พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 1 พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลมท่ี ๓ขอนอบนอ มแดพระผมู ีพระภาคอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจาพระองคนน้ั ๑. ปาฏิกสูตร เรือ่ ง ปริพาชกภคั ควโคตร ทรงเลาเร่ือง สุนกั ขตั ตลจิ ฉวี[๑] ขาพเจา ไดส ดบั มาอยา งนี้ :- สมยั หนึ่ง พระผมู ีพระภาคประทับอยูทนี่ คิ มของชาวมลั ละชอ่ื อนุปย ะในแควนมลั ละ ครัง้ น้ันแล เวลาเชา พระผมู ีพระภาคทรงนุง หม แลว ถอื บาตรจีวร เสด็จเขา ไปบิณฑบาตยงั อนุปยนิคม.ลาํ ดบั น้นั พระผูม พี ระภาคไดทรงดาํ รวิ า ยงั เปนเวลาเชา นักที่จะเขา ไปบิณฑบาตยังอนุปยนิคม เราควรจะไปในอารามของปริพาชกชอื่ ภัคคว-โคตร เขาไปหาปริพาชกชอื่ ภัคควโคตร ลาํ ดับนัน้ พระผมู ีพระภาคไดเสด็จไปยังอาราม ของปรพิ าชกชอื่ ภคั คโคตร เขาไปหาปริพาชกชื่อภคั ควโคตร ปริพาชกช่ือภัคควโคตร ไดก ราบทลู เชญิพระผมู ีพระภาควา ขอเชญิ พระผมู พี ระภาคเสด็จมาเถิด พระเจาขาพระองคเสด็จมาดแี ลว เปน เวลานานนักทพี่ ระองคไ ดมีโอกาสเสดจ็
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 2มาแวะเวยี นเยย่ี มเยียนเชนน้ี ขอเชญิ ประทบั น่ัง น้ีคอื อาสนะทีจ่ ดั ไว.พระผูม พี ระภาคไดประทับน่งั บนอาสนะทจี่ ัดไวแลว. แมป ริพาชกชือ่ภคั ควโคตร ก็ถือเอาอาสนะตาํ่ ที่ใดทห่ี นึ่ง น่งั ณ ทส่ี มควรขา งหนง่ึไดก ราบทลู พระผูมีพระภาคดงั นี้วา ขาแตพระองคผูเจรญิ วนั กอนลวงมาหลายวันแลว พระโอรสเจาลิจฉวนี ามวา สุนักขัตตะไดเ ขา มาหาขา พระองคถ ึงทอี่ ยู แลว บอกขา พระองคอยางนว้ี า ดูกอ นภัคควะบดั นี้ ขา พเจา บอกคนื พระผูมพี ระภาคแลว ขา พเจาไมอ ยอู ทุ ศิ ตอ พระผูม พี ระภาคดงั น้ี ขาแตพ ระองคผเู จรญิ คําตามทพี่ ระโอรสเจา ลิจฉวีนามวา สนุ กั ขตั ตะกลาวนั้น เปนความจรงิ เชน น้นั หรอื พระเจาขา.พระผูมีพระภาคตรสั วา ดูกอ นภคั ควะ กเ็ ปนดงั ทีเ่ ขากลา วนนั่ แหละ ในวันกอ น ๆ เขาไดเ ขา มาหาเราถึงที่อยถู วายอภิวาทเราแลว นงั่ ณ สมควรขา งหนงึ่ . ไดทูลวา ขา แตพระองคผูเจริญ ขา พระองคข อบอกคนื พระผูมีพระภาค ขาพระองคจ ักไมอยูอุทศิ ตอ พระผูมพี ระภาค. เม่ือเขากลา วอยา งน้แี ลว เราจงึ ไดกลา ววา ดูกอ นสนุ ักขตั ตะ เราไดกลา วกะเธออยางนี้วา เธอจงอยอู ทุ ิศตอเรา ดังนี้ บางหรือ. สุนกั ขตั ตะตอบวา หามิได พระเจาขา. เราถามวา หรอื เธอไดกลาวกะเราอยา งนวี้ า ขาแตพ ระองคผูเจริญ ขา พระองคจ ักอยอู ุทิศตอพระผูมีพระภาค. เขาตอบวา หามไิ ด พระเจา ขา . เราถามวา ดูกอนสุนักกขตั ตะ เพราะเหตุท่เี ราไมไ ดก ลา วกะเธอวามาเถดิ สนุ ักขัตตะเธอจงอยูอุทศิ ตอเรา และเธอก็มิไดกลาวกะเธอวาขา แตพ ระองคผูเจรญิ ขาพระองค จกั อยูอ ทุ ิศตอพระมพี ระภาค ดกู อนโมฆบรุ ุษ เม่อื เปนเชนน้ี เธอเมอื่ บอกคืน จะชอ่ื วาบอกคนื ใครเลาเธอจงเหน็ วา การกระทาํ เชน นี้ เปน ความผดิ ของเธอเพยี งใด.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 3 [๒] สุนักขตั ตะ ไดทูลวา ขาแตพระองคผ ูเ จริญ ก็พระผมู ีพระภาคมไิ ดท รงกระทําอทิ ธปิ าฏิหารยิ ทีย่ ่ิงยวดกวาธรรมของมนุษย แกขาพระองคเ ลย. เรากลาววา ดกู อนนกั ขตั ตะ เราไดก ลา วกะเธออยางน้ีวามาเถดิ สุนักขตั ตะ เธอจงอยูอทุ ิศตอ เรา เราจะกระทําอิทธิปาฏิหาริยทย่ี ่งิ ยวดกวาธรรมของมนุษยแกเ ธอ ดังนี้ บา งหรือ. เขาทูลวา หามิได พระเจา ขา. เรากลาววา หรอื วาเธอไดกลาวกะเราอยา งน้วี า พระองคผูเจรญิ ขา พระองคจกั อยูอุทิศตอพระผูมพี ระภาค พระผมู พี ระภาคจกั ทรงทําอิทธปิ าฏิหาริยท ่ียิง่ ยวดกวาธรรมของมนุษยแ กขาพระองค. สุนกั ขตั ตะ ไดทลู วา หามิได พระเจาขา. เรากลา ววา ดูกอนสนุ กั ขตั ตะ เพราะเหตทุ เ่ี รามไิ ดก ลาวกะเธอวา มาเถิดสุนกั ขัตตะ เรอจงอยอู ทุ ิศตอ เรา เราจักกระทาํ อิทธ-ิปาฏิหารยิ ที่ย่ิงยวดกวาธรรมของมนุษยแกเธอ และเธอ กไ็ มไ ดก ลา ววา ขาแตพ ระองคผเู จริญ ขาพระองคจักอยูอุทิศตอพระผูม ีพระภาคพระผมู ีพระภาคจกั ทรงกระทาํ อทิ ธปิ าฏหิ าริย ทย่ี งิ่ ยวด กวา ธรรมของมนษุ ยแกข าพระองค ดูกอนโมฆบุรษุ เมอ่ื เปนเชน นี้ เธอเม่อื บอกคนื จะชอ่ื วาบอกคืนใครเลา . ดูกอ นสนุ กั ขัตตะ เธอจะสําคญั ความขอนน้ั เปน ไฉน คือเม่อื เราไดก ระทาํ อทิ ธปิ าฏิหารยิ ท ยี่ งิ่ ยวดกวา ธรรมของมนษุ ยก็ดี หรอื มไิ ดก ระทําก็ดี ธรรมท่ีเราไดแสดงไวแลว ยอมนําผปู ระพฤติใหส ิน้ ทุกขโดยชอบหรือ. เขาทลู วา ขา แตพ ระองคผูเจริญ เมอ่ื พระองคไ ดท รงทาํ อทิ ธิปาฏิหารยิ ที่ยง่ิ ยวดกวาธรรมของมนษุ ย หรือมิไดท รงกระทํากด็ ี ธรรมที่พระองคทรงแสดงไว ยอมนําผูประพฤติใหส้นิ ทุกขโ ดยชอบ พระเจา ขา . เรากลา ววา ดูกอ น
พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 4สนุ กั ขัตตะ เพราะเหตทุ ่เี มอ่ื เราไดกระทาํ อิทธิปาฏิหาริยที่ยง่ิ ยวดกวาธรรมของมนุษยห รือมไิ ดก ระทําก็ดี ธรรมทีเ่ ราไดแสดงไวย อมนาํ ผูประพฤตใิ หส ิน้ ทุกขโดยชอบ เพราะเหตนุ ัน้ เธอปรารถนาการทําอิทธิปฏิหารยิ ท ีย่ ง่ิ ยวดกวา ธรรมของมนษุ ยไปทําไม. ดูกอ นโมฆบรุ ุษเธอจงเหน็ วา การกระทําเชน นี้เปนความผิดของเธอเพียงใด. (๓) สุนกั ขตั ตะ ไดท ลู วา ขาแตพระองคผูเจรญิ พระผูม ีพระภาคมิไดทรงบัญญตั สิ ิง่ ทโี่ ลกสมมติวา เลศิ แกขาพระองคเ ลย. เรากลาววา ดูกอนสนุ ักขัตตะ เราไดก ลา วกะเธออยางนีว้ ามาเถดิ สนุ ักขตั ตะ เธอจงอยูอ ุทศิ เรา เราจกั บญั ญตั สิ ่งิ ท่ีโลกสมมตวิ าเลศิ แกเธอ ดงั น้ี บางหรือ. เขาทลู วา หามไิ ด พระเจา ขา. เรากลา ววา ดูกอ นสุนกั ขัตตะ เพราะเหตุทีเ่ รามิไดก ลา วกะเธอวา มาเถดิ สนุ กั ขตั ตะ เธอจงอยอู ุทศิ ตอเรา เราจกั บัญญตั ิสงิ่ ท่ีโลกสมมติวา เลศิ แกเธอ และเธอกม็ ิไดกลา วแกเ ราวา ขาแตพระองคผูเจรญิ ขาพระองคจ กั อยูอุทศิ ตอพระผมู ีพระภาค พระผมู ีพระภาคจักทรงบัญญตั ิส่งิ ทโี่ ลกสมมตวิ า เลิศแกเ ธอ ดูกอนโมฆบุรษุ เมอื่ เปน เชนนนั้ เธอเมอ่ื บอกคืน จะช่ือวาบอกคนื ใคร. ดกู อนสุนักขตั ตะเธอจะเขา ใจความขอ น้นั เปนไฉน คือเม่อื เราไดบญั ญัติสงิ่ ทโี่ ลกสมมติวาเลิศ หรือมไิ ดบ ัญญัตกิ ็ดี ธรรมท่เี ราไดแสดงไว ยอ มนําผปู ระพฤติใหสนิ้ ทุกขโ ดยชอบหรือ. เขาทลู วา ขาแตพ ระองคผเู จรญิ เมือ่ พระองคไดบญั ญัติสิ่งท่ีโลกสมมตวิ า เลศิ หรือมไิ ดบ ญั ญัตกิ ็ดี ธรรมท่ีพระองคแสดงไวยอมนําผูประพฤตใิ หส ้นิ ทกุ ขโดยชอบ.
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 5 เรากลา ววา ดกู อนสุนกั ขัตตะ เพราะเหตทุ ีเ่ มื่อเราไดบ ัญญตั ิสง่ิ ท่โี ลกสมมตวิ า เลศิ หรือมิไดบ ัญญัติก็ดี ธรรมท่ีเราไดแ สดงไว ยอ มนาํ ผปู ระพฤติใหสิน้ ทกุ ขโ ดยชอบเชน น้ี เธอจะปรารถนาการบัญญตั สิ ่ิงท่ีโลกสมมติวา เลศิ ไปทาํ ไม ดกู อ นโมฆบรุ ษุ เธอจงเหน็ วา การกระะทําเชน นเ้ี ปนความผดิ ของเธอเพียงใด. ดูกอนสุนกั ขัตตะ เธอไดส รรเสริญเราท่วี ชั ชีคาม โดยอเนกปรยิ ายวา แมเพราะเหตนุ ี้พระผมู ีพระภาคพระองคน ั้น เปน พระอรหันต ตรสั รเู องโดยชอบสมบรู ณวชิ ชาและจรณะ เสดจ็ ไปดแี ลว ทรงรแู จง โลก เปน สารถฝี ก บุรษุทค่ี วรฝก ไมมผี อู น่ื ย่ิงกวา เปน ศาสดาของเทวดาและมนษุ ยท ั้งหลายเปนผูเบิกบานแลว เปน ผจู ําแนกพระธรรมดังน้ี เธอไดสรรเสรญิพระธรรมท่วี ัชชคี ามโดยอเนกปริยายวาพระธรรมอันพระผูม ีพระภาคตรสั ดีแลว ผบู รรลุพงึ เห็นเอง ไมป ระกอบดวยกาล ควรเรียกใหดู ควรนอ มเขา ไปในตน อันผปู ฏิบัตพิ ึงรูเ ฉพาะตน ดังนี้ และเธอไดสรรเสริญพระสงฆท่วี ัชชคี าม โดยอเนกปริยายวาพระสงฆสาวกของพระผมู ีพระภาค เปนผูป ฏบิ ตั ิดี ปฏบิ ตั ิตรง ปฏบิ ตั เิ ปนธรรมปฏิบตั ิชอบ คอื คูบ รุ ุษ ๔ บรุ ษุ บุคคล ๘ นัน่ คอื พระสงฆส าวกพระผูมีพระภาค เปน ผคู วรรบั ของบูชา เปน ผคู วรรับของตอนรบั เปนผูควรรบั ของทําบญุ เปน ผคู วรทําอัญชลี เปนบญุ เขตของชาวโลกไมม ีเขตอ่ืนยิ่งกวา ดงั นี.้ สนุ ักขตั ตะเราขอบอกเธอ เราขอเตอื นเธอวา จักมผี กู ลาวตเิ ตียนเธอวา โอรสเจา ลิจฉวี ช่ือสนุ กั ขตั ตะ ไมสามารถประพฤติพรหมจรรยในพระสมณโคดม เมอ่ื เขาไมส ามารถไดบอกลาสิกขาเวยี นมาเพ่ือความเปน คนเลวดงั นี้. ดกู อ นภัคควะ โอรส-เจา ลิจฉวี ช่ือสุนกั ขัตตะ ถงึ แมถกู เรากลาวอยูอยา งน้ี ก็ไดห นจี ากธรรมวินยั น้ี เหมอื นสัตวท ีต่ กอบายนรกฉะนัน้ .
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 6กถาวาดว ยเรือ่ งอเจลกโกรกั ขัตตยิ ะ (๔) ดูกอนภัตควะ สมยั หนง่ึ เราอยูท่นี ิคมแหง ชาวถลู ูชื่อวา อุตตรกา ในถลู ชู นบท. คร้ังน้ันเปน เวลาเชา เรานงุ หมแลว ถือบาตรจีวร มีโอรสเจา ลจิ ฉวสี ุนกั ขตั ตะ เปนปจฉาสมณะเขา ไปบิณฑบาตทีอ่ ุตตรกานคิ ม. สมัยนั้น มนี กั บวชเปลอื ยคนหนง่ึช่ือวา โกรกั ขตั ตยิ ะ ประพฤติอยา งสุนขั เดนิ ดวยขอ ศอกและเขากนิ อาหารท่กี องบนพน้ื ดวยปาก. ดกู อ นภคั ควะ โอรสเจา ลิจฉวี สนุ ักขัตตะ ไดเ ห็นเขาจึงคิดวา สมณะเดนิ ดวยขอ ศอกและเขากินอาหารท่ีกองบนพ้นื ดว ยปาก เปนพระอรหันตทดี่ หี นอ. ครั้งนนั้ เราไดทราบความคิดในใจของโอรสเจาลิจฉวชี ื่อสุนกัขัตตะ ดว ยเจโตปริยญาณ จงึ กลาวกะเขาวา ดูกอนโมฆบุรุษ แมค นเชนเธอ ก็ยงั ปฏญิ าณตนวาเปนศากยบตุ รอยูห รือ. สุนักขัตตะ ไดฑลู วา ขา แตพ ระองคผูเจริญ ไฉนพระผูมีพระภาคจงึ ตรัสกะขาพระองคอยางนว้ี า โมฆบรุ ุษ แมค นเชน เธอ ก็ยงั ปฏญิ าณตนวา เปนศากยบตุ รหรือ. พระผมู ีพระภาคตรสั วาดูกอนสนุ ักขตั ตะ เธอไดเ หน็ นกั บวชเปลอื ยชอื่ โกรกั ขัตติยะนี้ ซงึ่ประพฤตอิ ยางสนุ ัข เดนิ ดวยขอ ศอกและเขา ใชป ากกนิ อาหารบนพ้ืนดิน แลว เธอไดคดิ ตอไปวา สมณะเดินดวยศอกและเขากินอาหารที่กองบนพ้นื ดว ยปาก เปนพระอรหันตท ่ีดีหนอมิใชหรือ.สนุ กั ขัตตะ ทลู วา ขาแตพระองคผ เู จรญิ เมอ่ื เปน เชนน้ี พระผมู ีพระภาคยงั หวงแหนความเปนพระอรหนั ตอยูหรือ. เรากลาววา ดูกอนโมฆบุรษุ เราไมไดหวงแหนความเปนพระอรหนั ต แตว า เธอไดเกิดทิฏฐิเลวทรามขึ้น เธอจงละมนั เสยี ทฏิ ฐิ เลวทราม นน่ัอยา ไดเ กิดมีข้นึ เพื่อไมเปน ประโยชนและเปน ทกุ ขแ กเ ธอ ชั่วกาล
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 7นาน นักบวชเปลอื ยชอ่ื โกรกั ขตั ติยะ ท่ีเธอสําคญั วาเปน สมณะอรหันตท่ีดีน้ันอีก ๗ วัน เขาจกั ตายดว ยโรคอลสกะ (โรคกนิ อาหารมากเกินไป) ครั้นแลว จักบงั เกดิ ในเหลาอสูรกาลกญั ชกิ า ซงึ่ เลวกวาอสรู กายทกุ ชนดิ และจักถกู นําไปท้ิงทปี่ าชา วรี ณัตถมั ภะ. และเม่อื เธอตองการทราบ พึงเขาไปถามโกรกั ขิตติยะ วา ทา นโกรักขตั ตยิ ะทา นทราบคติของตนหรอื ขอท่ีโกรักขัตติยะพึงตอบเธอวา สุนักขตั ตะขา พเจา ทราบคติของตนอยู คอื ขาพเจาไปเกดิ ในเหลา อสูรกาลกญั -ชกิ า ซ่ึงเลวกวาอสรู กายทกุ ชนดิ ดังน้ี เปน ฐานะท่ีมไี ด. ครงั้ นนั้โอรสเจา ลิจฉวชี ่ือสุนกั ขัตตะ ไดเขา ไปหาโกรักขัตติยะ บอกวาทา นโกรกั ขตั ติยะ ทา นถูกพระสมณโคดมพยากรณว า อกี ๗ วนัโกรักขตั ติยะ จักตายดวยโรคอลสกะ แลว จักบังเถดิ ในเหลาอสูร-กาลกญั ชกิ า ซึง่ เลวกวาอสุรกายทกุ ชนิด และจักถกู เขานาํ ไปทิง้ ทป่ี า ชาวรี ณัตถัมภะ ฉะนน้ั ทา นจงกนิ อาหารแตพอสมควร และดื่มนาํ้ แตพอสมควร จึงทําใหคําพูดพระสมณโคดมผิด ครัง้ น้ัน โอรสเจาลิจฉวสี นุ ักขตั ตะ ไดนบั วนั คืนตงั้ แตวันท่ี ๑ที่ ๒ ไปจนครบ ๗ วนั เพราะเขาไมเชอื่ พระตถาคต. ครง้ั นั้นนกั บวชเปลือยช่ือ โกรกั ขัตติยะ ไดตายดว ยโรคอลสกะในวันท่ี ๗แลว ไดไปเกดิ ในเหลา อสูรกาลกญั ชกิ า ซึง่ เลวกวา อสรุ กายทุกชนดิ และถกู เขานาํ ไปทิ้งไวท ปี่ า ชาชอื่ วา วีรณตั ถัมภะ โอรสเจาลจิ ฉวีสนุ กั ขตั ตะไดท ราบขาววา โกรักขดั ตอเจลกไดตายดว ยโรคอลสกะไดถกู เขานาํไปทงิ้ ท่ปี าชาวรี ณตั ถัมถะ จึงเขา ไปหาศพโกรกั ขิตติยะทีป่ าชาวีรณตักัมภะ ใชมอื ตบซากศพเขา ๓ คร้ัง ถามวา โกรกั ขตั ตยิ ะ ทานทราบคติของตนหรือ. ครั้งนั้น ซากศพโกรักขัตติยะ ไดลุกข้นึ ยืนพลางเอามือลบู หลงั ตนเองตอบวา สุนกั ขตั ตะผมู ีอายุ ขา พเจาทราบคติ
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 8ของตน ขาพเจา ไปบังเกิดในเหลา อสรู ชอื่ กาลกัญชิกา ซ่งึ เลวกวาอสรู กายทกุ ชนิดดังน้ี แลวลม ลงนอนหงาย อยู ณ ทีน่ ัน่ เอง. ดกู อนภคั ควะ คร้งั น้นั โอรสเจาลิจฉวีชอื่ สุนักขตั ตะไดเขามาหาเราถึงท่ีอยู ไหวแลว นง่ั ณ ทส่ี มควรขางหนึง่ . เราไดกลา วกะโอรสเจาลวิ ฉวีช่ือสุนกั ขัตตะผนู ง่ั เรยี บรอยวา ดูกอนสนุ ักขตั ตะเธอสําคญั ความขอนน้ั เปนไฉน วิบากนัน้ ไดม ีขนึ้ เชนดังที่เราพยา-กรณป รารภโกรกั ขัตตยิ ะไวต อ เธอมิใชม ีโดยประการอื่น. สุนกั ขัตตะ ทลู วา ขา แตพระองคผ เู จรญิ วิบากน้นั ไดมีขึน้ ดังทพ่ี ระผูมีพระภาคไดท รงพยากรณ โกรกั ขตั ตยิ ะไว แกข าพระองคม ิใชมี โดยประการอ่ืน. เรากลาววา เธอสาํ คญั ความขอนน้ั เปนไฉน เมือ่ เปน เชน น้ีอิทธปิ ฏิหารยท ี่ยงิ่ ยวดกวาธรรมของมนษุ ยชอ่ื วา เปนสงิ่ ที่เราไดแ สดงแลวหรือยงั . สุนักขัตตะทูลวา ขาแตพระองคผูเ จริญ พระองคแ สดงไวแลว แนน อน มิใชจ ะไมทรงแสดงกห็ าไม. เรากลาววา แมเมอื่ เปน เชน น้ี เธอยงั จะกวากะเราผแู สดงอทิ ธิปาฏหิ ารยิ ทยี่ ่ิงยวดกวา ธรรม ของมนษุ ยอยางนวี้ าขาแตพ ระองคผ ูเจริญ พระผูม ีพระภาคมไิ ดทรงแสดงอิทธิปฏหิ าริยท่ียอดเยี่ยมกวาธรรมของมนุษยแ กข า พระองค ดกู อนโมฆบรุ ุษ เธอจงเห็นวา การกระทาํ เชนนเี้ ปน ความผดิ ของเธอเพียงใด. ดกู อ นภัคคะ โอรสเจา ลิจฉวสี ุนักขตั ตะ เม่อื เรากลาวอยางน้ีไดห นจี ากพระธรรมวินัยน้ี เหมอื นสตั วผเู กิดในอบายและนรกฉะนั้นกถาวาดว ยเร่อื งอเจลกกฬารมัชฌกะ [๕] ดกู อนภคั ควะ สมยั หนึ่งเราอยูที่กฏู าคารศาลาในปา
พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 9มหาวัน ในเมืองเวสาลี สมยั น้นั นกั บวชเปลือยคนหนงึ่ ชือ่ กฬาร-มัชฌกะอยูท ่วี ชั ชีคามในเมอื งเวสาลี. เปน ผูเ ลิศดว ยลาภและยศ. เขาไดสมาทานขอ วตั ร ๗ ขอ คือ ๑. เราพึงเปลือยกาย ไมนงุ หมผา ตลอดชีวติ . ๒. เราพึงประพฤติพรหมจรรย ไมเสพเมถุนตลอดชวี ติ ๓. เราพึงด่มื สุราและบริโภคเน้อื สัตวดํารงชีพอยู ไม บรโิ ภคขาวและขนมตลอดชวี ิต. ๔. เราไมพึงลวงเกินอเุ ทนเจดีย ซงึ่ อยทู างทิศบรู พรเมือง เวสาล.ี ๕. เราไมพ งึ ลวงเกินโคตมเจดีย ซง่ึ อยทู างทิศทักษิณ เมืองเวสาลี. ๖. เราไมพึงลวงเกินสัตตมั พเจดีย ซึ่งอยูท างทิศปจ ฉิม เมืองเวสาลี. ๗. เราไมพ งึ ลว งเกนิ พหุปตุ ตกเจดยี อยูทางทิศอดุ ร เมอื งเวสาล.ี เพราะการสมาทานขอ วัตรท้ัง ๗ นี้ เขาจึงเปนผูเลิศดว ยลาภและยศ อยทู วี่ ชั ชคี าม. ครง้ั นนั้ โอรสเจาลิจฉวีสุนกั ขตั ตะ ไดเ ขา ไปหานักบวชเปลือยชือ่ กฬารมัชฌกะ แลว ถามปญหากะเขา. เขาถูกถามปญ หาแลว ไมส ามารถแกปญหาของโอรสเจาลิจฉวสี นุ กั ขตั ตะใหถูกตอ งได จึงแสดงความโกรธ โทสะ และความไมแ ชมชื่นใหป รากฏออกมา. ครัง้ น้นั โอรสเจา ลิจฉวชี อ่ื สนุ กั ขัตตะไดคิดวา ตนไดร ุกรานสมณะผเู ปนพระอรหนั ตทดี่ ี การกระทาํ เชนน้ันอยา ไดมแี กเรา เพอื่ไมเปนประโยชนเ กือ้ กูลและทกุ ขชว่ั กาลนาน. ครัง้ นั้น โอรสเจา ลิจฉวีช่อื สุนกั ขตั ตะไดเ ขามาหาเรา ถวายอภิวาท แลว นงั่ ณ ทีค่ วรขางหนึง่
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 10เราไดกลาวกะเธอผูน่ังเรียบรอ ยแลว วา ดกู อนโมฆบุรษุ แมค นเชนเธอ ก็ยังปฏิญาณตนเปนศากยบตุ รอยหู รือ. สุนักขัตตะทลู วา ขา แตพ ระองคผเู จรญิ ไฉนพระผูมพี ระภาคจึงตรัสกะขา พระองคอ ยา งนี้วา โมฆบรุ ุษ แมคนเชนเธอ กย็ งั ปฏิ-ญาณตนเปน ศากบตุ รอยหู รอื . เรากลา ววา สนุ ักขัตตะ เธอไดเ ขาไปหานกั บวชเปลือยช่อืกฬารมชั ฌกะแลว ถามปญ หากะเขา เขาถูกถามปญ หากลวั ไมสามารถแกป ญ หาของเธอใหถกู ตองได จงึ ไดแ สดงความโกรธ โทสะและความไมแ ชมชื่นออกมา เธอจึงไดค ิดวา ตนไดร ุกรานสมณะผูเปน พระอรหนั ต การรุกรานนนั้ อยา ไดมีแกเ รา เพอ่ื ไมเ ปนประโยชนเก้ือกลู และเพื่อทกุ ขช ั่วกาลนาน ดังนี้ มิใชหรอื . สุนักขตั ตะทูลวา ขา แตพระองคผ ูเจริญ ก็เมอ่ื เปนเชน น้ี พระผมู ีพระภาคกย็ ังหวงแหนความเปนพระอรหันตอ ยูหรอื . เรากลา ววา ดูกอนโมฆบุรุษ เรามไิ ดหวงแหนความเปนพระ-อรหนั ต แตว าเธอไดเ กดิ ทิฏฐิเลวทราม เธอจงละมนั เสีย ทฏิ ฐเิ ลวทรามน้ี อยา ไดเ กดิ ขึ้น เพือ่ ไมเ ปน ประโยชนแ ละความทกุ ขแ กเธอชว่ั กาลนาน. อน่งึ นักบวชเปลอื ยชื่อวา กฬารมชั ฌกะ ที่เธอสาํ คญั วาเปนสมณะผเู ปน พระอรหนั ตท ดี่ ีนนั้ ตอไปไมนาน เขาจกั กลบั นงุ หม ผามัภรรยากินขาวและขนม ลวงเกนิ เจดียท ี่มีอยใู นเมอื งเวสาลีท้งั หมดกลายเปนคนเส่ือมยศ แลวตายไป. ดูกอนภคั ควะ ตอ มาไมน านอเจลกกฬารมัชฌกะ ก็กลบั นุงหมุ ผา มีภรรยา กนิ ขา วและขนมลวงเกินเจดยี ที่มอี ยูใ นเมืองเวสาลีทั้งหมด กลายเปน คนเสอ่ื มยศแลว ตายไป. โอรสเจาลิจฉวีสนุ กั ขัตตะไดท ราบขา ววา อเจลกช่อื
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 11กฬารมชั ฌกะ กลับนุงหม ผา มภี รรยา กินขาวและขนม ลว งเกนิเจดียท ่มี ีอยูใ นเมอื งเวลาลที ั้งหมด กลายเปน คนเสือ่ มยศ แลว ตายไป จงึ ไดเขามาหาเรา ถวายอภิวาทแลว น่งั ณ ทสี่ มควรขางหนึ่ง. เราจงึ กลา วกะเขาผนู ่ังเรยี บรอยแลว วา ดูกอนสนุ กั ขัตตะเธอสาํ คญั ความขอ น้ันเปนไฉน วิบากนั้น ไดม ขี น้ึ เชน ดงั ทเี่ ราไดพยากรณอ เจลกช่อื กฬารมชั ฌกะไวแ กเ ธอ มใิ ชม ีโดยประการอืน่ . สุนกั ขัตตะทลู วา ขา แตพระองคผ เู จริญ วิบากนน้ั ไดม ีขน้ึ ดังท่ีพระผมู ีพระภาคไดท รัพยากรณอเจลกชอื่ วา กฬารมชั ฌกะไวแ กข าพระองคมิใชมโี ดยประการอน่ื . เรากลาววา เธอสําคัญความขอนน้ั เปน ไฉน เมอื่ เปน เชน นี้อิทธปิ าฏิหารยิ ทย่ี ิง่ ยวดกวา ธรรมของมนุษย ชอ่ื วา เปนสิ่งทเ่ี ราไดแสดงไวแลว หรือยงั . สุนกั ขัตตะทูลวา ขาแตพระองคผเู จรญิ พระองคท รงแสดงแลวแนน อน มิใชจ ะไมท รงแสดงกห็ าไม. เรากลา ววา แมเ มอ่ื เปนเชนนี้ เธอยังจะกลา วกะเราผแู สดงอิทธิปาฏิหาริยที่ยงิ่ ยวดกวา ธรรมของมนุษยอ ยา งนี้วา ขา แตพระองคผูเจรญิ พระผูมีพระภาคมไิ ดแสดงอทิ ธิปาฏหิ ารยิ ท ี่ย่ิงยวดกวา ธรรมของมนุษยแ กขาพระองค ดกู อนโฆษบรุ ษุ เธอจงเหน็ วา การกระทําเชนนเี้ ปน ความผดิ ของเธอเพยี งใด. ดกู อนภัคควะ โอรสเจาลจิ ฉวชี ื่อสนุ ัก-ขัตตะ ถูกเรากลาวอยอู ยางนี้ ไดหนีไปจากธรรมวนิ ัยนี้ เหมือนสัตวผ ูเกดิ ในอบายและนรกฉะนน้ั . กถาวาดว ยเรอ่ื งอเจลกปาฏกิ บุตร [๖] ภคั ควะ สมยั หนึง่ เราอยทู ี่ภูฏาคารศาลาในปามหาวันในเมืองเวสาลนี ั่นเอง. สมยั น้นั นกั บวชเปลือยชอ่ื ปาฏิกบุตร อาศัยอยทู วี่ ชั ชีคาม
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 12ในเมืองเวสาลี เปนผูมลี าภและยศเลิศ. เขากลาววาจาในบริษทั ท่ีเมอื งเวสาลีอยา งนว้ี า แมพระสมณโคดม กเ็ ปนญาณวาทะ แมเราก็เปน ญาณ-วาทะ อนงึ่ ระหวางผมู ญี าณวาทะทัง้ สองฝายนั้น ควรจะไดแ สดงอทิ ธิปา-ฏิหารยทีย่ ิ่งกวา ธรรมของมนษุ ย พระสมณโคดม พงึ เสด็จไปกง่ึ หนทาง แมเราก็พงึ ไปกึง่ หนทาง ในทพ่ี บกนั นน้ั แมเ ราท้ังสอง พงึ ทาํ อิทธิปาฏหิ าริยทยี่ ง่ิ ยวดกวาธรรมของมนุษย ถา พระสมณโคดมจกั ทาํ อิทธิปาฏหิ าริยท่ยี งิ่ยวดกวาธรรมของมนุษย ๑ อยาง เราจะทํา ๒ อยาง ถาพระสมณโคดมจักทรงกระทาํ ๒ อยา ง เราจักทํา ๔ อยา ง ถาพระสมณโคดมจักทํา ๔ อยา งเราจะทํา ๘ อยา ง พระสมณโคดมจกั ทําเทาใด ๆ เราก็จกั ทาํ ใหมากกวาน้นั เปน ทวคี ณู . โอรสเจา ลจิ ฉวชี ื่อสนุ กั ขัตตะทราบขาวนัน้ จึงเขามาหาเรา ถวายอภวิ าทแลวน่ัง ณ ทค่ี วรขางหนง่ึ กลา วกะเราวา ขาแตพ ระ-องคผูเ จรญิ นกั บวชเปลอื ยชื่อปาฏิกบตุ รอาศยั อยทู ีว่ ชั ชคี ามในเมืองเวสาลี มีลาภและยศเลศิ เขากลาววาจาในบรษิ ัทท่เี มืองเวสาลีอยา งนว้ี า แมพระสมณโคดมเปนญาณวาทะ แมเราก็เปนญาณวาทะระหวางผูมีญาณวาทะท้งั สองฝายน้นั ควรแสดงอิทธปิ าฏิหารยิ ท ่ียิ่งยวดกวาธรรมของมนษุ ย พระสมณโคดมไปไดกงึ่ ทาง ทางกไ็ ปไดก่ึงทาง ในท่ีพบกนั นั้น แมเ ราทั้งสองพึงกระทาํ อทิ ธปิ าฏหิ าริยท ีย่ ิง่ ยวดกวาธรรมของมนุษยถา พระสมณโคดมทรงทาํ อทิ ธปิ าฏิหารยิ ทยี่ ิ่งยวดกวาธรรมของมนษุ ย ๑ อยางเราจะทาํ ๒ อยาง ถา พระสมณโคดมจกั ทาํ ๒ อยาง เราจะทาํ ๔ อยา งถาพระสมณโคดมจักทาํ ๔ อยาง เราจะทาํ ๘ อยาง พระสมณโคดมจะทําเทาใด ๆ เราจะทําใหม ากกวา นน้ั เปน ทวคี ูณ. เมือ่ โอรสเจาลจิ -ฉวีช่อื สนุ ักขัตตะกลา วอยางน้ี เราไดก ลาวกะเขาวา ดูกอนสุนักขตั ตะนกั บวชเปลือยชอ่ื ปกฏิกบุตร เมื่อไมล ะวาจา จิต และสละคนื ทิฏฐิเชน นัน้ กไ็ มสามารถทจี่ ะมาพบเห็นเราได ถา แมเขาพึงคดิ เห็นอยางนี้
พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 13วา เราไมล ะวาจา จิต และสละคืนทิฏฐิเชน น้นั กพ็ งึ ไปพบเหน็ พระสมณโคดมได ดังน้ี แมศรี ษะเขาจะพึงแตกออก. สุนกั ขตั ตะ ทลู วา ขา แตพ ระองคผ เู จริญ ขอพระผมู พี ระภาคทรงรกั ษาพระวาจานัน้ ขอพระสุคตทรงรักษาพระวาจานัน้ . เรากลา ววา ดูกอนสนุ ักขตั ตะ ก็ ไฉนเธอจงึ กลาวกะเราอยา งนว้ี า ขาแดพ ระองคผ เู จริญ ขอพระผูมีพระภาคทรงรักษาพระวาจานั้นขอพระสคุ ตทรงรักษาพระวาจาน้นั . สุนกั ขตั ตะทูลวา ขาแตพระองคผเู จรญิ เพราะพระผมู ีพระภาคตรสั วาจาโดยแนนอนวา นักบวชเปลอื ยชอื่ ปาฏกิ บตุ ร เมื่อไมล ะวาจาจิตและสละคืนทิฏฐิเชนนน้ั ก็ไมส ามารถจะมาพบเห็นเราได แมถ าเขาพงึ คิดเห็นอยา งนวี้ า เราไมล ะวาจา จิต และสละคืนทฏิ ฐิเชน น้นั กพ็ ึงไปพบเห็นพระสมณโคดมได ดังนี้ แมศ ีรษะเขาพงึ แตกออก ดงั นี้ ขาแตพระองคผ ูเจริญ ก็นกั บวชเปลอื ยชอ่ื ปาฏกิ บตุ ร อาจแปลงรปู มาพบเห็นพระผมู พี ระภาคก็ได พระดํารัสเชน น้ันของพระผูม ีพระภาคก็เปน มสุ า. เรากลา ววา ดูกอนสุนกั ขตั ตะ ตถาคตเคยกลา ววาจาที่เปนสองไวบางหรือ. สุนกั ขัตตะ ทลู วา ขาแตพ ระองคผเู จริญ ก็พระผูมีพระภาคทรงทราบ นกั บวชเปลอื ยชือ่ ปาฏกิ บตุ รโดยแจง ชดั ดว ยพระหฤทัยวา เขาเมอื่ ไมล ะวาจา จติ และสละคนื ทฏิ ฐเิ ชน นน้ั กไ็ มสามารถทจ่ี ะมาพบเห็นเราได ถาแมเขาพงึ คิดเห็นอยางนว้ี า เราไมละวาจา จติ และสละคืนทิฏฐเิ ชน น้นั ก็พึงไปพบเหน็ พระสมณโคดมได ดงั น้ี แมศ ีรษะเขาจะพึงเตกออกหรอื เทวดามาทลู ความนน้ั แดพระผมู พี ระภาควา เขาเมอื่ ไมละวาจา จิต ละสละคืนทิฏฐิเชน นั้น กไ็ มส ามารถท่จี ะมาพบเหน็พระองคไ ด แมถา เขาพงึ คดิ เห็นอยางไรวา เราไมล ะวาจา จิต สละสละ
พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 14คนื ทฏิ ฐเิ ชน นน้ั ก็พึงไปพบเห็นพระสมณโคดมได ดังนี้ แมศรี ษะของเขาจะพึงแตกออก. เรากลา ววา ดูกอ นสุนกั ขตั ตะ เราทราบนักบวชเปลือยชอื่ ปาฏกิ บุตร โดยแจง ดวยใจของเราวา เขาไมล ะวาจา จิต และสละทฏิ ฐิเชน น้ัน จึงไมสามารถมาพบเห็นเราได ถา แมเขาพงึ เห็นอยางนว้ี าเราไมล ะวาจา จติ ละสละคืนทฏิ ฐเิ ชนนน้ั กพ็ ึงไปพบเห็นพระสมณโคดมไดดงั นี้ แมศีรษะเขาจะพึงแตกออก แมเทวดากไ็ ดบ อกความนนั้ แกเ ราวา เขาเมอ่ื ไมล ะวาจาน้นั ฯลฯ แมศ รี ษะเขาจะพงึ แตกออก. แมเสนาบดเี จา ลิจฉวีชอ่ื อชติ ะ ซึ่งไดต ายไปเมอื่ เร็ว ๆ นี้ ไดไ ปเกดิ ในหมเู ทวดาชนั้ ดาวดึงสก ็ไดเ ขามาบอกเราอยางนี้วา นกั บวชเปลอื ยช่ือปาฏกิ บุตรเปน คนไมล ะอายชอบกลา วมสุ า ท้งั ไดพ ยากรณข า พระองควา เสนาบดแี หงเจา ลิจฉวีช่ืออชิตะ ในวัชชคี าม ไดเ กิดในมหานรก แตขาพระองคม ไิ ดเกดิ ในมหานรก ไดเกดิ ในหมเู ทวดาชนั้ ดาวดงึ ส เขาไมล ะอาย ชอบพูดมุสา เขาเมอื่ ไมละวาจา จิต ละสละคนื ทฏิ ฐิเชนนัน้ กไ็ มสามารถจะพบเหน็ พระองคได แมถ าเขาพึงคดิ เห็นอยางนวี้ า เราไมละวาจา จิต และสละคืนทิฏฐิเชน นั้น ก็พงึ ไปพบเหน็ พระสมณโคดมได ดงั นี้ แมศีรษะของเขาจะพึงแตกออก. แมเ พราะเหตนุ ี้แล เราทราบ นกั บวชเปลือยชอื่ ปาฏิกบุตรโดยแจง ชัดดวยใจของเราวา เขาไมละวาจา จติ สละสละคืนทฏิ ฐเิ ชนนัน้ ไมค วรมาพบเหน็ เรา ถาแมเขาพงึ คิดเห็นอยา งนี้วา เราไมล ะวาจาจิตและสละคืนทิฏฐิเชนน้นั กพ็ ึงไปพบเห็นพระสมณโคตมไดด งั น้ี ศีรษะเจรญิ นกั บวชเปลอื ยชอื่ ปาฏิกบตุ ร ไมละวาจา จติ และสละคนื ทฏิ ฐเิ ชนน้นั ไมควรมาพบเห็นพระผมู ีพระภาค ถาแมเขาพงึ มีความคิดเห็นอยางนว้ี า เราไมละวาจา จติ ละสละคนื ทฏิ ฐเิ ชน น้ัน พึงไปพบเห็นพระ
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 15สมณโคดมไดด งั น้ี แมศรี ษะเขาพงึ แตกออก. ดูกอ นสนุ ักขตั ตะ เรานี้แลเทีย่ วไปบิณฑบาตทเี่ มอื งเวสาลี กลับจากบณิ ฑบาตในเวลาปจฉาภตั แลวเขาไปยงั อารามของนกั บวชเปลอื ยชอ่ื ปาฏกิ บุตร เพ่อื พกั ผอนกลางวัน บดันถ้ี าเธอปรารถนาก็จงบอกเขาเถิด. [๗] ภคั ควะ คร้ังนั้นเปน เวลาเชา เรานุงหม แลว ถอื บาตรจีวรเขา ไปบิณฑบาตท่เี มอื งเวสาลี กลบั จากบณิ ฑบาตในเวลาปจฉาภตั แลวเขาไปยงั อารามของนกั บวชเปลือยชอื่ ปาฏกิ บตุ ร เพือ่ พกั ผอ นกลางวนั .ครง้ั นนั้ โอรสเจา ลิจฉวีสนุ กั ขัตตะ รบี เขา ไปเมอื งเวสาลีแลว เขา ไปพวกเจา ลจิ ฉวีทีม่ ีขอ เสยี งบอกวา ทานผูเจรญิ พระผูม พี ระภาคเสด็จเขาไปบณิ ฑบาตทเี่ มืองเวสาลี กลบั จากบณิ ฑบาตไมเ วลาปจ ฉาภตัแลวเสด็จเขา ไปยงั อารามของนกั บวชเปลือย ชื่อปาฏิกบตุ รเพอ่ื ทรงพักผอนกลางวนั ขอพวกทา นจงรีบออกไป จกั มกี ารแสดงอิทธิปาฏิหารยิ ท ่ีย่งิ ยวดกวา ธรรมของมนุษย ของพวกสมณะที่ดี. ครงั้ นน้ั พวกเจา ลิจฉวผี ูมีชอ่ื เสยี งไดค ดิ กันวา ทานผูเ จริญ ทราบขาววา จักมกี ารแสดงอทิ ธปิ าฏิหาริยที่ยิง่ ยวดกวา ธรรมของมนษุ ย ของพวกสมณะท่ดี ี ฉะน้ันเชิญพวกเราไปกนั . และโอรสเจาลิจฉวสี นุ กั ขัตตะเขาไปหาพวกพราหมณมหาศาล คฤหบดีผูม่งั คง่ั เหลา เดียรถียตา ง ๆ และสมณ-พราหมณผ ูมชี ื่อเสียง แลวบอกวา ทา นผเู จริญ พระผูมีพระภาคเสด็จเขาไปบิณฑบาตทีเ่ มอื งเวสาลี กลบั จากบณิ ฑบาตในเวลาปจ ฉาภตั แลว เสด็จเขาไปยงั อารามของอเจลกปาฏกิ บตุ ร เพือ่ ทรงพักผอ นกลางวัน ขอพวกทานจงรีบออกไป จักมีการแสดงอิทธิปาฏหิ ารยิ ทย่ี ิ่งยวดกวา ธรรมของมนษุ ย ของพวกสมณะทด่ี ี คร้งั นัน้ พวกพราหมณม หาศาล คฤหบดีผูมัง่ ค่ัง เหลาเดยี รถยี ตาง ๆ และสมณพราหมณผมู ีชือ่ เสยี ง ไดค ิดกันวา ทานผเู จริญทราบขา ววา จกั มีการแสดงอทิ ธิปาฏหิ าริยท ีเ่ ปน ธรรมยอดเยย่ี มของ
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 16พวกสมณะท่ดี ี ฉะนน้ั เชญิ พวกเราไปกัน. คร้ังนนั้ พวกเจา ลจิ ฉวีผมู ีช่อื เสียง และพราหมณม หาศาล คฤหบดีผมู ่งั คั่ง เหลาเดียรถยี ต าง ๆ และสมณพราหมณผ ูม ีชอ่ื เสยี งไดเ ขา ไปยงัอารามของนักบวชเปลอื ยชอื่ ปาฏกิ บุตร. ดกู อ นภัคควะ บริษทั นั้น ๆ มีหลายรอ ย หลายพันคน. นกั บวชเปลอื ยช่ือปาฏกิ บุตรไดทราบขา ววาบรรดาเจา ลจิ ฉวีผมู ีชือ่ เสยี งและพราหมณมหาศาล คฤหบดีผูมงั่ ค่งั เหลาเดยี รถยี ต า ง ๆ และสมณพราหมณม หาศาล คฤหบดีผมู ัง่ คัง่ เหลาพระสมณโคดมกท็ รงน่งั พกั ผอนทีอ่ ารามของเรา. คร้ันแลว จึงเกดิ ความกลัวความหวาดเสียว ขนพอง สยองเกลา . คร้งั น้นั นกั บวชเปลอื ยชอ่ืปาฏกิ บตุ ร เมอ่ื กลัว หวาดเสียว ขนพองสยองเกลา จงึ เขาไปยังอารามของปรพิ าชกชื่อติณฑุกขาน.ุ บรษิ ัทนน้ั ไดทราบวา นักบวชเปลือยชอ่ืปาฏกิ บตุ รกลวั หวาดเสียว ขนพองสยองเกลา เขา ไปยังอารามของปร-ิพาชกชอื่ ติณฑุกขาน.ุ คร้ังนน้ั บริษทั นน้ั ไดเรยี กบรุ ุษคนหน่ึงมาส่งั วา ดูกอนบุรุษผูเจรญิ ทานจงเขาไปหานักบวชเปลือยช่ือปาฏิกบุตรที่อารามของปรพิ า-ชกชอ่ื ติณฑกุ ขานุ แลวจงบอกกะเขาอยางน้วี า ทานปาฎิกบตุ ร ทานจงกลับไป บรรดาเจา ลิจฉวผี มู ีชือ่ เสยี ง และพราหมณมหาศาล คฤหบดผี ูม่ังคง่ั เหลาเดยี รถียตา ง ๆ และพระสมณโคดมกป็ ระทับน่งั พกั ผอ นกลางวนัที่อารามของทาน อนึง่ ทานไดกลา วในบรษิ ทั ทเ่ี มืองเวสาลีอยา งน้วี า แมพระสมณโคดมก็เปน ญาณวาทะ แมเรากเ็ ปนญาณวาทะ อนง่ึ ระหวางผเู ปนญาณวาทะทั้งสองฝายควรแสดงอิทธปิ าฏิหารยิ ท่ีย่ิงยวดกวาธรรมของมนษุ ยพระสมณโคดมพึงเสด็จมากง่ึ หนทาง แมเรากพ็ ึงไปก่ึงหนทาง ในทพ่ี บกันนนั้ แมเราท้ังสอง พึงทาํ อทิ ธปิ าฏิหาริยทยี่ อดเยีย่ มกวา ธรรมของมนุษย ถาพระสมณะโคดมจกั ทรงกระทําอิทธิปาฎหิ ารยิ ที่เปนธรรมยอดเย่ียมของมนษุ ย
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 17๑ อยา ง เราจักกระทํา ๒ อยา ง ถา พระสมณโคดมจกั ทรงกระทาํ ๒ อยา งเราจะทํา ๔ อยา ง ถาพระสมณโคดมจักทาํ ๔ อยา ง เราจะทาํ ๘ อยา งพระสมณโคดมจกั ทําเทา ใด ๆ เรากจ็ ะทําใหม ากกวา นั้น เปน ทวคี ณูดงั นี้ ทานปาฏกิ บุตร ทานจงออกไปกึง่ หนทาง พระสมณโคดมเสดจ็มากอนภคั ควะ บรุ ษุ นนั้ รับคาํ สัง่ บรษิ ัทนน้ั แลว จึงเขาไปหานกั บวชเปลอื ยดกู อนภคั ควะ บรุ ุษนนั้ รับคาํ สั่งบริษัทน้ันแลว จึงเขาไปหานักบวชเปลอื ยชือ่ ปาฎกิ บุตรที่อารามของปรพิ าชกช่ือตณิ ฑุกขานุ แลว บอกะเขาอยา งน้ีทานปาฏิกบุตร ทา นจงกลับไป พวกเจา ลิจฉวีผูมีช่อื เสยี ง และพราหมณมหาศาลคฤหบดีผูม่ังค่งั เหลา เดียรถียตา ง ๆ และสมณพราหมณผ มู ีชือ่ เสยี งไดพ ากนั ออกมาแลว แมพระสมณโคดมก็ประทบั นัง่ พักผอนกลางวันท่อี ารามของทา น อน่ึงทานไดกลา ววาจาในท่บี ริษทั เมืองเวสาลีอยา งน้วี า แมพระสมณโคดมกเ็ ปนญาณวาทะ แมเรากเ็ ปน ญาณวาทะ อน่ึงระหวา งผูเปน ญาณวาทะทั้งสองฝาย ควรแสดงอิทธิปาฏ-ิหารยิ ท ่ีย่งิ ยวดกวา ธรรมของมนุษย พระสมณโคดมพึงเสดจ็ มาก่งึ หนทางแมเรากพ็ ึงไปกง่ึ หนทางในท่ีพบกันน้ัน แมเราทั้งสอง พึงทาํ อทิ ธปิ าฏ-ิหาริยทย่ี อดเย่ียมกวา ธรรมของมนษุ ย ถา พระสมณะโคดมจักทรงกระทาํอทิ ธปิ าฏหิ าริยท เ่ี ปน ธรรมยอดเยี่ยมของมนุษย ๑ อยาง เราจะทาํ ๒อยาง ถาพระสมณโคดมทรงกระทํา ๒ อยาง เราจะทํา ๔ อยา งถา พระสมณโคดมจักทรงกระทํา ๔ อยา ง เราจะทาํ ๘ อยา ง พระ-สมณโคดมจะทรงกระทําเทาใด ๆ เราก็จักกระทําใหมากกวา นั้นเปน ทวีคณู ๆ ดังนี้ ทา นปาฎิกบตุ ร ทา นจงออกไปกึ่งหนทาง พระสมณโคดมเสดจ็ มากอนคนทง้ั ปวงทเ่ี ดียวประทับน่งั พักผอนกลางวนั ท่อี ารามของทาน. เมือ่ บรุ ษุ น้ันกลาวอยา งน้ีแลว นกั บวช
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 18เปลอื ยชื่อ ปาฏิกบุตร จึงกลา ววา เราจะไป ๆ แลว ซบศรี ษะอยใู นที่นน่ั เอง ไมอ าจลกุ ขึ้นจากอาสนะได. ครั้งนน้ั บรุ ษุ น้ันไดกลาวกะเขาวา ทานปาฏกิ บุตร ไฉนทานจงึ เปนอยางนี้ ตะโพกของทานตดิ กะท่นี ั่ง หรอื วาที่นงั่ ตดิ กบั ตะโพกของทา น ทา นกลาววา เราจะไป ๆ แตก ลบั ซบศีรษะอยใู นท่นี ้ันเองไมอ าจลกุ ข้ึนจากอาสนะได. ดกู อ นภคั ควะ นกั บวชเปลอื ยชื่อ ปาฏิกบุตร แมถ กูวา อยูอยางน้ี กย็ งั กลา ววา เราจะไป ๆ แลวก็ซบศีรษะอยูในทีน่ ัน้ เอง ไมอาจลกุ ขน้ึ จากอาสนะได. เมอ่ื บรุ ุษนั้นไดท ราบวา อเจลกปาฎิกบตุ รนีเ้ ปนผูแพแ ลว กย็ งั กลาววา เราจะไป ๆ แลว กซ็ บศรี ษะอยูใ นท่ีนน้ั เองไมอ าจลกุ ข้นึ จากอาสนะได จึงกลบั มาหาบริษัทนัน้ แลว บอกวา ทา นผูเจรญิ นกั บวชเปลอื ยชอื่ ปฏิกบตุ รนี้ เปน ผูแพแลว กย็ ังกลาววา เราจะไป ๆ แลว ก็ซบศรี ษะอยใู นทีน่ ้ันเอง ไมอ าจลกุ ขึ้นจากอาสนะได. กอ นภคั ควะ เมือ่ บรุ ษุ น้ันกลาวอยา งนี้ เราจงึ ไดก ลาวกะบริษทัน้ันวา ทา นทง้ั หลาย นักบวชเปลอื ยชือ่ ปาฏิกบุตร เมอื่ ไมล ะวาจา จิตสละคืนทิฏฐิเชนน้นั ก็ไมสามารถทจ่ี ะมาพบเหน็ เราได แมถาเขาพงึ มีความคดิ อยา งนวี้ า เราไมล ะวาจา จิต และสละคืนทฏิ ฐเิ ชน นั้น ก็พงึ ไปพบเหน็ พระสมฌโคดมได ดังนี้ แมศ ีรษะเขาจะพึงแตกออก. ปฐมภาณวาร จบ [๘] ดูกอ นภคั ควะ ครัง้ นนั้ มหาอาํ มาตยเจาลิจฉวคี นหนง่ึ ลกุขน้ึ ยนื ไดก ลา วกะบริษัทนน้ั วา ทา นผเู จรญิ ถา เชนนัน้ ขอใหพ วกทา นรอคอยสกั ครูหน่งึ ขอใหขา พเจาไป บางที ขา พเจา อาจนําเอานกั บวชเปลือยชอ่ื ปาฏกิ บตุ ร มาบรษิ ทั นี้ได ครั้งนน้ั มหาอํามาตยแ หง เจาลิจฉวีคนนัน้ จงึ เขา ไปหานกั บวชเปลอื ยชอ่ื ปาฏกิ บตุ ร ที่อารามของปรพิ าชกชอ่ืตณิ ฑกุ ขานุ กลาววา ทา นปาฏิกบุตร ทานจงกลบั ไป การกลบั ไปของทา น
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 19เปนการดี พวกเจา ลจิ ฉวีผูมีชื่อเสยี ง และพราหมณม หาศาล คฤหบดีผมู ั่งคงั่ เหลาเดียรถียตา ง ๆ และสมณพราหมณผ ูมีชื่อเสยี งไดพากันออกมาแลว แมพระสมณโคดมกป็ ระทับนั่งพักผอนกลางวันที่อารามของทานอนง่ึ ทานไดก ลา ววาจาในบรษิ ัทท่ีเมืองเวสาลีอยางนีว้ า แมพ ระสมณะโคดมกเ็ ปน ญาณวาทะ แมเราก็เปน ญาณวาทะอน่ึง ระหวา งผเู ปน ญาณวาทะท้งั สองฝาย ควรแสดงอทิ ธิปาฏิหารยิ ท่ียิง่ ยวดกวาธรรมของมนษุ ย พระ-สมณโคดมพึงเสดจ็ มากึ่งหนทาง แมเ ราก็พงึ ไปก่งึ หนทาง ในทพ่ี บกนั น้ันแมเราทัง้ สอง พงึ ทําอิทธปิ าฏหิ ารยิ ท ี่เปน ธรรมยอดเยยี่ มของมนุษย ถาพระสมณโคดมจกั ทรงทําอทิ ธปิ าฏิหารยิ ทเี่ ปน ธรรมยอดเยยี่ มของมนุษย ๑อยาง เราจะทาํ ๒ อยา ง ถา พระสมณโคดมจะทรงกระทํา ๒ อยา ง เราจะทํา ๔ อยา ง ถา พระสมณโคดมจะทรงทาํ ๔ อยา ง เราจะทาํ ๘ อยางพระ-สมณโคดมจะทรงทาํ เทา ใด ๆ เราจะทาํ ใหม ากกวานน้ั เปนทวีคณู ๆ ดงั น้ีทา นปาฎกิ บตุ ร ทา นจงออกไปก่ึงหนทาง พระสมณโคดมเสด็จมากอนคนท้ังปวงทเี ดยี วประทับน่ังพกั ผอ นกลางวันทอ่ี ารามของทาน อนง่ึ พระสมณโคดมไดตรสั วาจาในบริษทั วา นักบวชเปลอื ยชอื่ ปาฏิกบตุ รเมือ่ ไมล ะวาจา จิต และสละคืนทิฏฐิเชน นั้น ก็ไมสามารถท่ีจะมาพบเห็นเราได ถา แมเขาพึงคดิ เห็นอยางน้วี า เราไมละวาจา จิต และสละคืนทฏิ ฐเิ ชน นน้ั กพ็ งึ ไปพบเห็นพระสมณโคดมได ดังน้ี แมศรี ษะของเขาจะพงึ แตกออก ดงั นั้น ทานปาฏิกบุตร ทานจงกลับไป ดวยการกลับไปนั่นแหละ พวกขา พเจาจักใหช ยั ชนะแกทาน จกั ใหค วามปราชัยแกพระสมณโคดม. ดูกอนภคั ควะ เมอ่ื มหาอาํ มาตยแ หง เจา ลจิ ฉวกี ลาวอยา งน้ีนกั บวชเปลอื ยชื่อ ปาฏกิ บุตร จึงกลา ววา เราจะไป ๆ แลว กซ็ บศรี ษะอยูในทนี่ น้ั เอง ไมอาจลุกขน้ึ จากอาสนะได. คร้ังนัน้ มหาอํามาตยแ หง
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 20เจาลจิ ฉวจี ึงกลา วกะเขาวา ทา นปาฏกิ บุตร ทา นเปน อยา งไรเลา ตะโพกของทา นติดกับท่นี ั่ง หรือวาที่น่ังตดิ กบั ตะโพกของทาน ทานกลา ววา เราจะไป ๆ แลว กซ็ บศีรษะอยใู นท่นี ้ันเอง ไมอาจลุกขึน้ จากอาสนะได. เมอ่ื มหาอํามาตยแหงเจาลจิ ฉวนี ้ันไดท ราบวา นกั บวชเปลอื ยชือ่ ปาฏกิ บตุ ร นเ้ี ปน ผูแ พแลว ก็ยงั กลาววา เราจะไป แลวก็ซบศีรษะอยใู นทีน่ ัน้ เอง ไมอ าจลุกขน้ึ จากอาสนะได จึงมาหาบรษิ ทัแลวบอกวา ทานผเู จรญิ นักบวชเปลอื ยช่ือปาฏกิ บุตรนี้ เปน ผูแพแลว กย็ ังกลาววา เราจะไป ๆ แลว ก็ซบศีรษะอยใู นท่ีน้นั เองไมอาจลุกขึน้ จากอาสนะได. ดูกอนภัคควะ เม่อื มหาอํามาตยแ หง เจาลิจฉวนี ้นั กลาวอยา งนี้เราจึงกลา วกับบริษัทวา เธอท้งั หลาย นักบวชเปลอื ยชอื่ ปาฏกิ บตุ รเม่ือไมล ะวาจา จิต และสละคืนทฏิ ฐิเชน นัน้ ก็ไมส ามารถทีจ่ ะพบเห็นเราได ถา แมเ ขาพงึ คิดเห็นอยางน้วี า เราจะไมละวาจา จติ และสละคืนทิฏฐิเชน น้นั กพ็ ึงไปพบเห็นพระสมณโคดมได ดังนี้ แมศรี ษะของเขาจะพงึ แตกออก แมถาพวกเจาลิจฉวีพึงคิดเหน็ อยา งน้วี า พวกเราจกั เอาเชือกมัด อเจลกปาฏิกบตุ ร แลวจงึ ฉดุ มาดว ยคโู คมากคูเชือกเหลา นนั้ หรืออเจลกปาฏกิ บตุ รพงึ ขาดออก ก็อเจลกปาฏกิ บุตรเมื่อไมละวาจา จิต และสละคืนทิฏฐเิ ชน นน้ั ก็ไมส ามารถท่ีจะมาพบเหน็ เราได แมถ า เขาพงึ คิดเหน็ อยางน้ีวา เราไมล ะวาจา จติ และสละคืนทิฏฐเิ ชน นั้น กพ็ ึงไปพบเห็นพระสมณโคดมได ดังน้ี แมศีรษะของเขาจะพึงแตกออก. [๙] ดกู อ นภัคควะ ครงั้ นนั้ ศษิ ยชา งกลึงบาตรไม ช่ือชาลิยะ ลกุ ขนึ้ ยืนกลาวกะบรษิ ทั วา ทานผูเจรญิ ถาเชน น้ันขอใหพวกทา นจงรอคอยสกั ครูหนง่ึ ขอใหขา พเจา ไป บางที ขา พเจา
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 21อาจนําเอานักบวชเปลือยช่อื ปาฏิกบตุ ร มาสบู รษิ ทั ได. ครงั้ นน้ั ศษิ ยชา งกลงึ บาตรไมช อ่ื วา ชาลิยะ จึงเขา ไปหานกั บวชเปลอื ยชอื่ ปาฏิก-บตุ ร ที่อารามของปรพิ าชกชอ่ื ติณฑกุ ขานุ แลว จงึ กลาววา ทานปาฏกิ บุตร ทา นจงกลับไป การกลับไปของทา นเปนการดี พวกเจาลิจฉวีผูมชี อ่ื เสียง และพราหมณมหาศาล คฤหบดีผมู ัง่ คงั่ เหลาเดียรถียต าง ๆ และสมณพราหมณผมู ีชือ่ เสยี งไดพากนั ออกมาแลวแมพระสมณโคดมกป็ ระทับนง่ั พกั ผอ นกลางวนั ทอี่ ารามของทา น อนึ่งทา นไดก ลา ววาจาในบรษิ ทั ที่เมอื งเวสาลีวา แมพ ระสมณโคดมกเ็ ปนญาณวาทะ แมวาเราจะเปน ญาณวาทะ อนึ่ง ระหวางผูเปนญาณวาทะทั้งสองฝา ย ควรแสดงอทิ ธปิ าฏหิ ารยิ ท่ีย่ิงยวดกวา ธรรมของมนุษยพระสมณโคดมพงึ เสด็จมาก่งึ หนทาง แมเ รากพ็ ึงไปก่งึ หนทาง ในที่พบกันน้นั แมเราท้ังสอง พงึ กระทําอทิ ธปิ าฏหิ ารยิ ท ีย่ ิง่ ยวดกวาธรรมของมนุษย ถา พระสมณโคดมทรงทําอิทธิปาฏหิ าริยทย่ี ่ิงยวดกวาธรรมของมนษุ ย ๑ อยาง เราจะทาํ ๒ อยาง ถาพระสมณโคดมจะทรงทาํ ๒อยา ง เราจะทํา ๔ อยา ง ถา พระสมณโคดมจะทรงทาํ ๔ อยา ง เราจะทาํ ๘ อยาง พระสมณโคดมจักทรงกระทาํ เทาใด ๆ เราจกั ทําใหม ากกวาน้นั เปนทวคี ณู ๆ ดงั น้ี ทา นปาฏิบตุ ร ทานจงออกไปก่งึ หนทางพระสมณโคดมเสดจ็ มากอ นคนทง้ั ปวงทเี ดยี ว ประทบั นง่ั พกั ผอ นกลางวนั ทอ่ี ารามของทา น อนง่ึ พระสมณโคดมไดต รสั วาจาในบรษิ ัทวา นกั บวชเปลือยช่ือ ปาฏกิ บตุ ร เม่ือไมล ะวาจา จติ และสละคืนทฏิ ฐิเชน นั้น กไ็ มสามารถทจ่ี ะมาพบเห็นเราได แมถาเขาพงึ คิดเห็นอยางนี้วา เราไมละวาจา จติ และสละคืนทฏิ ฐิเชนน้นั กพ็ ึงไปพบเหน็พระสมณโคดมได ดงั นี้ แมศ รี ษะของเขาจะพงึ แตกออก แมถาพวกเจา ลจิ ฉวีจะพึงคิดเห็นอยางนว้ี า พวกเราจกั เอาเชือกมัดนกั บวช
พระสุตตันตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 22เปลอื ยชอื่ ปาฏกิ บุตร แลว จงึ ฉุดมาดว ยคโู คมากคู เชอื กเหลา น้นัหรืออเจลกชอ่ื ปาฏิกบตุ ร พึงขาดออก ก็อเจลกปาฏิกบตุ ร เม่ือไมละวาจา จติ และสละคนื ทิฏฐเิ ชน นั้น กไ็ มส ามารถทจ่ี ะมาพบเหน็เราได แมถ าเขาพงึ คิดเหน็ อยา งนี้วา เราไมอาจละวาจา จติ และสละคืนทิฏฐเิ ชน นนั้ กพ็ ึงไปพบเหน็ พระสมณโคดมได ดังน้ี แมศ ีรษะของเขาจะพึงแตกออก ดังน้ี ทา นปาฏกิ บตุ ร ทา นจงกลับไป ดว ยการกลับไปของทานน่นั แหละ พวกขา พเจา จะใหช ยั ชนะแดท า น จะใหค วามปราชัยแกพระสมณโคดม. ดูกอนภคั ควะ เมือ่ ศิษยชางกลงึ บาตรไมช ่อื ชาลิยะ กลาวแลว อยา งน้ี นักบวชเปลือยช่อื ปาฏกิ บตุ ร จงึ กลา ววา เราจะไป ๆแลว กซ็ บศีรษะอยูในทน่ี ้ันเอง ไมอาจลกุ ขน้ึ จากอาสนะได ครงั้ น้นัศษิ ยชา งกลึงบาตไมช ่อื ชาลยิ ะ จงึ กลา วกะเขาวา ทานปาฏิกบตุ รทานเปน อยางไรไปเลา ตะโพกของทา นตดิ กบั ทนี่ งั่ หรอื วา ทน่ี ่ังติดกับตะโพกของทาน ทานกลา ววา เราจะไป ๆ แลวกซ็ บศรี ษะอยูในท่ีนนั่ เอง ไมอาจลุกขึ้นจากอาสนะได. อเจลกปาฏกิ บตุ ร แมถ ูกวา อยา งนกี้ ็ยงั กลาววา เราจะไป ๆ แลวก็ซบศรี ษะอยูในท่นี ้ันเองไมอ าจลกุ ขึ้นจากอาสนะได เมอ่ื ศษิ ยชา งกลงึ บาตรไมช่ือ ชาลิยะ ไดท ราบวา อเจลกชื่อ ปาฏิกบุตร นเ้ี ปนผูแพแ ลว ก็ยงั กลาววา เราจะไป ๆ แลวก็ซบศรี ษะอยทู นี่ ้ันเอง ไมอ าจลกุ ข้ึนจากอาสนะได จึงกลาวกะเขาตอ ไปวากถาวาดวยอปุ มาสุนัขจ้งิ จอกกับพญาราชสีห ทานปาฏกิ บตุ ร เร่ืองเคยมมี าแลว คอื พญาสีหราช ไดค ิดอยางนีว้ า ถา กระไร เราพึงอาศยั ปา ทบึ บางแหงซอนอยู แลว ออกจากท่ซี อนในเวลาเย็น ดัดกายเหลยี วดทู ศิ ทัง้ ๔ โดยรอบ แลวบันลอื
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 23สหี นาท ๓ ครัง้ จึงเทีย่ วไปหากนิ เราตอ งหาหมเู น้อื ตัวลาํ่ สนักินเน้ือทอ่ี อนนมุ ๆ แลว กลับมาซอ นตัวอยตู ามเคย. ครั้งน้ัน พญาสีหมิคราชนน้ั จงึ อาศยั ปาทึบบางแหง ซอ นอยู ออกจากทซี่ อ นในเวลาเย็น ดัดกายเหลยี วดูทิศทัง้ ๔ โดยรอบ บันลือสหี นาท ๓ คร้ังเทยี่ วไปหากิน มันฆาหมูเน้อื ตัวล่าํ สนั กินเน้ือท่ีออนนุม ๆ แลว กลับมาซอ นอยูตามเคย. ทานปาฏิกบตุ ร มสี นุ ขั จง้ิ จอกแกตัวหน่งึ กนิเนอื้ ทเี่ ปนเดนของพญาสีหมิคราชนั้น แลวก็เจริญอวนทว นมีกาํ ลังตอมาสุนัขจิง้ จอกแกต วั น้ัน จึงเกดิ ความคดิ วา เราคอื ใคร พญาสีห-ราชคือใคร ถา กระไร เราพงึ อาศัยปาทึบบางแหงซอนอยู ออกจากทซ่ี อ นเวลาเยน็ ดัดกายเหลียวดทู ศิ ทัง้ ๔ โดยรอบบนั ลือสีหนาท ๓ครงั้ เท่ียวไปหากิน เราตองฆาหมู เนื้อตัวลํ่าสัน กินเนอ้ื ท่ีออ นนมุ ๆแลว กก็ ลับมาซอนอยตู ามเคย. ครงั้ นัน้ สนุ ขั จ้ิงจอกแกตวั น้ันอาศัยปาทึบบางแหง ซอนอยู ออกจากที่ซอนในเวลาเย็น ดัดกายเหลียวดูทิศท้ัง ๔ โดยรอบ แลว คดิ วา เราจกั บันลอื สหี นาท ๓ ครงั้ แตกลบั บันลือเสยี งสุนขั จิง้ จอกอยา งนากลวั นา เกลียด สุนัขจิ้งจอกทต่ี ่ําทรามเปนอยา งไร และการบันลือของสีหะเปน อยา งไร. ปาฏกิ บตุ รทานกเ็ ปนเชน น้ัน ดาํ รงชพี ตามแบบพระสุคต บริโภคอาหารที่เปนเดนพระสุคต ยงั สาํ คัญการรุกรานพระตถาคตผูเ ปนพระอรหนั ตสมั มา-สัมพทุ ธเจา ทานปาฏกิ บุตรเปนอยา งไร การรุกรานพระตถาคตผูเปนพระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจาเปนอยา งไร. ดกู อนภัคควะ เม่อื ศิษยชา งกลงึ บาตรไมช อื่ ชาลิยะ ไมสามารถท่จี ะใหอ เจลกช่ือ ปาฏิกบุตร เคลอื่ นจากอาสนะน้นั ได แมดวยคาํ เปรียบเปรยเชน น้ี จึงไดกลา วคาถาประพนั ธด งั นี้ วา สุนัขจิง้ จอกสําคัญตนเปนสีหะ จงึ ไดถือตวั
พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 24 วา เปน มคิ ราช มันไดบ ันลอื เสยี งสุนัขจง้ิ จอกเชนนน้ั สุนัขจง้ิ จอกท่ตี ํา่ ทรามเปน อยางไร การบนั ลือของสหี ะ เปน อยา งไร. [๑๐] ทานปาฏิกบุตร ทานก็เปนเชน น้ัน ดาํ รงชพี ตามแบบพระสคุ ต บริโภคอาหารทเี่ ปนเดนพระสคุ ต ยงั สําคญั การรุกรานพระตถาคตผเู ปนพระอรหันตสัมมาสมั พุทธเจา ทา นปาฏิกบุตรเปนอยางไร การรุกรานพระตถาคตผูเปนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ-เจา เปนอยางไร. ภคั ควะ เมื่อศิษยช า งกลึงบาตรไมชอ่ื ชาลิยะ ไมสามารถทจี่ ะใหนกั บวชเปลือยช่ือ ปาฏกิ บตุ ร เคลือ่ นจากอาสนะนน้ัได แมด ว ยคําเปรยี บเปรยเชน นี้ จึงไดก ลาวคาถาประพันธดังนว้ี า สุนัขจง้ิ จอกดูเงาของตนทปี่ รากฏในน้ํา ทงั้ อยขู า งบอ ไมเ ห็นตนตามความเปนจรงิ จงึ ถอื ตัววา เปน สหี ะ มันไดบ นั ลอื เสียงสุนขั จ้ิงจอกเชน น้นั เสยี ง สุนขั จิ้งจอกทต่ี า่ํ ทรามเปนอยางไร การบันลือของสีหะ เปนอยางไร. [๑๑] ทา นปาฏกิ บตุ ร ทา นก็เปน เชนน้นั ดํารงชีพตามแบบพระสุคต บริโภคอาหารทเี่ ปนเดนพระสุคต ยังสาํ คัญการรุกรานพระตถาคตผูเ ปนพระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา ทา นปาฏกิ บตุ รเปน อยา งไรการรุกรานพระตถาคตผเู ปนพระอรหนั ตสัมมาสมั พทุ ธเจา เปนอยางไร. ดกู อนภคั ควะ เมอ่ื ศิษยช างกลงึ บาตรไมชอื่ ชาลิยะ ไมสามารถที่จะใหนักบวชเปลอื ยชอ่ื ปาฏกิ บตุ ร เคลอื่ นจากอาสนะนั้นได แมดว ยคําเปรียบเปรยเชน น้ี จึงไดก ลาวคาถาประพนั ธ ดังนี้วา สุนขั จิง้ จอกกินกบ กนิ หนู ตามลานขาวและ กนิ ซากศพท่ที ิ้งตามปา ชา จงึ อว นพีอยูตามปาใหญ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 25 ตามปาทว่ี า งเปลา จงึ ไดถอื ตวั วาเปน มิคราช มนั ได บันลอื เสยี งสนุ ัขจงิ้ จอกเชนน้นั สุนขั จ้งิ จอกทตี่ ่ําทราม เปน อยางไร การบนั ลือของสหี ะเปนอยา งไร. [๑๒] ทา นปาฏกิ บุตร ทานก็เปนเชนนั้น ดาํ รงชีพตามแบบพระสคุ ต บริโภคอาหารท่เี ปนเตนพระสคุ ต ยังสําคัญการรุกรานพระตถา-คตผเู ปน พระอรหันตสมั มาสัมพทุ ธเจา ทานปาฎิกบตุ รเปน อยางไร การรกุรานพระตถาคตผเู ปนพระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา เปนอยา งไร. ดกู อ นภัคควะ เมอ่ื ศิษยช า งกลึงบาตรไมช่ือ ชาลยิ ะ ไมส ามารถท่จี ะใหนกั บวชเปลอื ยช่ือ ปาฏิกบตุ ร เคล่ือนจากอาสนะนั้นได แมด ว ยคาํ เปรยี บเปรยเชนน้ี จงึ กลับมาหาบรษิ ทั นัน้ แลวบอกวา ทานผูเ จรญินักบวชเปลือยชือ่ ปาฏกิ บุตร นเี้ ปนผแู พแ ลว กย็ งั กลา ววาเราจะไป ๆแลว กซ็ บศีรษะอยูในท่ีน้นั เอง ไมอ าจลกุ ขน้ึ จากอาสนะได. ดูกอ นภคั ควะ เมือ่ ศิษยช างกลึงบาตรไมชอ่ื ชาลิยะ นนั้ กลา วอยา งนี้ เราจึงกลาวกะบริษัทนน้ั วา เธอทง้ั หลาย นกั บวชเปลือยชือ่ ปาฏิก-บุตร ไมละวาจา จิต สละสละคนื ทฏิ ฐเิ ชน นั้น กไ็ มส ามารถท่จี ะพบเห็นเราได แมถาเขาพงึ คดิ เหน็ อยางนวี้ า เราไมละวาจา จติ และสละคืนทิฏฐเิ ชน น้นั ก็พึงไปพบเหน็ พระสมณโคดมไดด ังนี้ แมศรี ษะของเขาจะพงึ แตกออก แมถาพวกเจาลจิ ฉวจี ะพึงคดิ เหน็ อยา งน้ีวา พวกเราจกั เอาเชอื กมดั นกั บวชเปลือยชือ่ ปาฏิกบตุ ร แลวฉดุ มาดว ยโคมากคู เชอื กเหลานั้นหรืออเจลกปาฎิกบตุ รพงึ ขาดออก ก็นักบวชเปลอื ยช่ือ ปาฏกิ บุตรเม่อื ไมล ะวาจา จิต และสละคืนทิฏฐเิ ชนนั้น กไ็ มสามารถท่จี ะมาพบเหน็เราได ถาแมเขาพึงคิดเห็นอยา งนว้ี า เราไมละวาจา จติ และสละคืนทฏิ ฐเิ ชน นนั้ ก็พงึ ไปพบเห็นพระสมณโคดมได ดังน้ี แมศีรษะของเขาจะพึงแตกออก.
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 26 ดูกอ นภคั ควะ ลาํ ดับนน้ั เราจงึ ใหบ ริษัทน้นั เห็นแจง ใหสมา-ทาน ใหอาจหาญ ใหรนื่ เริง ดวยธรรมีกถา ทาํ ใหพนจากเครอ่ื งผูกใหญร้ือถอนสัตวประมาณ ๘๔,๐๐๐ ขึ้นจากหลมุ ใหญ จึงเขาเตโชธาตกุ สณิเหาะขนึ้ เวหาสสูงประมาณ ๗ ชัว่ ลาํ ตาล เนรมติ ไฟอื่นใหลกุ โพลงมคี วันกลบ สงู ประมาณ ๗ ชัว่ ลาํ ตาลแลว จงึ กลบั มาปรากฏทก่ี ูฎาคารศาลาปามหาวนั . ดูกอนภัคควะ คร้ังน้ัน โอรสเจาลิจฉวชี ่อื สนุ ักขัตตะ ไดเขามาหาเราถึงที่อยู ถวายอภิวาทแลว นั่ง ณ ท่สี มควรขางหนึง่ . เราจงึไดกลา วกะเขาผนู ่ังเรียบรอ ยแลว วา สุนกั ขัตตะเธอจะสาํ คัญความขอนั้นเปนไฉน วิบากน้นั ไดมขี ึน้ เหมือนดังทเี่ ราไดพยากรณน ักบวชเปลือยชือ่ปาฏิกบุตร แกเธอ มิใชมีโดยประการอ่ืน. ขา แตพ ระองคผูเจรญิ วิบากนนั้ ไดม แี ลว เหมอื นดังทพี่ ระตถาคตไดทรงพยากรณอเจลกชื่อ ปาฏิกบุตรแกข าพระองค มใิ ชโ ดยประการอน่ื . เรากลาววา เธอจะสําคญั ความขอ น้ันเปนไฉน เม่ือเปน เชนนี้อิทธปิ าฏิหารยิ ท ยี่ ิง่ ยวดกวาธรรมของมนษุ ย ชอ่ื วาเปนส่งิ ทีเ่ ราแสดงแลวหรอื ยงั . สุนักขัตตะ ทูลวา ขา แตพระองคผ ูเ จริญ พระองคแ สดงไวแลวแนนอน มิใชไ มทรงแสดงกห็ าไม. เรากลา ววา แมเ มือ่ เปน เชนนี้ เธอยงั จะกลาวกะเราผแู สดงอิทธิปาฏิหาริยย ่ิงยวดกวา ธรรมของมนษุ ยอยางนว้ี า ขา แตพระองคผเู จรญิพระผูมพี ระภาคเจา มิไดทรง แสดงอิทธิปาฏิหาริยท ี่ยง่ิ ยวดกวาธรรมของมนุษยแกขาพระองคด ังน้ี. เธอจงเหน็ วา การกระทําเชน น้นั เปน ความผดิ ของเธอเพยี งไร ดูกอนภคั ควะ โอรสเจา ลจิ ฉวีช่ือสุนกั ขัตตะ เมอ่ื เรากลา วอยางน้ี ไดห นไี ปจากพระธรรมวินยั นี้เหมือนสัตวผ ูไปเกดิ ในอบายและนรกฉะน้ัน.
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 27 กถาวาดวยมหาพรหมเปน ตน [๑๓] ดูกอนภคั ควะ กเ็ รายอมทราบชัดส่งิ ทโ่ี ลกสมมตวิ าเลิศทงั้ รูชัดกวาน้ัน และไมยึดมน่ั ความรูชดั น้ันดวย เม่ือไมยึดมัน่ จงทราบความดบั ไดเ ฉพาะตน ฉะนัน้ ตถาคตจงึ ไมถึงทกุ ข. ดกู อ นภคั ควะ มสี มณ-พราหมณบ างพวก บญั ญัตสิ ง่ิ ทโี่ ลกสมมติวาเลิศ วา พระอิศวรทําให วาพระพรหมทาํ ให ตามลัทธอิ าจารย เราจงึ เขา ไปถามเขาอยางนี้วา ไดยนิ วา ทา นทงั้ หลายบัญญตั สิ งิ่ ทโี่ ลกสมมติวา เลศิ วาพระอิศวรทําให วาพระพรหมทําให ตามลัทธอิ าจารยจ ริงหรือ. สมณพราหมณเ หลา นั้น ถกูเราถามอยา งนีแ้ ลว ยนื ยันวาเปน เชนน้ัน เราจึงถามตอไปวา พวกทา นบัญญตั ิส่งิ ที่โลกสมมตวิ าเลิศ วา พระอศิ วรทําให วาพระพรหมทําใหต ามลทั ธิอาจารยมแี บบอยา งไร. สมณพราหมณเ หลานนั้ ถกู เราถามอยา งน้ี ก็ตอบไมถูก จึงยอ นถามเรา เราถกู ถามแลว จึงพยากรณว า เธอทง้ั หลายมบี างกาลบางสมัยลวงมาชา นาน ที่โลกนี้จะพนิ าศ เม่อื โลกกาํ ลงั พินาศอยู โดยมากเหลา สตั วย อมเกิดในชน้ั อาภัสสรพรหม สตั วเหลา น้นั ไดสําเร็จทางใจ มีปต เิ ปน อาหาร มรี ัศมซี านออกจากกายตนเอง สญั จรไปไดใ นอากาศ อยูใ นวิมานอันงาม สถิตอยใู นภพนน้ั ส้นิ กาลชา นาน. เธอท้ังหลาย มบี างกาลบางสมยั ลว งมาชานาน ทีโ่ ลกน้กี ลบั เจรญิเมอื่ โลกกาํ ลงั เจรญิ อยู วิมานของพรหมปรากฏวา วา งเปลา ครง้ั นนั้สตั วผใู ดผหู น่ึงจุติจากชน้ั อาภสั สรพรหม เพราะส้ินอายหุ รือเพราะสน้ิ บุญยอ มเขาถงึ วิมานพรหมทีว่ างเปลา แมสัตวผ ูนนั้ ก็ไดสาํ เรจ็ ทางใจ มปี ต ิเปน อาหาร มรี ศั มซี า นออกจากกายตนเอง สัญจรไปไดใ นอากาศ อยใู นวิมานงาม สถิตอยใู นภพนั้น สน้ิ กาลยดื ยาวชานาน เพราะสตั วน น้ั อยแู ตผเู ดยี วเปน เวลานาน จึงเกิดความกระสนั ความด้ินรนขนึ้ วา โอหนอแมสตั วเ หลาอืน่ ก็พงึ มาเปนอยางน้บี าง. ตอมา สตั วเ หลา อื่นก็จุตจิ ากชนั้
พระสตุ ตันตปฎ ก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 28อาภัสสรพรหมเพราะสิน้ อายุหรอื เพราะสน้ิ บุญ ยอมเขาถงึ วมิ านพรหมที่วา ง เปนสหายของสัตวผ ูน ้ัน แมส ตั วพวกนั้นก็ไดสาํ เร็จทางใจ มปี ติเปนอาหาร มีรศั มีซา นออกจากกายตนเอง สญั จรไปไดในอากาศ อยูในวิมานงาม สถติ อยูในภพนนั้ สิน้ กาลชานาน. เธอทั้งหลาย บรรดาสัตวจ าํ พวกนั้น ผใู ดเกิดกอ น ผนู ัน้ มีความคิดเหน็ อยา งนว้ี า เราเปนพรหม เปน มหาพรหม เปนใหญไ มม ใี ครขมได เหน็ ถองแทเปนผกู ุมอํานาจ เปน อศิ วร เปนผูสรา ง เปน ผูเ นรมิต เปนผปู ระเสรฐิ เปน ผบู งการ เปน ผทู รงอํานาจ เปน บดิ าของหมูส ัตวผเู ปน แลวและกําลงั เปน สัตวเ หลานี้ เราเนรมิตขึ้น. ขอ นนั้ เพราะเหตไุ ร เพราะวา เราไดมคี วามคดิ อยางนี้กอนวา โอหนอ แมสัตวอ ่นื ก็พงึ มาเปน อยางน้ีบาง ความตัง้ ใจของเราเปนเชนน้ี และสัตวเหลา น้ี ก็ไดมาเปน อยา งนี้แลว . แมพ วกสัตวท่เี กดิ ภายหลงั ก็มคี วามคดิ เห็นอยางนว้ี า ทา นผูเจริญ น้ีแล เปนพรหม เปน มหาพรหม เปน ใหญ ไมมี ใครขมได เหน็ ถอ งแท เปน ผูกุมอํานาจ เปนอิศวร เปนผูส รา ง เปน ผเู นรมิต เปนผปู ระ-เสรฐิ . เปนผูบงการ เปนผทู รงอาํ นาจ เปนบดิ าของหมสู ัตวผ ูเ ปน แลวและกาํ ลังเปน พวกเราอนั พระพรหมผูเจรญิ น้เี นรมติ แลว . ขอนน้ั เพราะเหตุใด. เพราะวาพวกเราไดเห็นทา นพรหมผูน้เี กิดกอ น สว นพวกเราเกดิภายหลงั . เธอท้ังหลาย บรรดาสัตวจาํ พวกนัน้ สัตวใ ดเกิดกอ น สตั วน นั้ มีอายุยนื กวา มผี วิ พรรณงามกวา มีศักดม์ิ ากกวา . สว นสัตวท่ีเกิดภายหลังมอี ายนุ อ ยกวา มผี ิวพรรณทรามกวา มีศกั ด์นิ อ ยกวา . เธอทงั้ หลาย ก็เปนฐานะทจ่ี ะมีไดแ ล ท่ีสตั วผูใดผหู น่ึงจุติจากชน้ั น้นั แลว มาเปน (มนษุ ย)อยางนี้ เม่ือมาเปนอยา งน้แี ลว จงึ ออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชติ เมือ่บวชแลว อาศัยความเพยี รเปน เครื่องเผากเิ ลส อาศัยความเพยี รทต่ี ั้งมัน่อาศยั ความประกอบเนือง ๆ อาศยั ความไมป ระมาท อาศัยมนสิการโดยชอบ
พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 29แลว บรรลุเจโตสมาธิ เม่ือจติ ต้งั มั่นแลว ยอ มตามระลึกถึงขันธท ี่เคยอาศัยอยูใ นกาลน้ันได หลงั แตนน้ั ไประลึกไมไ ด. เขาจงึ กลา วอยา งน้วี า ทานผูใดแลเปนพรหม เปน มหาพรหม เปนใหญ ไมมใี ครขม ได เหน็ถองแท เปนผูกุมอาํ นาจ เปน ผสู รา ง เปนผเู นรมิต เปนผูประเสริฐเปนผบู งการ เปนผูทรงอาํ นาจ เปนบดิ าของหมูสตั วผเู ปน แลวและกาํ ลังเปน พระพรหมผเู จริญใดที่เนรมิตพวกเรา พระพรหมผเู จริญนนั้ เปนผูเท่ียง ย่ังยนื คงทน มีอายยุ นื มอี นั ไมแ ปรผันเปนธรรมดา จักตงั้อยูเทย่ี งเสมอไปเชนนน้ั ทเี ดยี ว. สวนพวกเราท่ีพระพรหมผูเจริญนั้นเนรมิตแลว เปน ผูไ มเ ท่ียง ไมยัง่ ยืน ไมค งทน มอี ายุนอย ยังตองจุติมาเปน อยา งน้ี. กพ็ วกทา นบญั ญตั ิส่งิ ทโ่ี ลกสมมตวิ า เลิศ วา พระอศิ วรทําให วา พระพรหมทาํ ให ตามลัทธอิ าจารย มแี บบเชนนี้หรือมิใช. สมณพราหมณเหลา นัน้ ตอบอยางนวี้ า ทานโคดม พวกขา พเจา ไดท ราบมาดังทที่ า นโคดมไดก ลาวมานีแ้ ล. ภคั ควะ เรายอมทราบชดั สิง่ ที่โลกสมมตวิ า เลิศ ทงั้ รชู ัดยงิ่ กวานนั้ และไมย ึดมนั่ ความรูช ดั น้ันดว ย เม่ือไมยดึ มั่น จงึ ทราบความดับไดเฉพาะตน ฉะน้ัน ตถาคตจึงไมถึงทุกข. กถาวาดวยเทวดาชื่อขฑิ ฑาปโทสกิ ะ [๑๔] ภคั ควะ มีสมณพราหมณบางพวก บัญญัตสิ ่ิงท่โี ลกสมมติวา เลิศ วา มีมลู มาแตเ ทวดาเหลาขฑิ ฑาปโทสิกะตามลัทธิอาจารย เราจงึเขา ไปถามเขาอยางน้ีวา ทราบวา ทา นทั้งหลายบญั ญัติสงิ่ ที่โลกสมมติวาเลิศ วา มมี ูลมาแตเ ทวดาเหลาขฑิ ฑาปโทสกิ ะ ตามลัทธิอาจารยจ ริงหรอืสมณพราหมณเหลา นน้ั ถูกเราถามอยางนแ้ี ลว ยืนยันวาเปน เชนน้นั เราจงึถามตอ ไปวา พวกเธอบัญญัตสิ ง่ิ ทีโ่ ลกสมมตวิ า เลิศ วา มีมลู มาแตเทวดาเหลา ขิฑฑาปโทสิกะ ตามลัทธิอาจารย มแี บบอยา งไร. สมณพราหมณเหลา
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 40สุนัข ทาํ กริ ยิ าของสนุ ัขแมอยางอน่ื อกี . บทวา จตโุ กณฑฺ โิ ก คือเดนิ สี่ขา ไดแกคูเขา สองขา งและศอกสองขา งลงบนพน้ื เดินเทีย่ วไป. บทวาฉมานกิ ณิ ณฺ ไดแก ทเี่ รีย่ ราย ใสไ ว วางไว บนพืน้ . บทวา ภกขฺ สไดแกอ าหาร คือของเคย้ี ว ของบรโิ ภคอยางใดอยา งหนึ่ง. บทวา มเุ ขเนวคือ มไิ ดใชมือหยิบอาหาร ใชปากอยา งเดยี วเค้ียวอาหารทพี่ งึ เคยี้ ว แมอาหารท่ีพงึ บรโิ ภค. กใ็ ชป ากอยา งเดียวบริโภค. บทวา สาธรุ โู ป ไดแกมีรูปงาม. บทวา อรห สมโณ ไดแก สมณะผเู ปน พระอรหันตอ งคหน่งึ .ศัพทวา วต ในบาลนี น้ั เปนนบิ าต ลงในอรรถแหงความปรารถนา.ไดยนิ วา พระราชกมุ ารนั้น มีความปรารถนาอยางนวี้ า นักบวชอน่ื ทีจ่ ะจดัวาเปน สมณะเชน สมณะรูปนี้ ไมม ี เพราะสมณะรูปน้ีไมนงุ ผา เพราะเปนผู มีความปรารถนานอย มคี วามสาํ คัญวา สิง่ น้ีเปนเหตุใหเกดิ ความเนน่ิ ชาจงึ ไมใ ชแ มภาชนะสําหรับใสอาหาร กนิ อาหารที่กองอยบู นพืน้ เทา น้นันกั บวชรปู น้ีจัดวาเปน สมณะ สว นพวกเราจะเปนสมณะไดอ ยา งไร. สาวกผูเดินตามหลงั พระพทุ ธเจาผเู ปน สัพพัญูอยา งนี้ ไดมคี วามนึกคดิ ชวั่ เชนน.ี้ คาํ วา เอตทโวจ อธิบายวา ไดย นิ วา พระผูมีพระภาค ทรงดําริวา สุนักขตั ตะ ผมู ีอธั ยาศัยทรามน้ี เปนนกั บวชนี้แลวคิดอยางไรหนอครนั้ ทรงดําริอยา งน้ี ทรงทราบอธั ยาศยั ของเขา ทรงพิจารณาเห็นวาโมฆบรุ ษุ ผนู ี้ เดนิ ตามหลงั ของพระสพั พัญูเชน เรา ไปสาํ คญั นกั บวชผูเปลือยกายวาเปนพระอรหันต บัดน้ี คนพาลผูน้ี ควรถกู ตําหนิโทษ ณ ที่นีแ้ หละ ยังไมทนั ไดเสด็จกลบั เลย ไดต รสั คําวา ตฺว ป นาม เปนตนนี.้ป ศัพทใ นคาํ วา ตวฺ ป นาม นัน้ ลงในอรรถวา ติเตียน. เพราะพระผมู ีพระภาค เมอ่ื ทรงตเิ ตยี นสุนกั ขัตตะ ไดต รัสคาํ วา ''ตวฺ ป นาม\". ในคาํน้ี มคี าํ อธิบายดงั น้ี วา แมต ัวเธอมีอธั ยาศัยทรามขนาดน้ี ยังจักปฏญิ าณอยางนีว้ า เราเปน สมณะ ผเู ปน ศากยบุตร อกี หรอื . ดว ยคาํ วา กึ ปน เม
พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 41ภนเฺ ต สุนกั ขตั ตะไดกราบทลู ถามวา ขา แตพ ระองคผูเจรญิ พระผูม พี ระภาคทรงเห็นสง่ิ ทน่ี าตําหนอิ ะไร ในตัวของขา พระองค จงึ ไดตรัสอยางน้.ีคร้ังนน้ั พระผูมพี ระภาคเจา เมื่อตรัสบอกแกเขา ไดตรสั คําวา นนุ เตเปนตน . ดว ยคําวา มจฉฺ รายติ นี้ สนุ ักขตั ตะ ไดกราบทูลถามวา พระผมู พี ระภาคเจาทรงหวงพระอรหัต เพราะทรงดาํ รอิ ยางนี้วา ผูอ ่ืนจงอยาไดเปน พระอรหันต หรือ. คาํ วา น โข อห อธบิ ายวา ดกู อนโมฆบรุ ษุ เราปรารถนาใหโลกมนุษยพ รอมทง้ั เทวโลกไดพ ระอรหันตกนั ทั้งนน้ั เราทาํกรรมท่ที าํ ไดย ากมากมาย บาํ เพญ็ บารมมี ากเพื่อประโยชนอยางนเ้ี ทา นั้นเราไมไ ดห วงพระอรหตั เลย. คาํ วา ปาปก ทฏิ คิ ต อธบิ ายวา เขาบงั เกดิ มีความเห็นในผูทีม่ ใิ ชพ ระอรหันตวา เปนพระอรหนั ต และในผูทีเ่ ปนพระอรหนั ตว ามิใชพระอรหันต. พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสวาปาปาก ทิฏ ิคต หมายถงึ ความเห็นผิดทีก่ ลาวมาน้นั . คาํ วา ย โข ปนไดแ ก เธอสําคญั นกั บวชผูเปลอื ยกายรูปน้นั ใด อยา งน้ี. คาํ วา สตตฺ ม ทิวส แปลวา ในวันท่ี ๗. บทวา อลสเกนไดแ ก ดวยพยาธิช่ือ อลสากะ. คาํ วา กาล กริสฺสติ แปลวา มีทองพองตาย.คาํ วา กาลกชฺ ิกาเปน ชอื่ ของอสูรเหลานนั้ . ไดย นิ วา อสูรเหลา น้ัน มีอัตภาพยาวสามคาวุตมีเนือ้ และโลหิตนอ ย เชน กบั ใบไมเกา มตี าออกมาตดิอยูบนหัวเหมอื นปูมีปากเทารูเขม็ ตดิ อยูบนหัวเชน กัน กมตวั ลงใชปากนนั้กินอาหาร. บทวา วรี ณตถฺ มภฺ เก อธิบายวา ในปา ชานน้ั มเี สาปกคลุมดว ยกอหญา เพราะฉะนนั้ จงึ เรยี กปาชาน้นั วา \"วรี ณตฺถมภฺ ก\". คําวาเตนุปสงฺกมิ อธบิ ายวา เมื่อพระผูมพี ระภาคเจาตรัสเชนน้นั เสด็จไปบณิ ฑบาตในบา นน้นั แลว เสด็จไปสวู ิหาร สุนกั ขตั ตะ ไดออกจากวหิ ารเขาไปหานักบวชเปลอื ยนน้ั . คําวา เยน ตวฺ แปลวา ทา นถกู พระผมู ีพระภาคทรงพยากรณไ วเ พราะเหตใุ ด. อธบิ ายวา เพราะเหตทุ ี่ทานถกู พระผมู พี ระ
พระสุตตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 42ภาคเจาทรงพยากรณไว. คาํ วา มตฺต มตตฺ แปลวา พอควรแกป ระมาร ๆ.บาลบี างแหงวา มนฺตา มนฺตา ก็มี อธิบายวา ใชป ญญาพจิ ารณา ๆ. คาํ วายถา สมณสฺส ความวา สุนกั ขัตตะ ไดกลาววา ทานพึงทาํ ใหคํากลาวของพระสมณโคดมผิดไป. เมอื่ สนุ ักขัตตะกลาวอยา งนแ้ี ลว นักบวชเปลือยนอนในบรเิ วณเตาไฟเหมือนสนุ ขั ไดช ศู รี ษะลืมตามองดู กลาววา พระ-สมณโคดม ผผู กู เวรเปน ศัตรกู ับพวกเรา ไดพ ดู อะไร นับต้ังแตพระสมณ-โคดมอุบตั ิขึ้นมา พวกเรากลายสภาพเปน เหมือนฝงู ห่งิ หอยในยามดวงอาทิตยอทุ ัย พระสมณโคดมพงึ กลาววาจาอยางนกี้ บั พวกเรา หรอื กลา วอยา งอ่นื แตย อมเปนธรรมดาวา ถอยคําของผทู เ่ี ปนศัตรูกันยอมไมเ ปนจรงิ ทานจงไปเสยี เถดิ เราจกั รูในเร่ืองนี้เอง แลวนอนตอ ไป. บทวา เอกทวฺ ีหกิ าย ไดแก กลา วนบั วา หน่ึง สอง. บทวายถา ต อธบิ ายวา นบั ดจุ คนบางคนทีไ่ มเ ชือ่ พงึ นบั และในวันหน่ึงไดเขา ไปหาสามคร้งั บอกวา วันหนง่ึ ลว งไปแลว สองวันลว งไปแลว . คําวาสตตฺ ม ทิวส อธบิ ายวา ไดย นิ วา นกั บวชเปลอื ยนน้ั ไดฟ ง คําของสนุ ัก-ขัตตะแลว ไมบรโิ ภคอาหารเลยตลอด ๗ วัน. ครัน้ ถึงวนั ท่ี ๗ อุปฐากคนหน่งึ ของเขาคดิ วา วันนเี้ ปนวนั ที่ ๗ ท่ีสมณะประจาํ สกลุ ของพวกเราไมม า ชรอยวา จะเกิดความไมสบาย แลว ใหป ง เน้ือหมู นําอาหารไปกองไวบ นพ้ืนขา งหนา. นกั บวชเปลือย แลดแู ลว คดิ วา ถอยคาํ ของพระสมณ-โคดมจะเปนจรงิ หรอื เท็จก็ตาม แตเ ม่อื เราบริโภคอิม่ หนําแลว แมเ ราจะตายกถ็ ือวา ตายดี แลวก็ลุกข้นึ คลานกินอาหาร จนอม่ิ ทอ ง. ในเวลากลางคืน เขาไมอ าจจะใหอาหารยอ ยได จึงส้นิ ชีวิตดว ยโรคชอื่ อลสกะ. ถึงแมเ ขายังไมคดิ วา จะบริโภค แมกระนนั้ เขาจะตองบริโภคในวนั น้ันแลวสนิ้ ชีวิตดว ยโรคชอ่ื อลสกะ. เพราะพระตถาคตทง้ั หลายยอมไมมีวาจาเปน สอง.
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 43 คาํ วา วีรณตฺถมภฺ เก อธิบายวา ไดย นิ วา พวกเดียรถยี ทราบขา ววา โกรกั ขตั ติยะสิน้ ชีวิตแลว นบั วนั แลว กลา ววา คําพยากรณของพระสมณโคดมเกดิ เปนจรงิ แลว บดั น้ี พวกเราจะนําศพเขาไปทิ้งในทอี่ นื่จกั ขม พระสมณโคดมดวยมสุ าวาท ไดพ ากนั ไปนําเอาเถาวลั ยม าพนั ศพแลวลากไปพรอมกับกลา ววา ท้ิงศพไวต รงนี้ ๆ. สถานท่ี ๆ ลากศพไปนัน้ เปนเนินทัง้ น้ัน. พวกเขาจงึ ลากศพไปสปู าชาช่ือ วรี ณถัมภกะ ทราบวา เปนสุสานกไ็ ดล ากศพตอไปตง้ั ใจวา จะนาํ ไปทิ้งในที่อ่ืน. ทันใดน้นั เถาวัลยลากศพขาด. พวกเขาไมอ าจใหศพเคลอ่ื นไหวได จึงพากนั หนไี ปจากทน่ี ้นั . เพราะฉะน้ัน.พระผูมีพระภาคจงึ ตรสั วา ไดท ิ้งไวในปา ชา ช่ือวรี ณถมั ภกะ. คาํ วา เตนุปสงฺกมิ มีคาํ อธิบายดงั น้ี เพราะเหตุไร โอรสของเจา ลิจฉวี นามสุนกั ขตั ตะจงึ เขา ไปหา ไดท ราบวา สนุ กั ขัตตะโอรสเจาลจิ ฉวนี ้ัน คิดวา คําพดู ของพระสมณโคดม ยอมสมจรงิ แนน อน กธ็ รรมดาวา คนตายจะลกุ ข้นึ พูดกับคนอื่น ยอมไมม ี เอาเถอะ เราจะไปถาม ถาพระสมณโคดมตรัสบอก ก็ดีไป ถาไมบอกไซร เราจักขม พระสมณโคดมดว ยมสุ าวาท. สนุ กั ขัตตะเขา ไปเฝาเพราะเหตนุ ้.ี บทวา อาโกฏเฏสิ แปลวาวา เคาะ (ดว ยฝามอื ). มคี ําถามวา ทรากศพของคนท่ตี ายแลว ยอมไมสามารถจะลุกข้นึ มาพดู ได นักบวชเปลือยรปู นนั้ ไดกลา วคาํ วา \"ดูกอ นผูมอี ายุ เราร\"ู ไดอ ยา งไร. มคี ําถามวา เขาพดู ไดดว ยพทุ ธานภุ าพ. ไดทราบวา พระผูมีพระภาคไดน าํ โกรักขตั ตยิ ะ จากกําเนิดอสูรใหเขาสิงในทรากศพแลว ใหพดู . อกี นยั หน่ึง พระองคไ ดท รงใหท รากศพน้นั พูด.เพราะวิสยั พระพุทธเจา เปนอจินไตย (คนอ่ืนไมควรคดิ ) คาํ วา ตเถวต วปิ าก ไดแก ผลของคําพดู น้ัน เกิดแลว อยางน้นั ทีเดยี ว ศัพทว า วิปา กนั้น จัดเปน ลิงควปิ ลาศ. ความหมายทถี่ กู ตองก็คอื ตเถว โส วิปาโก.
พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 44สวนอาจารยบ างพวก กลา ววา วิปกกฺ กม็ ี. เนื้อความคือเกดิ แลว. ถึงคราวนี้ ควรจะไดประมวลปาฏิหาริยม า กเ็ หตุการณท ง้ั หมดน้ี เปน ปาฎ-ิหารยิ ๕ อยาง. คอื พระดาํ รสั วา นกั บวชเปลือยนน้ั จกั ตายในวันท่ี ๗เขาก็ตายตามพระดาํ รสั นัน้ น้ี เปน ปาฏิหารยิ ขอ ที่ ๑ พระดาํ รัสวา เขาจักตายดวยโรค \"อลสกะ\" เขาก็ตายดว ยโรคอลสกะจรงิ นี้เปนปาฏหิ ารยิ ขอท่ี ๒ พระดาํ รัสวา นกั บวชเปลอื ยน้นั จักเกิดในภพอสูรชอื่ วา กาลกัญ-ชกิ า เขากเ็ กิดในภพอสรู จรงิ น้เี ปน ปาฏหิ ารยิ ข อที่ ๓. พระดาํ รัสวาพวกเดยี รถียจักทิ้งซากศพไวในปาชา วีรณัตถัมภกะ เขากถ็ กู ท้งิ ในปาขา นั้นจรงิ น้เี ปนปาฏหิ ารยิ ขอ ที่ ๔. พระดํารัสวา เขาจักมาจากทต่ี นเกิดแลว กลา วกบั สนุ ักขตั ตะโอรสเจาลิจฉวเี ขาก็กลาวจริง นเี้ ปน ปาฏหิ าริยขอท่ี ๕. บทวา กฬารมชฺชโก คือ นกั บวชเปลอื ย ผูมีฟนและหนวดงอกออกมา หรอื คาํ วา กฬารมชชฺ โก น้ีเปน ชอ่ื ของนกั บวชเปลอื ยผนู ั้นเทาน้นั บทวา ลาภคฺคปฺปตโต คอื ผพู ึงความเลิศดว ยลาภ อธิบายวาผูป ระสบลาภท่ดี ีเลศิ บทวา ยสคฺคปปฺ ตฺโต คือ ประสบความเลศิ ดว ยยศ คือมีบริวารอยา งยอดเยี่ยม. บทวา วตฺตปทานิ คือขอ ปฏบิ ัติท้ังหมด หรอื ขอปฏิบตั บิ างสวน บทวา สมตตฺ านิ ไดแก ถือเอา. บทวา สมาทินฺนานิเปน ไวพจนข องบทวา สมตตฺ านิ น่ันแล. คําวา ปรุ ตถฺ เิ มน เวลาลึ ไดกใ็ นทิศบรู พาใกลก รงุ เวสาลี. บทวา เจตยิ คอื เปนเจดยี ส ถานของยกั ษ.ทกุ ๆ บท ก็มนี ยั เชนนี.้ คําวา เยน อเจโล มีอธบิ ายวา สนุ กั ขตั ตะ โอรสเจา ลิจฉวีกระทาํ วตั รพระผูม ีพระภาคเจาแลว ไดไ ปทางทิศท่ี อเจลกปริพาชกชือ่ วา กฬารมัชชกะ อยู. บทวา ปฺห ปจุ ฉฺ ิ คอื ถามปญ หาท่ปี ระกอบดวยไตรลกั ษณอยางลกึ ซึง้ . บทวา น สมปฺ ายาสิ อธิบายวา กฬารมัชชก-
พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 45ปริพาชกไมไ ดดําเนินไปดวยญาณคติทถี่ ูกทาง เขาตอบผิดพลาดในแตล ะปญ หาน้นั ๆ เหมอื นคนตาบอดเดนิ ลน่ื ลมในทีข่ รุขระ เขามองไมเห็นเงือ่ นปลายของปญ หา. อกี อยางหนงึ่ . บทวา น สมฺปายาสิ ความวาไมใหถงึ พรอ ม (ดว ย) ปญญา คือไมสามารถจะใหป ญ ญาเกดิ ขึ้นกลาว(ตอบ) ได กฬารมัชชกปรพิ าชกเม่อื ไมสามารถ จะตอบ ไดก็ยืนกรอกลกูตาไปมา พดู วา ทานอยูในสาํ นักของผูท่ีไมไ ดร ับการศึกษาบวชในท่ีไมใ ชโอกาส เท่ยี วถามปญ หาทั่วไป จงหลกี ไป อยา มายืนในสถานทนี่ ้ี.คาํ วา โกปฺจ โทสฺจ อปจฺจยฺจ ปาตวฺ ากาสิ มอี ธิบายดงั น้ี กฬาร-มัชชกปรพิ าชก ไดแ สดงความโกรธ คอื อาการกําเริบ โทสะ มอี าการประทุษรา ย และความไมแ ชมช่นื คือโทมนัส อนั เปนอาการแหง ความไมยินดี. บทวา อาสาทิยิมหฺ เส ไดแก ไดร ุกราน คอื เบยี ดเบยี น. คําวามา วต โน อโหสิ แปลวา โอ ขอนน้ั ไมพ งึ มแี กเ รา. บาลีวา ม วต โนอโหสิ ดังนก้ี ม็ ี. บรรดาบทเหลานน้ั บทวา ม เปน ทุตยิ าวภิ ตั ติ ไขในอรรถฉัฏฐีวภิ ัตติ. ความวา ขอนัน้ ไดมแี กเราแลวหนอ ก็แลสนุ กั ขัตตะครน้ั คิดอยางนน้ั แลว จงึ น่งั กระโหยง ขอขมา กฬารมชั ชกปรพิ าชก นน้ัวาขา แตท า นผเู จริญ ขอทานโปรดอดโทษแกข า พเจาดวยเถดิ แมป ริพาชกน้นั กก็ ลา ววา ต้ังแตบ ัดนี้เปน ตน ไป ทานจักไมถ ามปญ หาอ่นื ใด. สนุ กัขัตตะโอรสเจา ลิจฉวกี ลา ววา ขา พเจาขอรับรองวา จะไมถ ามปญหาอกีปริพาชกน้นั กลาววา ถาเชนนนั้ ทา นจงไป เราอดโทษใหทา น แลวส่งั สุนกั ขัตตะโอรสเจาลจิ ฉวกี ลับไป. บทวา ปรหิ โิ ต แปลวา นุง หม คอื กลบั นุงหม ผา . บทวาสานจุ รโิ ก ความวา ภรยิ าทา นเรยี ก อนุจารกิ า. บุคคลผมู ภี รรยา ทานเรียก สานุจริกะ อธิบายวา อเจลกช่อื กฬารมชั ชกะ ละการประพฤติพรหมจรรยนนั้ ๆ แลว มีภรรยา. บทวา โอทนกุมฺมาส ไดแก กนิ ขาว
พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 46บา ง กนิ ขนมบาง ยง่ิ กวา ทีด่ มื่ สุราและกนิ เน้ือสตั ว. บทวา ยสา นหิ ีโนความวา เขาประสบความเลศิ ดว ยลาภ ความเลิศดว ยยศอนั ใด ท่ีเสือ่ มจากลาภและยศอนั นัน้ อทิ ธิปาฏิหารยิ ทสี่ ูงยิ่งกวาปกติธรรมดาของมนษุ ยช่ือวา เปนคณุ ที่พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงแลว เพราะเหตุนั้น ในขอ นีพ้ ึงทราบปาฏหิ ารยิ ๗ อยาง คือการกา วพระบาทไปได ๗ กาว. บทวาปาฏกิ ปตุ ฺโต คือเปน บุตรของพราหมณช ื่อ ปาฏกิ ะ. บทวา าณวาเทนคอื กบั ญาณวาทะ. บทวา อปุ ฑฒฺ ปถ ความวา ถาในระหวา งพวกเราพงึ มี (หนทางไกล) หนึง่ โยชน พระสมณโคดม พึงเสด็จไปกึง่ หนทางเรากพ็ ึงไปในก่ึงหนทาง. ในหนทางมกี ึง่ หนทางเปนตน ก็นัยนี้. บุคคลผูเดินไปได ๑ กาว จกั ชนะ ผูไ มไ ดดาํ เนินไปจักแพ. บทวา เต ตตถฺความวา ในท่ีพบกนั นนั้ เราทั้งสอง (พึงกระทาํ อิทธิปาฏหิ ารยิ ทีย่ ง่ิ กวาปกติธรรมดาของมนุษย). บทวา ตทฺทคิ ุณ ตททฺ คิ ุณาห ความวา เราจักกระทําใหมากกวา นั้น เปนทวีคูณๆ. อเจลกชอ่ื ปาฏิกบุตร แมทราบความทตี่ นไมสามารถทําปาฏหิ ารยิ แขง กับพระผมู พี ระภาคเจา แตก ท็ ราบวา ผูท่ีเรมิ่ ทาํ ปาฏหิ าริยแขงกบั บรุ ษุ ช้ันเยยี่ ม แมไมสามารถเอาชนะไดกไ็ ดร ับคําสรรเสรญิ กลวั จึงกลา วอยางน.ี้ แมชาวพระนครฟง คํานน้ั แลวก็พากนั คิดวา ธรรมดาคนทไี่ มส ามารถยอมไมป ระกาศอยางนี้ อเจลก-ปาฏิกบุตร แมน ี้จกั เปน พระอรหนั ตแ นแท จึงไดพ ากันทาํ สกั การะเปนอนั มากแกเ ขา. คาํ วา เยนาหนเฺ ตนุปสงฺกมิ ความวา ไดย ินวา สุนกั ขตั ตะ ไดสดับวา อเจลกปาฏกิ บตุ ร ยอ มกลา วอยางน.ี้ ทีนัน้ อเจลกชือ่ วา ปาฏิก-บุตร ไดเ กิดความคิด (อยา งนี้) เพราะมอี ัธยาศัยชวั่ เพราะมคี วามคดิ เห็นทราม. สุนกั ขตั ตะ ทาํ วตั รพระผูมพี ระภาคเจา แลว เมื่อพระผมู ีพระภาคเจา เสด็จเขา พระคนั ธกุฎจี งึ ไปสาํ นัก อเจลกชือ่ ปาฏกิ บตุ ร แลวถามวา
พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 47ไดย ินวา ทานกลา วคาํ เชนนห้ี รือ. เขาตอบวา ใช เรากลาว. สุนักขตั ตะกลา ววา เมอ่ื เปนเชนน้นั ทานอยาคิด อยากลัวเลย ทา นเปนผู ทคี่ ุน เคยจงพูดอยา งนรี้ าํ่ ไป ขา พเจา เปน อุปฏ ฐากของพระสมณโคดม ยอ มทราบวิสัยของพระองค พระสมณโคดม จักไมสามารถทําปาฏิหารยิ กับทา นไดเราจักบอกแกพ ระสมณโคดมใหเ กดิ ความกลัว จักพาพระองคไปท่อี นื่ ทา นอยา กลวั ไปเลย ไดปลอบโยนอเจลกปาฎกิ บุตรจนเบาใจ ไปสาํ นกั พระผูม ีพระภาคเจาแลว ดวยเหตุน้ัน ทานจงึ กลาววา เยนาห เตนปุ สงฺกมิ. ในคําวา ต วาจ เปนตน นนั้ ความวา อเจลกปาฏิกบุตร เมื่อกลา ววา ขาพเจาไมไดเ ปนพระพทุ ธเจา เลย ไดเท่ียวพูดวา ขาพเจา เปนพระพทุ ธเจา ไดกลาวถอยคําไมจ ริงเลย ขาพเจาไมไ ดเปนพระพทุ ธเจาเลย ชื่อวาละวาจานั้น อเจลกชื่อวา ปาฏิกบตุ ร น่งั คดิ ในท่ีลับตาคนคิดวา ขาพเจา ไมไดเ ปนพระพทุ ธเจา เลยตลอดกาลน้นั ไดเที่ยวพดู วาขา พเจา เปน พระพุทธเจา จาํ เดิมตงั้ แตบ ัดนีเ้ ปนตน ไปขา พเจามิไดเปนพระพุทธเจา ช่อื วาละความคิดน้นั ปาฏิกบตุ ร เมื่อละความคดิ วาขาพเจามิไดเ ปนพระพุทธเจาแตไดย ดึ ถอื ทฏิ ฐิชว่ั วาขาพเจาเปนพระพทุ ธ-เจาเทย่ี วไปตลอดกาลเทานี้ ขาพเจา ละทิฏฐินีจ้ ําเดมิ ตง้ั แตบดั น้เี ปนตน ไปช่ือวา สละทฏิ ฐนิ ั้น แตป าฏิกบุตรไมทําอยางน้ี ทา นจงึ กลาววา ไมล ะวาจานั้น ไมละความคิดนนั้ ไมส ละทิฏฐนิ ัน้ . บทวา วปิ เตยฺย คอื ศีรษะของเขา พึงหลดุ จากคอเหมือนผลตาลสกุ หลุดจากข้วั หรือพงึ แตกเจ็ดเสียง. บทวา รกฺขเตต ไดแก จงทรงรกั ษาพระวาจานน้ั . บทวาเอก เสน คือโดยนปิ ปรยิ าย. บทวา โอธารติ า แปลวา กลา วแลว . คําวา อเจโล จ ภนเฺ ต ปาฏกิ ปุตโฺ ต ความวา ถา อเจลกปาฏกิ บุตรกลา วแลวโดยวาจาแกพ ระผมู พี ระภาคเจาโดยสว นเดยี วดว ย ประการฉะน้.ี
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 48บทวา วิรปู รูเปน ไดแก แปลงรปู . อธบิ ายวา อเจลกช่อื ปาฏกิ บุตรมาดวยรปู ท่ีเปลี่ยนจากสภาพเดิม คือ ละรปู ขอคนมาอยเู ฉพาะพระพกั ตรพระผมู พี ระภาคเจา ดวยการทีไ่ มปรากฏ หรือดว ยรูปตาง ๆ เชนราชสหี และ เสอื เปน ตน . คาํ วา ตทสฺส ภควโต มุสา ความวาเมอ่ื เปนเชนน้นั พระดาํ รสั นน้ั ของพระผูมีพระภาคเจา พึงเปนคําเทจ็ คือ(อเจลกปาฏกิ บุตร) ขม ดว ยมุสาวาท. ไดยินวา พระผมู พี ระภาคเจาไมพึงถกู ขม ดวยมสุ าวาทอนื่ เวน แตม ุสาวาทขอนนั้ . บทวา ทวฺ ยคามนิ ีความวา มีพระวาจาเปนสองอยา งน้ี คือ มอี ยูโดยยอแตไ มม ีโดยเนือ้ หาทเ่ี ปนประโยชน. คาํ วา ทวฺ ยคามินี นั่น เปน ช่อื วาจาที่เหลาะแหละเปลาประโยชน และไมมผี ล. คําวา อชิโตป นาม ลิจฉฺ วนี เสนาปติ ความวา ไดทราบวาอชติ ะนั้น เปน อปุ ฏ ฐาก ของพระผมู พี ระภาคเจา เขาตายเสียแลว.คราวนั้น พวกมนษุ ยไ ดทาํ ฌาปนกจิ ศพเขาแลวถามปาฏกิ บุตรวา เสนาบดีเกดิ ทไี่ หน ปาฏิกบุตรตอบวา เกิดในมหานรก. กแ็ ล ปาฏิกบตุ ร คร้นักลา วอยา งนแี้ ลวพดู อีกวา เสนาบดขี องพวกทานมาสํานกั ของเราแลวรอ ง-ไหว า เราไมทําตามถอ ยคําของทา น เชื่อในวาทะของสมณโคดม บังเกดิในนรกแลว . ในคําวา เตนุปสงฺกมึ ทิวาวหิ าราย น้ี ถามวา เพราะเหตไุ รพระผมู ีพระภาคเจา จงึ ไมต รสั วา เพื่อทําปาฏิหารยิ . ตอบวา เพราะไมมเี หตุ แมความเผชิญหนา กันของปาฏกิ บตุ รกับพระผูมพี ระภาคไมม ี การกระทาํ ปาฏหิ าริย จะมแี ตไหน เพราะฉะนั้น พระผมู ีพระภาคเจา จงึไมตรัสอยางน้นั ตรัสวา ทวิ าวิหารราย. บทวา คหปตเิ นจยกิ า ไดแ ก คฤหบดีมหาศาล. จริงอยูคฤหบดเี หลา นน้ั ไดสะสมทรัพยส ละขา วเปลอื กเปนอนั มากไว เพราะฉะนั้น
พระสตุ ตันตปฎก ทฆี นิกาย ปาฏิกวรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 49คฤหบดีเหลานั้น ทา นจงึ เรยี กวา เนจยิกา. บทวา อเนกสหสฺสา ได แกคาํ นวนไมได แมด วยจํานวนพนั . ไดย ินวา บคุ คลอ่นื เวน สุนกั ขัตตะยอมไมสามารถใหบ ริษัทใหญป ระชมุ กันไดอยางนี้ เพราะเหตุนน้ั น่ันแล พระผู มพี ระภาคเจา ไดพาสุนักขตั ตะเทีย่ วไป ตลอดกาลประมาณเทา น.้ี ความสะดุงแหง จติ ชอื่ วาภัย ความหว่ันไหวแหงสรีระทุกสวน ชื่อวา ฉมฺภิตตตฺ .การทีเ่ สนขนทั้งหลายชูชนั ขึน้ ช่ือวา โลมห โส. ไดย ินวา อเจลกชอื่ วาปาฏกิ บตุ ร คิดวา เราไดกลา วถอยคาํ ใหญย ่ิง ทาํ ผดิ กบั บคุ คลผูเลศิ ในโลกกับทง้ั เทวโลก ความเปน พระอรหนั ตห รือเหตุแหงการกระทาํ ปาฏหิ าริยไมมีภายในเราเลย สว นพระสมณโคดม จักกระทําปาฏหิ ารยิ เม่ือเปน เชนนัน้ มหาชนเหน็ ปาฏหิ าริยของพระสมณโคดมน้นั แลว จกั เบยี ดเบียนดวยเคร่ืองประหารมี ทอนไม กอ นดนิ และอาชญาเปน ตน ดวยกลา ววา บัดน้ีทา นไมส ามารถทาํ ปาฏิหาริยได เพราะเหตุไรจงึ ไมรปู ระมาณตวั เอง มาตงั้ ตวั เปน คตู อสูกับบุคคลช้นั เลิศในโลก แสดงกิรยิ ารุกราน. เพราะฉะนั้นความกลัว ความหวาดกลัวหรอื ความขนพองสยองเกลา จึงไดเ กิดขึน้ แกเขาเพราะสดับขาวการประชุมกนั ของมหาชนและการเสด็จมาของพระผูม ีพระภาคเจา . อเจลกปาฏกิ บุตรนั้น ใครจ ะพนจากทุกขนัน้ จึงไดไปอารามของปริพาชกชือ่ วา ตณิ ฑุกขาณุ. เพื่อจะแสดงเนอื้ ความนนั้ พระธรรมสังคาหกจารยจ ึงกลา ววา อถ โจ ภคคฺ ว เปน ตน. บรรดาบทเหลา นั้น บทวา อปุ สงฺกมิ ความวา อเจลกชอ่ื วาปาฏกิ -บตุ ร มิไดเขาไปหาอยา งเดียว ก็ครั้นเขา ไปแลว กเ็ ขา ไปยังอารามของปริ-พาชกไกลไดก ่งึ โยชน ยังไมไ ดค วามสบายใจ จงึ เขาไปทางดา นริมสุดของอาราม เลือกไดสถานทเ่ี ปน ปา รกแหงหน่ึง ทีร่ มิ อาราม น่ังบนแผน หิน.ครงั้ นนั้ พระผูม ีพระภาคเจาทรงดํารวิ า ถา อเจลกปาฏกิ บตุ รนเี้ ปนคนพาลเช่อื คาํ ของคนบางคน พึงมาในสถานทีน่ ้ไี ซร คนพาลจงอยาฉบิ หายเลย จึง
พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย ปาฏกิ วรรค เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 50ทรงอธิษฐานวา ขอแผนหนิ ทนี่ ง่ั จงติดกับสรรี ะของเขาพรอมกบั จิตท่อี ธิษ-ฐานทนี่ ั่งน้ันไดต ดิ กับสรรี ะของเขา. อเจลกปาฏกิ บุตรนั้น ไดเ ปนเหมือนถูกผูกดวยเคร่อื งผกู คือโซต รวนใหญและเหมอื นถูกตัดเทาฉะน้นั . บทวาอสโฺ สสิ ความวา พวกบริษทั พากนั แสวงหา อเจลกชอ่ื ปาฏกิ บุตร ขา งโนนและขางน้ี เมือ่ ถูกบรุ ุษคนใดคนหนึ่งผูต ดิ ตามรอยเทา ของอเจลกช่ือปาฏิก-บตุ ร รทู ่นี ัง่ มาแลว ถามวา พวกทานแสวงหาใคร ตา งพากันตอบวา อเจลก-ชอ่ื ปาฏิกบุตร ไดฟ ง วาจาที่บุรษุ น้ันตอบวา อเจลกชอื่ ปาฏกิ บตุ ร นน้ันงั่ อยใู นอารามปรพิ าชกชอ่ื วา ติณฑุกขาณุ. บทวา ส สปฺปติ ไดแกซบศีรษะ คอื อยูในอารามนนั้ นนั่ เอง. ตะโพก ทา นเรยี กวา ปาวฬะ.บทวา ปราภตู รูโป ไดแ ก เปน ผูแพแ ลว คือฉบิ หายแลว . บทวา โคยุเคหิ ความวา ดว ยคูเทยี มแลว ดวยโคจํานวนรอ ยหรือจํานวนพนั . บทวา อาวิ ฺเชยฺยาม แปลวา พงึ ลากมา. บทวาฉชิ เฺ ชรุ ไดแ ก พึงขาดออกหรือ อเจลกช่ือปาฏกิ บตุ ร พึงขาดออกในที่ผูก. บทวา ทารุปตตฺ กิ นเฺ ตวาสี ไดแ ก ผูเปน ศษิ ยแหงชางกลงึ -ไม. ไดส ดับวา ศษิ ยชา งกลงึ ไมน ้ัน ไดมีความคดิ วา จงยกปาฏิหารยิ ไ วกอน พระสมณโคดมกลาววา อเจลกชือ่ วา ปาฏกิ บตุ ร จักไมล กุ ข้ึนแมจากอาสนะ เอาเถอะเราจักไปใหป าฏิกบุตรนนั้ ลุกข้นึ จากอาสนะดว ยอุบายอยางใดอยา งหนง่ึ ดว ยเหตุเพียงเทาน้ี พระสมณโคดมก็จักแพเพราะฉะนั้น ศิษยช า งกลึงไมจงึ กลาวอยา งน.ี้ บทวา สหี สฺส ความวาพญาสหี มิคราช มี ๔ ชนดิ คอื พญาสีหติณราช พญาสหี กาฬราชพญาสีหปณ ฑรุ าช และ พญาสีหเกสรราช. บรรดาพญาสหี ราชเหลานน้ั พญาสหี เกสรราช ไดถ ึงความเปนสตั วเ ลศิ . ในท่นี ี้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309