Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_26

tripitaka_26

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_26

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 501ชื่อวาไมช นื่ ชมทกุ ข ผูใดไมช น่ื ชมทกุ ข เรากลา ววา ผนู ้ันหลุดพนจากทุกขผใู ดไมช่นื ชมอาโปธาต.ุ . . ผูใ ดไมช ่นื ชมเตโชธาต.ุ . . ผูใดไมช ่นื ชมวาโยธาตุ ผนู ้ันชื่อวา ไมชืน่ ชมทกุ ข ผูใดไมช ่ืนชมทุกข เรากลา ววา ผูน้นัหลดุ พนจากทกุ ข ดังน.ี้ จบอภนิ ันทนสตู รท่ี ๖ อรรถกถาอภินันทสตู รที่ ๖ เปน ตน ทา นกลา วววิ ฏั ฏะไวในสูตรที่ ๖ สูตรท่ี ๗. ๗. อุปปาทสูตร วา ดวยความเกิดและตงั้ อยูแหง ธาตุทง้ั ๔ [๔๑๔] พระผมู พี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี กรงุ สาวัตถี. ณ ที่นนั้ แล พระผูมพี ระ-ภาคเจาตรัสเรียกภิกษทุ ั้งหลาย. . . แลวไดต รัสวา ดูกอนภิกษุท้งั หลายความเกิด ความตงั้ อยู ความบงั เกดิ ความปรากฏแหง ปฐวีธาต.ุ . .นน่ั เปนความเกดิ แหง ทุกข เปน ทตี่ ัง้ แหงโรค เปน ความปรากฏแหง ชรามรณะความเกิด ความตง้ั อยู ความบังเกดิ ความปรากฏแหง อาโปธาต.ุ . . แหงเตโชธาตุ. . . แหง วาโยธาตุ นนั่ เปน ความเกดิ แหง ทกุ ข เปน ท่ีตง้ั แหงโรคเปนความปรากฏแหงชรามรณะ. [๔๑๕] ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ก็ความดบั ความสงบ ความสญูส้ินแหงปฐวธี าต.ุ . .น่ันเปน ความดับแหงทกุ ข เปนความสงบแหงโรคเปนความสญู สน้ิ แหงชรามรณะ ความดับ ความสงบ ความสญู สน้ิ แหง

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 502อาโปธาตุ. . . แหง เตโชธาต.ุ . .แหง วาโยธาต.ุ . . นน่ั เปนความดบั แหงทุกข เปน ความสงบแหง โรค เปนความสูญส้ินแหง ชรามรณะ. จบอปุ ปาทสตู รที่ ๗ ๘. ปฐมสมณพราหมณสูตร วาดวยเปน สมณะเปน พราหมณ [๔๑๖] พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระเชตวนั อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวัตถ.ี ณ ทนี่ ัน้ แล พระผมู ีพระ-ภาคเจาตรสั เรยี กภกิ ษทุ ง้ั หลาย. . . แลว ไดต รัสวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลายธาตุเหลานี้มี ๔ อยา ง คอื ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโย-ธาตุ กส็ มณะหรอื พราหมณบ างพวกยอมไมท ราบชดั ตามความเปนจริงซง่ึ ความแชมช่นื โทษ และเครอ่ื งสลดั ออกแหง ธาตทุ ้งั ๔ เหลา นี้ สมณะหรือพราหมณพ วกน้นั ยอ มไมไ ดร บั สมมติวาเปน สมณะในหมสู มณะ ยอมไมไ ดรับสมมติวาเปน พราหมณใ นหมพู ราหมณ ทานสมณพราหมณเ หลานัน้ ยอ มไมกระทาํ ใหแจง ซึง่ ประโยชนแหงความเปน สมณะ หรอื ประโยชนแหงความเปน พราหมณ ดวยปญ ญาอนั รูยิง่ ดวยตนเองในปจ จุบัน เขา ถงึอยู. [๔๑๗] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย สว นสมณะหรอื พราหมณบ างพวกยอมทราบชัดตามความเปนจริง ซึ่งความแชมชืน่ โทษ และเครื่องสลดัออกแหง ธาตทุ ัง้ ๔ เหลาน้ี สมณะหรือพราหมณเหลา นน้ั แล ยอมไดร บัสมมติวาเปน สมณะในหมูส มณะ ไดร ับสมมติวา เปน พราหมณในหมูพราหมณ และทานเหลาน้ันยอมกระทําใหแ จงซง่ึ ประโยชนแหงความเปน

พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 503สมณะ และประโยชนแหงความเปนพราหมณ ดว ยปญ ญาอันรยู ง่ิ ดวยตนเองในปจจบุ นั เขา ถงึ อยู ดงั น้.ี จบปฐมสมณพราหมณสูตรท่ี ๘ ๙. ทุตยิ สมณพราหมณสตู ร วาดวยเปน สมณะเปนพราหมณ [๔๑๘] พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. ณ ทน่ี นั้ แล พระผมู ีพระ-ภาคเจาตรัสเรียกภกิ ษทุ งั้ หลาย. . .แลวไดต รสั วา ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย ธาตุเหลาน้ีมี ๔ อยา งคอื ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ กส็ มณะหรอืพราหมณบ างพวกยอ มไมท ราบชดั ตามความเปนจริง ซึ่งเหตุเกดิ ความดบัความแชมชื่น โทษ และเครื่องสลดั ออกแหงธาตุทงั้ ๔ เหลา นี้ สมณะหรือพราหมณพวกนนั้ ยอมไมไดร ับสมมตวิ า เปนสมณะในหมสู มณะ ไมไดรบั สมมติวา เปนพราหมณใ นหมูพ ราหมณ สวนสมณะหรอื พราหมณบางพวกยอ มทราบชดั ตามความเปนจรงิ ซ่งึ เหตุเกิด ความดบั ความแชมชนื่โทษ และเครือ่ งสลดั ออกแหงธาตุทั้ง ๔ เหลา น้.ี . . จบทตุ ยิ สมณพราหมณสตู รที่ ๙ ๑๐. ตติยสมณพรหมณสตู ร วา ดวยเปน สมณะเปน พราหมณ [๔๑๙] พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ณ ท่ีน้ันแล พระผูมี-

พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 504พระภาคเจาตรัสเรียกภกิ ษุท้งั หลาย. . . แลวไดต รัสวา ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย กส็ มณะหรือพราหมณบางจาํ พวก ยอ มไมทราบชัดซ่ึงปฐวีธาตุ เหตุเกดิ แหงปฐวี ความดบั แหงปฐวธี าตุ ปฏิปทาเครือ่ งใหถ งึความดบั แหง ปฐวีธาตุ ยอ มไมท ราบชัดซึ่งอาโปธาตุ. . . ซึ่งเตโชธาตุ. . .ซึง่ วาโยธาตุ เหตเุ กดิ แหงวาโยธาตุ ความดับแหง วาโยธาตุ ปฏิปทาเคร่ืองใหถ งึ ความดบั แหง วาโยธาตุ สมณะหรือพราหมณพ วกนน้ั ยอ มไมไ ดร บั สมมติวา เปนสมณะในหมสู มณะ ไมไ ดร บั สมมติวา เปน พราหมณในหมูพ ราหมณ และทา นเหลา น้นั ยอ มไมก ระทาํ ใหแจง ซึง่ ประโยชนแหง ความเปน สมณะ หรอื ประโยชนแ หงความเปน พราหมณ ดว ยปญญาอันรยู ิง่ ดว ยตนเอง ในปจจุบนั เขาถงึ อยู. [๔๒๐] ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย สวนสมณะหรือพราหมณบ างพวกยอ มทราบชดั ซ่ึงปฐวธี าตุ เหตเุ กิดแหงปฐวีธาตุ ปฏิปทาเครอ่ื งใหถ ึงความดับแหง ปฐวธี าตุ ยอมทราบชดั ซ่งึ อาโปธาตุ. . . ซึ่งเตโชธาต.ุ . .ซงึ่ วาโยธาตุ เหตุเกิดแหงวาโยธาตุ ความดบั แหง วาโยธาตุ ปฏปิ ทาเครื่องใหถึงความดับแหง วาโยธาตุ สมณะหรือพราหมณพ วกนน้ั ยอมไดร ับสมมติวา เปน สมณะในหมูสมณะ ไดร บั สมมติวา เปนพราหมณในหมูพราหมณ และทานเหลา นน้ั ยอ มกระทําใหแจงซึง่ ประโยชนแหงความเปนสมณะ หรอื ประโยชนแหงความเปนพราหมณ ดว ยปญญาอันรูยง่ิ ดวยตนเอง ในปจ จบุ ันเขา ถึงอยู ดงั นี้. จบตตยิ สมณพราหมณสตู รที่ ๑๐ จบจตตุ ถวรรคที่ ๔

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 505รวมพระสูตรทม่ี ใี นวรรคนี้ คอื๑. จตสั สตู ร ๒. ปุพพสูตร ๓. อจรสิ ตู ร๔. โนเจทสตู ร ๕. ทุกขสูตร ๖. อภินันทนสูตร๗. อุปปาทสูตร ๘. ปฐมสมณพราหมณสตู ร ๙. ทุติยสมณพราหมณสตู ร๑๐. ตติยสมณพราหมณสตู รจบธาตสุ งั ยตุ ที่ ๒อรรถกถาอปุ ปาทสูตรที่ ๗ เปนตน ใน ๓ สตู รสดุ ทา ย (สูตรที่ ๘-๙-๑๐) ทา นกลา วสจั จะ ๔เทา น้นั . จบจตตุ ถวรรคที่ ๔ จบอรรถกถาธาตุสงั ยตุ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 506 ๓. อนมตัคคสังยุต ปฐมวรรคท่ี ๑ ๑. ติณกัฏฐสูตร วาดวยท่สี ดุ เบอื้ งตนเบ้อื งปลายของสงสาร [๔๒๑] ขาพเจา ไดฟ ง มาอยางน้ี :- สมยั หนง่ึ พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรุงสาวตั ถี. ณ ที่นน้ั แล พระผมู ี-พระภาคเจา ตรัสเรยี กภกิ ษุท้ังหลาย. . . แลวไดต รัสวา ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย สงสารน้กี ําหนดท่ีพดู เบือ้ งตนเบ้ืองปลายไมไ ด เมอ่ื เหลา สัตวผ ูมีอวิชชาเปน ท่กี างกนั้ มีตณั หาเปนเคร่ืองประกอบไว ทอ งเทย่ี วไปมาอยูทีส่ ุดเบ้ืองตน ยอ มไมปรากฏ. [๔๒๒] ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย เหมอื นอยางวา บรุ ุษตดั ทอนหญาไม กง่ิ ไม ใบไม ในชมพทู วปี นี้ แลว จงึ รวมกันไว คร้ันแลว พงึ กระทาํ ใหเปน มดั ๆ ละ ๔ น้ิว วางไว สมมติวา น้ีเปนมารดาของเรา นเ้ี ปนมารดาของมารดาของเรา โดยลําดบั มารดาของมารดาแหงบรุ ษุ นน้ั ไมพึงสน้ิ สุด สวนวา หญา ไม กิง่ ไม ใบไม ในชมพูทวปี น้ี พึงถึงการหมดสนิ้ ไป ขอ น้ันเพราะเหตไุ ร เพราะวา สงสารนีก้ าํ หนดที่สุดเบือ้ งตนเบอ้ื งปลายไมได เมอ่ื เหลา สัตวผ มู ีอวชิ ชาเปน ท่ีกางก้นั มตี ณั หาเปนเครือ่ งประกอบไว ทอ งเทย่ี วไปมาอยู ท่ีสุดเบื้องตนยอ มไมป รากฏ

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 507พวกเธอไดเ สวยทุกข ความเผด็ รอน ความพนิ าศ ไดเพม่ิ พูนปฐพที ่ีเปนปาชา ตลอดกาลนาน เหมอื นฉะนัน้ ดกู อนภิกษุท้งั หลาย กเ็ หตเุ พียงเทานั้น พอทีเดยี วท่จี ะเบอื่ หนา ยในสงั ขารทง้ั ปวง พอเพอ่ื จะคลายกาํ หนดัพอเพอ่ื จะหลุดพน ดงั นี้. จบตณิ กัฏฐสูตรที่ ๑ อนมตคั คสงั ยุต ปฐมวรรคท่ี ๑ อรรถกถาติณกัฏฐสตู รท่ี ๑ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในตณิ กัฏฐสตู รท่ี ๑ แหง อนมตคั คสงั ยุต ดงั ตอไปนี.้ บทวา อนทตคฺโค แปลวา มที ส่ี ุดเบ้ืองตนอันบุคคลไปตามอยูรไู มได. อธิบายวา สงสารแมจะตามไปดว ยญาณรอยป พันป มที ส่ี ดุรูไมได คอื มีที่สุดอันทราบไมได. สงสารน้ันใครไมอาจรทู สี่ ุดขางน้ี หรอืขางโนนได คอื มีเบื้องตน เบอื้ งปลายกําหนดไมได. บทวา ส สาโรไดแก ลําดับแหง ขันธเ ปน ตน ท่ีเปนไปกาํ หนดไมไ ด. บทวา ปพุ ฺพาโกฏิ น ปฺายติ ไดแ ก เขตแดนเบ้อื งตน ไมปรากฏ ก็ทสี่ ุดเบอ้ื งตนของสงสารนั้น ยอมไมป รากฏดว ยทส่ี ดุ ใด. แมท ีส่ ดุ เบอ้ื งปลายก็ยอ มไมป รากฏดวยทสี่ ดุ น้นั เหมอื นกนั . สว นสัตวท งั้ หลาย ยอ มทอ งเที่ยวไปในทา มกลาง. บทวา ปริยาทาน คจเฺ ฉยฺย น้ี ทานกลาววา เพราะเปนอปุ มาดวยสิง่ นอย. สวนในพาหิรสมัย ประโยชนมนี อ ย๑ อปุ มามีมาก.เม่อื ทา นกลา ววา โคนีเ้ หมอื นชา ง สุกรเหมอื นโค สระเหมอื นสมทุ ร๑. ฎกี า-: อตโฺ ถ ปริตฺโต โหติ ยถาภตาวโพธาภาวโต.

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 508ประโยชนเ หลานน้ั จะมีประมาณเชน นัน้ ก็หามไิ ด. สว นในพุทธสมัยอปุ มามีนอย. ประโยชนมีมาก. แทจ รงิ เพราะในบาลีที่ทานถือเอาชมพูทวปีแหง เดียว. หญา เปนตน พึงถงึ การหมดส้นิ ไป ดวยความพยายามของชาวชมพทู วีปเหน็ ปานนใ้ี นรอยบา ง พันปบ าง แสนปบ าง. สว นมารดาของคน พงึ ถึงการหมดสน้ิ ไป ก็หามไิ ดแล. บทวา ทกุ ขฺ  ปจจฺ นภุ ูตไดแก ทานเสวยทกุ ข. บทวา ติปปฺ  เปนไวพจนข องบทวา อนภุ ูตนนั้ แล. บทวา พฺยสน ไดแก หลายอยางมคี วามเสื่อมแหง ญาตเิ ปนตน.บทวา กฏสิ ไดแ ก ปฐพที ่เี ปน ปา ชา . สตั วเหลา น้นั เมือ่ ตายบอย ๆไดเ พิม่ พูนปฐพีท่ีเปน ปาชา น้ัน ดว ยการทิ้งสรรี ะไว. บทวา อล แปลวาพอเทาน้ัน. จบอรรถกถาตณิ กฏั ฐสตู รที่ ๑ ๒. ปฐวสี ตู ร วาดวยการกําหนดท่สี ุดเบ้ืองตน เบอ้ื งปลายของสงสาร [๔๒๓] พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระเชตวัน อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. ครงั้ นั้นแล พระผมู -ีพระภาคเจา ตรัสเรยี กภิกษทุ งั้ หลาย. . . แลว ไดต รสั วา ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลายสงสารน้กี ําหนดทส่ี ดุ เบือ้ งตนเบอ้ื งปลายไมได เมอ่ื เหลาสตั วผ มู ีอวชิ ชาเปนทก่ี างกัน้ มตี ัณหาเปนเครอ่ื งประกอบไว ทองเทย่ี วไปมาอยู ทสี่ ดุเบ้อื งตน ยอมไมป รากฏ. [๔๒๔] ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย เหมอื นอยา งวา บุรษุ ปน มหาปฐพี

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 509นีใ้ หเปนกอ น กอ นละเทาเมด็ ระเบาแลว วางไว สมมติวา น้ีเปนบิดาของเรา น้ีเปน บดิ าของบดิ าของเรา โดยลําดับ บิดาของบิดาแหงบรุ ุษน้นั ไมพ ึงส้ินสุด สวนมหาปฐพีนี้ พึงถึงการหมดสนิ้ ไป ขอ น้นั เพราะเหตไุ ร เพราะวา สงสารน้กี าํ หนดทีส่ ดุ เบ้อื งตนเบือ้ งปลายไมไ ด ฯลฯท่ีสุดเบอ้ื งตน ยอ มไมป รากฏ พวกเธอไดเ สวยทกุ ข ความเผ็ดรอ น ความพินาศ ไดเพมิ่ พนู ปฐพีทเ่ี ปนปาชา ตลอดกาลนาน เหมอื นฉะน้ันดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ก็เหตุเพยี งเทาน้ี พอทเี ดยี วเพ่อื จะเบื่อหนา ยในสังขารทงั้ ปวง พอเพอื่ จะคลายกาํ หนัด พอเพอื่ จะหลดุ พน ดงั น้ี . จบปฐวีสูตรท่ี ๒ อรรถกถาปฐวสี ูตรท่ี ๒ พงึ ทราบวนิ ิจฉยั ในปฐวีสูตรท่ี ๒ ดงั ตอ ไปน.้ี บทวา มหาปฐวึ ไดแก มีจักรวาลเปน ทส่ี ุด. บทวา นิกฺขิเปยฺยความวา บรุ ุษทําลายปฐพนี นั้ ปนใหเปนกอ น มีประมาณทก่ี ลาวแลวพึงวางไวใ นทีค่ วรสวนขา งหน่ึง. จบอรรถกถาปฐวีสูตรที่ ๒ ๓. อัสสสุ ตู ร วา ดวยเปรียบนาํ้ ตากบั นา้ํ ในมหาสมุทร [๔๒๕] พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ทนี่ นั้ แล พระผมู ีพระภาคเจา

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 510ตรัสเรียกภกิ ษุทั้งหลาย. . . แลว ไดตรัสวา ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย สงสารนี้กําหนดที่สดุ เบือ้ งตนเบอ้ื งปลายไมได ฯลฯ พวกเธอจะสาํ คัญความขอ นั้นเปน ไฉน น้ําตาท่ีหลงั่ ไหลของพวกเธอผูท องเทีย่ วไปมา ครํ่าครวญรอ งไหอ ยู เพราะประสบสง่ิ ทไ่ี มพ อใจ เพราะพลดั พรากจากสิง่ ที่พอใจโดยกาลนานน้ี กบั นาํ้ ในมหาสมุทรทงั้ ๔ ส่งิ ไหนจะมากกวากัน. ภิกษเุ หลา นัน้ ทลู วา ขา แตพ ระองคผ เู จรญิ พวกขาพระองค ยอมทราบธรรมตามทพ่ี ระผูม พี ระภาคเจา ทรงแสดงแลว วา น้ําตาทห่ี ลัง่ ไหลออกของพวกขา พระองค ผูทอ งเทีย่ วไปมา คร่ําครวญรอ งไหอ ยู เพราะการประสบสิ่งท่ไี มพอใจ เพราะการพลดั พรากจากส่งิ ทพี่ อใจ โดยกาลนานน้แี หละมากกวา สว นน้าํ ในมหาสมทุ รทั้ง ๔ ไมม ากกวาเลย. [๔๒๖] พ. ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ถกู ละ ๆ พวกเธอทราบธรรมทเ่ี ราแสดงแลวอยางน้ี ถกู แลว น้ําตาท่ีหลั่งไหลออกของพวกเธอผูทอ งเท่ียวไปมา ฯลฯ โดยกาลนานนี้แหละมากกวา สว นนา้ํ ในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไมม ากกวาเลย พวกเธอไดประสบมรณกรรมของมารดาตลอดกาลนาน นา้ํ ตาที่หลงั่ ไหลออกของเธอเหลานัน้ ผูประสบมรณกรรมของมารดา คราํ่ ครวญรอ งไหอ ยู เพราะประสบส่งิ ทีไ่ มพ อใจ เพราะพลดั พรากจากสิง่ ท่พี อใจน่ันแหละมากกวา สว นนํ้าในมหาสมทุ รท้งั ๔ ไมม ากกวาเลย พวกเธอไดประสบมรณกรรมของบิดา.. . ของพ่ีชายนองชาย พี่สาวนอ งสาว. . . ของบตุ ร.. . . ของธดิ า. . . ความเสอื่ มแหง ญาต.ิ .. ความเสือ่ มแหงโภคะ. . . ไดประสบความเสื่อมเพราะโรค ตลอดกาลนานน้าํ ตาที่หล่ังออกของพวกเธอเหลา นั้น ผูป ระสบความเสอ่ื มเพราะโรคคร่าํ ครวญรอ งไหอ ยู เพราะประสบส่ิงทไ่ี มพ อใจ เพราะพลัดพรากจาก

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 511สงิ่ ท่พี อใจนั่นแหละมากกวา สวนนํา้ ในมหาสมุทรท้ัง ๔ ไมม ากกวาเลยขอนัน้ เพราะเหตุไร เพราะวา สงสารนี้กาํ หนดทส่ี ดุ เบื้องตนเบอ้ื งปลายไมไ ด ฯลฯ ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็เหตเุ พียงเทา นี้ พอทเี ดยี วเพ่ือจะเบือ่ หนา ยในสังขารทง้ั ปวง พอเพอ่ื จะคลายกําหนดั พอเพ่ือจะหลุดพนดังน.ี้ จบอัสสุสตู รที่ ๓ อรรถกถาอัสสสุ ตู รท่ี ๓ พึงทราบวินจิ ฉัยในอัสสุสูตรที่ ๓ ดงั ตอไปน.้ี บทวา กนฺทนตฺ าน ไดแ ก รองไหอยูร าํ่ ไป. บทวา ปสนฺท นํา้ ตาหลัง่ ไหล คือเปน ไปแลว . บทวา จตสู ุ มหาสมทุ เฺ ทสุ ไดแ ก ในมหาสมทุ รท้ัง ๔ ท่กี าํ หนดดว ยรัศมภี เู ขาสเิ นรุ. กส็ ําหรับภูเขาสเิ นรุ ทางทศิ ปราจนี สําเร็จดว ยเงิน. ทางทศิ ทกั ษิณ สาํ เรจ็ ดวยแกว มณี. ทางทศิปจฉมิ สําเรจ็ ดวยแกว ผลกึ . ทางทศิ อดุ ร สาํ เรจ็ ดวยทอง. รัศมีแหงเงินและแกวมณี เปลง ออกทางทิศปราจนี และทักษิณ รวมเปนอันเดียวกนัแผไปบนหลงั มหาสมุทร ตง้ั จดจักรวาลบรรพต. รัศมแี หงแกวมณีและแกวผลึก เปลงออกทางทศิ ทกั ษณิ และทศิ ปจฉิม รศั มแี หงแกวผลึกและทองเปลง ออกทางทิศปจ ฉมิ และทศิ อุดร. รศั มแี หงทองและเงินเปลงออกทางทศิอุดรและทิศปราจนี รวมเปน อันเดียวกนั แผไปบนหลังมหาสมุทร ตั้งจดจกั รวาลบรรพต. ภายในรัศมเี หลา น้นั เปน มหาสมุทรทัง้ ๔. ทานหมายเอามหาสมุทร ๔ เหลานั้น จงึ กลา ววา จตสู ุ มหาสมุทเฺ ทส.ุ บทวา

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 512พฺยสน ในบทเปน ตนวา าติพยฺ สน ไดแก ความเส่ือม ความเสยีคอื ความพินาศ. ความเสอ่ื มแหงพวกญาติ ชอ่ื วาญาติพยสนะ. ความเสอ่ื มแหง โภคะ ช่อื วา โภคพยสนะ. ช่ือวาพยสนะ เพราะความมโี รคของตนเองน่นั แล คือใหความไมม โี รคพนิ าศ คอื ฉิบหายไป. ความเส่ือมเปน โรคแนนอน ชอ่ื วา โรคพยสนะ. จบอรรถกถาอัสสุสูตรท่ี ๓ ๔. ขีรสตู ร วา ดว ยเปรียบน้าํ นมกบั น้าํ ในมหาสมุทร [๔๒๗] พระผูม ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทานอนาบณิ ฑิกเศรษฐี กรุงสาวตั ถี. ณ ที่นนั้ แล พระผูม พี ระภาคเจาตรัสเรยี กภิกษุท้ังหลาย. . . แลวไดต รัสวา ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย สงสารนี้กําหนดท่สี ุดเบือ้ งตน เบ้ืองปลายไมไ ด ฯลฯ เธอท้ังหลายจะสําคญั ความขอนนั้ เปน ไฉน นํ้านมมารดาท่ีพวกเธอผูทองเที่ยวไปมาอยูโ ดยกาลนานนี้ดม่ื แลว กบั น้าํ ในมหาสมทุ รท้ัง ๔ ไหนจะมากกวากัน. ภิกษเุ หลา นัน้ กราบทลู วา ขา แตพระองคผ เู จริญ พวกขาพระองคยอมทราบตามท่พี ระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงแลว นํา้ มันมารดาท่พี วกขา พระองคผ ูท องเที่ยวไปมาอยโู ดยกาลนาน ด่มื แลวน่นั แหละมากกวาน้ําในมหาสมุทรท้ัง ๔ ไมม ากกวา เลย. [๔๒๘] พ. ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ถูกละ ๆ พวกเธอทราบธรรมท่ีเราแสดงแลวอยา งนี้ ถกู แลว น้ํานมมารดาที่พวกเธอผูทอ งเทย่ี วไปมา

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 513อยโู ดยกาลนาน ดื่มแลว น่ันแหละมากวา นํ้าในมหาสมทุ รทงั้ ๔ ไมมากกวา เลย ขอนนั้ เพราะเหตุไร เพราะวา สงสารนกี้ ําหนดท่ีสดุ เบอ้ื งตนเบอื้ งปลายไมไ ด ฯ ล ฯ พอเพอื่ จะหลุดพน ดงั น้ี. จบขีรสูตรท่ี ๔ อรรถกถาขรี สตู รท่ี ๔ พงึ ทราบวินจิ ฉัยในขรี สตู รที่ ๔ ดงั ตอไปน้.ี บทวา มาตถุ ฺ ไดแ ก น้าํ มนั มารดา ผูเปนมนษุ ย มีชื่อผหู นึ่ง.จริงอยู ในเวลาสตั วเหลานีบ้ งั เกดิ ในไสเ ดือนและมดแดงเปน ตน ในปลาและเตา เปนตน หรอื ในชาติปก ษี น้ํามนั แมไมม เี ลย. ในเวลาบังเถิดในแพะ สัตวเ ล้ยี งและกระบอื เปนตน นํ้ามันม.ี ในพวกมนุษย นํา้ นมมีอยูเหมือนอยา งนั้น . บรรดากาลเหลานัน้ นํ้านม ท่เี ธอดื่ม ในกาลท่ีเธอถือกาํ เนดิ ในครรภข องมารดาผูมชี อื่ ผหู นึ่งวา \"ตสิ สา\" เทานน้ั โดยยงั มติ อ งนับในกาลที่ถือกําเนิดในสัตวมีแพะเปน ตน และแมในกาลทถี่ ือกําเนดิ ในครรภของมารดาทีม่ ีชอื่ ตางๆ กัน อยา งนวี้ า \"เทวี สุมนา ตสิ สาในพวกมนษุ ย\" พงึ ทราบวา ยงั มากกวา นาํ้ ในมหาสมทุ รทั้ง ๔. จบอรรถกถาขรี สูตรท่ี ๔ ๕. ปพ พตสูตร วา ดว ยเร่อื งกัป [๔๒๙] พระผมู ีพระภาคเจาประทับอยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรุงสาวตั ถ.ี ณ ครั้งน้ันแล ภิกษรุ ปู หน่งึ

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 514ไดเ ขาไปเฝา พระผูม ีพระภาคเจา ครนั้ เขา ไปเฝา แลว ฯ ล ฯ เมื่อภิกษุรูปน้นั น่งั เรียบรอยแลว ไดท ูลถามพระผูมีพระภาคเจาวา ขา แตพระองคผเู จรญิ กัปหนึ่งนานเพียงไรหนอแล. พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ดกู อนภกิ ษุ กัปหน่ึงนานแล มใิ ชงา ยทจี่ ะนบั กัปนน้ั วา เทา น้ปี  เทา น้ี ๑๐๐ ป เทาน้ี ๑,๐๐๐ ป หรอื วาเทา น้ี ๑๐๐,๐๐๐ ป. ภ.ิ ก็พระองคอาจจะอปุ มาไดไ หม พระเจาขา . [๔๓๐] พ. อาจอุปมาได ภกิ ษุ แลว จึงตรัสตอ ไปวา ดกู อนภิกษุเหมือนอยา งวา ภูเขาหนิ ลกู ใหญยาวโยชนห นึ่ง กวา งโยชนห นึ่ง สูงโยชนห นง่ึ ไมม ีชอง ไมมีโพรง เปน แทงทบึ บรุ ุษพึงเอาผา แควนกาสีมาแลวปดภูเขานั้น ๑๐๐ ปตอครนั้ ภูเขาหนิ ลูกใหญน ั้น พงึ ถงึ การหมดไป สิ้นไป เพราะความพยายามนี้ ยงั เรว็ กวาแล สวนกปั หน่ึงยังไมถงึ การหมดไป ส้ินไป กปั นานอยางนีแ้ ล บรรดากปั ท่นี านอยางน้ีพวกเธอทอ งเท่ยี วไปแลว มใิ ชห นง่ึ กปั มิใชรอยกปั มิใชพ นั กัป มใิ ชแสนกปั . ขอนั้นเพราะเหตุไร เพราะวา สงสารน้กี าํ หนดทสี่ ดุ เบอ้ื งตนเบ้อื งปลายไมได ฯ ล ฯ ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย ก็เหตุเพยี งเทา น้ี พอทีเดียวท่จี ะเบอื่ หนาย ในสังขารทัง้ ปวง พอเพอ่ื จะคลายกําหนดั พอเพ่ือจะหลดุ พน ดังน.้ี จบปพพตสตู รที่ ๕

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 515 อรรถกถาปพ พตสูตรที่ ๕ พึงทราบวินจิ ฉัยในปพ พตสตู รท่ี ๕ ดังตอ ไปนี้. บทวา สกกฺ า ปน ภนเฺ ต ความวา ไดย นิ วา ภิกษุนนั้ คดิ วาพระศาสดาตรัสวา มิใชทําไดง า ย จะตัดอยางไรก็ไมได เราอาจจะใหพระองคทาํ อปุ มาไดไ หม. เพราะฉะนั้น เธอจงึ กราบทูลอยางน้ี. บทวากาสิเกน ความวา ดว ยผา เนอื้ ละเอยี ดมากอันสาํ เร็จดว ยดายทเ่ี ขาเอาฝา ย๓ ชนดิ มาทอรวมกนั เขา . บุรุษพงึ เหว่ียงไปประมาณเทาใดดว ยการทาํ ใหเรียบดว ยผานนั้ . คือใหเหลือประมาณเมล็ดพนั ธผุ กั กาด. จบอรรถกถาปพ พตสตู รที่ ๕ ๖. สาสปสตู ร วา ดวยเรอ่ื งกปั [๔๓๑] พระผมู ีพระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถ.ี ณ ครง้ั น้นั แล ภกิ ษรุ ูปหนึ่งเขา ไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ฯลฯ ครนั้ ภิกษุนนั้ น่ังเรยี บรอยแลว ไดทลู ถามพระผูมพี ระภาคเจา วา ขาแตพ ระองคผเู จริญ กัปหนงึ่ นานเพยี งไรหนอแล. พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั วา ดูกอนภิกษุ กัปหน่งึ นานแล มิใชงา ยทจี่ ะนบั กปั น้นั วา เทาน้ีป ฯ ล ฯ หรอื วาเทาน้ี ๑๐๐,๐๐๐ ป. ภ.ิ ก็พระองคอ าจจะอุปมาไดไ หม พระเจา ขา. [๔๓๒] พ. อาจอุปมาได ภกิ ษุ แลวจึงตรสั ตอไปวา ดกู อน

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 516ภกิ ษุ เหมือนอยา งวา นครที่ทาํ ดว ยเหลก็ ยาว ๑ โยชน กวาง ๑ โยชนสูง ๑ โยชน เตม็ ดว ยเมล็ดพนั ธุผ กั กาด มีเมลด็ พันธุผักกาดรวมกนั เปนกลมุ กอ น บุรุษพงึ หยิบเอาเมลด็ พนั ธุผกั กาดเมล็ดหนง่ึ ๆ ออกจากนครนั้นโดยลวงไปหนงึ่ รอยปตอหน่ึงเมลด็ เมล็ดพนั ธุผักกาดกองใหญนน้ั พึงถึงความสน้ิ ไป หมดไป เพราะความพยายามน้ี ยงั เรว็ กวา แล สว นกัปหนงึ่ยงั ไมถ ึงความส้ินไป หมดไป กัปนานอยา งนแ้ี ล บรรดากปั ทีน่ านอยา งนี้พวกเธอทองเทยี่ วไปแลว มิใชหนงึ่ กัป มใิ ชรอ ยกปั มใิ ชร อ ยพนั กัป มิใชแ สนกปั ขอน้นั เพราะเหตุไร เพราะวา สงสารกําหนดท่ีสดุ เบือ้ งตน เบื้องปลายไมไ ด ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพน ดังน.้ี จบสาสปสตู รที่ ๖ อรรถกถาสาสปสตู รท่ี ๖ พึงทราบวนิ ิจฉยั ในสาสปสูตรที่ ๖ ดงั ตอ ไปน.้ี บทวา อายส นคร ไดเ เก เมอื งลอ มดว ยกําแพงเหลก็ . แตไมควรเห็นวา ภายในเกล่อื นดว ยปราสาทชน้ั เดียวเปนตนตอกนั ไป. จบอรรถกถาสาสปสูตรที่ ๖ ๗. สาวกสูตร วา ดวยการอปุ มากปั [๔๓๓] พระผมู พี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ณ ครัน้ นน้ั แล ภิกษุหลายรปูเขา ไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ฯ ล ฯ ครน้ั ภกิ ษุเหลาน้นั นั่งเรียบรอ ยแลว

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 517ไดทลู ถามพระผมู พี ระภาคเจาวา ขา แตพระองคผเู จริญ กปั ทง้ั หลายที่ผา นไปแลว ลว งไปแลว มากเทาไรหนอ. พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย กปั ท้ังหลายที่ผานไปแลว ลว งไปแลว มีมาก มิใชงายท่ีจะนับกัปเหลา นั้นวา เทาน้ีกปั เทาน้ี ๑๐๐ กัป เทานี้ ๑,๐๐๐ กัป หรอื วาเทา นี้ ๑๐๐,๐๐๐ กปั . ภิ. กพ็ ระองคอ าจจะอุปมาไดไหม พระเจา ขา . [๔๓๔] พ. อาจอุปหาได ภิกษทุ ั้งหลาย แลว ตรสั ตอไปวาดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย มสี าวก ๔ รูปในศาสนาน้ี เปนผมู อี ายุ ๑๐๐ ป มีชีวติ ๑๐๐ ป หากวาทา นเหลา น้ันพึงระลึกถอยหลงั ไปไดว ันละแสนกัปกัปที่ทา นเหลา นั้นระลึกไมถ ึงถึงยังมอี ยอู ีก สาวก ๔ รูปของเราผูม ีอายุ๑๐๐ ป มีชวี ติ ๑๐๐ ป พึงทาํ กาละโดยลว งไป ๑๐๐ ป ๆ โดยแทแลกปั ทีผ่ านไปแลว ลวงไปแลว มจี าํ นวนมากอยา งนแ้ี ล มใิ ชงา ยทจ่ี ะนบักปั เหลาน้ันวา เทา นี้กัป เทา น้ี ๑๐๐ กัป เทา น้ี ๑,๐๐๐ กัป หรอื วาเทานี้ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ขอ นน้ั เพราะเหตไุ ร เพราะวา สงสารนกี้ าํ หนดที่สุดเบือ้ งตน เบอ้ื งปลายไมได ฯ ล ฯ พอเพื่อจะหลุดพน ดังนี.้ จบสาวกสูตรที่ ๗ อรรถกถาสาวกสตู รท่ี ๗ พึงทราบวนิ จิ ฉยั ในสาวกสูตรที่ ๗ ดงั ตอ ไปน.้ี บทวา อนสุ ฺสเรยยฺ ุ ความวา แมพ ระสาวก ๔ รูป พงึ ระลกึถอยหลังไปได ๔ แสนกัปอยางนว้ี า เม่อื รูปหนึง่ ระลึกถอยหลังไดแสนกปั

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 518อกี รูปหนงึ่ ระลกึ ถอยหลงั ได ๑๐๐,๐๐๐ กปั แมร ปู อ่นื กร็ ะลกึ ถอยหลังไดอกี๑๐๐,๐๐๐ กปั จากสถานที่เขาอยู. จบอรรถกถาสาวกสูตรท่ี ๗ ๘. คงคาสตู ร วา ดว ยการอุปมากปั [๔๓๕] สมัยหนึ่ง พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระ-เวฬวุ นั กลันทกนิวาปสถาน กรงุ ราชคฤห. ครัน้ นัน้ แบ พราหมณผ ูหนึ่งเขา ไปเฝาพระผมู ีพระภาคเจา ไดปราศรัยกบั พระผมู ีพระภาคเจา คร้ันผา นการปราศรัยพอใหร ะลึกถงึ กันไปแลว จึงนงั่ ณ ทคี่ วรสวนขา งหนงึ่คร้ันพราหมณน นั้ นั่งเรียบรอยแลว ไดท ลู ถามพระผมู ีพระภาคเจา วา ขา แตพระโคดมผเู จริญ กัปที่ผานไปแลว ลว งไปแลว มากเทาไรหนอแล. พระผูมพี ระภาคเจาตรสั วา ดกู อนพราหมณ กัปทงั้ หลายท่ผี านไปแลว ลว งไปแลว มากแล มใิ ชง า ยทีจ่ ะนับกัปเหลา นนั้ วา เทา น้กี ปัเทานี้ ๑๐๐ กัป เทา นี้ ๑,๐๐๐ กัป หรอื วาเทาน้ี ๑๐๐,๐๐๐ กัป. พราหมณ. ขาแตพ ระโคดมผูเจรญิ ก็พระองคอ าจจะอปุ มาไดไ หม. [๔๓๖] พ. อาจอุปมาได พราหมณ แลวจึงตรสั ตอไปวา ดกู อนพราหมณ แมน ้ําคงคาน้ยี อมเกิดแตทีใ่ ด และยอ มถึงมหาสมุทร ณ ทใี่ ดเมล็ดทราบในระยะนีไ้ มเ ปน ของงา ยทจ่ี ะกําหนดไดวา เทานเี้ มลด็ เทา น้ี๑๐๐ เมลด็ เทา น้ี ๑,๐๐๐ เมลด็ หรอื วาเทา นี้ ๑๐๐,๐๐๐ เมล็ด ดูกอ น

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 519พราหมณ กปั ทัง้ หลายท่ผี า นไปแลว ลว งไปแลว มากกวา เมล็ดทรายเหลา นน้ั มใิ ชงา ยทจ่ี ะนับกัปเหลานนั้ วา เทานก้ี ปั เทา น้ี ๑๐๐ กปัเทา นี้ ๑,๐๐๐ กัป หรือวาเทาน้ี ๑๐๐,๐๐๐ กปั เมอ่ื เหลา สตั วผ ูมีอวชิ ชาเปน ทกี่ างกนั้ มีตัณหาเปนเคร่อื งประกอบไว ทอ งเทยี่ วไปมาอยูท่ีสุดเบือ้ งตน ไมปรากฏ สัตวเ หลานน้ั ไดเสวยทกุ ข ความเผ็ดรอ นความพนิ าศ ไดเ พิ่มพูนปฐพีท่เี ปน ปา ชา ตลอดกาลนานเหมอื นฉะนนั้ดูกอ นพราหมณ ก็เหตุเพยี งเทา นี้ พอทเี ดยี วเพือ่ จะเบื่อหนายในสังขารทั้งปวง พอเพือ่ จะคลายกําหนัด พอเพอ่ื จะหลุดพน ดังนี.้ [๔๓๗] เมอ่ื พระผูม พี ระภาคเจาตรสั อยางนีแ้ ลว พราหมณผนู น้ัไดกราบทลู วา แจมแจงยิง่ นักทา นพระโคดม แจม แจง ยง่ิ นกั ทานพระโคดม ขอพระโคดมผูเจรญิ จงทรงจําขา พระองคว าเปน อบุ าสก ผถู ึงสรณะจนตลอดชวี ติ ตัง้ แตวันน้ีเปน ตน ไป ดงั นี้. จบคงสตู รที่ ๘ อรรถกถาคงคาสตู รที่ ๘ พึงทราบวนิ จิ ฉัยใน คงคาสตู รท่ี ๘ ดงั ตอ ไปนี้. บทวา ยา เอตสมฺ ึ อนฺตเร วาลิกา ความวา เมลด็ ทรายในระหวางน้ี ยาว ๕ โยชน. จบอรรถกถาคงคาสูตรท่ี ๘

พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 520 ๙. ทณั ฑสตู ร วา ดวยสงสารกําหนดเบ้อื งตนเบอื้ งปลายเหมือนทอนไม [๔๓๘] พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี กรุงสาวตั ถี. ทน่ี ้ันแล พระผมู ีพระ-ภาคเจา ตรัสเรียกภกิ ษทุ ง้ั หลาย . . . แลวไดตรัสวา ดูกอนภิกษุทง้ั หลายสงสารนี้กาํ หนดท่ีสดุ เบือ้ งตนเบอื้ งปลายไมได เมอ่ื เหลาสตั วผูมอี วิชชาเปนท่กี างก้นั มีตณั หาเปน เครอ่ื งประกอบไว ทองเทย่ี วไปมาอยู ทีส่ ดุ เบอ้ื งตนยอมไมป รากฏ ฯ ล ฯ [๔๓๙] ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ทอนไมท่ีบคุ คลโยนขน้ึ บนอากาศบางคราวก็ตกลงทางโคน บางคราวกต็ กลงทางขวาง บางคราวกต็ กลงทางปลาย แมฉ ันใด สตั วท ั้งหลายผูมอี วชิ ชาเปน ทกี่ างก้ัน มีตณั หาเปนเครอ่ื งประกอบไว ทองเท่ยี วไปมาอยู ก็ฉนั นั้นแล บางคราวกจ็ ากโลกน้ีไปสูปรโลก บางคราวกจ็ ากปรโลกมาสโู ลกนี้ ขอนน้ั เพราะเหตไุ รเพราะวา สงสารนกี้ าํ หนดที่สดุ เบือ้ งปลายไมไ ด ฯ ล ฯ พอเพือ่จะหลุดพน ดังนี.้ จบทัณฑสูตรที่ ๙ อรรถกถาทณั ฑสตู รที่ ๙ สว นในทัณฑสูตรท่ี ๙ คาํ จะตองกลาวไมม .ี จบอรรถกถาทัณฑสูตรท่ี ๙

พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 521 ๑๐. ปคุ คลสตู ร วา ดวยสงสารกําหนดเบื้องตนเบ้ืองปลายไมได เหมอื นโครงกระดูกบุคคล [๔๔๐] สมยั หนง่ึ พระผูมีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ ภเู ขาคชิ ฌกูฏ กรงุ ราชคฤห. ณ ท่นี น้ั แล พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสเรียกภิกษุท้ังหลายวา ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ภิกษุเหลา นั้นทลู รับพระผมู พี ระภาคเจาวา ขา แตพ ระองคผูเ จรญิ . [๔๔๑] พระผมู พี ระภาคเจาไดตรสั วา ดูกอนภิกษทุ ้ังหลายสงสารกําหนดท่ีสดุ เบือ้ งตน เบ้อื งปลายไมไ ด ฯ ล ฯ เมอื่ บุคคลหนง่ึ ทอ งเท่ยี วไปมาอยูต ลอดกัปหน่งึ พงึ มีโครงกระดกู รา งกระดูก กองกระดูกใหญเทาภูเขาเวปุลละนี้ ถา กองกระดกู นัน้ พงึ เปน ของทีจ่ ะขนมารวมกนั ไดและกระดกู ทไ่ี ดสั่งสมไวแลว ก็ไมพึงหมดไป ขอ นนั้ เพราะเหตุไรเพราะวา สงสารกําหนดทีส่ ุดเบ้อื งตน เบ้อื งปลายไมได ฯ ล ฯ พอเพอ่ื จะหลดุ พน ดงั น้.ี [๔๔๒] พระผมู ีพระภาคเจา ผูสคุ ตศาสดา คร้ันไดตรัสไวยา-กรณภาษติ นี้แลว จงึ ตรัสพระคาถาประพนั ธตอ ไปวา เราผแู สวงหาคุณอันย่ิงใหญ ไดก ลาวไวดังน้วี า กระดกู ของบคุ คลคนหนึง่ ทส่ี ะสมไวก ปั หน่งึ พงึ เปน กองเทา ภูเขา ก็ภูเขาท่เี รากลา วนน้ั คือ ภูเขาใหญ

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 522 ชื่อเวปุลละ อยูทิศเหนอื ของภูเขาคิชฌกฏู ใกล เมืองราชคฤห อันมีภเู ขาลอ มรอบ เม่ือใดบุคคลเห็น อรยิ สจั คอื ทุกข เหตเุ กิดแหงทกุ ข ความลวงพน ทุกข และอริยมรรคมีองค ๘ อนั ยังสัตวใหถ งึ ความสงบทุกข ดว ยปญ ญาอนั ชอบ เมื่อนนั้ เขา ทอ งเทย่ี ว ๗ คร้ังเปนอยา งมาก กเ็ ปนผทู าํ ทส่ี ุดทุกข ได เพราะส้นิ สังโยชนท ้งั ปวง ดังนแี้ ล. จบปุคคลสูตรท่ี ๑๐ จบปฐมวรรที่ ๑ รวมพระสตู รที่มใี นวรรคน้ี คอื ๑. ติณกัฏฐสตู ร ๒. ปฐวีสตู ร ๓. อสั สุสตู ร ๔. ขีรสตู ร ๕. ปพพตสูตร ๖. สาสปสตู ร ๗. สาวกสูตร ๘. คงคาสูตร ๙. ทัณฑสตู ร ๑๐. ปุคคลสูตร อรรถกถาปคุ คลสตู รท่ี ๑๐ พึงทราบวินิจฉยั ในปคุ คลสูตรท่ี ๑๐ ดงั ตอ ไปนี.้ แม ๓ บทมีบทเปน ตน วา อฏ กิ งกฺ โล กเ็ ปน ไวพจนของกองกระดกู นน่ั เอง. ก็สัตวเ หลาน้ี เวลาไมมีกระดูกมากกวา เวลามีกระดูก.ดว ยวา กระดูกของสัตวม ไี สเ ดือนเปน ตนเหลาน้นั ไมม ี. สวนสตั วม ีปลาและเตา เปนตน มกี ระดกู มากกวาแล. เพราะฉะนนั้ พงึ ถอื เอาเฉพาะ

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 523เวลามกี ระดูก มิไดห มายถงึ เวลาไมมกี ระดูกและเวลามีกระดูกมากหลาย.บทวา อตุ ตฺ โร คชิ ฺฌกฏู สฺส ไดแกภูเขาตัง้ อยูทศิ เหนอื ของภเู ขาคิชฌกูฏ.บทวา มคธาน คิริพพฺ เช คือ ใกลภเู ขาแควนมคธ อธบิ ายวา ต้ังอยูในวงลอมของภูเขา. คาํ ทีเ่ หลอื ในบททง้ั ปวงงา ยทง้ั นนั้ แล. จบอรรถกถาปคุ คลสตู รท่ี ๑๐ จบปฐมวรรคที่ ๑

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 524 ทุติยวรรคที่ ๒ ๑. ทคุ ตสูตร วา ดวยสงสารกาํ หนดเบ้ืองตน เบอ้ื งปลายไมได เหมือนทคุ ตบรุ ษุ [๔๔๓] สมัยหน่งึ พระผมู ีพระภาคเจาประทบั อยู ณ พระเชตวันอารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถ.ี ณ ทนี่ ั้นแล พระผูม-ีพระภาคเจาตรัสเรียกภกิ ษทุ ั้งหลาย. . . แลว ไดต รัสวา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย สงสารน้ีกําหนดท่ีสดุ เบอ้ื งตน เบอ้ื งปลายไมได เมือ่ เหลา สัตวผ ูมีอวิชชาเปนท่ีกางก้ัน มีตัณหาเปนเครอื่ งประกอบไว ทอ งเทยี่ วไปมาอยูที่สดุ เบอ้ื งตนยอมไมปรากฏ เธอทงั้ หลายเห็นทุคตบุรษุ ผมู ีมือและเทาไมสมประกอบ พึงลงสันนิษฐานในบคุ คลนว้ี า เราทง้ั หลายกเ็ คยเสวยทกุ ขเห็นปานน้มี าแลว โดยกาลนานนี้ ขอน้ันเพราะเหตุไร เพราะวา สงสารนี้กาํ หนดทส่ี ดุ เบ้อื งตน เบอื้ งปลายไมไ ด ฯ ล ฯ พอเพอ่ื จะหลุดพน ดังน้.ี จบทุคตสตู รท่ี ๑ ทุตยิ วรรคท่ี ๒ อรรถกถาทคุ ตสตู รท่ี ๑ พงึ ทราบวินจิ ฉยั ในทุคตสูตรท่ี ๑ แหงทตุ ยิ วรรค ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา ทคุ ฺคต ไดแกค นขัดสน คือ คนกาํ พรา. บทวา ทรุ เู ปตความวา ทุคตบรุ ุษมีมือและเทาไมส มประกอบ. จบอรรถกถาทคุ ตสตู รที่ ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 525 ๒. สขุ ติ สตู ร วาดวยสงสารกําหนดเบอื้ งตน เบอื้ งปลายไมได เหมือนบุคคลผมู คี วามสขุ [๔๔๔] สมัยหนง่ึ พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวนัอารามของทานอนาถบิณฑกิ เศรษฐี กรงุ สาวตั ถี. ณ ที่น้ันแล พระผมู ี-พระภาคเจาตรสั เรียกภกิ ษุทงั้ หลาย . . . แลว ไดต รัสวา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย สงสารนี้กาํ หนดที่สดุ เบื้องตนเบอ้ื งปลายไมไ ด เมื่อเหลาสตั วผ ูมีอวชิ ชาเปน ทก่ี างกั้น มตี ณั หาเปนเครอ่ื งประกอบไว ทองเท่ยี วไปมาอยูทีส่ ุดเบ้ืองตน ยอมไมปรากฏ. . . เธอทั้งหลายเห็นบคุ คลผเู พยี บพรอ มดว ยความสุข มบี ริวารคอยรับใช พงึ ลงสันนษิ ฐานในบุคคลนีว้ า เราทั้ง-หลายก็เคยเสวยสุขเห็นปานนีม้ าแลว โดยกาลนานนี้ ขอน้นั เพราะเหตไุ รเพราะวา สงสารกําหนดทีส่ ดุ เบือ้ งตนเบอื้ งปลายไมได ฯล ฯ พอเพือ่ จะหลุดพน ดังนี้. จบสุขติ สตู รที่ ๒ อรรถกถาสุขติ สตู รที่ ๒ พึงทราบวนิ ิจฉยั ในสุขติ สตู รท่ี ๒ ดงั ตอไปน.ี้ บทวา สุขติ  ความวา ผูเ พยี บพรอมดวยความสขุ คือมีทรัพยมากมีโภคะมาก. บทวา สสุ ชชฺ ิต ความวา ประดับตกแตง ข้นึ คอชาง คอืมบี ริวารมาก. จบอรรถกถาสุขติ สูตรที่ ๒

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 526 ๓. ตงิ สมตั ตาสูตร วา ดว ยภกิ ษชุ าวเมืองปาเวยยะ ๓๐ รูป ถอื การอยปู าเปนวตั ร [๔๔๕] พระผูมพี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเวฬุวนั กลนทก-นิวาปสถาน กรุงราชคฤห. ครง้ั น้นั แล ภกิ ษชุ าวเมอื งปาเวยยะประมาณ๓๐ รปู ท้ังหมดลวนแตเ ปน ผูอ ยูปา เปน วตั ร ถือเทย่ี วบิณฑบาตเปน วัตรถือผา บงั สกุ ุลเปนวตั ร ถอื ทรงผา ไตรจีวรเปนวตั ร แตทั้งหมดลว นยังเปนผมู สี ังโยชนอยู เขาไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจา ถวายบงั คมแลวนง่ัณ ที่ควรสว นขางหนง่ึ . [๔๔๖] ครง้ั น้ันแล พระผมู ีพระภาคเจาไดทรงดาํ ริวา ภกิ ษุชาวเมอื งปาเวยยะประมาณ ๓๐ รูปเหลา น้ีแล ทงั้ หมดลว นถือการอยปู า เปนวัตร ถือเทีย่ วบณิ ฑบาตเปน วัตร ถือผาบังสกุ ุลเปน วัตร ถือทรงไตร-จีวรเปนวัตร ทง้ั หมดลวนยังมสี งั โยชน ถากระไร เราพึงแสดงธรรมโดยประการทีภ่ กิ ษเุ หลานี้จะพึงมจี ิตหลุดพน จากอาสวะ เพราะไมถือม่นัณ อาสนะนีท้ ีเดียว ลาํ ดบั นน้ั แล พระผูมีพระภาคเจาตรสั เรียกภิกษุท้ังหลายวา ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษเุ หลานัน้ ทลู รับพระผูมีพระภาคเจาวา ขา แตพระองคผเู จริญ. [๔๔๗] พระผมู พี ระภาคเจาไดต รสั วา ดกู อนภิกษุทง้ั หลายสงสารน้ีกําหนดทีส่ ุดเบือ้ งตน เบ้อื งปลายไมได เมอ่ื เหลา สตั วผูยังมีอวิชชาเปน ท่กี างก้ัน มตี ณั หาเปนเครื่องประกอบไว ทอ งเทยี่ วไปมาอยู ท่ีสดุเบอื้ งตน ยอมไมปรากฏ พวกเธอจะสาํ คัญความขอน้ันเปน ไฉน โลหติ ท่ี
















































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook