พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌิมนกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 319 ปรินพิ พาน ๓ ชอื่ วา ปรินิพพานมี ๓ คอื กิเลสปรนิ พิ พาน ขันธปรินพิ พานธาตุปรินิพพาน. ในปรินิพพาน ๓ อยางนน้ั กิเลสปรนิ พิ พานไดมแี ลวณ โพธบิ ัลลังก ขนั ธปรนิ ิพพานไดม แี ลว ณ เมอื งกุสินารา ธาตุปร-ินพิ พาน จกั มีในอนาคต. พระธาตุเสด็จมาชมุ นุมกัน ไดยินวา ในคราวพระศาสนาจะเส่ือม พระธาตุท้งั หลายจะเสดจ็ ชุมนุมกนั ทเี่ กาะลังกานี้ แลวเสด็จไปยงั มหาเจดยี จากมหาเจดียเสด็จไปยังราชายตนเจดีย ในนาคทวปี จากราชายตนเจดีย เสด็จไปยังมหาโพธ-ิ์บลั ลงั ก. พระธาตุท้งั หลาย จากนาคพภิ พก็ดี จากเทวโลกก็ดี จากพรหม-โลกกด็ ี จักเสดจ็ ไปยงั มหาโพธิบัลลังกเ ทาน้นั . พระธาตแุ มขนาดเมล็ดพนั ธผุ ักกาด. จกั ไมห ายไปในระหวาง ๆ กาล. พระธาตทุ ั้งหมด (จะรวม)เปน กองอยทู มี่ หาโพธบิ ลั ลังก เปน แทงเดียวกันเหมือนแทง ทองคําเปลงพระฉพั พรรณรังสี (รสั มมี สี ี ๖ ประการ) พระฉัพพรรณรงั สีทัง้ หลายน้ันจักแผไ ปทว่ั หม่ืนโลกธาต.ุ แตนนั้ เทวดาทงั้ หลายในหมน่ื จกั รวาฬ จกั ประชุมกันแสดงความการณุ ยอ ยา งใหญ ย่ิงกวา ในวันเสดจ็ ปรนิ ิพพานของพระทศพล-วา วนั น้พี ระศาสดาจะเสด็จปรนิ พพาน วนั นี้พระศาสนาจะเสอ่ื ม น้ีเปนการเห็นครง้ั สุดทา ยของพวกเรา ณ กาลน้.ี เวน พระอนาคามี และพระ-ขีณาสพ พวกท่ีเหลอื ไมอาจดาํ รงอยตู ามสภาวะของตนได. เตโชธาตลุ ุกข้นึในพระธาตทุ ัง้ หลายแลว พลงุ ขึน้ ไปจนถงึ พรหมโลก. เม่อื พระธาตแุ มมีประมาณเทาเมลด็ พนั ธผุ ักกาดยงั มีอยู กจ็ ักมีเปลวเพลิงตดิ อยูเปลวหนง่ึ เมื่อพระธาตุทั้งหลายหมดไป เปลวเพลงิ กม็ อดหมดไป. เมือ่ พระธาตทุ ้ังหลายแสดงอานุภาพ
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 320ใหญอยางนแ้ี ลว อนั ตรธานหายไป. พระศาสนาชือ่ วาเปน อันอันตรธานไป.พระศาสนาชื่อวา เปนของอัศจรรย ตราบเทา ทยี่ ังไมอนั ตรธานไปอยา งน้.ี ขอทพี่ ระพทุ ธเจา ทัง้ หลายเสดจ็ อุบตั ไิ มกอ นไมห ลงั กันอยางน้นี นั้ ไมเ ปนฐานะท่จี ะมไี ด. เหตุทพ่ี ระพทุ ธเจาไมอุบัติพรอมกัน ก็เพราะเหตุไร ? จึงไมอุบตั ไิ มกอนไมห ลงั กนั ? เพราะไมนา อศั จรรย. เพราะพระพทุ ธเจา ทงั้ หลาย เปน อจั ฉรยิ มนุษย. สมดงั ทีต่ รสั ไววาภิกษุทัง้ หลาย บุคคลผูเ ปนเอก เมอื่ อบุ ัตขิ ้นึ ในโลก ยอมเปน มนษุ ยอัศจรรยอ บุ ัตขิ ้ึน บคุ คลผเู ปนเอกคือใคร ? คอื พระตถาคต-อรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา . ก็ถา พระพทุ ธเจา ๒ พระองค ๔ พระองค ๘ พระองค หรือ ๑๖พระองคเ สดจ็ อบุ ตั ขิ ้นึ รว มกัน ไมพ งึ เปนผูนาอศั จรรย. เพราะลาภสกั การะแมของเจดีย ๒ องคในวหิ ารเดียวกนั ยอมไมเปน ของโอฬาร. แมภ ิกษุทั้งหลายกไ็ มเ ปน ผนู า อศั จรรย เพราะมีมาก. แมพ ระพุทธเจา ทง้ั หลายพึงเปน อยา งนัน้ เพราะฉะน้ัน จึงไมเสด็จอบุ ตั .ิ อน่งึ ท่ไี มเ สด็จอบุ ัติ (พรอ มกัน) เพราะพระธรรมเทศนาของพระ-องค ไมม ีแปลกกัน. ดวยวา พระพทุ ธเจา พระองคหนึ่ง ทรงแสดงธรรมใดตา งโดยสตปิ ฏ ฐานเปนตน แมพระพุทธเจา พระองคอืน่ เสดจ็ อุบตั ิแลว ก็พงึ ทรงแสดงธรรมนัน้ เหมือนกัน เพราะเหตุน้ัน จงึ ไมนาอศั จรรย. แตเ มื่อพระพุทธเจา พระองคเดียวทรงแสดงธรรม แมเ ทศนาก็เปน ของอศั จรรย อนง่ึ พระธรรมเทศนาจะเปนของอัศจรรย เพราะไมม กี ารขดั แยงกนั . ก็เมือ่ พระพุทธเจาเสดจ็ อบุ ัติข้ึนหลายพระองค สาวกจะพงึ วิวาทกนั วา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 321พระพทุ ธเจาของพวกเรานา เลอื่ มใส พระพุทธเจาของพวกเราพระสรุ เสยี งไพเราะ มีบุญ. เหมือนพวกศิษยข องอาจารยหลายคน แมเ พราะเหตนุ นั้ จงึไมเ สด็จอบุ ัติขน้ึ อยา งน้ัน. อีกอยางหนึ่ง เหตุการณน้ี พระนาคเสนถกู พระเจามิลินทตรสั ถาม ไดข ยายความพิสดารไวแลว สมจรงิ ดังท่ีทานกลา วไววา :- พระยามลิ ินท ตรัสถามวา ขา แตพ ระคุณเจานาคเสน ในเร่อื งพระพุทธเจาหลายพระองคน ้นั แมพ ระผมู ีพระภาคเจา กไ็ ดตรัสคําน้ีไววาภกิ ษทุ ้ังหลาย ขอนไี้ มใชฐานะ ไมใชโ อกาส คือ ขอ ที่พระอรหนั ต-สมั มาสัมพุทธเจา ๒ พระองค เสดจ็ อุบตั ิ ไมก อนไมห ลังกันในโลกธาตุเดยี วกันน้นั มิใชฐ านะที่จะมไี ด ทา นนาคเสน อนึง่ เมอ่ื จะทรงแสดงธรรม พระตถาคตแมทุกพระองคก็จะทรงแสดงโพธปิ ก ขิยธรรม ๓๗ประการ เมอ่ื จะตรัสกจ็ ะตรสั อริยสัจ ๔ เมอื่ จะใหศกึ ษากจ็ ะทรงใหศึกษาในสกิ ขา ๓ และเม่ือจะทรงสงั่ สอน กจ็ ะทรงส่งั สอนการปฏิบตั ิเพ่ือความไมประมาท ขา แตพระคุณเจา นาคเสน ถาวา พระพุทธเจาแมทุกพระองคมีอุทเทสอยา งเดียวกนั มกี ถาอยางเดยี วกัน มสี กิ ขาบทอยา งเดียวกนั มีอนุสนธิอยา งเดยี วกัน เพราะเหตไุ ร พระตถาคต ๒ พระองค จงึ ไมเสดจ็อบุ ตั ิในคราวเดยี วกนั เพราะการเสดจ็ อุบัตขิ น้ึ ของพระพทุ ธเจาแมพ ระองคเดยี ว โลกนี้กจ็ ะเกิดแสงสวาง ถา จะพงึ มีพระพทุ ธเจาองคที่ ๒ โลกนก้ี ็จะพึงมแี สงสวา งยงิ่ กวาประมาณ ดวยพระรัศมีของพระพุทธเจา ๒ พระองคและพระตถาคต ๒ พระองค เมือ่ จะตรสั สอน กจ็ ะตรสั สอนไดงา ย เมือ่ จะทรงอนุสาสน ก็ทรงอนุสาสนไดงา ย ขอพระคณุ เจาจงช้ีแจงเหตุในขอ นัน้ ใหโยมฟง ใหห ายสงสยั ดวยเถิด. พระนาคเสน ถวายวสิ ัชนาวา มหาบพติ ร หมนื่ โลกธาตุนี้ รองรับพระพทุ ธเจาองคเ ดยี ว รองรับพระคณุ ของพระตถาคตพระองคเ ดยี วเทา นน้ั
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 322ถา พระพทุ ธเจาองคท่ี ๒ จะพงึ อุบตั ิขน้ึ . โลกธาตุนจี้ ะพึงรองรับไมได จะพึงหวน่ั ไหวนอมโนม พลิกกระจาย แตกทําลายไปเขาถงึ การตั้งอยูไมได มหา-บพิตร เรือบนั ทุกคนไดคนเดียว เม่ือคนผเู ดียวข้นึ เรือนั้นพึงใชก ารได ถาคนท่ี ๒ ลงมา เขามี อายุ วรรณ วยั ขนาดผอม อวน มอี วยั วะนอยใหญทุกอยาง เหมอื นคนแรกนั้น คนผนู ้ันพึงข้ึนเรือลาํ นนั้ มหาบพติ ร เรอืลําน้นั จะรบั คนแมทั้งสองไวไดห รอื หนอ ? รับไมไ ดด อกพระคุณเจา เรอื ลาํ นัน้ จะตองโคลง นอมโนม ควํา่กระจาย แตกทาํ ลายไป เขา ถึงการลอยลําอยูไ มได พงึ จมนํ้าไป ฉนั ใดฉันนั้นเหมือนกันแล มหาบพิตร หมนื่ โลกธาตนุ ีร้ องรบั พระพุทธเจา ไดพ ระองคเดยี ว รองรับพระคุณของพระตถาคตไดพระองคเ ดยี วเทา นัน้ ถา วาพระ-พทุ ธเจา องคที่ ๒ พึงอุบัตขิ ้นึ หม่ืนโลกธาตจุ ะพึงรองรบั ไวไมไ ดพงึ หวน่ั ไหวนอ มโนม พลิกกระจาย แตก ทาํ ลายไป เขาถงึ ความตั้งอยูไมไ ด อกี อยา งหนง่ึ มหาบพติ ร เหมอื นอยา งวา คนบรโิ ภคอาหารเตม็ ที่ จนถงึ คอพอแกความตอ งการ ตอ แตนั้น เขาจะอ่ิม เต็มที่ โงกงวงตลอดเวลา เปนเหมอื นทอ นไมท่แี ข็งท่อื . เขาพึงบริโภคอาหารมีประมาณเทา น้นั อีกคร้งั มหาบพติ รคนผนู ัน้ จะพึงมีความสุขหรอื หนอ ? ไมมีเลย พระคณุ เจา เขาบรโิ ภคอกี ครงั้ เดยี ว ก็จะตอ งตาย ฉันนั้นเหมือนกันแล มหาบพติ ร หมนื่ โลกธาตนุ ้ีรองรับพระพทุ ธเจา พระองคเดยี ว ฯลฯ พงึ เขาถงึ การตงั้ อยไู มไ ด. พระคุณเจา นาคเสน ดวยการแบกธรรมอันยงิ่ ไว แผนดนิ จะไหวไดอ ยางไร ? ขอถวายพระพร มหาบพิตร ในขอนี้ (ขออปุ มาดว ย) เกวยี น ๒ เลม(บรรทุก) เตม็ ดวยรัตนะจนถงึ เสมอปาก จะเอารตั นะจากเกวียนเลมหนึง่ ไป
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 323เกลีย่ ใสในเกวยี นอีกเลมหน่งึ มหาบพติ ร เกวยี นเลม นนั้ จะพงึ รองรับรัตนะของเกวยี นท้ังสองเลม ไดแ ลหรอื ? ไมไดเลย พระคุณเจา แมดุมของเกวยี นเลมนั้นก็จะคลอน แมกําก็จะแตก แมก งกจ็ ะหลดุ ตกไป แมเพลากจ็ ะหกั . ขอถวายพระพร มหาบพติ ร เกวียนหกั เพราะการ (ท่บี รรทุก) รัตนะเกนิ ไปใชห รือไม ? ถูกแลว พระคณุ เจา ขอถวายพระพร มหาบพิตร (ขอ นีฉ้ นั ใด) แผนดินก็ฉันน้ันเหมือนกนั หวน่ั ไหวเพราะภาระคอื ธรรมอนั ย่งิ . ขอถวายพระพร มหาบพิตร อกี อยา งหนงึ่ ขอพระองคจงทรงสดับเหตุการณน ้ี อันเปน ที่รวมการแสดงพระกาํ ลังของพระสมั มาสัมพุทธเจา(และ) เหตุการณแ มอยางอ่นื ท่นี าสนใจในขอ นั้น ทเ่ี ปน เหตุใหพระสัมมา-สัมพทุ ธเจา ๒ องคไมอ ุบตั คิ ราวเดียวกนั มหาบพิตร ถา พระสมั มาสัม-พุทธเจา ๒ พระองคจ ะพงึ อบุ ัตใิ นคราวเดยี วกันไซร ความวิวาทกันจะพงึ เกดิแกบรษิ ทั สาวกจะเกิดเปน ๒ ฝา ยวา พระพทุ ธเจา ของพวกทา น พระพุทธ-เจา ของพวกเรา ขอพระองคจงสดบั เหตกุ ารณขอแรกน้ี ทีเ่ ปน เหตุไมใหพระสมั มาสัมพทุ ธเจา ๒ พระองคอุบตั ิข้นึ ในคราวเดียวกนั . ขอพระองคจงสดบั เหตุการณแ มข ออน่ื ย่ิงไปกวานี้ ที่เปนเหตไุ มใหพระสมั มาสมั -พทุ ธเจา ๒ พระองคอบุ ัตขิ ึ้นในคราวเดียวกัน. ขอถวายพระพร มหาบพิตรถาพระสัมมาสมั พทุ ธเจา ๒ พระองค พงึ อบุ ตั ขิ ึ้นในคราวเดียวกันไซรคาํ ทวี่ า พระพทุ ธเจา ผูเลศิ กจ็ ะพงึ ผิดไป คาํ ที่วา พระพทุ ธเจา ผเู จรญิ ที่สดุ ทวี่ า พระพทุ ธเจา ผวู เิ ศษสุด ทีว่ าพระพุทธเจาผสู ูงสุด ท่ีวา พระ-พุทธเจาผูประเสรฐิ ทีว่ าพระพทุ ธเจา ไมม ีผูเ สมอ ทวี่ า พระพทุ ธเจา หาผู
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌิมนิกาย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 324เสมอเหมือนมไิ ด ที่วา พระพทุ ธเจาผไู มม ีผูเ ปรยี บเทยี บ. ทว่ี า พระพุทธ-เจา ไมมผี ูเทียมทัน ที่วาพระพทุ ธเจา หาผเู ปรียบมิได พึงเปน คําผิดไป ขอถวายพระพร มหาบพิตร ขอพระองคจงรบั เหตุการณแมนแ้ี ล โดยความหมายอนั เปนเหตไุ มใ หพ ระสมั มาสมั พุทธเจา ๒ พระองค อบุ ัตขิ ึ้นในคราวเดียวกัน. อกี อยา งหน่งึ ขอถวายพระพร มหาบพติ ร ขอ ที่พระสมั มาสมั พุทธเจาพระองคเ ดยี วเทาน้นั อบุ ัติขน้ึ ในโลกนี้ เปน สภาวปกติของพระพุทธเจา ทั้งหลายเพราะเหตุไร ? เพราะพระคุณของพระสพั พัญูพุทธเจาท้งั หลายเปนเหตุการณใ หญหลวง. ขอถวายพระพร มหาบพติ ร สิ่งทเี่ ปน ของใหญแ มอยางอื่น ยอ มมีเพยี งสง่ิ เดียวเทาน้นั แผน ดนิ ใหญมแี ผนดินเดยี วเทาน้นัสาครใหญม สี าครเดยี วเทา นน้ั ขุนเขาสิเนรใุ หญป ระเสรฐิ สุดก็มลี กู เดียวเทาน้ันอากาศใหญ (กวาง) กม็ ีแหงเดียวเทานน้ั ทาวสกั กะใหญก็มีองคเดียวเทานน้ั พระพรหมใหญกม็ อี งคเ ดียวเทาน้นั พระตถาคตอรหนั ตสมั มา-สมั พทุ ธเจา ผยู ิ่งใหญก ม็ พี ระองคเดยี วเทา นนั้ ทา นเหลานน้ั อุบตั ขิ นึ้ ในท่ีใดคนเหลา อ่ืนยอ มไมมีโอกาสในท่ีนั้น เพราะเหตุนัน้ พระตถาคตอรหนั ต-สมั มาสมั พุทธเจา พระองคเ ดยี วเทานนั้ อุบตั ิขึ้นในโลก. พระคณุ เจา นาคเสนปญหาพรอ มท้งั เหตุการณ (ท่นี าํ มา) เปรียบเทยี บ ทานกลา วไดดีมาก. เหตุท่พี ระเจาจักรพรรดิไมอ ุบัตริ วมกัน บทวา เอกสิ สฺ า โลกธาตุยา ไดแก ในจกั รวาลเดียว ก็หม่ืนจกั รวาลแมจะถอื เอาดว ยบทนี้ในตอนตน กค็ วรทจี่ ะกาํ หนดเอาจักรวาลเดียวเทาน้ัน เพราะวา พระพุทธเจาทงั้ หลายเม่ือจะอบุ ัติขนึ้ ยอมอบุ ตั ิข้ึนในจักรวาลน้เี ทา นั้น ก็เมือ่ หามสถานท่ที ่เี สดจ็ อุบตั ยิ อมเปนอนั หา มเด็ดขาดวา พระพุทธเจาทัง้ หลาย ไมเ สด็จอบุ ัตใิ นจักรวาลอ่ืนนอกจากจกั รวาลนี้.
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 325 ในบทวา อปุพพฺ อจรมิ น้ี มีความหมายวา ไมก อน (คือ) ไมกอ นแตความปรากฏขน้ึ แหงจกั รรตั นะ ไมห ลัง (คอื ) ไมหลังจากจักรรตั นะนน้ั อันตรธาน ในขอที่วา ไมก อน ไมห ลงั นน้ั จักรรัตนะยอมอันตรธานไปโดยสวน ๒ คอื โดยพระเจาจักรพรรดเิ สด็จสวรรคต หรือโดยเสดจ็ ออกทรงผนวช กแ็ หละจักรรตั นะนนั้ เม่อื จะอนั ตรธาน ยอมอนั ตรธานไปในวันท่ี ๗ แตการเสด็จสวรรคต หรอื แตก ารเสดจ็ ออกทรงผนวช ตอแตน ้นัไมหา มการปรากฏข้ึนแหง พระเจา จักรพรรดิ ถามวา ก็เพราะเหตุไร พระเจา จกั รพรรดิ ๒ พระองคจ งึ ไมท รงอบุ ัตขิ ึน้ ในจกั รวาลเดยี วกัน. ตอบวา เพราะจะตัดการววิ าท เพราะจะใหเปน ความอัศจรรย และเพราะจกั รรตั นะมีอานุภาพมาก. กเ็ ม่ือ พระเจา จกั รพรรดิ ๒ องค อุบตั ขิ น้ึ การววิ าทก็จะพงึ เกิดขึ้นวา พระราชาของพวกเราใหญ พระราชาของพวกเราก็ใหญ. ในทวปี หน่ึงมี พระเจา จกั รพรรดิ (อกี ) ทวีปหน่ึงกม็ ี พระเจาจักรพรรดิ ดงั น้นัจะพึงไมเ ปน ของอัศจรรย และอานุภาพอนั ย่ิงใหญของจักรรตั นะอันสามารถมอบใหซงึ่ ความเปนใหญในทวปี ใหญท งั้ ๔ มที วปี นอยสองพันเปน บริวารก็จะหมดคณุ คา พระเจา จกั รพรรดิ ๒ พระองค ก็ยอ มไมอุบตั ขิ ึน้ ในจักร-วาลเดยี วกัน ก็เพราะจะตดั การวิวาทกัน เพราะไมเปน ความอัศจรรย และเพราะจกั รรัตนะมอี านภุ าพมาก ดวยประการดังน้ี. หญงิ เปนพระพุทธเจา ไมไ ด ในคําน้วี า ย อติ ฺถี อรห อสสฺ สมมฺ าสมฺพทุ โฺ ธ (ขอท่ีหญิงพงึ เปน พระอรหนั ตสมั มาสัมพุทธเจา) ดงั น้ี ความเปนพระพทุ ธเจา
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 326ทีส่ ามารถยงั คณุ คอื สพั พัญใู หเ กิดขึ้นแลวไดโลกุตระขอยกไวก อ น แมเ พียงการต้ังปณิธานก็ยอมไมส าํ เร็จแกส ตรี. บุญญาภนิ หิ ารจะสาํ เรจ็ ได เพราะรวมเหตุ ๘ ประการ คือความเปนมนุษย ความถึงพรอมดว ยเพศ (ชาย) ๑ เหตุ (มโนปณิธาน) ๑ การไดพ บเห็นพระศาสดา ๑ การบรรพชา ๑ ความถึงพรอมดว ยคณุ ๑ อธกิ าร (คอื สักการะอันยงิ่ ใหญ) ๑ ความพอใจ(ในพระโพธญิ าณ) ๑ เหตทุ กี่ ลาวมาน้แี หละ เปน เหตุแหงปณิธานสมบัต.ิ เมื่อสตรีไมสามารถเพือ่ ยังแมป ณธิ านใหสําเร็จได ดวยประการดงั กลา ว ความเปนพระพทุ ธเจาจะมมี าแตไ หนเพราะเหตนุ น้ั จงึ ตรัสวา ขอทีห่ ญิงพงึ เปน พระอรหันต-สมั มาสัมพทุ ธเจาน้ัน มิใชฐ านะ มใิ ชโ อกาส. กก็ ารส่ังสมบุญใหบ ริบูรณดวยอาการทง้ั ปวง จะใหเ กิดอัตภาพที่บรบิ ูรณด ว ยอาการท้งั ปวงน่นั แหละเพราะเหตนุ ้ัน บุรษุ เทานัน้ เปนพระอรหันตสัมมาสมั พุทธเจา . หญิงเปน พระเจา จักรพรรดิไมไ ด แมในบทเปน ตน วา ย อิตฺถี ราชา อสสฺ จกกฺ วตฺติ (ขอ ท่ีหญงิ พึงเปนพระเจาจักรพรรดิ) ดังนี้ มอี ธิบายวา เพราะเหตทุ ล่ี กั ษณะทงั้ หลายของหญงิ ไมบ รบิ ูรณโดยไมมขี องลบั ที่จะเก็บไวในฝก เปน ตน ความพรง่ั พรอมดวยรัตนะ ๓ ประการ ไมสมบรู ณ เพราะไมม อี ิตถีรัตนะ (คือนางแกว ) และไมมอี ัตภาพทย่ี ิ่งใหญก วา มนษุ ยทงั้ หลาย เพราะเหตนุ น้ั จึงตรัสวา ขอท่ีหญิงพึงเปนพระเจาจกั รพรรดิน้นั มใิ ชฐานะ มิใชโอกาสทีจ่ ะมีได. และเพราะฐานะ ๓ ประการ มคี วามเปนทา วสักกะเปนตน เปนฐานะสูงสดุ แตเพศหญิงเปนเพศต่าํ เพราะเหตุน้ัน แมฐ านะที่หญิงจะเปน ทาว-สักกะเปนตน ก็เปน อนั ระงบั ไป.
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 327 ไมม เี พศหญิงเพศชายในพรหมโลก ถามวา แมเพศหญิงไมม ใี นพรหมโลกฉนั ใด ถงึ เพศชายก็ฉันนั้นในพรหมโลกกไ็ มมี เพราะฉะนั้น ไมพึงพดู วา ขอ ท่ีบุรษุ พึงเปน พระพรหมนั้นเปน ฐานะทจี่ ะมไี ด มใิ ชหรอื ตอบวา ไมใชไ มค วรพดู . เพราะผชู ายในโลกน้ีเกิดในพรหมโลกนัน้ . เพราะคําวา ความเปนพรหม หมายเอาทา วมหาพรหม. ก็หญงิบาํ เพ็ญฌานในโลกน้ีแลวตายไป ยอ มเขา ถงึ ความเปนสหายของพรหมปารสิ ัชชา(บรษิ ัทบรวิ ารของพระพรหม) ไมถ งึ ทาวมหาพรหม. สว นบรุ ษุ ไมค วรกลา ววา ไมเ กิดในชน้ั มหาพรหม. และในพรหมโลกนี้ แมเ มือ่ ไมมเี พศท้งั สองพรหมทง้ั หลายก็มสี ัณฐานเปน บรุ ุษอยา งเดียว ไมม ีสณั ฐานเปนหญิง เพราะฉะนั้น คํานน้ั จึงเปน อันกลา วดีแลว . กายทุจรติ กายสุจริต ในบทวา กายทจุ จฺ รติ สสฺ เปน ตน มอี ธบิ ายวา พืชสะเดาและพืชบวบขมเปน ตน ยอ มไมใ หเกดิ ผลมีรสหวาน มีแตจ ะใชเ กิดผลทม่ี รี สไมห วานไมน าชอบใจ อยา งเดียว ฉันใด กายทุจรติ เปน ตนก็ฉันนนั้ ยอมไมยงั ผลดีใหเ กดิ ขน้ึ ยอมยังผลไมด ี ใหเกิดขีน้ อยา งเดียว พชื ออ ยและพืชขา วสาลีเปน ตน ยอ มยังมีผลมีรสหวานรสอรอยอยางเดยี วใหเ กิดข้นึ หาไดยังผลที่ไมนายนิ ดี เผ็ดรอน ไมห วาน ใหเกิดขน้ึ ไม ฉันใด กายสุจรติ เปน ตนยอ มยังผลทีด่ ีทงั้ นนั้ ใหเ กิดขึ้น หาไดยงั ผลทไี่ มนายนิ ดี เผด็ รอ น ไมดี ใหเ กิดขึน้ ไม สมจรงิ ดังที่ตรัสไวว า
พระสุตตนั ตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 328 หวานพืชเชนใด ยอ มนําผลเชนนัน้ มา ทําดีไดด ี และทําชว่ั กไ็ ดช ่ัว. เพราะเหตุน้นั จึงตรัสคาํ มีอาทวิ า ขอ ทบ่ี ุคคลผูพ รงั่ พรอ มดว ยกาย-ทุจริต ตายแลวจะเขาถงึ สคุ ติคือโลกสวรรคน้นั มิใชฐานะ มใิ ชโอกาส. สมงั คี ๕ บทวา สมงฺคี ในบทวา กายทุจฺจรติ สมงฺคี เปนตน ความวาความพรอมเพรยี งมี ๕ อยาง คอื ความพรอ มเพรยี งแหง การประมวลมา ๑ ความพรอ มเพรียงแหง เจตนา ๑ ความพรอ มเพรียงแหง กรรม ๑ความพรอมเพรียงแหงวิบาก ๑ ความพรอมเพรยี งแหงการปรากฏขึน้ ๑ ในความพรอ มเพรียง ๕ อยา งนัน้ ความพรอ มเพรียงในขณะประมวลกุศลกรรมและอกศุ ลกรรมมา ทานเรียกวา ความพรอมเพรยี งแหง การประมวลมา ความพรอมเพรยี งแหงเจตนา ก็เหมือนกนั . ก็สตั วท้ังหมดทานเรียกวา ผูพรอมเพรียงดวยกรรม เพราะหมายเอากรรมทเ่ี หมาะแกว ิบากทไี่ ดส ะสมไวใ นชาตกิ อ น ตราบเทาทย่ี ังไมบ รรลพุ ระ-อรหตั . นช้ี ่อื วา ความพรอ มเพรียงแหง กรรม. ความพรอมเพรียงแหงวิบาก พึงทราบในขณะแหง วิบากเทาน้ัน. กต็ ราบเทาทสี่ ตั วท ง้ั หลายยงั ไมบ รรลพุ ระอรหัต นิมติ ของการเกดิ ขึ้นยอมปรากฏอยา งนี้ คือ สาํ หรับสตั วท้งั หลายผูเคลือ่ นจากภพนัน้ กอ น นรกยอ มปรากฏ โดยอาการปรากฏมเี ปลวไฟและโลหกุมภเี ปนตน ทอ งมารดายอมปรากฏสาํ หรับเหลาสัตวผจู ะเขาถึงความเปน \"คัพภเสยยกสัตว\" เทวโลกยอ มปรากฏโดยอาการปรากฏแหงตนกลั ปพฤกษแ ละวิมานเปนตน สาํ หรบั สตั วผ ูจะบงั เกิดใน
พระสุตตนั ตปฎก มัชฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 329เทวโลก. ดงั กลา วมาน้ัน ช่ือวา ความพรอมเพรียงแหง การปรากฏเพราะสัตวเหลานน้ั ยังไมพนการปรากฏแหงนมิ ิตของการเกดิ น.้ี ความพรอ มเพรยี งแหง การปรากฏน้นั ยอมเปลีย่ นได แตค วามพรอม เพรียงทเ่ี หลอื เปลี่ยนไมได. เพราะเม่อื นรกแมปรากฏแลว เทวโลกก็ยอ มปรากฏได เม่อื เทวโลกแมป รากฏแลว นรกกย็ อ มปรากฏได. เมือ่ มนุษยโลกแมป รากฏแลว กาํ เนิดเดียรัจฉานก็ยอมปรากฏได และเมอื่ กําเนิดเดยี รัจฉานแมปรากฏแลว มนษุ ยโ ลกก็ยอมปรากฏไดเ หมือนกัน ในขอท่กี ลา วน้นั มเี รอื่ งดังตอ ไปน้เี ปน ตวั อยา ง ตวั อยางนมิ ิตปรากฏ ไดย นิ วา ในอเจลวหิ าร ใกลเ คยี งเชงิ เขาโสภณ มีพระธรรมกถกึรูปหนงึ่ ช่อื พระโสณเถระ โยมผชู ายของทานเปนนายพรานสนุ ัข (อาศยัสนุ ขั ลา เนอ้ื ) พระเถระหามโยม เมื่อไมอ าจจะใหตั้งอยใู นศลี สงั วรได จึงคดิ วาคนแก๑ อยาไดฉ ิบหายเสียเลย จึงใหโ ยมบดิ าบวชท้งั ทไ่ี มอ ยากบวช ในกาลเปนคนแก. เมือ่ โยมบดิ านอนบนเตียงคนไข นรกกป็ รากฏขึ้น. (คือ) สุนัขท้งั -หลายตัวใหญๆ มาจากเชงิ เขาโสณะ ลอ มทานไว ทําทเี หมอื นจะกดั . ทานกลวั ตอมหาภยั จึงกลาววา พอ โสณะหา มที พอโสณะหา มท.ี พระโสณเถระถามวา อะไรครบั หลวงพอ . ทานกลา ววา ทา นไมเห็นหรือ แลวจงึ บอกเรื่องราวนั้น. พระโสณะเถระคิดวา บิดาของคนเชน เราจักเกดิ ในนรกไดอ ยา งไรเลา เราจกั ชวยทาน แลว จึงใหพ วกสามเณรไปนําดอกไมน านาชนิดมาให๑. บาลี เปน วราโก แตบางแหง เปน ชรโก แปลตามคําหลัง
พระสุตตันตปฎก มชั ฌิมนกิ าย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 330ตกแตงเคร่อื งลาดพ้นื สําหรับบชู าและอาสนะสําหรับบชู าท่ีลานเจดียแ ละลานโพธิ์แลวเอาเตียงหามหลวงพอไปยังลานเจดีย ใหนง่ั บนเตียงแลว กลา ววา หลวงพอขอรับ บูชานีจ้ ดั ไวเ พื่อหลวงพอ บชู านีจ้ ดั ไวเพือ่ หลวงพอ ขอใหหลวงพอกลา ววา ขาแตพ ระผมู ีพระภาคเจา นเี้ ปนทุคคตบรรณาการ. ของขา พระ-องค ดังนแ้ี ลว ขอถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจา แลว ทําจิตใหเ ส่อื มใส.มหาเถระนน้ั เหน็ เคร่อื งบชู าแลว จงึ ทาํ อยางน้ัน ทาํ จติ ใหเลอื่ มใสแลว ทันใดนั้นเทวโลกปรากฏข้นึ แกทาน สวนนนั ทวัน สวนจิตรลดาวนั สวนมสิ สกวนั สวนปารสุ กวัน และวิมานท้งั หลาย และเหลานางฟาฟอ นรําไดเ ปน เหมือนประดษิ ฐานลอ มทานไว. ทานกลา ววา หลีกไปเถดิ โสณะ หลกี ไปเถิดโสณะ. นอ่ี ะไรกนั หลวงพอ . หญิงเหลา นี้ คือ โยมผหู ญิงของคุณ กาํ ลงั มา. พระเถระคิดวา สวรรคป รากฏแกหลวงพอ แลว. พงึ ทราบวา ความพรอมเพรยี งแหง การปรากฏข้นึ ยอ มเปลย่ี นไปไดอ ยางน้ี ในความพรอ มเพรียงเหลา นี้ ในท่นี ี้ ทา นกลา วคําเปน ตนวา \"ความพรอ มเพรียงแหงกายทุจริต\" ดังน้ี ดวยอาํ นาจแหงอายูหนสมงั คีเจตนาสมังคี และกัมมสมงั ค.ี บทวา เอว วุตเฺ ต อายสมฺ า อานนโฺ ท ความวา เมือ่ พระผมู พี ระ-ภาคเจา ตรัสสตู รนอ้ี ยางนีแ้ ลว พระเถระคดิ วา พระผูม ีพระภาคเจา ทรงประมวลสตู รทัง้ หมดมาตัง้ แตต น กระทาํ ใหง ดงามอยา งน้แี ลว มิไดทรงตง้ั ชื่อของพระสตู รทีท่ รงแสดงไว เอาเถิด เราจกั ขอใหท รงตัง้ ชอ่ื ของพระสตู รนี้ ดังนี้จงึ ไดกราบทลู คําน้นั กับพระผมู ีพระภาคเจา.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 331 ในบทเปนตนวา ตสฺมาติห ตวฺ มกี ารประกอบความหมาย ดงั ตอไปนี้. ดูกอ น อานนท เพราะเหตทุ ่เี ราตถาคตจําแนกธาตไุ วมากในธรรมบรรยายน้อี ยางนี้วา ดกู อ น อานนท ธาตุเหลา นี้ ๑๘ ประการแล ดูกอ นอานนท ธาตเุ หลาน้ี ๖ ประการ ดงั นี้ เพราะเหตนุ ้นั แล เธอจงทรงจาํธรรมบรรยายนวี้ า พหุธาตุกสตู ร ก็ได. กเ็ พราะเหตทุ ่ีในธรรมบรรยายนี้เราตถาคตจําแนกปริวัฏ (การเวยี นรอบ) ๔ ประการ เน่อื งดว ยธาตุ อายตนะปฏจิ จสมปุ บาท และฐานาฐานะ เพราะฉะนัน้ เธอจงทรงจาํ ธรรมบรรยายนน้ัวา จตุปรวิ ัฏฏสูตร กไ็ ด แลเพราะเหตทุ ข่ี อ ความมธี าตุเปนตน เหลานี้ยอ มปรากฏแกผูดธู รรมบรรยายนี้ เหมอื นเงาหนา ปรากฏแกผสู องกระจกเพราะฉะน้นั เธอจงทรงจาํ ธรรมบรรยายนัน้ วา ธรรมาทาสสตู ร ก็ได อนึง่เพราะเหตทุ ี่พระโยคีเหยียบยาํ่ เสนาคือกเิ ลส เรียนเอาวปิ ส สนาตามท่กี ลา วไวในสูตรน้ี แลวย่ํายีกเิ ลสทั้งหลายถอื เอาชยั ชนะคอื พระอรหตั ใหแ กต นได เหมือนทหารทง้ั หลายผูจะปราบเสนาฝา ยตรงขา ม ลนั่ กลองศึกวง่ิ เขาใสก องทพั ฝา ยอืน่เขา ประจญั บาน ควาเอาชยั ดว ยตวั เอง ฉะนนั้ เพราะเหตนุ ั้น เธอจงทรงจาํธรรมบรรยายน้ันวา ชื่ออมตทุนทภุ สี ูตร กไ็ ด. และเพราะเหตทุ ี่ ทหารในสงครามถืออาวธุ ๕ ประการ กําจัดกองทพั ฝา ยอนื่ ไดชยั ชนะ ฉนั ใด แมพระโยคที ้ังหลายก็ฉนั น้นั ถืออาวุธคือวิปสสนาดงั กลาวไวในสูตรน้ี ถือเอาชยัคือพระอรหตั ไวไ ด เพราะเหตุนนั้ เธอจงทรงจําธรรมบรรยายนัน้ ไวว า ชอ่ือนุตตรสังคามวชิ ัยสูตร กไ็ ดแล. จบ อรรถกถาพหธุ าตกุ สตู รที่ ๕
พระสุตตันตปฎก มชั ฌมิ นิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 332 ๖. อิสิคลิ ิสูตร วา ดวยเหตทุ ่ีเรียกชือ่ ภูเขาอิสคิ ลิ ิ [๒๔๗] ขา พเจา ไดส ดับมาอยา งน:้ี - สมัยหนึ่ง พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั อยูที่ภเู ขาอสิ ิคลิ ิ กรงุราชคฤห สมัยนน้ั แล พระผูมพี ระภาคเจาตรัสเรียกภกิ ษุท้ังหลายวา ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษเุ หลานั้นทลู รับพระพทุ ธดํารสั แลว . [๒๔๘] พระผมู ีพระภาคเจาตรัสถามดังนี้วา ดกู อ นภิกษุทั้งหลายบรรดาเราทง้ั หลายน่ี พวกเธอแลเหน็ ภูเขาเวภาระน่นั หรือไม ? ภกิ ษเุ หลา นนั้ ทูลวา เหน็ พระเจาขา. พ. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ภูเขาเวภาระนั่นแล มีชื่อเปนอยา งหนึ่งมีบัญญตั ิเปน อกี อยางหนึง่ ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย พวกเธอแลเหน็ ภูเขาปณฑวะน่นั หรอื ไม ? ภ.ิ เห็น พระเจา ขา. พ. ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย แมภ ูเขาปณฑวะนน่ั แล ก็มีช่ือเปน อยางหนง่ึ มีบญั ญัติเปน อยางหนึง่ ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย พวกเธอแลเหน็ ภเู ขาเว-ปลุ ละน่ันหรือไม ? ภิ. เหน็ พระเจาขา. พ. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย แมภูเขาเวปลุ ละนนั่ แล ก็มชี อ่ื เปนอยางหนง่ึ มีบัญญตั ิเปน อีกอยางหนง่ึ ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย พวกเธอแลเหน็ ภูเขาคชิ ฌกฏู นั่นหรือไม ? ภิ. เห็น พระเจา ขา . พ. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย แมภ ูเขคิชฌกฏู นัน่ แล ก็มชี ื่อเปนอยางหนึ่ง มบี ญั ญตั เิ ปนอีกอยางหน่ึง ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย พวกเธอแลเหน็ ภูเขาอิสคิ ลิ ินห้ี รอื ไม ? ภิ. เห็น พระเจา ขา .
พระสุตตนั ตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 333 พ. ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย แตภ ูเขาอิสิคิลินแี้ ล มีช่อื ก็เชนน้ี มีบัญญัตกิ ็เชน น.้ี [๒๔๙] ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เร่ืองเคยมีมาแลว พระปจเจกพทุ ธเจา๕๐๐ องค ไดอ าศยั อยทู ่ภี เู ขาอิสคิ ิลนิ ีม้ านาน พระปจ เจกพุทธเจา เหลา นั้นเมือ่ กาํ ลงั เขา ไปสูภเู ขานีค้ นแลเห็น แตทา นเขา ไปแลว คนแลไมเ หน็ มนษุ ยทั้งหลายเห็นเหตุดงั นีน้ น้ั จงึ พูดกนั อยางน้ีวา ภูเขาลกู นีก้ ลนื กินฤาษเี หลาน้ี ๆชื่อวา อสิ คิ ิลิๆนี้แลจงึ ไดเกิดขน้ึ ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลายเราจกั บอก จักระบจุ กัแสดงช่อื ของพระปจ เจกพุทธเจาทงั้ หลาย พวกเธอจงพงึ จงใสใจใหด ี เราจกักลา วตอ ไป ภกิ ษุเหลา น้ันทลู รบั พระผูมีพระภาคเจา วา ชอบแลว พระเจาขา . พระนามพระปจ เจกพุทธเจา [๒๕๐] พระผูมพี ระภาคเจา จึงตรัสดังนวี้ า ดูกอ นภิกษุท้งั หลายพระปจเจกสัมพทุ ธเจา ชอ่ื อรฏิ ฐะ ๑ ชือ่ อุปรฏิ ฐะ ๑ ช่อื ตครสขิ ี ๑ ช่ือยสสั สี ๑ ช่อื สุทสั สนะ ๑ ชอื่ ปยทสั สี ๑ ช่ือคันธาระ ๑ ชือ่ ปณโฑละ ๑ชื่ออุปาสภะ ๑ ช่ือนิถะ ๑ ชอ่ื ตถะ ๑ ชอ่ื สุตวา ๑ ช่ือภาวิตัตะ ๑ ไดอาศัยอยกู นิ ที่ภูเขาอิสิคลิ ิน้มี านาน. [๒๕๑] เธอจงฟง เราระบุชอื่ ของทาน ทีม่ ธี รรมเปนสาระกวาสัตว ไมม ีทกุ ข หมดความ อยากไดบ รรลโุ พธญิ าณอยางดี เฉพาะตนผเู ดยี ว ผูป ราศจากลูกศร สูงกวานรชน ตอ ไปเถิด พระ- ปจ เจกพทุ ธเจา ผมู ตี ณั หาเครอื่ งนาํ ไปในภพสิน้ แลว คอื อริฏฐพุทธ ๑ อปุ รฏิ ฐพุทธ ๑ ตครสิขีพุทธ ๑ ยสัสสีพทุ ธ ๑ สุทสั สน- พทุ ธ ๑ ปย ทสั สีพทุ ธ ๑ คนั ธารพทุ ธ ๑ ปณโฑลพุทธ ๑ อุปาสภพุทธ ๑ นถิ พทุ ธ ๑
พระสตุ ตันตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อุปรปิ ณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 334 ตถพทุ ธ ๑ สตุ วาพุทธ ๑ ภาวิตัตตพทุ ธ ๑สมุ ภพทุ ธ ๑ สุภพุทธ ๑ เมถลุ พุทธ ๑อฏั ฐมพุทธ ๑ อถสั สเมฆพทุ ธ ๑ อนิฆ-พุทธ ๑ สทุ าฐพทุ ธ ๑ พระปจเจกพุทธ ผู มอี านภุ าพมาก คอื หงิ คูพุทธ ๑ หงิ คพุทธ ๑ พระมนุ ชี ื่อชาลีมี ๒ องค และ อฏั ฐกพทุ ธ ๑โกสัลลพุทธ ๑ อถพทุ ธ ๑ สุพาหพุ ุทธ ๑อุปเนมิสพุทธ ๑ เนมสิ พุทธ ๑ สันติจติ ต-พทุ ธ ๑ สัจจพทุ ธ ๑ ตถพทุ ธ ๑ วริ ช-พทุ ธ ๑ บณั ฑิตพุทธ ๑ กาฬพทุ ธ ๑ อปุ -กาฬพทุ ธ ๑ วชิ ิตพุทธ ๑ ชิตพุทธ ๑อังคพทุ ธ ๑ ปง คพุทธ ๑ คุตจิ ฉิตพทุ ธ ๑ปส สพี ทุ ธ ๑ ไดละอุปธิอันเปน มลู แหงทุกขแลว อปราชติ พุทธ ๑ไดช นะมารและพลมาร สตั ถา-พทุ ธ ๑ ปวตั ตาพุทธ ๑ สรภงั คพุทธ ๑โลมหังสพทุ ธ ๑ อจุ จังคมายพุทธ ๑ อลติ -พุทธ ๑ อนาสวพทุ ธ ๑ มโนมยพทุ ธ ๑พนั ธุมาพทุ ธ ๑ ผตู ดั มานะได ตทาธิมุต-พทุ ธ ๑ วิมลพทุ ธ ๑ เกตมุ าพทุ ธ ๑เกตมุ พราคพทุ ธ ๑ มาตังคพทุ ธ ๑ อรยิ -พทุ ธ ๑ อัจจตุ พทุ ธ ๑ อัจจุตคามพยามก-พทุ ธ ๑ สมุ งั คลพทุ ธ ๑ ทัพพิลพทุ ธ ๑สปุ ติฏฐิตพุทธ ๑ อสัยหพทุ ธ ๑ เขมาภริ ต-พุทธ ๑ โสรตพุทธ ๑ ทุรันนยพทุ ธ ๑สังฆพุทธ ๑ อุชชุ ยพทุ ธ ๑ พระมนุ ี ช่อื
พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 335 สยั หะ อกี องคหนงึ่ ผมู ีความเพียรไมทราม พระพทุ ธชอ่ื อานันทะ ชอ่ื นนั ทะ ช่ืออุป-นนั ทะ ๑๒ องค และภารทวาชพทุ ธ ผทู รง รางกายในภพสดุ ทา ย โพธิพทุ ธ ๑ มหานาม-พุทธ ๑ อุตตรพทุ ธ ๑ เกสีพทุ ธ ๑ สิขี-พทุ ธ ๑ สนุ ทรพทุ ธ ๑ ภารทวาชพทุ ธ ๑ติสสพทุ ธ ๑ อุปตสิ สพุทธ ๑ ผตู ดั กเิ ลส เคร่อื งผกู ในภพได อปุ สีทรีพุทธ ๑ และสที ร-ีพุทธ ๑ ผตู ดั ตณั หาได มงั คลพทุ ธ ๑ เปน ผู ปราศจากราคะ อสุ ภพุทธ ๑ ผูต ดั ขา ยอันเปน มูลแหงทุกข อุปณีตพทุ ธ ๑ ไดบ รรลุบทอันสงบ อโุ ปสกพุทธ ๑ สนุ ทรพุทธ ๑ สจั จนาม-พุทธ ๑ เชตพทุ ธ ๑ ชยันตพทุ ธ ๑ ปทุม-พทุ ธ ๑ อุปปลพทุ ธ ๑ ปทุ มุ ตุ ตรพุทธ ๑รักขิตพทุ ธ ๑ ปพ พตพุทธ ๑ มานัตถทั ธพุทธ ๑ โสภติ พทุ ธ ๑ วีตราคพทุ ธ ๑กณั หพุทธ ๑ ผูมีจติ พน วิเศษดีแลว พระปจ- เจกพุทธ ผูมีอานุภาพมากเหลา น้แี ละอื่น ๆ มี ตณั หาเครื่องนาํ ไปในภพส้ินแลว เธอท้ังหลาย จงไหวพระปจ เจกพทุ ธเหลา นนั้ ผูลวงเคร่อื งขอ ง ทั้งปวงไดแ ลว ผูแสวงหาคณุ ใหญ ผูมคี ณุ นบั ไม ถวน ผปู รินิพพานแลวเถดิ . จบ อสิ คิ ลิ ิสตู รท่ี ๖
พระสตุ ตันตปฎ ก มชั ฌิมนิกาย อปุ รปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 336 อรรถกถาอิสิคลิ ิสตู ร อสิ ติ ลิ สิ ูตรมคี ําเริ่มตนวาขา พเจาไดสดบั มาแลวอยา งนี้:- ประวตั ิภูเขาอสิ ิคลิ ิ พงึ ทราบอธบิ ายในอสิ คิ ลิ สิ ตู รนนั้ ดงั ตอ ไปน้.ี บทวา อฺ าว สมฺา อโหสิ ความวา (กอน) ทีภ่ เู ขาอสิ ิติลิจะไดช ื่อวา อิสิคลิ ิ (นั้น ) ไดมชี อื่ อีกอยา งหน่งึ วา เวภาระ. บทวา อฺ า ปฺตฺติ นเ้ี ปนไวพจนข องบทแรกเทานน้ั แมในบททเี่ หลือกม็ ีนัยน้ีเหมือนกัน ไดย ินวา คราวคร้งั นน้ั พระผูมพี ระภาคเจาทรงออกจากนิโรธสมาบัติในเวลาเย็น แลวเสด็จออกจากพระคันธกุฎี มหี มูภกิ ษแุ วดลอ มประทับน่ัง ณท่ีทเ่ี ม่ือคนทง้ั หลายนั่งแลว เห็นภูเขา ๕ ลูก ปรากฏชัด แลวตรัสบอกภูเขา ๕ ลกูเหลานโ้ี ดยลาํ ดบั . ในการตรสั บอกนนั้ พระผูมพี ระภาคเจา มไิ ดม คี วามตอ งการดว ยเรอ่ื งภเู ขา. แตเม่ือตรสั บอกภเู ขาเหลานโี้ ดยลาํ ดบั ๆ ก็ยอมเปนอนั จะตอ งตรัสบอกภาวะที่ภเู ขาอิสคิ ิลเิ ปน ภูเขา (มีช่ือวา) อสิ คิ ิลิ (ดวย). เมื่อตรสั บอกเรอ่ื งภเู ขาอสิ ิคิลิน้ันกจ็ ักตอ งตรสั บอกชื่อของพระปจ เจกพุทธเจา ๕๐๐องค ผูเปน บตุ รของนางปทุมวดี และความปรารถนาของนางปทุมวดีเพราะเหตดุ งั กลา วนี้ พระผูมพี ระภาคเจา จึงตรัสลาํ ดบั ของภูเขาน้.ี บทวา ปวิสนตฺ า ทสิ สฺ นตฺ ิ ปวิฏ า น ทสิ สฺ นฺติ ความวา พระปจเจกพุทธเจาทั้งหลาย เสด็จเที่ยวบณิ ฑบาตในสถานท่ีตามสะดวก กระทําภตั กิจแลว เขาไปขา งในโดยกระทําภูเขานั้นใหเ ปน ๒ ซกี เหมอื นเปดบาน
พระสุตตันตปฎ ก มชั ฌมิ นกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 337ประตใู หญค ใู นหอ งพระเจดยี สรางท่พี ักกลางคนื และท่พี กั กลางวนั แลว อยู ณที่น้นั เพราะฉะนัน้ จึงตรัสอยางน้ัน. บทวา อเิ ม อสิ ี ไดแก พระปจ เจกพทุ ธฤาษีเหลา น้.ี กพ็ ระปจ เจกพุทธฤาษเี หลา น้นั ไดอ ยใู นภูเขานน้ั ตัง้ แตเมือ่ ไร ? ไดยนิ วา ในอดตี กาล เม่ือพระตถาคตยังไมอ ุบัตขิ ้ึน กลุ ธิดาผหู นงึ่ในหมูบา นแหง หน่งึ ชานเมืองพาราณสี เฝา นาอยู ไดถ วายดอกบัวดอกหนึ่งกบั ขา วตอก ๕๐๐ ดอกแกพระปจ เจกพุทธเจา องคหนงึ่ ต้งั ความปรารถนาใหไดบตุ ร ๕๐๐ คน. กพ็ อดขี ณะนนั้ พรานลาเน้อื ๕๐๐ คน ไดถวายเนือ้(ยาง) อนั อรอ ยแลว ตงั้ ความปรารถนาวา ขอใหพ วกเราไดเ ปน บุตรของนาง.นางดํารงตลอดกาลกาํ หนดชว่ั อายุแลวไปเกดิ ในเทวโลก จุตจิ ากเทวโลกมาเกดิในกลีบดอกบวั ในชาตสระ (สระท่ีมีอยูเ องโดยธรรมชาต)ิ . พระดาบสองคหน่ึงไปพบเขาก็เล้ยี งไว เมอื่ นางกําลังเท่ยี วเลนนัน่ แหละ ดอกบวั ท้งั หลายผุดขึน้จากพ้ืนดิน ทุก ๆ ยางเทา. พรานปาคนหนงึ่ พบเขา จึงกราบทลู แดพ ระเจาพาราณส.ี พระราชาทรงนาํ นางนน้ั มาแตง ตั้งใหเปน อัครมเหส.ี พระนางทรงครรภ มหาปทมุ กมุ ารอยูใ นพระครรภพ ระมารดา สวนกมุ ารนอกนัน้ อาศัยครรภมลทนิ อบุ ัตขิ ้นึ . กุมารเหลา นนั้ เจริญวัย ไดเลน ในสระบัวในอทุ ยานนัง่ ทีด่ อกบัวคนละดอก เร่มิ ต้ังความสิน้ และความเส่ือม ทําปจเจกโพธิญาณใหเกิดขน้ึ คาถาพยากรณข องทานไดม ีดงั นี้วา ดอกบวั ในกอบัวเกิดขน้ึ ในสระ บานแลว ถกู หมแู มลงภูเ คลา คลงึ กเ็ ขาถึง ความรว งโรย บคุ คลรูแ จง ขอ น้ีแลว พงึ เปนผเู ดียวเท่ียวไปเหมอื นนอแรด
พระสุตตนั ตปฎ ก มัชฌมิ นิกาย อปุ ริปณ ณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 338 พระปจ เจกพุทธเจา ทั้งหลายเหลา นัน้ ไดอยใู นภูเขานัน้ มาแตกาลครัง้นนั้ . และแตค รง้ั นนั้ มา ภเู ขานน้ั จงึ ไดเ กดิ ชื่อวา อสิ คิ ลิ ิ. พระนามของพระปจ เจกพทุ ธเจา บทวา เย สตฺตสารา ความวา พระผูมีพระภาคเจา ตรสั ชื่อของพระปจเจกพุทธเจา ๑๓ พระองคค อื พระอริฏฐะ พระอปุ รฏิ ฐะ พระ-ตัคครสขิ ี พระยสัสสี พระสุทสั สนะ พระปยทัสสี พระคนั ธาระพระปณโฑละ พระอปุ าสภะ พระนิถะ พระตถะ พระสุตวาพระภาวติ ัตตะ บัดน้ี เมอื่ จะตรสั บอกช่ือของพระปจ เจกพุทธเจา เหลาน้นักบั ชื่อของพระปจเจกพุทธเจา องคอ่ืน ดวยการผกู เปน คาถา จงึ ตรัสคาํ เปนตนวา เย สตตุ สารา ดงั น้ี. ในพระนามเหลาน้ัน พระนามวา สตฺตสารา แปลวา เปนหลักของสัตวทงั้ หลาย. พระนามวา . อนฆี า แปลวา ไมม ีทกุ ข พระนามวานิราสา แปลวา ไมมคี วามอยาก. พระนามวา เทฺว ชาลโิ น ความวา พระนามวา ชาลีมี ๒ องคคือ จุลลชาลี มหาชาลี. แมคําวา สนั ตจติ ตะ กเ็ ปน พระนามของพระ-ปจ เจกพุทธเจา องคหนงึ่ . ขอ วา ปสสฺ ี ชหิ อุปธึ ทุกขมลู นเี้ ปน คาํ สรรเสรญิ พระปจ เจก-พุทธเจาองคน ัน้ วา พระปจ เจกพุทธเจา องคน นั้ ทรงพระนามวา ปสสี ก็เพราะพระองคท รงละอุปธิอันเปน รากเหงาแหง ทกุ ขไดแ ลว . แมค าํ วา อปราชิตะ ก็เปน ชือ่ ของพระปจเจกพุทธเจา องคห นง่ึเหมอื นกนั . ทา นทั้ง ๕ เหลานี้ คือ พระสัตถา พระปวตั ตา พระสร-ภังคะ พระโลมหงั สะ พระอจุ จังคมายะ ทา นทั้ง ๓ แมเหลา น้ี คอืพระอสิตะ พระอนาสวะ พระอโนมยะ.
พระสุตตันตปฎ ก มัชฌิมนิกาย อุปรปิ ณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 339 บทวา พนฺธมุ า ความวา พระปจ เจกพุทธเจา พระองคหนง่ึ ทรงพระนามวา พันธมุ า เรยี กกันวา พระมานัจฉิทะ เพราะทา นตดั มานะไดเดด็ ขาด. แมบ ทวา ตทาธมิ ุตตะก็เปน พระนามพระปจเจกพุทธเจา เหมือนกัน.ทานทั้ง ๓ เหลา น้ี คือ พระเกตุมภราคะ พระมาตังคะ พระอรยิ ะ. บทวา อถจจฺ ุโต แยกบทออกเปน อถ อจจฺ ุโต (แปลวา อน่ึงพระอจั จุตะ) ทานทั้งสองเหลา นี้ คือ พระอจั จุตะ พระอจัจตุ คาม-พยามกะ ท้งั สองทา นเหลา น้ี คอื พระเขมาภริ ตะ พระโสรตะ. บทวา สยโฺ ห อโนมนิกฺกโม ความวา พระพุทธะองคนนั้ ชื่อสัยหะแตเ ขาเรียกกันวา อโนมนกิ กมะ เพราะมีความเพียรไมต าํ่ ตอย. บทวา อานนฺทนนโฺ ท อปุ นนฺโท ทฺวาทส ความวา พระปจเจก-พุทธ ๑๒ องคอยางนี้ คอื พระอานันทะ ๔ องค พระนนั ทะ ๔ องคพระอปุ นนั ทะ ๔ องค บทวา ภารทฺวาโช อนฺตมิ เทหธารี เปนคาํ สรรเสริญวา พระปจ เจกพุทธะองคน นั้ ชอื่ ภารทวาชะ ผทู รงพระสรีระเปน ครง้ั สดุ ทา ย. บทวา ตณฺหจฉฺ โิ ท ไดแก น้เี ปนคําสรรเสรญิ พระปสที รี. แมบทวา วตี ราโค กเ็ ปน คาํ สรรเสรญิ พระมงั คละ บทวา อุสภจฺฉิทา ชาลินึ ทุกขฺ มลู ความวา พระพทุ ธะองคนั้นชอ่ื อสุ ภะ ไดตดั ตณั หาเพยี งดงั ขา ยอนั เปนรากเหงา แหงทกุ ขไ ดแลว บทวา สนตฺ ปท อชฌฺ คมปู นโี ต ความวา พระปจ เจกพุทธะพระองคน้ันช่อื อปุ นยี ะ ไดบ รรลสุ ันตบทแลว . แมบ ทวา วีตราคะ ก็เปนพระนามของพระปจเจกพุทธะพระองคห นึง่ เหมือนกนั
พระสตุ ตนั ตปฎ ก มัชฌิมนกิ าย อปุ ริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 340 บทวา สุวิมตุ ตฺ จติ ฺโต ไดแก นเี้ ปนคาํ สรรเสรญิ พระกัณหะ. บทวา เอเต จ อเฺ จ ความวา พระปจ เจกพุทธะทงั้ หลายเหลา น้ี ท้ังทีม่ าในพระบาลแี ละไมไ ดม าในพระบาลี กบั พระปจ เจกพทุ ธะเหลาอื่น พระปจ เจกพุทธะเหลา น้ี มพี ระนามอยางเดียวเทา นน้ั . กบ็ รรดาพระปจ เจกพทุ ธะ ๕๐๐ เหลานี้ พระปจ เจกพทุ ธะ ๒ องคกด็ ี๓ องคก ็ดี ๑๐ องคกด็ ี ๑๒ องคกด็ ี ไดม พี ระนามอยา งเดยี วกัน เหมือนพระปจ เจกพุทธะทัง้ หลายมพี ระอานนั ทะ เปน ตน . ดวยประการดงั กลา วมานี้ ยอมเปน อนั ระบุพระนามของพระปจ เจก-พทุ ธะท้ังหลายโดยพระนามอันมาในพระบาลีเทา น้นั เพราะเหตนุ ัน้ ตอ แตน ี้ไปไมตรัสแยกเปน รายองค ตรสั (รวม) วา เหลา นแ้ี ละเหลาอนื่ ดงั นี้. คาํ ที่เหลือในท่ที กุ แหง งายท้งั น้ันแล. จบ อรรถกถาอสิ ิคลิ สิ ตู รที่ ๖
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419