Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_14

tripitaka_14

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:39

Description: tripitaka_14

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 209 ๙. มหาสติปฏฐานสูตร๑ กถาวา ดว ยอทุ เทสวาร [๒๗๓] ขาพเจา ไดสดบั มาแลว อยางนี้ :- สมยั หนึ่ง พระผูมพี ระภาคเจา เสด็จประทบั อยูในหมูช นชาวกรุ ุ นคิ มของหมชู นชาวกุรุ ชอื่ กมั มาสทัมมะ ในกาลนน้ั แล พระผมู พี ระภาคเจา ตรสัเรียกภิกษทุ ัง้ หลายวา ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ดงั น.้ี ภิกษุทงั้ หลายเหลานัน้ ทูลรับพระพุทธพจนของพระผูมพี ระภาคเจา วา พระเจา ขา ดงั นี.้ พระผูมพี ระ-ภาคเจา จงึ ตรสั พระพุทธภาษิตนี้วา ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ทางนเี้ ปน ทไี่ ปอันเอก เพือ่ ความหมดจดวิเศษของสตั วทง้ั หลาย เพ่อื ความกา วลวงซึ่งความโศกและความรํ่าไร เพอ่ื อัสดงคดับไปแหง ทกุ ขแ ละโทมนัสเพื่อบรรลญุ ายธรรม เพื่อกระทําพระนิพพานใหแจงทางน้ีคอื สตปิ ฏฐาน (ธรรมเปนทตี่ ้ังแหง สต)ิ ๔ อยา ง. สติปฏ ฐาน ๔ อยา งเปนไฉน. ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุในธรรมวินัยนี้ ยอมพิจารณาเหน็ กายในกายเนือง ๆ อยู มีความเพยี รใหกิเลสเรา รอ น มสี มั ปชัญญะ มีสติ นําอภชิ ฌาและโทมนัส (ความยนิ ดียินราย) ในโลกเสียใหพนิ าศ เธอยอมพจิ ารณาเหน็เวทนาในเวทนาเนอื ง ๆ อยู มคี วามเพยี รใหก เิ ลสเรา รอ น มสี มั ปชญั ญะ มีสตินาํ อภิชฌาและโทมนสั ในโลกเสยี ใหพนิ าศ เธอยอมพิจารณาเหน็ จิตในจิต๑. พระศาสนโศภน (แจมจตฺตสลโฺ ล) วดั มกฏุ กษัตรยิ าราม แปล.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 210เนือง ๆ อยู มคี วามเพียรใหกิเลสเรา รอน มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ นําอภชิ ฌาและโทมนัสในโลกเสียใหพินาศ เธอยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมเนือง ๆอยู มคี วามเพียรใหกเิ ลสเรา รอน มีสมั ปชญั ญะ มีสติ นําอภิชฌาและโทมนสัในโลกเสียใหพินาศ. จบกถาวา ดวยอทุ เทสวาร กายานปุ ส สนา อานาปานบรรพ [๒๗๔] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ภกิ ษยุ อมพิจารณาเห็นกายในกายเนือง ๆ อยู อยางไรเลา. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี ไปแลว สปู า ก็ดี ไปแลว สูโคนไมก็ดี ไปแลวสเู รอื นวางเปลากด็ ี น่งั คบู ลั ลงั ก (ขัดสมาธิ) ต้ังกายใหต รงดาํ รงสติเฉพาะหนา. เธอยอ มหายใจเขา ยอมมีสตหิ ายใจออก เมอ่ื หายใจเขายาว ก็รชู ดั วา เราหายใจเขายาว หรอื เม่ือหายใจออกยาว กร็ ชู ัดวา เราหายใจออกยาว เมอื่ หายใจเขาสั้น ก็รูชัดวา เราหายใจเขา สน้ั หรอื เม่อื หายใจออกส้ัน กร็ ชู ัดวา เราหายใจออกส้นั ยอมสําเหนียกวา เ ราจักเปนผกู ําหนดรูตลอดกองลมหายใจทั้งปวง หายใจเขา ยอ มสําเหนียกวา เราจกั เปน ผกู ําหนดรูตลอดกองลมหายใจทั้งปวง หายใจออก ยอมสาํ เหนียกวา เราจักระงับกายสังขาร (คือลมอัสสาสะ ปสสาสะ) หายใจเขา ยอ มสาํ เหนียกวา เราจกั ระงบักายสังสาร หายใจออก. ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย แมฉันใด นายชา งกลงึ หรือลูกมอื ของนายชางกลึงผฉู ลาด เมื่อชักเชอื กกลงึ ยาว กร็ ชู ัดวา เราชักเชอื กกลึงยาว หรือเมอื่ ชกัเชือกกลงึ ส้ัน กร็ ชู ดั วา เราชักเชือกกลงึ สน้ั ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ภิกษกุ ็ฉัน

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 211นั้นนนั่ แหละ เมื่อหายใจเขา ยาวกร็ ูชัดวา เราหายใจเขายาว หรอื เมื่อหายใจออกยาว กร็ ูชดั วา เราหายใจออกยาว เมอ่ื หายใจเขาส้ัน ก็รชู ดั วา เราหายใจเขา สน้ั หรอื เม่อื หายใจออกสนั้ ก็รูชัดวา เราหายใจออกส้นั ยอ มสาํ เหนียกวาเราจักเปน ผูกําหนดรูตลอดกองลมหายใจทั้งปวงหายใจเขา ยอ มสาํ เหนยี กวาเราจกั เปนผกู ําหนดรตู ลอดกองลมหายใจทงั้ ปวง หายใจออก ยอมสําเหนยี กวาเราจักระงบั กายสงั ขาร หายใจเขา ยอ มสําเหนียกวา เราจกั ระงบั กายสังขารหายใจออก ดังน.ี้ ภิกษยุ อ มพิจารณาเห็นกายในกาย เปน ภายในบาง ยอมพจิ ารณาเห็นกายในกาย เปนภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายในภายนอกบาง ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกิดขนึ้ ในกายบางยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คือ ความเสือ่ มไปในกายบา ง ยอ มพิจารณาเหน็ธรรมดา คอื ทัง้ ความเกิดขึน้ ท้งั ความเสื่อมไปในกายบา ง. ก็หรอื สติของเธอทต่ี ั้งมัน่ อยวู า กายมีอยู แตเ พยี งสกั วาเปนท่ีรู แตเพยี งสักวาเปนท่ีอาศัยระลึกเธอเปนผอู ันตัณหาและทฏิ ฐิไมอ าศยั อยดู วย ยอ มไมยึดถอื อะไร ๆ ในโลกดว ย. ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภิกษยุ อมพิจารณาเหน็ กายในกายเนือง ๆ อยูอยา งน.ี้ จบขอกาํ หนดวาดว ยลมหายใจเขา ออก อริ ยิ าบถบรรพ [๒๗๕] ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ขอ อ่ืนยังมีอยอู ีก ภกิ ษเุ ม่อื เดินอยูกร็ ชู ัดวา เราเดนิ หรอื เมื่อยนื ก็รูชัดวา เรายนื หรอื เมื่อนัง่ ก็รชู ัดวาเรานง่ั หรือเมื่อนอน กร็ ูชดั วา เรานอน. อนึง่ เมื่อเธอนน้ั เปน ผตู ง้ั กายไว

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 212แลว อยางใด ๆ กย็ อมรูชัดอาการกายน้ัน อยา งนั้น ๆ ดงั น.้ี ภิกษุยอมพจิ ารณาเห็นกายในกาย เปนภายในบา ง ยอ มพิจารณาเหน็ กายในกายเปน ภายนอกบางยอ มพิจารณาเห็นกายในกาย ทง้ั ภายในภายนอกบา ง ยอมพิจารณาเห็นธรรมดาคอื ความเกิดขึ้นในกายบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมดา คอื ความเสือ่ มไปในกายบา ง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมดา คือ ทั้งความเกดิ ข้นึ ทัง้ ความเสอ่ื มไปในกายบาง. ก็หรือสติของเธอท่ตี งั้ มัน่ อยูว า กายมอี ยู แตเพียงสักวาเปนท่ีรู แตเพยี งสกั วาเปนทีอ่ าศยั ระลึก เธอเปน ผูอนั ตัณหาและทฏิ ฐิไมอ าศยั อยูด ว ย ยอ มไมย ึดถอื อะไร ๆ ในโลกดวย. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุยอมพิจารณาเห็นกายในกายเนือง ๆ อยูอยา งน.้ี จบขอกําหนดวาดวยอริ ิยาบถ สมั ปชญั ญบรรพ [๒๗๖] ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ขอ อ่ืนยังมีอยอู กี ภกิ ษยุ อมเปนผูทําสัมปชัญญะ (ความเปนผูร ูพรอ ม) ในการกาวไปขางหนา และถอยกลับมาขา งหลงั ยอ มเปนผทู าํ สมั ปชัญญะ ในการแลไปขางหนา แลเหลียวไปขางซา ยขางขวา ยอมเปนผูทําสมั ปชญั ญะ ในการคอู วัยวะเขา เหยียดอวยั วะออกยอ มเปนผทู าํ สมั ปชัญญะ ในการทรงผาสังฆาฏิ บาตร และจวี ร ยอมเปนผูทําสัมปชญั ญะ ในการกิน ดม เค้ียว และล้ิม ยอมเปน ผูทําสมั ปชัญญะในการถา ยอุจจาระและปสสาวะ ยอมเปน ผทู ําสัมปชญั ญะ ในการเดิน ยืน นง่ัหลบั ตืน่ พดู และความเปน ผูน ง่ิ อยู ดังน้ี.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 213 ภกิ ษยุ อมพิจารณาเหน็ กายในกาย เปน ภายในบา ง ยอ มพจิ ารณาเหน็กายในกาย เปน ภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย ทงั้ ภายในภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คือ ความคดิ เกดิ ขน้ึ ในกายบา ง ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คือ ความเสอ่ื มไปในกายบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมดา คือทั้งความเกิดขน้ึ ทั้งความเสื่อมไปในกายบา ง. กห็ รือสติของเธอต้งั ม่ันอยูวากายมอี ยู แตเ พยี งสกั วา เปน ท่รี ู แตเพียงสกั วาเปน ทอ่ี าศัยระลึก เธอเปนผูอันตัณหาและทิฏฐไิ มอาศัยอยูด วย ยอมไมย ดึ ถอื อะไร ๆ ในโลกดวย. ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษยุ อ มพิจารณาเห็นกายในกายเนอื ง ๆ อยูอยางน้.ี จบขอ กาํ หนดวา ดวยสมั ปชัญญะ ปฏิกลู มนสิการบรรพ [๒๗๗] ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ขอ อ่นื ยงั มอี ยูอกี ภิกษยุ อ มพิจารณากายนี้นแ่ี ล เบ้อื งบนแตพ้นื เทา ข้นึ ไปเบ้ืองตํ่าแตปลายผมลงมา มีหนงั หุมอยูโดยรอบ เตม็ ดว ยของไมสะอาดมปี ระการตาง ๆ วา มอี ยูในกายนคี้ อื ผม ขน เล็บ ฟน หนงั เน้อื เอน็ กระดูก เย่อื ในกระดูก มา มหวั ใจ ตับ พงั ผืด ไต ปอด ไสใ หญ ไสน อ ย อาหารใหม อาหารเกาน้าํ ดี นํา้ เสลด นํ้าเหลอื ง นํ้าเลือด นาํ้ เหงอ่ื มนั ขน นํา้ ตา มนั เหลวนํา้ ลาย น้ํามูก ไขขอ น้ํามตู ร. ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ไถมีปาก ๒ ขาง เต็มดวยธัญญชาติ มีประการตา ง ๆ คอื . ขา วสาลี ขาวเปลอื ก ถวั่ เขยี ว ถวั่ เหลอื ง งา ขาวสาร บรุ ุษมีจักษุแกไถน ั้นออกแลวพงึ เห็นไดวา เหลา น้ี ขา วสาลี เหลานี้ ขาวเปลอื ก เหลา น้ี

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 214ถวั่ เขยี ว เหลา น้ี ถว่ั เหลอื ง เหลา น้ี งา เหลา น้ี ขา วสาร ฉนั ใด ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย ฉันนัน้ นนั่ แล ภิกษุยอมพจิ ารณากายน้นี ่แี ล เบื้องบนแตพ ้นื เทา ข้ึนไปเบื้องต่ําแตปลายผมลงมา มีหนงั หุมอยูโดยรอบ เตม็ ดวยของไมสะอาดมปี ระการตา ง ๆ วา มีอยใู นกายน้ี คอื ผม ขน เลบ็ ฟน หนัง เน้อื เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก มามหวั ใจ ตับ พังผดื ไต ปอด ไสใหญ ไสนอย อาหารใหม อาหารเกานา้ํ ดี นํ้าเสลด นาํ้ เหลือง น้ําเลือด น้ําเหง่อื มนั ขน นาํ้ ตา มันเหลวนํา้ ลาย นาํ้ มูก ไขขอ นํา้ มูตร ดงั นี.้ ภิกษยุ อ มพิจารณาเห็นกายในกาย เปน ภายในบา ง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกายเปน ภายนอกบาง ยอ มพิจารณาเห็นกายในกาย ทง้ั ภายใน ท้งั ภายนอกบา ง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมดา คอื ความเกิดขึ้นในกายบา ง ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คอื ความเสื่อมไปในกายบาง ยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คือทง้ั ความเกดิ ขน้ึ ทัง้ ความเส่ือมไปในกายบา ง. ก็หรอื สติของเธอท่ีตงั้ ม่นั อยวู ากายมอี ยู แตเ พยี งสักวาเปนทีร่ ู แตเ พยี งสักวาเปนท่ีอาศยั ระลึก เธอเปน ผูอนั ตณั หาและทิฏฐไิ มอ าศยั อยูด วย ยอ มไมย ึดถืออะไร ๆ ในโลกดว ย. ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย ภกิ ษยุ อมพจิ ารณาเหน็ กายในกายเนอื ง ๆ อยูอยางน้ี. จบขอกําหนดวา ดว ยของปฏิกูล. ธาตมุ นสิการบรรพ [๒๗๘] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ขอ อ่ืนยังมอี ยอู กี ภกิ ษุยอ มพจิ ารณากายอันต้ังอยูตามท่ีต้ังอยูต ามปกติน้นี ี่แล โดยความเปน ธาตวุ า มอี ยูในกายน้ีธาตดุ ิน ธาตุน้ํา ธาตไุ ฟ ธาตุลม.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 215 ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย คนฆาโค หรือลูกมอื คนฆาโคผฉู ลาด ฆาแมโ คแลว พงึ แบงออกเปน สว น แลวน่งั อยทู ห่ี นทางใหญ ๔ แพรง แมฉนั ใดดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุ ฉันน้นั น่ันแล ยอมพิจารณากาย อันตั้งอยูตามท่ีตัง้ อยตู ามปกตนิ ี้นแี่ ล โดยความเปน ธาตวุ า มีอยใู นกายนี้ ธาตุดินธาตุนา้ํ ธาตไุ ฟ ธาตลุ ม ดังน้.ี ภกิ ษุยอมพิจารณาเห็นกายในกายเปนภายในบา ง ยอมพิจารณาเหน็ กายในกาย เปนภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย ทงั้ ภายใน ทง้ั ภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกดิขนึ้ ในกายบาง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมดา คือ ความเสอื่ มไปในกายบา ง ยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คือ ทัง้ ความเกดิ ข้นึ ทงั้ ความเสอื่ มไปในกายบา ง. ก็หรอืสติของเธอท่ีตัง้ มน่ั อยวู ากายมอี ยู แตเ พยี งสักวา เปนทร่ี ู แตเ พียงสกั วา เปนท่ีอาศยั ระลกึ เธอเปนผอู ันตัณหาและทฏิ ฐิไมอ าศยั อยดู ว ย ยอมไมย ึดถืออะไร ๆในโลกดว ย. ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษยุ อ มพจิ ารณาเหน็ กายในกายเนอื ง ๆ อยูอยางน้ี. จบขอกาํ หนดวา ดวยธาตุ นวสีวถกิ าบรรพ [๒๗๙] ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ขออืน่ ยังมีอยอู ีก ภกิ ษเุ หมือนกะวาจะพึงเห็นสรรี ะ (ซากศพ) ท่ีเขาทิง้ ไวแลว ในปาชา ตายแลววันหน่งึ หรือตายแลว ๒ วนั หรอื ตายแลว ๓ วนั อันพองข้นึ สีเขยี วนา เกลียดเปนสรรี ะมนี ้าํเหลอื งไหลนาเกลยี ด. เธอก็นอ มเขา มาสูกายนีน้ แ่ี ลวา ถึงรางกายอันนเี้ ลา กม็ ีอยางนเี้ ปนธรรมดา คงเปนอยางน้ี ไมล วงพนความเปน อยางน้ีไปได ดงั น้ี.

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 216 ภิกษยุ อ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย เปน ภายในบาง ยอมพิจารณาเห็นกายในกาย เปน ภายนอกบาง ยอมพจิ ารณาเห็นกายในกาย ท้งั ภายในภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คอื ความเกดิ ข้นึ ในกายบา ง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมดา คอื ความเสือ่ มไปในกายบาง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมดา คือทั้งความเกดิ ขน้ึ ทั้งความเสือ่ มไปในกายบาง. ก็หรอื สติของเธอท่ีตงั้ ม่นั อยวู ากายมอี ยู แตเ พยี งสักวา เปน ท่ีรู แตเ พียงสกั วา เปน ทอ่ี าศยั ระลกึ เธอเปน ผอู ันตณั หาและทิฏฐิไมอาศยั อยูด ว ย ยอมไมย ึดถอื อะไร ๆ ในโลกดวย. ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษยุ อมพจิ ารณาเหน็ กายในกายเนือง ๆ อยูอยา งน.ี้ [๒๘๐] ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย ขออ่นื ยังมีอยอู กี ภกิ ษุเหมือนกะวาจะพึงเหน็ สรีระ (ซากศพ) ทเ่ี ขาทิ้งไวแลวในปาชา อนั ฝงู กาจิกกินอยูบา ง ฝูงแรงจิกกินอยูบาง ฝงู นกตระกรมุ จิกกนิ อยูบ า ง หมสู ุนัขกดั กนิ อยบู า ง หมูสนุ ัขจง้ิ จอกกดั กินอยบู าง หมูสตั วตัวเลก็ ๆ ตาง ๆ กัดกนิ อยูบ าง เธอก็นอ มเขา มาสกู ายนน้ี ีแ่ ลวา ถงึ รางกายอนั นี้เลา กม็ ีอยางนี้เปนธรรมดา คงเปน อยา งน้ีไมล ว งความเปน อยางนไี้ ปได ดังน.ี้ ภกิ ษยุ อมพิจารณาเหน็ กายในกาย เปน ภายในบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย เปน ภายนอกบา ง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย ทง้ั ภายใน ทั้งภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกิดขน้ึ ในกายบา ง ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คือ ความเสอ่ื มไปในกายบา ง ยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมดาคอื ท้งั ความเกิดขึ้น ท้งั ความเสื่อมไปในกายบา ง. ก็หรือสตขิ องเธอท่ีตัง้ มนั่ อยูวากายมีอย.ู แตเ พยี งสกั วาเปนทรี่ ู แตเพยี งสักวาเปนท่ีอาศัยระลึก เธอเปน ผูอนั ตณั หาและทฏิ ฐไิ มอ าศัยอยูดว ย ยอ มไมย ดึ ถืออะไร ๆ ในโลกดว ย

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 217 ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษยุ อมพิจารณาเหน็ กายในกายเนือง ๆ อยูอยางน.้ี [๒๘๑] ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ขอ อื่นยังมีอยูอ ีก ภิกษุเหมอื นกะวาจะพงึ เหน็ สรีระ (ซากศพ) ท่เี ขาทงิ้ ไวแลวในปาชา เปน รางกระดูก ยังมเี นื้อและเลอื ด อนั เสน เอ็นรดั รึงอยู เธอก็นอ มเขามาสูกายน้นี ่ีแลวา ถงึ รางกายอนั นี้เลาก็มอี ยา งน้เี ปนธรรมดา คงเปนอยางน้ี ไมลว งความเปนอยา งนีไ้ ปได ดงั น.้ี ภิกษยุ อ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย เปน ภายในบา ง ยอ มพิจารณาเห็นกายในกาย เปนภายนอกบาง ยอมพิจารณาเหน็ กายในกาย ทงั้ ภายใน ท้ังภายนอกบาง ยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คอื ความเกิดข้ึนในกายบาง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเสอ่ื มไปในกายบาง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมดาคอื ทั้งความเกดิ ขึน้ ทั้งความเส่อื มไปในกายบาง. กห็ รอื สติของเธอตัง้ มน่ั อยูวากายมอี ยู แตเพยี งสกั วาเปนท่รี ู แตเ พยี งสักวา เปนที่อาศยั ระลึก เธอยอมเปน ผอู ันตัณหาและทิฏฐไิ มอ าศยั อยดู วย ยอ มไมยึดถืออะไร ๆ ในโลกดวยภิกษยุ อมพจิ ารณาเหน็ กายในกายเนือง ๆ อยูอยา งน้ี. [๒๘๒] ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ขอ อน่ื ยงั มอี ยูอีก ภิกษุเหมือนกะวาจะพงึ เห็นสรีระ (ซากศพ) ท่ีเขาท้งิ ไวแลวในปา ชา เปนรา งกระดกู เปอ นดวยเลือด แตป ราศจากเนอื้ แลว ยงั มเี สน เอน็ รดั รงึ อยู เธอก็นอมเขามาสกู ายนี้นี่แลวา ถึงรา งกายอนั น้ีเลา กม็ ีอยา งนี้เปน ธรรมดา คงเปน อยางน้ี ไมล ว งความเปน อยางนีไ้ ปได ดังน.้ี ภิกษยุ อมพจิ ารณาเหน็ กายในกาย เปน ภายในบาง ยอ มพิจารณาเหน็กายในกาย เปน ภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย ทง้ั ภายในทัง้ ภาย-นอกบาง ยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมดา คือ ความเกดิ ข้ึนในกายบา ง ยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมดา คอื ความเสอ่ื มไปในกายบา ง ยอมพจิ ารณาเห็นทง้ั ความเกดิ ข้ึน

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 218ทั้งความเสอ่ื มไปในกายบา ง ก็หรอื สติของเธอท่คี งม่นั อยวู ากายมอี ยู แตเพียงสกั วา เปนที่รู แตเ พียงสกั วาเปน ทอ่ี าศยั ระลึก เธอยอมเปน ผูอ ันตณั หาและทฏิ ฐิไมอาศยั อยูดวย ยอมไมย ึดถืออะไร ๆ ในโลกดว ย. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ภิกษยุ อมพจิ ารณาเห็นกายในกายเนืองๆอยอู ยางน้ี [๒๘๓] ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ขอ อนื่ ยังมีอยอู กี ภกิ ษเุ หมอื นกะวาจะพึงเหน็ สรีระ (ซากศพ) ที่เขาทง้ิ ไวแ ลวในปาชา เปนรา งกระดูก ปราศจากเนื้อและเลือดแลว ยังมีเสนเอ็นรัดรงึ อยู เธอกน็ อมเขามาสกู ายน้ีน่ีแลวา ถึงรา งกายอันนเ้ี ลา ก็มีอยา งน้ีเปนธรรมดา คงเปนอยางน้ี ไมล วงความเปนอยางนไี้ ปได ดังนี้ ภิกษยุ อมพิจารณาเหน็ กายในกาย เปน ภายในบา ง ยอ มพจิ ารณาเหน็ กายในกาย เปน ภายนอกบาง ยอมพิจารณาเหน็ กายในกาย ทั้งภายในทง้ัภายนอกบา ง ยอมพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกิดขึน้ ในกายบาง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ท้งั ความเกดิ ขน้ึ ท้ังความเส่อื มไปในกายบา ง. ก็หรอื สติของเธอที่ตัง้ ม่ันอยูว า กายมีอยู แตเ พยี งสักวาเปนทร่ี ู แตเ พยี งสกั วาเปน ที่อาศยั ระลึก เธอยอ มเปน ผูอันตัณหาและทิฏฐไิ มอ าศัยอยูดว ย ยอ มไมยึดถืออะไร ๆ ในโลกดว ย. ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ภิกษยุ อ มพจิ ารณาเหน็ กายในกายเนืองๆอยูอยา งนี.้ [๒๘๔] ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ขออ่นื ยงั มอี ยอู ีก ภกิ ษเุ หมอื นกบั วา จะพงึ เห็นสรีระ (ซากศพ) ท่เี ขาทง้ิ ไวแลว ในปา ชา คือเปน (ทอ น) กระดูกปราศจากเสน เอน็ เครอื่ งรัดรึงแลว กระจายไปแลว ในทิศนอ ยและทิศใหญ คือกระดกู มือ (ไปอยู) ทางอนื่ กระดกู เทา (ไปอยู) ทางอื่น กระดูกแขง (ไปอย)ู ทางอื่น กระดูกขา (ไปอย)ู ทางอ่ืน กระดูกสะเอว (ไปอยู ) ทางอ่ืนกระดูกหลงั (ไปอย)ู ทางอนื่ กระดูกสันหลัง (ไปอย)ู ทางอ่ืน กระดูกซ่โี ครง(ไปอย)ู ทางอนื่ กระดูกหนาอก (ไปอย)ู ทางอนื่ กระดูกไหล (ไปอย)ู ทางอ่ืน

พระสุตตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 219กระดูกแขน (ไปอย)ู ทางอน่ื กระดกู คอ (ไปอยู) ทางอ่นื กระดกู คาง (ไปอยู)ทางอ่นื กระดูกฟน (ไปอย)ู ทางอนื่ กระโหลกศีรษะ (ไปอยู) ทางอืน่ . เธอกน็ อ มเขา มาสกู ายนี้นแี่ ลวา ถึงรา งกายอนั นเ้ี ลา ก็มอี ยา งนเ้ี ปน ธรรมดา คงเปนอยางน้ี ไมลวงความเปน อยา งน้ไี ปได ดงั น้.ี ภกิ ษุยอ มพิจารณาเห็นกายในกาย เปน ภายในบา ง ยอ มพิจารณาเห็นกายในกาย เปน ภายนอกบา ง ยอมพจิ ารณาเหน็ กายในกาย ทัง้ ภายในภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คือ ความเกิดขนึ้ ในกายบา ง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเส่ือมไปในกายบา ง ยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คือทง้ัความเกิดขนึ้ ทัง้ ความเสือ่ มไปในกายบา ง. กห็ รือวาสตขิ องเธอท่ีตัง้ มั่นอยูวากายมอี ยู แตเ พียงสกั วา เปนทร่ี ู แตเ พียงสักวา เปน ท่อี าศัยระลกึ เธอยอมเปน ผูอ ันตัณหาและทิฏฐไิ มอ าศยั อยูดว ย ยอมไมยดึ ถืออะไร ๆ ในโลกดว ย. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษยุ อ มพิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆอยูอยา งน้ี. [๒๘๕] ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ขอ อน่ื ยังมอี ยูอกี ภกิ ษุเหมือนกะวา จะพงึ เหน็ สรีระ (ซากศพ) ที่เขาทง้ิ ไวแลวในปา ชา คอื เปน (ทอ น) กระดูก มีสขี าวเปรียบดว ยสีสังข เธอกน็ อมเขามาสกู ายนี้นแ่ี ลวา ถึงรางกายอันน้เี ลา ก็มอี ยา งนเี้ ปนธรรมดา คงเปน อยางนี้ ไมลวงความเปนอยา งนี้ไปได ดังน้ี. ภิกษยุ อมพจิ ารณาเหน็ กายในกาย เปน ภายในบาง ยอ มพิจารณาเห็นกายในกาย เปน ภายนอกบา ง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายในท้งัภายนอกบาง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมดา คอื ความเกิดขึน้ ในกายบา ง ยอมพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเสอ่ื มไปในกายบา ง ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมดาคือ ท้ังความเกดิ ขน้ึ ท้ังความเสอื่ มในกายบาง. กห็ รอื สตขิ องเธอท่ตี งั้ มน่ั อยูวา กายมีอยู แตเ พยี งสักวา เปน ทรี่ ู แตเพยี งสกั วา เปน ทีอ่ าศัยระลกึ . เธอยอมเปนผูอันตณั หาและทิฏฐิไมอ าศยั อยดู ว ย ยอมไมยดึ ถืออะไร ๆ ในโลกดวย.

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 220 ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษยุ อมพจิ ารณาเหน็ กายในกายเนืองๆ อยอู ยา งน้ี. [๒๘๖] ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ขออน่ื ยงั มีอยอู ีก ภกิ ษเุ หมือนกะวา จะพงึ เหน็ สรรี ะ (ซากศพ) ทเี่ ขาทิง้ ไวแ ลวในปาชา คือเปน (ทอน) กระดูก เปนกองเร่ยี รายแลว มใี นภายนอก (เกิน) ปหนง่ึ ไปแลว เธอกน็ อมเขามาสูกายน้นี ี่แลวา ถงึ รา งกายอันนเ้ี ลา ก็มอี ยางนี้เปนธรรมดา คงเปนอยา งนี้ ไมล วงความเปน อยา งน้ไี ปได ดังน.้ี ภิกษุ ยอมพิจารณาเหน็ กายในกาย เปน ภายในบาง ยอมพิจารณาเห็นกายในกาย เปน ภายนอกบา ง ยอ มพจิ ารณาเห็นกายในกาย ทง้ั ภายในท้งั ภายนอกบา ง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คือความเกดิ ข้ึนในกายบา ง ยอมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเสื่อมไปในกายบาง ยอมพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ท้งัความเกิดขนึ้ ทัง้ ความเสือ่ มในกายบา ง. ก็หรือสตขิ องเธอทต่ี ง้ั มนั่ อยวู า กายมีอย.ู แตเพียงสกั วาเปน ทอ่ี าศยั ระลกึ เธอยอ มเปนผูอันตณั หาและทฏิ ฐไิ มอ าศยัอยดู ว ย ยอ มไมยึดถืออะไร ๆ ในโลกดวย. ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ภิกษุยอมพจิ ารณาเหน็ กายในกายเนอื ง ๆ อยอู ยางน.ี้ [๒๘๗] ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ขอ อ่นื ยงั มอี ยูอีก ภกิ ษุเหมือนกะวา จะพึงเห็นสรีระ (ซากศพ) ที่เขาท้งิ ไวแ ลว ในปาชา คอื เปน (ทอ น) กระดูกผุละเอียดแลว. เธอก็นอ มเขามาสกู ายน้ีนเ่ี ลา ถงึ รางกายอนั นีเ้ ลา กม็ อี ยางน้ีเปน ธรรมดา คงเปน อยา งน้ี ไมล ว งพน ความเปนอยางน้ไี ปได ดงั น.้ี ภิกษยุ อมพิจารณาเหน็ กายในกาย เปนภายในบา ง ยอ มพิจารณาเห็นกายในกาย เปนภายนอกบา ง ยอ มพิจารณาเหน็ กายในกาย ท้ังภายในทง้ัภายนอกบา ง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกดิ ข้ึนในกายบา ง ยอ ม

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 221พิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเสอ่ื มไปในกายบา ง ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมดาคอื ทง้ั ความเกิดขน้ึ ทั้งความเสื่อมไปในกายบาง. ก็หรือวาสติของเธอทต่ี ั้งมัน่อยวู ากายมีอยู แตเ พยี งสกั วา เปนท่ีรู แตเพยี งสกั วาเปนท่ีอาศัยระลกึ . เธอยอ มเปนผอู นั ตัณหาและทฏิ ฐิไมอ าศยั อยูดว ย ยอ มไมยึดถืออะไร ๆ ในโลกดวย. ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษุยอ มพจิ ารณาเหน็ กายในกายเนืองๆอยูอยางน.้ี จบขอกาํ หนดดวยปาชา ๙ ขอ จบกายานุปส สนา เวทนานุปส สนา [๒๘๘] ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ก็อยา งไร ภกิ ษยุ อมพิจารณาเหน็ เวทนา(ความเสวยอารมณ) ในเวทนาเนือง ๆ อยู. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุในธรรมวินยั น้ี เมอ่ื เสวยสขุ เวทนา กร็ ูชัดวา บดั นเ้ี ราเสวยสุขเวทนา เมือ่ เสวยทกุ ขเวทนา ก็รูชัดวา บัดน้ีเราเสวยทุกขเวทนา เมอื่ เสวยอทกุ ขมสุขเวทนา (ไมทกุ ข ไมส ุข) กร็ ูชัดวา บัดนี้เราเสวยอทกุ ขมสขุ เวทนา หรือเม่ือเสวยสุขเวทนามีอามิส (คือเจือกามคุณ )กร็ ชู ัดวา บัดนีเ้ ราเสวยสุขเวทนามีอามสิ หรอื เมอ่ื เสวยสขุ เวทนาไมม ีอามสิ(คอื ไมเ จือกามคณุ ) กร็ ชู ัดวา บัดนีเ้ ราเสวยสุขเวทนาไมม อี ามิส หรอื เม่ือเสวยทกุ ขเวทนามอี ามสิ กร็ ชู ัดวา บดั นี้เราเสวยทกุ ขเวทนาไมม อี ามิส หรอื เม่ือเราเสวยทุกขเวทนาไมม ีอามสิ ก็รูชดั วา บดั นีเ้ ราเสวยทกุ ขเวทนาไมม อี ามสิหรือเมอ่ื เสวยอทกุ ขมสุขเวทนามอี ามสิ ก็รูชัดวา บดั นเี้ ราเสวยอทุกขมสุขเวทนามีอามิส หรอื เมอ่ื เสวยอทุกขมสขุ เวทนาไมมีอามสิ กร็ ชู ดั วา บดั นี้เราเสวยอทุกขมสุขเวทนาไมมอี ามิส ดังน้ี .

พระสตุ ตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 222 ภกิ ษุพจิ ารณาเห็นเวทนาในเวทนา เปน ภายในบาง ยอมพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาเปนภายนอกบาง ยอมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งภายในท้งั ภายนอกบาง ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกดิ ข้ึนในเวทนาบา ง ยอมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเส่อื มไปในเวทนาบา ง ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คือทั้งความเกิดขน้ึ ทง้ั ความเสือ่ มไปในเวทนาบา ง. ก็หรอื สติของเธอท่ตี ั้งมน่ั อยูวาเวทนามีอยู แตเ พยี งสกั วา เปน ทีร่ ู แตเพียงสักวา เปนที่อาศัยระลกึ เธอยอ มเปนผอู นั ตัณหาและทิฏฐไิ มอ าศัยอยูดวย ยอมไมย ดึ ถอือะไร ๆ ในโลกดว ย. ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุยอ มพิจารณาเหน็ เวทนาในเวทนาเนอื ง ๆอยูอยางน้แี ล. จบเวทนานปุ ส สนา จติ ตานุปส สนา [๒๘๙] ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย ก็อยา งไร ภกิ ษยุ อมพจิ ารณาเหน็ จติในจติ เนือง ๆ อยู. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ัยนี้ อน่งึ จิตมรี าคะ ก็รูชดั วาจติ มรี าคะ หรือจิตไมมรี าคะ ก็รูช ดั วา จิตไมมีราคะ หรือจติ มโี ทสะ กร็ ูชัดวาจติ มโี ทสะ หรือจิตไมมีโทสะ กร็ ชู ัดวา จติ ไมมีโทสะ หรอื จิตมีโมหะ กร็ ูชดั วาจิตมีโมหะ หรือจิตไมม ีโมหะ กร็ ูช ดั วา จิตไมม ีโมหะ หรอื จิตหดหู กร็ ชู ดั วาจติ หดหู หรือจิตฟุงซา น กร็ ูช ดั วา จติ ฟุง ซาน หรือจติ เปน มหรคต (คอื ถงึ ความเปนใหญ หมายเอาจติ ทีเ่ ปนฌาน หรอื เปนอัปปมัญญา พรหมวหิ าร) ก็รชู ดั วาจิตเปน มหรคต จติ ไมเปนมหรคต ก็รูชดั วา จิตไมเปน มหรคต หรือจติ เปนสอตุ ตระ (คือกามาวจรจติ ซ่งึ มจี ิตอน่ื ยงิ่ กวา ไมถงึ อปุ จารสมาธ)ิ กร็ ชู ัดวา จติ

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 223เปน สอุตตระ หรอื จิตเปน อนุตตระ (คือกามาวจรจติ ไมมจี ติ อืน่ ยงิ่ กวา หมายเอาอุปจารสมาธ)ิ กร็ ชู ัดวาจิตเปน อนตุ ตระ หรอื จิตตั้งมัน่ กร็ ชู ัดวา จติ ตง้ั มัน่หรอื จติ ไมตง้ั มน่ั กร็ ูชดั วาจติ ไมตงั้ ม่ัน หรอื จิตวมิ ตุ ติ (คือหลุดพนดว ยตทงั ค-วิมตุ ติ และวิกขมั ภนวมิ ุตต)ิ ก็รูช ดั วา จิตวิมุตติ หรือจิตยังไมว ิมุตติ กร็ ูชัดวาจิตยงั ไมวิมตุ ติ ดงั นี้. ภกิ ษุยอมพจิ ารณาเหน็ จติ ในจติ เปนภายในบาง ยอ มพิจารณาเหน็ จิตในจติ เปนภายนอกบาง ยอมพิจารณาเห็นจติ ในจติ ทั้งภายในท้ังภายนอกบางยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คือ ความเกดิ ขึ้นในจติ บาง ยอ มพจิ ารณาเหน็ธรรมดา คอื ทง้ั ความเกดิ ขึน้ ท้ังความเสอ่ื มไปในจิตบาง. กห็ รอื สตขิ องเธอทตี่ ง้ั มั่นอยวู า จติ มอี ยู แตเพียงสักวาเปน ทรี่ ู แตเ พยี งสักวาเปน ทอ่ี าศยั ระลกึ .เธอยอ มเปนผอู ันตัณหาและทิฏฐิไมอาศยั อยดู ว ย ยอ มไมย ึดถอื อะไร ๆ ในโลกดวย. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษยุ อ มพจิ ารณาเห็นจติ ในจติ เนอื ง ๆ อยูอยางนี้แล. จบจิตตานุปสสนา ธมั มานปุ ส สนา นีวรณบรรพ [๒๙๐] ดกู อนภิกษุทั้งหลาย กอ็ ยา งไร ภกิ ษยุ อ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมเนือง ๆ อยู ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษใุ นธรรมวินยั น้ี ยอมพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรม คอื นวิ รณ ๕. ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย กอ็ ยางไร ภิกษุยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมคือ นวิ รณ ๕ ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษใุ นธรรมวินัยนี้ เม่อื กามฉนั ท(ความพอใจในกามารมณ) มี ณ ภายในจติ ยอมรชู ดั วา กามฉันท มีอยู ณภายในจิตของเรา หรอื เมอ่ื กามฉนั ทไมม ี ณ ภายในจิต ยอ มรชู ัดวา กามฉันท

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 224ไมม ี ณ ภายในจิตของเรา อนง่ึ ความทก่ี ามฉันทอ นั ยงั ไมเกดิ ข้ึน ยอ มเกิดขึน้ดว ยประการใด ยอมรูประการนัน้ ดวย อน่งึ ความละกามฉนั ทท ่เี กดิ ขน้ึ แลวเสยี ไดด ว ยประการใด ยอ มรูประการนน้ั ดว ย อนง่ึ ความท่กี ามฉันทอ นั ตนละเสียแลว ไมเ กิดขึ้นตอไปไดดวยประการใด ยอมรปู ระการนนั้ ดวย อนงึ่ เมอื่ พยาบาท มี ณ ภายในจิตยอ มรูช ดั วา พยาบาท มีอยู ณภายในจิตของเรา หรอื เมอื่ พยาบาทไมม ี ณ ภายในจติ ยอ มรชู ดั วา พยาบาทไมมี ณ ภายในจติ ของเรา ความทพ่ี ยาบาทอันยงั ไมเ กดิ ขนึ้ ยอ มเกดิ ข้ึนดวยประการใด ยอมรปู ระการนั้นดวย ความละพยาบาททีเ่ กดิ ข้ึนแลว เสยี ไดด ว ยประการใด ยอ มรูประการน้ันดวย ความทพ่ี ยาบาทอันตนละเสยี แลวไมเ กดิ ข้นึตอไปไดดวยประการใด ยอมรปู ระการนั้นดวย. อนึง่ ถนิ่ มทิ ธะ มี ณ ภายในจติ ยอ มรชู ัดวา ถ่นิ มทิ ธะมอี ยู ณ ภายในจิตของเรา หรอื เม่ือถิน่ มทิ ธะไมม ี ณ ภายในจิต ยอมรชู ดั วา ถน่ิ มทิ ธะไมมีณ ภายในจิตของเรา ความทถ่ี น่ิ มิทธะอนั ยังไมเกิดข้ึน ยอ มเกดิ ขนึ้ ดว ยประการใด ยอมรปู ระการน้นั ดว ย ความละถ่นิ มิทธะท่ีเกิดขึ้นแลว เสยี ไดด ว ยประการใด ยอมรปู ระการน้นั ดว ย ความละถ่นิ มทิ ธะอันตนละเสยี แลว ไมเกิดขึ้นตอ ไปไดด ว ยประการใดยอ มรปู ระการนน้ั ดวย. อนึง่ เม่อื อุทธจั จกกุ กจุ จะ (ความฟุงซานและรําคาญใจ) มี ณ ภายในจิต ยอมรชู ดั วา อุทธจั จกุกกจจะ มอี ยู ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่ออุทธัจจกุกกจุ จะไมมี ณ ภายในจิต ยอมรูชดั วา อุทธจั จกกุ กุจจะไมมี ณภายในจิตของเรา ความท่อี ทุ ธัจจกุกกุจจะอนั ยังไมเ กิดขึน้ ยอ มเกดิ ขนึ้ดว ยประการใด ยอมรูประการนั้นดว ย ความละอทุ ธัจจกกุ กจุ จะทเ่ี กดิ ข้นึ แลว

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 225เสียไดด ว ยประการใด ยอ มรปู ระการน้ันดวย ความท่อี ทุ ธัจจกกุ กจุ จะอันตนละเสียแลว ไมเกดิ ขนึ้ ตอ ไปไดด วยประการใด ยอมรปู ระการนน้ั ดวย. อนึ่ง เมอื่ วิจิกจิ ฉา (ความเคลือบแคลงสงสัย) มี ณ ภายในจิต ยอมรชู ัดวา วจิ ิกจิ ฉามีอยู ณ ภายในจิตของเรา หรอื เม่อื วจิ กิ ิจฉาไมม ี ณ ภายในจติยอ มรชู ัดวา วจิ ิกจิ ฉาไมมี ณ ภายในจิตของเรา ความทวี่ จิ กิ ิจฉาอนั ยังไมเกิดขึ้น ยอ มเกดิ ขนึ้ ดว ยประการใด ยอ มรปู ระการนนั้ ดว ย ความละวิจิกจิ ฉาทีเ่ กิดขนึ้ แลว เสียไดดวยประการใด ยอมรูประการน้นั ดว ย ความทวี่ ิจกิ ิจฉาอันตนละเสียแลว ไมเ กดิ ขนึ้ ตอ ไปไดดวยประการใด ยอ มรูประการน้นั ดว ย ดังน้.ี ภกิ ษยุ อมพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรม เปนภายในบาง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมเปน ภายนอกบา ง ยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมทง้ั หลายท้ังภายในทั้งภายนอกบาง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกดิ ขนึ้ ในธรรมบางยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คือ ความเส่อื มไปในธรรมบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมดา คอื ทงั้ ความเกดิ ขึน้ ทง้ั ความเส่ือมไปในธรรมบาง. กห็ รอื สตขิ องเธอท่ีตัง้ มนั่ อยวู าธรรมมอี ยู แตเพยี งสกั วา เปน ที่รู แตเพียงสกั วาเปนทอ่ี าศัยระลกึ .เธอยอมเปนผอู นั ตณั หาและทฏิ ฐไิ มอาศยั อยดู วย ยอ มไมย ดึ ถืออะไรๆในโลกดว ย. ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ภิกษุยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรม คอื นวิ รณ ๕อยางนแี้ ล. จบ ขอกําหนดนวิ รณ ขันธบรรพ [๒๙๑] ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ขอ อ่นื ยังมอี ยูอีก ภิกษุ ยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมคอื อปุ าทานขนั ธ ๕. ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็อยา งไร ภกิ ษุยอมพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมคืออปุ าทานขันธ ๕.

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 226 ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี (ยอมพิจารณาดังนี้ วา) อยา งน้ี รูป (สิง่ ทีท่ รดุ โทรม) อยางนี้ ความเกิดขึ้นของรปู อยา งน้ีความดับไปของรูป อยา งน้ีเวทนา (ความเสวยอารมณ) อยางนี้ความเกิดขึน้ ของเวทนา อยางนี้ความดับไปของเวทนา อยางนส้ี ัญญา (ความจํา) อยา งนี้ความเกดิ ขึ้นของสญั ญา อยางนีค้ วามดับไปของสญั ญา อยางนี้ สงั ขาร (สภาพปรุงแตง)อยา งนี้ ความเกดิ ของสังขาร อยางนี้ ความดบั ของสังขาร อยา งนี้ วิญญาณ(ความร)ู อยางนี้ ความเกิดขึ้นของวิญญาณ อยา งน้ี ความดับไปของวญิ ญาณดังนี้. ภิกษยุ อมพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรม เปนภายในบาง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมในธรรมเปน ภายนอกบาง ยอ มพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรม ทงั้ ภายใน ทัง้ ภายนอกบา ง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกิดขึน้ ในธรรมบา งยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คือ ความเสอ่ื มไปในธรรมบา ง ยอ มพิจารณาเหน็ธรรมดา คือ ท้ังความเกดิ ข้ึน ท้ังความเส่ือมไปในธรรมบา ง. ก็หรอื สติของเธอท่ตี ้งั ม่ันอยวู าธรรมมอี ยู แตเ พยี งสักวาเปนที่รู แตเพียงสกั วา เปน ทอ่ี าศยั ระลกึ .เธอยอมเปน ผอู ันตัณหาและทิฏฐิไมอ าศัยอยดู ว ย ยอมไมยึดถอื อะไรๆในโลกดว ย. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษยุ อมพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรม คอื อปุ า-ทานขนั ธ ๕ อยางนีแ้ ล. จบขอกาํ หนดวาดวยขนั ธ. อายตนบรรพ [๒๙๒] ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ขอ อนื่ ยังมีอยูอีก ภิกษุยอ มพจิ ารณาธรรมในธรรม คือ อายตนะภายใน และอายตนะภายนอก ๖ (อยางละ ๖)

พระสุตตนั ตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 227 ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย ก็อยางไร อายตนบรรพภกิ ษยุ อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คอื อายตนะภายในและอายตนะภายนอก ๖. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยอมรจู กั ตาดวย ยอมรูจักรูปดว ย อน่งึ สังโยชน (เครื่องผกู ) ยอ มเกิดขึ้น อาศยั ตาและรปู ทั้ง ๒ นัน้อนั ใด ยอมรูจกั อันนั้นดว ย อนึ่ง ความทส่ี งั โยชน อันยังไมเกดิ ขึ้น ยอ มเกิดขึ้นดว ยประการใด ยอมรจู ักประการน้ันดวย อนึ่ง ความที่ละสงั โยชนท่ีเกิดขน้ึ แลว เสียได ดวยประการใด ยอมรจู ักประการน้นั ดวย อน่ึง ความท่สี งั โยชน อนั ตนละเสียแลว ยอ มไมเ กดิ ขึ้นตอไปไดด วยประการใด ยอมรูจกั ประการน้ันดว ย. ยอมรจู ักหดู วย ยอ มรูจักเสียงดว ย อนึง่ สังโยชนย อมเกดิ ขน้ึ อาศยั หูและเสียงทั้ง ๒ น้นั อนั ใด ยอ มรจู ักอนั น้ันดวย อนึ่ง ความท่สี งั โยชน อันยงัไมเ กดิ ข้ึน ยอมเกิดขนึ้ ดวยประการใด ยอมรูจักประการน้นั ดว ย อน่ึง ความละสงั โยชน ทเี่ กดิ ข้ึนแลว เสียได ดว ยประการใด ยอมรูจักประการนั้นดว ยอนึง่ ความที่สงั โยชน อันตนละเสยี แลว ยอ มไมเ กดิ ขน้ึ ตอไปไดดวยประการใด ยอมรูจักประการนั้นดว ย. ยอมรูจักจมกู ดวย ยอ มรจู ักกล่นิ ดว ย อนึ่ง สังโยชน ยอ มเกดิ ข้ึนอาศัยจมกู และกล่ินทงั้ ๒ นน้ั อันใด ยอ มรูจักอนั นัน้ ดวย อนงึ่ ความที่สังโยชนอันยงั ไมเ กิด ยอ มเกิดขึ้นดวยประการใด ยอมรจู กั ประการน้นั ดวย อนง่ึ ความละสงั โยชน ท่ีเกดิ ข้ึนแลว เสียได ดวยประการใด ยอมรจู กั ประการน้นั ดว ยอนง่ึ ความทีส่ ังโยชน อันตนละเสยี แลว ยอ มไมเกิดขนึ้ ตอ ไปไดด วยประการใด ยอมรูจักประการนั้นดวย. ยอ มรจู ักลิ้นดวย ยอ มรจู กั รสดวย อนึง่ สังโยชน ยอ มเกิดขน้ึ อาศัยล้นิ และรสท้ัง ๒ น้ันอนั ใด ยอมรูจ ักอันนนั้ ดวย อน่ึง ความทส่ี งั โยชน อนั ยัง

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 228ไมเกดิ ขนึ้ ยอมเกดิ ขึน้ ดวยประการใด ยอ มรูจักประการนัน้ ดวย อนึ่ง ความละสงั โยชน ท่ีเกิดขึ้นแลว เสียได ดวยประการใด ยอ มรจู กั ประการนั้นดว ยอนึง่ ความทีส่ ังโยชน อันตนละเสยี แลว ยอมไมเ กดิ ข้นึ ตอไปไดด วยประการใด ยอมรจู กั ประการนนั้ ดวย. ยอมรูจ กั กายดว ย ยอมรจู ักโผฏฐัพพะ (สงิ่ ท่พี งึ ถูกตองดวยกาย) ดวยอนงึ่ สังโยชน ยอมเกิดขึน้ อาศยั กายและโผฏฐัพพะท้ัง ๒ น้ันอนั ใด ยอ มรจู กัอันนน้ั ดวย อน่งึ ความทสี่ งั โยชน อันยงั ไมเ กิดขน้ึ ยอมเกิดขึ้นดวยประการใด ยอ มรจู กั ประการนั้นดว ย อนงึ่ ความละสงั โยชนที่เกดิ ข้ึนแลว เสียไดด วยประการใด ยอมรูจกั ประการน้ันดวย อน่งึ ความทีส่ งั โยชน อนั ตนละเสยีแลว ยอมไมเกดิ ข้ึนดวยประการใด ยอมรูจกั ประการน้นั ดวย. ยอมรจู กั ใจดว ย ยอมรูจักธรรมารมณ (ส่งิ ทพี่ งึ รูไดด ว ยใจ) ดวยอนึง่ สงั โยชน ยอ มเกดิ ขึ้นอาศยั ใจและธรรมารมณท ้งั ๒ นน้ั อนั ใด ยอ มรูจกัอนั นนั้ ดว ย อน่งึ ความทสี่ ังโยชน อันยังไมเกดิ ขึน้ ยอ มเกิดข้ึนดว ยประการใด ยอมรูจกั ประการน้นั ดว ย อนึ่ง ความละสงั โยชน ท่ีเกดิ ข้นึ แลวเสยี ไดดวยประการใด ยอมรูจ กั ประการนนั้ ดว ย อนึง่ ความท่สี ังโยชน อันตนละเสยี แลวยอมไมเกดิ ข้นึ ตอไปไดด วยประการใด ยอ มรูจกั ประการน้ันดว ย ดงั นี้ . ภกิ ษุยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรม เปน ภายในบา ง ยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรมเปนภายนอกบา ง ยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรม ทัง้ ภายในท้งั ภายนอกบาง ยอมพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเกดิ ขึ้นในธรรมบางยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คอื ความเสอ่ื มไปในธรรมบา ง ยอ มพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ทั้งความเกดิ ขึ้น ท้ังความเส่ือมไปในธรรมบาง. กห็ รอื สติของเธอท่ตี ัง้ ม่ันอยูวา ธรรมมอี ยู แตเพยี งสกั วาเปน ท่รี ู แตเพยี งสกั วา เปนที่อาศยั ระลึก. เธอยอมเปนผูอ ันตณั หาและทิฏฐิไมอ าศัยอยดู ว ย ยอมไมย ดึ ถอือะไร ๆ ในโลกดว ย.

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 229 ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย ภิกษยุ อมพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรม คอื อาย-ตนะภายในและอายตนะภายนอก ๖ อยางน้แี ล. จบขอ กําหนดวา ดวยอายตนะ. โพชฌงคบรรพ [๒๙๓] ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ขออนื่ ยงั มอี ยูอ ีก ภกิ ษุยอมพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรม คอื โพชฌงค (องคแ หง ปญญาเปน เครอ่ื งตรสั รู ๗ อยา ง). ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย กอ็ ยา งไร ภกิ ษุยอ มพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรมคอื โพชฌงค ๗. ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั นี้ เมื่อสตสิ มั โพชฌงค (องคแหง ปญ ญาเปน เครอื่ งตรสั รู คอื สติ) มี ณ ภายในจติ ยอ มรชู ัดวา สติสัม-โพชฌงค มี ณ ภายในจิตของเรา หรอื เมอ่ื สติสัมโพชฌงค ไมมี ณ ภายในจติ ยอ มรูชัดวา สตสิ ัมโพชฌงค ไมมี ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง ความท่สี ต-ิสมั โพชฌงคอ นั ยังไมเ กดิ ข้นึ ยอมเกิดข้ึนดว ยประการใด ยอมรชู ัดประการน้นัดวย อนึง่ ความเจริญบริบรู ณของสติสมั โพซฌงค ทีเ่ กิดขึ้นแลวยอมเปน ดวยประการใด ยอ มรชู ัดประการนั้นดว ย. อนงึ่ เมอ่ื ธมั มวิจยสมั โพชฌงค (องคแ หงปญ ญาเปนเครอ่ื งตรสั รูคอื ความเลอื กเฟน ธรรม) มี ณ ภายในจิต ยอมรูชัดวา ธัมมวิจยสัมโพชฌงคมี ณ ภายในจติ ของเรา หรือเมื่อธัมมวจิ ยสัมโพชฌงค ไมมี ณ ภายในจิต ยอมรูชดั วา ธมั มวิจยสมั โพชฌงค ไมมี ณ ภายในจติ ของเรา อนงึ่ ความท่ธี มั ม-วิจยสมั โพชฌงค อนั ยังไมเกิดข้นึ ยอมเกิดขึน้ ดวยประการใด ยอ มรชู ัดประการนนั้ ดวย อนึ่ง ความเจริญบรบิ ูรณของธมั มวจิ ยสมั โพชฌงค ที่เกดิขน้ึ แลว ยอ มเปน ดวยประการใด ยอ มรูชดั ประการนนั้ ดวย.

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 230 อนึ่ง เม่อื วิริยสัมโพชฌงค. (องคแ หงปญญาเปนเคร่อื งตรัสรู คอืความเพยี ร) มี ณ ภายในจติ ยอมรชู ดั วา วริ ยิ สัมโพชฌงค มี ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อวริ ยิ สมั โพชฌงค ไมมี ณ ภายในจิต ยอ มรูช ัดวา วริ ิยสัมโพชฌงค ไมมี ณ ภายในจิตของเรา อนงึ่ ความท่ีวิริยสมั โพชฌงค อันยังไมเกิดข้นึ ยอมเกดิ ขน้ึ ดวยประการใด ยอมรูชดั ประการนัน้ ดว ย อนงึ่ ความเจรญิ บรบิ ูรณของวริ ยิ สัมโพชฌงคท ี่เกิดขนึ้ แลว ยอมเปนดวยประการใด ยอ มรูช ัดประการน้ันดว ย. อน่งึ เมื่อปติสมั โพชฌงค (องคแหงปญญาเปนเคร่ืองตรัสรู คือ ปติความปลื้มใจ) มี ณ ภายในจิต ยอ มรชู ดั วา ปตสิ มั โพชฌงค มี ณ ภายในจิตของเรา หรอื เม่อื ปต ิสัมโพชฌงค ไมม ี ณ ภายในจิต ยอ มรูชัดวาปต สิ ัมโพชฌงค ไมม ี ณ ภายในจติ ของเรา อน่งึ ความท่ปี ตสิ มั โพชฌงคอันยงั ไมเกิดขึ้น ยอมเกิดขึ้นดวยประการใด ยอมรชู ัดประการนัน้ ดวย อนงึ่ความเจรญิ บรบิ รู ณของปตสิ ัมโพชฌงค ที่เกดิ ขึน้ แลว ยอ มเปนดว ยประการใดยอ มรชู ัดประการนั้นดว ย. อนง่ึ เม่อื ปส สทั ธสิ มั โพชฌงค ( องคแ หง ปญ ญาเปน เครื่องตรสั รูคือปสสทั ธิ ความสงบกายสงบจิต ) มี ณ ภายในจิต ยอ มรชู ัดวา ปสสทั ธิสัมโพชฌงค มี ณ ภายในจติ ของเรา หรอื เม่อื ปสสัทธิสัมโพชฌงค ไมมี ณภายในจิต ยอมรูชัดวา ปส สทั ธสิ มั โพชฌงค ไมมี ณ ภายในจิตของเรา อนึ่งความที่ปส สทั ธิสมั โพชฌงค อนั ยงั ไมเกิดขึน้ ยอมเกดิ ขึน้ ดว ยประการใด ยอมรชู ัดประการน้นั ดวย อนง่ึ ความเจริญบรบิ รู ณข องปส สทั ธิสัมโพชฌงค ที่เกดิขนึ้ แลว ยอ มเปน ดว ยประการใด ยอ มรชู ัดประการนั้นดวย. อนงึ่ เม่อื สมาธสิ ัมโพชฌงค (องคแ หงปญ ญาเปน เครอื่ งตรัสรู คอืสมาธิ มี ณ ภายในจิต ยอมรูช ดั วา สมาธสิ ัมโพชฌงคม ี ณ ภายในจิตของเราหรอื เมือ่ สมาธสิ มั โพชฌงค ไมม ี ณ ภายในจิต ยอมรูชดั วา สมาธสิ มั โพชฌงค

พระสุตตันตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 231ไมม ี ณ ภายในจิตของเรา อนง่ึ ความทส่ี มาธิสัมโพชฌงค อนั ยงั ไมเกิดขน้ึยอ มเกดิ ข้นึ ดวยประการใด ยอมรูชดั ประการนน้ั ดว ย อน่งึ ความเจรญิบรบิ ูรณข องสมาธสิ ัมโพชฌงค ที่เกิดขน้ึ แลว ยอ มเปน ดว ยประการใด ยอ มรูชดั ประการนน้ั ดว ย. อน่งึ เม่ืออุเบกขาสัมโพชฌงค (องคแ หงปญญาเปน เครอื่ งตรสั รู คืออเุ บกขา ความทจี่ ติ มัธยัสถเ ปนกลาง) มี ณ ภายในจติ ยอ มรชู ัดวา อเุ บกขาสัมโพชฌงค มี ณ ภายในจิตของเรา หรอื เมอ่ื อเุ บกขาสมั โพชฌงค ไมม ี ณภายในจติ ยอ มรูช ัดวา อุเบกขาสมั โพชฌงคไมม ี ณ ภายในจิตของเรา อนง่ึความทีอ่ ุเบกขาสมั โพชฌงค อันยังไมเ กิดขน้ึ ยอมเกดิ ขึ้นดวยประการใด ยอ มรชู ัดประการนัน้ ดวย อนึ่ง ความเจรญิ บรบิ รู ณข องอุเบกขาสมั โพชฌงค ทเี่ กดิขน้ึ แลว ยอมเปนดวยประการใด ยอมรชู ดั ประการน้นั ดว ย ดังนี.้ ภกิ ษยุ อ มพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรม เปน ภายในบาง ยอมพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรม เปนภายนอกบาง ยอมพิจารณาเหน็ ธรรมในธรรม ทั้งภายใน ทั้งภายนอกบา ง ยอ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมดา คือ ความเกดิ ขึ้นในธรรมบางยอมพจิ ารณาเห็นธรรมดา คือ ความเสอื่ มไปในธรรมบาง ยอ มพจิ ารณาเหน็ธรรมดา คอื ท้งั ความเกดิ ขน้ึ ท้ังความเส่ือมไปในธรรมบาง. กห็ รอื สตขิ องเธอทต่ี ้ังมัน่ อยูวาธรรมมอี ยู แตเ พยี งสกั วา เปน ท่ีรู แตเพียงสักวาเปน ทีอ่ าศยั ระลึก.เธอยอ มเปน ผอู ันตณั หาและทฏิ ฐไิ มอาศยั อยดู วย ยอมไมยึดถืออะไร ๆ ในโลกดวย. ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษยุ อ มพจิ ารณาเหน็ ธรรมในธรรม คือ โพช-ฌงค ๗ อยา งน้แี ล. จบขอกาํ หนดวาดวยโพชฌงค. จบภาณวารที่หนึ่ง.

พระสตุ ตนั ตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 232 สัจจบรรพ - ทกุ ขอริยสจั [๒๙๔] ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ขอ อ่ืนยังมีอยอู กี ภกิ ษยุ อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คืออริยสัจ ๔ (ของจรงิ แหงพระอริยเจา ). ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย กอ็ ยางไร ภกิ ษยุ อมพจิ ารณาเห็นธรรมในธรรมคอื อริยสจั ๔. ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ ยอ มรูชัดตามความเปนจรงิวา น้ที ุกข ยอมรชู ดั ตามความเปน จริงวา น้ี ทกุ ขสมทุ ยั (เหตทุ เี่ กดิ ทกุ ข)ยอ มรชู ดั ตามความเปน จริงวา นี้ ทกุ ขนโิ รธ (ธรรมเปน ที่ดบั ทุกข) ยอมรูชัดตามความเปนจรงิ วา นี้ทกุ ขนโิ รธคามนิ ีปฏิปทา (ขอปฏบิ ตั ใิ หถงึ ธรรมท่ดี ับทกุ ข) . ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย ของจรงิ แหง พระอรยิ เจา คอื ทุกข เปนอยา งไรเลา . แมชาติ กเ็ ปน ทกุ ข แมช รา กเ็ ปน ทกุ ข แมมรณะ ก็เปน ทุกขแมโสกะ ปรเิ ทวะ (ความรํา่ ไรรําพัน ) ทุกข (ความไมสบายกาย) โทมนัส(ความเสยี ใจ) และอปุ ายาส (ความคบั แคน ใจ) ก็เปน ทกุ ข ความประสบสัตวและสังขาร ซ่งึ ไมเ ปน ท่รี กั กเ็ ปน ทุกข ความพลัดพรากจากสตั ว และสังขาร ซึง่ เปนทีร่ กั ก็เปน ทกุ ข สตั วป รารถนาสงิ่ ใดยอมไมไ ด แมขอ ที่ไมสมประสงคน ั้น กเ็ ปนทุกข โดยยอ อุปาทานขนั ธ (ขันธประกอบดว ยอุปาทานความถอื มน่ั ) ๕ เปนทุกข. [๒๙๕] ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ชาติ เปนอยา งไร ความเกิด เกดิ พรอ มความหย่งั ลงเกิด เกิดจาํ เพาะ ความปรากฏข้นึ แหงขนั ธ ความไดอายตนะครบ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 233ในหมสู ตั วน ั้น ๆ ของเหลา สตั วน ้ัน ๆ อันใด ดกู อนภิกษุท้ังหลาย อันน้ที ี่กลาววาชาต.ิ ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ชรา เปน อยา งไร ความแก ความครา่ํ คราความทฟ่ี น หลุด ความทีผ่ มหงอก ความทหี่ นังหดเห่ียว เปน เกลยี วความเส่ือมแหงอายุ ความแกห งอ มแหง อนิ ทรยี  ในหมูสตั วน้นั ๆ ของสัตวน ้นั ๆอนั ใด ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย อนั น้ีกลาววา ชรา. ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย มรณะ เปนอยา งไร ความจตุ ิ ความเคลื่อนไปความแตกทาํ ลาย ความหายไป มฤตยู ความตาย ความทํากาละ ความแตกแหงขนั ธ ความทิง้ ซากศพไว ความขาดไปแหงชวี ิตนิ ทรยี  จากหมสู ตั วน ้นั ๆของเหลา สัตวนั้น ๆ อนั ใด ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย อันนีก้ ลาววา มรณะ. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย โสกะ (ความแหงใจ) เปน อยางไรเลา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ความโสก ความเศรา ใจ ความแหง ใจ ความผาก ณ ภายในความโศก ณ ภายในของสตั ว ผปู ระกอบดว ยความฉบิ หายอนั ใดอันหนึ่ง และผมู ีความทุกขอนั ใดอันหน่งึ มาถกู ตอ งแลว อนั ใดเลา ดกู อนภิกษุท้งั หลายอนั นีก้ ลา ววา โสกะ. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ปรเิ ทวะ (ความรํา่ ไรรําพนั ) เปน อยา งไรเลาดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย ความคร่ําครวญ ความรํ่าไรราํ พัน กริ ิยาทคี่ ร่าํ ครวญความทีร่ ่ําไรรําพนั ความทส่ี ัตวคร่ําครวญ ความทส่ี ตั วราํ่ ไรรําพัน ของสตั วผูป ระกอบดว ยความฉิบหาย อันใดอนั หนึง่ และผูท่มี คี วามทกุ ขอ นั ใดอันหน่งึมาถูกตอ งแลว อันใดเลา ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย อันน้กี ลา ววา ปรเิ ทวะ. ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ทกุ ข (ความไมส บายกาย) เปนอยา งไรเลา ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย ความทกุ ขเกดิ ในกาย ความไมดเี กดิ ในกาย เวทนาไมดีเปนทุกข เกดิ แตส ัมผสั ทางกายอันใดเลา ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย อันนกี้ ลาววา ทกุ ข.

พระสุตตันตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 234 ดูกอนภิกษุทั้งหลาย โทมนัส ( ความเสยี ใจ ) เปน อยางไร ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ความทุกขเ กิดในใจ ความไมด เี กดิ ในใจ เวทนาไมดีเปน ทกุ ขเกดิ แตสมั ผัสทางใจ อนั ใด ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย อนั นีก้ ลาววา โทมนัส. ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย อปุ ายาส (ความคบั แคน ใจ) เปน อยา งไร ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ความแคน ความคบั แคน ความทีส่ ตั วแคน ความทสี่ ตั วค ับแคนของสัตวผูป ระกอบดวยความฉิบหายอนั ใดอนั หนึ่ง และผูทีค่ วามทุกขอันใดอันหนงึ่ มาถูกตองแลว อนั นี้กลา ววา อุปายาส. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ความประสบสัตวและสงั ขาร ซ่ึงไมเปนทรี่ กัเปน ทุกขอ ยางไร ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย อารมณเ หลา ใดในโลกน้ี ซงึ่ ไมเปนที่ปรารถนา ไมเ ปน ทรี่ กั ใคร ไมเ ปน ทป่ี ลม้ื ใจ คือรปู เสยี ง กล่ิน รส และโผฏฐัพพะ ยอมมีแกผ นู ัน้ อนึ่ง หรอื ชนเหลา ใด ทีใ่ ครต อ ความฉิบหายใครสงิ่ ทีไ่ มเก้ือกูล ใครความไมส าํ ราญ และใครค วามไมเกษม จากเครื่องประกอบแกผนู ้นั ความไปรวม ความมารว ม ความประชมุ รวม ความระคนกบั ดวยอารมณและสัตวเหลา นัน้ อนั ใด ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย อนั นกี้ ลา ววาความประสบกบั สัตวและสงั ขาร ซงึ่ ไมเปนท่รี ัก เปนทุกข. ดกู อนภิกษุท้งั หลาย ความพลัดพรากจากสตั วและสังขาร ซง่ึ เปน ท่ีรักเปน ทกุ ข อยา งไร ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย อารมณเหลา ใดในโลกน้ี ซึ่งเปน ท่ีปรารถนา เปนทร่ี ักใคร เปนทีป่ ลม้ื ใจ คอื รูป เสียง กลิน่ รส และโผฏฐัพพะยอ มมีแกผ นู ัน้ อนงึ่ หรอื ชนเหลา ใด ที่ใครตอ ความเจรญิ ใครป ระโยชนเกือ้ กลู ใครความสาํ ราญ และใครค วามเกษม จากเคร่ืองประกอบแกผ ูนัน้ คือมารดา หรอื บดิ า พีช่ ายนอ งชาย หรือพห่ี ญิง นองหญงิ มิตร หรอื อํามาตย

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาท่ี 235หรือญาตสิ าโลหติ ความไมไปรวม ความไมม ารว ม ความไมประชุมรว มความไมระคน กบั ดวยอารมณและสัตวเหลา น้ันอนั ใด ดกู อ นภิกษุท้ังหลายอนั นี้กลา ววา ความพลดั พรากจากสัตวและสงั ขารซ่งึ เปน ทร่ี กั เปนทุกข. ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย สัตวปรารถนาส่งิ ใดยอ มไมไ ด แมของทีไ่ มสม-ประสงคนัน้ เปนทุกขอ ยางไรเลา . ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ความปรารถนา ยอมเกดิ ขนึ้ แกเหลาสตั ว ทม่ี ีความเกิดเปนธรรมดาอยา งน้ีวา โอหนอ ขอเราพงึ เปนผูไมม ีความเกดิ เปนธรรมดาเถดิ อนงึ่ ขอความเกดิ อยา มีมาถึงแกเราเลยหนอ ดังน้ี ขอนน้ั สตั วไ มพ ึงไดตามความปรารถนาโดยแท แมขอ นีก้ ช็ ื่อวา การไมไดส งิ่ ที่ปรารถนา กเ็ ปนทุกข. ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ความปรารถนายอมเกิดขน้ึ แกเ หลา สตั วท มี่ คี วามแก เปนธรรมดาอยางนว้ี า โอหนอ ขอเราพงึ เปน ผไู มมคี วามแกเ ปนธรรมดาเถิด อนง่ึ ขอความแกอยา มมี าถึงแกเ ราเลยหนา ดงั นี้ ขอ นนั้ สัตวไมพงึ ไดตามความปรารถนาโดยแท แมข อน้ีก็ชอ่ื วา การไมไ ดส ิง่ ทีป่ รารถนา กเ็ ปนทกุ ข. ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ความปรารถนายอ มเกิดขน้ึ แกเหลาสัตวท มี่ ีความเจ็บ ๆ ไข ๆ เปน ธรรมดา อยา งน้ีวา โอหนอ ขอเราพึงเปน ผูไ มมีความเจบ็ ไขเปนธรรมดาเถดิ ขอ น้นัสัตวไมพ งึ ไดตามความปรารถนาโดยแท แมข อน้กี ็ชื่อวา การไมไดส่ิงท่ีปรารถนา ก็เปนทกุ ข. ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ความปรารถนายอ มเกดิ ขึน้ แกเ หลา สัตว ทม่ี ีความตายเปนธรรมดาอยา งนวี้ า

พระสตุ ตันตปฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 236 โอหนอ ขอเราพึงเปน ผูไมม คี วามตายเปน ธรรมดาเถดิ อนึง่ ขอความตายอยา มมี าถึงแกเราเลยหนอ ดังน้ี สัตวไ มพึงไดต ามความปรารถนาโดยแท แมข อนกี้ ช็ ่ือวา การไมไดสง่ิ ทีป่ รารถนา ก็เปนทกุ ข. ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย ความปรารถนายอ มเกดิ ขน้ึ แกเหลาสัตว ทีม่ ีโสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัส อปุ ายาสเปนธรรมดา อยางนวี้ า โอหนอ ขอเราพึงเปน ผไู มม ี โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสเปน ธรรมดาเถิด อนึ่ง ขอ โสกะ ปรเิ ทวะ ทุกขะ โทมนสั อปุ ายาส อยา มีมาถึงแกเ ราเลย ดังนี้ ขอ น้นั สตั วไมพึงไดตามความปรารถนาโดยแท แมข อ นี้ก็ช่ือวา การไมไดสงิ่ ท่ีปรารถนา ก็เปน ทุกข. ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย โดยยออุปาทานขนั ธท ัง้ ๕ เปนทกุ ขอยา งไร นีค้ อือปุ าทานขันธ คอื รูป อปุ าทานขันธ คอื เวทนา อปุ าทานขนั ธ คือ สญั ญาอปุ าทานขนั ธ คอื สังขาร อปุ าทานขันธ คือ วญิ ญาณ. ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย โดยยอเหลา น้ี กลา ววา อปุ าทานขนั ธท ั้ง ๕เปน ทุกข ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย อนั น้ีกลา ววา อรยิ สจั คือ ทกุ ข. ทุกขสมทุ ยั อรยิ สจั [๒๙๖] ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย อรยิ สัจคือทุกขสมทุ ยั (เหตุใหเ กดิ ทุกข)เปน อยา งไร. ตัณหา (ความทะยานอยาก) นอ้ี นั ใด มคี วามเกิดขน้ึ อีกเปนปกติประกอบดวยความกาํ หนดั ดว ยอํานาจแหงความเพลิดเพลิน มักเพลนิ ย่งิ ในอารมณน้ัน ๆ นคี้ ือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา. [๒๙๗] ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย กแ็ ลตณั หาน้ันนน่ั เอง เม่อื จะเกิดขึ้นยอ มเกิดข้นึ ทไ่ี หน เมอื่ จะต้ังอยู ยอมตง้ั อยทู ไี่ หน. ทใ่ี ด เปนที่รักใคร เปน ที่

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 237พอใจในโลก ตัณหาน้ัน เม่อื จะเกิดขึ้น ก็ยอ มเกิดข้ึนในท่ีน้ัน เม่ือจะตงั้ อยูกย็ อ มตงั้ อยูในท่นี ้ัน. กอ็ ะไรเลา เปนทร่ี กั ใคร เปนทพี่ อใจในโลก ตาเปน ที่รกั ใคร เปนทพ่ี อใจในโลก ตัณหานน้ั เม่ือจะเกดิ ขึน้ กย็ อ มเกดิ ขึ้นท่ตี านน้ัเม่ือจะต้ังอยู กย็ อ มต้ังอยูทีต่ านนั้ . หู เปนทรี่ กั ใคร เปน ท่ีพอใจในโลกตณั หาน้ัน เมื่อจะเกิดข้นึ กย็ อมเกิดขนึ้ ท่ีหูนั้น เมอื่ จะตัง้ อยู กย็ อ มต้ังอยทู ่ีหูน้นั . จมูกเปน ทร่ี กั ใคร เปน ที่พอใจในโลก ตณั หานน้ั เมอื่ จะเกิดข้นึ กย็ อ มเกิดขึน้ ที่จมกู นัน้ เม่อื จะตง้ั อยู กย็ อ มตง้ั อยูท ่ีจมกู น้นั . ล้นิ เปน ที่รักใครเปนท่ีพอใจในโลก ตณั หานน้ั เมือ่ จะเกิดขึ้น กย็ อมเกิดขึ้นท่ลี น้ิ นั้น เม่อื จะตัง้ อยู ก็ยอ มตงั้ อยทู ่ีลิ้นน้นั . กาย เปน ท่รี ักใคร เปน ทพี่ อใจในโลก ตัณหานั้นเมอื่ จะเกิดขึ้น ก็ยอมเกิดขึน้ ที่กายน้ัน เมอ่ื จะตัง้ อยู กย็ อ มตัง้ อยทู ีก่ ายนน้ั .ใจ เปน ทร่ี ักใคร เปนทีพ่ อใจในโลก ตณั หานั้น เม่ือจะเกิดขึ้น ก็ยอ มเกดิ ขน้ึท่ใี จน้ัน เมื่อจะต้ังอยู ก็ยอ มต้ังอยูท่ใี จน้นั . รูป เปนท่รี ักใคร เปน ทพี่ อใจในโลก ตณั หานัน้ เมอ่ื จะเกดิ ข้นึ ก็ยอมเกดิ ขึน้ ท่รี ูปน้ัน เม่ือจะตง้ั อยูกย็ อมตง้ั อยทู ีร่ ปู นัน้ . เสยี งเปนทีร่ ักใคร เปน ทีพ่ อใจในโลก ตณั หาน้นั เมอ่ืจะเกดิ ข้นึ กย็ อมเกดิ ขึ้นท่ีเสียงน้นั เมื่อจะตงั้ อยู กย็ อมตง้ั อยูท ่ีเสียงน้นั . กลิน่เปนทร่ี กั ใคร เปนทพ่ี อใจในโลก ตัณหานน้ั เม่ือจะเกดิ ข้ึน ก็ยอ มเกิดขนึ้ทกี่ ลนิ่ น้ัน เม่อื จะตงั้ อยู กย็ อมต้ังอยูท่ีกลนิ่ น้ัน. รส เปนท่ีรักใคร เปน ทีพ่ อใจในโลก ตัณหานน้ั เมื่อจะเกดิ ขึ้น กย็ อมเกดิ ขนึ้ ทีร่ สน้นั เม่ือจะตง้ั อยู กย็ อ มตั้งอยทู ร่ี สน้ัน. โผฏฐพั พะ เปนท่รี กั ใคร เปนท่พี อใจในโลก ตัณหานน้ัเมื่อจะเกดิ ขึ้น กย็ อ มเกดิ ข้นึ ทโี่ ผฏฐัพพะน้นั เมอ่ื จะต้งั อยู กย็ อมตัง้ อยทู ี่โผฏฐพั พะน้นั . ธัมมารมณ เปนทรี่ ักใคร เปน ท่พี อใจในโลก ตัณหาน้นั

พระสุตตนั ตปฎ ก ทีฆนิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 238เม่อื จะเกิดข้นึ ก็ยอ มเกดิ ขึ้นทธ่ี มั มารมณ เมอ่ื จะตง้ั อยู ก็ยอ มตง้ั อยทู ่ธี มั มารมณน้ัน. จักขุวญิ ญาณ เปน ท่ีรักใคร เปน ท่พี อใจในโลก ตัณหานนั้ เมอ่ื จะเกดิ ขึน้ กย็ อมเกดิ ข้นึ ทจี่ กั ขุวญิ ญาณนัน้ เม่อื จะตัง้ อยู กย็ อมต้ังอยูท ่ี จักขุวิญญาณนน้ั โสตวญิ ญาณ เปน ทร่ี กั ใคร เปนท่ีพอใจในโลก ตณั หาน้ัน เมือ่จะเกดิ ขนึ้ กย็ อมเกิดข้นึ ที่โสตวิญญาณนนั้ เม่ือจะต้ังอยู ก็ยอ มต้งั อยูทโี่ สตวิญญาณนนั้ ฆาณวญิ ญาณนั้น เปนท่ีรักใคร เปนทพ่ี อใจในโลก ตณั หาน้นัเม่ือจะเกิดขึ้น กย็ อมเกิดขึ้นทฆี่ านวิญญาณนัน้ เมอ่ื จะตง้ั อยู กย็ อ มตั้งอยูที่ฆานวญิ ญาณนน้ั ชวิ หาวญิ ญาณ เปนที่รกั ใคร เปนที่พอใจในโลกตณั หานัน้ เมื่อจะเกิดขึ้น กย็ อมเกิดขน้ึ ท่ีชวิ หาวิญญาณนน้ั เมอ่ื จะตง้ั อยูก็ยอมตง้ั อยทู ่ชี วิ หาวิญญาณน้นั กายวญิ ญาณ เปนทร่ี ักใคร เปน ที่พอใจในโ ลก ตัณหานั้น เม่ือจะเกดิ ขนึ้ กย็ อมเกดิ ข้นึ ท่ีกายวญิ ญาณนน้ั เมือ่ จะตัง้ อยู ก็ยอ มตั้งอยูท่ีกายวิญญาณนั้น มโนวญิ ญาณ เปน ที่รักใคร เปนที่พอใจในโ ลก ตณั หานั้น เมือ่ จะเกดิ ขนึ้ กย็ อมเกดิ ข้นึ ทมี่ โนวิญญาณนัน้เมือ่ จะต้งั อยู กย็ อมตงั้ อยูทม่ี โนวญิ ญาณนั้น. จกั ขุสมั ผสั เปน ที่รกั ใคร เปน ท่พี อใจในโลก ตัณหาน้ัน เม่อื จะเกิดขึน้ ก็ยอ มเกิดขึ้นทจ่ี กั ขสุ มั ผัสนนั้ เม่ือจะตง้ั อยู กย็ อ มตง้ั อยูท จ่ี ักขสุ ัมผสันัน้ โสตสมั ผสั เปนที่รกั ใคร เปนทพ่ี อใจในโลก ตัณหาน้นั เมือ่ จะเกดิ ข้นึ ก็ยอ มเกิดข้ึนท่ีโสตสัมผสั น้ัน เม่ือจะต้ังอยู ก็ยอ มตัง้ อยทู ีโ่ สตสัมผัสนัน้ .ฆานสมั ผสั เปน ท่ีรกั ใคร เปน ที่พอใจในโลก ตัณหานน้ั เม่ือจะเกดิ ขึน้กย็ อมเกิดขนึ้ ทีฆ่ านสมั ผัสนั้น เมือ่ จะตัง้ อยู ก็ยอ มตง้ั อยทู ี่ฆานสัมผสั น้ันชิวหาสมั ผัส เปนท่รี กั ใคร เปนที่พอใจในโลก ตัณหานั้น เมื่อจะเกดิ ขึ้น

พระสุตตันตปฎก ทฆี นกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 239ก็ยอมเกิดขนึ้ ท่ชี ิวหาสมั ผสั น้ัน เม่อื จะตั้งอยู กย็ อมต้งั อยูท่ีชิวหาสัมผสั นน้ักายสมั ผสั เปน ท่ีรักใคร เปน ทพ่ี อใจในโลก ตัณหาน้นั เมอื่ จะเกิดขน้ึก็ยอมเกิดขึ้นทีก่ ายสัมผัสนัน้ เม่อื จะตง้ั อยู กย็ อมต้ังอยูท ีก่ ายสัมผสั นนั้ มโนสมั ผสั เปนทร่ี ักใคร เปนทพี่ อใจในโลก ตณั หานั้น เม่ือจะเกดิ ขน้ึ กย็ อ มเกดิ ขนึ้ ที่มโนสมั ผสั นน้ั เมื่อจะตัง้ อยู ก็ยอมต้ังอยทู ีม่ โนสัมผสั นน้ั . เวทนาทีเ่ กิดแตจ กั ขสุ ัมผสั เปนทร่ี ักใคร เปน ที่พอใจในโลกตัณหานั้น เม่อื จะเกดิ ขึ้น กย็ อ มเกิดข้นึ ท่เี วทนา ซึ่งเกดิ แตจ ักขสุ ัมผสั นั้นเมื่อจะต้งั อยู กย็ อ มตัง้ อยูท เ่ี วทนาซึ่งเกิดแตจักขสุ ัมผัสนน้ั เวทนาซึ่งเกดิ แตโสตสัมผัส เปน ท่รี กั ใคร เปน ทพ่ี อใจในโลก ตัณหานน้ั เมื่อจะเกดิ ข้ึนกย็ อ มเกิดข้ึนทีเ่ วทนา ซ่ึงเกิดแตโ สตสมั ผัสนน้ั เมอ่ื จะต้ังอยู ก็ยอ มต้งั อยูท่ีเวทนาซึง่ เกดิ แตโสตสัมผัสนนั้ เวทนาซง่ึ เกดิ แตฆานสัมผสั เปน ที่รักใครเปนทพ่ี อใจในโลก ตัณหาน้ัน เม่ือจะเกดิ ขนึ้ กย็ อ มเกิดข้นึ ท่ีเวทนาซ่ึงเกดิแตฆ านสัมผสั เมอื่ จะตง้ั อยู ก็ยอ มตง้ั อยูทเี่ วทนา ซงึ่ เกิดแตฆานสมั ผัสน้นั . เวทนา ซงึ่ เกิดแตช วิ หาสมั ผสั เปนที่รกั ใคร เปน ทีพ่ อใจในโลกตณั หาน้ัน เมอ่ื จะเกดิ ขึน้ ก็ยอมเกดิ ขึ้นท่ีเวทนา ซึง่ เกิดแตชิวหาสมั ผัสนั้นเม่อื จะต้ังอยู กย็ อมตัง้ อยทู ่ีเวทนา ซ่ึงเกดิ แตชวิ หาสัมผัสนน้ั เวทนา ซึ่งเกิดแตกายสมั ผสั เปนท่รี กั ใคร เปน ทีพ่ อใจในโลก ตณั หาน้ัน เม่ือจะเกดิข้ึน ก็ยอมเกดิ ขึ้นทีเ่ วทนา ซง่ึ เกดิ แตก ายสมั ผสั น้นั เมอ่ื จะต้งั อยู ก็ยอมต้ังอยูที่เวทนา ซึ่งเกิดแตกายสัมผัสนั้น เวทนา ซง่ึ เกิดแตมโนสัมผัสเปน ทรี่ กั ใคร เปน ทพ่ี อใจในโลก ตัณหานัน้ เมือ่ จะเกิดข้ึน กย็ อ มเกิดข้ึน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ท่ี 240ท่ีเวทนา ซึง่ เกดิ แตมโนสมั ผัสนั้น เมอื่ จะตง้ั อยู กย็ อมต้ังอยูท่เี วทนา ซ่งึเกิดแตมโนสัมผสั นนั้ . รปู สัญญา เปนท่รี กั ใคร เปน ทีพ่ อใจในโลก ตัณหานัน้ . เม่ือจะเกิดขึน้ กย็ อ มเกิดขึน้ ทร่ี ปู สัญญานั้น เม่อื จะตั้งอยู ก็ยอมต้งั อยูที่รูปสญั ญานนั้ สทั ทสัญญา เปนทีร่ ักใคร เปนที่พอใจในโลก ตัณหาน้นั เม่อื จะเกดิขึน้ กย็ อ มเกดิ ขน้ึ ทส่ี ทั ทสญั ญานัน้ เม่ือจะต้ังอยู กย็ อ มตัง้ อยูท่ีสทั ทสญั ญานั้น คันธสญั ญา เปน ที่รักใคร เปน ทีพ่ อใจในโลก ตัณหาน้ัน เมอ่ื จะเกิดขนึ้ กย็ อมเกิดข้ึนทค่ี ันธสญั ญาน้นั เมื่อจะต้งั อยู ก็ยอมตั้งอยทู ี่คันธสญั ญานัน้ รสสัญญา เปนท่ีรักใคร เปนทพ่ี อใจในโลก ตัณหาน้นั เมอื่ จะเกดิขนึ้ กย็ อมเกดิ ขึน้ ท่ีรสสัญญานน้ั เมือ่ จะตั้งอยู กย็ อ มต้ังอยทู ีร่ สสัญญาน้ันโผฏฐัพพสญั ญา เปนท่รี ักใคร เปน ที่พอใจในโลก ตัณหาน้ัน เมอ่ื จะเกิดข้ึนกย็ อมเกดิ ข้ึนทโ่ี ผฏฐพั พสญั ญาน้นั เมอื่ จะตัง้ อยู กย็ อมตง้ั อยทู ่โี ผฏฐัพพสัญญานัน้ ธัมมสัญญา เปน ทร่ี กั ใคร เปนที่พอใจในโลก ตณั หาน้นั เมื่อจะเกิดขึน้ ก็ยอ มเกดิ ขนึ้ ท่ธี มั มสญั ญานน้ั เม่อื จะตง้ั อยู ก็ยอมต้งั อยทู ธี่ ัมมสัญญานน้ั . รปู สัญเจตนา เปน ท่รี ักใคร เปน ที่พอใจในโลก ตณั หานนั้ เม่อื จะเกดิ ขนึ้ ก็ยอ มเกดิ ข้ึนทร่ี ูปสญั เจตนานัน้ เม่อื จะตง้ั อยู ก็ยอ มต้งั อยูท ร่ี ปู สญั -เจตนานน้ั สทั ทสัญเจตนา เปนท่ีรกั ใคร เปนท่พี อใจในโลก ตณั หานน้ัเมื่อจะเกดิ ขน้ึ กย็ อ มเกดิ ขึ้นท่ีสทั ทสญั เจตนานัน้ เมือ่ จะต้ังอยู ก็ยอ มต้ังอยูทส่ี ทั ทสัญเจตนาน้นั คนั ธสัญเจตนา เปน ท่รี ักใคร เปน ทพี่ อใจในโลกตณั หาน้นั เมอ่ื จะเกิดข้นึ กย็ อมเกิดขึน้ ท่ีคันธสัญเจตนาน้ัน เมื่อจะต้ังอยูก็ยอมตั้งอยทู ่คี ันธสัญเจตนาน้นั รสสญั เจตนา เปนท่ีรักใคร เปน ทพ่ี อใจในโลก ตัณหานนั้ เมื่อจะเกิดขึน้ กย็ อมเกดิ ข้นึ ทร่ี สสัญเจตนาน้ัน เม่ือจะ

พระสุตตนั ตปฎก ทฆี นิกาย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนา ที่ 241ต้ังอยู ก็ยอ มตง้ั อยทู ีค่ วามคดิ ถึงรสนัน้ . ความคิดถึงโผฏฐัพพะ เปน ทรี่ กั ใครเปนทพ่ี อใจในโลก ตัณหานนั้ เมือ่ จะเกิดขึน้ ก็ยอมเกิดขน้ึ ทคี่ วามคิดถงึโผฏฐพั พะนั้น เม่ือจะตง้ั อยู ก็ยอ มตงั้ อูยทู ่คี วามคิดถึงโผฏฐพั พะน้นั . ความคดิถึงธัมมารมณ เปนที่รักใคร เปน ทีพ่ อใจในโลก ตณั หาน้นั เมอ่ื จะเกิดข้นึก็ยอ มเกดิ ขน้ึ ทคี่ วามคิดถึงธมั มารมณนนั้ เมื่อจะต้ังอยู กย็ อมต้งั อยทู ่ีความคดิถงึ ธัมมารมณน้นั . ความอยากในรปู เปนทรี่ ักใคร เปน ท่ีพอใจในโลก ตณั หาน้ันเม่ือจะเกิดขนึ้ ก็ยอมเกดิ ข้ึนทคี่ วามอยากในรปู น้ัน เม่ือจะตั้งอยู ก็ยอ มตัง้ อยูทีค่ วามอยากในรปู นนั้ . ความอยากในเสยี ง เปน ท่ีรกั ใคร เปน ที่พอใจในโลกตัณหานนั้ เมอื่ จะเกดิ ขนึ้ กย็ อมเกดิ ขึ้นท่ีความอยากในเสียงนัน้ เมื่อจะตงั้ อยูกย็ อมตั้งอยทู ่คี วามอยากในเสยี งนัน้ . ความอยากในกลนิ่ เปนท่ีรกั ใคร เปนท่ีพอใจในโลก ตณั หาน้นั เม่อื จะเกิดขนึ้ กย็ อมเกดิ ข้ึนที่ความอยากในกลิน่ นน้ัเมอ่ื จะต้งั อยู กย็ อมตงั้ อยูท่ีความอยากในกลิน่ นน้ั . ความอยากในรส เปน ท่รี ักใคร เปนทีพ่ อใจในโลก ตณั หานน้ั เมื่อจะเกดิ ข้นึ ก็ยอมเกิดขึ้นทคี่ วามอยากในรสนน้ั เมอื่ จะต้ังอยู ก็ยอมต้งั อยทู ค่ี วามอยากในรสนั้น. ความอยากในโผฏฐัพพะ เปน ทรี่ ักใคร เปน ที่พอใจในโลก ตณั หาน้นั เมอื่ จะเกิดขนึ้กย็ อ มเกดิ ขนึ้ ท่คี วามอยากในโผฏฐัพพะนั้น เม่ือจะตงั้ อยู กย็ อมตัง้ อยทู ่ีความอยากในโผฏฐพั พะนั้น . ความอยากในธมั มารมณ เปน ทีร่ กั ใคร เปนที่พอใจในโลก ตัณหานั้น เมอื่ จะเกดิ ข้ึน กย็ อ มเกิดขนึ้ ท่คี วามอยากในธัมมารมณน ้นัเมือ่ จะตัง้ อยู กย็ อมตง้ั อยูที่ความอยากในธัมมารมณนนั้ . ความตรกึ ถึงรูป เปนที่รักใคร เปน ท่พี อใจในโลก ตณั หาน้นัเม่อื จะเกิดขึ้น กย็ อมเกดิ ขึ้นท่คี วามตรึกถึงรปู น้ัน เมอ่ื จะต้งั อยู กย็ อมต้ังอยูท่ีความตรึกถึงรปู น้ัน. ความตรึกถงึ เสยี ง เปนทีร่ กั ใคร เปน ท่ีพอใจในโลก

พระสุตตันตปฎก ทีฆนกิ าย มหาวรรค เลม ๒ ภาค ๒ - หนาที่ 242ตณั หานน้ั เม่ือจะเกิดขึ้น ก็ยอ มเกิดขึน้ ท่คี วามตรกึ ถึงเสียงนั้น. เมือ่ จะตง้ั อยูกย็ อ มจะต้ังอยทู ่ีความตรกึ ถึงเสียงนั้น. ความตรึกถงึ กล่นิ เปนที่รกั ใคร เปน ที่พอใจในโลก ตัณหาน้ัน เม่อื จะเกดิ ข้ึน ก็ยอ มเกิดขึ้นท่คี วามตรกึ ถึงกลิ่นนนั้เม่ือจะตั้งอยู ก็ยอ มต้งั อยทู คี่ วามตรกึ ถงึ กลน่ิ น้ัน. ความตรกึ ถึงรส เปน ทีร่ กัใคร เปน ทพี่ อใจในโลก ตณั หานั้น เมื่อจะเกดิ ข้นึ กย็ อ มเกิดขึ้นที่ความตรึกถึงรสนัน้ เม่ือจะตงั้ อยู กย็ อมต้งั อยูท ค่ี วามตรกึ ถงึ รสนนั้ . ความตรกึ ถึงโผฏ-ฐัพพะ เปน ท่รี กั ใคร เปน ทีพ่ อใจในโลก ตัณหานั้น เมอ่ื จะเกดิ ขึน้ ก็ยอมเกิดข้นึ ทคี่ วามตรึกถงึ โผฏฐพั พะน้ัน เมือ่ จะต้ังอยู กย็ อ มตัง้ อยทู ีค่ วามตรึกถงึโผฏฐัพพะน้นั . ความตรึกถงึ ธมั มารมณ เปน ท่รี กั ใคร เปนทพี่ อใจในโลกตัณหานัน้ เมอ่ื จะเกิดขนึ้ ก็ยอ มเกดิ ขึ้นที่ความตรกึ ถึงธมั มารมณน น้ั เมื่อจะตั้งอยู กย็ อ มตง้ั อยทู ค่ี วามตรึกถึงธมั มารมณน ั้น. ความตรองถงึ รูป เปน ท่รี ักใคร เปนท่ีพอใจในโลก ตัณหานั้นเมอ่ื จะเกิดขึ้น กย็ อ มเกิดข้ึนทีค่ วามตรองถึงรูปนน้ั เมือ่ จะต้งั อยู ก็ยอ มตั้งอยูทค่ี วามตรองถึงรูปนน้ั . ความตรองถึงเสียง เปน ทีร่ ักใคร เปน ทพี่ อใจในโลกตัณหาน้ัน เม่อื จะเกดิ ข้นึ ก็ยอมเกิดข้ึนท่ีความตรองถงึ เสยี ง เม่ือจะตัง้ อยูกย็ อมต้ังอยูทค่ี วามตรองถึงเสยี งนน้ั . ความตรองถงึ กล่นิ เปน ที่รกั ใคร เปน ท่ีพอใจในโลก ตัณหานน้ั เมอ่ื จะเกดิ ขึน้ ก็ยอ มเกิดขนึ้ ท่คี วามตรองถงึ กล่นิ นั้นเมอื่ จะต้ังอยู ก็ยอมต้ังอยทู ี่ความตรองถึงกลน่ิ นั้น. ความตรองถงึ รส เปนที่รักใคร เปนที่พอใจในโลก ตัณหาน้นั เมอื่ จะเกดิ ขน้ึ กย็ อมเกิดข้ึนที่ความตรองถงึ รสนั้น เมื่อจะต้งั อยู กย็ อ มต้งั อยทู ค่ี วามตรองถงึ รสน้นั . ความตรองโผฏฐัพพะ เปน ทีร่ กั ใคร เปน ท่ีพอใจในโลก ตัณหาน้นั เม่ือจะเกิดข้นึกย็ อ มเกิดขึน้ ท่ีความตรองถึงโผฏฐัพพะนน้ั เมอื่ จะตัง้ อยู ก็ยอมตั้งอยูทค่ี วามตรองถงึ โผฏฐัพพะนน้ั . ความตรองถึงธัมมารมณ เปนทีร่ กั ใคร เปน ทพี่ อใจ
















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook