปรก. ข.ุ อติ .ิ (อรรถ) มก. ๔๕/๒๙๓ ๓.๑๐ บุคคลผู้ทำ�อกุศลกรรมบถ ๑๐ เม่ือตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก บุคคลที่ยังอยู่จะสวดสรรเสริญวิงวอน ก็ไม่สามารถทำ�ให้ผู้ล่วงลับที่ไปอบายแล้ว กลับไปสู่สุคติ สวรรค์ได้ เหมือนโยนก้อนหินลงในน้ำ� แล้วสวดวิงวอนให้ก้อนหินลอยข้ึนมา ก้อนหินก็ไม่สามารถ ลอยข้นึ มาได้. สัง.สหา. (พุทธ) มก. ๒๙/๑๘๙ ๓.๑๑ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสนว่า กุศลกรรม และอกุศลกรรมที่บุคคลทำ�ด้วย รปู นามนี้อยไู่ หน พระนาคเสนทลู ตอบว่า ตดิ ตวั ไปเหมือนเงาตามตวั แล้วอุปมาว่า ต้นไม้ที่ยงั ไม่มีผลกไ็ มอ่ าจ ช้ีได้ว่าผลนั้นอยู่ที่ไหน ดังนั้น เม่ือการสืบต่อยังไม่ขาด ก็ไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ว่ากรรมเหล่าน้ันอยู่ ทไี่ หน. มิลนิ . ๑๑๒ ๓.๑๒ บุคคลประทุษร้ายแก่นรชนผู้ไม่ประทุษร้าย เป็นผู้บริสุทธ์ิปราศจากกิเลส บาปย่อม กลับมาถงึ บคุ คลนัน้ ผเู้ ปน็ พาล ประดุจซัดธลุ ที วนลม. สงั .ส. (พุทธ) มก. ๒๔/๑๒๖ ๓.๑๓ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสน เร่ืองการทำ�บาปของผู้รู้กับผู้ไม่รู้ ใครจะได้บาป มากกวา่ กนั www.kalyanamitra.org

169 พระนาคเสนทูลตอบว่า บุคคลผู้ไม่รู้บาปแล้วทำ�บาปย่อมได้รับบาปมากกว่าผู้รู้บาปกรรม แล้วจึงทำ�บาป ประดุจชายผู้ไม่รู้ ไปจับเอาก้อนเหล็กแดงอันร้อนแรง ย่อมร้อนทุรนทุรายมากกว่า บุคคลผู้ที่รู้อยู่ว่าก้อนเหล็กแดงร้อนแรง จึงหาวิธีการ อุบายต่างๆ เพื่อท่ีจะลดความร้อนแรงของ ก้อนเหล็กแดงก่อนแล้วจึงจบั . มลิ ิน. ๑๓๗ ๔. อานิสงสข์ องการงดเว้นบาป ๔.๑ ผู้ใดเคยประมาทในตอนต้น ภายหลังเขาไม่ประมาท ผู้นั้นย่อมทำ�ให้โลกน้ีสว่างไสว เหมอื นพระจันทรพ์ ้นแล้วจากหมอก ฉะนน้ั บาปกรรมท่ีทำ�ไว้แล้ว อนั ผใู้ ดย่อมปิดกั้นไวด้ ว้ ยกศุ ล ผูน้ นั้ ย่อมทำ�โลกน้ใี ห้สวา่ งไสว เหมือน พระจันทร์พ้นแลว้ จากหมอก ฉะน้ัน. ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๑๓๓ ๔.๒ ถ้าแผลไม่พึงมีในฝ่ามือไซร้ บุคคลพึงน�ำ ยาพิษไปด้วยฝ่ามือได้ เพราะยาพิษย่อมไม่ซึม เข้าไปสฝู่ า่ มอื ที่ไมม่ ีแผล ฉันใด บาปยอ่ มไมม่ ีแกผ่ ไู้ ม่ท�ำ บาป ฉนั น้นั . ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๔๐ ๔.๓ ผู้ใดในโลกนี้ พิจารณาแล้วละของรักได้ เสพอริยธรรมท้ังหลายแม้ด้วยความยาก เหมอื นคนเป็นไข้ด่มื ยา ฉะนัน้ ผ้นู นั้ ยอ่ มได้รบั ความสุขในโลกหนา้ เพราะกลั ยาณกรรมนน้ั . ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๒/๖๓๒ www.kalyanamitra.org

๒๐ม ง ค ล ที่ ส�ำ รวมจากการดื่มน้ำ�เมา ผู้ใดด่ืมสรุ า ไม่มที รัพย์ หาการงานทำ�เลยี้ งชีพไมไ่ ด้ เปน็ คนขเี้ มา ปราศจากสงิ่ เป็นประโยชน์ เขาจะจมลงสหู่ นี้ เหมอื นกอ้ นหินจมนำ�้ ฉะน้ัน www.kalyanamitra.org

171 ๑. โทษของน�้ำ เมา ๑.๑ ผู้ใดดื่มสุรา ไม่มีทรัพย์ หาการงานทำ�เลี้ยงชีพไม่ได้ เป็นคนข้ีเมาปราศจากส่ิงเป็น ประโยชน์ เขาจะจมลงสหู่ นเี้ หมอื นกอ้ นหินจมน�ำ้ ฉะน้นั . ที.ปา. ( พทุ ธ ) มก. ๑๖/๘๓ ๑.๒ นรชนใดยอ่ มประกอบเนอื งๆ ซึ่งการดื่มสุรา และเมรยั นระน้ีชื่อว่า ยอ่ มขุดรากเหง้า (ความดี) ของตน คือ เปน็ คนหาทพ่ี ง่ึ มไิ ด้ในโลกน้ีท่เี ดยี ว. ข.ุ ธ. ( พทุ ธ ) มก. ๔๓/๓๖ ๑.๓ สุรานั้นทำ�ใจใหฮ้ ึกเหิม มกี ล่นิ หอม ทำ�ใหพ้ ูดมาก มรี สหวานแหลมปานน�้ำ ผงึ้ พระอรยิ ะ ทงั้ หลายกล่าวสรุ านน้ั วา่ เปน็ พิษของพรหมจรรย์. ขุ.ชา. ( ทว่ั ไป ) มก. ๖๐/๒๔๖ ๑.๔ สมณพราหมณ์พวกหน่ึง ด่ืมสุราเมรัย ไม่งดเว้นการดื่มสุราเมรัย น้ีเป็นเคร่ืองเศร้า หมองของสมณพราหมณ์. ว.ิ จ.ุ ( เถระ ) มก. ๙/๕๓๓ ๑.๕ ถ้าหากนำ้�ในมหาสมุทรจะเป็นสุรา และนักเลงสุราจะเกิดเป็นปลา เม่ือเขาแหวกว่าย อยู่ก็ดี นอนอยกู่ ด็ ีในน้ำ�น้ัน ขึน้ ชอ่ื ว่า ความอ่มิ กไ็ ม่พึงมี. อัง.ตกิ . (พทุ ธ) มก. ๓๔/๕ www.kalyanamitra.org

๒๑ม ง ค ล ที่ ไม่ประมาทในธรรม รอยเทา้ ของสัตวท์ ้ังหลาย ผ้สู ัญจรไปบนแผ่นดินชนิดใดชนิดหนึ่ง ท้ังหมดนัน้ ย่อมถึงความประชุมกนั ลงในรอยเทา้ ชา้ ง รอยเท้าชา้ ง บณั ฑิตกล่าวว่า เลศิ กว่ารอยเทา้ สัตว์เหล่าน้นั เพราะเป็นรอยใหญ่ แม้ฉันใด กุศลธรรมเหลา่ ใดเหล่าหนึ่งท้ังหมดน้ัน มีความไมป่ ระมาทเป็นมูล รวมลงในความไมป่ ระมาท ความไมป่ ระมาทบัณฑิตกลา่ ววา่ เลศิ กวา่ กุศลธรรมเหลา่ น้ัน ฉนั นัน้ เหมือนกัน www.kalyanamitra.org

173 ๑. ความส�ำ คญั ของความไมป่ ระมาทในธรรม ๑.๑ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บัณฑิตกล่าวว่า เป็นยอดของสัตว์เหล่านั้น ฉันใด ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหน่ึง ก็ฉันน้ันเหมือนกันแล กุศลธรรมเหล่านั้น ทง้ั หมด มีความไม่ประมาทเป็นมลู ประชมุ ลงในความไมป่ ระมาท ความไมป่ ระมาท บณั ฑติ กล่าววา่ เป็นยอดกุศลธรรมเหล่าน้นั . อัง.ทสก. (พุทธ) มก. ๓๘/๓๕ ๑.๒ รอยเท้าของสัตว์ท้ังหลาย ผู้สัญจรไปบนแผ่นดินชนิดใดชนิดหนึ่งท้ังหมดนั้น ย่อมถึง ความประชุมกันลงในรอยเท้าช้าง รอยเท้าช้าง บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่ารอยเท้าสัตว์เหล่าน้ัน เพราะเป็นรอยใหญ่ แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหน่ึงท้ังหมดน้ัน มีความไม่ประมาทเป็น มูลรวมลงในความไม่ประมาท ความไม่ประมาทบัณฑติ กลา่ วว่า เลศิ กวา่ กศุ ลธรรมเหล่าน้นั ฉนั นั้น เหมือนกัน. สัง.ม. (พุทธ) มก. ๓๐/๑๓๒ ๑.๓ พระราชาผู้น้อย (ช้ันต่ำ�) เหล่าใดเหล่าหน่ึงท้ังหมดนั้น ย่อมเป็นผู้ตามเสด็จพระเจ้า จักรพรรดิ พระเจ้าจักรพรรดิ บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่าราชาผู้น้อยเหล่าน้ัน แม้ฉันใด กุศลธรรม เหลา่ ใดเหล่าหนึง่ ทงั้ หมดน้นั มีความไมป่ ระมาทเป็นมลู ... ฉนั นั้นเหมือนกัน. สัง.ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๓๕ www.kalyanamitra.org

174 ๑.๔. กลอนแห่งเรอื นยอดอย่างใดอยา่ งหนงึ่ ท้งั หมดนน้ั ไปสยู่ อด นอ้ มไปสูย่ อด ประชมุ เข้าท่ี ยอด ยอดแห่งเรือนยอดน้ัน บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่ากลอนเหล่าน้ัน แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใด เหล่าหนงึ่ ทง้ั หมดนนั้ มคี วามไม่ประมาทเป็นมูล... ฉนั นน้ั เหมือนกัน. สัง.ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๓๓ ๑.๕ แสงสว่างชนิดใดชนิดหน่งึ แห่งดาวท้ังหลาย แสงสวา่ งเหลา่ น้ันท้ังปวง ย่อมไม่ถึงส่วนที่ สิบหกแห่งแสงสว่างพระจันทร์ แสงสว่างพระจันทร์ชาวโลกกล่าวว่า เป็นเยี่ยมกว่าแสงสว่างแห่ง ดาวเหล่านั้น ฉันใด ธรรมข้อหน่ึงซึง่ เจรญิ แลว้ ทำ�ให้มากแล้ว ยอ่ มยดึ ถือประโยชนท์ ัง้ ๒ ไว้ได้ คือ ประโยชนใ์ นปจั จบุ นั และประโยชนใ์ นสัมปรายภพ คอื ความไมป่ ระมาท ฉนั น้นั เหมือนกัน. องั .ปัญจก. (พทุ ธ) มก. ๓๖/๖๙๓ ๑.๖ ไม้มีกลิ่นที่รากชนิดใดชนิดหนึ่ง ไม้กลัมพัก บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่าไม้มีกล่ินที่ราก เหล่าน้ัน แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหน่ึงท้ังหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้น เหมอื นกัน. สัง.ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๓๔ ๑.๗ ไมม้ กี ลน่ิ ทแ่ี กน่ ชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ จนั ทรแ์ ดง บณั ฑติ กลา่ ววา่ เลศิ กวา่ ไมก้ ลน่ิ ทแ่ี กน่ เหลา่ นน้ั แมฉ้ ันใด กศุ ลธรรมเหลา่ ใดเหล่าหนง่ึ ทั้งหมดน้นั มคี วามไม่ประมาทเป็นมูล... ฉันนั้นเหมือนกนั . สงั .ม. (พุทธ) มก. ๓๐/๑๓๔ ๑.๘ ไม้มีกล่ินที่ดอกชนิดใดชนิดหน่ึง มะลิ บัณฑิตกล่าวว่า เลิศกว่าไม้กลิ่นที่ดอกเหล่าน้ัน แม้ฉนั ใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนงึ่ ท้งั หมดนนั้ มคี วามไม่ประมาทเปน็ มูล... ฉนั น้ันเหมือนกัน. สงั .ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๓๕ ๑.๙ พวกชนพาลผู้มีปัญญาทราม ย่อมประกอบเนืองๆ ซึ่งความประมาท ส่วนผู้มีปัญญา ย่อมรกั ษาความไม่ประมาทไว้เหมอื นทรัพยอ์ นั ประเสรฐิ . ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๐/๓๔๖ ๒. โทษของความประมาท ๒.๑ สัตว์โลกนี้เป็นเหมือนคนตาบอด ในโลกน้ีน้อยคนนักจะเห็นแจ้ง น้อยคนนักจะไปใน สวรรคเ์ หมอื นนกหลุดแลว้ จากขา่ ยมีน้อย ฉะน้ัน. ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๒/๒๘ ๒.๒ บคุ คลผู้เกียจครา้ น และกนิ จเุ หมอื นต้นไมท้ ถ่ี ูกทรายคลุมทบั ในทที่ ่ลี ้มลงน่ันแลว้ เป็นไม้ ผุ ฉะนนั้ . สัง.สฬา. (อรรถ) มก. ๒๘/๔๑๗ www.kalyanamitra.org

175 ๒.๓ นรชนกล่าวพระพุทธพจน์อันมีประโยชน์เก้ือกูลแม้มาก แต่เป็นผู้ประมาทแล้วไม่ทำ� ตามพระพุทธพจน์นั้น เขาย่อมไม่เป็นผู้มีส่วนแห่งสามัญผล เหมือนคนเล้ียงโค นับโคทั้งหลายของ ชนเหล่าอืน่ ยอ่ มเป็นผูไ้ ม่มีส่วนแห่งปญั จโครส ฉะนน้ั . ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๐/๒๑๓ ๒.๔ ความไม่ประมาทเป็นเคร่ืองถึงอมตะ ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งมัจจุ ผู้ไม่ประมาท แลว้ ชอ่ื วา่ ย่อมไมต่ าย ผูป้ ระมาทแลว้ ผู้น้นั ยอ่ มเป็นเหมือนคนตายแล้ว. ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๐/๒๑๗ ๒.๕ มฤตยูย่อมพาชนผู้มัวเมาในบุตร และสัตว์เลี้ยง ผู้มีใจซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ดุจนำ้� ใหญพ่ ัดพาชาวบา้ นผู้หลับไหลไป ฉะนนั้ . ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๑/๕๐๓ ๓. ผู้ไมป่ ระมาท ๓.๑ ธรรมดากรรมกรย่อมคิดว่า เราเป็นลูกจ้าง เราจักต้องตั้งใจทำ�งานด้วยความ ไม่ประมาทเพื่อเราจักได้ค่าจ้างมาก ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควรคิดว่า เมื่อเราพิจารณา กายอันประกอบด้วยธาตุ ๔ นด้ี แี ล้ว เราก็จะเปน็ ผูไ้ มป่ ระมาทเนืองๆ มีสตสิ ัมปชญั ญะดี ใจแนว่ แน ่ เม่ือเป็นอย่างนี้ เราก็จะพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย โสกะ ปริเทวะ๑ ทุกข์โทมนัส อุปายาส เพราะฉะน้ัน เราไม่ควรจะประมาทเลย. มิลิน. ๔๓๓ ๓.๒ ธรรมดานายพรานย่อมรู้จกั เวลาไหนควรทำ�อะไร ภิกษผุ ูป้ รารถความเพยี รก็ควรรูจ้ กั เวลา คอื ควรรู้วา่ เวลาอยู่ในท่ีสงัด เวลานีเ้ ป็นเวลาออกจากที่สงดั . มลิ นิ . ๔๕๙ ๓.๓ นายท้ายเรือผู้เอาใจใส่เรือตลอดเวลาท้ังกลางวัน กลางคืน ไม่ประมาทเผลอเรอ ฉันใด ภิกษุผู้ความเพียรก็ไม่ประมาท ควรกำ�หนดจิตไว้ด้วยโยนิโสมนสิการอยู่เป็นนิตย์ทั้งกลางวัน กลางคืน ฉนั นนั้ . มลิ นิ . ๔๓๒ ๓.๔ ธรรมดาหนูย่อมเท่ียวแสวงหาอาหารไปตามที่นั้นท่ีนี้ ฉันใด ภิกษุผู้ปรารถความเพียร เมอื่ เทีย่ วไปขา้ งโน้นขา้ งนกี้ ็แสวงโยนิโสมนสิการ ฉนั นั้น. มิลนิ . ๔๔๔ ๑ ปรเิ ทวะ ความร่ำ�ไรร�ำ พัน, ความครำ�่ ครวญ, ความร�ำ พันด้วยความเสียใจ, ความบ่นเพอ้ www.kalyanamitra.org

176 ๓.๕ ธรรมดางูเมื่อพบเห็นมนุษย์แล้ว ย่อมทุกข์โศก ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรเมื่อ นึกถึงวิตกท่ีไม่ดีแล้ว ก็ควรทุกข์ และเสียใจว่า วันนี้เราได้ล่วงไปด้วยความประมาทเสียแล้ว เพราะวนั ทล่ี ่วงไปแล้วไมอ่ าจได้คนื มาอกี . มลิ ิน. ๔๕๓ ๓.๖ ธรรมดาไก่แม้จะถูกขว้างปาด้วยก้อนดิน ค้อน หรือถูกทุบตีด้วยสิ่งของใดๆ ก็ยังไม่ ยอมทิง้ รังของตน ฉนั ใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรแมม้ ีเรอ่ื งต้องท�ำ มากมายก็ไม่ทง้ิ โยนิโสมนสกิ าร. มลิ นิ . ๔๒๓ ๓.๗ นายมาลาการพงึ ทำ�พวงดอกไม้ให้มากจากกองดอกไม้ แมฉ้ ันใด มัจจสุ ตั วผ์ มู้ ีอนั จะพงึ ตายเป็นสภาพ ควรทำ�กุศลใวไ้ ห้มาก ฉันนั้น. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๓ ๓.๘ ธรรมดาโคย่อมไม่ทิ้งคอกของตน ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ไม่ควรท้ิงโอกาส ของตน ฉันน้นั คือ ไมค่ วรทิ้งการนกึ เสมอวา่ กายนต้ี อ้ งหมน่ั ขดั สี ตอ้ งอบรมอยเู่ สมอ และยอ่ มมี การแตกสลายเป็นธรรมดา. มิลิน. ๔๔๗ ๓.๙ ภิกษุรู้แจ้งกายนี้ว่า มีฟองนำ้�เป็นเครื่องเปรียบ รู้ชัดกายนี้ว่า มีพยับแดดเป็นธรรม ตัดพวงดอกไมข้ องมารเสยี แล้ว พงึ ถึงสถานที่มจั จรุ าชไม่เห็น. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๒ ๓.๑๐ ท่านทัง้ หลาย จงยนิ ดใี นความไม่ประมาท จงตามรกั ษาจิตของตน จงถอนตนขนึ้ จาก หล่ม ประหน่งึ ชา้ งท่จี มลงในเปอื กตมถอนตนข้ึนได้ ฉะนนั้ . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๒๒๔ ๓.๑๑ ทา่ นทงั้ หลายจงรเิ ร่มิ จงก้าวหนา้ จงประกอบความเพยี รในพระพุทธศาสนา จงก�ำ จัด เสนาแหง่ มจั จรุ าชเหมือนช้างจำ�กัดเรอื นไม้ออ้ ฉะน้ัน. สงั .ส. (พุทธ) มก. ๒๕/๑๘๕ ๔. อานสิ งส์ของความไมป่ ระมาท ๔.๑ ผู้ใดประมาทในก่อน ภายหลังไม่ประมาท ผู้นั้นย่อมยังโลกน้ีให้สว่างได้ เหมือน ดวงจนั ทรพ์ น้ จากหมอก ฉะนัน้ . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๒/๒๒๗ www.kalyanamitra.org

177 ๔.๒ ผู้มปี ัญญาดี เมือ่ ชนทง้ั หลายประมาทแล้วไม่ประมาท เมื่อชนทัง้ หลายหลบั แล้ว ต่ืนอยู่ โดยมาก ยอ่ มละบคุ คลผ้มู ีปญั ญาทรามไปเสยี ดุจม้าตัวมฝี เี ท้าเร็วละทิง้ ตัวหาก�ำ ลังมไิ ดไ้ ป ฉะนั้น. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๐/๓๕๔ ๕. ความแก่ ความเจบ็ ความตาย ๕.๑ ผทู้ ่ยี นื อยูย่ อดเขาศลิ าล้วน พงึ เห็นประชมุ ชนโดยรอบ ฉนั ใด ทา่ นผมู้ จี ักษุโดยรอบกฉ็ ัน นน้ั เหมือนกัน เห็นประชุมชนผ้เู กล่ือนกล่นไปด้วยความเศร้าโศก ถูกชาติ และชราครอบงำ�แลว้ ข้าแต่พระองคผ์ ู้กลา้ ผ้ชู นะสงครามแล้ว เปน็ นายพวกปราศจากหน้ี ขอพระองคจ์ งเสดจ็ ลกุ ขึน้ เปดิ เผยโลก ขอพระผมู้ พี ระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม ผ้ทู ี่ร้ทู วั่ ถึงธรรมไดย้ งั จกั มี. ที.ม. (พุทธ) มก. ๑๓/๔๓ ๕.๒ นายโคบาล ย่อมตอ้ นโคท้งั หลายไปสทู่ ี่หากนิ ด้วยทอ่ นไม้ ฉันใด ชรา และมจั จรุ าชย่อม ตอ้ นอายุของสัตว์ทง้ั หลายไป ฉันน้ัน. ข.ุ ธ. (ทัว่ ไป) มก. ๔๒/๖๖ ๕.๓ แม่นำ้�ท่ีเต็มฝั่งย่อมพัดพาเอาต้นไม้ที่เกิดอยู่ริมฝั่งให้โค่นไป ฉันใด สัตว์ทั้งปวงย่อมถูก ชรา และมรณะพดั พาไป ฉนั น้ัน. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๓/๑๕ ๕.๔ บุรุษเอาเรือมาจอดไว้ท่ีท่าน้ำ� รับคนฝั่งน้ีส่งถึงฝ่ังโน้น แล้วย้อนกลับมารับคนฝ่ังโน้น พามาส่งถึงฝั่งน้ี ฉันใด ชรา และพยาธิ ก็ย่อมนำ�เอาชีวิตสัตว์ไปสู่อำ�นาจแห่งมัจจุราชอยู่เนืองๆ ฉะน้ัน. ข.ุ ชา. (ท่ัวไป) มก. ๖๑/๒๔๐ ๖. ความแก่ ๖.๑ ดอกบวั บานในเวลาเช้า ถกู แสงอาทิตยแ์ ผดเผาย่อมเหี่ยวแหง้ สัตวท์ ัง้ หลายผ้ถู ึงความ เปน็ มนุษย์กเ็ หมือนอยา่ งนั้น ย่อมเหี่ยวแห้งไปด้วยอ�ำ นาจของชรา. ขุ.ส.ุ (อรรถ) มก. ๔๗/๔๑๘ ๖.๒ ใบไม้เหลืองได้ร่วงลงมาข้างหน้าของเขา เขาเริ่มต้ังความสิ้น และความเส่ือมไปใน ใบไม้เหลืองน้ันน่ันเอง พิจารณาไตรลักษณ์ในแผ่นดินกึกก้องไป พร้อมกับให้พระปัจเจกโพธิญาณ เกิดขึ้น. ข.ุ ชา. (ทวั่ ไป) มก. ๕๙/๒๙ www.kalyanamitra.org

178 ๖.๓ เม่ือฝนไม่ตก พีชคาม๑ ภูตคาม๒ และติณชาติ๓ ท่ีใช้เข้ายาในป่าไม้ใหญ่ ย่อมเฉา เหี่ยวแห้ง เป็นอยู่ไม่ได้ ฉันใด สังขารก็ฉันนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง ไม่ย่ังยืน ไม่น่าช่ืนชม น้ีเป็น กำ�หนด ควรเบือ่ หน่าย ควรคลายก�ำ หนดั ควรหลดุ พ้น ในสงั ขารทัง้ ปวง. องั .สัตตก. (พทุ ธ) มก. ๓๗/๒๑๔ ๖.๔ เม่ือดา้ ยท่ีเขาก�ำ ลังทอ ช่างหกู ทอไปไดเ้ ท่าใด สว่ นที่จะตอ้ งทอก็ยงั เหลอื อยูน่ อ้ ยเทา่ นัน้ แม้ฉันใด ชีวติ ของสัตวท์ ้งั หลาย กฉ็ ันนั้น แม่น้ำ�ที่เต็มฝั่งย่อมพัดพาเอาต้นไม้ ที่เกิดอยู่ริมฝั่งให้โค่นไป ฉันใด สัตว์ท้ังปวงย่อมถูกชรา และมรณะพัดพาไป ฉนั น้นั . ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๓/๑๕ ๖.๕ ทางไปของนำ้� ลม ไฟ ย่อมปรากฏ เพราะหญ้า และต้นไม้หักโค่นล้มหรือเพราะถูก ไฟไหม้ ฉนั ใด ทางไปของชรายอ่ มปรากฏโดยทฟ่ี ันหัก. สงั .น.ิ (อรรถ) มก. ๒๖/๒๔ ๖.๖ บัดน้ี ท่านเป็นดจุ ใบไม้เหลือง อน่ึง บุรษุ แหง่ พระยายม คือ ความตายปรากฏแก่ทา่ น แล้ว ทา่ นต้ังอยใู่ กล้ปากแหง่ ความเสอ่ื ม. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๑ ๖.๗ บัดนี้ เราก็แก่เฒ่าเป็นผู้ใหญ่ล่วงกาลผ่านวัยแล้ว วัยของเราเป็นมาถึง ๘๐ ปีแล้ว เกวียนเก่ายังจะใช้ไปได้ก็เพราะการซ่อมแซมด้วยไม้ไผ่ ฉันใด กายของตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยงั เปน็ ไปได้ ก็คลา้ ยกับเกวียนเก่าท่ซี ่อมแซมแล้วดว้ ยไมไ้ ผ่ ฉะนนั้ . สงั .ม. (พุทธ) มก. ๓๐/๓๙๖ ๖.๘ เม่ือเราถูกโรคอย่างหนึ่งถูกต้อง ได้เสวยทุกขเวทนาอย่างสาหัส อันทุกขเวทนา เบียดเบียนอยู่ ร่างกายนีก้ ซ็ ูบผอมลงอยา่ งรวดเร็ว ดุจดอกไมท้ ่ีทงิ้ ตากแดดไวท้ ่ีทราย ฉะนั้น. ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๕๘/๓๓๓ ๗. ความตาย ๗.๑ ผลไม้สุกแล้ว ย่อมมีภัย เพราะจะต้องร่วงหล่นลงไปเป็นนิตย์ ฉันใด สัตว์ทั้งหลาย ผ้เู กดิ แลว้ ชอื่ ว่า ย่อมมภี ยั เพราะจะตอ้ งตายเป็นนิตย์ ฉนั น้นั . ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๓/๑๖ ๑ พีชคาม พืชพันธอุ์ นั ถกู พรากจากทแ่ี ลว้ แตย่ งั เป็นไดอ้ ีก ๒ ภตู คาม ของเขยี วหรือพืชพรรณอันเปน็ อยกู่ บั ท่ี ๓ ตณิ ชาติ หญา้ www.kalyanamitra.org

179 ๗.๒ เมื่อฝนตกหนกั หนาเม็ด ฟองน�ำ้ ย่อมแตกเร็ว ตง้ั อยไู่ ม่นาน แมฉ้ ันใด ชวี ิตของมนษุ ย์ ท้ังหลาย เปรียบเหมอื นฟองน้�ำ ฉนั นั้นเหมือนกนั . องั .สตั ตก. (พทุ ธ) มก. ๓๗/๒๗๓ ๗.๓ หยาดน้ำ�ค้างบนยอดหญ้า เม่ืออาทิตย์ข้ึนมาย่อมแห้งหายไปได้เร็ว ไม่ตั้งอยู่นาน แม้ ฉันใด ชวี ติ มนุษย์ทงั้ หลาย เปรียบเหมือนหยาดน�ำ้ คา้ ง ฉันนนั้ เหมือนกนั . องั .สตั ตก. (พทุ ธ) มก. ๓๗/๒๗๓ ๗.๔ รอยไมท้ ขี่ ีดลงไปในนำ้� ยอ่ มกลบั เข้าหากันเรว็ ไมต่ ้ังอยนู่ าน แม้ฉันใด ชีวิตของมนษุ ย์ ทั้งหลาย เปรียบเหมอื นรอยไม้ทขี่ ดี ลงไปในน�้ำ ฉันนนั้ เหมอื นกนั . อัง.สัตตก. (พุทธ) มก. ๓๗/๒๗๓ ๗.๕ มัจจุราชย่อมพานระผู้มีใจข้องไปในอารมณ์ต่างๆ ผู้เลือกเก็บดอกไม้เที่ยวไป เหมือน ห้วงน�ำ้ ใหญ่พดั ชาวบา้ นอันหลบั แลว้ ไป ฉะนนั้ . ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๑/๒๔๐ ๗.๖ แม่น�ำ้ ไหลลงจากภเู ขา ไหลไปไกล กระแสเชย่ี วพัดไปซึ่งสิ่งท่ีพอจะพัดไปได้ ไมม่ รี ะยะ เวลาหรือช่ัวครู่ท่ีมันจะหยุด แต่ที่แท้แม่นำ้�มีแต่ไหลเร่ือยไปถ่ายเดียว แม้ฉันใด ชีวิตของมนุษย์ท้ัง หลาย เปรียบเหมือนแมน่ �ำ้ ทไ่ี หลลงจากภเู ขา ฉันนนั้ เหมือนกนั . องั .สตั ตก. (โพธิ) มก. ๓๗/๒๗๔ ๗.๗ อายุของพวกมนุษย์น้อย บุรุษผู้ใคร่ความดีพึงดูหมิ่นอายุท่ีน้อยน้ี พึงรีบประพฤติให้ เหมือนคนถูกไฟไหม้ศีรษะ ฉะน้ัน เพราะความตายจะไม่มาถึงมิได้มี วันคืนย่อมล่วงเลยไป ชีวิตก็ กระชั้นเข้าไปสู่ความตาย อายุของสัตว์ท้ังหลายย่อมสิ้นไป เหมือนน้ำ�ในแม่นำ้�น้อยย่อมส้ินไป ฉะนนั้ . ขุ.ม. (ท่วั ไป ) มก. ๖๕/๖๐๔ ๗.๘ ผูใ้ ดขจดั เสนาแห่งมจั จุราช เหมือนห้วงน�้ำ ใหญ่ก�ำ จัดสะพานไมอ้ อ้ อันแสนจะทรุดโทรม ฉะนั้น ก็ผู้น้ันจัดว่าเป็นผู้ชนะมาร ปราศจากความหวาดกลัว มีตนอันฝึกแล้ว มีจิตต้ังม่ันดับกิเลส และความเร่ารอ้ นได้แลว้ . สัง.ส. (เถระ) มก. ๒๔/๓๙๘ ๗.๙ เราไมย่ ินดีความตาย เราไมย่ ินดคี วามเปน็ อยู่ แตด่ ับขนั ธปรนิ พิ พาน เหมือนลกู จ้างรอ คา่ จา้ ง ฉะนน้ั . ขุ.อิต.ิ (พทุ ธ) มก. ๔๕/๕๗๗ www.kalyanamitra.org

180 ๗.๑๐ ภาชนะในดนิ ท่ชี ่างหมอ้ ทำ� ท้ังเล็กท้ังใหญ่ ทัง้ สุกทัง้ ดบิ ทุกชนิด มีความแตกเปน็ ทส่ี ดุ ฉันใด ชีวติ ของสตั วท์ ั้งหลาย กฉ็ ันนนั้ . ที.ม. (พทุ ธ) มก. ๑๓/๒๙๑ ๗.๑๑ ชวี ิตของสตั วท์ ัง้ หลายในโลกน้ี มกี �ำ หนดรอ้ ยปเี ป็นอยา่ งมาก ไม่เกินก�ำ หนดนัน้ ยอ่ ม จะเหอื ดแหง้ ไป เหมือนไม้อ้อทถ่ี ูกตัดแล้ว มีแต่จะเหีย่ วแหง้ ไป ฉะน้นั . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๓๓ ๗.๑๒ แท้จรงิ ชวี ิตของสตั ว์ทงั้ มวล ทง้ั ทีเ่ ป็นสตรี และบรุ ุษในโลกน้ี เป็นของหว่ันไหวเหมือน แผน่ ผา้ ของนักเลงสรุ า และต้นไมเ้ กิดใกลฝ้ ั่ง เป็นของหวั่นไหวไมย่ ่ังยืน ฉะนั้น. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๕ ๗.๑๓ บุรุษมีกำ�ลังอมก้อนเขฬะไว้ที่ปลายลิ้นแล้วพึงถ่มไปโดยง่ายดาย แม้ฉันใด ชีวิตของ มนษุ ยท์ งั้ หลายเปรียบเหมือนกอ้ นเขฬะ ฉนั นน้ั เหมอื นกัน. อัง.สัตตก. (โพธิ) มก. ๓๗/๒๗๔ ๗.๑๔ ช้ินเนื้อที่ใส่ไวใ้ นกระทะเหลก็ ไฟเผาตลอดทง้ั วนั ยอ่ มจะยอ่ ยยับไปรวดเร็ว ไม่ตั้งอยู่ นาน แม้ฉนั ใด ชวี ติ ของมนุษย์ทงั้ หลายเปรยี บเหมือนชน้ิ เนอื้ ฉันนน้ั เหมอื นกัน. อัง.สัตตก. (โพธิ) มก. ๓๗/๒๗๔ ๗.๑๕ แม่โคทจี่ ะถกู เชือด ที่เขาน�ำ ไปสูท่ ี่ฆ่า ยอ่ มกา้ วเท้าเดนิ ไปใกลท้ ฆี่ ่า ใกลค้ วามตาย แม้ ฉันใด ชีวิตของมนษุ ย์ท้ังหลาย เปรียบเหมือนแมโ่ คทีจ่ ะถกู เชอื ด ฉนั นนั้ เหมือนกนั . องั .สตั ตก. (โพธิ) มก. ๓๗/๒๗๔ ๗.๑๖ ภิกษุผู้ปรารภความเพียรเห็นความดับเท่าน้ันว่า สังขารท้ังหลายเหล่าน้ีย่อมแตกดับ ไป ฉนั ใด แมใ้ นอดีตสังขารกแ็ ตกแลว้ แมใ้ นอนาคตก็จักแตก ฉันนั้น. ข.ุ จู. (อรรถ) มก. ๖๗/๖๕๑ ๗.๑๗ สังขารทง้ั หลายมิใชเ่ ปน็ ของใหม่อยู่เปน็ นิตย์แตเ่ พียงอยา่ งเดยี ว ยังปรากฏไม่มีสาระ หาสาระมิได้ ดุจหยาดนำ้�ค้างเวลาในพระอาทิตย์ข้ึน ดุจฟองนำ้� ดุจรอยขีดในนำ้� ดุจเมล็ดผักกาด บนปลายเข็มแหลม ดุจสายฟ้าแลบ ดุจภาพลวง พยับแดด ความฝัน ฟองนำ้� เป็นต้น อันตั้งอยู่ ชวั่ เวลาเล็กนอ้ ย. ข.ุ จู. (อรรถ) มก. ๖๗/๖๔๗ ๗.๑๘ ภเู ขาใหญ่ล้วนแล้วดว้ ยศลิ า จรดทอ้ งฟ้ากลิง้ บดสตั ว์มาโดยรอบทง้ั ๔ ทศิ แมฉ้ ันใด ชรา และมจั จุราช กฉ็ นั นน้ั ย่อมครอบง�ำ สัตวท์ ้งั หลาย คอื พวกกษตั รยิ ์ พวกพราหมณ์ พวกแพศย์ พวกศูทร พวกจัณฑาล และคนเทมูลฝอย ไม่เว้นใครๆ ไว้เลย ย่อมยำ่�ยีเสียส้ิน ณ ท่ีน้ัน ไม่มี www.kalyanamitra.org

181 ยุทธภูมสิ ำ�หรบั พลชา้ ง ไม่มยี ทุ ธภูมสิ ำ�หรบั พลรถ ไมม่ ยี ทุ ธภูมสิ �ำ หรบั พลราบ และไม่อาจเอาชนะแม้ ดว้ ยการรบ ดว้ ยมนต์ หรอื ด้วยทรัพย.์ สงั .ส. (พุทธ) มก. ๒๔/๕๒๔ ๗.๑๙ พระราชาบางพวกแวดล้อมด้วยพลมา้ พลรถ และพลเดนิ เท้า ยอ่ มพน้ จากเง้ือมมอื ของพวกข้าศึกได้ แต่ก็ไม่อาจจะพ้นจากส�ำ นักของมัจจุราชได้ เพราะเหตุน้ัน ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิด วา่ จะบวชประพฤตธิ รรม. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๓ ๗.๒๐ พระราชาท้ังหลายผู้กล้าหาญ ย่อมหักค่ายทำ�ลายพระนครแห่งราชศัตรูย่อยยับได้ และกำ�จัดมหาชนได้ด้วยพลช้าง พลม้า พลรถ และพลเดินเท้า แต่ไม่สามารถจะหักรานเสนาแห่ง มจั จรุ าชได้ เพราะเหตนุ ัน้ ขา้ พระพทุ ธเจา้ จงึ คดิ ว่า จะบวชประพฤติธรรม. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๔ ๗.๒๑ คชสารท้ังหลายที่ตกมัน มีมันเหลวแตกออกจากกระพอง ย่อมยำ่�ยีนครท้ังหลาย และเข่นฆ่าประชาชนได้ แต่ไม่สามารถจะยำ่�ยีเสนาแห่งมัจจุราชได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้า จงึ คิดวา่ จะบวชประพฤตธิ รรม. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๔ ๗.๒๒ นายขมังธนูทั้งหลาย แม้มีมืออันได้ฝึกฝนมาดีแล้ว เป็นผู้มีปัญญา สามารถยิงธนู ให้ถูกได้ในที่ไกล ยิงได้แม่นยำ�ไม่ผิดพลาด ก็ไม่สามารถจะยิงต่อต้านมฤตยูได้ เพราะเหตุน้ัน ขา้ พระพทุ ธเจา้ จงึ คิดวา่ จะบวชประพฤตธิ รรม. ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๒๗๔ ๗.๒๓ ยกั ษ์ก็ดี ปศี าจก็ดี หรือเปรตก็ดี โกรธเคืองแล้วย่อมเข้าสิงมนุษยไ์ ด้ แต่ไม่สามารถ จะเข้าสงิ มัจจุราชไดเ้ ลย เพราะเหตนุ ั้น ขา้ พระพทุ ธเจ้าจึงคดิ ว่า จะบวชประพฤติธรรม. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๒๗๕ ๗.๒๔ มนษุ ย์ทัง้ หลายยอ่ มท�ำ การบวงสรวงยักษ์ ปีศาจ หรอื เปรตท้งั หลายผโู้ กรธเคืองแลว้ ได้ แต่ไม่สามารถจะบวงสรวงมัจจุราชได้เลย เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวช ประพฤตธิ รรม. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๖ ๗.๒๕ พระราชาท้ังหลายทรงทราบโทษผิดแล้ว ย่อมลงอาชญาผู้กระทำ�ความผิด ผู้ประทุษร้ายต่อราชสมบัติ และผู้เบียดเบียนประชาชนตามสมควร แต่ไม่สามารถลงอาชญา มจั จุราชไดเ้ ลย เพราะเหตุนัน้ ขา้ พระพทุ ธเจ้าจึงคดิ วา่ จะบวชประพฤตธิ รรม. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๒๗๖ www.kalyanamitra.org

182 ๗.๒๖ ชนท้ังหลายผู้กระทำ�ความผิด ฐานประทุษร้ายต่อพระราชาก็ดี ผู้ประทุษร้ายต่อ ราชสมบัติก็ดี ผู้เบียดเบียนประชาชนก็ดี ย่อมจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ แต่หาทำ�มัจจุราชให้ ผอ่ นปรนกรุณาปราณีได้ไม่ เพราะเหตนุ ้นั ขา้ พระพุทธเจ้าจงึ คดิ วา่ จะบวชประพฤติธรรม. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๖ ๗.๒๗ ราชสีห์ก็ดี เสือโคร่งก็ดี เสือเหลืองก็ดี ย่อมข่มขี่เคี้ยวกินสัตว์ท่ีดิ้นรนอยู่ได้ แต่ ไม่สามารถจะเค้ียวกินมัจจรุ าชได้ เพราะเหตนุ น้ั ข้าพระพทุ ธเจา้ จึงคดิ วา่ จะบวชประพฤตธิ รรม. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๒๗๗ ๗.๒๘ นักเล่นกลท้งั หลาย เมือ่ ท�ำ มายากล ณ ทา่ มกลางสนาม ยอ่ มลวงนยั น์ตาประชาชน ในทน่ี น้ั ๆ ใหห้ ลงเชอ่ื ได้ แตไ่ มส่ ามารถจะลวงมจั จรุ าชใหห้ ลงเชอ่ื ไดเ้ ลย เพราะเหตนุ น้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ จงึ คิดวา่ จะบวชประพฤติธรรม. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๗ ๗.๒๙ อสรพิษทม่ี พี ษิ ร้าย โกรธขึ้นมาแลว้ ยอ่ มขบกัดมนุษย์ให้ถึงตายได้ แตไ่ มส่ ามารถจะ ขบกัดมจั จรุ าชให้ถึงตายได้ เพราะเหตุนน้ั ข้าพระพทุ ธเจา้ จงึ คิดว่า จะบวชประพฤติธรรม. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๗ ๗.๓๐ อสรพิษโกรธข้ึนแล้วขบกัดผู้ใด หมอทั้งหลายย่อมถอนพิษร้ายน้ันได้ แต่จะถอนพิษ ของผถู้ กู มจั จรุ าชประทษุ รา้ ยหาไดไ้ ม่ เพราะเหตนุ น้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ จงึ คดิ วา่ จะบวชประพฤตธิ รรม. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๒๗๗ ๗.๓๑ แพทย์ผมู้ ชี ื่อเสยี งเหล่าน้ี คือ แพทย์ธรรมมนตรี แพทยเ์ วตตรุณะ แพทย์โภชะอาจจะ ก�ำ จัดพิษพระยานาคได้ แต่แพทย์เหล่านัน้ ตอ้ งท�ำ กาลกริ ิยานอนตาย เพราะเหตนุ ้นั ขา้ พระพุทธเจา้ จึงคิดว่า จะบวชประพฤตธิ รรม. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๗ ๗.๓๒ วชิ าธรท้งั หลาย เมื่อรา่ ยอาคมช่อื โฆรมนต์ ยอ่ มหายตัวไปได้ด้วยโอสถท่งั หลาย แต่ จะหายตัวไม่ให้มัจจุราชเหน็ ไมไ่ ด้เลย เพราะเหตนุ น้ั ขา้ พระพทุ ธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๘ ๗.๓๓ สตั วท์ ่เี กดิ มามีภยั โดยความตายเป็นนิตย์ เหมือนผลไมท้ ่สี ุกแล้วมีภยั โดยการหลน่ ใน เวลาเชา้ ฉะนนั้ . ข.ุ ม. (พทุ ธ) มก. ๖๕/๖๐๖ www.kalyanamitra.org

183 ๗.๓๔ มนุษย์ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ โง่และฉลาด ท้ังหมดย่อมไปสู่อำ�นาจมัจจุราช มีมัจจุสกัดอยู่ ข้างหน้า เม่ือมนุษย์เหล่านั้นถูกมัจจุสกัดอยู่ข้างหน้าแล้ว ถูกมัจจุครอบงำ� บิดาก็ต้านทานบุตรไว้ ไม่ได้ หรือพวกญาติก็ต้านทานญาติไว้ไม่ได้ เม่ือพวกญาติกำ�ลังดูกันอยู่น่ันแหละ กำ�ลังรำ�พันกันอยู่ เป็นอันมาก ท่านจงดูสัตว์ทั้งหลายอันมรณะนำ�ไปได้ เหมือนโคถูกนำ�ไปฆ่า ฉะนั้น สัตว์อันมัจจุ และชราครอบงำ�ไว้อยา่ งน.้ี ข.ุ ม. (พทุ ธ) มก. ๖๕/๖๐๖ ๗.๓๕ ชีวิตของมนุษย์เปรียบกับชีวิตของเทวดาทั้งหลายแล้วน้อย เหมือนหยาดนำ้�ค้าง บนยอดหญ้า. ขุ.สุ. (อรรถ) มก. ๔๗/๕๖๓ ๗.๓๖ มัจจุพานระน้ัน ผู้มัวเมาในบุตร และปศุสัตว์ผู้มีใจข้องในอารมณ์ต่างๆ ไป เหมือน ห้วงน�ำ้ ใหญ่พัดพาเอาชาวบา้ นผหู้ ลบั ไป ฉะน้นั . ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๓/๑๓๗ ๓.๓๗ ห้วงมหานทีใหญ่ทั้งลึกท้ังกว้าง พัดชาวบ้านน้ันไปหมด โดยท่ีสุดแม้สุนัขก็มิให้ เหลอื ไว้ ฉันใด มัจจุราชยอ่ มพานระมีประการดังกลา่ วแล้วไป ฉนั นน้ั . ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๑๓๗ ๓.๓๘ ภาชนะดินทีน่ ายชา่ งท�ำ แลว้ ทุกชนดิ มคี วามแตกเปน็ ทสี่ ุด แมฉ้ นั ใด ชวี ิตของสัตวท์ งั้ หลาย กฉ็ ันนั้น ท้งั เดก็ ท้งั ผูใ้ หญ่ ทง้ั คนเขลา ทงั้ คนฉลาด ลว้ นไปสู่อ�ำ นาจของมฤตยู มีมฤตยูเป็นที่ ไปในเบอื้ งหนา้ ดว้ ยกันทง้ั หมด. ขุ.สุ. (พุทธ) มก. ๔๗/๕๕๗ ๗.๓๙ พระราชาผูเ้ ป็นอธิบดใี นรฐั ทัง้ หลาย ย่อมจะข่มข่รี าชศัตรู ผู้มีเสนาอนั ประกอบดว้ ย องค์ ๔ ล้วนมีรูปร่างน่าสะพรึงกลัว เอาชัยชนะได้ แต่ไม่สามารถจะเอาชนะเสนาแห่งมัจจุราชได้ เพราะเหตนุ ัน้ ข้าพระพทุ ธเจ้าจงึ คิดวา่ จะบวชประพฤตธิ รรม. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๓ ๗.๔๐ สระทั้งหลาย และมหาปฐพกี บั ท้ังภูเขาราวไพร ยอ่ มเสอ่ื มสน้ิ ไป คร้นั ถึงกาลกำ�หนด แล้ว ยอ่ มจะแตกทำ�ลายไป เพราะเหตุนน้ั ข้าพระพทุ ธเจ้าจงึ คดิ วา่ จะบวชประพฤตธิ รรม. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๒๗๔ ๗.๔๑ สัตว์ท้ังหลายท้ังปวงมีความตายเป็นธรรมดา ย่อมไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ เปรียบ เหมือนภาชนะดินท่ีช่างหม้อก�ำ ลังทำ�อยู่ก็แตกได้ ทำ�เสร็จแล้วเอาออกจากแป้นหมุนก็แตกได้ สัตว์ www.kalyanamitra.org

184 ทั้งหลายก็เหมือนกัน บางคนพอคลอดก็ตาย บางคนอยู่ได้เกินกว่าน้ันก็ตาย สัตว์ท้ังหลายเม่ือ ทำ�กรรมชัว่ ไว้ ตายไปกจ็ ะไปสนู่ รก ผทู้ �ำ กุศลกรรม เมื่อตายก็จะไปสู่โลกสวรรค.์ สัง.ส. (พุทธ) มก. ๒๔/๕๑๐ ๘. การตายก่อนเวลาอนั ควร ๘.๑ การตายกอ่ นเวลาอนั ควร อุปมาเหมือนผลไมต้ กจากตน้ กอ่ นสกุ เหมอื นลกู ธนทู ยี่ ิงออก จากแลง่ แลว้ ไมถ่ งึ ท่ีสุด เพราะติดสง่ิ กดี ขวางก่อน. มลิ ิน. ๓๗๓ ๘.๒ อาตมภาพเห็นเดก็ ชายของทา่ นทัง้ หลาย ยังไม่ทันแก่กต็ ายเสยี แลว้ เหน็ เด็กหญงิ ของ ท่านท้ังหลาย ซึง่ เปน็ เด็กหญงิ ทส่ี วยงามน่าชมสิ้นชวี ติ เหมือนหน่อไม้ไผ่ทยี่ งั อ่อนอยูถ่ ูกถอน ฉะน้ัน. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๓/๑๔ ๘.๓ สตั วเ์ หลา่ น้ี ตายเสยี แตใ่ นปฐมวยั กม็ ี เหมอื นน�ำ้ ทเ่ี ราเทลงครง้ั แรก ตายเสยี ในมชั ฌมิ วยั ก็มี เหมือนน้ำ�ท่ีเราเทลงครั้งท่ี ๒ ไหลไปไกลกว่านั้น ตายเสียในปัจฉิมวัยก็มี เหมือนนำ้�ท่ีเราเทลง ครงั้ ท่ี ๓ ไหลไปไกลแมก้ วา่ นัน้ . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๔๙๗ ๙. อายุ ๙.๑ อายุของมนุษย์ทั้งหลายน้อย คนดีควรดูหม่ินอายุนั้น ควรประพฤติดุจคนที่ถูกไฟไหม้ ศีรษะ ฉะนัน้ การทมี่ ัจจรุ าชจะไม่มาไม่มีเลย. สัง.ส. (พทุ ธ) มก. ๒๕/๒๖ ๙.๒ อายขุ องคนเราเปน็ ของนอ้ ยนกั เพราะวนั คนื ลว่ งไปๆ เหมอื นอายขุ องฝงู ปลาในน�ำ้ นอ้ ย. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๓/๑๔ ๙.๓ วนั คนื ผา่ นพน้ ไป ชวี ติ ยอ่ มสน้ั เขา้ อายขุ องสตั วท์ ง้ั หลายยอ่ มสน้ิ ไป ดจุ น�ำ้ ในแมน่ �ำ้ นอ้ ย ฉะนน้ั . สงั .ส. (พทุ ธ) มก. ๒๕/๒๘ ๙.๔ แม่นำ้�ท่ีเต็มฝ่ัง ย่อมไม่ไหลไปสู่ท่ีสูง ฉันใด อายุของมนุษย์ท้ังหลาย ย่อมไม่กลับไปสู่ ความเปน็ เดก็ อกี ฉนั นั้น. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๓/๑๕ ๙.๕ วนั คนื ย่อมผ่านพน้ ไป ชีวติ ยอ่ มสนั้ เขา้ อายุของสตั ว์ทงั้ หลาย ย่อมด�ำ เนนิ ไป ดุจกงจกั ร ตามธูปรถไป ฉะนน้ั . สัง.ส. (พุทธ) มก. ๒๕/๒๘ www.kalyanamitra.org

185 ๙.๖ อายุย่อมอาศัยไออุ่นต้ังอยู่ ไออุ่นก็อาศัยอายุตั้งอยู่ เหมือนตะเกียงนำ้�มันท่ีกำ�ลังไหม้ แสงยอ่ มอาศยั เปลวไฟจึงปรากฏ เปลวไฟก็ยอ่ มอาศัยแสงจึงปรากฏ ฉนั ใดก็ฉันนั้นแล. ม.มุ. (เถระ) มก. ๑๙/๒๘๔ ๑๐. ร่างกาย ๑๐.๑ พยับแดดนี้ตั้งขึ้นแล้วในฤดูร้อน ย่อมปรากฏแก่บุคคลผู้ยืนอยู่ ณ ท่ีไกลดุจมีรูปร่าง แต่ไม่ปรากฏเลยแก่บุคคลผู้มาสู่ที่ใกล้ ฉันใด แม้อัตภาพน้ีก็มีรูปเหมือนอย่างน้ัน เพราะเกิดข้ึน และเส่ือมไป เดินมาแล้วเม่ือยล้าในหนทาง อาบนำ้�ในแม่นำ้�อจิรวดี นั่งในที่ร่มไม้ริมฝ่ังแม่นำ้�มี กระแสอันเชี่ยวแห่งหนึ่ง เห็นฟองน้ำ�ใหญ่ ต้ังขึ้นด้วยกำ�ลังแห่งน้ำ�กระทบกันแล้วแตกไป ได้ถือเอา เปน็ อารมณว์ า่ แม้อัตภาพนี้ ก็มรี ปู ร่างอย่างนน้ั เหมือนกัน เพราะเกดิ ข้ึนแลว้ กแ็ ตกไป. ขุ.ธ. (เถระ) มก. ๔๑/๘ ๑๐.๒ คนทั้งหลายแลเห็นนำ้�ในพยบั แดด แมท้ ่ีไมม่ ีนำ�้ ฉนั ใด ภกิ ษพุ จิ ารณาเห็นกายอนั นวี้ า่ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน ไม่สวยงามว่า เป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวตน และ สวยงาม ฉนั นนั้ . ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๔/๒๘๓ ๑๐.๓ การพิจารณาน้ำ�ในพยับแดดแม้ไม่มีน�้ำ ฉันใด การพิจารณาว่าเป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นอตั ตา และงาม ในกายนซ้ี ึ่งเปน็ อนิจจงั ทกุ ขงั อนัตตา และไม่งามนั่นแล ฉนั น้นั หามไิ ด้ ที่แท้ การพิจารณากายก็คอื การพจิ ารณาหมแู่ ห่งอาการทีเ่ ปน็ อนิจจัง ทกุ ขัง อนตั ตา และไม่งามนน่ั เอง. ข.ุ ม. (อรรถ) มก. ๖๕/๑๐๙ ๑๐.๔ คนฆ่าโคบางคน หรือลูกมือของเขา ที่เขาเล้ียงดูด้วยอาหาร และค่าจ้าง ฆ่าโคแล้ว ชำ�แหละแบง่ ออกเป็นส่วนๆ แลว้ น่งั ณ ท่ที างใหญ่ ๔ แพร่ง คอื ที่ชุมทางย่านกลางทางใหญ่ ซ่งึ ไป ได้ทง้ั ๔ ทศิ ฉนั ใด ภิกษุผู้บ�ำ เพญ็ ธาตุกัมมฏั ฐาน กฉ็ ันนัน้ แล ย่อมพจิ ารณาร่างกายอยา่ งนว้ี า่ ใน กายน้มี ปี ฐวธี าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาต.ุ ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๔/๓๐๔ ๑๐.๕ เมื่อเขาชำ�แหละแบ่งออกแล้ว ความสำ�คัญว่าโคก็ขายไป กลับสำ�คัญเน้ือโคไป เขามิได้คิดว่า เราขายโค ท่ีแท้เขาคิดว่า เราขายเนื้อโค เปรียบฉันใด แม้ภิกษุน้ีก็ฉันน้ันเหมือนกัน เมื่อคร้ังเป็นปุถุชนผู้เขลา เป็นคฤหัสถ์ก็ดี บรรพชิตก็ดี สำ�คัญว่าสัตว์หรือบุคคลยังไม่หายไปก่อน ตราบเท่าท่ียังไม่พิจารณาเห็นกายนี้ตามที่ตั้งอยู่ ตามท่ีดำ�รงอยู่ แยกออกจากก้อน ต่อเม่ือเธอ พิจารณาโดยเห็นความเปน็ ธาตุ ความส�ำ คัญว่าสัตว์จึงหายไป. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๔/๓๐๔ www.kalyanamitra.org

186 ๑๐.๖ เรือแลน่ ไปไดด้ ว้ ยกำ�ลงั ลม ลูกธนูแล่นไปได้ดว้ ยก�ำ ลงั สายธนู ฉันใด กายอนั น้ลี มนำ�ไป จงึ เดนิ ไปได้ ฉันน้นั . ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๔/๓๐๐ ๑๐.๗ กระดกู เหล่าน้ีใด อนั เขาทิง้ เกล่อื นกลาด ดจุ น�ำ้ เต้าในสารทกาล มสี เี หมือนนกพิราบ ความยินดอี ะไรเลา่ จกั มี เพราะเห็นกระดูกเหลา่ นั้น. ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๑๔๑ ๑๐.๘ เราติเตียนกระท่อม คือ สรีระร่างอันสำ�เร็จด้วยโครงกระดูกอันฉาบทาด้วยเนื้อ ร้อยรดั ด้วยเส้นเอ็น เต็มไปด้วยของไม่สะอาด มีกล่ินเหมน็ น่าเกลยี ด ทคี่ นทั่วๆ ไปเข้าใจว่าเป็นของ ผู้อน่ื และเป็นของตน. ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๔๓๓ ๑๐.๙ พิจารณาเห็นรา่ งกายที่เป็นท่รี วมของ ผม ขน เป็นต้น เหมอื นพิจารณาเห็นส่วนน้อย ใหญข่ องพระนคร. ท.ี ม. (อรรถ มก. ๑๔/๒๘๒ ๑๐.๑๐ คนที่มัวหมกมุ่นอยู่ในกายของตน ย่อมเดือดร้อนอยู่เป็นนิตย์ ด้วยชาติ ชรา และ ทกุ ข์ มีโรค เป็นตน้ เหมือนปลาตดิ เบด็ ฉะนั้น. ม.ม. (อรรถ) มก. ๑๗/๙๓ ๑๐.๑๑ ท่านทั้งหลายจงดูโลกนี้อันตระการ ดุจราชรถที่พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่พวกผู้รู้หา ขอ้ งอยู่ไม.่ ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๒/๒๒๗ ๑๐.๑๒ ชนเหลา่ ใดเหลา่ หนงึ่ ยอ่ มจับงอู นั เปอ้ื นคถู มีพิษมาก เปน็ ผเู้ พลดิ เพลนิ งูในโลก ชือ่ ว่า จบั เอาภาวะที่ไม่พงึ ปรารถนาท้งั ๕ คอื ของเหมน็ ของไมส่ ะอาด พยาธิ ชรา และมรณะ ภาวะทีไ่ ม่ ปรารถนา ๕ อยา่ งเหลา่ น้ี มอี ยู่ในงูที่เปอื้ นคถู ปุถชุ นผบู้ อด และเขลาไม่ฉลาด กอ็ ย่างนนั้ เหมือนกัน เปน็ ผู้เพลดิ เพลินความเกดิ ในภพ ชอ่ื วา่ จับภาวะท่ไี มป่ รารถนาท้ัง ๕ เหลา่ น้ี มีอยูใ่ นกายอนั เปน็ ดงั งู ที่เป้อื นคถู ฉะน้ัน. สงั .สฬา. (อรรถ) มก. ๒๘/๓๘๑ ๑๐.๑๓. ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน กายน้ีมีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลท้ิงแล้ว ราวกับทอ่ นไมไ้ มม่ ปี ระโยชน์ ฉะน้ัน. ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๐/๓๘๘ www.kalyanamitra.org

187 ๑๐.๑๔ งูละท้ิงคราบเก่าของตนจากร่างในระหว่างต้นไม้ ในระหว่างไม้ฟืน ในระหว่างโคน ตน้ ไม้ หรอื ในระหวา่ งแผ่นดิน เหมอื นคนถอดเสือ้ แล้วไปตามต้องการ ฉนั ใด สตั ว์ผู้หมนุ เวียนไปใน สงสาร ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ละร่างของตน คือ สรีระของตน อันชื่อว่า เป็นของคร่ำ�คร่า เพราะ กรรมเก่าหมดสิน้ ไป คอื ไปตามกรรม. ขุ.เปต. (อรรถ) มก. ๔๙/๑๒๕ ๑๐.๑๕ ร่างกายไม่เป็นที่รักของบรรพชิต แต่บรรพชิตรักษาร่างกายไว้เพ่ืออนุเคราะห์ พรหมจรรย์ เหมอื นบุคคลรักษาแผลใหห้ ายเปน็ ปกติ แตไ่ มไ่ ด้รกั แผล ฉะน้นั . มิลิน. ๑๑๕ ๑๐.๑๖ พวกสตั วท์ งั้ หลายอาศัยแผ่นดิน แต่ไม่มอี ำ�นาจในแผ่นดิน ฉันใด จิตของพระอรหันต์ อาศัยกาย แต่ไมม่ อี �ำ นาจทางกาย ฉนั นัน้ . มลิ นิ . ๓๒๒ ๑๐.๑๗ ฟองนำ�้ นัน้ ใครๆ ไมส่ ามารถจะจบั เอาดว้ ยความประสงค์วา่ เราจกั เอาฟองน�ำ้ นีท้ ำ� ภาชนะหรือถาด แม้จับแล้วก็ไม่ให้สำ�เร็จประโยชน์น้ันได้ ย่อมสลายตัวทันที ฉันใด แม้รูปก็ฉันนั้น ใครๆ ไมส่ ามารถยึดถอื ไดว้ ่า เราหรอื ของเรา แมย้ ดึ ถือแลว้ กค็ งอยู่อย่างน้นั ไมไ่ ด้ ยอ่ มเปน็ เชน่ เดียว กับฟองน�ำ้ อย่างนที้ เี ดียว คือ ไม่เทีย่ ง เป็นทุกข์ เปน็ อนัตตา ไม่สวยงามเอาเลย. สัง.ข. (อรรถ) มก. ๒๗/๓๒๑ ๑๑. สติ ๑๑.๑ ประโยชนข์ องการมีสติ ๑๑.๑.๑. เกลือสะตุย่อมอยู่แม้ในกับข้าวทั้งปวง ฉันใด และอำ�มาตย์ผู้ประกอบการงานทั้ง ปวงย่อมทำ�หน้าที่รบ ทำ�หน้าท่ีปรึกษาบ้าง ทำ�หน้าท่ีสนับสนุนบ้าง รวมความว่า ย่อมทำ�กิจทุก อย่างให้สำ�เร็จได้ ฉันใด การข่มจิตที่ฟุ้งซ่าน การยกจิตท่ีหดหู่ ก็ฉันน้ัน กิจแม้ท้ังหมดจะสำ�เร็จได้ ด้วยสติ. สงั .ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๓๐๙ ๑๑.๑.๒. สติมีการตักเตือนเป็นลักษณะ เหมือนขุนคลังของพระราชา คือ เม่ือเกิดขึ้นก็ ตักเตือนให้ร้จู กั สิ่งทเี่ ป็นกุศล และอกุศล. มิลิน. ๕๒ www.kalyanamitra.org

188 ๑๑.๑.๓. สติมีการเข้าไปถือเอาเป็นลักษณะ เหมือนนายประตูของพระราชา ย่อมรู้จัก กลน่ั กรองบุคคลผมู้ ีประโยชนเ์ ข้าพบพระราชา กำ�จัดพวกไมม่ ปี ระโยชน.์ มิลิน. ๕๓ ๑๑.๑.๔. ธรรมดาพระเจ้าจักรพรรดิ ย่อมทรงดูแลรักษาบ้านเมืองให้ดีทั้งภายใน และ ภายนอก ฉนั ใด ภิกษผุ ูป้ รารภความเพยี รก็ควรต้ังนายทวาร คือ สติ ควบคุมกเิ ลสทงั้ ภายใน และ ภายนอกไมใ่ ห้เกิดขึ้น ฉันนั้น ขอ้ นสี้ มกับพระพทุ ธพจน์ว่า ดกู ่อนภิกษุทัง้ หลาย อริยสาวกผมู้ ีนายทวาร คือ สติ ย่อมละ อกศุ ล สร้างกุศล ละส่งิ ทมี่ ีโทษ สร้างแตส่ ่ิงท่ไี มม่ โี ทษ รักษาตนให้บริสทุ ธิ์เทา่ นั้น. มลิ ิน. ๔๔๓ ๑๑.๑.๕. หลงลมื สติ คอื ระลกึ ไมไ่ ด้วา่ ส่งิ ทตี่ นทำ�แล้ว ในทีน่ ี้ย่อมเหมอื นการวางก้อนข้าวไว้ แลว้ ก็ลมื ฉะนนั้ . สัง.ข. (อรรถ) มก. ๒๗/๒๑๙ ๑๑.๑.๖ ขณะท่ีกสิภารทวาชพราหมณ์ก�ำ ลังเล้ียงอาหารบริวารอยู่ในทุ่งนา พระบรมศาสดา เสด็จเข้าไปประทบั ยนื บิณฑบาต พราหมณ์ได้กราบทูลว่า ข้าพระองค์ได้ไถ และหวา่ นแล้วจึงบรโิ ภค แมพ้ ระพุทธองค์กจ็ งไถ และหวา่ นแล้วบริโภค พระบรมศาสดาตรสั ตอบวา่ พระองคก์ ไ็ ถ และหว่านแลว้ บริโภคเหมือนกนั พราหมณก์ ราบทลู ว่า ไมเ่ ห็นการไถของพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาตรสั ตอบวา่ ศรัทธาเป็นพืช ความเพียรเป็นฝน ปญั ญาของเราเปน็ แอกและ ไถ หิรเิ ปน็ งอนไถ ใจเป็นเชอื ก สตขิ องเราเปน็ ผาล และประตัก เม่อื จบพระธรรมเทศนา พราหมณ์ขอถึงพระรตั นตรยั เป็นสรณะไปจนตลอดชีวิต. สัง.ส. (พุทธ) มก. ๒๕/๒๔๓ ๑๑.๑.๗ พระบรมศาสดาตรัสกับพระภิกษุท้ังหลายว่า สติ และสัมปชัญญะย่อมเป็นเหตุให้ เกิดหริ ิ และโอตตัปปะ... หิริ และโอตตปั ปะย่อมเปน็ เหตุใหเ้ กิดอินทรียสังวร... อนิ ทรยี สงั วรยอ่ มเปน็ เหตใุ หศ้ ลี สมบูรณ์... ศีลยอ่ มเป็นเหตใุ ห้เกิดสมั มาสมาธิ... สัมมาสมาธยิ อ่ มเป็นเหตใุ ห้เกิดยถาภูตญาณทสั สนะ... ยถาภูตญาณย่อมเป็นเหตใุ หเ้ กิดวมิ ุตติญาณทัสสนะ... www.kalyanamitra.org

189 เปรียบเหมือนต้นไม้ที่มีก่ิง และใบสมบูรณ์ แม้กะเทาะของต้นไม้นั้นก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลอื ก แมก้ ระพี้ แม้แกน่ ของต้นไม้นนั้ กย็ อ่ มบรบิ รู ณ์ ฉันน้นั . อัง.อฏั ฐก. (พุทธ) มก. ๓๗/๖๖๙ ๑๑.๑.๘ พระเจ้ามลิ นิ ทต์ รสั ถามพระนาคเสนวา่ สติมีลกั ษณะอยา่ งไร พระนาคเสนทูลตอบว่า สติมีการเตือนเป็นลักษณะ คือ เมื่อเกิดข้ึนก็เตือนให้รู้จักสิ่งท่ีเป็น กศุ ล อกศุ ลมีโทษ ไม่มีโทษ เหมือนขนุ คลังของพระราชา คอยทลู รายงานพระราชาในยามเชา้ เย็น สตมิ ีการเข้าไปในลักษณะ คอื เมือ่ เกดิ ข้นึ ก็ถอื เอาแต่ธรรมท่ีมปี ระโยชน์ มอี ุปการะเหมอื น นายประตขู องพระราชาที่กำ�จัดพวกไมม่ ีประโยชน์ ให้เข้าไปแตพ่ วกมีประโยชน.์ มิลิน. ๕๓ ๑๑.๒ การเจริญสติ ๑๑.๒.๑ นรชนในพระศาสนานี้ พึงผูกจิตของตนให้มั่นในอารมณ์ ให้ม่ันด้วยสติ เหมือนคน เลย้ี งโค เมื่อจะฝึกลกู โค พึงผกู มันไว้ท่หี ลัก ฉะนนั้ . ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๔/๒๙๓ ๑๑.๒.๒ บานประตู คือ สติท่ีรู้กันว่าการสำ�รวมทางจักขุนทรีย์ในจักษุทวาร เหมือนคนปิด บานประตทู ป่ี ระตเู รือน ฉะน้ัน. ม.มุ. (อรรถ) มก. ๑๗/๑๘๐ ๑๑.๒.๓ มีสติ และสัมปชญั ญะในการกระท�ำ ทุกอย่าง แลว้ ไมม่ ีความตดิ ข้องในธรรมท้ังปวง เหมือนหยาดน้ำ�ไมต่ ิดบนใบบวั ฉะนนั้ . ข.ุ อุ. (พทุ ธ) มก. ๔๔/๔๐๕ ๑๑.๒.๔ มุนีพงึ ต้ังสติเท่ยี วไปในบา้ น เหมอื นบรุ ุษผไู้ มไ่ ด้สวมรองเทา้ ตัง้ สตเิ ที่ยวไปในถ่ินที่มี หนาม ฉะนน้ั . ข.ุ เถร. (อรรถ) มก. ๕๓/๑๘๘ ๑๑.๒.๕ บุคคลพงึ ประคองภาชนะอนั เตม็ เปย่ี มไปด้วยน�้ำ มัน ฉันใด บัณฑติ ผูป้ รารถนาจะไป สูท่ ิศทย่ี งั ไม่เคยไป ก็พึงตามรกั ษาจิตของตนไวด้ ว้ ยสติ ฉันน้นั . ข.ุ ชา. (พุทธ) มก. ๕๖/๓๕๓ ๑๑.๒.๖ ธรรมดาชา้ งย่อมมสี ตอิ ยทู่ กุ เวลายกเท้าขึ้น วางเทา้ ลง เวลายา่ งกา้ ว ฉันใด ภกิ ษุ ผ้ปู รารภความเพยี รก็ควรมีสติสมั ปชัญญะทกุ เวลายกเทา้ ขน้ึ วางเท้าลง เดนิ ไปเดนิ มา ฉนั น้ัน. มิลิน. ๔๔๘ www.kalyanamitra.org

190 ๑๑.๒.๗ เธอจงตักเตือนตนด้วยตน จงพิจารณาดูตนด้วยตน เธอนั้นมีสติ ปกครองตนได้ แล้วจักอยู่สบาย ตนแหละเป็นนาถะของตน ตนแหละเป็นคติของตน เพราะฉะนั้นเธอจงสงวนตน เหมือนอย่างพอ่ คา้ มา้ สงวนม้าตวั เจริญ ฉะนั้น. ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๓/๓๓๙ ๑๑.๒.๘ ธรรมดาเสากระโดงเรอื ยอ่ มยดึ ไว้ดว้ ยเชอื ก รอก และใบเรอื ฉนั ใด ภิกษผุ ู้ปรารภ ความเพียร กค็ วรเป็นผ้มู สี ติสัมปชัญญะทุกเวลายา่ งกา้ ว แลเหลยี ว คเู้ หยยี ด ครองสงั ฆาฏิ บาตร จีวร ฉนั ดม่ื เคย้ี วกนิ ถา่ ยอุจจาระ ปสั สาวะ น่งั นอน ยืน เดิน ตืน่ พูด นง่ิ ฉันนนั้ ข้อนี้สมพระดำ�รัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเป็นผู้มี สติ สมั ปชัญญะน้ี เปน็ อนสุ าสนียส์ ำ�หรับเธอทง้ั หลาย. มิลนิ . ๔๓๒ www.kalyanamitra.org

191 www.kalyanamitra.org

๒๒ม ง ค ล ที่ มีความเคารพ ผู้ใดมคี วามเคารพในเพ่ือนสพรหมจารีทัง้ หลาย ผ้นู ้ันยอ่ มไม่เสอ่ื มจากสัทธรรม เหมอื นปลาในนำ�้ มาก ฉะนนั้ www.kalyanamitra.org

193 ๑. ความเคารพในพระพทุ ธเจา้ ๑.๑ พระองค์ไม่มีกิจคือสรรเสริญด้วยคุณอย่างอ่ืน เปรียบเหมือนดอกจัมปา ดอกอุบล ดอกปทมุ หรอื จนั ทนแ์ ดง ยอ่ มสดใส และมกี ลิ่นหอมโดยสิริแหง่ สี และกลนิ่ ของมัน มันไมม่ ีกจิ ท่ีจะ ชมเชยโดยสี และกลิ่นท่ีจรมา เปรียบเหมือนแก้วมณีหรือดวงจันทร์ ย่อมโอภาสโดยแสงสว่างของ ตนเทา่ นนั้ มนั หามีกจิ ดว้ ยแสงสว่างด้วยอยา่ งอ่ืนไม่ ฉันใด พระสมณโคดมกฉ็ ันนน้ั เป็นผ้อู ันบัณฑติ สรรเสรญิ ชมเชยโดยคุณของตน. ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๘/๔๘๖ ๑.๒ มหาคงคาเตม็ ดว้ ยห้วงน�้ำ บุคคลพงึ เทใสใ่ นรูเข็ม นำ้�ทเี่ ข้าไปในรูเขม็ มนี ้อย น้�ำ ที่เหลือมี มาก ฉันใด พระพุทธคุณท่อี าตมากล่าวแลว้ นอ้ ย ทีเ่ หลอื มาก ฉันนั้น. ม.มู. (เถระ) มก. ๑๙/๑๔๖ ๑.๓ พระเถระ : มหาบพติ ร ธรรมดาว่านกเล่นลมเที่ยวบินเลน่ ในอากาศในโลกนี้ สกณุ ชาติ ตวั เลก็ ๆ สถานท่ปี รบปกี ของนกนน้ั ในอากาศมมี าก หรืออากาศทเี่ หลือมมี าก พระราชา : ข้าแตท่ ่านผู้เจรญิ ทา่ นกลา่ วอะไร โอกาสเปน็ ทปี่ รบปีกของนกนั้นนอ้ ย ทีเ่ หลือ มมี าก พระเถระ : มหาบพิตรอย่างนั้นแหละ พระพุทธคุณท่ีอาตมากล่าวแล้วน้อย ท่ีเหลือมาก ไมม่ ที ีส่ ดุ ประมาณไม่ได.้ ม.ม.ู (เถระ) มก. ๑๙/๑๔๖ www.kalyanamitra.org

194 ๑.๔ พระคุณของพระโคดมผู้เจริญน้ัน ท่ียังมิได้กล่าวมีมากกว่าคุณท่ีข้าพเจ้ากล่าวแล้ว เปรียบเหมือนมหาปฐพี และมหาสมุทรหาท่ีสุดมิได้ หาประมาณมิได้ กว้างขวางประดุจอากาศ ฉะนั้นแล. ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๒๑/๒๘๐ ๑.๕ บุรุษคนหน่ึงพึงเอาบ่วงเข็มตักเอานำ้�จากแม่นำ้�ใหญ่ชื่อจันทรภาคา ซ่ึงกำ�ลังไหลท่วม สถานทีถ่ ึง ๑๘ โยชน์ คอื ข้างน้ี ๙ โยชน์ ข้างโน้นอีก ๙ โยชน์ นำ้�ที่บรุ ษุ มิไดต้ ักไปมีมากกวา่ น�้ำ ท่ี บุรุษเอาห่วงเข็มตักไป ก็หรือบุรุษพึงเอานิ้วมือจับเอาฝุ่นจากแผ่นดินใหญ่ ฝุ่นท่ีเหลือนั้นแลมีมาก กว่าฝุ่นท่ีบุรุษน้ันเอานิ้วมือจับได้มา ก็หรือบุรุษพึงช้ีนิ้วไปยังมหาสมุทร น้ำ�ที่เหลือนั้นแลมีมากกว่า น้ำ�ตรงท่ีบุรุษช้ีนิ้วไป และบุรุษพึงช้ีนิ้วไปยังอากาศ ส่วนอากาศท่ีเหลือมีมากกว่าอากาศตรงที่บุรุษ ชีน้ ว้ิ ไป พระพุทธคุณทั้งหลายที่พระเถระไม่เห็นนั้นแล พึงทราบว่า มีมากกว่าพระพุทธคุณที่ พระเถระได้เห็นแล้ว ฉันน้นั . ที.ปา. (อรรถ) มก. ๑๕/๒๑๔ ๑.๖ เหล่านาคสบุ รรณ และเหลา่ กนิ นรพร้อมทั้งเทพ คนธรรพ์มนษุ ย์ และรากษส พากันชม พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงเก้ือกูล และอนุเคราะห์โลกพระองค์น้ัน เหมือนชมดวงจันทร์ซ่ึงโคจร ณ ท้องนภากาศ ฉะนัน้ . ขุ.พุทธ. (อรรถ) มก. ๗๓/๑๑๒ ๒. ความเคารพในพระธรรม ๒.๑ เสาเขอ่ื นหรอื เสาเหลก็ มรี ากอนั ลกึ ปกั ไวด้ แี ลว้ ไมห่ วน่ั ไหว ไมส่ น่ั สะเทอื น ฉนั ใด ธรรม ท้งั หลายอันพระผ้มู ีพระภาคเจ้าผ้ทู รงร้ทู รงเห็น ผ้เู ป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ทรงบญั ญตั แิ ลว้ แกส่ าวกทง้ั หลาย เปน็ ธรรมอนั สาวกไมก่ า้ วลว่ งตลอดชวี ติ ฉนั นน้ั เหมอื นกนั แล. ที.ปา. (เถระ) มก. ๑๕/๒๗๙ ๒.๒ ธรรมดาไม้ไผ่ย่อมเอนเอียงไปตามลมโดยไม่ขัดขืน ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ กระทำ�ตามค�ำ ส่งั สอนของพระพทุ ธเจา้ ท�ำ แตส่ ง่ิ ที่ดงี าม ไมฝ่ ่าฝืนพระธรรมวนิ ยั สมกับคำ�ของพระราหุลว่า ควรกระทำ�ตามซึ่งคำ�ของพระพุทธเจ้า อันประกอบด้วยองค์ ๙ ทุกเมือ่ ควรทำ�แต่สิง่ ท่สี มควร สงิ่ ท่ีไม่มโี ทษควรพยายามใหย้ ิง่ ๆ ขึน้ ไป. มลิ นิ . ๔๒๗ www.kalyanamitra.org

195 ๒.๓ ธรรมดาต้นหนย่อมรู้ส่ิงท่ีดี และไม่ดี ในมหาสมุทรได้ทั้งหมด ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภ ความเพยี รก็ควรรูจ้ ักส่ิงทเี่ ป็นกศุ ล และอกศุ ล มีโทษ ไม่มโี ทษ ควรเก่ยี วขอ้ ง ไมค่ วรเกยี่ วขอ้ ง เลว ดี อะไรคือดำ� อะไรคอื ขาว ฉันน้ัน. มิลนิ . ๔๓๒ ๓. ความเคารพในพระสงฆ์ ๓.๑ ผู้ใดไมม่ ีความเคารพในเพ่ือนพรหมจรรยท์ ง้ั หลาย ผนู้ ั้นย่อมเป็นผูห้ า่ งไกลจากสัทธรรม เหมือนฟ้ากบั ดนิ ฉะน้ัน. ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๒/๑๑ ๓.๒ ผู้ใดไม่มคี วามเคารพในเพ่อื นสพรหมจารที ้ังหลาย ผูน้ ้นั ย่อมเสอื่ มจากสัทธรรม เหมือน ปลาในน�้ำ น้อย ฉะนั้น ผู้ใดไม่มีความเคารพในเพ่ือนสพรหมจารีทั้งหลาย ผู้นั้นย่อมไม่งอกงามในสัทธรรม เหมือน พืชทเี่ นา่ ในไร่นา ฉะน้นั ผู้ใดไม่มีความเคารพในเพื่อนสพรหมจารีท้ังหลาย ผู้น้ันเป็นผู้ไกลจากพระนิพพานในศาสนา ของพระผู้มีพระภาคเจา้ ผเู้ ป็นพระธรรมราชา ผู้ใดมคี วามเคารพในเพ่อื นสพรหมจารที ั้งหลาย ผูน้ นั้ ยอ่ มไม่เส่ือมจากสัทธรรม เหมือนปลา ในน�้ำ มาก ฉะนน้ั ผู้ใดมคี วามเคารพในเพือ่ นสพรหมจารที ้ังหลาย ผนู้ ้ันยอ่ มงอกงามในสทั ธรรม เหมือนพชื ท่ดี ี ในไรน่ า ฉะน้ัน ผู้ใดมีความเคารพในเพ่ือนสพรหมจารีท้ังหลาย ผู้นั้นย่อมอยู่ใกล้พระนิพพานในศาสนาของ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระธรรมราชา. ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๒/๑๖๔ ๓.๓ ธรรมดาแล่งธนูคือรางหน้าไม้ท่ีช่างทำ�ไว้ดีแล้ว ย่อมตรงตลอดต้ังแต่ต้นจรดปลาย ฉนั ใด ภิกษุผ้ปู รารภความเพียรกค็ วรประพฤติตนตรงต่อเพือ่ นพรหมจรรย์ ฉันนั้น ข้อน้ีสมกับคำ�ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในวิธุรปุณณกชาดกว่า ธีรชนควรเป็นเหมือนแล่ง ธน ู ควรออ่ นตามลมเหมือนไมไ้ ผ่ ไมค่ วรท�ำ ตนเป็นขา้ ศกึ จึงจักอยู่ในพระราชส�ำ นกั ได.้ มิลนิ . ๔๒๗ ๓.๔ บุคคลพึงรู้แจ้งธรรมอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว จากอาจารย์ใด พึง นอบนอ้ มอาจารย์นน้ั โดยเคารพ เหมอื นพราหมณ์นอบน้อมการบชู าเพลิงอยู่ ฉะนัน้ . ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๓/๔๔๕ www.kalyanamitra.org

196 ๓.๕ พวกภิกษุท่ีโง่เขลาเหล่านั้น อันพระเถระท้ังหลายให้การศึกษาแล้วเหมือนอย่างน้ัน จักไม่เคารพกันและกัน ไม่เอื้อเฟ้ือในพระอุปัชฌายาจารย์ จักเป็นเหมือนม้าพิการ ไม่เอ้ือเฟ้ือนาย สารถี ฉะนนั้ . ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๒๐๕ ๓.๖ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องพระสงฆ์ (คราวนางปชาบดีโคตมีถวายผ้าคู่ใหม่) ให้ปรากฏ ดังบิดายกย่องคุณความดีของบุตรในท่ีเฝ้าพระราชา ซึ่งประทับท่ามกลางหมู่อำ�มาตย์ นายประตู หมู่โยธา และราชบรวิ าร. มิลิน. ๑๔๕ ๔. ความเคารพในการปฏิสนั ถาร ๔.๑ ธรรมดาต้นไม้ย่อมให้ร่มเงาแก่ผู้เข้าไปพักอาศัย ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควร ตอ้ นรับผทู้ ่เี ข้ามาหาตนดว้ ยอามสิ หรอื ธรรม ฉนั นนั้ . มิลิน. ๔๕๗ ๕. การจับผิด ๕.๑ โทษของบคุ คลเหลา่ อน่ื เห็นได้งา่ ย ฝ่ายโทษของตนเห็นไดย้ าก เพราะวา่ บคุ คลนั้น ยอ่ ม โปรยโทษของบุคคลอ่ืนเหมือนบุคคลโปรยแกลบ แต่ว่าย่อมปกปิดโทษของตน เหมือนพรานนก ปกปิดอัตภาพดว้ ยเครื่องปกปดิ ฉะนน้ั . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๔ www.kalyanamitra.org

197 www.kalyanamitra.org

๒๓ม ง ค ล ที่ มีความถ่อมตน บคุ คลประกอบด้วยความเปน็ ผถู้ อ่ มตน ก�ำ จัดมานะได้ ก�ำ จดั ความกระดา้ งได้ เปน็ เสมือนผา้ เชด็ เท้า เสมอดว้ ยโคอุสุภะเขาขาด และเสมอด้วยงทู ่ถี กู ถอนเขย้ี วแลว้ ยอ่ มเปน็ ผ้ลู ะเอียดอ่อนละมุนละไม ผ่องแผว้ ด้วยความสุข www.kalyanamitra.org

199 ๑. การพิจารณาตน ๑.๑ ภิกษุยอ่ มเปน็ ผูฉ้ ลาดในวาระจติ ของตนอยา่ งไร ดูกอ่ นภกิ ษุทง้ั หลาย เปรยี บเหมือนสตรี หรือบุรุษท่ีเป็นหนุ่มสาว มีปกติชอบแต่งตัวส่องดูเงาหน้าของตนในคันฉ่องอันบริสุทธิ์หมดจด หรือในภาชนะน้ำ�อันใส ถ้าเห็นธุลีหรือจุดดำ�ที่หน้านั้น ก็พยายามเพื่อขจัดธุลีหรือจุดดำ�นั้นเสีย หากว่าเขาไม่เห็นธุลีหรือจุดดำ�ที่หน้าน้ัน ก็ย่อมดีใจ มีความดำ�ริอันบริบูรณ์ด้วยเหตุน้ันแลว่า เป็นลาภของเราหนอ หนา้ ของเราบริสทุ ธิ์แลว้ หนอ แมฉ้ ันใด ดูกอ่ นภกิ ษทุ ้งั หลาย การพิจารณาของภกิ ษุวา่ เราเป็นผมู้ ีอภชิ ฌาอยโู่ ดยมากหรือหนอ หรอื ว่าเราไม่เป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมาก เราเป็นผู้มีจิตพยาบาทอยู่โดยมากหรือหนอ... เราเป็นผู้อันถีน มทิ ธะกล้มุ รุมอย่โู ดยมากหรือหนอ... เราเป็นผู้ฟ้งุ ซ่านอยู่โดยมากหรอื หนอ... เราเป็นผ้มู คี วามสงสัย อยู่โดยมากหรือหนอ... เราเป็นผู้โกรธอยู่โดยมากหรือหนอ... เราเป็นผู้มีจิตเศร้าหมองอยู่โดยมาก หรือหนอ... เราเป็นผู้มีกายอันปรารภแรงกล้าอยู่โดยมากหรือหนอ... เราเป็นผู้เกียจคร้านอยู่โดย มากหรือหนอ... เราเป็นผู้มีจิตไม่ต้ังมั่นอยู่โดยมากหรือหนอ... ดังน้ี ย่อมเป็นอุปการะมากในกุศล ธรรมทัง้ หลาย ฉันนั้นเหมอื นกันแล. องั .ทสก. (พุทธ) มก. ๓๘/๑๖๘ www.kalyanamitra.org