พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 101 บทวา กึ หตุ ฺวา กึ อโหสึ ความวา อาศยั ชาติเปน ตนเราไดเ ปน กษัตรยิ หรือ แลว จึงสงสยั วา คนเปน คนอืน่ ร่ําไป วา เราเปนกษัตริยแลว เปนพราหมณหรอื ฯ ล ฯ เปนเทวดาแลว เปนมนษุ ย. แตคาํ วา อทธฺ าน ในทท่ี ุกแหง เปน ชอื่ เรยี กกาล. บทวา อปรนฺตไดแก ทสี่ ดุ ซงึ่ ยังมาไมถ ึง. บทวา ภวสิ ฺสามิ นุ โข นนุ โขความวา อาศยั อาการทเ่ี ท่ยี ง และอาการทขี่ าดสูญ แลว จึงสงสัยวา ตนมแี ละไมมี ในอนาคต. สว นทีเ่ หลอื ในขอ นี้ ก็มีนัยอยางทก่ี ลาวมาแลว. บทวา เอตรหิ วา ปจจฺ ุปฺปนนฺ อทธฺ าน ความวา หรือระบุเอาปจจบุ นั กาลแมทัง้ หมด เร่ิมตั้งแตก ารปฏิสนธใิ นบัดน้ี จนถึงจตุ ิ. บทวาอชฺฌตฺต กถ กถี ภวิสสฺ ติ ไดแกจกั เปนผสู งสัยในขันธของตน. ดวยบทวา อห นโุ ขสมฺ ิ ความวา สงสัยวา คนมีอยหู รือ. ถามวา ขอ น้ันควรหรอื . จะไปคดิ ถงึ ทาํ ไม ในขอ ที่วา ควรไมค วรน้.ี อกี อยา งหน่ึงในขอ นท้ี า นนาํ เรือ่ งน้ีมาเปนอุทาหรณดังตอไปน้ี. เลา กนั วา จลุ ลมารดามบี ุตรหวั โลน . มหามารดามีบตุ รหวั ไมโลน .มารดาท้งั สองตางก็แตง ตัวบุตรนน้ั . บุตรคนนัน้ ก็ลกุ ขนึ้ คิดวา เราเปนลกู ของจุลลมารดาหรอื . เม่ือเปนเชน น้ยี อมสงสยั วา เราเปนหรือหนอ.ดวยบทวา โน นุโขสฺมิ ความวา สงสยั วา ตนไมม.ี แมในขอ นี้มเี รอื่ งน้เี ปน อุทาหรณ. เลากนั วา มีชายคนหนงึ่ เม่ือจะจับปลา จงึ ฟนขาของตนซึง่ เย็นเพราะยืนอยูในนํา้ นาน โดยคิดวา เปนปลา. อีกคนกําลงั รักษานาอยูขา ง ๆ ปา ชา กลัวผี จงึ นอนชันเขา พอเขาตืน่ ข้นึ คิดวา เขา ทง้ั ๒ของตนเปนยกั ษ ๒ ตน จงึ ฟน ฉับเขาให. ดว ยประการดงั วามาน้ี จงึ เกิด
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 102มคี วามสงสัยวา เราเปน หรอื ไมห นอ. บทวา กึ นุโขสมฺ ิ ความวา เปนกษัตรยิ อยู กส็ งสยั วา ตวั เองเปนกษัตรยิ หรอื . ในคาํ ทเี่ หลอื กม็ ีนยั เชนน.ี้ กผ็ ทู ่ีเปน เทวดา ช่ือวาจะไมรูวา ตวั เองเปนเทวดายอ มไมมี แตเ ทพแมน้ัน กย็ อมสงสัย โดยนยั มีอาทวิ า เรามรี ูปราง หรอื ไมม รี ปู ราง. หากจะมีคําถามวา เพราะเหตไุ ร กษัตริยเปนตน จึงไมร เู ลา . ตอบวา เพราะกษัตริยเ ปน ตนเหลาน้นั เกิดในตระกลู นนั้ ๆ ไมเปน ที่ประจกั ษชัด. อกี อยางหน่งึ พวกคฤหสั ถส ําคญั ตัววาเปนบรรพชิต ซึ่งถือลัทธินิกายโปตลกะเปน ตน แมบรรพชิตกส็ าํ คัญตวั เองวาเปน คฤหัสถ โดยนยั มอี าทวิ า กรรมของเรากาํ เรบิ หรอื ไมหนอ. อกี อยา งหนงึ่ พวกมนุษยก็สําคัญวา ตนเปน เทวดาเหมอื นพระราชาฉะนั้น. บทวา กถ นุ โขสฺมิ ก็มนี ยั ตามที่กลาวแลวนัน่ เอง. พงึ ทราบเนอื้ ความในขอน้ีอยา งเดยี ววา บคุ คลถือวา ขึ้นชือ่ วาชวี ะ มอี ยู ในภายใน ดงั นแี้ ลว อาศยั อาการแหงสณั ฐานของชีวะนั้นเมื่อจะสงสัยวา เราเปนคนสูง หรอื วา มีอาการเปน คนเตยี้ ๔ ศอก ๖ ศอก๘ ศอก ๑๖ ศอก เปนตน คนใดคนหนง่ึ จงึ สงสยั วา กถ นุโขสฺมิ.แตขึน้ ชื่อวา ผูจ ะไมร ูส รีระสัณฐานท่เี ปนปจจุบนั คงไมม.ี บทวา กุโตอาคโต โส กหุ ึ คามี ภวสิ ฺสติ ความวา เมือ่ สงสยั ฐานะท่ีมาทไ่ี ปแหงอัตภาพ จึงสงสยั อยา งน.้ี พระโสดาบนั ทานประสงคเอาในท่นี ี้วาอริยสาวกสสฺ สว นพระอริยบคุ คล ๓ จาํ พวกนอกน้ีไมไดหา มไวเ ลย. จบอรรถกถาปจจยสตู รท่ี ๑๐ จบอรรถกถาอาหารวรรคที่ ๒
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 103 ทสพลวรรคที่ ๓ ๑. ปฐมทสพลสูตรวาดวยทศพลญาณและจตเุ สารัชญาณ [ ๖๔ ] ขา พเจาไดสดบั มาแลวอยางน.ี้ สมยั หนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวัตถี. พระผมู ีพระภาคเจาไดตรสั วาดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ตถาคตประกอบดว ยทศพลญาณ และจตุเวสารัชญาณจงึ ปฏญิ าณฐานะของผูองอาจ บันลือสีหนาทในบรษิ ทั ทง้ั หลาย ยงัพรหมจักรใหเ ปนไปวา ดังนีร้ ปู ดงั นค้ี วามเกดิ ขน้ึ แหง รูป ดังน้ีความดบั แหงรปู ดงั นเ้ี วทนา ดังน้ี ความเกดิ ขนึ้ แหงเวทนา ดงั นี้ความดับแหงเวทนา ดงั นสี้ ัญญา ดังน้คี วามเกิดขน้ึ แหงสญั ญา ดงั น้คี วามดบั แหงสัญญาดงั นส้ี ังขารท้ังหลาย ดงั นีค้ วามเกดิ ขึ้นแหง สงั ขารทั้งหลาย ดงั นค้ี วามดับแหง สังขารท้ังหลาย ดงั นี้วิญญาณ ดงั นีค้ วามเกดิ ขึ้นแหง วญิ ญาณ ดังน้ีความดบั แหงวญิ ญาณ ดวยเหตนุ ี้ เมือ่ ปจจัยน้ีมีอยู ผลนยี้ อ มมี เพราะการบังเกดิ ข้ึนแหงปจ จยั น้ี ผลน้จี ึงบงั เกิดขึน้ เมื่อปจ จยั นี้ไมมีอยู ผลนีย้ อ มไมมี เพราะการดับแหงปจ จยั นี้ ผลนี้จงึ ดบั ขอ น้ีคือ เพราะอวิชชาเปนปจ จัย จึงมีสังขาร เพราะสงั ขารเปนปจจยั จงึ มวี ญิ ญาณ. . . ความเกดิข้นึ แหง กองทกุ ขท ั้งมวลน้ี ยอมมดี ว ยประการอยา งน้ี. กเ็ พราะอวิชชานนั้ แหละดบั ดวยการสาํ รอกโดยไมเหลอื สังขารจงึ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 104ดบั เพราะสงั ขารดบั วิญญาณจึงดบั . . . ความดับแหงกองทกุ ขท้งั มวลน้ียอมมีดวยประการอยางน.ี้ จบทสพลสตู รท่ี ๑ ทสพลวรรคท่ี ๓ อรรถกถาปฐมทสพลสูตรท่ี ๑ทสพลสตู รที่ ๑ ไมม ีอรรถกถาอธบิ าย. ๒. ทตุ ยิ ทสพลสตู รวาดวยทศพลญาณและจตเุ วสารัชญาณ [๖๕] พระผูม ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวัตถี. ครง้ั น้ันแล พระผมู ีพระ-ภาคเจา ไดตรัสวา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ตถาคตประกอบดว ยทศพลญาณและจตเุ วสารชั ญาณ จึงปฏิญาณฐานะของผอู งอาจ บนั ลือสีหนาทในบรษิ ทั ท้งั หลาย ยังพรหมจักรใหเ ปน ไปวา ดงั น้ีรปู ดงั นค้ี วามเกิดขึน้แหง รูป ดังนค้ี วามดบั แหงรูป ดงั นเ้ี วทนา ดังน้คี วามเกดิ ขึน้ แหง เวทนาดงั น้คี วามดบั แหงเวทนา ดังนส้ี ญั ญา ดังนีค้ วามเกดิ ขึ้นแหง สญั ญา ดังนี้ความดับแหงสัญญา ดังนีส้ ังขารทง้ั หลาย ดังนค้ี วามเกดิ ขน้ึ แหง สงั ขารท้งั หลาย ดังนค้ี วามดบั แหง สังขารทัง้ หลาย ดังนีว้ ญิ ญาณ ดังนค้ี วามเกิดขนึ้ แหง วิญญาณ ดงั น้คี วามดับแหงวิญญาณ ดว ยเหตนุ ้ี เม่ือปจ จัยน้ีมีอยูผลนีย้ อ มมี เพราะการบังเกดิ ขึ้นแหง ปจจัยนี้ ผลนี้จึงบงั เกิดขึ้น เมอ่ื ปจ จัย
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 105น้ไี มม อี ยู ผลน้ียอมไมม ี เพราะการดับแหงปจจัยน้ี ผลน้ีจึงดบั ขอ น้คี อืเพราะอวิชชาเปน ปจจัย จงึ มสี ังขาร เพราะสงั ขารเปน ปจ จยั จึงมีวิญญาณ...ความเกิดข้ึนแหง กองทกุ ขท ้งั มวลน้ี ยอมมีดวยประการอยางน.้ี ก็เพราะอวชิ ชานน่ั และดับดว ยการสํารอกโดยไมเ หลือ สงั ขารจึงดบั เพราะสงั ขารดบั วญิ ญาณจึงดับ. . . ความดบั แหง กองทุกขท้ังมวลนี้ยอมมดี ว ยประการอยา งน.้ี [๖๖] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ธรรมอนั เรากลา วดแี ลว อยา งน้ี ทําใหต้นื แลว เปดเผยแลว ประกาศแลว เปน ธรรมตดั สมณะขร้ี ิว้ แลว ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย กลุ บตุ รผบู วชดว ยศรทั ธา สมควรแทเพ่อื ปรารภความเพยี รในธรรมอันเรากลา วดแี ลว อยา งน้ี ทําใหต ้ืน เปดเผย ประกาศ เปนธรรมตดัสมณะขร้ี ิว้ แลว ดวยความตั้งใจวา หนัง เอ็น และกระดูกจงเหลืออยู เนื้อเลือดในสรีระของเราจงเหือดแหงไปก็ตามที อิฐผลใดทีจ่ ะพงึ บรรลไุ ดด วยเร่ยี วแรงของบรุ ษุ ดว ยความเพียรของบุรุษ ดว ยความบากบั่นของบรุ ษุยงั ไมบ รรลุอฐิ ผลนั้น จักไมห ยดุ ความเพียร ดงั นี้ ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลายบุคคลผูเกยี จครา นอาเกียรณด ว ยธรรมอนั เปนบาปอกุศล ยอมอยูเปน ทุกขและยอมยงั ประโยชนข องตนอันใหญใ หเ ส่ือมเสยี ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย สวนบุคคลผูป รารภความเพียร ผูสงัดจากธรรมอนั เปน บาปอกุศล ยอ มอยูเปนสุข และยงั ประโยชนข องตนอนั ใหญใหบริบรู ณไ ด ดกู อนภิกษุท้ังหลายการบรรลุธรรมอันเลิศดว ยธรรมอนั เลิศ ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย พรหมจรรยน ี้ผองใส ควรดื่ม เพราะพระศาสดาอยูพรอ มหนา แลว. [๖๗] เพราะเหตุฉะน้แี หละ ภิกษทุ ั้งหลาย เธอท้ังหลายจงปรารภ
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 106ความเพียร เพ่ือถงึ ธรรมท่ยี ังไมถ งึ เพือ่ บรรลุธรรมทยี่ ังไมไดบ รรลุ เพอื่ทาํ ใหแจง ธรรมทีย่ งั ไมไดทาํ ใหแจง เธอท้งั หลายพงึ ศกึ ษาอยางนี้วาบรรพชาของเราทัง้ หลายน้ี จักไมตา่ํ ทราม ไมเปนหมนั มผี ล มกี ําไรพวกเราบรโิ ภคจวี ร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานเภสัชบริขาร ของชนเหลาใด สกั การะเหลานั้น ของชนเหลานนั้ จกั มีผลมาก มีอานิสงสมาก เพราะเราทงั้ หลาย ดังน้ี ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย อันบคุ คลผูเ ล็งเหน็ประโยชนตน สมควรแทเพอ่ื ยงั กจิ ใหถ งึ พรอ มดว ยความไมป ระมาท หรือบุคคลผูเห็นประโยชนผ อู น่ื สมควรแทเพอ่ื ยงั กิจใหถึงพรอมดว ยความไมป ระมาท กห็ รอื วา บคุ คลผูมองเห็นประโยชนท ้ังสองฝา ย สมควรแทจริงเพอ่ื ยงั กจิ ใหถึงพรอมดว ยความไมประมาท ดงั น.้ี จบทตุ ยิ ทสพลสูตรท่ี ๒ อรรถกถาทตุ ยิ ทสพลสตู รท่ี ๒ พงึ ทราบความสงั เขปแหงทสพลสูตรที่ ๒ เทาน้นั ดังน้ี. สูตรที่ ๒พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั โดยอาํ นาจพระอัธยาศยั ของพระองค. บรรดาบทเหลานั้น บทวา ทสพลสมนฺนาคโต แปลวา ทรงประกอบดวยพละกําลงั๑๐ ธรรมดาพละน้มี ี ๒ คือ กายพละ กาํ ลงั พระกาย ๑ ญาณพละกําลังพระญาณ ๑ ในพละทง้ั ๒ น้นั กายพละของพระตถาคต พึงทราบตามแนวตระกลู ชา ง ๑๐ ตระกูล ทพ่ี ระโบราณาจารยท งั้ หลายกลาวไวว า กาฬาวกฺจ คงฺเคยยฺ ปณฺฑร ตมพฺ ปงคฺ ล คนธฺ มงฺคลเหมจฺ อุโปสถ ฉทฺทนตฺ ิเม ทส.
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 107 ชา ง ๑๐ ตระกูลเหลาน้คี อื กาฬาวกะ ๑ คังเคยยะ ๑ ปณฑระ ๑ ตัมพะ ๑ ปง คละ๑ คันธะ ๑ มังคละ ๑ เหมะ๑๑ ๑ อุโปสถะ ๑ ฉัททนั ตะ ๑. บรรดาชาง ๑๐ ตระกลู เหลานั้น พงึ เห็นวา ตระกูลชา งโดยปกติช่อื วา กาฬาวกะ. กาํ ลังกายของบุรุษ ๑๐ คน เปนกาํ ลังชางตระกลู กาฬาวกะ ๑ เชอื ก กาํ ลังของชางตระกลู กาฬาวกะ ๑๐ เชอื ก เปนกําลงั ชา งตระกลูคังเคยยะ ๑ เชือก. กําลงั ชางตระกูลคงั เคยยะ ๑๐ เชือก เปน กาํ ลังชางตระกูลปณ ฑระ๑ เชือก. กาํ ลังชา งตระกลู ปณ ฑระ ๑๐ เชือก เปน กาํ ลังชางตระกูลตมั พะ ๑เชอื ก. กาํ ลังชา งตระกลู ตัมพะ ๑๐ เชอื ก เปนกาํ ลังชา งตระกลู ปง คละ ๑เชอื ก. กําลังชา งตระกูลปง คละ ๑๐ เชือก เปนกาํ ลังชางตระกูลคันธะ ๑เชอื ก. กําลังชา งตระกลู คันธะ ๑๐ เชอื ก เปนกําลังชางตระกลู มงั คละ ๑เชือก. กําลังชางตระกลู มงั คละ ๑๐ เชือก เปนกาํ ลงั ชางตระกูลเหมวตะ๒๑เชอื ก. กาํ ลงั ชางตระกูลเหมวตะ๓ ๑๐ เชือก เปน กําลังชางตระกูลอโุ ปสถะ ๑เชือก.๑. ๒. ๓. คาถาเปน เหมาะ แกอ รรถเปน เหมวตะ.
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 108 กาํ ลงั ชา งตระกลู อุโปสถะ ๑๐ เชอื ก เปนกาํ ลังชางตระกลู ฉัททันตะ๑ เชือก. กําลังชางตระกลู ฉัททนั ตะ ๑๐ เชือก เปน กาํ ลังของพระตถาคตพระองคเดียว. กําลงั พระตถาคตนี้นแี่ ล ทา นเรียกวา กาํ ลงั ทน่ี บั ไดวา พระ-นารายณดงั นก้ี ม็ ี. กําลังพระนารายณน น้ี ั้น คํานวณโดยกาํ ลังชา งตามปกติก็เทากบั กาํ ลังชา งหน่งึ พนั โกฏิ แตคํานวณโดยบุรษุ ก็เทา กบั กําลงั บรุ ุษสิบพนั โกฏ.ิ นพ้ี งึ ทราบวา เปน กาํ ลงั พระกายของพระตถาคตกอ น. แตกาํ ลงั พระกายท่ีมิไดจ ดั สงเคราะหไ ว ในบทวา ทสพลสมนนฺ าคโต น.้ีจริงอยู การกาํ หนดรทู ุกขก ด็ ี การละสมทุ ยั ก็ดี การเจริญมรรคกด็ ี การกระทําใหแ จงผลกด็ ี อาศยั กําลงั พระกายนี้ ไมมี แตมีกําลังอีกอยา งหนงึ่ช่อื ญาณพละ กําลังพระญาณ ๑๐ ประการ โดยอรรถวา ไมห วนั่ ไหวและโดยอรรถวา อปุ ถมั ภในฐานะ ๑๐ ประการ. ทรงหมายถึงทศพลญาณน้ีจึงตรัสวา ทสพลสมนฺนาคโต ดงั น.้ี ถามวา กท็ ศพลญาณนนั้ เปนไฉน. ตอบวา ทรงรูฐ านะและอฐานะ เปนตน ตามเปนจรงิ . คอืทรงรฐู านะโดยเปนฐานะ และอฐานะโดยเปน อฐานะ ๑ ทรงรวู ิบากของกรรมสมาทาน ทงั้ อดตี อนาคตและปจ จุบัน โดยฐานะ โดยเหตุตามเปน จริง ๑ ทรงรูขอปฏบิ ตั ิท่ดี าํ เนนิ ไปในฐานะทัง้ ปวง ๑ ทรงรูโลกโดยเปน อเนกธาตุ และนานาธาตุ ๑ ฯลฯ ทรงรูอธิมตุ ติอัธยาศัยของสัตวทัง้ หลาย ๑ ทรงรูอนิ ทรยี ข องสัตวเหลา น้นั วา ย่ิงและหยอน ๑ทรงรูค วามเศราหมองผองแผว และออกของฌาน วโิ มกข สมาธแิ ละ
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 109สมาบัติ ๑ ทรงรขู ันธท เ่ี คยอาศยั ในปางกอ นของสัตวเหลานัน้ ๑ ทรงรูจุติและอุปบตั ิของสัตวท้งั หลาย ๑ ทรงรูธรรมเปนท่ีสน้ิ อาสวะ ๑. สว นในอภิธรรม มาโดยพสิ ดาร โดยนยั วา ในโลกน้พี ระตถาคตทรงทราบชดั ตามเปน จริง ซ่ึงฐานะโดยเปน ฐานะ และซง่ึ อฐานะโดยเปนอฐานะ แมขอ ที่พระตถาคตทรงทราบชดั ตามเปน จริง ซึ่งฐานะโดยเปนฐานะ และซ่ึงอฐานะโดยเปนอฐานะ กจ็ ัดเปนตถาคตพละของพระตถาคต. พระตถาคตทรงอาศยั พละใด ปฏญิ าณฐานะอันประเสรฐิ สดุบนั ลือสหี นาทประกาศพรหมจักรในบรษิ ัททง้ั หลาย ดังนเ้ี ปนตน. แมกถาพรรณนาความทา นกลา วแลวโดยอาการทุกอยา งของพละเหลานน้ั ไวในอรรถกถาวภิ งั ค และปปญจสูทนี อรรถกถามัชฌมิ นกิ าย. กถาพรรณนาความนั้น กพ็ ึงถือเอาตามนัยทท่ี านกลาวไวแลว ในอรรถกถาเหลานนั้ . ญาณอันเปน ปฏิปกษต อ ความขลาดกลวั ชื่อวา เวสารชั ญาณในคําวา จตหุ ิ จ เวสารชเฺ ชหิ คาํ นี้เปนชอื่ ของพระญาณทสี่ ําเรจ็ ดวยโสมนัส ซ่ึงเกดิ ข้ึนแกพ ระตถาคตผทู รงพิจารณาเหน็ ความเปนผอู งอาจในฐานะทง้ั ๔. ในฐานะทงั้ ๔ เปนไฉน. คือในเรื่องทกั ทว งมีวา เม่อืทานปฏญิ าณวาเปน พระสมั มาสัมพทุ ธะ ธรรมเหลานท้ี า นกม็ ิไดต รสั รยู ิ่งเองแลว ดังนเ้ี ปนตน. ในขอนน้ั มบี าลีดังน้ีวา ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลายเวสารัชญาณ ๔ เหลา น้ี ๔ เหลา น้เี ปนไฉน. ๔ เหลาน้ีคอื ใคร ๆในโลก ไมวาสมณพราหมณ เทวดา มาร พรหม จกั ทกั ทว งเราโดยสหธรรม ในขอ ทีว่ า เมื่อทานปฏิญาณวาเปน พระสัมมาสมั พุทธะ ธรรมเหลา นท้ี านก็มไิ ดตรัสรยู ่งิ เองแลว ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย เราไมเ หน็ นิมิตแมข อ นเี้ ลย เราเม่อื ไมเ หน็ นมิ ติ นน้ั จึงเปนผถู งึ ความเกษม ถึงความ
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 110ไมกลวั ถึงความเปนผูองอาจอยู ใคร ๆ ในโลกนี้ ฯ ล ฯ ทกั ทว งเราในขอ ทวี่ า เม่อื ทานปฏญิ าณวา เปน ขณี าสพ อาสวะเหลา นขี้ องทา นก็ยงัไมสิน้ แลว ฯ ล ฯ ธรรมทีท่ านกลา ววา ทาํ อันตราย กไ็ มอาจทาํ อนั ตรายแกผ ูเสพไดจ ริง ฯ ล ฯ ธรรมทีท่ านแสดงเพ่ือประโยชนแกผใู ด กไ็ มน ําผนู นั้ ซ่ึงปฏบิ ตั ิตามธรรมนนั้ ใหส ิน้ ทกุ ขโ ดยชอบไดจ รงิ . ฯลฯ เราเมื่อไมเหน็ นมิ ิตนั้น จงึ เปน ผถู ึงความเกษม ถงึ ความไมกลัว ถึงความเปนผูองอาจอยู ดงั น.้ี บทวา อาสภณฺาน ไดแกฐ านะอันประเสรฐิสดุ ฐานะอนั สงู สุด หรือฐานะของพระพุทธเจาท้งั หลายองคก อ น ๆ ผูประเสริฐ อธบิ ายวา ฐานะของพระพทุ ธเจา เหลาน้นั . อกี นัยหน่ึงจา ฝงู โค ๑๐๐ ตัว ชือ่ วา อุสภะ จา ฝูงโค ๑,๐๐๐ ตัว ชื่อวา วสภะ.หรือวา หัวหนา โค ๑๐๐ คอก ชื่อวา อุสภะ. หัวหนาโค ๑,๐๐๐ คอกชื่อวา วสภะ. โคท่ปี ระเสริฐสดุ กวา โคทกุ ตวั ทนอันตรายไดทุกอยางสขี าว นาเลอ่ื มใส นาํ ภาระของหนกั ไดมาก พึงไมส ะดงุ หวน่ั ไหว แมเพราะเสยี งฟาผาตัง้ ๑๐๐ ครัง้ ช่ือวา นสิ ภะ. โคนิสภะนั้น ทา นหมายเอาวาอุสภะ. จริงอยู คําน้ี เปน คําเรยี กโคอุสภะนั้นโดยปรยิ าย ฐานะนี้เปนของโคอสุ ภะ เหตนุ ั้น จึงชื่อวา อาสภะ. บทวา าน ไดแกกาํ หนดกระทบื แผนดนิ ดวยเทา ทงั้ ๔ แตในทีน่ ี้ เปนด่งั โคอาสภะ. เหตุน้ันจงึ ชอื่ วาอาสภะ เหมอื นอยา งวา โคอุสภะ กลา วคอื โคนิสภะ ประกอบดวยอสุ ภพละ กําลงั โคอสุ ภะ กระทบื แผน ดนิ ดวยเทาทัง้ ๔ ยนื หยดั ดว ยฐานะทีไ่ มหวน่ั ไหว ฉันใด แมพ ระตถาคต ทรงประกอบดวยตถาคตพละกําลังพระตถาคต ทรงกระทืบแผนดนิ คอื บรษิ ทั ๘ ดว ยพระบาท คือเวสารชั ญาณ ๔ ไมท รงหวั่นไหวดว ยศตั รู หมอู มติ รไร ๆ ในโลก ท้ัง
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 111เทวโลก ทรงยืนหยัดดว ยฐานะอนั ไมหวัน่ ไหวกฉ็ นั นัน้ ก็พระตถาคตเม่ือทรงยืนหยัดอยางนั้น กท็ รงปฏญิ าณเขาถงึ ไมบ อกคนื อาสภฐานะ ฐานะอนั ประเสรฐิ สุด ทรงวางอาสภฐานะไวในพระองค. ดวยเหตุนัน้ จงึ ตรัสวาอาสภณฺาน ปฏชิ านาติ ดังนี.้ บทวา ปรสิ าสุ ไดแกบริษทั ๘ เหลา นี้[มหาสีหนาทสูตร] วา ดูกอ นสารบี ุตร บริษัท ๘ เหลา น้คี อื ขตั ตยิ -บรษิ ัท พราหมณบริษัท คหบดบี รษิ ทั สมณบริษัท จาตมุ มหาราชกิ -บรษิ ทั ดาวดงึ สบรษิ ทั มารบริษทั พรหมบรษิ ัท. บทวา สีหนาท นทติไดแกทรงบนั ลือเสยี งประเสริฐสดุ เสียงท่ีไมนา กลัว เสียงท่ไี มม ใี ครเหมือนหรอื บันลือเสียงเสมือนเสยี งราชสหี . พึงแสดงความขอ น้ี ดวยมหาสีหนาท-สูตร. เปรยี บเหมือนราชสหี เขาเรียกกันวา สหี ะ เพราะอดทนและลาสตั วฉันใด พระตถาคต ทานเรยี กวาสหี ะ ก็เพราะทรงอดทนตอ โลกธรรมทง้ั หลาย และแมเ พราะทรงกาํ จดั ปรปั ปวาท การกลา วรา ยของฝา ยอ่ืนกฉ็ ันนั้น. เสยี งราชสหี ท ่กี ลาวอยางนี้ ชือ่ วา สหี นาท. ในขอนั้น พระตถาคตทรงประกอบดวยพระกําลงั ดงั ราชสีห ทรงองอาจในทที่ ้งั ปวงปราศจากขนพองสยองเกลา ทรงบนั ลือสีหนาทเหมือนราชสีห. ราชสีหคือพระตถาคต ทรงประกอบดวยพระกาํ ลังของพระตถาคต ทรงองอาจในบรษิ ัทท้งั ๘ ทรงบันลือพระธรรมเทศนาอันงดงาม มวี ิธีตาง ๆโดยนยั วา ดังน้รี ปู เปน ตน คือสีหนาท ที่พรอ มดวยความสงา งาม. ดว ยเหตนุ ้ัน จึงตรัสวา ปริสาสุ สีหนาท นทติ. ในบทวา พฺรหมฺ จกฺกปวตฺเตติ นี้ บทวา พรฺ หมฺ ไดแ กประเสริฐสุด สูงสดุ บรสิ ุทธ.ิ์คาํ นเี้ ปน ช่อื ของพระธรรมจกั ร. พระธรรมจกั รนั้น มี ๒ คอื ปฏเิ วธ-ญาณ ๑ เทศนาญาณ ๑. ในญาณ ๒ อยางนน้ั ญาณท่ีปญญาอบรม
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 112นาํ อริยผลมาใหพระองค ช่ือวา ปฏิเวธญาณ. ญาณท่กี รณุ าอบรม นาํอรยิ ผลมาใหเหลา สาวก ชื่อวาเทศนาญาณ. ในญาณ ๒ อยางนน้ัปฏิเวธญาณ มี ๒ คือ ที่กาํ ลงั เกดิ ข้ึน ที่เกิดขึ้นแลว จรงิ อยู ปฏิเวธญาณน้นั นับตงั้ แตเสด็จออกทรงผนวชจนถงึ พระอรหตั มรรค ช่อื วา กําลงัเกิดข้นึ . ที่เกดิ ข้นึ ในขณะอรหัตผล ช่ือวา เกดิ ขน้ึ แลว . นับตัง้ แตภ พดุสติ จนถงึ อรหตั มรรค ณ มหาโพธิบลั ลังก ช่ือวากาํ ลังเกิดขึน้ . ท่ีเกิดขน้ึ ในขณะอรหัตผล ชือ่ วา เกิดขนึ้ แลว . นับต้ังแตพระพุทธเจาพระนามวาทปี ง กร จนถึงอรหัตมรรค ช่ือวากําลงั เกดิ ขึ้น. ท่ีเกิดขึน้ในขณะอรหตั ผล ชื่อวา เกิดขึน้ แลว . เทศนาญาณมี ๒ คือ ท่กี ําลงัประกาศ ทปี่ ระกาศแลว . จริงอยู เทศนาญาณนนั้ ทปี่ ระกาศจนถึงโสดาปตติมรรคของพระอัญญาโกณฑญั ญะ ชอ่ื วากําลังประกาศ. ท่ีประกาศในขณะโสดาปต ตผิ ล ชือ่ วาประกาศแลว . ในญาณทง้ั ๒ น้ันปฏิเวธญาณเปน โลกุตระ. เทศนาญาณเปนโลกยิ ะ แตญาณแมทั้ง ๒ น้นักไ็ มท ั่วไปแกค นเหลาอนื่ . เปน โอรสญาณของเหลาพระพุทธะเทานัน้ . บัดนี้ เพ่อื จะทรงแสดงสีหนาทท่ที รงเปน ผูประกอบดวยพระญาณทบี่ ันลือ จงึ ตรัสวา อิติ รปู ดังน้ีเปนตน . บรรดาบทเหลาน้นั บทวาอิติ รูป แปลวา น้ีรปู เทา น้รี ูป. ตรัสการกาํ หนดรูปไมใ หเหลือดว ยอํานาจลักษณะ รส ปจ จปุ ปฏ ฐานและปทัฏฐาน ทําสง่ิ ที่มคี วามสลายเปนสภาวะ และความแตกแหง ภูตรปู และอุปาทายรูป เปนตนไปวาเหนือน่ีขนึ้ ไป รูปไมม .ี ตรัสความเกิดข้ึนแหงรปู ที่กาํ หนดไวดว ยคาํ นี้วาดังน้เี ปนความเกิดขนึ้ แหง รูป. บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา อิติ ความวาอยางน้เี ปน ความเกดิ ข้ึน. ความพสิ ดารแหง รปู สมทุ ยั นั้น พึงทราบอยา งนี้
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 113วา เพราะอวชิ ชาเกดิ รปู กเ็ กิด เพราะตัณหาเกิด รูปก็เกดิ เพราะกรรมเกดิ รปู กเ็ กดิ เพราะอาหารเกดิ รปู ก็เกิด. อริยสาวกแมเ มื่อเหน็ นพิ พัตต-ิลกั ษณะ ลักษณะเกดิ ยอมเห็นความเกิดแหงรูป. แมในฝายความดบัความพิสดารกม็ อี ยางน้วี า เพราะอวิชชาดบั รูปกด็ ับ. อริยสาวกแมเมือ่เหน็ วปิ รณิ ามลกั ษณะ ลกั ษณะแปรปรวน ยอมเหน็ ความดับแหง รูปขันธ.แมในบทวา อติ ิ เวทนา เปนตน ก็ตรัสการกาํ หนดเวทนา สญั ญาสังขาร และวิญญาณ ท่เี หลอื ไว ดวยอาํ นาจลักษณะ รส ปจ จปุ ปฏ ฐานและปทฏั ฐาน ทาํ ความเสวยอารมณ ความจาํ ได ความปรงุ แตงและความรสู กึ เปน สภาวะ และความแตกแหง สขุ เวทนาเปน อาทิ รปู สัญญาเปน อาทิประสาทและจักษุวิญญาณเปนอาทิ เปนตนไปวา น้เี วทนา เทา น้ีเวทนา.เหนอื นข้ี นึ้ ไป เวทนาไมม .ี นส้ี ัญญา เหลา น้ีสงั ขาร นวี้ ญิ ญาณ เทานี้วิญญาณ. เหนอื ขึ้นไป วญิ ญาณไมม ี ดงั นี้. แตตรัสความเกิดแหง เวทนาสญั ญา สังขาร และวิญญาณ ทกี่ ําหนดอยา งนี้ ดว ยบททั้งหลายมีวาดังนเ้ี ปน ความเกิดข้ึนแหงเวทนา เปน ตน . แมในบทเหลานนั้ บทวาอติ ิ ความวา อยางน้ีเปน ความเกิด. ความพสิ ดาร แมข องขันธเ หลาน้ันกพ็ งึ ทราบตามนยั ท่กี ลา วไวแ ลวในรูปวา เพราะอวชิ ชาเกดิ เวทนากเ็ กิดดงั นี้เปนตน. สว นความตา งกนั มีดังนี้ ในขนั ธ ๓ ไมกลาววา เพราะอาหารเกิดควรกลา ววา เพราะผสั สะเกดิ . ในวิญญาณขันธ ควรกลา ววา เพราะนามรปู เกิด. แมบทฝายดบั ก็ควรประกอบดว ยอํานาจปญ จขันธเหลา นนั้นนั่ แล. นี้เปน ความสงั เขปในขอน.้ี แตเมอ่ื วาโดยพสิ ดาร การวินิจฉัยความเกดิ และความเสอื่ ม ที่บริบรู ณดวยอาหารทุกอยา ง กก็ ลาวไวแลว
พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 114ในคมั ภรี วิสทุ ธมิ รรค. แมเ สียงอยางนวี้ า เมอ่ื สงิ่ น้มี ี สิง่ นกี้ ็มี ดังน้ี ก็เปน สีหนาทอกี ประการหน่ึง. ใจความของสหี นาทน้นั มีวา เมอื่ ปจจัยมีอวิชชาเปนตนน้มี ีอยู ผลมีสงั ขารเปน ตน น้ี ก็มี. บทวา อทิ น โหติความวา เมือ่ ปจ จยั อวชิ ชาเปน ตนไมมี ผลมีสงั ขารเปนตนน้ี ก็ไมม ี.บทวา อมิ สฺส อุปปฺ าทา อิท อปุ ปฺ ชชฺ ติ ความวา เพราะปจ จยั มีอวชิ ชาเปนตนน้ีเกิด ผลมีสังขารเปนตนนก้ี ็เกิด. บทวา อมิ สมฺ ึ อสติ อทิ น โหติ ความวา เม่ือปจ จัยมอี วชิ ชาเปนตนนี้ไมม ี ผลมีสงั ขารเปนตนนี้กไ็ มม ี. บทวา อมิ สสฺ นโฺ รธา อทิ นริ ุชฌฺ ติ ความวา เพราะปจจยัมอี วิชชาเปนตน นด้ี ับ ผลมสี ังขารเปนตนน้กี ็ดับ. บัดน้ี เม่ือจะทรงแสดงอาการทส่ี ่งิ นัน้ มี [เกดิ ] และดับ โดยพิสดาร จงึ ตรัสวา ยททิ อวชิ ฺชาปจจฺ ยา สงฺขารา เปน ตน. บทวาเอว สวฺ ากขฺ าโต ไดแกท ี่ทรงกลา วไวดวยดี คือตรสั ไวดแี ลว โดยการจาํ แนกปญ จขันธเ ปน ตน อยางนี้. บทวา ธมฺโม ไดแ กธรรม คอืปญจขันธและปจ จยาการ. บทวา อุตฺตาโน ไดแ กไมควํา่ แลว . บทวาวิวโฏ ไดแ กเปดตง้ั ไว. บทวา ปกาสิโต ไดแกแ สดงแลว สอ งใหสวางแลว . ผาเกา ทีท่ ะลุ ฉีก มีปมเยบ็ ไวในที่นน้ั ๆ เรียกกนั วา ปโลตกิ าในคําวา ฉนิ ฺนปโลตโิ ก ผูใดไมม ีผาเกา นนั้ นงุ หมแตผา ใหมข นาด ๘ศอก หรือ ๙ ศอก ผนู นั้ ชอื่ วา ฉินนฺ ปโลติก ขาดผาเกา ธรรมแมน ้ีกเ็ ปนเชน นัน้ . ในธรรมนมี้ ิใชม ีภาวะคือสมณะดจุ ผา ทะลุฉกี และมปี มท่เี ยบ็ไวดว ยอํานาจหลอกลวงเขาเปน ตน . อีกนยั หนง่ึ แมผ า เลก็ ๆ กเ็ รยี กปโ ลตกิ า [ผาเกา ผาขรี้ ิว้ ] ผูใ ดไมม ี ปโลติกา น้ัน แตม แี ตผ า ผนื ใหญขนาด ๘-๙ ศอก ผูนัน้ กช็ ่ือวา ฉนิ นปโ ลตกิ ะ ขาดผา เกา ผา ขี้ริว้
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 115อธิบายวา ปราศจากผา เกา. ธรรมน้กี เ็ ปนเชน นนั้ [ปราศจากสมณะดจุ ผาเกา หรือผา ขี้ร้ิว]. เหมอื นอยางวา บรุ ุษไดผ า ๔ ศอกมา ทาํ การกําหนด กะ ชกั ไปทางโนนทางน้ี ยอ มลาํ บาก ฉันใด เหลานกั บวชในลทั ธิภายนอก [พระพุทธศาสนา] ก็ฉันน้นั กะกาํ หนดธรรมอนั นอย ๆของตนไวว า เม่อื ส่งิ นี้เปนอยา งน้ี สิ่งน้ีกจ็ ักเปนอยางน้ี เมอื่ จะขยายหรือเพ่มิ ยอมลาํ บาก. อน่งึ บรุ ุษกะกําหนดดว ยผา ขนาด ๘ ศอก ๙ ศอกยอมนงุ หมไดต ามชอบใจ ไมล าํ บากเลย ไมม กี จิ ที่บุรษุ จะตองชกั ผามาขยายหรอื เพิ่มในผา นัน้ ฉันใด ไมมีกิจทกี่ ลุ บตุ รผูบวชดว ยยศรัทธาจะตอ งกะกาํ หนดจาํ แนกธรรมทั้งหลาย แมในธรรมนี้ กฉ็ ันนั้น. พระผมู ีพระภาคเจาทรงหมายถึงขอ แมน้วี า ธรรมน้ีเราจาํ แนกไวด แี ลว ขยายกวา งดีแลว ดว ยเหตนุ ้นั ๆ จึงตรสั วา ฉนิ ฺนปโ ลติโก ธรรมทีป่ ราศจากสมณะดจุ ผา ขร้ี ิ้ว ดงั น.้ี อนง่ึ แมหยากเยื่อ ทานกเ็ รยี กวา ปโ ลติกะ.ข้ึนชื่อวาสมณะหยากเยอื่ ยอ มจะดํารงอยูในพระศาสนานี้ไมได. ดว ยเหตนุ น้ั พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรัสวาการณฺฑว นิทฺธมถ กสมพฺ ุ อปกสฺสถตโต ปลาเป วาเหถ อสมเณ สมณมานิเนนิทธฺ มติ วฺ าน ปาปจเฺ ฉ ปาปอาจารโคจเรสุทธฺ าสทุ เฺ ธหิ ส วาส กปปฺ ยวโฺ ห ปตสิ สฺ ตาตโต สมคคฺ นปิ กา ทุกฺสฺสนตฺ กรสิ สฺ ถ.พวกเธอจงกาํ จัดสมณะหยากเย่อื ขบั ไลส มณะขยะ ลอยสมณะแตเ ปลอื ก ผไู มเ ปนสมณะ แตสําคัญตัววาเปน สมณะ ครนั้ กาํ จัดสมณะผูมีความ
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 116 ปรารถนาลามก ผมู ีอาจาระและโคจรลามก ถงึ ชอ่ื วา อยรู ว มกับสมณะผูบริสุทธ์ิและผูไมบ ริสุทธิ์ มี สตมิ ั่นคง แตน นั้ พวกเธอมคี วามพรอ มเพรียงกนั มปี ญ ญารักษาตน ก็จกั ทาํ ท่สี ุดทกุ ขได.ธรรมน้ี ชอื่ วา ปราศจากสมณะผา ขร้ี ว้ิ แมเ พราะสมณะหยากเย่ือถกูตัดขาดแลว ดวยประการฉะน.้ี บทวา อลเมว แปลวา สมควรแท. บทวาสทธฺ าปพฺพชิเตน แปลวา ผบู วชดวยศรทั ธา. ในบทวา กลุ ปตุ เฺ ตนกลุ บตุ รมี ๒ คอื อาจารกุลบตุ รและชาตกิ ุลบตุ ร. บรรดากลุ บุตรทั้งสองนัน้กลุ บตุ รผใู ด ออกบวชจากตระกลู ใดตระกลู หนงึ่ บาํ เพญ็ ธรรมขันธ ๕มีศีลขันธเปน ตน กุลบตุ รผูนี้ ชอ่ื วา อาจารกลุ บตุ ร สว นกุลบุตรผูใ ดออกบวชจากตระกลู ที่สมบรู ณด ว ยชาติ ดงั่ เชน พระยศกุลบุตรเปน ตนกุลบุตรผนู ี้ ช่อื วา ชาตกิ ุลบุตร ในกุลบุตรท้ังสองนั้น ในทน่ี ้ที านประสงคเอาอาจารกลุ บุตร. ก็ถาชาตกิ ลุ บุตร มีอาจาระ ชาติกุลบตุ รน้ี ก็จดั วาสูงสุดทเี ดียว. อันกุลบุตรเห็นปานน้ัน. บทวา วิรยิ อารภิตุ ไดแกเพ่อื ทําความเพียรประกอบดว ยองค ๔. บดั นี้ เมือ่ จะทรงแสดงความเพยี รมีองค ๔ จงึ ตรัสวา กาม ตโจเปนตน . ในองคทง้ั ๔ น้ัน ตโจ เปนองค ๑ นหารุ เปน องค ๑อฏิ เปน องค ๑. ม สโบหติ เปนองค ๑. กแ็ ลกลุ บตุ รผูอธิษฐานความเพยี รประกอบดวยองค ๔ นี้ พึงใชใ นฐานะท้งั ๙ คือ กอ นอาหาร หลังอาหาร ยามตน ยามกลาง ยามสุดทาย เวลาเดนิ เวลายืนเวลาน่งั เวลานอน. บทวา ทุกขฺ ภกิ ฺขเว กสุ ิโต วหิ รติ ความวาในพระศาสนานี้ บุคคลใดเกียจครา น บคุ คลนั้นยอ มอยเู ปน ทุกข แต
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 117ในลัทธินอกพระพุทธศาสนา ผูใดเกยี จครา น ผนู ั้นยอมอยูเปนสขุ . บทวาโวกณิ ฺโณ แปลวา คลกุ คลี. บทวา สทตฺถ แปลวา ประโยชนทด่ี ีหรอืประโยชนข องตน. แมด ว ยบททั้งสอง ทานกป็ ระสงคเ อาเฉพาะพระอรหัตอยางเดยี ว. วา ปรหิ าเปติ แปลวา ใหเ สอื่ มไป ไมบรรลุ.จริงอยู กลุ บตุ รผเู กียจคราน ยอ มเปนอันไมค ุม ครองทวารทัง้ ๖. กรรม ๓ก็ไมบริสทุ ธ์ิ. ศีลมอี าชวี ะเปน ท่ี ๘ [อาชีวมฏั ฐกศีล] กไ็ มผ องแผว.ภกิ ษผุ มู อี าชวี ะอันทําลายเสียแลว ยอ มเปน ผเู ขา ไปเปนพระประจําตระกลู .ภิกษนุ ้ันเปนผทู าํ รา ยเพอ่ื นสพรหมจารีทั้งหลาย เหมอื นผงท่ีตกลงในดวงตายอมอยเู ปนทุกข ทัง้ ไดช ่ือวา เปนคนเมา และกนิ ข้ชี าง. ไมสามารถจะยดึ พระอธั ยาศยั ของพระศาสดาไวได ชอ่ื วา ทําขณะเวลาที่หาไดย ากใหพลาดไป. แมอ าหารของชาวแควน ที่ภกิ ษนุ ้นั บริโภคแลว ยอมไมมผี ลมาก. บทวา อารทฺธวริ โิ ย จ โข ภกิ ขฺ เว ความวา บุคคลผูปรารภความเพียร ยอมอยูเปนสุขในพระศาสนานี้โดยแท. สว นผูทป่ี ระกอบความเพียรอยใู นลทั ธินอกพระพทุ ธศาสนา ยอ มอยเู ปนทกุ ข. บทวาปวิวติ โฺ ต ไดแ กผูพ รากแลว. บทวา สทตฺถ ปริปูเรติ ไดแ กบรรลุพระอรหัต. จรงิ อยู ภกิ ษุผปู รารภความเพียร ยอมเปน อนั คุมครองทวารทงั้ ๖ ดแี ลว. กรรมทัง้ ๓ กบ็ ริสทุ ธ์ิ. ศีลมีอาชวี ะเปนท่ี ๘ก็ผอ งแผว . อีกอยา งหนงึ่ ภกิ ษนุ น้ั เปน ทีพ่ อใจของเพอื่ นสพรหมจารีทั้งหลาย เหมอื นยาหยอดตาท่เี ย็นในดวงตา และเหมอื นจันทรต ามธรรมชาตยิ อ มอยเู ปน สขุ ยอ มอาจยดึ พระอัธยาศยั ของพระศาสดาไวไ ด.จรงิ อยู พระศาสดาถูกนางโคตมีถวายบังคมดวยกราบทลู อยา งนวี้ า
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 118 จริ ชวี มหาวีร กปฺป ติฏ มหามุนี. ขา แตพ ระมหาวรี ะ โปรดมีพระชนมายุนาน ๆ ขาแตพระมหามนุ ี โปรดดํารงอยูตลอดกปั เถดิ .กท็ รงหา มเสียวา ดกู อนโคตมี เธอไมพงึ ไหวต ถาคตดวยอาการอยางนี้เลยถูกนางโคตมนี ้นั ทูลออนวอน เม่ือจะทรงบอกอาการทคี่ วรไหว จงึ ตรสัอยา งน้วี า อารทธฺ วริ เิ ย ปหติ ตฺเต นิจจฺ ทฬฺหปรกกฺ เม สมคเฺ ค สาวเก ปสฺส เอสา พทุ ธฺ าน วนทฺ นา. เธอจงดูเหลาพระสาวก ผปู รารภความเพยี ร ผูมีใจเด็ดเดี่ยว บากบั่นมั่นคงอยูเ ปน นิตย ผพู รอม เพรียงกนั นเ้ี ปน การไหวพ ระพุทธะทั้งหลาย.ภิกษุผูปรารภความเพียรอยา งนี้ ยอมสามารถยึดเหนี่ยวพระอธั ยาศัยของพระศาสดาไวไ ด ยอ มทําขณะเวลาท่ีหาไดยากไมใ หพ ลาดไป. จริงอยูพุทธปุ บาทกาล สมยั เกิดข้นึ ของพระพุทธเจา ธรรมเทศนา การแสดงธรรม และสังฆสุปฏิบัติ ความปฏบิ ตั ิดขี องสงฆ ยอมมีผล มกี าํ ไรสาํ หรับภิกษุนน้ั . แมอ าหารของชาวแควน ที่ภกิ ษุน้ันบริโภคแลว ยอมมผี ลมาก.บทวา หีเนน อคคฺ สสฺ ความวา ไมช อื่ วาบรรลุพระอรหัต ทีน่ ับวาเลศิดวยศรัทธาอยางเลว วริ ิยะอยางเลว สตอิ ยา งเลว สมาธิอยางเลว ปญ ญาอยางเลว. บทวา อคเฺ คน จ โข ความวา ช่ือวา บรรลพุ ระอรหตั อนัเลิศ ดว ยคุณมีศรัทธาเปน ตนอยางเลศิ . ในบทวา มณฺฑปยฺย ชอ่ื วามณั ฑะ เพราะอรรถวา ผองใส ชื่อวา เปยยะ เพราะอรรถวา ควรด่ืม.พระผมู พี ระภาคเจา เม่ือทรงแสดงวา จริงอยู บุคคลดื่มนํ้าดืม่ อนั ใดแลว
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 119ลม ลงระหวา งถนน ไมร สู ึกตวั ไมเปน เจา ของแมแ ตผเู ปน ตนของตนเองนํ้าด่มื อนั น้นั แมใสก็ไมควรดื่ม. สวนศาสนาของเรา ท้งั ผอ งใส ทั้งควรดมื่ อยา งนี้ จงึ ตรสั วา มณฑฺ เปยยฺ ดงั นี้. ในคําวา มณฑฺ เปยยฺ นั้นผองใสมี ๓ อยาง คอื เทสนามัณฑะ เทศนาผอ งใส ปฏิคคหมณั ฑะผรู ับผอ งใส พรหมจริยมณั ฑะ พรหมจรรยผองใส. เทศนาผองใสเปนไฉน. คือการบอก [สอน] แสดงบญั ญตั ิ เปดเผย จาํ แนก ทาํ ใหต ้ืนซึ่งอรยิ สจั ๔. การบอก ฯลฯ ทาํ ใหต ้ืน ซ่งึ อรยิ มรรคมีองค ๘ น้ีชอื่ เทสนามัณฑะ เทศนาผอ งใส. ผูรับผอ งใสเปนไฉน. คอื ภกิ ษุ ภกิ ษณุ ี อุบาสก อบุ าสิกา เทวดา มนุษย กห็ รือชนแมเ หลาอน่ื พวกใดพวกหน่ึง ซ่ึงเปนผูรูค วาม. นี้ช่ือ ปฏคิ คหมัณฑะผรู ับผอ งใส. พรหมจรรยผองใสเปน ไฉน. คือ อรยิ มรรคมีองค ๘ น้ีนีแ่ ล คอื สมั มาทิฏฐิ ฯลฯ สมั มาสมาธินี้ชอ่ื พรหมจรยิ มณั ฑะ พรหมจรรยผ องใส. อกี อยางหนง่ึ พงึ ทราบความในขอ นี้ โดยนัยเปน ตน วา สัทธนิ ทรียเปนความผอ งใสโดยอธโิ มกข ความนอมใจเชื่อ อสัทธิยะ ความไมเชอื่เปนกาก. ละอสัทธิยะอนั เปนกากเสีย ด่มื แตอธโิ มกข อันเปน ความใสแหง สัทธินทรีย เพราะเหตนุ ้ัน สทั ธนิ ทรยี จงึ ช่ือวา มัณฑะ ใส เปยยะควรดืม่ . คําวา สตถฺ า สมฺมขุ ีภูโต นี้ เปนคํากลา วเหตใุ นขอน้ี.เพราะเหตทุ ีพ่ ระศาสดาประทบั อยูต อหนา. ฉะนัน้ พรหมจรรยน้ัน จงึ
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 120เปน ของผอ งใส ในอรรถวา ทาํ ประโยคความเพียรแลว ด่มื ได. แทจรงิของภายนอก แมแ ตเภสชั ยาที่ใส อยลู บั หลังหมอ ผดู มื่ ก็มคี วามสงสัยวาเราไมรขู นาดหรือ หรือวา การเพิม่ การลด. แตเ ม่ืออยตู อ หนา หมอ ผูดื่มก็หมดสงสัยด่ืม ดวยคิดวา หมอจักร.ู พระศาสดาผเู ปน เจาของธรรมกฉ็ ันนัน้ เหมอื นกนั ทรงประกอบสัตวไ วใ นพรหมจรรยแมที่ใสและควรดมื่ดว ยตรสั วา พวกเธอจงพยายามด่ืมเสีย เพราะฉะนนั้ จงึ ตรสั วา ตหิภกิ ฺขเว. บรรดาเหลา นั้น บทวา สผลา ไดแ กมีอานิสงส. บทวาสอทุ รฺ ิยา ไดแกม ีผลเพิม่ คือกาํ ไร. บทวา อตฺตตถฺ ไดเ เกพระอรหตัอนั เปนประโยชนแ กตน. บทวา อปฺปมาเทน สมปฺ าเทตุ ไดแ กเพ่อื ทาํ กจิทุกอยางดวยความไมป ระมาท. บทวา ปรตฺถ ไดแ กผลเปนอันมากของผถู วายปจ จยั . คาํ ทเ่ี หลือในท่ที ุกแหง งายทง้ั นน้ั แล. จบอรรถกถาทตุ ยิ ทสพลสตู รท่ี ๒ ๓. อปุ นสิ สตู ร วา ดว ยธรรมที่อิงอาศัยกนั [๖๘] พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. พระผูม พี ระภาคเจาตรสั วาดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย เมือ่ เรารอู ยู เห็นอยู เราจงึ กลาวความส้ินไปแหงอาสวะทงั้ หลาย เม่อื เราไมร ูไมเหน็ เรากม็ ไิ ดกลาวความส้ินไปแหง อาสวะทง้ั หลาย ภิกษุท้ังหลาย เมื่อเรารเู ราเห็นอะไรเลา ความสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลายยอมมี เม่ือเรารเู ราเห็นวา ดงั นร้ี ูป ดงั น้คี วามเกดิ ขนึ้ แหงรูปดังนีค้ วามดบั แหง รูป. . .ดงั นเ้ี วทนา. . .ดังน้สี ญั ญา. . .ดงั สังขาร
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 121ทั้งหลาย. . .ดังนว้ี ิญญาณ ดังนีค้ วามเกิดข้นึ แหง วญิ ญาณ ดงั นี้ความดับแหงวญิ ญาณ ความสนิ้ ไปแหงอาสวะท้ังหลายยอมมี ภกิ ษทุ ง้ั หลาย เม่ือเรารู เราเห็นอยา งน้ีแล ความสิ้นไปแหงอาสวะทัง้ หลายยอมมี. [๖๙] ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย เม่ือธรรมเปนทสี่ ้ินไป๑ เกดิ ขน้ึ แลวญาณในธรรมเปน ท่สี ิ้นไป อันน้ันแมใ ด มีอยู เรากลาวญาณแมนน้ั วามเี หตุเปนท่ีองิ อาศยั มไิ ดก ลาววา ไมมีเหตเุ ปน ทอี่ ิงอาศยั ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย กอ็ ะไรเลา เปน เหตุทอี่ งิ อาศยั แหง ญาณในธรรมเปน ทสี่ ิ้นไปควรกลา ววา วมิ ตุ ติ ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย เรากลาวแมซ่ึงวิมตุ ติวามีเหตทุ ่ีอิงอาศยั มิไดกลาววาไมม เี หตทุ ีอ่ ิงอาศัย ดกู อนภิกษุท้งั หลาย กอ็ ะไรเลาเปน เหตุท่ีองิ อาศัยแหงวิมตุ ติ ควรกลา ววา วริ าคะ ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลายเรากลาวแมซ่งึ วิราคะวา มีเหตทุ ีอ่ ิงอาศัย มิไดกลา ววาไมมีเหตทุ ีอ่ ิงอาศยัดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย กอ็ ะไรเลา เปนเหตุทีอ่ ิงอาศยั แหง วิราคะ ควรกลาววา นิพพทิ า ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เรากลาวแมซงึ่ นพิ พิทาวา มีเหตทุ ี่องิ อาศยั มิไดกลาววา ไมมเี หตุท่ีองิ อาศัย ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ก็อะไรเลาเปน เหตุทีอ่ งิ อาศัยแหงนิพพทิ า ควรกลา ววา ยถาภตู ญาณทัสสนะ ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย เรากลา วแมซ ึ่งยถาภตู ญาณทัสสนะวา มเี หตทุ ่อี งิ อาศัยมไิ ดก ลาววาไมม ีเหตทุ อี่ งิ อาศัย ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย กอ็ ะไรเลา เปน เหตุที่อิงอาศยั แหงยถาภูตญาณทสั สนะ ควรกลาววา สมาธิ ดกู อนภกิ ษุท้งั หลายเรากลาวแมซ ึ่งสมาธิวา มีเหตทุ ่ีองิ อาศยั มไิ ดก ลาววา ไมม เี หตทุ ี่องิ อาศยัดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ก็อะไรเลา เปน เหตุท่ีอิงอาศยั แหงสมาธิ ควรกลา ววาสขุ ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย เรากลาวแมซ่งึ สขุ วา มีเหตทุ ่ีองิ อาศัย มิไดกลาว๑. อรหตั ผล
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 122วาไมม เี หตุทอี่ งิ อาศยั ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ก็อะไรเลา เปน เหตุท่ีองิ อาศัยแหงสุข ควรกลา ววา ปสสทั ธิ ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เรากลาวแมซ ึง่ปสสัทธวิ ามเี หตทุ ่อี ิงอาศัย มิไดก ลา ววา ไมม ีเหตุทอ่ี งิ อาศยั ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเลา เปน เหตุท่ีอิงอาศัยแหง ปสสทั ธิ ควรกลาววา ปต ิ ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย เรากลา วแมซ ่ึงปต วิ า มเี หตทุ อี่ ิงอาศัย มไิ ดกลาววาไมมีเหตุทีอ่ งิ อาศัย ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ก็อะไรเลาเปนเหตุที่องิ อาศยั แหงปติ ควรกลาววา ความปราโมทย ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย เรากลา วแมซง่ึ ความปราโมทยวามเี หตทุ ี่อิงอาศัย มิไดกลาววาไมม เี หตุทีอ่ งิ อาศัย ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย กอ็ ะไรเลา เปนเหตุท่อี งิ อาศยั แหงความปราโมทย ควรกลาววา ศรทั ธา ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เรากลา วแมซ ่งึ ศรัทธาวามเี หตุทีอ่ ิงอาศัยมิไดกลาววา ไมมเี หตทุ อ่ี ิงอาศัย ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย กอ็ ะไรเลา เปนเหตุทอี่ งิ อาศยั แหง ศรัทธา ควรกลาววา ทกุ ข ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย เรากลาวแมซึ่งทกุ ขวา มีเหตเุ ปน ทีอ่ งิ อาศัย มไิ ดก ลา ววาไมม ีเหตทุ ่อี งิ อาศัย ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็อะไรเลา เปน เหตทุ ่อี งิ อาศยั แหงทกุ ข ควรกลา ววา ชาติดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย เรากลา วแมซ งึ่ ชาติวามีเหตทุ ่อี ิงอาศยั มิไดก ลา ววา ไมม ีเหตุท่ีองิ อาศยั ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย กอ็ ะไรเลา เปน เหตุที่อิงอาศัยแหงชาติควรกลา ววา ภพ ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย เรากลา วแมซงึ่ ภพวา มเี หตุทอ่ี งิ อาศัยมไิ ดกลาวไมมีเหตทุ ่ีองิ อาศัย ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย กอ็ ะไรเลา เปน เหตทุ ่ีอิงอาศยั แหง ภพ ควรกลา ววา อุปาทาน ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย เรากลาวแมซึ่งอปุ าทานวามเี หตทุ ่ีองิ อาศัย มไิ ดก ลา ววา ไมม เี หตุท่อี งิ อาศยั ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย กอ็ ะไรเลา เปนเหตทุ ี่องิ อาศยั แหงอปุ าทาน ควรกลาววา ตัณหาดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย เรากลาวแมซงึ่ ตณั หาวา มีเหตุที่อิงอาศยั มิไดกลา ววา
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 123ไมม ีเหตทุ อี่ ิงอาศัย ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย ก็อะไรเลา เปน เหตทุ ีอ่ งิ อาศยัแหง ตัณหา ควรกลา ววา เวทนา ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย เรากลาวแมซ ึง่ เวทนาวามเี หตทุ ีอ่ ิงอาศัย มไิ ดก ลาววา ไมม เี หตทุ อ่ี งิ อาศัย ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลายก็อะไรเลา เปนเหตุทีอ่ ิงอาศัยแหงเวทนา ควรกลา ววา ผสั สะ ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย เรากลาวแมซงึ่ ผสั สะวามเี หตทุ ี่อิงอาศัย มไิ ดกลา ววาไมม ีเหตุทอ่ี ิงอาศยั ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย กอ็ ะไรเลา เปนเหตุทีอ่ ิงอาศยั แหงผัสสะ ควรกลา ววา สฬายตนะ ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย เรากลา วแมซง่ึสฬายตนะวามเี หตทุ ่ีองิ อาศัย มไิ ดก ลาววาไมมีเหตทุ ่อี งิ อาศยั ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย กอ็ ะไรเลา เปนเหตทุ ่อี งิ อาศยั แหง สฬายตนะ ควรกลา ววานามรปู ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เรากลาวแมซง่ึ นามรปู วา มเี หตุทอ่ี งิ อาศยัมิไดกลา ววา ไมม ีเหตุทีอ่ ิงอาศยั ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ก็อะไรเลา เปน เหตุท่ีองิ อาศัยแหง นามรปู ควรกลา ววา วญิ ญาณ ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เรากลาวแมซ่งึ วญิ ญาณวามีเหตทุ ่อี งิ อาศยั มไิ ดก ลาววา ไมมเี หตทุ ี่อิงอาศัยดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ก็อะไรเลา เปนเหตทุ ่ีอิงอาศยั แหงวญิ ญาณ ควรกลา ววา สังขารท้งั หลาย ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เรากลาวแมซ ึ่งสังขารทง้ั หลายวา มีเหตุที่อิงอาศัย มไิ ดก ลาววา ไมมเี หตทุ ีอ่ ิงอาศัย ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ก็อะไรเลา เปนเหตุทีอ่ งิ อาศยั แหงสังขารทง้ั หลาย ควรกลาววาอวิชชา ดว ยเหตุดงั นแ้ี ล ภกิ ษุทง้ั หลาย สงั ขารทงั้ หลาย มีอวิชชาเปน ที่อิงอาศัย วิญญาณมสี ังขารเปนท่ีอิงอาศยั นามรปู มีวิญญาณเปนท่ีอิงอาศัยผสั สะมสี ฬายตนะเปนทอ่ี ิงอาศัย เวทนาที่ผัสสะเปนท่ีอิงอาศยั ตัณหามีเวทนาเปน ทีอ่ งิ อาศยั อุปาทานมีตณั หาเปนท่อี งิ อาศยั ภพมอี ุปาทานเปนทอ่ี ิงอาศัย ชาติมีภพเปน ทีอ่ ิงอาศัย ทกุ ขม ีชาติเปน ท่ีองิ อาศยั ศรัทธามี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 754
- 755
- 756
- 757
- 758
- 759
- 760
- 761
- 762
- 763
- 764
- 765
- 766
- 767
- 768
- 769
- 770
- 771
- 772
- 773
- 774
- 775
- 776
- 777
- 778
- 779
- 780
- 781
- 782
- 783
- 784
- 785
- 786
- 787
- 788
- 789
- 790
- 791
- 792
- 793
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 793
Pages: