พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 301ปถุ ุชนผูมไิ ดส ดบั ไมอ าจจะเบอ่ื หนาย คลายกําหนัด หลุดพนในจิตเปน ตน นั้นไดเลย ขอ น้ันเพราะเหตุไร เพราะเหตุวาจิตเปน ตนน้ี อันปถุ ชุ นผูมิไดสดบั รวบรดั ถือไวดว ยตณั หา ยึดถือดว ยทฏิ ฐวิ า น่ันของเราเราเปนนนั่ นั่นเปนตัวตนของเรา ดงั นี้ ตลอดกาลชานาน ฉะน้ันปถุ ุชนผูมไิ ดส ดับ จึงจะเบอ่ื หนา ย คลายกาํ หนดั หลดุ พนในจิตเปน ตนนน้ั ไมไ ดเ ลย. [๒๓๖] ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผมู ไิ ดสดบั จะพึงเขา ไปยดึ ถอื เอากายอันเปนทป่ี ระชุมแหงมหาภูตท้ัง ๔ น้ี โดยความเปนตนยงั ชอบกวา แตจ ะเขา ไปยดึ ถอื เอาจิตโดยความเปนตนหาชอบไม ขอ นนั้เพราะเหตไุ ร เพราะกายอันเปนทป่ี ระชมุ แหงมหาภตู ทง้ั ๔ น้ี เมื่อดํารงอยูปห นง่ึ บา ง สองปบา ง สามปบา ง ส่ีปบ าง หาปบ าง สบิ ปบา งยี่สิบปบาง สามสบิ ปบา ง ส่สี บิ ปบา ง หาสบิ ปบา ง รอ ยปบ าง ยิง่ กวารอ ยปบ า ง ยอมปรากฏ แตวา ตถาคตเรยี กกายอันเปน ท่ีประชมุ แหงมหาภตู ท้ัง ๔ นี้วา จิตบา ง มโนบาง วญิ ญาณบาง จิตเปนตนนน้ัดวงหน่ึงเกิดข้นึ ดวงหนึ่งดบั ไป ในกลางคือและในกลางวัน. [๒๓๗] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย อรยิ สาวกไดส ดบั ยอมใสใจดว ยดโี ดยแยบคายถึงปฏจิ จสมทุ บาทธรรม ในกายและจติ ทต่ี ถาคตกลาวมานัน้ วา เพราะเหตุดงั น้ี เม่อื ส่ิงนม้ี ี สงิ่ น้ีจงึ มี เพราะสงิ่ นเ้ี กิดขึ้นสิ่งนจี้ งึ เกดิ ขน้ึ เม่อื ส่งิ น้ไี มม ี สิ่งน้จี ึงไมมี เพราะส่ิงนดี้ ับ ส่ิงนีจ้ งึ ดับเพราะอาศยั ผัสสะอนั เปนปจจยั แหง สุขเวทนา จงึ เกิดสุขเวทนา เพราะผัสสะอันเปนปจ จยั แหงสขุ เวทนาน้นั ดบั ไป สขุ เวทนาท่เี กิดขน้ึ เพราะอาศัย
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 302ผัสสะอนั เปน ปจ จัยแหง สุขเวทนา จึงดบั จึงสงบไป เพราะอาศัยผัสสะอันเปนปจจัยแหงทกุ ขเวทนา จงึ เกดิ ทกุ ขเวทนาขนึ้ เพราะผสั สะอนั เปนปจจยั แหงทุกขเวทนานน้ั ดับไป ทกุ ขเวทนาทเ่ี กดิ ขึ้นเพราะอาศยั ผสั สะอนัเปนปจจัยแหงทกุ ขเวทนานน้ั จงึ ดบั จงึ สงบไป เพราะอาศยั ผัสสะอนัเปนปจจัยแหง เวทนาที่ไมใชส ุข ไมใชท ุกข จึงเกดิ อทกุ ขมสขุ เวทนาขน้ึเพราะผัสสะอันเปน ปจจัยแหงอทุกขมสุขเวทนานน้ั ดบั ไป อทกุ ขมสุขเวทนาที่เกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ผสั สะอนั เปน ปจจัยแหง อทกุ ขมสุขเวทนานนั้ จงึ ดับจงึ สงบไป. [๒๓๘] ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย เพราะไมสองอนั ครดู สกี ันจึงเกิดไออุน เกิดความรอ น แตถ า แยกไมทัง้ สองอนั น้ันแหละออกเสยี จากกันไออุนซึ่งเกดิ จากการครดู สกี ันน้นั กด็ บั ไป สงบไป แมฉ ันใด ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เพราะอาศัยผัสสะอันเปนปจ จัยแหง สุขเวทนา จึงเกดิ สุข-เวทนาขนึ้ เพราะผัสสะอนั เปน ปจ จัยแหงสขุ เวทนานัน้ ดับไป สุขเวทนาทีเ่ กดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ผสั สะอนั เปน ปจ จยั แหงสุขเวทนาน้นั จงึ ดับ จงึสงบไป เพราะอาศัยผัสสะอนั เปน ปจ จยั แหงทุกขเวทนา จึงเกิดทุกขเวทนาขนึ้ เพราะผัสสะอันเปนปจจัยแหงทกุ ขเวทนานัน้ ดับไป ทุกขเวทนาทเ่ี กดิข้ึนเพราะอาศยั ผสั สะอันเปนปจ จยั แหง ทุกขเวทนาน้นั จึงดับ จงึ สงบไปเพราะอาศัยผัสสะอันเปน ปจ จยั แหง เวทนาทมี่ ิใชท ุกขมใิ ชส ขุ จึงเกิดอทกุ ขมสขุ เวทนานน้ั เพราะผสั สะอนั เปน ปจจัยแหงอทุกขมสุขเวทนานั้นดบั ไป อทกุ ขมสขุ เวทนาทเ่ี กิดขึน้ เพราะอาศยั ผสั สะอนั เปน ปจ จัยแหงอทุกขมสขุ เวทนานัน้ จงึ ดบั จึงสงบไป ฉันนน้ั เหมอื นกัน.
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 303 [๒๓๙] ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย อริยสาวกผไู ดส ดบั มาพจิ ารณาอยอู ยา งนี้ ยอมหนา ยแมในผสั สะ ยอ มหนา ยแมในเวทนา ยอ มหนา ยแมใ นสญั ญา ยอมหนา ยแมใ นสังขารทั้งหลาย ยอมหนายแมในวญิ ญาณเมอ่ื หนาย ยอ มคลายกาํ หนัด เพราะคลายกาํ หนดั จงึ หลดุ พน เม่อื หลดุ พนแลว ก็เกิดญาณหยั่งรูวาหลดุ พนแลว และยอมทราบชดั วา ชาติสน้ิ แลวพรหมจรรยอ ยจู บแลว กจิ ทีค่ วรทาํ ทําเสร็จแลว กจิ อื่นเพือ่ ความเปนอยางนม้ี ิไดม ี ดังนแี้ ล. จบอัสสุตวตาสตู รท่ี ๒ อรรถกถาอสั สุตวตาสูตรท่ี ๑ ในอัสสตุ วตาสูตรที่ ๒ มีวินิจฉยั ดังตอ ไปน้.ี บทวา สขุ เวทนีย ไดแกเ ปน ปจ จยั แหง สุขเวทนา. บทวา ผสฺสไดแ กจ ักขุสมั ผัสเปนตน. ถามวา ก็จกั ขุสมั ผสั ไมเปน ปจจยั แกส ขุ เวทนามิใชห รือ. แกวา ไมเปนปจจัยโดยสหชาตปิ จ จัย แตเปนปจจัยแกชวนะเวทนา โดยอุปนิสสยปจจยั ซึง่ พระองคตรสั หมายเอาคําน้ัน. แมใ นโสต-สัมผัสเปนตน กน็ ัยนี้. บทวา ตชชฺ ไดแกเกิดแตเ วทนานั้น คอื สมควรแกผัสสะนั้น. อธบิ ายวา สมควรแกผัสสะนนั้ . บทวา ทุกฺขเวทนยี เปน ตน พงึ ทราบโดยนยั ที่กลา วแลว นั่นแล. บทวา สงฺฆฏสโมธานาไดแ กโดยการครดู สกี นั และการรวมกัน อธิบายวา โดยการเสยี ดสแี ละการรวมกนั . บทวา อสุ ฺมา ไดแ กอาการรอ น. บทวา เตโช อภินิพพฺ ตฺตติความวา ไมควรถอื เอาวา ลูกไฟยอมออกไป. กบ็ ทวา อุสมฺ า นี้ เปน
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 304ไวพจนแ หงอาการรอนนั่นเอง. บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา ทวฺ นิ นฺ กฏ าน ไดแก ไมส ไี ฟทง้ั สอง. ในสองอยา งนน้ั วตั ถุเหมือนไมสีไฟอันลา ง อารมณเ หมือนไมสีไฟอันบน ผสั สะเหมอื นการครดู สี เวทนาเหมอื นธาตุไออุน. จบอสั สุตวตาสตู รท่ี ๒ ๓. ปุตตมงั สสตู ร วาดว ยอาหาร ๔ อยาง [๒๔๐] พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวนั อารามของทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี กรุงสาวตั ถ.ี ณ ทน่ี ้นั แล พระผมู พี ระ-ภาคเจาตรัสเรียกภกิ ษุท้ังหลายมาตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย อาหาร ๔อยา ง เพ่ือความดาํ รงอยูข องสตั วโ ลกทเ่ี กดิ มาแลว หรอื เพ่ืออนุเคราะหแกเหลา สตั วผูแ สวงหาท่เี กดิ อาหาร ๔ อยา งนัน้ คอื ๑. กวฬีการาหารหยาบบาง ละเอียดบาง ๒. ผัสสาหาร ๓. มโนสัญเจตนาหาร๔. วญิ ญาณาหาร ภิกษทุ ง้ั หลาย อาหาร ๔ อยา งเหลาน้แี ล เพือ่ ความดํารงอยแู หงสตั วโ ลกท่เี กดิ มาแลว หรอื เพ่อื อนุเคราะหแกเ หลา สตั วผ ูแสวงหาทเี่ กิด. [๒๔๑] ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ก็กวฬกี าราหารจะพึงเหน็ ไดอยางไรภกิ ษทุ ้งั หลาย เหมือนอยา งวา ภรรยาสามีสองคน ถอื เอาเสบียงเดนิ ทางเล็กนอ ย แลวออกเดนิ ไปสูทางกนั ดาร เขาทัง้ สองมีบตุ รนอย ๆ นารัก
พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 305นาพอใจอยคู นหน่ึง เมื่อขณะทคี่ นทั้งสองกาํ ลังเดนิ ไปในทางกันดารเสบยี งเดนิ ทางท่มี อี ยูเพยี งเล็กนอ ยนน้ั ไดหมดสิ้นไป แตท างกันดารนัน้ยังเหลืออยู เขาทั้งสองยังขามพนไปไมไ ด คร้ังน้ัน เขาทง้ั สองคนคดิตกลงกนั อยางนวี้ า เสบยี งเดนิ ทางของเราท้งั สองอนั ใดแล มอี ยูเล็กนอ ยเสบยี งเดนิ ทางอันนั้นก็ไดหมดสิ้นไปแลว แตท างกนั ดารนกี้ เ็ หลอื อยูเรายงั ขามพน ไปไมได อยา กระนัน้ เลย เราสองคนมาชว ยกันฆาบตุ รนอ ย ๆคนเดยี ว ผนู ารกั นาพอใจคนนเี้ สีย ทําใหเ ปน เนือ้ เค็มและเน้อื ยา ง เมอ่ืไดบ ริโภคเนอื้ บุตร จะไดพ ากันเดินขามพนทางกันดารที่ยงั เหลอื อยูน ัน้ถาไมเ ชน นนั้ เราทัง้ สามคนตองพากนั พนิ าศหมดแน ครง้ั นนั้ ภรรยาสามีทั้งสองคนน้ัน ก็ฆาบตุ รนอ ย ๆ คนเดยี ว ผูนา รัก นาพอใจนั้นเสยี ทาํใหเ ปน เนื้อเคม็ และเนื้อยา ง เม่ือบริโภคเนื้อบตุ รเสร็จ ก็พากันเดนิ ขา มทางกันดารทย่ี ังเหลอื อยูนัน้ เขาทั้งสองคนรับประทานเนอ้ื บุตรพลางคอนอกพลางรําพนั วา ลกู ชายนอ ย ๆ คนเดียวของฉันไปไหนเสีย ลูกชายนอ ย ๆ คนเดียวของฉันไปไหนเสีย ดงั น้ี เธอท้ังหลายจะเขาใจความขอนัน้ เปน อยางไร คอื วา เขาไดบรโิ ภคเนื้อบตุ รที่เปน อาหารเพ่อื ความคะนองหรือเพอื่ ความมวั เมา หรือเพือ่ ความตบแตง หรอื เพอื่ ความประดบั ประดารางกายใชไ หม ภกิ ษุเหลา นั้นกราบทูลวา หามิได พระเจาขา จึงตรัสตอไปวา ถา เชน น้ัน เขาพากนั รับประทานเนื้อบตุ รเปนอาหารเพียงเพอ่ืขามพน ทางกันดารใชไหม ใช พระเจา ขา พระองคจ งึ ตรสั วา ขอ นี้ฉนั ใด เรากลา ววา บุคคลควรเห็นกวฬกี าราหารวา [เปรยี บดวยเนือ้บตุ ร] ก็ฉนั นัน้ เหมอื นกันแล เมือ่ อรยิ สาวกกาํ หนดรกู วฬกี าราหารไดแลว ก็เปน อันกาํ หนดรคู วามยินดซี ึง่ เกิดแตเบญจกามคณุ เมอื่ อริยสาวก
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 306กาํ หนดรูความยินดซี ง่ึ เกดิ แตเ บญจกามคณุ ไดแลว สังโยชนอันเปน เครือ่ งชักนาํ อริยสาวกใหม าสโู ลกนี้อกี กไ็ มม.ี [๒๔๒] ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย กผ็ ัสสาหารจะพึงเห็นไดอ ยา งไรเหมือนอยา งวา แมโคนมที่ไมม ีหนงั หมุ ถา ยนื พงิ ฝาอยูท จ่ี ะถูกพวกสัตวอาศัยฝาเจาะกิน ถา ยืนพงิ ตนไมอยู กจ็ ะถกู พวกสตั วชนดิ อาศัยตน ไมไชกิน หากลงไปยืนแชนํ้าอยู ก็จะถูกพวกสัตวทีอ่ าศยั นา้ํ ตอดและกดั กนิถา ยืนอยูใ นที่วา ง ก็จะถกู มวลสตั วท ่ีอาศัยอยใู นอากาศเกาะกัดและจิกกนิเปนอนั วา แมโ คนมตัวนั้นทีไ่ รหนังหมุ จะไปอาศยั อยูในสถานทใี่ ดๆ ก็ถกูจาํ พวกสตั วท อี่ าศัยอยใู นสถานทีน่ น้ั ๆ กัดกนิ อยูร่าํ ไป ขอ นี้ฉันใด เรากลา วพึงเปน ผสั สาหารฉันนั้นเหมอื นกนั เมอ่ื อริยสาวกกาํ หนดรูผัสสาหารไดแลว ก็เปน อนั กาํ หนดรุเ วทนาทงั้ สามได เม่ืออรยิ สาวกกําหนดรเู วทนาท้ังสามไดแลว เรากลาววาไมมสี ิ่งใดท่อี รยิ สาวกพึงทําใหยงิ่ ขึ้นไปกวา น้ีอีกแลว. [๒๔๓] ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย ก็มโนสัญเจตนาหารจะพงึ เห็นไดอยางไร เหมอื นอยางวา มหี ลมุ ถานเพลงิ อยแู หง หนงึ่ ลึกมากกวา ช่ัวบุรุษเต็มไปดวยถานเพลิง ไมม ีเปลว ไมม คี วัน ครง้ั นั้นมบี ุรษุ คนหนึง่ อยากมีชีวิตอยู ไมอ ยากตาย รักสขุ เกลยี ดทกุ ข เดินมา บรุ ษุ สองคนมีกาํ ลงัจบั เขาทีแ่ ขนขา งละคนครา ไปสหู ลมุ ถา นเพลิง ทันใดน้นั เอง เขามีเจตนาปรารถนาต้ังใจอยากจะใหไ กลจากหลมุ ถา นเพลงิ ขอ นน้ั เพราะเหตไุ รเพราะเขารวู า ถาเขาจกั ตกหลมุ ถา นเพลิงน้ี กจ็ กั ตอ งตายหรอื ถงึ ทกุ ขแทบตาย ขอ น้ฉี นั ใด เรากลาววา พึงเหน็ มโนสัญเจตนาหาร ฉนั น้นั
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 307เหมอื นกนั เม่ืออริยสาวกกําหนดมโนสญั เจตนาหารไดแ ลว ก็เปน อนักาํ หนดรูตัณหาทง้ั สามไดแ ลว เม่ืออริยสาวกกําหนดรตู ณั หาทง้ั สามไดแลวเรากลา ววา ไมมสี ่งิ ใดทีอ่ รยิ สาวกพงึ ทาํ ใหย ง่ิ ข้นึ ไปกวาน้อี กี แลว. [๒๔๔] ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย กว็ ิญญาณาหารจะพึงเห็นไดอ ยางไรเหมอื นอยางวา พวกเจาหนา ท่ีจบั โจรผกู ระทาํ ผดิ ไดแ ลวแสดงแกพระราชาวา ขอเดชะ ดว ยโจรผนู ก้ี ระทําผิด ใตฝ า ละอองธลุ พี ระบาท จงทรงพระกรุณาโปรดเกลาใหล งโทษโจรผูนต้ี ามทท่ี รงเห็นสมควรเถดิ จงึ มพี ระกระแสรบั ส่งั อยางนี้วา ทา นผูเจรญิ ไปเถอะพอ จงประหารมนั เสียดวยหอกรอ ยเลม ในเวลาเชาน้ี เจาหนา ทเ่ี หลา นัน้ กช็ ว ยกนั ประหารนกั โทษคนน้ันดวยหอกรอยเลมในเวลาเชา ตอ มาเปน เวลาเท่ยี งวนั พระราชาทรงซกั ถามเจา หนา ทเี่ หลาน้นั อยา งน้ีวา ทา นผูเ จรญิ เจา นักโทษคนนัน้เปนอยา งไรบาง เขาพากนั กราบทลู วา ขอเดชะ เขายงั มชี ีวิตอยตู ามเดิมจึงมีพระกระแสรับสัง่ อยา งน้ีวา ทานผเู จรญิ ไปเถอะพอ จงชว ยกนัประหารมนั เสยี ดว ยหอกรอ ยเลม ในเวลาเที่ยงวนั เจาหนาท่เี หลา นน้ั ก็ประหารนักโทษคนนนั้ เสียดวยหอกรอยเลมในเวลาเท่ียงวนั ตอมาเปนเวลาเยน็ พระราชาทรงซักถามเจา หนา ท่เี หลา นนั้ อกี อยา งน้ีวา ทา นผูเ จริญ เจา นกั โทษคนน้ันเปนอยา งไรบา ง เขาพากนั กราบทลู วา ขอเดชะเขายังมีชีวติ อยูต ามเดิม จงึ มีพระกระแสรบั ส่ังอยางนว้ี า ทานผูเจริญไปเถอะพอ จงประหารมนั เสียดวยหอกรอ ยเลม ในเวลาเย็น เจา หนา ที่คนนัน้ กป็ ระหารนกั โทษคนนนั้ ดวยหอกรอ ยเลมในเวลาเยน็ ภกิ ษุท้งั หลายเธอทงั้ หลายยังเขาใจความขอนนั้ เปน ไฉน คอื วาเมื่อเขากําลงั ถูกประหารดว ยหอกรอ ยเลมตลอดวันอยูน นั้ จะพงึ ไดเ สวยแตทุกขโทมนัสซ่ึงมีการ
พระสตุ ตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 308ประการนัน้ เปน เหตุเทานนั้ มใิ ชหรอื ภิกษทุ ้งั หลาย เมื่อเขากําลังถูกประหารอยดู วยหอกแมเลมเดยี ว ก็พึงเสวยความทกุ ขโทมนสั ซึ่งมีการประหารน้ันเปน เหตุ แตจะกลาวไปไยถึงเมือ่ เขากําลงั ถูกประหารอยูดวยหอกสามรอ ยเลมเลา ขอ นี้ฉนั น้นั เรากลาววา จะพึงเหน็ วิญญาณาหารฉนั น้นั เหมอื นกัน เมอ่ื อรยิ สาวกกาํ หนดรวู ญิ ญาณาหารไดแลว กเ็ ปนอันกําหนดรูน ามรุปไดแ ลว เม่อื อริยสาวกหากําหนดรูนามรูปไดเเลว เรากลา ววา ไมมีส่งิ ใดท่อี ริยสาวกจะพงึ ทําใหยง่ิ ขนึ้ ไปกวา น้ีอีกแลว. จบปตุ ตมงั สสูตรที่ ๓ อรรถกถาปุตตมังสสูตรที่ ๓ ในปตุ ตมังสสตู รที่ ๓ มวี ินจิ ฉยั ดงั ตอไปน้.ี ในคําวา จตตฺ าโรเม ภิกฺขเว อาหารา เปนตน มนี ัยดังกลา วแลวนั่นแล. กเ็ พราะสตู รนนั้ ต้ังขนึ้ โดยอตั ถุปปต ติ ฉะน้นั ครั้นขา พเจาแสดงเรอ่ื งนัน้ แลว ในทน่ี ้จี ักแสดงการพรรณนาตามลําดับบท. ถามวาพระสูตรนี้ ต้งั ข้ึนโดยอตั ถุปปต ตอิ ะไร. ตอบวา โดยเรอ่ื งลาภและสักการะ. ไดยนิ วา ลาภและสักการะเปนอนั มากขึน้ แกพระผูม ีพระภาคเจา .เหมือนสมยั ทรงสรางสมพระบารมีทท่ี รงบาํ เพ็ญตลอด ๔ อสงไขย. จรงิ อยูบารมีท้งั หมดของพระผูมพี ระภาคเจา นนั้ เปน ประหนึง่ ประมวลมาวา เราจักใหวิบากในอตั ภาพหนง่ึ จงึ ยงั หวงนํา้ ใหญคือลาภและสักการะใหบงั เกิดเหมือนเมฆใหญต งั้ ข้นึ แลว ยังหวงนา้ํ ใหญใหบ ังเกิดฉะน้ัน. ชนทง้ั หลายมีกษัตริยและพราหมณเ ปนตน ตางถือขาว นํ้า ยาน ผา ระเบยี บดอกไม
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 309ของหอม และเครอ่ื งลูบไลเปน ตน มาจากที่นั้น ๆ พากนั คิดวา พระ-พุทธเจา อยูไหน พระผูมีพระภาคเจาอยไู หน พระผูเปนเทพแหงเทพ ผูองอาจกวา นระ. ผเู ปน บรุ ษุ เยย่ี งราชสหี อยไู หน ดังนแ้ี ลว จงึ เสาะหาพระผูมีพระภาคเจา. ชนเหลานน้ั นาํ ปจจยั มาตั้งหลายรอยเลม เกวียน เม่ือไมไดโอกาสจึงหยุดอยู เอาทูปเกวียนตอกนั กับทูปเกวยี นวงเวยี นรายรอบประมาณหนงึ่ คาวตุ เหมอื นเรื่องอนั ธกวินทพราหมณฉะนนั้ . เรื่องทง้ั หมดพึงทราบโดยนยั ที่กลาวแลว ในขนั ธกะและในพระสตู รน้นั ๆ. ลาภสักการะเกดิ แกพ ระผมู ีพระภาคเจา ฉันใด แมแ กพ ระภกิ ษสุ งฆก ฉ็ นั นัน้ .สมจรงิ ตามคาํ ท่ที า นกลาวไววา ก็โดยสมัยน้นั แล พระผมู พี ระภาคเจาเปน ผูอนั บรษิ ัทสักการะ เคารพ นับถือ บชู า ยาํ เกรง เปน ผไู ดจีวรบณิ ฑบาต เสนาสนะ คิลานปจ จัยเภสัช บริขาร แมพ ระสงฆแล ก็เปนผูอันชนสกั การะ ฯ ล ฯ เปนผไู ด ฯล ฯ บรขิ าร. เหมอื นที่พระผูมี-พระภาคเจาตรัสวา จนุ ทะ บดั นี้สงฆหรือคณะ มปี ระมาณเทา ใดเกดิ ขึน้ในโลก จุนทะ เราไมมองเหน็ สงฆหมหู นง่ึ อน่ื ผูถึงความเปนเลิศดวยลาภและเลศิ ดวยยศ เหมือนอยา งภกิ ษุสงฆน ีเ้ ลย. ลาภและสกั การะทีเ่ กดิ ข้นึ แกพระผมู พี ระภาคเจา และแกส งฆน ้ีน้ัน รวมแลวประมาณไมได เหมอื นนา้ํ แหงมหานทีท้งั สอง. ลาํ ดบั น้นัพระศาสดาประทับอยู ณ ท่ีลบั ทรงพระดํารวิ า ลาภและสักการะใหญไดเปนของสมควรแมแกพ ระพทุ ธเจาในอดตี ทั้งจะสมควรแกพระพุทธเจาในอนาคต ภิกษุท้ังหลายประกอบดว ยสตแิ ละสัมปชัญญะอนั กาํ หนดเอาอาหารเปน อารมณ เปน ผวู างตนเปนกลาง ปราศจากฉนั ทราคะ ไมมีความพอใจและความยินดี สามารถบรโิ ภคหรอื หนอ หรอื จะไมสามารถบรโิ ภค.
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 310 พระองคไดท รงเหน็ กุลบุตรบางพวกผูบ วชใหม ผไู มพจิ ารณาแลวบริโภคอาหาร ครน้ั พระองคท รงเห็นแลวทรงพระดาํ รวิ า เราบําเพญ็บารมสี น้ิ ๔ อสงไขยกําไรแสนกัป จะไดบ าํ เพญ็ เพราะเหตุแหง ปจ จยั จวี รเปนตน ก็หาไมแ ตท แ่ี ทบ าํ เพ็ญประโยชนแ กพ ระอรหัตอนั เปนผลสงู สุด.ภกิ ษุแมเหลานี้บวชในสํานักเรา มิไดบวชเพราะเหตุแหงปจ จยั มจี ีวรเปนตน แตบ วชเพ่ือประโยชนแ กพ ระอรหัตนน่ั เอง. บดั น้ภี ิกษเุ หลานนั้กระทาํ สง่ิ ท่ไี มเ ปนสาระนน่ั วาเปนสาระ และส่ิงท่ไี มเปนประโยชนน่นั แลวาเปนประโยชน. ธรรมสังเวชเกิดขน้ึ แกพระองคด วยประการฉะน้ี . ลําดบันนั้ พระองคท รงพระดาํ รวิ า ถา จักสามารถบัญญัตปิ ญจมปาราชกิ ข้นึ ไดไ ซรเรากจ็ ะพึงบัญญตั ิการบริโภคอาหารโดยไมพ ิจารณาใหเปนปญ จมปาราชกิแตไ มอาจทรงทําอยางน้ีได เพราะวาอาหารนนั้ เปน ที่สอ งเสพประจาํ ของสตั วท้งั หลาย แตเมอ่ื เราตรัสไวภ กิ ษุเหลาน้ันก็จักเหน็ ขอ นั้นเหมือนปญ จม-ปาราชิก เม่ือเปน เชนนนั้ เรากจ็ ักต้ังการบริโภคอาหารทไ่ี มพ ิจารณานั้นวา-เปน กระจกธรรม เปนขอสงั วร เปน ขอบเขต ซงึ่ เหลา ภกิ ษใุ นอนาคตรําลึกแลว จักพิจารณาปจจัย ๔ เสียกอน แลวบรโิ ภค. ในอตั ถปุ ปต ติเหตุน้ี ไดเพิ่มปตุ ตมงั สูปมสตุ ตนั ตะดงั ตอไปน้.ี บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา อตฺตาโรเม ภกิ ขฺ เว อาหารา เปน ตน มีอรรถดงั กลา วแลวในหนหลงั นัน่ แล. กค็ รน้ั ใหอ าหาร ๔ พสิ ดารแลว บดั นี้เพื่อจะแสดงโทษในอาหาร ๔ เหลา น้นั จึงตรัสวา กถจฺ ภกิ ขฺ เวกวฬกี าโร อาหาโร ทฏ พฺโพ เปน ตน. บรรดาบทเหลา นั้น บทวา ชายปติกา ไดแ กภ รยิ าและสามี บทวาปรติ ฺต สมพฺ ล ไดแ กเสบียงมขี า วหอ ขา วสตั ตุและขนมเปนตน อยา งใด
พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 311อยา งหนึง่ จาํ นวนนอ ย. บทวา กนตฺ ารมคฺค ไดแกห นทางกันดารหรอืหนทางคราวกันดาร. บทวา กนตฺ าร ไดแ กกนั ดาร ๕ อยา ง คือ โจร-กันดาร พาฬกันดาร อมนสุ สกันดาร นริ ทุ กกันดาร อัปปภกั ขกันดาร.บรรดากนั ดาร ๕ อยางนัน้ ทท่ี ี่มีโจรภยั ชือ่ วาโจรกันดาร ที่ ๆ มสี ตั วร า ยมรี าชสีหแ ละเสอื โครง เปน ตน ช่ือวา พาฬกันดาร. ทๆ่ี มภี ัยโดยอมนษุ ยมยี กั ษิณี ช่อื วา พลวามขุ เปน ตน ช่ือวา อมนุสสกันดาร. ทๆ่ี ไมมีนํ้าดืม่ หรืออาบ ชอื่ วา นริ ุทกกันดาร. ทีท่ ่ีไมม ีสิง่ ที่จะเคย้ี วหรอื กนิ โดยที่สุดแมเ พยี งหวั เผือกเปน ตน กไ็ มมี ชอ่ื วา อัปปภักขกันดาร. อน่ึง ในทใ่ี ดมีภยั ทง้ั ๕ อยางนอ้ี ยู ทน่ี น้ั ชือ่ วา กันดารโดยแท. กนั ดารท้งั ๕น้นี ั้น พงึ ผา นไปเสียโดย ๑-๒-๓ วันกม็ .ี ทางนัน้ ทา นไมป ระสงคใ นท่นี ้ีแตในทน่ี ที้ า นประสงคเอาทางกันดารประมาณ ๑๐๐ โยชน ซึ่งไมมีนํ้าและมอี าหารนอย ทางในคราวกนั ดารเหน็ ปานนี้ ชื่อวา ทางกนั ดาร. บทวาปฏิปชฺเชยฺยุ ความวา สองสามภี รรยาถกู ฉาตกภัย โรคภยั และราชภัยเบยี ดเบยี นพากันเดินไป สาํ คัญวา เราจกั ผา นกนั ดารอยา งหนง่ึ อยเู ปนสุขในรัชสมัยทีป่ ราศจากอนั ตรายของพระราชาผูทรงธรรม. บทวา เอกปตุ ตฺ โก ไดแ กบตุ รนอยคนเดยี ว มีรา งกายผา ยผอมผคู วรจะพึงเอ็นดูอุม ไป. บทวา วลลฺ ูรจฺ โสณฺฑิกจฺ ความวาเอาจากทม่ี ีเนื้อเปนกอ น ๆ ทําเปนเน้ือแหง เอาจากทตี่ ดิ กระดูกและติดศรี ษะทาํ เปน เนื้อยอ ย ๆ. บทวา ปฏปิ เ สยยฺ ุ ไดแกพึงประหาร. ศพั ทว ากห เอกปุตฺตก น้ี เปนอาการแสดงความคร่าํ ครวญของสามภี รรยาคนู ั้น. กใ็ นขอ น้มี ีการพรรณนาเนอ้ื ความโดยยอ ต้งั ตนแตท ําเนือ้ ความใหเเจมแจง ดังตอไปน้ี.
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 312 ไดย นิ วา สองสามีภรรยาอมุ ลูกเดนิ ทางกนั ดารประมาณ ๑๐๐ โยชนดว ยเสบยี งเลก็ นอย. เขาเดนิ ทางไปได ๕๐ โยชน เสบยี งหมด กระสบักระสายเพราะความหวิ นง่ั ทร่ี มไมอันงอกงาม. ลําดับน้นั สามไี ดก ลา วกะภรรยาวา ทีร่ ัก จากนไ้ี ปโดยรอบ ๕๐ โยชนไมมีบานหรอื นิคม ฉะนน้ับดั นเ้ี ราไมส ามารถจะกระทาํ กสกิ รรมและโครักขกรรมเปนตนเปน อันมากทผ่ี ูชายจะพงึ ทําได มาเถิด เธอจงฆา เราแลวกินเน้อื ครง่ึ หน่งึ ทําเสบียงครึง่ หน่งึ แลว จงขา มทางกนั ดารไปพรอ มกบั ลกู . ฝา ยภรรยากลาววา พ่ีบดั นี้ ฉันไมส ามารถจะทาํ กรรมมกี ารกรอดายเปนตน แมมากทีผ่ หู ญงิ จะพงึทํา มาเถดิ พ่ีจงฆาฉันกินเนื้อครงึ่ หนึง่ ทาํ เสบียงครง่ึ หนึง่ แลวจงขา มทางกันดารไปพรอ มกบั ลกู . สามกี ลา วกะภรรยาอกี วา ท่รี ัก ความตายยอ มปรากฏแกค นสองคนเพราะแมต าย เพราะเด็กออ น เวน แมเสียแลวกไ็ มอาจจะมชี ีวิตอยไู ด แตถา เราทั้งสองยงั มชี ีวิตอยู เราก็จะพึงไดลกู อีกเอาเถอะ เราจะฆา ลูกนอ ยในบัดนี้ ถือเอาเนื้อกนิ ขา มผา นทางกนั ดาร.ลําดับนัน้ แมก ลาวกะลกู วา ลกู รกั เจา จงไปหาพอ . ลกู กไ็ ปหาพอ .ครงั้ นัน้ พอของเด็กนอย กลาววา เราไดรับความทกุ ขมิใชนอยเพราะกสิกรรมและโครกั ขกรรมเปน ตน กเ็ พอื่ จะเลย้ี งดูลูกนอย เราไมอาจฆา ลูกได เธอนนั่ แหละจงฆาลูกของเธอ แลวกลา วกะลกู นอยวา ลกู รกั เจาจงไปหาแม. ลกู ก็ไปหาแม. ครง้ั น้ัน แมของเดก็ นอย กลาววา เม่อืเราอยากไดล กู เราไดรบั ทกุ ขมิใชนอ ย ดว ยการบวงสรวงเทวดาดว ยโควตั รและกกุ กรุ วตั รเปน ตนกอ น ไมตองพดู ถึงการบริหารครรภฉันไมอ าจฆา ลูกได แลว กลา วกะลูกนอยวา ลูกรกั เจา จงไปหาพอเถิด.ลูกนอ ยนัน้ เมอื่ เดนิ ไปในระหวา งพอแมน นั่ แหละ ตายแลวดวยประการ
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 313ฉะนี้. สองสามีภรรยาเห็นดังนน้ั คราํ่ ครวญ ถอื เอาเนอื้ ลูกเค้ยี วกนิเดินทางไปโดยนยั ท่ีกลาวแลว . อาหารคอื เน้ือลกู ของสองสามภี รรยานัน้ ไมใ ชกนิ เพ่ือจะเลน ไมใชก นิ เพอ่ื จะมวั เมา ไมใชก ินเพอื่ ประดับ ไมใชก ินเพ่ือตกแตง เพราะปฏกิ ลู ดว ยเหตุ ๙ ประการ เปน อาหารเพื่อขา มผานทางกันดารอยา งเดยี วเทา นัน้ . หากจะถามวา เพราะปฏิกูลดวยเหตุ ๙ ประการ อะไรบาง.พงึ แกว า เพราะเปนเนอ้ื ของผูรว มชาติ ๑ เพราะเปน เนอ้ื ของญาติ ๑เพราะเปน เนอื้ ของบตุ ร . เพราะเปน เนื้อของบตุ รทร่ี ัก ๑ เพราะเปน เนอื้เดก็ ออน ๑ เพราะเปน เนื้อดบิ ๑ เพราะไมเ ปน โครส ๑ เพราะไมเคม็ ๑เพราะยังไมไดป ง ๑. จริงอยู สองสามีภรรยาน้นั เค้ยี วกนิ เนอื้ บุตรน้นัซง่ึ ปฏกิ ลู ดวยเหตุ ๙ ประการเหลา นั้น ดว ยประการฉะน้ี จึงมไิ ดเคี้ยวกินดว ยความยนิ ดตี ดิ ใจ แตต้ังอยใู นภาวะกลางๆ นั่นเอง คอื ในการบริโภคโดยไมม คี วามพอใจและยินดี มีใจแตกทาํ ลาย เคย้ี วกินแลว เขาจะไดเอาเน้ือทต่ี ิดกระดกู เอ็นและหนังออกแลวเคีย้ วกนิ แตเ น้อื ทล่ี าํ่ ๆ คอื เนือ้ ทด่ี ี ๆเทานน้ั ก็หาไม เค้ียวกินเฉพาะเนือ้ ท่ีอยตู รงหนา มไิ ดเ ค้ียวกินตามท่ีตองการจนลน คอหอย แตเคีย้ วกินทีละนอ ยๆ พอยงั ชีพใหเ ปนไปวันหน่งึ ๆ เทา นน้ัมิไดห วงกันและกัน เค้ียวกิน เคีย้ วกนิ ดว ยใจทบี่ รสิ ุทธิ์จรงิ ๆ ปราศจากมลทนิ คือความตระหน่ี มิไดเ คยี้ วกนิ อยางงมงายวา พวกเราเคีย้ วกนิ เนอื้อยางใดอยางหนงึ่ จะเปน เนื้อมฤคหรือเน้ือนกยูงเปน ตน อยา งใครอยางหนงึ่ก็ตาม แตเ คี้ยวกนิ ทั้งทร่ี วู า เปนเนอื้ ของลูกรกั มไิ ดเคี้ยวกนิ โดยปรารถนาวา ไฉนหนอ เราพงึ เค้ียวกินเนอ้ื ลูกเหน็ ปานน้อี ีก แตเคี้ยวกนิ โดยไมปรารถนา มิไดสง่ั สมดวยต้ังใจวา เราเคยี้ วกินเพียงเทาน้ีในทางกันดาร
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 314เมื่อพนทางกันดารแลว จักเอาเนือ้ ทีเ่ หลือไปปรุงดว ยรสเคม็ รสเปรย้ี วเปนตน เคี้ยวกิน แตเม่ือลว งกนั ดารไปแลว คดิ วา พวกชนในเมอื งจะเหน็ จงึ ฝงไวในดินหรอื เอาไฟเผา มไิ ดถ อื ตัวหรอื โออวดวา ใครอืน่ จะไดเ ค้ียวกินเนอ้ื บุตรเหน็ ปานน้ีอยา งเรา แตเ คย้ี วกนิ โดยขจดั ความถือตัวและโออ วดเสียได มิไดเคี้ยวกินอยางดูหมิน่ วา ประโยชนอ ะไรดวยเนือ้ นซี้ งึ่ไมเค็ม ไมเ ปร้ยี ว ยังไมไ ดปง มีกล่นิ เหมน็ แตเคี้ยวกนิ โดยปราศจากความดหู ม่ิน ไมดูหม่ินกันและกันวา สวนของทา น สวนของเรา บตุ รของทาน บุตรของเรา แตม คี วามพรอมเพรยี งบันเทิงเคี้ยวกนิ . พระศาสดาทรงพจิ ารณาเห็นสองสามภี รรยาบรโิ ภคโดยปราศจากฉันทราคะเหน็ ปานนัน้ นี้ เมือ่ จะทรงใหภ ิกษสุ งฆท ราบเหตนุ ัน้ จงึ ตรสัคาํ เปนตน วา ต กึ มฺถ ภิกฺขเว อป นุ เต ทวาย วา อาหารอาหเรยฺยุ ดงั น้.ี ในพระบาลนี ั้น คําเปนตน วา ทวาย วา กลา วไวพสิ ดารแลว ในคมั ภรี วิสุทธิมรรคนน่ั แล. บทวา กนฺตารสสฺ ไดแ กก ันดารนอกจากท่ีสองสามภี รรยาผานมา.บทวา เอวเมว โข ความวา พึงเห็นอาหารเสมือนเนือ้ ลูกรกั ดวยอาํ นาจความเปน ของปฏิกูล ๙ อยา ง. ถามวา ความเปน ของปฏิกูล ๙ อยางอะไรบาง ตอบวา มีความเปนของปฏิกลู ในการไปเปนตน. จรงิ อยูเมอ่ื พิจารณาความปฏกิ ูลโดยการไปก็ดี เมอ่ื พจิ ารณาความปฏิกูลโดยการแสวงหากด็ ี เมื่อพจิ ารณาความปฏกิ ลู โดยการบรโิ ภค โดยทีฝ่ ง ไว โดยท่ีอาศยั โดยเปน ของสุก โดยเปน ของไมสกุ โดยเปนของเปอ น และโดยเปน ของไหลออกกด็ ี ชอื่ วา ยอมกาํ หนดกวฬงิ การาหาร. ก็ความปฏกิ ลูโดยการไปเปนตนเหลาน้ีนัน้ กลาวไวพสิ ดารแลว ทัง้ น้นั ในอาหารปาฏิกุลย-
พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 315นิทเทสในคัมภีรว สิ ทุ ธมิ รรค. พึงบริโภคอาหารเปรยี บดว ยเนอ้ื ลูกทีเดยี วดว ยอํานาจความปฏิกูล ๙ อยา งเหลานดี้ ว ยประการฉะน้.ี สองสามีภรรยาน้นั เมอ่ื เคี้ยวกนิ เนื้อลกู รกั ซง่ึ เปน ของปฏิกูล มไิ ดเค้ยี วกนิ ดวยความยนิ ดตี ิดใจ แตต้งั อยใู นภาวะกลาง ๆ นัน่ เอง คือในการบริโภคโดยไมม คี วามพอใจและยินดี เคีย้ วกนิ แลว ฉันใด พึงบริโภคอาหารโดยไมมีความพอใจและยินดี ฉันน้นั . เหมือนอยางวา สองสามีภรรยานน้ั จะไดเ อาเนือ้ ท่ีตดิ กระดูกเอ็นและหนงั ออก เคีย้ วกินแตเ นอื้ ทีล่ าํ่ ๆ คอื เน้อื ทดี่ ี ๆ เทานน้ั กห็ าไม แตเ คี้ยวกินเน้อื ที่หยิบถึงเทา นัน้ ฉันใด ภกิ ษไุ มพ ึงใชห ลงั มือเขยี่ ขาวแหงและกบั ขา วแขง็ เปน ตนออก ไมแสดงความเจาะจง ดุจนกกระจาบและดจุ ไกมิไดเลือกเฉพาะโภชนะท่ดี ีซึ่งผสมเนยใสและเน้ือเปนตน แตท ่ีน้ัน ๆ บรโิ ภคพงึ บริโภคตามลําดับดุจราชสีห ฉันน้ัน. เหมอื นอยา งวา สองสามภี รรยานน้ั มไิ ดเคี้ยวกินตามท่ีตองการจนลน คอหอย แตเค้ียวกนิ ทลี ะนอย ๆพอยังชีพใหเ ปนไปในวนั หนงึ่ ๆ เทานน้ั ฉนั ใด ภิกษกุ ฉ็ นั น้ัน ไมบ รโิ ภคตามทตี่ อ งการจนเรอ ดุจพวกพราหมณท่ีมอี าหารอยูในมือเปน ตน บางคนเวน โอกาสสําหรบั คําขาว ๔-๕ คาํ ไวแ ลว บรโิ ภคดจุ พระธรรมเสนาบดี. เลา กันวา พระธรรมเสนาบดเี ถระนัน้ ดํารง (ความเปนภกิ ษ)ุอยู ๕ พรรษา กลาววา แมว นั หนงึ่ เราก็มิไดฉันอาหารจนสาํ รอกออกมาเปน รสเปรีย้ วภายหลงั ฉนั อาหาร ดงั น้ี เมือ่ บนั ลือสีหนาทไดกลา วคาถาน้ีวา ภกิ ษงุ ดฉนั คําขาว ๔-๕ คํา พึงดมื่ นา้ํ พอทีจ่ ะ อยูอ ยา งสบายสําหรับภิกษผุ มู ใี จเดด็ เด่ียว.
พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 316 เหมอื นอยางวา สองสามภี รรยาน้ันจะไดหวงกนั และกนั เคย้ี วกินกห็ าไม แตเ คยี้ วกินดวยใจที่บริสุทธ์ิจริง ๆ ปราศจากมลทินคือความตระหน่ี ฉนั ไค ภิกษุก็ฉนั นัน้ เหมอื นกนั ไดบ ณิ ฑบาตแลวไมตระหนี่คดิ วา เมื่อภิกษรุ ับบิณฑบาตนี้ไดทัง้ หมด เราก็จักใหท ั้งหมด เมอื่ รับไดครงึ่ หนงึ่ เราจกั ใหคร่ึงหน่ึง ถาจักมบี ณิ ฑบาตเหลือจากทภ่ี ิกษุรบั ไปเราจักบริโภคเอง ดังน้ี ตงั้ อยูในสาราณียธรรมม่นั คงบริโภค. เหมือนอยางวา สองสามภี รรยานนั้ มิไดเคย้ี วกนิ อยา งงมงายวา พวกเราเค้ียวกินเนอ้ื อยางใดอยางหนึง่ จะเปน เนื้อมฤคหรือเนื้อนกยูงเปนตน อยางใดอยา งหนง่ึ กต็ าม แตเ คย้ี วกินทั้งทร่ี วู า เปนเน้ือของลูกรกั ฉันใด ภิกษกุ ็ฉนั นนั้ เหมือนกนั ไดบ ณิ ฑบาตแลว ไมพึงเกิดความงมงายเพราะเหน็ แกตวั วา เราจะเคยี้ วกิน จะบรโิ ภค พงึ คิดวา กวฬงิ การาหารยอ มไมร วู าเราทํากายท่ีอาศัยมหาภูตรูป ๔ ใหเจรญิ แมก ายกไ็ มร ูวา กวฬงิ การาหารทาํ เราใหเจรญิ ดงั น้ี พึงละความงมงายบริโภค ดว ยอาการอยา งน้ี. จรงิ อยูกวฬิงการาหารนี้ ภิกษพุ ึงเปน ผไู มงมงายบริโภคแมด ว ยสตสิ มั ปชัญญะ. เหมือนอยางวา สองสามภี รรยานัน้ ไมเคี้ยวกนิ ดว ยตั้งความปรารถนาวา ไฉนหนอ เราพึงเคยี้ วกินเนอื้ ลูกเห็นปานนี้แมอีก แตพอพนความปรารถนาไปแลว กเ็ คี้ยวกนั ฉันใด ภกิ ษกุ ฉ็ นั นัน้ เหมือนกนั ไดโภชนะอันประณตี แลว คดิ วา ไฉนหนอ เราพงึ ไดโภชนะเหน็ ปานนี้ ในวนัพรุง นก้ี ็ดี ในวันตอไปก็ดี ก็แลคร้นั ไดโ ภชนะทเ่ี ศราหมองก็คิดวา วนั น้ีเราไมไดโ ภชนะอนั ประณตี เหมือนวันวาน มิไดท ําความปรารถนาหรอืเศราใจ เปนผปู ราศจากความอยาก ระลกึ ถึงโอวาทนว้ี า
พระสุตตันตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 317 ชนทงั้ หลายยอ มไมเ ศราโศกถึงอาหารท่ีเปน อดีต ยอมไมพะวงถึงอาหารทีเ่ ปน อนาคต ยงั อัตภาพให เปนไปดว ยอาหารที่เปนปจจุบนั ฉะน้นั ผวิ พรรณ จงึ ผอ งใส.พงึ บริโภคดว ยคิดวา จักยังอตั ภาพใหเ ปนไปดว ยอาหารอนั เปน ปจ จบุ นัเทาน้ัน. อนง่ึ สองสามีภรรยาน้นั มไิ ดสั่งสมดวยคดิ วา เราจกั เค้ียวกนิเนอ้ื ลกู เทาน้ีในทางกันดาร ลว งทางกันดารไปแลว จกั เอาเน้อื ลูกสว นที่เหลอื ไปปรงุ ดวยรสเปรี้ยวเปนตน เคยี้ วกนิ แตเม่อื ลวงทางกนั ดารไปแลวคดิ วา พวกชนในเมืองนัน้ จะเห็น จึงฝงไวในดนิ หรอื เอาไฟเผา ฉันใดภิกษุก็ฉันนั้นเหมอื นกัน ระลกึ ถงึ โอวาทนีว้ า ไดข าวหรอื น้าํ กต็ าม ของเคีย้ วหรือผากต็ าม ไมพ งึ สั่งสม เมือ่ ไมไ ดส ่งิ เหลานนั้ กไ็ มพึงสะดงุถือเอาพอยงั อัตภาพใหเปน ไป จากปจ จัย ๔ ตามทไี่ ดน น้ั ๆ สว นท่เี หลือแจกจา ยแกเ พอ่ื นสพรหมจารี เวน การส่ังสมบรโิ ภค. อน่ึง สองสามภี รรยานัน้ มิไดถ อื ตัวหรอื โออวดวา ใครอนื่ จะไดเคย้ี วกินเนือ้ บตุ รเหน็ ปานน้ีอยา งเรา แตเ ค้ยี วกนิ โดยขจดั ความถอื ตัวและโออ วดเสยี ได ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกนั ไดโ ภชนะอนั ประณีตแลว ไมพ ึงถือตวั หรือโออวดวาเราไดจ วี รและบิณฑบาตเปนตน พึงพิจารณาวา การบวชนีม้ ใิ ชเหตุแหงจวี รเปนตน แตก ารบวชน้ีเปน การบวชเพราะเหตแุ หงพระอรหัต แลวพงึ บรโิ ภคโดยปราศจากความถอื ตวั และโออวดทีเดยี ว. อนึง่ สองสามีภรรยาน้ันมิไดเค้ยี วกนิ อยา งดหู มิน่ วา ประโยชนอะไรดว ยเนือ้ ท่ไี มเคม็ ไมเ ปรยี้ ว ยังไมไ ดปง มีกลน่ิ เหม็น แตเ คีย้ วกนิ โดย
พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 318ปราศจากความดหู มิ่นฉนั ใด ภกิ ษุกฉ็ นั นน้ั เหมือนกัน ไดบณิ ฑบาตแลวไมพ ึงดูหม่ินบิณฑบาตวา ประโยชนอะไรดว ยภตั รท่ีเลวไมม ีรสชาตอิ ยางอาหารมา อาหารโค จงเอามัน ไปใสในรางสุนขั หรอื ไมด ูหม่นิ ทายกอยางนีว้ า ใครจักบรโิ ภคภัตรดังนี้ได จงใหแ กก าและสนุ ัขเปน ตน เถดิ ระลึกถงึโอวาทนีว้ า เขาอมุ บาตรเท่ยี วไป ไมใ บก ็ทําเปนใบ ไมพ ึงดูหมิน่ ทานทีน่ อย ไมพึงดหู มิ่นผใู ห ดงั น้ีพึงบรโิ ภค. อน่งึ สองสามีภรรยาน้นั มไิ ดดหู ม่นิ กันและกันวา สวนของทาน สวนของเรา บุตรของทา น บตุ รของเรา แตมคี วามพรอมเพรยี งบันเทงิ เคี้ยวกนิ ฉนั ใด ภิกษุก็ฉนั นน้ั เหมือนกัน ไดบ ิณฑบาตแลว ไมพ งึดหู ม่ินใคร ๆ อยางท่ภี กิ ษุบางพวกดหู มน่ิ เพื่อนสพรหมจารีผูมีศลี วา ใครจักใหแกคนอยา งพวกทาน พวกทานเปนผไู มม ีเหตุ เทยี่ วลน่ื ลม ทธี่ รณีประตู แมม ารดาผูบงั เกดิ เกลาของทาน ก็ไมส ําคญั ของทจ่ี ะให แตพวกเรายอ มไดจีวรเปน ตน ทปี่ ระณตี ในที่ทไ่ี ปแลว ๆ อยา งทพี่ ระองคหมายตรัสไวว า ภิกษนุ ัน้ ดูหมิ่นภกิ ษเุ หลาอื่นผมู ศี ีลเปนทร่ี ัก โดยลาภสักการะและสรรเสริญน้นั ภกิ ษุทงั้ หลาย ขอ นน้ั ยอ มมีแกโมฆบุรษุ นนั้ เพอ่ื ไมเปนประโยชน เพอื่ ทุกขตลอดกาลนาน ดังน้ี พงึ เปนผูพ รอมเพรียงบนั เทงิบริโภคกบั เพ่อื นสพรหมจารที ัง้ ปวง. บทวา ปริ ฺาเต ไดแกก ําหนดรูดวยปรญิ ญา ๓ เหลาน้ี คือญาตปริญญา ตรี ณปริญญา ปหารปริญญา. กาํ หนดอยา งไร. คอื ภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี ยอมรูช ัดวา ชอื่ วา กวฬีการาหารนี้ เปนรูปมีโอชาเปน ที่ ๘
พระสุตตันตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 319(โอชัฏฐมกรูป) ดวยอาํ นาจรปู ท่ีมีวัตถุ. โอชัฏฐมกรูปถูกกระทบในท่ีไหน.กระทบท่ชี วิ หาประสาท. ชิวหาประสาทอาศัยอะไร. อาศัยมหาภตู รปู ๔.รูปมีโอชาเปนท่ี ๘ ชิวหาประสาท มหาภตู รูป อนั เปนปจจัยแหง ชวิ หาประสาทนน้ั ธรรมเหลา น้ี ดงั วา มาน้ี ช่ือวา รูปขนั ธ เม่อื ภกิ ษุกาํ หนดรูปขนั ธ ธรรมอนั มีผสั สะเปนท่ี ๕ ทเี่ กิดขึน้ ชอื่ วา อรปู ขันธ ๔. ธรรมแมท้งั หมดเหลาน้ี ชือ่ วาขนั ธ ๕ โดยสังเขป ยอ มเปน เพียงนามรูป.ภิกษุนั้นครัน้ กําหนดธรรมเหลา นั้น โดยลกั ษณะพรอมดวยกิจแลวแสวงหาปจ จยั ของธรรมเหลาน้ัน ยอ มเห็นปฏจิ จสมุปบาทอันเปน อนุโลม. ดวยอนั ดับคาํ เพียงเทานี้ เปน อันภิกษนุ ้ันกาํ หนดรกู พฬกี าราหาร ดว ยญาต-ิปริญญา เพราะเหน็ นามรปู พรอ มดวยปจจยั โดยมขุ คอื กพฬกี ิราหารตามความเปน จริง เธอยกนามรปู พรอมดว ยปจ จยั นัน้ นนั่ แลขึ้นสลู ักษณะ ๓ วาไมเ ทยี่ ง เปนทกุ ข เปน อนตั ตา แลว พจิ ารณาเหน็ ดว ยอนปุ ส สนา ๗. ดวยอันดบั คาํ เพียงเทานี้ เปน อันเธอกําหนดรูก พฬกี าราหารนน้ั กลา วคือญาณเปน เครื่องแทงตลอดและพจิ ารณาเหน็ ไตรลกั ษณ ดวยตีรณปรญิ ญา.กก็ วฬีการาหารนัน้ เปนอนั เธอกาํ หนดรดู วยปหานปริญญา เพราะกําหนดรดู วยอนาคามมิ รรค อนั ครา เสียซึง่ ฉันทราคะในนามรูปน้ันเอง. บทวา ปจฺ กามคณุ ิโก เปน อนั เธอกําหนดรูการเกดิ แหง กามคณุ ๕.แตในที่น้ี ปริญญา ๓ ไดแก เอกปริญญา สพั พปรญิ ญา มลู ปริญญา. ถามวา เอกปริญญาเปนไฉน. แกวา ภิกษุใดกําหนดรตู ณั หามรี สเปน อนั เดียวในชิวหาทวาร ภกิ ษุนน้ั ช่ือวา เปนอนั กําหนดราคะอนั เปนไปในกามคณุ ๕. เพราะเหตไุ ร.
พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 320เพราะตัณหานน้ั แลเกดิ ข้นึ ในท่นี ้นั จรงิ อยู ตัณหานั้นแล เกิดข้ึนในจักขทุ วาร ชอ่ื วาเปน รปู ราคะ ในโสตทวารเปน ตน กเ็ กดิ สัททราคะเปน ตน ดังนนั้ ราคะอันเปน ไปในกามคุณ ๕ เปน อนั ภิกษนุ ้ันกําหนดรูแลว ดว ยการกาํ หนดรรู สตัณหาในชวิ หาทวาร เหมอื นเมอื่ ราชบรุ ษุ จับโจรคนหนง่ึ ผฆู าคนในทาง ๕ สายไดในทางสายหนง่ึ แลวตัดศรี ษะเสียหนทางทงั้ ๕ สายยอ มเปนทางปลอดภัยฉะนน้ั น้ีชือ่ วา เอกปริญญา. ถามวา สพั พปรญิ ญาเปนไฉน. แกวา ความจริง เม่อื บิณฑบาตท่ีเขาใสล งในบาตร อยางเดียวเทา น้ัน ยอมไดความยนิ ดอี ันประกอบดว ยกามคุณ ๕. อยางไร. คอื อนั ดับแรก เมื่อภกิ ษุนัน้ แลดสู อี นั บรสิ ทุ ธิ์ ความยินดีในรปู ยอมมี เมือ่ ราดเนยใสอนั รอนลงในที่นั้น เสยี งยอ มดงั ปฏะปฏะเมือ่ เคยี้ วของทค่ี วรเคี้ยวเหน็ ปานนน้ั เสียงวา มรุ ุ มรุ ุ ยอมดงั ขน้ึ เมอ่ืยนิ ดีเสยี งน้ัน ความยินดีในเสียงยอ มเกดิ ขึ้น เม่ือยนิ ดกี ล่นิ เคร่ืองปรุงมียหี่ รา เปนตน ความยนิ ดใี นกลนิ่ ยอมเกิดขึ้น ความยินดีในรส ดวยอํานาจรสที่ดี ยอ มเกิดขึ้น เมอ่ื ยินดีวา โภชนะออนละมุนนา สัมผสั ความยินดีในโผฏฐพั พะยอมเกดิ ขึ้น. ดังน้นั เม่ือภกิ ษุกาํ หนดอาหารดว ยสติและสมั ปชญั ญะแลว บริโภค ดวยการบรโิ ภคท่ปี ราศจากราคะ การบรโิ ภคทง้ั หมด เปนอันชือ่ วาอันภกิ ษุกําหนดรแู ลว การกําหนดรดู ังวามานี้ ช่ือวาสพั พปรญิ ญา. มูลปริญญาเปนไฉน. จริงอยู กวฬกี าราหารเปน มลู แหง ความยินดอี นั เปนไปในกามคณุ ๕.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 321เพราะเหตไุ ร. เพราะเมือ่ กวฬีการาหารยังมอี ยู ความยินดีในอาหารนั้นอันเปน ไปในกามคุณ ๕ ก็เกดิ ขึ้น. ไดยินวา สองสามภี รรยามิไดม ีจิตคดิ เพง เล็งตลอด ๑๒ ป ในเพราะภัยเกดิ แตติสสะพราหมณ. เพราะเหตุไร. เพราะมอี าหารนอ ย แตเ ม่อื ภัยสงบลง เกาะตามพปณ ณทิ วีป ประมาณ ๑๐๐โยชนไ ดม มี งคลเปน อนั เดยี วกนั โดยมงคลท่ีเกิดข้ึนแกผ กู ารทํา ดงั นน้ัเม่อื กําหนดรูอาหารทเ่ี ปนมูลไดแลว ก็เปน อนั ชอ่ื วา ภิกษุกาํ หนดรรู าคะความยนิ ดีอนั เปนไปในกามคุณ ๕ ดวย ดงั วา มานี้ ชื่อวา มูลปริญญา. บทวา นตถฺ ิ ต ส โยชน ความวา สงั โยชนน ้ันไมม ี เพราะอรยิ สาวกละธรรมอันมีทีต่ ง้ั เดียวกับธรรมที่ควรละพรอมทัง้ ราคะนนั้ ได.เทศนาน้ี พระผูมีพระภาคเจา ตรสั ไวจนถึงอนาคามิมรรคดว ยประการฉะน้ี.แตค วรเจรญิ วิปสสนาในขนั ธ ๕ ดว ยสามารถแหง รปู เปนตนเหลาน้นัน่นั แล แลวตรัสจนถึงพระอรหตั ดวยทรงดาํ รวิ า กด็ ว ยเหตุเพียงเทานี้ภิกษุทง้ั หลายอยาไดถ ึงความสนิ้ สุดเลย. จบอาหารท่ี ๑ (กพฬีการาหาร) ในอาหารท่ี ๒ (ผัสสาหาร) มีวนิ จิ ฉัยดังตอไปน้.ี บทวา นจิ จฺ มมฺ า ไดแกห นังทีถ่ กู ถลกจากสรรี ะทิง้ สนิ้ ตั้งแตอกถงึโคนเขา มสี ีเหมอื นกองดอกทองกวาว ถามวา ก็เพราะเหตุไร อุปมาน้ีถึงไมท รงถอื เอาอปุ มาดวยชางมา และโคเปน ตน ทรงถือเอาแตอ ปุ มาดวยแมโ คทีไ่ มม หี นงั . แกวา เพอ่ื ทรงแสดงภาวะทไี่ มสามารถจะอดกลนั้ ไดจริงอยู มาตคุ ามไมสามารถอดกลนั้ อดทนทุกขเวทนาทเ่ี กิดข้นึ ได. เพื่อจะทรงแสดงวา ผสั สาหารไมม ีกาํ ลัง มกี ําลังเพลาเหมือนอยางนั้น จึงทรงนาํ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 322อุปมามาเทียบเทา นน้ั . บทวา กฑุ ฺฑ ไดแก ฝา มีฝาศิลาเปนตนอยางใดอยา งหนงึ่ . ช่อื วา จําพวกสัตวทเ่ี กาะฝา ไดแ ก สตั วมีแมลงมุม ตกุ แก และหนูเปนตน. บทวา รกุ ฺขนิสนฺ ิตา ไดแก สัตวเล็ก ๆ มตี งั บุง เปนตน . บทวาอทุ กนสิ สฺ ิตา ไดแก สตั วนํา้ มีปลาและจระเขเปนตน. บทวา อากาส-นสิ สฺ ติ า ไดแ ก เหลือบ ยุง กา และแรงเปนตน. บทวา ขาเทยยฺ ุไดแก ท้งิ จิกกนิ . แมโ คนั้นพิจารณาเห็นทนี่ ้ัน ๆ วา เปนภัยแตก ารเค้ยี วกนิ ของปาณกสัตว ซึ่งมที ช่ี ุมนุม อาศยั กายเปนมลู ไมไดปรารถนาสักการะและความนับถอื สําหรบั ตน ท้ังไมป รารถนาการทบุ หลงั การนวดรา งกายและน้าํ รอน. ภิกษกุ ฉ็ นั นัน้ เหมอื นกัน พจิ ารณาเห็นภยั คือการเคยี้ วกินของปาณกสตั วค ือกเิ ลสอนั มผี สั สาหารเปนมลู ยอ มไมม ีความตองการดว ยผสั สะอันเปน ไปในภมู ิ ๓. บทวา ผสเฺ ส ภิกขฺ เว อาหาเร ปริฺ าเต ไดแ กเ มื่อกาํ หนดรูดว ยปรญิ ญา ๓. แมใ นทน่ี ที้ านก็กําหนดเอาปรญิ ญา ๓. ในปรญิ ญา ๓เหลา นน้ั การเหน็ ซึ่งกิจของนามรูปพรอ มทัง้ ปจจัยตามความเปน จริงอยางนี้วา ผัสสะจัดเปนสังขารขันธ เวทนาท่ีสมั ปยตุ ดว ยผสั สะนนั้ จัดเปนเวทนาขนั ธ สญั ญาจดั เปน สัญญาขนั ธ จติ เปน วิญญาณขนั ธ อารมณท ่ีเปนวัตถุ แหงขนั ธเ หลานน้ั จดั เปน รูปขนั ธ ชอื่ วา ญาตปรญิ ญา. ในปรญิ ญา ๓ เหลา น้ันนน่ั แล การทีภ่ กิ ษุยกนามรูปข้ึนสูไตรลกั ษณแ ลวพิจารณาเห็นโดยเปน ของไมเ ท่ียงเปน ตนดว ยสามารถแหงอนปุ ส สนา ๗ช่ือวา ตีรณปรญิ ญา. กพ็ ระอรหัตมรรค ท่คี รา ฉันทราคะในนามรูปนน้ัเองออกไป ชือ่ วา ปหานปรญิ ญา. บทวา ตสิ ฺโส เวทนา ความวา เมอ่ื กําหนดรูผสั สาหารดว ย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 323ปรญิ ญา ๓ อยา งนแ้ี ลว เวทนา ๓ ยอ มเปนอนั กาํ หนดรูแลว เหมอื นกันเพราะมีผัสสาหารน้นั เปนมลู และเพราะสัมปยุตดว ยผัสสาหารนน้ั . ดว ยประการฉะนี้ เปนอันตรัสเทศนาจนถงึ พระอรหตั ดว ยอํานาจผสั สาหาร. จบอาหารที่ ๒ (ผสั สาหาร ) ในอาหารท่ี ๓ (นโนสญั เจตนาหาร) มีวินิจฉยั ดงั ตอ ไปนี.้ บทวา องฺคารกาสุ ไดแ กห ลุมถานเพลงิ . บทวา กาสุ ทานกลาวหมายความวา กองบาง วา หลุมบาง ในคํานว้ี า องฺคารกาสุ อปเร ผณุ นตฺ ิ นรา รทุ นตฺ า ปรทิ ฑฺฒคตตฺ า ฯ ภย หิ ม วินทฺ ติ สตุ ทิสวฺ า ปจุ ฉฺ ามิ ต มาตลิ เทวสารถ.ี ชนอีกพวกหนงึ่ กระจายกองถานเพลงิ นระผูม ี รา งกายเรารอ นรอ งไหอยู ภัยมาถงึ เราเพราะเหน็ สารถี แนะ เทพสารถมี าตลี เราขอถามทาน.บทวา กาสุ ทานกลา วหมายความวา กอง ในคาํ นว้ี า กนึ ุ สนฺตรมา-โนว กาสุ ขณสิ สารถิ แนะ นายสารถี ทานตวั สัน่ ขดุ หลมุ อยเู พราะเหตุไรหนอ. ทา นกลา วหมายความวา หลุม แมในที่น้กี ป็ ระสงคค วามวาหลุมนี้แหละ. บทวา สาธกิ โปรสิ า ไดแกเ กินช่ัวบรุ ุษ คอื ประมาณ๕ ศอก. ดว ยบทวา วตี จฺฉิกาน วีตธมู าน นี้ ทา นแสดงวา หลมุ ถา นเพลิงนนั้ มีความเรารอ นมาก. ดวยวา เมอ่ื มีเปลวไฟหรอื ควนั ความเรารอ นก็มาก ลมตง้ั ขึ้น ความเรา รอ นยอ มไมม าก เมอื่ มีเปลวไฟหรอื ควัน
พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 324นนั้ แตไ มม ีลมื ความเรา รอ นยอมมาก. บทวา อารกาวสฺส แปลวาพงึ มีในที่ไกลทีเดยี ว. ในคําวา เอวเมว โข นี้ มกี ารเปรยี บเทยี บดว ยอุปมาดงั ตอไปน้ีพงึ เห็นวฏั ฏะท่ีเปนไปในภูมิ ๓ เหมือนหลมุ ถานเพลงิ ปถุ ุชนคนโงผ อู าศัยวฏั ฏะ เหมือนบรุ ุษผูอยากจะเปนอยู กศุ ลกรรมและอกศุ ลกรรม เหมอื นบุรุษ ๒ คนผูมีกําลงั เวลาทีป่ ถุ ุชนกอ กรรมทําเข็ญ เหมอื นเวลาที่บุรษุ๒ คน จันบุรุษนน้ั ทแ่ี ขนคนละขา งฉุดมายังหลุมถา นเพลิง จริงอยู กรรมทีป่ ุถุชนคนโงกอ กรรมทําเขญ็ ยอ มชกั ไปหาปฏสิ นธิ วฏั ทกุ ขท ี่มีกรรมเปน เหตุ พึงทราบเหมือนทกุ ขท ม่ี หี ลุมถา นเพลิงเหต.ุ บทวา ปริฺาเต ไดแกกําหนดรูดว ยปรญิ ญา ๓ กก็ ารประกอบความเรอ่ื งปริญญาในท่นี ้ี พงึ ทราบตามนัยท่กี ลาวแลว ในผัสสะน่นั แล.บทวา ตสิ ฺโส ตณหฺ า ไดแ กกามตณั หา ภวตณั หา วภิ วตณั หา. ตัณหาเหลา นี้ ยอ มเปนอนั กาํ หนดรูแลว เหมือนกนั . เพราะเหตุไร. เพราะมโนสญั เจตนามีตณั หาเปน มลู ดว ยวา เม่ือละเหตุยงั ไมได กล็ ะผสั สะไมได. ดว ยประการฉะนี้ เปน อันตรสั เทศนาจนถงึ พระอรหตั ดว ยอํานาจมโนสญั เจตนาหาร. จบอาหารที่ ๓ (มโนสญั เจตนาหาร) ในอาหารท่ี ๔ (วญิ ญาณาหาร) มวี ินิจฉยั ดังตอไปน.ี้ บทวา อาคุจารึ ไดแ กผูประพฤติช่วั คือผกู ระทาํ ผิด. ดว ยบทวากถ โส ปุรโิ ส พระราชาตรัสถามวา บุรษุ น้ันเปนอยางไร คือเลย้ี งชีพอยา งไร. บทวา ตเถว เทว ชีวติ ความวา แมในบัดนีเ้ ขากเ็ ล้ยี งชพีเหมอื นเมอื่ กอ นน่ันแหละ.
พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 325 แมใ นคําวา เอวเมว โข น้ี มกี ารเปรยี บเทยี บดวยอุปมาดังตอ ไปน.้ีจรงิ อยู กรรมพึงเหน็ เหมือนพระราชา ปถุ ุชนคนโงผอู าศัยวฏั ฏะเหมอื นบรุ ษุ ผปู ระพฤติชว่ั ปฏิสนธิวญิ ญาณเหมอื นหอก ๓๐๐ เลม เวลาทีพ่ ระราชาคอื กรรมจับปุถุชนผูอาศยั วัฏฏะซดั ไปในปฏิสนธิ เหมอื นเวลาทพ่ี ระราชาจับบรุ ุษผูป ระพฤตชิ ัว่ ส่ังบังคับวา จงประหารดว ยหอก ๓๐๐ เลม .ในอปุ มาเหลา นั้น ปฏสิ นธิวิญญาณเปรยี บเหมือนหอก ๓๐๐ เลม กจ็ รงิถึงอยา งนนั้ ทุกขยอ มไมม ใี นหอก ทกุ ขมีปากแผลทถี่ ูกหอกแทงเปน มลูทุกขเหมอื นกัน ยอมไมมีแมในปฏสิ นธิ แตเ ม่ือวิบากใหป ฏิสนธิ วิบากทุกขในปจ จุบัน ยอ มเปนเหมอื นทุกขม ีปากแผลทถี่ กู หอกแทงเปนมูล. บทวา ปริฺ าเต ไดแ กกําหนดรดู วยปรญิ ญา ๓. แมใ นท่ีนี้การประกอบความเร่อื งปรญิ ญา พงึ ทราบตามนยั ท่กี ลา วแลวในผสั สาหารนัน่ แล. บทวา นามรปู ไดแ กเ พราะมีวิญญาณเปน ปจจัย จงึ เกิดมีนามรูปเพราะเม่ือกาํ หนดรูวญิ ญาณ ยอ มเปน อันกําหนดรนู ามรูปนน้ั เหมอื นกันเพราะมวี ญิ ญาณนั้นเปน ปจ จยั และเพราะเกิดพรอมกนั . ดว ยประการฉะนี้เปน อันตรสั เทศนา จนถงึ พระอรหัตแมดว ยอาํ นาจวญิ ญาณหารแล. จบอรรถกถาปตุ ตมงั สสูตรท่ี ๓ ๔. อตั ถริ าคสตู ร วา ดวยความเพลิดเพลินอาหาร ๔ อยา ง [๒๔๕] พระผมู พี ระภาคเจา ประทบั อยู ณ พระเชตวัน อารามของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ทีน่ น้ั แล พระผูมีพระ-
พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 326ภาคเจาตรสั เรียกภิกษุท้งั หลายมาตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย อาหาร ๔อยางเพอื่ ความดาํ รงอยขู องสัตวโ ลกที่เกดิ มาแลว เพอื่ อนุเคราะหแกเหลาสัตวผ ูแสวงหาท่ีเกดิ อาหาร ๔ อยา งน้นั คือ ๑. กวฬกี าราหาร หยาบบา งละเอยี ดบาง ๒. ผัสสาหาร ๓. มโนสญั เจตนาหาร ๔. วิญญาณหารอาหาร ๔ อยา งนแ้ี ล เพอื่ ความดาํ รงอยขู องสตั วโลกท่เี กดิ มาแลว หรอืเพ่อื อนุเคราะหแกเหลาสตั วผแู สวงหาท่ีเกดิ . [๒๔๖] ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ถา ความยินดี ความเพลิดเพลนิความทะยานอยากมีอยูใ นกวฬกี าราหารไซร วิญญาณกต็ ้ังอยูง อกงามในกวฬีการาหารนน้ั ในทีใ่ ดวญิ ญาณต้งั อยงู อกงาม ในทีน่ นั้ ยอมมีการหยง่ั ลงแหงนามรูป ในที่ใดมีการหยั่งลงแหงนามรปู ในท่ีน้ันยอมมีความเจริญแหงสงั ขารทง้ั หลาย ในทใ่ี ดมคี วามเจริญแหงสงั ขารท้ังหลายในที่นนั้ ยอมมกี ารเกดิ ในภพใหมตอไป ในทใ่ี ดมกี ารเกดิ ในภพใหมตอ ไป ในทน่ี ัน้ ยอมมีชาติชรามรณะตอไป ในทีใ่ ดมชี าติชรามรณะตอ ไปเราเรียกที่นนั้ วา มีความโศก มีธุลี (คือราคะ) มคี วามคบั แคน . ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ถา ความยินดี ความเพลดิ เพลิน ความทะยานอยากมอี ยูในผัสสาหารไซร. . . ถาความยนิ ดี ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยากมีอยูในมโนสญั เจตนาหารไซร. . . ถา ความยินดี ความเพลิดเพลินความทะยานอยากมอี ยใู นวญิ ญาณาหารไซร วิญญาณกต็ งั้ อยงู อกงามในวญิ ญาณหารนัน้ ในทีใ่ ดวญิ ญาณตง้ั อยูงอกงาม ในที่น้ันยอ มมีการหย่งั ลงแหงนามรปู ในท่ใี ดมีการหยัง่ ลงแหง นามรปู ในที่นนั้ ยอมมีความเจรญิ แหง สงั ขารทง้ั หลาย ในที่ใดมคี วามเจรญิ แหง สงั ขารทง้ั หลายในที่นน้ั ยอมมกี ารเกิดในภพใหมตอ ไป ในทใ่ี ดมีการเกดิ ในภพใหมต อไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 754
- 755
- 756
- 757
- 758
- 759
- 760
- 761
- 762
- 763
- 764
- 765
- 766
- 767
- 768
- 769
- 770
- 771
- 772
- 773
- 774
- 775
- 776
- 777
- 778
- 779
- 780
- 781
- 782
- 783
- 784
- 785
- 786
- 787
- 788
- 789
- 790
- 791
- 792
- 793
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 793
Pages: