พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 1 ๒. เวทนาสังยุต ปฐมกสคาถวรรคท่ี ๑ ๑. สมาธิสูตร วาดว ยผูม ีจติ ต้งั ม่ันรเู หตุเกดิ และดับแหงเวทนา [๓๕๙] ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย เวทนา ๓ เหลานี้ เวทนา ๓ เปนไฉน คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสขุ เวทนา ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลายเวทนา ๓ เหลา นี้แล. [๓๖๐] สาวกของพระพุทธเจา มจี ิตมนั่ คงดแี ลว มี สัมปชญั ญะ มีสติ ยอ มรชู ดั ซึ่งเวทนาและเหตุ เกิดแหง เวทนาทัง้ หลาย อนึ่งเวทนาเหลาน้ีจะ ดับไปในทีใ่ ด ยอ มรูชัดซึง่ ท่ีน้ัน ( คือนพิ พาน ) และทางดาํ เนินใหถึงความสิน้ ไปแหง เวทนาเหลา น้นั เพราะสิ้นเวทนา ภิกษเุ ปน ผหู มดความหิว ปรนิ พิ พานแลว. จบ สมาธิสตู รที่ ๑
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 2 เวทนาสงั ยุต ปฐมกสคาถวรรคท่ี ๑ อรรถกถาสมาธิสตู รที่ ๑ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในสมาธสิ ูตรท่ี ๑ แหง สหคาถาวรรค๑ในเวทนาสังยตุ ดังตอไปน.ี้ บทวา สมาหโิ ต ความวา มจี ิตตง้ั มั่นดว ยอปุ จาร หรือดว ยอัปปนา. บทวา เวทนา จ ปชานาติ ความวา สาวกของพระพทุ ธเจายอ มรูชัดเวทนาดวยสามารถแหงทกุ ขสจั . บทวา เวทนานฺจ สมภฺ วความวา ยอมรูชัดเหตเุ กดิ แหง เวทนาเหลา นน้ั แล ดว ยสามารถแหง สมุทย-สัจ. บทวา ยตถฺ เจตา ความวา เวทนาเหลา นี้ จะดับในนพิ พานใด-ยอมรชู ดั ซ่ึงนิพพานนน้ั ดวยสามารถแหงนิโรธสจั . บทวา ขยฺ คามินความวา ยอมรูชัดทางดาํ เนนิ ใหถึงความส้ินไปแหงเวทนาเหลานน้ั แล ดว ยสามารถแหง มรรคสจั . บทวา นิจฺฉาโต ปรินพิ ฺพโุ ต ความวา ภกิ ษุผูหมดตณั หา ปรนิ พิ พานแลวดว ยความดบั กเิ ลส. ในพระสตู รนี้ พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั เวทนาอันเท่ยี วไปในการพจิ ารณาดวยประการดงั นี้. ตรัสสมณะและวิปส สนาดวยบททง้ั สองในคาถาทง้ั หลาย. ตรัสสัจจะ ๔ ดว ยบททีเ่ หลือ การกําหนดธรรมเปน ไปในภูมิ ๔ อันรวบรวมธรรมไวท้งั หมดก็ไดตรสั ไวในพระสตู รนด้ี วยประการฉะนี้. จบ อรรถกถาสมาธิสตู รที่ ๑๑. บาลี เปน ปฐมสคาถวรรค
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 3 ๒. สขุ สูตรวา ดว ยผรู วู าเวทนาเปน ทุกขย อ มหมดความยินดใี นเวทนา [๓๖๑] ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย เวทนา ๓ เหลา น้ี เวทนา ๓ เปนไฉน คอื สขุ เวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสขุ เวทนา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลายเวทนา ๓ เหลา นแี้ ล. [๓๖๒] ความเสวยอารมณอ ยา งใดอยางหนงึ่ เปน สขุ กต็ าม เปน ทกุ ขก็ตาม ไมใ ชทุกขไ มใ ชส ุขก็ ตาม ทงั้ ทเ่ี ปน ภายในท้งั ทีเ่ ปน ภายนอกอยู ภิกษุ รวู า เวทนานีเ้ ปน ทกุ ข มีความพนิ าศเปนธรรมดา มคี วามทําลายเปนธรรมดา ถกู ตอ งความเสอ่ื มไป อยู ยอมคลายความยนิ ดใี นเวทนาเหลาน้ัน ดวย ประการอยา งน้.ี จบ สุขสูตรที่ ๒ อรรถกถาสขุ สูตรท่ี ๒ พึงทราบวินิจฉยั ในสุขสูตรท่ี ๒ ดังตอ ไปน้.ี บทวา อทกุ ขฺ มสขุ สห ไดแก มใิ ชท ุกขมิใชสุข พรอ มดว ยสขุและทกุ ข บทวา อชฌฺ ตฺตจฺ พหิ ทิ ฺธา จ ความวา ของตนและของคนอ่นื .บทวา โมสธมมฺ คอื มีความพนิ าศเปน สภาพ. บทวา ปโลกิน คอื ทําลายมคี วามแตกเปน สภาพ. บทวา ผุสสฺ ผสุ สฺ วย ผสุ ฺส ความวา ถกู ตอ ง
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 4ความเสอื่ มเพราะถกู ตอ งดวยญาณ. บทวา เอว ตตถฺ วิรชฺชติ ความวายอมคลายความยนิ ดี ในเวทนาเหลานัน้ ดวยประการอยา งนี้. ในพระสูตรแมน ี้ ตรสั เวทนาอนั เท่ยี วไปในการพิจารณา ตรสั การถูกตอ งดว ยญาณในคาถาทัง้ หลาย. จบ อรรถกถาสขุ สตู รท่ี ๒ ๓. ปหานสูตร วา ดว ยพงึ ละราคานสุ ยั เปนตน ในเวทนา ๓ [๓๖๓] ตกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย เวทนา ๓ เหลา นี้ เวทนา ๓ เปนไฉน คอื สุขเวทนา ทกุ ขเวทนา อทกุ ขมสุขเวทนา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลายเธอทง้ั หลายพึงละราคานุสยั ในสุขเวทนา พงึ ละปฏิฆานสุ ัยในทุกขเวทนาพงึ ละอวิชชานสุ ัยในอทกุ ขมสุขเวทนา เพราะเหตุทภ่ี กิ ษุละราคานสุ ยั ในสุขเวทนา ละปฏิฆานุสัยในทกุ ขเวทนา ละอวิชชานสุ ัยในอทกุ ขมสุข-เวทนา ภกิ ษุนเี้ ราเรยี กวา เปนผไู มมรี าคานสุ ัย มีความเหน็ ชอบ ตดัตัณหาไดเ ดด็ ขาด เพิกถอนสงั โยชนไดแ ลว ไดก ระทําทสี่ ดุ แหงทุกขแ ลวเพราะละมานะไดโดยชอบ. [๓๖๔] ราคานุสยั นั้น ยอ มแกภกิ ษุผูเ สวยสุข เวทนาไมรสู ึกตวั อยู มีปกตไิ มเ หน็ ธรรมเปน เคร่ืองสลัดออก ปฏิฆานุสยั ยอมมแี กภ กิ ษผุ เู สวย ทกุ ขเวทนา ไมร ูสกึ ตัว มีปกตไิ มเหน็ ธรรมเปน เครอ่ื งสลัดออก บุคคลเพลิดเพลนิ อทุกขมสุข-
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 5 เวทนาซ่งึ มีอยู อันพระผมู พี ระภาคเจาผูมีปญ ญา ประดจุ ปฐพที รงแสดงแลว ยอมไมห ลุดพนไป จากทุกขเ ลย เพราะเหตทุ ีภ่ ิกษุผมู ีความเพียร ละทง้ิ เสยี ไดด ว ยสมั ปชญั ญะ เธอช่อื วา เปน บัณฑติ ยอมกาํ หนดรเู วทนาทั้งปวง ครัน้ กาํ หนด รเู วทนาแลว เปน ผูหาอาสวะมิไดในปจจบุ ัน ตั้งอยูในธรรมถงึ ท่สี ดุ เวท เมอ่ื ตายไป ยอ มไม เขาถงึ ความนบั วา เปน ผูกาํ หนดั ขัดเคือง เปน ผูหลง ดงั นี้. จบ ปหานสตู รที่ ๓ อรรถกถาปหานสตู รที่ ๓ พึงทราบวินจิ ฉัยในปหานสตู รที่ ๓ ดงั ตอไปน้ี. บทวา อจเฺ ฉชฺช ตยหฺ ความวา ตดั ตัณหาแมทั้งปวงไดเ ดด็ ขาดแลว. บทวา นวิ ตฺตยิ สฺโชน ความวา เพกิ ถอนสงั โยชนทง้ั ๑๐อยางไดแ ลว คือไดท าํ ใหห มดมูล. บทวา สมมฺ า คอื โดยเหตุ คือโดยการณ.บทวา มานาภสิ มยา ความวา เพราะเหน็ และละมานะเสียได ดว ยวาอรหัตตมรรค ยอมเหน็ ซงึ่ มานะดว ยสามารถแหงกจิ . นจ้ี ดั เปนการละมานะนั้นดวยทัสสนะ. สวนมานะนัน้ อันอรหตั มรรคนน้ั เห็นแลว ยอ มละไดทนั ทีเหมือนชีวติ ของสตั วอันบุคคลเห็นละไดดวยสามารถทิฏฐฉิ ะน้ัน.น้ี จัดเปน การละมานะนนั้ ดวยปหานะ. บทวา อนฺตมาสิ ทกุ ฺขสสฺ ทา นอธิบาย
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 6วา ที่สดุ ๔ เหลา นี้ ใด คือทสี่ ดุ มีเขตแดนเปน ทส่ี ดุ ทานกลา วอยางน้ีวาเครอ่ื งผกู กาย ยอ มคร่ําคราเปนที่สดุ หรือมีความสดสวยเปนที่สดุ ดังน้ี ๑ทส่ี ุดแหง ความลามกพระองคต รสั อยา งนว้ี า นี้เปน ท่ีสุดแหง ชวี ติ นะภิกษุทั้งหลายดงั นี้ ๑ สวนสุดทา นกลา วอยางนี้วา กายของตนมที ส่ี ดุ อยางหนึ่งดงั น้ี ๑ สว นสดุ ทานกลา วอยางนว้ี า น้นั แลเปน ท่ีสุดแหงทกุ ข เพราะสนิ้ปจจยั ท้ังหมดดังน้ี ๑ ในที่สดุ ๔ เหลา นัน้ ภกิ ษุไดทาํ ทส่ี ุดกลาวคือสว นท่ี ๔ แหงวัฏฏทุกขท ัง้ หมดนน้ั แล คือไดท ําการเพอื่ กาํ หนด การท่ีกําหนดไวคือไดทาํ ทุกขเหลอื เพยี งรา งกายเปนท่ีสุดดังนี.้ บทวา สมปฺ ชเฺ น นิพพฺ าติ ไดแก ยอมละเสียไดดวยสัมป-ชัญญะ บทวา ส ขย นเู ปติ ความวา ยอมไมเ ขา ถงึ บัญญตั ิวา เปนผกู ําหนดัขัดเคือง เปนผูหลงดงั น้ี เธอละบญั ญัตินน้ั ไดแลว ไดช ่ือวา มหาขณี าสพ.อารัมมณานสุ ยั ตรสั ไวแลวในพระสูตรน้แี ล. จบ อรรถกถาปหานสูตรท่ี ๓ ๔. ปาตาลสูตร วาดวยผูไมปรากฏและปรากฏในบาดาล [๓๖๕] ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ปถุ ชุ นผไู มไดส ดบั แลว ยอ มพูดอยา งนีว้ า ในมหาสมุทรมบี าดาล ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผไู มไดสดบั แลว ยอมพูดวาจาอันไมม ีอันไมป รากฏอยางนว้ี า ในมหาสมุทรมบี าดาลดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย คําวา บาดาล นีเ้ ปน ชื่อของทกุ ขเวทนาท่ีเปนไปในสรรี ะแล ปถุ ชุ นผูไมไดสดบั ถกู ทกุ ขเวทนาอันเปน ไปในสรรี ะถกู ตองแลว
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 7ยอมเศราโศก ลาํ บาก รา่ํ ไร ทบุ อกคราํ่ ครวญยอ มถงึ ความงมงาย ปถุ ุชนผูไมไ ดส ดับน้ี เรากลาววา ไมปรากฏในบาดาล ทั้งหย่งั ไมถึงอกี ดว ย สวนอริยสาวกผสู ดับแลว ถกู ทุกขเวทนาอันเปน ไปในสรรี ะถูกตอ ง ยอมไมเศราโศก ไมล ําบาก ไมร าํ่ ไร ไมทบุ อกครํา่ ครวญ ยอ มไมถ ึงความงมงายดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย อรยิ สาวกผูสดบั แลว นี้ เรากลา ววา ยอ มปรากฏในบาดาล ทัง้ หยงั่ ถึงอกี ดวย. [๓๖๖] นรชนใดถูกทกุ ขเวทนาเหลานี้ อนั เปนไป ในสรีระเครื่องนาํ ชีวติ เสีย บงั เกิดข้นึ ถกู ตอง แลว อดกลน้ั ไมไ ด ยอมหวั่นไหว เปน ผทู รุ พล กาํ ลังนอ ย ยอ มครา่ํ ครวญ รํา่ ไร นรชนน้นั ยอม ไมปรากฏในบาดาล ทั้งหย่งั ไมถ ึงอกี ดวย สวน นรชนใดถกู ทุกขเวทนาเหลาน้ี อนั เปนไปในสรี- ระ เคร่อื งนําชีวติ บงั เกิดขนึ้ ถกู ตอง อดกล้นั ไวได ยอมไมห วัน่ ไหว นรชนนัน้ แล ยอ ม ปรากฏในบาดาล ทงั้ หย่งั ถึงอีกดวย. จบ ปาตาลสูตรที่ ๔ อรรถกถาปาตาลสตุ รที่ ๔ พึงทราบวนิ ิจฉยั ในปาตาลสูตรท่ี ๔ ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา ปาตาโล ชอ่ื วา บาดาล เพราะอรรถวา อยาปรารถนาเพ่อื ตกไป ในทนี่ ี้ ยอมไมมที อ่ี าศยั . บทวา อสนตฺ อส วชิ ชมาน ไดแ ก
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 8วาจาไมมี ไมปรากฏ. บทวา เอว วาจ ภาสติ ความวา ปถุ ุชน ยอ มพูดอยา งน้วี า ในมหาสมุทรมีบาดาล. กบ็ าดาลนน้ั คลายเหวในมหานรกยอ มมีในท่ีตกแหงน้าํ ซง่ึ เปนปากน้ําเชี่ยว แหงมหาสมุทร พงุ ไปดวยความเรว็ จดจกั รวาล หรือภูเขาสิเนรแุ ลว ก็พงุ ข้นึ แมประมาณหน่ึงโยชนสองโยชน. หรอื สิบโยชนแลว ก็ตกลงในมหาสมุทรอีก. น้ําใด เขาเรยี กกนั ในโลกวา ปากน้ําเชยี่ ว ปุถชุ นยอ มพดู อยางน้ี หมายถงึ นํ้านน้ั . ก็เพราะในน้ําแหงมหาสมุทรนั้นเปนทีอ่ ยูอาศยั อนั สบายของปลา เตาเทพยดาและยักษเ ห็นปานนนั้ ฉะนั้น. ชอื่ วา ยอมพูดวาจาน้ัน ๆ อนั ไมม ีปรากฏ. ก็เพราะพวกปุถชุ นท้ังปวง ยอ มไมสามารถเพอ่ื จะดํารงอยูด วยทกุ ขเวทนาอนั เปน ไปในสรรี ะได. ฉะน้นั พระองค ทรงแสดงวา นแ้ี หละบาดาลดงั น้ี ดวยความหมายวา ไมค วรเพอื่ ตกไป จึงตรสั คําเปนอาทวิ าสารีรกิ าน โข เอต ภิกขฺ เว. บทวา ปาตาเล น ปจจฺ ฏุ าติ คอื ไมตอ งอยูแลวในบาดาล. บทวา คาธ คอื ทอ่ี ยูอ าศัย. บทวา กนฺทติ ความวา ยอมครํา่ ครวญบนเพอรํา่ ไรตลอดกาล.บทวา ทพุ พฺ โล คอื มญี าณทุรพล. บทวา อปปฺ ถามโก ความวา ช่อื วา มีกําลังนอ ย เพราะกาํ ลงั แหงญาณท่ีนอ ย. เพราะอรยิ สาวกในสูตรนี้ เปนโสดาบนัความจรงิ อรยิ สาวกผโู สดาบนั มีหนาทใ่ี นขอน้ี . ฝายโยคาวจรผมู วี ปิ สสนาแกกลาคือความรูเฉยี บแหลมเปนผสู ามารถดํารงอยไู ด ไมด น้ิ รนไปตามเวทนาอนั เกดิ ขึน้ แลว ไดเ หมือนกนั . จบ อรรถกถาปาตาลสูตรท่ี ๔
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 9 ๕. ทฏั ฐพั พสตู ร วา ดว ยพึงเหน็ เวทนา ๓ โดยความเปนทุกขเปนตน [๓๖๗ ] ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เวทนา ๓ เหลานี้ เวทนา ๓ เปนไฉนคือ สขุ เวทนา ทุกขเวทนา อทกุ ขมสุขเวทนา ภกิ ษทุ ้ังหลาย พึงเห็นสุขเวทนา โดยความเปน ทุกข พึงเหน็ ทุกขเวทนาโดยความเปนลกู ศรพึงเห็นอทกุ ขมสขุ เวทนาโดยความเปนของไมเ ท่ยี ง ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลายเพราะ เหตทุ ีภ่ กิ ษเุ ห็นสขุ เวทนาโดยความเปน ทกุ ข เหน็ ทุกขเวทนาโดยความเปนลูกศร เหน็ อทกุ ขมสขุ เวทนาโดยความเปนของไมเ ที่ยง ภกิ ษุนีเ้ รากลาววา มคี วามเห็นโดยชอบ ตดั ตัณหาไดเ ดด็ ขาด เพกิ ถอนสังโยชนไดแ ลว ไดก ระทาํ ท่ีสุดแหง ทุกขแ ลว เพราะละมานะได โดยชอบ. [๓๖๘] ถา ภกิ ษใุ ดเห็นสขุ โดยความเปนทกุ ข เหน็ ทกุ ขโดยความเปนลกู ศร เห็นอทุกขมสขุ ซ่งึ มี อยนู ้ันโดยความเปนของไมเทีย่ ง ภิกษนุ น้ั เปนผู เห็นโดยชอบ ยอมกาํ หนดรเู วทนาท้ังหลายได ครัน้ กาํ หนดรเู วทนาแลว เปนผหู าอาสวะมีไดใ น ปจ จุบัน คงอยใู นธรรม ถึงทส่ี ุดเวทนา เมื่อตาย ไปยอ มไมน ับวา เปน ผกู าํ หนัด ขดั เคือง เปนผู งมงาย. จบ ทัฏฐัพพสูตรที่ ๕
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 10 อรรถกถาทฏั ฐัพพสูตรท่ี ๕ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในทฏั ฐัพพสตู รที่ ๕ ดังตอ ไปน.้ี บทวา ทุกขฺ โค ทฏ พพฺ า ความวา พึงเห็นโดยความเปน ทุกขดวยอาํ นาจความเปลย่ี นแปลง. บทวา สลลฺ โต ความวา สวนทกุ ขพงึเหน็ วา เปนลกู ศรดวยอรรถวา เปนเครื่องแทง. บทวา อนิจจฺ โต ความวาพงึ เหน็ อทกุ ขมสุขโดยความเปนของไมเ ท่ียง โดยอาการมแี ลว กไ็ มม.ี บทวาอทฺท คือ ไดเห็นแลว. บทวา สนตฺ คอื มีอยเู ปน ภาพ. จบ อรรถกถาทฏั ฐพั พสูตรท่ี ๕ ๖. สลั ลตั ถสตู ร วา ดว ยเวทนาเปรยี บดว ยลูกศร [๓๖๙] ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ปุถชุ นผไู มไ ดสดบั แลว ยอ มเสวยสขุ เวทนาบา ง ทุกขเวทนาบา ง อทุกขมสุขเวทนาบา ง อริยสาวกผูไ ดสดับแลว ก็ยอ มเสวยสุขเวทนาบาง ทุกขเวทนาบาง อทุกขมสุขเวทนาบา งดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ในชน ๒ จาํ พวกนน้ั อะไรเปน ความพิเศษ เปนความแปลก เปน เครื่องทาํ ใหตา งกัน ระหวา งอรยิ สาวกผไู ดสดับกบั ปถุ ุชนผไู มไดส ดับ ภิกษุท้ังหลายกราบทูลวา ขาแตพระองคผ เู จริญ ธรรมท้งั หลายของพวกขา พระองคม ีพระผูมพี ระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯ พระ-ผูมพี ระภาคเจาตรัสวา ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ปุถุชนผูไมไดสดบั อันทกุ ขเวทนาถูกตอ งแลว ยอมเศรา โศก ร่าํ ไร ราํ พนั ทุบอกครํา่ ครวญยอ มถงึ ความงมงาย เขายอ มเสวยเวทนา ๒ อยา ง คอื เวทนาทางกายและเวทนาทางใจ.
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 11 [๓๗๐] ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เปรยี บเหมอื นนายขมังธนู พงึ ยิงบรุ ษุ ดวยลูกศร ยงิ ซํ้าบรุ ุษนนั้ ดวยลกู ศรดอกที่ ๒ อกี กเ็ มื่อเปนอยา งน้ีบุรษุ น้ันยอ มเสวยเวทนาเพราะลูกศร ๒ อยา ง คือ ทางกายและทางใจดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ปถุ ุชนผูไมไ ดส ดับ ก็ฉันนน้ั เหมือนกนั อนั ทุกขเวทนาถูกตอ งแลว ยอมเศรา โศก รา่ํ ไร รําพัน ทุบอกคร่ําครวญ ยอมถงึ ความงมงาย เขายอ มเสวยเวทนา ๒ อยา ง คอื เวทนากางกายและเวทนาทางใจอนง่ึ เขาเปนผมู ีความขัดเคืองเพราะทุกขเวทนานั้น ปฏฆิ านุสัยเพราะทกุ ข-เวทนานน้ั ยอมนอนตามเขาผูมคี วามขดั เคอื งเพราะทกุ ขเวทนา เขาเปนผูอ นั ทุกขเวทนาถกู ตอ งแลว ยอมเพลดิ เพลินกามสุข ขอ น้ันเพราะเหตุอะไรเพราะปุถุชนผูไมไ ดสดับ ยอ มไมร อู บุ ายเคร่อื งสลัดออกจากทุกขเวทนานอกจากกามสุข และเม่อื เขาเพลดิ เพลินกามสุขอยู ราคานสุ ยั เพราะสุข-เวทนาน้ันยอมนอนเนือ่ ง เขายอมไมร เู หตเุ กดิ ความดบั คณุ โทษ และอบุ ายเปนเครื่องสลัดออกแหง เวทนาเหลานัน้ ตามความเปน จริง เมื่อเขาไมร ูเหตุเกิด ความดับ คณุ โทษ และอบุ ายเปนเคร่ืองสลดั ออกแหงเวทนาเทา น้ัน ตามความเปนจริง อวชิ ชานุสัยเพราะอทกุ ขมสขุ เวทนายอ มนอนเนื่อง เขายอ มเสวยสุขเวทนา เปนผูประกอบดว ยกิเลสเสวยสุข-เวทนาน้ัน ยอ มเสวยทุกขเวทนา เปนผูประกอบดวยกิเลสเสวยทุกขเวทนาน้นั และยอ มเสวยอทุกขมสุขเวทนา เปนผปู ระกอบดวยกิเลสเสวยทุกข-มสุขเวทนานั้น ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย ปุถุชนผูไ มไ ดสดบั น้ี เราเรยี กวาเปนผูประกอบดว ยชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ข โทมนสัและอุปายาส เรากลาววา เปน ผูประกอบดว ยทกุ ข.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 12 [๓๗๑] ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ฝายอรยิ สาวกผูไ ดส ดับ อันทุกข-เวทนาถกู ตองแลวยอ มไมเศรา โศก ไมร ่าํ ไร ไมราํ พนั ไมทุบอกครํา่ ครวญไมถงึ ความงมงาย เธอยอ มเสวยเวทนาทางกายอยางเดยี ว ไมไ ดเ สวยเวทนาทางใจ. [๓๗๒] ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย เปรยี บเหมือนนายขมังธนูพึงยิงบุรุษดวยลูกศร ยงิ ซาํ้ บรุ ุษนนั้ ดวยลูกศรดอกท่ี ๒ ผิดไป ก็เมอ่ื เปน อยา งนี้บุรุษนัน้ ยอ มเสวยเวทนาเพราะลูกศรดอกเดยี ว ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย อริย-สาวกผไู ดสดับ ก็ฉันนัน้ เหมือนกนั ผอู ันทุกขเวทนาถูกตอ งแลว ยอ มไมเศรา โศก ไมรํ่าไร ไมราํ พัน ไมท บุ อกคร่ําครวญ ไมถ งึ ความงมงายเธอยอมเสวยเวทนาทางกายอยางเดยี ว ไมไดเสวยเวทนาทางใจ อนงึ่เธอยอมไมม คี วามขดั เคอื งเพราะทกุ ขเวทนานั้น ปฏิฆานุสยั เพราะทกุ ข-เวทนาน้นั ยอมไมนอนตามเธอผไู มม ีความขดั เคืองเพราะทกุ ขเวทนา เธอผูอนั ทกุ ขเวทนาถูกตองแลว ยอมไมเ พลดิ เพลนิ กามสขุ ขอ น้นั เพราะเหตไุ รเพราะอริยสาวกผไู ดส ดับน้ัน ยอ มรชู ดั ซง่ึ อบุ ายเปนเครอ่ื งสลดั ออกจากทุกขเวทนา นอกจากกามสุข เม่อื เธอไมเพลิดเพลนิ กามสุข ราคานุสัยเพราะสขุ เวทนายอ มไมนอนเน่ือง เธอยอมรชู ดั ซง่ึ เหตเุ กดิ ความดบั คุณโทษ และอุบายเปนเคร่อื งสลัดออกแหงเวทนาเหลานัน้ ตามความเปน จริงเม่อื เธอรูชัดซึ่งเหตเุ กดิ ความดบั คณุ โทษ และอบุ ายเปน เครอ่ื งสลดั ออกแหง เวทนาเหลา นน้ั ตามความเปนจรงิ อวชิ ชานสุ ยั เพราะอทุกขมสขุ เวทนายอมไมนอนเนอื่ ง ถาเธอเสวยสขุ เวทนา ยอมเปนผูปราศจากกเิ ลสเสวยสขุ เวทนานนั้ ถาเสวยทุกขเวทนา ยอ มเปน ผูปราศจากกิเลสเสวยทกุ ข
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 13เวทนานน้ั ถาเสวยอทุกขมสขุ เวทนา ยอมเปนผปู ราศจากกิเลสเสวยอทกุ ขมสขุ เวทนานั้น ดกู อนภิกษุท้งั หลาย อรยิ สาวกผไู ดส ดบั แลว นี้เราเรียกวา เปนผูปราศจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ขโทมนัส และอปุ ายาส เรายอ มกลา ววา เปนผปู ราศจากทุกข ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย นีแ้ ลเปน ความพเิ ศษ เปน ความแปลกกัน เปน เคร่อื งกระทาํใหตา งกนั ระหวา งอรยิ สาวกผูไ ดส ดบั กบั ปุถชุ นผไู มไ ดส ดบั . [๓๗๓] อริยสาวกนนั้ เปนผมู ีปญ ญา ทงั้ เปนพหูสตู ยอ มไมเ สวยท้งั สขุ เวทนา ท้ังทุกขเวทนา นแี้ ล เปนความแปลกกนั ระหวา งธรี ชนผูฉลาดกับ ปถุ ชุ น ธรรมสวนท่ีนาปรารถนา ยอมไมย ํา่ ยีจติ ของอริยสาวกน้ัน ผมู ีธรรมอันรแู จง แลว เปน พหูสตู เห็นแจง โลกนแ้ี ละโลกหนา อยู ทานยอ ม ไมถ ึงความขดั เคืองเพราะอนฏิ ฐารมณ อนึ่ง เวทนาเปนอนั ตัง้ อยไู มได เพราะอริยสาวกนนั้ ไมย ินดีและไมย ินราย อรยิ สาวกนัน้ รูทางดาํ เนนิ อันปราศจากธุลแี ละหาความโศกมไิ ด ยอ มเปน ผูถงึ ฝง แหง ภพรโู ดยชอบ. จบ สัลลตั ถสตู รท่ี ๖
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 14 อรรถกถาสัลลตั ถสูตรท่ี ๖ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในสลั ลัตถสตู รท่ี ๖ ดังตอไปน.ี้ บทวา ตตฺร คอื ในชนสองจําพวกเหลานน้ั . บทวา อนเุ วธวิชเฺ ฌยยฺ ุ ความวา ยิงไปในระหวางนว้ิ หรอื ในระหวางนวิ้ ทง้ั สอง อันเปนสว นทีใ่ กลปากแผลนัน้ เทา น้นั . เวทนาก็เสยี ดแทงบรุ ษุ ผูถกู ยงิ อยางนีแ้ ลวยอ มมีกําลังกลา กวา เวทนาครัง้ แรก. แมโทมนสั เวทนา เมื่อเกิดข้ึนครงั้ หลงัยอ มมีกาํ ลงั กลา กวา เวทนาคร้งั แรกดว ยประการดังน้แี ล. บทวา ทกุ ฺขายเวทนาย นสิ ฺสรณ ความวา สมาธิมรรคและผล เปนเครอ่ื งสลัดออกแมทุกขเวทนา เขายอมไมร ูเ ครอ่ื งสลัดออกนัน้ ยอมรูวา กามสขุ เทานน้ัเปนเครอื่ งสลัดออก. บทวา ตาส เวทนาน ไดแก สขุ ทกุ ขเวทนาเหลา นน้ั .บทวา สฺ คตโฺ ต น เวทยติ ความวา เขาเปนผปู ระกอบดว ยกเิ ลสยอมเสวยเวทนานั้น. ไมป ระกอบหาเสวยเวทนาน้นั ไม. บทวา สฺตฺโตทุกขฺ สฺมา ไดแก เปน ปญจมวี ภิ ัตตลิ งในอรรถแหง ตตยิ าวภิ ัตติ อธิบายวาประกอบดว ยทกุ ข. บทวา สงฺขาตธมฺมสฺส ความวา ผมู ีธรรมอนั รูแจงแลว คือผูมีธรรมอันช่งั ไดแ ลว. บทวา พหสุ ฺสตุ สสฺ ความวา เปน พหสู ตู ในทางปรยิ ัติ เปนพหสู ตู ในทางปฏเิ วธ. บทวา สมฺมา ปชานาติ ภวสฺส ปารคูความวา ถงึ แลว ซึ่งฝง แหงภพคือนพิ พาน ยอมรชู ัดซึง่ นพิ พานนัน้ แลโดยชอบ. อารมั มณานุสัย พระองคตรสั แลว ในพระสตู รแมน ้ี. เกจิอาจารยกลา ววา ก็บรรดาพระอริยสาวก พระขณี าสพมีหนา ที่ ในอารมั มณานสุ ยั น้ี.แมพระอนาคามี ก็ไมควรดงั น้.ี จบ อรรถกถาสลั ลัตถสูตรที่ ๖
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 15 ๗. ปฐมเคลัญญสตู ร วา ดวยควรเปน ผูมสี ติสมั ปชญั ญะ [๓๗๔] สมยั หน่งึ พระผูมีพระภาคเจาประทับอยู ณ กฏู าคาร-ศาลา ปามหาวนั กรุงเวสาลี ครัง้ นั้นแล เปน เวลาเยน็ พระผูมพี ระภาค-เจาเสดจ็ ออกจากทีห่ ลกี เรน เสด็จเขา ไปยงั ศาลาคนไข แลว ประทับนั่งบนอาสนะทีป่ ลู าดไว ครน้ั แลวตรสั เรียกภิกษทุ ้ังหลายมาตรัสวา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุพงึ เปนผูม ีสติ มสี ัมปชัญญะ รอกาลเวลา นี้เปนคําเราสัง่ สอนพวกเธอ. [๓๗๕] ดกู อนภิกษุทั้งหลาย กภ็ กิ ษยุ อ มเปนผูม ีสติอยา งไรดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี ยอมเปน ผูมปี กตเิ หน็ กายในกายอยู มีความเพียร มสี มั ปชัญญะ มีสติ กําจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ยอมเปน ผมู ปี กตเิ หน็ เวทนาในเวทนาอยู มคี วามเพียร มีสมั ปชญั ญะสติ กาํ จดั อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสยี ยอมเปน ผมู ปี กติเห็นจติ ในจติอยู มีความเพยี ร มีสัมปชัญญะ มีสติ กําจดั อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยียอ มเปนผูมีปกตเิ หน็ ธรรมในธรรมอยู มคี วามเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกําจัดอภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุยอ มเปนผูมสี ตอิ ยา งน้แี ล. [๓๗๖] ดกู อนภิกษุทั้งหลาย กภ็ กิ ษยุ อ มเปนผูมสี มั ปชัญญะอยางไร ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี ยอมเปน ผมู ีปรกตทิ ําความรสู กึ ตัวในการกา วไป ในการถอยกลบั ยอมเปน ผูมปี กติทาํ ความ
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 16รูส กึ ตวั ในการแล ในการเหลยี ว ยอ มเปน ผมู ปี กติทาํ ความรูส กึ ตัวในการคูเขา เหยยี ดออก ยอ มเปน ผูมปี กติทาํ ความรูส กึ ตัวในการทรงผาสังฆาฏิบาตรและจวี ร ยอ มเปน ผูม ปี กติทาํ ความรสู ึกตัวในการกนิ ด่มื เค้ยี ว ลิม้ยอ มเปน ผูม ีปกตทิ าํ ความรูสกึ ตวั ในการถา ยอจุ จาระ ปสสาวะ ยอมเปนผูมีปกตทิ าํ ความรสู กึ ตวั ในการเดิน ยืน น่ัง หลบั ต่นื พดู น่ิง ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภกิ ษุพงึ เปน ผูมสี ติสมั ปชัญญะ รอกาลเวลา น้ีเปน คําเราส่ังสอนพวกเธอ. [๓๗๗] ถาเมื่อภกิ ษุนน้ั มสี ตสิ ัมปชญั ญะ ไมป ระมาท มคี วามเพยี ร มีใจเด็ดเดีย่ วอยูอยางนี้ สุขเวทนายอ มบงั เกิดขึ้น เธอยอ มรูอยา งนว้ี าสขุ เวทนานี้ บังเกดิ ขน้ึ แลวแกเราแล ก็แตว า สขุ เวทนานัน้ อาศยั จงึ เกดิ ขนึ้ไมอาศัยไมเกดิ ข้ึน อาศยั อะไร อาศยั กายน้ีเอง กก็ ายนแ้ี ลไมเทย่ี ง ปจ จัยปรงุ แตง อาศยั กันเกดิ ข้ึน ก็สุขเวทนาอาศยั กายจงึ ไมเ ทย่ี ง ปจ จัยปรงุ แตงอาศยั กนั เกดิ ข้ึนแลว จึงเกิดข้นึ จักเทย่ี งแตทไ่ี หน ดงั นี้ เธอยอ มพจิ ารณาเห็นความไมเ ทยี่ ง ความเส่อื มไป ความคลายไป ความดับ ความสละคืนในกายและสุขเวทนาอยู เมื่อเธอพิจารณาเหน็ ความไมเทย่ี ง ความเส่ือมไปความคลายไป ความดับ ความสละคืนในกายและสขุ เวทนาอยู ยอ มละราคานุสัยในกายและในสุขเวทนาเสยี ได. [๓๗๘] ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ถา เมื่อภกิ ษุน้นั มสี ติสมั ปชัญญะเปนผูไมประมาท มคี วามเพียร มใี จเด็ดเดีย่ วอยูอยา งนี้ ทกุ ขเวทนายอ มบังเกิดข้นึ เธอยอมรูช ดั อยา งนว้ี า ทกุ ขเวทนาน้ี บงั เกดิ ขึน้ แลวแกเราก็แตวาทกุ ขเวทนานนั้ อาศัยจงึ เกดิ ขน้ึ ไมอาศัยไมเ กิดขึน้ อาศยั อะไร
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 17อาศยั กายนเ้ี อง ก็กายนีแ้ ลไมเที่ยง ปจจยั ปรุงแตง อาศยั กันเกดิ ข้ึน ก็ทกุ ขเวทนาอาศยั กายอนั ไมเ ทย่ี ง ปจจัยปรุงแตง อาศัยกนั เกิดข้ึน แลว จงึบงั เกดิ ขน้ึ จกั เท่ียงแตทีไ่ หน ดังนี้ เธอยอ มพจิ ารณาเหน็ ความไมเทยี่ งความเสื่อมไป ความคลายไป ความดับ ความสละคนื ในกายและในทกุ ข-เวทนาอยู เมื่อเธอพิจารณาเหน็ ความไมเ ทย่ี ง ความเสื่อมไป ความคลายไปความดบั ความสละคืนในกายและในทกุ ขเวทนาอยู ยอ มละปฏฆิ านุสัยในกายและในทกุ ขเวทนาเสยี ได. [๓๗๙] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ถา เม่ือภกิ ษนุ นั้ มีสตสิ มั ปชัญญะเปน ผูไมป ระมาท มคี วามเพียร มีใจเด็ดเดยี วอยอู ยางน้ี อทกุ ขมสขุ เวทนายอมบงั เกดิ ขน้ึ เธอยอ มรชู ดั อยางน้วี า อทุกขมสขุ เวทนานี้บังเกดิ ขึ้นแลวแกเรา ก็แตว า อทุกขมสขุ เวทนานน้ั อาศยั จึงเกดิ ขน้ึ ไมอ าศยั ไมเกิดขนึ้อาศยั อะไร อาศยั กายนีเ้ อง กก็ ายน้ีแลไมเท่ยี ง อันปจจยั ปรงุ แตง อาศยักนั เกิดขนึ้ กอ็ ทุกขมสุขเวทนาอาศยั กายอนั ไมเ ท่ยี ง ปจ จยั ปรงุ แตง อาศัยกันเกดิ ขึ้น แลวจงึ บังเกดิ ขึ้น จกั เท่ียงแตท ี่ไหนดังนี้ เธอยอ มพิจารณาเห็นความไมเทยี่ ง ความเสอื่ มไป ความคลายไป ความดับ ความสละคืนในกายและในอทุกขมสุขเวทนาอยู เม่อื เธอพจิ ารณาเหน็ ความไมเท่ียง ความเส่อื มไป ความคลายไป ความดบั ความสละคืนในกายและในอทกุ ขมสขุ -เวทนาอยู ยอ มละอวชิ ชานสุ ยั ในกายและในอทกุ ขมสุขเวทนาเสียได. [๓๘๐] ถา ภกิ ษนุ ั้นเสวยสุขเวทนา ก็รชู ัดวา สขุ เวทนานน้ั ไมเทย่ี ง ไมนาหมกมนุ ไมน าเพลดิ เพลนิ ถาเธอเสวยทุกขเวทนา ฯ ล ฯถาเธอเสวยอทกุ ขมสขุ เวทนา กร็ ูชดั วา อทุกขมสุขเวทนาน้นั ไมเ ทยี่ ง ไม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 18นา หมกมุน ไมนา เพลิดเพลิน ถาเธอเสวยสขุ เวทนา ยอ มเปนผูป ราศจากกเิ ลสเสวยทุกขเวทนาน้ัน ถา เธอเสวยทกุ ขเวทนา ยอมเปนผปู ราศจากกเิ ลสเสวยทกุ ขเวทนานนั้ ถา เธอเสวยอทุกขมสขุ เวทนา ยอมเปน ผูป ราศจากกิเลสเสวยอทกุ ขมสุขเวทนาน้ัน ภิกษนุ น้ั เม่อื เสวยเวทนามีกายเปน สดุก็รูชดั วา เราเสวยเวทนามกี ายเปน ที่สุด เมื่อเสวยเวทนามีชีวิตเปน ทส่ี ุดก็รชู ัดวา เราเสวยเวทนามชี ีวติ เปนทีส่ ดุ ยอ มรชู ดั วาเม่ือตายไป เวทนาท้ังปวงอนั ไมน า เพลิดเพลิน จักเปนความเยน็ ในโลกนที้ ีเดยี ว. [๓๘๑] ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เปรียบเหมอื นประทปี นา้ํ มัน อาศยัน้ํามันและไสจ ึงโพลงอยูได เพราะสิ้นนาํ้ มันและไส ประทีปนัน้ ไมม ีเชือ้พึงดบั ไปฉนั ใด ภกิ ษุก็ฉนั นัน้ เหมือนัน้ ถาเสวยเวทนามกี ายเปน ทดี่ ียอ มรชู ัดวา เราเสวยเวทนามีกายเปนท่ีสุด เสวยเวทนามีชวี ติ เปนที่สดุกร็ ูชดั วา เราเสวยเวทนามีชีวติ เปนท่ีสุด ยอมรูชัดวา เม่อื ตายไป เวทนาทง้ั ปวงอนั ไมน าเพลิดเพลินจกั เปน ความเยน็ ในโลกนท้ี ีเดยี ว. จบ ปฐมเคลญั ญสตู รที่ ๗ อรรถกถาปฐมเคลัญญสูตรที่ ๗ พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในปฐมเคลัญญสูตรที่ ๗ ดังตอ ไปน้ี. บทวา เยน คลิ านสาลา เตนุปสงกฺ มิ ความวา พึงผูมี-พระภาคเจา ทรงดาํ รวิ า ภิกษุท้ังหลายคดิ วา แมตถาคต เปนบุคคลผเู ลศิในโลกพรอ มทั้งเทวโลก ยงั เสด็จไปทอี่ ุปฏฐากคนไข พวกภิกษุไข ช่ือวาควรท่ภี กิ ษพุ ึงบํารุง เชื่อถือแลว จักสาํ คญั พวกภกิ ษไุ ข อนั ภิกษุควรบํารงุ
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 19ดงั น้ี และภกิ ษุเหลาใด ยอ มเปน ผูมีกัมมฏั ฐานเปนสปั ปายะ ในท่นี น้ั เราจกั บอกกัมมฏั ฐานแกภ กิ ษเุ หลา นั้นดังนี้ จงึ เสด็จเขา ไปหาขา พเจา จักกลา วบททที่ า นกลา วไวในบทเปนอาทิวา กาเย กายานปุ สสฺ ี น้นั ขา งหนา บทวาอนิจฺจานุปสฺสี คือพจิ ารณาเห็นความไมเท่ยี ง. บทวา วยานปุ สฺสี คอืพจิ ารณาเหน็ ความเสื่อม. บทวา วิราคานุปสสฺ ี คือพจิ ารณาเหน็ ความคลายกําหนัด บทวา นโิ รธานุปสฺสี คอื พิจารณาเหน็ ความดบั . บทวา ปฏนิ -ิสฺสคคฺ านปุ สสฺ ี คือพิจารณาเห็นความสละคือคนื . ถามวา อะไรเลา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงแสดงแลว ดว ยคาํ มีประมาณเทา นี.้ ตอบวา ขอปฏิบตั ิเปน เครื่องบรรลุของภกิ ษุนี้ แมสติปฏฐานยอมเปน สว นเบอ้ื งตน อยา งเดยี ว. อนปุ สสนา ๓ แมเ หลานี้ คอื อนิจจา-นปุ ส สนา วยานุปสนา วิราคานุปสสนา แมในสัมปชญั ญะ ยอมเปน สว นเบ้อื งตนอยางเดยี ว. นิโรธานุปสสนา แมปฏินสิ สคั คานุปสสนา ทั้ง ๒เหลา นี้ ยอมเปน มิสสกะคลกุ เคลากัน. พระผูม ีพระภาคเจา ทรงแสดงถงึเวลาภาวนาสําหรับภิกษุนีด้ วยเหตุประมาณเทานี้. คําทเี่ หลือมีนยั อันกลาวแลว ทั้งนัน้ . จบ อรรถกถาปฐมเคลัญญสตู รที่ ๗ ๘. ทตุ ิเคลัญญสูตร วา ดวยควรเปน ผูมีสตสิ ัมปชัญญะ [๓๘๒] สมัยหนง่ึ พระผูม พี ระภาคเจาประทับอยู ณ กฏู าคาร-ศาลาปามหาวนั กรงุ เวสาลี ครง้ั น้ันแล เปนเวลาเย็น พระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ ออกจากที่หลกี เรน เสดจ็ เขาไปยงั ศาลาคนไข แลว ประทบั น่งั บน
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 20อาสนะท่ีปลู าดไว ครัน้ แลว ตรัสเรียกภิกษทุ ง้ั หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลายภกิ ษพุ ึงเปนผมู สี ติสมั ปชัญญะ รอกาลเวลาน้ีเปนคาํ เราส่งั สอนพวกเธอ. [๓๘๓] ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย กภ็ กิ ษยุ อมเปน ผูมสี ติอยางไร ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลายภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ ยอ มพิจารณาเหน็ กายในกายอยูมีความเพียร มสี มั ปชญั ญะ มีสติ กาํ จัดอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสยียอมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาท้ังหลาย ฯลฯ ในจิต ฯลฯ ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมทัง้ หลาย มคี วามเพียร มสี ัมปชญั ญะ มีสติ กําจดัอภชิ ฌาโทมนสั ในโลกเสยี ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษุยอมเปนผูมีสติอยา งนีแ้ ล. [๓๘๔] ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย กภ็ ิกษุเปน ผมู ีสัมปชัญญะอยางไรดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยอ มเปน ผูมปี รกติทําความรูสึกวาในการกาวไป ในการถอยกลบั ฯลฯ ในการพูด ในการนิง่ ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษยุ อ มเปน ผูมสี ัมปชญั ญะอยางนีแ้ ล ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษุพงึ เปนผมู ีสตสิ มั ปชญั ญะ รอกาลเวลา นเ้ี ปน คาํ เราส่ังสอนพวกเธอ [๓๘๕] ถา เมอ่ื ภกิ ษุมสี ตสิ ัมปชัญญะ เปน ผูไ มป ระมาท มีความเพยี ร มใี จเด็ดเดีย่ วอยูอยา งนี้ สขุ เวทนายอมเกิดขึน้ เธอยอ มรูอยางน้วี าสุขเวทนาเกิดขนึ้ แลวแกเ รา ก็สขุ เวทนาน้ันแล อาศัยจึงเกิดขึ้น ไมอาศัยไมเ กดิ ขนึ้ อาศยั อะไร อาศัยผัสสะนเี้ อง ก็แตว าผสั สะนี้ไมเ ทีย่ ง ปจ จยัปรุงแตง อาศยั ปจจยั เกดิ ข้นึ กส็ ุขเวทนาซ่ึงอาศัยผสั สะอันไมเ ท่ียง ปจจยัปรงุ แตง อาศยั ปจ จัยเกิดข้ึนแลว แกเ รา จกั เที่ยงแตท ไี่ หน ดังน้ี เธอยอมพิจารณาเห็นความไมเที่ยง เธอยอ มพจิ ารณาเห็นความเสื่อมไป พิจารณา
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 21เห็นความคลายไป พิจารณาเหน็ ความดับไป พจิ ารณาเห็นความสละคนืเม่ือพจิ ารณาเห็นความไมเทยี่ ง พจิ ารณาเห็นความเส่อื มไป พิจารณาเห็นความคลายไป พจิ ารณาเหน็ ความดับไป พิจารณาเหน็ ความสละคนืในผสั สะและในสขุ เวทนาอยู ยอมละราคานุสัยในผสั สะและในสขุ เวทนาเสียน.้ี [๓๘๖] ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ถา เมอ่ื ภกิ ษุนน้ั มีสติ มีสมั ปชญั ญะเปน ผไู มประมาท มีความเพยี ร มีใจเดด็ เดย่ี วอยอู ยางนี้ ทุกขเวทนายอ มเกดิ ขึ้น ฯลฯ อทกุ ขมสขุ เวทนายอ มเกดิ ขึน้ เธอยอ มรูชดั อยา งน้ีวา อทุกขม-ขเวทนานี้เกดิ ข้ึนแลวแกเรา ก็อทุกขมสุขเวทนานั้นแล อาศยั จึงเกดิ ขึ้นไมอาศยั ไมเกดิ ขึน้ อาศัยอะไร อาศัยผสั สะน้แี ลบงั เกิดข้ึน กผ็ ัสสะนี้แลไมเ ที่ยง อนั ปจ จยั ปรุงแตง อาศยั ปจจยั เกดิ ขน้ึ ฯลฯ ถาภิกษนุ ัน้ เสวยสุข-เวทนา เธอยอมรูช ัดวา สขุ เวทนานนั้ ไมเทยี่ ง ไมนา หมกมุน ไมน าเพลิดเพลนิ ถาเธอเสวยทกุ ขเวทนา ฯลฯ ถา เสวยอทกุ ขมสุขเวทนาเธอยอ มรชู ัดวา อทุกขมสขุ เวทนาน้ันไมเ ท่ยี ง ไมน าหมกมุน ไมน าเพลิดเพลิน ถา เธอเสวยสุขเวทนา ยอ มเปน ผปู ราศจากกิเลสเสวยสขุ เวทนานั้น ถาเธอเสวยทุกขเวทนา ยอมเปนผปู ราศจากกิเลสเสวยทุกขเวทนานัน้ถาเธอเสวยอทกุ ขมสุขเวทนา ยอมเปนผปู ราศจากกิเลสเสวยอทกุ ขมสขุ -เวทนานั้น ภกิ ษนุ ้ันเมอ่ื เสวยเวทนามกี ายเปนที่สุด ก็รชู ัดวา เราเสวยเวทนามกี ายเปน ทสี่ ุด เมอื่ เสวยเวทนามชี วี ิตเปน ทสี่ ุด กร็ ูชัดวา เราเสวยเวทนามชี วี ิตเปน ท่สี ดุ รชู ัดวา เม่ือตายไป เวทนาทัง้ ปวง อนั ไมนาเพลิดเพลิน จกั เปน ความเย็นในโลกนท้ี เี ดียว.
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 22 [๓๘๗] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย เปรียบเหมอื นประทีปน้าํ มัน อาศัยนํ้ามนั และไสจ ึงตดิ อยูไ ด เพราะส้ินนาํ้ มันและไส ประทปี นน้ั ไมมีเชือ้ พงึดับไป ฉนั ใด ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ฉนั นน้ั เหมือนกัน ภิกษุเม่ือเสวยเวทนามีกายเปน ทสี่ ุด ยอมรชู ดั วา เราเสวยเวทนามีกายเปน ที่สุด เมื่อเสวยเวทนามีชีวติ เปนที่สดุ ยอมรชู ดั วา เราเสวยเวทนามชี วี ิตเปนท่ีสุด ยอ มรูชดั วา เมือ่ ตายไป เวทนาทง้ั ปวง อนั ไมนาเพลิดเพลิน จักเปน ความเย็นในโลกนท้ี เี ดียว. จบ ทุตยิ เคลัญญสูตรท่ี ๘ อรรถกถาทตุ ิยเคลญั ญสตู รท่ี ๘ พึงทราบวินจิ ฉัยในทุตยิ เคลญั ญสูตรท่ี ๘ ดังตอไปน้ี. เม่ือพระองคต รัสวา อมิ เมว ผสสฺ ปฏิจฺจ ดังนี้ พระองคต รสัโดยอธั ยาศัยสําหรับผูร ูท้งั หลาย. แตว า โดยความหมายนั้นไมมีเหตอุ ันตาง ๆกนั . ทแ่ี ท กายเทานั้น ตรสั วา ผสั สะ ในทีน่ ี้. จบ อรรถกถาทตุ ิยเคลัญญสูตรที่ ๘ ๙. อนจิ จสูตร๑ วา ดวยเวทนา ๓ เปน ของไมเ ท่ียง [๓๘๘] ดูกอนภิกษุทั้งหลายเวทนา ๓ เหลานไี้ มเ ทย่ี ง อันปจ จยัปรุงแตง อาศยั ปจจัยเกดิ ข้ึน มีความสิน้ ไป เสอื่ มไป คลายไป ดบั ไปเปน๑. สตู รท่ี ๙ อรรถวา งายท้งั นั้น
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 23ธรรมดา เวทนา ๓ เปนไฉน เวทนา ๓ คอื สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนาอทุกขมสุขเวทนา ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลายเวทนา ๓ น้แี ล ไมเทยี่ ง อนั ปจจัยปรุงแตง อาศยั ปจ จยั เกดิ ขึน้ มคี วามส้ินไป เสอื่ มไป คลายไป ดับไปเปน ธรรมดา. จบ คนิจจสตู รท่ี ๙ อรรถกถาอนิจจสตู รท่ี ๙ สูตรท่ี ๙ งายทง้ั นนั้ จบ อรรถกถาอนิจจสูตรท่ี ๙ ๑๐. ผัสสมลู กสูตร วา ดวยเวทนา ๓ เกิดแตผ สั สะและมผี สั สะเปน มลู [๓๘๙] ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เวทนา ๓ น้ี เกิดแตผ ัสสะ มผี ัสสะเปน มูล มผี ัสสะเปนเหตุ มีผสั สะเปนปจ จัย เวทนา ๓ เปน ไฉน เวทนา ๓คอื สุขเวทนา ทกุ ขเวทนา อทุกขมสขุ เวทนา ดูกอนภกิ ษุท้ังหลายสขุ เวทนาเกดิ ข้นึ เพราะอาศยั ผสั สะอันเปน ปจจัยแหงสุขเวทนา ความเสวยอารมณท่ีเกดิ แตผ ัสสะนัน้ ชอื่ วา สขุ เวทนา เกดิ ขึน้ เพราะอาศยั ผัสสะอนัเปนที่ต้งั แหง สขุ เวทนานนั้ ยอมดับไป สงบไป เพราะผสั สะอันเปนที่ตง้ัแหงสขุ เวทนานัน้ แลดบั ไป ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ทกุ ขเวทนายอมเกิดขน้ึเพราะอาศัยผัสสะอนั เปนทตี่ ั้งแหง ทุกขเวทนา ความเสวยอารมณ อันเกดิแตผสั สะนั้น ช่อื วาทกุ ขเวทนา เกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะอันเปนที่ตง้ั แหง
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 24ทุกขเวทนาน้ัน ยอ มดับไป สงบไป เพราะผัสสะอันเปนทต่ี ง้ั แหงทุกขเวทนานัน้ แลดับไป อทกุ ขมสุขเวทนา ยอ มเกิดขน้ึ เพราะอาศัยผสั สะอนั เปนทีต่ ง้ั แหง อทกุ ขมสขุ เวทนา ความเสวยอารมณอันเกดิ แตผ ัสสะน้ัน ช่ือวาอทุกขมสุขเวทนา เกดิ ขึน้ เพราะอาศยั ผสั สะอันเปนทีต่ ง้ั แหง อทกุ ขมสุข-เวทนานน้ั ยอ มดบั ไป สงบไป เพราะผสั สะอนั เปนที่ต้ังแหง อทุกขมสุข-เวทนานนั้ แลดบั ไป. [๓๙๐] ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย เพราะไมสองอนั เสียดสีกนั เพราะการเสยี ดสกี นั จงึ เกิดไออนุ จงึ เกดิ ไฟ เพราะแยกไมทั้งสองอันน้นั แหละออกจากกนั ไออุนท่เี กดิ เพราะการเสียดสีนน้ั ยอ มดบั ไป สงบไป ฉันใดดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย เวทนา ๓ นี้ก็ฉนั นน้ั เหมอื นกันแล เกดิ แตผสั สะมผี ัสสะเปนมูล มีผสั สะเปน เหตุ มีผัสสะเปนปจ จยั เวทนาอนั เกิดแตผ ัสสะเกิดขึ้นเพราะอาศัยผัสสะที่เกดิ แตปจจยั นนั้ ยอมดบั เพราะผัสสะทเ่ี กิดแตปจ จยั น้นั ดับไป. จบ ผัสสมูลกสตู รท่ี ๑๐ อรรถกถาผสั สมูลกสตู รที่ ๑๐ พึงทราบวินจิ ฉัยในผัสสมลู กสตู รที่ ๑๐ ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา สุขเวทนยี ไดแก ผัสสะเปนปจ จัยแหง สุขเวทนา. แมในบทเหลือก็นัยนีน้ ั่นแล สว นในขอ น้ี การพรรณนาตามลําดับบท ทานให
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 25พสิ ดารไวแลว ในหนหลงั . ในสองสตู รนี้ ตรสั ถึงเวทนาอันเท่ยี วไปในการพจิ ารณา จบ อรรถกถาผสั สมลู กสตู รท่ี ๑๐ จบ ปฐทกสคถวรรคท่ี ๑ รวมพระสูตรทีม่ ีในวรรคน้ี คอื ๑. สมาธสิ ูตร ๒. สุขสูตร ๓. ปหานสตู ร ๔. ปาตาลสูตร๕. ทัฏฐพั พสูตร ๖. สัลลัตสูตร ๗. ปฐมเคลญั ญสตู ร ๘. ทุตยิ -เคลญั ญสตู ร ๙. อนจิ จสตู ร ๑๐. ผัสสมลู กสูตร.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 26 รโหคตวรรคท่ี ๒ ๑. รโหคตสูตร วาดว ยเวทนา ๓ หมายถึงสังขารเปนของไมเท่ยี ง [๓๙๑] ครงั้ นั้นแล ภกิ ษุรปู หนึ่งเขาไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถงึ ท่ีประทบั ถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจาแลว นั่ง ณ ทคี่ วรสวนขางหนึ่งครน้ั แลว ไดกราบทูลพระผมู ีพระภาคเจา วา ขา แตพระองคผ ูเจรญิ ขาพระองคขอประทานพระวโรกาส ความปรวิ ติ กแหง ใจเกดิ ข้นึ แตข าพระองคผหู ลกี เรน อยูใ นทลี่ บั อยางนี้วา พระผมู ีพระภาคเจาตรัสเวทนา ๓ อยางคือ สุขเวทนา ทกุ ขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสเวทนา ๓ อยา งน้ี กพ็ ระผูมพี ระภาคเจาตรสั พระดํารสั นวี้ า ความเสวยอารมณอยางใดอยา งหนง่ึ เปน ทุกข ดังนี้แล พระผูม พี ระภาคเจาตรัสพระ-ดํารสั นวี้ า ความเสวยอารมณอ ยา งใดอยางหน่งึ เปน ทุกข ดงั น้ี ทรงหมายเอาอะไรหนอ พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ถกู แลว ถกู แลว ภิกษุ ดูกอนภิกษุเรากลา วเวทนา ๓ นี้ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา เรากลา วเวทนา ๓ น้ี ดูกอนภกิ ษุ เรากลาวคาํ นี้วา ความเสวยอารมณอ ยา งใดอยา งหน่ึงเปนทุกข ดงั นี้ ดูกอ นภิกษุ กค็ ําน้ีวา ความเสวยอารมณอยางใดอยา งหน่ึงเปนทุกข ดงั น้ี เรากลา วหมายเอาความที่สงั ขารทง้ั หลายนนั่ เองไมเทยี่ ง ดูกอนภกิ ษุ ก็คาํ น้วี า ความเสวยอารมณอยา งใดอยา งหน่ึงเปนทุกขดงั นี้ เรากลา วหมายเอาความท่ีสังขารท้ังหลายน้ันแหละมคี วามสนิ้ ไป เสอ่ื มไป คลายไป ดับไป แปรปรวนไปเปนธรรมดา.
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 27 [๓๙๒] ดูกอ นภิกษุ ก็ลาํ ดบั นัน้ แล เรากลาวความดบั สนทิ แหงสังขารทัง้ หลายโดยลําดบั คือ เมอ่ื ภกิ ษุเขาปฐมฌาน วาจายอมดับ เมอื่เขา ทตุ ยิ ฌาน วติ กวิจารยอมดบั เมอื่ เขา ตตยิ ฌาน ปต ยิ อมดับ เมอ่ื เขาจตตุ ถฌาน ลมอสั สาสะ ปสสาสะยอมดับ เมื่อเขา อากาสานญั จายตนฌานรปู สัญญายอ มดบั เมือ่ เขา วญิ าณัญจายตนฌาน อากาสานญั จายตนสญั ญายอมดับ เมือ่ เขา อากญิ จัญญายตนฌาน วญิ ญาณญั จายตนสญั ญายอมดับเม่ือเขาเนวสัญญานาสญั ญายตนฌาน อากญิ จัญญายตนสัญญายอมดบั เมื่อเขาสญั ญาเวทยติ นิโรธ สัญญาและเวทนายอมดบั ราคะ โทสะ โมหะของภกิ ษุผูสิ้นอาสวะยอ มดบั . [๓๙๓] ดูกอ นภกิ ษุ ลําดบั นน้ั แล เรากลาวความสงบแหง สงั ขารทงั้ หลายโดยลาํ ดับ คอื เม่ือภกิ ษเุ ขา ปฐมฌานวาจายอ มสงบ เมอื่ เขาทตุ ยิ -ฌาน วิตกวจิ ารยอ มสงบ ฯลฯ เมอ่ื เขาสัญญาเวทยิตนโิ รธ สญั ญาและเวทนายอ มสงบ ราคะ โทสะ โมหะของภกิ ษุผูส้นิ อาสวะ ยอมสงบ. [๓๙๔] ดกู อ นภิกษุ ปสสทั ธิ ๖ อยางน้ี คอื เมอ่ื ภิกษุเขาปฐมฌาน วาจายอ มระงับ เมื่อเขา ทตุ ยิ ฌาน วติ กวจิ ารยอ มระงับ เมื่อเขาตติยฌาน ปต ิยอ มระงบั เมื่อเขาจตุตถฌาน ลมอัสสาสะปส สาสะยอ มระงบั เม่อื เขาสญั ญาเวทยติ นโิ รธ สญั ญาและเวทนายอมระงบั ราคะโทสะ โมหะของภิกษขุ ณี าสพยอมระงบั . จบ รโหคตสูตรที่ ๑
พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 28 อรรถกถารโหคตวรรคที่ ๒ อรรถกถารโหคตสตู รท่ี ๑ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในรโหคตสูตรท่ี ๑ แหงรโหควรรค ดังตอไปนี้ บทวา ยงกฺ ิจฺ ิ เวทยิติ ต ทกุ ฺขสมฺ ิ ความวา ความเสวยอารมณอ ยางใดอยางหน่งึ น้นั ท้งั หมดเปน ทุกข. ในบทวา สงฺขารานเยว อนิจจฺ ต เปน อาทิ พระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงวา ความท่ีแหงสงั ขารท้ังหลายไมเ ทย่ี ง มคี วามในรูป เส่อื มไป แปรปรวนไปเปนธรรมดาอยางนี้ใด เราหมายถงึ ขอน้ี จงึ กลาววา ความเสวยอารมณอยา งใดอยา งหนง่ึ นนั้ เปนทกุ ข อธบิ ายวา เวทนาทัง้ ปวงเปนทกุ ข ดว ยความประสงคนว้ี า เพราะวา สงั ขารทั้งหลายไมเ ท่ียง แมเ วทนาทั้งหลาย ก็ไมเ ที่ยงเหมือนกัน. กค็ ือวาความไมเ ทย่ี งนี้ เปนมรณะ ชอ่ื วา ความทกุ ขย่ิงกวา มรณะ ยอมไมม ดี งั น.ี้ บทวา อถโข ปน ภิกฺขุ มยา นี้ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงปรารภเพ่ือแสดงวา เราบัญญัติความดบั แหง เวทนาอยา งเดียวเทา นัน้หามไิ ด เราบัญญัตคิ วามดับแหง ธรรมแมเหลา นี้ดว ย. ตรัสความสงบและความระงบั ตามอัธยาศัยของบคุ คลผรู ู ดว ยเวทนาเห็นปานน้.ี พงึ ทราบวาอรปู ฌาน ยอมเปนอนั ทานถือเอาแลว ในที่นดี้ ว ยสัญญาเวทยิตนโิ รธศัพท จบ อรรถกถารโหคตสูตรที่ ๑
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 29 ๒. ปฐมวาตสตู ร วาดวยเวทนา ๓ เปรยี บดว ยลมตา งชนดิ [๓๙๕] ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย เปรยี บเหมอื นลมตางชนดิ พัดไปแมใ นอากาศ คือ ลมทศิ ตะวันออกบา ง ลมทิศตะวนั ตกบา ง ลมทศิ เหนอืบา ง ลมทิศใตบาง ลมมธี ุลีบาง ลมไมมธี ลุ บี าง ลมหนาวบาง ลมรอนบางลมออนบาง ลมแรงบา ง ฉนั ใด ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เวทนาตา งชนดิยอมเกดิ ขึน้ ในกายน้ีฉนั นน้ั เหมือนกนั แล คือ สขุ เวทนาบา ง ทุกขเวทนาบา ง อทกุ ขมสขุ เวทนาบา ง. พระผูมีพระภาคเจาผูสคุ ตศาสดา ครัน้ ไดตรสั ไวยากรณภาษิตนี้จบลงแลวจึงไดตรัสคาถาประพนั ธต อ ไปอีกวา [๓๙๖] เปรียบเหมือนลมมากมายหลายชนดิ พดั ไป ในอากาศ คือ ลมทศิ ตะวันออกบาง ลมทศิ ตะวันตกบา ง ลมทิศเหนอื บาง ลมทิศใตบ าง มีธลุ บี าง ไมมีธลุ ีบาง บางครงั้ ลมหนาว บางครั้ง ลมรอ น บางครงั้ ลมแรง บางครัง้ กล็ มออ น ลมมากมายพัดไป ฉนั ใด เวทนา ยอมเกิดข้นึ ในกายนี้ ฉันน้นั เหมอื นกัน คือสุขเวทนาบาง ทุกขเวทนาบาง อทุกขมสุขเวทนาบา ง เมื่อใด ภิกษมุ คี วามเพียร รสู กึ อยู เขานโิ รธ เมื่อน้ัน
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 30 เธอผเู ปน บัณฑิตยอ มกําหนดรเู วทนา ไดทุกอยาง ภกิ ษนุ ั้นกําหนดรูเวทนาแลว เปน ผไู มม ีอาสวะ ตง้ั อยูในธรรม เรียนจบพระเวทในปจจุบนั เพราะ กายแตกยอมไมเขา ถงึ ซ่งึ บญั ญัติ. จบ ปฐมวาตสูตรที่ ๒ อรรถกถาปฐมวาตสูตรท่ี ๒ พงึ ทราบวินจิ ฉัยในปฐมวาตสตู รท่ี ๒ ดงั ตอไปนี้ บทวา ปถุ ู วายนตฺ ิ มาลุตา ไดแก ลมเปน อันมาก ยอมพดั ไปคาํ ทเ่ี หลือ มเี น้อื ความงา ยทัง้ นนั้ . เวนคาถาทั้งหลายเสยี ตรัสตามอัธยาศัยของพวกบุคคลผูรูอย.ู จบ อรรถกถาปฐมวาตสูตรท่ี ๒ ๓. ทุติยวาตสูตร วาดวยเวทนา ๓ เปรียบดว ยลมตา งชนดิ [๓๙๗] ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เปรียบเหมอื นลมตางชนิด พัดไปในอากาศ คอื ลมทิศตะวนั ออกบาง ฯลฯ ลมแรงบา ง ฉนั ใด ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย เวทนาตา งชนิดยอมเกิดขึน้ ในกายน้ี ฉันน้นั เหมอื นกนั แลคือ สุขเวทนาบา ง ทกุ ขเวทนาบาง อทกุ ขมสุขเวทนาบา ง. จบ ทตุ ยิ วาตสตู รท่ี ๓
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 31 อรรถกถาทุตยิ วาตสูตรที่ ๓ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในทตุ ยิ วาตสตู รที่ ๓ ดงั ตอไปน.้ี เวนคาถาทง้ั หลายเสยี พระผูม ีพระภาคเจาตรัสตามอัธยาศัยของบคุ คลผูร ูอ ยู. จบ อรรถกถาทุตยิ วาตสูตรท่ี ๓ ๔. นวิ าสสตู ร วา ดว ยเวทนา ๓ เปรยี บดวยเรอื นพักคนเดินทาง [๓๙๘ ] ดกู อนภิกษุท้งั หลาย เปรยี บเหมือนเรอื นพักคนเดนิ ทางชนทงั้ หลายมาจากทศิ ตะวนั ออกบา ง มาจากทศิ ตะวนั ตกบาง มาจากทศิเหนอื บา ง มาจากทิศใตบ าง เปนกษตั รยิ บ าง เปนพราหมณบ า ง เปนพอ คา บา ง เปนคนงานบา ง มาพกั ในเรอื นนนั้ ฉนั ใด ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลายเวทนาตา งชนิดยอ มเกดิ ขน้ึ ในกายนี้ ฉันนน้ั เหมือนกนั คอื สุขเวทนาบาง ทุกขเวทนาบาง อทกุ ขมสุขเวทนาบาง สุขเวทนามอี ามิสบางทกุ ขเวทนามีอามิสบาง อทุกขมสุขเวทนามีอามสิ บา ง สุขเวทนาไมม ีอามิสบา ง ทุกขเวทนาไมมีอามสิ บาง อทุกขมสุขเวทนาไมมีอามสิ บา ง. จบ นิวาสสูตรท่ี ๔
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 32 อรรถกถานวิ าสสตู รที่ ๔ พึงทราบวินิจฉัยในนิวาสสตู รที่ ๔ ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา ปุรตถฺ ิมา คือ ในทิศตะวนั ออก. ในบททั้งปวงกอ็ ยางน้.ีในบทเปนอาทวิ า สามสิ าป สุขา เวทนา สขุ เวทนา อนั ประกอบดว ยอามสิ คอื กาม ชื่อวา สุขมอี ามสิ เวทนาอันเกิดขนึ้ ดว ยสามารถแหง ฌานท้งั หลายมปี ฐมฌานเปน ตน ดว ยสามารถแหง วปิ สสนา และดว ยสามารถแหง อนุสสติ ชือ่ วา สุขไมมีอามิส. ทุกขเวทนามอี ามิสดว ยอามิสคือกามช่อื วา ทกุ ขม อี ามิส โทมนัสเวทนา อนั เกดิ ข้นึ แกภกิ ษุผยู งั ความปรารถนาใหเ ขา ไปตั้งไว ในวโิ มกขอ ันยอดเย่ยี ม ( อนตุ ตรวโิ มกข) เพราะความปรารถนาเปนปจจัย ช่ือวา ทกุ ขไ มม อี ามิส. เวทนามีอามสิ ดว ยสามารถอามิสคือกามช่ือวาอทกุ ขมสขุ อันมอี ามสิ . อทกุ ขมสขุ เวทนาอนั เกดิ ข้นึดวยสามารถจตตุ ถฌาน ช่ือวา อทกุ ขมสขุ อนั ไมมอี ามิส. ส่ีสตู รมีสตู รที่ ๕ เปน ตน ไป มีนัยอันกลา วไวแลว ในหนหลงั .สวนในขอน้ี แมสองสูตรกอ น ประกอบดวยปสสทั ธ.ิ สองสตู รหลังประกอบดวยปสสัทธิกงึ่ หนึง่ พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสแลว ตามอธั ยาศัยของบุคคลผรู ดู ว ยเทศนา. จบ อรรถกถานิวาสสูตรที่ ๔
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 33 ๕. ปฐมอานันทสตู ร๑ วาดว ยพระอานนททลู ถามเรื่องเวทนา ๓ [๓๙๙] ครั้งน้ันแล ทา นพระอานนทเ ขา ไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจาถึงทปี่ ระทับ ถวายบงั คมพระผูม พี ระภาคเจา แลว นงั่ ณ ที่ควรสว นขา งหน่ึงครน้ั แลว ไดท ลู ถามพระผมู ีพระภาคเจาวา ขา แตพระองคผูเจริญ เวทนามเี ทา ไร ความเกดิ ข้ึนแหงเวทนาเปนไฉน ความดับแหง เวทนาเปนไฉนปฏปิ ทาเคร่ืองใหถ ึงความดบั แหง เวทนาเปน ไฉน อะไรเปนคณุ แหงเวทนาอะไรเปนโทษแหง เวทนา อะไรเปน อบุ ายเครื่องสลัดออกแหง เวทนา. พระผูม พี ระภาคเจาตรสั วา ดกู อนอานนท เวทนามี ๓ เหลาน้ี คอื สขุ เวทนาทุกขเวทนา อทกุ ขมสุขเวทนา ดกู อ นอานนท เหลานี้ เราเรียกวา เวทนาเพราะผสั สะเกิดขึน้ เวทนาจึงเกดิ เพราะผัสสะดับเวทนาจึงดับ อรยิ มรรคมอี งค ๘ นี้แล คอื สมั มาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ เปน ปฏปิ ทาเครอื่ งใหถ ึงความดบั แหงเวทนา สุข โสมนสั ยอมเกิดขนึ้ เพราะอาศัยเวทนาใดน้เี ปน คุณแหง เวทนา เวทนาใดไมเ ที่ยง เปนทุกข มีความแปรปรวนเปนธรรมดา น้เี ปน โทษแหง เวทนา การกาํ จดั การละฉนั ทราคะในเวทนาใด นเี้ ปน อบุ ายเครอ่ื งสลัดออก แหง เวทนา. [๔๐๐] ดกู อนอานนท โดยท่แี ท เราไดกลา ว ความดบั แหง สงั ขารทงั้ หลายโดยลําดบั แลว คอื เมอื่ ภกิ ษุเขาปฐมฌาน วาจายอ มดบั ฯ ล ฯเมอื่ เชา สญั ญาเวทยิตนิโรธ สญั ญาและเวทนายอมดบั ราคะ โทสะ โมหะของภิกษผุ ขู ีณาสพยอ มดบั .๑. สูตรที่ ๕-๘ ไมมี อรรถกถาแก.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 34 [๔๐๑] ดูกอ นอานนท โดยท่แี ท เราไดกลา วความสงบแหงสงั ขารทง้ั หลายโดยลาํ ดบั แลว คอื เม่ือภกิ ษเุ ขาปฐมฌาน วาจายอ มสงบ ฯลฯเมอ่ื เขา สญั ญาเวทยิตนิโรธ สญั ญาและเวทนายอมสงบ ราคะ โทสะ โมหะของภิกษุผูขีณาสพยอมสงบ. [๔๐๒] ดูกอ นอานนท โดยที่แท เราไดกลาวความระงับแหงสงั ขารทง้ั หลายโดยลาํ ดับแลว คือ เมื่อภกิ ษุเขา ปฐมฌาน วาจายอมระงับ ฯลฯ เมื่อเขา สญั ญาเวทยิตนโิ รธ สญั ญาและเวทนายอมระงับ ราคะโทสะ โมหะของภกิ ษผุ ขู ีณาสพยอ มระงับ. จบ ปฐมอานนั ทสตู รท่ี ๕ ๖. ทุติยอานันทสตู รวาดว ยพระพทุ ธองคตรัสถามพระอานนทใ นเร่อื งเวทนา ๓ [๔๐๓] คร้ังน้ันแล ทา นพระอานนทเขาไปเฝา พระผมู ีพระภาคเจาถึงท่ปี ระทบั ถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจา แลว น่ัง ณ ท่ีควรสว นขา งหน่ึง ครั้นแลว พระผูมพี ระภาคเจา ไดตรสั ถามทานพระอานนทว าดูกอนอานนท เวทนามเี ทา ไร ความเกิดข้นึ แหง เวทนาเปนไฉน ความดบัแหง เวทนาเปน ไฉน ปฏิปทาเครื่องใหถ ึงความดบั แหงเวทนาเปนไฉน อะไรเปนคณุ แหง เวทนา อะไรเปนโทษแหง เวทนา อะไรเปนอบุ ายเครื่องสลดัออกแหงเวทนา. ทา นพระอานนทก ราบทลู วา ขาแตพระองคผ ูเจริญธรรมท้งั หลายของพวกขาพระองค มีพระผูม ีพระภาคเจา เปน รากฐาน
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 35มพี ระผมู พี ระภาคเจา เปน ผูนํา มพี ระผมู ีพระภาคเจาในทพี่ ึง่ อาศยั ขาแตพระองคผ เู จรญิ ขอประทานพระวโรกาส ขอเน้อื ความแหง ภาษิตน้ีจงแจมแจง กะพระผูม พี ระภาคเจา เทา น้นั เถดิ ภกิ ษุท้งั หลายฟง พระดํารัสของพระผูม ีพระภาคเจาแลว จกั ทรงจําไว พระผูม ีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อนอานนทถา กระนน้ั เธอจงฟง จงใสใ จใหด ี เราจกั กลาว ทา นพระอานนททูลรับพระผมู พี ระภาคเจาแลว พระผมู พี ระภาคเจาไดต รัสพระพุทธพจนนว้ี า ดูกอนอานนท เวทนา ๓ เหลานี้ คือ สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา อทุกขมสุขเวทนาดกู อ นอานนท เหลาน้ี เราเรยี กวาเวทนา ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะของภกิ ษผุ ขู ีณาสพยอมระงับ. จบ ทุติยอานันทสตู รท่ี ๙ ๗. ปฐมสัมพหุลสูตร วา ดว ยภิกษุจํานวนมากทูลถามเรอื่ งเวทนา ๓ [๔๐๔] ครงั้ นัน้ แล ภิกษมุ ากดวยกนั เขาไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถงึ ทีป่ ระทบั ถวายบงั คมพระผมู พี ระพระภาคเจา แลว นั่ง ณ ทคี่ วรสว นขา งหนงึ่ ครัน้ แลว ไดทูลถามพระผูมพี ระภาคเจาวา ขาแตพระองคผเู จรญิเวทนามีเทาไร ความเกิดข้นึ แหงเวทนาเปนไฉน ความดับแหงเวทนาเปนไฉน ปฏิปทาเครอ่ื งใหถ ึงความดบั แหง เวทนาเปน ไฉน อะไรเปน คณุแหง เวทนา อะไรเปนโทษแหง เวทนา อะไรเปน อุบายเคร่อื งสลัดออกแหงเวทนา. พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย เวทนามี ๓ เหลา นี้
พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 36คือ สขุ เวทนา ทุกขเวทนา อทกุ ขมสขุ เวทนา ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย เหลานี้เราเรียกวาเวทนา เพราะผสั สะเกิดขึ้นเวทนาจงึ เกดิ เพราะผัสสะดับไปเวทนาจึงดับ อรยิ มรรคมีองค ๘ น้นี ั้นแล คือ สมั มาทฏิ ฐิ ฯลฯ สัมมา-สมาธิเปนปฏิปทาเครือ่ งใหถงึ ความดับแหง เวทนา สุข โสมนัส ยอมเกดิ ข้ึนเพราะอาศยั เวทนาใด นี้เปนคุณแหงเวทนา เวทนาใดไมเที่ยง เปน ทุกขมคี วามแปรปรวนเปนธรรมดา น้เี ปน โทษแหงเวทนา การกําจัด การละฉนั ทราคะในเวทนาใด นี้เปน อุบายเครอ่ื งสลดั ออกแหงเวทนา. [๔๐๕] ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย โดยที่แท เราไดกลาวความดบัแหงสงั ขารท้ังหลายโดยลําดับแลว คอื เมอ่ื ภิกษุเขา ปฐมฌาน วาจายอมดบัฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะของภกิ ษุผูข ณี าสพยอมดบั . [๔๐๖] ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย โดยทีแ่ ท เราไดกลาวความสงบแหงสังขารทง้ั หลายโดยลา ดบั แลว คือ เม่ือภกิ ษุเขา ปฐมฌาน วาจายอ มสงบ ฯลฯ ราคะ โทสะ โมหะของภิกษุผขู ีณาสพยอมสงบ. [๔๐๗] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ปสสทั ธิ ๖ ประการนี้ คอื เมือ่ภกิ ษเุ ขาปฐมฌาน วาจายอมระงบั เม่อื เขาทุติยฌาน วิตกวจิ ารยอมระงบัเม่อื เขา ตตยิ ฌาน ปตยิ อมระงับ เมือ่ เขาจตุตถฌาน ลมอัสสาสะปสสาสะยอ มระงบั เมื่อเขาสญั ญาเวทยติ นิโรธ สัญญาและเวทนายอมระงับ ราคะโทสะ โมหะ ของภกิ ษุผขู ณี าสพยอ มระงับ. จบ ปฐมสมั พหลุ สูตรท่ี ๗
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 37 ๘. ทตุ ิยสมั พหลุ สูตร วา ดวยพระพทุ ธองคทรงแสดงเวทนา [๔๐๘] ครั้งนัน้ แล ภกิ ษุมากดว ยกนั เขา ไปเฝา พระผมู พี ระ.ใดเจา ถึงที่ประทบั ฯลฯ ครัน้ แลว พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรัสถามภิกษุเลนนั้นวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เวทนามีเทา ไร ฯลฯ อะไรเปน อบุ ายเคร่ืองสลดั ออกแหง เวทนา ภกิ ษเุ หลานน้ั กราบทลู วา ขาแตพ ระองคผเู จรญิกรรมทง้ั หลายของพวกขา พระองคม ีพระผมู ีพระภาคเจาเปนรากฐาน ฯลฯพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย ถากระน้ันพวกเธอจงฟงจงใสใ จใหด ี เราจกั กลา ว ภิกษเุ หลานั้นทูลรบั พระผูมีพระภาคเจา แลวพระผมู ีพระภาคเจาไดตรัสพระพุทธพจนน ีว้ า ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เวทนา ๓เหลาน้ี คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทกุ ขมสขุ เวทนา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลายเหลา น้ี เราเรียกวา เวทนา ฯ ลฯ ( พึงขยายความใหพ ิสดารเหมือนสตู รตน ๆ) จบ ทตุ สิ ัมพหุลสตู รที่ ๘ ๙. ปญจกงั คสูตร วา ดว ยชา งไมปญ จกงั คะถามปญ หาพระอทุ ายี [๔๐๙] คร้งั นั้นแล ชา งไมช่อื ปญจกังคะเขาไปหาทา นพระอุทายีถึงทอี่ ยู ไหวทานพระอุทายแี ลว น่งั ณ ท่ีควรสวนขา งหน่ึง ครั้นแลวไดถ ามทานพระอทุ ายวี า ทานพระอทุ ายผี เู จรญิ พระผูม ีพระภาคเจาตรัส
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 38เวทนาไวเทา ไรหนอ ทานพระอทุ ายีตอบวา ดกู อ นคฤหบดี พระผมู ีพระภาคเจาตรัสเวทนาไว ๓ อยาง คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทกุ ขมสุขเวทนา ดูกอ นคฤหบดี พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสเวทนาไว ๓ อยางนี้แล. [๔๑๐] เม่ือทา นพระอุทายีกลาวอยางน้แี ลว ชางไมช่ือปญจกงั คะไดกลา วกะทานพระอุทายวี า ทานพระอุทายีผเู จรญิ พระผมู พี ระภาคเจาไมไดต รัสเวทนาไว ๓ อยาง ตรสั ไว ๒ อยาง คือ สุขเวทนา ทกุ ขเวทนาทา นผเู จรญิ อทกุ ขมสุขเวทนาอันเปนไปฝายละเอยี ด พระผมู ีพระภาคเจาตรัสไวใ นสขุ อนั ประณตี แมครงั้ ท่ี ๒ ทา นพระอุทายี กไ็ ดก ลา วกะชางไมวากอนคฤหบดี พระผูมพี ระภาคเจาไมไ ดตรัสเวทนาไว ๒ อยา งเลย พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสเวทนา ๓ คอื สขุ เวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนาพระผมู พี ระภาคจา ตรสั เวทนา ๓ อยางนี้ แมค รง้ั ท่ี ๒ ชา งไมชอื่ ปญ จกงั คะกไ็ ดกลาวกะทานพระอุทายวี า ทานพระอุทายีผเู จรญิ พระผมู ีพระภาคเจาไมไดต รัสเวทนาไว ๓ อยางเลย ตรสั เวทนาไว ๒ อยาง คือ สขุ เวทนาทุกขเวทนา ทานผเู จริญ อทกุ ขมสขุ เวทนาอนั เปนไปในฝา ยละเอยี ดพระผูมพี ระภาคเจาตรสั ไวใ นสุขอันประณีต แมค รั้งท่ี ๓ ทานพระอทุ ายีก็ไดก ลา วกะชางไมว า ดูกอ นคฤหบดี พระผมู ีพระภาคเจาไมไ ดต รสั เวทนาไว ๒ อยางเลย ตรัสเวทนาไว ๓ อยา ง คอื สขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา อทุกขม-สขุ เวทนา พระผูมีพระภาคเจา ตรัสเวทนา ๓ อยา งน้ี แมค รง้ั ที่ ๓ ชางไมไดก ลา วกะทา นพระอทุ ายวี า ทานพระอุทายผี เู จริญ พระผูม ีพระภาคเจาไมไดต รสั เวทนาไว ๓ อยางเลย ตรสั เวทนาไว ๒ อยา ง คือ สุขเวทนา
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 42 [๔๑๘] ดูกอนอานนท ก็สขุ อ่ืนอนั นา ใครย ิ่งกวาและประณตี กวาสุขนัน้ เปนไฉน. ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ เขา จตุตถฌานอันไมม ีทุกข ไมม สี ุขเพราะละสขุ ละทุกข และดับโสมนสั โทมนัสกอ น ๆ ได มีอเุ บกขาเปนเหตุใหสติบรสิ ุทธ์ิอยู นแี้ ลเปนสขุ อ่นื อนั นาใครยง่ิ กวาและประณตี กวา สขุ น้ัน. [๔๑๙] ดูกอ นอานนท ชนเหลาใดแลพึงกลา วอยา งน้ีวา ชนทัง้หลายยอมเสวยสุขโสมนสั น้นั อันเปน เยี่ยมและละเอยี ด ดังน้ี เราไมยอมตามคํานี้ แกช นเหลา นั้น ขอน้ันเพราะเหตุอะไร. เพราะสุขอน่ื อันนา ใครย งิ่ กวา และประณีตกวา สขุ นัน้ มอี ยู. [๔๒๐] ดกู อนอานนท สขุ อื่นอนั นา ใครย ิ่งกวาและประณีตกวาสุขน้นั เปนไฉน. ภิกษุในธรรมวินยั นี้ เขาอากาสานัญจายตนฌานโดยบรกิ รรมวา อากาศไมมีทสี่ ุด เพราะกาวลว งรปู สญั ญาทัง้ หลาย เพราะความดับสูญแหง ปฏฆิ สญั ญาทัง้ หลาย เพราะไมมนสิการถงึ นานตั ตสัญญาทง้ั หลายโดยประการทั้งปวงอยู นแ้ี ลเปน สุขอนื่ อนั นาใครยงิ่ กวา และประณีตกวาสุขนั้น ชนเหลา ใดแลพงึ กลา วอยา งน้ีวา ชนทัง้ หลายยอมเสวยสขุโสมนสั นนั้ อนั เปน เย่ียมและละเอียด ดงั นี้ เราไมยอมตามคาํ นี้ แกช นเหลานน้ั ขอ นน้ั เพราะเหตอุ ะไร. เพราะสขุ อืน่ อันนา ใครย ่งิ กวาและประณตีกวา สุขน่ัน มีอย.ู [๔๒๑] ดูกอ นอานนท สุขอ่นื อันนา ใครย งิ่ กวา และประณตี กวาสขุ นน่ั เปนไฉน. ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั น้ี กา วลวงอากาสานญั จายตนฌานโดยประการทง้ั ปวงแลว เขา วิญญาณญั จายตนฌานโดยบรกิ รรมวา วิญญาณไม
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 43มที ี่สุด นแ้ี ลเปน สุขอน่ื อนั นาใครยงิ่ กวา และประณีตกวา สขุ นั้น ชนเหลา ใดแลพึงกลาวอยา งน้ีวา ชนทง้ั หลายยอ มเสวยสุขโสมนสั น่ันอันเปนเยย่ี มและละเอียด ดังน้ี เราไมยอมตามคาํ นี้ แกชนเหลาน้นั ขอนั้นเพราะเหตุอะไร. เพราะสขุ อื่นอันนา ใครย ิง่ กวา และประณีตกวาสุขน่ัน มีอย.ู [๔๒๒] ดูกอนอานนท สขุ อ่ืนอนั นา ใครยิ่งกวาและประณีตกวาสุขนน่ั เปน ไฉน. ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี กา วลว งวญิ ญาณัญจายตนฌานโดยประการท้งั ปวงแลว เขาอากิญจญั ญายตนฌานโดยบรกิ รรมวา อะไรหนอยหน่งึ ไมมี น้แี ลเปนสุขอ่ืนอนั นาใครย ่ิงกวา และประณีตกวาสุขนน่ั ชนเหลาใดแลพงึ กลาวอยางน้ีวา ชนทั้งหลายยอ มเสวยสขุ โสมนัสน่นั อนั เปน เยย่ี มและละเอียด ดงั นี้ เราไมยอมตามคํานแ้ี กช นเหลาน้นั ขอ นัน้ เพราะเหตุอะไร. เพราะสุขอื่นอนั นาใครยงิ่ กวา และประณีตกวาสขุ นั้น มอี ย.ู [๔๒๓] ดกู อ นอานนท ก็สุขอ่ืนอนั นา ใครย ่ิงกวาและประณีตกวาสุขนนั่ เปน ไฉน. ภิกษใุ นธรรมวนิ ัยน้ี กาวลว งอากญิ จัญญายตนฌานโดยประการทงั้ ปวงแลว เขา นวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู นี้แลเปนสุขอ่ืนอนั นา ใครย ิ่งกวา และประณตี กวาสขุ น้นั ชนเหลาใดแลพึงกลาวอยา งน้วี าชนทง้ั หลายยอมเสวยสขุ โสมนสั นั่นอันเปนเยยี่ มและละเอยี ด ดงั นี้ เราไมยอมตามคําแกชนเหลานน้ั ขอ นั้นเพราะเหตุอะไร. เพราะสุขอืน่ อนั นาใครย ิ่งกวาและประณตี กวา สขุ นน่ั มีอยู. [๔๒๑] ดกู อนอานนท สุขอื่นอนั นาใครย่ิงกวา และประณีตกวาสขุ นัน่ เปน ไฉน. ภิกษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี กา วลวงเนวสญั ญานาสญั ญายตน-ฌานโดยประการทง้ั ปวงแลว เขา สัญญาเวทยติ นโิ รธสมบตั อิ ยู น้แี ลเปน
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 44สุขอ่นื อันนา ใครย ิ่งกวา และประณตี กวาสุขนั่น ก็ขอ ท่ีปรพิ าชกอัญญเดยี รถียพึงกลา วอยางนวี้ า พระสมณโคดมกลาวสัญญาเวทยติ นิโรธสมาบัติ และยอ มบญั ญัตนิ โิ รธน้ันไวใ นความสขุ ขอ นีน้ ัน้ เพราะเหตุไร ขอ นนี้ น้ั เปนอยางไร. น้ันเปน ฐานะทีจ่ ะมไี ด พวกปรพิ าชกอญั ญเดยี รถยี มวี าทะอยา งนี้พวกเธอพงึ คานอยา งนว้ี า ทานผมู อี ายุทงั้ หลาย พระผมู ีพระภาคเจา ไมไ ดทรงหมายเอาสุขเวทนาบญั ญัตนิ โิ รธน้นั ไวใ นความสุขเลย บคุ คลยอ มไดสขุในฐานะใด ๆ พระตถาคตยอมทรงบญั ญัติฐานะน้ัน ๆ อนั เปนสุขไวใ นความสขุ ทกุ แหง. จบ ปญจกงั คสตู รท่ี ๙ อรรถกถาปญ จกงั คสูตรท่ี ๙ พึงทราบวนิ ิจฉัยในปญจกังสตู รที่ ๙ ดังตอไปน้.ี บทวา ปจฺ กงฺโค ในบทวา ปจฺ กงฺโค ปติ เปน ชื่อของชา งไมน นั้อนงึ่ ชา งไมน้ัน ปรากฏชอื่ วา ปญ จงั คะ เพราะประกอบดว ยองค ๕ กลา วคือมีด ขวาน สิ่ว ไม คอ น กระปกุ ดายเสน บรรทดั . บทวา ปติ คือชางไม ผเู ปนหัวหนา บทวา อุทายิ คือพระอทุ ายีเถระผบู ณั ฑติ . บทวา ปรยิ าย คอื เหต.ุบทวา เทวฺ วานนทฺ คือ ดกู อ นอานนท เวทนา ๒ กม็ .ี บทวา ปริยาเยน คอืโดยเหตุ. สวนในทน่ี ้ี พงึ ทราบเวทนา ๒ ดวยสามารถทางกายและทางจิต.แม เวทนา ๓ ดวยสามารถสขุ เปน ตน. เวทนา ๕ มสี ขุ นิ ทรียเ ปนตน ดว ยสามารถอนิ ทรยี . เวทนา ๖ มจี ักขุสัมผสั สชาเปนตนดวยสามารถทวาร.
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 45เวทนา ๑๘ มีเปนอาทิวา เห็นรูปดวยจักษุแลว ยอ มไตรต รองซงึ่ รปู อันเปนทีต่ ง้ั แหงโสมนัสดว ยสามารถการไตรตรอง พงึ ทราบ เวทนา ๓๖ อยา งนี้คอื โสมนัสอาศัยเรือน ๖, อาศยั เนกขัมมะการออกจากกาม ๖, โทมนัสอาศัยเรอื น ๖, อาศัยเนกขัมมะการออกจากกาม ๖, อเุ บกขาอาศยั เรือน ๖,อาศยั เนกขมั มะการออกจากกาม ๖, พึงทราบ เวทนา ๑๐๘ อยางน้ี คือเวทนาเหลา นน้ั ในอดีตมี ๓๖. ในอนาคตมี ๓๖. ในปจ จุบนั มี ๓๖. บทวา ปจฺ ิเม อานนฺท กามคณุ า น้ี เปนอนุสนธเิ ฉพาะอยางหนง่ึ . ท่ีจริง พระผูม ีพระภาคเจา ทรงทาํ เวทนา ๒ ใหเปน ตน ทรงบญั ญัติเวทนาอยา งเดยี วเทานัน้ กห็ ามไิ ด. โดยปรยิ าย ตรัสเวทนาอยางเดยี วก็มีเมอ่ื จะทรงแสดงเวทนานนั้ จึงทรงเริ่มเทศนาน้ีเพื่อสง เสริมวาทะของชา งไมชอื่ ปญจกังคะ บทวา อภกิ กฺ นตฺ ตร คือ ดกี วา. บทวา ปณตี ตร คอืยิง่ กวา. ในขอน้ีอทุกขมสุขเวทนา ทา นกลาววา สุขดว ยอรรถวา สงบและประณีต. จําเดิมแตจ ตตุ ถฌาน นโิ รธ ช่อื วาเปนสุข ดว ยสามารถมไิ ดเสวยอารมณ. ดว ยวา ชอื่ วาสุขอันเสวยอารมณเกดิ ขึน้ แลว ดว ยสามารถกามคณุ๕ และดวยสามารถสมาบตั ิ ๘. นิโรธ ชอื่ วา สขุ อันมิไดเสวยอารมณแลว .สุขเสวยอารมณกต็ าม มิไดเ สวยอารมณก็ตาม ก็ช่อื วาสขุ โดยสว นเดียวแทดว ยอรรถวา เปนสขุ กลาวคอื ความไมม ที ุกข. บทวา ยตถฺ ยตฺถ คอื ในฐานะใด. บทวา สุข อุปลพภฺ ติ ความวาบุคคล ยอ มไดส ุขอันเสวยอารมณห รือสขุ อนั มิไดเ สวยอารมณ พระตถาคตยอมบญั ญตั สิ ุขน้ันๆ ลงในสขุ . พระตถาคต ยอมบญั ญตั สิ ขุ นั้นทง้ั หมด
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 46ซ่งึ ไมม คี วามทกุ ขลงในสุขเทา นน้ั ดังนน้ั พระผูม พี ระภาคเจา ทรงทาํนโิ รธสมาบตั ิ ใหเ ปน ประธานในท่ีนแ่ี ลว จึงทรงยังเทศนาใหจบลงดว ยธรรมคือยอดพระอรหัตอยา งเดียว ดว ยสามารถแหงบุคคลผพู อแนะนาํ ได. จบ อรรถกถาปญ จกังคสตู รที่ ๙ จบ อรรถกถารโหคตวรรคที่ ๒ ๑๐. ภกิ ขสุ ูตร วา ดวยพระพทุ ธองคทรงแสดงประเภทแหงเวทนา [๔๒๕] ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย โดยปรยิ ายหนง่ึ เรากลาวเวทนา ๒ก็มี โดยปริยายหนง่ึ เรากลา วเวทนา ๓ ก็มี โดยปรยิ ายหน่ึง เรากลาวเวทนา ๕ กม็ ี โดยปริยายหนึ่ง เรากลาวเวทนา ๖ กม็ ี โดยปรยิ ายหน่งึเรากลาวเวทนา ๑๘ กม็ ี โดยปริยายหนง่ึ เรากลาวเวทนา ๓๖ กม็ ี โดยปริยายหนง่ึ เรากลาวเวทนา ๑๐๘ ก็มี ธรรมอันเราแสดงแลว โดยปรยิ ายอยูใ น เมื่อเราแสดงธรรมโดยปรยิ ายอยา งนแี้ ลว ชนเหลา ใดจักไมสาํ คญัตาม จกั ไมรูตาม จักไมบ นั เทิงตาม ซึ่งคาํ ทเ่ี รากลาวดีแลว เจรจาดีแลวแกกนั และกนั เหตุนจี้ ักเปนอนั ชนเหลา นนั้ พงึ หวังได คอื ชนเหลา นัน้จกั เกิดความบาดหมางกนั จกั เกิดความทะเลาะกัน ววิ าทกนั จกั ทิม่ แทงกันและกนั ดว ยหอกคือปากอยู ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ธรรมอันเราแสดงแลว โดยปริยายอยางนี้ เมือ่ ธรรมอันเราแสดงแลว โดยปรยิ ายอยางนมี้ ีอยูชนเหลาใดจกั สําคัญตาม จกั รตู าม จกั บันเทิงตาม ซงึ่ คําท่ีเรากลาวดีแลว๑. สตู รที่ ๑๐ ไมมีอรรถกถาแก
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 47เจรจาดแี ลว แกกันและกนั เหตุนี้อันชนเหลา น้ันพึงหวังได คือพวกเขาจักพรอ มเพรียงกนั จกั ช่นื บานตอ กัน จักไมวิวาทกนั จักเปน ดุจน้าํ เจอืดวยนํ้ามัน จักมองกันและกนั ดว ยจักษอุ ันเปย มดวยความรักอยู. [๔๒๖] ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย กามคุณ ๕ เหลา นี้ ฯลฯ (เหมือนขอ ๔๑๓ ถงึ ขอ ๔๒๔) ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย กข็ อ ทีป่ ริพาชกอัญญ-เดียรถยี พ งึ กลาวอยา งน้วี า พระสมณโคดมกลา วสญั ญาเวทยติ นโิ รธสมาบัติและยอ มบัญญตั นิ ิโรธนน้ั ไวในความสุข ขอนีน้ ้นั เพราะเหตไุ ร ขอน้นี นั้เปนอยางไร. ขอ นนั้ เปนฐานะทีจ่ ะมีได พวกปริพาชกอญั ญเดยี รถียผ ูมวี าทะอยา งนี้ พวกเธอพึงคา นอยา งน้ีวา. ดกู อ นผูมีอายทุ ง้ั หลาย พระผมู ีพระ-ภาคเจา ไมไ ดทรงหมายเอาสุขเวทนาบญั ญตั นิ โิ รธนัน้ ไวใ นความสุข บคุ คลยอมไดส ขุ ในฐานะใดๆ พระตถาคตยอมทรงบัญญตั ิฐานะนั้นๆ อนั เปน สุขไวใ นความสขุ ทกุ แหง ดังน.ี้ จบ ภิกขสุ ตู รที่ ๑๐ อรรถกถาภิกขสุ ูตรที่ ๑๐ สตู รที่ ๑๐ มเี นือ้ ความงายทั้งน้ัน จบ อรรถกถาภกิ ขสุ ตู รที่ ๑๐ จบ รโหคตวรรคท่ี ๒ รวมพระสตู รท่ีมใี นวรรคนี้ คือ ๑. รโหคตสูตร ๒. ปฐมวาตสูตร ๓. ทตุ ยิ วาตสตู ร ๔. นวิ าสสูตร๕.ปฐมอานนั ทสตู ร ๖. ทตุ ยิ อานันทสูตร ๗. ปฐมสัมพหุลสตู ร ๘. ทุติยสัมพหุลสูตร ๙. ปญจกังคสตู ร ๑๐. ภิกขุสูตร.
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 48 อัฏฐสตปริยายวรรคที่ ๓ ๑. สวิ กสตู ร วาดว ยสวิ กปรพิ าชกทลู ถามปญ หา [๔๒๗] สมยั หน่ึง พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระวหิ ารเวฬวุ ันกลันทกนวิ าปสถาน กรุงราชคฤห คร้งั น้นั แล โมฬยิ สวิ กปริพาชกเขา ไปเฝา พระผมู พี ระภาคเจาถึงท่ีประทบั ไดป ราศรยั กับพระผูมพี ระภาคเจาคร้นั ผานการปราศรัยพอใหระลึกถงึ กนั ไปแลว จึงนัง่ ณ ที่ควรสวนขางหนง่ึครัน้ แลวไดก ราบทูลพระผมู พี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระโคดมผูเจรญิ มีสมณพราหมณพ วกหนงึ่ มีวาทะอยไู หน มที ฏิ ฐอิ ยางน้วี า บุคคลนี้ไดเสวยสขุทุกข หรอื อทกุ ขมสุขอยางใดอยางหนง่ึ สขุ ทกุ ข หรืออทุกขมสขุ ทงั้ มวลนน้ั มกี ารกระทาํ ไวในปางกอ นเปนเหตุ กใ็ นขอ นที้ า นพระโคดมตรสัอยางไร. พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ตอบวา ดกู อนสวิ กะ เวทนาบางอยา งมดี ีเปน สมุฏฐานก็มี ยอ มเกดิ ขึน้ ในโลกนี้ ขอทเ่ี วทนาบางอยางซ่ึงมีดเี ปนสมุฏฐานเถดิ ขึ้นในโลกนี้ บคุ คลพึงทราบไดเองอยา งน้ีกม็ ี โลกสมมติวาเปนของจริงกม็ ี ในขอนน้ั สมณพราหมณเ หลาใดมีวาทะอยา งนี้ มีทฏิ ฐิอยางนี้วา บุคคลนีไ้ ดเสวยสุข ทกุ ข หรืออทกุ ขมสขุ อยา งใดอยางหนง่ึสขุ ทุกข หรอื อทุกขมสุขทง้ั มวลนน้ั มกี ารกระทําไวใ นปางกอนเปน เหตุยอ มแลน ไปสูส งิ่ ที่รูดวยตนเอง และแลนไปสสู ่งิ ทส่ี มมติกันวา เปนความจริงในโลก เพราะฉะนนั้ เรากลาววา เปนความผดิ ของสมณพราหมณเ หลานนั้เวทนาบางอยางมเี สมหะเปนสมฏุ ฐานก็มี ฯลฯ มลี มเปนสมุฏฐานกม็ ี ฯลฯ
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 49มีรวมกันเปนสมฏุ ฐานก็มี ฯลฯ เกิดแตเ ปลี่ยนฤดูก็มี ฯลฯ เกิดแตร ักษาตัวไมส มํา่ เสมอก็มี ฯลฯ เกดิ จากการถูกทาํ รา ยกม็ ี ฯลฯ เวทนาบางอยางเกดิแตผ ลของกรรมก็มี ยอมเกิดข้นึ ในโลกน้ี ขอ ทีเ่ วทนาบางอยา งซ่งึ เกิดแตผลของกรรมเกิดขึ้นในโลกน้ี บุคคลพึงทราบไดเ องอยา งน้ีกม็ โี ลกสมมติวาเปนของจรงิ กม็ ี ในขอ น้นั สมณพราหมณเหลาใดมีวาทะอยางนี้ มีทิฏฐิอยางนีว้ า บคุ คลนไ้ี ดเ สวยสุข ทุกข หรอื อทุกขมสุขอยางใดอยางหนึ่งสขุ ทกุ ข หรืออทุกขมสขุ ทง้ั มวลน้นั มีการกระทําไวในปางกอ นเปนเหตุยอมแลน ไปสูสิ่งทีร่ ูดว ยตนเอง และแลนไปสสู ่งิ ทส่ี มมตกิ ันวา เปนความจรงิในโลก เพราะฉะนนั้ เรากลา ววา เปน ความผิด ของสมณพราหมณเหลาน้ัน. [๔๒๘] เม่อื พระผูมพี ระภาคเจาตรัสอยา งน้แี ลว โมฬิยสิวกปรพิ าชกไดกราบทูลพระผูมพี ระภาคเจา วา ขา แตพ ระโคดมผูเจริญ ภาษติของพระองคแจม แจง นัก ขา แตพ ระโคดมผเู จรญิ ภาษิตของพระองคแจมแจงนกั ขอทานพระโคดมโปรดทรงจาํ ขาพระองคว าเปนอุบาสกผถู ึงสรณะจนตลอดชวี ติ ต้ังแตว ันนี้เปนตนไป. [๔๒๙] เรอ่ื งดี ๑ เสมหะ ๑ ลม ๑ ดี เสมหะ ลม รวมกัน ๑ ฤดู ๑ รักษาตวั ไมส มาํ่ เสมอ ๑ ถกู ทาํ รา ย ๑ ผลของกรรม ๑ เปนที่ ๘. จบ สวิ กสูตรที่ ๑
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 50 อรรถกถาอัฏฐสตปรยิ ายวรรคท่ี ๓ อรรถกถาสวิ กสตู รท่ี ๑ พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยในสิวกสตู รที่ ๑ แหงวรรคท่ี ๓ ดงั ตอ ไปน้ี บทวา สวิ โก ในบทวา โมฬิยสวิ โก เปน ชอ่ื ของปรพิ าชกนั้น. ก็จกุ ของปริพาชกนั้นมีอยู เพราะฉะน้ัน เขาจงึ เรียกวา สวิ กปรพิ าชกมีจุก.บทวา ปรพิ พฺ าชโก ไดแ ก ปริพาชกผูน ุง ผา บทวา ปตตฺ สมฏุ านานิไดแ ก มีดเี ปน ปจ จยั . บทวา เวทยิตานิ คอื เวทนา. เวทนา ๓ ยอ มเกิดขึน้ ในบุคคลน้ันเพราะดเี ปนปจ จัย. ถามวา อยางไร. ตอบวา ฝา ยบุคคลบางคนคดิ วา ดีของเรากาํ เริบแลว ก็แล ชวี ติ รไู ดย าก ยอ มใหท านสมาทานศลี กระทําอุโบสถกรรม. กศุ ลเวทนา ยอ มเกิดข้ึนแกบางคนน้นัดว ยอาการอยางนี้. สวนบางคนคดิ วา เราจักทาํ เภสชั แกดี ยอ มฆา สัตวลกั ทรัพย พดู เท็จ ยอมทาํ ทุสลี กรรม ๑๐ ก็ม.ี อกุศลเวทนา ยอ มเกดิ ขึ้นแกบางคนนนั้ ดว ยอาการอยางน้ี. แตบางคนมตี นเปนกลางวา ดีของเรายอมไมส งบดว ยการทาํ ยา แมป ระมาณเทาน้ี เรอื่ งยาน้ันพอกนั ที ยอมนอนอดกลั้นซ่ึงเวทนาทางกาย. อพั ยากตเวทนา ยอมเกดิ ข้นึ แกบ างคนนั้นดวยอาการอยางน.้ี บทวา สาม ป โข เอต ความวา บคุ คลเหน็ วิการแหงดีนั้น ๆ แลวก็พงึ ทราบเวทนานนั้ ไดด วยตน. บทวา สจจฺ สมฺมต คอื สมมตวิ าเปน จริงฝายชาวโลกเห็นวกิ ารแหง ดมี วี รรณะตางพรอ มเปน ตนทีส่ รีระของเขาแลวยอมรวู า ดีของเขากาํ เรบิ . บทวา ตสฺมา ความวา เพราะแลน ไปสูสิง่ ที่รดู วย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323