Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_62

tripitaka_62

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:43

Description: tripitaka_62

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 638ผนู ้นั ไมช่อื วา เปน เพ่อื น ภรรยาใดยอมไมก ลัวเกรงสามี ภรรยาน้นั ไมช ่ือวา เปนภรรยา บตุ รเหลา ใดไมเลยี้ งดูมารดาบดิ าผูแกแ ลว บตุ รเหลานัน้ ไมชอ่ื วา เปนบุตร ในทปี่ ระชมุ ใดไมม สี ัตบรุ ุษ ท่ปี ระชุมน้ันไมชื่อวา สภา ชนเหลาใดไมพ ดู เปน ธรรม ชนเหลานั้นไมช อ่ื วาเปน สตั บรุ ษุ คนผูล ะราคะ โทสะ โมหะไดแลว พูดเปน ธรรมนัน้ แล ชอ่ื วา เปนสตั บรุ ษุ บณั ฑติผอู ยูปะปนกับคนพาล เมื่อไมพดู ใคร ๆ กไ็ มร วู า เปนบัณฑติ แตว า บณั ฑิตเมื่อพูดแสดงอมตธรรม ใคร ๆจึงจะรวู า เปน บณั ฑิต เพราะเหตุนนั้ บัณฑติ พึงกลาวธรรมใหก ระจา ง พึงยกธงของพวกฤๅษี ฤๅษีทง้ั หลายมีคาํ สุภาษิตเปน ธง ธรรมแลเปน ธงของฤๅษที ้ังหลาย. จบมหาสุตโสมชาดกที่ ๕ จบอสตี ินบิ าต

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 639 อรรถกถามหาสตุ โสมชาดก พระศาสดาเมอ่ื ประทับอยู ณ พระเชตวันมหาวหิ าร ทรงพระปรารภพระองั คุลมิ าลเถระ ตรสั พระธรรมเทศนาน้มี ีคาํ เร่มิ ตนวา กสมฺ า ตวุ  รสกอีทิสานิ ดงั น.้ี การบงั เกดิ และการบรรพชาของพระอังคุลิมาลเถระนนั้ บณั ฑติ พึงทราบโดยพิสดาร ตามนัยทท่ี านพระอรรถกถาจารยก ลาวไวแลว ในอรรถกถาอังคลุ มิ าลสูตร ในเร่ืองนจ้ี ะไดกลาวความต้ังแตพ ระองั คุลิมาลเถระนนั้ ไดก ระทําความสวสั ดีแกห ญงิ ผมู คี รรภห ลงดวยทําความสตั ยแ ลว จําเดิมแตน้นั มาก็ไดอาหารสะดวกข้นึ เจริญวเิ วกอยู ในกาลตอมากไ็ ดบ รรลพุ ระอรหัน เปนพระอรหนั ตมีชื่อปรากฏนบั เขา ในภายในพระมหาเถระ ๘๐ องค ในกาลนั้น ภิกษุท้งั หลายสนทนากนั ในโรงธรรมวา ดกู อ นทา นผมู อี ายทุ ้ังหลาย นาอัศจรรยจริง ๆ หนอ พระผูมีพระภาคเจา ทรงทรมานพระองคลุ ิมาล ผูเ ปน มหาโจรมฝี า มืออันชุม ดว ยเลอื ดรา ยกาจเหน็ ปานนัน้ โดยไมตอ งใชทณั ฑะหรอื ศัสตราทาํ ใหหมดพยศได ทรงกระทาํ กิจที่ทําไดโดยยาก ธรรมดาวา พระพุทธเจาทงั้ หลาย ยอมเปน ผกู ระทํากิจท่ที าํ ไดย ากอยา งนา อศั จรรย พระศาสดาประทบัอยูใ นพระคนั ธกฎุ ี ไดท รงสดับถอ ยคาํ ของภิกษเุ หลานั้น ดวยทพิ โสดก็ทรงทราบวา เราไปวนั น้จี ักมอี ุปการะมาก พระธรรมเทศนาจักเปนไปอยางใหญหลวงดงั นี้ จึงเสดจ็ ออกจากพระคันธกฎุ ี เสด็จไปยงั ธรรมสภาดวยพุทธลลี าอนั หาทเ่ี ปรยี บมิได ประทับนั่งบนอาสนะอนั ประเสรฐิ ที่พวกภิกษุจดั ไวถวายแลวตรัสถามวา ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย บดั น้พี วกเธอสนทนากันดว ยเรื่องอะไรเมอื่ ภกิ ษุเหลานั้นกราบทูลใหท รงทราบแลว จึงตรัสวา ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 640เราผไู ดบ รรลปุ รมาภิสมโพธิญาณ ทรมานพระองคลุ ิมาลไดในบัดน้ัน ไมน าอัศจรรยเ ลย เม่ือครัง้ เรายงั บําเพ็ญบรุ พจริยาแมต ง้ั อยูใ นประเทศญาณกท็ รมานพระองคลุ มิ าลนไ้ี ด ตรัสดังนี้แลวทรงดุษณภี าพ เม่อื ภิกษุเหลา นน้ั กราบทูลอาราธนา จงึ ทรงนําอดีตนทิ านมาแสดงดงั ตอ ไปนี้ ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนามวา โกรัพยะ เสวยราชสมบตั โิ ดยธรรม ในพระนครอินทปต แควน กรุ ุ ในกาลนน้ั พระโพธิสตั วของเราท้งัหลายเสดจ็ อบุ ตั ใิ นพระครรภ ของพระอคั รมเหสแี หงพระเจาโกรพั ยะน้ัน กเ็ พราะพระราชกมุ ารนัน้ มพี ระพักตรดงั ดวงจนั ทร และมนี สิ ัยชอบในการศกึ ษา ชนทง้ั หลายจงึ พากนั เรียกเธอวา สุตโสม พระราชาทรงเห็นพระกมุ ารน้ันเจรญิ วยัแลว จึงพระราชทานทองล่ิมชนิดเน้อื ดี ราคาพนั หน่งึ สง ไปยังเมืองตกั กศลิ าเพอื่ ใหศ ึกษาศลิ ปศาสตร ในสาํ นกั อาจารยทศิ าปาโมกข สตุ โสมรับทรัพยอ นัเปนสวนของอาจารย แลวออกเดนิ ทางไป แมพรหมทัตกุมาร พระโอรสของพระเจากาสกิ ราชในพระนครพาราณสี พระบดิ าก็รบั สง่ั อยางเดียวกนั แลวสงไปจงึ เดินไปยังหนทางน้นั . ลาํ ดบั น้นั สตุ โสมกุมารเดินทางไปถงึ แลว จึงนั่งพกั ทแี่ ผน กระดานในศาลาใกลป ระตเู มอื ง แมพ รหมทตั กุมารไปถึงแลว กน็ ั่งบนแผนกระดานแผน เดยี วกัน กับสุตโสมกุมารนั้น. ลาํ ดบั นนั้ สุตโสม จงึ กระทําปฏิสนั ถารแลว ถามพรหมทัตกุมารนัน้ วา ดูกอ นสหาย ทานเดินทางมาเหนด็ -เหนื่อย ทานมาจากไหน. พรหมทัตกมุ ารตอบวา ขา พเจามาจากเมอื งพาราณสี.ทา นเปนบตุ รของใคร. ขาพเจาเปนโอรสของพระเจากาส.ี ทา นช่ือไร. ขา พเจาช่ือพรหมทัตกมุ าร. ทา นมาที่น่ดี วยเหตไุ ร. พรหมทตั กุมารตอบวา ขา พเจา มาเพื่อเรยี นศลิ ปศาสตร แลว ถามสุตโสมกมุ ารโดยนัยน้นั เหมอื นกนั วา แมตัวทานกเ็ ดนิ ทางเหนด็ เหน่อื ยมา ทา นมาจากไหน. แมสุตโสมกบ็ อกแกพรหมทัตกุมาร

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 641ทกุ ประการ แมส องราชกุมารนนั้ จึงกลาวแกกนั วา เราทงั้ สองเปน กษัตริย จงไป.ศกึ ษาศลิ ปศาสตรในสํานกั ทา นอาจารยค นเดยี วกนั เถดิ การทาํ มติ รภาพแกกันและกนั แลว จึงเขาไปสพู ระนคร ไปหาสกุลอาจารย ไหวอ าจารยแ ลว แจงชาติของตน แถลงความที่ตนท้ังสองมาเพ่อื จะศกึ ษาศิลปะ อาจารยจ ึงรบั วา ดลี ะสองราชกุมารจึงใหท รพั ยอ นั เปนสวนคาเลาเรยี นกบั อาจารยแ ลวเรม่ิ เรียนศิลปะ. เวลานัน้ ไมใ ชแคส องราชกมุ ารเทานัน้ แมพระราชบุตรอื่น ๆ ในชมพู-ทวปี ประมาณ ๑๐๑ พระองค กเ็ รียนศลิ ปะอยูในสํานักของอาจารยนน้ั สุตโสม-กุมารไดเ ปนอนั เตวาสิกผูเจริญทีส่ ดุ กวา ราชบุตรเหลานนั้ เลาเรยี นศิลปศาสตรอยูอยา งขะมกั เขมน ไมน านเทาไรนักก็ถึงความสาํ เร็จ. สุตโสมกมุ ารมไิ ดไปยังสํานกัของราชกมุ ารเหลา อน่ื ไปหาแตพ รหมทัตกุมารผูเ ดียวดวยคิดวา กุมารนี้เปนสหายของเรา เปนครผู ชู ว ยแนะนําภายหลงั ของพรหมทตั กมุ ารน้นั สอนใหสาํ เร็จการศึกษาไดโ ดยรวดเรว็ ศลิ ปะแมของราชกมุ ารนอกน้กี ส็ ําเรจ็ โดยลาํ ดบั กนั มาพวกราชกุมารเหลา น้นั ใหเคร่ืองคํานบั ไหวอ าจารยแลว แวดลอ มสตุ โสมออกเดินทางไป ลาํ ดับนน้ั สุตโสมจงึ พักยืนอยูในระหวา งทางทจ่ี ะแยกกนั เมอื่ จะสงราชบุตรเหลานั้นกลับจึงกลาววา ทา นทงั้ หลายแสดงศิลปะแกพ ระราชมารดาบิดาของตนแลว จักตัง้ อยใู นราชสมบัติ ครั้นตั้งอยูในราชสมบัติแลว พึงกระทาํตามโอวาทของเรา. ทําอยางไรทานอาจารย. ทา นทั้งหลายจงรักษาอุโบสถทุกวันคร่ึงเดือน อยาไดก ระทาํ การเบยี ดเบยี น ราชบตุ รเหลานัน้ รบั คําเปน อันดีแมพระโพธสิ ตั วก ท็ รงทราบลวงหนา อยูแ ลววา มหาภัยจักเกดิ พน ในพระ-นครพาราณสี เพราะอาศัยพรหมทตั กุมาร ดงั นี้ เพราะปรากฏในองควิทยา จึงไดใ หโอวาทแกพวกราชกุมารเหลา นัน้ แลว สง ไป.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 642 ราชบตุ รเหลา นน้ั ทกุ ๆ พระองค ไปถงึ ชนบทของตน ๆ แลว แสดงศลิ ปะแกพ ระราชมารดาบดิ าของตนแลว ต้งั อยูในราชสมบตั ิแลว ตา งสง ราชสาสนพรอ มดวยเครือ่ งราชบรรณาการเพื่อใหท ราบความท่ตี นต้ังอยูในราชสมบตั ิแลวและประพฤตอิ ยูใ นโอวาทดว ย พระมหาสตั วไ ดทรงทราบขาวสาสน นั้น แลวทรงตอบพระราชสาสน ไปวา ทานทง้ั หลายจงเปน ผูไ มประมาทเถดิ ในบรรดาพระราชาเหลาน้ัน พระเจา พาราณสเี วน มงั สะเสยี แลว เสวยอาหารไมได แมในวันอุโบสถพวกหองเครื่องตน กต็ อ งเก็บมังสะไวถ วายทาวเธอ อยมู าวันหน่งึเนือ้ ท่เี กบ็ ไวอยางน้ัน พวกโกไลยสุนขั ในพระราชวงั กนิ เสยี หมด เพราะความเลินเลอของคนทําเคร่อื งตน คนทาํ เครื่องตนไมเ หน็ มังสะ จึงถอื กหาปณะกํามือหนึ่งเท่ียวไป กไ็ มอาจจะหามงั สะได จงึ ดํารวิ า ถาหากเราจกั ตัง้ เครอ่ื งเสวยไมมมี ังสะ เราก็จะไมม ชี วี ิต จักทําอยางไรเลาหนอ ครน้ั นกึ อบุ ายไดใ นเวลาค่าํ จึงไปสูป า ชา ผีดิบ ตดั เอาเนื้อตรงขาของบรุ ุษทตี่ ายเมือ่ ครหู นึ่งนัน้ นาํ มาทําใหส ุกดแี ลว หงุ ขา วจดั แจงตั้งเคร่อื งเสวย พรอมดวยมังละ พอพระราชาวางชนิ้ มงั สะลง ณ ปลายพระชิวหา ชิน้ มังสะนนั้ กแ็ ผไปสูเสนประสาทท่ีรบั รสทงั้๗ พนั ซาบซานไปทัว่ พระสรรี ะ มคี ําถามสอดเขา นาวา ที่เปน ดงั น้ี เพราะเหตุไรเฉลยวา เพราะเคยเสวยมากอ นแลว . ไดยินวา ในอตั ภาพตอ กนั ทีล่ วงไปแลว ทา วเธอเกิดเปนยกั ษกินเน้ือมนษุ ยเสียเปน อนั มาก เพราะฉะนน้ั เน้ือมนุษยจ งึ ไดเปนสิ่งที่โปรดปรานของพระองค ทาวเธอทรงพระดํารวิ า ถา เราจกั นงิ่ เสยี แลว บรโิ ภคคนทําเครอ่ื งนกี้ ็จักไมบ อกเนอื้ ชนิดนี้ แกเรา จึงแกลงถมใหต กลงบนภาคพื้นพรอ มดว ยพระเขฬะ เมื่อคนทําเคร่อื งตน กราบทลู วา ขอเดชะ มงั สะนหี้ าโทษมิได เชญิ พระองคเ สวยเถดิ จงึ ทรงรบั ส่ังใหราชเสวกออกไปเสยี แลว ตรสั ถามคนทําเคร่อื งตน วา เราเองกท็ ราบวา เน้อื นหี้ าโทษมไิ ด แต

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 643เนอ้ื นเ้ี รยี กวาเน้ืออะไร. ขอเดชะ เนื้อท่พี ระองคเคยเสวยในวันกอ น ๆ ในวันอนื่ เนือ้ นี้ ไมม ีรสอยา งน้นั มใิ ชหรอื ขอเดชะ. พงึ ทาํ ไดดใี นวนั นเ้ี อง แมเม่ือกอน เจา ก็ทาํ อยา งนี้มใิ ชหรือ. ลาํ ดบั น้นั ทา วเธอทรงทราบวา คนทาํเครอื่ งตน นน้ั นงิ่ อยู จงึ รับสง่ั ตอ ไปวา จงบอกมาตามความจรงิ เถดิ ถา เจาไมบอก เจาจะไมมชี วี ติ คนทาํ เครอ่ื งตนจงึ ทูลขอพระราชทานอภัยแลว ก็กราบทลู ตามความเปน จริง พระราชารับสงั่ วา เจา อยาเอด็ ไป เจา จงกนิ มังสะทีท่ าํ ตามธรรมดา แลว จงนาํ เนอ้ื มนุษยใ หแกเราอยา งเดียว คนทาํ เคร่ืองตนทูลถามวา ขอเดชะ ทาํ ไดยากมใิ ชห รอื อยากลวั เลย ไมใ ชของยาก คนทาํเครอ่ื งตนจึงทลู ถามวา ขอเดชะ ขา พระองคจกั ไดม าจากไหนเปน นิตยเลา .ตนในเรือนจาํ มอี ยูม ากมายมิใชหรือ. จาํ เดิมแตน นั้ เขากไ็ ดกระทําตามพระราชบญั ชาทกุ ประการ คร้นัตอ มาพวกนักโทษในเรือนจาํ หมด คนทําเครื่องตน จงึ กราบทูลวา. บัดนี้ขาพระองคจ กั กระทาํ อยา งไรตอ ไป เจาจงท้ิงถงุ ทรพั ยพ นั หนง่ึ ไวท ่ีระหวางทาง คนใดหยบิ เอาถุงทรพั ยน ้ัน จงจับคนนั้น โดยตงั้ ขอ หาวา เปนโจรแลว ฆา ทิ้งเสยี เขาไดก ระทําตามพระราชบญั ชานน้ั แลว ครน้ั ตอมาไมพบแมคนที่มองดูถุงทรัพยพนั หน่งึ น้นั เพราะความกลวั จงึ ทลู ถามวาขอเดชะบดั นีข้ าพระองคจักการทาํ อยางไรตอ ไป ในเวลาตีกลองยามเทีย่ งคืนพระนครยอ มเกดิ ความอลหมาน เวลานัน้ เจา จงยนื ดักอยทู ี่ตรอกบานหรือถนนหรอืหนทางสแ่ี พรง แหง หนงึ่ จงฆามนุษยเ อาเน้ือมา จาํ เดมิ แตน้ันมา เขาก็ไดทําอยางน้นั เอาเนื้อทล่ี ํ่า ๆ ไป ซากศพปรากฏอยใู นท่นี ้นั ๆ พระนครกอ็ ากูลไปดวยซากศพ ไดยินเสียงประชาชนครํา่ ครวญวา มารดาของเราหายไปบดิ าของเราหายไป พี่ชาย นองชายของเราหายไป พสี่ าว นองสาวของเราหายไป.














Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook