พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 401 ๗. ปฐมสมทุ ทสูตร วา ดว ยบุรษุ วักนํา้ สองสามหยาดข้ึนจากมหาสมทุ ร [๓๒๓] พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวัตถี. ณ ท่นี ัน้ แล พระผมู พี ระ-ภาคเจา ตรสั เรียกภกิ ษุทงั้ หลาย. . . แลว ไดตรัสวา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลายบรุ ษุ วกั นํ้าสองสามหยาดข้นึ จากมหาสมทุ ร เธอทง้ั หลายจะสําคญั ความขอน้ันเปน ไฉน นา้ํ สองสามหยาดทีบ่ รุ ุษวกั ข้ึนแลว กบั นํ้าในมหาสมทุ ร ไหนจะมากกวากนั ภกิ ษทุ ัง้ หลายกราบทลู วา ขาแตพระองคผเู จริญ นา้ํ ในมหาสมุทรนแี้ หละมากกวา น้ําสองสามหยาดทบี่ รุ ุษวักขน้ึ แลว มปี ระมาณนอย น้าํ สองสามหยาดท่บี ุรษุ วักขนึ้ แลว เมื่อเทยี บกันเขากับนา้ํ ในมหาสมทุ รไมเขา ถงึ เสีย้ วท่ี ๑๐๐ เสี้ยวท่ี ๑,๐๐๐ เส้ียวที่ ๑๐๐,๐๐๐ แมฉันใด. [๓๒๔] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ฉนั นัน้ เหมอื นกนั แล ฯ ล ฯ การไดธรรมจกั ษใุ หสั ําเรจ็ ประโยชนใ หญอ ยางนี้. จบปฐมสมุททสตู รท่ี ๗ ๘. ทตุ ิยสมุททสตู ร วา ดว ยนาํ้ ในมหาสมทุ ร [๓๒๕] พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. ณ ครัง้ น้นั แลว พระผมู พี ระ-ภาคเจาตรัสเรยี กภกิ ษทุ ้งั หลาย . . . แลวไดตรสั วา ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 402มหาสมุทรพงึ ถงึ การหมดไป ส้ินไป ยังเหลอื นํ้าอยสู องสามหยาด เธอท้งั หลายจะสําคญั ความขอน้ันเปน ไฉน น้าํ ในมหาสมทุ รทห่ี มดไป สนิ้ ไปกับน้ําสองสามหยาดทีย่ ังเหลืออยู ไหนจะมากกวากัน. ภกิ ษุท้ังหลายกราบทูลวา ขา แตพระองคผูเ จรญิ น้ําในมหาสมุทรที่หมดไป สน้ิ ไปน้แี หละมากกวา นาํ้ สองสามหยาดทเี่ หลอื อยูม ปี ระมาณนอย นํา้ สองสามหยาดท่ีเหลอื อยูเมอ่ื เทยี บกนั เขากับนา้ํ ในมหาสมุทรทห่ี มดไป สน้ิ ไป ไมเ ขาถงึ เส้ยี วท่ี ๑๐๐ เสย้ี วท่ี ๑,๐๐๐ เสยี้ วท่ี ๑๐๐,๐๐๐ แมฉ นั ใด. [๓๒๖] ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ฉันนนั้ เหมือนกนั แล ฯ ล ฯ การไดธ รรมจักษใุ หส าํ เร็จประโยชนใ หญอยา งน.ี้ จบทตุ ิยสมทุ ทสตู รท่ี ๘ ๙. ปฐมปพ พตปู มสูตร วา ดวยวางกอนหนิ ๗ กอ นท่ีภูเขาหมิ วนั ต [๓๒๗] พระผูมีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทานอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. ณ ที่นน้ั แล พระผมู พี ระ-ภาคเจาตรสั เรยี กภิกษุท้ังหลาย . . . แลว ไดต รสั วา ดูกอนภิกษทุ ้ังหลายบรุ ุษพึงวางกอนหนิ เทาเมล็ดพันธุผกั กาด ๗ กอ นไวท ขี่ นุ เขาหิมวนั ตเธอทงั้ หลายจะสาํ คญั ความขอ น้ันเปนไฉน กอนหนิ เทา เมลด็ พันธผุ ักกาด๗ กอ นท่ีบรุ ุษวางไวกนั ขนุ เขาหิมวันต ไหนจะมากกวากนั . ภกิ ษุท้ังหลายกราบทลู วา ขา แตพระองคผูเจริญ ขนุ เขาหมิ วันตน้ีแหละมากกวา กอนหนิ เทา เมลด็ พันธผุ ักกาด ๗ กอนท่บี ุรุษวางไวมีประมาณนอ ย กอนหนิ
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 403เทา เมลด็ พันธุผักกาด ๗ กอนทบี่ รุ ษุ วางไวเ มื่อเทยี บเขา กบั ขุนเขาหมิ วันตไมเ ขาถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เสีย้ วที่ ๑,๐๐๐ เส้ยี วที่ ๑๐๐,๐๐๐ แมฉันใด. [๓๒๘] ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ฉันนัน้ เหมอื นกันแล ฯ ล ฯ การไดธรรมจักษุใหส ําเรจ็ ประโยชนใหญอ ยา งน้ี. จบปฐมปพ พตูปมสตู รที่ ๙ ๑๐. ทตุ ิยปพ พตปู มสูตร วา ดว ยวางกอ นหนิ ๗ กอนไวทีภ่ เู ขาหมิ วันต [๓๒๙] พระผูมีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ณ ท่ีน้ันแล พระผมู ีพระ-ภาคเจาตรสั เรียกภกิ ษทุ ง้ั หลาย . . . แลว ไดตรัสวา ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลายขนุ เขาหมิ วันตพงึ ถึงความหมดไป ส้ินไป ยังเหลือกอ นหินเทาเมลด็ พันธุผักกาดอยู ๗ กอ น เธอทัง้ หลายจะสาํ คญั ขอน้นั เปน ไฉน ขุนเขาหมิ วนั ตทหี่ มดไป สนิ้ ไป กับกอ นหินเทา เมล็ดพันธุผ กั กาด ๗ กอ นที่ยังเหลอื อยูไหนจะมากกวา กนั ภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทูลวา ขา แตพ ระองคผูเจริญขนุ เขาหิมวันตท่ีหมดไป สนิ้ ไปนี้แหละมากกวา กอนหินเทาเมล็ดพันธุผกั กาด ๗ กอนท่ยี งั เหลืออยูม ปี ระมาณนอย กอ นหนิ เทา เมลด็ พันธุผกั กาด ๗ กอ นท่ียังเหลอื อยเู มื่อเทียบเขากบั ขนุ เขาหมิ วันตท ่หี มดไป สิ้นไปไมเ ขาถงึ เสย้ี วที่ ๑๐๐ เส้ียวท่ี ๑,๐๐๐ เสี้ยวท่ี ๑๐๐,๐๐๐ แมฉันใด. [๓๓๐] ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ฉันนน้ั เหมอื นกนั แล ความทุกขหมดไป สน้ิ ไปนแี้ หละของบุคคลผูเปนพระอริยสาวก สมบรู ณดวยทิฏฐิ
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 404ตรสั รูแลว มีมากกวา สวนที่เหลือมีประมาณนอย ความทุกขท่ีเปนสภาพยง่ิ ใน ๗ อัตภาพเมือ่ เทยี บกบั กองทุกขท ่หี มดไป สิน้ ไป ไมเขาถงึเสีย้ วที่ ๑๐๐ เสย้ี วท่ี ๑,๐๐๐ เส้ยี วท่ี ๑๐๐,๐๐๐ ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลายการตรสั รธู รรมใหส ําเร็จประโยชนใหญอ ยางน.้ี จบทุตยิ ปพพตูปมสตู รที่ ๑๐ ๑๑. ตติยปพ พตปู มสตู ร วาดว ยวางกอนหนิ ๗ กอ นไวทเี่ ขาสิเนรุ [๓๓๑] พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ณ ท่นี ั้นแล พระผูม ีพระ-ภาคเจาตรสั เรยี กภกิ ษุทัง้ หลาย. . . แลว ไดต รสั วา ดูกอนภกิ ษุทั้งหลายบรุ ุษพึงวางกอ นหินเทาเมล็ดถว่ั เขยี ว ๗ กอนไวท่ีขุนเขาสเิ นรุ เธอทั้งหลายจะสาํ คัญความขอ นน้ั เปนไฉน กอนหินเทาเมล็ดถ่วั เขียว ๗ กอนท่บี รุ ุษวางไวกบั ขุนเขาสิเนรุ ไหนจะมากกวากัน. ภิกษุทง้ั หลายกราบทูลวาขา แตพระองคผ เู จริญ ขนุ เขาสิเนรุน้แี หละมากกวา กอนหนิ เทา เมลด็ถว่ั เขียว ๗ กอนทบี่ รุ ษุ วางไวม ปี ระมาณนอย กอ นหนิ เทาเมลด็ ถั่วเขียว๗ กอนท่บี ุรุษวางไวเ ม่ือเทยี บเขา กบั ขุนเขาสเิ นรุ ไมเขา ถึงเสีย้ วที่ ๑๐๐เส้ยี วท่ี ๑,๐๐๐ เส้ยี วท่ี ๑๐๐,๐๐๐ แมฉนั ใด. [๓๓๒] พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ฉนั น้ันเหมอื นกันแล การบรรลุคณุ วิเศษแหงอญั ญเดยี รถียสมณพราหมณแ ละ
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 405ปรพิ าชก เม่อื เทยี บกบั การบรรลโุ สดาปตตมิ รรคแหงบุคคลผูเ ปน พระอริยสาวก สมบรู ณดว ยทิฏฐิ ไมเขาถึงเสี้ยวที่ ๑๐๐ เส้ยี วที่ ๑,๐๐๐เส้ยี วท่ี ๑๐๐,๐๐๐ บคุ คลผูสมบรู ณด วยทฏิ ฐิ มอี ธิคมใหญอ ยา งนี้ มีอภญิ ญาใหญอยา งนี้. จบตตยิ ปพพตูปมสูตรท่ี ๑๑ จบอภสิ มยวรรคที่ ๑๐รวมพระสูตรทม่ี ใี นวรรคน้ี คอื๑. นขสขิ าสูตร ๒. โปกขรณีสูตร๓. ปฐมสมั เภชอุทกสตู ร ๔. ทุติยสัมเภชอุทกสตู ร๕. ปฐมปฐวีสตู ร ๖. ทุติยปฐวีสูตร๗. ปฐมสมทุ ทสตู ร ๘. ทุติยสมุททสตู ร๙. ปฐมปพ พตูปมสตู ร ๑๐. ทตุ ิยปพ พตปู มสตู ร๑๑. ตติยปพพตูปมสตู รจบอภิสมยสงั ยุตท่ี ๑อรรถกถาทุตยิ ปฐวีสตู รท่ี ๖ เปน ตน ในอรรถกถาทุตยิ ปฐวีสตู รที่ ๖ เปนตน พึงทราบเนอ้ื ความตามนัยทก่ี ลา วแลวนนั่ แล. แตใ นสูตรสุดทาย บทวา อฺตติ ถฺ ยิ สมณ-พฺราหมฺ ณปริพฺพาชกาน อธิคโม ความวา การบรรลคุ ณุ ทง้ั หมดของ
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 406พาหริ กชนยงั ไมถ ึงสวน ๑๐๐ บาง สว น ๑,๐๐๐ บาง สวน ๑๐๐,๐๐๐ บา งของผูท่บี รรลุคุณท้ังหลายดวยปฐมมรรคแล. จบอรรถกถาทุตยิ ปฐวสี ตู รท่ี ๖ เปน ตน จบอรรถกถาอภสิ มยวรรคท่ี ๑๐ จบอรรถกถาอภิสมยสงั ยตุ ท่ี ๑
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 407 ๒. ธาตสุ งั ยตุ นานัตวรรคที่ ๑ ๑. ธาตุสตู ร วาดวยความตางแหง ธาตุ [๓๓๓] พระผมู พี ระภาคเจาประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรุงสาวตั ถ.ี ณ ท่ีนัน้ แล พระผูม พี ระภาคเจาตรสั เรียกภกิ ษุทง้ั หลาย. . . แลว ไดตรัสวา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลายเราจักแสดงความตา งแหง ธาตแุ กเ ธอทั้งหลาย เธอท้งั หลายจงตง้ั ใจฟงจงกระทาํ ไวในใจใหด ี เราจักกลาวบัดน.้ี ภิกษุเหลานน้ั ทูลรับพระผูมีพระภาคเจา วา อยา งนน้ั พระเจา ขา . [๓๓๔] พระผมู ีพระภาคเจาไดต รสั วา ดกู อนภิกษุท้ังหลายกค็ วามตา งแหงธาตุเปน ไฉน จักขุธาตุ รูปธาตุ จกั ขุวญิ ญาณธาตุ โสตธาตุสทั ทธาตุ โสตวญิ ญาณธาตุ ฆานธาตุ คันธธาตุ ฆานวิญญาณธาตุชิวหาธาตุ รสธาตุ ชวิ หาวญิ ญาณธาตุ กายธาตุ โผฏฐัพพธาตุ กาย-วิญญาณธาตุ มโนธาตุ ธรรมธาตุ มโนวญิ ญาณธาตุ นเี้ ราเรยี กวาความตา งแหง ธาต.ุ จบธาตสุ ตู รที่ ๑
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 408 ธาตสุ ังยุต นานตั ตวรรคที่ ๑ อรรถกถาธาตสุ ูตรที่ ๑ พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในธาตสุ ตู รท่ี ๑ แหง นานตั ตวรรค ดงั ตอ ไปน.้ี ความทีธ่ รรมมีสภาพตา งกนั ไดชือ่ วา ธาตุ เพราะอรรถวา เปนสภาวะ กลา วคือมีอรรถวามใิ ชส ตั ว และอรรถวา เปนของสูญ ดังน้ีชื่อวา ความตา งแหง ธาต.ุ ในบทเปน ตน วา จกขฺ ธุ าตุ ความวา จกั ข-ุปสาท ชอ่ื วา จักขุธาต,ุ รูปารมณ ชื่อวา รูปธาต,ุ จิตท่มี ีจักขปุ สาทเปนที่อาศัย ชือ่ วา จกั ขุวญิ ญาณธาต.ุ โสตปสาท ชอื่ วา โสตธาตุ,สัททารมณ ชื่อวา สัททธาตุ, จติ ทมี่ ีโสตปสาทเปนทีอ่ าศยั ช่ือวาโสตวญิ ญาณธาต.ุ ฆานปสาท ชอื่ วา ฆานธาต,ุ คันธารมณ ชือ่ วาคนั ธธาตุ, จติ ที่มีฆานปสาทเปน ท่ีอาศยั ชื่อวา ฆานวญิ ญาณธาต.ุชิวหาปสาท ชือ่ วา ชวิ หาธาตุ, รสารมณ ช่ือวา รสธาต,ุ จิตทม่ี ีชิวหาปสาทเปน ทีอ่ าศัย ชื่อวา ชวิ หาวญิ ญาณธาตุ, กายปสาท ชือ่ วากายธาตุ, โผฏฐพั พารมณ ชื่อวา โผฏฐพั พธาต,ุ จติ ท่ีมีกายปสาทเปนที่อาศัย ช่ือวา กายวญิ ญาณธาตุ. มโนธาตุ ๓ ชื่อวา มโนธาตุ,ขนั ธ ๓ มเี วทนาเปนตน สขุ ุมรูป และนิพพาน ช่อื วา ธรรมธาต,ุมโนวิญญาณ แมท งั้ หมด ชื่อวา มโนวิญญาณธาตุ, กใ็ นขอนี้ ธาตุ๑๖ อยา ง เปน กามาวจร ธาตุ ๒ ในทส่ี ดุ เปน ไปในภูมิ ๔. จบอรรถกถาธาตสุ ตู รที่ ๑
พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 409 ๒. สมั ผสั สสตู ร วา ดว ยความตางแหง ผสั สะ [๓๓๕] พระผมู ีพระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวัตถ.ี ณ ทน่ี นั้ แล พระผมู พี ระ-ภาคเจา ตรัสเรยี กภิกษุท้งั หลาย. . . แลว ไดต รสั วา ดกู อนภิกษุทงั้ หลายความตางแหง ผสั สะบงั เกิดขนึ้ เพราะอาศัยความตางแหง ธาตุ ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย กค็ วามตางแหงธาตเุ ปนไฉน จกั ขุธาตุ โสตธาตุ ฆานธาตุชวิ หาธาตุ กายธาตุ มโนธาตุ นี้เราเรียกวา ความตา งแหงธาต.ุ [๓๓๖] ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย กค็ วามตางแหง ผสั สะ บงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศัยความตางแหงธาตเุ ปน ไฉน จกั ขสุ มั ผัสบงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศัยจกั ขุธาตุ โสตสัมผัสบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยโสตธาตุ ฆานสัมผสั บงั เกดิ ขน้ึเพราะอาศัยฆานธาตุ ชวิ หาสมั ผสั บังเกิดขนึ้ เพราะอาศัยชิวหาธาตุ โผฏ-ฐัพพสมั ผัสบังเกิดขึน้ เพราะอาศยั กายธาตุ มโนสมั ผัสบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศัยมโนธาตุ ความตา งแหง ผัสสะบงั เกิดขึ้นเพราะอาศยั ความตางแหงธาตุอยางนแ้ี ล. จบสมั ผัสสสูตรที่ ๒ อรรถกถาสัมผัสสสูตรท่ี ๒ พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในสัมผสั สสูตรท่ี ๒ ดงั ตอไปน.้ี บทวา อปุ ฺปชชฺ ติ ผสฺสนานตตฺ ไดแ กผัสสะมสี ภาพตา งกนั
พระสุตตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 410ยอมเกิดขน้ึ . ในผสั สะนัน้ จกั ขุสมั ผัสเปนตน ประกอบดวยจักขวุ ญิ ญาณเปน ตน มโนสัมผัส ประกอบดว ยปฐมชวนะ ในมโนทวาร. เพราะ-ฉะน้ัน ในขอนี้มเี นอ้ื ความดงั นี้วา บทวา มโนธาตุ ปฏิจฺจ ไดแกปฐมชวนะสัมผัสบงั เกดิ ขึน้ เพราะอาศัยมโนทวาราวัชชนะ อันเปนกิริยา-มโนวญิ ญาณธาต.ุ จบอรรถกถาสัมผสั สสูตรท่ี ๒. ๓. โนสมั ผัสสสตู ร วา ดวยความตางแหงผัสสะ [๓๓๗] พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ณ ทน่ี น้ั แล พระผูม ีพระ-ภาคเจา ตรัสเรยี กภกิ ษุทัง้ หลาย. . . แลวไดตรัสวา ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลายความตา งแหงผสั สะบงั เกิดขนึ้ เพราะอาศัยความตา งแหงธาตุ ความตา งแหง ธาตุบังเกดิ ข้นึ เพราะอาศัยความตางแหง ผัสสะหามิได ความตางแหงธาตเุ ปน ไฉน จกั ขุธาตุ ฯ ล ฯ มโนธาตุ นีเ้ ราเรยี กวา ความตางแหงธาตุ. [๓๓๘] ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย กค็ วามตางแหง ผสั สะบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหงธาตุ ความตา งแหงธาตบุ งั เกิดข้นึ เพราะอาศัยความตา งแหง ผสั สะหามไิ ด เปนไฉน จกั ขุสัมผัสบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยัจักขุธาตุ จักขธุ าตบุ งั เกิดขึน้ เพราะอาศัยจักขุสมั ผัสหามไิ ด ฯ ล ฯ มโน-
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 411สมั ผสั บงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั มโนธาตุ มโนธาตุบังเกิดขน้ึ เพราะอาศัยมโน-สมั ผัสหามิได ความตา งแหง ผสั สะบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตา งแหงธาตุความตา งแหง ธาตุบังเกิดข้ึนเพราะอาศัยความตางแหงผัสสะหามไิ ด อยางน้ีแล. จบโนสมั ผัสสสตู รที่ ๓ อรรถกถาโนสมั ผสั สสูตรที่ ๓ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในโนสมั ผสั สสตู รท่ี ๓ ดังตอ ไปน้.ี บทวา โน มโนสมผฺ สส ปฏิจฺจ อปุ ฺปชชฺ ติ มโนธาตุ พึงเห็นเน้ือความอยางนี้วา อาวชั ชนะ กิรยิ ามโนวิญญาณธาตุจะบงั เกดิ ขน้ึเพราะอาศยั ผสั สะทีป่ ระกอบดว ยปฐมชวนะในมโนทวาร กห็ ามิได. จบอรรถกถาโนสมั ผัสสสตู รที่ ๓. ๔. เวทนาสตู ร วา ดว ยความตางแหง เวทนา [๓๓๙] พระผมู ีพระภาคเจา ประทับประอยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. ณ ท่นี ้นั แล พระผูม ีพระ-ภาคเจา ตรัสเรยี กภิกษุทัง้ หลาย. . . แลวไดต รสั วา ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลายความตา งแหง ผัสสะบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยความตา งแหงธาตุ ความตางแหงเวทนาบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศัยความตา งแหงผัสสะ กค็ วามตา งแหงธาตุเปน
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 412ไฉน จักขธุ าตุ ฯ ล ฯ มโนธาตุ น้เี ราเรียกวา ความตางแหงธาตุ. [๓๔๐] ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย กค็ วามตางแหง ผสั สะบังเกดิ ขึน้เพราะอาศัยความตางแหงธาตุ ความตางแหง เวทนาบังเกิดขนึ้ เพราะอาศยัความตา งแหงผัสสะ เปน ไฉน จกั ขสุ ัมผัสบังเกิดขน้ึ เพราะอาศัยจักขุธาตุจักขสุ ัมผัสสชาเวทนาบงั เกดิ ขึน้ เพราะอาศยั จกั ขุสมั ผัส ฯลฯ มโนสมั ผัสบังเกดิ ขึน้ เพราะอาศยั มโนธาตุ มโนสมั ผัสสชาเวทนาบังเกดิ ขึ้นเพราะอาศัยมโนสัมผสั ความตา งแหง ผสั สะบังเกิดข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหงธาตุ ความตา งแหง เวทนาบังเกิดข้ึนเพราะอาศยั ความตา งแหง ผสั สะ อยางนี้แล. จบเวทนาสูตรที่ ๔ อรรถกถาเวทนาสูตรท่ี ๔ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในเวทนาสูตรที่ ๔ ดงั ตอ ไปน้ี. บทวา จกขฺ สุ มผฺ สสฺ ชา เวทนา ทานอธบิ ายวา ตั้งแตส มั ปฏิจ-ฉันนมโนธาตุ เวทนาแมท ั้งปวง พึงเปน ไปในทวารนนั้ แตการถอืสัมปฏิจฉันนเวทนาในลําดบั เพ่ือความสุกในการเกดิ กค็ วร. บทวามโนสมฺผสสฺ ปฏจิ ฺจ มีอธบิ ายดังน้ีวา ปฐมชวนะเวทนาบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั อาวัชชนะสัมผสั ในมโนทวาร ทุตชิ วนะเวทนาบังเกิดข้นึ เพราะอาศยั ปฐมชวนะสมั ผัส ดังนแี้ ล. จบอรรถกถาเวทนาสูตรที่ ๔
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 413 ๕. โนเวทนาสูตร วาดว ยความตางแหงเวทนา [๓๔๑] พระผูม ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี กรงุ สาวัตถี. ณ ทน่ี น้ั แล พระผมู ีพระ-ภาคเจา ตรสั เรยี กภิกษุทั้งหลาย. . . แลวไดต รัสวา ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลายความตา งแหง ผสั สะบงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศัยความตางแหง ธาตุ ความตางแหงเวทนาบังเกิดขึน้ เพราะอาศัยความตางแหงผสั สะ ความตางแหง ผสั สะบังเกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยความตา งแหงเวทนาหามิได ความตางแหงธาตุบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ความตา งแหงผัสสะหามไิ ด กค็ วามตางแหง ธาตุเปนไฉน จกั ขธุ าตุ ฯล ฯ มโนธาตุ น้เี ราเรียกวา ความตางแหงธาตุ. [๓๔๒] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ก็ความตา งแหง ผัสสะบังเกดิ ขึ้นเพราะอาศยั ความตา งแหงธาตุ ความตา งแหง เวทนาบงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศยัความตา งแหง ผสั สะ ความตางแหงผสั สะบังเกดิ ข้นึ เพราะอาศยั ความตา งแหง เวทนาหามิได ความตางแหง ธาตบุ ังเกิดข้นึ เพราะอาศัยความตางแหงผสั สะหามไิ ด เปนไฉน จักขสุ ัมผสั บงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยจักขุธาตุ จักข-ุสัมผัสสชาเวทนาบังเกดิ ขึน้ เพราะอาศยั จกั ขสุ มั ผัส จกั ขสุ มั ผัสบังเกดิ ขน้ึเพราะอาศัยจกั ขุสัมผสั สชาเวทนาหามไิ ด จกั ขธุ าตุบังเกดิ ขึ้นเพราะอาศยัจักขสุ ัมผสั หามไิ ด ฯ ล ฯ มโนสัมผัสบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั มโนธาตุ มโน-สมั ผสั สชาเวทนาบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศยั มโนสัมผัส มโนสมั ผสั บังเกดิ ขึน้เพราะอาศยั มโนสัมผสั สชาเวทนาหามิได มโนธาตุบงั เกิดขึ้นเพราะอาศัยมโนสัมผสั หามไิ ด ภิกษุทง้ั หลาย ความตา งแหง ผัสสะบงั เกิดขึน้ เพราะ
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 414อาศัยความตางแหงธาตุ ความตางแหง เวทนาบังเกดิ ข้นึ เพราะอาศยั ความตา งแหง ผสั สะ ความตางแหงผสั สะบงั เกิดขนึ้ เพราะอาศัยความตางแหงเวทนาหามไิ ด ความตา งแหง ธาตบุ ังเกิดขนึ้ เพราะอาศัยความตา งแหงผัสสะหามไิ ด อยางนแี้ ล. จบโนเวทนาสูตรท่ี ๕ อรรถกถาโนเวทนาสตู รที่ ๕ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในโนเวทนาสตู รที่ ๕ ดังตอ ไปน้ี. ทานแสดงนยั ทีก่ ลาวไวแ ลว ในสูตรท่ี ๓ และสตู รที่ ๔ รวมเปนอนั เดียวกัน. ใน ๔ สูตรมสี ูตรท่ี ๒ เปนตน ทา นไมถือเอามโนธาตุวามโนธาตุ แตถ ือเอามโนทวาราวัชชนะวา มโนธาต.ุ เมอ่ื ทานกลา วอยางน้ัน ๆ ก็สูตรเหลาน้ันทั้งหมด ทานแสดงตามอัธยาศัยของผรู ู. แมในสตู รอน่ื แตน ้ี ก็มนี ยั น้ีแล. จบอรรถกถาโนเวทนาสตู รที่ ๕ ๖. พาหริ ธาตสุ ตู ร วาดวยความตา งแหง ธาตุ [๓๔๓] พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ท่ีน้นั แล พระผูมีพระ-ภาคเจา ตรัสเรยี กภิกษุทัง้ หลาย . . . แลวไดต รัสวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลายเราจักแสดงความตา งแหงธาตแุ กเธอทัง้ หลาย เธอท้งั หลายจงตั้งใจฟง . . .
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 415กค็ วามตางแหง ธาตเุ ปน ไฉน รูปธาตุ สัททธาตุ คันธธาตุ รสธาตุโผฏฐพั พธาตุ ธรรมธาตุ นเ้ี ราเรยี กวา ความตา งแหงธาต.ุ จบพาหริ ธาตุสตู รท่ี ๖ อรรถกถาพาหริ ธาตสุ ูตรที่ ๖ สวนในสตู รท่ี ๖ ธาตุ ๕ เปน กามาวจร ธรรมธาตุเปน ไปในภมิ ิ ๔. จบอรรถกถาพาหริ ธาตุสตู รที่ ๖ ๗. สญั ญาสตู ร วา ดวยความตางแหงสัญญา [๓๔๔] พระผมู พี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ณ ทีน่ ัน้ แล พระผมู พี ระ-ภาคเจาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย. . . แลวไดตรสั วา ดูกอนภิกษุทัง้ หลายความตางแหงสัญญาบังเกิดข้ึน เพราะอาศยั ความตา งแหง ธาตุ ความตางแหง สงั กปั ปะบงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศัยความตา งแหง สญั ญา ความตา งแหงฉันทะบงั เกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยความตางแหงสงั กปั ปะ ความตา งแหงปริฬาหะบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศัยความตางแหงฉันทะความตางแหงปริเยสนาบังเกดิ ขน้ึเพราะอาศัยความตางแหง ปริฬาหะ ความตา งแหงธาตุเปน ไฉน รูปธาตุฯ ล ฯ ธรรมธาตุ นเ้ี ราเรียกวา ความตางแหงธาต.ุ [๓๔๕ ] ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย กค็ วามตา งแหง สญั ญาบงั เกิดข้ึน
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 416เพราะอาศัยความตางแหง ธาตุ ความตา งแหง สงั กัปปะเกดิ ข้นึ เพราะอาศยัความตา งแหง สญั ญา ความตา งแหงฉันทะบังเกิดข้นึ เพราะอาศยั ความตา งแหงสงั กัปปะ ความตางแหงปรฬิ าหะบังเกิดขนึ้ เพราะอาศัยความตา งแหงฉนั ทะ ความตางแหง ปรเิ ยสนาบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตางแหงปริฬาหะเปน ไฉน รูปสัญญาบงั เกิดขนึ้ เพราะอาศัยรูปธาตุ รูปสังกัปปะบงั เกดิ ข้นึเพราะอาศัยรปู สญั ญา รปู ฉนั ทะบังเกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั รูปสงั กปั ปะ รปูปรฬิ าหะบงั เกิดขึน้ เพราะอาศยั รปู ฉนั ทะ รูปปรเิ ยสนาบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั รปู ปรฬิ าหะ ฯ ล ฯ ธรรมสญั ญาบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ธรรมธาตุธรรมสงั กปั ปะบงั เกิดขนึ้ เพราะอาศัยธรรมสัญญา ธรรมฉันทะบังเกิดขนึ้เพราะอาศัยธรรมสงั กัปปะ ธรรมปริฬาหะบังเกิดข้ึนเพราะอาศัยธรรม-ฉันทะ ธรรมปรเิ ยสนาบงั เกิดขนึ้ เพราะอาศัยธรรมปริฬาหะ ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ความตา งแหง สัญญาบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั ความตา งแหง ธาตุความตางแหงสังกปั ปะบงั เกิดข้ึนเพราะอาศัยความตา งแหง สญั ญา ความตางแหง ฉันทะบงั เกิดขนึ้ เพราะอาศัยความตา งแหง สังกปั ปะ ความตา งแหงปริฬาหะบงั เกดิ ขึน้ เพราะอาศัยความตา งแหง ฉันทะ ความตางแหง ปรเิ ยสนาบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ความตา งแหง ปรฬิ าหะอยา งนี้แล. จบสัญญาสตู รที่ ๗ อรรถกถาสัญญาสตู รที่ ๗ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในสญั ญาสตู รท่ี ๗ ดังตอไปนี.้ บทวา รูปธาตุ ความวา รปู ารมณ มกี ารโพกผา สาฎกเปนตนของตนหรือของผอู นื่ ดาํ รงอยูในคลองจกั ษ.ุ บทวา รูปสฺา ไดแ ก
พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 417รปู สญั ญา ประกอบดวยจักขุวิญญาณ. บทวา รูปสงฺกปฺโป ความวาความดาํ ริ ประกอบดว ยจิต ๓ ดวง มสี มั ปฏิจฉันนะเปน ตน. บทวารูปฉนฺโท ไดแ ก ชื่อวา ฉนั ทะ เพราะอรรถวา มคี วามพอใจในรปู .บทวา รูปปริฬาโห ไดแก ช่ือวาปรฬิ าหะ เพราะอรรถวา ตามเผาในรปู . บทวา รูปปริเยสนา ความวา เม่ือความเรา รอนเกิดข้นึ การพาเอาเพื่อนเหน็ และเพ่อื นคบไปแลว แสวงหาเพือ่ ไดร ปู นั้น. สวนในทีน่ ี้สญั ญา สังกปั ปะ และฉนั ทะ ไดในชวนวาระเดียวกนั บา ง ในชวนวาระตางกนั บาง. สว นปรฬิ าหะและปริเยสนา ไดในชวนวาระตา งกันอยางเดยี ว.ในบทวา เอว โข ภิกขฺ เว ธาตนุ านตฺต น้ี พึงทราบเนอ้ื ความโดยนยั นวี้ า สญั ญามสี ภาพตางกันมรี ูปสัญญาเปน ตน ยอมเกดิ ขึ้นเพราะอาศัยธาตมุ สี ภาพตางกันมีรูปเปน ตน . จบอรรถกถาสญั ญาสูตรท่ี ๗ ๘. โนสญั ญสูตร วา ดวยความตา งแหง สัญญา [๓๔๖] พระผมู พี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระเชตวนั อารามของทานอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวัตถี. ทนี่ ั้นแล พระผูมี-พระภาคเจา ตรสั เรียกภกิ ษุทงั้ หลาย . . . แลวไดต รัสวา ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลายความตางแหง สญั ญาบงั เกดิ ขนึ้ เพราะอาศยั ความตา งแหง ธาตุ ความตางแหง สงั กัปปะบงั เกิดขึ้นเพราะอาศัยความตา งแหงสัญญา ฯ ล ฯ ความตา งแหง ปริเยสนาบังเกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยความตางแหง ปรฬิ าหะ ความตา งแหง
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 418ปริฬาหะบังเกิดข้นึ เพราะอาศัยความตา งแหง ปริเยสนาหามไิ ด ความตา งแหงฉนั ทะบงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศัยความตา งแหงปริฬาหะหามไิ ด ความตางแหง สงั กปั ปะบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตางแหง ฉันทะหามิได ความตางแหง สญั ญาบังเกิดขนึ้ เพราะอาศยั ความตา งแหงสังกัปปะหามไิ ด ความตางแหง ธาตุบังเกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยความตางแหง สญั ญามิได ดกู อ นภิกษุทงั้ หลายกค็ วามตางแหง ธาตเุ ปน ไฉน รปู ธาตุ ฯลฯ ธรรมธาตุ นเ้ี ราเรียกวาความตางแหงธาต.ุ [๓๔๗] ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย กค็ วามตา งแหง สัญญาบงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศัยความตา งแหง ธาตุ ความตา งแหงสังกัปปะบังเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยความตางแหงสญั ญา ฯ ล ฯ ความตา งแหงปรเิ ยสนาบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ความตา งแหง ปริฬาหะ ความตางแหงปรฬิ าหะบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยัความตา งแหง ปรเิ ยสนาหามิได ความตางแหง ฉันทะบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยัความตางแหงปรฬิ าหะหามิได ความตางแหง สังกปั ปะบงั เกิดข้นึ เพราะอาศัยความตา งแหงฉนั ทะหามไิ ด ความตางแหงสญั ญาบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั ความตางแหง สังกัปปะหามิได ความตางแหง ธาตุบงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศัยความตางแหงสัญญาหามไิ ด เปน ไฉน ภกิ ษุทง้ั หลาย รูปสัญญาบงั เกดิ ขึน้ เพราะอาศยั รูปธาตุ ฯ ล ฯ ธรรมสญั ญาบังเกดิ ขน้ึ เพราะอาศยัธรรมธาตุ ธรรมสังกัปปะบังเกิดขน้ึ เพราะอาศัยธรรมสัญญา ฯ ล ฯธรรมปรเิ ยสนาบังเกดิ ขนึ้ เพราะอาศยั ธรรมปริฬาหะ ธรรมปรฬิ าหะบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศัยธรรมปรเิ ยสนาหามไิ ด ธรรมฉนั ทะบังเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยธรรมปรฬิ าหะหามิได ธรรมสงั กัปปะบงั เกิดขึน้ เพราะอาศัยธรรมฉันทะ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 419หามไิ ด ธรรมสัญญาบังเกิดขน้ึ เพราะอาศยั ธรรมสงั กัปปะหามไิ ด ธรรม-ธาตบุ งั เกิดข้นึ เพราะอาศยั ธรรมสัญญาหามไิ ด ความตา งแหงสญั ญาบงั เกดิขึน้ เพราะอาศัยความตางแหง ธาตุ ความตา งแหง สังกปั ปะบังเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยความตา งแหงสัญญา ฯ ล ฯ ความตา งแหงปริเยสนาบังเกิดขนึ้ เพราะอาศัยความตางแหงปรฬิ าหะ ความตางแหง ปรฬิ าหะบังเกิดข้ึนเพราะอาศยัความตางแหงปริเยสนาหามไิ ด ฯลฯ ความตา งแหง สัญญาบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั ความตางแหงสังกปั ปะหามิได ความตา งแหงธาตุบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตางแหง สญั ญาหามไิ ด อยา งน้แี ล. จบโนสัญญาสูตรที่ ๘ อรรถกถาโนสัญญาสตู รที่ ๘ ในสูตรท่ี ๘ มตี างกันเพยี งปฏิเสธเทา นนั้ มาแลว อยา งนว้ี า ธรรมปรฬิ าหะจะเกิดขึน้ เพราะอาศัยธรรมปรเิ ยสนาก็หามไิ ด. จบอรรถกถาโนสญั ญาสตู รที่ ๘ ๙. ผัสสสตู ร วาดว ยความตางแหง ผัสสะ [๓๔๘] พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวัตถี. ณ ทนี่ ั้นแล พระผูม พี ระภาคเจาตรัสเรียกภกิ ษทุ ้ังหลาย. . . แลวไดต รสั วา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ความตา งแหง สัญญาบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ความตา งแหง ธาตุ ความตา งแหง สงั กปั ปะ
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 420บงั เกดิ ข้นึ เพราะอาศัยความตางแหง สญั ญา ความตางแหง ผัสสะบังเกดิ ขึน้เพราะอาศยั ความตา งแหง สังกปั ปะ ความตา งแหง เวทนาบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตางแหง ผสั สะ ความตางแหงฉนั ทะบงั เกิดขึน้ เพราะอาศัยความตางแหง เวทนา ความตา งแหงปริฬาหะบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหงฉันทะ ความตา งแหง ปริเยสนาบังเกดิ ขึน้ เพราะอาศยั ความตางแหงปริฬาหะ ความตา งแหง ลาภะบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหง ปรเิ ยสนาดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย ก็ความตา งแหง ธาตเุ ปนไฉน รปู ธาตุ ฯ ล ฯ ธรรม-ธาตุ นเ้ี ราเรยี กวา ความตา งแหงธาตุ. [๓๔๙] ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย กค็ วามตางแหงสัญญาบังเกิดขึน้เพราะอาศยั ความตางแหงธาตุ ฯ ล ฯ ความตา งแหง ลาภะบังเกิดขน้ึ เพราะอาศัยความตา งแหงปริเยสนาเปน ไฉน ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย รปู สญั ญาบงั เกดิ ข้นึ เพราะอาศัยรูปธาตุ รูปสงั กัปปะบังเกิดขนึ้ เพราะอาศัยรปู สญั ญารูปผสั สะบังเกดิ ขึ้นเพราะอาศัยรูปสงั กัปปะ รปู สมั ผสั สชาเวทนาบงั เกิดข้นึขนึ้ เพราะอาศัยรูปสมั ผสั รูปฉันทะบังเกิดข้นึ เพราะอาศัยรปู สัมผัสสชา-เวทนา รูปปริฬาหะบังเกิดขนึ้ เพราะอาศยั รปู ฉนั ทะ รปู ปริเยสนาบังเกดิข้นึ เพราะอาศัยรูปปริฬาหะ รูปลาภะบังเกดิ ข้นึ เพราะอาศัยรปู ปริเยสนาฯ ล ฯ ธรรมสัญญาบังเกิดขนึ้ เพราะอาศัยธรรมธาตุ ธรรมสงั กปั ปะบังเกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยธรรมสัญญา ธรรมสมั ผสั สะบงั เกิดขึ้นเพราะอาศัยธรรมสังกัปปะ ธรรมสัมผสั สชาเวทนาบังเกิดขึน้ เพราะอาศัยธรรมสัมผัสสะธรรมฉนั ทะบังเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยธรรมสัมผสั สชาเวทนา ธรรมปรฬิ าหะบงั เกดิ ขนึ้ เพราะอาศยั ธรรมฉนั ทะ ธรรมปรเิ ยสนาบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 421ธรรมปริฬาหะ ธรรมลาภะบังเกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยธรรมปรเิ ยสนา ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ความตา งแหงสัญญาบังเกิดขึ้นเพราะอาลัยความตางแหงธาตุความตางแหงสังกปั ปะบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยความตา งแหงสัญญา ฯ ล ฯความตา งแหง ลาภะบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหง ปรเิ ยสนาอยางน้แี ล. จบผัสสสตู รที่ ๙ อรรถกถาผสั สสูตรที่ ๙ พึงทราบวินิจฉัยในผสั สสตู รท่ี ๙ ดงั ตอไปนี.้ บทวา อปุ ปฺ ชฺชติ รูปสฺ า ไดแก สัญญา ยอ มเกดิ ขนึ้ ในอารมณม ีประการดงั กลา วแลว . บทวา รปู สงกฺ ปฺโป ไดแ ก ความดําริประกอบดวยจิต ๓ ดวง ในอารมณน้นั แล. บทวา รูปสมผฺ สโฺ ส ไดแ กผัสสะอันถูกตองอารมณนัน้ ๆ. บทวา เวทนา ไดแก เวทนาเม่ือเสวยอารมณน น้ั และ ธรรมมีฉนั ทเ ปนตน มีนัยท่กี ลาวแลวแล. บทวารปู ลาโภ ความวา อารมณอนั ตนแสวงหาได พรอมดวยตัณหา เรยี กวารปู ลาภะ. นยั ท่ีรวมไวท ้ังหมดน้ี ครง้ั แรก ทานกลา วไวด วยอาํ นาจความเกดิ ข้ึนของธรรมท้ังปวง ในอารมณเดยี วเทา น้ัน. อีกนัยหนึง่ ผสมกับอารมณที่จรมา. ครั้งแรก ธรรม ๔ เหลานี้ คือ รูปสญั ญา รปู -สงั กปั ปะ ผัสสะ เวทนา มอี ยู ในอารมณเ ปน ประจําสําหรบั หนว งเหนย่ี วรปู ไว จรงิ อยู อารมณประจาํ เปนอารมณ นา ปรารถนา นาใครนา พอใจ นารกั ยอ มปรากฏเหมอื นมีอารมณอ ยา งใดอยางหนึง่ . สว นอารมณท ่ีจรมา ทาํ ใหอ ารมณอ ยา งใดอยางหน่ึง แมทมี่ อี ยู ฟงุ ขน้ึ ตัง้ อยู
พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 422 ในขอนน้ั มเี รือ่ งดังน้ี ไดย ินวา บตุ รอาํ มาตยค นหน่ึง อนั คนอยูในบา นหอ มลอ มอยูท ามกลางบาน ทาํ การงาน. กส็ มัยน้ัน อุบาสิกาของเขาไปยงั แมนํา้ อาบนาํ้ เสรจ็ แลว ก็ตกแตงดวยเครื่องประดบั อันหมูน างพี่เล้ยี งแวดลอม กลับไปเรอื น. เขาเห็นแตไ กล ใหเ กดิ ความสําคัญข้ึนวามาตุคามผูเปน แขกจกั มี ดังนแี้ ลว จงึ สง บรุ ุษไป ดวยกลา ววา แนะ พนายทานจงไป จงรหู ญงิ น่ันเปน ใคร. เขาไปเห็นหญิงนน้ั แลว กลับมา ถูกถามวา หญิงนัน่ เปน ใครเลา จึงบอกตามความเปนจริง อารมณท่ีจรมายอ มฟุง ข้นึ อยา งนี้ ความพอใจท่ีเกดิ ขึน้ ในอารมณน ั้น ช่ือวา รูปฉันทะ.ความเรารอนทีเ่ กิดข้ึน เพราะทํารปู ฉนั ทะน้นั แลใหเปน อารมณ ช่อื วารูปปรฬิ าหะ. การพาเอาเพ่ือนไปแสวงหารปู นนั้ ชื่อวารูปปรเิ ยสนา.อารมณ อนั ตนแสวงหาได พรอมดวยตณั หา ชอ่ื วา ลาภะ. ฝา ยพระจฬุ ตสิ สเถระผอู ยูในอุรุเวลา กลาววา ผสั สะและเวทนาพระ-ผูม พี ระภาคเจาทรงถือเอาในทา มกลาง ตามลําดับ แมก จ็ ริง ถึงกระน้นัแตเมอ่ื เปลีย่ นลําดบั สัญญา ท่เี กดิ ขน้ึ ในอารมณมีประการดงั กลา วแลวช่ือวา รปู สัญญา. ความดาํ รใิ นรูปนัน้ แล ชอื่ วารปู สังกัปปะ. ความพอใจในรปู สังกัปปะน้นั ช่อื วารปู ฉันทะ. ความเรารอนในรปู ฉนั ทะนั้น ชื่อวา รปู ปรฬิ าหะ. การแสวงหาในรูปปริฬาหะนัน้ ช่อื วา รูป-ปรเิ ยสนา. อารมณอันตนแสวงหาได พรอมดวยตัณหา ช่อื วา รปู ราคะสวนการถกู ตองในอารมณท่ไี ดแลว อยา งน้ี ชื่อวา ผสั สะ. การเสวย ช่อื วาเวทนา. เขายอ มไดธ รรมสองหมวดน้คี อื รปู ผัสสะ และรูปสัมผสั สชา-เวทนา. คนทงั้ หลายถือเอาอารมณ ช่อื วาระแหงอารมณทีไ่ มปรากฏชดั แม
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 423อนื่ อกี . จรงิ อยู อารมณ (คอื รปู ) ท่เี ขาวางลอมไวด วยมานและกาํ แพงหรอื วา ปด บังไดดว ยหญา และใบไมเ ปนตน . เมอื่ แลดอู ารมณนนั้ อยคู ดิ วารปู อารมณน น้ั อันเราเห็นแลวครัง้ หนง่ึ เราไมเ ห็นรูปอารมณชัด สัญญาท่เี กดิ ขึน้ ในอารมณน ้นั ช่อื วา รปู สญั ญา. ความดําริเปน ตน ทีเ่ กิดขึ้นในรปูนั้นแล พึงทราบวา ชอ่ื วารปู สงั กปั ปะ ความดาํ ริในรปู เปน ตนดงั น้.ี อนึ่งในอารมณน ี้ สัญญา สังกปั ปะ ผสั สะ เวทนา ฉันทะ ไดในชวนวาระเดยี วกันบาง ในชวนวาระตา งกนั บาง. ปรฬิ าหะ ปรเิ ยสนา ลาภะ ไดในชวนวาระตา งกันเทาน้ัน ดว ยประการฉะน.้ี จบอรรถกถาผัสสสูตรท่ี ๙ ๑๐. โนผัสสสตู ร วา ดว ยความตางแหง ผัสสะ [๓๕๐] พระผูมีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ทน่ี ัน้ แล พระผมู ี-พระภาคเจา ตรัสเรยี กภิกษทุ ้ังหลาย. . . แลวไดต รัสวา ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ความตางแหงสญั ญาบังเกิดข้ึนเพราะอาศัยความตา งแหง ธาตุความตา งแหงสังกัปปะบังเกิดขึ้นเพราะอาศยั ความตา งแหง สญั ญา ความตา งแหงผสั สะบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตา งแหง สงั กปั ปะ ความตา งแหงเวทนาบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตางแหงผสั สะ ความตางแหง ฉันทะบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตางแหง เวทนา ความตา งแหงปริฬาหะบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั ความตา งแหงฉันทะ ความตา งแหงปริเยสนาบงั เกิดข้นึ
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 424เพราะอาศัยความตางแหงปริฬาหะ ความตา งแหง ลาภะบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ความตา งแหง ปรเิ ยสนา ความตา งแหงปริเยสนาบงั เกดิ ข้นึ เพราะอาศยัความตา งแหง ลาภะหามิได ความตา งแหง ปริฬาหะบงั เกดิ ขึ้นเพราะอาศัยความตางแหงปริเยสนาหามไิ ด ความตา งแหง ฉันทะบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยัความตางแหง ปรฬิ าหะหามไิ ด ความตา งแหงเวทนาบังเกดิ ขน้ึ เพราะอาศยัความตา งแหงฉนั ทะหามไิ ด ความตางแหง ผัสสะบังเกิดข้นึ เพราะอาศัยความตา งแหงเวทนาหามิได ความตางแหง สังกัปปะบังเกิดข้ึนเพราะอาศัยความตางแหงผัสสะหามไิ ด ความตางแหง สัญญาบังเกิดขึน้ เพราะอาศยัความตา งแหง สังกปั ปะหามิได ความตา งแหง ธาตุบงั เกดิ ขนึ้ เพราะอาศยัความตา งแหง สญั ญาหามิได ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย กค็ วามตา งแหงธาตุเปน ไฉน รูปธาตุ ฯ ล ฯ ธรรมธาตุ น้เี ราเรียกวา ความตา งแหงธาตุ. [๓๕๑] ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ก็ความตา งแหง สญั ญาบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตางแหง ธาตุ ความตางแหงสังกปั ปะบังเกดิ ขนึ้ เพราะอาศัยความตา งแหง สัญญา ความตางแหง ผสั สะบังเกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ความตา งแหง สงั กปั ปะ ความตางแหง เวทนาบังเกิดข้นึ เพราะอาศยั ความตา งแหงผัสสะ ความตางแหง ฉันทะบังเกิดข้ึนเพราะอาศัยความตางแหง เวทนาความตางแหง ปรฬิ าหะบงั เกิดขน้ึ เพราะอาศยั ความตางแหง ฉันทะ ความตา งแหง ปริเยสนาบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยความตา งแหงปริฬาหะ ความตางแหงลาภะบงั เกดิ ขึน้ เพราะอาศัยความตางแหง ปริเยสนา ความตางแหงปรเิ ยสนาบังเกิดข้ึนเพราะอาศัยความตา งแหงลาภะหามิได ความตางแหงฉันทะบังเกิดขึน้ เพราะอาศยั ความตางแหงปรฬิ าหะหามไิ ด ความตา งแหงเวทนาบงั เกิดข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหง ฉนั ทะหามไิ ด ความตางแหง
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 425ผัสสะบงั เกิดข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหงเวทนาหามิได ความตางแหงสัญญาบังเกิดข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหงสงั กัปปะหามิได ความตา งแหงธาตุบังเกิดขน้ึ เพราะอาศัยความตา งแหงสญั ญาหามไิ ด เปน ไฉน รปู สญั ญาบงั เกดิ ข้นึ เพราะอาศยั รปู ธาตุ ฯลฯ ธรรมสญั ญาบงั เกิดข้นึ เพราะอาศยัธรรมธาตุ ธรรมสงั กัปปะบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ธรรมสญั ญา ฯลฯ ธรรมปริเยสนาบังเกิดขน้ึ เพราะอาศยั ธรรมปรฬิ าหะ ธรรมลาภะบงั เกิดข้ึนเพราะอาศัยธรรมปริเยสนา ธรรมปรเิ ยสนาบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยธรรมลาภะหามิได ธรรมปรฬิ าหะบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศัยธรรมปริเยสนาหามไิ ด ธรรมปริฬาหะบงั เกิดขึ้นเพราะอาศยั ธรรมปริเยสนาหามไิ ด ธรรมฉนั ทะบงั เกิดขนึ้ เพราะอาศัยธรรมปริฬาหะหามิได ธรรมสัมผัสสชาเวทนาบงั เกิดขึ้นเพราะอาศัยธรรมฉนั ทะหามไิ ด ธรรมสมั ผสั สะบงั เกิดข้ึนเพราะอาศยั ธรรมสัมผัสสชาเวทนาหามไิ ด ธรรมสังกปั ปะบังเกิดขึน้ เพราะอาศัยธรรมสมั ผัสสะหามิได ธรรมสัญญาบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยธรรมสังกัปปะหามไิ ดธรรมธาตบุ งั เกดิ ข้ึนเพราะอาศยั ธรรมสญั ญาหามไิ ด ดูกอนภกิ ษุท้งั หลายความตา งแหงสัญญาบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตา งแหงธาตุ ความตางแหงสงั กปั ปะบังเกดิ ขนึ้ เพราะอาศยั ความตา งแหงสัญญา ความตางแหง ผสั สะบงั เกิดขึ้นเพราะอาศัยความตา งแหง สงั กปั ปะ ความตางแหงเวทนาบงั เกิดขึ้นเพราะอาศยั ความตา งแหง ผัสสะ ความตา งแหง ฉันทะบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตา งแหง เวทนา ความตางแหง ปริฬาหะบังเกิดขึน้ เพราะอาศัยความตางแหง ฉันทะ ความตา งแหงปริเยสนาบงั เกดิ ขึน้ เพราะอาศัยความตางแหง ปริฬาหะ ความตางแหงลาภะบังเกิดขน้ึ เพราะอาศยั ความตา งแหงปริเยสนา ความตา งแหงปรเิ วสนาบังเกิดขึ้นเพราะอาศัยความตางแหงลาภะ
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 426หามิได ความตา งแหงปริฬาหะบงั เกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตา งแหงปริ-เยสนาหามไิ ด ความตางแหงฉนั ทะบังเกดิ ข้ึนเพราะอาศัยความตางแหงปริฬาหะหามไิ ด ความตา งแหงเวทนาบงั เกิดข้ึนเพราะอาศยั ความตางแหงฉนั ทะหามิได ความตา งแหง ผัสสะบงั เกิดขึน้ เพราะอาศัยความตา งแหงเวทนาหามไิ ด ความตา งแหงสังกปั ปะบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยความตา งแหงผัสสะหามไิ ด ความตา งแหงสญั ญาบงั เกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยความตา งแหงสงั กัปปะหามไิ ด ความตางแหง ธาตบุ งั เกดิ ขนึ้ เพราะอาศยั ความตา งแหงสญั ญาหามิได อยางน้ีแล. จบโนผสั สสตู รที่ ๑๐ จบนานตั ตวรรคท่ี ๑ รวมพระสูตรที่มีในวรรคน้ี คือ ๑. ธาตุสูตร ๒. สมั ผัสสสตู ร ๓. โนสมั ผัสสสตู ร ๔. เวทนาสตู ร ๕. โนเวทนาสูตร ๖. พาหริ ธาตสุ ตู ร ๗. สัญญาสูตร ๘. โนสัญญาสูตร ๙. ผัสสสตู ร ๑๐. โนผัสสสตู ร. อรรถกถาโนผสั สสตู รที่ ๑๐ ในผัสสสตู รท่ี ๑๐ มีเน้อื ความงายท้ังน้นั แล. จบนานตั ตวรรคท่ี ๑
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 427 ทุติยวรรคที่ ๒ ๑. สัตติมสตู ร วา ดวยธาตุ ๗ ประการ [๓๕๒] พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐีกรงุ สาวตั ถี. ณ ท่นี ้นั แล พระผูมพี ระภาคเจาตรัสเรียกภกิ ษุทัง้ หลาย. . . แลว ไดตรัสวา ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ธาตุเหลานี้มี ๗ ประการ ธาตุ ๗ ประการเปนไฉน คอื อาภาธาตุ สุภา-ธาตุ อากาสานญั จายตนธาตุ วญิ ญาณัญจายตนธาตุ อากญิ จัญญายตนธาตุเนวสัญญานาสัญญายตนธาตุ สญั ญาเวทยติ นิโรธธาตุ ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลายธาตุ ๗ ประการเหลานีแ้ ล. ครน้ั พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั อยา งน้แี ลวภิกษุรปู หนง่ึ ไดทูลถามพระผมู ีพระภาคเจาวา ขาแตพ ระองคผูเจรญิอาภาธาตุ สภุ าธาตุ อากาสานญั จายตนธาตุ วญิ ญาณญั จายตนธาตุอากญิ จญั ญายตนธาตุ เนวสัญญานาสญั ญายตนธาตุ และสญั ญาเวทยิต-นโิ รธธาตุ ธาตุเหลา นแ้ี ตละอยาง อาศัยอะไรจงึ ปรากฏได. [๓๕๓] พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั ตอบวา ดูกอ นภิกษุ อาภาธาตุอาศัยความมืดจงึ ปรากฏได สภุ าธาตุอาศัยความไมงามจึงปรากฏไดอากาสานัญจายตนธาตุอาศยั รปู จึงปรากฏได วิญญาณัญจายตนธาตอุ าศยัอากาสานญั จายตนะจึงปรากฏได อากญิ จญั ญายตนธาตอุ าศยั วิญญาณญั -จายตนะจึงปรากฏได เนวสัญญานาสัญญายตนธาตอุ าศัยอากญิ จญั ญายตนะจงึ ปรากฏได สญั ญาเวทยติ นิโรธธาตุอาศัยนิโรธจึงปรากฏได.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 754
- 755
- 756
- 757
- 758
- 759
- 760
- 761
- 762
- 763
- 764
- 765
- 766
- 767
- 768
- 769
- 770
- 771
- 772
- 773
- 774
- 775
- 776
- 777
- 778
- 779
- 780
- 781
- 782
- 783
- 784
- 785
- 786
- 787
- 788
- 789
- 790
- 791
- 792
- 793
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 793
Pages: