50 ๒.๔.๕ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหายพระองค์บนฝ่ังข้างน้ีของแม่น้ำ�คงคา แล้วประทับยืน เฉพาะอยบู่ นฝง่ั ขา้ งโนน้ เหมอื นบรุ ษุ ผมู้ กี �ำ ลงั พงึ เหยยี ดแขนทค่ี ไู้ วอ้ อกไป หรอื คแู้ ขนทเ่ี หยยี ดไวเ้ ขา้ มา. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๒๕๙ ๒.๔.๖ พระผู้มพี ระภาคเจ้าเสด็จเขา้ พระนคร คือ ปรินพิ พาน เสดจ็ เข้าสมาบตั ทิ ้งั หมดนับได้ ย่ีสบิ สแ่ี สนโกฏิ (สิบล้าน) แลว้ เข้าเสวยสุขในสมาบตั ิทงั้ หมด เหมือนคนจะไปต่างประเทศ กอดคนที่ เป็นญาติ ฉะน้นั . ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๔๔๓ ๒.๔.๗ พระผู้มพี ระภาคเจ้าพระองค์นนั้ ผู้รอู้ นสุ ยั (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน) ของสัตว์ เหล่านั้นๆ ผูเ้ หน็ ธรรมท่ีควรรทู้ ั้งหมด เหมอื นมะขามปอ้ มท่วี างไว้บนฝา่ มือ ฉะนัน้ . ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๘/๒๐ ๒.๔.๘ ปลา และเต่าทุกชนิด โดยท่ีสุดรวมถึงปลามิติมิงคละ ย่อมเป็นไปภายในมหาสมุทร ฉันใด โลกพร้อมท้ังเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์พร้อมท้ังสมณพราหมณ์ เทวดา และ มนุษยย์ อ่ มเปน็ ไปภายในพระพุทธญาณ ฉนั นน้ั เหมือนกนั . ข.ุ จู. (อรรถ) มก. ๖๗/๓๘๑ ๒.๔.๙ พระองค์ทรงตรวจดใู นพระเชตวันวหิ ารดว้ ยพระจกั ษุอนั เปน็ ทพิ ย์ ทรงเห็นภิกษเุ หลา่ นนั้ ประหนึ่งโจรอันเกิดขึน้ ในภายในนิเวศนข์ องพระเจ้าจักรพรรด.ิ ข.ุ ชา. (อรรถ) มก. ๕๘/๔๐๗ ๒.๔.๑๐ พระผู้มีพระภาคเจ้าเปรียบเหมือนชาวประมง พระธรรมเทศนาเปรียบเหมือนข่าย หมื่นโลกธาตุเปรียบเหมือนนำ้�น้อย สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีทิฏฐิ ๖๒ เปรียบเหมือนสัตว์ใหญ่ กิริยาท่ีพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ความที่สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีทิฏฐิท้ังหมดตกอยู่ภายในข่าย คือ พระธรรมเทศนาเปรียบเหมือนกิริยาที่ชาวประมงน้ัน ยืนแลดูอยู่ริมฝั่งเห็นสัตว์ใหญ่ๆ อยู่ ภายในข่าย ฉะนนั้ . ที.สี. (อรรถ) มก. ๑๑/๒๘๐ ๒.๕ การกำ�จัดกเิ ลส ๒.๕.๑ พระผูม้ พี ระภาคเจา้ ผตู้ รัสรู้แล้ว ทรงละขาดแล้ว ตดั รากขาดแลว้ ทำ�ให้ไม่มที ่ตี ้งั ดจุ ตาลยอดด้วน. ข.ุ จู. (ทัว่ ไป) มก. ๖๗/๖๔ ๒.๕.๒ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีเดช ทรงประกอบด้วยเดช ทรงครอบงำ�กามทั้งหลาย แลว้ ดำ�เนินไป เหมอื นพระอาทติ ย์อันมีแสงสว่าง ประกอบด้วยเดช ย่อมสอ่ งแสงปกคลมุ ทว่ั ปฐพี. ขุ.จ.ู (ทั่วไป) มก. ๖๗/๒๗๔ www.kalyanamitra.org
51 ๒.๕.๓ พระองคท์ รงละสงั ขารทกุ อยา่ งเหมอื นงูลอกคราบ เหมอื นต้นไม้สลดั ใบเก่า แลว้ ก็ดับ ขันธปรนิ พิ พาน. ขุ.พุทธ. (พทุ ธ) มก. ๗๓/๔๒๙ ๒.๕.๔ เม่ือทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว หม่ืนโลกธาตุก็ไหวด้วยอานุภาพพระสัพ- พญั ญตุ ญาณ๑ น้นั พึงทราบเหมือนการก�ำ จัดธุลใี นตัวของราชสีห์. องั .จตกุ ก. (อรรถ) มก. ๓๕/๑๒๕ ๒.๕.๕ พระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ ทรงท�ำ ลายกิเลสท่ีเกิดในตน เหมือนนักรบผยู้ ง่ิ ใหญใ่ นสงคราม ท�ำ ลายเกราะ และทรงเปน็ ผ้ยู นิ ดีภายใน ทรงเป็นผมู้ ีพระหฤทัยตัง้ มัน่ แลว้ . สัง.ม. (อรรถ) มก. ๓๑/๑๓๖ ๒.๕.๖ ความโกรธจะไม่เกิดข้ึนในพระพุทธเจ้า เหมือนไฟสถิตอยู่ในน�้ำ ไม่ได้ เหมือนพืชงอก บนหินไมไ่ ด้ ฉะนนั้ . ข.ุ เถร. (อรรถ) มก. ๕๑/๒๙๘ ๒.๕.๗ พระพุทธเจ้าท้ังหลายไม่กระเทือนพระหฤทัย เหมือนแผ่นดินอันไม่กระเทือนสาคร แมน้ บั จ�ำ นวนน้ำ�ไมไ่ ดก้ ไ็ มก่ ระเพ่อื ม และแมอ้ ากาศอนั ไม่มที ่ีสุดกไ็ ม่ปั่นปว่ น. ขุ.เถร. (อรรถ) มก. ๕๑/๒๙๘ ๒.๕.๘ พระอาทติ ยม์ ีแสงสวา่ งประกอบด้วยเดช คอื รัศมี สอ่ งแผ่ปกคลุมครอบปฐพใี หร้ อ้ น เลื่อนลอยไปในอากาศกำ�จัดความมืด ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีเดช คือ พระญาณ เป็น เครือ่ งกำ�หนดรู้ซง่ึ วตั ถกุ าม ทรงละ ทรงครอบง�ำ ทรงปกคลมุ ทรงท่วมทบั ทรงกำ�จัด ทรงย่ำ�ยซี ่งึ กิเลสกาม ฉนั นนั้ เหมอื นกัน. ข.ุ จ.ู (ทว่ั ไป) มก. ๖๗/๒๗๕ ๒.๕.๙ ดอกบวั เกดิ ในน�ำ้ ยอ่ มไพโรจนอ์ ยทู่ า่ มกลางน�ำ้ มเี กสรบรสิ ทุ ธไ์ิ มต่ ดิ ดว้ ยน�ำ้ ฉนั ใด ขา้ แต่ พระมหาวรี เจา้ เปน็ มหามนุ เี กดิ ในโลกแตไ่ มต่ ดิ โลก เหมอื นดอกบวั ไมต่ ดิ น�ำ้ ฉะนน้ั . ข.ุ อป. (เถระ) มก. ๗๐/๔๑๙ ๒.๕.๑๐ พระอาทิตย์อุทัยย่อมขจัดความมืดได้ทุกเม่ือ ฉันใด พระองค์ผู้เป็นพระพุทธเจ้าอัน ประเสริฐสุด กข็ จดั ความมืดได้ทกุ เม่ือ ฉนั นัน้ . ข.ุ อป. (เถระ) มก. ๗๑/๑๖๙ ๒.๖ พุทธลกั ษณะ ๒.๖.๑ พระกุมารไม่เปน็ เหมือนคนอืน่ เมื่อคนอน่ื วางเทา้ ลงบนแผน่ ดิน ปลายฝ่าเทา้ ส้นเท้า ๑ พระสพั พญั ญตุ ญาณ พระปรชี าญาณหย่งั รู้สิ่งทง้ั ปวงทงั้ ทเี่ ปน็ อดีต ปัจจบุ นั และอนาคต www.kalyanamitra.org
52 หรอื ขา้ งเทา้ ยอ่ มจดก่อน กแ็ ต่ว่ายงั ปรากฏช่องในตอนกลาง แม้เมอ่ื ยกขน้ึ สว่ นหน่งึ ในปลายฝา่ เท้า เปน็ ต้นนัน่ แหละ กย็ กขนึ้ ก่อน ฝ่าพระบาทท้ังส้ินของพระกุมารน้ันย่อมจรดพื้นโดยทรงเหยียบพระบาทคร้ังหน่ึง ดุจพื้น รองเท้าทองคำ� ฉะนนั้ ทรงยกพระบาทข้ึนจากพน้ื ก็โดยทำ�นองเดยี วกนั เพราะฉะนนั้ พระกมุ ารนี้จงึ เป็นผมู้ พี ระบาทเรยี บเสมอกัน. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๑๖ ๒.๖.๒ ส้นพระบาทของพระมหาบุรุษไม่เป็นเหมือนปลายเท้าอันยาวของคนอื่น อันลำ�แข้ง ต้ังอยู่ส้นเท้าเป็นเหมือนตัดส้นเท้าต้ังอยู่ ฉะน้ัน แต่ของพระมหาบุรุษ พระบาทมี ๔ ส่วน ปลาย พระบาทมี ๒ ส่วน ล�ำ พระชงฆต์ งั้ อยู่ในสว่ นที่ ๓ สน้ พระบาทในส่วนท่ี ๔ เปน็ เช่นกบั ลกู คลีหนงั ท�ำ ด้วยผ้ากมั พลสีแดง ดจุ มว้ นดว้ ยปลายเข็มแล้วตั้งไว้. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๑๗ ๒.๖.๓ พระมหาบุรุษมีน้ิวพระหัตถ์ และพระบาทยาวเหมือนของวานร ข้างโคนใหญ่แล้ว เรียวไปโดยลำ�ดบั ถงึ ปลายนว้ิ เช่นเดียวกบั แท่งหรดาลที่ขย�ำ ดว้ ยน�ำ้ มนั ยางแลว้ ปั้นไว้. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๑๗ ๒.๖.๔ พระมหาบรุ ุษมนี ิว้ พระหตั ถ์ ๔ นิ้ว พระบาท ๔ นวิ้ ชดิ สนทิ เป็นอันเดยี วกนั ก็เพราะ พระองคุลีท้ังหลายชิดสนิทเป็นอันเดียวกัน พระองคุลีทั้งหลายจึงติดกันและกัน มีลักษณะเป็นข้าว เหนยี วตง้ั อยู่ พระหตั ถ์ และพระบาทของพระโพธิสตั วน์ ้ันเปน็ เช่นกบั หนา้ ต่างตาขา่ ยอนั ชา่ งผูฉ้ ลาด ดปี ระกอบแลว้ . ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๑๘ ๒.๖.๕ พระบาทของพระโพธิสัตว์เหมือนสังข์ควำ่� จริงอยู่ ข้อเท้าของคนอ่ืนอยู่ท่ีหลังเท้า เพราะฉะนั้น เท้าของคนเหล่าน้ันจึงติดกันเหมือนติดด้วยสลักกลับกลอกไม่ได้ตามสะดวก เมื่อเดิน ไปฝา่ เทา้ ไมป่ รากฏ แตข่ ้อพระบาทของพระมหาบรุ ุษขึ้นไปตัง้ อยูเ่ บ้ืองบน เพราะฉะน้ัน พระวรกายท่อนบนของพระมหาบุรุษ ตั้งแต่พระนาภีข้ึนไปจึงมิได้หวั่นไหวเลย ดุจพระสุวรรณปฏิมาประดิษฐานอยู่ในเรือ พระวรกายท่อนเบื้องล่างย่อมไหว พระบาทกลอกกลับ ไดส้ ะดวก. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๑๘ ๒.๖.๖ พระมหาบรุ ษุ มพี ระชงฆ์ (แข้ง) บรบิ รู ณ์ดว้ ยห้มุ พระมังสะ (เน้อื ) เตม็ ... ประกอบด้วย พระชงฆ์เช่นกับท้องขา้ วสาลีท้องขา้ วเหนียว. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๑๘ www.kalyanamitra.org
53 ๒.๖.๗ พระมหาบุรษุ มีพระคุยหะ (องคชาต) ซอ่ นอยู่ในฝกั ดจุ ฝักบัวทอง ดจุ คุยหะแห่งโค และชา้ ง เปน็ ตน้ . ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๑๙ ๒.๖.๘ พระมหาบุรษุ มีพระวรกายตรงเหมือนกายพรหม ทรงดำ�เนนิ พระวรกายตรงทเี ดยี ว มี ประมาณเทา่ ส่วนสูง เป็นดจุ เสาทองท่ยี กขน้ึ ในเทพนคร. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๐ ๒.๖.๙ พระมหาบุรุษมีพระมังสะฟูบริบูรณ์ด้วยดีในที่ ๗ สถาน คือ หลังพระหัตถ์ทั้งสอง หลงั พระบาททัง้ สอง จะงอยพระองั สา (บา่ ) ทงั้ สอง และพระศอ (คอ) แตข่ องคนเหลา่ อืน่ ท่หี ลังมือ และหลังเทา้ เป็นตน้ ปรากฏเส้นเลอื ดเปน็ ตาขา่ ย ทจ่ี ะงอยบา่ และคอปรากฏปลายกระดูก มนุษย์ เหล่านั้นย่อมปรากฏเหมือนเปรต พระมหาบุรุษไม่ปรากฏเหมือนอย่างน้ัน ก็พระมหาบุรุษมีพระศอ เช่นกับกลองทองคำ�ที่เขากลึง หลังพระหัตถ์มีเส้นเลือดเป็นตาข่ายซ่อนไว้ เพราะมีพระมังสะฟู บรบิ ูรณใ์ นที่ ๗ สถาน ยอ่ มปรากฏเหมอื นรปู ศิลา และรูปป้ัน. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๐ ๒.๖.๑๐ พระมหาบุรุษมกี ่งึ กายท่อนบน เหมอื นกึง่ กายทอ่ นหน้าของราชสหี ์. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๐ ๒.๖.๑๑ พระมหาบุรุษมีร่องพระปฤษฎางค์ (หลัง) เต็ม อันที่จริงหลังของคนพวกอ่ืนบุ๋ม... แต่ของพระมหาบุรุษ พ้ืนพระปฤษฎางค์ตั้งแต่บั้นพระองค์ (เอว) จนถึงพระศอข้ึนไปปิดพระ ปฤษฎางค์ (หลงั ) ตัง้ อยู่ เหมือนแผ่นกระดานทองท่ียกข้ึนต้งั ไว.้ ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๑ ๒.๖.๑๒ พระมหาบรุ ษุ มปี ริมณฑลดุจต้นนโิ ครธ อธบิ ายว่า พระมหาบรุ ษุ แม้โดยพระวรกาย แมโ้ ดยพยาม (ระยะวาหนึง่ ) ประมาณเทา่ กัน ดจุ ตน้ นโิ ครธมีล�ำ ต้น และก่งิ เสมอกัน. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๑ ๒.๖.๑๓ ลำ�พระศอของพระมหาบุรุษเป็นเช่นกับกลองทองท่ีเขากลึงดีแล้ว ในเวลาตรัส เอน็ เป็นตาขา่ ยไมป่ รากฏ พระสรุ เสยี งดงั กอ้ งดจุ เสยี งเมฆกระห่มึ . ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๒ ๒.๖.๑๔ พระมหาบุรุษมเี สน้ ประสาทส�ำ หรับนำ�รสอาหารประมาณ ๗,๐๐๐ เส้น มีปลายขนึ้ เบอ้ื งบนแลว้ รวมเขา้ ทล่ี ำ�พระศอน่ันเอง พระกระยาหารแมเ้ พยี งเมลด็ งาต้ังอยู่ ณ ปลายพระชวิ หา ยอ่ มแผไ่ ปทว่ั พระวรกายทกุ สว่ น. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๒ www.kalyanamitra.org
54 ๒.๖.๑๕ ราชสีห์มีคางท่อนล่างบริบูรณ์ท่อนบนไม่บริบูรณ์ แต่พระมหาบุรุษบริบูรณ์แม้ทั้ง สอง ดุจคางเบือ้ งลา่ งของราชสีห์ เปน็ เช่นกับพระจนั ทรใ์ นวนั ขึน้ ๑๒ ค่ำ�. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๒ ๒.๖.๑๖ คนเหล่าอืน่ แม้มฟี ันครบบริบรู ณ์ก็มี ๓๒ ซ่ี แตพ่ ระกุมารน้จี ักมี ๔๐ องค์ อนึ่งฟันของคนเหล่าอ่ืน บางซ่ีสูง บางซ่ีต่ำ� บางซ่ีไม่เสมอกัน แต่ของพระกุมารนี้พระทนต์ เสมอกันดุจเคร่ืองหุ้มสังข์ท่ีช่างเหล็กตัด ฉะนั้น ฟันของพวกคนอื่นห่างเหมือนฟันจระเข้ เมื่อเคี้ยว ปลา และเนอื้ ย่อมเต็มระหว่างฟนั หมด แต่พระทนตข์ องพระกมุ ารน้ี จักไมห่ า่ ง ดุจแถวแก้ววเิ ชียรที่ เขาต้งั ไวบ้ นแผ่นกระดานทอง. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๓ ๓.๖.๑๗ พระกุมารน้มี ีพระทาฒะ (เขีย้ ว) ขาวสะอาด ประกอบดว้ ยรัศมรี งุ่ เรอื งยิง่ กว่าดาว ประกายพฤกษ.์ ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๓ ๒.๖.๑๘ พระชิวหาของพระมหาบุรุษอ่อน ยาว ใหญ่ สมบูรณ์ด้วยสี เพื่อปลดเปล้ืองความ สงสัยของผู้มีมาเพ่ือแสวงหาลักษณะน้ัน เพราะพระชิวหาอ่อนจึงทรงแลบพระชิวหาน้ัน ดุจ ของแข็งทสี่ ะอาดแล้วลูบช่องพระนาสกิ ทัง้ สองได.้ ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๓ ๒.๖.๑๙ พระกุมารนจี้ กั ทรงประกอบด้วยเสยี งเชน่ กับเสียงของท้าวมหาพรหม มีเสียงแจ่มใส เพราะไม่กลั้วด้วยนำ้�ดี และเสมหะ พระกุมารมีพระสุรเสียงก้องไพเราะดุจเสียงนกการเวกอันน่า ชนื่ ชม. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๔ ๒.๖.๒๐ พระกุมารมีพระเนตรไมด่ ำ�ท้งั หมด พระเนตรของพระกมุ ารนนั้ ประกอบดว้ ยสีเขยี ว บริสทุ ธย์ิ ่ิงนกั เช่นกับดอกสามหาวในทท่ี ี่ควรเขยี ว ในที่ท่ีควรเหลืองก็มสี เี หลืองเชน่ กับดอกกรรณิกา ในทที่ ี่ควรแดงกม็ สี ีแดงเช่นกับดอกชบา ในทท่ี ี่ควรขาวก็มีเชน่ กบั ดาวประกายพฤกษ์ ในทค่ี วรดำ�กม็ ีสีด�ำ เชน่ กบั ลกู ประคำ�ดคี วาย พระเนตรย่อมปรากฏเช่นกบั สหี บญั ชรแก้วอันเผยออกแลว้ ในวิมานทอง. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๔ www.kalyanamitra.org
55 ๒.๖.๒๑ พระกุมารมีดวงเนตรเช่นกับพระโคแดงอ่อนซ่ึงเกิดได้ครู่เดียว จริงอยู่ ดวงตาของ คนอื่นไม่บริบูรณ์ ประกอบด้วยตาถลนออกมาบ้าง ลึกลงไปบ้าง เช่นกับตาสัตว์มีช้าง และหนู เป็นตน้ แต่พระเนตรของพระมหาบุรษุ สะสมไวด้ ว้ ยความอ่อนสนิท ดำ�ละเอียดดุจแก้วมณีกลมที่เขา ลา้ งแล้วขดั ต้ังไว.้ ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๔ ๒.๖.๒๒ พื้นพระมงั สะของพระมหาบรุ ุษนูนข้นึ ตั้งแต่หมวกพระกรรณ (ห)ู เบื้องขวาปกพระ นลาฏ (หน้าผาก) ทั้งส้ินเต็มบริบูรณ์ไปจรดหมวกพระกรรณเบื้องซ้าย งดงามเหมือนแผ่นอุณหิส (มงกุฏ) เคร่อื งประดับของพระราชา ในนัยแรก พระกมุ ารมีพระเศยี รดจุ ประดบั ดว้ ยกรอบพระพักตร์ ในนยั ท่สี อง พระกุมารมพี ระเศยี รเป็นปริมณฑลในท่ที งั้ ปวงดุจอุณหิส. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๒๕ ๒.๖.๒๓ พระวรกายแห่งพระผู้มีพระภาคอันรุ่งเรืองด้วยอนุพยัญชนะ (ลักษณะปลีกย่อย) ๘๐ ประการ พระรัศมีโดยปรกติประมาณวาหนึ่ง และวรลักษณ์ ๓๒ ประการ ก็ไพโรจน์เพียงพ้ืน อัมพรอันพร่างพราวด้วยดวงดาว ประหนึ่งดอกบัวอันบานสะพร่ัง ดุจดังปาริฉัตรประมาณ ๑๐๐ โยชน์ ผลบิ านเต็มตน้ . ที.ปา. (อรรถ) มก. ๑๖/๒๖๗ ๒.๖.๒๔ พระสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประทับยืนอย่างน้ี รุ่งโรจน์เหมือนสระที่เต็มไป ด้วยดอกบัวกำ�ลังแย้ม เหมือนต้นปาริฉัตรที่มีดอกบานสะพรั่ง และเหมือนท้องฟ้าที่ระยิบระยับไป ด้วยดาว และพยับแดด. ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๘/๔๓๕ ๒.๖.๒๕ ช้างตัวประเสริฐเมื่อประสงค์จะแลดูส่วนข้างหลัง จึงหมุนร่างกายท้ังส้ินน่ันเทียว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็พึงหมุนไปเช่นน้ัน เพราะฉะน้ัน พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถอยกลับพระสรีระ ทง้ั สนิ้ เทียวช�ำ เลืองด ู ดุจพระพุทธรปู ทองค�ำ ทหี่ มนุ ไปด้วยเครอ่ื งยนต์. ม.มู. (อรรถ) มก. ๑๙/๔๘๒ ๒.๖.๒๖ พระองค์ย่อมประสูติอย่างบริสุทธิ์แท้ คือ ไม่แปดเปื้อนด้วยนำ้� ด้วยเสมหะ ด้วย เลือด ดว้ ยน้ำ�เหลือง ดว้ ยของไมส่ ะอาดใดๆ นบั วา่ หมดจดบริสุทธ์ิ เปรียบเหมอื นแก้วมณีที่เขาวาง ลงบนผ้ากาสิกพัสตร์ ย่อมไมเ่ ปอื้ นผา้ กาสกิ พัสตร์ แมผ้ ้ากาสิกพสั ตรก์ ไ็ มเ่ ปื้อนแก้วมณี. ม.อุ. (พุทธ) มก. ๒๓/๔๔ www.kalyanamitra.org
56 ๒.๖.๒๗ เบ้าพระเนตรท้ังสองข้างของพระผู้มีพระภาคเจ้ามีสีแดงดี น่าดู น่าชม เหมือนสี ปีกแมลงทับทิมทอง. ข.ุ จู. (อรรถ) มก. ๖๗/๓๗๘ ๒.๖.๒๘ พระพุทธรัศมีมวี รรณะ ๖ ซ่งึ แลน่ ฉวัดเฉวยี นไป จงึ งดงามอยา่ งเหลอื เกนิ เหมือน ต้นปาริฉัตร ดอกบานสะพรั่งไปทั้งต้น เหมือนดงบัวที่มีดอกบัวหลวงแย้มแล้ว เหมือนเสาระเนียด ทองใหม่ สวยงามดว้ ยรัตนะตา่ งชนดิ เหมือนทอ้ งฟ้างามระยบั ดว้ ยดวงดาว. ขุ.พุทธ. (อรรถ) มก. ๗๓/๑๒๑ ๒.๖.๒๙ พระโพธิสัตว์ประทับน่งั ส�ำ รวจโลกธาตุดา้ นทศิ ตะวนั ออกอยู่ มีพระสรรี ะงามเสมือน ยอดภเู ขาทองซ่งึ เรอื งรองด้วยแสงสนธยา. ขุ.พทุ ธ. (อรรถ) มก. ๗๓/๒๘ ๒.๖.๓๐ พระชินเจ้าทรงมีอาจาระน่าชม ดังพระยาช้างสง่างามในอาการเสด็จ พระพุทธ ดำ�เนินงามนัก ทรงยังมนุษยโลกกับท้ังเทวโลกให้ร่าเริงสง่างาม ดังพระยาอุสภราช ดังไกรสรราช สีห์ทเ่ี ท่ยี วไปท้ังสีท่ ิศ ทรงยังสตั ว์เปน็ อันมากใหย้ ินดี เสดจ็ ถงึ บรุ อี นั ประเสริฐสุด. ม.ม. (อรรถ) มก. ๒๐/๖๑ ๒.๖.๓๑ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสนว่า ธรรมดาบุตรย่อมคล้ายมารดา บิดา พระพทุ ธมารดา และพระพทุ ธบดิ า ไดล้ ักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการหรือไม่ พระนาคเสนทูลตอบว่า ไม่ ดอกบัวเกิดจากโคลน และน้ำ� สี กล่ิน รส ของดอกบัวไม่ เหมือนกบั โคลน และน�้ำ . มิลนิ .๑๑๖ ๒.๗ พระรศั มี ๒.๗.๑ อชิตพราหมณ์ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เพียงดังว่า ดวงอาทิตย์มีรัศมีฉายออก ไป และเหมอื นดวงจนั ทร์เตม็ ดวงในวันเพญ็ . ข.ุ จู. (อรรถ) มก. ๖๗/๗ ๒.๗.๒ พระภาคเจ้าร่งุ เรืองอยู่ ณ บนนภากาศ เหมือนดวงจนั ทร์ในทอ้ งฟา้ ฉะน้นั . ข.ุ พุทธ. (อรรถ) มก. ๗๓/๑๓๔ ๒.๗.๓ พระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ทงั้ หลายอุปมาดงั พระจนั ทร์ ยอ่ มปรากฏเหมือนประทบั ยืนอยู่ ตรงหน้าแห่งสัตว์ท้ังหลาย ผู้ยืนอยู่ในท่ีใดท่ีหนึ่ง เหมือนพระจันทร์ลอยอยู่แล้วในกลางหาว ย่อม ปรากฏแกป่ วงสัตว์ว่า พระจนั ทรอ์ ยู่บนศรี ษะของเรา. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๙๙ www.kalyanamitra.org
57 ๒.๗.๔ พระจันทร์และพระอาทิตย์ปราศจากมลทิน ย่อมแจ่มกระจ่างในท้องฟ้า ซึ่งปราศ จากเมฆฝน ฉันใด ข้าแต่พระองค์ผมู้ พี ระรศั มซี ่านออกแต่พระสรีรกาย ผู้เป็นมหามุนี พระองค์ยอ่ ม รงุ่ เรอื งลว่ งสรรพสัตวท์ ั้งหลายในโลกดว้ ยพระยศ ฉนั นน้ั . สัง.ส. (เถระ) มก. ๒๕/๓๔๗ ๒.๗.๕ พระรศั มีมวี รรณะ ๖ แตพ่ ระสรรี ะของพระบรมศาสดาท�ำ ใหก้ ง่ิ คาคบ และใบแห่งต้น นิโครธไดเ้ ป็นราวกับว่าส�ำ เรจ็ ดว้ ยทองคำ�. ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๓๐๙ ๒.๘ การแสดงธรรม การฝึกคน ๒.๘.๑ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของท่ีควํ่า เปิดของท่ีปิด บอกทางแกค่ นหลงทาง หรือส่องประทปี ในท่ีมดื ดว้ ยคิดวา่ ผู้มจี กั ษุจกั เห็นรูป. ม.ม. (ทัว่ ไป) มก. ๒๐/๘๘ ๒.๘.๒ ทรงเร่ิมอนุปุพพิกถาเพือ่ แสดงธรรม ดุจจบั ต้นหวา้ ใหญส่ ่นั และดจุ ยังฝน คอื อมต ธรรมให้ตกอยู่. ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๙๙ ๒.๘.๓ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเวลาแล้ว เสด็จออกจากพระคันธกุฎี ตรงไปยังพุทธ อาสน์อนั ประเสรฐิ ทรงแสดงธรรม ไม่ใหเ้ วลาล่วงผ่านไป เหมือนบรุ ษุ ผู้ถือเอานำ้�มันที่หงุ ไว้ส�ำ หรบั ประกอบยา ทรงส่งบริษัทไปดว้ ยจิตท่โี นม้ ไปในวเิ วก. ม.อ.ุ (อรรถ) มก. ๒๓/๓๑ ๒.๘.๔ บรุ ุษผ้อู ิ่มในรสอนั เลิศแลว้ ยอ่ มไมป่ รารถนารสทเ่ี ลวเหล่าอื่น ฉนั ใด บคุ คลฟังธรรม ของพระโคดมพระองค์นน้ั ยอ่ มไมป่ รารถนาวาทะของสมณะเปน็ อันมากเหลา่ อ่ืน ฉนั นัน้ . องั .ปัญจก. (ทัว่ ไป) มก. ๓๖/๔๒๒ ๒.๘.๕ เราได้ฟงั พระวาจาอันเปน็ สุภาษิตของพระพุทธเจ้าผ้เู ปน็ เผ่าพันธ์ุแห่งพระอาทติ ย์ จงึ ได้รู้แจง้ แทงตลอดซ่งึ ธรรมอันละเอียด เหมอื นบคุ คลยงิ ปลายขนทรายดว้ ยลูกศร ฉะนน้ั . ขุ.เถร. (เถระ) มก. ๕๐/๑๗๕ ๒.๘.๖ ผู้มีปัญญาย่อมด่ืมดำ่�คำ�ส่ังสอนของพระพุทธเจ้า ซ่ึงเป็นธรรมทำ�ผู้ฟังให้ชุ่มช่ืน มี โอชะ เหมือนคนเดนิ ทางไกลดมื่ น้ำ�ฝน ฉะน้นั . ข.ุ เถร.ี (ท่วั ไป) มก. ๕๔/๑๐๒ ๒.๘.๗ คนฝึกม้าผู้ฉลาด ได้ม้าอาชาไนยตัวงามแล้วเริ่มต้นทีเดียว ให้ทำ�สิ่งอันควรทำ�ใน บังเหียน ตอ่ ไปจึงใหท้ ำ�สง่ิ อนั ควรใหท้ ำ�ยง่ิ ๆ ขึ้นไป ฉนั ใด www.kalyanamitra.org
58 ดูก่อนพราหมณ์ ฉันนั้นเหมือนกันแล ตถาคตได้บุรุษที่ควรฝึกแล้ว เร่ิมต้นย่อมแนะนำ� อยา่ งนวี้ ่า ดูกอ่ นภิกษุ มาเถิด เธอจงเป็นผูม้ ีศีล สำ�รวมด้วยปาฏิโมกขสงั วร ถงึ พร้อมด้วยอาจาระ และโคจรอยู่ จงเป็นผู้เห็นภัยในโทษเพียงเลก็ นอ้ ย สมาทานศกึ ษาในสกิ ขาบททั้งหลายเถดิ . ม.อุ. (พุทธ) มก. ๒๒/๑๔๔ ๒.๘.๘ หมอรักษาบาดแผล เม่ือจะหุงนำ้�มัน หรือเคี่ยวนำ้�อ้อย ก็รอเวลาให้นำ้�มันอ่อนตัว และนำ้�อ้อยแข็งตัวได้ที่ ไมป่ ลอ่ ยให้ไหม้ แล้วยกลงเสยี ฉนั ใด พระผมู้ พี ระภาคเจา้ กฉ็ นั นัน้ ทรงรอ ใหญ้ าณของสัตวแ์ ก่กลา้ เสยี ก่อน แมจ้ ะทราบวา่ ญาณของผนู้ ี้จกั แก่กลา้ ดว้ ยเวลาเพียงเทา่ นี.้ สงั .น.ิ (อรรถ) มก. ๒๖/๘๓ ๒.๘.๙ แมไ่ ก่ทราบว่า ลูกไก่เตบิ โตเตม็ ทแี่ ล้ว จงึ จกิ กระเปาะฟองไข่ ฉันใด พระบรมศาสดาก็ ฉันน้ัน ทรงทราบว่า ญาณของภิกษุน้ันแก่เต็มท่ีแล้ว ก็ทรงแผ่แสงสว่างไป แล้วทำ�ลายกระเปาะ ฟองไข่ คอื อวชิ ชา. สงั .ข. (อรรถ) มก. ๒๗/๓๕๓ ๒.๘.๑๐ พระบรมศาสดาทรงขจัดความมืดมนอนธการในดวงใจของพราหมณ์ ดุจพระจันทร์ เพญ็ ลอยเดน่ ในทอ้ งฟ้าอันปราศจากเมฆ และดจุ พระอาทิตยใ์ นสรทกาลฤดูรอ้ น. อัง.สตั ตก. (อรรถ) มก. ๓๗/๓๔๙ ๒.๘.๑๑ พระบรมศาสดาตรสั ธรรมอันเลิศกว่าพวกที่กลา่ วกัน เช่น ภเู ขาสิเนรุเลิศกวา่ ภเู ขา ท่วั ไป ครฑุ เลิศกวา่ นกทัว่ ไป สหี มฤคเลิศกวา่ มฤคทว่ั ไป สมุทรเลิศกวา่ ห้วงน�ำ้ ทวั่ ไป. ขุ.จ.ู (อรรถ) มก. ๖๗/๔๕๗ ๒.๘.๑๒ กอ้ นดนิ ท่ขี วา้ งไปในทอ้ งฟา้ ย่อมตกลงในแผน่ ดินแน่นอน ฉันใด พระดำ�รสั ของพระ สัมมาสมั พทุ ธเจ้าผปู้ ระเสริฐทง้ั หลาย กฉ็ นั น้นั เหมือนกนั ย่อมแนน่ อน และเท่ียงตรง. ขุ.อป. (โพธิ) มก. ๗๐/๔๘ ๒.๘.๑๓ ความตายของสตั วท์ ้งั มวลเป็นของแนน่ อน และเทีย่ งตรง แมฉ้ นั ใด พระด�ำ รัสของ พระสมั มาสมั พุทธเจา้ ผู้ประเสรฐิ ทงั้ หลายเป็นของแน่นอน และเท่ียงตรง ฉันนน้ั เหมือนกนั . ขุ.อป. (โพธ)ิ มก. ๗๐/๔๘ ๒.๘.๑๔ เม่ือถึงเวลาสิ้นราตรีพระอาทิตย์ย่อมข้ึนแน่นอน ฉันใด พระดำ�รัสของพระสัมมา สัมพทุ ธเจ้าผู้ประเสรฐิ ทงั้ หลายกเ็ ปน็ ของแน่นอน และเท่ยี งตรง ฉนั นัน้ เหมือนกนั . ขุ.อป. (โพธิ) มก. ๗๐/๔๘ ๒.๘.๑๕ หญิงท้ังหลายผู้มีครรภ์จะต้องคลอดแน่นอน ฉันใด พระดำ�รัสของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ผูป้ ระเสรฐิ ทั้งหลาย กเ็ ปน็ ของแนน่ อน และเท่ียงตรง ฉันนนั้ เหมือนกนั . ขุ.อป. (โพธ)ิ มก. ๗๐/๔๘ www.kalyanamitra.org
59 ๒.๘.๑๖ ขา้ แตท่ า่ นพระโคดม เปรยี บเหมอื นตน้ สาละใหญใ่ นทใ่ี กลบ้ า้ นหรอื นคิ ม กง่ิ ใบ เปลอื ก สะเกด็ และกระพข้ี องตน้ สาละใหญน่ น้ั จะหลดุ รว่ งกะเทาะไป เพราะเปน็ ของไมเ่ ทย่ี ง สมยั ตอ่ มา ตน้ สาละใหญ่น้นั ปราศจาก ก่งิ ใบ เปลือก สะเก็ด และกระพ้แี ล้ว คงเหลืออย่แู ต่แก่นล้วนๆ ฉันใด พระพุทธพจน์ของท่านพระโคดมก็ฉนั นน้ั ปราศจากกิง่ ใบ เปลอื ก สะเกด็ และกระพ้ี คงเหลอื อยู่ แตค่ ำ�อันเปน็ สาระล้วนๆ. ม.ม. (ทั่วไป) มก. ๒๐/๔๕๒ ๒.๘.๑๗ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงถึงพร้อมด้วยเสียง ทรงแสดงธรรม ในกาลนั้น ลาภ และสกั การะของเดยี รถียท์ ง้ั หลายก็เส่อื มไป เดียรถยี เ์ หลา่ นน้ั เส่อื มจากลาภ และสักการะแลว้ ดจุ หง่ิ ห้อยท้ังหลายในเวลาพระอาทติ ย์ขึน้ ฉะนนั้ . ม.มู. (อรรถ) มก. ๑๘/๑๓ ๒.๘.๑๘ อนงึ่ การบัญญัติสกิ ขาบท ย่อมมีแกพ่ ระสาวกทง้ั หลายเทา่ นัน้ ช่อื ว่าเขตแดนแหง่ สิกขาบทย่อมไม่มีแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท้ังหลาย เหมือนอย่างว่า ดอกไม้ และผลไม้ท่ีมีอยู่ใน พระราชอทุ ยาน คนเหล่าอื่นเก็บดอกไม้ และผลไม้เหล่านน้ั ไปย่อมมโี ทษ ส่วนพระราชาทรงบริโภค ได้ตามพระราชอธั ยาศยั ขอ้ น้ีก็มีอปุ ไมยเหมือนอยา่ งน้ัน. ม.ม. (อรรถ) มก. ๒๑/๒๑ ๒.๘.๑๙ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้เกิดความอุตสาหะในการถามแล้ว จึงทรงเฉลยความ เคลือบแคลง ชนเหล่าน้ันแม้ทั้งสิ้น มาถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วก็เสื่อมคลายไป เหมือนคล่ืนใน มหาสมทุ รมาถึงฝ่ังกส็ ลายไปฉะน้.ี ท.ี สี. (อรรถ) มก. ๑๒/๒๙ ๓. คุณของพระธรรม ๓.๑ ราชรถวจิ ติ รงดงามยังคร่าํ คร่าได้ อนึง่ แมร้ ่างกายก็เข้าถึงความคร่าํ ครา่ แต่ธรรมของ สัตบุรุษไมถ่ งึ ความครา่ํ คร่า. ขุ.จริยา. (ทั่วไป) มก. ๗๔/๕๑๕ ๓.๒ ฟ้า และแผ่นดินไกลกนั ฝัง่ ขา้ งโน้นของมหาสมุทรเขากลา่ วกนั ว่าไกล ขา้ แตพ่ ระราชา ธรรมของสตั บรุ ษุ และธรรมของอสัตบุรษุ นกั ปราชญท์ ั้งหลายกล่าวว่า ไกลกนั ยิง่ กวา่ นัน้ . ขุ.ชา. (ทว่ั ไป) มก. ๖๒/๖๒๔ www.kalyanamitra.org
60 ๓.๓ พระเจ้าจักรพรรดิสง่างามในกองทัพใหญ่ ฉันใด ไกรสรสง่างามท่ามกลางฝูงมฤค ฉันใด พระอาทติ ยแ์ ผซ่ า่ นด้วยรัศมยี อ่ มสง่างาม ฉนั ใด พระจันทร์สง่างามในหมู่ดารา ฉันใด พระพรหมสง่างามในหมู่พรหม ฉันใด ท่านผู้นำ�สง่างามท่ามกลางหมู่ชน ฉันใด พระสัท ธรรมวินยั ยอ่ มงามสง่าด้วยคัมภีร์ปรวิ าร ฉันนั้นแล. ว.ิ ป. (อรรถ) มก. ๑๐/๙๘๒ ๓.๔ ในพระพุทธพจน์นั้น ไม่มีความผิดพลาดแม้เพียงปลายขนทราย พระพุทธพจน์ทั้งหมด น้นั เหมือนประทบั ไว้ดว้ ยตราอนั เดียวกนั เหมือนตวงด้วยทะนานเดยี วกัน และเหมือนชง่ั ด้วยตาชัง่ อันเดยี วกัน จึงเปน็ ของแท้แน่นอนทั้งนัน้ ไมม่ ที ีไ่ ม่แท.้ ม.มู. (อรรถ) มก. ๑๗/๑๑๖ ๓.๕ อน่ึง พระธรรมนี้ลึกซึ้งดุจลำ�นำ้�หนุนแผ่นดินไว้ เห็นได้ยากดุจเมล็ดผักกาดท่ีถูกภูเขา กำ�บังไว้ รู้ตามได้ยากดจุ การแยกปลายของขนสัตวท์ ี่ผา่ ออก ๑๐๐ ส่วน. ที.ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๔๕ ๓.๖ พระสูตรยังดำ�รงอยู่ตราบใด พระวินัยยังรุ่งเรืองอยู่ตราบใด ภิกษุทั้งหลายย่อมเห็น แสงสว่างเหมือนพระอาทิตย์อุทัยอยู่ตราบน้ัน เม่ือพระสูตรไม่มี และแม้พระวินัยก็หลงเลือนไป ใน โลกกจ็ ักมแี ต่ความมืด เหมอื นพระอาทิตยอ์ ัสดงคต. อัง.เอกก. (อรรถ) มก. ๓๒/๑๗๔ ๓.๗ จารึกอักษรไว้หลังแผ่นหิน เพ่ือจะให้รู้ขุมทรัพย์ อักษรยังคงอยู่เพียงใด ขุมทรัพย์ทั้ง หลายช่ือว่า ยังไม่เสื่อมหายไปเพียงน้ัน ฉันใด เมื่อปริยัติยังคงอยู่ พระศาสนาก็ช่ือว่า ยังไม่ อนั ตรธานไป ฉันนัน้ . อัง.เอกก. (อรรถ) มก. ๓๒/๑๗๕ ๓.๘ หนิ ของนักมวยปลํ้าเปน็ ของเบาเพราะนักมวยปลํ้าเป็นผ้มู ีก�ำ ลงั มาก ฉันใด ปฏจิ จสมุป บาทเป็นของง่าย เพราะพระเถระเป็นผู้มีปัญญามาก ฉันน้ัน. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๙๒ ๓.๙ ธรรมที่แตกต่างกัน แต่ให้สำ�เร็จประโยชน์อย่างเดียวกัน คือ ฆ่ากิเลสเหมือนกัน เหมอื นพระราชามเี สนาต่างๆ กนั คอื ทพั ชา้ ง ทพั ม้า ทัพรถ ทัพเทา้ ย่อมให้ส�ำ เร็จสงครามอย่าง เดยี วกัน ย่อมชนะข้าศกึ อย่างเดียวกนั . มลิ นิ . ๕๗ www.kalyanamitra.org
61 ๔. คณุ ของพระสงฆ์ ๔.๑ หมู่ภิกษุเปรียบเหมือนต้นหว้าใหญ่สูงร้อยโยชน์ พระอัครสาวกทั้งสองเปรียบเหมือน ล�ำ ต้นทใ่ี หญท่ ้ังสอง ประมาณหา้ สิบโยชนท์ แ่ี ผ่ไปทัง้ เบื้องขวา และเบื้องซา้ ยแห่งตน้ ไม้นน้ั . สัง.ม. (อรรถ) มก. ๓๐/๔๔๕ ๔.๒ สารีบุตรเปรียบเหมือนมารดาผู้ยังทารกให้เกิด โมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนม ผเู้ ล้ียงทารกซงึ่ เกดิ แลว้ . ที.ปา. (พทุ ธ) มก. ๑๖/๔๕๘ ๔.๓ พระอานนท์นเ้ี ล่าเรียนพระพุทธวจนะ กย็ ึดยนื หยัดอยู่ในปริยัติ ดุจผู้รักษาเรือนคลงั ใน ศาสนาของพระทศพล. อัง.เอกก. (อรรถ) มก. ๓๒/๔๔๓ ๔.๔ สรีระของพระมหากัสสปะประดับด้วยมหาปุริสลักขณะ ๗ ประการ ท่านติดตาม พระบรมศาสดา เหมือนมหานาวาทองที่ติดตามขา้ งหลัง. ข.ุ เถร. (อรรถ) มก. ๕๓/๓๖๒ ๔.๕ ท้องฟ้างามวิจิตรด้วยดวงดาวท้ังหลาย ฉันใด พระศาสนาของพระองค์ก็งดงามด้วย พระอรหนั ต์ทัง้ หลาย ฉันน้ันเหมอื นกัน. ข.ุ พุทธ. (พุทธ) มก. ๗๓/๔๔๔ ๔.๖ ภิกษุใดเจริญอานาปานสติให้บริบูรณ์ดีแล้ว อบรมแล้วตามลำ�ดับ ตามที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้ว ภกิ ษนุ ้นั ยอ่ มท�ำ โลกน้ีใหส้ ว่างไสว เหมอื นพระจนั ทรพ์ ้นแล้วจากหมอก ฉะน้ัน. ข.ุ ป. (อรรถ) มก. ๖๙/๑๕๘ ๔.๗ พระเถระท้ังหลายผู้มีตนอันอบรมแล้วบันลืออยู่ ดุจการบันลือแห่งสีหะท้ังหลาย ซึ่ง เปน็ สตั วป์ ระเสริฐ กวา่ เหล่าสตั วท์ ่ีมเี ขีย้ วท้ังหลายที่ใกล้ถ�้ำ ภเู ขา ฉะนั้น. ข.ุ เถร. (เถระ) มก.๕๐/๘ ๔.๘ ภกิ ษุใดยงั เปน็ หนุม่ ย่อมขวนขวายในพระพุทธศาสนา ภกิ ษุน้นั ยอ่ มยังโลกน้ใี ห้สวา่ ง ดจุ พระจนั ทร์ซึ่งพน้ แล้วจากเมฆ ฉะนั้น. ม.มู. (เถระ) มก. ๒๑/๑๕๑ www.kalyanamitra.org
62 ๔.๙ ดอกบัวมีกล่ินดี พึงเกิดในกองหยากเยื่ออันบุคคลท้ิงแล้วใกล้ทางใหญ่ ดอกบัวนั้นพึง เปน็ ท่ีชอบใจ ฉนั ใด สาวกของพระสัมมาสมั พุทธเจา้ เมอ่ื ปุถุชนเปน็ ดังกองหยากเยอื่ เกิดแล้ว ยอ่ ม ไพโรจนล์ ว่ งซึง่ ปถุ ชุ นผูม้ ดื ท้งั หลายดว้ ยปญั ญา ฉันนน้ั . ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๓ ๔.๑๐ พระนาคเสนเถระเป็นผู้ไม่หวั่นไหวเหมือนภูเขาสิเนรุ องอาจดังราชสีห์ มีปรีชาดังลูก คลื่นในมหาสมุทร เป็นผู้บันลือเสียงดังพญาช้าง พญาราชสีห์ เป็นผู้ห้อมล้อมด้วยพระสงฆ์ผู้ทรง คุณธรรม เท่ยี งตรงดังตาชัง่ . มิลนิ . ๒๘ ๔.๑๑ ต้นไม้ใหญ่สล้างด้วยกิ่ง ใบ และผล มีลำ�ต้นแข็งแรง มีรากม่ันคง สมบูรณ์ด้วยผล ย่อมเป็นที่พึ่งของนกท้ังหลาย ฝูงนกย่อมอาศัยต้นไม้น้ัน ซึ่งเป็นท่ีรื่นรมย์ใจให้เกิดสุข ผู้ต้องการ ความร่มเย็น ย่อมเข้าไปอาศยั ร่มเงา ผ้ตู ้องการผลก็ย่อมบรโิ ภคผลได้ ฉนั ใด ทา่ นผูป้ ราศจากราคะ โทสะ โมหะ ไม่มีอาสวะ เป็นบุญเขตในโลก ย่อมคบหาบุคคลผู้มีศรัทธา ซึ่งสมบูรณ์ด้วยศีล ประพฤติถอ่ มตน ไม่กระดา้ ง สุภาพ ออ่ นโยน มีใจมน่ั คง ฉนั นนั้ . องั .ปญั จก. (พทุ ธ) มก. ๓๖/๘๗ ๔.๑๒ กิเลสเหมือนหมอก อริยญาณเหมือนดวงจันทร์ ภิกษุเหมือนจันทเทพบุตร ภิกษุพ้น จากกิเลสทั้งปวง แล้วย่อมยังโลกนี้ให้สว่างไสวเปล่งปลั่ง และไพโรจน์เหมือนดวงจันทร์พ้นจาก หมอก พน้ จากควัน และธลุ ีในแผ่นดนิ พ้นจากฝ่ามือราหู ยงั โอกาสโลกให้สวา่ งไสวเปลง่ ปล่ัง และ ไพโรจน.์ ขุ.ป. (อรรถ) มก. ๖๙/๑๐๓ ๔.๑๓ รสเค็มจัดกล่าวกันว่าเหมือนเกลือ รสขมจัดกล่าวกันว่าเหมือนของขม รสหวานจัด กล่าวกนั ว่าเหมอื นน้ำ�ผ้งึ ของร้อนจัดกลา่ วกนั วา่ เหมอื นไฟ ของเย็นจดั กล่าวกนั ว่าเหมอื นหิมะ ห้วง นำ้�ใหญ่กล่าวกันว่าเหมือนสมุทร พระสาวกผู้บรรลุมหาอภิญญาและพลธรรม กล่าวกันว่าเหมือน พระบรมศาสดา ฉนั ใด พระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อมเป็นเหมือนนอแรด เป็นผู้เดียว ไม่มีเพ่ือน มีเคร่ืองผูกอันเปลื้อง แล้ว ฉันนนั้ . ข.ุ จู. (อรรถ) มก. ๖๗/๕๑๗ www.kalyanamitra.org
63 ๔.๑๔ ไกสรสีหะมีแสงสว่างพราวแพรวเป็นพระยาเน้ือ ซ่ึงมีเท้าหน้า และเท้าหลังแดงจัด ย่อมไม่อาศัยอยู่ในป่าช้า หรือกองหยากเยื่อ แต่เข้าไปสู่หิมวันต์ซ่ึงกว้างสามพันโยชน์ อยู่ในถ้ำ� แก้วมณี ฉันใด พระเจ้าจักรพรรดิผู้เป็นใหญ่ในทวีปท้ังส่ีย่อมไม่เกิดในตระกูลตำ่� แต่ย่อมเกิดใน ตระกูลกษตั ริย์ท่ไี มเ่ จือปนเทา่ นั้น ฉันใด ในสมณะเหล่านก้ี ไ็ ม่เกดิ ในลทั ธิของอัญญเดียรถีย์ แตย่ ่อม เกิดในพระพทุ ธศาสนา ซง่ึ แวดล้อมดว้ ยอรยิ มรรคเท่านั้น ฉนั นน้ั เหมอื นกัน. ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๘/๑๘ ๔.๑๕ เมล็ดผกั กาดย่อมไมต่ ้งั อยใู่ นปลายเหล็กแหลม ไฟไม่ลกุ โพลงในน�้ำ พชื ท้ังหลายยอ่ มไม่ งอกในแผน่ หิน ฉนั ใด สมณะเหลา่ น้ยี ่อมไมเ่ กดิ ในลทั ธเิ ดียรถียภ์ ายนอก ฉันน้ันเหมอื นกนั . ม.ม.ู (อรรถ) มก. ๑๘/๑๗ ๔.๑๖ คฤหสั ถผ์ ู้บรรลุพระอรหนั ต์ถา้ ไมบ่ รรพชา กต็ ้องปรนิ พิ พานในวนั นนั้ อปุ มาดังบุรุษผู้มี บญุ น้อย เม่ือได้ราชสมบตั ิใหญแ่ ลว้ กไ็ มส่ ามารถรกั ษาความเป็นอสิ ระไวไ้ ด้ ฉันใด คฤหัสถผ์ ้สู �ำ เรจ็ พระอรหันต์แลว้ ก็ไม่อาจรบั รองความเป็นพระอรหนั ตไ์ ว้ได ้ ฉันนนั้ . มิลิน. ๓๐๒ ๔.๑๗ เมอ่ื ดวงอาทติ ย์ขนึ้ ย่อมท�ำ ให้เหน็ สงิ่ ต่างๆ ท้งั สะอาด และไม่สะอาด ฉนั ใด พระภกิ ษุ ผูท้ รงธรรมกท็ ำ�ให้หมชู่ นอันถกู อวชิ ชาปกปดิ ไว้ ใหไ้ ด้เห็นทางธรรมตา่ งๆ ฉนั นน้ั . มิลนิ . ๔๔๑ ๔.๑๘ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสนว่า พระบรมศาสดาทรงไม่รับการถวายผ้าจาก พระนางปชาบดโี คตมี เพราะเหตุใด พระนาคเสนทูลตอบว่า พระบรมศาสดาทรงไม่รับ แต่ทรงให้พระนางถวายแก่พระสงฆ์ เพราะพระบรมศาสดาจะทรงยกย่องคุณของพระสงฆ์ให้ปรากฏ เหมือนบิดาเมื่อยังมีชีวิต ย่อม ยกยอ่ งคุณของบตุ รในทเ่ี ฝ้าพระราชาทา่ มกลางหมู่อ�ำ มาตย์และเสนาบดี. มลิ นิ . ๑๔๔ ๔.๑๙ เจ้ามิลินท์ตรสั ถามพระนาคเสนว่า สมณะทุศลี กับคฤหสั ถท์ ุศีลตา่ งกันอยา่ งไร พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร สมณะทุศีลถึงมีศีลวิบัติแล้วก็ยังทำ�ทักขิณาทาน ของทายกใหบ้ รสิ ุทธไิ์ ด้ เปรยี บเหมือนนำ้� แมข้ นุ่ ย่อมชำ�ระลา้ งซ่งึ โคลน เลน ฝ่นุ ละออง เหงือ่ ไคลให้ หายไปได้ เปรียบเหมือนน�ำ้ รอ้ นถงึ จะรอ้ นก็ยังดับไฟกองใหญไ่ ด้ เปรยี บเหมอื นโภชนะแม้ปราศจากรสยอ่ มกำ�จดั ความหวิ ได ้ ฉะนน้ั . มลิ นิ . ๓๒๕ www.kalyanamitra.org
64 ๕.๒๐ อุปัชฌายะจักตั้งจิตสนิทสนมในสัทธิวิหาริกฉันบุตร สัทธิวิหาริกจักต้ังจิตสนิทสนมใน อุปชั ฌายะฉนั บดิ า. ว.ิ ม. (พทุ ธ) มก. ๖/๑๓๘ ๕. คุณของพระโพธสิ ตั ว์ ๕.๑ พระโพธิสัตว์น้ันเหมือนพระธรรมกถึกลงจากธรรมาสน์ และเหมือนบุรุษลงจากบันได ทรงเหยียดพระหัตถ์และพระบาททั้งสอง ประทับยืนไม่เปรอะเป้ือนด้วยของไม่สะอาดอย่างใดอย่าง หนึง่ อนั มีอยูใ่ นพระครรภ์ของพระมารดาเสด็จออก. ท.ี ม. (อรรถ) มก. ๑๓/๑๐๘ ๕.๒ โคจ่าฝงู เกดิ ไดค้ ร่เู ดียวก็สัมผัสพื้นแผน่ ดินดว้ ยเทา้ ท่เี สมอกัน ฉันใด พระโคดมพระองค์ น้นั กย็ า่ งพระบาท ๗ ยา่ งกา้ ว และทวยเทพกก็ นั้ เศวตฉตั ร ฉนั นน้ั พระโคดมพระองค์น้ัน คร้ันเสด็จ ๗ ย่างก้าวแล้ว ทรงเหลียวดูทิศเสมอกันโดยรอบ ทรง เปล่งอาสภิวาจาประกอบดว้ ยองค์ ๘ เหมอื นพระยาสีหะยืนหยดั เหนอื ยอดขนุ เขา ฉะนน้ั . ขุ.พุทธ. (อรรถ) มก. ๗๓/๔๕ www.kalyanamitra.org
65 www.kalyanamitra.org
๔ม ง ค ล ที่ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม พชื อนั ตง้ั อย่ใู นทีบ่ รสิ ทุ ธ์ดิ ี ย่อมมผี ลไพบูลย์ ทำ�ให้ผู้ปลกู หว่านดีใจ ฉนั ใด จติ ของภิกษุผูป้ รารภความเพียรทีบ่ รสิ ทุ ธ์ิ อยู่ในที่สงดั ก็งอกงามขึน้ เรว็ ในท่ดี นิ อนั ดี คือ สติปัฏฐาน ฉันน้นั www.kalyanamitra.org
67 ๑. สถานทเี่ ปน็ ทส่ี บาย ๑.๑ ธรรมดานกเค้าย่อมซอ่ นตวั อย่างดี ฉันใด ภิกษุผ้ปู รารภความเพียรก็ควรซ่อนตัวไว้ด้วย การยินดีในทีส่ งดั ฉนั นนั้ . มิลนิ .๔๕๒ ๑.๒ ธรรมดาพืชเมื่อถูกหว่านลงในท่ีบริสุทธ์ิ ย่อมเจริญอย่างรวดเร็ว ฉันใด จิตของภิกษุ ผปู้ รารภความเพียร ผู้อยใู่ นทสี่ งดั ผ้เู จรญิ สติปฏั ฐานกย็ ่อมงอกงามได้รวดเรว็ ฉันนัน้ ข้อนสี้ มกับค�ำ ของพระอนุรทุ ธเถระเจา้ ว่า พืชอันตัง้ อยู่ในทบี่ ริสุทธ์ิดี ยอ่ มมีผลไพบูลย ์ ท�ำ ให้ ผู้ปลูกหว่านดีใจ ฉันใด จิตของภิกษุผู้ปรารภความเพียรท่ีบริสุทธิ์อยู่ในที่สงัดก็งอกงามข้ึนเร็วใน ที่ดินอนั ดี คือ สติปัฏฐาน ฉนั นนั้ . มลิ นิ . ๔๓๐ ๑.๓ ธรรมดาดวงจันทร์ย่อมเท่ียวไปในเวลากลางคืน ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควร เที่ยวไปดว้ ยวิเวก ฉันนนั้ . มิลนิ . ๔๔๐ ๑.๔ ธรรมดาวานรย่อมเท่ียวไปตามต้นไม้ ยืนบนต้นไม้ น่ัง นอนบนต้นไม้ ฉันใด ภิกษุผู้ ปรารภความเพยี รกค็ วรนอน ยนื เดนิ อยใู่ นปา่ ควรฝกึ ฝนสตปิ ัฏฐานอยู่ในป่า ฉนั นน้ั . มลิ ิน. ๔๒๘ www.kalyanamitra.org
68 ๑.๕ ธรรมดาพายุย่อมพัดความหอมแห่งดอกไม้ป่าท่ีบานแล้วให้ฟุ้งไป ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภ ความเพยี รกค็ วรยืนอยใู่ นปา่ มดี อกไม้ คอื วิมตุ ติเป็นอารมณ์ ฉนั นน้ั . มิลนิ . ๔๓๘ ๑.๖ ธรรมดาเนื้อในป่าย่อมเท่ียวไปในป่า อยู่ท่ีแจ้งในเวลากลางคืน ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภ ความเพียรกค็ วรอยปู่ า่ ในเวลากลางวัน และอย่ใู นท่ีแจ้งในเวลากลางคืน ฉนั น้นั ขอ้ นสี้ มกับพระพทุ ธพจน์วา่ ดกู อ่ นสารบี ุตร เราย่อมอยใู่ นท่แี จ้งในเวลากลางคนื ในหน้าหนาว สว่ นคืนสดุ ทา้ ยแห่งฤดรู ้อน ในเวลากลางวนั เราอยู่ในท่แี จง้ ในเวลากลางคนื เราอยใู่ นปา่ . มิลนิ . ๔๔๖ ๑.๗ ธรรมดาค้างคาวเม่ือบนิ เข้าไปในเรือนแลว้ บนิ วนไปวนมาแล้วก็จะบนิ ออกไปไมก่ งั วลใน เรือน ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรเม่ือเข้าไปบิณฑบาตในบ้านตามลำ�ดับแล้ว จะได้หรือไม่ได้ อาหารกต็ ามก็ ควรกลับออกไปโดยเรว็ ฉันนน้ั ไมค่ วรกงั วลอยู่ในบา้ น. มิลิน. ๔๕๓ ๑.๘ ธรรมดาของลานน้ั ไม่เลอื กทน่ี อน นอนบนกองขยะกม็ ี ทที่ าง ๔ แพรง่ ๓ แพรง่ ทป่ี ระตู บา้ น กองแกลบก็มี ฉนั ใด ภิกษุผ้ปู รารภความเพยี รก็ไม่เลอื กที่นอน ฉนั นน้ั ไม่วา่ จะเปน็ การปแู ผ่น หนัง ปูหญ้า หรอื ใบไม้ หรือนอนเตียงไม้ หรอื นอนพ้ืนดินก็นอนได้ ข้อน้ีสมกบั ทีพ่ ระพุทธเจ้าตรสั ไว้ว่า ภิกษุทงั้ หลายในบัดนี้ เปรยี บเหมือนทอ่ นไม้ ยอ่ มเปน็ ผูไ้ ม่ ประมาท และมคี วามเพียร สว่ นพระสารีบุตรเจา้ กลา่ วไว้วา่ การน่งั ค้บู ัลลังก์ หรอื นงั่ คกุ เขา่ กพ็ อ อยู่สบายสำ�หรับ พระภิกษผุ ้มู งุ่ ตอ่ พระนพิ พานแล้ว. มิลนิ . ๔๒๒ ๒. อาหารเป็นที่สบาย ๒.๑ ธรรมดาไก่ยอ่ มคยุ้ เข่ยี หาแต่ทก่ี นิ ได้ ฉันใด ภกิ ษผุ ้ปู รารภความเพยี รก็ควรพจิ ารณาก่อน แล้วจึงบริโภคอาหาร ไม่บริโภคเพ่ือให้เกิดความคะนอง ความมัวเมา ความสวยงามแห่งร่างกาย แต่บริโภคเพ่ือให้ร่างกายนี้ดำ�รงอยู่ในพรหมจรรย์ คือ การครองชีวิตอันประเสริฐ และบรรเทา เวทนาเกา่ ก�ำ จัดเวทนาใหมเ่ ท่าน้นั ดังพระพุทธพจน์ท่ีว่า บุคคลกินเนื้อแห่งบุตรในทางกันดารได้ด้วยความลำ�บากใจ กินเพ่ือ ประทังชีวิต ฉันใด หรือบุคคลเติมนำ้�มันรถพอให้รถแล่นไปได้ ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ บรโิ ภคอาหารพอควรต่อการยังชีพ ฉันน้ัน. มิลนิ . ๔๒๓ www.kalyanamitra.org
69 ๒.๒ บุรุษทายาท่ีแผลก็เพียงเพ่ือต้องการให้เน้ือข้ึนมา หรือบุรุษพึงหยอดยาน้ำ�มันเพลารถก็ เพียงเพื่อต้องการขนสิ่งของไปได้ ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาโดยแยบคาย บริโภค อาหารด้วยมนสกิ ารวา่ เราไมบ่ รโิ ภคเพอ่ื ความมัวเมา เพื่อจะประดับ เพ่ือจะตกแต่งผิว บริโภคเพยี ง เพอ่ื ด�ำ รงอยแู่ หง่ รา่ งกายน้ี เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ไปได้ เพอ่ื จะก�ำ จดั ความล�ำ บาก เพอ่ื อนเุ คราะหพ์ รหมจรรย.์ สงั .สฬา. (พทุ ธ) มก. ๒๘/๓๙๕ ๒.๓ คนทาแผลเพ่ือจะบ่มผิว คนหยอดนำ้�มันเพลาเกวียนเพื่อจะขนภาระ คนกินเนื้อบุตร เป็นอาหาร เพ่ือจะออกจากทางกันดารอย่างเดียวเท่านั้น ฉันใด ภิกษุพิจารณาด้วยปัญญาแล้วพึง ฉันอาหาร ก็ฉนั น้ัน. ข.ุ ม. (อรรถ) มก. ๖๖/๔๓ ๒.๔ ธรรมดาของงเู หลอื มย่อมมีรา่ งกายใหญโ่ ต มีทอ้ งพร่องอยู่หลายวันเพราะกนิ อาหารไม่ เต็มท้อง แต่ได้อาหารพอยังร่างกายให้คงอยู่ได้เท่าน้ัน ภิกษุผู้ปรารภความเพียรผู้ออกบิณฑบาตก็ เช่นกัน ย่อมรับแต่อาหารที่ผู้อื่นให้ ไม่ถือเอาด้วยตนเอง ไม่บริโภคให้อาหารเต็มท้อง แต่บังคับตน ให้มเี หตผุ ลว่าอกี ๔-๕ ค�ำ จะอ่มิ ก็ไม่ฉันอาหารแตฉ่ ันน�ำ้ ลงไปแทน ข้อนี้สมกับคำ�ของพระสารีบุตรเถระเจ้าว่า ภิกษุผู้ฉันอาหารทั้งสด และแห้ง ไม่ควรฉันให้ อ่ิมนัก ควรใหท้ อ้ งพรอ่ ง รู้จักประมาณในอาหาร ควรมีสติละเว้นไมฉ่ นั ให้อม่ิ เกินไป เมื่อรวู้ ่าอกี ๔-๕ คำ�จักอิ่มก็ควรดืม่ นำ้� เพราะเท่านกี้ พ็ ออยู่สบายส�ำ หรบั ภิกษุผกู้ ระท�ำ ความเพยี รแลว้ . มลิ ิน. ๔๕๔ ๒.๕ บุคคลเป็นผกู้ นิ จุ มักงว่ ง และมกั นอนหลับกระสับกระส่าย เป็นดุจสกุ รใหญท่ ่เี ขาเลี้ยง ด้วยอาหาร ในกาลนน้ั เขาเปน็ คนมึนซมึ ย่อมเขา้ ห้องบอ่ ยๆ. ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๓๗๗ ๒.๖ ภยั คือ จระเข้เปน็ ชือ่ แห่งความเปน็ ผ้เู ห็นแกท่ อ้ ง. องั .จตกุ ก. มก. ๓๕/๓๒๓ ๒.๗ ธรรมดาเสอื เหลอื งยอ่ มไม่กินเนื้อทล่ี ้มลงขา้ งซ้าย ฉันใด ภิกษผุ ู้ปรารภความเพียรย่อม ไม่ฉันอาหารท่ีได้มาอย่างผิดพระธรรมวินัย คือ ได้มาด้วยการลวงโลก การประจบ การพูด เลยี บเคยี ง การพูดเหยยี ดผอู้ นื่ การแจกลาภดว้ ยลาภ หรือดว้ ยการใหไ้ ม้แกน่ ไม้ไผ่ ใบไม้ ดอกไม้ ผลไม้ ดินเหนียว ผงผดั หนา้ เครื่องถตู ัว ไม้สีฟนั น�้ำ ล้างหนา้ ขา้ วตม้ แกงถัว่ ใหข้ องแลกเปลยี่ น แก่ชาวบ้าน หรือรับใช้ชาวบ้าน หรือเป็นหมอ หรือเป็นทูตผู้รับส่งข่าว ให้อาหารแลกอาหารอย่าง ใดอย่างหนึง่ เหมอื นกับเสือเหลืองที่ไมก่ นิ เนื้อลงขา้ งซ้าย. มิลิน. ๔๒๕ www.kalyanamitra.org
70 ๒.๘ ธรรมดาราชสีห์ย่อมไม่สะสมอาหาร กินคราวหน่ึงแล้วไม่เก็บไว้อีก ฉันใด ภิกษุ ผ้ปู รารภความเพียรก็ไมค่ วรสะสมอาหาร ฉนั นั้น. มิลนิ . ๔๕๐ ๒.๙ ชา่ งย้อมถอื เอาผา้ ทีห่ อมบา้ ง เหมน็ บ้าง เกา่ บ้าง ใหม่บา้ ง สะอาดบา้ ง ไม่สะอาดบา้ ง มาห่อรวมเป็นหอ่ เดียวกัน ฉนั ใด เธอก็บรโิ ภคควรใช้สอยจวี รประณตี ท่ไี มม่ ฉี ันทราคะ ฉนั นน้ั . ม.ม.ู (พทุ ธ) มก. ๑๘/๓๐๓ ๒.๑๐ ความโลภด้วยอ�ำ นาจความพอใจในสรรี ะเชน่ นี้ เป็นผู้ตดิ ในรสอร่อย พึงเหน็ เหมอื นคน เลียคมมดี โกน ฉะนนั้ . ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๓/๓๐ ๒.๑๑ ราชเสวกพึงเป็นผู้มีท้องน้อยเหมือนคันธนู เป็นผู้ไม่มีล้ินเหมือนปลา พึงเป็น ผปู้ ระมาณในโภชนะ มปี ญั ญาเปน็ เคร่อื งรกั ษาตนใหแ้ กล้วกล้า ราชเสวกนน้ั พงึ อย่ใู นส�ำ นกึ ได้. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๔/๓๒๑ ๓. บุคคลเปน็ ทส่ี บาย ๓.๑ ส่ิงที่เป็นอนาคตควรเล็งดูก่อน คือ พ่อค้าต้องเล็งดูสินค้าก่อน พ่อค้าเกวียนต้อง พิจารณาท่าข้ามก่อน นายท้ายสำ�เภาต้องพิจารณาดูฝ่ังเสียก่อน ผู้ข้ามสะพานต้องดูความม่ันคง ของสะพานก่อน พระภิกษุต้องพิจารณาอาหารก่อนจึงฉัน พระโพธิสัตว์เจ้าชาติสุดท้ายต้อง พจิ ารณาตระกูลเสยี ก่อนจงึ จตุ .ิ มิลนิ . ๒๗๖ ๓.๒ นกรู้ว่าต้นไมม้ ีผลหมดแล้ว ยอ่ มบนิ ไปสูต่ น้ อนื่ ทีเ่ ต็มไปดว้ ยผล ฉันใด คนก็ฉันนน้ั รวู้ ่า เขาหมดความอาลัยแลว้ กค็ วรจะเลือกหาคนอน่ื ทีเ่ ขาสมัครรกั ใคร่ เพราะวา่ โลกกวา้ งใหญ่พอ. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๕๘/๕๙ www.kalyanamitra.org
71 www.kalyanamitra.org
๕ม ง ค ล ที่ มีบุญวาสนามาก่อน บุญและบาปน้นั เปน็ สมบัติของเขา ยอ่ มเป็นของตดิ ตามเขาไป ประดจุ เงาตดิ ตามตนไป ฉะน้ัน www.kalyanamitra.org
73 ๑. ผลของบญุ ๑.๑ ญาติมิตรและคนมีใจดีทั้งหลาย เห็นบุรุษผู้จากไปอยู่ต่างถ่ินมานานกลับมาแล้วจากท่ี ไกลโดยสวัสดี ย่อมยินดีย่ิงว่ามาแล้ว ฉันใด บุญทั้งหลายก็ย่อมต้อนรับบุคคลผู้กระทำ�บุญไว้ ซ่ึง จากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า ดุจพวกญาติเห็นญาติที่รกั มาแล้วต้อนรบั อย ู่ ฉันน้ัน. ข.ุ ธ. (พุทธ) มก. ๔๒/๓๙๐ ๑.๒ บคุ คลไมค่ วรดหู มน่ิ บญุ วา่ บญุ มปี ระมาณนอ้ ยจกั ไมม่ าถงึ แมห้ มอ้ น�ำ้ ยงั เตม็ ดว้ ยหยาดน�ำ้ ทต่ี กลงมาทลี ะหยดๆ ได้ ฉนั ใด ชนผมู้ ปี ญั ญาสง่ั สมบญุ แมท้ ลี ะนอ้ ยๆ ยอ่ มเตม็ ดว้ ยบญุ ได้ ฉนั นน้ั . ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๒/๒๓๐ ๑.๓ ผู้มีปัญญาทำ�กุศลอยู่คราวละน้อยๆ ทุกๆ ขณะโดยลำ�ดับ พึงกำ�จัดมลทินของตนได้ เหมอื นช่างทองปดั เป่าสนมิ ทอง ฉะนน้ั . ขุ.ธ. (อรรถ) มก. ๔๓/๒ ๑.๔ แมน่ ํ้าเปน็ อนั มากทหี่ ม่ชู นอาศยั แลว้ ไหลไปยังสาครทะเลหลวง ซ่งึ จะประมาณมิได้ เปน็ ท่ีขงั น้ำ�อยา่ งใหญ่ มีสิง่ ทีน่ ่ากลวั มาก เป็นท่ีอยู่ของหมู่รตั นะ ฉันใด สายธารแหง่ บญุ ยอ่ มไหลไปสูน่ ร ชนผู้เปน็ บัณฑิต ผู้ให้ข้าว นา้ํ ผ้า ท่ีนอน ท่ีน่ัง และเครอื่ งปลู าด เหมอื นแม่นํ้าไหลไปสสู่ าคร ฉันนั้น เหมือนกัน. สงั .ม. (พุทธ) มก. ๓๑/๓๗๓ www.kalyanamitra.org
74 ๑.๕ บุญ และบาปนั้น เป็นสมบัติของเขา และเขาจะพาเอาบุญและบาปนั้นไป อน่ึง บุญ และบาปนัน้ ย่อมเปน็ ของติดตามเขาไปประดุจเงาตดิ ตามตนไป ฉะนน้ั . สัง.ส. (พทุ ธ) มก. ๒๔/๔๒๘ ๑.๖ ส่ิงท่ที า่ นม่งุ หมายแลว้ จงสำ�เรจ็ พลันทีเดียว ความดำ�รทิ ้ังปวง จงเตม็ เหมอื นพระจันทร์ ในวันเพ็ญ สิ่งท่ีท่านมุ่งหมายแล้ว จงสำ�เร็จพลันทีเดียว ความดำ�ริท้ังปวงจงเต็มเหมือนแก้วมณี โชติรส ฉะนน้ั . ขุ.ธ. (ปจั เจก) มก. ๔๒/๑๓๒ ๑.๗ ธรรมดาทา่ นผเู้ ป็นสตั ว์เกิดมาในภพสุดท้าย ใครไม่อาจทำ�ลายได้ เพราะมีอุปนิสัยแหง่ อรหัตผลรงุ่ เรอื งอย่ใู นหทัยของท่าน เหมอื นดวงประทีปภายในหม้อ ฉะนั้น. ขุ.ชา. (อรรถ) มก. ๕๖/๓ ๑.๘ ธรรมดาเรือยอ่ มแลน่ ไปในมหาสมุทรอนั กว้างลึก เตม็ ไปดว้ ยสัตว์น�้ำ อนั ไมอ่ าจประมาณ ได้ ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควรมีใจขวนขวายสร้างบารมี ทำ�ลายเสียซ่ึงสัญญาทั้งปวง เที่ยวไปเพอ่ื การรแู้ จง้ แทงตลอดในอริยสัจ ๔ ฉนั น้นั . มลิ ิน. ๔๓๑ ๑.๙ สปั ปบรุ ุษเม่อื เกดิ ในสกลุ ย่อมเกิดมาเพอื่ ประโยชน์ เพ่ือเก้ือกูล เพื่อความสุขแก่ชนเปน็ อันมาก คือ แก่มารดา บิดา แก่บุตร ภริยา แก่ทาสกรรมกร คนรับใช้ แก่มิตรสหาย แก่สมณ พราหมณ์ เปรียบเหมอื นมหาเมฆยังขา้ วกลา้ ท้ังปวงให้งอกงาม ยอ่ มมีมาเพ่ือประโยชน์ เพ่ือเกือ้ กูล เพ่อื ความสขุ แกช่ นเปน็ อันมาก. อัง.ปญั จก. (พุทธ) มก. ๓๖/๙๖ ๑.๑๐ บุคคลผู้ท�ำ กศุ ลกรรมบถ ๑๐ เมือ่ ตายไปยอ่ มเขา้ ถึงสุคติโลกสวรรค์ บุคคลที่ยงั อยู่จะ สวดสรรเสริญวิงวอน ก็ไม่สามารถทำ�ผู้ล่วงลับท่ีไปสุคติแล้ว ให้ไปทุคติ อบาย วินิบาต นรกได้ เหมอื นหมอ้ ท่ีมเี นยใส เม่อื โยนจมลงไปในน�ำ้ เนยใสน้ำ�มนั ยอ่ มลอยขึ้นมาเหนอื นำ้� จะสวดสรรเสริญ วิงวอนใหเ้ นยใส น�ำ้ มัน จมลงไปในน้ำ�ก็ไม่ได้. สงั .สฬา. (พุทธ) มก. ๒๙/๑๘๙ ๑.๑๑ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสนว่า กุศลกรรม และอกุศลกรรมที่บุคคลทำ�ด้วย รปู นามน้ีอยูไ่ หน พระนาคเสนทลู ตอบวา่ ตดิ ตวั ไปเหมอื นเงาตามตวั แลว้ อปุ มาวา่ ตน้ ไมท้ ย่ี งั ไมม่ ผี ลกไ็ มอ่ าจช้ี ไดว้ า่ ผลนน้ั อยทู่ ไ่ี หน ดงั นน้ั เมอ่ื การสบื ตอ่ ยงั ไมข่ าด กไ็ มอ่ าจชช้ี ดั ลงไปไดว้ า่ กรรมเหลา่ นน้ั อยทู่ ไ่ี หน. มลิ นิ . ๑๑๒ www.kalyanamitra.org
75 ๑.๑๒ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสนว่า เมื่อใกล้ตายมีสติระลึกถึงพระพุทธเจ้า ครง้ั เดียว ก็ไปสวรรค์ ท�ำ ปาณาตบิ าตครัง้ เดียวกไ็ ปนรกได้ พระนาคเสนทูลตอบว่า ก้อนหินเล็กๆ ก็จมน้ำ�ได้ ก้อนหินใหญ่ขนลงเรือบรรทุก เรือก็ลอย บนน้�ำ ได้. มลิ ิน ๑๒๗ ๒. รปู สมบตั ิ ๒.๑ พระสัมมาสมั พุทธเจา้ ได้ลกั ษณะมหาบรุ ษุ ๓๒ ประการ ซึ่งไม่มใี น มารดาบิดา เหมือน ดอกบัวแตกตา่ งจากโคลนและตมทเ่ี ปน็ แหลง่ ก�ำ เนิด. มลิ ิน. ๑๑๗ ๒.๒ สัมผัสทางกายของนางแกว้ น้ัน เป็นเหมือนปยุ น่นุ หรอื ปยุ ฝา้ ย. ที.ม. (พทุ ธ) มก. ๑๓/๔๗๘ ๒.๓ แม่น้ําใกล้ภูผา หรือหมู่ไม้ดาดาษไปด้วยไม้ไผ่เล็กๆ ย่อมงดงาม ฉันใด เส้นพระโลม ชาติก็อ่อนงดงาม ฉนั นัน้ . ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๓/๓๒๔ ๒.๔ หน้าของทา่ นผอ่ งใสดงั ทองคำ�ในปากเบ้า และดงั ดอกกรรณกิ าทบ่ี านด.ี ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๔๗๕ ๒.๕ พระนางเจ้าน้ันมีดวงพระเนตรเขื่อง ราวกะดวงตาแห่งลูกมฤคหนึ่งขวบเกิดดีแล้ว หรอื ดจุ เปลวเพลงิ ในเหมันตฤด.ู ขุ.ชา. (โพธิ) มก. ๖๓/๓๒๔ ๒.๖ ผมของหญิงผู้มีบุญมากเป็นเช่นกับกำ�หางนกยูง แก้ปล่อยระชายผ้านุ่งแล้วก็กลับมี ปลายงอนขึน้ ตั้งอยู่ นีช้ ่อื ว่า ผมงาม ริมฝปี ากเช่นกบั ผลต�ำ ลงึ สกุ ถึงพร้อมด้วยสเี รยี บชิดสนทิ ดี นชี้ อื่ ว่า เนอ้ื งาม ฟันขาวเรียบไม่ห่างกัน งดงามดุจระเบียบแห่งเพชรที่เขายกข้ึนต้ังไว้ และดุจระเบียบแห่ง สงั ข์ทเี่ ขาขัดสีแล้ว นช้ี อ่ื วา่ กระดกู งาม ผวิ พรรณของหญงิ ด�ำ ไม่ลบู ไลด้ ว้ ยเคร่อื งประเทืองผวิ เลย ก็ดำ�สนทิ ประหนึ่งพวงอบุ ลเขียว ของหญิงขาวประหน่ึงพวงดอกกรรณิกา นชี้ อ่ื วา่ ผิวงาม. ข.ุ ธ. (อรรถ) มก. ๔๑/๗๗ www.kalyanamitra.org
76 ๓. การอทุ ิศสว่ นบุญ ๓.๑ นำ้�ตกลงบนที่ดอน ย่อมไหลไปสู่ท่ีลุ่ม ฉันใด ทานที่ทายกให้ไปจากมนุษย์โลกนี้ ย่อม สำ�เร็จผลแก่ฝูงเปรต ฉนั น้นั เหมอื นกัน. ข.ุ ข.ุ (พทุ ธ) มก. ๓๙/๒๗๗ ๓.๒ ห้วงน้ำ�เต็มแล้ว ย่อมยังสาครให้เต็ม ฉันใด ทานที่ทายกให้ไปจากมนุษย์โลกนี้ ย่อม สำ�เร็จผลแกฝ่ ูงเปรต ฉนั นนั้ เหมอื นกัน. ขุ.ขุ. (พทุ ธ) มก. ๓๙/๒๗๗ ๓.๓ น้ำ�ที่หมู่เมฆให้ตกลงบนท่ีดอนบนบก บนภูมิภาคท่ีสูง ย่อมไหลลงที่ลุ่ม คือ ไหลไปถึง ภูมิภาคที่ลุ่มตำ่� ฉันใด ทานท่ีหมู่ญาติมิตรสหายให้จากมนุษยโลกน้ี ย่อมสำ�เร็จผลแก่หมู่เปรต ฉัน นนั้ เหมือนกนั . ขุ.ขุ. (อรรถ) มก. ๓๙/๒๙๖ ๓.๔ ฝนห่าใหญต่ กลงมายอ่ มทำ�ให้แม่น้ํา คลอง บึง สระ ทดี่ อนทั้งสน้ิ เตม็ ไปด้วยน�้ำ แลว้ ยัง ไหลไปไดร้ อบตวั ฉันใด กุศลก็มีผลมากจึงอาจแบ่งไปถึงมนุษย์ และเทพยดาอน่ื ๆ ได้ ฉันนัน้ . มิลิน. ๓๖๕ www.kalyanamitra.org
77 www.kalyanamitra.org
๖ม ง ค ล ที่ ตั้งตนชอบ บุคคลสองตา คอื มดี วงตาทเ่ี ปน็ เหตุ จะท�ำ ใหไ้ ด้โภคทรัพย์ ท้งั มดี วงตาท่ีเป็นเหตจุ ะทำ�ใหร้ ู้ธรรมทั้งหลาย www.kalyanamitra.org
79 ๑. ศรทั ธา ๑.๑ บุคคลไม่ควรคบหาคนท่ีปราศจากศรัทธา เหมือนบ่อท่ีไม่มีน้ำ�... ถ้าแม้บุคคลจะพึงขุด บ่อน้ำ�นนั้ บ่อนน้ั ก็จะมนี ำ้�ทม่ี ีกลิ่นโคลนตม บุคคลควรคบคนที่เล่ือมใสเท่าน้ัน ควรเว้นคนท่ีไม่เลื่อมใส ควรเข้าไปนั่งใกล้คนท่ีเลื่อมใส เหมือนคนผู้ตอ้ งการน�ำ้ เขา้ ไปหาหว้ งน้ำ� ฉะนั้น. ขุ.ชา. (พทุ ธ) มก. ๖๒/๗๘ ๑.๒ ต้นไทรใหญ่ที่ทางสี่แยกมีพ้ืนราบเรียบ ย่อมเป็นที่พ่ึงของพวกนกโดยรอบ ฉันใด กุล บตุ รผู้มศี รทั ธาก็ฉันนัน้ เหมอื นกนั ยอ่ มเปน็ ท่ีพ่ึงของชนเป็นอนั มาก. อัง.ปญั จก. (พุทธ) มก. ๓๖/๘๗ ๑.๓ ผ้ใู ดผู้หน่งึ มีศรัทธาในกุศลธรรมท้ังหลาย มหี ิริ มีโอตตัปปะ มีวริ ิยะ มปี ญั ญาในกศุ ลทั้ง หลาย กลางคืนหรือกลางวันของผู้นั้น ย่อมผ่านพ้นไป ผู้น้ันพึงหวังได้ความเจริญในกุศลธรรมท้ัง หลาย ไม่หวงั ไดค้ วามเส่อื ม ดูก่อนสารีบุตร เปรียบเหมือนกลางคืน หรือกลางวันของพระจันทร์ในปักษ์ข้างขึ้น ย่อม ผ่านพ้นไป พระจันทร์นั้นย่อมเจริญด้วยวรรณะ ย่อมเจริญด้วยมณฑล ย่อมเจริญด้วยแสงสว่าง ยอ่ มเจรญิ ดว้ ยด้านยาว และกวา้ ง. องั . ทสก. (พุทธ) มก. ๓๘/๒๑๒ www.kalyanamitra.org
80 ๑.๔ ศรัทธามีความผ่องใสเป็นลักษณะ เหมือนนำ้�ที่ขุ่นมัว ใสได้ด้วยแก้วมณีของพระเจ้า จักรพรรดิ ฉะนั้น. มิลนิ . ๔๙ ๑.๕ ธรรมดากาลักน้ำ�ดูดน้ำ�ข้ึนมาแล้วไม่ปล่อยน้ำ�ลงไป ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียร เมอื่ เกิดความเลอ่ื มใส ก็ไมค่ วรปล่อยความเล่อื มใสน้ันท้งิ ควรทำ�ให้เกดิ ความเล่ือมใสยง่ิ ๆ ขึ้นไปใน พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ.์ มิลิน. ๔๖๑ ๑.๖ เปรียบเหมือนบุรุษดำ�ลงไปในห้วงนำ้�ลึกแล้วพึงทุบหม้อเนยใส หรือหม้อนำ้�มัน ส่ิงใดมี อยู่ในหม้อน้ัน จะเป็นก้อนกรวดหรือกระเบื้องก็ตาม สิ่งน้ันจะจมลง สิ่งใดเป็นเนยใสหรือนำ้�มัน สง่ิ นั้นจะลอยขึน้ ฉนั ใด จติ ของผใู้ ดผู้หน่งึ ทอี่ บรมแล้วดว้ ยศรทั ธา ศลี สตุ ะ จาคะ ปัญญา ตลอดกาลนาน กายของ ผู้นั้นมีรูปอันแตกกระจัดกระจายไปเป็นธรรมดา สัตว์ท้ังหลายย่อมกัดกินกายน้ี ส่วนจิตของผู้ซึ่ง อบรมแล้วด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญาตลอดกาลนาน ย่อมเป็นคุณชาติไปในเบ้ืองบน บรรลุคุณวิเศษ ฉะนั้น. สงั .ม. (พทุ ธ) มก. ๓๑/๓๒๖ ๑.๗ ผู้ไม่มีศรทั ธาในกศุ ลธรรมทั้งหลาย ไม่มีหริ ิ ไม่มโี อตตัปปะ ไม่มวี ริ ยิ ะ ไม่มีปญั ญา ผู้นน้ั พึงหวังได้ความเสื่อม เหมือนพระจันทร์ในกาฬปักษ์ย่อมผ่านพ้นไป พระจันทร์ย่อมเส่ือมจากความ สว่าง ส่วนผู้ใดมีศรัทธาในกุศลธรรม ผู้นั้นพึงหวังได้ความเจริญ เหมือนพระจันทร์ในปักษ์ข้างขึ้น ย่อมผา่ นพน้ ไป พระจันทร์ยอ่ มเจรญิ ดว้ ยความสว่าง. อัง.ทสก. (เถระ) มก. ๓๘/๒๐๙ ๑.๘ ขณะท่ีกสิภารทวาชพราหมณ์กำ�ลังเล้ียงอาหารบริวารอยู่ในทุ่งนา พระบรมศาสดา เสด็จเข้าไปประทบั ยืนบณิ ฑบาต พราหมณไ์ ดก้ ราบทลู ว่า ข้าพระองค์ไดไ้ ถ และหวา่ นแลว้ จงึ บริโภค แมพ้ ระพุทธองคก์ ็จงไถ และหว่านแล้วบรโิ ภค พระบรมศาสดาตรสั ตอบวา่ พระองค์ก็ไถ และหวา่ นแลว้ บรโิ ภคเหมือนกนั พราหมณก์ ราบทูลว่า ไมเ่ หน็ การไถของพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาตรสั ตอบว่า ศรัทธาเปน็ พืช ความเพยี รเป็นฝน ปัญญาของเราเป็นแอกและ ไถ หริ ิเปน็ งอนไถ ใจเปน็ เชือก สติของเราเป็นผาล และประตกั เม่อื จบพระธรรมเทศนา พราหมณข์ อถึงพระรัตนตรยั เปน็ สรณะไปจนตลอดชีวติ . สงั .ส. (พทุ ธ) มก. ๒๕/๒๔๓ www.kalyanamitra.org
81 ๒. ประโยชนช์ าตนิ ี้ ๒.๑ บุคคลผู้มีปัญญาเห็นประจักษ์ ย่อมตั้งตนได้ด้วยทรัพย์อันเป็นต้นทุนแม้เล็กน้อย ดุจ บคุ คลกอ่ ไฟอนั นอ้ ยใหโ้ พลงข้ึนได้ ฉะน้ัน. อัง.เอก. (พุทธ) มก. ๓๒/๓๕๑ ๒.๒ บัณฑติ ผ้สู มบรู ณด์ ้วยศีล ย่อมรงุ่ เรืองสอ่ งสว่างเพียงดงั ไฟ เมอ่ื บุคคลสะสมโภคสมบัติ อย่เู หมอื นแมลงผ้งึ สร้างรัง โภคสมบตั ยิ อ่ มถึงความเพ่มิ พูน ดุจจอมปลวกอนั ตัวปลวกก่อขนึ้ ฉะนนั้ . ท.ี ปา. (พทุ ธ) มก. ๑๖/๘๗ ๒.๓ หากวา่ นรชนจะเป็นผู้มีชาติก�ำ เนดิ เลวทราม แต่เป็นผมู้ คี วามขยนั หมน่ั เพยี ร มปี ัญญา ประกอบดว้ ยอาจาระ และศีล ย่อมรุง่ เรอื งสกุ ใส เหมอื นกองไฟในยามราตรี ฉะนั้น. ข.ุ ชา. (โพธิ) มก. ๖๑/๑๑๓ ๒.๔ รายได้ของเราจักต้องเหนือรายจ่าย และรายจ่ายของเราจักต้องไม่เหนือรายได้ เปรียบเหมือนคนชั่งตาชั่งหรือลูกมือคนช่ังตาชั่ง ยกตาชั่งข้ึนแล้ว ย่อมลดออกเท่าน้ี หรือต้องเพิ่ม เข้าเท่าน้ี ฉันใด กุลบุตรก็ฉันน้ันเหมือนกัน รู้ทางเจริญ และทางเสื่อมแห่งโภคทรัพย์แล้วเลี้ยงชีพ พอเหมาะ ไมใ่ ห้ฟมู ฟายนัก ไม่ให้ฝดื เคืองนกั . องั .สตั ตก. (พทุ ธ) มก. ๓๗/๕๖๑ ๓. ประโยชนช์ าตหิ น้า ๓.๑ นายมาลาการพึงท�ำ พวงดอกไม้ให้มากจากกองดอกไม้ แม้ฉันใด สัตว์ผู้มีอันจะพึงตาย เปน็ สภาพ ควรทำ�กุศลไว้ให้มาก ฉันน้ัน. ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๑/๓ ๓.๒ ในฤดูสารทเดือนท้ายฤดูฝน เมื่อฝนซาลง เมฆก็จากไปแล้ว พระอาทิตย์ข้ึนสู่ท้องฟ้า กำ�จัดความมืดในอากาศ ย่อมส่องแสงแจ่มจ้า แม้ฉันใด การถือมั่นส่ิงท่ีมีสุขท้ังในปัจจุบัน และต่อ ไปก็ยังมีผลเป็นสุขอีก ขจัดคำ�ติเตียนของสมณพราหมณ์เป็นอันมากเหล่าอื่นได้ แล้วย่อมสว่าง แจ่มแจ้ง และร่งุ เรือง ฉันน้ันน่ันแล. ม.มู. (พทุ ธ) มก. ๑๙/๓๗๙ ๓.๓ นมสดเกิดจากแม่โค นมส้มเกิดจากนมสด เนยข้นเกิดจากนมส้ม เนยใสเกิดจากเนย ข้น หัวเนยใสเกิดจากเนยใส หวั เนยใสโลกกลา่ วว่า เลศิ กวา่ นมสดเป็นต้นเหลา่ น้ัน ฉนั ใด กามโภคีบุคคลผู้แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยไม่ทารุณ คร้ันแสวงหาได้แล้วย่อม เลีย้ งตนใหเ้ ปน็ สุข ให้อิ่มหนำ� แจกจา่ ย กระทำ�บุญ และเป็นผไู้ มก่ ำ�หนดั ไม่หมกมุน่ ไมจ่ ดจ่อ เห็น www.kalyanamitra.org
82 โทษ มีปัญญาเปน็ เครอ่ื งสลัดออก บริโภคโภคทรัพยน์ ั้น นี้เป็นผู้เลศิ ประเสรฐิ เป็นใหญ่สงู สุด ฉันนนั้ . อัง.ทสก. (พทุ ธ) มก. ๓๘/๒๙๖ ๓.๔ บคุ คล ๔ จำ�พวก ๑. บุคคลมืดมาแล้วมืดไป บางคนเกิดในตระกูลตำ่�แล้วยังประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อจะตายย่อมเข้าถงึ อบาย ทุคติ นรก ๒. บุคคลมดื มาแล้วสวา่ งไป บางคนเกดิ ในตระกลู ต�่ำ แต่ประพฤติสจุ รติ ดว้ ยกาย วาจา ใจ เมอ่ื จะตายยอ่ มเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๓. บุคคลสว่างมาแล้วมืดไป บางคนเกดิ ในตระกูลสูง แตป่ ระพฤติทจุ รติ ดว้ ยกาย วาจา ใจ เมอ่ื จะตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ นรก ๔. บุคคลสว่างมาแล้วสว่างไป บุคคลบางคนเกิดในตระกูลสูง ประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อจะตายยอ่ มเข้าสุคติโลกสวรรค.์ องั .จุตกก. (พุทธ) มก. ๓๕/๒๔๖ ๓.๕ ดูก่อนภิกษุทัง้ หลาย บุคคล ๓ จำ�พวกมีอยูใ่ นโลก ได้แก่ ๑. บคุ คลตาบอด คอื ไมม่ ดี วงตา (ปญั ญา) ทเ่ี ปน็ เหตจุ ะใหไ้ ดโ้ ภคทรพั ยอ์ นั ยงั ไมไ่ ด้ ทเ่ี ปน็ เหตุ จะท�ำ โภคทรพั ยท์ ไ่ี ดแ้ ลว้ ใหท้ วขี น้ึ ทง้ั ไมม่ ดี วงตาทเ่ี ปน็ เหตจุ ะใหร้ ธู้ รรมทง้ั หลายอนั เปน็ กศุ ล และอกศุ ล ๒. บุคคลตาเดียว คือ มีดวงตาที่เป็นเหตุจะให้ได้โภคทรัพย์ท่ียังไม่ได้ ที่เป็นเหตุจะทำ� โภคทรัพยท์ ี่ไดแ้ ล้วให้ทวขี น้ึ แต่ไม่มีดวงตาที่เป็นเหตจุ ะใหร้ ้ธู รรมทัง้ หลาย อันเปน็ กศุ ล และอกุศล ๓. บคุ คลสองตา คอื มดี วงตาที่เป็นเหตจุ ะท�ำ ให้ไดโ้ ภคทรพั ย์ ท้งั มดี วงตาทเี่ ปน็ เหตจุ ะท�ำ ให้ รธู้ รรมทงั้ หลาย. องั .ตกิ . (พทุ ธ) มก. ๓๔/๙๔ ๓.๖ ดูกอ่ นภกิ ษุท้ังหลาย ความเป็นคนจนเป็นทกุ ขข์ องบคุ คลผ้บู รโิ ภคกามในโลก คนเข็ญใจยากไร้ย่อมกู้ยืม กู้แล้วต้องรับใช้ดอกเบี้ย หากไม่ใช้ดอกเบี้ยตามกำ�หนดเวลา เจา้ หนีท้ ้ังหลายย่อมทวงเขา หากทวงแลว้ ไม่ไดย้ ่อมถกู ติดตาม และถกู จองจ�ำ เหลา่ นเ้ี ป็นทกุ ข์ของ บุคคลผ้บู รโิ ภคกามในโลก ดูกอ่ นภกิ ษุทัง้ หลาย บคุ คลบางคนไมม่ ีศรัทธาในกศุ ลธรรม ไมม่ หี ริ โิ อตตปั ปะ ไมม่ วี ริ ิยะ ไม่มี ปัญญาในกุศลธรรม บุคคลนี้เรียกว่า เปน็ คนเขญ็ ใจยากไรใ้ นวินยั ของพระอรยิ เจ้า เม่ือเขาประพฤติทุจริตนั้นเหมือนการกู้ยืม เขาย่อมมีความปรารถนาลามก เพราะเหตุแห่ง การปกปิดกาย ทุจริตนั้นย่อมคิดวา่ ชนเหล่าอ่ืนอยา่ รจู้ ักเรา แล้วกลา่ ววาจาว่าชนเหลา่ อ่ืนอย่ารูจ้ ัก เรา เป็นเหตุแห่งการปกปิดวจีทุจริต เขาย่อมตั้งความปรารถนาลามก เพราะเหตุแห่งการปกปิด มโนทจุ ริตนั้น www.kalyanamitra.org
83 การทวงดอกเบี้ย คือ อกุศลวิตกท่ีเป็นบาปเกิดขึ้น ประกอบด้วยความเดือดร้อนเข้า ครอบงำ� เจา้ หนตี้ ิดตามเขาผู้ประพฤตทิ ุจรติ ดว้ ยกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปแล้วยอ่ มถกู จองจ�ำ ในเรอื นจ�ำ คอื นรก ในเรอื นจ�ำ คือ ก�ำ เนดิ ดิรจั ฉาน ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย เราย่อมไม่พิจารณาเห็นเรือนจำ�อ่ืนเลยท่ีร้ายกาจเป็นทุกข์ กระทำ� อันตรายแกก่ ารบรรลนุ พิ พาน ซ่งึ เปน็ ธรรมอันเกษมจากโยคะ เหมือนเรอื นจ�ำ คือ นรก หรือเรอื น จำ� คือ ก�ำ เนิดดิรจั ฉานเลย. อัง.ฉกั ก. (พทุ ธ) มก. ๓๖/๖๖๔ ๓.๗ ผา้ เศร้าหมอง ช่างย้อมหยอ่ นลงไปในน�้ำ ย้อมใดๆ ผ้าย้อมนัน้ ย่อมเปน็ ผา้ ท่มี สี ยี ้อมไม่ด ี มีสีมัวหมอง เพราะผ้าเป็นของไม่บริสุทธิ์ ฉันใด เมื่อจิตเศร้าหมองทุคติก็เป็นอันหวังได้ ฉันนั้น เหมือนกัน ช่างย้อมผ้าจะพึงนำ�ผ้าท่ีสะอาดหมดจด ใส่ลงในนำ้�ย้อมสีใดๆ ผ้าผืนนั้นจะพึงเป็นผ้าท่ี ยอ้ มไดด้ ี มีสีสดใส เพราะผ้าผนื นน้ั เปน็ ผ้าสะอาด แม้ฉันใด เมอื่ จติ ไมเ่ ศรา้ หมอง สคุ ติก็เป็นอันหวัง ได้ ฉันนั้นเหมือนกนั . ม.มู. (พุทธ) มก. ๑๗/๔๓๓ ๔. ประโยชนอ์ ย่างยงิ่ ๔.๑ เดือยข้าวสาลีหรือเดือยข้าวยวะต้ังไว้เหมาะ มือหรือเท้าย่ำ�เหยียบแล้ว จักทำ�ลายมือ หรือเท้า หรือว่าจักให้ห้อเลือด ข้อน้ีเป็นฐานะที่มีได้ ข้อน้ันเพราะเหตุไร เพราะเดือยต้ังไว้เหมาะ แม้ฉนั ใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน จักทำ�ลายอวิชชา จักยังวิชชาให้เกิด จักกระทำ�ให้แจ้งซ่ึงนิพพาน เพราะทิฏฐิท่ีต้ังไว้ชอบ เพราะมรรคภาวนาตั้งไว้ชอบ ข้อน้ีเป็นฐานะท่ีมีได้ ข้อน้ันเพราะเหตุไร เพราะทฏิ ฐทิ ่ตี ง้ั ไวช้ อบ. สงั .ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๕๐ ๔.๒ ธรรมดาเรือย่อมพาคนเป็นอันมากข้ามฟากไปได้ โดยความเป็นระเบียบของไม้จ�ำ นวน มากท่ีนำ�มาขนานกันได้ ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควรข้ามทั้งโลกน้ี และเทวโลกท่ีขนานกัน อยู่ไปได้พรอ้ มๆ กันด้วยธรรมท้งั หลายอันได้แก่ อาจารคณุ ศีลคุณ ขอ้ วัตรปฏิบัติ ฉนั นั้น. มลิ ิน. ๔๓๐ ๔.๓ ในอดีตชาติของพระเจ้ามิลินท์ เมื่อคร้ังที่เกิดเป็นสามเณรเคยอธิษฐานไว้ว่า ด้วยบุญ กรรมทีข่ ้าพเจา้ หอบหยากเยือ่ มาทิง้ นี้ เม่ือขา้ พเจ้ายงั ไม่ถงึ นิพพาน ข้าพเจา้ ไปเกดิ ท่ใี ดกต็ าม ขอให้ ข้าพเจ้ามีเดชเหมือนดวงอาทิตย์เท่ียงวัน ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาไว ทันเหตุผล มีปัญญาไม่รู้จัก ส้นิ สดุ เหมือนกบั ลกู คลื่นในแมน่ �้ำ คงคา www.kalyanamitra.org
84 ในอดีตชาติของพระนาคเสน เมื่อครั้งเกิดเป็นพระอาจารย์ของสามเณร เคยอธิษฐานไว้ว่า ข้าพเจ้ายังไม่สำ�เร็จนิพพานตราบใด ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาไว ไม่รู้จักส้ินสุดเหมือนกับฝั่งแม่น้ำ� คงคา ใหเ้ ป็นผู้สามารถแกไ้ ขปัญหาปฏิภาณทงั้ ปวงท่ีสามเณรไตถ่ ามได้สิน้ สามารถชี้แจงเหตผุ ลตน้ ปลายได้ เหมอื นกับบุรษุ ที่ม้วนกลมุ่ ด้าย ที่มีสายดา้ ยอนั ยงุ่ ใหร้ วู้ า่ ข้างตน้ ขา้ งปลายเป็นฉะนน้ั ดว้ ย อำ�นาจบญุ ทขี่ า้ พเจา้ ได้กวาดวดั และใชส้ ามเณรใหน้ �ำ หยากเยอ่ื มาทง้ิ นเี้ ถิด. มลิ นิ . ๗ ๕. การเส่ือมจากประโยชน์อย่างย่งิ ๕.๑ บคุ คลประสงค์จะกนิ ผลมะเด่ือ เขย่าต้นมะเด่ือท่ีมผี ลสุก ผลเป็นอนั มากหล่นลงมาด้วย การเขยา่ คราวเดยี วเท่านน้ั เขากินผลทค่ี วรจะกิน ทงิ้ ผลเป็นอนั มากนอกนไี้ ปเสยี ฉนั ใด บุคคลใดสุรุ่ยสุร่าย กระทำ�รายจ่ายให้มากกว่ารายได้ บริโภคโภคะ บุคคลน้ันเขาเรียกว่า กนิ ทิ้งกนิ ขว้าง เหมือนกลุ บตุ รผ้กู ินผลมะเดอ่ื คนน ี้ ก็ฉันน้ันเหมือนกนั . อัง.สตั ตก. (อรรถ) มก. ๓๗/๕๖๖ ๕.๒ หางแหลมของเมล็ดข้าวสาลี หรือหางแหลมของเมล็ดข้าวเหนียวท่ีบุคคลต้ังไว้ไม่ตรง มือหรือเท้ายำ่�เหยียบแล้ว จักทำ�ลายมือหรือเท้า หรือว่าจักให้ห้อเลือด ข้อน้ีมิใช่ฐานะท่ีจะมีได้ ข้อนั้นเพราะเหตไุ ร เพราะหางแหลมของเมล็ดขา้ วอันบุคคลต้ังไว้ไมต่ รง ฉนั ใด ภิกษุน้ันก็ฉันนั้นเหมือนกันจักทำ�ลายอวิชชา จักยังวิชชาให้เกิด จักทำ�นิพพานให้แจ้ง ด้วย จติ ที่ตง้ั ไว้ผิด ข้อนี้มใิ ชฐ่ านะท่ีจะมีได้ ขอ้ นน้ั เพราะเหตไุ ร เพราะจิตตั้งไว้ผิด. อัง.เอก. (พทุ ธ) มก. ๓๒/๙๓ ๕.๓ พวกคนเขลาไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้ทรัพย์ในคราวยังเป็นหนุ่มสาว ย่อมซบเซา ดังนกกะเรยี นแก่ ซบเซาอยใู่ นเปือกตมทห่ี มดปลา ฉะน้นั พวกคนเขลาไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไมไ่ ดท้ รพั ยใ์ นคราวยงั เป็นหน่มุ สาว ย่อมนอนทอดถอน ถึงทรัพยเ์ กา่ เหมอื นลกู ศรท่ีตกจากแลง่ ฉะนัน้ . ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๑๔๒ ๕.๔ บุคคลผู้มากด้วยการไม่ใส่ใจโดยแยบคายอย่างน้ี ย่อมเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพอยู่ รำ่�ไป เปรียบเหมอื นเรือซ่งึ ถกู แรงลมพดั ท�ำ ให้โคลง และเปรียบเหมอื นฝูงโคซึ่งตกลงไปในแม่น�้ำ ไหล วน. ม.ู มู. (อรรถ) มก. ๑๗/๑๕๘ www.kalyanamitra.org
85 ๕.๕ บุคคลผูม้ ีสว่ นชั่ว เสอ่ื มแลว้ จากโภคะแห่งคฤหสั ถ์ ยอ่ มขจดั ผลแห่งความเปน็ สมณะให้ กระจดั กระจายไป เหมอื นดุ้นฟืนในท่ีเผาผีฉิบหายไปอยู่ ฉะน้ัน. ขุ.อติ .ิ (พทุ ธ) มก. ๔๕/๕๗๓ ๕.๖ กุลบุตรผู้ประกอบความเพียรในส่ิงอันไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ ก็ย่อมไม่ประสบความรู้ เลยทเี ดยี ว ยอ่ มจะจมลงในห้วงอนั ตรายอยา่ งเดียว เหมือนกวางวง่ิ โลดโผนไปในซอกผา ตกจมเหว ลงไปในระหว่างทาง ฉะน้ัน. ขุ.ธ. (โพธ)ิ มก. ๖๑/๑๑๓ ๕.๗ บุรุษผู้ตกอยู่ในหลุมคูถ เห็นสระมีน้ำ�เต็มเป่ียม ไม่ไปหาสระน้ัน ข้อนั้นหาเป็นโทษผิด ของสระไม่ ฉันใด เม่ือสระ คือ อมตะสำ�หรับเป็นเคร่ืองชำ�ระมลทิน คือ กิเลสมีอยู่ เขาไม่ไปหา สระนนั้ ขอ้ นัน้ หาเป็นโทษผดิ ของสระ คือ อมตะไม่ ฉันนน้ั . ขุ.อป. (โพธ)ิ มก. ๗๐/๑๘ ๕.๘ คนเม่ือถูกศัตรูรุมล้อม เมื่อทางหนีไปมีอยู่ ก็ไม่หนีไป ข้อนั้นหาเป็นโทษผิดของทางไม่ ฉนั ใด คนทีถ่ กู กเิ ลสกลุ้มรุม เมือ่ ทางปลอดภัยมีอยู่ ไมไ่ ปหาทางน้ัน ข้อนัน้ หาเปน็ โทษผดิ ของทางท่ี ปลอดภยั นน้ั ไม่ ฉันนั้น. ข.ุ อป. (โพธิ) มก. ๗๐/๑๘ ๕.๙ คนผู้เจบ็ ปว่ ย เมื่อหมอรักษาโรคมอี ยู่ ไม่ยอมให้หมอรักษาความเจบ็ ป่วยนนั้ ขอ้ นนั้ หา เป็นโทษผดิ ของหมอนน้ั ไม่ ฉันใด คนผู้ได้รบั ทกุ ข์ถูกความเจบ็ ป่วย คอื กิเลสเบยี ดเบยี นแลว้ ไมไ่ ปหา อาจารย์น้ัน ข้อน้ันหาเป็นโทษผิดของอาจารย์ผ้แู นะน�ำ ไม่ ฉันน้ันเหมือนกัน. ขุ.อป. (โพธ)ิ มก. ๗๐/๑๘ www.kalyanamitra.org
๗ม ง ค ล ที่ เป็นพหูสูต ปญั ญามีการท�ำ ใหส้ ว่างเป็นลักษณะ เหมอื นบุรุษสอ่ งประทีปเข้าไปในเรือนท่ีมดื แสงสวา่ งยอ่ มก�ำ จัดความมดื ทำ�ใหเ้ ห็นรปู ทั้งหลาย www.kalyanamitra.org
87 ๑. ปญั ญา ๑.๑ ปญั ญาเป็นเสมอื นรสเกลือทีใ่ สเ่ ขา้ ไวใ้ นกับข้าวทุกชนดิ . สัง.นิ. (อรรถ) มก. ๒๖/๗๖๑ ๑.๒ ปัญญามีลักษณะตัด อุปมาเหมือนคนเกี่ยวข้าวจับกอข้าวด้วยมือซ้าย ใช้เคียวตัดด้วย มือขวา. มิลิน. ๔๖ ๑.๓ ในเรือนมีฝา ๔ ด้าน เวลากลางคืนเม่ือจุดประทีป ความมืดย่อมหายไป ความสว่าง ยอ่ มปรากฏ ฉนั ใด ปัญญามคี วามสวา่ งเปน็ ลกั ษณะ กฉ็ ันนั้น. ข.ุ ม. (อรรถ) มก. ๖๕/๓๔๗ ๑.๔ ปญั ญามกี ารท�ำ ใหส้ วา่ งเปน็ ลกั ษณะ เหมอื นบรุ ษุ สอ่ งประทปี เขา้ ไปในเรอื นทม่ี ดื แสงสวา่ ง ย่อมก�ำ จัดความมดื ทำ�ใหเ้ หน็ รูปท้งั หลาย. มลิ ิน. ๕๖ ๑.๕ ปัญญามอี ยูแ่ ตแ่ สดงไมไ่ ดเ้ หมือนลม. มลิ นิ . ๑๒๒ www.kalyanamitra.org
88 ๑.๖ ธรรมดาของงูย่อมไปด้วยอก ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควรไปด้วยปัญญา ฉันนั้น เพราะจิตของผู้ไปด้วยปัญญาย่อมนำ�ไปสู่ธรรมท่ีควรรู้ ย่อมละเว้นส่ิงที่ไม่ควรกำ�หนดจดจำ� ฝกึ ฝนแต่สิ่งทีค่ วรจำ�. มิลิน. ๔๕๔ ๒. ผู้มปี ัญญา ๒.๑ ศีลอันปัญญาชำ�ระให้บริสุทธ์ิ ศีลมีในบุคคลใด ปัญญาก็มีในบุคคลน้ัน ปัญญามี ในบุคคลใด ศีลก็มีในบุคคลนั้น ปัญญาเป็นของบุคคลผู้มีศีล ศีลเป็นของบุคคลผู้มีปัญญา และ นักปราชญ์ย่อมกล่าวศีลกับปัญญาว่า เป็นยอดในโลก เหมือนบุคคลล้างมือด้วยมือ หรือล้างเท้า ดว้ ยเทา้ ฉะนน้ั . ที.สี. (พุทธ) มก. ๑๒/๑๔ ๒.๒ ท่านผู้มีความรู้ มีปัญญาเป็นพหูสูต คิดเหตุการณ์ได้มากย่อมไม่ร้องไห้ การที่พวก บัณฑติ เปน็ ผบู้ รรเทาความเศรา้ โศกผอู้ ่นื ได้ นแ่ี หละเป็นทพ่ี ึง่ อยา่ งยอดเยี่ยมของนรชน เหมอื นอยา่ ง เกาะเป็นทีพ่ ำ�นักของคนทต่ี ้องเรอื แตกในมหาสมุทร ฉะน้นั . ขุ.ชา. (ทวั่ ไป) ๖๒/๖๗๐ ๒.๓ อริยสาวกเป็นพหูสูต ทรงสุตะ ส่ังสมสุตะ ได้สดับตรับฟังมาก ทรงจำ�ไว้ คล่องปาก ข้นึ ใจ แทงตลอดดว้ ยดีด้วยทิฏฐิ ซึ่งธรรมทง้ั หลายอันงามในเบ้ืองต้น งามในท่ามกลาง งามในทส่ี ดุ ประกาศพรหมจรรย์พรอ้ มทั้งอรรถ พร้อมท้ังพยญั ชนะ บรสิ ุทธิ์บรบิ รู ณ์ส้นิ เชิง เปรียบเหมอื นในปัจ จันตนครของพระราชา มกี ารสะสมอาวธุ ไว้มาก ทง้ั ทเ่ี ป็นอาวุธแหลมยาว และอาวธุ คม สำ�หรับคุ้ม ภัยภายใน และปอ้ งกันอันตรายภายนอก ฉะนัน้ . องั .สัตตก. (พทุ ธ) มก. ๓๗/๒๒๖ ๒.๔ พระจันทร์ปราศจากมลทินโคจรไปในอากาศ ย่อมสว่างไสวกว่าหมู่ดาวทั้งปวงในโลกนี้ ด้วยรัศมี ฉันใด สัมภวกุมารแม้ยังเป็นเด็ก ก็ฉันนั้น ย่อมไพโรจน์กว่าบัณฑิตท้ังหลาย เพราะ ประกอบดว้ ยปญั ญา. ขุ.ชา. (ทว่ั ไป) มก. ๖๑/๔๑๒ ๒.๕ สุตะอันภกิ ษุใดส่งั สมไว้ในหบี คอื หทยั ย่อมคงอยู่ดุจรอยจารึกที่ศลิ า. องั .จตุกก. (อรรถ) มก. ๓๕/๖๒ www.kalyanamitra.org
89 ๒.๖ ภิกษุเมื่อขออยู่ ไม่เว้นตระกลูต่ำ� สูง และปานกลาง ย่อมได้อาหารเป็นเคร่ืองยังชีพ ด้วยอาการอย่างนี้ แม้ฉันใด ท่านเมื่อไต่ถามชนผู้รู้อยู่ตลอดกาลทั้งปวง ถึงความเป็นปัญญาบารมี จกั ไดบ้ รรลพุ ระสัมโพธญิ าณ ฉนั น้ันเหมอื นกนั . ขุ.อป. (โพธิ) มก. ๗๐/๕๒ ๒.๗ พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามพระนาคเสนว่า มนสิการมีลักษณะอย่างไร ปัญญามีลักษณะ อย่างไร พระนาคเสนทูลตอบว่า มนสิการมีอุตสาหะและการถือไว้เป็นลักษณะ ปัญญามีการตัดเป็น ลักษณะ เหมือนวิธีจับกอข้าว จับเคียว เก่ียวข้าว ปัญญามีการทำ�ให้สว่างเป็นลักษณะ คือ เมื่อ เกิดขึน้ กก็ ำ�จดั ความมดื คอื อวชิ ชา และท�ำ ให้เกิดแสงสวา่ ง คือ วชิ ชา และญาณ. มลิ ิน. ๔๖ ๓. การศกึ ษาเลา่ เรยี น ๓.๑ การเลา่ เรยี นมี ๓ อย่าง คือ ๑. การเลา่ เรียนเหมือนจับงขู า้ งหาง ๒. การเลา่ เรียนมีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ออกไป ๓. การเลา่ เรยี นของพระอรหนั ต์เปรียบด้วยขุนคลงั . ที.สี. (อรรถ) มก. ๑๑/๑๐๒ ๓.๒ ปริยัตทิ ่ีเรียนมาไมด่ ี ย่อมเป็นไปเพือ่ สง่ิ มิใช่ประโยชน์ เพอ่ื ทุกขต์ ลอดกาลนาน เหมือน งูพิษที่จับไม่ดี ฉะน้ัน ส่วนปริยัติท่ีเรียนมาดี ย่อมเป็นไปเพ่ือประโยชน์เก้ือกูล เพ่ือความสุขตลอด กาลนาน เหมอื นงพู ษิ ทีจ่ ับไวด้ ี ฉะน้ัน. มู.ม.ู (พทุ ธ) มก. ๑๘/๓๐๗ ๓.๓ นายโคบาลไดแ้ ตเ่ ล้ียงโคไมไ่ ดด้ มื่ นมโค ฉันใด ปถุ ชุ นทที่ รงพระไตรปฎิ ก ก็ไม่มสี ว่ นแห่ง สามญั ญผล เหมอื นนายโคบาล ฉนั น้นั . มลิ นิ . ๒๔ ๔. ผู้มปี ัญญาน้อย ๔.๑ ผมู้ ปี ญั ญาน้อยทั้งหลาย หยั่งรไู้ ดย้ าก และเป็นท่พี ึ่งไม่ได้ เหมือนมหาสมทุ ร สัตว์เลก็ ทั้ง หลายมกี ระตา่ ยเปน็ ต้น พ่ึงไม่ได้ ฉะน้นั . ท.ี สี. (อรรถ) มก. ๑๑/๑๐๑ www.kalyanamitra.org
90 ๔.๒ คนมีสุตะน้อยน้ี ย่อมแก่เหมือนโคถึก เนื้อของเขาย่อมเจริญ แต่ปัญญาของเขาหา เจริญไม.่ ขุ.ธ. (พทุ ธ) มก. ๔๒/๑๔๒ ๔.๓ บุคคลผู้ทุศีลเปรียบด้วยดุ้นฟืนเผาศพ แต่บุคคลผู้มีสุตะน้อย ผู้ละเลยการงานเปรียบ ด้วยฝงู โค. อัง.จตุกก. (อรรถ) มก. ๓๕/๒๗๑ www.kalyanamitra.org
91 www.kalyanamitra.org
๘ม ง ค ล ที่ มีศิลปะ ถ้าบุคคลมีความคดิ แม้มเี สนาน้อย ยอ่ มชนะบคุ คลผไู้ ม่มีความคิดทีม่ ีเสนามากได้ พระราชาพระองค์เดียว ย่อมชนะพระราชาทั้งหลายได้ ดจุ ดวงอาทิตย์อทุ ยั กำ�จัดความมดื ฉะน้นั www.kalyanamitra.org
93 ๑. มศี ลิ ปะ ๑.๑ ถ้าบุคคลมีความคิด แม้มีเสนาน้อย ย่อมชนะบุคคลผู้ไม่มีความคิดท่ีมีเสนามากได้ พระราชาพระองค์เดียว ย่อมชนะพระราชาท้งั หลายได้ ดุจดวงอาทิตย์อทุ ยั ก�ำ จัดความมืด ฉะนั้น. ขุ.ชา. (โพธ)ิ มก. ๖๓/๓๑๗ ๑.๒ พราหมณ์ทัง้ หลายได้มนตแ์ ล้ว ช่ือว่า ได้ท่พี ่งึ คฤหบดที ้งั หลายได้ศิลปะอยา่ งใดอย่างหนึง่ แลว้ ชือ่ วา่ ได้ทีพ่ งึ่ หญงิ ท้ังหลายได้บุตรซึง่ เปน็ เจ้าของมรดกในตระกลู ชื่อวา่ ไดท้ ่พี งึ่ โจรทง้ั หลายไดศ้ ัสตราวุธชนิดใดชนดิ หนึ่งแล้ว ชอ่ื ว่า ไดท้ ่พี ง่ึ สมณะท้ังหลายมีศีลบรบิ รู ณ์ ชื่อวา่ ได้ท่พี ึ่ง. อัง.ฉักก. (อรรถ) มก. ๓๖/๖๘๙ www.kalyanamitra.org
๙ม ง ค ล ที่ มีวินัย เมื่อพระอาทติ ย์จะขนึ้ สิง่ ท่ีข้ึนกอ่ น สิ่งทีเ่ ป็นนมิ ติ มาก่อน คอื แสงเงนิ แสงทอง สง่ิ ทเ่ี ปน็ เบอ้ื งตน้ เปน็ นมิ ติ มากอ่ น เพอ่ื ความบงั เกดิ แห่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ของภิกษุ คือ ความถงึ พร้อมแห่งศลี ฉันน้ันเหมอื นกัน www.kalyanamitra.org
95 ๑. ความส�ำ คญั ของศลี ๑.๑ เมื่อพระอาทิตย์จะข้ึน สิ่งที่ข้ึนก่อน สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน คือ แสงเงินแสงทอง ส่ิงที่ เป็นเบื้องตน้ เป็นนิมติ มากอ่ น เพอื่ ความบังเกิดแห่งอริยมรรคอนั ประกอบดว้ ยองค์ ๘ ของภกิ ษุ คอื ความถึงพร้อมแหง่ ศีล ฉันน้ันเหมือนกนั . สัง.ม. (พุทธ) มก. ๓๐/๗๕ ๑.๒ พชี คาม และภูตคามชนิดใดชนดิ หนง่ึ ย่อมถึงความเจริญงอกงามใหญ่โต พชี คาม และ ภูตคามทัง้ หมดน้ันอาศัยแผ่นดิน ต้ังอยู่ในแผ่นดิน จึงถึงความเจริญงอกงามใหญโ่ ต แม้ฉันใด ภกิ ษุอาศัยศลี ตง้ั อยู่ในศีลแล้ว เจริญอรยิ มรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำ�ให้ มากซึง่ อริยมรรคอนั ประกอบดว้ ยองค์ ๘ ย่อมถงึ ความเจริญงอกงามไพบลู ยใ์ นธรรมท้ังหลาย ฉัน นัน้ เหมอื นกัน. สัง.ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๔๔ ๑.๓ พวกนาคอาศัยขุนเขาช่ือหิมวันต์ มีกายเติบโต มีกำ�ลัง ครั้นมีกายเติบโตมีกำ�ลังท่ีขุน เขานั้นแล้ว ย่อมลงสู่บึงน้อย ครั้นลงสู่บึงน้อยแล้วย่อมลงสู่บึงใหญ่ คร้ันลงสู่บึงใหญ่แล้วย่อมลงสู่ แม่น้ําน้อย ครั้นลงสู่แม่นํา้ นอ้ ยแลว้ ยอ่ มลงส่แู มน่ ้าํ ใหญ่ ครัน้ ลงสแู่ ม่นํ้าใหญแ่ ลว้ ยอ่ มลงสมู่ หาสมทุ ร สาคร นาคพวกนั้นย่อมถึงความโตใหญ่ทางกายในมหาสมุทรสาครนั้น แม้ฉันใด ภิกษุอาศัยศีล www.kalyanamitra.org
96 ตั้งอยู่ในศีลแล้ว เจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำ�ให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบ ด้วยองค์ ๘ ย่อมถงึ ความเป็นใหญ่ไพบลู ยใ์ นธรรมทงั้ หลาย ฉันน้ันเหมอื นกนั . สงั .ม. (พทุ ธ) มก. ๓๐/๑๔๖ ๑.๔ นาทป่ี ระกอบดว้ ยโทษ ๔ อย่างคือ พืชเสยี การหว่านไมด่ ี น�้ำ ไม่ดี ทด่ี ินไมด่ ี จัดวา่ เปน็ นาเสีย... นาที่จดั ว่าเป็นนาบริบรู ณ์ เพราะปราศจากโทษ ๔ อยา่ งเหล่านี้ และนาเชน่ นนั้ จดั เปน็ นา ทมี่ ีผลิตผลมาก ฉนั ใด ศีลซง่ึ ประกอบด้วยโทษ ๔ อย่าง คือ ขาด ทะลุ ดา่ ง พร้อย จะจัดเปน็ ศลี ท่ี บริบูรณ์ไม่ได้ ฉันน้ันเหมือนกนั ศลี เช่นนน้ั เปน็ ศลี หามีผลานิสงสม์ ากไม่ แต่ศีลทบี่ ริบรู ณไ์ ด้ ก็เพราะ ปราศจากโทษ ๔ อยา่ งเหล่าน้ี ศลี เช่นนน้ั จดั วา่ เป็นศีลที่มผี ลานสิ งส์มาก. ม.ู ม.ู (อรรถ) มก. ๑๗/๔๐๙ ๑.๕ ศลี เปน็ กำ�ลังหาที่เปรยี บมิได้ เปน็ อาวุธอย่างสงู สดุ เปน็ อาภรณ์อันประเสริฐ เป็นเกราะ อันน่าอัศจรรย์ ศีลเป็นท่ีพ่ึง เป็นเคร่ืองกั้น เป็นความสำ�รวม เป็นความระวัง เป็นประมุข เป็น ประธานแห่งความถึงพร้อมแหง่ กุศลธรรมทั้งหลาย. ข.ุ เถร. (เถระ) มก. ๕๒/๔๒๕ ๑.๖ จันทน์ก็ดี กฤษณาก็ดี อุบลก็ดี มะลิก็ดี กลิ่นคือศีล ยอดเยี่ยมกว่าบรรดาคันธชาต เหล่านั้น กล่ินกฤษณา และจันทน์น้ี มีประมาณน้อย ส่วนกล่ินของผู้มีศีลเป็นกล่ินสูงสุด ฟุ้งไปใน ทวยเทพทั้งหลาย. ที.ส.ี (พุทธ) มก. ๑๑/๑๖๖ ๑.๗ พระเจ้ามลิ นิ ท์ตรัสถามพระนาคเสนวา่ ศีลมลี กั ษณะอยา่ งไร พระนาคเสนทลู ตอบวา่ ศลี มกี ารเปน็ ทต่ี ง้ั เปน็ ลกั ษณะเหมอื นพชื ทง้ั หลายมแี ผน่ ดนิ เปน็ ทต่ี ง้ั . มิลิน. ๔๗ ๒. การรกั ษาศีล ๒.๑ จามรีหางคล้องติดในท่ีไหนก็ตาม ปลดขนหางออกไม่ได้ ก็ยอมตายในท่ีน้ัน แม้ฉันใด ทา่ นจงบ�ำ เพญ็ ศลี ใหบ้ รบิ รู ณใ์ นภมู ทิ ง้ั ๔ จงรกั ษาศลี ไวท้ กุ เมอ่ื เหมอื นจามรรี กั ษาขนหาง ฉนั นน้ั เถดิ . ข.ุ อป. (โพธ)ิ มก. ๗๐/๕๐ ๒.๒ นกต้อยตีวิดรักษาฟองไข่ ฉันใด จามรีรักษาขนหาง ฉันใด คนมีบุตรคนเดียวรักษา บตุ รผเู้ ป็นทีร่ ัก ฉันใด คนมนี ยั น์ตาข้างเดยี ว รักษานัยนต์ าทย่ี งั เหลืออีกข้าง ฉันใด ทา่ นทง้ั หลายจง ตามรกั ษาศลี เหมอื นฉันนั้น. ท.ี ส.ี (พทุ ธ) มก. ๑๑/๑๖๖ www.kalyanamitra.org
97 ๒.๓ ปาฏิโมกขสังวรศีลนี้ของผู้ใด ไม่ด่างพร้อย ผู้นั้นย่อมสามารถที่จะรักษาศีลท่ีเหลือให้ ด�ำ รงอยู่ตามปกตไิ ด้ เปรยี บเหมือนบุรุษผูม้ ศี ีรษะไมข่ าดกอ็ าจรักษาชีวิตไวไ้ ด้ ฉะนนั้ . ม.ู มู. (อรรถ) มก. ๑๗/๔๑๐ ๒.๔ อรยิ สาวกนน้ั รบี แสดง เปดิ เผย ท�ำ ใหต้ น้ื ซง่ึ อาบตั นิ น้ั ในส�ำ นกั พระบรมศาสดา หรอื เพอ่ื น สพรหมจารที เ่ี ปน็ วญิ ญชู นทง้ั หลาย ครน้ั แสดงเปดิ เผย ท�ำ ใหต้ น้ื แลว้ กถ็ งึ ความส�ำ รวมตอ่ ไป เปรยี บ เหมอื นกมุ ารทอ่ี อ่ นนอนหงาย ถกู ถา่ นไฟ ดว้ ยมอื หรอื ดว้ ยเทา้ เขา้ แลว้ กช็ กั หนเี รว็ พลนั ฉะนน้ั . มู.มู. (พทุ ธ) มก. ๑๙/๔๑๕ ๒.๕ ธรรมดามหาสมุทร ย่อมเป็นแหล่งรวมของน้ำ�ซ่ึงไหลมาจากแม่น้ําสายต่างๆ หลาย ร้อยสาย อันได้แก่แม่น้ําคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู นที เป็นต้น แม้น้ําฝนจะตกลงมาจากอากาศ แต่นำ้�เหล่านั้นก็หาไหลล้นฝั่งไปได้ไม่ ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ไม่ควรแกล้งล่วงสิกขาบท เพราะเหน็ แกล่ าภ ยศ สกั การะ สรรเสรญิ ความนับถอื การไหว้ การบูชา ตลอดถึงเหตุท่ีจะท�ำ ให้ ส้ินชวี ิต ข้อน้ีสมกับพระพุทธพจน์ว่า มหาสมุทรมีน้ําเต็มฝ่ังไม่ล้นฝ่ังไปได้ ฉันใด สาวกทั้งหลายของ เราก็ไมล่ ่วงสิกขาบทที่เราบญั ญัติไว้แม้เพราะเหตุแห่งชวี ติ ฉันน้นั . มลิ ิน. ๔๓๔ ๒.๖ ธรรมดาดอกบวั ถกู ลมกระทบเพยี งเล็กน้อยกส็ นั่ ไหว ฉนั ใด ภิกษุผ้ปู รารภความเพียรก็ ควรระวงั กิเลสแม้เพยี งเล็กน้อย และเห็นโทษแม้เพยี งเล็กนอ้ ยว่าเป็นของน่ากลวั ฉนั น้ัน. มลิ ิน. ๔๒๙ ๒.๗ ธรรมดาอากาศย่อมไมม่ ที ่ีสิน้ สดุ ไมม่ ีประมาณ ฉนั ใด ภิกษผุ ปู้ รารภความเพยี รก็ควร เป็นผูม้ สี ีลาจารวัตรอยา่ งไม่มที ่ีสน้ิ สุด ไม่มปี ระมาณ ฉันน้นั . มิลนิ . ๔๔๐ ๒.๘ ธรรมดาแผ่นดิน ย่อมปราศจากเคร่ืองประดับตกแต่ง มีอยู่เพียงกล่ินของตนเอง ฉันใด ภิกษุผู้ปรารภความเพียรก็ควรปราศจากเคร่ืองประดับตกแต่ง ควรหมั่นวางตนไว้ด้วยกล่ิน ศลี แห่งตน ฉันนั้น. มลิ ิน. ๔๓๕ ๒.๙ ธรรมดาแผ่นดินย่อมไม่มีท่ีว่าง ไม่มีช่อง ไม่มีโพรงเป็นของหนาแน่นอันกว้างขวาง ฉนั ใด ภิกษุผูป้ รารภความเพียรกค็ วรเปน็ ผู้มศี ีลอย่เู ปน็ นิตย์ อย่าใหศ้ ีลขาดว่ิน เป็นช่อง เปน็ รู ให้ศลี นน้ั หนาแน่นกว้างขวางอย่เู สมอ ฉันนั้น. มิลิน. ๔๓๕ www.kalyanamitra.org
98 ๒.๑๐ ธรรมดาดวงจนั ทรย์ อ่ มมวี มิ านเปน็ ธง ฉันใด ภิกษุผ้ปู รารภความเพียรก็ควรมศี ีลเป็น ธง ฉันนนั้ . มลิ ิน. ๔๔๐ ๒.๑๑ บุคคลท�ำ กรรมอันหยาบชา้ จนถูกตดั ศีรษะ... แม้ฉันใด ดกู อ่ นภกิ ษุทงั้ หลาย ฉนั น้นั เหมือนกัน ภิกษหุ รือภกิ ษุณบี างรปู เขา้ ไปตงั้ สัญญา คือ ความ กลัวอนั แรงกล้าอยา่ งนนั้ ไวใ้ นธรรม คอื ปาราชิกทง้ั หลาย. องั .จตุกก. (พทุ ธ) มก. ๓๕/๖๐๓ ๒.๑๒ บุคคลกระทำ�กรรมอันเปน็ บาป น่าตเิ ตยี น ควรแก่การหอ้ ยสาก... แม้ฉนั ใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉนั นน้ั เหมอื นกัน ภิกษุหรอื ภิกษณุ ีบางรปู เขา้ ไปต้งั สัญญา คือ ความ กลัวอนั แรงกลา้ อยา่ งนัน้ ไวใ้ นธรรม คือ สังฆาทิเสสท้งั หลาย. องั .จตกุ ก. (พทุ ธ) มก. ๓๕/๖๐๔ ๒.๑๓ บคุ คลกระท�ำ กรรมอันลามก ควรแกก่ ารห้อยห่อขเี้ ถ้า... แม้ฉนั ใด ดกู อ่ นภิกษทุ ั้งหลาย ฉันนนั้ เหมอื นกนั ภกิ ษุหรอื ภิกษุณีบางรูป เขา้ ไปตงั้ สัญญา คือ ความ กลวั อนั แรงกลา้ อยา่ งนนั้ ไว้ในธรรม คือ ปาจิตตียท์ ้งั หลาย. องั .จตุกก. (พทุ ธ) มก. ๓๕/๖๐๕ ๒.๑๔ บุคคลกระท�ำ กรรมอันลามก น่าติเตยี น นุ่งผ้าด�ำ สยายผม... แมฉ้ ันใด ดกู อ่ นภิกษุทงั้ หลาย ฉันนัน้ เหมือนกนั ภิกษหุ รือภกิ ษณุ ีบางรปู เข้าไปตัง้ สัญญา คือ ความ กลวั อนั แรงกล้าอย่างนน้ั ไว้ในธรรม คอื ปาฏิเทสนยี ะทงั้ หลาย. องั .จตกุ ก. (พทุ ธ) มก. ๓๕/๖๐๕ ๓. อานิสงส์ของการรกั ษาศลี ๓.๑ ภิกษุถึงพร้อมด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะเป็นผู้สำ�รวมด้วยศีล เหมือนพระราชามหากษตั ริยผ์ ไู้ ด้มรุ ธาภิเษกก�ำ จดั ศตั รไู ด้แล้ว ย่อมไมป่ ระสบภัยแมแ้ ต่ไหนๆ เพราะ ศัตรนู นั้ . ที.ส.ี (พทุ ธ) มก. ๑๒/๒๐๗ ๓.๒ บัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมรุ่งเรืองส่องสว่างเพียงดังไฟส่องแสงบนยอดเขาใน กลางคนื . ท.ี ปา. (อรรถ) มก. ๑๖/๑๑๐ www.kalyanamitra.org
99 ๓.๓ กล่ินดอกไม้ฟุ้งไปทวนลมไม่ได้ กล่ินจันทน์หรือกล่ินกฤษณา และกลัมพักก็ฟุ้งไปไม่ได้ แต่กล่ินของสัตบุรุษฟุ้งไปทวนลมได้ กลิ่นจันทน์ก็ดี กลิ่นกฤษณาก็ดี กล่ินอุบลก็ดี กล่ินมะลิก็ดี กล่ินศลี เปน็ เยี่ยมกว่าคนั ธชาตนนั่ . ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๑/๓ ๓.๔ กล่ินกลัมพัก และกล่ินจันทน์เป็นกลิ่นเพียงเล็กน้อย ส่วนกล่ินของผู้มีศีลทั้งหลาย เปน็ กลิน่ ชัน้ สูง ยอ่ มหอมฟ้งุ ไปในเทพเจ้าและเหล่ามนุษย์. ขุ.ธ. (พุทธ) มก. ๔๑/๑๒๘ ๓.๕ ป่าใหญ่ มีดอกไม้บาน อบอวลด้วยกล่ินหอมนานา ฉันใด ปาพจน์(ธรรมและวินัย) ของพระโสภติ พุทธเจา้ ก็อบอวลด้วยกล่นิ คอื ศลี ฉนั นน้ั . ข.ุ ธ. (พทุ ธ) มก. ๗๓/๓๗๙ ๓.๖ การท่ีพระขีณาสพผู้ฟุ้งตลบไปท้ัง ๑๐ ทิศ ด้วยกล่ินหอมท้ังหลายมีกลิ่นศีล เป็นต้น ท่องเท่ียวจาริกไปตามใจปรารถนา เปรียบเหมือนการท่ีคนมีกล่ินตัวหอม นุ่งห่มผ้าท่ีอบด้วยกลิ่น หอมแลว้ ท่องเท่ยี วไปตามทอ้ งถนนในวนั มมี หรสพ. สงั .ข. (อรรถ) มก. ๒๗/๒๙๘ ๓.๗ ศีลมีในบุคคลใด ปัญญาก็มีในบุคคลน้ัน ปัญญามีในบุคคลใด ศีลก็มีในบุคคลน้ัน ปญั ญาเป็นของบุคคลผูม้ ีศลี ศลี เป็นของบุคคลผู้มปี ัญญา และนักปราชญ์ย่อมกล่าวศลี กับปญั ญาวา่ เป็นยอดในโลก เหมือนบุคคลลา้ งมอื ด้วยมอื หรือล้างเท้าด้วยเท้า ฉะนนั้ . ท.ี สี. (พุทธ) มก. ๑๒/๑๔ ๔. โทษของการทุศีล ๔.๑ ภิกษุใดมศี ลี ขาด กรรมฐานของภกิ ษุนัน้ ย่อมไม่สบื ต่อ จิตยอ่ มปัน่ ป่วน คอื ถูกไฟ คือ ความเดือดร้อนแผดเผาอยู่ ดุจถูกท่ิมแทงด้วยปฏัก ฉะนั้น ภิกษุน้ัน ย่อมลุกข้ึนในขณะนั้นทีเดียว เหมอื นนัง่ อยู่บนกอ้ นหนิ ทีร่ อ้ น ฉะนั้น. วิ.มหา. (อรรถ) มก. ๑/๗๖๓ ๔.๒ ใบไม้เหลืองเป็นของมีอันไม่งอกงาม โดยความเป็นของเขียวสดอีก ฉันใด แม้บุคคลผู้ พ่ายท้งั หลาย กฉ็ ันนน้ั ย่อมเป็นผูไ้ ม่งอกงามโดยความเป็นผมู้ ศี ีลตามปกตอิ ีก. ว.ิ ป. (อรรถ) มก. ๑๐/๖๑๗ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370