๓๒ม ง ค ล ที่ ประพฤติพรหมจรรย์ บรุ ุษอยใู่ นเรอื นจำ�มานาน ระทมทุกข์ ยอ่ มไม่เกิดความรักในเรือนจ�ำ น้นั แสวงหาทางพ้นอยา่ งเดียว ฉันใด ทา่ นจงเหน็ ภพทั้งปวงเหมอื นเรอื นจ�ำ มงุ่ หนา้ ตอ่ เนกขมั มะ เพื่อหลดุ พน้ จากภพ ฉันนั้นเหมอื นกัน www.kalyanamitra.org
251 ๑. เหตุเกิดราคะ ๑.๑ อกศุ ลวิตกเป็นอันมาก เกิดแต่ความเยือ่ ใย คือ ตณั หา เกดิ ขน้ึ ในตนแล้วแผซ่ า่ นไปใน วัตถกุ ามท้ังหลาย เหมอื นย่านทรายเกดิ แตล่ �ำ ตน้ ปกคลุมปา่ ไป ฉะน้นั . สงั .ส. (พุทธ) มก. ๒๕/๓๙๐ ๒. โทษของกาม ๒.๑ กามทั้งหลาย พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ตรัสวา่ มีความยนิ ดีน้อย มที ุกข์มาก มคี วามคบั แคน้ มาก โทษในกามท้งั หลายนี้มากยงิ่ นกั กามท้ังหลาย พระผมู้ พี ระภาคตรสั ว่า เปรยี บเหมอื นร่างกระดกู มีทกุ ขม์ าก มีความคบั แค้น มาก โทษในกามท้ังหลายน้ีมากยิ่งนัก... เปรียบเหมือนช้ินเนื้อ... เปรียบเหมือนคบหญ้า... เปรียบเหมือนหลมุ ถ่านเพลงิ ... เปรียบเหมอื นของยืม... เปรยี บเหมือนผลไม้... เปรยี บเหมอื นเขยี ง สับเน้ือ... เปรียบเหมือนหอกและหลาว... เปรียบเหมือนศีรษะงู มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก โทษในกามทั้งหลายนม้ี ากยิ่งนกั . ว.ิ จุ. (พทุ ธ) มก. ๘/๑๖๔ www.kalyanamitra.org
252 ๒.๒ บุคคลผู้เห็นอยู่ว่ากามท้ังหลายเปรียบด้วยโครงกระดูก เพราะอรรถว่า เป็นของมี ความยนิ ดีนอ้ ย ย่อมเว้นขาดกามโดยการข่มไว้ - กามท้ังหลายเปรยี บดว้ ยช้นิ เนือ้ เพราะอรรถว่า เป็นของสาธารณแก่ชนหมู.่ .. - กามทัง้ หลายเปรยี บด้วยเพลงิ หญ้า เพราะอรรถว่า เป็นของตามเผา... - กามทง้ั หลายเปรยี บดว้ ยหลุมถา่ นเพลิง เพราะอรรถว่า เปน็ ของให้เร่ารอ้ นมาก... - กามทัง้ หลายเปรยี บดว้ ยของขอยมื เพราะอรรถว่า เป็นของเปน็ ไปชวั่ กาลท่กี �ำ หนด... - กามทั้งหลายเปรียบด้วยต้นไมม้ ีผลดก เพราะอรรถวา่ เปน็ ของทำ�ใหก้ ง่ิ หกั และให้ตน้ ลม้ ... - กามท้งั หลายเปรียบดว้ ยดาบและมีด เพราะอรรถวา่ เปน็ ของฟนั ... - กามทง้ั หลายเปรียบดว้ ยหอก หลาว เพราะอรรถว่า เปน็ ของทิม่ แทง... - กามทั้งหลายเปรยี บด้วยหัวงู เพราะอรรถวา่ เปน็ ของน่าสะพรงึ กลวั ... - กามทั้งหลายเปรียบด้วยกองไฟ เพราะอรรถว่า เป็นดังไฟกองใหญ่ให้เร่าร้อนย่อม เว้นขาดกามโดยการข่มไว.้ ขุ.ม. (อรรถ) มก. ๖๕/๘ ๒.๓ กามท้ังหลายเหมือนคบเพลิงที่ลุกโพลง ย่อมไหม้คนถือท่ีไม่ยอมปล่อย เพราะว่ากาม ท้งั หลายเปรยี บเหมือนคบเพลงิ ยอ่ มจะไหม้คนท่ไี มย่ อมปลอ่ ยคบเพลิง. ข.ุ เถรี. (เถรี) มก. ๕๔/๔๙๑ ๒.๔ โปรดอย่าทรงละสุขอันไพบูลย์ เพราะเหตุแห่งกามสุขเล็กน้อยเลย อย่าทรงเป็น ประดุจปลากลืนเบ็ดแล้วต้องเดอื ดรอ้ นภายหลัง. ขุ.เถร.ี (เถรี) มก. ๕๔/๔๙๑ ๒.๕ ชนเหลา่ ใดถูกราคะย้อมแล้ว ย่อมตกไปตามกระแส เหมอื นแมลงมุมตกไปตามใยข่าย ท่ีตนเองทำ�ไว.้ องั .เอกก. (พทุ ธ) มก. ๓๓/๑๐ ๒.๖ ผู้ใดเสพกามเพราะไม่รู้จักโทษ กามก็ย่อมฆ่าผู้นั้นเสีย เหมือนบริโภคผลไม้ที่มีพิษ ฉะนน้ั . ขุ.ชา. (อรรถ) มก. ๖๒/๕๗๔ ๒.๗ ผู้ใดไม่รู้โทษในอนาคต มัวเสพกามอยู่ ผลที่สุดกามเหล่านั้นก็จะกำ�จัดบุคคลน้ันเสีย เหมอื นผลกิมปักกะก�ำ จดั ผกู้ ินใหถ้ งึ ตาย ฉะน้ัน. ข.ุ ชา. (พทุ ธ) มก. ๕๖/๒๙๓ www.kalyanamitra.org
253 ๒.๘ กิเลสท้งั หลายมีราคะ เป็นต้น เกิดแต่ความเย่อื ใย เกิดในตน เหมือนย่านไทรเกิดแต่ ตน้ ไทร ฉะนน้ั กเิ ลสเปน็ อนั มาก ซา่ นไปแลว้ ในกามทง้ั หลาย เหมอื นเถายา่ นทรายรงึ รดั ไปแลว้ ในปา่ . ขุ.สุ. (พทุ ธ) มก. ๔๗/๒๐๐ ๒.๙ พชื ทัง้ หลายมีหญ้า สาหร่าย ไมอ้ อ้ และกอหญ้า เป็นต้น ที่เกิดข้ึนในน�้ำ อุปมาเสมอื น วา่ พืชเหลา่ นน้ั ยงั มกี ำ�ลงั นำ้�ให้ติดอยู่ ฉนั ใด เบญจกามคณุ ทงั้ หลาย หรอื วา่ วตั ถกุ ามและกิเลสกาม ทั้งหลาย กฉ็ นั นน้ั เหมือนกัน. ขุ.ชา. (อรรถ) มก. ๕๙/๓๒ ๒.๑๐ บุคคลยงั มกี ิเลสกาม ยังไมอ่ อกจากวตั ถุกาม เหมือนไม้มะเดือ่ สดมยี าง เปยี กชมุ่ ด้วย กิเลสกาม เหมอื นไม้ทแี่ ช่ไวใ้ นนำ้�. ม.มู. (อรรถ) มก. ๑๙/๑๓๖ ๒.๑๑ ท่อนไม้ท่ีตกไปในนำ้�วน ถูกกระทบที่แผ่นหิน เป็นต้น แหลกละเอียดภายในนั้นแล ฉันใด บุคคลผู้ตกไปในวังวน คือ กามคุณ ๕ ก็ฉันน้ัน ถูกทุกข์อันเกิดแต่ความหิวกระหายเป็นต้น กระทบกระท่งั บีบค้ัน. สงั .สฬา. (อรรถ) มก. ๒๘/๔๒๘ ๒.๑๒ ไฟท่ีจะเสมอด้วยราคะไม่มี เราย่อมเร่าร้อนด้วยกามราคะ จิตของเราถูกกามราคะ เผาไหม้อยู่ สัตว์ทั้งหลายเหล่าใดถูกราคะย้อมแล้ว ย่อมตกลงไปสู่กระแสแห่งกิเลสท้ังหลาย ประดุจแมงมมุ ตกลงไปสสู่ ายใยทต่ี นเองท�ำ ไว้ ฉะนั้น. ข.ุ สุ. (อรรถ) มก. ๔๖/๓๕ ๒.๑๓ บคุ คลใด กหู้ นเ้ี ขาไปแลว้ ไมใ่ ช้ บคุ คลนั้น ถกู เจ้าหน้าทีท่ วงว่า เจา้ จงใชห้ น้ี ดังน้ีกด็ ี ถกู เขาพูดค�ำ หยาบกด็ ี ถกู เขาจับไปก็ดี ถกู เขาประหารกด็ ี ย่อมไมอ่ าจโตต้ อบอะไรได้ ยอ่ มอดกลั้น ทุกอย่าง เพราะว่าหน้ีนั้น มีการอดกล้ันเป็นเหตุ ฉันใด บุคคลใด ย่อมยินดีสิ่งใดด้วยกามฉันทะ ย่อมถือเอาซ่งึ สิ่งนน้ั ด้วยการถือเอาดว้ ยตัณหา ฉนั น้นั เหมือนกนั บุคคลน้นั ถูกเขากล่าวค�ำ หยาบกด็ ี ถกู เขาจบั ไปกด็ ี ถกู เขาประหารก็ดี ยอ่ มอดทนทกุ อย่าง เพราะว่ากามฉันทะนั้น มีการอดกลั้นเป็นเหตุ ดุจความพอใจในกามของหญิงท้ังหลายท่ีถูกสามีใน เรือนฆ่า เพราะฉะนน้ั บณั ฑติ พึงทราบกามฉันทะ ราวกะความเปน็ หน้ี อย่างน้.ี ม.มู. (อรรถ) มก. ๑๙/๒๒๗ ๒.๑๔ ภาชนะใส่นำ้�อันไม่ระคนด้วยสีคร่ัง สีเหลือง สีเขียว หรือสีแดงอ่อน บุรุษผู้มีจักษุ เม่อื มองดเู งาหน้าของตนในน้ำ�นน้ั พงึ รู้ พึงเหน็ ตามความเป็นจริง ฉันใด ฉันนนั้ เหมือนกนั สมยั ใด www.kalyanamitra.org
254 บุคคลมีใจไม่ฟุ้งซ่านด้วยกามราคะ ไม่ถูกกามราคะเหนี่ยวรั้งไป และย่อมรู้ ย่อมเห็นอุบายเป็น เครื่องสลดั ออก ซ่งึ กามราคะท่บี งั เกดิ ข้ึนแลว้ ตามความเป็นจรงิ ฯลฯ. สัง.ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๓๒๔ ๒.๑๕ ร่างกายของชายที่อาบนำ้�สะอาดแล้ว ลูบไล้และตกแต่งดีแล้ว แต่มีฝุ่นท่ีละเอียด ตกลงทรี่ า่ งกาย จะมสี คี ล�ำ้ ปราศจากความงาม ท�ำ ให้หมน่ หมอง ฉนั ใด ภิกษุผ้ปู รารภความเพยี รทง้ั หลาย ก็ฉันนั้นเหมือนกัน แม้มาแล้วโดยทางอากาศ เหาะได้ด้วยกำ�ลังฤทธิ์ ปรากฏแล้วในโลก เหมอื นพระจนั ทร์ และพระอาทติ ย์ กม็ ีสีมัวหมองปราศจากความงาม เปน็ ผเู้ ศร้าหมองแลว้ เริ่มแต่ เวลาที่ธุลี คอื กามตกลงไปในภายในครัง้ เดียว เพราะคณุ ความดี คือ สี... คอื ความงามและ... คือ ความบรสิ ทุ ธิ์ถูกขจัดแล้ว อน่ึง คนทั้งหลายแม้จะสะอาดดีแล้ว ก็จะมีสีดำ�เหมือนฝาเรือน เร่ิมต้นแต่เวลาถูกควันรม ฉนั ใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรทั้งหลาย ก็ฉันน้ันเหมือนกัน แม้มีญาณบริสุทธ์ิเหลือเกิน ก็จะ ปรากฏเปน็ เหมือนคนผวิ ด�ำ ทา่ มกลางมหาชนทีเดียว เพราะถงึ ความพนิ าศแห่งคณุ ความดี เริ่มตน้ แต่เวลาท่ถี ูกควัน คอื กามารมณ์. ขุ.ชา. (อรรถ) มก. ๕๙/๓๔ ๒.๑๖ ช้างจมอยู่ท่ามกลางหล่มแล้ว ย่อมไม่อาจถอนตนไปสู่ที่ดอนได้ด้วยตนเอง ฉันใด ขา้ พเจา้ จมอยูใ่ นหลม่ คือ กามกิเลส กย็ งั ไมส่ ามารถปฏิบตั ติ นตามทางของภิกษุได้ ฉันนัน้ . ขุ.ชา. (ทัว่ ไป) มก. ๖๑/๓๕ ๒.๑๗ โปรดอย่าหมุนไปหมุนมาเพราะกามท้ังหลาย ดุจสุนัขถูกล่ามโซ่เลย เพราะกาม ทั้งหลาย จักทำ�ผนู้ ้ันให้เปน็ เหมอื นคนจณั ฑาลหิวจดั ได้สนุ ขั กท็ �ำ ใหพ้ ินาศได้. ข.ุ เถร.ี (เถรี) มก. ๕๔/๔๙๑ ๒.๑๘ สัตว์ผู้ถูกลูกศรท่ีทำ�ด้วยเหล็กแทงบ้าง... ทำ�ด้วยกระดูกแทงบ้าง... ทำ�ด้วยงาแทง บ้าง... ทำ�ด้วยเขาแทงแล้วบา้ ง... ทำ�ดว้ ยไม้แทงบา้ ง ยอ่ มกระสับกระสา่ ยหวนั่ ไหว ดิน้ รน จุกเสียด เจบ็ กายเจบ็ ใจ ฉนั ใด ความโศก คร�ำ่ ครวญ เจ็บกาย เจ็บใจ และคับแคน้ ใจ ย่อมเกดิ ข้นึ เพราะวัตถุกามท้งั หลาย แปรปรวนเปน็ อยา่ งอนื่ ไป สัตวน์ น้ั ถกู ลูกศร คอื กามแทงแล้ว ย่อมกระสบั กระส่าย หวัน่ ไหว ดน้ิ รน จกุ เสยี ด เจ็บกาย เจบ็ ใจ ฉนั นนั้ เหมอื นกัน. ขุ.ม. (อรรถ) มก. ๖๕/๖ www.kalyanamitra.org
255 ๒.๑๙ ปลาอยากกินของสดคือเหยื่อ ย่อมกลืนเบ็ดท่ีคดซ่ึงปกปิดไว้ด้วยเนื้ออันเป็นเหย่ือ มันย่อมไมร่ ้จู กั ความตายของมนั ฉนั ใด ข้าแต่พระราชา พระองค์ทรงปรารถนากาม ย่อมไม่ทรงทราบพระธิดาของพระเจ้าจุลนี เหมือนปลาไม่ร้จู กั ความตายของตน ฉะน้นั . ขุ.ชา. (ทว่ั ไป) มก. ๖๓/๓๐๕ ๒.๒๐ กามเหล่าน้ันแม้ทุกอย่าง ชื่อว่าว่างเปล่า เพราะไม่เป็นแก่นสาร ช่ือว่ามีรสอร่อย น้อย เหมือนหยดน�้ำ ท่ีคมมดี . ขุ.เถร.ี (อรรถ) มก. ๕๔/๕๑๐ ๒.๒๑ หัวฝหี ลงั่ ของไม่สะอาด คือ กิเลสออกมา บวมขน้ึ แกจ่ ดั และแตกออกเพราะฉะนัน้ กามคุณเหล่านี้ จึงชือ่ วา่ ดจุ หัวฝี เพราะหลงั่ ของไม่สะอาด คอื กเิ ลสออกมา และเพราะมภี าวะบวม ขึน้ แกจ่ ดั และแตกออก โดยการเกิดขึน้ การคร่ำ�คร่า และแตกพงั ไป. ขุ.อป. (อรรถ) มก. ๗๐/๓๔๑ ๒.๒๒ ฝนย่อมรั่วรดเรือนที่มุงไม่ดีได้ ฉันใด ราคะย่อมเสียดแทงจิตท่ีไม่ได้อบรมแล้วได้ ฉนั น้นั . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๐/๓ ๒.๒๓ มนุษย์ย่อมไป ออกไป ลอยไป แล่นไป ด้วยยานช้างบ้าง ยานม้าบ้าง ยานโคบ้าง ยานแกะบา้ ง ยานแพะบา้ ง ยานอฐู บ้าง ยานลาบ้าง ฉันใด สัตวย์ ่อมไป ออกไป ลอยไป แลน่ ไป เพราะกามตณั หา ฉันนัน้ . ข.ุ ม. (อรรถ) มก. ๖๕/๕ ๒.๒๔ นาทั้งหลายมหี ญ้าเป็นเครื่องประทุษรา้ ย หมู่สตั วน์ ี้มรี าคะเป็นเคร่ืองประทษุ รา้ ย. ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๓๑ ๒.๒๕ ความกำ�หนัดเม่ือจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น เหมือนกำ�ลังทำ�เครื่องหมายสำ�หรับจำ�ไว้ว่า บคุ คลน้ีชอ่ื ว่าผมู้ ีความกำ�หนดั เพราะฉะนั้น ท่านจึงว่าเปน็ เครื่องท�ำ เปน็ เครือ่ งหมาย เหมอื นลูกวัว ๒ ตัวที่เหมอื นกันของ ๒ ตระกลู ตราบเทา่ ที่ยงั ไมท่ �ำ เคร่ืองหมายแก่ลูกวัวทัง้ ๒ ตัวนนั้ กย็ อ่ มไม่มี ท่ีสามารถรู้ไดว้ า่ น้ีเปน็ ลกู วัวของตระกูลโนน้ แตเ่ มอื่ ใดเอาเหลก็ แหลมทป่ี ลายหอก เปน็ ต้น มาทำ� เคร่ืองหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็มีผู้สามารถรู้ได้ ฉันใด ฉันน้ันเหมือนกัน แม้ในความดุร้ายและ ความหลง กม็ ที ำ�นองอย่างเดียวกันนเ้ี หมอื นกัน. ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๙/๓๒๒ www.kalyanamitra.org
256 ๒.๒๖ สัตวก์ �ำ หนดั แลว้ ด้วยราคะ ยอ่ มตกไปส่กู ระแสตณั หา เหมือนแมงมุมตกไปยังใยทต่ี วั ท�ำ ไวเ้ อง ฉะนน้ั ธรี ชนทง้ั หลายตดั กระแสตณั หาแมน้ น้ั แลว้ เปน็ ผหู้ มดหว่ งใย และเวน้ ทกุ ขท์ ง้ั ปวงไป. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๒๖๘ ๒.๒๗ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอุปมาโทษของกามว่า เปรียบเหมือนสุนัข ซ่ึงอ่อนเพลีย เพราะความหิวเบยี ดเบียน เข้าไปยืนอยู่ใกลเ้ ขยี งของนายโคฆาต นายโคฆาตผู้ฉลาด โยนกระดูกท่ีเชือดชำ�แหละเน้ือออกหมด เป้ือนแต่เลือดไปยังสุนัข สุนัขน้ันแทะกระดูกเป้ือนแต่เลือด จะบำ�บัดความเพลียเพราะหิวได้บ้างหรือ กามทั้งหลายเปรียบ เหมือนกระดกู มีทกุ ข์มาก มีความคบั แคน้ มาก กามน้มี โี ทษอยา่ งยงิ่ อปุ มาเหมอื นบุรุษถอื คบเพลงิ หญ้าท่ีไฟตดิ ทัว่ แลว้ เดนิ ทวนลมไป ไฟยอ่ มติดหญ้า แลว้ ไหม้มอื บุรษุ นน้ั . ม.ม. (พุทธ) มก. ๒๐/๘๑ ๓. โทษของการครองเรอื น ๓.๑ หน่อไม้มียอดอันงอกงาม เจริญด้วยกิ่งก้านโดยรอบ ย่อมเป็นของบุคคลขุดข้ึนได้ โดยยาก ฉันใด เมื่อโยมมารดาน�ำ ภรรยามาใหฉ้ ันแลว้ ถา้ ฉนั มีบุตรหรอื ธดิ าข้ึน ก็ยากทจี่ ะถอนตน ออกบวชได้ ฉันนั้น. ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๐/๓๕๙ ๓.๒ บุคคลขอ้ งอย่แู ลว้ ด้วยความเยอ่ื ใยในบตุ ร และภรยิ า เหมือนไมไ้ ผ่กอใหญเ่ กีย่ วกา่ ยกัน ฉะนนั้ บคุ คลไม่ขอ้ งอยูเ่ หมือนหน่อไม้ พึงเทยี่ วไปผ้เู ดยี ว เหมือนนอแรด ฉะน้ัน. ข.ุ สุ. (อรรถ) มก. ๖๗/๖๖๔ ๓.๓ เพราะโลกสนั นวิ าสท้งั หมดมีภยั เฉพาะหนา้ ดุจถกู ไฟไหม้ ผูกมัดดจุ เรือนจ�ำ ปรากฏเป็น ของน่าเกลยี ดดุจทเี่ ทขยะ. ข.ุ จ. (โพธ)ิ มก. ๗๔/๔๑๓ ๓.๔ เคร่ืองจองจำ�ใดเกิดแต่เหล็ก เกิดแต่ไม้ และเกิดแต่หญ้าปล้อง ผู้มีปัญญาท้ังหลาย หากล่าวเคร่อื งจองจำ�นัน้ วา่ เปน็ ของมน่ั คงไม่ ความกำ�หนดั ใดของชนทงั้ หลายผู้ก�ำ หนัดยนิ ดยี ่ิงนกั ในแก้วมณี และตุ้มหูท้ังหลาย และเยื่อใยในบุตรและในภรรยาท้ังหลาย นักปราชญ์ท้ังหลายกล่าว ความกำ�หนดั และความเยอ่ื ใยน้นั ว่ามน่ั คง. ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๒๖๘ ๓.๕ เม่ือไรหนอ เราจึงจักตัดความผูกพันในเรือน ดุจช้างใหญ่ตัดเคร่ืองผูกทำ�ด้วยเหล็กได้ ฉะน้ัน แลว้ เข้าปา่ ดว้ ยการออกจากเรอื น. ขุ.จรยิ า. (โพธิ) มก. ๗๔/๔๓๑ www.kalyanamitra.org
257 ๓.๖ ภรรยาผู้เป็นมารดาของบุตรของเรานั้น ตกแต่งร่างกายนุ่งห่มผ้าใหม่เดินมา เป็นดุจ บว่ งมจั จุราชดักไว.้ ข.ุ เถร (เถระ) มก. ๕๒/๔๖ ๓.๗ มฤตยูย่อมพาเอานรชน ผู้มัวเมาในลูกและสัตว์เลี้ยง ผู้มีใจข้องอยู่ในอารมณ์ต่างๆ ไป เหมือนหว้ งน�้ำ ใหญ่พัดพาเอาชาวบา้ นท่ีหลบั ใหลอยู่ไป ฉะน้ัน. อัง.เอก. (พุทธ) มก. ๓๓/๕๓ ๓.๘ มัจจุพานระนั้น ผู้มัวเมาในบุตร และปศุสัตว์ ผู้มีใจข้องในอารมณ์ต่างๆ ไป เหมือน หว้ งน�้ำ ใหญ่พดั เอาชาวบ้านผู้หลับไป ฉะน้ัน. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๑๓๗ ๓.๙ ฆราวาสเป็นท่ีคับแคบ เพราะไม่มีโอกาสจะทำ�กุศลความดีได้ตามสบาย ชื่อว่า เป็น ทางมาแห่งธุลี เพราะเป็นท่ีรวมของธุลี คือ กิเลส ดุจกองหยากเย่ือไม่ได้ปิดไว้ บรรพชา ชื่อว่า เปน็ ที่แจ้ง เพราะมีโอกาสท�ำ กุศลความดไี ดต้ ามสบาย. อัง.จตกุ ก. (อรรถ) มก. ๓๕/๕๒๒ ๓.๑๐ คนมีบุตรย่อมเศร้าโศกเพราะบตุ ร คนมโี คก็ย่อมเศร้าโศกเพราะโค ฉันนัน้ เหมือนกนั อปุ ธิท้งั หลายนน่ั แล เป็นเหตุเศร้าโศกของนรชน เพราะคนทีไ่ ม่มีอปุ ธหิ าเศร้าโศกไม.่ สงั .ส. (พุทธ) มก. ๒๕/๒๔ ๓.๑๑ บุคคลที่ยังครองเรือนอยู่ จะประพฤติพรหมจรรย์นี้ให้สมบูรณ์โดยส่วนเดียว ให้ บริสุทธิโ์ ดยส่วนเดยี ว ดุจสังขท์ ข่ี ดั แล้วท�ำ ไมไ่ ดง้ ่าย. วิ.ม. (ทัว่ ไป) มก. ๗/๕ ๓.๑๒ เทวดาทลู ถามพระผูพ้ ระภาคเจา้ วา่ อะไรคือกระท่อม อะไรคอื รงั อะไรคือผู้สืบสกุล อะไรคือเคร่ืองผูก พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า กระท่อมคือมารดา รังคือภรรยา ผู้สืบสกุลคือบุตร เครื่องผูก คือตัณหา. สงั .ส. (พทุ ธ) มก. ๒๔/๙๗ ๓.๑๓ นกั ปราชญ์ทัง้ หลายไมก่ ล่าววา่ เครอื่ งจองจ�ำ ทท่ี ำ�ด้วยเหล็ก ท�ำ ดว้ ยไม้ และทำ�ดว้ ย หญ้าเป็นเครื่องจองจำ�ท่ีม่ัน นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า ความรักใคร่ในแก้วมณี และกุณฑล ความอาลยั ในบตุ ร และภรรยาทงั้ หลายว่า เป็นเครอ่ื งจองจ�ำ ทีม่ นั่ คง เป็นเครื่องจองจ�ำ ที่หยอ่ น แต่ แก้ยาก นักปราชญท์ ัง้ หลายตัดเคร่อื งจองจ�ำ เชน่ นนั้ . สงั .ส. (พทุ ธ) มก. ๒๔/๔๔๘ www.kalyanamitra.org
258 ๔. โทษของหญงิ ๔.๑ ในร่างกายของเธอเช่นกบั ถงุ อันเต็มไปด้วยคูถ มีหนังห้มุ ห่อปกปิดไว้ เหมอื นนางปีศาจ มีฝีที่อก มีชอ่ งเก้าช่องเป็นท่ไี หลออกเนืองนิตย์. ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๔๓๓ ๔.๒ ภิกษุควรละเว้นสรีระของเธออันมีช่องเก้าช่อง เต็มไปด้วยกล่ินเหม็น ดังชายหนุ่ม ผู้ชอบสะอาดหลีกเล่ียงมตู รคูถไปจนห่างไกล ฉะนนั้ . ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๔๓๓ ๔.๓ ภยั คอื ปลาฉลาม น้ีเป็นชื่อของมาตคุ าม. องั .จตุกก. (อรรถ) มก. ๓๕/๓๒๔ ๔.๔ บุคคลพึงพูดกับบุคคลผู้มีดาบในมือ กับปีศาจ น่ังชิดกับอสรพิษ ผู้ท่ีถูกคนมีดาบ ปีศาจ อสรพษิ กดั แลว้ ยอ่ มไม่มชี วี ิต ภิกษุพดู กับมาตคุ ามสองตอ่ สอง กไ็ มม่ ีชีวติ เหมือนกัน. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๔๒๘ ๔.๕ หญิงย่อมผูกพันชายเพราะต้องการทรัพย์ เหมือนเถาวัลย์พันไม้ หญิงทั้งหลายย่อม ติดตามชายทีม่ ีทรพั ย์ ถึงจะเป็นคนเลี้ยงช้าง เล้ียงม้า เล้ยี งโค คนจัณฑาล สปั เหร่อ คนเทหยาก เยื่อก็ช่าง หญิงท้ังหลาย ย่อมละทิ้งชายผู้มีตระกูลแต่ไม่มีอะไร เหมือนซากศพ แต่ติดตามชาย เช่นน้ันไดเ้ พราะเหตุแหง่ ทรัพย์. ขุ.ชา. (ทวั่ ไป) มก. ๖๒/๕๓๐ ๔.๖ หญงิ ทั้งหลายยอ่ มคบบรุ ุษไดท้ งั้ ทร่ี ัก ท้งั ทไ่ี มร่ ัก เหมือนเรอื จอดไดท้ ้ังฝ่งั น้ี และฝั่งโนน้ . ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๒/๕๒๙ ๔.๗ ขน้ึ ชือ่ วา่ หญิงทงั้ หลายในโลก มอี ปุ มาเหมอื นแม่น�ำ้ หนทาง โรงน�ำ้ ดื่ม ท่ีประชุม และ บอ่ น้ำ� บัณฑิตทัง้ หลายยอ่ มไม่ถือโกรธหญงิ เหลา่ นนั้ . ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๕๖/๑๔๒ ๔.๘ หญิงทั้งหลาย บุรุษไม่สามารถจะรกั ษาไว้ได้ด้วยถ้อยคำ�อนั ออ่ นหวาน ยากที่จะให้เต็ม ได้ เปรียบเสมอด้วยแม่นำ้�... บัณฑิตรู้ชัดอย่างน้ีแล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล หญิงเหล่าน้ี ย่อม เข้าไปคบหาบุรุษใด เพราะความรักใคร่ก็ตาม เพราะทรัพย์ก็ตาม ย่อมเผาบุรุษน้ันเสียฉับพลัน เปรยี บเหมือนไฟไหม้ท่ขี องตนเอง ฉะนนั้ . ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๘/๑๐๔ ๔.๙ ขน้ึ ชอ่ื วา่ หญงิ ในโลกนเ้ี ลวทราม เพราะหญงิ เหลา่ นน้ั ไมม่ เี ขตแดน มแี ตค่ วามก�ำ หนดั ยนิ ดี คกึ คะนองไมม่ เี ลอื ก เหมอื นไฟทไ่ี หมไ้ มเ่ ลอื กฉะนน้ั เราจกั ละทง้ิ หญงิ เหลา่ นน้ั ไปบวชเพม่ิ พนู วเิ วก. ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๕๖/๑๑๐ www.kalyanamitra.org
259 ๔.๑๐ จิตของหญิงเหมือนจิตของวานร ลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนเงาไม้ หัวใจของหญิงไหวไป ไหวมา เหมือนล้อรถทีก่ �ำ ลงั หมุน เมื่อใด หญิงทั้งหลายผู้มุ่งหวังเห็นทรัพย์ของบุรุษท่ีควรจะถือเอาไว้ เมื่อน้ันก็ใช้วาจาอ่อน หวานชกั น�ำ บรุ ุษไปได้ เหมอื นชาวกมั โพชลวงมา้ ด้วยสาหร่าย ฉะนั้น เม่ือใด หญิงทั้งหลายผู้มุ่งหวัง ไม่เห็นทรัพย์ของบุรุษท่ีควรถือเอาได้ เม่ือนั้น ย่อมละท้ิง บุรุษนั้นไป เหมือนคนข้ามฟากถึงฝ่ังโน้นแล้วละท้ิงแพไป ฉะนั้น หญิงท้ังหลายไม่ใช่ของบุรุษคน เดยี ว หรอื สองคน ย่อมรบั รองท่ัวไปเหมอื นรา้ นตลาด ผใู้ ดส�ำ คัญมนั่ หมายหญิงเหล่านั้นวา่ ของเรา ก็เท่ากับดักลมด้วยตาขา่ ย แมน่ ้ำ� หนทาง ร้านเหลา้ สภาและบอ่ นำ�้ ฉนั ใด หญงิ ในโลกก็ฉันนัน้ . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๒/๕๙๖ ๔.๑๑ ผหู้ ญิงท้ังหลายเป็นผมู้ ีมารยา... หลอกลวง เปรยี บเหมอื นพยบั แดด. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๒/๕๗๑ ๔.๑๒ ภาวะของหญิงท้งั หลายรไู้ ด้ยาก เหมือนทางไปของปลาในน�ำ้ ฉะนั้น. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๒/๕๓๒ ๔.๑๓ ไฟกินเปรียง ๑ ชา้ งสาร ๑ งูเห่า ๑ พระเจ้าแผน่ ดนิ ผ้ไู ด้มรู ธาภิเษก ๑ หญิงทุกคน ๑ ทัง้ ๕ นี้ ควรคบด้วยความระมัดระวงั เปน็ นิตย์ เพราะวา่ สิ่งท้งั ๕ น้มี อี ธั ยาศัยทรี่ ู้ไดย้ าก. ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๖๐/๑๐๗ ๔.๑๔ หญิงท้ังหลายเปรียบด้วยเคร่ืองผูกรัด กินทุกอย่างเหมือนเปลวไฟ มีมายากล้าแข็ง เหมือนแม่นำ้�มีกระแสเชี่ยว ย่อมคบบุรุษได้ทั้งที่น่ารัก ทั้งท่ีไม่น่ารัก เหมือนเรือจอดไม่เลือกฝ่ังน้ี และฝัง่ โนน้ ฉะนน้ั . ขุชา. (โพธิ) มก. ๖๒/๕๙๖ ๔.๑๕ ชนผู้ตกอยู่ในอ�ำ นาจของมาตุคาม ถงึ มกี �ำ ลังกเ็ ปน็ ผูห้ มดก�ำ ลัง แมม้ ีเรย่ี วแรงก็เส่อื ม ถอย มตี ากเ็ ป็นคนตาบอด. ชนผู้ตกอยู่ในอ�ำ นาจของมาตุคาม ถึงมีคุณความดกี ห็ มดคุณความดี แม้ มีปัญญาก็เสื่อมถอย เป็นผู้ประมาท ติดพันอยู่ในบ่วง มาตุคามย่อมปล้นเอาการศึกษาเล่าเรียน ตบะ ศลี สัจจะ จาคะ สติ และความรู้ของคนผู้ประมาท เหมือนพวกโจรคอยดักทำ�รา้ ยในหนทาง ย่อมทำ�ยศ เกียรติ ฐิติ ความทรงจำ� ความกล้าหาญ ความเป็นพหูสูต และความรู้ของคน ผู้ประมาทให้เสอ่ื มไป เหมือนไฟผูช้ �ำ ระ ท�ำ กองฟนื ให้หมดไป ฉะนน้ั . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๘/๑๐๖ ๔.๑๖ เราเห็นหญิงแพศยาคนน้ัน ผู้ตกแต่งร่างกาย นุ่งห่มผ้าใหม่อันงามดี มาทำ�อัญชลี ออ้ นวอนเรา เหมือนกบั บ่วงมัจจรุ าช อนั ธรรมชาตดิ ักไว้. ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๒/๒๔๐ www.kalyanamitra.org
260 ๔.๑๗ พระจันทร์มีกำ�ลัง พระอาทิตย์มีกำ�ลัง สมณพราหมณ์มีกำ�ลัง ฝั่งแห่งสมุทรมีกำ�ลัง หญงิ มีก�ำ ลงั ย่ิงกว่าก�ำ ลงั ทง้ั หลาย. ขุ.ชา. (ทัว่ ไป) มก. ๕๙/๖๙๒ ๔.๑๘ สตรีได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยใด ธรรมวินัยนั้นเป็นพรหมจรรย์ ไมต่ ้งั อย่ไู ดน้ าน เปรยี บเหมือนตระกลู เหลา่ ใดเหล่าหนึ่งท่ีมีหญิงมาก มชี ายนอ้ ย ตระกูลนนั้ ถกู พวก โจรผู้ลกั ทรัพยก์ ำ�จัดได้งา่ ย อีกประการหน่ึง เปรียบเหมือนหนอนขยอกที่ลงในนาข้าวสาลีท่ีสมบูรณ์ นาข้าวสาลีน้ัน ไมต่ ้งั อยไู่ ดน้ าน อกี ประการหนึ่ง เปรยี บเหมอื นเพลย้ี ทลี่ งในไรอ่ ้อยทีส่ มบรู ณ์ ไรอ่ อ้ ยนน้ั ไมต่ ้งั อยู่ไดน้ าน. วิ.จุ. (พุทธ) มก. ๙/๔๔๗ ๔.๑๙ หญิงทั้งหลายย่อมคบได้ทั้งบุรุษที่น่ารัก ท้ังบุรุษที่ไม่น่ารัก เหมือนเรือจอดได้ท้ัง ฝงั่ โนน้ และฝ่ังนี้ ไมค่ วรวสิ าสะในหญงิ ท่ีกระท�ำ ความยินดใี ห้ เปน็ ผ้ลู ว่ งศีล ไมส่ �ำ รวม ถึงแม้ภรรยา จะพึงเป็นผู้มีความรักแน่นแฟ้น ก็ไม่ควรวางใจ เพราะว่าหญิงท้ังหลายเสมอกับท่าน้ำ� อย่าพึง กระทำ�ความสิเน่หาในหญิงผู้มีความรักใคร่อันเลวทราม ผู้ไม่สำ�รวม ผู้เปรียบเทียบด้วยท่าน้ำ� ค�ำ เทจ็ ของหญงิ เหมือนคำ�จริง ค�ำ จรงิ ของหญิงเหมือนค�ำ เท็จ. ข.ุ ชา. (ท่วั ไป) มก. ๖๒/๕๒๙ ๕. การละกามราคะ ๕.๑ บุรุษถูกแทงด้วยหอก หรือถูกไฟไหม้ท่ีกระหม่อมแล้วรีบรักษา ฉันใด ภิกษุพึงเป็นผู้มี สติเวน้ รอบ เพ่อื ละความก�ำ หนดั ยนิ ดีในกาม ฉันน้ัน. ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๐/๒๒๘ ๕.๒ ภิกษุผู้มีสติ ควรรีบละเว้นความพอใจรักใคร่ในกามารมณ์เสีย เหมือนบุคคลรีบถอน หอกออกจากตน และเหมือนบุคคลรบี ดบั ไฟซึ่งไหม้อยบู่ นศรี ษะตน ฉะนัน้ . ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๔๓๕ ๕.๓ เม่ือเอาผักดองเจือน้ำ�ขึ้นตั้งเค่ียวบนเตา เม่ือนำ้�ยังมีอยู่ น้ำ�นั้นย่อมเดือดพล่าน แต่ เมื่อหมดนำ้� ย่อมสงบนิ่ง ฉันใด กามราคะในสันดานของท่านสงบแล้ว ท่านจงทำ�กิเลสแม้ท่ีเหลือ อยใู่ หส้ งบแล้ว พกั ผอ่ นให้สบายเถดิ ฉนั นัน้ . ข.ุ เถรี. (อรรถ) มก. ๕๔/๑๐ ๕.๔ ชา่ งท�ำ รองเทา้ หนงั เลย้ี งชพี เมอ่ื ประกอบรองเทา้ สว่ นใดควรเวน้ กเ็ วน้ เลอื กเอาแตส่ ว่ น www.kalyanamitra.org
261 ทด่ี ๆี มาท�ำ รองเทา้ ขายไดร้ าคาแลว้ ยอ่ มมคี วามสขุ เรากฉ็ นั นน้ั เหมอื นกนั พจิ ารณาดว้ ยปญั ญาแลว้ ละทง้ิ สว่ นแหง่ กามเสยี ยอ่ มถงึ ความสขุ ถา้ พงึ ปรารถนาความสขุ ทง้ั ปวง กพ็ งึ ละกามทง้ั ปวงเสยี . ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๖๐/๑๕๔ ๕.๕ บุคคลมีกิเลสกามออกจากวัตถุกาม เหมือนไม้แห้งสนิท ไม่เปียกชุ่มด้วยกิเลสกาม เหมอื นไมท้ เ่ี ขาวางไวบ้ นบกหา่ งจากนำ้�. ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๙/๑๓๖ ๕.๖ เราเรียกบุคคลผู้ไม่ติดอยู่ในกามท้ังหลาย เหมือนนำ้�ไม่ติดอยู่ในใบบัว เหมือนเมล็ด พนั ธผ์ุ กั กาดไม่ตง้ั อยู่บนปลายเหล็กแหลม ฉะนน้ั . ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๓/๔๑๙ ๕.๗ เม่ือภิกษุนั้นละกามฉันทะได้อย่างนี้ ย่อมไม่กลัว ไม่สะดุ้ง เหมือนบุรุษผู้ปลดหน้ีแล้ว เห็นเจ้าหนี้ทั้งหลาย ย่อมไม่กลัวไม่สะดุ้ง ฉันใด ย่อมไม่มีความเกี่ยวข้อง ไม่มีความผูกพันในวัตถุ ของผอู้ น่ื ฉนั นัน้ เหมือนกัน. ที.สี. (อรรถ) มก. ๑๑/๔๖๐ ๕.๘ พงึ เว้นขาดกามท้งั หลาย คร้นั เว้นขาดกามเหล่านั้นแล้ว พงึ ข้ามโอฆะได้ เหมือนบคุ คล วิดน้ำ�ในเรือแล้วไปถึงฝัง่ ฉะนั้น. ขุ.ม. (พุทธ) มก. ๖๕/๒๗ ๕.๙ บุรษุ ผู้มีกำ�ลงั ช่วยฉดุ บุรุษทพุ พลภาพ ผจู้ มอยใู่ นเปอื กตมขน้ึ ได้ ฉันใด เธอก็ชว่ ยพยุง ฉันให้ขน้ึ จากกามได้ ดว้ ยคาถาอนั เป็นสภุ าษิต ฉนั นนั้ แล. ข.ุ ชา. (ท่ัวไป) มก. ๖๑/๒๔๓ ๕.๑๐ ดอกบัวมกี า้ นขรุขระ เกิดแตอ่ มั พุคือน�ำ้ อนั น�้ำ และเปอื กตมไม่เขา้ ไปตดิ ฉันใด มุนีผู้ กลา่ วความสงบไม่ตดิ พัน ไมเ่ ขา้ ไปตดิ ในกามและในโลก ฉนั น้นั . ข.ุ ม. (พุทธ) มก. ๖๕/๘๒๘ ๕.๑๑ พระศาสดาได้ขับไล่นางตณั หา นางอรดี และนางราคา ผ้มู รี ูปน่าทศั นายงิ่ ซง่ึ ไดม้ า แล้วในทน่ี ัน้ ใหห้ นีไป เหมือนลมพัดปุยนุน่ ฉะน้ัน. สงั .ส. (ทั่วไป) มก. ๒๕/๘๑ ๕.๑๒ ในโลกนี้มีทางออกไปจากทุกข์ได้ เรารู้ชัดดีแล้วด้วยปัญญา ดูก่อน มารผู้มีบาปซึ่ง เปน็ เผา่ พนั ธ์ุของผปู้ ระมาท ท่านไม่ร้จู ักทางนนั้ กามท้งั หลายเปรยี บดว้ ยหอก และหลาว กองกาม ท้งั หลายนน้ั ประหนึ่งว่ามีฝีร้าย เราไม่ใยดถี งึ ความยนิ ดใี นกามที่ทา่ นกล่าวถงึ นน้ั . สัง.ส. (เถร)ี มก. ๒๕/๘๖ www.kalyanamitra.org
262 ๕.๑๓ ราคะน้ัน ข้าพเจ้ายกออกแล้ว เหมือนเอาเชื้อไฟออกจากหลุมถ่านไฟ เหมือนเอา ภาชนะใสย่ าพิษออกจากไฟ. ข.ุ เถรี. (เถร)ี มก. ๕๔/๔๓๖ ๕.๑๔ อุเบกขาอาศัยกามคุณเกิดข้ึนแล้ว เมื่อล่วงรูป เป็นต้น ไปไม่ได้ เหมือนแมลงวัน หัวเขยี วลว่ งเลยน้�ำ ออ้ ยไปไมไ่ ด้ ฉะนัน้ . สงั .สฬา. (อรรถ) มก. ๒๙/๕๖ ๕.๑๕ เวลาที่ข่มราคะไว้ได้ด้วยอสุภกัมมัฏฐานแล้ว เร่ิมทำ�วิปัสสนาอีก เปรียบเหมือนการ วางเคยี ว ถือไมไ้ ล่โคออกไปตามทางที่เขา้ มาน้ันแล ท�ำ รว้ั ให้กลับเป็นปกตแิ ล้ว จึงเกี่ยวข้าวสาลีอกี . อัง.นวก. (อรรถ) มก. ๓๗/๗๐๑ ๕.๑๖ จิตนี้อันภิกษุผู้ปรารภความเพียรยกขึ้นจากอาลัย คือ กามคุณ ๕ แล้วซัดไปใน วิปัสสนากัมมัฏฐาน เพ่ือละบ่วงมาร ย่อมดิ้นรนดุจปลาอันพรานเบ็ดยกข้ึนจากท่ีอยู่ คือนำ้� แล้ว โยนไปบนบก ดิ้นรนอยู่ ฉะน้ัน. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๐/๓๘๗ ๕.๑๗ การแสวงหากาม เปน็ ตน้ เพอ่ื ตน จกั ไม่มแี กผ่ ทู้ ี่เพียบพร้อมด้วยสขุ เป็นตน้ เหมอื น ปลิงทอ่ี ิ่มแล้ว เพราะดม่ื ไว้เต็มท่ี ไม่มกี ารกระหายเลือด. ข.ุ อ.ุ (อรรถ) มก. ๔๔/๓๖๘ ๕.๑๘ กามอันเปน็ ของมนุษย์ เมื่อเทยี บกับส�ำ นักของกามอันเป็นทิพย์ ก็เหมอื นกบั เอาน้ำ�ที่ ปลายหญ้าคา สลัดลงในสมุทร ฉะน้ัน. ม.ม. (อรรถ) มก. ๒๐/๕๐๘ ๕.๑๙ พระขีณาสพท้ังหลายไม่ยนิ ดใี นกามสุข เหมอื นหยาดน้ำ�หยดลงใบบวั ย่อมไม่ติดไมต่ ัง้ อยกู่ ล้งิ ตกไป ฉนั นนั้ . ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๓/๔๖๘ ๕.๒๐ พระบรมศาสดาตรสั แกอ่ คั คเิ วสสนะเรอ่ื ง อปุ มา ๓ ขอ้ ไว้ว่า ๑. ไมส้ ดชุม่ ยาง แชน่ �ำ้ เอามาทำ�ไม้สีไฟ สไี ฟไมต่ ดิ อปุ มาดงั่ สมณพราหมณย์ ังมไิ ดห้ ลีกออก จากกาม พอใจในกาม ยอ่ มไม่ควรเพอ่ื การตรัสรู้ธรรม ๒. ไม้สดชุ่มยาง วางไว้บนบกไกลจากน้ำ� เอามาทำ�ไม้สีไฟ สีไฟไม่ติด อุปมาด่ังสมณ พราหมณห์ ลีกออกจากกามแต่ทางกาย แตย่ ังมีความพอใจในกาม ยอ่ มไม่ควรเพือ่ การตรสั รู้ธรรม ๓. ไม้ทีแ่ หง้ สนทิ วางไว้บนบกไกลจากน�้ำ เอามาทำ�ไมส้ ีไฟ สไี ฟติด อปุ มาด่งั สมณพราหมณ์ หลกี ออกจากกาม ละความพอใจในกาม ยอ่ มควรเพ่ือการตรสั รธู้ รรม. ม.ม.ู (พุทธ) มก. ๑๙/๑๑๗ www.kalyanamitra.org
263 ๕.๒๑ หญิงท้ังหลายในโลก ย่อมยำ่�ยีบุรุษผู้ประมาทแล้ว หญิงเหล่านั้นย่อมจูงจิตของบุรุษ ไป เหมือนลมพัดปยุ นนุ่ ท่หี ลน่ จากตน้ ไมไ้ ป ฉนั นน้ั บณั ฑติ กล่าววา่ เปน็ เหวของพรหมจรรย.์ ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๐/๒๔๕ ๖. พิจารณาร่างกาย ๖.๑ อน่ึงกายนี้ ไม่ใช่เกิดท่ีกลีบบัวหลวงเลย ไม่ใช่เกิดที่กลีบบัวเขียว และดอกบัวขาบ เปน็ ตน้ แต่เกดิ ทรี่ ะหวา่ งท่ออาหารใหม่ และทอ่ อาหารเกา่ คือ ในโอกาสท่มี ดื มนเหลอื หลาย ท่เี ปน็ ทท่ี อ่ งเที่ยวไปในป่าทมี่ กี ลิ่นเหม็นน่าเกลยี ดอย่างยิ่ง เหมอื นหนอนที่เกิดในปลาเนา่ . สัง.สฬา. (อรรถ) มก. ๒๘/๔๙๕ ๖.๒ กายอันเน่าเหมือนหนอน ไม่สะอาด กลน่ิ เหมน็ คลุง้ ไป นา่ สะพรงึ กลัว ดุจถงุ หนงั บรรจุ ซากศพ เตม็ ดว้ ยของไม่สะอาดไหลออกอยู่เปน็ นติ ย์ อนั คนเขลายึดถืออย.ู่ ขุ.เถร.ี (เถร)ี มก. ๕๔/๔๘๕ ๖.๓ บุรุษปลดเปล้ืองซากศพท่ีน่าเกลียด ซึ่งผูกไว้ที่คอแล้วไป อยู่อย่างสุขเสรี อยู่ลำ�พัง ตนได้ ฉันใด คนก็ควรละท้ิงร่างกายเน่าที่มากมูลด้วยซากศพนานาชนิดไปอย่างไม่มีอาลัย ไม่มี ความต้องการอะไร ฉนั นนั้ . ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๕๕/๙ ๖.๔ ชนเหล่าใดเหล่าหน่ึง ย่อมจับงูอันเปื้อนคูถมีพิษมาก เป็นผู้เพลิดเพลินงูในโลก ช่ือว่า จบั เอาภาวะทไ่ี ม่ปรารถนาทั้ง ๕ คือ ของเหมน็ ของไมส่ ะอาด พยาธิ ชรา มรณะเป็นท่ี ๕ ภาวะท่ี ไม่น่าปรารถนา ๕ อย่างเหล่าน้ี มีอยู่ในงูท่ีเปื้อนคูถ ปุถุชนผู้บอด และเขลาไม่ฉลาด ก็อย่างน้ัน เหมอื นกัน เปน็ ผู้เพลิดเพลินความเกิดในภพ ชอื่ ว่าจับอนัตถะภาวะที่ไมน่ ่าปรารถนา คือ ของเหม็น ของไม่สะอาด พยาธิ ชรา มรณะเป็นท่ี ๕ ภาวะท่ไี ม่นา่ ปรารถนา ๕ เหล่าน้ี มอี ยู่ในกายอันเป็นดงั งู ทเ่ี ปือ้ นคถู ฉะนัน้ . สงั .สฬา. (อรรถ) มก. ๒๘/๓๘๑ ๖.๕ เจา้ ของละทิ้งเรือทเ่ี ก่าคร่�ำ ครา่ ผพุ งั น�ำ้ รั่วเขา้ ไปได้ ไมม่ ีความอาลัย ไมม่ คี วามตอ้ งการ อะไร ฉนั ใด เราจกั ละท้ิงกายนี้ท่มี ีช่องเก้าชอ่ ง หลงั่ ไหลออกเปน็ นติ ย์ เหมอื นเจ้าของทง้ิ เรือเก่าไป ฉะนน้ั . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๕/๑๐ www.kalyanamitra.org
264 ๖.๖ ชายหญิงท้ังหลายถ่ายกรีสลงในท่ีถ่ายอุจจาระ ท้ิงไปอย่างไม่มีอาลัย ไม่มีความ ต้องการอะไร ฉนั ใด เราจะละทิง้ กายท่ีเต็มไปด้วยซากศพนานาชนิดไป เหมือนคนถา่ ยอจุ จาระแลว้ ละท้ิงสว้ มไป ฉะนั้น. ขุ.อป. โพธิ) มก. ๗๐/๑๙ ๖.๗ แม้ความพอใจในเมถนุ ธรรมก็มิไดม้ ี เพราะเห็นนางตัณหา นางอรด ี และนางราคา ความพอใจในเมถนุ ไฉนจักมเี พราะเหน็ สรีระอนั เตม็ ไปดว้ ยมตู รและกรสี นเ้ี ลา่ เราไมป่ รารถนาจะ ถกู ตอ้ งสรรี ะน้ันแม้ดว้ ยเทา้ . ขุ.ม. (พทุ ธ) มก. ๖๕/๘๐๑ ๖.๘ กายแมม้ ีผิวดงั ทอง เขากเ็ รยี กว่ากายเนา่ ฉนั ใด แม้น�ำ้ มตู รท่ใี หม่เอยี่ ม เขากเ็ รยี กว่า นำ้�มตู รเนา่ ฉันนัน้ . อัง.จตุกก. (อรรถ) มก. ๓๕/๘๔ ๖.๙ กระดูกเหล่านี้ อันเขาท้ิงเกลื่อนกลาดดุจนำ้�เต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ ความยนิ ดีอะไรเล่าจักมี เพราะเหน็ กระดูกเหลา่ น้นั . ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๒/๑๔๑ ๖.๑๐ คนฆ่าโคหรือลูกมือของคนฆ่าโคผู้ฉลาด ฆ่าโคแล้วน่ังแบ่งเป็นส่วนๆ ใกล้ทางใหญ่ ๔ แยก ฉันใด ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย ฉันน้ันเหมือนกันแล ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายน้ีแล ตามที่ ต้งั อยู่ ตามท่ีดำ�รงอยู่ โดยธาตวุ า่ มอี ยใู่ นกายน้ี คือ ธาตุดนิ ธาตุน�้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม. ม.อุ. (พุทธ) มก. ๒๒/๓๘๘ ๖.๑๑ ไมช่ า้ ร่างกายที่ปราศจากวญิ ญาณ อนั หม่ญู าตผิ เู้ กลียดทอดทง้ิ ไปเหมอื นท่อนไม้ เขา กพ็ ากนั น�ำ ไปป่าชา้ . ขุ.เถรี. (เถรี) มก. ๕๔/๔๘๕ ๖.๑๒ สรีระนี้นั้นอันช่างผู้ฉลาด คือ ศิลปาจารย์ผู้ฉลาดในหมู่ชนกระทำ�ไว้เกล้ียงเกลา วิจิตรงดงาม ประพรมด้วยนำ้�คร่ัง เป็นต้น แต่ภายในเต็มด้วยของไม่สะอาดมีคูถ เป็นต้น เป็นดุจ สมุก (ถ่านท�ำ จากใบตองแห้งป่นให้เป็นผลประสมกับรักน�้ำ เกล้ียง สำ�หรับทารองพ้ืนก่อนเขียนลาย รดนำ้�ปิดทอง) นา่ ร่ืนรมย์ใจแต่เพยี งผวิ เปน็ ท่ลี ุม่ หลงแห่งพาลชน. ข.ุ เถร. (อรรถ) มก. ๕๓/๓๐ www.kalyanamitra.org
265 ๖.๑๓ จงมาดูอตั ภาพอนั วจิ ติ ร มีกายเปน็ แผล อันคุม้ กันอยแู่ ล้ว กระสับกระส่าย เปน็ ที่ดำ�ริ ของชนเปน็ อันมาก ไมย่ ่งั ยนื มั่นคง จงมาดูรูปอันวิจิตรด้วยแก้วมณี และกุณฑล มีกระดูกอันหนังหุ้มห่อไว้ งามพร้อมด้วยผ้า ของหญงิ เทา้ ท่ยี ้อมดว้ ยสีแดงสด หนา้ ที่ไล้ทาดว้ ยจุรณ พอจะหลอกคนโง่ใหห้ ลงได้ แตจ่ ะหลอกคน ผ้แู สวงหาฝง่ั คือ พระนพิ พานไม่ได้ ผมที่แตง่ ให้เป็นแปดลอนงาม ตาเยมิ้ ดว้ ยยาหยอด พอจะหลอกคนโง่ให้หลงได้ แต่จะหลอก คนผ้แู สวงหาฝงั่ คอื พระนพิ พานไม่ได้ กายเน่าอันประดับด้วยเครื่องอลังการ ประดุจทนานยาหยอดอันใหม่วิจิตร พอจะหลอก คนโง่ใหห้ ลงได้แต่จะหลอกคนผู้แสวงหาฝัง่ คอื พระนพิ พานไม่ได้ ท่านเป็นดังพรานเน้ือวางบ่วงไว้ แต่เนื้อไม่ติดบ่วงเม่ือพรานเนื้อก�ำ ลังคร�่ำ ครวญอยู่ เรากิน แต่อาหารแลว้ กไ็ ป. ม.ม. (เถระ) มก. ๒๑/๓๔ ๖.๑๔ ท่านท้ังหลายจงดูโลกนี้อันตระการ ดุจราชรถที่พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่พวกผู้รู้หา ข้องอยไู่ ม.่ ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๒/๒๒๗ ๖.๑๕ คนบางจ�ำ พวกยังจมอยู่ในรา่ งกายอันน้ี เหมือนกับโคเฒา่ ทจี่ มอยใู่ นตม ฉะนัน้ . ข.ุ เถร. (ทัว่ ไป) มก. ๕๓/๔๓๓ ๖.๑๖ เมื่อเราถูกโรคอย่างหนึ่งถูกต้อง ได้เสวยทุกขเวทนาอย่างสาหัส อันทุกขเวทนา เบยี ดเบยี นอยู่ รา่ งกายนกี้ ซ็ บู ผอมลงอย่างรวดเรว็ ดจุ ดอกไมท้ ่ีทิ้งตากแดดไวท้ ่ีทราย ฉะนัน้ . ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๕๘/๓๓๓ ๖.๑๗ บรุ ษุ ไปพรอ้ มกบั โจรถอื หอ่ ของไป เหน็ ภยั ทจ่ี ะเกดิ จากการตดั หอ่ ของจงึ ทง้ิ แลว้ ไปเสยี ฉนั ใด กายนเ้ี ปรยี บเหมอื นมหาโจร เราจกั ละทง้ิ กายนไ้ี ป เพราะกลวั จะถกู ตดั กศุ ล ฉนั นน้ั เหมอื นกนั . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๕/๑๐ ๖.๑๘ ขนย่อมไม่รู้ว่าเกิดท่ีหนังแห่งสรีระ แม้หนังแห่งสรีระก็ไม่รู้ว่าขนเกิดท่ีเรา เปรียบ เหมอื นหญ้าทพั พะอนั เกดิ ณ สถานที่บ้านเกา่ ย่อมไมร่ ู้วา่ เราเกิด ณ สถานที่บ้านเกา่ แมส้ ถานที่ บา้ นเกา่ กไ็ ม่รวู้ า่ หญา้ ทพั พะเกิดทเี่ รา ฉะนน้ั . ขุ.ข.ุ (อรรถ) มก. ๓๙/๕๕ www.kalyanamitra.org
266 ๖.๑๙ ผู้มีเล็บครบก็มี ๒๐ เล็บ เล็บเหล่าน้ันทั้งหมดโดยวรรณะมีสีขาวในโอกาสท่ีพ้นเนื้อ มสี ีแดงในโอกาสที่ติดกบั เน้ือ โดยสัณฐาน มีสัณฐานเหมือนโอกาสตามที่ตั้งอยู่ โดยมากมีสัณฐานเหมือนเมล็ดมะซาง หรอื มสี ัณฐานเหมอื นเกลด็ ปลา โดยทศิ ตง้ั อยู่ในทิศท้งั สอง โดยโอกาสตงั้ อยปู่ ลายน้ิว. ขุ.ขุ. (อรรถ) มก. ๓๙/๕๕ ๖.๒๐ เธอจงถอนเสียซึง่ ความเยอ่ื ใยของตน เหมือนบคุ คลเอามือถอนกอโกมุทในสารทกาล ฉะนนั้ เธอจงพอกพูนทางอันสงบ ดว้ ยว่าพระนิพพานอนั พระสุคตแสดงไวแ้ ล้ว. อัง.สตั ตก. (พทุ ธ) มก. ๓๗/๒๕๗ ๖.๒๑ ภิกษุควรละเว้นสรีระของเธออันมีช่องเก้าช่องเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น ดังชายหนุ่ม ผู้ชอบสะอาด หลีกเลี่ยงมูตรคูถไปจนห่างไกล ฉะนั้น หากว่าคนพึงรู้จักสรีระของเธอเช่นเดียวกับ ฉันรู้จัก กจ็ ะพากนั หลบหนเี ธอไปเสยี ห่างไกล เหมอื นบคุ คลผูช้ อบสะอาด เหน็ หลมุ คถู ในฤดูฝนแลว้ หลกี เลี่ยงไปเสยี ห่างไกล ฉะนน้ั . ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๔๓๓ ๖.๒๒ ฝีที่เกิดขึ้นมาได้หลายปี ฝีนั้นพึงมีปากแผลที่ยังไม่แตก ๙ แห่ง สิ่งใดส่ิงหน่ึงจะพึง ไหลออกจากปากแผลนัน้ สง่ิ นั้นเป็นของไม่สะอาด มีกลน่ิ เหมน็ น่ารังเกียจทง้ั นนั้ สง่ิ ใดส่งิ หนงึ่ พงึ ไหลเข้า สิ่งนั้นเปน็ ของไมส่ ะอาด มีกลิน่ เหมน็ นา่ รงั เกยี จทง้ั น้ัน คำ�ว่าฝีน้ีแล เป็นช่ือของกายอันประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ นี้ มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญข้ึนด้วยข้าวสุก และขนมสุก มีความกระจัดกระจายเป็นธรรมดา กายนั้น มีปากแผลที่ยัง ไมแ่ ตก ๙ แหง่ ส่งิ ใดสิง่ หนึ่งยง่ิ ไหลออกจากปากแผลนัน้ สงิ่ นั้นไมเ่ ป็นของไมส่ ะอาด มกี ลน่ิ เหมน็ น่ารงั เกยี จทงั้ นัน้ ดกู ่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เพราะเหตุนัน้ แหละ เธอทง้ั หลายจงเบ่อื หนา่ ยในกายน.้ี องั .นวก. (พุทธ) มก. ๓๗/๗๖๕ ๖.๒๓ เมื่อคร้ังที่พระนางสุเมธาจะออกบวช ไม่ยอมเข้าพิธีวิวาหะ พระนางกล่าวกับ พระชนก และพระชนนีมีใจความตอนหนึ่งว่า กายน้ีเน่าเป่ือย มีกลิ่นเหม็นคลุ้งไป น่าสะพรึงกลัว ดจุ ถุงหนังบรรจซุ ากศพที่คนเขลายดึ ถอื อยู่ ลกู รจู้ ักซากศพนั้นวา่ เปน็ ของปฏิกลู ฉาบดว้ ยเน้อื และ เลือดเป็นท่อี ย่ขู องหนอน ทำ�ไมทูลกระหมอ่ มจึงพระราชทานซากศพแกพ่ ระราชาอีกเลา่ . ข.ุ ชา. (เถรี) มก. ๕๔/๕๐๐ ๖.๒๔ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสนว่า ร่างกายเป็นท่ีรักของบรรพชิตท้ังหลายหรือ เหตุใดบรรพชติ จงึ ตอ้ งอาบน้ำ�ชำ�ระร่างกาย ยงั ถือวา่ ร่างกายเปน็ ของเราอยู่หรอื www.kalyanamitra.org
267 พระนาคเสนทูลตอบว่า ร่างกายไม่ได้เป็นท่ีรักของบรรพชิตท้ังหลาย แต่บรรพชิตท้ังหลาย รักษาร่างกายไว้ เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ อันว่ากายนี้เปรียบเหมือนแผล บรรพชิตรักษา รา่ งกายนไ้ี ว้เสมอื นกบั บคุ คลรกั ษาแผล. มลิ นิ . ๑๑๕ ๗. อานสิ งส์ของการเจริญกายคตาสติ ๗.๑ ธรรมดาแมวเวลาไปที่ถำ้� ที่ซอก ท่ีรู ท่ีโพรง หรือท่ีระหว่างถำ้�ก็ดี ก็แสวงหาแต่หนู ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรผู้ไปอยู่ที่บ้านที่ป่า ท่ีโคนต้นไม้ ท่ีแจ้ง ที่ว่าง บ้านเรือนก็ไม่ควร ประมาท ควรแสวงหาโภชนะ คอื กายคตาสติ ฉนั นัน้ . มิลนิ . ๔๔๔ ๗.๒ ภิกษุไรๆ ก็ตาม เจริญกายคตาสติแล้ว ทำ�ให้มากแล้ว มารย่อมไม่ได้ช่อง ไม่ได้ อารมณ์ เปรียบเหมอื นบุรษุ โยนกลมุ่ ด้ายเบาๆ ลงบนแผ่นกระดานเรยี บอนั สำ�เร็จดว้ ยไมแ้ ก่นลว้ น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำ�คัญความข้อน้ันเป็นไฉน บุรุษนั้นจะพึงได้ช่องบนแผ่น กระดานเรยี บอันส�ำ เรจ็ ดว้ ยไม้แก่นล้วนจากกลุ่มด้ายเบาๆ น้ัน บ้างไหม. ม.อุ. (พุทธ) มก. ๒๒/๓๙๕ ๗.๓ ผูเ้ จรญิ กายคตาสตเิ หมอื นสารถขี ับรถ ดกู ่อนภกิ ษุทั้งหลาย เปรยี บเหมอื นรถม้าอาชา ไนยเขาเทียมม้าแล้ว มีแส้เสียบไว้ในท่ีระหว่างม้าท้ังสอง จอดอยู่บนพื้นท่ีเรียบตรงทางใหญ่ ๔ แยก นายสารถีผู้ฝึกม้าเป็นอาจารย์ขบั ขผ่ี ฉู้ ลาด ข้ึนรถน้ันแลว้ มือซา้ ยจบั สายบังเหียน มือขวาจับ แส้ ขับรถไปยังทปี่ รารถนาได้ ฉันใด ดูก่อนภิกษทุ ้ังหลาย ฉันนน้ั เหมอื นกนั แล ภิกษไุ รๆ กต็ าม เจริญกายคตาสติแลว้ ทำ�ให้มาก แล้ว เธอย่อมน้อมจิตไปในธรรมใดๆ ที่ควรทำ�ให้แจ้งด้วยอภิญญา จะถึงความเป็นผู้สามารถใน ธรรมน้นั ๆ นั่นแหละ เพราะการกระท�ำ ให้แจง้ ด้วยอภิญญาได้ ในเมอื่ มีสติเปน็ เหตุ. ม.อุ. (พุทธ) มก. ๒๒/๓๙๗ ๗.๔ เปรียบเหมือนมหาชนมาประชุมกันมากมาย เพราะทราบข่าวว่า มีนางงามในชนบท ขบั รอ้ งฟอ้ นร�ำ ไดด้ ยี ง่ิ จะมาแสดงใหด้ ู แลว้ บณั ฑติ ผหู้ นง่ึ ไดบ้ อกมหาชนเหลา่ นน้ั วา่ ใหท้ า่ นน�ำ ภาชนะ น�ำ้ มนั อนั เตม็ เปย่ี ม ไปวางไวใ้ นทเ่ี ขาประชมุ กนั โดยจะมบี รุ ษุ ก�ำ ลงั เงอ้ื ดาบ ตามทา่ นไปขา้ งหลงั และ สง่ั วา่ หา้ มท�ำ น�ำ้ มนั นน้ั หก ถา้ ท�ำ หกแมห้ นอ่ ยหนง่ึ จะตดั ศรี ษะของทา่ นใหข้ าดกระเดน็ ในทนั ที www.kalyanamitra.org
268 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำ�ว่าภาชนะนำ้�มันอันเต็มเป่ียม เป็นช่ือของกายคตาสติ เพราะเหตุน้ี เธอพึงศกึ ษาวา่ กายคตาสตเิ ปน็ ของอันเราเจริญแลว้ กระท�ำ ใหม้ ากแล้ว กระท�ำ ไม่หยดุ ส่ังสมแล้ว ปรารภดแี ลว้ เธอพงึ ศกึ ษาอย่างน้แี ล. สงั .ม. (พุทธ) มก. ๓๐/๔๕๖ ๘. เหตอุ อกบวช ๘.๑ บุรุษอยู่ในเรือนจำ�มานาน ระทมทกุ ข์ ยอ่ มไมเ่ กิดความรักในเรือนจ�ำ นน้ั แสวงหาทาง พน้ อยา่ งเดยี ว ฉนั ใด ทา่ นจงเห็นภพทั้งปวงเหมอื นเรอื นจ�ำ ม่งุ หนา้ ตอ่ เนกขมั มะ เพือ่ หลดุ พน้ จาก ภพ ฉันนนั้ เหมือนกนั . ข.ุ อป. (โพธ)ิ มก. ๗๐/๕๑ ๘.๒ ในกามน้ียง่ิ มโี ทษ ฉะนั้น บัณฑิตทั้งหลายเหน็ โทษนั้นอยู่ จึงทอดทิ้งราชสมบัติ ไมอ่ าลยั ไยดี เหมือนบุรุษจมหลมุ คถู แลว้ ละท้ิงไมอ่ าลัย ฉะนนั้ . ขุ.ชา. (อรรถ) มก. ๕๙/๓๙๓ ๘.๓ เราเหน็ ภพทง้ั หมดมีกามภพ เป็นตน้ มภี ยั เฉพาะหน้าโดยความเป็นของน่ากลัว ดุจเห็น ช้างดุแลน่ มา ดุจเห็นเพชฌฆาตเง้ือมดาบมาเพือ่ ประหาร ดุจเห็นสหี ะ ยกั ษ์ รากษส สัตวม์ ีพษิ ร้าย อสรพิษ และถ่านเพลงิ ท่รี ้อน แลว้ ยินดใี นบรรพชา เพอื่ พน้ จากนั้น. ขุ.จริยา. (โพธิ) มก. ๗๔/๔๑๔ ๙. การออกบวช ๙.๑ ทา่ นละเครอื่ งหมายแห่งคฤหสั ถ์ เหมือนตน้ ทองหลาง มีใบขาดแลว้ นุ่งหม่ ผ้ากาสายะ ออกบวชแล้ว พงึ เปน็ ผเู้ ดยี วเทยี่ วไปเหมอื นนอแรด ฉะน้นั . ขุ.อป. (ปจั เจก) มก. ๗๐/๒๔๒ ๙.๒ หญา้ มงุ กระต่ายทเี่ ราถอนตดิ มือมา ไมอ่ าจสืบต่อในกอเดิมได้อกี ฉันใด ความอยู่ร่วม กนั กบั เธอของอาตมา ก็ไม่อาจสบื ต่อกนั ได้อีก ฉันนั้น. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๓/๑๕๓ ๙.๓ ท่านเสพเสนาสนะอันสงัด เหมือนราชสีห์มีเขี้ยวเป็นกำ�ลัง เป็นราชาของหมู่เน้ือ มี ปกติประพฤตขิ ม่ ขคี่ รอบงำ� พึงเปน็ ผูเ้ ดยี วเทย่ี วไปเช่นกบั นอแรด ฉะนัน้ . ขุ.อป. (ปัจเจก) มก. ๗๐/๒๔๔ www.kalyanamitra.org
269 ๙.๔ พระเจ้าเอสุการีมหาราช ผู้เป็นอธิบดีในทิศทางภาษิตคาถาน้ีแล้ว ทรงสละราชสมบัติ ออกบรรพชา อปุ มาดงั นาคหตั ถีตวั ประเสรฐิ สลดั ตัดเคร่อื งผูกไปได้ ฉะนั้น. ข.ุ ชา. (พทุ ธ) มก. ๖๑/๒๔๓ ๙.๕ ธรรมดาโคย่อมลากแอกทเี่ ทียมอยูไ่ ปด้วยความสุขและความทุกข์ ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภ ความเพียรก็ควรประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์จนตลอดชีวิต แม้จะทุกข์สุขเพียงใดก็ตาม ฉันนั้น. มลิ ิน. ๔๔๗ ๙.๖ คุณเคร่ืองเปน็ สมณะ (พรหมจรรย์) ทีบ่ คุ คลจบั ตอ้ งไม่ดี ย่อมคร่าไปนรก เหมอื นหญ้า คาทบ่ี คุ คลจบั ไม่แนน่ แล้วดงึ มา ยอ่ มบาดมอื นัน่ แหละ ฉะน้ัน. อัง.ทกุ . (อรรถ) มก. ๓๓/๒๐๒ ๙.๗ ดูมงคลท่ี ๒๑ ไมป่ ระมาทในธรรม ขอ้ ๗.๑๙ – ๗.๓๒ ๑๐. อานิสงสข์ องการละกาม ออกบวช ๑๐.๑ ภิกษุใดตัดราคะได้ขาดพร้อมท้ังอนุสัยไม่มีส่วนเหลือ เหมือนบุคคลตัดดอกปทุมซ่ึง งอกขึ้นในสระ ฉะนนั้ ภิกษุนน้ั ยอ่ มช่อื ว่าละฝ่งั ในและฝง่ั นอกเสยี ได ้ เหมอื นงูละคราบเก่าทคี่ ร�่ำ ครา่ แล้ว ฉะน้นั . ขุ.สุ. (อรรถ) มก. ๔๖/๑ ๑๐.๒ สัตว์ผู้เกิดมา พึงเป็นผู้มีสติทุกเม่ือ พึงเว้นขาดกามท้ังหลาย คร้ันเว้นขาดกามเหล่า นน้ั แลว้ พึงข้ามโอฆะได้ เหมือนบคุ คลวิดน�ำ้ ในเรือแลว้ ไปถึงฝัง่ ฉะนน้ั . ข.ุ ม. (พุทธ) มก. ๖๕/๓๒ ๑๐.๓ ฝนย่อมร่ัวรดเรือนท่ีมุงไม่ดีได้ ฉันใด ราคะย่อมเสียดแทงจิตท่ีไม่ได้อบรมแล้วได้ ฉนั นน้ั ฝนยอ่ มรว่ั รดเรอื นทม่ี งุ ดแี ลว้ ไมไ่ ด้ ฉนั ใด ราคะยอ่ มเสยี ดแทงจติ ทอ่ี บรมดแี ลว้ ไมไ่ ด ้ ฉนั นน้ั . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๐/๓ ๑๐.๔ ผูไ้ ม่ตดิ อยูใ่ นกามทั้งหลาย เหมอื นน�้ำ ไมต่ ดิ อย่ใู นใบบัว เหมือนเมลด็ พันธุ์ผักกาดไมต่ ดิ ข้องท่ปี ลายเหลก็ แหลม. ข.ุ ธ. ( พทุ ธ) มก. ๔๑/๒๑๗ ๑๐.๕ พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่สะดงุ้ ในเพราะเสยี งเหมอื นสีหะ ไมต่ ิดขอ้ งเหมอื นลม ไมต่ ดิ ขอ้ ง ทต่ี าขา่ ย เหมือนดอกบัวไมต่ ดิ ข้องดว้ ยน�ำ้ ฉะน้นั . ข.ุ จู. (อรรถ) มก. ๖๗/๗๓๑ www.kalyanamitra.org
270 ๑๐.๖ คนเหล่านั้น อยา่ ได้เหน็ เราเลย และเรากอ็ ย่าได้เหน็ คนเหลา่ นั้นเลย ดกู อ่ นสารบี ตุ ร เปรยี บเหมือนเนื้อทีเ่ กิดในป่า เหน็ มนษุ ยท์ ัง้ หลายแล้วกว็ ง่ิ หนจี ากป่าไปสูป่ า่ จากชัฏไปสู่ชัฏ จากท่ีลุ่มไปสู่ที่ลุ่ม จากท่ีดอนไปสู่ท่ีดอน แม้ฉันใด ดูก่อนสารีบุตร เราก็ฉันน้ัน เหมอื นกนั . ม.ม.ู (พทุ ธ) มก. ๑๘/๕๖ ๑๐.๗ เนอ้ื ในปา่ ทบี่ คุ คลไมผ่ กู ไว้แล้ว ยอ่ มไปหากินตามปรารถนา ฉันใด นรชนผูร้ แู้ จ้ง เพง่ ความประพฤติตามความพอใจของตน พึงเทยี่ วไปแตผ่ ู้เดียว เหมอื นนอแรด ฉนั น้นั . ข.ุ จ.ู (อรรถ) มก. ๖๗/๖๖๕ ๑๐.๘ มฤคในป่าอันเคร่ืองผูกอะไรมิได้ผูกไว้ ย่อมไปเพื่อหาอาหารตามความประสงค์ ฉันใด นรชนท่ีเป็นวิญญู เมื่อเห็นธรรมอันให้ถึงความเสรี พึงเท่ียวไปแต่ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉนั นั้น. ขุ.จ.ู (ปัจเจก) มก. ๖๗/๕๓๒ ๑๐.๙ เราจักละราชสมบัติออกบวช เหมือนดวงพระจันทร์สัญจรไปในท้องฟ้าท่ีบริสุทธิ์ ฉะนั้น. ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๕๙/๓๒๒ ๑๐.๑๐ ภาชนะอนั เต็มดว้ ยน�ำ้ ซึง่ ไม่ระคนดว้ ยครง่ั ขม้ิน สีเขยี วหรอื สเี หลอื งออ่ น บรุ ษุ มตี า ดมี องดเู งาหน้าของตนในภาชนะท่ีเตม็ ดว้ ยน้ำ�นัน้ พงึ รู้พงึ เห็นตามเป็นจรงิ แมฉ้ นั ใด สมัยใด บุคคลมีใจอันกามราคะไม่กลุ้มรุม อันกามราคะไม่ครอบงำ�อยู่ และย่อมรู้ชัดตาม เป็นจริง ซึ่งธรรมเป็นเครื่องสลัดออกแห่งกามราคะที่เกิดข้ึนแล้ว สมัยนั้น บุคคลย่อมรู้ย่อมเห็น ตามเป็นจริง แม้ซึ่งประโยชน์ตน แม้ซ่ึงประโยชน์ผู้อ่ืน แม้ซึ่งประโยชน์ท้ังสองฝ่าย มนต์แม้ไม่ ทำ�การสาธยายตลอดกาลนานก็แจ่มแจง้ ไม่ตอ้ งกลา่ วถงึ มนตท์ ี่ท�ำ การสาธยาย ฉันนั้นเหมอื นกัน. องั .ปัญจก. (พุทธ) มก. ๓๖/๔๑๗ ๑๐.๑๑ ต้นไม้ต้นน้ันยืนต้นสง่างาม เหมือนภูเขาแก้วมณีโล้น เพราะตัวเองไม่มีผล ส่วน มะม่วงต้นน้ีถึงความย่อยยับอย่างน้ีเพราะออกผล แม้ท่ามกลางเรือนนี้ก็เช่นกันกับต้นมะม่วงที่ออก ผล ส่วนการบรรพชาเป็นเช่นกับต้นไม้ที่ไม่มีผล ผู้มีทรัพย์น่ันแหละมีภัย ส่วนผู้ไม่มีทรัพย์ไม่มีภัย แมเ้ รากค็ วรเป็นเหมือนตน้ ไมท้ ่ไี ม่มผี ล. ขุ.ชา. (ท่วั ไป) มก. ๕๙/๓๔๘ www.kalyanamitra.org
271 ๑๐.๑๒ พระสัมมาสมั พุทธเจา้ ตรสั อปุ มา ๓ ข้อ แก่โพธริ าชกุมารว่า ๑. กายและใจยังไมห่ ลีกออกจากกาม เปรยี บเหมือนไม้สดชุม่ ดว้ ยยางทิ้งอยใู่ นน�้ำ ๒. มีกายหลีกออกจากกาม แต่ยังมีความพอใจในกาม เปรียบเหมือนไม้สดชุ่มด้วยยางท้ิง อยบู่ นบก ๓. กาย และใจหลีกออกจากกาม เปรียบเหมอื นไม้แหง้ ท้ิงอย่บู นบก สมณะหรอื พราหมณ์ท่ี ปฏิบตั ติ นตาม (ขอ้ ๓.) ยอ่ มควรเพ่อื จะรู้ จะเห็น เพอ่ื ปัญญาเปน็ เคร่อื งตรัสรู้ธรรม. ม.ม. (พทุ ธ) มก. ๒๑/๑๐๙ ๑๑. การลาสิกขา ๑๑.๑ บุคคลใดเป็นผู้เดียวเที่ยวไปในเบื้องต้น ย่อมซ่องเสพเมถุนธรรม บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวบุคคลน้นั ว่า เปน็ ปุถุชนคนเลวในโลก เหมือนยวดยานหมนุ ไป ฉะน้นั . ขุ.ม. (พทุ ธ) มก. ๖๕/๖๗๐ ๑๑.๒ ภิกษุเป็นที่เลื่องลือว่าเป็นบัณฑิต อธิษฐานความประพฤติผู้เดียว แม้ภายหลัง ประกอบเมถุนธรรมจกั เศรา้ หมองเหมอื นคนโง ่ ฉะนั้น. ข.ุ ม. (พุทธ) มก. ๖๕/๖๘๕ ๑๑.๓ ภกิ ษุใด ลาสกิ ขาเวยี นมาเพ่ือความเป็นคนเลว นนั่ เป็นมรณะของเธอ. ขุ.เถร. (พุทธ) มก. ๕๒/๑๘๕ ๑๑.๔ พระเจา้ มิลนิ ทต์ รสั ถามพระนาคเสนว่า ศาสนาของพระตถาคตเปน็ ของใหญ่ เป็นของ ประเสริฐ ไม่มีอะไรเปรียบ เป็นของไม่มีโทษ เม่ือคฤหัสถ์บรรพชาแล้วสำ�เร็จมรรคผลอย่างใด อยา่ งหนง่ึ จงึ ไมค่ วรใหล้ าสกิ ขา ควรใหบ้ รรพชาตอ่ ไป ปถุ ชุ นบรรพชาในพระพทุ ธศาสนาอนั บรสิ ทุ ธ์ิ แล้วสึกออกมา คงจะมีผู้คิดว่า ศาสนาของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสนาว่างเปล่า เพราะพวกที่บวชแลว้ สกึ ได้ จึงไมส่ มควรใหป้ ถุ ุชนบรรพชา พระนาคเสนทูลตอบเปรียบว่า มีสระใหญ่เป่ียมด้วยน้ำ�ใสสะอาด บุรุษผู้หนึ่งเปื้อนด้วย เหง่อื ไคล ลงไปอาบน้ำ�แล้วไม่ขดั สีเหงอ่ื ไคล ขนึ้ มาจากสระกย็ งั เปรอะเป้ือน ควรจะตเิ ตียนบรุ ษุ นนั้ หรอื วา่ ตเิ ตียนสระนัน้ อีกประการหนึ่ง มีบุรุษคนหน่ึงลงทุนขุดสระน้ำ�ไว้ แล้วประกาศห้ามพวกท่ีมีร่างกายเปรอะ เป้ือนลงไปอาบ ให้ลงได้แต่ผู้มีร่างกายสะอาดบริสุทธ์ิเท่าน้ัน สระนำ้�นั้นจะมีประโยชน์อะไรการ บรรพชากเ็ ช่นกนั เป็นไปเพ่ือละกิเลส อบรมให้เกดิ ความบริสทุ ธ์ิส�ำ หรับผทู้ ่ียังมอี าสวะกเิ ลส. มลิ ิน. ๓๑๖ www.kalyanamitra.org
272 ๑๑.๕ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่ภิกษุว่า บุคคลกำ�ลังลงนำ้�พึงหวังได้ภัย ๔ อย่าง เมื่อ เทียบกับบคุ คลบางคนในโลกทีอ่ อกบวชเปน็ บรรพชติ ในธรรมวินยั คือ ๑. ภยั คอื คลนื่ เปน็ ชือ่ ของความคับใจด้วยความโกรธจากการถูกเตือน อบรม สัง่ สอน ๒. ภัย คอื จระเข้ เป็นช่อื ของความเปน็ ผู้เห็นแก่ปากทอ้ ง ๓. ภยั คือ น้ำ�วน เปน็ ชอ่ื ของกามคณุ ๕ ๔. ภยั คือ ปลาร้าย เปน็ ของมาตุคาม. ม.ม. (พุทธ) มก. ๒๐/๓๘๑ ๑๑.๖ บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่กลับถือเอากิเลสทั้งหลายซ่ึงละแล้วอีก สิ่งน้ีละทิ้งไปแล้ว เป็นเช่นกบั ก้อนเขฬะทีถ่ ่มไปแลว้ . ข.ุ ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๘/๔๓๗ www.kalyanamitra.org
273 www.kalyanamitra.org
๓๓ม ง ค ล ที่ เห็นอริยสัจ บคุ คลบางคนในโลกนี้ กระท�ำ ใหแ้ จ้ง เขา้ ถงึ พรอ้ มซึ่งเจโตวิมุตติ ปญั ญาวิมตุ ติอันหาอาสวะมไิ ด้ เพราะสิ้นอาสวะทง้ั หลาย ด้วยความรยู้ ่ิงด้วยตนเองอยปู่ ัจจบุ ันน้ี เหมอื นอย่างแก้ว หรอื หินที่ไม่ถกู เพชรเจาะเสยี เลยยอ่ มไมม่ ี ฉันใด บคุ คลบางคนในโลกนกี้ ระท�ำ ใหแ้ จ้ง ฯลฯ ในปจั จบุ ันนี้ ฉนั นน้ั นเี้ รยี กว่า บุคคลมจี ิตเหมือนเพชร www.kalyanamitra.org
275 ๑. ภพ ๓ ๑.๑ ภพทง้ั หมดไม่เปน็ ที่พง่ึ ได้ มีโทษ ย่อมปรากฏดจุ เรอื นถูกไฟไหม้ ดจุ ข้าศึกเง้อื ดาบฉะนน้ั . ข.ุ จ.ู (อรรถ) มก. ๖๗/๖๕๑ ๑.๒ ภพทงั้ ๓ ปรากฏดจุ หลมุ ถ่านเพลงิ ทีเ่ ต็มด้วยถ่านเพลิงไม่มีเปลว. ข.ุ ป. (อรรถ) มก. ๖๘/๕๘ ๑.๓ เราเห็นภพทั้งหมดมีกามภพเป็นต้น มีภัยเฉพาะหน้าโดยความเป็นของน่ากลัว ดุจเห็น ช้างดุแล่นมา ดุจเห็นเพชฌฆาตเง้ือดาบมาเพ่ือประหาร ดุจเห็นสีหะ ยักษ์ รากษส สัตว์มีพิษร้าย อสรพิษ และถ่านเพลงิ ทีร่ ้อน จึงยนิ ดีในบรรพชา. ข.ุ จรยิ า (อรรถ) มก. ๗๔/๔๑๔ ๑.๔ ภพแมท้ ้ังสามไดป้ รากฏแกพ่ ระมหาสตั ว์ดุจเรือนถกู ไฟไหม้ และดจุ อยใู่ นหลุมถา่ นเพลิง. ข.ุ จรยิ า (อรรถ) มก. ๗๔/๔๓๐ ๒. วัฏสงสาร ๒.๑ หมู่สัตว์ถือจุติและปฏิสนธิบ่อยๆ อย่างน้ี คือ จากจุติถึงปฏิสนธิ จากปฏิสนธิถึงจุติ ยอ่ มหมนุ เวียนเปลยี่ นไปในภพทงั้ หลาย ๓ ในกำ�เนดิ ทัง้ หลาย ๔ ในคติทัง้ หลาย ๕ ในวญิ ญาณฐติ ิ www.kalyanamitra.org
276 ท้ังหลาย ๗ ในสัตตาวาสทั้งหลาย ๙ ดุจเรือนถูกลมซัดไปในมหาสมุทร และดุจโคท่ีถูกเทียมใน เครอื่ งยนต์. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๒๐๕ ๒.๒ กระแสนำ้�แห่งแม่น้ำ�คงคาลุ่มลาดไหลไปสู่สมุทร ฉันใด ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย ถ้าท่าน ทง้ั หลายจะไม่แวะเข้าฝงั่ ขา้ งนหี้ รือฝง่ั ข้างโนน้ ไมจ่ มลงในทา่ มกลาง ไมเ่ กยบก ไมถ่ ูกมนุษยห์ รอื อม นุษย์จับไว้ ไม่ถูกเกลียวน้ำ�วนๆ ไว้ จักไม่เป็นผู้เสียในภายในไซร้ ด้วยประการดังกล่าวมานี้ ท่าน ทง้ั หลายจักโนม้ น้อมเอยี งโอนไปสู่นิพพาน ก็ฉันน้ันเหมือนกัน. สัง.สฬา. (พทุ ธ) มก. ๒๘/๔๐๙ ๒.๓ บุรษุ ตดั หญา้ ไม้ ก่ิงไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้ แล้วจงึ รวมกนั ไว้ คร้นั แลว้ พึงกระทำ�ให้เป็น มัดๆ ละ ๔ นิ้ววางไว้ สมมติว่าน้ีเป็นมารดาของเรา น้ีเป็นมารดาของมารดาของเรา โดยลำ�ดับ มารดาของมารดาแห่งบุรุษน้ันไม่พึงสิ้นสุด ส่วนว่าหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้พึงถึง การหมดสน้ิ ไป ข้อนน้ั เพราะเหตุไร เพราะเหตวุ ่าสงสารน้กี ำ�หนดทส่ี ุดเบือ้ งตน้ เบอ้ื งปลายไมไ่ ด้. สัง.นิ. (พุทธ) มก. ๒๖/๕๐๖ ๒.๔ บุรุษทำ�มหาปฐพีนี้ให้เป็นก้อน ก้อนละเท่าเม็ดกระเบาแล้ววางไว้ สมมติว่านี้เป็นบิดา ของเรานี้เป็นบิดาของบิดาของเรา บิดาของบิดาแห่งบุรุษน้ีไม่พึงสิ้นสุด ส่วนมหาปฐพีนั้น พึงถึง การหมดสิน้ ไป ขอ้ น้ันเพราะเหตุไร เพราะวา่ สงสารน้กี ำ�หนดที่สดุ เบ้ืองตน้ เบอื้ งปลายไม่ได.้ สงั .นิ. (พทุ ธ) มก. ๒๖/๕๐๘ ๒.๕ น้ำ�ตาที่หล่ังไหลออกของพวกเธอผู้ท่องเที่ยวไปมา ฯลฯ โดยกาลนานนี้แหละมากกว่า สว่ นน้ำ�ในมหาสมทุ รท้งั ๔ ไม่มากกว่าเลย. สงั .นิ. (พทุ ธ) มก. ๒๖/๕๑๐ ๒.๖ นำ้�นมมารดาที่พวกเธอผู้ท่องเท่ียวไปมาอยู่โดยกาลนาน ดื่มแล้วน่ันแหละมากกว่านำ้� ในมหาสมทุ รท้ัง ๔ ไมม่ ากกวา่ เลย ข้อนน้ั เพราะเหตุไร เพราะวา่ สงสารนี้กำ�หนดที่สดุ เบื้องตน้ เบ้อื ง ปลายไม่ได้. สงั .น.ิ (พทุ ธ) มก. ๒๖/๕๑๒ ๒.๗ ภเู ขาหินลูกใหญ่ยาวโยชนห์ น่ึง กว้างโยชนห์ น่งึ สงู โยชน์หนึง่ ไม่มีช่อง ไมม่ โี พรง เปน็ แทง่ ทบึ บรุ ุษพงึ เอาผา้ แคว้นกาสีมาแล้วปัดภเู ขานน้ั ๑๐๐ ปี ตอ่ ครั้ง ภเู ขาหินลูกใหญน่ ้นั พึงถงึ การหมดไป สนิ้ ไป เพราะความพยายามนี้ ยังเรว็ กวา่ แล ส่วนกัป หนง่ึ ยงั ไม่ถึงการหมดไป สน้ิ ไป กปั นานอยา่ งนี้แล. สัง.นิ. (พุทธ) มก. ๒๖/๕๑๔ www.kalyanamitra.org
277 ๒.๘ นครท่ีทำ�ด้วยเหล็กยาว ๑ โยชน์ กว้าง ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ เต็มด้วยเมล็ดพันธ์ุ ผักกาด... บุรุษพึงหยิบเอาเมล็ดพันธ์ุผักกาดเมล็ดหน่ึงๆ ออกจากนครนั้นโดยล่วงไปหนึ่งร้อยปีต่อ หนึ่งเมล็ด เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่น้ัน พึงถึงความสิ้นไปหมดไป เพราะความพยายามนี้ยังเร็ว กวา่ แล ส่วนกปั หนึ่งยงั ไม่ถึงความสิ้นไป กัปนานอย่างนี้แล. สงั .น.ิ (พทุ ธ) มก. ๒๖/๕๑๖ ๒.๙ สาวก ๔ รปู ในศาสนานี้ เปน็ ผ้มู ีอายุ ๑๐๐ ปี มีชีวติ ๑๐๐ ปี หากว่าท่านเหลา่ น้ันพึง ระลึกถอยหลังไปได้วันละแสนกัป กัปที่ท่านเหล่านั้นระลึกไม่ถึงพึงยังมีอยู่อีก สาวก ๔ รูปของเรา ผ้มู ีอายุ ๑๐๐ ปี มชี วี ติ ๑๐๐ ปี พงึ ท�ำ กาละโดยลว่ งไป ๑๐๐ ปๆี โดยแท้แล กปั ที่ผา่ นไปแล้ว ลว่ งไป แลว้ มจี ำ�นวนมากอย่างน้แี ล มใิ ชง่ า่ ยทจี่ ะนบั กัปเหลา่ น้นั วา่ เท่าน้ีกปั เทา่ นี้ ๑๐๐ กปั หรอื วา่ เท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ กปั ข้อนเ้ี พราะเหตไุ ร เพราะว่าสงสารนกี้ �ำ หนดที่สดุ เบือ้ งต้นเบือ้ งปลายไมไ่ ด.้ สัง.นิ. (พทุ ธ) มก. ๒๖/๕๑๗ ๒.๑๐ แม่นำ้�คงคาน้ีย่อมเกิดแต่ที่ใด และย่อมถึงมหาสมุทร ณ ที่ใด เม็ดทรายในระยะน้ี ไม่เปน็ ของง่ายทจ่ี ะกำ�หนดได้ว่า เหลา่ นเ้ี มล็ดเท่านี้ ๑๐๐ เม็ด เทา่ นี้ ๑,๐๐๐ เมด็ เท่าน้ี ๑๐๐,๐๐๐ เม็ด กัปท้ังหลายท่ีผ่านไปแล้ว ล่วงไปแล้ว มากกว่าเม็ดทรายเหล่าน้ัน มิใช่ง่ายที่จะนับกัปเหล่า นัน้ วา่ เท่านีก้ ัป เทา่ นี้ ๑๐๐ กปั เท่าน้ี ๑,๐๐๐ กัป เท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ กัป เม่ือเหลา่ สตั วผ์ ูม้ อี วิชชาเป็นที่กางกน้ั มตี ัณหาเป็นเครอ่ื งประกอบไว้ ทอ่ งเทย่ี วไปมาอย่ทู ส่ี ดุ เบ้ืองต้นไม่ปรากฏสัตว์เหล่านั้น ได้เสวยทุกข์ความเผ็ดร้อนความพินาศ ได้เพ่ิมพูนปฐพีท่ีเป็นป่าช้า ตลอดกาลนานเหมอื นฉะนัน้ . สัง.น.ิ (พุทธ) มก. ๒๖/๕๑๘ ๒.๑๑ เม่ือบุคคลหน่ึงท่องเท่ียวไปมาอยู่ตลอดกัปหน่ึง พึงมีโครงกระดูก ร่างกระดูก กอง กระดกู ใหญเ่ ทา่ ภูเขาเวปุลละนี้ ถา้ กองกระดกู นั้น พงึ เปน็ ของที่จะขนมารวมกันได้ และกระดกู ท่ไี ด้สัง่ สมไวแ้ ลว้ กไ็ มพ่ ึงหมด ไป ขอ้ นนั้ เพราะเหตุไร เพราะวา่ สงสารก�ำ หนดทส่ี ุดเบือ้ งต้นเบื้องปลายไมไ่ ด้. สัง.นิ. (พุทธ) มก. ๒๖/๕๒๑ ๒.๑๒ ทอ่ นไมท้ ีบ่ คุ คลโยนขน้ึ บนอากาศ บางคราวกต็ กลงทางโคน บางคราวกต็ กทางขวาง บางคราวก็ตกลงทางปลาย แม้ฉันใด สัตว์ทั้งหลายผู้มีอวิชชาเป็นที่กางก้ัน มีตัณหาเป็นเคร่ือง ประกอบไว้ท่องเท่ยี วไปมาอยู่ กฉ็ นั นนั้ แล บางคราวกจ็ ากโลกนีไ้ ปสู่ปรโลก บางคราวกจ็ ากโลกน้ีไป สโู่ ลกนี้ ขอ้ นัน้ เพราะเหตไุ ร เพราะวา่ สงสารนีก้ �ำ หนดที่สดุ เบอื้ งตน้ เบื้องปลายไมไ่ ด้. สงั .นิ. (พุทธ) มก. ๒๖/๕๒๐ www.kalyanamitra.org
278 ๒.๑๓ เธอท้ังหลายรู้ธรรมตามที่เราแสดงอย่างนี้ ถูกต้องแล้ว โลหิตที่หล่ังไหลออกของ พวกเธอ ผู้ท่องเที่ยวไปมาซึ่งถูกตัดศีรษะ โดยกาลนานนี้แหละมากกว่า ส่วนนำ้�ในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไมม่ ากกวา่ เลย เมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นโค... แกะ... แพะ... เนื้อ... สุกร... ซึ่งถูกตัดศีรษะตลอดกาลนาน โลหติ ทห่ี ลงั่ ไหลออกนนั่ แหละมากกว่า สว่ นน�ำ้ ในมหาสมทุ รท้ัง ๔ ไมม่ ากกวา่ เลย. สงั .น.ิ (พทุ ธ) มก. ๒๖/๕๒๗ ๒.๑๔ หมูส่ ตั ว์ย่อมหมุนเวยี นไปในสงสารเหมือนปลาทต่ี ดิ อยใู่ นไซ. ขุ.เถร. (อรรถ) มก. ๕๒/๔๔ ๒.๑๕ เหยี่ยวท้ังหลายโฉบลง ชิ้นเน้ือหลุดจากปากของเหยี่ยวตัวหน่ึง ตกลงพ้ืนดิน และ เหย่ียวอีกพวกหนึ่งมาคาบเอาไว้อีก ฉันใด สัตว์ทั้งหลายผู้หมุนเวียนไปในสงสาร ก็ฉันน้ัน เคลื่อน จากกุศลธรรมแลว้ ไปตกในนรก เป็นต้น. ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๐/๓๒๑ ๒.๑๖ ที่สุดเบื้องต้นแห่งวัฏสงสารไม่ปรากฏ อุปมาไข่ออกจากแม่ไก่ แม่ไก่ออกจากไข่ ผลออกจากพืช พชื ใหผ้ ล. มลิ ิน. ๗๘ ๒.๑๗ สตั ว์ทง้ั หลายในสงสารท่ีถกู กระแสสงสารพัดไป ย่อมพบกบั ส่ิงทีเ่ ป็นทร่ี กั และสงิ่ ทไ่ี ม่ เป็นทรี่ ัก เหมือนน้ำ�ที่ไหลบ่าไปย่อมพบกบั สิง่ ของสะอาดกม็ ี ไมส่ ะอาดกม็ ี ดีกม็ ี ไมด่ ีกม็ ี ฉันน้ัน. มลิ นิ . ๒๘๖ ๒.๑๘ ขอพระองค์ทรงโปรดระลึกถึงการส่ังสมแห่งกองกระดูกในกัปหน่ึงของบุคคลหน่ึงว่า เสมอด้วยภูเขาวิปุลบรรพต เมื่อทำ�แผ่นดินชมพูทวีปให้เป็นก้อนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา ก็มากไม่ เท่ากับจำ�นวนมารดาและยายทง้ั หลาย แมท้ ำ�ก่ิงไม้ ใบหญ้าแหง้ ทั้งหมดในโลกนีข้ นาดเทา่ ๔ องคลุ ี ก็มากไมเ่ ท่ากบั จำ�นวนบดิ าและปู่ทั้งหลาย นี้คอื ข้ออุปมาระลกึ ถึงสงสารอนั ยดื ยาว. ข.ุ เถรี. (เถร)ี มก. ๕๔/๕๐๖ ๓. ความทกุ ข์ ๓.๑ สัตว์เม่ืออยู่ในครรภ์มารดาก็เหมือนอยู่ในคูถนรก เมื่ออยู่นานก็ดี ออกไปภายนอกก็ดี สัตวย์ อ่ มถงึ ทุกข์ เวน้ ชาติ (การเกดิ ) เสียแลว้ แม้ทกุ ข์อนั ร้ายแรงยง่ิ นักกไ็ มม่ ี เพราะชาตนิ ีม้ ีจึงเป็น ทกุ ข์ ด้วยประการฉะนี้. ขุ.ป. (อรรถ) มก. ๖๘/๔๒๑ www.kalyanamitra.org
279 ๓.๒ ธรรมดาสัตว์เหล่าอื่นจะมีลมกรรมชวาตพัดเอาเท้าขึ้นข้างบน เอาศีรษะลงข้างล่าง ผ่านช่องคลอดเสวยทุกข์อย่างใหญ่หลวง อุปมาเหมือนตกลงไปในเหวท่ีลึกชั่วร้อยคน หรือเหมือน ชา้ งทเี่ ขาฉุดออกจากช่องลกู ดาล. ม.อุ. (อรรถ) มก. ๒๓/๖๔ ๓.๓ กายนี้โทษไมส่ น้ิ สดุ เปรียบเสมอดว้ ยต้นไมม้ พี ิษ เป็นทีอ่ ยู่ของโรค ทุกอย่างล้วนเปน็ ที่ ประชุมของทุกข.์ ข.ุ เถร. (พุทธ) มก. ๕๒/๑๑๖ ๓.๔ โปรดทรงระลึกถึงโทษ คือ กายที่ไม่มีแก่นสาร เปรียบด้วยก้อนฟองน้ำ� โปรดทรง พิจารณาเหน็ ขันธ์ทัง้ หลายไม่เทีย่ ง โปรดระลึกถึงนรกทง้ั หลายท่มี คี วามคบั แคน้ มาก. ขุ.เถรี. (เถร)ี มก. ๕๔/๕๐๖ ๓.๕ ความโศกเหมอื นน้ำ�หุงข้าวด้วยไฟออ่ น น้�ำ ขา้ วเดอื ดอยใู่ นภาชนะ ความคร�่ำ ครวญ เหมือนนำ�้ หงุ ขา้ วด้วยไฟแรง น้�ำ ข้าวก็เดอื ดล้นออกนอกภาชนะ ความคับแค้นใจเหมือนน�้ำ ข้าวส่วนท่ีเหลือจากการล้นออก ไม่เพียงพอท่ีจะออกได้ นำ้�ข้าวท่ี หงุ ก็จะหมดสนิ้ ไปภายในภาชนะนนั่ เอง. ขุ.ป. (อรรถ) มก. ๖๘/๔๒๖ ๓.๖ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์อดทนไม่ได้ ยังอัตภาพให้เป็นไปไม่ได้ ทุกขเวทนา ของข้าพระองคก์ �ำ เริบหนัก... ไมบ่ รรเทาเลย เปรียบเหมอื นบรุ ษุ มีกำ�ลงั พึงเฉือนศรี ษะดว้ ยมีดโกนที่ คม ฉันใด ลมกล้าเสียดแทงศรี ษะของขา้ พระองค์ ฉันนนั้ ขา้ แตพ่ ระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองคอ์ ดทนไมไ่ ด้ ทุกขเวทนาของข้าพระองคก์ ำ�เริบหนัก... ไม่ บรรเทาเลย เปรียบเหมือนบุรุษผู้กำ�ลังพึงเอาเชือกท่ีเหนียวแน่นพันศีรษะ ฉันใด ความเจ็บปวดท่ี ศีรษะของขา้ พระองค์ก็มปี ระมาณยง่ิ ฉันน้นั . องั .ฉักก. (เถระ) มก. ๓๖/๗๑๙ ๓.๗ น้ำ�ในมหาสมุทรท้ังส่ีเล็กน้อย น้ำ�คือนำ้�ตาของนระผู้อันทุกข์ถูกต้องแล้ว เศร้าโศกอยู่ มีประมาณไมน่ ้อย มากกวา่ น�ำ้ ในมหาสมทุ รทงั้ ส่นี ้ัน. ข.ุ ธ. (พุทธ) มก. ๔๑/๒๗๕ ๓.๘ ม้าอาชาไนยที่เจริญย่อมพิจารณาเห็นการถูกปฏักแทงว่า เหมือนคนเป็นหนี้ครุ่นคิดถึง หน้ี เหมือนคนถูกจองจำ�มองเห็นการจองจำ� เหมือนคนผู้เสื่อมทรัพย์นึกเห็นความเส่ือมทรัพย์ เหมอื นคนมีความผดิ เลง็ เห็นความผดิ www.kalyanamitra.org
280 ดกู อ่ นสนั ธะ บรุ ุษอาชาไนยทเ่ี จริญกฉ็ ันน้ันเหมือนกนั อยทู่ ปี่ ่ากด็ ี อยทู่ ่ีโคนตน้ ไม้ก็ดี หรอื อยู่ ท่ีเรือนว่างเปล่าก็ดี ย่อมไม่มีจิตอันกามราคะกลุ้มรุมแล้ว อันกามราคะครอบงำ�แล้ว และย่อมรู้ทั่ว ถึงอุบายเครอ่ื งสลดั กามราคะที่เกดิ ข้นึ แล้วตามความเป็นจรงิ ยอ่ มไมม่ จี ิตอันพยาบาทกลมุ้ รมุ แล้ว... ยอ่ มไม่มีจติ อนั ถนี มิทธะกลุ้มรุมแล้ว... ยอ่ มไมม่ ีจิตอันอุทธจั จกุกกจุ จะกลุ้มรมุ แลว้ ... ย่อมไม่มจี ติ อัน วจิ ิกิจฉาครอบงำ�แลว้ และย่อมรูท้ วั่ ถึงอบุ ายเครื่องสลดั วิจิกจิ ฉาทเี่ กดิ ขึ้นแล้ว. องั .เอกาทส. (พทุ ธ) มก. ๓๘/๕๒๓ ๓.๙ ก้อนหนิ เทา่ เมล็ดพันธุ์ผักกาด ๗ ก้อน ท่ยี งั เหลืออยู่ เม่อื เทยี บเขา้ กบั ขุนเขาหิมวันตท์ ี่ หมดไป ส้นิ ไป ไมเ่ ข้าถึงเสยี้ วที่ ๑๐๐ เสยี้ วท่ี ๑,๐๐๐ เส้ียวท่ี ๑๐๐,๐๐๐ แม้ฉนั ใด... นำ้�สองสามหยดท่ีบุรุษวักขึ้นแล้ว เมื่อเทียบกันเข้ากับนำ้�ในมหาสมุทร ไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสี้ยวที่ ๑,๐๐๐ เสีย้ วที่ ๑๐๐,๐๐๐ แม้ฉนั ใด... ก้อนดินเท่าเมล็ดกระเบา ๗ ก้อน ท่ียังเหลืออยู่ เมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่ท่ีหมดไปส้ินไป ไม่เข้าถึงเส้ียวที่ ๑๐๐ เส้ียวที่ ๑,๐๐๐ เสีย้ วท่ี ๑๐๐,๐๐๐ แมฉ้ ันใด... หยดนำ้�สองสามหยดท่ีบุรุษวักข้ึนแล้วมีประมาณน้อย เม่ือเทียบเข้ากับนำ้�ในท่ีบรรจบกัน ไมเ่ ข้าถึงเสยี้ วท่ี ๑๐๐ เสยี้ วที่ ๑,๐๐๐ เสย้ี วที่ ๑๐๐,๐๐๐ แม้ฉนั ใด... นำ้�ที่บุรุษวิดขึ้นด้วยปลายหญ้าคา เม่ือเทียบกันเข้ากับน้ำ�ในสระโบกขรณี ไม่เข้าถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เส้ยี วที่ ๑,๐๐๐ เสี้ยวที่ ๑๐๐,๐๐๐ แม้ฉนั ใด... ดูก่อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ฉันนัน้ เหมือนกนั ความทกุ ขท์ ่ีหมดไป สน้ิ ไปนั้นแหละ ของบคุ คลผู้เปน็ อริยสาวกสมบูรณ์ด้วยทิฏฐิ ตรัสรู้แล้วมีมากกว่า ส่วนท่ีเหลือมีประมาณน้อย ความทุกข์ที่เป็น สภาพย่ิงใน ๗ อตั ภาพ เมอ่ื เทยี บก้อนกองทุกข์ที่หมดไปสิน้ ไป ไม่เข้าถงึ เส้ียวที่ ๑๐๐ เสีย้ วที่ ๑,๐๐๐ เสยี้ วท่ี ๑๐๐,๐๐๐ ดูกอ่ นภกิ ษทุ งั้ หลาย การตรัสรู้ธรรมท�ำ ใหส้ ำ�เร็จประโยชนอ์ ยา่ งน้ี การไดธ้ รรมจักษใุ ห้ส�ำ เร็จ ประโยชน์ใหญอ่ ยา่ งนี.้ สงั .น.ิ (พทุ ธ) มก. ๒๖/๓๙๓ ๓.๑๐ วันหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จไปเย่ียมถึงสำ�นักของสามเณร ครั้นแล้วทรงพาสาม เณรติสสะข้นึ สู่ยอดเขาทสี่ ามารถมองเห็นมหาสมทุ รได้โดยรอบ แลว้ ทรงถามว่า เมอื่ เหน็ มหาสมทุ ร แล้วมีความคิดอย่างไร www.kalyanamitra.org
281 สามเณรทลู วา่ น�ำ้ ตาของมนษุ ยท์ เ่ี กดิ จากความทกุ ขน์ น้ั มมี ากกวา่ น�ำ้ ในมหาสมทุ รทง้ั สเ่ี สยี อกี พระพุทธองค์ทรงยกย่อง และยืนยันในคำ�พูดของสามเณรว่า นำ้�ตาของผู้มีความทุกข์ ครอบงำ�แล้วน้นั มากกว่านำ�้ ในมหาสมทุ รทั้งสเ่ี สยี อีก เพราะฉะนัน้ จึงไมค่ วรประมาท. ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๑/๒๕๙ ๓.๑๑ พระพุทธองค์ทรงยกตัวอย่างถึงปริมาณน้ำ�ที่มีอยู่ในสระโบกขรณีที่เต็มเป่ียม กว้าง ๕๐ โยชน์ ยาว ๕๐ โยชน์ ลกึ ๕๐ โยชนว์ ่า มีบุคคลผูห้ น่ึงวดิ นำ้�ข้นึ มาด้วยปลายหญา้ คา ปรมิ าณน�้ำ ที่วดิ ข้ึนมาคือ ทุกขท์ ี่พระอรยิ สาวกยังหลงเหลืออยู่ ส่วนทกุ ขท์ ี่กำ�จัดได้แล้ว เหมือนกบั ปริมาณน�้ำ ท่ี เหลอื ทง้ั หมด เพราะผลจากการตรสั รูธ้ รรม. สัง.น.ิ (พทุ ธ) มก. ๒๖/๓๙๕ ๓.๑๒ พระพุทธองคท์ รงยกตัวอยา่ งถึงแมน่ �้ำ สายใหญ่ ท่ีเกดิ จากแมน่ �้ำ คงคา ยมุนา อจริ วดี สรภู และมหิ ไหลมารวมกนั ความทกุ ขข์ องเหลา่ พระอรยิ สาวกทย่ี งั คงหลงเหลืออยู่ เหมือนกบั น�้ำ เพียงสองสามหยดท่บี ุคคลวิดข้นึ มา ส่วนแม่น้ำ�ที่เหลือน้ัน เหมือนกับความทุกข์ท่ีพระอริยสาวกกำ�จัดได้แล้ว เพราะผลจากการ ตรสั รธู้ รรม. สัง.นิ. (พุทธ) มก. ๒๖/๓๙๖ ๓.๑๓ พระพุทธองค์ทรงยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า แม่นำ้�สายใหญ่ที่เกิดจากการไหลรวม ของแม่น้ำ�คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู และมหิ แห้งเหือดไปเหลือเพียงสองสามหยด น้ำ�ท่ีเหลือนี้ เปรียบเสมือนความทุกข์ท่ียังเหลืออยู่ของพระอริยสาวก ส่วนนำ้�ในแม่นำ้�ท่ีเหือดแห้งนั้น เหมือน ความทุกขท์ ่พี ระอริยสาวกกำ�จัดไดแ้ ล้ว เพราะผลจากการตรัสรูธ้ รรม. สัง.น.ิ (พุทธ) มก. ๒๖/๓๙๗ ๓.๑๔ พระองค์ทรงเปรยี บเทยี บระหวา่ งก้อนดนิ ๗ ก้อน ขนาดเทา่ กบั เมลด็ กระเบากบั แผ่น ดนิ ใหญ่วา่ กอ้ นดินจำ�นวน ๗ ก้อน นั้น เปรียบเสมอื นกบั ทกุ ข์ท่ียังหลงเหลืออย่ขู องพระอริยสาวก ส่วนแผ่นดินใหญ่ เปรียบเสมือนความทุกข์ที่พระอริยสาวกกำ�จัดได้แล้ว เพราะผลจากการตรัสรู้ ธรรม และไดธ้ รรมจักษ.ุ สัง.นิ. (พทุ ธ) มก. ๒๖/๓๙๘ www.kalyanamitra.org
282 ๓.๑๕ พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบจำ�นวนนำ้�ในมหาสมุทรกับจำ�นวนน้ำ�ท่ีบุคคลวิดขึ้นมา เพียงสองสามหยดว่า จำ�นวนนำ้�ในมหาสมุทร เปรียบเสมือนความทุกข์ท่ีพระอริยสาวกสามารถ กำ�จดั ได้แล้ว ส่วนน้ำ�สองสามหยด เปรียบเสมือนความทุกขท์ ี่ยงั หลงเหลอื อยู่ ทุกขท์ ่พี ระอริยสาวก ก�ำ จัดไดน้ นั้ เพราะผลจากการตรสั สู้ธรรม และได้ธรรมจกั ษ.ุ สงั .นิ. (พุทธ) มก. ๒๖/๔๐๑ ๓.๑๖ พระพทุ ธองคท์ รงเปรียบเทียบก้อนหนิ ๗ กอ้ น ขนาดเทา่ เมล็ดพนั ธ์ุผกั กาดกบั ภูเขา หิมวันตท์ ั้งลกู ว่า ความทกุ ข์ท่พี ระอรยิ สาวกก�ำ จัดไดแ้ ล้วนน้ั เปรียบเสมอื นภเู ขาหิมวนั ต์ ส่วนความ ทุกข์ที่ยังหลงเหลืออยู่ เปรียบเสมือนก้อนหิน ๗ ก้อน ความทุกข์ท่ีก�ำ จัดได้น้ัน เพราะผลจากการ ตรสั รธู้ รรม และไดธ้ รรมจกั ษ.ุ สงั .น.ิ (พทุ ธ) มก. ๒๖/๔๐๒ ๓.๑๗ ครั้งหนึ่งพระบรมศาสดาทรงต้องการจะแสดงถึงความทุกข์ที่มีอยู่ของเหล่าพระอริย สาวก ให้ภิกษุทั้งหลายทราบ พระจึงทรงใช้ปลายเล็บช้อนเอาฝุ่นข้ึนมาเล็กน้อย เปรียบให้เห็นว่า ความทุกข์ของเหล่าพระอริยสาวกที่มีอยู่ มีเพียงเล็กน้อย ดุจดังฝุ่นที่ติดอยู่ปลายเล็บมีเพียงเล็ก น้อย เม่ือเทียบกับปริมาณฝุ่นทั้งแผ่นดิน เพราะเหตุที่การตรัสรู้ธรรม การได้ธรรมจักษุมีคุณ ประโยชน์ยงิ่ ใหญ.่ สัง.นิ. (พทุ ธ) มก. ๒๖/๓๙๓ ๔. เหตุแห่งทกุ ข์ ๔.๑ เมื่อยังถอนตัณหานุสัยไม่ได้ ทุกข์น้ีย่อมเกิดขึ้นบ่อยๆ เหมือนเม่ือรากไม้ยังแข็งแรง ไม่มีอนั ตราย ตน้ ไมแ้ มต้ ดั แลว้ กย็ งั งอกได้อีก. ข.ุ ป. (อรรถ) มก. ๖๘/๔๕๒ ๔.๒ ตัณหาดุจเถายา่ นทราย ยอ่ มเจริญแกค่ นผู้มปี กติประมาท เขาย่อมเรร่ ่อนไปสู่ภพนอ้ ย ภพใหญ่ ดงั วานรปรารถนาผลไมเ้ รร่ อ่ นไปในป่า ฉะนั้น. ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๒๖๖ ๔.๓ ตัณหานเ้ี ปน็ ธรรมชาติลามก มักแผซ่ ่านไปในอารมณ์ตา่ งๆ ในโลก ย่อมครอบง�ำ บคุ คล ใด ความโศกท้ังหลายย่อมเจรญิ แก่บุคคลนนั้ ดุจหญ้าคมบางอนั ฝนตกรดแล้วงอกงามอยู่ ฉะนัน้ . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๒๖๖ ๔.๔ ตัณหาเปรียบเหมือนด้ายที่ร้อยรัดไม้อยู่ เมื่อตัณหาดับ ที่สุดทั้งสองก็เป็นอันดับด้วย เปรยี บเหมอื นเม่อื ดา้ ยขาดไมท้ ง้ั ๒ อนั กห็ ลน่ มาทงั้ สองข้าง. องั .ฉกั ก. (อรรถ) มก. ๓๖/๗๕๔ www.kalyanamitra.org
283 ๔.๕ ตัณหานี้นั้นแลเป็นเช่นดังข่าย ท่องเท่ียวไป แผ่ซ่านไปเกาะเกี่ยวอยู่ในอารมณ์ต่างๆ เปน็ เคร่ืองปกคลมุ หมุ้ ห่อสัตว์โลกน้ี เหมอื นด้ายอนั ยุ่งเหยิง ขอดเป็นปม เปน็ เหมือนหญา้ มุงกระต่าย และหญ้าปล้อง ไมใ่ หล้ ว่ งพน้ อบาย ทุคติ วินบิ าต และสงสารไปได.้ องั .จตกุ ก. (พุทธ) มก. ๓๕/๕๓๙ ๔.๖ ขนั สำ�ริดที่ใสน่ ้ำ� ทถ่ี งึ พรอ้ มดว้ ยสี กลน่ิ และรส แต่ว่าเจือด้วยยาพิษน้นั มีบรุ ษุ เดนิ ฝา่ ความร้อนอบอ้าวเหน็ดเหนื่อยเม่ือยล้ามา กระหายน้ำ� คนทั้งหลายจึงได้พูดกะบุรุษผู้นั้นอย่างนี้ว่า นาย ขนั ส�ำ รดิ ท่ีใสน่ ำ้�น้ี ถงึ พร้อมด้วยสี กลน่ิ และรส แตว่ า่ เจือยาพิษ ถ้าท่านประสงค์ก็จงดืม่ เถดิ เพราะวา่ เมอื่ ดม่ื น�้ำ น้ัน กจ็ กั ซาบซา่ นด้วยสีบา้ ง กล่ินบ้าง รสบ้าง กแ็ หละคร้นั ดม่ื เขา้ ไปแล้ว ตัวท่าน จะถึงความตาย หรือถงึ ทุกข์แทบตาย เพราะการด่ืมนัน้ เป็นเหตุ ดงั น้ี บรุ ุษนั้นผลนุ ผลันไมท่ นั พิจารณาดืม่ นำ�้ น้นั เข้าไปไมบ่ ว้ นท้ิงเลย เขาก็พงึ ถึงความตาย หรือถงึ ทกุ ขแ์ ทบตาย เพราะการด่มื น้ำ�นน้ั เปน็ เหตุทันที แม้ฉนั ใด สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด เหล่าหนง่ึ ในอดตี กาล ได้เหน็ อารมณ์อันเปน็ ที่รกั เปน็ ท่ชี ่ืนใจใน โลก ฯลฯ ในอนาคตกาล ฯลฯ สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหน่ึงในปัจจุบันนี้ เห็นอารมณ์อัน เป็นที่รัก เป็นท่ีชื่นใจในโลกน้ี โดยความเป็นของเที่ยว โดยความเป็นสุข โดยความเป็นตัวตน โดยความเป็นของไมม่ ีโรค โดยความเปน็ ของเกษม สมณะหรือพราหมณ์เหล่าน้นั ช่อื ว่า ย่อมทำ�ทุกข์ให้เจริญข้นึ สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดทำ� อปุ ธใิ หเ้ จรญิ ขน้ึ สมณะหรอื พราหมณเ์ หลา่ นน้ั ชอ่ื วา่ ยอ่ มไมพ่ น้ ไปจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริ เทวะ ทกุ ข์ โทมนสั และอปุ ายาส เรากลา่ ววา่ เขายอ่ มไมพ่ น้ ไปจากทกุ ขไ์ ดเ้ ลย กฉ็ นั นน้ั เหมอื นกนั แล. สงั .น.ิ (พทุ ธ) มก. ๒๖/๓๔๕ ๔.๗ ผู้ถูกเคร่ืองผูก คือ ทิฏฐิผูกไว้ท่ีเสา คือ สักกายทิฏฐิ เหมือนสุนัขถูกผูกไว้ที่เสาไม้ ฉะน้นั . ข.ุ เถร. (อรรถ) มก. ๕๒/๓๕ ๔.๘ สัตว์ทั้งหลายเป็นด่ังคนตาบอด เพราะเป็นผู้ไม่เห็นโทษในกาม ถูกข่าย คือ ตัณหา ปกคลุมแล้วถูกหลังคา คือ ตัณหาปกปิดแล้ว ถูกมารผูกแล้วด้วยเคร่ืองผูก คือ ความประมาท เหมือนปลาในปากไซ. ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๒/๔๐ ๔.๙ สัตว์เหล่านี้ ถูกมารผูกไว้ด้วยความประมาท คือ ถูกเคร่ืองผูก คือ กามอันใดผูกไว้ ย่อมไม่หลุดพ้นจากเครือ่ งผกู นน้ั คือ ตดิ อยใู่ นภายในเคร่ืองผูกนั่นเอง เหมอื นปลาตดิ อยู่ทป่ี ากลอบ ดักปลา และปลาท่ีติดอยทู่ ีป่ ากไซ ฉะนั้น. ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๒/๔๕ www.kalyanamitra.org
284 ๔.๑๐ ตัณหาย่อมเจริญแก่สัตว์ผู้ประพฤติประมาท เหมือนเถาย่านทรายเจริญอยู่ในป่า ฉะนน้ั บคุ คลผตู้ กอยใู่ นอำ�นาจของตัณหา ยอ่ มเรร่ ่อนไปในภพใหญห่ รือวานรอยากไดผ้ ลไม้เร่ร่อนไป ในปา่ ฉะน้นั . ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๒/๑๗๕ ๕. อริยสัจ ๔ ๕.๑ บุคคลบางคนในโลกน้ี รูช้ ดั ตามจรงิ นที่ กุ ข์... นเ่ี หตุเกดิ ทุกข์... น่คี วามดับทุกข์... น้ีขอ้ ปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เหมือนอย่างคนตาดี พึงเห็นรูปทั้งหลายได้ในระหว่างฟ้าแลบในกลางคืน มดื ต้ือ ฉันใด บุคคลบางคนในโลกนี้ รู้ชัดตามจริงว่า นี่ทุกข์ ฯลฯ น่ีข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ฉันนั้น น่ีเราเรยี กวา่ บุคคลมีจติ เหมอื นสายฟ้า. อัง.ตกิ . (พทุ ธ) มก. ๓๔/๘๑ ๕.๒ บุคคลบางคนในโลกน้ี กระทำ�ให้แจ้ง เข้าถึงพร้อมซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหา อาสวะมิได้ เพราะสิ้นอาสวะทั้งหลาย ด้วยความรู้ย่ิงด้วยตนเองอยู่ปัจจุบันน้ี เหมือนอย่างแก้ว หรือหินท่ีไม่ถูกเพชรเจาะเสียเลยย่อมไม่มี ฉันใด บุคคลบางคนในโลกน้ีกระทำ�ให้แจ้ง ฯลฯ ในปัจจบุ ันน ี้ ฉันนั้น น้ีเรียกวา่ บุคคลมจี ิตเหมอื นเพชร. อัง.ตกิ . (พุทธ) มก. ๓๔/๘๑ ๕.๓ คนพาลยอ่ มไมร่ ู้สึกวา่ รา่ งกายน้เี ปน็ ของเผ็ดร้อน มีรสหวานชนื่ ใจ ผกู พนั ด้วยความรกั เปน็ ทกุ ข์ ฉาบไล้ไว้ด้วยสิ่งท่ีน่าช่นื ใจ เหมอื นมดี โกนอนั ทาด้วยน้�ำ ผึ้ง ฉะนน้ั . ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๒๒ ๖. การละตณั หา ๖.๑ ผใู้ ดยำ่�ยีตัณหาน้นั ... ซง่ึ เปน็ ธรรมชาติลามก ยากท่ีใครในโลกจะล่วงไปได้ ความโศกทั้ง หลายยอ่ มตกไปจากผู้นัน้ เหมอื นหยาดน�้ำ ตกไปจากใบบวั ฉะน้นั . ข.ุ ธ. (พุทธ) มก. ๔๓/๒๖๖ ๖.๒ ท่านท้ังหลาย จงขุดรากตัณหาเสียเถิด ประหน่ึงผู้ต้องการแฝกขุดหญ้าคมบางเสีย ฉะนน้ั . ข.ุ ธ. (พุทธ) มก. ๔๓/๒๖๖ www.kalyanamitra.org
285 ๖.๓ แกว้ เหล้าที่พร้อมดว้ ย สี กลิน่ และรส แตว่ ่าเจอื ด้วยยาพิษ ทันใดน้ัน มบี รุ ษุ เดนิ ฝา่ ความร้อนอบอ้าวเหน็ดเหน่ือยเม่ือยล้ามา กระหายน้ำ� คนทั้งหลายจึงได้พูดกับบุรุษผู้นั้นอย่างนี้ว่า นาย แก้วเหล้าท่ีถึงพร้อมด้วยสี กลิ่น และรส แต่ว่าเจือด้วยยาพิษ ถ้าประสงค์ ก็จงด่ืมเถิด เพราะว่าเม่ือดื่มเหล้านั้น ก็จักซาบซ่านด้วยสีบ้าง กล่ินบ้าง รสบ้าง ก็แหละครั้นดื่มเข้าไปแล้ว ตวั ท่านจะถึงความตาย หรอื ถงึ ทกุ ข์แทบตาย เพราะการดืม่ นัน้ เปน็ เหตุ ดงั นี้ ลำ�ดับนั้น บุรุษพึงคิดอย่างนี้ว่า เหล้าน้ีเราดื่มแล้ว เราอาจจะบรรเทาได้ด้วยน�ำ้ เย็น ด้วย เนยใส ดว้ ยน้�ำ ข้าวสัตตุเค็ม หรือด้วยน�ำ้ ชอ่ื โลณโสจิรกะ แต่เราจะไมด่ ่มื เหล้านั้นเลย เพราะไม่เปน็ ประโยชน์ มีแต่ทุกข์แก่เราช้านาน เขาพิจารณาแล้วดูแก้วเหล้าน้ันแล้ว ไม่พึงดื่มนำ้� เขาทิ้งเสีย เขาก็ไม่เข้าถงึ ความตาย หรอื ความทกุ ข์แทบตาย เพราะการดม่ื น้ันเป็นเหตุ แม้ฉะน้ัน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหน่ึงในอดีตกาล เห็นอารมณ์เป็นที่รักเป็นท่ีชอบใจในโลก น้ัน โดยความเป็นของไม่เท่ียง โดยความเป็นทุกข์ โดยความมีสภาพมิใช่ตัวตน โดยความเป็นโรค โดยความเป็นภัยแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่าน้ัน ชื่อว่าละตัณหาได้แล้ว... ละอุปธิได้แล้ว... ละ ทุกข์ได้แล้ว... พน้ จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส. สัง.น.ิ (พุทธ) มก. ๒๖/๓๔๗ ๖.๔ พระพุทธองค์จึงทรงเปรียบเทียบว่า เหมือนต้นไม้ที่ถูกตัดแล้ว แต่รากยังคงอยู่ ย่อม งอกขน้ึ มาใหม่ได้ ตัณหากเ็ ชน่ กัน หมสู่ ตั วท์ ง้ั หลายยงั ขจัดไม่หมด ยอ่ มท�ำ ให้เขา้ ถึงความทุกข์บ่อยๆ ในภพทีเ่ กดิ นัน้ ๆ. ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๓/๒๘๑ ๗. อรยิ มรรคมีองค์ ๘ ๗.๑ หมอ้ ที่คว�่ำ ยอ่ มให้น้ำ�ไหลออกอยา่ งเดยี ว ไมท่ ำ�ให้กลบั ไหลเขา้ แมฉ้ ันใด ภกิ ษุเจริญอริย มรรคอันประกอบดว้ ยองค์ ๘ กระทำ�ให้มากซง่ึ อริยมรรคอนั ประกอบดว้ ยองค์ ๘ ยอ่ มระบายอกุศล ธรรมอนั ลามกออกอยา่ งเดยี ว ไมใ่ หก้ ลบั คืนมาได้ ฉนั นัน้ เหมือนกนั . สัง.ม. (พุทธ) มก. ๓๐/๑๔๙ ๗.๒ เม่ือพระอาทิตย์จะข้ึน สิ่งที่ข้ึนก่อน สิ่งท่ีเป็นนิมิตมาก่อน คือแสงเงินแสงทอง ส่ิงที่ เปน็ เบ้ืองตน้ เปน็ นิมิตมาก่อน เพอ่ื ความบงั เกิดแหง่ อรยิ มรรคอนั ประกอบดว้ ยองค์ ๘ ของภกิ ษุ คอื ความถงึ พร้อมแห่งทฏิ ฐิ ฉันนั้น. สัง.ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๗๔ www.kalyanamitra.org
286 ๗.๓ ลมแรงย่อมพัดมหาเมฆอันเกิดขึ้นแล้วให้หายหมดไปได้ในระหว่างนั่นเอง แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญ กระทำ�ให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมยัง อกุศลธรรมอันลามกที่ เกิดขึ้นแลว้ ใหห้ ายสงบลงไปในระหว่างได้โดยพลัน ฉนั นนั้ เหมือนกนั . สงั .ม. (พุทธ) มก. ๓๐/๑๕๔ ๗.๔ เมื่อเรือเดินสมุทรที่ผูกด้วยเครื่องผูกคือหวาย แช่อยู่ในนำ้�ตลอด ๖ เดือน เขายกขึ้น บกในฤดูหนาว เครื่องผูกต้องลม และแดดแล้ว อันฝนตกรดแล้ว ย่อมจะเสียไป ผุไป โดยไม่ยาก เลย แม้ฉันใด ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำ�ให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบ ด้วยองค์ ๘ สังโยชนท์ ัง้ หลายย่อมสงบหมดไปโดยไม่ยากเลย ฉันน้นั เหมอื นกนั . สัง.ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๕๕ ๗.๕ แม่น้ำ�คงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุ เมื่อเจริญ กระทำ�ให้มากซ่ึงอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ก็เป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่ นพิ พาน โอนไปส่นู พิ พาน ฉนั น้ันเหมือนกัน. สัง.ม. (พุทธ) มก. ๓๐/๙๙ ๗.๖ ฝุ่นละอองอันต้ังขึ้นในเดือนท้ายแห่งฤดูร้อน เมฆก้อนใหญ่ที่เกิดในสมัยมิใช่กาล ย่อม ยังฝนุ่ ละอองนั้นให้หายราบไปได้โดยพลนั แม้ฉนั ใด ภิกษเุ จรญิ กระทำ�ให้มากซงึ่ อรยิ มรรคอันประกอบดว้ ยองค์ ๘ ยอ่ มยังกศุ ลธรรมอันลามกที่ เกิดข้นึ แล้วใหห้ ายสงบไปไดโ้ ดยพลัน ฉันนั้นเหมอื นกัน. สงั .ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๕๓ ๗.๗ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ เปรียบเหมือนแมไ่ กม่ ไี ขอ่ ยู่ ๘ ฟอง ๑๐ ฟองหรอื ๑๒ ฟอง ไข่เหล่านั้นแม่ไก่กกดี ให้ความอบอุ่นเพียงพอฟักดี แม้แม่ไก่น้ันจะไม่พึงปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ ขอให้ลูกของเราพึงใช้ปลายจะงอยปากเจาะกะเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดีก็จริง แต่ ลูกไก่เหล่านั้นก็สามารถใช้เท้าหรือจะงอยปากเจาะกะเปาะไข่ ฟักตัวออกมาโดยสวัสดีได้ ข้อนั้น เพราะเหตไุ ร เพราะไข่เหล่าน้นั แม่ไก่กกดี ให้ความอบอนุ่ เพยี งพอฟักดี ฉะน้นั เปรียบเหมือนรอยนิ้วมือ รอยน้ิวหัวแม่มือที่ด้ามมีด ย่อมปรากฏแก่นายช่างไม้หรือลูกมือ นายช่างไม้ แต่เขาไม่รู้อย่างนี้ว่า วันนี้ด้ามมีดของเราสึกไปเท่าน้ี เมื่อวานสึกไปเท่านี้ หรือเม่ือ วานซนื สึกไปเท่าน้ี ที่จรงิ เมอ่ื ด้ามมดี สกึ ไป เขาก็รวู้ ่าสึกไปน่นั เทียว ฉันใด www.kalyanamitra.org
287 ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย เมื่อภิกษุเจริญภาวนาอยู่ก็ฉันน้ันเหมือนกัน แม้จะไม่รู้อย่างนี้ว่า วันน้ี อาสวะของเราส้ินไปเท่าน้ี เม่อื วานสนิ้ ไปเท่านี้ หรือเม่ือวานซืนส้ินไปเท่าน้ี แต่ท่จี รงิ เมื่ออาสวะสิน้ ไป ภกิ ษุน้นั ก็ร้วู า่ ส้ินไปน่ันเทยี ว. องั .สัตตก. (พุทธ) มก. ๓๗/๒๕๒ ๗.๘ พระองค์จงทรงทราบเถิดพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าเม่ือเที่ยวไปในป่า ได้พบ มรรคาเก่า หนทางเก่าที่คนก่อนๆ เคยเดินไปมา ข้าพระพุทธเจ้าเดินตามทางนั้นไป เมื่อกำ�ลังเดิน ตามทางน้ันอยู่ ได้พบนครเก่า พบราชธานีโบราณซ่ึงสมบูรณ์ด้วยสวน ป่าไม้ สระโบกขรณี มีเชิง เทียน ล้วนน่ารื่นรมย์ มีคนก่อนๆ เคยอยู่อาศัยมา ขอพระองค์จงทรงสร้างพระนครนั้นเถิด พระพทุ ธเจ้าข้า ล�ำ ดับนัน้ พระราชาหรือราชามหาอ�ำ มาตยจ์ ึงสรา้ งเมอื งนน้ั ขนึ้ สมัยต่อมา เมืองนัน้ เป็นเมืองมั่งคัง่ และสมบรู ณ์ขน้ึ มปี ระชาชนเปน็ อนั มาก มมี นุษยเ์ กล่ือน กล่น และเป็นเมืองถงึ ความเจริญไพบูลย์ แม้ฉนั ใด ภิกษุทัง้ หลาย เราไดพ้ บมรรคาเกา่ หนทางเก่าทีพ่ ระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ นครสตู ร ว่าดว้ ยโลก น้ีลำ�บากเพราะมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย พระองค์ก่อนๆ เคยเสด็จไป ก็มรรคาเก่า หนทางเก่าท่ีพระ สมั มาสมั พทุ ธเจ้าองค์ก่อนๆ เคยเสดจ็ ไปนั้น เป็นไฉน คือมรรคอนั ประกอบด้วยองค์ ๘ อนั ประเสริฐ นแ้ี ล ได้แก่ สมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิน้ีแล มรรคาเก่า หนทางเกา่ ทพ่ี ระสมั มาสัมพุทธเจ้าพระ องคก์ อ่ นๆ เคยเสดจ็ ไปแล้ว เราก็ได้เดินตามหนทางอันประเสรฐิ ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการอัน เปน็ ทางเก่าน้ัน. สงั .นิ. (พทุ ธ) มก. ๒๖/๓๓๔ ๗.๙ สามเกลอที่ชวนกันเข้าไปสู่อุทยานด้วยตั้งใจว่า พวกเราจะเล่นงานนักขัตฤกษ์ (งาน ประจำ�ปี) คนหนึ่งพบต้นจำ�ปาดอกบานดี ยกมือข้ึนไปก็ไม่อาจเก็บได้ ทีนั้น คนท่ีสองจึงก้มหลังให้ เขา แม้เขาได้ยืนบนหลังของคนที่สองนั้น ก็ยังเด็ดไม่ได้ ทีน้ัน อีกคนหนึ่ง ก็ยื่นจะงอยบ่าให้เขา เม่ือเขาได้ยืนบนหลังของคนหน่ึงแล้วเหนียวจะงอยบ่าของอีกคนหน่ึง จึงเก็บดอกไม้มาประดับตาม ชอบใจแลว้ เล่นงานนักขตั ฤกษ์ ฉนั ใด พึงเห็นคำ�ที่นำ�มาเปรียบนี้ ฉันน้ัน คือ ธรรมทั้งสามมีความพยายามชอบ เป็นต้น ซึ่งเกิด รวมกัน เหมือนสามเกลอท่ีเข้าสนด้วยกัน อารมณ์เหมือนต้นจำ�ปาดอกบานสะพร่ัง สมาธิที่ไม่ สามารถจะถึงฌานได้เพราะเป็นภาวะที่เด็ดเดี่ยวในอารมณ์โดยล�ำ พังตนเอง เหมือนคนที่ถึงแม้จะได้ www.kalyanamitra.org
288 ยกมือข้ึนแล้วก็ยังไม่อาจเก็บได้ ความพยายามชอบเหมือนเกลอท่ีน้อมหลังให้ ความระลึกเหมือน เกลอทย่ี นื ให้จบั จะงอยบา่ สมาธทิ ี่เมื่อวิริยะก�ำ ลงั ทำ�หน้าทปี่ ระคบั ประคองใหส้ �ำ เรจ็ และสติก็ก�ำ ลัง ทำ�หนา้ ทเี่ คล้าให้สำ�เร็จอยอู่ ย่างน้ี ไดอ้ ุปการะแล้ว กย็ อ่ มอาจบรรลฌุ านได้ เพราะความเปน็ ภาวะท่ี โดดเด่นในอารมณ์ เหมือนคนนอกท่ียืนบนหลังของคนหนึ่งในสามคนน้ัน และจับจะงอยบ่าของอีก คนหนึ่ง จงึ สามารถเดด็ ดอกไม้ไดต้ ามพอใจ. ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๘/๓๔๒ ๗.๑๐ รอยเท้าเหล่าใดเหล่าหนึ่งแห่งสัตว์ท้ังหลายผู้เท่ียวไปบนแผ่นดิน รอยเท้าเหล่านั้น ท้ังหมดย่อมประชุมลงในรอยเท้าช้าง รอยเท้าช้างชาวโลกย่อมกล่าวว่า เป็นยอดของรอยเท้า เหล่านน้ั เพราะรอยเท้าชา้ งเป็นรอยใหญ่ แม้ฉนั ใด ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งหมด ย่อม สงเคราะหเ์ ขา้ ในอรยิ สจั ส.่ี ม.มู. (เถระ) มก. ๑๘/๕๑๖ ๗.๑๑ สัมมาสังกัปปะน้ีน้ัน ก็มีอุปการะแม้แก่สัมมาวาจา... เหมือนที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ว่า คหบดีตรกึ ตรองกอ่ นแล้ว จึงเปล่งวาจาในภายหลัง. ที.สี. (อรรถ) มก. ๑๒/๑๑๑ www.kalyanamitra.org
289 www.kalyanamitra.org
๓๔ม ง ค ล ที่ ทำ�พระนิพพานให้แจ้ง ภกิ ษใุ ดยังหน่มุ พากเพียรอยใู่ นพระพทุ ธศาสนา ภิกษุนน้ั ยอ่ มยงั โลกนใี้ หส้ ว่าง ดุจพระจนั ทรท์ พี่ ้นแลว้ จากหมอกเมฆสว่างอยู่ ฉะน้ัน www.kalyanamitra.org
291 ๑. ความเพียรเพ่อื บรรลุธรรมของพระโพธสิ ัตว์ ๑.๑ เมื่อเรากลัน้ ลมอสั สาสะปัสสาสะ (ลมหายใจเข้า-ออก) ไว้ทางปาก ทางจมกู และช่องหู แลว้ ลมอันแรงกล้ากเ็ สยี ดแทงศรี ษะ เปรียบเหมือนบุรษุ มกี �ำ ลังเอาเหลก็ แหลมคมทม่ิ ศรี ษะ. ม.ม.ู (พุทธ) มก. ๑๙/๑๒๑ ๑.๒ เม่ือเรากล้ันลมอัสสาสะปัสสาสะทางปาก ทางจมูก และหู ก็ให้ปวดศีรษะเหลือทน เปรียบเหมือนบุรุษมกี �ำ ลังรัดศีรษะดว้ ยเส้นเชือกแนน่ . ม.มู (พทุ ธ) มก. ๑๙/๑๒๒ ๑.๓ เมื่อเรากลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะทางจมูก และหู ลมอันแรงกล้าก็บาดในช่องท้อง เปรยี บเหมอื นนายโค หรอื ลูกมือนายโคทีเ่ ปน็ คนฉลาด ใชม้ ดี คมกรดี ที่ทอ้ ง. ม.ม.ู (พุทธ) มก. ๑๙/๑๒๒ ๑.๔ องคาพยพ (อวัยวะน้อยใหญ่) ของเราย่อมเป็นประหนึ่งเถาวัลย์ท่ีมีข้อมาก ๘๐ ข้อ เพราะโทษทอ่ี าหารนอ้ ยนนั้ อย่างเดยี ว กน้ กบแหง่ เราแฟบเข้า มสี ัณฐานเหมอื นกีบเทา้ อฐู ฉะน้ัน กเ็ พราะโทษทอ่ี าหารน้อยอย่างเดยี ว กระดกู สนั หลังแหง่ เราผดุ ขึ้นราวกะเถาวัลย์ ฉะนั้น ก็เพราะโทษท่ีอาหารน้อยอย่างเดียว เปรียบซ่ีโครงแห่งเรานูนเป็นร่องๆ ดังกลอนในศาลา เก่าชำ�รุดทรุดโทรม ฉะนั้น. www.kalyanamitra.org
292 ก็เพราะโทษที่อาหารน้อยอย่างเดียว เปรียบเหมือนดวงตาแห่งเราปรากฏกลมลึกเข้าไปใน กระบอกตา ดูประหน่ึงดวงดาวปรากฏในบ่อน�้ำ อนั ลึก ฉะนน้ั ก็เพราะโทษที่อาหารน้อยอยา่ งเดยี ว หนังบนศรี ษะแห่งเราสัมผัสอยกู่ เ็ ห่ยี วแห้งไป ประหน่งึ ผลน�ำ้ เต้าขม ทบ่ี คุ คลตดั มาแต่ยงั สด ถูกลม และแดดกเ็ หยี่ วแห้งไป ฉะนั้น. ท.ี สี. (พทุ ธ) มจ. ๑๒/๔๑๕ ๒. ความเพยี ร ๒.๑ นกท่ีเปื้อนฝุ่นย่อมสลัดธุลีที่แปดเปื้อนให้ตกไป ฉันใด ภิกษุผู้มีความเพียร มีสติ ย่อม สลัดธุลี คือ กิเลสทแี่ ปดเป้อื นให้ตกไป ฉนั น้นั . สงั .ส. (ท่วั ไป) มก. ๒๕/๓๕๓ ๒.๒ สายพิณของเธอไม่ตึงเกินไป ไมห่ ยอ่ นเกินไป ตั้งอย่ใู นขนาดกลาง สมยั นนั้ พิณของเธอ ย่อมมีเสียงไพเราะ ฉันน้ันเหมือนกันแล ความเพียรที่ปรารภมากเกินไป ย่อมเป็นไปเพ่ือความฟุ้ง ซา่ น ความเพยี รทหี่ ยอ่ นเกินไป ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเกียจคร้าน ดูก่อนโสณะ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอจงตั้งความเพียรให้สมำ่�เสมอ จงต้ังอินทรีย์ให้ สม่ำ�เสมอ. อัง.ฉักก. (พทุ ธ) มก. ๓๖/๗๐๗ ๒.๓ บุคคลใดกำ�จัดความหลับ ต่ืนอยู่ เหมือนม้าดีหลบแส้ไม่ให้ถูกตน บุคคลนั้นหาได้ยาก ท่านทงั้ หลายจงมคี วามเพียร มคี วามสลดใจ เหมอื นมา้ ดีถกู เขาตีด้วยแสแ้ ลว้ มคี วามบากบัน่ ฉะนั้น. ขุ.ธ. (ทว่ั ไป) มก. ๔๒/๖๘ ๒.๔ ภิกษุใดยังหนุ่มพากเพียรอยู่ในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมยังโลกน้ีให้สว่าง ดุจ พระจนั ทร์ที่พน้ แลว้ จากหมอกเมฆสว่างอยู่ ฉะน้ัน. ข.ุ ธ. (ท่วั ไป) มก. ๔๓/๓๔๐ ๒.๕ ท่านทั้งหลาย จงยินดีในความไม่ประมาท จงตามรักษาจิตของตน จงถอนตนขึ้นจาก หลม่ ประหนึง่ ชา้ งทจ่ี มลงในเปือกตม ถอนตนขน้ึ ได้ ฉะน้ัน. ข.ุ ธ. (ทั่วไป) มก. ๔๓/๒๒๔ ๒.๖ อ�ำ นาจการปรารภความเพยี รอยา่ งน้ี ของภิกษุผู้ไม่ให้กเิ ลสทเ่ี กดิ ขึ้นในตอนเดนิ ไม่ให้ถงึ ตอนยืน ที่เกิดในตอนยืนไม่ให้ถึงตอนน่ัง ที่เกิดขึ้นในตอนนั่งไม่ให้ถึงตอนนอน ข่มไว้ด้วยพลังความ เพียรไม่ให้เงยศีรษะขึ้นได้ในอิริยาบถนั้นๆ เหมือนคนเอาไม้มีลักษณะดังเท้าแพะกดงูเห่าไว้ และ เหมือนเอาดาบทค่ี มกริบฟนั คอศัตรู ฉะนนั้ . ข.ุ อุ. (อรรถ) มก. ๔๔/๔๐๕ www.kalyanamitra.org
293 ๒.๗ บุคคลเม่อื กระท�ำ ความเพยี ร แม้จะตายกช็ ่ือว่า ไม่เป็นหน้ีในหมญู่ าติ เทวดา และบิดา มารดา อนึง่ บุคคลเมอ่ื ท�ำ กจิ อยา่ งลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดอื ดรอ้ นในภายหลงั . ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๓/๗๕ ๒.๘ พญาราชสีห์มฤคราชเป็นผู้มีความเพียรไม่ย่อหย่อนในการนั่ง การยืน และการเดิน ประคองใจไว้ในกาลทุกเมื่อ แม้ฉันใด ท่านก็ฉันนั้นเหมือนกัน จงประคองความเพียรไว้ให้ม่ันตลอด ทกุ ภพ ถงึ ความเป็นวิรยิ บารมแี ลว้ จกั บรรลพุ ระสัมโพธิญาณได.้ ขุ.อป. (โพธิ) มก. ๗๐/๕๓ ๒.๙ ขึ้นช่ือว่า พยัคฆ์ ย่อมแอบจับหมู่มฤคเป็นภักษา แม้ฉันใด พุทธบุตรผู้ประกอบความ เพียรบ�ำ เพ็ญวปิ ัสสนานี้กเ็ หมอื นกัน เขา้ ไปส่ปู า่ แล้ว ยอ่ มยึดไวไ้ ด้ซงึ่ ผลอันอุดม. วิ.มหา. (อรรถ) มก. ๒/๓๓๖ ๒.๑๐ เม่อื ทุกข์มีอยู่ ขน้ึ ช่ือวา่ สขุ ก็ตอ้ งมี ฉันใด เมื่อภพมอี ยู่ แม้สภาพทป่ี ราศจากภพก็ควร ปรารถนา ฉันน้ัน เมื่อความร้อนมีอยู่ ความเย็นอีกอย่างก็ต้องมี ฉันใด ไฟสามอย่างมีอยู่ พระ นิพพานก็ควรปรารถนา ฉันน้ัน เม่ือสิ่งช่ัวมีอยู่ แม้ความดีงามก็ต้องมี ฉันใด ความเกิดมีอยู่ แม้ ความไมเ่ กดิ ก็ควรปรารถนา ฉนั นน้ั . ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๕/๗ ๒.๑๑ ธรรมดานายพรานย่อมมีใจจดจ่อจับฝูงเนื้อ ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควร ประคอง และรกั ษาอารมณท์ ี่ได้มาอย่างดแี ลว้ ให้เกดิ คุณวเิ ศษตอ่ ไป ฉันนั้น. มิลนิ . ๔๕๙ ๒.๑๒ ธรรมดานายขมังธนู เม่ือจะยิงธนูย่อมเหยียบพ้ืนด้วยเท้าทั้งสองให้มั่น ทำ�เข่าไม่ให้ ไหว ยกธนูขึ้นเพยี งหู ตงั้ กายตรง วางมือท้งั สองลงที่คันธนู จับคันธนูใหแ้ น่น ท�ำ นิ้วให้ชิดกนั เอีย้ ว คอ หลิว่ ตา เมม้ ปาก เล็งเป้าใหต้ รง แล้วเกิดความดใี จวา่ เราจกั ยงิ ไปในบดั น้ี ฉันใด ภกิ ษผุ ูป้ รารภ ความเพียรก็ควรเหยียบพ้ืนดิน คือ ศีลด้วยเท้า คือ วิริยะให้ม่ันคง ทำ�ขันติ โสรัจจะไม่ให้ไหว สำ�รวมใจ และกาย บบี กิเลสตัณหาใหแ้ น่น กระทำ�จติ ไม่ให้มชี ่องวา่ งด้วยโยนโิ สมนสิการ ประคอง ความเพียรปิดประตทู ั้ง ๖ เสยี ตง้ั สตไิ ว้ท�ำ ให้เกิดความร่าเริงวา่ เราจักยงิ กิเลสท้ังปวง ด้วยลูกศร คอื ญาณ ณ บดั นี้ ฉันน้นั . มลิ นิ . ๔๖๔ ๒.๑๓ ไก่ย่อมกลับเข้ารังแต่หัววัน ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็พึงทำ�กิจวัตร เช่น ทำ�ความสะอาดวัด เตรียมน�้ำ ดม่ื น้�ำ ใช้ ช�ำ ระรา่ งกาย และสวดมนตบ์ ูชาพระใหเ้ สรจ็ แตเ่ น่ินๆ เพ่อื จะได้มโี อกาสน่ังปฏิบัตธิ รรมเรว็ ขนึ้ ฉันนัน้ . มิลิน. ๔๒๓ www.kalyanamitra.org
294 ๒.๑๔ ไก่ย่อมต่ืนแต่เช้า ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็พึงตื่นแต่เช้าทำ�ความสะอาดวัด น�้ำ ดื่ม น้ำ�ใชช้ ำ�ระร่างกาย สวดมนต์บูชาพระแลว้ นงั่ ปฏิบัติธรรมอีกครัง้ ฉนั น้ัน. มิลิน. ๔๒๓ ๒.๑๕ ธรรมดาเต่าย่อมข้ึนจากนำ้�มาผึ่งแดด ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียร ก็ฉันน้ัน คือ เมอ่ื เลิกจากการนัง่ นอน ยนื เดนิ แล้ว กท็ �ำ ให้ใจรอ้ นในการบ�ำ เพ็ญเพยี ร. มิลนิ . ๔๒๖ ๒.๑๖ ธรรมดาเครือน้ำ�เต้าย่อมใช้งวงของตนเกาะต้นไม้ หรือเครือไม้แล้วขึ้นไปงอกงามอยู่ ขา้ งบน ฉันใด ภิกษุผปู้ รารภความเพยี รผู้มุ่งความเจริญในพระอรหนั ต์ กค็ วรมใี จยึดม่นั ในอารมณ์ไว้ ว่า จะขึ้นไปเจรญิ อยู่ในความเป็นพระอรหนั ต์ ข้อน้ีสมกับคำ�ของพระสารีบุตรเถระเจ้าว่า ธรรมดาเครือน้ำ�เต้าย่อมเอางวงของตนพัน ต้นไม้ หรือเครอื ไม้ แลว้ ขึ้นไปงอกงามอยเู่ บ้ืองบน ฉนั ใด ผมู้ งุ่ หวงั อรหตั ผลกค็ วรยึดหน่วงอารมณ์ ทำ�ให้อเสข (ผูไ้ มต่ อ้ งศกึ ษา) ผลเจริญ ฉันนั้น. มลิ ิน. ๔๒๙ ๒.๑๗ อริยสาวกปรารภความเพียรเพ่ือละอกุศลธรรม เพ่ือให้กุศลธรรมถึงพร้อม มีกำ�ลัง มีความบากบ่ันมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม เปรียบเหมือนในปัจจันตนครของพระราชา ตั้ง กองทัพไวม้ าก คือ พลมา้ ฯลฯ กองทหาร ทาสส�ำ หรบั คมุ้ ภยั ภายใน และป้องกนั อนั ตรายภายนอก ฉะนัน้ . อัง.สตั ตก. (พุทธ) มก. ๓๗/๒๒๗ ๒.๑๘ ความเพยี รมคี วามอุปถัมภ์เป็นลักษณะ อปุ มาเหมือนเรอื นจะล้ม บุคคลไว้ด้วยไมเ้ รอื น ท่ีถูกไม้ค�้ำ อยู่ไม่ล้ม หรือกองทหารหมู่น้อย กำ�ลังถอยร่นข้าศึกหมู่ใหญ่ พระราชาทรงเพิ่มกองหนุน ส่งเขา้ ไปจนชนะข้าศกึ หม่ใู หญ่ได.้ มิลิน. ๕๑ ๒.๑๙ บุคคลน้ันควรกระทำ�ฉันทะพยายามพากเพียรอย่างแข็งขันไม่ท้อถอย และทำ� สติสัมปชญั ญะอนั ยิง่ เพื่อใหไ้ ด้กุศลธรรม เปรยี บเหมือนคนทไ่ี ฟไหมผ้ ้ากด็ ี ไหม้ศีรษะกด็ ี พงึ กระท�ำ ฉนั ทะพยายามพากเพียรไม่เฉอื่ ยเฉย และตั้งสตสิ มั ปชญั ญะอนั ยง่ิ เพอื่ จะดับเสียไฟท่ผี า้ หรอื ศีรษะ ทีไ่ หม้อย่นู ัน้ . องั .จตุกก. (พุทธ) มก. ๓๕/๒๖๖ ๒.๒๐ ท่านจงยกตนของท่านข้ึนจากความเกยี จครา้ น เหมอื นช่างศรยกลูกศรข้ึนดัด ฉะน้นั ทา่ นจงทำ�จิตใหต้ รงแลว้ ท�ำ ลายอวิชชาเสีย. ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๐/๑๘๘ www.kalyanamitra.org
295 ๒.๒๑ ท้าวสกั กะผู้เปน็ ใหญแ่ ห่งเทพเจา้ ท้งั หลาย เม่ือไดเ้ ห็นเทพเจา้ ทัง้ หลายแล้ว ยอ่ มทำ�ให้ ท่านเหล่านั้นร่าเริง ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควรทำ�ใจให้เกิดความร่าเริงไม่หดหู่ ไม่ เกยี จคร้านในกศุ ลกรรมทง้ั หลาย ฉนั น้นั . มลิ นิ . ๔๔๒ ๒.๒๒ ทรัพยม์ รดกของพระบรมศาสดามีมาก คอื อรยิ ทรัพย์ ๗ ประการ ทรัพยม์ รดกนั้น ผู้เกียจคร้านไม่อาจรับได้ เหมือนอย่างว่ามารดา บิดา ย่อมตัดบุตรผู้ประพฤติผิด ทำ�ให้เป็นคน ภายนอก เห็นวา่ คนน้ีไมใ่ ช่ลูกของเรา เมือ่ มารดา บดิ า ล่วงลับไป เขาก็ไม่ไดร้ บั ทรัพย์มรดก ฉันใด แม้บุคคลผู้เกียจคร้านก็ฉันนั้น ย่อมไม่ได้มรดก คือ อริยทรัพย์น้ี ผู้ปรารภความเพียรเท่าน้ันย่อม ได้รบั . ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๔/๓๔๐ ๒.๒๓ ประชาชน ๔ วรรณะ เหน็ เงารปู ของตนในกระจกส�ำ หรบั สอ่ งดูไดท้ ว่ั ตวั ซึ่งติดต้งั ไว้ ที่ประตูเมือง ย่อมขจัดโทษ (สิ่งที่ทำ�ให้หมดความสวยงาม) แล้วกลับกลายเป็นผู้ไม่มีโทษ ฉันใด กุลบุตรทั้งหลายผู้ใคร่ต่อการศึกษาก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ ประสงค์จะประดับประดาตนด้วยเคร่ือง ประดบั คือ ความเพียร. ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๗/๒๑๓ ๒.๒๔ เสือเหลืองซ่อนตัวคอยจับหมู่มฤค ฉันใด ภิกษุผู้เป็นพุทธบุตรน้ีก็ฉันน้ันเหมือนกัน เข้าไปสู่ป่าแล้วประกอบความเพียร เป็นผู้มีปัญญาเห็นแจ้งเจริญวิปัสสนา ย่อมถือไว้ได้ซ่ึงผลอัน สงู สุดได.้ ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๔/๒๙๔ ๒.๒๕ พระบรมศาสดาตรสั วา่ คหบดีชาวนามกี จิ ตอ้ งท�ำ ในเบ้อื งต้น ๓ ประการ คือ ๑. ตอ้ งไถคราดนาให้เรยี บรอ้ ย ๒. ต้องเพาะพชื ลงไปตามกาลที่ควร ๓. ตอ้ งไขน้ำ�เขา้ นาบ้าง ระบายนำ�้ ออกบา้ งตามกาลทคี่ วร ภิกษกุ ฉ็ นั น้ันเหมอื นกนั มกี จิ ต้องท�ำ ในเบื้องต้น ๓ ประการ คอื ๑. การสมาทานอธศิ ีลสิกขา ๒. การสมาทานอธจิ ิตตสกิ ขา ๓. การสมาทานอธปิ ญั ญาสิกขา. องั .ตกิ . (พทุ ธ) มก. ๓๔/๔๔๙ www.kalyanamitra.org
296 ๒.๒๖ พระบรมศาสดาตรสั วา่ กิจท่ีคหบดีชาวนาตอ้ งรบี ท�ำ ๓ ประการคือ ๑. ต้องเร่งรีบไถคราดนาใหเ้ รียบรอ้ ย ๒. ต้องเรง่ รีบเพาะพืชลงไปตามกาลท่ีควร ๓. ต้องเรง่ รบี ไขน้�ำ เข้านาบา้ ง ระบายน�ำ้ ออกบ้างตามกาลท่ีควร คหบดีชาวนาน้ัน ไม่มีฤทธิ์ หรืออานุภาพท่ีจะบันดาลว่า วันนี้แลข้าวเปลือกของเราจงเกิด พรุ่งน้ีจงงอกรวง มะรืนนี้จงหุงได้ แท้ที่จริงข้าวเปลือกของคหบดีชาวนาน้ัน มีระยะเวลาของฤดูท่ี จะเกิดขึ้น ออกรวงและหุงได้ ฉันใด กจิ ทภ่ี ิกษุตอ้ งรีบท�ำ ๓ ประการนี้ ก็ฉันนน้ั คอื ๑. การสมาทานอธิศลี สกิ ขา ๒. การสมาทานอธจิ ิตตสิกขา ๓. การสมาทานอธปิ ญั ญาสิกขา ภิกษุน้ันไม่มีฤทธ์ิ และอานุภาพที่จะบันดาลว่า วันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ จิตของเราจง หลดุ พ้นจากอาสวะเพราะไมถ่ อื มั่น. อัง.ตกิ . (พุทธ) มก. ๓๔/๔๗๔ ๒.๒๗ พระพุทธองค์ทรงยกตัวอย่างถึงท่อนไม้ท่ีมีบุรุษโยนขึ้นไปในอากาศ เม่ือตกลงมา บางครั้งก็เอาโคนลงมาก่อน บางครั้งก็เอาตอนกลางลงมาก่อน บางครั้งก็เอาปลายลงมาก่อน เปรียบเสมือนสัตว์ท้ังหลายที่ถูกอวิชชาครอบงำ�อยู่ บางครั้งเม่ือละจากโลกนี้ไปแล้วก็ไปสู่ปรโลก บางครง้ั กล็ ะจากปรโลกมาสู่โลกนี้ สลับกันไปมาเช่นนี้ เพราะเหตุที่ยงั ไม่ตรัสรู้เห็นแจง้ ในอรยิ สัจ ๔. สงั .ม. (พุทธ) มก. ๓๑/๔๕๒ ๒.๒๘ เมื่อพระบรมศาสดาทรงต้องการแสดงหนทางแห่งการพ้นทุกข์ของสรรพสัตว์ทั้ง หลาย ใหเ้ หลา่ ภิกษุไดท้ ราบ พระพทุ ธองค์ตรัสถามภิกษุทง้ั หลายวา่ บุคคลควรทำ�อยา่ งไร ถา้ ผา้ ท่ี สวมใสอ่ ยู่ถูกไฟไหม ้ หรือศรี ษะก�ำ ลังถูกไฟไหม้ ภิกษุท้ังหลายทูลว่า ควรที่จะดับไฟที่ผ้าหรือที่ศีรษะนั้น ด้วยความพยายามอุตสาหะ ไม่ ย่นย่อทอ้ ถอย และมสี ติสัมปชญั ญะอยา่ งแรงกล้า พระบรมศาสดาตรสั วา่ บคุ คลควรจะวางเฉยในส่ิงท่ีเกดิ ขึ้น แลว้ รีบแสวงหาการตรสั รธู้ รรม ให้เห็นอรยิ สจั ๔ ด้วยความพยายามอุตสาหะ ไม่ยน่ ย่อทอ้ ถอย และมสี ตสิ มั ปชัญญะ. สงั .ม. (พทุ ธ) มก. ๓๑/๔๕๓ ๒.๒๙ พระเจ้ามลิ นิ ทต์ รสั ถามพระนาคเสนว่า วิรยิ ะ คอื ความเพยี ร มลี ักษณะอย่างไร พระนาคเสนทูลตอบว่า กุศลธรรมทั้งสิ้น มีความเพียรอุปถัมภ์แล้วย่อมไม่เสื่อม เหมือน เรอื นทจ่ี ะลม้ แล้วถูกไม้ค�ำ้ ไว้. มิลนิ . ๕๑ www.kalyanamitra.org
297 ๓. สมาธิ ๓.๑ ธรรมดากระแตเม่ือพบศัตรูย่อมพองหางข้ึนให้ใหญ่เพื่อต่อสู้กับศัตรู ฉันใด ภิกษุ ผ้ปู รารภความเพยี รกฉ็ นั น้นั เมือ่ เกดิ ศัตรู คอื กิเลสข้นึ ก็พองหาง คอื สตปิ ฏั ฐานให้ใหญข่ ้ึนก้ันกลาง กเิ ลสทงั้ ปวงด้วยหาง คอื สตปิ ัฏฐาน ขอ้ นส้ี มกบั ค�ำ ของพระจฬุ ปนั ถกเถรเจา้ วา่ เมอ่ื กเิ ลสจะท�ำ ลายคณุ เกดิ ขน้ึ ในเวลาใด เวลานน้ั ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็พองหาง คอื สติปัฏฐานข้ึนบอ่ ยๆ ฉนั นัน้ . มิลนิ . ๔๒๔ ๓.๒ ธรรมดาแมลงมุมชักใยดักไวแ้ ลว้ ก็จอ้ งดูอยู่ ถ้าหนอนหรอื แมลงมาตดิ ในใยของตนกจ็ บั กนิ เสยี ฉนั ใด ภกิ ษุผปู้ รารภความเพยี รกค็ วรชกั ใย คอื สติปัฏฐานซึ่งไว้ทท่ี วารทงั้ ๖ ถา้ แมลง คอื กิเลสตามติดก็ควรฆ่าเสยี ฉันน้ัน ข้อน้ีสมกับคำ�ของพระอนุรุทธเถรเจ้าว่า เพดานที่กั้นทวารท้ัง ๖ อยู่ คือ สติปัฏฐาน อันประเสริฐ เวลากเิ ลสมาติดท่ีเพดาน คือ สติปฏั ฐานนั้น พระภิกษกุ ็ควรฆ่าเสยี . มลิ ิน. ๔๕๕ ๓.๓ ธรรมดาช้างย่อมลงเล่นนำ้�อย่างสุขใจ ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรเวลาลงสู่สระ โบกขรณี คือ มหาสติปัฏฐานอันเต็มเป่ียมด้วยน้ำ�อันประเสริฐ คือ พระธรรมอันเย็นใสอันดาษไป ดว้ ยดอกไม้ คือ วิมตุ ติ กค็ วรเลน่ อยู่ด้วยการพจิ ารณาสังขาร ฉนั นั้น. มลิ ิน. ๔๔๘ ๓.๔ ธรรมดานายขมังธนูย่อมรักษาไม้ง่ามไว้ เพ่ือดัดลูกธนูที่คดงอให้ตรง ฉันใด ภิกษุ ผปู้ รารภความเพียรกค็ วรรกั ษาไม้งา่ ม คอื สติปัฏฐานไวใ้ นกายนี้ เพ่ือทำ�จติ ที่คดงอให้ตรง ฉนั น้นั . มิลนิ . ๔๖๔ ๓.๕ แกว้ ไพฑูรยน์ ง้ี าม เกดิ เอง บริสุทธ์ิ ๘ เหล่ยี ม นายช่างเจยี ระไนดแี ลว้ สกุ ใสแวววาว สมส่วนทุกอย่าง มีด้ายเขียว เหลือง แดง ขาว หรือนวล ร้อยอยู่ในนั้น ฉันใด ภิกษุก็ฉันน้ันแล เมอ่ื จิตเป็นสมาธิบรสิ ุทธผิ์ อ่ งแผว้ ไมม่ กี ิเลส ปราศจากอปุ กิเลสอ่อน ควรแกก่ ารงาน ต้งั ม่ัน ไม่หวนั่ ไหวอยา่ งน้ี ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพ่อื ญานทสั นะ. ที.ส. (พุทธ) มก. ๑๑/๓๒๖ ๓.๖ การละธรรมมีนิวรณ์ด้วยอุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิน่ัน เหมือนการกั้นสาหร่าย บนผิวน้�ำ ด้วยไม้. สงั .ข. (อรรถ) มก. ๒๗/๑๕ www.kalyanamitra.org
298 ๓.๗ บุรุษเดินทางไกล เกิดมีคนปองร้ายเขาขึ้นที่สองข้างทาง เขาจึงเกิดความหวาดเสียว เพราะถูกคนปองรา้ ยนั้นเป็นเหตุ ฉันใด ดูก่อนอนุรุทธะ ฉันนั้นเหมือนกันแล ความหวาดเสียวแลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็ความ หวาดเสียวเป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน เม่ือสมาธิเคล่ือนแล้ว แสงสว่าง และการเห็นรูปจึง หายไปได้. ม.อ.ุ (พทุ ธ) มก. ๒๓/๑๓๒ ๓.๘ ความเพยี รทยี่ อ่ หยอ่ นเกินไปแล เกดิ ขึน้ แล้วแกเ่ รา ก็ความเพยี รท่ียอ่ หย่อนเกนิ ไปเป็น เหตุ สมาธิของเราจงึ เคลอื่ น เมื่อสมาธิเคล่ือนแล้ว แสงสว่าง และการเห็นรปู จึงหายไปได้ ดกู ่อนอนรุ ุทธะ เปรยี บเหมอื นบุรษุ จบั นกคุ่มหลวมๆ นกคุ่มนน้ั ก็บินไปจากมอื เขาได้ ฉันนัน้ . ม.อ.ุ (พทุ ธ) มก. ๒๓/๑๓๓ ๓.๙ ความเพียรที่ปรารภเกินไปเป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคล่ือน เมื่อสมาธิเคล่ือนแล้ว แสงสวา่ ง และการเหน็ รูปจงึ หายไปได้ ดูก่อนอนุรุทธะ เปรียบเหมือนบุรุษเอามือท้ัง ๒ จับนกคุ่มไว้แน่น นกคุ่มนั้นต้องถึงความ ตายในมอื น่ัน ฉนั น้นั . ม.อุ. (พุทธ) มก. ๒๓/๑๓๓ ๓.๑๐ เรอื เดินสมทุ รทเ่ี ขาผูกหวาย ขันชะเนาะแลว้ แลน่ ไปในน�ำ้ ตลอด ๖ เดือน ถงึ ฤดหู นาว เข็นข้ึนบก เคร่ืองผูกประจ�ำ เรือตากลมและแดดไว้ เคร่ืองผูกเหล่าน้ันถูกฝนชะ ย่อมชำ�รุดเสียหาย เป็นของเปอ่ื ยไปโดยไม่ยาก ฉนั ใด ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เมอ่ื ภกิ ษหุ มน่ั เจรญิ ภาวนาอยู่ สงั โยชนย์ อ่ มระงบั ไปโดยไมย่ าก กฉ็ นั นน้ั . อัง.สัตตก. (พทุ ธ) มก. ๓๗/๒๕๓ ๓.๑๑ ธรรมดาสุกรยอ่ มขดุ ดนิ ดว้ ยจมูกของตน ท�ำ ใหเ้ ป็นรางน�ำ้ ในทีม่ นี �้ำ แลว้ นอนแชอ่ ยใู่ น ราง ฉันใด ภิกษุผู้ผู้ปรารภความเพียรกค็ วรเก็บไว้ในใจ ควรฝงั ใจอยู่ในอารมณ์แล้วนอน ฉันนั้น. มลิ นิ . ๔๔๘ ๓.๑๒ ดูก่อนกัจจานะ เปรียบเหมือนประทีปน้ำ�มันติดไฟอยู่ มีทั้งน้ำ�มัน ทั้งไส้บริสุทธ์ิ ประทีปนำ้�มันนั้น ยอ่ มตดิ ไฟอย่างไมร่ บิ หร่ี เพราะทงั้ น้ำ�มัน ทั้งไสบ้ ริสทุ ธิ์ ฉันใด ดูก่อนท่านกัจจานะ ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์ มีแสงสว่างบรสิ ทุ ธิอ์ ยู่ เธอระงบั ความชั่วหยาบทางกายได้ดี ถอนถีนมทิ ธะ (ความหดหซู่ ึมเซา) ไดด้ ี ทัง้ กำ�จัดอทุ ธจั จกกุ กุจจะ (ความฟุ้งซา่ น) ไดด้ ี เธอยอ่ มรุ่งเรอื งอย่างไม่ริบหรี่ เพราะระงบั ความชัว่ หยาบทางกายไดด้ ี เธอตายไปแลว้ ย่อมเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายของเทวดาพวกมีรศั มีบริสุทธิ์. ท.ี ม. (พทุ ธ) มก. ๒๓/๑๑๘ www.kalyanamitra.org
299 ๓.๑๓ ดวงอาทิตย์ย่อมมีรัศมีเป็นมาลา ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควรมีรัศมี คือ อารมณ์เปน็ มาลา ฉนั นั้น. มิลิน. ๔๔๑ ๓.๑๔ ธรรมดาปลิงเกาะในทใ่ี ดก็ตาม ต้องเกาะให้แน่นในท่ีนั้นแลว้ จงึ ดดู เลือด ฉนั ใด ภกิ ษุ ผปู้ รารภความเพยี รมีจติ เกาะในอารมณใ์ ด ควรเกาะอารมณ์นั้นใหแ้ นน่ ดว้ ย สี สัณฐาน ทศิ โอกาส กำ�หนดเพศ นิมิตแล้วดม่ื วมิ ุตตริ สอันบรสิ ุทธิ์ดว้ ยอารมณน์ ้นั . มลิ ิน. ๔๕๓ ๓.๑๕ เพราะจิตของเธอซ่านไปในอารมณ์ทั้งหลายมีรูป เป็นต้นมานาน ย่อมไม่ประสงค์จะ ลงสวู่ ถิ แี หง่ กมั มฏั ฐาน คอยแตจ่ ะแลน่ ออกนอกทางทา่ เดยี ว เหมอื นเกวยี นทเ่ี ทยี มดว้ ยโคโกง ฉะนน้ั . ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๔/๒๙๒ ๓.๑๖ คนง่อยไกวชิงชา้ ให้แก่มารดา และบตุ รผ้เู ลน่ ชิงช้าอยู่ แลว้ นง่ั อย่ทู โ่ี คนเสาชงิ ช้าในท่ี นั่นเอง เม่ือกระดานชิงช้าไกวไปอยู่โดยลำ�ดับ ย่อมเห็นที่สุดทั้งสองข้าง และตรงกลาง แต่มิได้ ขวนขวายเพ่อื จะดูทีส่ ดุ ท้งั สองขา้ งและตรงกลาง แมฉ้ ันใด ภิกษุน้ีก็ฉันนั้นเหมือนกัน ยืนท่ีใกล้โคนเสาอันเข้าไปผูกไว้ด้วยอำ�นาจสติ แล้วโล้ชิงช้า คือ ลมหายใจเขา้ และหายใจออก นง่ั อยู่ด้วยสติในนมิ ิตนั้นนัน่ เอง สง่ สติไปตามเบ้อื งต้น ท่ามกลาง และ ท่ีสุดแห่งลมหายใจเข้า และลมหายใจออก ในฐานที่ลมถูกต้องแล้วซึ่งพัดผ่านมาผ่านอยู่โดยลำ�ดับ และตง้ั จิตเฉยไว้ในนมิ ติ น้นั และไมข่ วนขวายเพอ่ื จะแลดูลมเหลา่ นั้น นเี้ ป็นข้ออุปมาเหมือนคนงอ่ ย. ว.ิ มหา. (อรรถ) มก. ๒/๓๕๘ ๓.๑๗ แม่น้ำ�คงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีน บ่าไปสู่ทิศปราจีน ฉันใด ภิกษุ เจริญกระทำ�ให้มากซ่ึงฌาน ๔ ย่อมเป็นผู้น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน. สงั .ม. (พทุ ธ) มก. ๓๑/๒๑๑ ๓.๑๘ ธรรมดาแมลงป่องย่อมมีหางเป็นอาวุธ ย่อมชูหางของตนเที่ยวไป ฉันใด ภิกษุ ผู้ปรารภความเพียรก็ควรมีญาณ (ความรู้แจ้ง) เป็นอาวุธ ควรชูญาณ ฉันน้ัน เอาพระขรรค์ คือ ญาณ ผ้เู หน็ ธรรมดว้ ยอาการต่างๆ ยอ่ มพ้นจากภัยท้ังปวง ภกิ ษนุ น้ั ย่อมอดทนสิง่ ทีท่ นได้ยากในโลก. มิลิน. ๔๔๕ ๓.๑๙ ธรรมดาดวงอาทิตย์ย่อมทำ�ให้เห็นของดีของเลว ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ ควรทำ�ตนให้เห็นโลกิยธรรม โลกุตรธรรม ด้วยอินทรีย์ พละ โพชฌงค์ สติปัฏฐาน สัมมัปธาน อิทธิบาท ฉนั นั้น www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370