Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_55

tripitaka_55

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_55

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 151เองนุงผา ใหม พรอมกบั เศรษฐี ๕๐๐ คนผนู ุงผาใหม มุงไปเฉพาะพระผมู ีพระ-ภาคเจา. พระผมู พี ระภาคเจาทรงกระทาํ อบุ าสกบรษิ ัทนไี้ วข า งหนา เเวดลอ มดวยภกิ ษุสงฆห มูใ หญ ทรงกระทาํ ระหวางปา ใหเปนดจุ สแี ดงเรือ่ ๆ อันราดรดดว ยรสนํ้าทอง ดวยพระรัศมีแหง พระสรรี ะของพระองค เสด็จเขาสูพระเชตวนัวิหารดวยพทุ ธลลี าอนั ตอ เนอ่ื งกนั และดว ยพทุ ธสริ ิอนั หาที่เปรียบมิได. ลาํ ดับนนั้ ทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐีทูลถามพระผูม พี ระภาคเจา วา ขาแตพระองคผูเจรญิ ขา พระองคจะปฏบิ ัตใิ นพระวิหารน้ีอยา งไร ? พระผูมีพระภาคเจา ตรสัวา ดูกอนคฤหบดี ถา อยางน้ันทา นจงถวายแกภ กิ ษุสงฆผ ูทีม่ าแลว ๆ ยังวิหารน้เี ถิด ทา นมหาเศรษฐรี ับพระพทุ ธฎกี าแลวถอื เตา นา้ํ ทองหล่ังนํ้าลงบนพระหตั ถของพระทศพล แลว กลา วถวายดว ยคําวา ขาพระองคข อถวายพระเชตวันวิหารนี้แกส งฆมีพระพุทธเจาเปนประธานซงึ่ มาแลวท้งั ๕ ทศิ . พระศาสดาทรงรับวหิ ารแลว เมอ่ื จะทรงกระทาํ อนโุ มทนาไดตรัสอานสิ งสข องการถวายวหิ ารวา เสนาสนะยอ มปอ งกันเย็นและรอ นและแตน ้ัน ยอมปอ งกันเนื้อรา ย งู ยุง นา้ํ คางและฝน แตนน้ั ลมและแดดอันกลาเกิดขน้ึ แลว ยอมบรรเทาไป การถวายวหิ ารแกส งฆ เพอ่ื เรนอยู เพ่ือความสขุ เพ่ือเพงพจิ ารณา และเพ่อื เหน็ แจง พระพุทธเจา ทง้ั หลายสรรเสริญวา เปนทานอันเลศิ . เพราะเหตนุ ้ันแล บรุ ษุ บัณฑิตเมือ่ เล็งเห็นประโยชนตนพงึ สรางวหิ ารอัน รน่ื รมย ใหภิกษทุ งั้ หลายผเู ปน พหูสตู อยเู ลศิ . อนง่ึ พงึ ถวายขาว นา้ํ ผา และเสนาสนะ แกทานเหลานั้น ดวยนาํ้ ใจอนั เล่ือมใส ในทา นผซู อื่ ตรง เขารธู รรมอนั

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 152 ใดในโลกนแ้ี ลว จะเปนผูไมมอี าสวะปรนิ พิ พาน ทาน ยอมแสดงธรรมนั้น อนั เปนเครอื่ งบรรเทาทกุ ขทัง้ ปวง แกเ ขา.จําเดมิ แตวนั ทสี่ องไป ทา นอนาถบิณฑิกเศรษฐเี ริม่ การฉลองวหิ าร. การฉลองวิหารของนางวิสาขา ๔ เดอื นเสรจ็ แตการฉลองวหิ ารของทา นอนาถบณิ ฑิก-เศรษฐี ๙ เดอื นจงึ เสร็จ. หมดทรัพยไป ๘ โกฏิทีเดยี ว ทา นอนาถบิณฑกิ -เศรษฐีบรจิ าคทรพั ยนบั ได ๕๔ โกฏิ เฉพาะวหิ ารหลังเดียวเทา นน้ั ดวยประการฉะน้.ี ก็ในอดตี กาล ในสมยั ของพระผูม พี ระภาคเจา วปิ สสี เศรษฐนี ามวาปนุ พั พสุมติ ต ซือ้ ท่โี ดยการปูลาดอิฐทองคํา แลวใหสรางสงั ฆารามประมาณหนง่ึ โยชน ลงในท่ีน้ันน่นั แหละ ในสมยั ของพระผมู ีพระภาคเจาสิขี เศรษฐีนามวา สริ ิวัฑฒะ ซ้อื ทโ่ี ดยการปลู าดขา ยทองคํา แลว ใหส รา งสงั ฆารามประมาณ ๓ คาวตุ ลงในที่น้นั น่ันแหละ. ในสมยั ของพระผมู พี ระภาคเจา เวสสภูเศรษฐนี ามวา โสตถิยะซื้อท่โี ดยการปูลาดรอยเทาชา งทองคํา แลว ใหสรา งสังฆารามประมาณกงึ่ โยชนล งในที่นั้นน่ันแหละ ในสมัยแหงพระผมู ีพระภาคเจากกสุ นั ธะ เศรษฐนี ามวา อัจจุตะ ซื้อที่โดยการปลู าดอิฐทองคาํ เหมือนกันแลวใหสรางสงั ฆารามประมาณหน่ึงคาวตุ ลงในที่น้นั นนั่ แหละ. ในสมยั แหง พระ-ผูม ีพระภาคเจา โกนาคมนะ เศรษฐีนามวา อคุ คะ ซื้อทโ่ี ดยการปูลาดเตา ทองคํา แลว ใหสรา งสงั ฆารามประมาณกง่ึ คาวตุ ลงในทีน่ นั้ นัน่ แหละ ในสมัยแหงพระผูมีพระภาคเจา กสั สปะ เศรษฐีนามวา สุมงั คละ ซื้อทีโ่ ดยการปูลาดเตา ทองคํา แลว ใหส รา งสงั ฆารามประมาณ ๑๖ กรสี ลงในทนี ั้นนน่ั แหละ แตในสมัยแหงพระผูมพี ระภาคเจา ของเราทง้ั หลาย เศรษฐนี ามวา อนาถบิณฑิกะ ซ้ือที่

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 153โดยการปลู าดกหาปณะจํานวนโกฏิ แลวใหสรา งสังฆารามประมาณ ๘ กรสี ลงในพื้นทน่ี ้นั น่ันแหละ. ไดย ินวา ท่ีนัน้ เปนสถานท่อี นั พระพุทธเจาทง้ั ปวงมิไดทรงละเลยแลว. ตง้ั แตท รงบรรลุพระสพั พญั ตุ ญาณท่ีมหาโพธมิ ณั ฑ จนกระท่ังถงึเตียงเปนทีเ่ สดจ็ มหาปรินิพพาน พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยูในสถานทใี่ ดสถานท่ีนี้ ชื่อวา สันตเิ กนทิ าน ดว ยประการฉะนี้ ขาพเจา จักพรรณนาชาดกทัง้ ปวง ดวยอาํ นาจสนั ตเิ กนิทานนน้ั แล. จบนิทานกถาดวยประการฉะนี้

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 154 อรรถกถาชาดก เอกนบิ าตขอนอบนอ มแดพ ระผูมพี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจาพระองคน ั้น ๑. อรรถกถาอปณ ณวรรค ๑. อปณณกชาดก พระผูมีพระภาคเจาเม่ือเสดจ็ เขาไปอาศัยพระนครสาวัตถี ประทบั อยูในพระเชตวนั มหาวิหาร ตรัสอปณ ณธรรมเทศนานกี้ อ น. ถามวา ก็เร่ืองนี้เกิดข้นึ เพราะปรารภใคร ? ตอบวา เพราะปรารภสาวกของเดยี รถยี ส หายของทานเศรษฐี. ความพศิ ดารมวี า วันหนง่ึ ทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี ชกั พาพวกสาวกของอัญญเดียรถีย ๕๐๐ คน ผูเ ปน สหายของตน ใหถอื ระเบียบดอกไมของหอม เครือ่ งลูบไลเ ปนอนั มาก และนํา้ มัน นํ้าผ้ึง นํ้าออ ย และผา เครื่องปกปด ไปยงั พระเชตวัน ถวายบงั คมพระผูม พี ระภาคเจา บูชาดวยของหอมและดอกไมเปน ตน สละเภสชั และผาถวายแกภิกษสุ งฆ แลวนั่ง ณ สวนสดุขางหนึง่ โดยเวนโทษของการนง่ั ๖ ประการ สาวกของอญั ญเดยี รถยี แ มเหลาน้ัน ถวายบังคมพระตถาคตแลว แลดูพระพกั ตรของพระศาสดา อนั งามสงาดจุ พระจนั ทรใ นวนั เพ็ญ แลดูพระวรกายดจุ กายพรหมอนั ประดับดวยพระลกั ษณะและพระอนั พยญั ชนะ แวดวงดว ยพระรศั มีดานละวา แลดพู ระพุทธรังสีอนั หนาแนนซ่งึ เปลงออกเปนวง ๆ (ดจุ พวงอุบะ) เปนคู ๆ จึงน่ังใกล ๆ

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 155ทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี. ลาํ ดับนน้ั พระศาสดาไดต รสั ธรรมกถาอนั ไพเราะวจิ ติ รดวยนัยตาง ๆ ดว ยพระสรุ เสยี งประดจุ เสียงพรหม นาสดับฟง ประกอบดว ยองค ๘ ประการ แกสาวกของอัญญเดียรถียเ หลา น้นั ปานประหนึง่ ราชสหี หนมุ บนั ลอื สีหนาทบนพ้ืนมโนศิลา เหมือนเมฆฤดูฝนเลอื่ นล่ันอยู เหมือนทําคงคาในอากาศใหห ล่งั ลงมา และเหมือนรอยพวงแกว ฉะนัน้ . สาวกของอญั ญเดยี รถียเ หลา นั้นฟง พระธรรมเทศนาของพระศาสดาแลว มีจติ เล่ือมใสลกุ ขึน้ ถวายบังคมพระทศพล ทําลายสรณะของอัญญเดยี รถียแ ลว ไดถงึ พระ-พุทธเจาเปนสรณะ. จําเดมิ แตน ัน้ พวกอญั ญเดียรถียเ หลาน้ัน มมี ือถือของหอมและดอกไมเปนตน ไปพระวหิ าร ฟง ธรรม ใหท าน รักษาศีล กระทําอโุ บสถกรรม พรอ มกบั ทานอนาถบิณฑิกเศรษฐเี ปนนิตยกาล. ลําดบั นน้ัพระผมู ีพระภาคเจา ไดเ สดจ็ จากกรงุ สาวัตถีกลบั ไปกรุงราชคฤหอีกแล. ในเวลาทีพ่ ระตถาคตเสด็จไปแลว สาวกอญั ญเดียรถียเ หลา นัน้ ก็ไดท ําลายสระนัน้ เสียกลบั ไปถึงอัญญเดียรถยี เปน สรณะอีก ดํารงอยูใ นฐานะอนั เปน เคา มลู เดิมของคนน่นั เอง ฝา ยพระผูมพี ระภาคเจา ทรงยับยงั้ อยู ๗-๘ เดอื น ไดเ สดจ็ กลับไปยังพระเขตวันเหมอื นเดิมอกี . ทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐกี ็พาสาวกอัญญเดียรถียเหลา นน้ั ไปเฝาพระศาสดาแมอีก บูชาพระศาสดาดว ยของหอมและดอกไมเปนตน ถวายบงั คมแลวน่ัง ณ สวนขา งหนึ่ง. พวกสาวกอญั ญเดยี รถยี แมเหลาน้นัก็ถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจา แลว นั่ง ณ สวนขา งหนงึ่ . ลําดับน้ัน ทานอนาถบิณฑิกเศรษฐีกราบทลู แตพระผมู ีพระภาคเจา ถึงความที่พวกสาวกอัญญ-เดยี รถียเ หลานน้ั เมื่อพระตถาคตเสดจ็ หลีกจาริกไปแลว ไดทาํ ลายสรณะท่ีรับไว กลบั ไปถืออญั ญเดียรถียเปน สรณะ ดํารงอยใู นฐานะเดมิ อกี . พระผมู ีพระภาคเจาทรงเผยมณฑลพระโอษฐ ประดจุ เปด ผอบแกว อนั เตม็ ดวยของหอมตาง ๆ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 156อันมีกล่ินหอมดว ยของหอมอันเปนทพิ ย เพราะอานภุ าพของวจสี จุ รติ ทท่ี รงบาํ เพญ็ ใหเ ปน ไปไมขาดสาย สิน้ โกฏิกปะนบั ไมถว น เมอ่ื จะทรงเปลงพระสุร-เสยี งอันไพเราะ ตรัสถามวา ไดยนิ วา พวกทานผูเปน อุบาสก ทาํ ลายสรณะ๓ เสียแลว ถงึ อญั ญเดียรถยี เ ปน สรณะ จรงิ หรอื ? ลาํ ดบั นั้น เม่อื พวกสาวกอญั ญเดยี รถียเ หลาน้นั ไมอ าจปกปดไวไดพากันกราบทลู วา จรงิ พระเจา ขาพระศาสดาจึงตรสั วา ดูกอ นอุบาสกทั้งหลาย ในโลกธาตุ เบอ้ื งลางจดอเวจีมหานรก เบอ้ื งบนจดภวัคคพรหม และตามขวางหาประมาณมไิ ด ชอ่ื วาบุคคลเชน กบั พระพุทธเจาโดยพระคุณทงั้ หลายมศี ีลเปน ตน ยอมไมม ี บคุ คลที่ย่ิงกวาจกั มมี าแตไ หน แลวทรงประกาศคณุ ของพระรตั นตรยั ทีท่ รงประกาศไวด วยพระสูตรทัง้ หลายมีอาทอิ ยา งน้วี า ภิกษุ ท้ังหลาย สตั วทงั้ หลายมปี ระมาณเพยี งใดไมมีเทา ก็ตาม มี ๒ เทา กต็ าม มี ๔ เทาก็ตาม มเี ทา มากกต็ าม ฯลฯ พระตถาคตเรากลาววาเปนเลิศของสตั วท ้งั หลาย มปี ระมาณเพียงนนั้ . (และพระสูตรวา )ทรพั ยเคร่ืองปล้มื ใจอยา งใดอยา งหนงึ่ ในโลกนี้หรอื โลกอืน่ ฯลฯ รตั นะอันน้นั เสมอดวยพระตถาคตเจา ไมม ีเลย. (และพระสูตรวา) เม่ือบุคคลรจู ักธรรมอันเลศิ เล่อื มใสแลวโดยความเปน ของเลศิ เลือ่ มใสแลวในพระพทุ ธเจาผเู ลิศ ฯลฯแลว จงึ ตรัสวา บุคคลจะเปน อบุ าสกหรืออบุ าสิกาก็ตาม ผูถงึ พระรัตนตรัยอันประกอบดวยอุดมคุณอยา งนี้ ช่อื วาจะเปนผบู ังเกิดในนรกเปนตน ยอมไมม ีอน่ึงพน จากการบงั เกิดในอบายแลว ยงั จะเกิด นัน้ เทวโลกไดเ สวยมหาสมบตั ิเพราะเหตุไร พวกทา นจึงพากนั ทาํ ลายสรณะเห็นปานน้ี แลว ถึงอัญญเดียรถยี เปน สรณะ กระทาํ กรรมอันไมสมควรเลย. กใ็ นทน่ี ้ี เพื่อจะแสดงถงึ ความท่ีบคุ คลผถู ึงพระรัตนตรยั เปนสรณะดว ยอํานาจความหลดุ พน และดวยอาํ นาจเปน รัตนะอันสงู สดุ จะไมม กี ารบังเกดิ ในอบายทง้ั หลาย บัณฑติ พึงแสดงพระสตู รเหลา นวี้ า

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 157 ชนเหลา ใดเหลาหน่ึง ไดถ งึ พระพทุ ธเจา เปนสรณะ ชนเหลา นนั้ จกั ไมเ ขา ถึงอบายภมู ิ ละรา งกายของมนษุ ยน ไี้ ปแลว จักยังกายเทพใหบริบรู ณ. ชนเหลา ใดเหลา หน่ึง ไดถ ึงพระธรรมเปน สรณะชนเหลา น้ัน จักไมเขาถึงอบายภูมิ ละรา งกายของมนุษยนไ้ี ปแลว จกั ยงั กายเทพใหบ รบิ รู ณ. ชนเหลา ใดเหลาหน่งึ ไดถึงพระสงฆเ ปนสรณะชนเหลา น้นั จกั ไมเ ขา ถึงอบายภมู ิ ละรา งกายของมนษุ ยน ้ีไปแลว จักยงั กายเทพใหบริบรู ณ. มนษุ ยท้ังหลายเปนอนั มาก ถูกภัย คกุ คาม แลวยอมถึงภเู ขาบาง ปาบา ง อารามและตน ไมทเี่ ปนเจดียบาง วา เปนสรณะ นัน่ แลมิใชสรณะอนั เกษม นัน่มใิ ชสรณะอันอุดม เขาอาศัยสิ่งนัน้ เปนสรณะแลวยอ มไมพนจากทกุ ขทัง้ ปวง. สวนผูใดถึงพระพุทธเจา พระธรรม และพระ-สงฆ วาเปนสรณะแลว เห็นอรยิ สัจ ๔ ดว ยปญญาอนั ชอบ คือทกุ ข และตัณหาอนั เปนแดนเกดิ ข้ึนแหงทกุ ข (คอื สมุทยั ) และความกา วลวงทกุ ข (คือนโิ รธ)และมรรคมอี งค ๘ อันไปจากขา ศกึ ไหถงึ พระ-นิพพานเปนทเ่ี ขา ไประงับทุกข น้ีแลเปน สรณะอนัเกษม นี้เปนสรณะอนั อุดม เขาอาศยั สงิ่ น้แี ลว ยอมพนจากทกุ ขท ้ังปวงได ดงั นีแ้ ล.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 158 ก็พระศาสดาทรงแสดงธรรมมีประมาณเทาน้ีเทา นน้ั แกพ วกสาวกอญั ญเดียรถยี เ หลานัน้ ยังไมส ้นิ เชิง. อกี อยางหน่งึ แล ไดทรงแสดงธรรมโดยนัยมีอาทอิ ยางน้วี า ดูกอ นอบุ าสกทง้ั หลาย ชอื่ วา พุทธานสุ สตกิ ัมมัฏฐานธัมมานสุ สตกิ มั มัฏฐาน สังฆานุสสติ กัมมัฏฐาน ยอ มใหโ สดาปต ตมิ รรค ยอมใหโสดาปต ติผล ยอมใหส กทาคามิมรรค ยอมใหส กทาคามิผล ยอ มใหอ นาคามมิ รรคยอ มใหอ นาคามิผล ยอ มใหอ รหัตมรรค ยอ มใหอ รหัตผล คร้นั ทรงแสดงธรรมแลวจงึ ตรัสวา พวกทานทาํ ลายสรณะชื่อเห็นปานน้ี การทํากรรมอันไมส มควรแลว อน่งึ พุทธานุสสตกิ ัมมฏั ฐานเปนตน อนั เปน ทางใหถึงโสดาปตติมรรคเปน ตนนพ้ี ึงแสดงโดยพระสูตรท้ังหลาย มอี าทิอยา งนี้วา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย ธรรมเอกอนั บคุ คลเจรญิ แลว กระทําใหมากแลว ยอมเปน ไปเพื่อความหนาย เพอื่คลายกาํ หนัด เพือ่ ความดับ เพือ่ ความสงบระงบั เพ่ือรยู ่ิง เพ่อื ความตรสั รูเพ่ือนิพพาน ธรรมเอกเปน ไฉน ? คือพทุ ธานุสสติ ดงั นี้. ก็แหละ พระผู-มีพระภาคเจา ครน้ั ทรงโอวาทอุบาสกท้ังหลาย โดยประการตาง ๆ อยา งนแ้ี ลวไดต รัสวา ดกู อ นอุบาสกท้ังหลาย แมในกาลกอ น มนษุ ยท ัง้ หลาย ถือเอาสงิ่ ทไ่ี มใ ชส รณะ วา เปน สรณะ โดยการถือเอาดว ยการคาดคะเน โดยการถอืเอาผิด ไดต กเปนภกั ษาหารของยกั ษในทางกันดาร ซึ่งอมนษุ ยหวงแหนแลวถึงความพินาศอยา งใหญหลวง สว นเหลา มนษุ ยผถู อื การยดึ ถอื ชอบธรรม ยดึถือความแนนอน ยดึ ถือไมผดิ ไดถงึ ความสวัสดีในทางกันดารนั้นนัน่ เองครั้นตรัสแลว ไดทรงนงิ่ เสีย. ลําดบั นนั้ แล ทานอนาถบณิ ฑิกคฤหบดลี กุ ขนึ้จากอาสนะ ถวายบังคมพระผมู พี ระภาคเจา กลา วชมเชยแลว ประคองอัญชลีเหนอื เศยี รเกลา กราบทูลอยางน้ีวา บัดนี้ การที่พวกอบุ าสกเหลา น้ัน ทาํ ลายสรณะอันอดุ มแลว ถอื สรณะยึดถือเอาดวยการคาดคะเน ยดึ ถือเอาอยางผิด ๆ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 159ปรากฏแกขา พระองคกอน สว นในปางกอนพวกมนษุ ยผูยดึ ถอื ดว ยการคาดคะเนมีความพนิ าศ และพวกมนุษยผยู ึดถอื โดยชอบธรรม มีความสวสั ดใี นทางกันดารที่อมนษุ ยห วงแหนยงั ลี้ลับสําหรับขา พระองค ไมปรากฏแกข า พระองคเลย ดังขา พระองคข อโอกาส ขอพระผูมพี ระภาคเจาโปรดทรงกระทาํ เหตุนี้ใหปรากฏ เหมือนยังพระจนั ทรเ ตม็ ดวงใหเดนขน้ึ ในอากาศฉะน้นั . ลําดับน้ัน พระผูมพี ระภาคเจาตรสั วา ดูกอ นคฤหบดี เราแลบาํ เพญ็บารมี ๑๐ ทัศในกาลหาปรมิ าณมิได ไดแ ทงตลอดพระสพั พัญตุ ญาณ ก็เพอ่ืจะคัดความสงสัยของชาวโลกนัน่ แล ทานจงเงย่ี โสตฟง โดยเคารพ เหมือนบคุ คลเอาถาดทองคําบรรจเุ ตม็ ดวยนาํ้ มนั เหลวแหงราชสหี ฉ ะน้นั แลวทรงยงัสตใิ หเ กดิ แกเ ศรษฐี แลวไดท รงกระทําเหตกุ ารณแมอ ันระหวางภพปกปด ไวใหปรากฏ ดจุ ทําลายกลมุ หมอกนาํ พระจันทรเพญ็ ออกมาฉะนัน้ . ในอดีตกาล ไดม ีพระราชาพระนามวาพรหมทตั อยูในพระนครพาราณสีแควนกาสิกรฐั . ในกาลน้นั พระโพธสิ ัตวถือปฏสิ นธิในตระกลู พอคา เกวียน ถึงความเจรญิ วยั โดยลาํ ดบั ไดเท่ียวกระทําการคาดวยเกวียน ๕๐๐ เลม. พระ-โพธสิ ัตวน ้นั บางคร้ังจากตนแดนไปยงั ปลายแดน บางคร้งั จากปลายแดนไปยังตนแดน. กใ็ นเมืองพาราณสีนน้ั แหละมีบุตรพอคา เกวียนอกี คนหน่ึง. บตุ รพอคา เกวียนคนนนั้ เปน คนเขลา ไมเ ปนคนมีปญ ญา ไมฉลาด ในอุบาย.ในกาลนน้ั พระโพธิสัตวม าเอาสินคามีคามากจากเมอื งพาราณสีบนั ทุกเตม็เกวยี น ๕๐๐ เลม ทําการเตรียมจะเดนิ ทางแลว พกั อยู. ฝายบุตรพอคาเกวยี นผูเ ขลานั้นก็บนั ทุกเต็มเกวยี น ๕๐๐ เลม อยางนัน้ เหมอื นกัน แลว ทาํ การเตรยี มเดินทางพกั อยู. พระโพธสิ ตั วค ดิ วา ถาบตุ รพอคาเกวยี นผเู ขลานี้จักไปพรอ ม

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 160กับเราทเี ดียวไซร เม่อื เกวียนพันเลม ไปพรอมกัน แมท ่ีกจ็ ักไมพอเดนิ ฟนและน้ําเปนตน ของพวกมนษุ ยกด็ ี หญาของพวกโคกด็ ี จักหาไดย าก บตุ รพอคาเกวยี นผูเขลาน้ีหรือเรา ควรจะไปขา งหนา. พระโพธสิ ตั วน้ันจงึ เรียกบุตรพอคาเกวยี นนั้นมาบอกเน้ือความน้ันแลวกลาววา เราท้ังสองไมอาจไปรวมกนั ทา นจกั ไปขา งหนา หรอื ขา งหลัง. บุตรพอคา เกวียนนน้ั คดิ วา เมอื่ เราไปขา งหนา จะมีอานสิ งสมาก เราจกั ไปโดยหนทางยังไมแ ตกเลย. พวกโคจกั ไดเคย้ี วกนิ หญาทยี่ งัไมมีใครถูกตอ ง พวกผูค นจักมผี ักอนั เก้อื กูลแกแกงซึ่งยังไมไดจบั ตองน้ําจักใสเราเมือ่ ไปตามชอบใจ จกั ตัง้ ราคาขายสินคาได. บุตรพอ คา เกวยี นนน้ั จงึ กลา ววา สหายเราจกั ไปขางหนา. พระโพธสิ ัตวไ ดเ ห็นการไปขา งหลังวา มอี านสิ งสม าก.พระโพธสิ ตั วน นั้ ไดมีความคิดอยางนี้วา คนเหลาน้ันเมอ่ื ไปขางหนา จกั กระทําทอี่ นั ขรขุ ระในหนทางใหส ม่ําเสมอ เราจักเดินทางไปตามทางท่คี นเหลาน้นั ไปแลว เมือ่ โคพลิพัทธ (คือโคใชงาน) ซง่ึ ไปขา งหนา กนิ หญา แกและแขง็ โคท้งั หลายของเราจกั เค้ยี วกนิ หญาอรอยซึง่ งอกขึ้นใหม ผักซ่ึงใชทําแกงของพวกมนุษย ซึ่งงอกข้นึ จากท่ที ี่ถูกเดด็ เอาไปจกั เปนของอรอ ย ในท่ีท่ไี มม นี ้าํ คนเหลา นั้นจักขดุ บอทําใหน้ําเกดิ ขน้ึ เราจกั ดืม่ นํา้ ในบอ ทคี่ นเหลา นน้ั ขุดไว ชือ่ วาการต้งั ราคาสนิ คา เปน เชน กบั การปลงชวี ิตมนษุ ย เราไปขา งหลังจกั ขายสนิ คาตามราคาทีค่ นเหลาน้ตี ้งั ไว. พระโพธสิ ัตวน ั้นเห็นอานิสงสม ีประมาณเทา นจี้ งึกลาววา ดกู อ นสหาย ทา นจงไปขางหนา เถิด. บุตรพอคาเกวยี นผูเขลารบั คําแลว จึงเทียมเกวียนทั้งหลายเปนการใหญ ออกไปลวงพน ถนิ่ ที่อยูของมนษุ ยถึงปากทางกันดาร โดยลาํ ดบั . ช่ือวา กนั ดารมี ๕ อยาง คือ กนั ดารเพราะโจร ๑ กันดารเพราะสัตวราย ๑ กันดารเพราะขาดน้าํ ๑ กนั ดารเพราะอมนษุ ย ๑ กนั ดารเพราะอาหารนอ ย๑. ในกันดาร ๕ อยา งน้นั ทางทพ่ี วกโจรซมุ อยชู ่อื วา กันดารเพราะโจรทางทีส่ ีหะ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 161เปน ตน ชุกชมุ ช่อื วากันดารเพราะสตั วร า ยอาศยั อยู. สถานท่ที ีไ่ มม ีน้าํ อาบหรอืน้ํากนิ ชอ่ื วากนั ดารเพราะขาดนํ้า. ทางท่ีอมนุษยสิงอยู ชือ่ วา กนั ดารเพราะมีอมนุษยส ิงอย.ู สถานทซ่ี ึง่ เวน จากของควรเคย้ี วอันเกดิ แตหวั เปน ตน ช่ือวากนั ดารเพราะอาหารนอ ย ในกันดาร ๕ อยางนี้ กนั ดารนนั้ หมายเอากันดารเพราะการขาดน้าํ และกนั ดารเพราะมอี มนุษยส งิ อยู. เพราะฉะน้นั บตุ รพอคาเกวียนผเู ขลาน้นั จึงตง้ั ตุม ใหญ ๆ ไวบนเกวยี นทงั้ หลาย บรรจุเติมดว ยน้ําเดนิ ทางกันดาร ๖๐ โยชน. คร้ันในเวลาทบี่ ุตรพอ คาเกวยี นผเู ขลานั้น ถึงทา มกลางทางกนั ดาร ยักษผูส งิ อยูในทางกนั ดารคดิ วา เราจักใหพวกมนษุ ยเ หลา นี้ ทิง้ นาํ้ ทีบ่ นั ทุกมาเสียทําใหกะปลกกะเปล้ียแลวกินมันทง้ั หมด จึงนริ มติ ยานนอย นา รื่นรมย เทยี มดว ยโคพลพิ ทั หนุมขาวปลอด หอ มลอ มดวยอมนุษย ๑๒ คน ชุมดวยน้าํ และโคลนถืออาวุธพรอมท้งั โลเ ปน ตน ประดับดอกอบุ ลและโกมทุ มผี มเปย กและผาเปยกนง่ั มาบนยานนอยนัน้ ประหน่ึงคนเปน ใหญม ีลอยานเปอนเปอ กตม เดินสวนทางมา. ฝายพวกอมนษุ ยผ เู ปน บรวิ ารของยักษนน้ั เดินไปมาขา งหนาและขา งหลัง มผี มเปย กและผาเปยก ประดบั ดอกอุบลและดอกโกมทุ ถอื กาํ ดอกปทุมและดอกบุณฑริก เคย้ี วกินเหงา บัว มหี ยาดนํา้ และโคลนหยด ไดพ ากนั เดนิ ไป.ก็ธรรมดาวา พอ คา เกวยี นทั้งหลาย ในกาลใด ลมพดั มาขางหนา ในกาลนน้ัจะนั่งบนยานนอ ยหอ มลอมดวยคนอปุ ฏฐาก หลีกเล่ยี งฝุน ในหนทางไปขา งหนาในกาลใด ลมพดั มาขา งหลงั ในกาลน้ัน ก็หลีกไปทางขางหลังโดยนัยนน้ั นน่ั แล.ก็ในกาลน้ัน ไดม ลี มพัดมาขางหนา เพราะฉะน้ัน บตุ รพอ คาเกวยี นผเู ขลานน้ัจงึ ไดไ ปขางหนา . ยกั ษน ัน้ เห็นบุตรพอคา เกวยี นนน้ั กาํ ลังมาอยู จึงใหย านนอยของตนหลีกลงจากทางไดทําการปฏสิ ันถารกบั บตุ รพอคาเกวยี นน้นั วา ทานทงั้ หลายจะไปไหน. ฝา ยบตุ รพอ คาเกวยี นกย็ งั ยานนอ ยของตนหลกี ลงจากทาง

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 162ใหโ อกาสเกวยี นทั้งหลายไป แลวยนื ณ สวนขา งหนง่ึ กลาวกะยักษวา ทา นผเู จรญิฝายพวกเรามาจากเมืองพาราณสี สวนทานทั้งหลายประดบั ดอกอบุ ลและโกมทุถือดอกประทมุ และบุณฑรกิ เปนตน เค้ยี วกนิ เหงาบวั เปอ นดว ยเปอ กตม มีหยดน้าํ ไหล พากนั มา ในหนทางท่ที านทั้งหลายมา ฝนตกหรอื หนอ มีสระน้าํดารดาษดว ยดอกอุบลเปนตนหรือ. ยักษไดฟงถอยคาํ ของบตุ รพอคา เกวียนนั้นแลวจงึ กลา ววา สหาย ทานพูดอะไร ท่ีนั้น ราวปา เขียวปรากฏอยู ตั้งแตที่นั้นไป.ปา ทัง้ สนิ้ มนี ํา้ อยทู วั่ ไป ฝนตกเปน ประจาํ แมแ ตซ อกเขาก็เตม็ (ดว ยนํา้ ) ในท่ีนนั้ ๆ มสี ระนํ้าดารดาษดว ยดอกปทุม. เมอ่ื เกวียนทง้ั หลายผา นไปโดยลําดบั จึงถามวา ทา นพาเกวยี นเหลา นี้มา จะไปไหนกนั ? บตุ รพอ คา เกวยี นกลาววา จะไปยงั ชนบทชอ่ื โนน . ยกั ษก ลาววา ในเกวยี นเลมนแ้ี ละเลม นี้ มีสนิ คาชอ่ื อะไร.บุตรพอ คาเกวียนตอบวา มสี ินคาช่อื โนน และช่ือโนน . ยกั ษกลา ววา เกวยี นที่มาขา งหลังเปน เกวียนหนักมาก กาํ ลังมาอยู ในเกวยี นนัน้ มสี นิ คาอะไร. บุตรพอ คา เกวียนกลา ววา ในเกวียนเลมนี้มีนํา้ . ยักษก ลา ววา กอ นอืน่ ทานทั้งหลายนํานาํ้ มาขา งหลังดวย ไดการทาํ ความเนนิ่ ชา แลว กต็ ้งั แตน ี้ไป กจิ ดวยนา้ํ ยอมไมมี ขางหนา มนี าํ้ มาก ทานทงั้ หลายจงทุบตุม เทนํา้ ทิ้งเสีย จงไปดว ยเกวยี นเบาเถิด. กแ็ หละคร้นั กลาวอยางนี้แลวจงึ พดู วา ทานทงั้ หลายจงไปเถอะ ความชักชาจะมแี กพวกเรา แลวเดินไปหนอ ยหนึง่ ถงึ ทท่ี ีค่ นเหลานน้ั มองไมเ ห็นก็ไดไปยังนครยกั ษข องตนนน้ั แล. ฝา ยพอคา เกวียนผูเขลาน้ัน เพราะความทค่ี นเปน คนเขลาจึงเชื่อคาํ ของยักษน้นั จงึ ใหท ุบตมุ ท้งั หลายทง้ั ทัง้ หมดไมเหลือน้ําแมส ักฟายมอื เดยี วแลวขับเกวยี นไป ขา งหนา ชอื่ วานา้ํ แมม ีประมาณนอย มไิ ดม .ี มนษุ ยทง้ั หลายเม่อื ไมไ ดน ้ําด่มื พากนั ลาํ บากแลว คนเหลา น้ันพากนั ไปจนพระอาทติ ยอ สั ดงจงึ ปลดเกวยี น พกั เกวียนใหเปน วงแลวผกู โคท่ลี อเกวียน. นํ้าไมม แี กพ วกโคหรือขา วยาคแู ละภัตกไ็ มม ีแกพ วกมนุษย. ฝา ยพวกมนษุ ยมกี าํ ลงั เปลย้ี ลง ไม

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 163ใสใจพากนั นอนหลับไปในทีน่ น้ั ๆ. ในลําดับอนั เปนสวนราตรี ยกั ษท้ังหลายมาจากนครยกั ษ ยังโคและมนษุ ยท ้ังหมดน้นั แลใหถงึ แกค วามตาย แลวกนิ เน้ือของโคและมนษุ ยเ หลาน้ัน ไมไ หเหลอื แมแ ตกระดูก แลวจงึ พากนั ไป. ชนเหลาน้นั แมท งั้ หมดถึงความพินาศ เพราะอาศยั บุตรพอคาเกวยี นผูโงเขลาคนเดยี ว ดวยประการอยา งน้ี กระดกู มือเปน ตน ไดก ระจัดกระจายไปในทิศนอยทศิใหญ เกวยี น ๕๐๐ เลม ไดตงั้ อยตู ามที่บรรทกุ ไวเตม็ อยางเดิมแล. ฝา ยพระโพธสิ ตั วแ ล จําเดิมแตว ันท่บี ุตรพอ คาเกวียนโงอ อกไปแลวก็ยบั ยงั้ อยปู ระมาณกึงเดอื น จงึ พากันออกจากพระนครพรอ มกบั เกวยี น ๕๐๐เลม ถงึ ปากทางกนั ดารโดยลําดบั . พระโพธิสัตวน น้ั จึงยังตุมนํา้ ใหเตม็ ณ ปากทางกันดารนน้ั พาเอานํา้ เปนอันมากไปใหเ ทยี วตีกลองปา วรองภายในกองคายใหพ วกชนประชมุ กันแลว กลา วอยางน้วี า ทา นผเู จริญทัง้ หลาย พวกทานยังไมขออนุญาตขาพเจา อยา ไดเ ทนํ้า แมส ักเทา ซองมอื หนึ่ง ชอ่ื วา ตน ไมม ีพิษยอ มมใี นทางกนั ดาร ใบไมด อกไมหรอื ผลไม ทานทั้งหลายไมเ คยกนิ ในกาลกอนมีอยู พวกทานยงั ไมไดไตถ ามแมข า พเจา กอ็ ยา ไดเคยี้ วกนิ คร้ันใหโอวาทแมแ กค นท้งั หลายอยางนแ้ี ลวจึงเดินทางกันดารดว ยเกวยี น ๕๐๐ เลม . เม่อื พระโพธิสตั วถ ึงทามกลางทางกันดาร ยกั ษน ั้นไดแสดงตนในหนทางสวนกันแกพ ระโพธิสตั ว โดยนัยกอ นนั่นแหละ พระโพธิสตั วพ อเหน็ยักษน นั้ เทาน้นั ไดรูว า ในทางกันดารน้แี หละ ไมม ีนํา้ น้ชี อ่ื วา กนั ดารเพราะไมมีนา้ํ อนึ่ง ผนู ้ีไมมีทา ทเี กรงกลัว มนี ัยนตาแดง แมเ งาของเขากไ็ มป รากฏ.บตุ รพอคา เกวียนผูเขลาใหท งิ้ น้าํ หมดพากันลําบาก พรอ มทั้งบริษทั จักถกู ยกั ษนีก้ ินเสยี แลว โดยไมตอ งสงสัย แตยกั ษน ี้ เหน็ จะไมร คู วามท่เี ราเปนบณั ฑิตและความท่ีเราเปนผฉู ลาดในอุบาย. ลําดับนั้น พระโพธสิ ตั วนั้น กลา วกะยักษนนั้ วา พวกทา นจงไปเถดิพวกเราช่ือวาเปนพอ คา ยังไมเหน็ น้าํ อ่นื จะไมทง้ิ น้ําทบี่ รรทุกเอามา แตเรา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 164ท้งั หลายจะทิง้ ในท่ที ่ไี ดเห็นแลว ทําเกวยี นทั้งหลายใหเ บาแลว จักไป. ฝา ยยักษไปไดหนอยหน่งึ เขา ถงึ ท่ที ่ีมองไมเ หน็ แลวไปนครยักษข องตนทเี ดียว. เมื่อยกั ษไ ปแลว คนทงั้ ปวงจงึ เขาไปหาพระโพธิสัตวแ ลว กลา ววา ขาแตเ จานายคนเหลาน้ันกลา ววา น่ันแนวปา เขยี วปรากฏอยู จาํ เดมิ แตท่นี น้ั ไป ฝนจักตกเปนนิตย เปน ผสู วมมาลยั ดอกอบุ ลและโกมุท ถอื กาํ ดอกปทมุ และบุณฑริกเคีย้ วกินเหงาบวั มผี าเปย ก และมีผมเปย ก มีหยาดนํา้ และโคลนไหลหยดมาพวกเราจกั ทง้ิ นํ้า มเี กวียนเบาจะไปไดเรว็ . ฝา ยพระโพธิสตั วไ ดฟ งคาํ ของคนเหลา นั้นแลว จึงใหพักเกวียน ใหคนทัง้ หมดประชมุ กันแลวถามวา พวกทานเคยไดฟ งมาจากใคร ๆ หรือวา ในที่กันดารนี้ มสี ระนํ้าหรอื สระโบกขรณ.ีคนท้งั หลายกลาววา ขา แตเจา นาย ไมเคยไดย ิน พระโพธสิ ตั วก ลาววา นี้ช่อื วา กันดารเพราะนํ้าไมมี. บัดนี้ คนพวกหนึง่ พูดวา เบ้ืองหนาแตแ นวปาเขียวนั้น ฝนตก ธรรมดาวาลมฝนจะพัดไปถึงท่ีมปี ระมาณเทาไร ? คนทัง้ หลายกลาววา พดั ไปไดประมาณ ๓ โยชน ขอรบั เจานาย. พระโพธสิ ตั วถามวา ลมกับฝนกระทบรา งกายของบคุ คลแมค นหนึง่ บรรดาพวกทาน มีอยูหรอื ? คนทั้งหลายกลาววา ไมม ขี อรับ. พระโพธสิ ัตวถ ามวา ธรรมดากอ นเมฆยอมปรากฏในที่มปี ระมาณเทา ไร ? คนทง้ั หลายกลาววา ในทป่ี ระมาณ๓ โยชน ขอรับ. พระโพธสิ ัตวถามวา กบ็ รรดาทานทง้ั หลาย ใคร ๆ เห็นกอ นเมฆกอ นหน่งึ มอี ยหู รอื ? คนทั้งหลายกลาววา ไมม ีขอรับ. พระโพธิสตั ว. ธรรมดาสายฟาปรากฏในที่มปี ระมาณเทาไร ? คนท้ังหลาย. ในท่ีประมาณ ๔-๕ โยชน ขอรับ. พระโพธิสตั ว. กบ็ รรดาทานทงั้ หลาย ใคร ๆ ทเ่ี ห็นแสงสวา งของสายฟา มอี ยหู รอื ? คนทัง้ หลาย. ไมมขี อรับ.

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 165 พระโพธิสัตว. ธรรมดาเสียงเมฆจะไดย นิ ในทีม่ ีประมาณเทา ไร ? คนทัง้ หลาย. ในท่ี ๑-๒ โยชน ขอรบั . พระโพธิสตั ว. ก็บรรดาทา นทง้ั หลาย ใครๆ ที่ไดยนิ เสียงเมฆ มีอยูหรือ ? คนทง้ั หลาย. ไมมีขอรับ. พระโพธสิ ตั ว. ทา นท้ังหลายรจู ักคนเหลานั้นหรอื ? คนทัง้ หลาย. ไมร ูจกั ขอรบั . พระโพธสิ ตั วก ลาววา คนเหลา น้ันไมใชม นษุ ย คนเหลา น้นั เปน ยกั ษพวกมนั จักมาเพอ่ื ยใุ หพวกเราทิ้งนาํ้ กระทําใหอ อ นกําลงั แลว จะเค้ียวกนิ บตุ รพอคา เกวียนผูเขลาซึ่งไปขา งหนา ไมฉ ลาดในอุบายเขาคงจักถูกยกั ษเ หลานี้ ใหทิ้งนํ้า ลาํ บากแลว เคย้ี วกินเสยี เปนแน เกวยี น ๕๐๐ เลม จกั จอดอยตู ามท่ีบรรทุกไวเตม็ นน่ั แหละ วันนี้ พวกเราจักเหน็ เกวียนเหลานั้น ทานท้งั หลายอยา ไดทง้ิ นํ้าแมม าตรวาฟายมอื หนึง่ จงรบี ขับเกวยี นไปเรว็ ๆ พระโพธสิ ัตวนั้นมาอยู เห็นเกวียน ๕๐๐ เลม ตามทบ่ี รรทกุ ไวเต็มนั่นแหละ และกระดูกคางเปนตน ของมนุษยท้งั หลายและของเหลา ใด กระจดั กระจายอยใู นทศิ นอ ยทศิ ใหญ จงึ ใหปลดเกวียน ใหต ้งั กองคา ยโดยเอาเกวยี นวงรอบ ใหคนและโคกินอาหารเย็น ตอเวลายังวนั ใหโคท้งั หลายนอนตรงกลางคนทัง้ หลายตนเองพาเอาคนผูม กี ําลงั แขง็ แรง มือถอื ดาบ ตงั้ การอารักขาตลอดราตรีท้ัง ๓ ยามยนื เทา นน้ั (ไมนอน) จนอรุณขึน้ . วนั รุง ขึ้น พระโพธสิ ัตวทาํ กจิ ทงั้ ปวงใหเสรจ็ แตเชาตร.ู ใหโ คท้ังหลายกินแลว ใหท ง้ิ เกวยี นที่ไมแ ขง็ แรงเสีย ใหถ ือเอาเกวียนทแ่ี นน หนา ใหท้งิ สง่ิ ของทม่ี รี าคานอ ยเสยี ใหขนสง่ิ ของทีม่ ีคามากข้นึไปยังทตี่ ามท่ีปรารถนา ๆ ขายสิ่งของดวยมลู คา ๒ เทา ๓ เทา ไดพาบริษัททง้ั หมดไปยังนครของตน ๆ น่นั แลอกี .

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 166 พระศาสดาครัน้ ตรสั ธรรมกถานีแ้ ลว ตรัสวา ดกู อนคฤหบดี ในกาลกอ น คนผมู ีปกตยิ ดึ ถือโดยการคาดคะเน ถึงความพินาศใหญหลวงดวยประการอยา งน้ี สวนคนผูม ปี รกติยดึ ถือคามความจริง พน จากเงอ้ื มมือของพวกอมนษุ ย ไปถึงท่ีที่ปรารถนา ๆ โดยสวัสดี แลวกลับมาเฉพาะยังทอี่ ยขู องตนแมอกี เมือ่ จะทรงสบื ตอเร่ืองแมท ้ังสองเร่ือง ทรงเปน ผตู รสั รยู ่งิ เองในอปณณกธรรมเทศนานี้ จงึ ตรัสพระคาถาน้วี า คนพวกหนง่ึ กลาวฐานะไมผ ิด นักเดาทั้งหลาย กลาวฐานะน้ัน วาเปน ท่สี อง คนมปี ญญารูฐานะและ มิใชฐานะนนั้ แลวควรถอื เอาฐานะท่ไี มผดิ ไว. บรรดาบทเหลาน้ัน บทวา อปณฺณก ไดแก เปน ไปอยางแนน อนคือ ไมผ ิด เปนเคร่อื งนาํ ออกจากทกุ ข. บทวา าน ไดแ ก เหต.ุ จริงอยูในเหตุ เพราะเหตทุ ผ่ี ลชือ่ วายอ มตง้ั อยู เพราะมคี วามเปนไปตอเนือ่ งกบั เหตนุ นั้ฉะนน้ั ทานจงึ เรียกเหตนุ นั้ วา ฐานะ และพงึ ทราบประโยคของบทวา านนน้ั ในประโยคมอี าทวิ า านฺจ านโต อานจฺ อานโต ฐานะโดยฐานะ และมิใชฐ านะ.โดยมใิ ชฐานะ. ดงั นั้น แมด ว ยบททงั้ สองวา อปณณฺ -กฏ าน ทานแสดงวา เหตุใดนํามาซ่ึงความสขุ โดยสว นเดยี ว เหตนุ ้นับณั ฑิตท้ังหลายปฏิบตั ิแลว เหตุอันเปน ไปอยา งแนน อน เหตุอนั งาม ชือ่ วาอปณ ณกะไมผ ดิ นีเ้ ปนเหตุอนั ไมผิด เปนเหตเุ ครือ่ งนําออกจากทกุ ข ความยอในท่ีนี้ เพียงเทา นี.้ แตเม่อื วา โดยประเภท สรณคมน ๓ ศีล ๕ ศีล ๘ศีล ๑๐ ปาฏโิ มกขสังวร อนิ ทรยี ส งั วร อาชีวปาริสุทธิศลี ปจ จยปฏิเสวนะการเสพปจจัย จตปุ าริสุทธิศลี แมท ัง้ หมด ความคมุ ครองทวารในอินทรียท้ังหลาย ความรูประมาณในโภชนะ ชาครยิ านุโยค ฌาน วปิ สสนา อภิญญาสมาบัติ อริยมรรค อริยผล แมท้ังหมดนี้ เปน ฐานะอนั ไมผ ิด อธบิ ายวาขอ ปฏิบตั ิไมผ ิด ขอปฏบิ ัติอนั เปน เครอ่ื งนาํ ออกจากทุกข.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 167 กแ็ หละ เพราะเหตุท่ฐี านะอนั ไมผ ดิ น้ี เปนช่อื ของขอ ปฏิบตั ิเครอ่ื งนําออกจากทุกข เพราะฉะนัน้ แหละ พระผูมพี ระภาคเจา เมือ่ จะทรงแสดงขอปฏิบัติอันไมผดิ นัน้ จงึ ตรสั พระสูตรนี้วา \"ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษุผูประกอบดวยธรรม ๓ ประการ เปน ผูปฏบิ ตั ขิ อปฏิบตั ิอนั ไมผ ิด เปนผมู คี วามเพยี ร และเปนผูปรารภความเพียรนั้นเพือ่ ความสิ้นอาสวะทัง้ หลาย ๓ ประการเปน ไฉน ? ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษุในธรรมวนิ ยั น้ี เปนผูค ุมครองทวารในอินทรียท ง้ั หลาย เปนผรู ูป ระมาณในโภชนะ เปนผปู ระกอบตามความเพียรเคร่อื งตน่ื อย.ู ดกู อนภกิ ษุท้งั หลายอยา งไรเลา ภกิ ษเุ ปน ผูคมุ ครองทวารในอินทรยี ทั้งหลาย. ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลายภกิ ษุในพระธรรมวนิ ัยนี้ เห็นรปู ดว ยจักษุ ยอ มไมถ ือเอาโดยนิมติ ฯลฯ ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย อยางนี้แล ภิกษชุ ื่อวา เปน ผูค ุมครองทวารในอินทรยี ทง้ั หลาย. ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย กอ็ ยางไรเลา ภิกษเุ ปน ผูรปู ระมาณในโภชนะ.ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุในพระธรรมวินยั น้ี พิจารณาโดยแยบคายแลวบริโภคอาหาร มิใชเพอ่ื เลน มใิ ชเพอ่ื มวั เมา มใิ ชเพ่อื ประดบั มใิ ชเ พือ่ ตก-แตง เพยี งเพื่อใหก ายนดี้ ํารงอยู เพื่อใหดาํ เนินไป เพอ่ื งดเวน การเบยี ดเบียนเพ่อื อนุเคราะหพรหมจรรย ดงั น้ัน เราจะบําบัดเวทนาเกา ไมใ หเ วทนาใหมเกิดข้นึ การยงั ชวี ติ ใหดําเนนิ ไป ความไมมโี ทษและการอยผู าสุก จกั มแี กเรา.ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษุเปน ผรู ปู ระมาณในโภชนะ อยา งนี้และ ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย กอ็ ยางไรเลา ภกิ ษุจงึ จะเปนผูประกอบเนือง ๆ ซง่ึ ความเพยี รเครือ่ งตื่นอยู ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษใุ นพระธรรมวินยั นีช้ ําระจิตจากธรรมเคร่ืองกางกัน ดว ยการจงกรม ดว ยการน่ังตลอดวัน ชาํ ระจติ จากธรรมเครื่องกางก้ัน ดว ยการจงกรม ดวยกาฟง ตลอดปฐมยามแหง ราตรี สําเร็จสีหไสยา

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 168โดยขางเบือ้ งขวา เอาเทาซอนเทา มสี ติสมั ปชญั ญะ ทาํ ไวในใจถึงความสาํ คัญในการลุกขึน้ ตลอดมชั ฌิมยามแหงราตรลี กุ ขึ้นแลว ชาํ ระจติ จากธรรมเครอื่ งกางกัน้ ดวยการจงกรม ดว ยการน่งั ตลอดปจฉมิ ยามแหงราตร.ี ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย อยา งนแี้ ล ภกิ ษจุ งึ ช่ือวาเปนผูป ระกอบเนือง ๆ ซ่ึงความเพียรเปน เครอื่ งตน่ื อย\"ู ดงั น.้ี กใ็ นพระสตู รนต้ี รสั ธรรม ๓ ประการ อปณณกปฏิปทา คือขอปฏิบตั ิไมผ ดิ นี้ ยอ มใชไดจนกระทงั่ อรหตั ผลทีเดยี ว. ในอปณณกปฏปิ ทานนี้ แมอรหัตผลกย็ อมช่ือวา เปนปฏิปทาแกก ารอยูด ว ยผลสมาบตั ิ และแกป รินพิ พานท่ีไมมีขันธ ๕ เหลือ. บทวา เอเก ไดแก คนผูเปนบัณฑิตพวกหนึง่ . แมในบทวา เอเก นน้ั ไมม ีการกําหนดลงไปอยา งแนนอนวา คนช่อื โนน ก็จริง แตถ ึงกระน้ัน คาํ วา เอเก ทแ่ี ปลวา พวกหน่ึงน้ี พงึ ทราบวาพระผมู พี ระภาคเจาตรสั หมายเอาเฉพาะพระโพธสิ ัตวพ รอ มทัง้ บรษิ ัท. บทวาทุติย ท่สี อง ในบทวา ทตุ ยิ  อาหุ ตกกฺ กิ า นักเดากลาววาเปน ฐานะทีส่ อง นี้ ไดแก เหตแุ หงการยดึ ถอื เอาโดยการเดา คือเหตอุ ันไมเปนเครอ่ื งนําออกจากทกุ ข วา เปน ที่สอง จากฐานะอนั ไมผิดทีห่ น่ึง คือ จากเหตอุ ันเปนเครือ่ งนาํ ออกจากทกุ ข. กใ็ นบทวา อาหุ ตกกฺ กิ า นี้ มีการประกอบความกับบทแรก ดงัตอ ไปน้ี :- คนทเี่ ปนบัณฑิตพวกหน่งึ มีพระโพธิสตั วเปนประธาน ถือเอาฐานะท่ีไมผ ิด คอื เหตุอนั เปนไปอยา งแนนนอน ไดแ กเ หตุอันไมผ ดิ เหตุอนั เปนเครือ่ งนาํ ออกจากทุกข สว นนักคาดคะเน มีบุตรพอ คาเกวียนผูเขลาเปน ประธานนัน้ กลา วคือ ไดถ ือเอาฐานะท่เี ปน ไปโดยไมแ นนอน คอื เหตุท่ผี ิด ไดแ ก เหตุอนั ไมเปนเครอ่ื งนาํ ออกจากทกุ ข ซงึ่ มีโทษ วาเปนทีส่ อง

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 169บรรดาชนท้ังสองพวกน้ัน ชนทถ่ี อื ฐานะอันไมผิดนน้ั เปน ผปู ฏิบตั ิปฏิปทาขาวสวนชนทถี่ ือเหตอุ นั ไมเ ปน เครอ่ื งนาํ ออกจากทุกข กลา วคอื การยดึ ถอื โดยคาดคะเนเอาวา ขางหนา มนี ํา้ วา เปนทสี่ องน้นั เปน ผูป ฏิบตั ิปฏิปทาคาํ . ในปฏปิ ทาสองอยางน้ัน ปฏิปทาขาว เปน ปฏปิ ทาไมเ สือ่ ม สวนปฏปิ ทาดาํ เปนปฏปิ ทาเสอื่ ม เพราะฉะนนั้ ชนผูปฏบิ ัตปิ ฏปิ ทาขาว เปนผูไมเส่ือม ถงึ แกค วามสวัสดี สวนชนผปู ฏบิ ตั ิปฏปิ ทาดาํ เปนผเู สอื่ ม ถึงแกค วามพินาศฉิบหาย.พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั แกอ นาถบิณฑิกคฤหบดี ถงึ เน้อื ความดังพรรณนามาน้แี ลว ตรสั พระดํารัสนีใ้ หยงิ่ ขึ้นวา คนมปี ญญา รูฐ านะ และมใิ ชฐ านะนแ้ี ลวควรถือเอาฐานะทีไ่ มผดิ ไว. บรรดาบทเหลา น้นั บทวา เอตทฺาย เมธาวี ความวา กลุ บุตรผปู ระกอบดวยปญญาอันหมดจด สูงสดุ ซึ่งไดนามวา เมธา รคู ณุ และโทษความเจริญและความเสอื่ ม ประโยชนและมใิ ชประโยชน ฐานะและมใิ ชฐานะในฐานะทงั้ หลายกลาวคอื การยึดถือฐานะไมผดิ และการยดึ ถือโดยการคาดคะเนทงั้ สอง คือ ในฐานะท่ีไมผ ิดและฐานะที่ผิด น.้ี บทวา ต คณฺเห ยทปณณฺ ก ความวา ควรถอื เอาฐานะที่ไมผดิคือทเ่ี ปน ไปโดยแนนอน เปน ปฏปิ ทาขาว เปน เหตเุ คร่อื งนาํ ออกจากทุกขกลาวคอื ปฏิปทาอื่นไมเส่ือมน้นั นั่นแหละไว. เพราะเหตไุ ร ? เพราะภาวะมีความเปน ไปแนน อนเปน ตน . สว นนอกนี้ไมค วรถอื เอา. เพราะเหตุไร ? เพราะภาวะมีความเปน ไปไมแนน อน. จรงิ อยู ชื่อวา อปณ ณกปฏปิ ทาน เปน ปฏปิ ทาของพระพุทธเจา พระปจ เจกพุทธเจา และพระพุทธบุตรทั้งปวงแล. ก็พระพุทธ-เจา ทัง้ ปวง ต้ังอยูเฉพาะในอปณณกปฏปิ ทาบําเพญ็ บารมีทง้ั หลายดวยความเพียรมัน่ ชอื่ วา เปน พระพุทธเจา ทลี่ านตน โพธิ. แมพระปจ เจกพุทธเจา กย็ ังปจ เจก-โพธิญาณใหเกิดข้นึ แมพทุ ธบุตรทั้งหลายก็ตรัสรูเฉพาะสาวกบารมญี าณ.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 170 พระผมู พี ระภาคเจา แมท รงประทานกุศลสมบัตทิ ั้ง ๓ กามาวจรสวรรค๖ และสมบตั ิในพรหมโลก แกอ บุ าสกเหลา นน้ั ดว ยประการดังน้ี ในทส่ี ดุ ทรงแสดงอปณ ณกปฏปิ ทานว้ี า ช่อื วา ปฏปิ ทาท่ีไมผ ดิ ใหอ รหัตผล. ช่ือวา ปฏิปทาท่ผี ิด ใหการบงั เกิดในอบาย ๔ และในตระกลู ต่ํา ๕ แลวทรงประกาศอรยิ สัจ๔ โดยอาการ ๑๖ ใหย ิ่งในรูป. ในเวลาจบอริยสจั ๘ อุบาสก ๕๐๐ คนแมท้ังหมดนั้น ดาํ รงอยแู ลว ในโสดาปตติผล. พระศาสดา ครน้ั ทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้แลว ทรงแสดงเร่ือง๒ เร่อื งสบื อนุสนธกิ ัน แลวทรงประมวลชาดกมาแสดงทรงทําพระเทศนาใหจ บลงวา บุตรพอคาเกวียนผโู งเ ขลาในสมยั นน้ั ไดเ ปน พระเทวทัต ในบัดน้ีแมบ รษิ ัทของบตุ รพอ คาเกวียนโงนั้นก็ไดเ ปน บรษิ ทั ของเทวทตั ในบัดน้ีบรษิ ทั ของบุตรพอ คา เกวยี นผูเปน บณั ฑิต ในคร้งั นน้ั ไดเปน พทุ ธบรษิ ทั ในบัดน้ี สว นบตุ รของพอคา เกวยี นผเู ปน บัณฑิตในครั้งนน้ั ไดเ ปน เราตถาคต. จบอปณณกชาดกที่ ๑ ๒. วัณณปุ ถชาดก วา ดวยผูไมเ กียจคราน [๒] ชนท้ังหลายผูไมเกยี จคราน ขดุ ภาคพ้นื ที่ ทางทราย ไดพ บนา้ํ ในทางทรายนัน้ ณ ที่ลานกลางแจง ฉันใดมนุ ผี ปู ระกอบดว ยความเพียรและกําลัง เปน ผู ไมเกียจคราน พงึ ไดค วามสงบใจ ฉันนนั้ . จบวณั ณปุถชาดกที่ ๒

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 171 ๒. อรรถกถาวัณณุปถชาดก พระผูมีพระภาคเจา เมอ่ื ประทบั อยใู นพระนครสาวตั ถี ตรัสพระธรรมเทศนานม้ี ีคําเริม่ ตน วา อกิลาสโุ น ดงั นี้. ถามวา ทรงปรารภใคร ? ตอบวา ทรงปรารภภกิ ษผุ สู ละความเพยี รรปู หนึ่ง. ดังไดส ดับมา เม่อื พระตถาคตประทับอยใู นนครสาวัตถี มีกุลบตุ รชาวเมืองสาวัตถีคนหนง่ึ ไปพระเชตวันวิหาร สดบั พระธรรมเทศนาในสาํ นกัของพระศาสดา มีจติ เลอ่ื มใส เหน็ โทษในกามและอานสิ งสใ นการออกจากกามจึงบวช อปุ สมบทได ๕ พรรษา เรียนไดม าติกา ๒ บท ศกึ ษาการประพฤติวิปสสนา รับพระกรรมฐานที่จิตของตนชอบ ในสํานักของพระศาสดาเขาไปยงั ปาแหง หนึง่ จาํ พรรษา พยายามอยูต ลอดไตรมาสไมอาจทาํ สกั วา โอภาสหรอืนมิ ติ ใหเ กดิ ข้นึ . ลาํ ดับน้ัน ภกิ ษุนน้ั ไดม คี วามคิดดงั นีว้ า พระศาสดาตรสั บคุ คล๔ จําพวก ในบคุ คล ๔ จาํ พวกนน้ั เราคงจะเปน ปทปรมะ เราเหน็ จะไมม ีมรรคหรือผลในอตั ภาพนี้ เราจักกระทําอะไรดวยการอยูปา เราจักไปยงั สาํ นักของพระศาสดา แลดูพระรูปของพระพทุ ธเจาอันถงึ ความงามแหง พระรปู อยางยิง่ ฟงพระธรรมเทศนาอนั ไพเราะอยู (จะดีกวา ) ครั้นคิดแลว กก็ ลับมายังพระเชตวนั วิหารนัน่ แลอกี . ลาํ ดับนน้ั ภิกษทุ ้งั หลายผเู ปน เพือ่ นเหน็ และคบกนั กลาวกะภกิ ษนุ ้ันวา ดูกอ นอาวโุ ส ทานเรียนกรรมฐานในสํานักของพระศาสดาแลว ไปดว ยหวงัใจวา จกั กระทําสมณธรรม แคบ ัดน้ี มาเที่ยวรื่นรมยดวยการคลกุ คลีอยู กจิ แหงบรรพชติ ของทา นถงึ พูดแลวหรอื หนอ ทา นจะเปน ผูไ มมีปฏิสนธิแลหรือภิกษุนั้น กลาววา ดกู อ นอาวุโสทั้งหลาย เราไมไดม รรคหรือผล จึงคิดวาเรานํ้า

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 172จะเปน อภพั พบคุ คล จงึ ไดสละความเพยี รแลว มาเสยี . ภกิ ษเุ หลา นน้ั กลา ววาดกู อนอาวุโส ทานบวชในพระศาสนาพองพระพุทธเจาผมู ีความเพียรม่นั แลวละความเพียรเสีย กระทาํ สงิ่ อันมใิ ชเ หตุแลว มาเถดิ ทา น พวกเราจักแสดงทา นแดพ ระตถาคต. ครั้นกลาวแลว ภิกษเุ หลา นั้นจึงไดพ าภิกษุนั้นไปยงั สํานกัของพระศาสดา. พระศาสดาพอทรงเหน็ ภิกษุน้นั จงึ ตรสั อยางนวี้ า ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลายพวกเธอเปนผูพาภกิ ษุผูไมป รารถนารูปนีม้ าแลว ภกิ ษนุ ท้ี ําอะไร. ภกิ ษุทัง้ หลายกราบทลู วา ขาแดพ ระองคผเู จรญิ กภ็ ิกษนุ ีบ้ วชในพระศาสนาอันเปนเคร่อื งนําออกจากทกุ ขเห็นปานนี้ ไมอาจกระทาํ สมณธรรม ละความเพียรเสียมาแลว. ลําดบั นัน้ พระศาสดาตรสั กะภกิ ษุน้ันวา ดูกอ นภิกษุ ไดย ินวาเธอละความเพียรจริงหรือ. ภิกษุน้นั กราบทูลวา จริงพระเจาขา. พระศาสดาตรัสวา ดกู อ นภิกษุ เธอบวชในศาสนาอันเปน เคร่ืองนําออกจากทุกขเ ห็นปานนี้ ทาํ ไมจงึ ไมใ หเ ขารูจกั ตนอยา งนี้วา เปนผมู กั นอยหรอื วา เปน ผูสันโดษหรอื วา เปนผสู งดั หรอื วาเปนผไู มเกีย่ วขอ ง หรอื วา เปนผูปรารภความเพียร ใหเขารูจกั วา เปนภกิ ษผุ ูละความเพียร เมอื่ ครั้งกอนเธอไดเปน ผมู ีความเพียรมใิ ชห รอื เมือ่ เกวยี น ๕๐๐ เลม ไปในทางกันดารเพราะทราย พวกมนุษยและโคทั้งหลายไดนํ้าด่มื มคี วามสุข เพราะอาศยั ความเพยี รซึ่งเธอผเู ดยี วกระทาํ แลว เพราะเหตุไร บัดนี้ เธอจึงละความเพียรเสยี .ภกิ ษุน้ัน โลกกาํ ลงั ใจดวยเหตุมปี ระมาณเทานี.้ ฝา ยภกิ ษทุ ัง้ หลายไดฟง พระดาํ รัสน้ัน จึงออ นวอนพระผูม ีพระภาคเจาวา ขาแดพ ระองคผเู จรญิ ความทคี่ วามเพียรอันภิกษุนส้ี ละแลว ปรากฏแกขา พระองคท ั้งหลายในบดั นี้แลว ก็ในกาลกอ น ความทีโ่ คและมนษุ ยทัง้ หลาย

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 173ไดนาํ้ ด่ืมมีความสุขในทางกนั ดารเพราะทราย เหตุอาศัยความเพยี รทภี่ ิกษุน้ีกระทาํ ยงั สลบั สาํ หรบั ขาพระองคทั้งหลาย ปรากฏแกพระองคผ ทู รงบรรลุพระสัพพัญญตญาณเทา นั้น ขอพระองคจงตรัสเหตุน้แี มแกข า พระองคท้งั หลายเถดิ . พระผูม พี ระภาคเจาทรงยังการเกดิ สตใิ หเกิดแกภ กิ ษุท้ังหลายเหลา นนั้ ดวยพระดาํ รสั วา ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ถาอยางน้ัน เธอท้ังหลายจงฟงแลวไดทรงกระทาํ เหตกุ ารณอ นั ระหวางแหงภพปกปดไวใ หป รากฏ. ในอดีตกาล เมือ่ พระเจา พรหมทตั ครองราชสมบัติอยใู นพระนครพาราณสี พระโพธสิ ัตวถือปฏสิ นธิในตระกลู พอคา เกวยี น. พระโพธิสัตวน ้นัเจริญวัยแลว เทย่ี วกระทําการคา ดว ยเกวียน ๕๐๐ เลม. พระโพธสิ ตั วนนั้ เดินทางกนั ดารเพราะทรายแหง หนงึ่ มรี ะยะประมาณ ๖๐ โยชน. ก็ในทางกนั ดารนั้นทรายละเอยี ดกาํ มอื ไวย งั ตดิ อยใู นมอื ตั้งแตพ ระอาทิตยขน้ึ มีความรอน เหมือนกองถานเพลิง ไมอาจขา มไปได เพราะฉะนน้ั พระโพธิสตั วน นั้ เมื่อดาํ เนินทางกนั ดารนน้ั จึงเอาเกวยี นบรรทุกฟน นํ้า น้ํามนั และขา วสารเปน ตน ไปเฉพาะกลางคืน ในเวลาอรณุ ข้ึนกระทําเกวยี นใหเปนวงแลว ใหทําปะราํ ไวเบ้ืองบนทาํ กจิ ในเร่ืองอาหารใหเสรจ็ แตเ ชาตรูแ ลว นงั่ ในรม เงาจนหมดวนั เมือ่ พระ-อาทติ ยอสั ดงแลว บรโิ ภคอาหารเยน็ เมอ่ื พ้ืนดนิ เกิดความเยน็ จงึ เทยี มเกวียนเดนิ ทางไป การไปเหมอื นกบั การไปในทะเลนั่นแหละ ยอมจะมใี นทางกันดารนนั้ . ธรรมดาผูกําหนดบท๑ ควรจะมี เพราะเหตนุ น้ั พระโพธสิ ตั วน ้นัจงึ ใหกระทาํ การประกอบการไปของหมูเกวยี นตามสญั ญาของดวงดาว ในกาลนั้นพอคา เกวียนแมนน้ั เมื่อจะไปยังทางกนั ดารนน้ั ตามทํานองนีน้ นั้ แล จึงไปได๕๙ โยชน คิดวา บัดน้ี โดยราตรเี ดียวเทา น้ัน จกั ออกจากทางกันดารเพราะทรายจึงบริโภคอาหารเย็น ใชฟ นและนํา้ ทั้งปวงใหห มดสนิ้ แลว จึงเทียมเกวียน๑. คนนาํ ทาง เชน เดียวกับคนนํารอ งในทางนํา้































พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 189 ราคะเรยี กวา ธลุ ี แตฝ ุนละอองไมเรยี กวาธลุ ี คําวา ธลุ ีนเี้ ปน ชอ่ื ของราคะ ภิกษุทั้งหลายเหลา นน้ั ละ ธุลีน้ันไดแลว ยอมอยใู นศาสนาของพระพุทธเจาผู ปราศจากธุลี โทสะ เรียกวา ธุลี แตฝ ุน ละอองไมเ รียก วา ธลุ ี คาํ วาธุลีน้ี เปนชอื่ ของโทสะ ภิกษทุ งั้ หลาย เหลาน้ัน ละธลุ นี ้นั ไดแลว ยอ มอยูในศาสนาของ พระพุทธเจาผูป ราศจากธุลี โมหะ เรยี กวา ธุลี แตฝ นุ ละอองไมเรยี กวา ธลุ ี คําวาธุลีนี้ เปน ชอื่ ของโมหะ ภิกษุทง้ั หลายเหลา นน้ั ละธุลี นัน้ ไดแลว ยอ มอยใู น ศาสนาของพระพทุ ธเจาผปู ราศจากธลุ .ีในเวลาจบคาถา พระจลุ ลปนถกบรรลพุ ระอรหัตพรอมดวยปฏสิ มั ภทิ าทัง้ หลายปฎ กทั้งสามมาถงึ แกพระจลุ ลปน ถกนน้ั พรอมดวยปฏสิ มั ภทิ าทัง้ หลายเทียว. ไดยินวา ในกาลกอน พระจลุ ลปนถกนั้นเปน พระราชากําลงั ทาํประทักษิณพระนคร เมื่อพระเสโทไหลออกจากพระนลาต จงึ เอาผา สาฎกบรสิ ุทธิ์เชด็ พระนลาต ผา สาฎกไดเ ศรา หมองไป พระราชาน้นั ทรงไดอนิจจสญั ญาความหมายวา ไมเ ทีย่ ง วาผาสาฎกอนั บริสทุ ธ์เิ ห็นปานนี้ ละปกตเิ ดมิ เกดิ เศราหมองเพราะอาศยั รางกายนี้ สังขารทัง้ หลายไมเ ทยี่ งหนอ ดว ยเหตนุ ั้น ผาเปนเคร่ืองนําธลุ อี อกไปเทานี้ เกิดเปน ปจ จยั แกพ ระจลุ ลปนถกน้ัน. ฝา ยหมอชีวกโกมารภจั นอ มนาํ น้าํ ทกั ษิโณทกเขา ไปถวายพระทศพลพระศาสดาเอาพระหตั ถปดบาตรโดยตรัสวา ชวี ก ในวหิ ารมีภิกษอุ ยมู ิใชห รือพระมหาปนถกกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผูเจริญ ในวิหารไมม ภี ิกษุมใิ ชหรอืพระเจา ขา พระศาสดาตรัสวา ชวี ก มภี ิกษุ. หมอชวี กจงึ สงบรุ ุษไปโดยสง่ั วาพนาย ถาอยางนน้ั ทานจงไป อน่งึ จงรูวา ในวหิ ารมภี ิกษหุ รอื ไมมี ขณะน้ัน

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 190พระจุลลปนถกคดิ วา พ่ีชายของเราพูดวา ในวหิ ารไมมภี ิกษุ เราจกั ประกาศความทีภ่ ิกษทุ ั้งหลายมีอยูใ นวิหาร แกพ ี่ชายของเรานนั้ แลวบันดาลใหอัมพวนัท้ังสนิ้ เตม็ ไปดวยภกิ ษุท้ังหลายเทา นนั้ ภิกษพุ วกหนงึ่ ทาํ จีวรกรรม ภกิ ษุพวกหนงึ่ ทาํ กรรมคือยอมจวี ร ภกิ ษุพวกหน่ึงทําการสาธยาย ทา นนริ มติ ภกิ ษุ๑,๐๐๐ รปู ซง่ึ เหมือนกนั และกนั อยางน้ี บุรษุ นนั้ เหน็ ภกิ ษมุ ากมายในวหิ ารจงึ กลับไปบอกหมอชีวกวา ขาแตน าย อมั พวันทัง้ สิน้ เต็มดวยภิกษุทัง้ หลาย ณ ท่ีน่ันแหละ แมพระเถระ กน็ ริ มิตอัตภาพต้ังพัน [ลวนเปน] พระปน ถก นั่งอยูใ นอัมพวนั อนั รื่นรมยจนกระทัง่ ประกาศเวลา [ภตั ] ใหทราบกาล. ลาํ ดบั น้นั พระศาสดาตรสั กะบรุ ษุ นัน้ วา ทานจงไปวิหาร กลา ววาพระศาสดาตรัสเรยี กภิกษุชือ่ วา จลุ ลปนถก เมอ่ื บุรษุ นนั้ ไปกลา วอยา งนน้ั แลวปากต้งั พนั ก็ตั้งขึ้นวา อาตมะชื่อจลุ ลปนถก อาตมะชอ่ื จลุ ลปน ถก บุรษุ ไปกราบทูลวา ขา แตพ ระองคผ ูเ จรญิ นัยวา ภิกษแุ มท ้ังหมด ชื่อจลุ ลปน ถกทัง้ นน้ั .พระศาสดาตรสั วา ถาอยางนน้ั ทา นจงไปจับมือภกิ ษุผูพดู กอ นวา อาตมะชอื่จุลลปนถก ภิกษทุ เ่ี หลอื จะอนั ตรธานไป บุรุษนัน้ ไดก ระทําอยางนั้น ทนั ใดนน่ั เอง ภกิ ษปุ ระมาณพนั รปู ไดอนั ตรธานหายไป พระเถระไดไ ปกบั บุรุษนน้ัในเวลาเสรจ็ ภัตกิจ พระศาสดาตรัสเรียกหมอชวี กมาวา ชวี ก ทานจงรบับาตรของพระจลุ ลปน ถก พระจุลลปน ถกน้จี ักกระทาํ อนโุ มทนาแกทาน. หมอชีวกไดกระทาํ อยางนั้น พระเถระบันลอื สีหนาท ดจุ ราชสีหหนมุ ยงั ปฎกทงั้ ๓ใหกาํ เริบ กระทําอนุโมทนา พระศาสดาเสดจ็ ลกุ ขึน้ จากอาสนะ. มภี กิ ษุสงฆเปนบริวารเสด็จไปยงั พระวิหาร เม่อื ภกิ ษุท้งั หลายแสดงวตั รแลว เสด็จลกุจากอาสนะประทับยนื ทห่ี นา มขุ พระคันธกุฎี ประทานโอวาทของพระสุด แกภิกษสุ งฆ แลวตรัสบอกพระกรรมฐาน ทรงสงภิกษสุ งฆไ ปแลวเสด็จเขาพระ-

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 191คันธกุฎี อันตอบดวยของหอมอนั มีกลิ่นหอม ทรงเขา สหี ไสยา โดยพระปรัศวเบ้อื งขวา ครั้นในเวลาเยน็ ภกิ ษุทงั้ หลายประชุมกันรอบดา นในโรงธรรมสภาน่งั เหมือนวงมานผากมั พลแดง ปรารภเรของพระคุณของพระศาสดาวา อาวุโสท้งั หลาย พระมหาปน ถกไมร ูอัธยาศยั ของพระจลุ ลปนถก ไมอาจใหเ รยี นคาถาเดียวโดยเวลา ๔ เดอื น ฉดุ ออกจากวหิ าร โดยกลาววา จุลลปนถกนโ้ี งเขลาแตพระสัมมาสมั พทุ ธเจา ไดประทานพระอรหัตพรอ มดว ยปฏิสัมภทิ าแกพ ระ-จลุ ลปนถกนนั้ ในระหวา งภตั คราวเดียวเทานั้น เพราะพระองคเปนพระธรรมราชาผยู อดเยย่ี ม ปฎกทั้งสามมาพรอ มดว ยปฏิสัมภทิ าทเี ดียว นาอัศจรรย ชื่อวาพทุ ธพลังใหญห ลวง. ลําดบั น้ัน พระผูม พี ระภาคเจาทรงทราบความเปน ไปของเรื่องนีใ้ นโรงธรรมสภา ทรงพระดาํ ริวา วันนี้เราควรไป จงึ เสดจ็ ลกุ ขน้ึ จากพุทธไสยา ทรงนุงผา สองชนั้ อันแดงดี ทรงผกู รดั ประคดประดุจสายฟา แลบทรงหม มหาจวี รขนาดพระสุคตเชนกับผากัมพลแดง เสดจ็ ออกจากพระคันธกฎุ ีอันมีกล่นิ หอม เสดจ็ ไปยังโรงธรรมสภา ดว ยความงามอนั เยอื้ งกรายดุจชางตวั ประเสริฐอนั ซบั มันและดุจราชสีห และดวยพุทธลลี าอนั หาทส่ี ดุ มิได เสดจ็ขึน้ บวรพทุ ธอาสนที่ลาดไวท รงเปลงพทุ ธรศั มีมพี รรณ ๖ ประการเสมอื นทรงยังทอ งทะเลใหก ระเพ่ือม ประดจุ พระอาทิตยท อแสงออ น ๆ เหนือยอดเขายคุ นธรฉะนน้ั ประทบั นง่ั ทามกลางอาสนะ ก็เมื่อพระสมั มาสมั พทุ ธเจา พอสกั วา เสดจ็มา ภิกษุสงฆไ ดงดการพูดจานิ่งอยแู ลว พระศาสดาทรงแลดูบริษทั ดว ยพระเมตตาจิตอนั ออ นโยน ทรงพระดาํ รวิ า บรษิ ทั น้งี ามเหลอื เกิน การคะนองมอืคะนองเทา หรือเสียงไอเสียงจาม แทข องภกิ ษุรปู เดียวกม็ ิไดม ี ภิกษแุ มทัง้ ปวงน้มี ีความเคารพดวยความเคารพในพระพุทธเจา อนั เดชของพระพุทธเจาคุกคามแลว เม่อื เรานัง่ ไมกลาวแมต ลอดกปั ภิกษทุ ้ังหลายจกั ไมต ้งั ถอยคําขึน้

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 192กลา วกอน ชื่อวาวัตรในการต้ังเรื่อง เราควรจะรู เราแหละจกั กลาวกอนจงึตรัสเรียกภกิ ษทุ ้งั หลายดวยพระสุรเสยี งดจุ เสียงพรหมอันไพเราะ ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย บัดน้ี พวกเธอนง่ั ประชุมกันดวยเรื่องอะไร เรื่องอะไรที่พวกเธอพูดคา งไวใ นระหวา ง ภิกษทุ ัง้ หลายกราบทูลวา ขาแตพระองคผูเจริญขา พระองคทง้ั หลายนงั่ อยใู นทน่ี ้ี ไมกลา วเดยี รฉานกถาอยา งอื่น แตน่ังพรรณนาพระคุณทั้งหลายของพระองคเทานนั้ วา อาวุโสท้ังหลาย พระมหา-ปน ถกไมร ูอัธยาศัยของพระจลุ ลปนถก ไมอ าจใหเ รยี นคาถาเดยี วโดย ๔ เดอื นฉดุ ออกจากวหิ ารโดยกลาววา พระจุลลปนถกนีโ้ งเขลา แตพระสมั มาสัมพุทธ-เจา ไดประทานพระอรหัตพรอ มดวยปฏิสัมภิทาแกพ ระจุลลปนถกน้นั ในระหวา งภัตครัง้ เดียวเทานั้น เพราะพระองคทรงเปน พระธรรมราชาผยู อดเย่ียม นาอศั จรรย ช่อื วาพระกําลังของพระพทุ ธเจาท้งั หลายใหญหลวงนัก พระศาสดาไดท รงสดบั ถอยคําของภกิ ษุทงั้ หลายแลวตรสั วา ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย พระจุลลปน ถกบรรลถุ ึงความเปน ใหญในธรรม ในธรรมท้ังหลายในบดั นี้ เพราะอาศยั เรากอ น แตใ นปางกอน จลุ ลปน ถกนถ้ี ึงความเปน ใหญในโภคะ แมใ นโภคะทัง้ หลาย ก็เพราะอาศยั เรา. ภกิ ษุท้งั หลายจึงทลู ออ นวอนพระผมู ีพระภาคเจา เพอื่ ตรัสเรอ่ื งน้นั ใหแจม แจง พระผมู ีพระภาคเจาไดท รงกระทาํ เหตุอันระหวางภพปกปด ไวใหปรากฏ ดังตอ ไปนี้ ในอดีตกาล เมอ่ื พระเจาพรหมทตั ครองราชสมบตั ใิ นเมอื งพาราณสีในแควน กาสี พระโพธิสตั วบ ังเกดิ ในตระกลู เศรษฐี เจรญิ วัยแลว ไดรบัตาํ แหนงเศรษฐี ไดช อ่ื วาจุลลกเศรษฐี จุลลกเศรษฐีนั้น เปนบณั ฑิตฉลาดเฉียบแหลมรนู ิมิตทัง้ ปวง วนั หนึ่ง จลุ ลกเศรษฐนี ัน้ ไปสทู บ่ี าํ รุงพระราชา เห็นหนตู ายในระหวางถนน คาํ นวนนกั ขัตฤกษในขณะนั้นแลว กลาวคาํ น้วี า

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 193กุลบตุ รผูมดี วงตาคอื ปญ ญา อาจเอาหนูตัวน้ไี ปกระทําการเลีย้ งดภู รรยาและประกอบการงานได. กุลบตุ รผูยากไรคนหน่ึงชอื่ วา จูฬันเตวาสิก ไดฟ งคาํ ของเศรษฐนี ัน้แลวคิดวา ทา นเศรษฐน้ไี มร ู จกั ไมพ ดู จงึ เอาหนูไปขายในตลาดแหง หนงึ่เพ่ือเปน อาหารแมว ไดทรพั ยก ากณกึ หนงึ่ จงึ ซอื้ นํา้ ออ ยดว ยทรัพยหนงึ่กากณกึ น้นั แลวเอาหมอ ใบหนึ่งตักนํา้ ไป เขาเห็นพวกชางดอกไมม าจากปา จึงใหชน้ิ น้ําออยคนละหนอยหนึ่ง แลวใหด่ืมน้ํากระบวยหน่งึ พวกชางดอกไมเหลาน้นั ไดใ หดอกไมค นละกาํ มอื แกเ ขา. แมใ นวนั รงุ ขนึ้ เขาก็เอาคา ดอกไมน้นั ซื้อน้าํ ออยและนํา้ ด่มื หมอ หนงึ่ไปยงั สวนดอกไมทีเดยี ว พวกชางดอกไมไ ดใ หก อดอกไมท เ่ี ก็บไปแลวคร่งึ กอแกเขาในวนั น้ันแลว กไ็ ป ไมนานนัก เขาก็ไดเงนิ ๘ กหาปณะโดยอุบายน.้ี ในวนั มฝี นเจอื ลมวันหนงึ่ ไมแ หง กิง่ ไม และใบไมเ ปน อันมาก ในพระราชอุทยาน ถูกลมพดั ตกลงมาอกี คนเฝา อุทยานไมเหน็ อุบายทีจ่ ะทิ้ง เขาไปในพระราชอุทยานน้ันแลวกลา วกะคนเฝาอทุ ยานวา ถา ทานจกั ใหไมแ ละใบไมเหลานนั้ แกข า พเจา ขาพเจา จักนําของทั้งหมดออกไปจากสวนนข้ี องทานคนเฝา อุทยานนนั้ รบั คําวา เอาไปเถอะนาย. จฬู นั เตวาสิกจึงไปยังสนามเลน ของพวกเดก็ ๆ ใหน ํ้าออย ใหต น ไมและใบไมทั้งหมดออกไปโดยเวลาครูเดียว ใหกองไวท ีป่ ระตอู ุทยาน ในกาลน้ัน ชางหมอ หลวงเทีย่ วหาพนื้ เพ่ือเผาภาชนะดนิ ของหลวง เห็นไมแ ละใบไมเหลาน้นั ทปี่ ระตอู ุทยานจงึ ซ้ือเอาจากมือของจฬู นั เตวาสกิ น้ัน วันนัน้ จูฬนั เตวาสิกไดทรัพย ๑๖ กหาปณะ และภาชนะ ๕อยา งมตี ุมเปน ตน ดว ยการขายไม. เม่ือมที รพั ย ๒๔ กหาปณะ จฬู นั เตวาสกิ นั้นจึงคิดวา เรามอี บุ ายน้ีแลว ตัง้ ตุมน้าํ ดื่มตุมหนึ่งไวใ นทไ่ี มไกลประตูพระนคร บรกิ ารคนหาบหญา ๕๐๐

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 194คนดวยนาํ้ ด่มื . คนหาบหญาแมเ หลา นนั้ กลา ววา สหาย ทา นมีอุปการะมากแกพ วกเรา พวกเราจะการทาํ อะไรแกท า น (ไดบา ง) จูฬันเตวาสิกนั้น กลา ววาเนือ้ กิจเกดิ ขน้ึ แกเ รา ทา นทง้ั หลายจกั กระทํา แลว เที่ยวไปขา งโนน ขางน้ี ไดกระทําความสนทิ สนม โดยความเปนมติ รกับคนผูทํางานทางบก และคนทํางานทางน้าํ . คนทํางานทางบกบอกแกจ ูฬนั เตวาสิกนน้ั วา พรุงน้ี พอคามาจกั พามา ๕๐๐ ตัวมายังนครน้ี. นายจฬู นั เตวาสกิ นัน้ ไดฟง คําของคนทํางานทางบกนั้นแลว จึงกลาวกะพวกคนหาบหญาวา วันน้ี ทา นจงใหหญาแกเราคนละกาํ และเมือ่ เรายงั ไมไ ดขายหญา ทานทง้ั หลายอยาขายหญา ของตน ๆ คนหาบหญา เหลา นัน้ รับคําแลวนาํ หญา ๕๐๐ กํา มาลงทีป่ ระตูบา นของจูฬันเตวา-สิกนัน้ . พอ คามา ไมไ ดอาหารสําหรบั มาในพระนครทัง้ ส้ิน จึงใหทรัพยห น่ึงพันแกจ ูฬันเตวาสกิ นั้น แลว ถือเอาหญา น้ันไป. แตน้ันลว งไป ๒-๓ วัน สหายผูท ํางานทางนาํ้ บอกแกจ ฬู ันเตวาสิกน้ันวา เรือใหญมาจอดทที่ า แลว. จูฬันเตวาสกิ น้ันคดิ วา มีอบุ ายน้.ี จงึ เอาเงนิ๘ กหาปณะไปเชา รถ ซง่ึ เพียบพรอมดว ยบรวิ ารทงั้ ปวง แลว ไปยงั ทา เรือดวยยศใหญ ใหแ หวนวงหน่งึ เปน มัดจําแกนายเรอื ใหว งมานน่งั อยใู นทไี่ มไ กลสัง่คนไวว า เมอื่ พอคาภายนอกมา พวกทานจงบอก โดยการบอกประวงิ ไวส ามคร้ัง.พอคาประมาณรอยคนจากเมืองพาราณสไี ดฟงวา เรือมาแลว จึงมาโดยกลาววา พวกเราจะซอ้ื เอาสินคา . นายเรอื กลา ววา พวกทา นจกั ไมไ ดสินคา พอคาใหญใ นท่ีชื่อโนน ใหมัดจําไวแลว พอ คา เหลานนั้ ไดฟ งดังน้ันจึงมายังสํานกัของจฬู ันเตวาสิกนนั้ . คนผูร บั ใชใกลชิดจงึ บอกความทพี่ วกพอ คา เหลาน้ันมาโดยการบอกประวงิ ไวสามครง้ั ตามสญั ญาเดมิ . พอคา ประมาณ ๑๐๐ คนนัน้ ใหทรัพยคนละพัน เปน ผูมีหุน สว นเรอื กับจูฬันเตวาสิกนนั้ แลว ใหอีกคนละพัน

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 195ใหป ลอยหนุ ไดกระทําสินคา ใหเ ปน ของตน จฬู นั เตวาสกิ ถอื เอาทรัพยสองแสนกลบั มาเมอื งพาราณสี คดิ วา เราควรเปน คนกตัญู จงึ ใหถ อื เอาทรพั ยแสนหน่ึงไปยังท่ีใกลจลุ ลกเศรษฐ.ี ลาํ ดบั นัน้ จลุ ลกเศรษฐจี ึงถามจูฬนั เตวา-สกิ นน้ั วา ดูกอนพอ เธอทําอะไรจึงไดทรพั ยน ้ี. จูฬนั เตวาสกิ นัน้ กลาววาขาพเจาตงั้ อยใู นอบุ ายทีท่ า นบอก จงึ ไดท รัพยภายใน ๔ เดอื นเทา นน้ั แลวบอกเรอ่ื งราวท้ังหมด ตัง้ แตห นูตายเปนตนไป. ทา นจลุ ลกมหาเศรษฐี ไดฟง คําของจฬู ันเตวาสกิ นน้ั แลว คดิ วา บดั นี้ เรากระทาํ ทารกเห็นปานนใี้ หเ ปนของเราจงึ จะควร จึงใหธ ดิ าของคนผเู จรญิ วยั แลวกระทาํ ใหเปนเจาของทรพั ยท้ังสิน้ . เมื่อทานเศรษฐลี วงลับไปแลว จฬู ันเตวาสกิ นัน้ กไ็ ดตาํ แหนง เศรษฐีในนครนัน้ . ฝา ยพระโพธสิ ัตวก ไ็ ดไ ปตามยถากรรม. พระสมั มาสมั พุทธเจา คร้ันตรัสพระธรรมเทศนานี้ ทรงเปนผตู รสั รูพรอ มย่งิ ทีเ่ ดยี ว ไดตรัสพระคาถานีว้ า บุคคลผูมีปญญารจู ักใครค รวญ ยอมตั้งตนได ดวยทรัพยอ ันเปน ตน ทุน แมม ปี ระมาณนอ ย เหมอื น คนกอไฟกองนอ ยใหเปน กองใหญฉะนน้ั . บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา อปฺปเกนป แปลวา แมน อย คือแมนิดหนอ ย. บทวา เมธาวี แปลวา ผมู ีปญ ญา. บทวา ปาภเฏนไดแก ดว ยตนทุนของสนิ คา. บทวา วิจกขฺ โณ ไดแก ผูฉลาดในโวหาร.บทวา สมฏุ าเปติ อตฺตาน ความวา ยงั ทรพั ยและยศใหญใ หเกดิ ขึน้แลว ตงั้ ตน คอื ยังคนใหตง้ั อยูในทรพั ยและยศนัน้ . ถามวา เหมอื นอะไร ?ตอบวา เหมือนคนกอไฟกองนอยใหเ ปน กองใหญ อธบิ ายวา บุรษุ ผูเปนบณั ฑิตใสโ คมยั และจรุ ณเปน คนแลว เปาดวยลมปาก กอ ไฟนิดหนอยขน้ึ คอื

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 196ใหเ พม่ิ ขึน้ ไดแก ทําใหเ ปนกองไฟใหญ โดยลาํ ดบั ฉนั ใด บณั ฑติ กฉ็ ันนน้ัเหมอื นกัน ไดทรัพยอนั เปน ตนตน แมน อย แลวประกอบอบุ ายตา ง ๆ ยอมทาํ ทรัพยแ ละยศใหเ กดิ ขนึ้ คอื ใหเพมิ่ ข้นึ ก็แหละครัน้ ใหเพมิ่ ขนึ้ แลวกด็ ํารงตนไวใ นทรพั ยแ ละยศนน้ั ก็หรือวา ยอมตง้ั ตนไว คือ กระทาํ ใหร ูกนั คือใหป รากฏ เพราะความเปนใหญในทรัพยและยศนั้นน้นั แหละ. พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงพระธรรมเทศนาน้ีอยางนี้วา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย จลุ ลปนถกอาศัยเราแลว ถงึ ความเปน ใหญใ นธรรม ในเพราะธรรมท้ังหลาย ในบดั น้ี กห็ ามิได สว นในกาลกอ นก็อาศัยเราจึงถึงความเปนใหญในโภคะ แมเ พราะโภคะทง้ั หลาย แลว ตรัสเรื่อง ๒ เรื่อง สืบอนสุ นธิกนัแลว ทรงประชุมชาดกวา จูฬนั เตวาสิกในกาลนั้น ไดเปนพระจลุ ลปน ถกในบัดนี้ สว นจุลลกมหาเศรษฐีในกาลนัน้ ไดเ ปน เราเองแล. จบ จลุ ลกมหาเศรษฐชี าดกที่ ๔ ๕. ตัณฑุลนาฬิชาดก วาดวยราคาขาวสาร [๕] ขาวสารทะนานทน่งึ มรี าคาเทา ไร พระ- นครพาราณสีท้งั ภายในภายนอกมรี าคาเทาไร ขา วสาร ทะนานเดยี วมคี า เทามา ๕๐๐ ตวั เท่ียวหรอื . จบ ตัณฑลุ นาฬชิ าดกท่ี ๕

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 197 อรรถกถาตัณฑุลนาฬชิ าดก พระศาสดาเมือ่ ประทบั อยใู นพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภ พระ-โลกฬุทายเี ถระ จึงตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเรมิ่ ตน วา กิมคฆฺ ตีตณฺฑลุ นาฬิกา จ ดงั น.้ี สมัยนนั้ ทา นพระทัพพมลั ลบุตร ไดเปนพระภัตตุเทสกของสงฆเมอื่ พระทพั พมัลลบตุ รน้ัน แสดงสลากภัตเปน ตน แตเชา ตรู บางคราวภตั ดีก็ถึงแกพ ระอุทายีเถระ บางคราวภตั เลว. ในวันท่ีไดภ ตั เลว พระอทุ ายีเถระนนั้กระทาํ โรงสลากใหอากลู วนุ วาย กลา ววา พระทพั พะเทา นนั้ รเู พ่ือใหส ลากหรอื พวกเราไมร ูห รือ. เม่อื พระอุทายีนนั้ ทําโรงสลากใหว นุ วายอย.ู ภกิ ษุทัง้ หลายไดใ หกระเชาสลากดวยคาํ วา เอาเถอะทานนั่นแหละจงใหส ลากเด๋ียวน้.ีจําเดิมแตนน้ั พระอทุ ายนี นั้ ไดใ หส ลากแกส งฆ. กแ็ หละเมือ่ จะให ยอมไมร ูวา นี้ ภตั ดหี รือภตั เลว หรือวา ยอ มไมร วู า ภตั ดีตัง้ ไวท ่ีโรงโนน ? ภตัเลวต้งั ไวที่โรงโนน ? ยอ มไมก าํ หนดวา บญั ชแี สดงยอดจํานวนอยูใ นโรงโนน ?ในเวลาทีภ่ ิกษุทง้ั หลายยืน ก็ขีดเสน ทีพ่ ้ืนหรือทข่ี า งฝา มอี นั ใหร ูวา ในท่ีนี้บญั ชที ต่ี ้งั ลําดบั นีย้ ืน ในทนี่ ้ี บญั ชีทตี่ ง้ั ลําดับนยี้ นื . วันรงุ ข้นึ ในโรงสลากมภี กิ ษนุ อยกวา บา ง มากกวา บาง เมื่อภิกษทุ ้ังหลายเหลา น้นั นอยกวา รอยขดีกอ็ ยตู า่ํ เมอ่ื ภกิ ษทุ ัง้ หลายมากกวา รอยขดี กอ็ ยสู ูง. พระอทุ ายีนนั้ เม่อื ไมรูบญั ชที ีต่ ้ังลําดบั จึงไหสลากไปตามหมายรอยขดี . ลําดบั นัน้ ภิกษทุ ้ังหลายจงึ กลา วกะพระอุทายนี ้ันวา ดูกอ นอาวโุ สอทุ ายี ธรรมดารอยขีดจะอยตู ํา่ หรืออยสู งู กต็ ามเถอะ แคภ ัตดดี ังอยทู ีโ่ รงโนนภตั เลวตัง้ อยทู ี่โรงโนน . พระอุทายเี มือ่ จะไดต อบภิกษทุ ัง้ หลายจงกลา ววา ถา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 198เมอื่ เปน อยา งนนั้ เพราะเหตไุ ร รอยขดี นจ้ี ึงต้งั อยูอยา งนี้ เราจะเชื่อพวกทา นไดอ ยา งไร เราเช่อื ตามรอยขดี น.้ี ลําดับนน้ั ภิกษหุ นมุ และสามเณรทั้งหลายจึงกลา วกะพระอทุ ายีนั้นวา ดกู อนอาวุโสอุทาย.ี เมอ่ื ทานใหส ลากอยู ภิกษุทัง้ หลายพากนั เสือ่ มลาภ ทานไมส มควรใหส ลาก จงออกไปจากโรงสลากแลวฉดุ คราออกจากโรงสลาก. ขณะนนั้ ในโรงสลาก ไดมีความวุนวายมาก. พระศาสดาไดทรงสดับ ดังนั้นจงึ ตรสั ถามพระอานนทเถระวา อานนทในโรงสลากมีความวนุ วายมาก นน้ั ชื่อวา เสียงอะไร. พระเถระไดก ราบทลูเร่อื งน้นั แดพ ระตถาคต. พระศาสดาตรัสวา อานนท อทุ ายีกระทําความเส่อื มลาภแกค นอ่นื เพราะความทคี่ นเปน คนโง มใิ ชบ ดั นีเ้ ทา นน้ั แมใ นกาลกอ นก็ไดกระทําแลว เหมอื นกัน. พระเถระทูลออนวอนพระผูมพี ระภาคเจา เพอื่ตรสั เร่ืองน้นั ใหแจม แจง พระผมู ีพระภาคเจา ไดทรงกระทาํ เหตุอันระหวา งภพปกปดไว ใหปรากฏ ดังตอ ไปน้ี ในอดตี กาล ไดม พี ระราชาพระนามวาพรหมทัต อยูใ นพระนครพาราณสี แควนกาส.ี ในกาลนั้น พระโพธสิ ัตวข องเราทัง้ หลายไดเ ปนพนกั งานตีราคาของพระเจาพรหมทัตน้ัน ไดตรี าคาชางและมาเปนตน และแกว มณกี บัทองเปนตน ครั้นตีราคาแลวใหม ูลคาอนั สมควรแกภัณฑะนน่ั แหละ. แกเ จาของภัณฑะทง้ั หลาย แตพ ระราชาทรงเปนคนโลภ เพราะความเปน ผูมักโลภพระราชาน้นั จงึ ทรงดําริอยา งนีว้ า พนกั งานตีราคาคนน้ี เมือ่ ตรี าคาอยูอยา งนี้ไมน านนกั ทรัพยใ นวงั ของเราจักถงึ ความหมดสิน้ ไป เราจักตง้ั คนอนื่ ใหเปนพนกั งานตีราคา พระราชานัน้ ทรงใหเ ปด สีหบญั ชรทอดพระเนตรดพู ระลาน-หลวง ทรงเห็นบรุ ษุ ชาวบา นคนหนงึ่ ผูท้ังเหลวไหลและโงเ ขลา จงึ ทรงพระ-ดาํ รวิ า ผนู ีจ้ ักอาจกระทาํ งานในตําแหนง พนักงานตรี าคาของเราได จงึ รบั สงั่

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 199ใหเรยี กเขามา แลวตรัสวา พนาย เธอจกั อาจทํางานในตําแหนงพนกั งานดีราคาของเราไดไ หม. บุรุษน้นั ทลู วา อาจ พะยะ คะ พระราชาจึงทรงต้ังบรุ ุษเขลาคนนั้นไวในงานของผตู ีราคา เพือ่ ตองการรักษาทรพั ยของพระองค. ตั้งแตนน้ั บรุ ุษผูโ งเ ขลานั้น เมื่อจะตีราคาชา งและมา เปนตน กลาวตีราคาเอาตามความชอบใจ ทาํ ใหเ สียราคา. เพราะเขาดาํ รงอยใู นตาํ แหนง เขากลา วคําใด คําน้นั น่นั แลเปน ราคา. ครงั้ นั้น พอคามา คนหนึ่ง นํามา ๕๐๐ ตัวมาจากแควนอตุ ตราปถะ พระราชารบั สงั่ ใหเ รียกบุรุษนั้นมาใหตีราคามา บรุ ษุน้ันไดต้งั ราคาน้ํา ๕๐๐ ตวั ดวยขาวสารทะนานเดียว กแ็ หละครน้ั ตีราคาแลวจึงกลา ววา ทานท้ังหลายจงใหข า วสารหนึ่งทะนานแกพอ คามา แลวใหพ กัมา ไวใ นโรงมา. พอ คา มาจึงไปยงั สํานกั ของพนกั งานตีราคาคนเกา บอกเรอ่ื งราวนั้นแลวถามวา บัดน้ี ควรจะทาํ อยางไร ? พนักงานตีราคาคนเกาน้นั กลาววาทา นทง้ั หลายจงใหสนิ บนแกบุรษุ นั้นแลวถามอยา งน้ีวา มา ท้งั หลายของพวกขา พเจา มรี าคาขา วสารทะนานเดยี วกอ น ขอ น้ีรกู ันแลว แตข าพเจา ประสงคจะรรู าคาของขา วสารทะนานเดยี ว เพราะอาศัยทา น ทานจกั อาจเพื่อยนื อยูในสาํ นักของพระราชาแลวพดู วา ขาวสารหน่ึงทะนานน้ีมีราคาช่ือน้ี ถา เขาพูดวาจักอาจ พวกทา นจงพาเขาไปยังสาํ นักของพระราชา แมเ รากจ็ ักไปในทน่ี ้นั .พอ คา รับคาํ พระโพธิสตั วแลว ใหส นิ บนแกน กั ตีราคา แลวบอกเนื้อความนน้ั .นกั ตรี าคานน้ั พอไดสนิ บนเทานน้ั ก็กลา ววา เราจกั อาจตีราคาขาวสารหน่ึงทะนานได. พอ คา มากลา ววา ถาอยางนนั้ พวกเราจงพากนั ไปยังราชสกุลแลวไดพ านกั ตรี าคานัน้ ไปยงั สํานกั ของพระราชา. พระโพธสิ ตั วกด็ ี อาํ มาตยเปน อนั มากแมเ หลา อนื่ ก็ดี ไดพากันไปแลว พอคา มาถวายบงั คมพระราชาแลวทูลถามวา ขา แตสมมตเิ ทพ ขา พระองคไดท ราบวา มา ๕๐๐ ตัวมีราคา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 200เทาขา วสารหนึง่ ทะนาน แตขา วสารหนึง่ ทะนานนีม้ รี าคาเทา ไร ขา แตสมมติ-เทพ ขอพระองคไดโปรดถามพนกั งานตรี าคา พระเจา ขา. พระราชาไมทราบความเปน ไปน้นั จึงตรสั ถามวา ทา นนักตรี าคาผเู จริญ มา ๕๐๐ ตัวมรี าคาเทาไร ? พนักงานตรี าคากราบทูลวา มรี าคาขา วสารหน่ึงทะนานพระเจา ขาพระราชาตรัสถามวา ชางเถิด พนาย มาท้ังหลายมรี าคาขาวสารหนง่ึ ทะนานกอน แตข าวสารหนงึ่ ทะนานน้นั มีราคาเทา ไร ? บุรุษโงผ นู นั้ กราบทลู วาขา วสารหนง่ึ ทะนานยอมถึงคาเมอื งพาราณสี ทั้งภายในและภายนอก พะยะคะ . ไดยินวา ในกาลกอ น บรุ ุษโงน น้ั อนวุ รรตตามพระราชา จึงไดต ีราคามาทั้งหลายดวยขา วสารทะนานหนงึ่ ไดสนิ บนจากมอื ของพอ คา กลับตีราคาเมืองพาราณสที ้ังภายในและภายนอก ดวยขา วสารหน่งึ ทะนานนั้น. กใ็ นกาลน้ัน เมอื งพาราณสไี ดล อมกําแพงประมาณ ๑๒ โยชน แควนทง้ั ภายในและภายนอกเมอื งพาราณสีน้ปี ระมาณ ๓๐๐ โยชน. บุรุษโงนนั้ ไดตรี าคาเมอื งพาราณสที ง้ั ภายในและภายนอกอนั ใหญโ ตอยา งนี้ ดว ยขา วสารหนง่ึ ทะนานฉะนี้. พระโพธสิ ตั วไ ดฟ งดงั นัน้ เมอ่ื จะถามจงึ กลา วคาถานี้วา ขา วสารหนง่ึ ทะนานมรี าคาเทา ไร พระนคร พาราณสที ั้งภายในภายนอกมรี าคาเทา ไร ขาวสาร- ทะนานเดยี ว มีราคาเทา มา ๕๐๐ ตัวเท่ียวหรอื . อาํ มาตยทั้งหลายไดฟงดงั นน้ั จึงพากันตบมือหวั เราะทําการเยาะเยยวาเม่อื กอ น พวกเราไดม คี วามสําคัญวา แผนดินและราชสมบตั ิ หาคา มไิ ด นยัวา ราชสมบัติในเมอื งพาราณสีพรอมท้ังพระราชาอนั ใหญโ ตอยางนี้ มีคา เพยี งขาวสารทะนานเดยี ว โอ! ความเพียบพรอ มของพนักงานตรี าคา ทานเปน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook