Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_22

tripitaka_22

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:38

Description: tripitaka_22

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 266 [๒๒๗] ดูกอ นสารีบตุ ร เราตถาคตกลา วถึงรูป ที่รไู ดท างจักษุไว ๒ อยา ง คอื ที่ควรเสพอยา ง ๑ ท่ไี มควรเสพอยา ง ๑ ดูกอนสารีบตุ ร เราตถาคต กลาวถึงเสยี งทรี่ ูไดท างโสตะไว ๒ อยา งคอื ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ ที่ไมควรเสพอยา ง ๑ ดกู อ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถึงกลิน่ ท่รี ไู ดท างฆานะไว ๒ อยา งคอื ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ ทีไ่ มค วรเสพอยาง ๑ ดกู อ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลา วถึงตรสั รูไดท างชิวหาไว ๒ อยา งคือ ท่ีควรเสพอยา ง ๑ ท่ไี มค วรเสพอยา ง ๑ ดูกอนสารีบตุ ร เราตถาคตกลา วถงึ โผฏฐพั พะทีร่ ไู ดทางกายไว๒ อยา ง คอื ที่ควรเสพอยา ง ๑ ทไี่ มควรเสพอยา ง ๑ ดูกอนสารีบุตร เราตถาคตกลา วถึงธรรมารมณท ีร่ ไู ดทางมโนไว๒ อยา ง คือ ท่คี วรเสพอยาง ๑ ทไี่ มค วรเสพอยาง ๑ [๒๒๘] เม่อื พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั อยางน้ีแลว ทา นพระ-สารบี ตุ ร ไดท ูล พระผูม พี ระภาคเจา ดงั นี้วา ขาแตพ ระองคผูเจรญิธรรมบรรยายนี้ ที่พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสโดยยอ มิไดทรงจาํ แนกเนือ้ความใหพ ิสดารอยา งนี้ รปู ท่ีไมค วรเสพ (ดู) กแ็ ล ขอ นที้ พี่ ระผูมีพระภาคเจา ตรสั ไวด งั น้วี า ดูกอนสารบี ุตรเราตถาคต กลาวถึงรปู ท่ีรูไดด ว ยจกั ษุ ไว ๒ อยาง คือ ท่คี วรเสพอยา ง ๑ ทีไ่ มค วรเสพอยา ง ๑ นัน่ พระผูมีพระภาคเจา ทรงอาศัยอะไรตรัสแลว.

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 267 ขา แตพ ระองคผเู จรญิ เม่อื บคุ คลเสพรูป ที่รไู ดท างจกั ษแุ บบไรอกศุ ลธรรมทง้ั หลายจะเจรญิ ขึน้ แตก ุศลธรรมท้งั หลายกลบั เสอื่ มลง รปู ท่รี ไู ดทางจักษุแบบนี้ ไมค วรเสพ. รปู ท่ีควรเสพ (ดู) ขา แตพ ระองคผูเจริญ กแ็ ลเม่อื บุคคลเสพรปู ท่รี ูไ ดทางจกั ษุแบบไรอกุศลธรรมท้ังหลายจะเสื่อมลง แตกศุ ลธรรมกลบั เจริญข้นึ รูปทรี่ ไู ดท างจกั ษุแบบน้ี ควรเสพ. ทีพ่ ระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวอ ยา งนี้วา ดกู อนสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถึงรูปทีร่ ไู ดท างจกั ษุ ไว ๒ อยาง คอื ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ ท่ไี มค วรเสพอยา ง ๑ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงอาศยั เนอื้ ความดงั ทวี่ ามานแ้ี ลว ตรัสไว. ก็แล ขอทีพ่ ระผูมพี ระภาคเจา ตรสั ไวด งั นี้วา ดกู อนสารบี ุตรเราตถาคต กลาวถงึ เสียงทีร่ ไู ดท างโสตะ ไว ๒ อยา ง คือที่ควรเสพอยา ง ๑ ที่ไมควรเสพอยาง ๑ นัน่ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงอาศยั อะไรจงึ ไดตรัสไว. เสียงทไ่ี มควรเสพ (ฟง) ขาแตพระองคผูเจรญิ เมือ่ บุคคลเสพเสียงที่รไู ดท างโสตะแบบไรอกศุ ลธรรมท้ังหลายจะเจรญิ ข้ึน แตกศุ ลธรรมทั้งหลายกลบั เส่ือมลง เสยี งทรี่ ูไดท างโสตะแบบนัน้ ไมค วรเสพ. เสยี งทคี่ วรเสพ (ฟง) ขา แตพระองคผูเจริญ แตวา เม่อื บคุ คลเสพเสียงทร่ี ไู ดทางโสตะแบบไรอกุศลธรรมทงั้ หลายจะเสอื่ มลง แตกศุ ลธรรมกลับเจรญิ ขึน้ เสยี งท่ีรูไ ดท างโสตะแบบน้ัน ควรเสพ.

พระสตุ ตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 268 ขอ ท่ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสไวอยา งนี้วา ดกู อนสารบี ุตรเราตถาคตกลา วถงึ เสียงท่รี ูไ ดท างโสตะ ไว ๒ อยา ง คือ ที่ควรเสพอยาง ๑ ท่ีไมค วรเสพอยาง ๑ พระองคท รงอาศยั เน้อื ความดงั วา มานี้ตรัสไวแลว. ก็แล ขอ ท่ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวด ังนวี้ า ดกู อ นสารบี ตุ รเราตถาคตกลา วถงึ กลิน่ ท่ีรไู ดท างฆานะ ไว ๒ อยาง คอื ทีค่ วรเสพอยาง ๑ที่ไมค วรเสพอยาง ๑ พระองคท รงอาศัยอะไรจงึ ไดตรัสไว กลิ่นท่ีไมควรเสพ (ดม) ขาแตพระองคผ เู จรญิ เมอ่ื บุคคลเสพกลิน่ ท่ีรไู ดท างฆานะแบบไรอกุศลธรรมทงั้ หลายจะเจรญิ ขึน้ แตก ุศลธรรมทงั้ หลายกลับเสื่อมลง กลิน่ ท่ีรูไดทางฆานะแบบน้ี ไมค วรเสพ. กลิ่นทค่ี วรเสพ (ดม) ขาแตพ ระองคผูเจริญ ก็แล เมอื่ บคุ คลเสพกลนิ่ ท่รี ไู ดท างฆานะแบบใด อกุศลธรรมทัง้ หลายเสือ่ มลง แตก ศุ ลธรรมท้ังหลายกลับเจริญขนึ้กลนิ่ ที่รูไดท างฆานะแบบนี้ ควรเสพ. ขอที่ พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวด ังนวี้ า ดูกอนสารบี ุตรเราตถาคตกลาวถงึ กล่นิ ทร่ี ไู ดทางฆานะ ไว ๒ อยาง คอื ท่คี วรเสพอยาง ๑ท่ไี มค วรเสพอยา ง ๑ พระองคทรงอาศัยเนือ้ ความดงั วามานจี้ ึงไดต รสั ไวแ ลว. กแ็ ล ขอท่ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวดังน้ีวา ดกู อนสารีบุตรเราตถาคตกลาวถงึ รส ท่ีรูไดท างชวิ หา ไว ๒ อยา ง คอื ทคี่ วรเสพอยาง ๑ ท่ีไมค วรเสพอยา ง ๑ พระองคทรงอาศยั อะไรจึงไดตรสั ไว.

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 269 รสท่ีไมค วรเสพ (ลิ้ม) ขาแตพระองคผูเจรญิ เม่อื บคุ คลเสพรสท่ีรูไดท างชิวหาแบบไรอกศุ ลธรรมทง้ั หลายจะเจรญิ ขน้ึ แตกุศลธรรมท้งั หลายกลบั เสอื่ มลง รสที่รูได.ทางชิวหาแบบนี้ ไมค วรเสพ. รสท่คี วรเสพ (ล้ิม) ขาแตพ ระองคผ ูเ จริญ กแ็ ล เมอ่ื บุคคลเสพรสทร่ี ูไดท างชวิ หาแบบไร อกศุ ลธรรมท้งั หลายจะเสอื่ มลง แตกศุ ลธรรมทั้งหลายกลบั เจรญิ ข้นึ รสทร่ี ูไ ดทางชิวหาแบบน้ี ควรเสพ. ขอ ที่ พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสไวด งั นวี้ า ดกู อนสารบี ตุ รเราตถาคตกลาวถงึ รส ทีร่ ไู ดท างชิวหา ไว ๒ อยางคอื ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ ท่ีไมควรเสพอยาง ๑ นั่นพระองคท รงอาศยั เน้ือความดังวามานี้ จงึ ไดตรสั ไวแ ลว . ก็แล ขอที่ พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวดังน้ีวา ดูกอ นสารบี ุตรเราตถาคตกลา วถึงโผฏฐัพพะ ท่รี ูไ ดท างกายไว ๒ อยางคือ ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ทไี่ มควรเสพอยา ง ๑ นัน้ พระองคท รงอาศยั อะไรจงึ ไดตรสั ไว. โผฏฐัพพะที่ไมควรเสพ (ถกู ตอง) ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ เมอ่ื บคุ คลเสพโผฏฐพั พะท่ีรไู ดทางกายแบบไรอกศุ ลธรรมท้งั หลายจะเจริญข้ึน แตกศุ ลธรรมทงั้ หลายกลับเส่อื มลง โผฏฐัพพะท่ีรไู ดทางกายแบบน้ี ไมค วรเสพ. โผฏฐพั พะที่ควรเสพ (ถกู ตอ ง) ขาแตพ ระองคผ ูเจรญิ แตว าเมอื่ บุคคลเสพโผฏฐพั พะทร่ี ไู ดทางกาย

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 270แบบไร อกศุ ลธรรมทงั้ หลายจะเส่อื มลง แตกุศลธรรมท้งั หลายกลับเจริญขนึ้โผฏฐพั พะท่ีรไู ดท างกายแบบน้ี ควรเสพ. ขอที่ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวด ังนว้ี า ดกู อ นสารบี ตุ รเราตถาคตกลา วถงึ โผฏฐพั พะ ท่ีรไู ดท างกายไว ๒ อยา งคือ ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ที่ไมค วรเสพอยา ง ๑ พระองคทรงอาศัยเนอื้ ความดังวามานจ้ี ึงไดตรัสไวแลว. ก็แล ขอ ท่ี พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั ไวดงั นว้ี า ดกู อ นสารี-บตุ ร เราตถาคตกลาวถึงธรรมารมณ ที่รูไดท างมโน ไว ๒ อยา งคอื ท่ีควรเสพอยา ง ๑ ทไ่ี มควรเสพอยาง ๑ พระองคท รงอาศัยอะไรจึงไดตรสั ไว. ธรรมารมณท ่ีไมควรเสพ (ร)ู ขา แตพ ระองคผ ูเจริญ เมอื่ บคุ คลเสพธรรมารมณ ทร่ี ูไดทางมโนแบบไร อกศุ ลธรรมทัง้ หลายจะเจรญิ ข้ึน แตก ศุ ลธรรมท้งั หลายกลับเสอ่ื มลงธรรมารมณท ร่ี ไู ดท างมโนแบบน้ี ไมค วรเสพ. ธรรมารมณทค่ี วรเสพ (ร)ู ขาแตพระองคผ เู จรญิ แตว า เมอื่ บุคคลเสพธรรมารมณทรี่ ไู ดท างมโนแบบไร อกุศลธรรมทง้ั หลายจะเส่อื มลง แตกศุ ลธรรมกลบั เจรญิ ขนึ้ ธรรมารมณทร่ี ไู ดทางมโนแบบน้ี ควรเสพ. ขอ ที่ พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวดงั นวี้ า ดกู อนสารบี ตุ รเราตถาคตกลา วถึงธรรมารมณท่ีรไู ดทางมโนไว ๒ อยา งคือ ที่ควรเสพอยาง ๑ท่ีไมควรเสพอยาง ๑ พระองคท รงอาศยั เน้อื ความดังวามานี้ จงึ ไดต รัสไวแลว .

พระสุตตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 271 ขา แตพ ระองคผเู จริญ ธรรมบรรยายนี้ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวโดยยอ มไิ ดท รงจาํ แนกเนอ้ื ความใหพิสดาร ขาพระองคทราบเนือ้ ความไดโดยพสิ ดารอยา งน้.ี [๒๒๙] พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา ดูกอ นสารบี ตุ ร ดแี ลว ๆดกู อ นสารีบตุ ร ธรรมบรรยายทเ่ี ราตถาคตมิไดจ าํ แนกเนอ้ื ความใหพ ิสดารน้ี เธอทราบเนือ้ ความไดโ ดยพิสดารอยา งน้ีถกู แลว . ก็แล ขอท่ี เราตถาคตกลา วไวด ังนว้ี า ดกู อ นสารบี ุตร เราตถาคตกลาวถงึ รูปท่ีรไู ดด วยจกั ษุ ไว ๒ อยา งคอื ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ ทไี่ มควรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศยั อะไรกลาวไวแ ลว . รูปทไ่ี มค วรเสพ (เห็น) ดกู อ นสารบี ตุ ร เมือ่ บุคคลเสพรปู ทรี่ ไู ดท างจักษแุ บบไร. อกศุ ล-ธรรมทง้ั หลายจะเจรญิ ขึน้ แตก ุศลธรรมทง้ั หลายกลับเสือ่ มลง รปู ที่รไู ดท างจกั ษุแบบนีไ้ มค วรเสพ. รูปทค่ี วรเสพ (เหน็ ) ดกู อ นสารีบุตร แตวาเมอื่ บุคคลเสพรปู ทรี่ ไู ดทางจักษแุ บบไร อกุศลธรรมเส่ือมลง แตกุศลธรรมกลบั เจริญขนึ้ รปู ทร่ี ูไดท างจกั ษุ แบบน้ีควรเสพ. ขอทเ่ี ราตถาคตกลา วไวดังนว้ี า ดูกอ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถึงรูปทร่ี ูไดท างจกั ษุ ไว ๒ อยางคือ ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ ท่ไี มควรเสพอยาง ๑เราตถาคตอาศัยเน้อื ความดังวามานจ้ี งึ ไดก ลา วไวแลว. กแ็ ล ขอที่ เราตถาคตกลาวไวด งั นีว้ า ดูกอ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถึงเสียงท่รี ูไดทางโสตะไว ๒ อยา งคือ ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ ทไ่ี มควรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศัยอะไรกลาวไวแ ลว .

พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 272 เสยี งที่ไมค วรเสพ (ฟง ) ดูกอ นสารีบุตร เมอื่ บุคคลเสพเสยี ง ทรี่ ไู ดทางโสตะแบบไรอกศุ ลธรรมจะเจริญขึ้น แตก ศุ ลธรรมกลบั เส่ือมลง เสียงท่ีรูไดทางโสตะแบบนี้ไมควรเสพ. เสยี งทีค่ วรเสพ (ฟง ) ดกู อ นสารบี ตุ ร แตว าเมื่อบคุ คลเสพเสียงทีร่ ไู ดทางโสตะแบบไรอกศุ ลธรรมทั้งหลายจะเส่ือมลง แตก ุศลธรรมท้งั หลายกลบั เจริญขึ้น เสียงทร่ี ูไดทางโสตะแบบนี้ ควรเสพ. ก็แล. ขอทีเ่ ราตถาคตกลาวไวด ังน้วี า ดกู อนสารบี ตุ ร เราตถาคตกลา วถงึ เสียงทีร่ ไู ดทางโสตะ ไว ๒ อยางคือ ท่คี วรเสพอยาง ๑ ท่ีไมควรเสพอยาง ๑ เราตถาคตอาศยั เน้อื ความดังวา มานี้จงึ ไดก ลาวไวแ ลว . ก็แล ขอ ทเ่ี ราตถาคตกลาวไวดังน้ีวา ดูกอนสารบี ตุ ร เราตถาคตกลา วถงึ กลิ่นท่ีรไู ดท างฆานะ ไว ๒ อยางคอื ท่ีควรเสพอยาง ๑ ที่ไมค วรเสพอยา ง ๑ เราอาศัยอะไรจงึ ไดก ลาวไว. กลนิ่ ไมที่ควรเสพ (สูด) ดกู อนสารีบตุ ร เม่ือบุคคลเสพกลน่ิ ทีร่ ไู ดทางฆานะแบบไรอกุศลธรรมทั้งหลายจะเจรญิ ขน้ึ แตกศุ ลธรรมท้งั หลายกลบั เส่ือมลง กลิน่ ทร่ี ูไดทางฆานะแบบนี้ ไมค วรเสพ. กลนิ่ ทคี่ วรเสพ (สดู ) ดูกอนสารบี ตุ ร แตว าเมอื่ บุคคลเสพกล่ินทรี่ ไู ดท างฆานะแบบไรอกศุ ลธรรมท้งั หลายจะเสอื่ มลง แตกุศลธรรมทั้งหลายกลบั เจริญขนึ้ กลน่ิ ท่ีรูไดทางฆานะแบบน้ี ควรเสพ.

พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 273 ขอ ที่ พระผมู ีพระภาคเจา กลา วไวด ังน้วี า ดูกอ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถงึ กลน่ิ ท่ีรูไ ดทางฆานะ ไว ๒ อยา งคอื ทีค่ วรเสพอยาง ๑ ทไี่ มควรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศัยเนอ้ื ความดังวามาน้ี จงึ ไดก ลา วไวแลว . กแ็ ล ขอทเี่ ราตถาคตกลา วไวด ังนว้ี า ดูกอ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถงึ รสที่รไู ดท างชิวหา ไว ๒ อยา งคือ ทค่ี วรเสพอยาง ๑ ทไี่ มควรเสพอยาง ๑ น่ันเราตถาคตอาศยั อะไรจึงไดกลา วไว. รสท่ไี มค วรเสพ (ลิม้ ) ดูกอนสารบี ตุ ร เมอื่ บคุ คลเสพรสทร่ี ูไดทางชวิ หาแบบไร อกุศล-ธรรมทั้งหลายจะเจรญิ ขน้ึ แตกุศลธรรมท้งั หลายกลับเส่ือมลง รสทีร่ ูไดทางชวิ หาแบบนไ้ี มควรเสพ. รสท่คี วรเสพ (ลม้ิ ) ดกู อ นสารบี ุตร แตว าเม่ือบุคคลเสพรสทีร่ ูไดท างชิวหาแบบไรอกุศลธรรมทั้งหลายจะเสอ่ื มลง แตกุศลธรรมทั้งหลายกลับเจรญิ ขน้ึ รสทร่ี ไู ดทางชวิ หาแบบน้ี ควรเสพ. ขอ ทเี่ ราตถาคตกลาวไวด งั น้ีวา ดกู อ นสารบี ุตร เราตถาคตกลา วถึงรสที่รูไดท างชิวหาไว ๒ อยางคอื ที่ควรเสพอยาง ๑ ทไ่ี มค วรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศยั เนอื้ ความดังวามาน้ี จงึ ไดก ลาวไวแ ลว. ก็แล ขอที่เราตถาคตกลา วไวดงั น้ีวา ดูกอ นสารบี ุตร เราตถาคตกลาวถึงโผฏฐพั พะ ท่ีรูไดท างกาย ไว ๒ อยางคอื ทค่ี วรเสพอยา ง ๑ ทีไ่ มควรเสพอยาง ๑ นน่ั เราตถาคตอาศัยอะไรจึงไดก ลา วไว. โผฏฐัพพะทไ่ี มควรเสพ (ถกู ตอ ง) ดกู อนสารีบุตร เมอ่ื บคุ คลเสพโผฏฐพั พะ ที่รไู ดท างกายแบบไร

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 274อกศุ ลธรรมทงั้ หลายจะเจรญิ ขึ้น แตก ุศลธรรมท้ังหลายกลบั เสอื่ มลงโผฏฐพั พะที่รูไดทางกายแบบนี้ ไมควรเสพ. โผฏฐพั พะที่ควรเสพ (ถูกตอง) ดูกอ นสารบี ุตร แตว า เมื่อบุคคลเสพโผฏฐพั พะทรี่ ไู ดทางกายแบบไร อกศุ ลธรรมทงั้ หลายจะเสื่อมลง แตกุศลธรรมทงั้ หลายกลับเจริญขึ้นโผฏฐัพพะที่รไู ดทางกายแบบนี้ ควรเสพ. ขอนนั้ ใด ทเ่ี ราตถาคตกลาวไวด งั นี้วา ดกู อ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถึงโผฏฐพั พะที่รไู ดทางกาย ไว ๒ อยางคอื ท่ีควรเสพอยาง ๑ ที่ไมควรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศยั เน้ือความดังวา มาน้ี จึงไดกลาวไว. ก็แล ขอท่เี ราตถาคตกลา วไวดงั น้วี า ดกู อ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถึงธรรมารมณท่ีรูไดท างมโนไว ๒ อยางคอื ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ ทไ่ี มควรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศัยอะไร จงึ ไดกลา วไว. ธรรมารมณทไ่ี มค วรเสพ (ร)ู ดูกอ นสารบี ุตร เมือ่ บคุ คลเสพธรรมารมณที่รไ ดทางมโนแบบไรอกศุ ลธรรมทง้ั หลายจะเจรญิ ขึ้น แตกุศลธรรมท้ังหลายกลบั เส่ือมลง ธรรมา-รมณที่รูไดทางมโนแบบนี้ ไมควรเสพ. ธรรมารมณทค่ี วรเสพ (ร)ู ดูกอ นสารีบตุ ร แตว า เมอื่ บุคคลเสพธรรมารมณท ี่รไู ดท างมโนแบบไรอกุศลธรรมท้งั หลายจะเสอื่ มลง แตกศุ ลธรรมทงั้ หลายกลบั เจริญข้ึน ธรรมา-รมณท่รี ไู ดทางมโนแบบน้ี ควรเสพ. ขอ น้นั ใด ที่เราตถาคตกลา วไวด งั นวี้ า ดูกอนสารีบุตร เราตถาคตกลาวถงึ ธรรมารมณ ท่รี ไู ดท างมโน ไว ๒ อยา งคือ ท่คี วรเสพอยา ง ๑ ทไี่ มควรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศัยเนื้อความดังวา มาน้ี จงึ ไดก ลา วไวแ ลว

พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 275 ดกู อน สารีบตุ ร ธรรมบรรยายทเ่ี ราตถาคตกลาวโดยยอ นี้ เธอพึงเหน็ เนอ้ื ความโดยพศิ ดารอยา งน.้ี [๒๓๐] ดูกอ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถงึ จวี รไว ๒ อยา ง คอื ท่ีควรเสพอยาง ๑ ทีไ่ มค วรเสพอยาง ๑ ดูกอ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถึงบณิ ฑบาตไว ๒ อยา ง คือ ท่คี วรเสพอยา ง ๑ ท่ไี มค วรเสพอยาง ๑. ดูกอ นสารบี ุตร เราตถาคตกลา วถึงเสนาสนะไว ๒ อยาง คอื ท่ีควรเสพอยาง ๑ ทไ่ี มค วรเสพอยาง ๑. ดูกอ นสารบี ุตร เราตถาคตกลา วถงึ หมบู า นไว ๒ อยา ง คือ ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ ทไี่ มค วรเสพอยา ง. ดูกอ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถงึ นคิ ม ไว ๒ อยาง คอื ทค่ี วรเสพอยา ง ๑ ที่ไมควรเสพอยา ง ๑. ดกู อ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถึงนคร ไว ๒ อยาง คือ ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ ท่ไี มค วรเสพอยาง ๑. ดูกอนสารบี ุตร เราตถาคตกลา วถงึ ชนบท ไว ๒ อยา ง คือ ท่ีควรเสพอยาง ๑ ที่ไมควรเสพอยา ง ๑. ดกู อนสารบี ุตร เราตถาคตกลา วถงึ บุคคล ไว ๒ จาํ พวกคือ ทีค่ วรเสพจาํ พวกหน่งึ ทีไ่ มควรเสพจาํ พวกหน่งึ . [๒๓๑] เม่ือ พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสอยางน้แี ลว ทานพระสารบี ตุ ร ไดกราบทลู พระผมู พี ระภาคเจา ดังน้วี า ขาแตพ ระองคผ เู จริญธรรมบรรยายน้ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวแลว โดยยอ มิไดทรงจําแนกเนอื้ ความโดยพสิ ดาร ขา พระองคท ราบเนอ้ื ความไดโ ดยพิสดารอยา งน้ี.

พระสุตตันตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 276 กแ็ ล ขอที่ พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวด งั น้วี า ดูกอนสารีบุตรเราตถาคตกลา วถงึ จวี รไว ๒ อยา งคือ ทค่ี วรเสพอยาง ๑ ท่ไี มควรเสพอยา ง ๑พระองคท รงอาศัยอะไรจงึ ไดต รสั ไว. จีวรทไี่ มควรเสพ (หม) ขาแตพระองคผเู จรญิ เมื่อบคุ คลเสพจีวรแบบไร อกุศลธรรมทั้ง.หลายจะเจรญิ ขึน้ แตก ุศลธรรมทงั้ หลายกลับเสอื่ มลง จวี รแบบน้ี ไมค วรเสพ. จวี รทค่ี วรเสพ (หม ) ขาแตพ ระองคผูเจริญ แตวาเม่อื บคุ คลเสพจวี รแบบไร อกศุ ลธรรมท้ังหลายจะเส่ือมลง แตก ศุ ลธรรมทงั้ หลายกลบั เจริญข้ึน จีวรแบบน้ี ควรเสพ ขอท่ีพระผูมพี ระภาคเจาตรสั ไวดงั นว้ี า ดกู อ นสารีบตุ ร เราตถาคตกลา วถึงจวี รไว ๒ อยา งคอื ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ ที่ไมค วรเสพอยา ง ๑พระองคทรงอาศัยเนอ้ื ความดังวา มานจ้ี ึงไดต รัสไว. ก็แล ขอท่ี พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวด งั นี้วา ดูกอน สารบี ุตรเราตถาคตกลา วถึงบณิ ฑบาต ไว ๒ อยา งคือ ทค่ี วรเสพอยา ง ๑ ที่ไมควรเสพอยา ง ๑ พระองคท รงอาศัยอะไรจงึ ไดต รัสไว. บณิ ฑบาตที่ไมค วรเสพ (ฉัน) ขา แตพระองคผ ูเจรญิ เมือ่ บุคคลเสพบิณฑบาตแบบไร อกศุ ลธรรมท้งั หลายจะเจริญขนึ้ แตก ศุ ลธรรมทั้งหลายกลับเสื่อมลง บิณฑบาตแบบนี้ไมควรเสพ.

พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 277 บิณฑบาตทค่ี วรเสพ (ฉัน) ขาแตพระองคผ เู จริญ แตว าเม่ือบุคคลเสพบิณฑบาตแบบไร อกศุ ล-ธรรมทงั้ หลายจะเสอ่ื มลง แตกุศลธรรมท้ังหลายกลับเจรญิ ขน้ึ บณิ ฑบาตแบบน้ี ควรเสพ. ขอท่ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวดังนีว้ า ดกู อ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถงึ บิณฑบาต ไว ๒ อยางคือ ท่ีควรเสพอยาง ๑ ทไี่ มค วรเสพอยา ง ๑ พระองคทรงอาศยั เน้ือความดังวามาน้จี งึ ไดตรสั ไว. ก็แล ขอ ท่ี พระผูมีพระภาคเจา ตรสั ไวดงั น้วี า ดูกอนสารีบตุ รเราตถาคตกลา วถงึ เสนาสนะ ไว ๒ อยางคือ ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ ทไ่ี มควรเสพอยา ง ๑ พระองคทรงอาศัยอะไรจึงไดตรสั ไว. เสนาสนะท่ีไมควรเสพ (นัง่ นอน) ขาแตพ ระองคผเู จริญ เม่อื บคุ คลเสพเสนาสนะแบบไร อกศุ ลธรรมทัง้ หลายจะเจริญขึน้ แตก ศุ ลธรรมทั้งหลายกลบั เสื่อมลง เสนาสนะแบบน้ีไมค วรเสพ. เสนาสนะทีค่ วรเสพ (นง่ั นอน) ขาแตพ ระองคผเู จรญิ แตวาเม่ือบคุ คลเสพเสนาสนะแบบไร อกศุ ล-ธรรมทั้งหลายจะเสื่อมลง แตก ศุ ลธรรมท้งั หลายกลบั เจรญิ ขน้ึ เสนาสนะแบบน้ี ควรเสพ. ขอ ท่ี พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวดังน้วี า ดกู อนสารบี ุตรเราตถาคตกลา วถงึ เสนาสนะ ไว ๒ อยา งคอื ทค่ี วรเสพอยาง ๑ ที่ไมควรเสพอยาง ๑ พระองคท รงอาศัยเนอื้ ความดงั วา มานี้จงึ ไดตรัสไว.

พระสตุ ตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 278 กแ็ ล ขอ ที่ พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั ไวดงั นว้ี า ดกู อ นสารบี ตุ รเราตถาคตกลา วถึงหมูบา น ไว ๒ อยา งคือ ที่ควรเสพอยา ง ๑ ทไ่ี มค วรเสพอยา ง ๑ พระผูม ีพระภาคเจา ทรงอาศยั อะไรตรัสไวแลว . หมบู า นท่ีไมเ สพ (อาศัยอย)ู ขาแตพระองคผเู จริญ เมอ่ื บคุ คลเสพหมบู านแบบไร อกศุ ลธรรมทง้ั หลายจะเจรญิ ขน้ึ แตกศุ ลธรรมท้งั หลายกลบั เส่อื มลง หมบู า นแบบนี้ ไมควรเสพ. หมบู านที่ควรเสพ (อาศยั อยู) ขา แตพระองคผ ูเ จริญ แตวาเมือ่ บคุ คลเสพหมบู า นแบบไร อกศุ ล-ธรรมทัง้ หลายจะเสอื่ มลง แตก ุศลธรรมทั้งหลายกลบั เจริญขึน้ หมูบ า นแบบน้ีควรเสพ. ขอที่ พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวดังนีว้ า ดูกอ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถงึ หมบู า น ไว ๒ อยา งคือ ท่ีควรเสพอยาง ๑ ที่ไมควรเสพอยา ง ๑ พระผูม ีพระภาคเจา ทรงอาศยั เนอื้ ความดงั วามานี้จึงไดต รสั ไว. ก็แล ขอที่ พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ไวดังนวี้ า ดูกอ นสารบี ตุ รเราตถาคตกลา วถงึ นิคม ไว ๒ อยางคอื ท่ีควรเสพอยาง ๑ ท่ีไมค วรเสพอยา ง ๑ พระองคทรงอาศยั อะไรจึงไดตรัสไว. นิคมที่ไมค วรเสพ (อาศัยอยู) ขาแตพ ระองคผเู จรญิ เมือ่ บคุ คลเสพนคิ มแบบไร อกศุ ลธรรมทงั้หลายจะเจรญิ ข้นึ แตก ศุ ลธรรมทั้งหลายกลบั เส่ือมลง นิคมแบบน้ี ไมควรเสพ. นิคมทีค่ วรเสพ (อาศัยอย)ู ขาแตพระองคผูเ จรญิ แตวาเมื่อบุคคลเสพนคิ มแบบไร อกุศลธรรมท้งั หลายจะเส่ือมลง แตก ศุ ลธรรมทง้ั หลายกลบั เจริญขน้ึ นิคมแบบนี้ ควรเสพ.

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 279 ขอ ท่ี พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวดงั นีว้ า ดูกอ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถงึ นิคม ไว ๒ อยา งคอื ทค่ี วรเสพอยา ง ๑ ท่ีไมค วรเสพอยาง๑ นน่ั พระผมู พี ระภาคเจาทรงอาศยั เนอ้ื ความดังวามานี้ จงึ ไดตรัสไว. กแ็ ล ขอ ที่ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวด ังนีว้ า ดูกอ นสารีบุตรเราตถาคตกลาวถึงนคร ไว ๒ อยา งคือ ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ ทีไ่ มควรเสพอยา ง ๑ พระองคทรงอาศัยอะไรจงึ ไดต รัสไว. นครที่ไมค วรเสพ (อาศยั อยู) ขา แตพระองคผเู จรญิ เม่ือบคุ คลเสพนครแบบไร อกุศลธรรมท้งั -หลายจะเจริญข้นึ แตก ศุ ลธรรมท้งั หลายกลับเสื่อมลง นครแบบนี้ ไมค วรเสพ. นครทคี่ วรเสพ (อาศยั อย)ู ขาแตต ระองคผูเจริญ แตวา เมอ่ื บุคคลเสพนครแบบใด อกศุ ลธรรมเส่อื มลง แตกุศลธรรมกลับเจริญขนึ้ นครแบบนี้ ควรเสพ. ขอท่ี พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวด งั นี้วา ดูกอ นสารบี ตุ รเราตถาคตกลา วถึงนคร ไว ๒ อยา งคอื ท่คี วรเสพอยาง ๑ ท่ีไมควรเสพอยา ง ๑ พระองคทรงอาศัยเนอื้ ความดงั วามาน้ี จงึ ไดต รัสไว. กแ็ ล ขอ ท่ี พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั ไวด ังนวี้ า ดกู อ นสารบี ุตรเราตถาคตกลา วถงึ ชนบท ไว ๒ อยางคือ ทค่ี วรเสพอยา ง ๑ ทไี่ มควรเสพอยาง ๑ พระองคท รงอาศัยอะไรจึงไดตรสั ไว. ชนบทท่ีไมค วรเสพ (อาศยั อย)ู ขาแตพระองคผ ูเจรญิ เมอ่ื บุคคลเสพชนบทอยางไร อกศุ ลธรรมทง้ั หลายจะเจริญข้ึน แตก ศุ ลธรรมทัง้ หลายกลบั เส่ือมลง ชนบทแบบน้ี ไมควรเสพ.

พระสตุ ตันตปฎก มัชฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 280 ชนบทท่คี วรเสพ (อาศัยอย)ู ขาแตพระองคผเู จรญิ แตวา เมื่อบุคคลเสพชนบทแบบไร อกศุ ลธรรมท้งั หลายจะเส่อื มลง แตก ุศลธรรมท้ังหลายกลับเจริญข้ึน ชนบทแบบนี้ ควรเสพ. ขอท่ี พระผูมีพระภาคเจา ตรัสไวด งั นว้ี า ดูกอ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถงึ ชนบท ไว ๒ อยางคอื ที่ควรเสพอยา ง ๑ ทไ่ี มค วรเสพอยาง๑ พระองคท รงอาศยั เนื้อความดังวา มานี้ จึงไดต รัสไว.กแ็ ล ขอ ที่ พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวดังนี้วา ดูกอนสารบี ุตรเราตถาคตกลาวถงึ บคุ คล ไว ๒ จาํ พวกคือ ทคี่ วรเสพจําพวก ๑ ทีไ่ มค วรเสพจําพวก ๑ พระองคท รงอาศยั อะไรจึงไดตรสั ไว. บุคคลทไ่ี มควรเสพ (คบ) ขา แตพ ระองคผ ูเจรญิ เมื่อบคุ คลเสพบคุ คลแบบไร อกศุ ลธรรมทั้งหลายจะเจรญิ ข้ึน แตก ุศลธรรมทง้ั หลายกลบั เสือ่ มลง บคุ คลแบบนี้ ไมควรเสพ. บคุ คลทีค่ วรเสพ (คบ) ขา แตพ ระองคผเู จริญ กแ็ ล เมือ่ บคุ คลเสพบุคคลแบบไร อกศุ ล-ธรรมท้งั หลายจะเสือ่ มลง แตกุศลธรรมทง้ั หลายกลับเจริญขึ้น บคุ คลแบบนี้ควรเสพ. ขอ ท่ี พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวดงั น้ีวา ดูกอ นสารีบุตร เราตถาคตกลา วถึงบุคคลไว ๒ จาํ พวกคอื ทีค่ วรเสพจาํ พวก ๑ ท่ีไมค วรเสพจําพวก ๑ นัน่ พระองคท รงอาศัยเนอ้ื ความดงั วามาน้ี จึงไดต รสั ไว.

พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 281 ขาแตพ ระองคผเู จริญ ธรรมบรรยายนี้ ท่ีพระผูม พี ระภาคเจา ตรสัแลวโดยยอ มิไดทรงจาํ แนกเนือ้ ความใหพ สิ ดาร ขา พระองคทราบความหมายไดโ ดยพิสดารอยา งนี้. [๒๓๒] พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา ดกู อ นสารีบุตร ดแี ลว ๆดกู อนสารบี ุตร ธรรมบรรยายน้ี ทีเ่ รากลาวโดยยอ มไิ ดจ าํ แนกเน้ือความใหพ สิ ดาร เธอทราบเนื้อความไดโดยพสิ ดารอยางน้ี ถกู แลว. ก็แล ขอทเี่ ราตถาคตกลาวไวดังนว้ี า ดูกอ นสารีบตุ ร เราตถาคตกลาวถงึ จีวร ไว ๒ อยา งคือ ทค่ี วรเสพอยา ง ๑ ทีไ่ มค วรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศัยอะไร จึงไดก ลาวไว. จีวรทไ่ี มควรเสพ (หม ) ดูกอนสารบี ุตร เมอื่ บคุ คลเสพจีวรแบบไร อกศุ ลธรรมทง้ั หลายจะเจริญขน้ึ แตกศุ ลธรรมทงั้ หลายกลบั เส่ือมลง จวี รแบบน้ี ไมควรเสพ. จีวรทคี่ วรเสพ (หม ) ดูกอ นสารบี ุตร แตวาเมอ่ื บุคคลเสพจีวรแบบไรอกุศลธรรมทัง้ หลายจะเสอื่ มลง แตกศุ ลธรรมทง้ั หลายกลับเจริญขนึ้ จีวรแบบน้ี ควรเสพ. ขอทเ่ี ราตถาคตกลา วดงั นี้วา ดกู อนสารีบตุ ร เราตถาคตกลา วถึงจวี รไว ๒ อยางคอื ทค่ี วรเสพอยาง ๑ ที่ไมควรเสพอยาง ๑ เราตถาคตอาศยัเนอ้ื ความดงั วามาน้ี จงึ ไดกลา วไว. กแ็ ล ขอ ที่เราตถาคตกลาวไวด ังนีว้ า ดกู อนสารบี ุตร เราตถาคตกลา วบณิ ฑบาต ไว ๒ อยางคือ ทคี่ วรเสพอยาง ๑ ที่ไมควรเสพอยา ง เราตถาคตอาศัยอะไรจงึ กลา วไว.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 282 บณิ ฑบาตท่ไี มค วรเสพ (ฉัน) ดูกอ นสารบี ตุ ร เม่อื บุคคลเสพบิณฑบาตแบบไร อกุศลธรรมทั้งหลายจะเจรญิ ขน้ึ แตก ศุ ลธรรมท้ังหลาย กลับเสอ่ื มลง บิณฑบาตแบบนี้ ไมควรเสพ. บณิ ฑบาตทค่ี วรเสพ (ฉนั ) ดูกอ นสารีบุตร แตว าเมอ่ื บคุ คลเสพบณิ ฑบาตแบบไร อกุศลธรรมทัง้ หลายจะเสอื่ มลง แตก ุศลธรรมกลับเจรญิ ข้นึ บณิ ฑบาตแบบน้ี ควรเสพ. ขอ ท่ีเราตถาคตกลา วไวด ังน้ีวา ดูกอ นสารีบตุ ร เราตถาคตกลา วถงึบิณฑบาตไว ๒ อยางคือ ทค่ี วรเสพอยาง ๑ และไมค วรเสพอยา ง ๑ นน่ั เราอาศัยเนอื้ ความดงั นี้มา จงึ ไดก ลา วไว. กแ็ ล ขอ ทเ่ี ราตถาคตกลาวไวดังนีว้ า ดกู อนสารบี ุตร เราตถาคตกลาวถงึ เสนาสนะ ไว ๒ อยางคือ ที่ควรเสพอยาง ๑ ทไ่ี มค วรเสพอยาง ๑เราตถาคตอาศัยอะไร จึงไดกลา วไว. เสนาสนะท่ไี มควรเสพ (น่ังนอน) ดูกอนสารบี ุตร เม่อื บคุ คลเสพเสนาสนะแบบไร อกุศลธรรมทงั้ หลายจะเจริญขน้ึ แตก ศุ ลธรรมทัง้ หลายกลบั เส่ือมลง เสนาสนะแบบน้ีไมควรเสพ. เสนาสนะทค่ี วรเสพ (น่งั นอน) ดูกอนสารีบตุ ร แตว า เมอื่ บคุ คลเสพเสนาสนะแบบไร อกศุ ลธรรมทงั้ หลายจะเส่อื มลง แตก ุศลธรรมทัง้ หลายกลบั เจริญขึน้ เสนาสนะแบบนี้ควรเสพ. ขอ ทเี่ ราตถาคตกลา วไวด ังนี้วา ดูกอนสารีบุตร เราตถาคตกลา วถงึเสนาสนะ ไว ๒ อยางคอื ทค่ี วรเสพอยา ง ๑ ทีไ่ มค วรเสพอยาง ๑ เราตถาคตอาศัยเนอ้ื ความดงั วา มานี้ จึงไดกลา วไว.

พระสตุ ตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 283 ก็แล ขอ ทีเ่ ราตถาคตกลาวไวดงั นว้ี า ดูกอนสารบี ุตร เราตถาคตกลา วถึงหมบู าน ไว ๒ อยางคือ ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ ทไี่ มค วรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศยั อะไร จึงไดก ลาวไว. หมบู า นทไ่ี มค วรเสพ (อาศยั อยู) ดกู อ นสารบี ุตร เมื่อบคุ คลเสพหมูบา นแบบไร อกุศลธรรมทง้ั หลายจะเจริญขน้ึ แตกศุ ลธรรมทง้ั หลายกลบั เส่อื มลง หมบู านแบบน้ี ไมควรเสพ. หมบู านทค่ี วรเสพ (อาศัยอยู) ดกู อนสารีบุตร แตวาเม่อื บุคคลเสพหมบู านแบบไร อกุศลธรรมทัง้หลายจะเส่อื มลง แตกุศลธรรมทัง้ หลายกลบั เจริญข้ึน หมบู า นแบบนี้ ควรเสพ. ขอที่เราตถาคตกลาวไวดังนี้วา ดูกอ นสารีบตุ ร เราตถาคตกลา วถงึหมบู าน ไว ๒ อยา งคอื ทีค่ วรเสพอยาง ๑ ที่ไมค วรเสพอยา ง ๑ เราตถาคตอาศยั เนอื้ ความดังกลาวมาน้ี จึงไดก ลา วไว. กแ็ ล ขอ ทเ่ี ราตถาคตกลาวไวดังน้วี า ดกู อนสารบี ุตร เราตถาคตกลาวถงึ นคิ ม ไว ๒ อยา งคอื ทคี่ วรเสพอยา ง ๑ ที่ไมค วรเสพอยา ง ๑ นั่นเราตถาคตอาศยั อะไร จึงไดก ลาวไว. นคิ มไมค วรเสพ (อาศัยอย)ู ดูกอนสารบี ตุ ร เม่ือบคุ คลเสพนิคมแบบไร อกุศลธรรมทง้ั หลายจะเจรญิ ขน้ึ แตกศุ ลธรรมกลับเส่ือมลง นคิ มแบบนี้ ไมค วรเสพ. นิคมทค่ี วรเสพ (อาศัยอยู) ดูกอ นสารบี ตุ ร แตว า เมื่อบคุ คลเสพนิคมแบบไร อกศุ ลธรรมทั้งหลายจะเส่อื มลง แตกศุ ลธรรมท้งั หลายกลับเจริญขน้ึ นิคมแบบน้ี ควรเสพ.

พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 284 ขอ ทเี่ ราตถาคตกลา วไวดงั นว้ี า ดูกอ นสารีบุตร เราตถาคตกลาวถึงนิคม ไว ๒ อยา งคอื ท่ีควรเสพอยาง ๑ ทไ่ี มควรเสพอยา ง ๑ น่นั เราตถาคตอาศยั เนือ้ ความดงั วามาน้ี จึงไดก ลาวไว. กแ็ ล ขอ ทเ่ี ราตถาคตกลา วไวด งั น้ีวา ดกู อ นสารีบตุ ร เราตถาคตกลา วถงึ ชนบทไว ๒ อยางคอื ท่ีควรเสพอยา ง ๑ ทไ่ี มค วรเสพอยา ง ๑ น่ันเราตถาคตอาศัยอะไร จงึ ไดก ลาวไว. ชนบทท่ไี มค วรเสพ (อาศัยอยู) ดกู อนสารีบุตร เม่อื บุคคลเสพชนบทแบบไร อกศุ ลธรรมทงั้ หลายจะเจริญขนึ้ กุศลธรรมทงั้ หลายกลบั เส่อื มลง ชนบทแบบน้ี ไมควรเสพ. ชนบทท่ไี มค วรเสพ (อาศยั อยู) ดกู อ นสารบี ุตร แตว าเมื่อบคุ คลเสพชนบทแบบไร อกุศลธรรมทั้งหลายจะเส่อื มลง แตก ุศลธรรมท้ังหลายกลับเจรญิ ขึ้น ชนบทแบบน้ี ควรเสพ. ท่เี ราตถาคตกลาวไวด ังนี้วา ดูกอนสารีบุตร เราตถาคตกลาวถงึชนบท ไว ๒ อยางคือ ทีค่ วรเสพอยา ง ๑ ทไ่ี มค วรเสพอยา ง ๑ น่ันเราตถาคตอาศัยเนอ้ื ความดงั วามาน้ี จึงไดกลา วไว. กแ็ ล ขอ ทเ่ี ราตถาคตกลาวไวดงั น้ีวา ดูกอ นสารบี ตุ ร เราตถาคตกลาวถงึ บคุ คลไว ๒ จําพวก คือ ทค่ี วรเสพจําพวก ๑ ที่ไมค วรเสพจําพวก ๑ เราตถาคตอาศยั อะไร จึงไดก ลาวไว. บคุ คลทีไ่ มควรเสพ (คบ) ดูกอ นสารีบุตร เมือ่ บคุ คลเสพบคุ คลแบบไร อกศุ ลธรรมท้ังหลายจะเจริญขน้ึ แตกศุ ลธรรมท้งั หลายกลบั เสือ่ มลง บุคคลแบบนีไ้ มควรเสพ. บคุ คลท่ีควรเสพ (คบ) ดกู อนสารีบุตร แตว า เม่อื บุคคลเสพบุคคลแบบไร อกศุ ลธรรมทง้ัหลายจะเสือ่ มลง แตก ุศลธรรมทง้ั หลายกลับเจรญิ ข้ึน บุคคลแบบนค้ี วรเสพ.

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌิมนิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 285 ขอทเ่ี ราตถาคตกลาวไวด งั นีว้ า ดกู อ นสารีบุตร เราตถาคตกลาวถึงบุคคลไว ๒ จําพวกคือ ทีค่ วรเสพจําพวก ๑ ไมควรเสพจําพวก ๑ เราตถาคตอาศยั เน้อื ความดังวามาน้ี จงึ ไดก ลา วไว. ดกู อ นสารบี ตุ ร ธรรมบรรยายทเ่ี ราตถาคตกลา วแลว โดยยอ น้ี เธอพึงเหน็ เนื้อความ โดยพิสดารอยางน.ี้ [๒๓๓] ดกู อนสารบี ุตร ถา กษตั รยิ ท ง้ั ปวง พงึ รทู ่วั ถึงอรรถแหงธรรมบรรยาย ทเ่ี ราตถาคตกลาวโดยยอนีไ้ ด โดยพศิ ดารอยางน้ี น่นั จะพึงเปนไป เพอื่ ประโยชนเก้อื กูล เพื่อความสขุ แกก ษตั รยิ แ มทงั้ ปวงตลอดกาลนาน. ดกู อ นสารีบุตร ถาพราหมณแมท้ังปวง.... ดูกอ นสารีบตุ ร ถาแพศยแมทั้งปวง.... ดูกอ นสารบี ตุ ร ถา ศทู รแมท ้งั ปวง พึงรทู ่ัวถึงอรรถแหง ธรรม-บรรยาย ทเี่ ราตถาคตกลา วโดยยอนไ้ี ด โดยพิสดารอยา งน้ี นั่นจะพึงเปน ไปเพอื่ ประโยชนเกือ้ กูล เพอ่ื ความสุขแกศ ูทรแมทง้ั ปวงตลอดกาลนาน. ดกู อ นสารีบตุ ร ถา แมโลกพรอ มทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกและหมสู ัตว พรอมทัง้ สมณะและพราหมณ พรอ มทง้ั เทวดาและมนษุ ยพ งึ รูทั่วถงึ อรรถแหง ธรรมบรรยาย ทเ่ี ราตถาคตกลา วโดยยอ น้ไี ด โดยพสิ ดารอยา งน้ีนัน่ จะพงึ เปนไป เพ่ือประโยชนเกอื้ กลู เพอื่ ความสขุ แกโ ลก พรอ มท้ังเทว-โลก มารโลก พรหมโลก และหมสู ตั ว พรอมทงั้ สมณะและพราหมณ พรอ มท้งั เทวดาและมนุษย ตลอดกาลนาน. พระผูม พี ระภาคเจา ไดต รสั พระภาษติ นแ้ี ลว ทานพระสารบี ุตรชืน่ ชมยนิ ดพี ระภาษิตของพระผูม พี ระภาคเจา แล. จบ เสวติ พั พาเสวิตัพพสูตรท ๔

พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 286 อรรถกถาเสวติ พั พาเสวติ พั พสตู ร เสวติ ัพพาเสวิตพั พสตู ร มีคําเรม่ิ ตนวา ขา พเจาไดส ดับมาแลว อยา งนี้. สมาจาร บรรดาบทเหลานัน้ บทวา ตฺจ อฺญมฺ  กายสมาจาร ความวา เราตถาคตกลา วความประพฤติทางกายท่คี วรเสพอยางหน่งึ และที่ไมค วรเสพอยา งหนึง่ . อธิบายวา เราตถาคตมิไดก ลา ววา กายสมาจารท่ีควรเสพน่นัแลไมค วรเสพโดยปรยิ ายไรๆ หรือกายสมาจารท่ไี มค วรเสพวาควรจะเสพ. แมในวจสี มาจารเปนตน กน็ ัยน้ีเหมือนกัน. พระผมู พี ระภาคเจาครน้ัทรงวางแมบ ทไวโดยบททั้ง ๗ ดวยประการอยา งนีแ้ ลว มไิ ดท รงจาํ แนกไวโดยพิสดาร กท็ รงยตุ ิเทศนาไว. เพราะเหตไุ ร ? เพราะเพอื่ จะใหโ อกาสแกพระสารบี ุตรเถระ. ในมโนสมาจาร ทานไมไดถ ือเอามจิ ฉาทิฏฐแิ ละสัมมาทิฏฐวิ า เปน องคท่ีแยกตง้ั ไวต า งหากดว ยสามารถแหง การกลับไดท ิฏฐ.ิ ในจติ ตุปบาท ควรทราบอภชิ ฌาเปน ตน วา ไมถ งึ กรรมบถ๑ ก็หามไิ ด. (คือถงึ กรรมบถ) ในวาระท่ีวาดว ยการไดสัญญา ตรสั บทท้ังหลายเปน ตน วา อภิชฌฺ าสหคตาย ลฺาย (มีสัญญาอันไปรวมกับอภิชฌา) ดังนี้ เพือ่ ทรงแสดงกามสัญญาเปน ตน . พระอนาคามยี งั มภี วตัณหา บทวา สพฺยาปชณฺ  แปลวา มีทุกข. บทวา อปรินิฏิตภาวายไดแก เพราะภพทง้ั หลายยงั ไมหมดไป. กใ็ นที่น้ี ชอื่ วาอตั ภาพทถี่ กู ทุกขเ บียด๑. บางปกรณว า อภชิ ฌาไมถ งึ กรรมบถ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 287เบยี นมี ๔ ประการ. เพราะบคุ คลใดแมเ ปนปถุ ุชน ยอมไมอาจเพือ่ จะหยุดภพโดยอัตภาพนนั้ ได จาํ เดิมแตการปฏิสนธิของบคุ คลน้นั อกุศลธรรมทง้ั หลายยอ มเจรญิ และกศุ ลธรรมท้งั หลายยอมเสื่อมไป ช่อื วา ยอมยังอตั ภาพที่มีทกุ ขเทานน้ั ใหเ กดิ . พระโสดาบนั พระสกทาคามีและพระอนาคามีก็เหมอื นกัน. ถามวา ปถุ ชุ นทง้ั หลายเปน ตน รวมพระโสดาบัน และพระสกทาคา-มี ขอยกไวกอน แตพระอนาคามยี อมยงั อตั ภาพที่มีทกุ ขเ บยี ดเบยี นใหเ กิดขน้ึไดอยา งไร. ตอบวา เพราะแมพระอนาคามี บงั เกดิ ในชัน้ สุทธาวาส แลดตู นกัลปพฤกษในวมิ านอทุ ยาน (สวนสวรรค) เปลง อทุ านวา สุขหนอ สุขหนอ.ความโลภในภพ ตัณหาในภพ ยอมเปน อันพระอนาคามี ยังละไมไดเ ลยเพราะพระอนาคามีนน้ั ยงละตณั หาไมได ชือ่ วา อกศุ ลธรรมยอ มเจรญิ กุศล-ธรรมเสื่อมไป ยอ มยงั อตั ภาพทีม่ ีทกุ ขนัน่ แลใหเกิดขึน้ พงึ ทราบวา ยังเปนผูมภี พไมส ้นิ สุดนนั่ แหละ. อัตภาพไมม ีทุกขข องปุถุชน บทวา อพยฺ าปชฺฌ คอื ไมม ที กุ ข. แมบ ุคคลน้ี กพ็ งึ ทราบเนื่องดว ยชน ๔ จาํ พวก. อธิบายวา บคุ คลใดแมเ ปนปถุ ชุ น ก็อาจทาํ ภพใหส ิน้ สุดลงดว ยอัตภาพนนั้ ไมถ อื ปฏสิ นธิอกี ตอไป จาํ เดิมแตบุคคลนน้ั ถือปฏิสนธิอกศุ ลธรรมเสอ่ื มไป กุศลธรรมเทา นน้ั เจริญ เขายอ มยังอตั ภาพอันไมม ีทกุ ขน่นั แหละ ใหเกดิ ขึ้น เปน ผูชอ่ื วามีภพส้ินสดุ แลว ทเี ดยี ว. พระโสดาบันพระสกทาคามี และพระอนาคามีกเ็ หมอื นกนั . ถามวา พระโสดาบนั เปนตน พกั ไวกอ น (ไมต อ งพดู ถงึ ) ปุถชุ นยอมยงั อตั ภาพอันไมม ที ุกขใหเกดิ ขนึ้ ไดอ ยา งไร ? และเขามกี ารเสื่อมจากอกุศลธรรมเปนตน ไดอยา งไร ?

พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 288 ตอบวา แมปถุ ชุ นผเู กดิ ในภพสดุ ทา ย ก็ยอมสามารถทาํ ภพใหส้ินสดุลงดวยอตั ภาพน้ันได อตั ภาพของปถุ ชุ นผูเกิดในภพสุดทา ยนนั้ แมจ ะฆา สตั วถงึ ๙๙๙ ชีวิต เหมือนองคุลมิ าล ก็ช่อื วาไมม ที ุกข ชื่อวายอมทําภพใหส ิ้นสุดลง ชื่อวา ยอมยงั อกศุ ลนัน่ แลใหเ สื่อมไป ยอมยงั วิปส สนานั่น แลใหถ ือเอาหอ งวปิ ส สนาได. ราคะเกิดแกบางคน พึงทราบวินจิ ฉยั ในบทวา จกขฺ ุวิ ฺเยฺย เปนตน ดังตอ ไปน้ี:-เพราะเหตุที่ราคะเปน ตน ในรูปน่ันแหละ ยอมเกิดสาํ หรบั บคุ คลบางคน บุคคลบางคนจงึ เพลิดเพลินชอบใจ เมอื่ เพลดิ เพลนิ ชอบใจยอมถึงความเส่อื มและความพนิ าศ. ยอ มไมเ กิดสําหรบั บคุ คลบางคน บุคคลบางคนจงึ เบื่อหนายคลายกาํ หนัด ยอ มถึงความดับ เพราะฉะน้ันจงึ ไมตรัสวา ตจฺ อฺมฺในบททั้งปวงมีนัยน้นี น่ั แล. ทุกขไมมีแกทา นผูไมม ีปฏสิ นธิ ในบทวา เอว วติ ฺถาเรน อตถฺ  อาชาเนยฺยุ มีวนิ ิจฉยั ดงั ตอไปน้ี. ถามวา คนเหลา ไหน ยอมรเู นอ้ื ความภาษิตนขี้ องพระผมู พี ระภาคเจา . ตอบวา เบ้อื งตน ชนเหลา ใดร่าํ เรยี นบาลี และอรรถกถาของพระสูตรนี้ แตไมท าํ ตามทีร่ ่ําเรยี นมานั้น ไมปฏิบตั อิ นุโลมปฏปิ ทา ตามทีก่ ลา วแลว ชนเหลา นน้ั ช่ือวายอ มไมร .ู สวนชนเหลา ใดเปนผูกระทาํ ตามท่ีเลาเรียนมานัน้ ปฏบิ ัตอิ นุโลมปฏิปทาตามทก่ี ลา วแลว ชนเหลา นั้นช่อื วาร.ู ถามวา แมเม่ือเปน อยา งนนั้ การรูเ นื้อความแหง พระพุทธพจนนัน้จะมปี ระโยชนเ ก้อื กูลและความสุขตลอดกาลนาน สําหรับเหลา สัตวผ มู ีปฏิสนธิ
























Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook