Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_55

tripitaka_55

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_55

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 251แลว ประทบั อยูในพระวหิ ารเวฬวุ ันประมาณก่ึงเดอื น แลวไดเ สดจ็ ไปพระ-วิหารเชตวัน ในพระเชตวันนั้น กลุ บตุ รไดส มาทานธุดงค ๑๓ เท่ยี วไปบณิ ฑ-บาตตามลาํ ดับตรอกในนครสาวัตถี ยิ่งกาลเวลาใหล ว งไป ใคร ๆ เรียกวาพระจูฬบณิ ฑปาตกิ ติสสเถระ ไดเปนผูปรากฏรกู นั ท่วั ไปในพระพุทธศาสนาเหมือนพระจนั ทรเพ็ญในพนื้ ทองฟา ฉะนั้น. ในกาลนัน้ เม่ือกาลเลน นักขตั ฤกษย งั ดาํ เนินไปในนครราชคฤห บดิ ามารดาของพระเถระเกบ็ สิ่งของอนั เปน เครอ่ื งประดบั อนั มอี ยูใ นครัง้ พระเถระเปนคฤหัสถไ วในผอบเงิน เอามาวางไวท ี่อกรอ งไหพ ลางพดู วา ในการเลนนักขตั ฤกษอ ืน่ ๆ บตุ รของพวกเราน้ีประดบั ดว ยเคร่อื งประดบั นเ้ี ลนนกั ขัตฤกษพระสมณโคดมพาเอาบุตรนอ ยนนั้ ของพวกเราไปยังพระนครสาวัตถี บดั นี้บตุ รนอยของเราท้งั หลายนน้ั นงั่ ทไี่ หนหนอ ยืนที่ไหนหนอ. ลําดบั นั้น นาง-วัณณทาสคี นหนึง่ ไปยังตระกูลนน้ั เหน็ ภรรยาของเศรษฐกี าํ ลังรอ งไหอยู จึงถามวา แมเ จา ทานรองไหท ําไม ? ภรรยาของเศรษฐีนัน้ จงึ บอกเน้อื ความน้ัน นางวณั ณทาสกี ลาววา แมเ จา กพ็ ระลกู เจา รักอะไร ? ภรรยาเศรษฐีกลา ววา รกั ของสงิ่ โนนและส่ิงโนน . นางวณั ณทาสกี ลา ววา ถา ทานจะใหความเปนใหญท งั้ หมดในเรือนน้ีแกดิฉันไซร ดิฉันจกั นําบตุ รของทานมา.ภรรยาทานเศรษฐีรบั คําวา ได แลว ใหสะเบยี ง สง นางวณั ณทาสนี น้ั ไปดว ยบริวารใหญ โดยพดู วาทา นจงไปนําบตุ รของเรามา ดว ยความสามารถของตนนางวณั ณทาสีน้ันนง่ั ในยานนอยอนั ปกปด ไปยังนครสาวัตถีถอื เอาการอยอู าศัยใกลถ นนท่ีพระเถระเท่ียวภิกขาจาร ไมใหพระเถระเห็นพวกตนท่มี าจากตระกูลเศรษฐี แวดลอ มดวยบรวิ ารของตนเทานน้ั เมือ่ พระเถระเขาไปบิณฑบาต ไดถวายยาคหู น่งึ กระบวยและภิกษามีรส ผูกพันดวยความอยากในรสไวแ ตเ บ้อื งตน

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 252แลว ใหน ั่งในเรอื นถวายภิกษาโดยลําดบั รูวาพระเถระตกอยูในอาํ นาจของตนจงึ แสดงการวา เปนในนอนอยูภายในหอง. ฝา ยพระเถระเทีย่ วไปตามลําดบัตรอก ในเวลาภกิ ขาจาร ไดไ ปถึงประตูเรอื น ชนทเ่ี ปน บรวิ ารรับบาตรของพระเถระแลวนิมนตพระเถระใหน ัง่ ในเรือน. พระเถระน่งั แลว ถามวา อบุ าสกิ าไปไหน ? ชนบริวารกลาววา ทานผเู จริญอุบาสกิ าเปน ไขปรารถนาจะเหน็ ทานพระเถระถูกตณั หาในรสผกู พนั ทาํ ลายการสมาทานวตั รของตน เขาไปยงั ท่ที ่ีนางวัณณทาสีนน้ั นอนอยู นางวณั ณทาสีรูเหตุแหงการมาเพือ่ ตน จงึ ประเลาประโลมพระเถระนัน้ ผูกดว ยตณั หาในรส ใหส ึกแลวใหตง้ั อยใู นอํานาจของตน ใหน ง่ั ในยาน ไดไปยงั นครราชคฤหนั้นเอง ดว ยบรวิ ารใหญ. ขา วน้ันไดปรากฏแลว . ภิกษทุ ้ังหลายนง่ั ประชุมกันในโรงธรรมสภา สนทนากันข้นึ วา ไดยินวา นางวณั ณทาสคี นหนง่ึ ผกู พระจฬู บณิ ฑปาตกิ าติกตสิ สเถระดว ยตัณหาในรส แลว พาไปแลว. พระศาสดาเสด็จเขา ไปยงั โรงธรรมสภา ประทบั บนอาสนะท่เี ขาตกแตง ไว แลว ตรัสถามวา ภกิ ษุท้ังหลาย บัดน้พี วกเธอนงั่สนทนากนั ดว ยเร่ืองอะไร ? ภกิ ษเุ หลา นนั้ ไดก ราบทูลเรือ่ งราวนั้น. พระศาสดาตรสั วา ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภกิ ษนุ ้ตี ดิ ในรสตัณหา ตกอยูใ นอํานาจของนางวณั ณทาสีน้นั ในบัดนี้เทาน้ัน กห็ ามิได แมใ นกาลกอ นกต็ กอยใู นอํานาจของนางเหมือนกนั แลว ทรงนาํ อดตี นทิ านมาวา ในอดตี กาล ในพระนครพาราณสี ไดม ีนายอุยยานบาลของพระเจาพรหมทตั ชอ่ื วา สญั ชัย ครง้ั นัน้ เนอื้ สมันตวั หน่งึ มายงั อุทยานนั้น เหน็นายอยุ ยานบาลคนเฝาอทุ ยานจึงหนไี ป. ฝายนายสัญชยั มิไดขูคุกคามเนอื้ สมันนน้ั ใหอ อกไป เนอื้ สมนั นนั้ จงึ มาเที่ยวในอทุ ยานนน้ั น่นั แลบอย ๆ นายอุยยานบาลนาํ เอาดอกไมและผลไมม ปี ระการตาง ๆ มาจากอทุ ยานแตเ ชาตรู นาํ ไป

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 253เฉพาะพระราชาทกุ วัน ๆ. ครั้นวนั หน่ึง พระราชาตรสั ถามนายอยุ ยานบาลนน้ัวา ดูกอ นสหายอยุ ยานบาล เธอเห็นความอัศจรรยอ ะไรๆ ในอุทยานบา งไหม?นายอุยยานบาลกราบทลู วา ขาแตสมมติเทพ ขาพระบาทไมเหน็ ส่ิงอ่ืน แตวาเน้อื สมันตวั หนง่ึ มาเที่ยวอยูใ นอุทยาน ขาพระบาทไดเหน็ สงิ่ น้ี. พระราชาตรสัถามวา ก็เธอจักอาจจับมนั ไหม ? นายอุยยานบาลกราบทูลวา ขาพระบาทเมือ่ ไดน ํา้ ผ้ึงหนอ ยหนึ่งจกั อาจนําเนอ้ื สมนั นีม้ า แมยงั ภายในพระราชนเิ วศนพระเจาขา . พระราชาไดใหนํ้าผึง้ แกน ายอุยยานบาลนัน้ . นายอยุ ยานบาลน้ันรบั นํ้าผ้งึ นั้นแลว ไปยงั อทุ ยาน แอบเอาน้ําผ้งึ ทาหญา ทงั้ หลายในทท่ี ี่เนื้อสมันเทย่ี วไป. เน้อื สมนั มากินหญา ท่ีทาดว ยนา้ํ ผง้ึ ตดิ ในรสตัณหา ไมไ ปทอี่ ืน่มาเฉพาะอทุ ยานเทานัน้ . นายอุยยานบาลรูวา เน้ือสมันนั้นตดิ หญาทท่ี าดว ยนํา้ผ้งึ จึงแสดงตนใหเห็นโดยลําดบั . เน้ือสมนั น้ันครน้ั เหน็ นายอุยยานบาลน้นั๒-๓ วันแรกก็หนไี ป แคพ อเห็นเขา บอ ย ๆ จงึ คนุ เคย ถงึ กบั กนิ หญาทอี่ ยใู นมอื ของนายอุยยานบาลไดโดยลาํ ดับ. นายอุยยานบาลรวู าเนือ้ สมนั น้นั คนุ เคยแลวจงึ เอาเสือลาํ แพนลอมถนนจนถงึ พระราชนิเวศน แลว เอากง่ิ ไมห กั ปก ไวในท่ีนั้น ๆ สพายนาํ้ เตาบรรจุนาํ้ ผง้ึ หนีบกาํ หญา แลว โปรยหญา ท่ที าดวยนํา้ ผ้ึงลงขา งหนา เนือ้ . ไดไ ปยังภายในพระราชนเิ วศนทีเดยี ว เมอื่ เนอื้ เขาไปภายในแลว คนทง้ั หลายจึงปด ประตู เนอื้ เห็นมนษุ ยท้งั หลายกต็ ัวส่ันกลัวแตม รณภยัว่งิ มาวิง่ ไป ณ พระลานในภายในพระราชนเิ วศน พระราชาเสด็จลงจากปราสาททอดพระเนตรเหน็ เนื้อนน้ั ตวั สั่น จึงตรัสวา ธรรมดาเน้อื ยอมไมไปยงั ที่ทคี่ นเห็นตลอด ๗ วนั ยอมไมไปยงั ท่ีท่ีถกู คุกคามตลอดชวี ติ เนื้อสมันผอู าศยัปาชฏั อยูเห็นปานน้ีนน้ั ถูกผกู ดวยความอยากในรส มาสูท่เี ห็นปานนี้ ในบัดน้ีผเู จริญทง้ั หลาย ช่ือวา ส่งิ ท่ีลามกกวาความอยากในรส ยอ มไมมีในโลกหนอแลวทรงเร่ิมตั้งธรรมเทศนาดวยคาถาน้วี า

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 254 ไดย ินวา ส่ิงอ่ืนที่จะเลวยง่ิ ไปกวา รสทง้ั หลายยอม ไมม ี รสเปนสภาพเลวแมกวา ถิ่นทีอ่ ยู แมก วาความ สนิทสนม นายสญั ชยั อุยยานบาลนําเนือ้ สมนั ซ่ึงอาศัย อยใู นปา ชัฏนาสูอํานาจของตนได ดวยรสทัง้ หลาย. ศพั ทว า กิระ ไดยนิ วา ในคาถาน้ัน เปน นิบาตใชในอรรถวาไดยินไดฟ ง. บทวา รเสหิ กวารสท้ังหลาย ความวา กวารสหวานและรสเปรย้ี วเปนตน ท่ีพึงรูด ว ยล้ิน. บทวา ปาปโย แปลวา เลวกวา. บทวา อาวา-เส วา สนถฺ เวท วา แมกวา ถน่ิ ทอ่ี ยู แมกวา ความสนทิ สนม ความวาความกําหนดั ดวยอาํ นาจความพอใจในถ่ินที่อยกู ลาวคอื สถานท่ีอยูประจาํ ก็ดี ในความสนทิ สนมดวยอาํ นาจความเปนมิตรกด็ ี ลามกแท แตร สในการบรโิ ภคที่เปน ไปกับดวยฉันทราคะนั่นแหละเปนสภาพเลวกวา แมกวาถ่ินที่อยู แมกวาความสนิทสนมดวยความเปนมิตร ซึ่งมกี ารบริโภคดว ยฉันทราคะเหลาน้นั โดยรอ ยเทา พันเทา เพราะอรรถวา ตอ งเสพเฉพาะเปน ประจํา และเพราะเวนอาหาร การรักษาชวี ิตนิ ทรียก็ไมมี พระโพธสิ ตั วท รงกระทาํ เน้ือความน้ี ใหเปนเสมือนเนื้อทตี่ ามมาดวยดี จงึ ตรัสวา ไดย นิ วาสภาพที่เลวกวารสทง้ั หลายยอมไมมี รสเปน สภาพเลวกวา แมกวาถิ่นท่อี ยู แมก วาความสนทิ สนม บัดน้ีพระโพธสิ ตั วเ มอื่ จะแสดงวารสเหลา นนั้ เลว จึงตรัสคํามอี าทวิ า วาตมิค ดังน้ีบรรดาบทเหลานนั้ บทวา คหนนิสฺสิต แปลวา อาศัยทีเ่ ปน ปา รกชัฏ ทานกลา วอธิบายไววา ทา นท้ังหลายจงดูความทร่ี สทง้ั หลายเปนสภาพเลว นายสญชัยอุยยานบาลนําเน้อื สมันช่ือนี้ ซ่งึ อาศยั อยใู นปา ชัฏ ในราวปา มาสอู ํานาจของตนดว ยรสน้าํ ผง้ึ ส่งิ อนื่ ทเ่ี ลวกวา คือลามกกวา ช่อื วาเลวกวารสทั้งหลายช่ึงมีการบรโิ ภคดว ยฉันทราคะ ยอ มไมมแี มโ ดยประการทัง้ ปวง. พระโพธิสตั ว

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 255ตรสั โทษแหง ตณั หาในรส ดวยประการดงั น้ี กแ็ หละครัน้ ตรัสแลว จึงทรงใหสง เนอ้ื น้ันไปยงั ปานนั่ เอง. พระศาสดาตรัสวา ภิกษุท้งั หลาย นางวณั ณทาสนี ั้น ผกู ภกิ ษนุ ั้นดว ยตณั หาในรส กระทําไวในอาํ นาจของตนในบัดนี้ เทา น้นั กห็ ามิได แมในกาลกอ น กไ็ ดก ระทําแลว เหมือนกัน ครน้ั ทรงนําพระธรรมเทศนานีม้ าสบื ตออนสุ นธิแลว ทรงประชุมชาดกวา นายสัญชัยในคร้ังน้นั ไดเปน นางวัณณทาสีคนน้ี เน้ือสมันในครัง้ นนั้ ไดเปน พระจูฬบณิ ฑปาติภิกษุสวนพระเจา พาราณสไี ดเปน เราแล. จบ วาตมิคชาดกท่ี ๔ ๕. ขราทิยชาดก วาดวยผลู ว งเลยโอวาท [๑๕] ดกู อ นนางเน้อื ขราทยิ า ฉันไมส ามารถจะ ส่ังสอนเน้ือตวั นน้ั ผูมี ๘ กีบ มีเขาคดแตโ คนคนถงึ ปลายเขา ผูลวงเลยโอวาทเสยี ต้ัง ๗ วันได. จบ ขราทิยชาดกที่ ๕

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 256 ๕. อรรถกถาขราทยิ ชาดก พระศาสดาเมื่อประทบั อยทู ่ีพระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษวุ า ยากรปู หนงึ่ จงึ ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเร่ิมตน วา อฏขุร ขราทิเยดังน.้ี ไดย นิ วา ภกิ ษนุ ัน้ วา ยากไมรับโอวาท ลําดับนนั้ พระศาสดาไดตรสัถามภกิ ษนุ ั้นวา ดกู อนภกิ ษุ ไดยนิ วา เธอวา ยากไมรับโอวาทจริงหรอื ? ภิกษุนนั้ กราบทลู วา ขาแตพ ระผมู พี ระภาคเจา จรงิ พระเจา ขา . พระศาสดาตรัสวาแมใ นกาลกอ นเธอก็ไมรบั โอวาทของบัณฑติ ทั้งหลาย เพราะความเปนผูว า ยากจึงตดิ บวงถึงความสิ้นชีวิต แลวทรงนําอดีตนิทานมาวา ในอดตี กาล เมอ่ื พระเจาพรหมทตั ครองราชสมบตั ิในพระนครพาราณสี พระโพธสิ ัตวเ ปน มฤคแวดลอมดว ยหมเู น้ืออยใู นปา ลาํ ดบั นัน้ เน้อืผูเ ปน นอ งสาวมฤคน้นั แสดงบุตรนอยแลว ใหรบั เอาดวยคําพดู วา ขาแตพ ีช่ ายนเ้ี ปน หลานของพ่ี พจี่ งใหเรียนมายาเน้ืออยางหนึ่ง มฤคน้นั กลาวกะหลานนนั้วา ในเวลาชือ่ โนน เจา จงมาเรียนเอา เน้ือผหู ลานไมม าตามเวลาทพ่ี ูดไวเมอ่ื ลว งไป ๗ วัน เหมอื นดังวนั เดียว เนือ้ ผเู ปนหลานนนั้ ไมไดเรียนมายาของเน้ือทองเที่ยวไป จึงตดิ บว ง ฝายมารดาของเนอ้ื นนั้ เขาไปหามฤคผพู ่ชี ายแลวถามวาขา แตพี่ พไี่ หห ลานเรียนมายาของเนอื้ แลว หรือ ? พระโพธิสัตวกลา ววา เจาอยา คิดเสียใจตอ บุตรผูไมรบั โอวาทส่งั สอนนัน้ บตุ รของเจาไมเรียนเอามายาของเนื้อเอง เปน ผูไ มม ีความประสงคจ ะโอวาทเนื้อนั้นเลย ในบัดน้ี จึงกลาวคาถานว้ี า

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 257 ดกู อนนางเนื้อขราทยิ า ฉนั ไมสามารถจะส่ังสอน เน้ือตัวน้นั ผูม ี ๘ กบี มเี ขาคดแคโ คนเขาจนถึงปลาย เขา ผูลว งเลยโอวาทเสยี ตัง้ ๗ วันได. บรรดาบทเหลานั้น บทวา อฏขุร ไดแก มีกบี ๘ กีบ โดยเทา ขางหนง่ึ ๆ มี ๒ กีบ พระโพธสิ ตั วเรยี กนางเนื้อนั้นโดยชื่อวา ขราทยิ า บทวามิค เปนคํารวมถอื เอาเนอ้ื ทุกชนิด. บทวา วงฺกาตวิ งกฺ นิ  ไดแ ก คดยงิ่ กวาคด คอื คดต้งั แตท ี่โคนเขา คดมากขน้ึ ไปถงึ ปลายเขา ชือ่ วา ผมู เี ขาคดแตโคนจนถึงปลายเขา เพราะเน้ือนนั้ มเี ขาเปนเชนนั้น. จึงช่ือวา เขาคดแตโคนจนถึงปลายเขา คือ มเี ขาคดแตโคนเขา จนถึงปลายเขาน้ัน. บทวา สตฺตกาเลห-ตกิ กฺ นตฺ  ไดแ ก ผลู วงเลยโอวาท โดยเวลาเปน ทใี่ หโ อวาท ๗ วัน. ดวยบทวาน น โอวทิตสุ ฺสเห น้ี ทานแสดงวา เราไมอ าจใหโอวาทเนอ้ื ผูวายากน้ีแมค วามคดิ เพ่อื จะโอวาทเนอ้ื นี้ กไ็ มเกดิ ขนึ้ แกเ รา. ครง้ั นัน้ นายพรานฆา เนื้อทีว่ า ยากตวั น้ันซึ่งตดิ บวง ถือเอาแตเ น้อืแลว หลีกไป. ฝายพระศาสดาตรสั วา ดกู อนภิกษุ เธอเปน ผวู า ยากแตในบัดน้ี เทานน้ัก็หามไิ ด แมในกาลกอนก็เปนผูวายากเหมือนกัน ครัน้ ทรงนําพระเทศนานมี้ าสืบตอ อนุสนธิกนั แลว ทรงประชมุ ชาดกวา เนื้อผเู ปนหลานในกาลนั้น ไดเปนภกิ ษุผวู ายากในบัดน้ี แมเน้อื ผูเปน นอ งสาวในกาลนน้ั ไดเปนพระอบุ ลวรรณา ในบดั นี้ สว นเน้อื ผูใหโ อวาทในกาลนนั้ ไดเ ปนเราตถาคตแล. จบ ขราทยิ ชาดกท่ี ๕

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 258 ๖. ตปิ ลลัตถมคิ ชาดก วา ดว ยเลห ก ลลวงพราน [๑๖] ดูกอนนอ งหญิง ฉันยังเน้ือหลานชายผูมี ๘ กบี นอนโดยอาการ ๓ ทา มเี ลหก ุมารยาหลายอยา ง ดื่ม กนิ นาในเวลาเทยี่ งดนิ ไหเลา เรยี นมายาของเนอ้ื ดแี ลว โดยประการที่เนอ้ื หลานชายกลัน้ ลมทายใจได โดยชอง นาสิกขางหน่งึ แนบติดอยกู บั พ้ืนดิน ทําเลหกลลวง นายพรานดวยอุบาย ๖ ประการฉะนน้ั แล. จบตปิ ล ลตั ถมคิ ชาดกท่ี ๖ ๖. อรรถกถาตปิ ล ลตั ถมิคชาดก พระศาสดาเม่ือประทบั อยูใน พทริการาม นครโกสมั พี ทรงปรารภพระราหลุ เถระ ผูใ ครต อการศกึ ษาจึงตรสั พระธรรมเทศนานี้ มคี ําเริ่มตน วามิค ตปิ ลลฺ ตฺถ ดังน.ี้ ความพศิ ดารวา กาลครั้งหนึง่ เมื่อพระศาสดาเสด็จเขา ไปอาศยั เมืองอาฬวปี ระทับอยูในอคั คาฬวเจดีย อบุ าสก อุบาสิกา ภิกษุ และภกิ ษุณี จาํ นวนมาก ไปวิหารเพ่ือฟงธรรม. ตอนกลางวัน มีการฟงธรรม ก็เม่ือกาลเวลาลวงไป อุบาสิกาและภกิ ษณุ ที งั้ หลายไมไป. มีแตพ วกภิกษุและอบุ าสกท้งั หลายตั้งแตน ้นั จึงเกิดมีการฟงธรรมตอนกลางคืน ในเวลาเสรจ็ สิ้นการฟง ธรรม

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 259ภิกษทุ ง้ั หลายผูเปน พระเถระพากันไปยงั ทอ่ี ยขู องคนๆ ภิกษุหนุม กับพวกอุบาสกนอนทอี่ ุปฏฐานศาลาคอื โรงฉัน. เม่อื พวกภกิ ษุหนุมและพวกอบุ าสกเหลา นน้ัเขาถงึ ความหลบั บางคนนอนกรนเสียงครืด ๆ นอนกัดฟน บางคน นอนครเู ดยี วแลว ลุกขึน้ . พวกอุบาสก เห็นประการอันแปลกของภิกษุหนุม จงึกราบทูลแดพระผูมีพระภาคเจา. พระผมู ีพระภาคเจาทรงบัญญตั สิ กิ ขาบทวา ก็ภกิ ษใุ ดนอนรวมกับอนุปสัมบนั ภิกษุนั้นตองอาบตั ิปาจิตตยี  ดังนแ้ี ลว ไดเสด็จไปยังนครโกสัมพ.ีในขอทท่ี รงบัญญัติสิกขาบทนน้ั ภิกษทุ ั้งหลายจึงกลา วกะทา นราหุลวา อาวุโสราหลุ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงบัญญัติสกิ ขาบทไวแลว บดั น้ี ทานจงรทู อ่ี ยูของตน. ก็เมอ่ื กอนภิกษทุ ัง้ หลายไดสงเคราะหทานราหุลนนั้ ผมู ายงั ที่อยขู องตน ๆเปน อยา งดีเพราะอาศัยความเคารพน้ื พระผูมพี ระภาคเจา และความที่ทา นราหลุนัน้ เปนผูใครต อการศึกษา ไดล าดเตยี งเล็ก ใหจวี รเพอื่ หนุนศีรษะ. แคว นั น้นัแมท ี่อยูกไ็ มไ ดใหแลว เพราะกลัวตอสิกขาบท. ฝายพระภตั รราหุลก็ไมไปยังสาํ นักของพระทศพล ดวยคิดวา เปน พระบดิ าของเรา หรือของพระธรรมเสนาบดีดวยคิดวา เปน อุปชฌายของเรา หรอื ของพระมหาโมคคลั ลานะดวยคดิ วา เปนอาจารยของเรา หรอื ของทา นพระอานนทด วยคดิ วาเปน อาของเรา ไดเ ขา ไปยังเวจกุฎสี ําหรับถายของพระทศพล ประดจุ เจาไปยงั วิมานของพรหม สาํ เรจ็ การอยูแ ลว. กป็ ระตูกฎุ สี าํ หรบั ใชของพระพทุ ธเจา ทง้ั หลายท่ีปดสนทิ นัน้ กระทําการประพรมดว ยธปู หอม มพี วงของหอมและพวงดอกไมห อ ย ตามประทีปตลอดคืนยงั รุง. ก็พระภตั รราหุลอาศัยสมบัตินอ งกฎุ ีนน้ั จึงเขาไปอยใู นกุฎนี ้นั . อนงึ่ เพราะภกิ ษทุ ง้ั หลายกลาววา ทา นจงรทู ี่อยู และเพราะความเปนผูใ ครตอการศึกษาโดยเคารพในโอวาท จึงเขา ไปอยใู นกฎนี ้นั กใ็ นระหวา ง ๆ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 260ภกิ ษทุ ้ังหลายเห็นทา นผูมีอายนุ ั้น มาแตไ กล เพ่ือตอ งการจะทดลองทา นผมู อี ายุน้นั จงึ ท้ิงกาํ ไมก วาดหรือภาชนะสําหรับทั้งหยากเยอ่ื ไวข า งใน. เม่ือทา นผมู ีอายุน้ันมาถึง จึงกลา ววา อาวุโส ใครทิ้งสง่ิ น.้ี ในการการทา นนี้ เม่ือภกิ ษุบางพวกกลา ววา ทานราหุสมาทางน.ี้ แตท านราหลุ น้นั ไมก ลา ววา ทานผเู จรญิผมไมร เู ร่ืองน้ี กลับเก็บงาํ สิง่ นัน้ แลวขอขมาวา ทา นผูเจริญ ขอทานทง้ั หลายจงอดโทษแกก ระผม แลวจงึ ไป. ทานราหลุ นเี้ ปนผูใครต อการศกึ ษาอยา งน.้ีทานราหลุ นัน้ อาศัยความเปน ผใู ครต อ การศกึ ษานนั้ นนั่ เอง จึงเขาไปอยใู นกฎุ ีน้ัน. ครนั้ เวลากอ นอรุณทีเดียว พระศาสดาประทับยืนท่ปี ระตเู วจกุฎแี ลวทรงพระกาสะ (ไอ) ขึ้น สว นทานผมู ีอายนุ ั้นก็ไอข้นึ พระศาสดาตรสั ถามวาใครน่นั ? ทา นพระราหลุ กราบทูลวา ขาพระองคร าหุล แลวออกมาถวายบงั คมพระศาสดาตรัสถามวา ราหลุ เพราะเหตุไรเธอจงึ นอนทน่ี ้ี ? พระราหุลกราบทูลวา เพราะไมม ีที่อยู ขาแตพระองคผูเจริญ ดวยวาเมอื่ กอน ภิกษุทงั้ หลายการทาํ ความสงเคราะหแกขาพระองค บดั นี้ไมใหที่อยูเพราะกลัวคนตองอาบตั ิขา พระองคน ้นั คดิ วา ทเ่ี ปน ทไ่ี มเ บยี ดเสยี ดผูอ ่นื ดว ยเหตนุ ี้ จึงนอนในทน่ี ี.้ลาํ ดับน้ัน พระผูม พี ระภาคเจา เกิดธรรมสังเวชขน้ึ วา เบือ้ งตน ภิกษทุ ้ังหลายสละราหลุ ไดอยางนี้ (ตอไป) ใหเดก็ ในตระกลู ทั้งหลายอ่นื บวชแลว จักกระทําอยา งไร. ลาํ ดบั น้นั พระผูมพี ระภาคเจา ใหภิกษุทั้งหลายประชมุ กนั แตเชา ตรูแลว ตรัสถามพระธรรมเสนาบดวี า สารีบุตร ก็เธอรไู หมวา วนั น้รี าหลุ อยทู ี่ไหน ? พระสารบี ุตรกราบทูลวา ขา แตพระองคผเู จริญ ขาพระองคไมทราบพระเจา ขา . พระศาสดาตรสั วา สารีบุตร วันนี้ราหุลอยทู ีเ่ วจกุฎี ดูกอนสารี-บุตร ทานทั้งหลายเมอื่ ละราหลุ ไดอยางน้ี (ตอไปภายหนา ) ใหเ ด็กในตระกลูท้งั หลายเหลา อื่นบวชแลว จกั กระทาํ อยา งไร แมเมอื่ เปนอยา งน้นั กุลบตุ รผู

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 261บวชในพระศาสนานจ้ี ักเปนผูไ มม ีท่พี ึง่ บัดน้ี ตั้งแตน ไี้ ป ทา นทั้งหลายจงใหอนปุ สมั ปนท้งั หลายอยูในสํานกั ของกองตนวนั หนึง่ สองวนั ในวันทสี่ ามรทู เ่ี ปน ท่ีอยขู องอนุปสัมปนเหลา นน้ั แลว จงใหอ ยภู ายนอก ดงั น้ี แลว ทรงบัญญัตสิ ิกขา-บทอีก ทรงกระทาํ ใหเปนอนุบัญญตั ิขอน้.ี สมยั น้นั ภิกษุทัง้ หลายนงั่ ประชุมกนั ในโรงธรรมสภา แลว กลา วคุณของพระราหลุ วา ดูเอาเถิดทา นผูมีอายทุ งั้ หลาย ราหุลน้ใี ครตอการศกึ ษาเปนกาํ หนด ช่ือวา ผถู กู ภกิ ษทุ ง้ั หลายกลาววา ทานจงรูท ีอ่ ยูของทา น ก็ไมโ ตตอบแมภ ิกษุรูปหน่ึงวา เราเปนโอรสของพระทศพล ทา นทั้งหลายเปนใคร พวกทา นนน่ั แหละจงออกไป ดงั นีแ้ ลว ไดสําเร็จการอยใู นเวจกุฎี. เมือ่ ภกิ ษุเหลานน้ั พากันกลา วอยอู ยา งน้ี พระศาสดาเสดจ็ เขาไปยงั โรงธรรมสภาประทบั น่ังบนอาสนะท่ีตกแตงไวแ ลวตรสั วา ภิกษทุ ้งั หลาย บดั นี้ พวกเธอน่ึงสนทนากันดวยเรือ่ งอะไรหนอ. ภิกษุทัง้ หลายกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผูเจรญิ พวกขาพระองคน ัง่ สนทนากนั ดว ยสกิ ขากามกถา วา ดวยควานใครต อ การศกึ ษาของพระราหลุ มใิ ชด วยเร่ืองอ่นื พระเจา ขา . พระศาสดาตรัสวา ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลายราหลุ เปนผใู ครตอการศกึ ษา ในบัดนีเ้ ทานน้ั หามิได แมในกาลกอน แมบงั เกดิ ในกําเนิดดริ ัจฉาน กเ็ ปนผูใครตอการศึกษาเหมอื นกัน แลวทรงนําอดีตนิทานมาดงั ตอไปน้ี ในอดีตกาล พระเจามคธราชพระองคห นงึ่ ครองราชสมบตั ิอยูในพระนครราชคฤห ในกาลน้ัน พระโพธสิ ตั วบ งั เกดิ ในกําเนดิ มฤค อนั หมูมฤคแวดลอมอยใู นบา . ครงั้ น้ัน แมเนือ้ ผูเ ปนนองสาวของพระโพธสิ ัตวน ้นั นําบตุ รนอ ยของตนเขาไปแลว กลาววา ขาแตพ ่ี ทานจงใหหลานของทานนี้ ศกึ ษามารยาของเนอื้ . พระโพธสิ ัตวรบั คาํ แลวกลา ววา ดกู อ นพอ เจา จงไป ใน

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 262เวลาชอ่ื โนน เจาจงมาศกึ ษา. เนื้อผเู ปนหลานน้ันไมลวงเลยเวลาที่ลงุ บอกเขาไปหาลงุ นน้ั แลว ศกึ ษามารยาของเนอ้ื . วันหน่งึ เนือ้ น้ัน เท่ียวไปในปา ติดบว งจึงรองบอกใหรวู า คิดบว ง หมูเนอ้ื พากนั หนีไปบอกแกมารดาของเน้ือนน้ั วาบุตรของทา นติดบวง. แมเ นื้อน้ันจงึ ไปยงั สาํ นักของพช่ี ายแลว ถามวา พที่ า นใหห ลานศกึ ษามารยาของเนอ้ื แลว หรอื ? พระโพธิสัตวก ลาววา เจา อยารงั เกยี จกรรมอนั ลามกอะไร ๆ ของบุตร เราใหบ ุตรของเจานน้ั ศกึ ษามารยาของเนื้ออยา งดแี ลว บัดนี้ บุตรของเจา นัน้ ละทิ้งบวงนั้นแลว หนไี ป จกั กลบั มา แลวกลา วคาถาน้ีวา ดูกอนนอ งหญงิ ฉันยังเนอื้ หลานผชู ายผมู ี ๘ กบี นอนโดยอาการ ๓ ทา มเี ลหกลมารยาหลายอยาง ดมื่ กนิ น้าํ ในเวลาเทีย่ งคืน ใหเ ลาเรยี นมารยาของเน้อื ดแี ลว โดยประการทเ่ี นอ้ื หลานชาย กล้ันลมหายใจได โดย ชอ งนาสกิ ขา งหนึ่งแนบติดอยกู ับพ้นื ดนิ ทาํ เลห กล ลวงนายพราน ดวยอบุ าย ๖ ประการฉะนน้ั . บรรดาบทเหลาน้นั บทวา มิค ไดแก เนอ้ื ผูเปน หลาน. บทวาติปลฺลตฺถ ความวา การนอน เรยี กวา ปลลัตถะ ชือ่ วา ผมู ีการนอน ๓ ทาเพราะมกี ารนอนโดยอาการ ๓ อยางคอื โดยขางทัง้ สอง และโดยอาการอยางโคนอนตรงอีกอยา งหนง่ึ เพราะมีการนอน ๓ ทา. ซง่ึ เน้อื นน้ั ผูม กี ารนอน ๓ทา . บทวา อเนกมาย ไดแ ก มมี ารยามาก คือมกี ารลวงมาก. บทวาอฏ ขุร ไดแ ก ผปู ระกอบดวยกีบ ๘ กบี โดยเทา ขา งหนง่ึ ๆ มี ๒ กบี .บทวา อฑฒฺ รตฺตาปปายึ ความวา เนอ้ื ช่อื วาดื่มนา้ํ ในเวลาเทีย่ งคนื เพราะเลยยามแรกไปแลว ในเวลามัชฌิยาม จงึ มาจากปาแลว ดมื่ น้าํ เพราะเหตนุ ้นั

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 263จงึ ชื่อวา ผดู ม่ื น้ําใจเวลาเที่ยงคนื . ซง่ึ เนอื้ นั้น. อธบิ ายวา เน้อื ผูด่มื น้ําในเวลาเทยี่ งคืน. เราใหเ นอื้ หลานชายของเราเรยี นมารยาของเน้อื ดแี ลว. ถามวา ใหเรยี นอยา งไร ? ตอบวา ดกู อ นนอ งหญงิ เราใหเรยี นโดยประการท่เี นอื้ หลานชายหายใจทีพ่ น้ื ดนิ โดยชอ งนาสกิ ขางหน่ึงลวงนายพรานดว ยเลหกล ๖ ประการ.ทา นกลาวคาํ อธิบายนไ้ี ววา กเ็ ราใหบตุ รของเจา เรยี นเอาแลว โดยประการที่เนื้อหลานชายกลน้ั ลมในชอ งจมกู ดา นบนขางหน่งึ แลวหายใจที่พืน้ ดนิ นนั้ น่นัแหละ โดยชองจมูกดานลางขา งหนง่ึ ซ่ึงแนบติดดิน จงึ ครอบงํา อธบิ ายวาจึงลวงนายพรานดว ยเลหก ล ๖ ประการ คอื โดยสวน ๖ สว น. เลหก ล ๖ประการเปนไฉน ? เลห กล ๖ ประการ คอื โดยการเหยียด ๔ เทานอนตะแคง๑ โดยใชก ีบท้ังหลายตะกยุ หญาและดินรวน ๑ โดยทาํ ลน้ิ หอยออกมา ๑ โดยกระทําทองใหพ อง ๑ โดยการปลอ ยอุจจาระ ๑ ปสสาวะ ใหล าดออกมา ๑ โดยการกลัน้ ลม ๑. อกี นัยหน่งึ ทา นแสดงวา ดูกอ นนอ งหญิง เราใหเ นอื้ หลานชายนนั้ เรยี นมารยาของเนื้อ โดยประการทเี่ ขาจะลวงทาํ ใหน ายพรานเกิดความหมายรูวา เน้ือนี้ตายแลว โดยเลห กล ๖ ประการนี้ คอื โดยตะกยุ เอาดินรว นมาไวตรงหนา ๑ โดยการโนม ตวั ไป ๑ โดยการเทยี่ วรนไปทัง้ สองขาง ๑ โดยการทาํ ทอ งใหพองขึ้น ๑ โดยการทําตองใหแ ฟบลง ๑. อีกนัยหนงึ่ เราใหเนอื้หลานชายนัน่ เรยี นเอาแลว โดยประการทีเ่ นือ้ หลานชายน้นั หายใจท่ีพ้นื ดินโดยชองจมกู ขางหนึ่ง ทาํ กลดวยเลหกล ๖ ประการ คอื ทาํ เลหกลดวยเหตุ ๖ ประ-การซึง่ ไดแสดงไวใ นนัยแมท ง้ั สอง อธบิ ายวา จักกระทําเลห กล คอื จกั ลวงนายพราน. พระโพธิสัตวเรยี กเนื้อผูเปน นอ งสาววา โภติ นางผเู จรญิ . ดว ยบทวาภาคิเนยโฺ ย นี้ พระโพธิสตั ว หมายถึงเนอื้ หลานชายผลู วงดว ยเหตุ ๖ ประการดว ยประการอยางน้.ี

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 264 พระโพธสิ ตั วเ ม่อื แสดงความทเ่ี นือ้ หลานชายเรยี นมารยาของเนื้อดีแลวจงึ ปลอบโยนเนอื้ ผนู องสาวใหเ บาใจ ดว ยประการอยางน้ี ลกู เนอื้ แมนน้ั ตดิบวง ไมด ิ้นรนเลย นอนเหยยี ดเทาท้ัง ๔ ไปทางดา นขา งทีผ่ าสุกมาก ณ ท่ีพน้ืดิน เอากบี ทง้ั หลายนัน่ แหละคยุ ในที่ท่ีใกล ๆ เทา ท้ัง ๔ ทาํ ดินรว นและหญา ใหกระจยุ ขน้ึ ปลอยอุจจาระปส สาวะออกมาทาํ ใหหัวตกลิ้นหอ ย กระทําสรีระใหเปรอะเปอนดวยนํา้ ลาย ทําใหต วั พองขน้ึ ดวยการอัน้ ลม ทาํ นัยนตาทง้ั สองใหเหลอื ก ทาํ ลมใหเ ดนิ ทางชอ งนาสกิ ลาง กลัน้ ลมทางชองนาสกิ บน ทําหวั ใหแขง็ แสดงอาการของเนือ้ ท่ีตายแลว ฝา ยแมลงวันหัวเขียวกต็ อมเนือ้ นั้นกาทั้งหลายพากนั แอบอยใู นทน่ี น้ั ๆ นายพรานมาเอามอื ดีดทอ งคดิ วา เน้อื จักติดบว งแตเ ชาตรนู ัก จึงเกดิ จะเนา (ขน้ึ มา) จงึ แกเ ชอื กที่ผูกเน้ือนั้นออก คิดวา บดั นี้ เราจักแลเน้อื น้ันในที่น้ีแหละ เอาแตเ นอ้ื ไป เปน ผไู มส งสัย เริ่มเกบ็ เอากงิ่ ไมแ ละใบไม. ฝายลูกเน้อื ลุกขึน้ ยืนดว ยเทา ทง้ั ๔ สลดั กายเหยยี ดคอ แลว ไดไ ปยังสาํ นักของมารดาโดยเร็ว ประดุจเมฆฝนถกู ลมพายุใหญพดัขาดไปฉะนน้ั . ฝา ยพระบรมศาสดาตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ราหลุ เปน ผใู ครต อการศึกษาในบัดน้ีเทา นัน้ ก็หามิได แมใ นกาลกอนกเ็ ปน ผใู ครต อการศึกษาเหมอื นกัน ครนั้ ทรงนาํ พระธรรมเทศนานี้ มาสืบตออนุสนธิแลว จึงทรงประชมุ ชาดกวา ลูกเน้ือผเู ปนหลานในคร้งั น้ัน ไดเปนราหลุ ในบัดนี้ฝา ยมารดาในคร้ังนน้ั ไดเปนนางอบุ ลวรรณาในบดั น้ี สวนเน้อืผูเปน ลงุ ในครง้ั นนั้ ไดเปน เราแล. จบติปลลัตถมติ ชาดกท่ี ๖

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 265 ๗. มาลุตชาดก วาดว ยความหนาวเกิดแตล ม [๑๗] ขางขึ้นหรือขา งแรมก็ตาม สมยั ใดลมยอมพัด มา สมัยนั้นยอ มมีความหนาว เพราะความหนาวเกิด แตล ม ในปญ หาขอ น้ี ทา นท้งั สองซื่อวา ไมแพกนั . จบมาลุตชาดกท่ี ๗ ๗. อรรถกถามาลตุ ชาดก พระศาสดาเมอื่ ประทบั อยูใ นพระวิหารเชตวันทรงปรารภบรรพชติผบู วช เมื่อแก ๒ รูป จงึ ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเรมิ่ ตน วา กาเฬ วายทิ วา ชุณฺเห ดงั น้ี. ไดยินวา บรรพชติ ทั้งสองรปู นัน้ อยใู นปาแหง หน่งึ ในโกศลชนบทรูปหน่ึงชื่อ กาฬเถระ รูปหน่ึงช่อื ชุณหเถระ อยูมาวันหน่ึง พระชุณหะถามพระกาฬะวา ทานกาฬะผเู จรญิ ธรรมดาวา ความหนาวมใี นเวลาไร ? พระ-กาฬะนน้ั กลาววา ความหนาวมีในเวลาขา งแรม. อยมู าวันหน่งึ พระกาฬะถามพระชุณหะวา ทา นชุณหะผูเจรญิ ธรรมดาวาความหนาวยอ มมีในเวลาไร ?พระชณุ หะนัน้ กลาววา มใี นเวลาขางขึน้ พระแมท้งั สองรูปนน้ั เมื่อไมอ าจตดัความสงสยั ของตนได จึงพากนั ไปยังสํานักของพระบรมศาสดาถวายบงั คมแลวทูลถามวา ขาแตพ ระองคผเู จรญิ ธรรมดาวา ความหมายวยอมมใี นกาลไร

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 266พระเจาขา ? พระศาสดาทรงสดับถอ ยคาํ ของภิกษุทง้ั สองนัน้ แลวตรัสวา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย แมใ นกาลกอน เรากต็ อบปญหานแี้ กเ ธอทงั้ สองแลว แตเ ธอทั้งหลายกาํ หนดไมได เพราะอยใู นสงั เขปแหง ภพ แลวทรงนาํ อดตี นทิ านมาดังตอไปนี้ ในอดีตกาล ณ เชิงเขาแหงหนงึ่ มสี ัตวผเู ปน สหายกนั สองตัว คอืราชสหี ต ัวหนง่ึ เสอื โครง ตวั หนง่ึ อยใู นถา เดยี วกันนน่ั เอง ในกาลนน้ั แมพระโพธิสัตวก็บวชเปนฤๅษี อยูทเี่ ชงิ เขาน้ันเหมือนกัน ภายหลังวนั หนึง่ ความววิ าทเกิดขน้ึ แกสหายเหลา นน้ั เพราะอาศยั ความหนาว เสอื โครงกลาววาความหนาวยอมมีเฉพาะในเวลาขา งแรม. ราชสหี ก ลาววา มเี ฉพาะในเวลาขางขน้ึ . สหายแมท ั้งสองน้นั เมอ่ื ไมอาจดั ความสงสยั ของตน จึงถามพระโพธิสัตวพระโพธิสัตวจ ึงกลาวคาถาน้ีวา ขา งขนึ้ หรอื ขา งแรมก็ตาม สมัยใดลมยอมพดั มา สมัยนัน้ ยอ มมีความหนาว เพราะความหนาวเกิดแต ลม ในปญ หาขอ นี้ทา นทงั้ สอง ชอ่ื วาไมแ พกัน. บรรดาบทเหลา น้นั บทวา กาเฬ วา ยทิ วา ชณุ เฺ ห ไดแ กในปก ษขา งแรม หรอื ในปก ษขา งข้ึน. บทวา ยทา วายติ มาลโุ ต ความวา สมยั ใด ลมอันตางดวยลมทศิ ตะวันออกเปน ตน ยอมพัดมา สมัยน้ันความหนาวยอ มม.ี เพราะเหตุไร ? เพราะความหนาวเกิดแตลม อธบิ ายวาเพราะเหตุท่ี เมอ่ื ลมมีอยนู นั่ แหละ ความหนาวจึงมี, ในขอนี้ปก ษข า งแรมหรือปก ษขางขึน้ ไมเปนประมาณ บทวา อโุ ภตฺถมปราชิตา ความวาทา นแมทงั้ สองไมแพก ันในปญหาขอน้.ี

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 267 พระโพธสิ ตั วใ หส หายเหลา นัน้ ยินยอมกันดว ยประการอยา งนี้. ฝายพระศาสดาจึงตรัสวา ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย แมใ นกาลกอน เราก็ตอบปญ หานี้แกเธอท้งั หลายแลว คร้นั ทรงนําพระธรรมเทศนานีม้ าแลว จงึ ทรงประกาศสจั จะทง้ั หลาย ในเวลาจบสจั จะ พระเถระแมท ้ังสองเหลาน้ันกด็ ํารงอยใู นพระโสดาปตติผล. แมพ ระศาสดาก็ทรงสืบอนุสนธิแลว ประชมุ ชาดกวาเสอื โครงในครงั้ นัน้ ไดเปน พระกาฬะ ราชสีหในครัง้ นนั้ ไดเ ปนพระชณุ หะ สว นดาบสผูแกปญหาในคร้งั นน้ั ไดเ ปนเราแล. จบมาลตุ ชาดกที่ ๗ ๘. มตกภัตตชาดก วาดว ยสตั วไมค วรฆาสัตว [๑๘] ลา สัตวทง้ั หลายพงึ รอู ยา งนว้ี า ชาตสิ มภพนเ้ี ปน ทกุ ข สตั วไมค วรฆาสัตว เพราะวา ผูมปี กตฆิ าสัตว ยอมเศรา โศก. จบมตกภตั ตชาดกที่ ๘































พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 283เสด็จเขา พระนคร ราชบรุ ษุ ทง้ั หลายวางสายเชอื กหน่ึงรถนั้นตามที่ผกู ไวน ้ันแหละทพ่ี ระลานหลวง เนอ้ื ฝนตกตอนกลางคนื รถนัน้ กเ็ ปยกฝน. พวกสนุ ัขท่เี ลยี้ งไวใ นราชตระกลู ลงจากปราสาทช้นั บน กัดกนิ หนึ่งและชะเนาะของรถน้ัน.วนั รงุ ข้ึน พวกราชบรุ ุษจงึ กราบทลู พระราชาวา ขาแตส มมตเิ ทพ สุนขั ท้งั หลายเขาไปทางทอนํา้ กดั กนิ หนังและชะเนาะของรถน้ันพระเจาขา. พระราชาทรงกรว้ิ สนุ ัข จงึ ตรัสวา พวกทา นจงฆา พวกสนุ ขั ในทีท่ ไี่ ดเห็นแลว ๆ. ตั้งแตนั้นมาความพินาศใหญห ลวงจงึ เกดิ ขึ้นแกพ วกสนุ ัข. สนุ ัขเหลานั้น เมื่อถูกฆาในทท่ี พ่ี บเหน็ จึงหนีไปปา ชา ไดพากนั ไปยงั สาํ นักของพระโพธสิ ตั ว. พระโพธิสัตวถ ามวา ทานทั้งหลายเปนอันมากพากันมาประชมุ เหตุอะไรหนอ ? สนุ ัขเหลา นั้นกลาววา พระราชาทรงกริ้ววา นยั วา สุนขั กินหนงั และชะเนาะของรถภายในพระราชวัง จึงทรงสง่ั ใหฆ า สนุ ัข สนุ ขั เปนอันมากพนิ าศ มหาภัตเกิดขึ้นแลวพระโพธิสตั วค ิดวา ในที่ที่มีการอารกั ขา สุนัขทง้ั หลายในภายนอก ยอมไมมีโอกาส กรรมน้ีจักเปน กรรมของพวกสุนัขเลีย้ งในภายในพระราชนิเวศนน ั่นเอง ก็ภัยอะไร ๆ ยอมไมมีแกพวกโจร สว นพวกทีไ่ มใชโจรกลับไดความตายถากระไร เราจะแสดงพวกโจรแกพ ระราชาแลว ไหทานชีวติ แกหมญู าติ. พระ-โพธสิ ตั วน ั้น ปลอบโยนญาติทั้งหลายใหเบาใจแลวกลา ววา ทานทง้ั หลายอยากลวั เราจักนําความไมมีภยั มาใหแ กท า นทั้งหลาย พวกทา นจงอยทู ่นี ี้แหละจนกวา เราจะไดเ ฝาพระราชา แลว ราํ พงึ ถึงบารมี กระทําเมตตาภาวนาใหเปนปเุ รจาริกไปในเบ้ืองหนา แลว อธษิ ฐานวา ใคร ๆ อยาไดสามารถขวา งกอ นดินหรือไมค อนเบ้อื งบนเรา ผเู ดยี วเทาน้นั เขาไปภายในพระนคร. คร้งั นั้น แมสัตวตวั หนึ่งเหน็ พระโพธิสตั วแลว ช่ือวา โกรธแลวแลดู มไิ ดมี. ฝายพระราชาทรงสัง่ ฆาสนุ ขั แลวประทับนัง่ ในท่ีวนิ จิ ฉยั ดว ยพระองคเอง พระโพธิสัตวไปในท่วี ินิจฉัยน้ันน่นั แล แลววงิ่ เขา ไปภายใตอ าสนของพระราชา. ลาํ ดบั น้ัน พวก

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 284ราชบุรษุ เรมิ่ เพื่อจะนําพระโพธสิ ัตวน ั้นออกมา แตพระราชาทรงหามไวพระโพธสิ ตั วนั้นพักอยหู นอยหน่ึงแลว ออกจากภายใตอาสน ถวายบังคมพระราชาแลวทูลถามวา ไดย ินวา พระองคท รงใหฆาสุนขั จรงิ หรอื พระเจาขา.พระราชาตรัสวา เออ เราใหฆ า. พระโพธสิ ตั วท ูลถามวา ขาแตพ ระจอมคนสุนัขเหลานนั้ มีความผิดอะไร ? พระราชาตรสั วา สุนัขทัง้ หลายมันกินหนงั หุมและชะเนาะแหง รถของเรา พระโพธสิ ตั วทูลถามวา . พระองคทรงรจู กั สุนัขตวัทีก่ นิ แลวหรอื . พระราชาตรัสวา ไมร ู พระโพธสิ ตั วท ลู วา ขา แตสมมติเทพการไมท รงทราบโดยถอ งแทวา โจรทีก่ ินหนงั ชอื่ นี้ แลวทรงใหฆาในทีท่ ไ่ี ดพ บเหน็ ทันที ไมส มควร พระเจาขา. พระราชาตรัสวา เพราะพวกสุนขั มกั กัดกินหนงั หมุ รถ เราจงึ สั่งฆาสนุ ขั วา พวกทานจงฆา สุนัขที่ไดพบเหน็ ทง้ั หมดเลย.พระโพธสิ ตั วทูลวา ก็มนุษยท ้งั หลายเหลานัน้ ฆาสนุ ขั ทงั้ หมดทีเดียวหรือ หรือวาสนุ ขั แมไมไ ดความตายก็มีอยู. พระราชาตรสั วามี. สุนขั เลย้ี งในสําหนักของเราไมไ ดการถูกฆาตาย. พระมหาสตั วท ูลวา ขา แตมหาราชพระองคไ ดต รัสในบดั น้ีทเี ดียววา เพราะพวกสุนัขมักกัดกินหนงั หมุ รถ เราจึงส่งั ฆา สุนขั วา พวกทา นจงฆาสุนัขทกุ ตัวทีไ่ ดพ บเหน็ แตบ ดั นี้พระองคต รัสวา สนุ ัขเลย้ี งในตาํ หนักของเราไมไ ดก ารถกู ฆาตาย เม่ือเปน อยา งนนั้ พระองคยอ มลุอคตเิ ชน ฉนั ทาคติเปน ตน. กช็ ่อื วา การลอุ คติไมสมควร และไมเปน (ทศพธิ ) ราชธรรม ธรรมดาพระราชาผูแ สวงหาเหตแุ ละมิใชเหตุ เปนเชนกบั ตาชง่ั จึงจะควร. บดั นี้สุนขั เลี้ยงในราชสกุลไมไ ดก ารคาย สนุ ัขทีท่ ุรพลเทา นั้นจงึ จะได เม่ือเปน เชนนนั้ อันนี้ไมเปน การฆา สุนขั ทกุ ตวั แตอันน้ีชอ่ื วาเปนการฆาสนุ ขั ทท่ี รุ พลกแ็ หละครน้ั ทลู อยา งนแี้ ลว จึงเปลงเสยี งอนั ไพเราะกราบทลู วา ขาแตม หาราชสิ่งท่พี ระองคทรงกระทาํ น้นั ไมเ ปน ธรรม เมื่อจะแสดงธรรมแกพ ระราชา จึงกลาวคาถานว้ี า

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 285 สนัขเหลา ใดอนั บคุ คลเลย้ี งไวใ นราชสกลุ เจริญ ในราชสกุล สมบูรณดวยสีสนั และกําลงั สุนัขเหลา นี้ นน้ั ไมถ ูกฆา พวกเรากลบั ถูกฆา โดยไมแ ปลกกัน หา มิได กลบั ชื่อวาการฆา แตสุนัขทั้งหลายท่ที รุ พล. บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา เย กุกกฺ ุรา ไดแ ก สนุ ขั เหลาใด.เหมือนอยางวา ปสสาวะแมยังมนี ํ้าอุนกเ็ รยี กวามูตรเนา สนุ ขั จง้ิ จอกแมเกดิ ในวันน้ันก็เรียกวา สนุ ัขจิ้งจอกแก เถาหัวดว นแมย งั ออ นก็เรยี กวาเถาหัวเนา กายแมจ ะมีสเี หมอื นทองก็เรียกวากายเปอ ยเนา ฉนั ใด สนุ ขั แมมอี ายุ ๑๐๐ ป ก็เรยี กวา กุกกุระ ลูกสนุ ขั ฉันน้นั เหมือนกัน. เพราะฉะน้นั สนุ ขั เหลานั้นแกแ ตสมบูรณด ว ยกําลงั กาย กเ็ รียกวา กุกกรุ ะเหมอื นกัน. บทวา วฑฒฺ าแปลวา เจรญิ เติบโต. บทวา โถเลยฺยถา ไดแ ก เกิดแลว มแี ลว เจรญิแลวในราชสกลุ . บทวา วณฺณพลูปปนนฺ า ไดแ ก สมบรู ณด ว ยสรี า งกายและกาํ ลังกาย. บทวา เตเม น วชณฺ า ความวา สนุ ัขเหลานีน้ ั้นมเี จาของมีการอารักขา จึงไมถกู ฆา . บทวา มยมสฺส วชฺณา ความวา เราทง้ั หลายไมมเี จา ของไมม ีการอารักขา เปน สุนขั ท่ถี กู ฆา. บทวา นาย สฆจฺจา ความวา เมื่อเปนอยา งน้ัน อันนีย้ อมไมชอื่ วามีการฆา โดยไมแปลกกัน. บทวาทุพพฺ ลฆาตกิ าย ความวา สวนอนั นย้ี อ มช่ือวา เปนการฆาอนั ทุรพล เพราะฆา เฉพาะสนุ ขั ทรุ พลทัง้ หลาย. อธบิ ายวา ธรรมดาพระราชาทง้ั หลายควรขมพวกโจร พวกท่ไี มเปน โจรไมควรขม แตในเหตุการณน ้ี โทษอะไร ๆ ไมมีแกพ วกโจร พวกท่ไี มใ ชโจรกลบั ไดความตาย โอ! ในโลกน้ี ส่ิงทไ่ี มค วรยอมเปน ไป โอ! เธอธรรมยอ มเปนไป. พระราชาไดท รงสดบั คําของพระโพธิสัตวแลว จึงตรสั วา ดกู อนบณั ฑติก็ทานรูหรอื วา สุนขั ชื่อโนนกนิ หนงั หุม รถ. พระโพธสิ ตั วก ลาววา รูพระเจา ขา .พระราชาตรัสวา สนุ ขั พวกไหนกนิ . พระโพธสิ ตั วท ลู วา พวกสุนัขเลีย้ งทอ่ี ยูในตําหนักของพระองคก ินพระเจา ขา. พระราชาตรสั วา ทานตอง (พิสจู น)

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 286รวู า สนุ ขั เหลาน้นั กินอยา งไร. พระโพธิสตั วท ลู วา ขาพระบาทจกั แสดงความท่ีสนุ ัขเหลา นัน้ กิน. พระราชาตรสั วา จงแสดงเถดิ บัณฑิต. พระโพธสิ ตั วทลู วาพระองคจงใหน ําพวกสนุ ัขเล้ียงในตําหนักของพระองคม า แลว ใหน าํ เปรยี งและหญาแพรกมาหนอยหนงึ่ . พระราชาไดทรงการทําอยางนนั้ . ลาํ ดบั น้ันพระโพธิสตั วใ หขยําหญากบั เปรยี งแลว ทูลกะพระราชาน้นั วา ขอพระองคจ งใหส ุนขัเหลาน้ันดมื่ พระราชาทรงใหท ําอยางน่นั แลว ใหดมื่ สนุ ัขทั้งหลายท่ดี ม่ื แลว ๆ ก็ถา ยออกมาพรอมกบั หนงั ท้ังหลาย พระราชาทรงดพี ระทัยวาเหมือนพยากรณของพระสัพพัญูพทุ ธเจา จงึ ไดทรงทาํ การบูชาพระโพธิสัตวด ว ยเศวตฉัตรพระโพธสิ ตั วจ ึงแสดงธรรมแกพระราชา ดวยคาถาวา ดวยการประพฤตธิ รรม๑๐ ประการ อันมาในเตสกุณชาดก มีอาทิวา ขาแตม หาราชผูบรมกษตั ริยพระองคจงประพฤตธิ รรมในพระชนกและชนนดี งั นี้ แลว ทูลวา ขา แตม หาราชจาํ เดิมแตน ี้ไป พระองคจ งเปน ผูไมป ระมาท แลวใหพ ระราชาดํารงอยใู นศลี ๕จึงไดถวายคนื เศวตฉตั รแดพ ระราชา. พระราชาไดทรงสดับธรรมกถาของพระ-มหาสัตวแลว ทรงใหอ ภัยแกสตั วท้ังปวง ทรงเรมิ่ ตงั้ นติ ยภยั เชนกบั โภชนะของพระองคแ กสนุ ัข ท้งั ปวงมีพระโพธิสตั วเปนตน ทรงต้ังอยูในโอวาทของพระโพธ-ิสัตวท รงการทาํ บุญมีทานเปน ตน ตลอดชว่ั พระชนมายุ สวรรคตแลว เสดจ็ อบุ ตั ิในเทวโลก กกุ กุโรวาทไดดาํ เนินไปถงึ หม่นื ป ฝายพระโพธิสตั วด ํารงอยูตราบชวั่ อายุแลว ไดไ ปตามยถากรรม. พระศาสดาตรสั วา ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ตถาคตประพฤติประโยชนแกพระญาติทั้งหลาย ในบัดนี้เทาน้นั กห็ ามิได แมใ นกาลกอ นก็ไดประพฤติแลวเหมือนกัน คร้ันทรงนาํ พระธรรมเทศนานม้ี าสืบตออนุสนธิแลว จึงทรงประชมุ ชาดกวา พระราชาในกาลนนั้ ไดเ ปน พระอานนท บรษิ ัทท่ีเหลือนอกนี้ ไดเปน พุทธบรษิ ัท สวนกกุ กรุ บัณฑติ คอื เราแล. จบกกุ กุรชาดกที่ ๒

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 287 ๓. โภชาชานียชาดก วา ดวยมา สนิ ธพอาชาไนย [๒๓] ดกู อ นนายสารถี มาสินธพอาชาไนยถูก ลูกศรแทงแลว แมน อนตะแคงอยา งเดยี ว ยัง ประเสริฐกวา มากระจอก ทานจงประกอบฉนั ออกรบ อีกเถิด. จบโภชาชานยี ชาดกที่ ๓ ๓. อรรถกถาโภชาชานียชาดก พระศาสดาเมือ่ ประทับ อยูในพระวิหารเชตวนั ทรงปรารภภกิ ษุผลู ะความเพยี รรูปหนง่ึ จงึ ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มีคาํ เริ่มตน วา อป ปสฺเสนเสมาโน ดังน้ี. ความพิศดารวา สมัยนั้น พระศาสดาตรัสเรยี กภิกษุน้ันมาแลวตรัสวาดกู อ นภกิ ษุ บณั ฑติ ทง้ั หลายแมในกาลกอน ไดการทําความเพียรแมใ นทีอ่ ันมใิ ชทอี่ ยู แมไ ดร บั บาดเจบ็ ก็ไมล ะความเพยี ร ดังนแ้ี ลว ทรงนําอดตีนทิ านมาวา ในอดตี กาล เมอื่ พระเจาพรหมทัตครองราชสมบัติ อยใู นนครพาราณสีพระโพธิสตั วบังเกดิ ในตระกลู มา สินธพช่ือ โภชาชานียะ สมบรู ณดวยอาการทง้ั ปวง ไดเ ปน มา มงคลของพระเจา พาราณสี พระโพธสิ ัตวน ั้นบรโิ ภคโภชนะ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 288ขาวสาลมี กี ล่นิ หอมอันเก็บไว ๓ ป ถงึ พรอ มดว ยรสเลศิ ตา งๆ ในถาดทองอนั มีราคาแสนหนึง่ ยืนอยใู นภาคพน้ื อนั ไลท าดว ยของหอมมีกําเนดิ ๔ ประการเทา นัน้ สถานทยี่ ืนน้ันวงดวยมา นผากัมพลแดง เบื้องบนดาดเพดานผา อนัวิจติ รดวยดาวทอง หอยพวงของหอมและพวงดอกไม ตามประทปี น้ําหอม ก็ข้ึนชอื่ วาพระราชาทัง้ หลายผไู มปรารถนาราชสมบัติในนครพาราณสี ยอมไมม ีคราวหน่งึ พระราชา ๗ พระองคพ ากันลอมนครพาราณสี ทรงสง หนังสือแกพระเจา พาราณสีวา จะใหราชสมบตั แิ กเราทัง้ หลายหรือจะรบ. พระเจาพาราณสีใหป ระชมุ อํามาตยทง้ั หลายแลวตรสั บอกขาวนัน้ แลว ตรัสถามวา ดูกอ นพอทง้ั หลาย บดั น้ี พวกเราจะกระทาํ อยา งไร ? อํามาตยทง้ั หลายกราบทลู วา ขาแตสมมติเทพ เบอื้ งตน พระองคย งั ไมตอ งออกรบกอน พระองคจงสงทหารมา ชอ่ืโนนใหก ระทําการรบ เมื่อทหารมานั้นไมส ามารถขาพระบาทท้งั หลายจกั รใู นภายหลัง. พระราชารบั ส่ังใหเรียกทหารมา นน้ั มาแลวตรสั วา ดกู อ นพอ เธอจกั อาจการทําการรบกับพระราชา ๗ องคหรือไม. นายทหารมา กราบทลู วาขาแตส นมติเทพ ถาขา พระบาทไดมาสินธพช่อื โภชาชานียะไซร พระราชา ๗พระองคจ งยกไว ขา พระบาทจักอาจรบกับพระราชาทั่วทงั้ ชมพทู วีป. พระราชาตรสั วา ดูกอนพอ มา สนิ ธพโภชาชานียะ หรือมาอ่นื ก็ชางเถดิ . นายทหารมา นัน้รบั พระดํารสั แลว ถวายบังคมพระราชาลงจากปราสาท ใหนา้ํ มาสินธพโภชา-ชานียะมา แมคนกผ็ ูกสอดเกราะทุกอยาง เหน็บพระขรรค ขน้ึ หลงั มา สนิ ธพตัวประเสริฐ ออกจากพระนครไปประดุจฟาแลบ ทําลายกองพลท่ี ๑ จับเปนพระราชาไดองคห น่งึ พามามอบใหแกพลในนครแลวกลับไปอีก ทําลายกองพลที่ ๒ กองพลที่ ๓ กเ็ หมือนกนั จบั เปน พระราชาได ๕ องค อยา งนี้ดว ยประการฉะนี้ แลวทาํ ลายกองพลที่ ๖ ในคราวจบั พระราชาองคที่ ๖ มาสินธพโภชาชานียะไดร ับบาดเจ็บ เลือดไหล เวทนากลาเปนไป นายทหารมา

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 289น้ันรวู า มา สนิ ธพนัน้ ไดร ับบาดเจบ็ จึงใหม าสินธพโภชาชานยี ะนอนทีป่ ระตูพระราชวงั เรม่ิ ทาํ เกราะใหหลวมเพอ่ื จะผูกเกราะมา ตัวอืน่ พระโพธสิ ัตวท งั้ ท่ีนอนทางขางทท่ี ีค่ วามผาสกุ มาก ลมื ตาขึ้นเห็นนายทหารมา (ทําอยา งนั้น) จึงคิดวา นายทหารมานี้จะหมุ เกราะมา ตวั อ่นื และมา ตัวนจ้ี กั ไมส ามารถทาํ ลายกองพลท่ี ๗ จบั พระราชาองคที่ ๗ ได และกรรมท่เี ราทาํ ไวแ ลวจกั พนิ าศหมดแมน ายทหารมาซ่ึงไมม ีผเู ปรียบกจ็ ักพนิ าศ แมพระราชากจ็ ักตกอยูในเงื้อมมือของพระราชาอน่ื เวน เราเสียมา อ่นื ชอื่ วา สามารถเพ่อื ทาํ ลายกองพลท่ี ๗ แลวจับพระราชาองคท ี่ ๗ ไดย อมไมมี ท้งั ๆ ท่นี อนอยนู ่นั แล ใหเ รียกนายทหารมามาแลวกลาววา ดูกอ นนายทหารนาํ้ ผูสหาย เวนเราเสยี ช่ือวา มา อืน่ ผสู ามารถเพอ่ื ทําลายกองพลที่ ๗ แลว จับพระราชาองคท่ี ๗ ไดย อ มไมมี เราจักไมท ํากรรมที่เรากระทําแลว ใหเสยี หาย ทา นจงใหเราแลลุกขึ้นแลว ผูกเกราะเถิดครน้ักลาวแลวจึงกลา วคาถานว้ี า มา สินธพอาชาไนยถูกลูกศรแทงแลว แมนอน ตะแคงอยขู า งเดียว ก็ยงั ประเสริฐกวา นํา้ กระจอก ดู กอ นนายสารี ทา นจงประกอบฉันออกรบเถดิ . บรรดาบทเหลานนั้ บทวา อป ปสเฺ สน เสมาโน ไดแก แมนอนโดยขา งๆ เดียว. บทวา สลเฺ ลภิ สลลฺ ลกี โต ความวา เปนผูแมถ ูกศรท้งั หลายแลว. บทวา เสยโฺ ยว วฬวา โภชโฺ ฌ ความวา มา กระจอกซึง่ ไมไดเ กิดในตระกลู มา มาสินธพ ชอ่ื วา วฬวะ มา โภชาชานียสินธพช่อื วา โภชฌะ ดังนัน้ มา โภชาชานียสนิ ธพนน่ั แหละ แมถ กู ลกู ศรแทงแลวกย็ ังประเสรฐิ คอื เลศิ อุดม กวา มา กระจอกนน่ั . ดวยบทวา ยุชฺ มฺเวสารถี น้ี พระโพธิสัตวก ลาววา เพราะเหตุทีเ่ ราแล แมจะไปดว ยอาการอยา งน้กี ็ยงั ประเสริฐกวา ฉะนั้น ทานจงประกอบเราเถดิ อยา ประกอบมาตัวอน่ื เลย.

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 290 นายทหารมาพยงุ พระโพธสิ ัตวใหลกุ ข้นึ พนั แผลแลว ผูกสอดเรยี บรอยนงั่ บนหลงั ของพระโพธิสตั วน ั้น ทําลายกองพลที่ ๗ จบั เปนพระราชาองคที่ ๗แลวมอบ ใหแ กพลของพระราชา คนท้ังหลายนําแมพ ระโพธสิ ัตวมายงั ประตูพระราชวัง พระราชาเสด็จออกเพอื่ ทอดพระเนตรพระโพธิสัตวน นั้ พระมหา-สัตวทลู พระราชาวา ขาแตม หาราช พระองคอ ยา ทรงฆาพระราชาท้ัง ๗ เลยจงใหกระทําสบถแลว ปลอยไป พระองคจ งประทานยศท่ีจะพึงประทานแกขา -พระบาทและนายทหารมา ใหเฉพาะแกน ายทหารมา เทา น้ัน การจับพระราชา๗ องคไ ดแ ลว ทําทหารผกู ระทําการรบใหพนิ าศยอ มไมค วร แมพระองคก ็จงทรงบาํ เพ็ญทาน รกั ษาศลี ทรงครองราชสมบัตโิ ดยธรรม เมื่อพระโพธสิ ตั วใ หโอวาทแกพ ระราชาอยางน้ีแลว คนท้ังหลายจงึ ถอดเกราะของพระโพธิสัตวอ อกเมือ่ เกราะสักวาถูกถอดออกเทา น้ัน พระโพธสิ ัตวน้ันดับไปแลว. พระราชาทรงใหท าํ ฌาปนกจิ สรรี ะของพระโพธสิ ัตวน้นั ไดประทานยศใหญแกน ายทหารมาทรงใหพ ระราชาท้ัง ๗ พระองค ทรงกระทาํ สบถเพ่อื ไมประทุษรา ยพระองคอ ีกแลว ทรงสง ไปยงั ท่ขี องตน ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม โดยสมํ่าเสมอ ในเวลาสุดสน้ิ พระชนมายุ ไดเ สดจ็ ไปตามยถากรรม. พระศาสดาตรสั วา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย บัณฑิตทงั้ หลายในปางกอ นไดกระทําความเพียรแมใ นทอี่ ันมิใชบ อเกิดอยา งนี้ แมไ ดรับบาดเจบ็ เห็นปานนี้ กไ็ มล ะความเพยี ร สว นเธอบวชในศาสนาอนั เปน เครือ่ งนําออกจากทุกขเหน็ ปานนี้ เพราะเหตุไร จงึ ละความเพยี รเสยี แลวทรงประกาศสจั จะท้ัง ๔ในเวลาจบสัจจะ ภกิ ษุผลู ะความเพียรตัง้ อยใู นพระอรหตั ผล ฝายพระศาสดาครน้ัทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้มี าสบื ตอ อนสุ นธแิ ลว จงึ ทรงประชมุ ชาดกวา พระราชาในครั้งนน้ั ไดเปน พระอานนท นายทหารมาในคร้ังน้ัน ไดเปนพระสารีบุตร สว นโภชาชานยิ สินธพในคร้งั น้นั ไดเปน เราแล. จบโภชาชานียชาดกท่ี ๓

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 291 ๔. อาชญั ญชาดก วา ดวยมาอาชาไนยกบั มากระจอก [๒๔] ไมวา เมอื่ ใด ทีใ่ ด ขณะใด ณ ที่ใด ๆ ณ เวลา ใด ๆ มา อาชาไนยใชกาํ ลังความเรว็ มา กระจอก ยอมถอยหน้ี. จบอาชญั ญชาดกท่ี ๔ ๔. อรรถกถาอาชญั ญชาดก พระศาสดาเม่ือประทับอยใู นพระวหิ ารเชตวัน ทรงปรารภภกิ ษผุ ูละความเพียรเหมอื นกนั จึงตรัสธรรมเทศนาน้ี มคี าํ เร่มิ ตนวา ยทา ยทาดังน้ี. ก็พระศาสดาตรัสเรียกภิกษนุ นั้ มาแลวตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุ บณั ฑิตท้งั หลายในปางกอน เปน ผูแมไดการประหารทง้ั ในทอ่ี นั มิใชบอเกดิ กไ็ ดกระทําความเพียร แลว ทรงนาํ อดีตนทิ านมา ดังตอ ไปนี้ ในอดตี กาล เมื่อพระเจา พรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสีพระราชา ๗ องคพากันลอ มพระนครไว โดยนยั มใี นเร่ืองกอ นน่ันแหละ.ลาํ ดับนั้น นกั รบประจาํ รถคันหนงึ่ เทียมรถมีมาสินธพพ่นี อง ๒ ตวั ออกจากพระนคร ทําลายกองพล ๖ กองพล ไดจ บั พระราชา ๖ องคไว. ขณะนั้นมาผูพีไ่ ดร ับบาดเจ็บ. สารถจี งึ สงรถมายังประตพู ระราชวงั ปลดมา ผพู ่ีชายออก

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 292จากรถ ทําเกราะใหหลวม แลวใหนอนตะแคงขางหนงึ่ เริ่มจะสวมเกราะมาตัวอ่ืน. พระโพธสิ ตั วเห็นดงั นัน้ จึงคดิ โดยนยั เร่อื งกอนนน่ั แหละ แลว ใหเรยี กสารถีมา ทั้งท่ีนอนอยูน่นั แลไดก ลาวคาถานว้ี า ไมว าเมอ่ื ใด ที่ใด ขณะใด ณ ที่ใด ๆ ณ เวลา ใด ๆ น้าํ อาชาไนยใชก ําลังความเรว็ มา กระจอกยอม ถอยหนี้. บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา ยทา ยทา ไดแ ก ในกาลใด ๆ ในบรรดาเวลาเชาเปนตน . บทวา ยตฺถ ไดแก ในทใ่ี ด คอื ในหนทาง หรอืในสนามรบ. บทวา ยทา คอื ในขณะใด. บทวา ยตถฺ ยตถฺ ไดแกในสนามรบเปน อนั มาก เชนกองพล ๗ กอง. บทวา ยทา ยทา ไดแ กในกาลใด ๆ คือ ในกาลทไ่ี ดรับบาดเจบ็ หรอื ไมไดรบั . บทวา อาชาไนยกุรเุ ต เวค ความวา มา อาชาไนย คอื มา สินธพตัวประเสรฐิ ผูมีสภาวะรูทั่วถึงเหตุทจ่ี ติ ของสารถชี อบ ใชกาํ ลังความเรว็ คือพยายาม ปรารภความเพียร.บทวา หายนตฺ ิ ตตฺถ วาฬวา ความวา เม่อื มาอาชาไนยนน้ั ใชก าํ ลังความเรว็ มา กระจอกกลาวคือมาตัวเมียนอกนี้ยอ มถอยหนี คือ ยอมลา ถอยไปเพราะฉะนนั้ ทา นจงเทียมเฉพาะเราเทานั้นในรถคันน.้ี สารถปี ระคองพระโพธิสตั วไ หลุกขึน้ เทยี มแลว ทาํ ลายกองพลที่ ๗ พาเอาพระราชาองคท ่ี ๗ มา. ขบั รถมายังประตพู ระราชวังแลวปลดมา สินธพ. พระ-โพธิสตั วน อนตะแคงขา งหนึง่ ถวายโอวาทแกพ ระราชาโดยนัยเรอ่ื งกอ นน่ันแลแลวดับไป. พระราชารับส่งั ใหกระทาํ ฌาปนกิจสรีระของพระโพธสิ ัตวน นั้ แลวกระทาํ สมั มานะแกส ารถปี ระจํารถ ทรงครองราชสมบตั โิ ดยธรรม โดยเสมอเสดจ็ ไปตามยถากรรม.

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 293 พระศาสดาคร้นั ทรงนาํ พระธรรมเทศนานม้ี าแลว ทรงประกาศสจั จะในเวลาจบสจั จะ ภกิ ษุน้นั ตั้งอยใู นพระโสดาปตติผล. พระศาสดาทรงประชมุชาดกวา พระราชาในกาลน้นั ไดเ ปนพระอานนทเถระ สารถไี ดเปน พระสารบี ุตร สวนมา ไดเ ปน เราคือพระสมั มาสมั พุทธเจา แล. จบอาชัญญชาดกท่ี ๔ ๕. ติตถชาดก วาดวยการเบ่ือเพราะซาํ้ ซาก [๒๕] ดูกอนนายสารถี ทานจงยงั มาใหอ าบ และดมื่ น้ําที่ทา โนนบา ง ทาน้ีบา ง แมข าวปายาสท่ี บรโิ ภคบอยคร้ัง คนก็ยังอิม่ ได. จบ ติตถชาดกท่ี ๕ ๕. อรรถกถาติฏฐชาดก๑ พระศาสดาเมือ่ ประทับอยใู นพระเชตวนั วหิ าร ทรงปรารภภิกษุผูเคยเปนชางทองรูปหน่ึง ซงึ่ เปนสัทธิวิหาริกของพระธรรมเสนาบดี จงึ ตรัสพระ-ธรรมเทศนานี้ มีคาํ เรม่ิ ตน วา อฺ มฺเหิ ตฏิ เ หิ ดงั น.ี้๑. บาลเี ปน ตติ ถชาดก

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 294 ก็อาสยานุสยญาณยอ มมีแกพระพทุ ธเจาทงั้ หลายเทานนั้ ยอ มไมม แี กคนอ่ืน เพราะฉะนั้น พระธรรมเสนาบดีจงึ ไมรอู าสยะคอื อธั ยาศัย และอนสุ ัยคอื กิเลสอันเน่ืองอยใู นสนั ดานของสัทธิวิหาริก เพราะความที่คนไมม อี าสยานุสยญาณ จงึ บอกเฉพาะอสุภกรรมฐานเทานั้น อสุภกรรมฐานนน้ั ไมเปน สัปปายะแกสัทธิวหิ าริกนนั้ . เพราะเหตไุ ร เพราะไดยนิ วา สัทธิวิหารกิ ของพระธรรมเสนาบดนี น้ั ถอื ปฏิสนธิในเรือนของชางทองเทานน้ั ถึง ๕๐๐ ชาติ เมอ่ื เปนเชนน้ัน อสุภกรรมฐานจงึ ไมเ ปน สัปปายะแกสทั ธิวิหาริกนนั้ เพราะเปน ผเู คยชนิ ตอการเหน็ ทองคาํ บริสทุ ธเ์ิ ทานนั้ เปนเวลานาน้ี สทั ธวิ หิ ารกิ นั้น ไมอ าจทําแมมาตรวานมิ ติ ใหเ กิดขน้ึ ในกรรมฐานน้นั ใหเ วลาสน้ิ ไป ๔ เดือน. พระธรรมเสนาบดีเม่อื ไมอาจใหพระอรหตั แกสทั ธิวิหาริกของตน จงึ คิดวา ภกิ ษนุ ี้จักเปนพุทธเวไนยแนน อน เราจักนําไปยังสํานักของพระตถาคต จงึ พาสทั ธิ-วหิ าริกน้ัน ไปยังสํานักของพระศาสดาดว ยตนเอง แตเ ชาตรู. พระศาสดาตรัสถามวา สารบี ุตร เธอพาภกิ ษุรูปหนงึ่ มาหรือหนอ. พระสารบี ตุ รกราบทูลวาขาแตพ ระองคผเู จริญ ขาพระองคไดใ หกรรมฐานแกภกิ ษุน้ี แกภ ิกษุนไี้ มอาจทาํ แมมาตรวานมิ ติ ใหเกดิ ขน้ึ โดยเวลา ๔ เดอื น ขาพระองคน น้ั คิดวา ภิกษุน้ีจกั เปนพุทธเวไนยผูทพี่ ระพทุ ธเจาจะพงึ ทรงแนะนํา จงึ ไดพ ามายังสํานักของพระองค พระเจา ขา . พระศาสดาตรัสถามวา สารบี ุตร เธอใหกรรมฐานชนดิ ไหนแกส ัทธวิ ิหารกิ ของเธอ ? พระสารีบตุ รกราบทูลวา ขาแตพระผมู ีพระภาคเจา ขาพระองคใ หอ สุภกรรมฐาน พระเจาขา . พระศาสดาตรัสวาสารีบตุ ร เธอไมมญี าณเครอ่ื งรูอ ธั ยาศยั และอนุสยั ของสัตวท งั้ หลาย เธอไปกอนเถิด เวลาเย็นเธอมา พึงพาสทั ธวิ ิหาริกของเธอมาดว ย. พระศาสดาทรงสง พระเถระไปอยา งนแ้ี ลว ไดใ หผานุงและจีวรอนั นาชอบใจแกภกิ ษนุ น้ัแลวทรงพาภกิ ษุนัน้ เขาไปบณิ ฑบาตยังบา น ใหของเคย้ี วของฉันอันประณีต

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 295แวดลอ มดว ยภิกษสุ งฆหมใู หญก ลบั มายังพระวิหารอกี ทรงยงั เวลาสว นกลางวันใหสิน้ ไปในพระคนั ธกฎุ ี พอเวลาเยน็ ทรงพาภิกษนุ น้ั เที่ยวจาริกไปในวิหารแลวทรงนริ มติ สระโบกขรณสี ระหนงึ่ ในอัมพวัน แลว ทรงนริ มิตกอปทุมใหญในสระโบกขรณีน้ัน และทรงนิรมิตดอกปทุมใหญดอกหน่ึงในกอปทุมแมน้ัน แลวรับส่ังใหน ัง่ ลงดว ยพระดาํ รัสวา ภิกษุ เธอจงน่ังแลดูดอกปทมุนี้ แลวเสด็จเขา พระคันธกฎุ .ี ภกิ ษนุ ัน้ แลดดู อกปทมุ นน้ั บอย ๆ. พระผูม ีพระภาคเจา ทรงใหดอกปทุมนั้นเห่ยี ว. ดอกปทุมนัน้ เมื่อภิกษนุ ัน้ แลดูอยูน่นั แหละไดเ หี่ยวเปลย่ี นสไี ป ก็เมอ่ื เปนเชนนัน้ กลบี ของดอกปทมุ น้นั ก็รว งไปตง้ั แตร อบนอก ไดรวงไปหมดโดยครูเดียว. แตน น้ั เกสรก็รวงไปเหลอื อยแู ตผกั บวั . ภิกษุน้นั เหน็ อยูต ้ังนั้นจงึ คิดวา ดอกปทุมนีไ้ ดง ดงามนาดูอยูเดียวนี้ เมื่อเปน เชน นั้น สีของมันกแ็ ปรไป กลีบและเกสรรวงไป ตั้งอยูแตเพยี งผกั บวั เทานั้น ความชราถงึ แกดอกปทมุ ชอื่ เหน็ ปานนี้ อยางไรจกั ไมถึงรา งกายของเรา สงั ขาร ทั้งหลายไมเทีย่ งหนอ จึงเร่มิ เจริญวปิ สสนา พระ-ศาสดาทรงทราบวา จติ ของภกิ ษนุ ัน้ ขึน้ สูวิปสสนาแลว ประทบั อยใู นพระคันธุฎนี น่ั แล ทรงเปลง โอภาสแสงสวางไป แลวตรัสพระคาถานว้ี า เธอจงตัดความสเิ นหาของตนเสยี เหมอื นคน ตัดดอกโกมทุ อันเกดิ ในสารทกาล เธอจงพอกพูนทาง แหงความสงบ เพราะพระนพิ พาน ตถาคตแสดงไว แลว . ในเวลาจบคาถา ภิกษุน้ันบรรลพุ ระอรหตั แลวคดิ วา เราเปนผพู นแลวหนอจากภพทง้ั ปวง จึงเปลง อทุ านดวยคาถาทง้ั หลายมีอาทิวา เราน้นั มีธรรมเครอ่ื งอยอู นั อยูจบแลว มีฉันทะ ในใจบริบูรณแ ลว มีอาสวะสนิ้ ไปแลว ทรงไวซ ่งึ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 296 รา งกายครงั้ สุดทาย มศี ีลบริสทุ ธิ์ มอี นิ ทรยี ต ้ังม่ัน ดว ยดี ที่สุดพนแลว เหมือนพระจันทรพน จากปาก ของราหูฉะนน้ั เราบรรเทามลทินทง้ั ปวงอนั กระทํา ความมืด ซ่งึ มดื มนอนธถารเพราะโมหะไดเด็ดขาด เหมอื นพระอาทติ ยมรี ัศมีตั้งพัน ผูสรา งแสงสวา ง ทาํ ความโซติชวงดวยแสงสวางในทอ งฟา ฉะน้นั .กแ็ หละคร้นั เปลงอุทานแลว จงึ มาถวายบังคมพระผูม พี ระภาคเจา ฝา ยพระเถระกม็ าถวายบังคมพระศาสดาแลว ไดพ าสัทธิวหิ าริกของตนไป. ขา วนี้เกิดปรากฏในระหวา งภกิ ษุทง้ั หลาย. ภิกษุทง้ั หลายนงั่ พรรณนาพระคุณของพระทศพลอยูในโรงธรรมสภาวา อาวุโสทัง้ หลาย พระสารีบตุ รเถระไมร ูอัธยาศยั ของสัทธิวิหาริกของตน เพราะไมมอี าสยานุสยญาณ แตพ ระศาสดาทรงทราบ ไดประทานพระอรหตั พรอ มดว ยปฏิสมั ภทิ าแกภ ิกษนุ นั้ โดยวนั เดียวเทาน้ัน โอ!ชื่อวา พระพุทธเจาท้งั หลายทรงมอี านุภาพมาก พระศาสดาเสดจ็ มาแลว ประทับนง่ั บนอาสนะท่ีปูลาดแลวตรัสถามวา ภกิ ษุท้ังหลาย บดั น้ีพวกเธอน่ังสนทนากันดว ยเร่ืองอะไร ? ภกิ ษทุ ้งั หลายกราบทลู วา ขา แตพระผมู ีพระภาคเจาพวกขาพระองคน ง่ั สนทนากันดว ยเร่อื งอนื่ หามไิ ด แตนัง่ สนทนากันดว ยเรื่องพระญาณเครอ่ื งรอู ัธยาศยั และอนสุ ยั แหง สัทธวิ หิ าริกของพระธรรม เสนาบดีเฉพาะของพระองคเทาน้ัน. พระศาสดาตรสั วา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ขอนไ้ี มนา อศั จรรย บัดน้ี เรานั้นเปนพระพทุ ธเจา แลว ยอ มรอู ธั ยาศยั ของภิกษุนัน้แมใ นกาลกอน เรากร็ อู ัธยาศยั ของภกิ ษนุ น้ั เหมอื นกนั แลวทรงนําอดตี นทิ านมา ดังตอ ไปนี้ ในอดตี กาล เมอื่ พระเจาพรหมทตั ครองราชสมบัตใิ นนครพาราณสีในกาลนน้ั พระโพธสิ ัตวอนุศาสนอรรถและธรรมกะพระราชาพระองคน นั้ . ใน

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 297กาลน้ัน พวกคนเลีย้ งมาใหมากระจอกขาเขยกอาบกอนกวามา อ่ืน ณ ทาท่มี ามงคลของพระราชาอาบ. มามงคลถกู ใหล งทา ท่ีมากระจอกอาบ จงึ เกลยี ดไมปรารถนาจะลง คนเล้ียงมา มากราบทลู แดพระราชาวา ขา แตส มมติเทพ มามงคลไมปรารถนาจะลงทา น้าํ พระเจาขา . พระราชาทรงสั่งพระโพธิสัตวไปวาดกู อ นบณั ฑติ ทานจงไป จงรูวา เพราะเหตุไร มาถกู เขาใหลงทา นา้ํ จึงไมลง. พระโพธิสัตวท ูลรบั พระบัญชาแลว ไปยังฝงแมนา้ํ ตรวจดมู า ก็รูว า มาไมม ีโรค จงึ ใครค รวญวา เพราะเหตุไรหนอ มา นจ้ี ึงไมลงทาน จงึ คิดวา มาอ่ืนจกั ถกู อาบที่ทา นี้กอ น ดวยเหตุนั้น มาน้นั เห็นจะรังเกียจจงึ ไมล งทา แลวถามพวกคนเลี้ยงมา วา ทา นผเู จรญิ ท่ีทา น้ีทา นทั้งหลายใหมาอะไรอาบกอน พวกคนเลยี้ งมากลาววา ขาแตน ายใหมากระจอกอาบกอ นกวามาอน่ื . พระโพธสิ ัตวรูอธั ยาศัยของมา นั้นวา มานีร้ ังเกียจจงึ ไมปรารถนาจะอาบทที่ านี้ เพราะตนเปน สัตวมี (คุณ) สมบตั ิ การใหม า น้อี าบในทา อ่นื จงึ จะควร จงึ กลาววาทา นผเู ล้ยี งมาผเู จรญิ แมขาวปายาสท่ีปรงุ ดวยเนยใส นาํ้ ผึง้ และนา้ํ ออยเม่ือบุคคลบริโภคบอ ย ๆ กอน ยอ มมคี วามเบื่อ มานีอ้ าบทท่ี า นใหลายคร้งัเบื้องตน พวกทานจงใหม านั้น ลงยังทาแมอนื่ แลว ใหอ าบและด่ืม จึงกลา วคาถานี้วา ดกู อนนายสารถี ทานจงยงั มา ใหอาบและดม่ื ท่ี ทาโนนทาน้ีบา ง แมข า วปายาสที่บริโภคบอ ยคร้ัง คน ยอมอม่ิ ได. บรรดาบทเหลานน้ั บทวา อฺมเฺ หิ แยกศพั ทอ อกเปนอฺเหิ อเฺ หิ แปลวา อืน่ ๆ. บทวา ปาเยหิ (แปลวาจงใหดมื่ ) นี้เปน หวั ขอ เทศนา อธบิ ายวา จงใหอ าบและใหด ่ืม. บทวา อจฺจาสนสสฺ นี้เปนฉัฏฐวี ิภตั ใิ ชใ นอรรถแหงตติยาวภิ ตั ิ อธบิ ายวา กินย่ิง คอื บริโภคยงิ่ .

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 298บทวา ปายาสสฺสป ตปปฺ ติ ความวา ยอ มอ่มิ คอื เปน ผอู ่ิม เปน ผูท่ีเขาเลย้ี งดูอ่ิมแลว แมดวยขาวมธปุ ายาสที่ปรงุ ดว ยเนยใสเปน ตน ยอมไมถ ึงความเปนผูตองการบรโิ ภคอีก เพราะฉะนัน้ มา แมนกี้ ็จักถึงความพอ เพราะการอาบประจําที่ทานี้ ทานจงใหอาบทท่ี า อืน่ เถิด. คนเลี้ยงมาเหลา นนั้ ไดฟง คาํ ของพระโพธิสตั วน ั้นแลว จึงใหมาลงทาอืน่ ใหด ่มื และใหอาบ ในเวลาท่มี าด่ืมนํ้าแลวอาบ พระโพธิสัตวไดม ายงัสํานกั ของพระราชา. พระราชาตรัสถามวา ดกู อนพอ มาอาบและดื่มแลวหรอืพระโพธิสัตวกราบทลู วา พระเจาขา ขาแตส มมตเิ ทพ. พระราชาตรัสถามวาทแี รก เพราะเหตุไร มา จึงไมปรารถนา? พระโพธิสัตวก ราบทูลวา ขาแตสมมติเทพ เพราะเหตุช่ือแมน ้ี แลว กราบทูลเหตุทง้ั ปวง พระราชาตรัสวา โอ!ทานบณั ฑิตยอมรอู ธั ยาศยั ช่ือแมของสตั วด ริ จั ฉานเห็นปานนั้ แลวประทานยศใหญแกพ ระโพธสิ ัตว ในเวลาส้นิ อายุ ไดเสดจ็ ไปตามยถากรรมแลว ฝา ยพระโพธสิ ัตวก ็ไปตามยถากรรมเหมอื นกัน. พระศาสดาตรสั วา ดูกอ นภิกษุท้งั หลายเรารอู ธั ยาศัยของภกิ ษุนใ้ี นบดั น้ี เทา นั้น หามิได แมใ นกาลกอ นก็รูเ หมือนกัน คร้นั ทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้มี าสืบตอ อนุสนธิแลว จึงทรงประชมุ ชาดกวา มา นงคลในกาลนน้ั .ไดเปนภิกษรุ ูปนี้ พระราชาในกาลนัน้ ไดเ ปน พระอานนท สวนอาํ มาตยผเู ปน บัณฑิตในกาลนัน้ ไดเ ปนเราตถาคตแล. จบติฏฐชาดกท่ี ๕

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 299 ๖. มหิลามุขชาดก วา ดวยการเสี้ยมสอน [๒๖] พระยาชางชื่อมหิลามุข ไดเ ทย่ี วทุบตีคน เพราะไดคําของพวกโจรมากอ น พระยาชางผูอุดมตง้ั อยูใ นคณุ ทั้งปวง เพราะไดฟ ง คาํ ของทา นผสู าํ รวมดี แลว. จบมหลิ ามขุ ชาดกท่ี ๖ ๖. อรรถกถามหิลามขุ ชาดก พระศาสดาเมือ่ ประทับ อยใู นพระวิหารเวฬวุ ัน ทรงปรารภพระเทวทัตจึงตรสั พระธรรมเทศนาน้มี คี าํ เริ่มตนวา โปราณโจราน วโจ นิสมฺมดังนี้ ความพิศดารวา พระเทวทัตทาํ ใหอ ชาตศตั รูกุมารเลื่อมใสแลว ยงัลาภสกั การะใหเกดิ ข้นึ อชาตศัตรกู ุมารใหสรา งวหิ ารท่ีตาํ บลคยาสสี ะเพื่อพระ-เทวทัต แลว นาํ ไปเฉพาะโภชนะขา วสาลมี ีกลิ่นหอมซึง่ เก็บไว ๓ ป วันละ ๕๐๐สํารบั โดยรสเลศิ ตางๆ เพราะอาศยั ลาภสกั การะ. บรวิ ารของพระเทวทตั จงึใหญขน้ึ พระเทวทตั พรอมทง้ั บริวารอยูในวิหารน่นั แหละ. สมัยนั้น มีสหาย ๒คนผูเปนชาวเมอื งราชคฤห ในสองสหายนัน้ คนหน่งึ บวชในสํานกั ของพระ-ศาสดา คนหนึ่งบวชในสาํ นกั ของพระเทวทัต สหายท้ังสองนนั้ ยอ มเห็นกัน

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 300และกันแมใ นทน่ี ั้นๆ แมไ ปวิหารกย็ งั เหน็ กัน อยูมาวนั หน่งึ ภกิ ษผุ ูเปน นสิ ิตของพระเทวทัตกลา วกะภิกษนุ อกน้วี า ผูม อี ายุ ทานจะเท่ียวบณิ ฑบาตมเี หงอื่ไหลอยูท กุ วัน ๆ ทาํ ไม ทานนั่งในวิหารท่ีตําบลคยาสสี ะเทานัน้ จะไดบ ริโภคโภชนะดดี ว ยรสเลิศตา งๆ ขาวปายาสเหน็ ปานนไ้ี มม ีในวหิ ารนี้ ทานจะมัวเสวยทุกขอยูทาํ ไม ประโยชนอะไรแกทานการมายงั คยาสีสะแตเ ชาตรูแลว ดมื่ ขา วยาคูพรอ มดว ยแกงออม เค้ยี วของควรเคีย้ ว ๑๘ ชนิด แลวบรโิ ภคโภชนะดดี วยรสเลศิ ตาง ๆ ไมควรหรอื ภกิ ษนุ ัน้ ถกู พูดบอย ๆ เปนผปู ระสงคจะไป จาํ เดมิแตน ัน้ จงึ ไปยังคยาสีสะบรโิ ภคแลวกม็ ายงั พระเวฬุวนั ตอ เม่ือเวลาสาย ภิกษุนัน้ไมอาจปกปดไวไ ดตลอดไป ไมช า นัก ขา วก็ปรากฏวา ภกิ ษุนัน้ ไปคยาสสี ะบรโิ ภคภัตทีเ่ ขาอุปฏฐากพระเทวทตั . ลําดบั นน้ั สหายทัง้ หลายพากันถามภิกษุนัน้ วา ผมู ีอายุ ไดย นิ วา ทา นบริโภคภัตที่เขาอปุ ฏ ฐากแกพ ระเทวทัตจริงหรอื ?ภกิ ษุนนั้ กลา ววา ใครกลาวอยา งนี้ สหายเหลา น้นั กลาววา คนโนนและคนโนน กลา ว ภิกษนุ ้ันกลา ววา ผมู ีอายุท้ังหลาย ผมไปยังคยาสสี ะบรโิ ภคจริงแตพ ระเทวทัตไมไดใหภ ตั แกผม คนอนื่ ๆ ให. ภกิ ษุผูสหายกลาววา ผูมอี ายุพระเทวทัตเปนเสี้ยนหนามตอ พระพทุ ธเจา เปนผทู ุศลี ยงั พระเจา อชาตศัตรูใหเ ลอื่ มใส แลวยังลาภสกั การะใหเ กดิ แกค นโดยไมช อบธรรม ทา นบวชในศาสนาอนั เปนเครือ่ งนําออกจากทกุ ขเ ห็นปานนี้ แลวบรโิ ภคโภชนะอนั เกดิ ขึ้นแกพ ระเทวทัตโดยไมชอบธรรมเลย มาเถอะ เราทัง้ หลายจักนา้ํ ทา นไปยังสาํ นักของพระศาสดา แลว พาภกิ ษุนั้นมายังโรงธรรมสภา พระศาสดาพอทรงเห็นภิกษนุ ัน้ เทานัน้ จงึ ตรสั ถามวา ภกิ ษทุ ้งั หลาย พวกเธอพาภกิ ษุน้ี ผไู มปรารถนา มาแลว หรือ ? ภิกษทุ งั้ หลายกราบทลู วา พระเจาขา ขา แตพระองคผูเจริญ ภิกษุน้ีบวชในสาํ นกั ของพระองค แลว บริโภคโภชนะอนั เกดิ ขึ้นแกพระเทวทตั โดยไมช อบธรรม พระศาสดาตรสั ถามวา ดกู อ นภิกษุ ไดย นิ วา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook