พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 201พนกั งานตีราคา ดาํ รงอยตู ลอดกาลมปี ระมาณเทา น้ี ณ ทไ่ี หนกนั ทานเหมาะสมแกพ ระราชาของพวกเราทีเดียว. ครัง้ นนั้ พระราชาทรงละอาย ใหฉดุ คราบรุ ุษโงนนั้ ออกไป แลว ไดพระราชทานตําแหนง พนักงานตรี าคาแกพระโพธ-ิสัตวต ามเดิม. พระโพธสิ ตั วไดไ ปตามยถากรรม. พระศาสดาคร้นั ทรงนําพระธรรมเทศนานีม้ าแลว ตรัสเร่ือง ๒ เร่อื งสืบอนสุ นธติ อกันไป แลว ทรงประชมุ ชาดกวา พนกั งานตรี าคาผเู ปน ชาวบานโงเ ขลาในกาลนนั้ ไดเปน พระโลฬทุ ายีในบัดนี้ พนักงานตรี าคาผเู ปนบัณฑติในกาลน้ัน ไดเปน เราเอง. จบ ตณั ฑลุ นาฬชิ าดกท่ี ๕ ๖. เทวธรรมชาดก วา ดวยธรรมของเทวดา [๖] สัปบุรุษผูสงบระงับ ประกอบดวยหริ ิและ โอตตัปปะ ตัง้ มน่ั อยูในธรรมอันขาว ทา นเรยี กกวาผมู ี ธรรมของเทวดาในโลก. จบเทวธรรมชาดกที่ ๖
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 202 ๖. อรรถกถาเทวธรรมชาดก พระผมู พี ระภาคเจา เมอ่ื ประทบั อยใู นพระวหิ ารเชตวัน ทรงปรารภภกิ ษผุ มู ีภณั ฑะมาก จึงตรัสพระธรรมเทศนานม้ี คี ําเร่ิมตนวา หริ โิ อตฺตปปฺ -สมฺปนฺนา ดงั นี้. ไดย นิ วา กุฎม พีชาวเมืองสาวัตถคี นหนง่ึ เมอื่ ภรรยาตายก็บวชกฎุ มพ-ีน้ัน เมื่อจะบวชไดใ หท ําบริเวณ โรงไฟและหองเกบ็ สิ่งของ ทําหอ งเกบ็ สิง่ของใหเ ต็มดวยเนยใสและขา วสารเปน ตน สําหรับคนแลวจงึ บวช กแ็ หละครน้ับวชแลว ใหเรียกทาสของตนมา ใหหงุ ตม อาหารตามชอบใจ แลวจึงบรโิ ภคและไดเปน ผูมบี รขิ ารมาก ในเวลากลางคนื มผี านงุ และผา หมผนื หนึ่ง เวลากลางวัน มอี กี ผืนหน่งึ อยูทายวหิ าร วนั หนึง่ เมือ่ ภิกษนุ น้ั นาํ จวี รและเครอื่ งปลู าดเปน ตน ออกมาคลี่ตากไวใ นบรเิ วณ ภิกษุชาวชนบทมากดว ยกัน เทยี วจาริกไปตามเสนาสนะ ไปถึงบริเวณ เห็นจีวรเปน ตน จงึ ถามวา จีวรเปนตนเหลา นัน้ ของใคร ? ภิกษุนั้นกลา ววา ของผมครบั ทา นผูมอี ายุ. ภิกษุเหลา นัน้ถามวา จวี รนก้ี ็ดี ผา นุง นกี้ ด็ ี เครือ่ งลาํ ตนก็ดี ทั้งหมดเปนของทา นเทานน้ัหรอื ? ภกิ ษนุ น้ั กลา ววา ขอรับ เปน ของผมเทาน้ัน. ภกิ ษุทง้ั หลายกลาววาทา นผมู ีอายุ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงอนญุ าต ไตรจวี รมใิ ชห รอื ทานบวชในศาสนาของพระพุทธเจาผมู กั นอ ยอยา งนี้ เกดิ เปนผูมบี รวิ ารมากอยางน้ี มาเถดิ ทาน พวกเราจักนาํ ไปยงั สํานกั ของพระทศพล แลว ไดพ าภกิ ษนุ น้ั ไปยังสํานกั ของพระศาสดา พอทรงเห็นภกิ ษนุ ัน้ เทา นน้ั จงึ ตรัสวา ภิกษทุ ัง้ หลาย เธอทง้ั หลายเปน ผูพาภิกษผุ ไู มปรารถนานัน้ แลมาแลวหรือ. ภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทลูวา ขาแตพ ระองคผ เู จรญิ ภกิ ษนุ ีม้ ภี ณั ฑะมากมีบริขารมาก พระเจา ขา
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 203พระศาสดาตรสั ถามวา ดกู อนภกิ ษุ ไดย ินวา เธอมีภณั ฑะมากจริงหรือ ?ภิกษนุ น้ั กราบทลู วา ขา แตพ ระผมู ีพระภาคเจา จริงพระเจา ขา. พระศาสดาตรสั วา ดกู อ นภิกษุ กเ็ พราะเหตไุ รเธอจงึ เปนผูม ีภัณฑะมาก เรากลาวคณุของความเปน ผูม ักนอ ย ความเปนผสู นั โดษ ความสงัด เเละการปรารภความเพยี ร มิใชห รือ. ภิกษนุ นั้ ไดฟ ง พระดํารัสของพระศาสดาก็โกรธคดิ วา บดั น้ีเราจักเทีย่ วไปโดยทาํ นองน้ี จึงท้งิ ผา หม มีจวี รผนื เดียว ยืนอยูในทา มกลางบรษิ ทั . ลําดบั นั้น พระศาสดาเมอื่ จะทรงอุปถัมภภิกษนุ ้นั จึงตรสั วา ดูกอนภิกษุ เมื่อกอน แมใ นกาลเนื้อเปนผเี สอื้ นา ผูแสวงหาหิริโอตตัปปะ เธอแสวงหาหริ ิโอตตปั ปะอยถู ึง ๑๒ ป เมอ่ื เปนเชน นั้น เพราะเหตไุ รในบดั นี้ เธอบวชในพระพุทธศาสนาอนั เปน ทเี่ คารพตา งน้ี จึงทิ้งผา หมในทา มกลางบริษัท ละหิรโิ อตตัปปะยนื อยเู ลา. ภิกษุน้นั ไดฟ ง พระดาํ รัสของพระศาสดา ไดยงั หริ -ิโอตัปปะใหกลบั ต้งั ข้ึน. จงึ หม จีวรน้ันแลว ถวายบังคมพระศาสดานง่ั ณ สว นขา งหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายทลู ออนวอนพระผูมพี ระภาคเจา เพือ่ ทรงยังเร่อื งนนั้ใหแ จม แจง. พระผพู ระภาคเจาไดท รงกระทาํ เหตอุ นั ระหวา งภพปกปดไวใหปรากฏ ดงั ตอ ไปน้ี ในอดตี กาล ไดมพี ระราชาพระนามวา พรหมทตั ในนครพาราณสีในแควนกาส.ี ในกาลนน้ั พระโพธสิ ัตวถือปฏสิ นธใิ นพระครรภของพระอคั ร-มเหสีของพระเจา พรหมทตั นนั้ . เม่อื ครบทศมาส พระนางประสูตพิ ระโอรส.ในวนั เฉลมิ พระนามของพระโอรสน้ัน พระญาติทง้ั หลายไดตงั้ พระนามวามหิสสาสกุมาร ในกาลท่ีพระกุมารนน้ั ทรงวง่ิ เลนได พระโอรสองคอ่นื ก็ประสูติ พระญาตทิ ้งั หลายต้งั พระนามของพระโอรสนนั้ วา จนั ทกมุ าร. ในเวลาท่ีพระจนั ทกมุ ารน้นั ทรงวิง่ เลนได พระมารดาของพระโพธิสัตวก ็สวรรคต พระราชาทรงต้ังพระสนมอน่ื ไวใ นตาํ แหนง พระอคั รมเหส.ี พระอัคร-
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 204มเหสีนั้น ไดเ ปนทร่ี ักเปน ทโ่ี ปรดปรานของพระราชา. พระอัครมเหสแี มน น้ัทรงอาศยั การอยรู วมกันก็ประสูตพิ ระโอรสองคห นึ่ง. พระญาตทิ ง้ั หลายไดต้ังพระนามของพระโอรสนน้ั วา สรุ ยิ กมุ าร. พระราชาทรงเหน็ พระโอรสแลวมีพระหฤทยั ยินดีตรัสวา นางผูเจรญิ เราใหพรแกบตุ รของเธอ. พระเทวเี กบ็ไวจ ะรับเอาในเวลาตองการพรน่นั . เมอื่ พระโอรสเจรญิ วัยแลว พระนางกราบทูลพระราชาวา ขา แตสมมตเิ ทพ ในกาลท่ีพระโอรสของหมอมฉนั ประสตู ิพระองคท รงประทานพรไวมใิ ชห รอื ขอพระองคจ งประทานราชสมบตั ิแกพระ-โอรสของหมอ มฉนั . พระราชาทรงหา มวา พระโอรสสองพระองคของเรารงุ เรือ่ งอยูเหมอื นกองเพลิง เราไมอ าจใหร าชสมบัตแิ กโ อรสของเธอ ทรงเห็นพระนางออนวอนอยบู อย ๆ ทรงพระดาํ ริวา พระนางนจี้ ะพึงคดิ แมก รรมอนัลามกแกโอรสท้งั หลายของเรา จงึ รับส่ังใหเ รียกพระโอรสท้งั สองมาแลวตรสั วาพอ ทง้ั สอง ในเวลาทีส่ ุรยิ กมุ ารประสตู ิ พอ ไดใ หพรไว บดั น้มี ารดาของสุรยิ -กุมารนนั้ ทูลขอราชสมบัติ พอ ไมประสงคจ ะใหแกสุรยิ กมุ ารนนั้ ธรรมดามาตุคาม ผลู ามกจะพงึ คดิ แมส ่งิ อนั ลามกแกพ วกเจา เจาทั้งสองตองเขา ปา ตอเมื่อพอลวงไปแลว จงครองราชสมบตั ิในนครอนั เปนของมีอยขู องตระกลู แลวทรงกนั แสง ครา่ํ คราญจมุ พติ ที่ศรี ษะแลว ทรงสง ไป. สรุ ยิ กุมารทรงเลน อยูที่พระลานหลวง เหน็ พระโอรสทงั้ สองนั้นถวายบังคมพระราชบิดาแลวลงจากปราสาท ทรงเหน็ เหตนุ ้นั จงึ คดิ วา แมเรากจ็ กั ไปกบั พระเจาพ่ีทง้ั สอง จึงออกไปพรอ มกบั พระโอรสทง้ั สองน้นั เอง พระโอรสเหลานั้นเสดจ็ เขา ไปยังปาหิมพานต. พระโพธิสัตวแวะลงขางทางประทบั นง่ั ท่โี คนไม เรียกสุรยิ กุมารมาวาพอสรุ ยิ ะ. เจา จะไปยงั สระน้นั อาบและดมื่ แลว จงเอาใบบัวหอนํ้าดม่ื มาแมเพ่ือเราทัง้ สอง กส็ ระน้นั เปนสระที่ผเี สอ้ื นํา้ ตนหน่ึงไดพ รจากสํานักของทา วเวสวัณ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 205ทา วเวสวณั ตรัสกะผีเส้ือนํา้ นนั้ วา เจาจะไดกินคนที่ลงยงั สระน้ี ยกเวนคนที่รูเทวธรรมเทานนั้ เจา จะไมไ ดก ินคนท่ีไมไดลง ตัง้ แตน ้นั รากษสน้นั จึงถามเทวธรรมกะคนทล่ี งสระน้นั แลวกินคนที่ไมรเู ทวธรรม ลาํ ดบั นัน้ แล สุรยิ กุมารไปยงั สระนน้ั ไมไดพ จิ ารณาเลยลงไปอยู ลาํ ดับนน้ั รากษสนั้นจับสุรยิ กมุ ารน้นัแลวถามวา ทา นรเู ทวธรรมหรือ ? สรุ ิยกุมารนั้นกลา ววา เออ ฉนั รู พระ-จันทรและพระอาทติ ย ชอ่ื วา เทวธรรม ลาํ ดับน้นั รากษสนัน้ จงึ กลา วกะสรุ ิยกุมารนั้นวา ทา นไมร จู กั เทวธรรม แลว พาดาํ ไปพักไวในท่ีอยขู องตน ฝา ยพระโพธิสตั วเหน็ สุริยกุมารน้ันชักชา อยู จงึ สง จันทกมุ ารไป แมร ากษสกจ็ บัจนั ทกุมารนน้ั แลวถามวา ทานรูเทวธรรมไหม ? จันทกุมารกลา ววา เออ ฉนัรู ทศิ ท้งั ๔ ชอื่ วาเทวธรรม รากษสกลาววา ทา นไมร ูเทวธรรม แลว พาจนั ทกมุ ารแมน น้ั ไปไวใ นทอ่ี ยูของตนน้ันน่นั แหละ. เมอื่ จันทกมุ ารลา ชาอยูพระโพธิสตั วค ิดวา อันตรายอยา งหนึ่งจะพงึ มี จึงเสดจ็ ไปท่ีสระน้ันดว ยพระ-องคเอง เห็นรอยเทา ลงของพระอนุชาแมท ัง้ สองจึงดาํ รวิ า สระนี้คงเปน สระที่รากษสหวงแหน จึงไดสอดพระขรรคถ อื ธนยู นื อย.ู ผเี สือ้ น้ําเห็นพระโพธสิ ัตวไมลงน้ํา จงึ แปลงเปน เหมอื นบุรษุ ผทู ํางานในปา กลาวกะพระโพธสิ ตั ววาบุรษุ ผเู จรญิ ทา นเหน็ดเหนื่อยในหนทาง เพราะเหตุไร จงึ ไมลงสระนี้ อาบดื่ม กินเหงาบวั ประดบั ดอกไมไ ปตามสบาย พระโพธิสตั วเห็นดงั นัน้ รูวาผนู ้จี กั เปนยักษ จึงกลา ววา ทา นจับนองชายของเรามาหรอื . ผเี ส้อื น้ํากลา ววาเออ เราจับมา. พระโพธสิ ัตวถ ามวา เพราะเหตุไร. ผเี สอ้ื นาํ้ กลาววา เรายอ มไดค นผูลงยงั สระนี.้ พระโพธสิ ัตวถ ามวา ทานยอมไดท ้งั หมดทีเดียวหรือ ?ผีเสอ้ื นํ้ากลาววา เราไดท ัง้ หมด ยกเวน คนท่ีรูเทวธรรม. พระโพธสิ ัตวน ั้นตรัสถามวา ทา นมีความตอ งการเทวธรรมหรอื ? ผเี สอื้ นาํ้ กลา ววา เออมคี วามตองการ. พระโพธสิ ตั วตรสั วา ถา เม่อื เปน อยางน้ัน เราจกั บอกเทวธรรมแก
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 206ทา น. ผีเสอ้ื นํ้ากลาววา ถาอยางนน้ั ทานจงบอก เราจักฟงเทวธรรม. พระโพธ-ิสัตวต รสั วา แตเรามตี วั สกปรก. ยักษจ ึงใหพ ระโพธิสัตวอาบนา้ํ ใหด่มื นํ้า ใหประดบั ดอกไมใ หล ูบไลของหอม ไดลาดบลั ลงั กใ หในทามกลางปะรําทป่ี ระดบัแลว. พระโพธสิ ตั วประทบั น่งั บทอาสนะ ใหยักษน ั่งแทบเทาแลว ตรสั วาถา อยางน้ันทา นจงเงยี่ โสตฟงพระธรรมโดยเคารพ แลวตรัสพระคาถาน้วี า สัปบุรุษผูสงบระงับ ประกอบดวยหริ ิและโอต- ตปั ปะ ตั้งม่นั อยใู นธรรมอันขาว ทา นเรียกวาผมู ี เทวธรรมในโลก. บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา หิรโิ อตตฺ ปฺปสมฺปนฺนา แปลวา ผูประกอบดว ยหริ ิ และโอตตปั ปะ บรรดาหิรแิ ละโอตตปั ปะเหลานน้ั ท่ชี อ่ื วาหริ ิ เพราะละอายแตก ายทจุ ริต เปนตน คาํ วา หิริ น้ี เปน ชือ่ ของความละอาย. ทีช่ ือ่ วา โอตตัปปะ เพราะกลัวแตกายทจุ ริตเปน ตน นั้นน่นั แหละ คาํ วาโอตตปั ปะนี้ เปน ช่ือของความกลัวแตบาป บรรดาหริ แิ ละโอตตัปปะนัน้หิริมีสมฏุ ฐานทีต่ ัง้ ขนึ้ ภายใน โอตตัปปะมสี มฏุ ฐานทตี่ ง้ั ข้ึนภายนอก. หริ ิ มตี นเปน ใหญ โอตตัปปะมีโลกเปน ใหญ หิริดํารงอยูในสภาวะอนั นา ละอาย โอต-ตปั ปะดาํ รงอยใู นสภาวะอนั นากลวั หิรมิ ลี กั ษณะยาํ เกรง โอตตัปปะมีลักษณะโทษและเห็นภยั บรรดาหริ ิและโอตตปั ปะนนั้ บุคคลยอ มยังหิรอิ นั มสี มฏุ ฐานเปน ภายใน ใหต้ังข้นึ ดวยเหตุ ๔ ประการ เพราะพจิ ารณาถึงชาตกิ าํ เนดิ ๑ พจิ ารณาถงึ วัย ๑ พิจารณาถึงความกลาหาญ ๑ พจิ ารณาถงึ ความเปน พหูสตู อยา งไร ?บุคคลพิจารณาถงึ ชาตกิ าํ เนิดกอ นอยา งนวี้ า ชอ่ื วาการกระทําบาปน้ี ไมเปนกรรมของคนผูส มบรู ณด ว ยชาติ เปนกรรมของตนผมู ชี าติต่ํามีพรานเบ็ดเปนตนจะฟงการทํา บุคคลผสู มบูรณด ว ยชาติเชน ทา นไมควรการทํากรรมน้ี แลว ไม
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 207ทําบาปมปี าณาติบาตเปน ตน ชอ่ื รา ยงั หิรใิ หต้ังข้นึ อน่ึง บคุ คลพจิ ารณาถึงวัยอยางนว้ี า ช่อื วาการกระทําบาปนเ้ี ปน กรรมทค่ี นหนมุ ๆ พงึ กระทาํ กรรมนอ้ี นัคนผูต ้ังอยใู นวยั เชน ทา นไมควรกระทํา แลว ไมกระทําบาป มปี าณาติบาตเปนตน ช่อื วา ยังหิรใิ หตัง้ ขนึ้ แมอนง่ึ บคุ คลพิจารณาถงึ ความเปน ผกู ลา หาญอยางนี้วา ชอ่ื วา การกระทําบาปน้ี เปน กรรมของคนผมู ชี าตอิ อนแอ กรรมน้ีบคุ คลผส มบูรณด ว ยความกลา หาญเชนทา น ไมควรกระทาํ แลวไมก ระทาํ บาปมปี าณาตบิ าตเปน ตน ชอื่ วายังหริ ิใหฝูงชน อนึง่ บุคคลพจิ ารณาความเปนพหสู ตู อยางนี้วา ช่ือวา การกระทาํ บาปนี้เปนกรรมของตนอนั ธพาล กรรมนี้อนัคนผูเปน พหูสตู เปนบัณฑิตเชนทา น ไมค วรการทาํ แลว ไมกระทาํ บาปมีปาณาติบาตเปนตน ช่อื วายงั หริ ิใหต ้งั ขน้ึ บุคคลชอ่ื วายงั หริ ิอนั มีสมุฏฐานภายในใหต ้งั ขึ้นดวยเหตุ ประการอยา งนี.้ ก็แหละ ครน้ั ใหต้ังข้นึ แลว ยงั หริ ใิ หเขาไปในจิตไมกระทําบาปดวยคน หิริยอมชอื่ วามีสมฏุ ฐานภายในอยางน้.ี โอตตัปปะชือ่ วา มสี มฏุ ฐานภายนอกอยางไร ? บคุ คลพิจารณาวา ถาทา นจกั ทําบาปไซร ทานจักเปนผูถกู ติเตียนในบริษัท ๔ และวา วิญชู นท้ังหลายจักติเตยี นทา นเหมอื นชาวเมือง ตเิ ตียนของไมส ะอาด ดกู อ นภกิ ษุ ทานอันผูมศี ลี ทั้งหลายเวนหา งแลว จกั กระทําอยางไร ดังน้.ียอ มไมก ระทาํ บาปกรรม เพราะโอตตปั ปะอันตั้งข้ึนภายนอก โอตตปั ปะยอ มช่ือวามีสมฏุ ฐานภายนอกอยางน.ี้ หริ ิช่ือวา มีตนเปน ใหญอ ยา งไร กุลบตุ รบางตนในโลกน้ี กระทาํ ตนใหเปน ใหญใ หเปน หัวหนา ไมกระทําบาปดว ยคดิ วา บคุ คลผูบวชดว ย ศรทั ธาเปน พหูสตู มวี าทะ [คอื สอน] ในการกําจดั กิเลสเชนทาน ไมควรกระทําบาปกรรม หริ ิยอมชอื่ วามตี นเปนใหอยางนี้ ดว ยเหตุนัน้ พระผมู พี ระภาคเจาจึง
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 208ตรสั วา บุคคลนั้น กระทําคนนน่ั แหละใหเ ปนใหญ ละอกศุ ล เจรญิ กศุ ลละธรรมท่มี โี ทษ เจริญธรรมทีไ่ มม ีโทษ บริหารตนใหห มดจดอย.ู โอตตปั ปะชอ่ื วามีโลกเปนใหญอยางไร ? กลุ บตุ รบางตนในโลกนี้กระทาํ โลกใหเ ปน ใหญ ใหเ ปนหวั หนา แลว ไมก ระทาํ บาปกรรม สมดังทีต่ รสัไวว า กโ็ ลกสนั นวิ าสนีใ้ หแล อน่ึง สมณพราหมณท้ังหลายผมู ฤี ทธิ์ มที ิพย-จกั ษุ รจู ติ ของผูอ น่ื อยูใ นโลกสนั นิวาสอันใหญแ ล สมณพราหมณเ หลา น้ันยอมเหน็ ในท่ไี กลบา ง เห็นในที่ใกลบา ง รจู ิตดว ยจติ บาง สมณพราหมณแ มเหลานน้ั ยอมรูเราอยา งน้วี า ทา นผเู จริญ ทา นทัง้ หลายจงดูกลุ บตุ รน้ี เขามีศรัทธาออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชิตเกลือกกลว้ั ดวยอกุศลธรรมอนั ลามกอยูเทวดาทั้งหลายผมู ฤี ทธ์ิ มที ิพยจักษุ รจู ติ ของผูอน่ื มีอยู แมเ ทวดาเหลานั้นยอ มเหน็ แตท ่ไี กลบา ง ยอ มเห็นในที่ใกลบา ง ยอ มรใู จดวยใจบา ง แมเทวดาเหลา น้ันกจ็ กั รเู ราวา ทา นผเู จรญิ ทานท้ังหลายจงดูกุลบตุ รนี้ เขามศี รัทธาออกจากเรอื นบวชเปนบรรพชติ ไมม ีเรือน เกลอื กกล้ัวดว ยอกุศลธรรมอันลามกอยู เขากระทําโลกนั่นแลใหเ ปน ใหญ ละอกศุ ลเจริญกุศล ละธรรมอันมีโทษเจรญิ ธรรมอนั ไมม โี ทษ บริหารคนใหหมดจดอยู โอตตปั ปะยอมชอ่ื วา มโี ลกเปนใหญอยางน.้ี ก็ในคําวา หริ ิต้ังอยูใ นสภาวะนา้ํ ละอาย โอตตปั ปะตั้งอยใู นสภาวะนากลัว นี้ มีวินิจฉยั ดังตอไปนี้. อาการละอาย ชือ่ วา ความละอาย หริ ติ ัง้ อยูโดยสภาวะอนั น้ัน ความกลวั แตอ บายช่ือวา ภัย โอตตปั ปะตง้ั อยูโดยสภาวะอันนัน้ . หริ แิ ละโอตตปั ปะแมท ง้ั สองนั้น ยอมปรากฏในการงดเวน ทุกบาป จรงิ อยู บุคคลบางคนกาวลงสธู รรมคือความละอายอันเปน ภายใน ไมก ระทาํ บาปธรรม เหมอื นกลุ บตุ รเมอ่ืจะถา ยอุจจาระ ปส สาวะ เปน ตน เห็นคนหน่งึ อนั ควรละอาย พงึ เปนผถู ึง
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 209อาการละอาย ถูกอุจจาระ ปส สาวะบีบคั้นจนอาจมเลด็ ก็ถายอจุ จาระ ปส สาวะไมได ฉะนน้ั บคุ คลบางคนกลัวภยั ในอบายจงึ ไมก ระทาํ บาปกรรม ในขอนัน้มคี วามอปุ มาดังตอไปน:ี้ - เหมือนอยา งวา ในกอนเหล็ก ๒ กอน กอนหนึง่ เยน็ แตเ ปอ นคถูกอนหนง่ึ รอน ไฟติดโพลง. ในกอนเหลก็ ๒ กอ นน้ัน บัณฑติ เกลียดไมจบักอ นเย็น เพราะกอ นเย็นเปอ นคูถ ไมจ บั กอ นรอ น เพราะกลวั ไฟไหมฉ ันใด.ในขอ ทวี่ าดว ยหริ แิ ละโอตตัปปะนัน้ กฉ็ ันน้ัน พึงทราบการหยงั่ ลงสลู ัชชีธรรมอันเปน ภายในแลว ไมทาํ บาปกรรม เหมอื นบณั ฑิตเกลียดกอนเหล็กเย็นทเี่ ปอ นคูถจึงไมจับ และพงึ ทราบการไมท ําบาปเพราะกลวั ภยั ในอบาย เหมือนการทบ่ี ณั ฑติไมจบั กอนเหลก็ รอน เพราะกลวั ไหมฉะนั้น. แมบททั้งสองน้ที ่วี า หริ ิมลี ักษณะยาํ เกรง โอตตปั ปะมลี ักษณะกลวัโทษและเหน็ ภัย ดงั นี้ ยอมปรากฏเฉพาะในการงดเวนจากบาปเทานั้น. จรงิอยู. คนบางคนยงั หิริอนั มลี กั ษณะยาํ เกรงใหเกดิ ขึ้นดวยเหตุ ๔ ประการ คอืพิจารณาถึงความเปนใหญโดยชาติ ๑ พิจารณาถงึ ความเปน ใหญแ ตงพระศาสดา ๑ พจิ ารณาถงึ ความเปน ใหญโ ดยทรพั ยมรดก ๑ และพิจารณาถงึ ความเปน ใหญแ หงเพ่ือนพรหมจารี ๑ แลวไมท าํ บาป. คนบางคนยงั โอตตัปปะอนั มีลักษณะกลวั โทษและมักเห็นภยั ใหต ั้งขน้ึดวยเหตุ ๔ ประการ คอื ภยั ในการติเตยี นตน ๑ ภัยในการท่คี นอนื่ติเตยี น ๑ ภัยคืออาชญา ๑ และภัยในทคุ ติ ๑ แลว ไมท ําบาป ในขอท่ีวาดวยหริ ิโอตตัปปะนน้ั พงึ กลา วการพจิ ารณาความเปนใหญโ ดยชาติเปนตนและภัยในการติเตยี นตนเปนตน ใหพ สิ ดาร ความพิศดารของการพจิ ารณาความเปน ใหญโ ดยชาตเิ ปนตน เหลา นน้ั ไดก ลาวไวแ ลว ในอรรถกถาอังคตตร-นกิ าย.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 210 บทวา สุกกฺ ธมฺมสมาหติ า ความวา กุศลธรรมท่คี วรกระทํามีหิริโอตตปั ปะน้แี หละเปน ตน ไป ชื่อวา สุกกธรรม ธรรมขาว เม่ือวาโดยนัยที่รวมถือเอาทัง้ หมด สุกกธรรมนนั้ กค็ ือธรรมอนั เปน โลกิยะและโลกุตระอนั เปน ไปในภมู ิ ๔ ทป่ี ระกอบแลว ประกอบพรอ มแลว ดวยหิรแิ ละโอตตัปปะทง้ั สองนัน้ .บทวา สนฺโต สปฺปุรสิ า โลเก ความวา ช่ือวาผูสงบระงับ เพราะกายกรรมเปนตนสงบระงับแลว ชอื่ วา เปน สัปบุรษุ เพราะเปนบุรษุ ผงู ดงามดวยความกตัญกู ตเวที. ก็ในบทวา โลเก นี้ โลกมหี ลายโลก คือ สงั ขารโลก สัตวโลกโอกาสโลก ขันธโลก อายตนโลก และธาตุโลก. ในโลกเหลานั้น สงั ขารโลกทา นกลาวไวในประโยคนวี้ า โลกหน่งึ คอื สัตวท ้ังปวงดาํ รงอยูไดด วยอาหาร ฯลฯโลก ๑๘ คอื ธาตุ ๑๘. โลกมีขันธโลกเปน ตน รวมอยใู น สังขารโลกน่ันแหละ.สว นสัตวโลกทา นกลา วไวในประโยคมอี าทวิ า โลกน้ี โลกหนา เทวโลกมนษุ ยโลก. โอกาสโลกทานกลาวไวในประโยคนวี้ า พันโลกธาตมุ ีประมาณเพยี งทพี่ ระจนั ทรและ พระอาทิตยเวยี นสอ งสวา งไปทว่ั ทศิ อํานาจของพระ- องคย อมแผไปในพันโลกธาตนุ นั้ . บรรดาโลกเหลานนั้ ในทนี่ ปี้ ระสงคเ อาสตั วโลก จริงอยใู นสัตวโ ลกเทานั้น มสี ปั บุรุษเห็นปานน้ี สปั บรุ ษุ เหลา น้นั ทานกลา ววา มเี ทวธรรม. บทวาเทว ในบทวา เทวธมมฺ า นน้ั เทพมี ๓ ประเภท คอื สมมติเทพ.อปุ บัติเทพ ๑ และวสิ ทุ ธิเทพ ๑ บรรดาเทพเหลานัน้ พระราชาและพระ-ราชกมุ ารเปน ตน ช่อื วาสมมตเิ ทพ เพราะชาวโลกสมมตวิ าเปนเทพ จําเดมิแตค ร้ังพระมหาสมมติราช. เทวดาผอู ุปบัติในเทวโลก ชื่อวา อุปบตั เิ ทพ.พระขีณาสพ ช่ือวา วสิ ุทธิเทพ.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 211 สมจริงดังทตี่ รสั ไวว า พระราชา พระราชเทวี พระราชกุมารชื่อวา สมมติเทพ. เทพสูง ๆ ข้นึ ไปตัง้ แตภุมมเทวดาไป ช่ือวาอปุ บติเทพ ? พระพทุ ธเจา พระปจเจกพุทธเจา และพระขณี าสพ ชอื่วา วสิ ทุ ธเิ ทพ. ธรรมของเทพเหลา น้ี ชื่อวา เทวธรรม. บทวา วจุ จฺ เร แปลวา ยอ มกลา ว จริงอยู กุศลธรรมทง้ั หลายมีหิริโอตตปั ปะเปน มูล ชอ่ื วา เปนธรรมของเทพทง้ั ๓ ประเภทเหลานี้ เพราะอรรถวา เปนเหตแุ หงกุศลสมั ปทา แหง การเกิดในเทวโลกและแหงความหมดจดเพราะเหตนุ น้ั จงึ ช่ือวาเทวธรรม แมบ ุคคลผปู ระกอบดวยเทวธรรมเหลา นน้ักเ็ ปน ผูมเี ทวธรรม เพราะฉะนน้ั พระผมู พี ระภาคเจา เมอ่ื จะทรงแสดงธรรมเหลานั้น ดวยเทศนาอันเปนบคุ คลอธิษฐานจึงตรสั วา สัปบรุ ษุ ผูสงบระงบัเรียกวา ผมู เี ทวธรรมในโลก. ยักษครั้นไดฟ ง ธรรมเทศนาน้ี มคี วามเลื่อมใสจึงกลา วกะพระโพธิสัตววา ดูกอนบัณฑิต เราเลื่อมใสทา น จะใหน อ งชายคนหนึ่ง จะใหน าํ คนไหนมา.พระโพธิสัตวตรัสวา ทานจงนาํ นองชายคนเล็กมา. ยักษก ลา ววา ดกู อ นบณั ฑิตทานรูแตเทวธรรมอยางเดียวเทา นนั้ แตไมประพฤติในเทวธรรมเหลา นั้น.พระโพธสิ ตั วตรัสถามวา เพราะเหตุไร ? ยกั ษก ลา ววา เพราะเหตทุ ่ีทา นเวนพีช่ ายเสยี ใหนํานอ งชายมา ช่อื วาไมกระทํากรรมของผอู อ นนอ มตอผูเ จริญท่ีสดุ .พระโพธสิ ัตวตรัสวา ดกู อนยักษ เรารูเ ทวธรรมทเี ดยี ว และประพฤติในเทวธรรมเหลาน้นั เพราะวา เราทง้ั หลายเขาบา น เพราะอาศัยนอ งชายนี้ ดวยวาพระมารดาของนองชายน้ี ทูลขอราชสมบัตกิ ะพระบิดาของพวกเรา เพือ่ประโยชนแ กนองชายนี้ แตพ ระบิดาของพวกเราไมใ หพรนั้น เพือ่ จะทรงอนุรกั ษพวกเรา จงึ ทรงอนุญาตการอยปู า พระกุมารนนั้ ตดิ ตามมากบั พวกเรา.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 212แมเมื่อพวกเรากลาววา ยักษในปา กินพระกุมารน้ันเสยี แลว ใคร ๆ จักไมเชือ่ดว ยเหตุนัน้ เรากลัวแตภยั คือการครหา จึงใหน ํานอ งชายคนเล็กนั้นนั่นแหละมา.ยักษมีจิตเล่อื มใสใหส าธกุ ารแกพ ระโพธิสัตวว า สาธุ สาธุ ทา นบัณฑิต ทา นรเู ทวธรรมท้งั ปฏิบัตใิ นเทวธรรมเหลาน้นั ดังนแ้ี ลว จึงไดน ํานอ งชายแมทง้ั สองคนมาให. ลาํ ดับนัน้ พระโพธิสัตวต รสั กะยักษน ัน้ วา สหาย ทานบังเกิดเปนยกั ษมีเนอ้ื และเลอื ดของตนอ่นื เปน ภกั ษา เพราะบาปกรรมทคี่ นทําไวใ นชาติกอ น บดั นี้ ทานยงั กระทําบาปนน่ั แลชาอกี ดว ยวาบาปกรรมจักไมใหพน จากนรกเปน ตน เพราะฉะน้ัน ตงั้ แตน ้ไี ป ทานจงละบาปแลว การทําแตกศุ ล. ก็แหละไดสามารถทรมานยักษน ้นั พระโพธิสตั วน น้ั ครั้นทรมานยักษนั้นแลวเปนผอู ันยักษนั้นจัดแจงการอารกั ขาอยูใ นทีน่ ้นั นน่ั แล. วนั หนึ่ง แลดนู กั ขตั -ฤกษ รูวา พระชนกสวรรคต จงึ พายักษไ ปเมืองพาราณสี ยดึ ราชสมบัติประทานตาํ แหนงอุปราชแกพ ระจนั ทกมุ าร ประทานตําแหนงเสนาบดแี กส ุริยกมุ าร ใหสรา งท่อี ยูใ นท่ีอนั นา รน่ื รมยใหแกยกั ษ ไดท รงกระทาํ โดยประการที่ยกั ษน ัน้ ไดบ ูชาอนั เลศิ ดอกไมอันเลิศ. ของหอมอันเลิศ ผลไมอนั เลศิ และภตั อันเลศิ . พระโพธสิ ตั วครองราชสมบตั ิโดยธรรมไดเ สด็จไปตามยถากรรมแลว . พระศาสดาครน้ั ทรงนําพระธรรมเทศนาน้ีมาแลว ทรงประกาศสัจจะทงั้ หลาย ในเวลาจบสัจจะ ภกิ ษุนัน้ ดํารงอยใู นโสดาปต ตผิ ล. แมพ ระสมั มา-สมั พทุ ธเจา ก็ตรสั เร่อื ง ๒ เรอ่ื งสืบอนุสนธติ อ กนั ไป แลว ทรงประชมุ ชาดกวาผีเส้ือนํ้าในครัง้ นั้น ไดเ ปน ภกิ ษผุ ูมภี ณั ฑะมากในบดั นี้ สรุ ิยกุมารไดเ ปนพระอานนท จันทกมุ ารไดเ ปนพระสารบี ุตร สวนมหิสสาสกมุ ารผเู ปนเชฏฐาไดเปนเราเองแล. จบ เทวธรรมชาดกท่ี ๖
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 213 ๗. กฏั ฐหารชิ าดก [๗] ขาแตพ ระราชาผูเปน ใหญ ขาพระบาท เปนโอรสของพระองค ขาแตพ ระองคผ เู ปนจอมแหง หมูช น ขอพระองคไ ดทรงโปรดชุบเลย้ี งขาพระบาท ไว แมค นเหลา อืน่ พระองคยังทรงชุบเลีย้ งได ไฉนจะ ไมท รงชบุ เลีย้ งโอรสของพระองคเ องเลา. จบกัฏฐหาริชาดกที่ ๗ ๗. อรรถกถากัฏฐหารชิ าดก พระศาสดาเมื่อประทับอยใู นพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภพระนางวาสภขัตติยา จึงตรสั พระธรรมเทศนานี้ มคี าํ เรมิ่ ตน วา ปุตโฺ ต ตฺยาหมหาราช ดังน.้ี เรือ่ งพระนางวาสภขตั ตยิ า จักมีแจง ในภทั ทสาลชาดก ทวาทสนิบาต.ไดย นิ วา พระนางวาสภขัตติยาน้นั เปนพระธิดาของเจาศากยะมหานาม ประสตู ิในครรภของทาสีชอื่ วา นาคมณฑา (ตอมา) ไดเปน พระอคั รมเหสขี องพระเจาโกศล พระนางประสูติพระราชโอรส. ก็ภายหลงั พระราชาทรงทราบวาพระนางเปน ทาสจี งึ ทรงปลดจากตาํ แหนง แมว ฑิ ูฑภะผูเปนพระโอรสก็ถูกปลดจากตาํ แหนง เหมือนกัน. แมล กู แมท ้ังสองก็ต้ังอยูในพระราชนิเวศนของพระองคนนั่ แล. พระศาสดาทรงทราบเหตนุ ้นั คร้นั ในเวลาเยน็ ทรงหอม
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 214ลอมดวยภกิ ษุ ๕๐๐ เสด็จไปยังพระราชนิเวศนของพระราชา ประทับน่ังบนอาสนะที่ปลู าดไวแลวตรัสวา พระนางวาสภขตั ติยาประทบั อยทู ่ไี หน. พระราชาจงึ กราบทลู เหตนุ น้ั ใหท รงทราบ พระศาสดาตรัสถามวา มหาบพติ ร พระนางวาสภขัตติยาเปนธดิ าของใคร ? พระราชาทูลวา เปนธิดาของเจามหานามพระเจาขา. พระศาสดาตรัสถามวา เมื่อพระนางวาสภขัตติยาเสดจ็ มา เสดจ็ มาแลว เพอื่ ใคร พระราชาทลู วา เพอ่ื หมอมฉัน พระเจา ขา พระศาสดาตรัสวา มหาบพิตร พระนางวาสภขัตติยานี้ เปน ธิดาของพระราชาและมาเพื่อพระราชา เพราะอาศยั พระราชาน่ันแหละ จึงไดพระโอรส เพราะเหตไุ ร พระ-โอรสนน้ั จงึ ไมไดเปนเจาของราชสมบัติอนั เปน ของมอี ยูของพระราชบดิ า พระราชาท้ังหลายในกาลกอ น ไดพระโอรสในครรภข องหญิงหาฟน ผเู ปนภรรยาช่วั คราว ก็ยังไดพ ระราชทานราชสมบตั แิ กพ ระโอรส. พระราชาทรงขอพระผูมี-พระภาคเจา เพ่อื ตรสั เรอื่ งนัน้ ใหแ จม แจง. พระผูมีพระภาคเจาไดทรงกระทาํ เหตุอนั ระหวา งภพปกปด ไว ใหปรากฏแลว. ในอดีตกาล พระราชาพระนามวา พรหมทตั ในกรงุ พาราณสีเสด็จไปพระราชอทุ ยานดวยพระยศใหญ เสดจ็ เทย่ี วไปในพระราชอทุ ยานน้ันเพราะทรงยินดีดอกไมแ ละผลไม ทรงเหน็ หญงิ ผหู น่ึงผูขบั เพลงไปพลางตัดฟนไปพลางในปาชฎั ในพระราชอุทยาน ทรงมีจิตปฏพิ ัทธจงึ ทรงสําเร็จการอยูรวมกนั ในขณะน้ันเอง พระโพธิสตั วทรงถือปฏิสนธใิ นครรภข องหญิงน้นัทนั ใดน้นั ครรภนางไดหนักอง้ึ เหมอื นเตม็ ดว ยเพชร. นางรวู า ต้งั ครรภจงึ กราบทลู วา ขาแคส มมติเทพ หมอ มฉันตง้ั ครรภแลว เพคะ. พระราชาไดประทานพระธาํ มรงคแ ลวตรสั วา ถาเปนธิดาเจาจงจาํ หนายแหวนเล้ยี งดู ถาเปนบตุ ร เจาจงนาํ มายังสํานักของเราพรอมกับแหวน ครัน้ ตรสั แลวจงึ เสด็จหลีกไป. ฝายหญงิ น้นั มคี รรภแกแ ลว ก็ตลอดพระโพธิสตั ว. ในเวลาทพี่ ระ-
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 215โพธิสัตวนัน้ แลน อยูในสนามเลน. มคี นกลาวอยา งนีว้ า พวกเราถกู คนไมมพี อทบุ ตีแลว . พระโพธิสตั วไ ดฟงดงั นัน้ จึงไปหามารดาถามวา แมจ า ใครเปน พอ ของหนู ? มารดากลา ววา ลกู เอย เจา เปนโอรสของพระเจาพาราณสีพระโพธสิ ตั วก ลา ววา กพ็ ยานอะไร ๆ มีอยหู รือจะแม. มารดากลา ววา ลูกเอย พระราชาประทานแหวนน้ไี วแ ลวตรัสวา ถาเปนธดิ า พึงจาํ หนายเลยี้ งดูกัน ถา เปน บุตร พงึ พามาพรอ มกบั แหวนนี้ ดงั น้แี ลว กเ็ สด็จไป. พระโพธิ-สัตวกลา ววา แมจ า เม่ือเปน เชน นน้ั เพราะเหตุไร แมจ ึงไมน าํ ฉันไปยงั สํานกัของพระบดิ า. นางรูอ ัธยาศยั ของบตุ ร จงึ ไปยงั ประตูพระราชวงั ใหคนกราบทูลแกพ ระราชาใหท รงทราบ และเปน ผูอ นั พระราชารับสง่ั ใหเ ขาเฝา จงึ เขา ไปถวายบังคมพระราชาแลวกราบทลู วา ขา แตส มมตเิ ทพ ผนู ้เี ปน โอรสของพระองคพระราชาแมท รงทราบอยู กเ็ พราะทรงละอายในทา มกลางบริษัทจึงตรัสวา ไมใ ชบตุ รของเรา. หญงิ นนั้ กราบทลู วา ขา แตสมมตเิ ทพ นี้พระธาํ มรงคข องพระ-องค พระองคคงจะทรงจาํ พระธาํ มรงคน ้ีได. พระราชาตรัสวา แมพระธํามรงคน้ีกไ็ มใชธ าํ มรงคของเรา. หญงิ นน้ั กราบทูลวา ขา แตส มมติเทพ บดั น้ี เวนสจั กริ ยิ าเสยี คนอืน่ ผจู ะเปน สกั ขพี ยานของกระหมอมฉนั ยอ มไมมี ถาทารกน้ีเกิดเพราะอาศยั พระองค อนั กระหมอมฉนั เหวียงขึ้นไปแลว จงอยูในอากาศถา ไมไดอ าศัยพระองคเกดิ จงตกลงมาตายบนภาคพืน้ ดนิ แลว จับเทา ท้งั สองของพระโพธสิ ัตวเหว่ียงไปในอากาศ. พระโพธิสตั วน ั่งคูบลั ลงั กใ นอากาศ เมอ่ืจะกลาวธรรมะแกพระบดิ าดวยเสียงอนั ไพเราะ จึงตรัสพระคาถานี้วา ขา แตพระราชาผเู ปนใหญ ขาพระบาทเปน โอรสของพระองค ขาแตพระองค ผูเ ปน จอมแหง หมูชน ขอพระองคไดทรงโปรดชุบเลีย้ งขา พระบาท ไว แมคนเหลา อน่ื พระองคยงั ทรงชบุ เลีย้ งได ไฉนจะ ในทรงชุบเลย้ี งโอรสของพระองคเ องเลา .
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 216 บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา ปตุ โฺ ต ตยฺ าห ตดั บทเปน ปตุ ฺโตเต อห แปลวา ขาพระบาทเปน โอรสของพระองค. ก็ชื่อวาบตุ รนีม้ ี ๔ประเภท คือ บตุ รผูเกดิ ในตน ๑ บตุ รผเู กิดในเขต ๑. อันเตวาสิกลกู ศิษย ๑ และบตุ รเขาให ๑. บรรดาบุตร ๔ ประเภทนั้น บุตรผอู าศยั คนเกิด ชือ่ วา บุตรผูเกิดในตน. บุตรผูเกดิ ในทที่ ั้งหลายมอี าทิอยา งน้ี คอื บนหลังท่ีนอน บนบลั ลงั กแ ละท่ีอก ชอ่ื วา บตุ รผเู กิดในเขต. บุคคลผูเรียนศิลปศาสตรใ นสํานกั ชื่อวาลูกศิษย. บุตรท่ีเขาใหมาเลย้ี ง ชอ่ื วา บุตรท่ีเขาให คอื บตุ รบุญธรรม.แตใ นท่ีนี้ ทานหมายเอาบุตรทเี่ กิดในตน จงึ กลา ววาบุตร. ทชี่ ่อื วา พระราชา เพราะทาํ ชนใหย ินดี ดว ยสังคหวตั ถุ ๔. พระ-ราชาผใู หญช อื่ วา มหาราชา พระโพธิสัตวเ มอ่ื จะตรสั เรียกพระราชานน้ั จงึตรสั วา มหาราช ขาแตพ ระราชาผใู หญ. บทวา ตวฺ ม โปส ชนาธปิ ความวา ขาแตพระองคผ เู ปนใหญในหมมู หาชน พระองคจงชบุ เลยี้ ง คอื จงเลีย้ งดูขาพระบาทอยเู ถดิ .อเฺ ป เทโว โปเสติ ความวา ชนเปนอนั มากเหลาอน่ื ไดแกพ วกมนุษยผเู ล้ยี งชางเปน ตน และสตั วดริ จั ฉานมชี างและมาเปน ตน พระองคยังทรงชุบเลย้ี งได. ก็ศัพทว า กิ ฺจ ในบทวา กิฺจ เทโว สก ปช น้ีเปน ศัพทนิบาตใชใ นความหมายวา ตเิ ตยี น และความหมายวา อนุเคราะห.พระโพธสิ ตั วท รงโอวาทวา ประชาชนของพระองค คอื ขาพระบาทผเู ปน โอรสของพระองค พระองคไ มท รงชบุ เลย้ี ง ดงั นี้ ชื่อวา ยอ มตเิ ตยี น. เมอื่ ตรสั วาคนอนื่ เปนอันมาก พระองคทรงชุบเล้ียงไดดังน้ี ช่ือวา ยอมอนุเคราะหชว ยเหลอื . ดังนน้ั พระโพธสิ ตั วแมเ ม่อื จะทรงติเตยี นจงึ ตรสั วา ไฉนจะไมทรงชุบเลย้ี งโอรสของพระองคเลา .
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 217 เมื่อพระโพธิสตั วประทับนง่ั ในอากาศทรงแสดงธรรมอยอู ยา งน้ี พระราชาไดทรงสดบั แลว จงึ ทรงเหยียดพระหัตถตรัสวา จงมาเถิดพอ เราแหละจักชบุ เลยี้ งเจา . มีมือตงั้ พนั เหยยี ดมาแลว พระโพธสิ ัตวไมลงในมอื คนอื่น ลงในพระหตั ถข องพระราชาเทานัน้ แลว ประทับนัง่ บนพระเพลา พระราชาทรงประทานความเปนอปุ ราชแกพ ระโพธิสัตวน ้ัน แลว ไดทรงตั้งมารดาใหเปนอัครมเหสี. เม่ือพระบิดาสวรรคตแลว พระโพธสิ ัตวน้ันไดเ ปนพระราชาพระนานวา กฏั ฐวาหนะ เครอื่ งราชสมบตั ิ โดยธรรม ไดเ สดจ็ ไปตามยถากรรม. พระศาสดาคร้นั ทรงนําพระธรรมเทศนาน้ีมาทรงแสดงแกพ ระเจา โกศลแลว ทรงแสดงเร่อื ง ๒ เรื่องสบื ตออนุสนธิ แลวทรงประชมุ ชาดกวา พระมารดาในคร้ังนน้ั ไดม าเปนพระมหามายาเทวี พระบิดาในครัง้ นน้ั ไดมาเปนพระเจาสทุ โธทนมหาราช สว นพระเจา กัฏฐวาหนราชในครั้งนน้ั ไดเปนเราเองแล. จบกฏั ฐาหาริชาดกที่ ๗ ๘. คามนิชาดก วา ดวยไมใ จเร็วดวนได [๘] เออ กค็ วามหวังในผล ยอ มสําเรจ็ แกผูไม ใจเรว็ ดวนได เรามีพรหมจรรยแ กก ลา แลว ทานจง เขา ใจดังน้เี ถิด พอคามนิ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 218 ๘. อรรถกถาคามนชิ าดก พระศาสดาเมื่อประทบั อยใู นพระวหิ ารเขตวนั ทรงปรารภภกิ ษลุ ะความเพยี ร จึงตรสั พระธรรมเทศนานีม้ ีคาํ เริม่ ตน วา อป อตรนานาน ดงั น้ี. กเ็ รื่องปจจุบันและเร่อื งอดตี ในชาดกน้ี จกั มแี จง ในสงั วรชาดก เอกา-ทสนิบาต กใ็ นสงั วรชาดกนน้ั และชาดกนเ้ี ร่ืองเปน เชน เดยี วกนั เทย่ี ว แตค าถาตางกนั มีความยอ วา คามนิกมุ ารตัง้ อยูในโอวาทของพระโพธสิ ตั ว แมจ ะเปนพระกนษิ ฐาของพระภาคาท้ังรอยพระองค ก็เปนผูอ ันพระภาดาทัง้ รอ ยพระองคหอมลอม ประทับน่งั บนบลั ลงั กอนั ประเสริฐ ภายใตเศวตฉตั ร ทอดพระเนตรดูยศสมบตั ิของพระองค ทรงดพี ระทัยวา ยศสมบัติของเราน้ี เปน ของอาจารยเรา จึงทรงเปลง อทุ านนีว้ า เออ ก็ความหวังในผล ยอ มสําเร็จแกผไู มใจเรว็ ดว นได เรามพี รหมจรรยแกก ลาแลว ทา นจงเขาใจ ดังน้เี ถดิ พอคามนิ. บรรดาบทเหลาน้ัน ศัพทวา อป เปน เพยี งนิบาต. บทวา อตรมา-นาน ไดแก ผตู ง้ั อยใู นโอวาทของบัณฑติ ทั้งหลายไมร บี ดวน กระทําการโดยอุบาย. บทวา ผลาสาว สมชิ ฌฺ ติ ความวา ความหวงั ในผลท่ปี รารถนาไว ช่อื วา ยอ มสาํ เรจ็ แน เพราะความสําเร็จผลนน้ั อีกอยา งหน่งึ . บทวาผลาสา ไดแก ผลแหง ความหวงั คือ ผลตามท่ปี รารถนาไว ยอ มสําเรจ็ทเี ดยี ว. ในบทวา วิปกฺกพฺรหมฺ จรโิ ยสมฺ ิ นี้ สังคหวตั ถุ ๔ ชอ่ื วาพรหมจรรยเพราะเปน ความประพฤติอันประเสรฐิ ก็พรหมจรรยนนั้ ชอื่ วา แก
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 219กลา แลวทเี ดยี ว เพราะไดเฉพาะยศสมบัติอันมสี ังคหวัตถุน้นั เปน มูล ยศท่ีสําเร็จแกคามนกิ มุ ารแมน ัน้ ก็ช่ือวา พรหมจรรย เพราะอรรถวา ประเสริฐ. ดวยเหตุนนั้ ทานจงึ กลา ววา ขา พเจาเปน ผมู พี รหมจรรยแ กก ลาแลว. บทวา เอวชานานิ คามนิ ความวา ในทบี่ างแหง บรุ ุษชาวบา นกด็ ี หัวหนา ชาวบานก็ดี ช่ือวา คามนิ ผใู หญบา น แตในที่นี้ หมายเอาตนเองซง่ึ เปน หวั หนาคนท้ังปวงจงึ กลาววา ดกู อนนายบานผเู จรญิ ทา นจงรเู หตุนี้อยางนี้วา เรากา วลว งพี่ชายรอยคน ไดร บั ราชสมบัตใิ หญนี้ เพราะอาศยั อาจารย ดงั นีเ้ ปลงอุทานแลว . ก็เมอื่ คามนิกุมารน้ัน ไดร าชสมบัติแลว เม่อื เวลาลว งไป ๒-๓ วนัพชี่ ายทุกคนไดไปยงั สถานท่อี ยขู องตน ๆ พระเจา คามนคิ รองราชสมบตั ิ โดยธรรม แลว เสด็จไปตามยถากรรม ฝายพระโพธิสตั วทาํ บญุ แลว ไดไปตามธรรม. พระศาสดาคร้นั ทรงนําพระธรรมเทศนานีม้ าแสดงแลว ทรงประกาศอริยสจั ทั้งหลาย ในเวลาจบสจั จะ ภิกษผุ ลู ะความเพยี รไดดาํ รงอยใู นพระอรหัตแล พระศาสดาตรัส ๒ เรอ่ื งสืบอนุสนธิตอ กัน แลว ทรงประชมุ ชาดกวาพระเจาคามนิในครั้งน้นั ไดเปนพระอานนทสวนอาจารย คือเราเองแล. จบ คามนิชาดกที่ ๗ ๙. มฆเทวชาดก วาดว ยเทวทูต [๙] ผมท่ีหงอกบนศรี ษะของเรานี้ เกดิ ขน้ึ นํา เอาวยั ไปเสยี เทวทตู ปรากฏแลว บดั นี้ เปนสมยั บรรพชาของเรา. จบ มฆเทวชาดกท่ี ๙
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 220 ๙. อรรถกถามฆเทวชาดก พระศาสดาเมื่อประทับอยใู นพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภการเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคําเริ่มตน วา อตุ ตฺ มงคฺ รหุ ามยหฺ ดังน.้ี การเสดจ็ ออกมหาภิเนษกรมณนน้ั ไดกลาวไวแลวในนทิ านกถาในหนหลังน้นั แล. ก็ในกาลนั้น ภิกษุท้งั หลายนัง่ พรรณนาการเสด็จออกบรรพชาของพระทศพล. ลําดับน้นั พระศาสดาเสด็จมายงั โรงธรรมสภา ประทบั น่ังบนพุทธ-อาสน ตรัสเรียกภกิ ษุท้ังหลายมาถามวา ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย บดั น้ี พวกเธอนงั่ สนทนากันดว ยเร่ืองอะไรหนอ ? ภกิ ษทุ ง้ั หลายกราบทูลวา ขา แดพระองคผูเจริญ ขาพระองคทัง้ หลายมิไดนงั่ สนทนากันดวยเรอ่ื งอยา งอืน่ แตน งั่ พรรณนาการเสดจ็ ออกบรรพชาของพระองคเ ทา น้ัน พระศาสดาตรัสวา ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย ตถาคตออกเนกขมั มะในบดั น้เี ทานน้ั กห็ ามิได แมในกาลกอ นก็ไดออกเนกขมั มะแลว เหมอื นกัน ภกิ ษุท้งั หลายจงึ อาราธนาพระผมู พี ระภาคเจา เพ่ือตรัสเร่อื งนนั้ ใหแจม แจง พระผมู พี ระภาคเจา ไดท รงกระทาํ เหตอุ ันระหวางภพปกปดใหป รากฏ ดงั ตอ ไปน้ี ในอดตี กาล ในกรงุ มถิ ลิ า วเิ ทหรฐั ไดม ีพระราชาพระนามวามฆเทวะ เปน พระมหาธรรมราชาผดู าํ รงอยใู นธรรม พระเจา มฆเทวะนนั้ ทรงใหก าลเวลาอันยาวนานหมดส้นิ ไปวนั หนึง่ ตรสั เรียกชา งกลั บกมาวา ดกู อ นชา งกัลบกผสู หาย ทานเห็นผมหงอกบนศีรษะของเราในกาลใด ทา นจงบอกแกเราใน กาลนัน้ ฝายชา งกลั บกกไ็ ดทาํ ใหเ วลาอนั ยาวนานหมดสิ้นไป วันหน่ึงเหน็ พระเกศาหงอกเสน หน่งึ ในระหวางพระเกศาทงั้ หลายอ นมสี ดี งั ดอกอญั ชัน
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 236 กภ็ ิกษผุ มู ญี าณในศาสนานน้ี ั่นแล ไดฟง พระพุทธพจน แลว ยอ มรแู จง กายน้ัน ยอมเหน็ ตามเปนจริงแลวา รา งกายนฉี้ นั ใด รา งกายนน่ั ก็ฉันนัน้ รางกายนั่นฉนั ใด รางกายนี้กฉ็ ันน้ัน ขาพเจา คายความเพลดิ เพลนิ ใน กายทงั้ กายในและภายนอกเสยี แลว.ขา แตพระลูกเจา ขาพเจาจักประดบั ประดารา งกายนีท้ าํ อะไร การกระทาํ ความประดบั กายน้ี ยอ มเปนเหมอื นกระทําจิตรกรรมภายนอกหมอ ซ่ึงเตม็ ดว ยคถูเศรษฐีบตุ รไดฟ งคําของนางดังนั้นจงึ กลาววา นางผูเ จริญ เธอเห็นโทษท้ังหลายอยางนแี้ หง รา งกายน้ี เพราะเหตุไรจงึ ไมบ วช. นางกลา ววา ขา แดพระลกู เจาขาพเจาเมื่อไดบ วช จะบวชวันนีแ้ หละ. เศรษฐีบตุ รกลา ววา ดีแลว ฉันจักใหเธอบวช. แลวบาํ เพญ็ มหาทาน กระทํามหาสกั การะ แลวนําไปสํานักของภิกษุณีดว ยบริวารใหญ เม่ือจะใหน างบวช ไดใหบ วชในสาํ นกั ของภิกษุณผี ูเปนผูกฝายของพระเทวทัต. นางไดบ รรพชาแลวมีความดาํ ริเต็มบรบิ ูรณ ดใี จแลว . ครัง้ น้ัน เมือ่ ครรภข องนางแกแลว ภกิ ษุณีท้ังหลายเหน็ ความท่อี ินทรียทง้ั หลายแปรเปน อน่ื ไป ความทห่ี ลังมือและเทา บวม และความท่พี ืน้ ตองใหญจงึ ถามนางวา แมเ จา เธอปรากฏเหมือนมีครรภ ทอ่ี ะไรกนั ? ภิกษุณีนั้นกลาววา แมเจา ทงั้ หลาย ขา พเจาก็ไมรวู า เหตุชื่อน้ี แตศลี ของขา พเจายังบรบิ รู ณอยู. ลําดบั นน้ั ภิกษณุ เี หลา น้นั จงึ นํานางภกิ ษุณนี ัน้ ไปยังสาํ นักของพระเทวทตั ถามพระเทวทตั วา ขา แตพ ระผเู ปน เจา กลุ ธดิ านีย้ ังสามีใหโปรดปรานไดโดยยาก จึงไดบ รรพชา กบ็ ัดน้ี ครรภข องนางปรากฏ ขา พเจาทง้ั หลายยอ มไมรูว ากุลธิดานีไ้ ดต ั้งครรภใ นเวลาเปนคฤหสั ถ หรอื ในเวลาบวชแลว บัดนี้ ขา พเจาทงั้ หลายจะกระทําอยางไร. เพราะความที่คนไมรู และ
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 237เพราะขนั ติ เมตตา และความเอน็ ดูไมม ี พระเทวทตั จงึ คิดอยา งน้ีวา ความครหานินทาจักเกดิ แกเ ราวา ภิกษณุ ีผูอยใู นฝา ยของพระเทวทตั มคี รรภ แตพระเทวทตั กลับเพิกเฉยเสยี เราใหภ ิกษณุ ีน้สี กึ จึงจะควร. พระเทวทัตนัน้ ไมพิจารณา แลนออกไปเหมอื นกล้งิ กอนหนิ กลา ววา พวกทา นจงใหภ กิ ษณุ ีนนั้ สกึ ภิกษณุ ีเหลา น้ันฟงคําของพระเทวทตั แลว ลุกข้นึ ไหวแลวไปยงั สาํ นกัลําดบั นนั้ ภิกษุณีสาวนน้ั กลา วกะภิกษณุ ที ง้ั หลายวา แมเจาท้ังหลาย พระเทวทัตเถระไมใชพ ระพุทธเจา การบรรพชาของเราในสํานักของพระเทวทัตน้นั ก็หามิไดก ็บรรพชาของเราในสาํ นกั ของพระสมั มาสัมพทุ ธเจา ผเู ปนบคุ คลเลศิ ขึน้ โลก อน่งึ บรรพชานั้น เราไดโ ดยยาก ทา นทง้ั หลายอยา ทําใหก ารบรรพชานน้ั อันตรธานหายไปเสยี เลย มาเถดิ ทานทง้ั หลาย จงพาเราไปยงัพระเชตวัน ในสาํ นกั ของพระศาสดา ภกิ ษุณีท้งั หลายจงึ พาภกิ ษุณีสาวนัน้ ไปจากกรุงราชคฤหส ิ้นหนทาง ๔๕ โยชนถ งึ พระเชตวนั มหาวหิ ารโดยลาํ ดบั ถวายบังคมพระศาสดาแลวกราบทลู เร่อื งนั้นใหท รงทราบ. พระศาสดาทรงพระดาํ ริวา ภกิ ษุณีนตี้ ้ังครรภในเวลาเปนคฤหสั ถโ ดยแท แมเ ม่ือเปน อยางนน้ั พวกเดียรถยี จ ักไดโอกาสวา พระสมณโคดมพาภกิ ษณุ ีทีพ่ ระเทวทตั ท้งิ แลวเทีย่ วไปอยู เพราะฉะนน้ั เพอ่ื จะตดั ถอยคาํ นคี้ วรจะวนิ ิจฉัยอธกิ รณนใ้ี นทา มกลางบริษทั ซึ่งมพี ระราชา ในวนั รุงขนึ้ จงึ ใหทลูเชญิ พระเจา โกศล และเชิญมหาอนาถบิณฑิกเศรษฐี จูฬอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐีนางวสิ าขามหาอบุ าสกิ า และตระกลู ใหญ ๆ อน่ื ๆ ทมี่ ชี อ่ื เสยี ง ในเวลาเย็นเม่ือบรษิ ัททง้ั ๔ ประชุมกนั แลว จงึ ตรสั เรียกพระอบุ าลเี ถระมาวา เธอจงไปชาํ ระกรรมของภกิ ษุณสี าวนี้ ในทามกลางบรษิ ทั ๔. พระเถระทูลรับพระดาํ รสัแลว จึงไปยังทามกลางบริษทั น่ังบนอาสนะท่เี ขาตกแตงไวเพอื่ ตน แลวใหเรยี กนางวิสาขาอบุ าสิกามาตรงเบอ้ื งพระพกั ตรของพระราชา ใหรบั อธิกรณนี้
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 238วา ดูกอ นวสิ าขา ทา นจงไป จงรโู ดยถองแทวา ภกิ ษณุ สี าวน้บี วชในเดือนโนน วนั โนน แลวจงรวู าเธอไดม ีครรภน้ีกอนหรือหลงั บวช มหาอุบาสิการบัคาํ แลว จงึ ใหวงมาน ตรวจดูทสี่ ดุ มอื เทา สะดอื และตองของภิกษณุ สี าวภายในมา น นับเดือนและวนั รูวานางไดตัง้ ครรภในภาวะเปน คฤหัสถโดยถองแท จึงไปยังสาํ นักของพระเถระแลว บอกเนื้อความนน้ั . พระเถระไดก ระทาํภกิ ษุณนี ั้นใหเ ปน ผบู รสิ ุทธิ์ ในทามกลางบรษิ ัท ๔. ภกิ ษณุ นี น้ั เปนผูบรสิ ุทธ์ิแลวไหวภ กิ ษสุ งฆแ ละถวายบังคมพระศาสดา แลวไปยังสํานักนั่นแล พรอมกับภิกษุณีทั้งหลาย ภกิ ษุณีนนั้ อาศัยครรภแกแ ลว ไดตลอดบุตรมอี านุภาพมาก ผตู ั้งความปรารถนาไวแทบบาทมลู ของพระพทุ ธเจาพระนามวาปทมุ ุตตระ. ครั้นวนั หนึง่ พระราชาเสด็จไปโดยใกล ๆ สาํ นักของภกิ ษุณี ไดทรงสดับเสียงทารก จึงตรสั ถามอํามาตยท้ังหลาย. อาํ มาตยท้งั หลายรูเหตุน้นัจึงกราบทลู วา ขาแตสมมติเทพ ภกิ ษุณีสาวนั้น ตลอดบุตรแลว น่ันเสียงของบตุ รภิกษุณสี าวนั้นนน่ั เอง. พระราชาตรัสวา แนะพนาย ชื่อวาการปรนนบิ ตั ิทารกเปนเครอ่ื งกังวลสําหรับภิกษุณที งั้ หลาย พวกเราจักปรนนบิ ตั ิทารกนั้นพระราชาทรงไหมอบทารกน้ันแกห ญงิ ฟอนทัง้ หลาย ใหเ ติบโตโดยการบรหิ ารดแู ลอยางกุมาร. กใ็ นวันตัง้ ชอ่ื กุมารนั้น ไดต้ังชือ่ วากัสสป ครงั้ นนั้ คนท้ังหลายรกู นั วา กุมารกัสสป เพราะเจริญเตบิ โต ดวยการบรหิ ารอยางกุมารในเวลามีอายุได ๗ ขวบ กุมารกสั สปน้ันบวชในสาํ นักของพระศาสดา พอมีอายุ ๒๐ ปบรบิ ูรณก ็ไดอ ุปสมบท เมื่อกาลเวลาลวงไป ไดเ ปนผกู ลา วธรรมอนั วิจติ ร ในบรรดาพระธรรมกถึกทง้ั หลาย. ลาํ ดบั นัน้ พระศาสดาทรงต้ังพระกุมารกสั สนั้น ไวในตําแหนง เอตทคั คะ ดวยพระดํารัสวา ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย กุมารกสั สปนี้ เปนเลิศแหง สาวกทง้ั หลายของเรา ผกู ลา วธรรมอนัวจิ ติ ร ภายหลังพระกมุ ารกสั สปนนั้ บรรลุพระอรหตั ในเพราะวัมมิกสูตร. แม
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 239ภิกษุณีผูเปน มารดาของพระกมุ ารกสั สปนั้น เห็นแจงแลว บรรลุพระอรหตั .พระกมุ ารกัสสปเถระปรากฏในพระพทุ ธศาสนา ประดจุ พระจันทรเ พ็ญในทามกลางทองฟาฉะนั้น. อยมู าวนั หนงึ่ พระตถาคตเสดจ็ กลับจากบิณฑบาต ภายหลังภัตประทานโอวาทแกภ ิกษทุ ั้งหลายแลวเสดจ็ เขา พระคันธกุฎี ภิกษุท้ังหลายรบัพระโอวาทแลว ใหภาคกลางวนั หมดไปในทีเ่ ปน ท่พี กั กลางคนื และท่พี ักกลางวนัของตน ๆ ในเวลาเยน็ ประชุมกนั ในโรงธรรมสภา นง่ั พรรณนาพระพทุ ธคณุวา ดูกอนอาวุโสทัง้ หลาย พระเทวทัตทาํ คนทัง้ สอง คอื พระกุมารกสั สปเถระและพระเถรีใหพนิ าศ เพราะความท่ตี นไมร ู และเพราะความไมม ีขนั ติและเมตตาเปนตน แตพ ระสัมมาสมั พุทธเจา ทรงเปน ปจจัยแกทา นทั้งสองนั้น เพราะพระองคเ ปนพระธรรมราชา และเพราะทรงถงึ พรอ มดวยพระขันติพระเมตตา และความเอน็ ด.ู พระศาสดาเสด็จมายังโรงธรรมสภาดวยพุทธลลี าประทบั นั่งบนอาสนะท่เี ขาปูลาดไว แลวตรสั ถามวา ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลายบดั นพี้ วกเธอนัง่ สนทนากนั ดวยเรอ่ื งอะไรหนอ ? ภิกษทุ ้งั หลายกราบทูลวาดวยเรือ่ งพระคณุ ของพระองคเ ทาน้นั แลว กราบทลู เร่อื งท้งั ปวงใหท รงทราบพระศาสดาตรัสวา ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ตถาคตเปน ปจ จยั และเปน ท่พี งึ่ แกช นทง้ั สองนี้ ในบัดน้เี ทา นนั้ หามไิ ด แมในกาลกอน กไ็ ดเ ปนแลวเหมอื นกนั .ภกิ ษุท้งั หลายจึงทูลออนวอนพระผูมพี ระภาคเจา เพ่อื ตองการใหเ รือ่ งน้นั แจมแจง . พระผูมีพระภาคเจา ไดทรงกระทําเหตุอันระหวางภพปกปดไวใหปรากฏดงั ตอ ไปน.้ี ในอดีตกาล เมอ่ื พระเจาพรหมทตั ครองราชสมบตั ใิ นนครพาราณสีฝา ยพระโพธสิ ัตวท รงถือปฏสิ นธติ นกําเนดิ มฤคชาติ. พระโพธิสตั วเ ม่อื ออกจากทองของมารดา ไดมสี เี หมอื นดงั สที อง นัยนตาทงั้ สองของเนื้อนนั้ ไดเ ปน
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 240เชนกับลกู แกว มณีกลม เขาทั้งคมู ีวรรณะดงั เงิน หนามีวรรณะดงั กองผา กมั พลแดง ปลายเทาหนาและเทาหลัง เหมอื นทาํ บริกรรมดวยรสนํ้าครัง้ ขนหางไดเ ปนเหมอื นขนจามรี กร็ างกายของเนื้อน้นั ใหญมีขนาดเทาลูกนาํ้ เนอื้ นน้ั มีบรวิ าร ๕๐๐. โดยชอ่ื มชี อื่ วา นโิ ครธมคิ ราช สาํ เรจ็ การอยใู นปา . กใ็ นท่ีไมไกลแหง พระยาเน้ือนิโครธน้ัน มีเนอ้ื แมอ ืน่ ซง่ึ มเี นอื้ ๕๐๐ เปน บริวาร มีชอวา สาขะ อาศัยอยู แมเ นือ้ สาขะก็มวี รรณะดุจสีทอง. สมัยน้ัน พระเจาพาราณสที รงขวนขวายในการฆา เนอ้ื เวน เนอ้ื ไมเ สวย ทรงกระทาํ พวกมนุษยใหขาดการงาน ยงั ชาวนิคมและชนบททั้งปวงใหป ระชมุ กนั แลวเสด็จไปฆาเนื้อทุกวัน. พวกมนษุ ยค ิดกันวา พระราชาน้ีทรงทาํ พวกเราใหขาดการงานถากระไร พวกเราวางเหยอ่ื ของเนอ้ื ไวในพระราชอทุ ยาน จัดนาํ้ ดืม่ ไวใ หพรอ ม ตอ นเนื้อเปน อนั มากใหเขา ไปยังพระราชอุทยานแลว ปด ประตูมอบถวายพระราชา มนุษยเ หลา นนั้ ทง้ั หมดจึงปลกู ผกั ทเี่ ปนเหยือ่ ของเนอ้ื ไวในพระราช-อทุ ยาน จัดนํา้ ดม่ื ไวใหพ รอม แลวประกอบประตู ถือบวง มือถอื อาวธุนานาชนิดมคี อนเปนตน เขา ปาแสวงหาเนอ้ื คิดวา พวกเราจักจบั เนอ้ื ทั้งหลายทอ่ี ยตู รงกลาง จึงลอ มทป่ี ระมาณ ๑ โยชน เม่อื รน เขามาไดลอ มท่ีเปนทอี่ ยูของเน้ือนโิ ครธและเนอ้ื สาขะไวตรงกลาง ครัน้ เหน็ หมูเน้อื นน้ั จึงเอาไมค อนดีตน ไม พุมไมเ ปนตน และดพี ้ืนดนิ ไลห มเู นอื้ ออกจากท่รี กชัฎ พากันเง้ืออาวุธท้งั หลายมดี าบ หอกและธนูเปน ตน บนั ลือเสยี งดงั ตอ นหมูเนื้อนั้นใหเขาพระราชอุทยานแลว ปด ประตู พากนั เขาไปเฝาพระราชาแลว กราบทูลวาขา แตส มมติเทพ เมอ่ื พระองคเ สดจ็ ไปทรงฆา เนอ้ื เปนประจาํ ทรงทําการงานของขา พระองคท ้ังหลายใหเสียหาย พวกขา พระองค อันเนื้อท้งั หลายมาจากปาเต็มพระราชอุทยานของพระองค ตั้งแตน้ไี ป พระองคจะไดเสวยเน้ือของมฤคเหลา นั้น แลว ทูลลาพระราชาพากนั หลกี ไป.
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 241 พระราชาไดทรงสดับคาํ ของมนุษยเ หลานนั้ แลว เสดจ็ ไปพระราชอทุ ยาน ทอดพระเนตรเนื้อทงั้ หลาย ทรงเหน็ เนือ้ สีทอง ๒ ตัว จงึ ได-พระราชทานอภัยแกเนอ้ื ทงั้ สองนัน้ กต็ ้ังแตนน้ั มา บางคราว เสดจ็ ไปเองทรงฆาเน้อื ตัวหนง่ึ แลวนาํ มา บางคราว พอครวั ของพระองคไ ปฆาแลวนํามาเน้ือท้ังหลายพอเหน็ ธนูเทาน้ัน ถกู ความกลัวแตความตายคกุ คาม พากันหนีไป ไดรบั การประหาร ๒-๓ ครัง้ ลําบากไปบาง ปวยไปบา ง ถึงความตายบา ง หมูเนือ้ จึงบอกประพฤติเหตุนน้ั แกพ ระโพธิสตั ว พระโพธสิ ัตวไ หเรียกเนอ้ื สาขะมาแลว กลาววา ดูกอ นสหาย เน้อื เปนอันมากพากนั ฉบิ หาย เมอ่ืเนือ้ มอี ันจะตอ งตายโดยสว นเดยี ว ตั้งแตน้ีไป ผูจะฆาจงอยา เอาลกู ศรยงิ เน้อืวาระของเนือ้ ท้ังหลายจงมีในทแี่ หง คอนของผพู ิพากษา วาระจงถึงแกบ ริษัทของเราวนั หนึ่ง จงถงึ แกบรษิ ัทของทานวนั หน่ึง เนอ้ื ตวั ทถี่ ึงวาระจงไปนอนพาดหวั ท่ีไมค อ นของผพู พิ ากษา แมเม่อื เปนอยางนน้ั เนอ้ื ทง้ั หลายจกั ไมกลวัเน้ือสาขะรบั คําแลว ตั้งแตนน้ั มา เนอื้ ท่ถี งึ วาระ จะไปนอนพาดคอทีไ่ มค อนพพิ ากษา พอครวั มาจบั เอาเนื้อตวั ทน่ี อนอยู ณ ที่นน้ั น่นั แหละไป อยูมาวันหน่ึง วาระถึงแกแ มเ นอ้ื ผูมคี รรภต ัวหน่งึ ซ่ึงเปนบริษทั ของเนอื้ สาขะ แมเนอ้ืน้ันเขา ไปหาเน้อื สาขะแลว กลา ววา เจา นาย ขา พเจามคี รรภ ตลอดลกู แลวพวกเราทัง้ สองจะไปตามวาระ ทานจงใหขา มวาระของขาพเจาไปกอน เนอ้ืสาขะกลา ววา เราไมอ าจทาํ วาระของเจา ใหถ งึ แกเ น้ือตวั อืน่ ๆ เจา เทานนั้ จกั รูวา เจามีบุตร เจาจงไปเถอะ แมเนอ้ื นัน้ เมอื่ ไมไดความชว ยเหลอื จากสํานกัของเนื้อสาขะ จงึ เขา ไปหาพระโพธิสัตวบอกเน้อื ความน้นั พระโพธิสตั วนน้ัไดฟงคาํ ของแมเนอื้ นน้ั จึงคดิ วา กพ็ ระโพธสิ ตั วท ั้งหลายในกาลกอน เหน็ทกุ ขข องคนอ่นื ยอ มไมหว งใยชีวิตของตน ประโยชนข องผอู ่นื จากประโยชนตนน่ันแล เปนส่งิ ท่ีหนักกวาสาํ หรับพระโพธสิ ตั วเหลา นนั้ .
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 242 เหลานก ปศุสัตว มฤคในปาทัง้ หมดยอ มเปน อยูดวยตนเอง นกั ปราชญท ัง้ หลายผสู งบ ยนิ ดแี ลว ในประโยชนเกื้อกูลแกส ตั ว ยอมยงั ผอู นื่ ใหเปนอยู ก็ นักปราชญเหลา น้ัน สละทรัพย อวยั วะ และชวี ติ เพอื่ ประโยชนเ ก้ือกูล เราน้นั เปน ผูสามารถจกั ยังเหลา สตั วเปนอนั มากพรอ มท้งั เทวโลกใหขา มไดดวย ก็ ความไมม ีบญุ เพราะกายอนั ไรส าระน้ี เราจักไดลาภ ของทานอนั ยัง่ ยืนดว ยตนเองแน.ครั้น คิดดงั นแ้ี ลว จงึ กลาววา เจา จงไปเถอะ เราจักใหวาระของเจาขา มไป ครัน้กลา วแลว ตนเองก็ไปนอนกระทําศรี ษะไวทีไ่ มค อนพิพากษาพอ ครัวเหน็ ดังนน้ัจึงคดิ วา พระยาเน้ือผไู ดร ับ พระราชทานอภัยนอนอยทู ไ่ี มคอ นพพิ ากษา เหตุอะไรหนอ จึงรบี ไปกราบทลู แดพระราชา พระราชาเสด็จขนึ้ ทรงรถในทันใดนัน้ เอง เสด็จไปดว ยบรวิ ารใหญเห็นพระโพธิสตั วจงึ ตรสั วา พระยาเนื้อผสู หายเราใหอภัยแกท า นไวแลว มิใชหรือ เพราะเหตไุ รทานจงึ นอนอยู ณ ทน่ี ี้ พระยาเนอื้ กราบทลู วา ขาแตม หาราช แมเนอื้ ผูมคี รรภมากลา ววา ขอทา นจงยังวาระของฉนั ใหถ งึ แกเ นื้อตวั อนื่ ก็ขา พระบาทไมอ าจโยนมรณทกุ ขของเนื้อตัวหนง่ึ ไปเหนอื เน้อื ตัวอื่นได ขา พระบาทนั้นจงึ ใหช ีวติ ของตนแกแมเนือ้ น้ัน ถือเอาความตายอนั เปน ของแมเนอื้ นัน้ แลว จงึ นอนอยู ณ ท่นี ี้ ขาแตม หาราช ขอพระองคอ ยา ไดท รงระแวงเหตุอะไรๆ อยา งอนื่ เลย พระราชาตรัสวา ดูกอ นสวุ รรณมคิ ราชผูเ ปนนาย แมใ นหมูมนษุ ยท ั้งหลาย เรากไ็ มเ คยเหน็ คนผูเพยี บพรอมดว ยขันติ เมตตา และความเอ็นดเู ชน กับทา น ดวยเหตุน้ัน เราจงึเล่อื มใสทานลกุ ขึน้ เถิด เราใหอภัยแกท านและแกแมเ น้ือน้ัน พระยาเนือ้ กลาววา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 243ขาแตพ ระผจู อมคน เม่ือขาพระบาททัง้ สองไดอภัยแลว เนื้อท่เี หลือนอกนัน้จกั กระทาํ อยา งไร พระราชาตรัสวา นาย เราใหอภยั แมแ กเนื้อที่เหลือดวยพระยาเนื้อกราบทลู วา ขาแตม หาราช แมเม่ือเปนอยา งนน้ั เนอื้ ทง้ั หลายในพระราชอทุ ยานเทา น้ัน จกั ไดอ ภัย เนื้อทีเ่ หลอื จกั ทรงกระทําอยางไร พระราชาตรัสวา นาย เราใหอภัยแกเ นอ้ื แมเหลานนั้ พระยาเน้ือกราบทลู วา ขาแตม หาราชเบื้องตน เนือ้ ท้งั หลายไดร บั อภยั สตั ว ๔ เทาทีเ่ หลือจกั กระทําอยางไร พระราชาตรสั วา นาย เราใหอภยั แกส ัตว ๔ เทา แมเ หลา นัน้ พระยาเน้อื กราบทลูวา ขาแตมหาราช สัตว ๔ เทาไดรับ พระราชทานอภยั กอ น หมนู กจักกระทําอยา งไร พระราชาตรัสวา นาย แมห มูนกเหลา น้ันเรากใ็ หอภัย พระยาเน้อืกราบทูลวา เบอื้ งตน หมูน กจกั ไดร ับพระราชทานอภัย พวกปลาท่ีอยูในนาํ้ จกักระทําอยา งไร พระราชาตรัสวา นาย แมหมูป ลาเหลา น้ัน เรากใ็ หอภัยพระมหาสัตวทูลขออภัยแกส รรพสัตวก ะพระราชาอยางนี้แลว ไดล ุกขึน้ ยนื ใหพระราชาคงอยูใ นศลี ๕ แลว แสดงธรรมแกพ ระราชาดวยลีลาของพระพุทธเจาวา ขา แตมหาราช ขอพระองคจงประพฤติธรรมในพระชนกชนนีในพระโอรสพระธดิ า ในพราหมณคฤหบดี ในชาวนคิ มและชาวชนบท เมอ่ื ทรงประพฤติธรรม ประพฤตสิ ม่ําเสมออยู เบ้อื งหนา แตตายเพราะกายแตกจกั เขา ถึงสุคติโลกสวรรค ดังน้ี แลวอยใู นอทุ ยาน ๒-๓ วนั ใหโ อวาทแกพระราชาแลวอันหมูเนือ้ แวดลอ มเขาปาแลว แมเน้อื นมแมนน้ั ตกลกู ออกมาเชน กับชอดอกไม ลกูเนื้อนนั้ เมอื่ เลน ได จะไปยงั สํานกั ของเน้อื สาขะ. ลําดับนนั้ มารดาเห็นลกู เนอื้นัน้ กําลังจะไปยังสาํ นักของเนือ้ สาขะน้ัน จึงกลาววา ลกู เอย ตง้ั แตน ไี้ ปเจาอยาไปยังสํานัก ของเนื้อสาขะน้นั เจา พงึ ไปยังสาํ นักของเน้อื นิโครธเทานั้น เมอื่จะโอวาทจงึ กลา วคาถาวา
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 244 เจา หรือคนอืน่ กต็ าม พงึ คบหาแตพ ระยาเนื้อ ชื่อวา นโิ ครธเทานนั้ ไมค วรเขาไปอาศยั อยกู ับพระยา เนื้อชือ่ วา สาขะ ความตายในสํานกั ของพระยาเน้ือชอ่ื วา นิโครธประเสริฐกวา การมีชีวิตอยใู นสํานกั พระยา เนอ้ื สาขะ จะประเสรฐิ อะไร. บรรดาบทเหลานั้น บทวา นโิ ครฺ ธเมว เสเวยยฺ ความวา ดูกอ นพอ เจาหรือคนอ่ืนก็ตาม ผูใครตอ ประโยชนเกอ้ื กูลแกต น ควรเสพหรือควรคบหาแตพ ระยาเน้ือชอื่ วา นโิ ครธนนั้ . บทวา น สาข อปุ ส วเส ความวาแคเ นื้อชื่อวา สาขะไมควรเจาไปอยูร ว ม คือ ไมค วรเขาไปใกลแลวอยูร ว มไดแกไ มควรอาศัยเนอื้ สาขะนน้ั เล้ยี งชีวติ . บทวา นิโครฺ ธสฺมึ มต เสยโฺ ยความวา แมก ารตายอยูแทบเทา ของพระยาเน้ือชือ่ วา นิโครธประเสรฐิ กวา คอืยอดเยยี่ มสูงสดุ . บทวา ยฺเจ สาขสฺมิ ชวี ติ ความวา ก็ความเปน อยูในสํานักของเนื้อชื่อวา สาขะน้ัน ไมประเสริฐคือไมยอดเย่ยี มไมส ูงสุดเลย. กจ็ ําเดิมแตนั้น พวกเนือ้ ท่ไี ดอภัยพากนั กนิ ขาวกลา ของพวกมนษุ ยมนุษยท้ังหลายไมอ าจตหี รอื ไลเ นื้อทั้งหลายดว ยคดิ วา เน้ือเหลา นี้ไดร บั พระ-ราชทานอภัย จงึ พากนั ประชมุ ท่พี ระลานหลวง กราบทลู ความนน้ั แดพระราชาพระราชาตรัสวา เรามีความเลือ่ มใสใหพ รแกพ ระยาเน้ือช่อื วานิโครธ เราถงึ จะละราชสมบัติ กจ็ ะไมท าํ ลายปฏิญญานัน้ ทา นทั้งหลายจงไปเถิดใคร ๆ ยอ มไมไดเพื่อจะประหารเนอ้ื ทง้ั หลายในแวนแควน ของเรา พระยาเนื้อนิโครธไดสดบัเหตุการณน ั้น จึงใหห มูเน้อื ประชมุ กัน โอวาทเนื้อทั้งหลายวา จําเดมิ แตน ี้ไปทา นทัง้ หลายอยา ไดก ินขาวกลาของคนอื่น ดงั นแ้ี ลว บอกแกมนษุ ยท งั้ หลายต้งั แตน ไี้ ปมนษุ ยทั้งหลายผูกระทําขา วกลา จงอยาทําร้ัวเพือ่ จะรกั ษาขา วกลา
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 245แตจ งผูกสญั ญาดว ยใบไมปกนาไว ไดยนิ วา จําเดมิ แตน ้นั จึงเกดิ สัญญาในการผูกใบไมข ึ้นในนาทั้งหลาย จาํ เดิมแตน ้ัน ช่ือวา เน้ือผูลวงละเมดิ สญั ญาในการผูกใบไม ยอ มไมม.ี ไดยินวา ขอ น้ีเปน โอวาทท่ีพวกเน้อื เหลาน้นั ไดจ ากพระโพธสิ ตั ว พระโพธิสตั วโ อวาทหมูเน้ืออยางนแี้ ลวดาํ รงอยตู ลอดช่วั อายุ.พรอมกับเนอ้ื ทง้ั หลายไดไ ปตามยถากรรมแลว. ฝา ยพระราชาทรงตั้งอยูใ นโอวาทของพระโพธิสัตว ทรงกระทําบุญท้ังหลายไดเสดจ็ ไปตามยถากรรมแลว . พระศาสดาดาํ รัสวา ภิกษทุ ้งั หลาย เราเปน ทีพ่ ึ่งอาศัยของพระเถรีและพระกมุ ารกัสสป ในบดั น้ีเทาน้ันก็หามิได แมใ นกาลกอ นก็ไดเ ปน ท่พี ่ึงอาศัยแลว เหมอื นกัน กค็ รน้ั ทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้ีมาแลว จงึ ทรงหมนุ กลับเทศนาวา ดว ยสจั จะท้ัง ๔ ตรัสเรอ่ื ง ๒ เรอื่ งสบื ตออนุสนธกิ ัน แลว ทรงประชมุ ชาดกวา เน้อื ชื่อสาขะในคร้ังนั้น ไดเ ปน พระเทวทัต แมบรษิ ทั ของเน้ือสาขะน้นั ก็ไดเ ปน บรษิ ทั ของพระเทวทตั น่ันแหละแนเ นื้อนั้นในครัง้ นั้น ไดเ ปนพระเถรี ลูกเน้ือในครง้ั นน้ั ไดเปนพระกมุ ารกัสสป พระราชาไดเปนอานนท สวนพระยาเนอื้ ชอ่ื วานโิ ครธ ไดเ ปน เราเองแล. จบนิโครธมคิ ชาดกที่ ๒
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 246 ๓. กณั ฑินชาดก วาดวยผูตกอยูในอาํ นาจหญงิ [๑๓] เราติเตียนบรุ ุษผมู ีลูกศรเปน อาวธุ ยงิ ปลอ ยใหเ ตม็ กําลัง เราติเตียนชนบทท่มี หี ญงิ เปนผูน ํา อน่ึง สัตวเ หลา ใด ตกอยูใ นอํานาจของหญิงทง้ั หลาย สตั วเ หลานั้นบัณฑิตตเิ ตยี นแลว. จบกณั ฑนิ ชาดกท่ี ๓ ๓. อรรถกถากัณฑนิ ชาดก พระศาสดาเม่อื ประทับอยูในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการประเลา ประโลมของภรรยาเกา จงึ ตรัสพระธรรมเทศนาน้ี มีคาํ เรม่ิ ตนวาธิรตถฺ ุ กณฺฑิน สลลฺ ดงั น.้ี การประเลาประโลมนัน้ จักมีแจง ในอินทรียชาดก อัฏฐกนบิ าต. กพ็ ระ-ผมู ีพระภาคเจา ไดต รสั พระดํารัสนี้กะภิกษุนัน้ วา ดกู อ นภกิ ษุ แมใ นกาลกอนเธออาศัยมาตคุ ามน้ี ถงึ ความสิ้นชวี ติ รอ งเรียกอยทู ่ีพ้ืนถานเพลงิ อันปราศจากเปลว ภิกษทุ ั้งหลายทลู ออ นวอนพระผูมพี ระภาคเจา เพ่อื ทรงประกาศเรื่องน้นัใหแจม แจง พระผมู พี ระภาคเจาไดท รงกระทําเหตอุ นั ระหวา งภพปกปด ใหปรากฏแลว. กเ็ บอื้ งหนาแตนไี้ ป เราจักไมก ลา วถงึ การท่ีภกิ ษุทง้ั หลายทูลออนวอน และความที่เหตถุ ูกระหวา งภพปกปด จักกลา วเฉพาะคาํ มปี ระมาณเทา น้ี
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 247วา อตตี อาหริ แปลวา ทรงนาํ อดีตนทิ านมาวา ดังนีเ้ ทา นนั้ . แมเ มือ่กลา วคาํ มปี ระมาณเทา น้ี กพ็ ึงประกอบเหตุการณน้ีทงั้ หมด คือ การทูลอาราธนาการเปรยี บเทยี บเหมือนนําพระจนั ทรออกจากกลุมเมฆ และความท่ีเหตุถกูระหวางภพปกปดไว โดยนัยดังกลาวไวใ นหนหลงั น่นั แหละ แลว พึงทราบไว. ในอดีตกาล เม่อื พระเจามคธครองราชสมบตั อิ ยใู นพระนครราชคฤหแควนมคธ ในสมยั ขา วกลาของชนชาวมคธ พวกเน้อื ทัง้ หลายมอี ันตรายมากเนื้อเหลา นนั้ จึงเขา ไปยังเนนิ เขา. เนอื้ ภูเขาทอ่ี ยใู นปาตัวหน่งึ ทาํ ความสนทิสนมกบั ลกู เนื้อตัวเมยี ชาวบานตัวหนึ่ง ในเวลาทีพ่ วกเนื้อเหลา นั้น ลงจากเชิงเขากลบั มายงั ชายแดนบานอกี ไดลงมากบั เนอื้ เหลานั้นนั่นแหละ. เพราะมจี ติปฏิพัทธในลูกเนอ้ื ตวั เมียน้ัน. ลําดับน้นั ลูกเนอ้ื ตัวเมียนนั้ จงึ กลาวกะเน้อืภเู ขาน้นั วา ขาแตเจา ทา นแลเปนเน้อื ภูเขาทีเ่ ขลา กธ็ รรมดาชายแดนของบา น นาระแวง มภี ัยเฉพาะหนา ทานอยา ลงมากับพวกเราเลย. เน้ือภเู ขานัน้ ไมก ลบั เพราะมจี ิตปฏิพทั ธตอ ลกู เนอ้ื ตวั เมียนัน้ ไดมากับลกู เน้ือตวั เมยี นัน้นัน่ แหละ. ชนชาวมคธรูวา บดั น้ี เปนเวลาทพี่ วกเน้ือลงจากเนนิ เขา จงึ ยืนในซมุ อนั มิดชิดใกลหนทาง ในหนทางท่เี นื้อทง้ั สองแมน ั้นเดนิ มา มพี รานคนหนงึ่ ยืนอยูใ นซมุ อันมิดชดิ . ลกู เนอ้ื ตวั เมียไดกล่ินมนษุ ย จึงคดิ วา จักมีพรานคนหน่งึ ยืนอยู จงึ ทาํ เนื้อเขลาตัวน้ัน ใหอยูขา งหนา สวนตนเองอยขู า งหลัง. นายพรานไดทา เนื้อตวั นน้ั ใหลม ลงตรงนน้ั นนั่ เอง ดว ยการยิงดว ยลูกศรครง้ั เดยี วเทา นนั้ . ลกู เนือ้ ตัวเมยี รูว า เน้อื นั้นถูกยงิ จงึ โดดหนไี ปโดยการไปดวยกําลังเร็วปานลม. นายพรานออกจากซมุ ชําแหละเนื้อกอ ไฟ ปงเนอื้ อรอยบนถานไฟอันปราศจากเปลว เคี้ยวกินแลวดื่มนํา้ หาบเนือ้ ที่เหลอื ไปดว ยไมคานมหี ยาดเลอื ดไหล ไดไปยังเรือน ใหพ วกเดก็ ๆ ยินดีแลว .
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 248 ในกาลน้ัน พระโพธิสัตวบ ังเกดิ เปนเทวดาอยใู นปา ชฏั แหง นน้ั พระ-โพธิสัตวน น้ั เห็นเหตุการณน น้ั จงึ คิดวา เนอ้ื โงตัวน้ีตาย เพราะอาศัยมารดาเพราะอาศัยบิดากห็ าไม โดยท่แี ทต ายเพราะอาศัยกาม จรงิ อยู เพราะกามเปน นิมิตเหตุ สัตวทง้ั หลายจงึ ถงึ ทกุ ขน านปั การมกี ารตดั มือเปนตน ในสุคติและการจองจํา ๕ ประการเปนตนในทุคติ ชอ่ื วา การทําทุกขค ือความตายใหเกิดข้ึนแกผ ูอนื่ ก็ถกู ตเิ ตียนในโลกน้ี แมช นบทใดมสี ตรีเปนผนู าํ จัดแจงปกครอง ก็ถกู ติเตยี น เหลาสัตวผตู กอยใู นอาํ นาจของมาตุคาม กถ็ กู ตเิ ตยี นเหมือนกนั แลว แสดงเรอ่ื งสําหรับติเตียน ๓ ประการ ดว ยคาถา ๑ คาถาเมอื่ เทวดาท้งั หลายในปาไหส าธกุ ารแลวบชู าดว ยของหอมและดอกไมเปน ตนเม่อื จะยงั ไพรสณฑน ัน้ ใหบ ันลือข้ึนดวยเสียงอนั ไพเราะ จงึ แสดงธรรมดวยคาถาน้ีวา เราตเิ ตยี นบุรษุ ผมู ีลูกศรเปนอาวุธ ผูยิ่งไปเต็ม กําลงั เราติเตียนชนบททมี่ หี ญิงเปนผนู าํ อนง่ึ สตั ว เหลาใดตกอยูใ นอํานาจของหญงิ ทั้งหลาย สตั วเหลา น้นั บัณฑิตกต็ เิ ตยี นแลวเหมอื นกัน. ศัพทวา ธิรตฺถุ ในคาถาน้ัน เปน ศัพทนิบาต ใชในความหมายวา .ตเิ ตียน. ในทน่ี ี้ ศัพทวา ธิรตั ถุ นี้นน้ั พงึ เหน็ วา ใชใ นการติเตยี น ดวยอํานาจความสะดุง และความหวาดเสยี วจรงิ อยู พระโพธสิ ัตวเปนผทู ง้ั สะดงุ และหวาดเสยี ว จงึ กลาวอยางนนั้ คนทชี่ ่ือวา กัณฑี เพราะมีลูกศร. ซง่ึ คนผูมลี ูกศรนน้ั . ก็ลกู ศรนั้นเขาเรียกวา สัลละ เพราะอรรถวา เสียบเขา ไปเพราะฉะนน้ั ในคําวา กณฑฺ นิ สลลฺ จึงมีความหมายวา ผมู ีลกู ศรอีกอยางหน่ึง ช่ือวา ผมู ีสัลละเพราะมลี ูกศร. ผมู ลี ูกศรนนั้ . ชื่อวา คาฬทเวธีผยู งิ ไปเตม็ แรง เพราะเมื่อจะใหการประหารอยา งแรงจึงยิงอยา งเตม็ ท่ี โดย
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 249กระทาํ ใหมีปากแผลใหญ ผูย งิ ไปอยา งเต็มทนี่ ้ัน ในขอ นมี้ ีอธบิ ายดังน้ีวาเราตเิ ตียนคนผูป ระกอบดว ยอาวุธมปี ระการตา ง ๆ ช่ือวา สัสละ ลูกศร เพราะวิง่ ไปตรง ๆ โดยมสี นั ฐานดังโบโกมุทเปนผล ผยู งิ ไปอยา งเต็มแรง. บทวาปรณิ ายิกา ไดแก เปนใหญ คือ เปน ผูจ ดั แจง. บทวา ธิกฺกติ า แปลวาติเตียนแลว. คําทเี่ หลือในคาถานง้ี า ยทัง้ นนั้ . ก็เบ้ืองหนา แตน้ไี ป ขาพเจา จกั ไมก ลา วคาํ แมม ีประมาณเทานี้ จักพรรณนาคําทไี่ มง ายน้นั ๆ เทานน้ั . พระโพธิสัตวครนั้ แสดงเรื่องสาํ หรบั ตเิ ตียน๓ ประการ ดวยคาถาเดียวอยางนแ้ี ลว ทาํ ปา ใหบนั ลือขน้ึ แลว แสดงธรรมดว ยการเยอ้ื งกรายดงั พระพทุ ธเจา . พระศาสดาครั้นทรงนําพระธรรมเทศนานม้ี าแลว จึงทรงประกาศสัจจะทัง้ หลาย. ในเวลาจบสจั จะ ภกิ ษผุ กู ระสันจะสกึ ตง้ั อยูใ นโสดาปตติผลพระศาสดาตรัสเรอ่ื ง ๒ เรอื่ ง สบื ตอ อนุสนธิกันแลว ทรงประชมุ ชาดก ก็เบื้องหนา แตน ไี้ ป ขาพเจาจะไมกลา วคําวา ตรสั เรื่องสองเร่ือง น้ี จะกลาวเฉพาะคาํ มปี ระมาณเทา น้วี า ทรงสืบตอ อนุสนธ.ิ กค็ ําน้ีแมจะไมก ลา วไว ก็พงึ ประกอบถือเอาโดยนัยดงั กลาวไวในหนหลังนนั่ แล. เนือ้ ภเู ขาในครั้งนัน้ ไดเ ปน ภิกษุกระสันจะสึกในบดั นี้ ลูกเนื้อตัวเมยี ในคร้งันัน้ ไดเ ปน ภรรยาเกา ในบดั นี้ สว นเทวดาผเู หน็ โทษในกามท้ังหลายในครงั้ นนั้ ไดเ ปน เราแล. จบกณั ฑินชาดกที่ ๓
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 250 ๔. วาตมิคชาดก วาดว ยอาํ นาจของรส [๑๔] ไดย นิ วา ส่ิงอืน่ ทจ่ี ะเลวย่ิงไปกวา รสทัง้ หลาย ไมม ี รสเปนสภาพเลวแมกวาถน่ิ ที่อยู แนกวา ความ สนทิ สนม นายสัญชัยอุยยานบาล นาํ เน้ือสมนั ซ่ึงอาศัย อยใู นปาชฏั มาสอู ํานาจของตนไดดวยรสทง้ั หลาย. จบวาตมคิ ชาดกท่ี ๔ ๔. อรรถกถาวาตมคิ ชาดก พระศาสดาเมือ่ ประทับอยูใ นพระเชตวนั มหาวิหาร ทรงปรารภพระ-จฬู ปณฑปาตกิ ตสสเถระ จงึ ตรัสพระธรรมเทศนาน้ี มีคําเริ่มตนวา น กิรตถฺ ิเรเสหิ ปาปโ ย ดังน้.ี ไดย นิ วา เมื่อพระศาสดาทรงอาศัยพระนครราชคฤห ประทับอยูในพระวหิ ารเวฬวุ นั . วันหน่งึ บุตรของตระกูลเศรษฐผี ูม ที รพั ยมาก ชือ่ วา ตสิ สกุมารไปพระวหิ ารเวฬวุ นั ฟงพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแลว ประสงคจะบวชจงึ ทูลขอบรรพชา แตบิดามารดายังไมอ นุญาต จงึ ถกู ปฏเิ สธ ไดก ารทาํการอดอาหาร ๗ วนั แลวใหบ ดิ ามารดาอนญุ าต เหมือนดังพระรัฐบาลเถระไดบ วชในสาํ นกั ของพระศาสดาแลว. พระศาสดาคร้ันทรงใหต ิสสกมุ ารนั้นบวช
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376