Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_26

tripitaka_26

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:37

Description: tripitaka_26

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 701 ๗. ลกั ขณสงั ยุต ปฐมวรรคที่ ๑ ๑. อฏั ฐสิ ูตร วาดว ยโครงกระดกู ลอยฟาเปนเหตใุ หแยม [๖๓๖] ขาพเจา ไดส ดับมาอยางน้ี :- สมัยหน่ึง พระผมู พี ระภาคเจา ประทับอยู ณ พระเวฬวุ ัน กลนั -ทกนวิ าปสถาน กรุงราขคฤห. กส็ มยั น้นั แล ทา นพระลกั ขณะกับทานพระมหาโมคคัลลานะอยบู นภเู ขาคชิ ฌกูฏ. [๖๓๗] ครั้งนัน้ แล เปนเวลาเชา ทานพระมหาโมคลั ลานะนุงแลวถือบาตรและจีวรเขา ไปหาทา นพระลกั ขณะจนถึงทีอ่ ยู ครนั้ เขาไปหาแลวไดก ลาวชวนทา นพระลักขณะวา มาไปบณิ ฑบาตยงั กรงุ ราชคฤหดวยกันเถิดทานลักขณะ ทา นพระลกั ขณะรบั คาํ ทา นพระมหาโมคคัลลานะวา อยางน้ัน ลาํ ดับนั้นแล ทา นพระมหาโมคคัลลานะกาํ ลังลงจากภูเขาคชิ ฌกูฏ ไดแยมข้ึนในทีแ่ หง หนงึ่ . ทนี ั้น ทา นพระลกั ขณะไดต ามทานพระมหาโมคคัลลานะวา ทานโมคคัลลานะ อะไรเลา เปน เหตุ เปนปจจยั ทาํ ใหแ ยม ทานมหาโมคคัลลานะตอบวา ทานลกั ขณะ มใิ ชเวลาทีจ่ ะเฉลยปญ หาขอ น้ี ทา นจงถามผมในสํานักพระผูม พี ระภาคเจา เถิด. [๖๓๘] ครั้งน้ันแล ทานพระลักขณะกบั ทา นพระมหาโมคคัลลานะ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 702เทยี่ วบิณฑบาตในกรงุ ราชคฤห กลบั จากบิณฑบาต ภายหลงั ภัตตาหารแลว เขา ไปเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ถงึ ทีป่ ระทับ ครัน้ แลวถวายบงั คมพระผูม ีพระภาคเจาแลวน่งั ณ ที่ควรสว นขา งหนงึ่ ครน้ั ทานพระลกั ขณะนง่ั เรยี บรอ ยแลว ไดถามทานพระมหาโมคคลั ลานะวา ทา นมหา-โมคคัลลานะ เมือ่ ลงจากภเู ขาคชิ ฌกฏู ทานไดแยมขนึ้ แลว ในท่ีแหงหน่งึดูกอ นทา นพระมหาโมคคัลลานะ อะไรเลาเปน เหตุ เปนปจ จัยทาํ ใหแยมขน้ึ . [๖๓๙] ทา นพระมหาโมคคัลลานะไดตอบวา เมื่อผมลงมาจากภเู ขาคชิ ฌกูฎ ไดเ หน็ โครงกระดกู ลอยอยใู นเวหาส พวกแรง บา ง กาบา งพญาแรง บาง ตา งกโ็ ผถลาตามเจาะ จกิ ทิ้งโครงกระดูกนั้น ไดย นิ วาโครงกระดูกนั้นสง เสยี งรองครวญคราง ผมคดิ วา อศั จรรยจรงิ หนอ ไมเคยมีมาหนอ สตั วแ มเหน็ ปานนกี้ จ็ ักมี ยักษแ มเหน็ ปานน้ีก็จกั มี การไดอัตภาพแมเ ห็นปานนกี้ ็จกั ม.ี [๖๔๐] ครง้ั น้นั แล พระผมู พี ระภาคเจาตรัสกะภกิ ษุทงั้ หลายวาดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย สาวกทั้งหลายเปน ผมู ีจกั ษหุ นอ เปนผูม ญี าณหนอเพราะวา แมสาวกก็จกั รู จกั เห็นสตั วเ ชน น้ี หรือจักเปน พยาน เมือ่ กอนเราไดเ ห็นสตั วตนนน้ั เหมอื นกนั แตว าไมไ ดพยากรณไว หากเราพึงพยากรณส ัตวน นั้ ไซร คนอื่น ๆ กจ็ ะไมพ งึ เชอื่ ถอื เรา ขอ น้นั พึงเปนไปเพ่ือมใิ ชประโยชน เพอื่ ความทกุ ขส ้ินกาลนาน แกผไู มเ ชอ่ื ถือเรา ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย สัตวน ้เี ปนคนฆาโคอยูใ นกรุงราชคฤหนี้เอง ดว ยผลของ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 703กรรมน้ัน เขาจงึ หมกไหมอยูใ นนรกหลายป หลายรอ ยป หลายพนั ปหลายแสนป ดว ยผลของกรรมน่ันแหละทยี่ งั เหลืออยู เขาจงึ ตอ งเสวยการไดอ ัตภาพเหน็ ปานน.้ี จบอฏั ฐสิ ูตรท่ี ๑ [สตู รทุกสูตรน้ขี ึ้นตนเหมือนสูตรที่ ๑ แตมเี นื้อความตา งกันตอไปนี้] ลกั ขณสังยุต ปฐมวรรคที่ ๑ อรรถกถาอัฏฐิสูตรท่ี ๑ ในลักขณสงั ยุตมวี ินจิ ฉัยดังตอ ไปนี้. พระลกั ขณเถระ ท่ีทา นกลา ววา อายสมฺ า จ ลกฺขณตฺเถโรเปนผอู ปุ สมบทดว ยเอหิภิกขอุ ปุ สัมปทา เปน ผหู นง่ึ แหงชฏลิ จาํ นวน ๑,๐๐๐คน บรรลุพระอรหตั ในเวลาจบอาทิตตปริยายสูตร พงึ ทราบวา เปนพระมหาสาวกรูปหน่ึง. กเ็ พราะเหตทุ ่ีทา นประกอบดว ยอัตภาพสมบูรณดว ยลักษณะ บรบิ รู ณด วยอาการทั้งปวง เสมอดว ยพรหม. ฉะน้ัน จึงไดสมญาวา ลกั ขณะ. สว นทานมหาโมคคัลลานะบรรลพุ ระอรหัตในวันที่ ๗นบั แตวนั ทที่ า นบวช เปนพระอคั รสาวกองคท ี่ ๒. บทวา สติ  ปาตฺวากาสิ ความวา ไดกระทําการแยม นอ ย ๆ ใหปรากฏ ทา นอธิบายไวว า ประกาศ คือแสดง.

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 704 ถามวา ก็เพราะเห็นอะไร พระเถระจงึ กระทําการแยม ใหป รากฏ. ตอบวา เพราะไดเ ห็นสตั วผเู กดิ ในเปตโลกตนหนึ่ง มแี ตรางกระดูก ซ่งึ มาแลวในบาลีขา งตน . ก็แล ทานเห็นสัตวน้นั ดว ยทิพยจักษุหาไดเ หน็ ดวยปสาทจกั ษุไม. จรงิ อยู อัตภาพเหลา นน้ั ยอมไมปรากฏแกปสาทจกั ษ.ุ ถามวา ก็เมื่อทานเหน็ อตั ภาพเหน็ ปานน้ีแลวควรกระทาํความกรุณา เพราะเหตไุ รจึงกระทําการแยม ใหปรากฏ. ตอบวา เพราะระลึกถงึ สมบตั ิของตน และพุทธญาณ. จรงิ อยู พระเถระเห็นอตั ภาพนนั้ แลว ระลึกถึงสมบตั ขิ องตนวา \"เราหลดุ พน แลว จากอตั ภาพเหน็ปานนี้ ที่บุคคลผไู มเห็นสัจจะจะพึงได น่นั เปน ลาภของเราหนอ เราไดดีแลวหนอ และระลกึ ถงึ สมบตั แิ หงพุทธญาณ อยางนว้ี า โอ ญาณ-สมบตั ขิ องพระผูมีพระภาคพุทธเจา พระพทุ ธเจาทรงแสดงวา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย กรรมวบิ ากเปนอจนิ ไตย ไมควรคิด ดังนี้ พระพทุ ธเจาทั้งหลายยอมทรงแสดงกรรมวิบากอันนั้นใหป ระจกั ษหนอ. ธรรมธาตอุ ันพระพุทธเจาทงั้ หลายทรงแทงตลอดดีแลว\" ดังนี้ จงึ ทาํ ความแยมใหปรากฏ. ถามวา เม่อื เปน เชน นนั้ เหตไุ รทา นพระลักขณะจงึ ไมเห็น ทา นไมมีทิพยจกั ษหุ รอื . ตอบวา ไมม ี หามิได. แตพ ระมหาโมคคัลลานเถระนกึ ถงึ อยูจึงไดเหน็ . ฝายพระลักขณเถระไมไดเ ห็นเพราะไมน กึ ถงึ . เพราะธรรมดาพระขีณาสพทั้งหลาย จะแยมโดยเหตอุ นั ไมส มควรกห็ าไม ฉะนั้น พระ-ลักขเถระจงึ ถามทานวา \"ทานโมคคัลลานะ อะไรหนอเปน เหตุ เปนปจจัยใหการแยม ปรากฏ\" ดงั น.้ี ฝายพระเถระไดอ างพระผูมพี ระภาคเจา

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 705เปนพยาน เพราะผูท ี่มไิ ดเ ห็นเรื่องทเ่ี กิดขน้ึ น้ีดวยตนเองจะเช่อื ไดยากจึงกลา วคําเปน ตนวา อกาโล โข อาวุโส ดังน้ี เพราะประสงคจะพยากรณอางพระผมู พี ระภาคเจา เปน พยาน ตอแตน น้ั เมือ่ ถกู ถามในสํานกั ของพระผมู ีพระภาคเจา จงึ พยากรณโ ดยนัยมอี าทวิ า อิธาหอาวโุ ส ดงั นี.้ บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา อฏุ สงขฺ ลกิ  ไดแกโ ครงกระดกู ขาวไมม เี นอื้ และเลือด. บทวา คชิ ฺฌาป กากาป กุลลาป ความวา แมนกเหลา น้ี ทัง้ แรง ยกั ษ ทงั้ กายกั ษ ทั้งพญาแรง ยกั ษ เขา รมุ ก็รปูอยา งน้นั ยอมไมปรากฏแกแ รง เปน ตนตามปกต.ิ บทวา อนุปติตฺวา ไดแกต ิดตาม. บทวา วติ เุ ทนฺติ ความวา ใชจ ะงอยปากเหล็กซึง่ คมกริบเหมอื นดาบ เจาะตดั ถากขางโนน บางขา งนี้บา ง. บทวา สทุ  ในบทวาสา สทุ  อฏฏสฺสร กโรติ นี้ เปน นิบาต. อธิบายวา โครงกระดกู น้ันสงเสยี งรอ งครวญคราง คอื เสยี งแสดงความอาดูรเดือดรอ น. อัตภาพเชนน้นั มปี ระมาณถึง ๓ โยชน บงั เกิดขนึ้ เพื่อเสวยวิบากของอกุศลกรรมเปนอตั ภาพใสขน้ึ พองเหมอื นฝส กุ . ฉะนัน้ โครงกระดูกนน้ั เดือดรอ นเพราะเวทนามกี าํ ลัง จงึ สง เสียงรอ งประหลาดเชน นน้ั . กแ็ ลครั้นกลา วอยางนี้แลว ทานพระมหาโมคคัลลานะจงึ คิดวาธรรมดาสัตวผูวนเวียนอยูในวัฏฏะ ยอมไมพ น จากอตั ภาพเห็นปานนี้ เมื่อจะแสดงธรรมสงั เวชทีเ่ กดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ความกรุณาในสตั วทัง้ หลาย จึงกลา วคํามีอาทิวา ตสสฺ มยหฺ  อาวุโส เอตทโหสิ อจฉฺ รยิ  วต โภ ดังนี.้ลําดบั น้ัน พระผูมีพระภาคเจาเม่อื จะทรงประกาศอานุภาพของพระเถระ

พระสุตตนั ตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 706จึงตรัสคาํ มอี าทวิ า จกขฺ ภุ ตู า วต ภิกขฺ เว สาวกา วหิ รนตฺ ิ ดังน.้ีบรรดาบทเหลาน้ัน สาวกช่ือวา จกฺขภุ ูตา เพราะภกิ ษเุ หลา นนั้ เกิดมีจกั ษ.ุอธบิ ายวา ภกิ ษุเหลา น้นั มจี ักษเุ กดิ ยงั จักษใุ หเกิดขนึ้ อยู. แมในบทท่ี ๒ก็นัยน้เี หมอื นกัน. บทวา ยตรฺ ในคําวา ยตรฺ หิ นาม นบี้ งถึงเหตุ. ในขอ นั้นมอี ัตถโยชนาประกอบความดังตอ ไปน้ี แมธ รรมดาวา สาวกยอ มรูเหน็สตั วเ ห็นปานน้ี หรือจักกระทําใหเ ปน พยานได ฉะนน้ั พระผมู พี ระภาคเจาจึงไดตรัสวา ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย สาวกท้ังหลายเปน ผูม จี ักษหุ นอ เปนผมู ีญาณหนอ ดว ยคาํ วา ปพุ ฺเพว เน โส ภิกขฺ เว สตฺโต ทิฏโ ดังน้ี พระผูม พี ระภาคเจา ตรสั วา เราเม่อื กระทาํ สัตตนิกาย และภพ คติโยนิ ฐิติ นิวาส อันหาประมาณมไิ ด ในจักรวาลอนั หาประมาณมิไดใหเ ปนพยานดว ยการแทงตลอดพระสัพพญั ตุ ญาณ ณ โพธิมัณฑสถานไดเหน็ สัตวนนั้ แลวในกาลกอ นแล. บทวา โคฆาตโก ไดแ ก สตั วผ ูฆาโคแลกระดกู และเนอ้ื ขายเลี้ยงชีพ.บทวา ตสเฺ สว กมมฺ สฺส วปิ ากาวเสเสน ความวา อปราปริยกรรมนนั้อันประมวลไวดวยเจตนาตาง ๆ. จริงอยู เมอ่ื วิบากของเจตนาอนั เปน เหตุใหเกิดปฏิสนธิในนรกนั้นส้ินแลว ปฏิสนธกิ ระทาํ กรรมทเ่ี หลือ หรือกรรมนิมิตใหเ ปน อารมณแ ลวเกิดในเปรตเปน ตน อกี . เพราะเหตุน้นั ปฏิสนธินนั้ทานเรียกวา เปนเศษวิบากของกรรมนั้นเอง เพราะมีสวนเสมอกับกรรมหรือเพราะมสี ว นเสมอกบั อารมณ. ก็สตั วน้ีเกิดขึ้นแลว ดวยอาการอยา งน.้ีดวยเหตุนน้ั ทา นจึงกลาววา ดวยเศษวบิ ากของกรรมนั้นนน่ั แล.

พระสตุ ตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 707 ไดย นิ วา ในเวลาที่สตั วน ้ันจตุ ิจากนรก กองกระดูกของโคทงั้ หลายทีไ่ มม เี น้ือนั่นแล ไดปรากฏเปน นมิ ติ . สัตวน ้นั กระทาํ กรรมท่ปี กปด ไวแมนน้ั เหมอื นปรากฏแกวิญชู น จงึ เกดิ เปนอัฏฐิสังขลกิ เปรต. จบอรรถกถาอัฏฐิสูตรท่ี ๑ ๒. เปสิสตู ร วา ดวยชนิ้ เน้ือลอยในอากาศ [๖๔๑] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคัลลานะไดตอบวา เมอื่ ผมลงมาจากภเู ขาคิชฌกฏู ไดเ ห็นชิน้ เนอ้ื ลอยอยใู นเวหาส พวกแรง บาง กาบางนกตะกรุมบาง ตางก็โผถลาตามจิกท้งิ ช้ินเน้ือนน้ั ไดย นิ วา ช้นิ เน้อื นั้นสงเสียงรองครวญคราง ฯ ล ฯ ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย สัตวน ไ้ี ดเปนคนฆาโค อยใู นกรุงราชคฤหน ี้เอง. จบเปสสิ ูตรท่ี ๒ อรรถกถาเปสสิ ูตรท่ี ๒ ในเร่อื งชิ้นเนอ้ื มวี นิ ิจฉัยดงั ตอไปน้ี. บทวา โคฆาตโก ความวา ผูฆา โคนั้นชาํ แหละเน้อื โคเปน ชิ้น ๆตากใหแ หง ขายเนอื้ แหง เลี้ยงชวี ิตอยอู ุทายี. ดว ยเหตุน้นั ในเวลาท่ี

พระสตุ ตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 708สตั วนั้นจุตจิ ากนรก ช้ินเนื้อน่ันแล ไดป รากฏเปนนมิ ิต. สตั วนั้นจงึ เกิดเปนมงั สเปสิเปรต. จบอรรถกถาเปสิสูตรท่ี ๒ ๓. ปณ ฑสูตร วาดว ยกอนเน้อื ลอยอยใู นอากาศ [๖๔๒] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคัลลานะไดต อบวา เมื่อผมลงมาจากภูเขาคิมฌกูฏ ไดเ ห็นกอ นเน้ือลอยอยูใ นเวหาส แรง บาง กาบา งพญาแรงบาง ตา งก็โผถลาตามจิกท้งิ กอนเน้อื น้นั ไดย นิ วา กอ นเน้ือน้นัสง เสยี งรอ งครวญคราง ฯล ฯ ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย สัตวน้ีไดเ ปนคนฆานกขาย อยูในกรุงราชคฤหน เี้ อง ฯ ล ฯ. จบปณฑสูตรท่ี ๓ อรรถกถาปณ ฑสตู รท่ี ๓ ในเร่อื งกอ นเนือ้ มวี ินจิ ฉยั ดังตอ ไปน้ี. บทวา สากุณโิ ก ความวา ในเวลาจบั นกมาขาย พรานนกเอาขนและหนงั ออก เหลอื ไวแ ตกอ นเนื้อ ขายเลยี้ งชพี . ดวยเหตนุ ั้น ในเวลาท่ีสตั วนนั้ จุตจิ ากนรก กอนเนื้อนั่นแล ไดป รากฏเปน นมิ ติ . สตั วน นั้จงึ เกดิ เปน มงั สปณฑเปรต (เปรตกอ นเน้ือ). จบอรรถกถาปณฑสตู รที่ ๓

พระสุตตันตปฎ ก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 709 ๔. นิจฉวสิ ตู ร วา ดว ยสัตวไมมผี วิ หนังลอยในอากาศ [๖๔๓ ] ฯ ล ฯ พระมหาโมคคลั ละไดต อบวา เม่ือผมลงมาจากภเู ขาคชิ ฌกูฏ ไดเ หน็ บุรุษไมม ผี ิวหนังลอยอยใู นเวหาส แรง บา ง กาบางพญาแรงบาง ตา งก็โผถลาตามจกิ ทิ้งบรุ ษุ นั้น ไดยินวา บรุ ษุ นัน้ สง เสียงรองครวญคราง ฯลๆ ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย สตั วน้ไี ดเปนคนฆา แกะขายอยูในกรงุ ราชคฤหน ้เี อง ฯ ล ฯ. จบนจิ ฉวิสูตรที่ ๔ อรรถกถานจิ ฉวสิ ตู รท่ี ๔ ในเรอ่ื งสัตวไ มม ีผิวหนัง มีวนิ ิจฉยั ดังตอ ไปน้ี. เมอื่ พรานแกะนัน้ ฆาแกะถลกหนังออกขายเลี้ยงชีพ รา งของแกะท่ไี มม ีหนงั ไดปรากฏเปนนมิ ิตโดยนยั กอ นนั่นแล. เพราะฉะนน้ั พรานแกะนน้ั จงึ เกิดเปน นิจฉวเิ ปรต. จบอรรถกถานจิ ฉวิสูตรท่ี ๔ ๕. อสิสตู ร วาดวยบุรษุ มีขนเปน ดาบลอยในอากาศ [๖๔๔] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคลั ลานะไดตอบวา เมือ่ ผมลงมาจากภูเขาคชิ ฌกูฏ ไดเห็นบรุ ุษผูมีขนเปนดาบลอยอยูในเวหาส ดาบเหลา

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 710น้ันของบรุ ุษนน้ั ลอยข้ึนไป ๆ แลว ก็ตกลงท่ีกายของบรุ ุษนนั้ แหละไดยินวาบรุ ุษนัน้ สง เสยี งรองครวญคราง ฯลฯ ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย สตั วนไี้ ดเปนคนฆาสกุ รขาย อยใู นกรงุ ราชคฤหนเ้ี อง ฯ ล ฯ. จบอสสิ ตู ร อรรถกถาอสสิ ตู รที่ ๕ ในเร่ืองสตั วมขี นเปนดาบ มวี ินิจฉัยดงั ตอไปน้ี. คนผฆู า สกุ รนนั้ เอาดาบฆา สกุ รทเี่ ลย้ี งดดู วยผักตลอดกาลนานเล้ียงชีพตลอดกาลนาน. ภาวะท่เี ขาเงื้อดาบน่นั แล ไดป รากฏเปนนิมติเพราะน้ัน เขาจึงเกดิ เปน อสโิ ลมเปรต. จบอรรถกถาอสสิ ูตรท่ี ๕ ๖. สัตตสิ ตู ร วา ดว ยบุรษุ มีขนเปนหอก [๖๔๕] ฯ ล ฯ ทานพระมหาโมคคัลลานะไดต อบวา เมอ่ื ผมลงมาจากภเู ขาคิชฌกูฏ ไดเหน็ บรุ ษุ มีขนเปนหอกลอยอยูในเวหาส หอกเหลานัน้ ของบุรุษนั้นลอยขึ้นไป ๆ แลวก็ตกลงทีก่ ายของบรุ ษุ นั้นเอง ไดยนิ วา บรุ ุษน้นั สง เสียงรอ งครวญคราง ฯลฯ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย สัตวน้ไี ดเ ปน คนฆา เนอ้ื ขาย อยใู นกรุงราชคฤหน เ้ี อง ฯลฯ. จบสตั ตสิ ตู รท่ี ๖ อรรถกถาสัตตสิ ตู รท่ี ๖ ในเรือ่ งสตั วมีขนเปนหอก มวี นิ จิ ฉยั ดงั ตอ ไปนี.้ คนผูฆ า เนอ้ื นั้น พาเน้อื ตวั หน่ึง [สาํ หรับลอเนื้อ] และถือหอก

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 711ไปปา เอาหอกแทงพวกเนอื้ ทม่ี ายนื อยใู กล ๆ เน้ือตัวนั้นใหตาย. ภาวะที่เขาเอาหอกแทงเนื้อนน่ั แล ไดปรากฏเปน นิมิต เพราะฉะน้ัน เขาจึงเกิดเปน สตั ตโิ ลมเปรต. จบอรรถกถาสัตตสิ ูตรท่ี ๖ ๗. อสุ สุ ตู ร วา ดว ยบุรษุ มขี นเปน ลกู ธนู [ ๖๔๖ ] ฯลฯ ทานพระมหาโมคคลั ลานะไดตอบวา เม่ือผมลงมาจากภเู ขาคชิ ฌกูฏ ไดเ หน็ บุรษุ มขี นเปน ลกู ธนลู อยอยูในเวหาส ลกู ธนูเหลาน้นั ของบรุ ษุ นัน้ ลอยขน้ึ ไป ๆ แลว ก็ตกลงท่กี ายของบุรุษน้ันเอง ไดยินวา บรุ ุษน้นั สง เสียงรอ งครวญคราง ฯ ล ฯ ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย สตั วนี้ไดเปนเพชฌฆาต อยใู นกรุงราชคฤหนเ้ี อง ฯ ล ฯ. จบอสุ สุ ตู รที่ ๗ อรรถกถาอสุ สุ ตู รที่ ๗ เรอื่ งสัตวมีขนเปนลูกธนูมวี นิ จิ ฉัยดังตอไปน.้ี บทวา การณิโก ไดแก บุรษุ ผเู บียดเบียนคนทผ่ี ิดตอพระราชาดว ยเหตมุ ากมาย ในที่สดุ เอาลูกธนแู ทงใหต าย. ไดย ินวา บรุ ษุ นน้ั แทงเพราะรูวา คนทถี่ กู แทงในทโ่ี นนจะตาย. เมอ่ื เขาเล้ยี งชีพดว ยอาการอยา งน้ีแลว เกดิ ในนรก แตน้นั ดว ยเศษวบิ าก ในเวลาที่เขาเกิดในนรกน้นั

พระสุตตันตปฎก สังยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 712ภาวะที่เขาใชลูกธนแู ทง จงึ ไดป รากฏเปนนมิ ติ เพราะฉะนัน้ เขาจึงเกิดเปนอสุ โุ ลมเปรต. จบอรรถกถาอุสสุ ตู รที่ ๗ ๘. ปฐมสูจสิ ตู ร วาดว ยบุรุษมขี นเปนประตัก [๖๔๗ ] ฯ ล ฯ ทานพระมหาโมคคัลลานะไดต อบวา เม่ือผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ ไดเ หน็ บุรุษมขี นเปนประตกั ลอยอยูในเวหาส ประตกัเหลา นน้ั ของบรุ ษุ นัน้ ลอยขน้ึ ไป ๆ แลวก็ตกลงที่กายของบุรุษนน้ั เอง ไดยนิ วา บรุ ุษนน้ั สงเสียงรองครวญคราง ฯลฯ ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย สัตวนีไ้ ดเปน คนฝกมา อยูในกรุงราชคฤหน ้เี อง ฯ ล ฯ. จบปฐมสูจิสูตรที่ ๘ อรรถกถาปฐมสจู สิ ูตรท่ี ๘ ในเรือ่ งสตั วม ีขนเหมอื นประตกั มวี นิ จิ ฉยั ดงั ตอไปนี้. บทวา สโุ ต ไดแ ก ผูฝกมา (สารถี). อาจารยบางพวกกลาววาผูฝ กโค ดังน้กี ม็ .ี ภาวะทีเ่ ขาเอาปลายแหลมประตักแทงนน้ั แล ไดปรากฏเปนนมิ ิต เพราะฉะน้ัน เขาจงึ เกดิ เปนสูจโิ ลมเปรต. จบอรรถกถาปฐมสูจสิ ูตรที่ ๘

พระสตุ ตันตปฎก สังยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 713 ๙. ทุติยสูจิสูตร วา ดว ยบรุ ุษมีขนเปนเข็ม [๖๔๘] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคลั ลานะไดต อบวา เมอ่ื ผมลงมาจากภูเขาคชิ ฌกฏู ไดเหน็ บุรุษมขี นเปน เข็มลอยอยใู นเวหาส เขม็เหลานั้นของบรุ ษุ น้ันเขา ไปศรี ษะแลว ออกจากทางปาก เขาไปในปากแลวออกทางอก เขา ไปในอกแลวออกทางทอง เขาไปในทองแลว ออกทางขาออน เขาไปในขาออ นแลว ออกทางแขง เขา ไปในแขงแลว ออกทางเทาไดย นิ วา บุรษุ นน้ั สงเสยี งรอ งครวญคราง ฯ ล ฯ ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลายสตั วน เี้ ปนคนสอเสียด อยใู นกรุงราชคฤหน้ีเอง ฯ ล ฯ. จบทตุ ยิ สจู สิ ูตรที่ ๙ อรรถกถาทตุ ิยสูจสิ ตู รที่ ๙ ในเรื่องสัตวม ีขนเหมือนเขม็ เรื่องที่ ๒ มวี นิ ิจฉัยดังตอ ไปนี้. บทวา สจู โิ ก๑ ไดแกผ ทู าํ การสอเสยี ด ไดยนิ วา เขายุยงหมมู นษุ ยใหแ ตกกัน. และในราชตระกูล เขายุยงแลว ยยุ งเลาวา ผนู ี้มีสงิ่ นี้ ผนู ้ีทําส่ิงนด้ี วยส่งิ นี้ ใหถ ึงความยอ ยยับ. เพราะฉะน้นั เพอื่ เสวยทุกขเพราะทาํใหเขาแคกกนั เพราะการยุยงโดยประการท่พี วกมนุษยถ กู ยุยงแลวแตกกันเขากระทํากรรมนัน่ แหละใหเปนนิมติ จึงเกดิ เปนสูจโิ ลมเปรต. จบอรรถกถาทตุ ิสูจสิ ูตรที่ ๙๑. ม. สูจโก ผกู ลา วสอ เสยี ด.

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 714 ๑๐. อณั ฑภารสี ตู ร วาดว ยบุรษุ มีอัณฑะเทาหมอ [๖๔๙] ฯ ล ฯ ทานพระมหาโมคคัลลานะไดต อบวา เม่ือผมลงมาจากภูเชาคชิ ฌกฏู ไดเ ห็นบุรษุ มีอณั ฑะใหญเ ทาหมอลอยอยูใ นเวหาส บรุ ษุนัน้ แมเม่อื เดนิ ไปกแ็ บกอณั ฑะน้นั ไวบนบา แมเ มอ่ื น่งั กท็ ับอัณฑะนั้นแหละแรง บา ง กาบาง พญาแรงบา ง ตางกโ็ ผถลาตามจิกท้ิงบรุ ษุ น้ัน ไดยินวาบรุ ุษนน้ั สงเสยี งรอ งครวญคราง ฯ ล ฯ ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย สัตวนี้ไดเปน ผูพ พิ ากษาตัดสินอรรถคดโี กง อยใู นกรุงราชคฤหนีเ้ อง ฯ ล ฯ. จบอณั ฑภารสี ูตรที่ ๑๐ จบปฐมวรรคที่ ๑๐ รวมพระสตู รทมี่ ใี นวรรคนี้ คือ ๑. อัฏฐิสูตร ๒. เปสสิ ตู ร ๓. ปณ ฑสูตร ๔. นจิ ฉวสิ ตู ร ๕. อสิสตู ร ๖. สตั ตสิ ตู ร ๗. อสุ สุ ูตร ๘. ปฐมสูจิสูตร ๙. ทตุ ยิ สจู ิสูตร ๑๐. อัณฑภารสี ตู ร. อรรถกถาอณั ฑภารสี ตู รที่ ๑๐ ในเร่อื งบุรุษมีอัณฑะเทา หมอ มีวินิจฉัยดงั ตอ ไปนี.้ บทวา คามกโู ฏ ไดแ กอํามาตยผวู นิ ิจฉยั คดี เพราะเขามสี ว นเสมอกับกรรม จึงมอี ณั ฑะประมาณเทาหมอ คือขนาดหมอ ใหญ. เพราะเขารับ

พระสตุ ตนั ตปฎก สังยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 715สนิ บนในทล่ี ับคือที่ปกปด ทําโทษใหปรากฏในการวนิ ฉิ ยั คดีโกง ทาํ ผูเปนเจาของใหไ มไ ดเปน เจาของ ฉะนัน้ อวยั วะเพศลับของเขาจึงเกิดในทเ่ี ปดเผย เพราะเมอื่ ลงโทษ เขาไดขมเหงผอู ื่น ฉะนน้ั อวัยวะเพศลับของเขาจงึเกดิ เปนส่ิงขม เหง (ทรมานตน) เพราะเหตทุ ีอ่ วยั วะดํารงอยูในตําแหนงที่ดาํ รงอยูแลว ควรจะเรยี บรอย กลบั ไมเ รยี บรอย ฉะนั้น เขาจงึ ตอ งนงั่อยา งไมเ รยี บรอ ยบนอวยั วะเพศลบั . จบอรรถกถาอัณฑภารสี ตู รที่ ๑๐ จบอรรถกถาปฐมวรรคที่ ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก สงั ยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 716 ทุตยิ วรรคท่ี ๒ ๑. กูปนิมคุ คสตู ร วาดว ยบรุ ุษจมหลุมคถู [๖๕๐] ขา พเจา ไดสดับมาอยา งน้ี :- สมัยหน่งึ พระผูมพี ระภาคเจาประทับอยู ณ พระเวฬวุ นั กลัน-ทกนวิ าปสถาน กรุงราชคฤห ฯ ล ฯ ทานมหาโมคคลั ลานะไดต อบวาเมอ่ื ผมลงหาจากภเู ขาคชิ ฌกูฏไดเ ห็นบุรษุ จมอยูในหลมุ คถู จนมิดศรีษะ ฯลฯดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย สัตวน ไ้ี ดเ ปนคนทาํ ชกู บั ภรรยาของผูอ่ืน อยใู นกรงุ ราชคฤหนเ้ี อง ฯ ล ฯ. จบกูปนิมุคคสูตรท่ี ๑ [พึงทาํ เปยยาลอยางนัน้ ] ทุติยวรรคท่ี ๒ อรรถกถากูปนิมคุ คสตู รท่ี ๑ วรรคที่ ๒ สตู รที่ ๑ เรือ่ งชายทาํ ชูกบั ภรรยาของผอู นื่ มวี นิ จิ ฉัยดงั ตอไปน.ี้ สตั วน น้ั ถกู ตอ งผัสสะหญิงมีสามี ซงึ่ คนอ่นื รักษาคมุ ครอง มจี ติ ยนิ ดี

พระสตุ ตันตปฎ ก สังยตุ ตนิกาย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 717ดวยสขุ แตอจุ จาระและสขุ แตกาม เพราะเขามีสว นเสมอกับกรรม จึงสัมผัสคถู บงั เกิดในหลมุ คูถน้นั เพือ่ เสวยทุกข. จบอรรถกถาคูถขาทิสตู รท่ี ๒ ๒. คถู ขาทิสตู ร วา ดวยบุรษุ กินคูถ [๖๕๑] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคลั ลานะไดตอบวา เมอื่ ผมลงมาจากภเู ขาคชิ ฌกฏู ไดเ หน็ บรุ ษุ ผูจมอยใู นหลมุ คถู ใชม อื ทัง้ สองกอบคูถกิน ฯ ล ฯ ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย สัตวน ี้ไดเ ปน พราหมณอ ยใู นกรุงราชคฤหนเ้ี อง พราหมณน ้ันนิมนตพระภกิ ษุสงฆในพระศาสนาของพระกสั สป-สมั มาสัมพทุ ธเจา ดวยภตั แลว เอาคูถใสจ นเตม็ รางแลว ใชใหคนไปบอกเวลาแลว กลา ววา ทานเจา ขา ขอพวกทานจงฉนั และจงนาํ ไปจนพอแกความตองการเถิด ฯ ล ฯ. จบคถู ขาทิสตู รที่ ๒ อรรถกถาคูถขาทสิ ตู รท่ี ๒ เรื่องบรุ ษุ ผกู ินคูถ ปรากฏชัดแลว แล. จบอรรถกถาคถู ขาทิสตู รท่ี ๒

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาที่ 718 ๓. นิจฉวติ ถสี ตู ร วา ดว ยหญงิ ไมมผี ิวหนัง [๖๕๒] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคัลลานะไดต อบวา เม่อื ผมลงมาจากภูเขาคิชฌกูฏ ไดเ หน็ หญงิ ผูไมมผี วิ หนงั ลอยอยูในเวหาส แรง บางกาบา ง นกตะกรมุ บาง ตา งก็โผถลาตามจกิ ทิ้งหญิงน้นั ไดย ินวา หญงินน้ั สงเสียงรองครวญคราง ฯ ล ฯ ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย หญงิ นไี้ ดเปนหญงิ ประพฤตินอกใจสามอี ยูในกรุงราชคฤหน เี้ อง ฯ ล ฯ. จบนจิ ฉวิตถสี ตู รที่ ๓ อรรถกถานจิ ฉวติ ถีสตู รท่ี ๓ ในเรือ่ งหญิงไมม ีผิวหนงั มีวินจิ ฉัยดังตอ ไปน.้ี เพราะธรรมดาวามาตุคาม ยอมไมเ ปน ใหญในผัสสะของตน และมาตุคามน้ันขโมยผสั สะอันเปนของของสามีแลว ใหเกิดความยนิ ดผี สั สะของผูอ นื่ ฉะน้ัน เธอจงึ มผี สั สะเปน สุข เพราะมีสว นเทากับกรรม จุติจากอตั ภาพน้ันแลว จึงเกิดเปนหญงิ ไมม ีผิวหนงั เพือ่ เสวยสัมผสั เปนทกุ ข. จบอรรถกถานจิ ฉวิตถสี ตู รที่ ๓ ๔. มงั คฬุ ิตถีสตู ร วา ดว ยหญงิ มีกลิ่นเหมน็ [๖๕๓] ฯลฯ ทา นพระมหาโมคคัลลานะไดตอบวา เมอื่ ผมลงมาจากภูเขาคิชฌกฏู ไดเหน็ หญงิ มกี ลิ่นเหม็นนาเกลยี ดลอยอยูใ นเวหาส

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนาท่ี 719แรง บา ง กาบาง นกตะกรมุ บาง ตา งก็โผถลาตามจิตทิ้งหญงิ นนั้ ไดย นิ วาหญิงนัน้ สงเสยี งรองครวญคราง ฯ ล ฯ ดกู อ น. ภิกษทุ ง้ั หลาย หญิงนไี้ ดเปน หญิงแมมด อยูในกรุงราชคฤหนเ้ี อง ฯ ล ฯ. จบมงั คฬุ ติ ถสี ตู รที่ ๔ อรรถกถามังคุฬิตถสี ูตรที่ ๔ ในเรอื่ งหญิงมกี ล่นิ เหม็น มีวินจิ ฉยั ดงั ตอไปน้ี. บทวา มงฺคฬุ ี ไดแ กม ีรปู แปลก ไมน า ดู นา รังเกยี จ. ไดย นิ วาเธอเปนหญงิ แมมดกระทํากรรมของหญิงผูเปนทาสียักษ เท่ยี วประกาศวาเม่ือคนนี้ ๆ ทําพลีกรรมอยางน้ี พวกทา นทั้งหลายจกั เจรญิ อยางนี้ ดังน้ีแลว ลวงถือเอาของหอมและดอกไมเปนตน ของมหาชน ใหมหาชนมคี วามเหน็ ชั่วเหน็ ผิด. เพราะฉะนัน้ เธอจึงมสี วนเทากบั กรรมนัน้ เธอจงึ มีกลิ่นเหมน็ เหตขุ โมยของหอมและดอกไมเ ปน ตน เธอเกดิ มีรปู ไมนาดูแปลกประหลาด นา รังเกียจ เหตุใหเขาถือความเหน็ ชั่ว. จบอรรถกถามงั คฬุ ิตถสี ูตรที่ ๔ ๕. โอกลิ นิ สี ูตร วา ดวยหญิงมนี า้ํ เหลืองไหล [๖๕๔] ฯ ล ฯ ทานพระมหาโมคคัลลานะไดตอบวา เม่ือผมลงมาจากภูเขาคชิ ฌกฏู ไดเ หน็ หญิงผูมนี า้ํ เหลอื งไหลเยิม้ เตม็ ไปดว ยถา นเพลงิลอยอยใู นเวหาส ไดย ินวา หญิงนัน้ สงเสียงรอ งครวญคราง ฯ ล ฯ กอนดู

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยุตตนกิ าย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 720ภิกษุทงั้ หลาย หญงิ นไ้ี ดเ ปน พระอคั รมเหสขี องพระเจา กาลิงคะ นางถกูความหงึ ครอบงํา ไดเ อาเตาซงึ่ เต็มดวยถา นเพลงิ เทรดหญงิ รว มผวั ฯ ล ฯ. จบโอกลิ นิ สี ตู รท่ี ๕ อรรถกถาโอกิลนิ ีสตู รที่ ๕ ในเรอ่ื งหญิงมนี าํ้ เหลืองไหล มีวนิ ิจฉัยดงั ตอไปนี้. บทวา อปุ กกฺ  โอกิลินึ โอกิริณึ ความวา ไดย นิ วา นางนอนดนิ้ รนกระสับกระสา ยหมกไหมอ ยบู นเชิงตะกอนเตม็ ไปดว ยถานเพลงิเพราะฉะน้ัน นางจึงรอ นระอุ คือมีรางกายถูกไฟรอนแผดเผานางมนี าํ้ เหลอื งไหล มีรางกายเปรอะเปอน คอื มีหยาดนํ้าเหลืองไหลลอกจากรา งกายของเธอ และมรี า งกายเตม็ ไปดว ยถานเพลงิ เกล่ือนกลนไปดวยถา นเพลิง คือขา งลา งของนาง มีถา นเพลิงมีสเี หมอื นดอกทองกวาว ทีข่ างทงั้ สองก็เหมอื นกนั ขางบนของนาง มีถานเพลงิ ตกลงมาจากอากาศ เหตุนัน้ทา นจึงกลาววา อปุ กกฺ  โอกิลินี โอกริ ณิ ึ ดงั น.้ี บทวา สาอิสสฺ าปกตา สปตึ องคฺ ารกฏาเหน โอกริ ิ ความวา ไดยินวา หญิงฟอนคนหนงึ่ ของพระราชานัน้ ตงั้ เตาถา นเพลงิ ไวใกล ๆ เชด็ น้ําจากตัวและเอาฝา มอื เชด็ เหงือ่ แมพระราชากท็ รงสนทนาและทรงแสดงอาการยินดกี บั เธอ. พระอัครมเหสที รงอดทนอาการเชน น้นั ไมได ถูกความหงึหวงครอบงํา เมือ่ พระราชาเสดจ็ หลกี ไปไมนาน พระนางถือเตาถานเพลงินนั้ เทถา นเพลงิ ลงบนหญิงนั้น. พระนางทาํ กรรมนน้ั แลว บงั เกดิ ในเปต-โลก เพอื่ เสวยวบิ ากเชน นน้ั ตอบแทน. จบอรรถกถาโอกลิ ินีสตู รที่ ๕

พระสุตตนั ตปฎก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนา ท่ี 721 ๖. สีสัจฉนิ นสตู ร วาดว ยตัวกะพันธศรี ษะขาด [๖๕๕] ฯ ล ฯ ทานพระมหาโมคคลั ลานะไดตอบวา เมอื่ ผมลงมาจากภูเขาคชิ ฌกูฏ ไดเ ห็นตัวกะพันธไ มมีศรี ษะ มตี าและปากอยทู ีอ่ กลอยอยใู นเวหาส แรงบาง กาบา ง นกตะกรมุ บา ง ตางกโ็ ผถลาตามจติท้ิงตวั กะพันธนัน้ ไดย นิ วา ตวั กะพันธน ัน้ สงเสียงรอ งครวญคราง ฯ ล ฯดูกอนภิกษุท้ังหลาย สัตวน ไี้ ดเ ปนเพชฌฆาตผฆู าโจร ซงึ่ วา หาริกะ อยใู นกรุงราชคฤหน ีเ้ อง ฯ ล ฯ. จบสีสัจฉนิ นสูตรท่ี ๖ อรรถกถาสสี จั ฉินนสตู รท่ี ๖ ในเร่ืองคนฆา โจร มีวินจิ ฉยั ดงั ตอ ไปน้ี. ผูฆา โจรน้ัน ตดั ศีรษะพวกโจรเปน เวลานานตามคาํ สง่ั พระราชาเม่ือบงั เกดิ ในเปตโลก บังเกดิ เปน ตวั กะพันธไ มม ศี รี ษะ. จบอรรถกถาสีสัจฉนิ นสูตรท่ี ๖ ๗. ภกิ ขสุ ตู ร วาดว ยภกิ ษุไฟติดท่ัวตัวลอยในอากาศ [๖๕๖] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคัลลานะไดตอบวา เมอื่ ผมลงมาจากภเู ขาคชิ ฌกฏู ไดเหน็ ภกิ ษุอยใู นเวหาส ผา สงั ฆาฏกิ ็ดี บาตรกด็ ี ประคดเอวก็ดี รา งกายก็ดี ของภิกษนุ ัน้ อนั ไฟตดิ ทัว่ ลุกโชตชิ วง

พระสุตตนั ตปฎ ก สังยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 722แลว ไดย ินวา ภิกษุนั้นสงเสียงรองครวญคราง ฯ ล ฯ ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษนุ ีไ้ ดเปนภิกษผุ ชู ัว่ ชาในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัม-พทุ ธเจา ฯ ล ฯ. จบภิกขุสูตรท่ี ๗ อรรถกถาภิกขุสตู รที่ ๗ ในเรอ่ื งภิกษุ มวี ินจิ ฉยั ดงั ตอไปน.ี้ บทวา ปาปภิกขฺ ุ ไดแก ภิกษุลามก. ไดย นิ วา ภิกษุนน้ั บริโภคปจจัย ๔ ที่ชาวโลกถวายดว ยศรัทธา เปนผูไมสํารวมทางกายทวารและวจที วารทาํ ลายอาชวี ะเสยี เทีย่ วปลอยจติ ใจใหส นกุ สนาน. แตน้นั เธอไหมอ ยูในนรกตลอดพุทธนั ดรหนึง่ เมื่อเกิดในเปตโลก บังเกิดดว ยอัตภาพเชนภิกษนุ ่นั เอง. จบอรรถกถาภิกขสุ ตู รที่ ๗ ๘. ภิกขนุ ีสูตร วา ดว ยภกิ ษุณไี ฟตดิ ทว่ั ตัวลอยในอากาศ [๖๕๗] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคัลลานะไดตอบวา เมื่อผมลงมาจากภูเขาคิชฌกฏู ไดเหน็ ภกิ ษุณลี อยอยใู นเวหาส ผาสงั ฆาฏิก็ดี บาตรก็ดี ประคดเอวก็ดี รา งกายก็ดี ของภกิ ษณุ นี ั้น อันไฟตดิ ทั่วลุกโชติชวงแลว ไดย นิ วา ภกิ ษณุ ีน้นั สง เสยี งรอ งครวญคราง ฯ ล ฯ ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษุณีนีไ้ ดเปน ภิกษณุ ีผูช่ัวชา ในศาสนาของพระกัสสป-

พระสตุ ตนั ตปฎก สงั ยตุ ตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 723สมั มาสมั พทุ ธเจา ฯ ล ฯ. จบภกิ ขุนีสูตรที่ ๘ ๙. สกิ ขมานาสูตร วา ดว ยสิกขมานาไฟตดิ ท่ัวตัวลอยในอากาศ [๖๕๘] ฯ ล ฯ ทานพระมหาโมคคัลลานะไดตอบวา เมือ่ ผมลงมาจากภเู ขาคชิ ฌกูฏ ไดเ ห็นสิกขมานาลอยอยูใ นเวหาส ผาสมั ฆาฏกิ ็ดีบาตรก็ดี ประคดเอวก็ดี รา งกายก็ดี ของสิกขมานานั้น อันไฟติดทัว่ลุกโชติชว งแลว ไดยินวา สิกขมานานัน้ สง เสยี งรอ งครวญคราง ฯ ล ฯดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย สิกขมานาน้ไี ดเ ปน สิกขมานาผชู ่ัวชา ในศาสนาของพระกัสสปสมั มาสมั พทุ ธเจา ฯ ล ฯ. จบสกิ ขมานาสตู รท่ี ๙ ๑๐. สามเณรสูตร วา ดว ยสามเณรไฟติดทวั่ ตวั ลอยอยใู นอากาศ [๖๕๙] ฯ ล ฯ ทา นพระมหาโมคคัลลานะไดตอบวา เมอ่ื ผมลงมาจากภเู ขาคิชฌกฏู ไดเหน็ สามเณรลอยอยูใ นเวหาส ผา สังฆาฏิกด็ ีบาตรก็ดี ประคดเอวกด็ ี รางกายกด็ ี ของสามเณรนนั้ อันไฟตดิ ท่ัวลกุโชติชว งแลว ไดย ินวา สามเณรนน้ั สงเสยี งรอ งครวญคราง ฯ ล ฯ ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย สามเณรนเี้ ปน สามเณรผชู ัว่ ชา ในศาสนาของพระกัสสป.

พระสุตตันตปฎก สงั ยตุ ตนิกาย นทิ านวรรค เลม ๒ - หนา ที่ 724สัมมาสมั พทุ ธเจา ฯ ล ฯ. จบสามเณรสูตรที่ ๑๐ ๑๑. สามเณสี ูตร วา ดวยสามเณรีไฟติดท่วั ตวั ลอยอยูใ นอากาศ [๖๖๐] ฯ ล ฯ ทานพระมหาโมคคัลลานะไดต อบวา เมือ่ ผมลงมาจากภเู ขาคิชฌกูฏ ไดเหน็ สามเณรลี อยอยใู นเวหาส ผา สงั ฆาฏกิ ็ดีบาตรก็ดี ประคดเอวกด็ ี รา งกายกด็ ี ของสามเณรนี ัน้ อันไฟติดทั่วลุกโชตชิ วงแลว ไดย ินวา สามเณรนี ้ันสง เสียงรองครวญคราง ผมคิดวานาอศั จรรยจ ริงหนอ ไมเ คยมีมาหนอ สัตวแ มเ ห็นปานนกี้ จ็ กั มี ยกั ษแมเหน็ ปานนีก้ จ็ กั มี การไดอ ัตภาพแมเหน็ ปานนก้ี ็จักมี. [๖๖๑] ครง้ั นน้ั แล พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสกะภกิ ษุท้งั หลายวาดกู อ นภิกษุทั้งหลาย สาวกทั้งหลายเปนผมู จี ักษุหนอ เปน ผมู ญี าณหนอเพราะแมสาวกก็จักรจู กั เห็นสัตวเห็นปานนี้ หรือจกั เปนพยาน เม่ือกอนสามเณรีนั้นเราก็ไดเ หน็ แลวเหมอื นกัน แตว ามิไดพ ยากรณ หากวา เราจะพึงพยากรณสามเณรนี ้ไี ซร คนอ่ืนก็จะไมพ งึ เชื่อถือเรา ขอนั้นพึงเปน ไปเพ่อื มใิ ชป ระโยชน เพอ่ื ความทกุ ขสิ้นกาลนาน แกผ ทู ไ่ี มเชอ่ื ถือเราดูกอนภิกษุท้งั หลาย สามเณรีนี้ไดเ ปน สามเณรผูชวั่ ชาในศาสนาของพระกัสสปสัมมาสัมพทุ ธเจา ดว ยผลของกรรมนนั้ สามเณรีน้นั หมกไหมแ ลวในนรกหลายมี หลายรอยป หลายพันป หลายหมนื่ ป หลายแสนป ดว ยผลของกรรมน่นั แหละยงั เหลืออยู สามเณรีนัน้ จงึ ตองเสวยการไดอ ตั ภาพ

เห็นปานดงั น.้ี พระสตุ ตันตปฎ ก สงั ยุตตนกิ าย นิทานวรรค เลม ๒ - หนาที่ 725 จบสามเณรสี ูตรที่ ๑๑ จบทุติยวรรคท่ี ๒รวมพระสูตรที่มใี นวรรคน้ี คือ๑. กูปนิมุคคสตู ร ๒. คถู ขาทสิ ูตร๓. นิจฉวิตถสี ตู ร ๔. มงั คุฬิตถีสูตร๕. โอกลิ ินสี ูตร ๖. สีสจั ฉนิ นสูตร๗. ภิกษุสูตร ๘. ภิกขนุ ีสูตร๙. สกิ ขมานาสูตร ๑๐. สามเณรสตู ร๑๑. สามเณรสี ูตร จบลักขณสังยตุ ที่ ๗อรรถกถาภิกขนุ ีสตู รท่ี ๘ เปน ตน แมใ นเรอื่ งของนางภกิ ษณุ ี สิกขมานา สามเณร สามเณรี ก็มีวนิ จิ ฉยั อยางน้ีเหมอื นกันแล. จบอรรถกถาภกิ ขุนสี ูตรท่ี ๘ เปน ตน จบอรรถกถาลกั ขณสังยุต


















































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook