พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 301เธอบรโิ ภคโภชนะอนั เกดิ แกพระเทวทตั โดยไมชอบธรรมจริงหรือ ? ภิกษุนัน้กราบทูลวา ขา แตพระองคผเู จริญ พระเทวทัต ไมไดใหภ ัตแกข าพระองคคนอ่นื ๆ ใหแกข าพระองค ขา พระองคจ ึงบรโิ ภคภัตนัน้ พระศาสดาตรัสวาภกิ ษุ เธออยากระทําการหลกี เลีย้ งในเรอื่ งนี้ พระเทวทัตเปนผไู มมีอาจาระเปนผทู ศุ ลี เธอบวชในศาสนาน้แี ลว คบหาศาสนาของเราอยนู ั้นแล ยงั บริโภคภตั ของพระเทวทตั ไดอยางไรเลา เธอมปี กตคิ บหาอยูแมเปน นิคยกาล กย็ ังคบหาพวกคนที่เหน็ แลว ๆ คร้ันตรสั แลวจงึ ทรงนาํ อดตี นทิ านมา ดังตอ ไปน้ี ในอดตี กาล เมื่อพระเจาพรหมทตั ครองราชสมบัตอิ ยูในนครพาราณสีพระโพธิสัตวไ ดเปน อาํ มาตยข องพระเจาพรหมทตั นน้ั ในกาลนัน้ ชา งมงคลของพระเจา พรหมทตั ช่ือวามหลิ ามขุ เปน ชางมีศีล สมบูรณด วยอาจาระมารยาทไมเบียดเบียนใครๆ อยูมาวนั หน่ึง โจรทง้ั หลายมา ณ ทีใ่ กลโ รงชางนั้น ในลําดับกาลอันเปนสว นราตรี นง่ั ปรึกษาการลักอยูใ นท่ไี มไกลชา งนั้นวา ตองทําลายอุโมงคอยางน้ี ตองกระทาํ การตัดชอ งยองเบาอยา งน้ี การกระทาํ อุโมงคและการตัดชอ งยองเบาใหปราศจากรกชัฏ ใหปราศจากพุม ไม เชนกบั หนทางเชนกบั ทา น้ํา แลว ลักเอาสงิ่ ของไปจึงจะควร บคุ คลผเู มอื่ จะลกั ตอ งฆา และตอ งประหารแลว จึงลัก เมื่อเปนอยา งน้ี ช่อื วาผูสามารถเพือ่ จะลุกขนึ้ (ตอ สู)จกั ไมมี อันธรรมดาวา โจรตองเปนผไู มป ระกอบดวยศีลและอาจาระตองเปนคนกักขฬะ หยาบชา ปาเถอื่ น คร้นั ปรึกษากันอยางนีแ้ ลว จึงใหกันและกันเรียนเอาแลวไดพากันไป พวกโจรพากันมาปรึกษาในท่ีนัน้ โดยนัยน้นี ่ันแหละหลายวนั คอื แมในวันรงุ ขนึ้ แมในวันรงุ ขนึ้ . ชา งไดฟ งคําของโจรเหลา น้นัสําคญั วา ใหเราสําเหนยี ก จงึ คดิ วาบดั นี้ เราตองเปน ผกู ักขฬะ หยาบชา .ปาเถอ่ื น จงึ ไดเปนผูเหน็ ปานนนั้ เอางวงจบั คนเล้ียงชางผมู าแตเชา ตรฟู าดที่
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 302พื้นดินใหต าย ฆา คนทม่ี าแลว ๆ คอื แมคนหนึง่ ๆ พวกราชบุรุษจึงกราบทลูแดพ ระราชาวา ชางมหิลามุขเปนบา ฆา คนที่พบเหน็ แลว ๆ พระเจาขา . พระราชาทรงสงพระโพธิสตั วไ ปดว ยพระดาํ รสั วา ดูกอ นบณั ฑิต เธอจงไป จงรูวา ชางนั้น ดรุ า ย เพราะเหตุไร. พระโพธิสัตวไ ปแลว รูว า ชา งน้นั ไมมีโรคในรางกายจึงคิดวา เพราะเหตไุ รหนอ ชางนี้จงึ เกดิ เปนชา งดรุ า ย เม่ือใครค รวญไปจงึ สนั นิษฐานวา ชา งน้ไี ดฟ งคาํ ของใครๆ ในทไ่ี มไกล สาํ คัญวาคนเหลาน้ีใหเ ราสาํ เหนียก จึงเปนชางดรุ ายแนน อนจงึ ถามพวกคนเลี้ยงชางวาคนบางพวกเคยกลาวคาํ อะไรในตอนกลางคืน ณ ทใ่ี กลชาง มอี ยูห รอื หนอ ? พวกคนเลี้ยงชางกลาววา ขอรับ นาย พวกโจรพากนั มากลา ว. พระโพธิสตั วจ งึ ไปกราบทูลแดพ ระราชาวา ขา แตสมมตเิ ทพ ความพิการไมม ใี นรา งกายแหง ชางของหลวงชางนนั้ เกิดเปนชา งดรุ า ย เพราะไดพึงถอยคาํ ของพวกโจรพะยะคะ. พระราชาตรสั ถามวา บดั นค้ี วรจะทําอยา งไร ? พระโพธสิ ัตวก ราบทูลวา นิมนตส มณ-พราหมณผูมีศลี ใหน ่ังในโรงชางแลวกลาวถงึ ศีลและอาจาระ จงจะควรพะยะคะพระราชาตรัสวา จงการทําอยา งนน้ั เถดิ พอ. พระโพธิสตั วจ ึงนมิ นตสมณ-พราหมณท้ังหลายผูมีศีลไหน งั่ ในโรงชางแลว กลาววา ทานผเู จริญ ขอทานท้ังหลายจงกลา วศลี กถาวา ดวยเรอ่ื งศลี สมณพราหมณเ หลานัน้ นั่งในทไ่ี มไ กลชา ง พากันกลา วศีลกถาวา ไมพ ึงปรามาสจับตอ ง ไมพ ึงดาใคร ๆ ควรเปนผูเ พยี บพรอ มดวยศีลและอาจาระ เปนผูประกอบดวยขนั ติ เมตตา และความเอน็ ดู ชางนั้นไดฟ ง ดังนั้นคิดวา สมณพราหมณเ หลา น้ีใหเราศึกษาสําเหนียกจําเดมิ แตบดั น้ไี ป เราควรเปน ผูม ศี ลี แลวไดเปนผมู ศี ีลแลวหรอื ? พระโพธ-ิสตั วกราบทลู วา พระเจาขา ขาแตส มมติเทพ พระราชาตรัสวา ชา งดรุ า ยชื่อเหน็ ปานน้ี อาศัยบัณฑิตท้งั หลายจึงต้งั อยูในธรรมอันเปนของเกา ได แลว ไดกลา วคาถานว้ี า
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 303 พระยาชางช่ือมหิลามุขไดเ ท่ียวทบุ ตีคนเพราะ ไดฟ งคาํ ของพวกโจรมากอน พระยาชา งผอู ดุ มตงั้ อยู ในคุณทัง้ ปวงก็เพราะไดฟง คาํ ของทานผูส ํารวมดแี ลว . ก็เพราะไดฟ ง คาํ ของทา นผสู าํ รวมดีแลว บรรดาบทเหลานนั้ บทวาโปราณโจราน ไดแกพ วกโจรรนุ เกากอน บทวา นิสมฺม ไดแ ก เพราะฟง อธบิ ายวา เพราะไดฟง คาํ ของพวกโจรมากอน. บทวา มหิลามุโขแปลวา มีหนาเชน กับหนา ชา งพงั อีกอยา งหนงึ่ . ชางพังเมือ่ แลดูขางหนาจึงจะงาม แลดขู า งหลงั ไมงามฉันใด ชา งแมนัน้ กฉ็ ันน้ัน เมื่อแลดูขางหนาจึงจะงาม เพราะฉะน้นั ชนทั้งหลายจึงต้ังชื่อชา งนนั้ วา มหลิ ามุข. บทวาโปถยมานจุ ารี ความวา เท่ียวตดิ ตามโบยอยู คอื ฆา อยู อกี อยา งหนง่ึพระบาลกี อ็ ยางน้ีแหละ. บทวา สสุ ฺตาน ไดแ ก ผสู ํารวมดวยดี คอืมศี ีล. บทวา คชุตตฺ โม ไดแ ก ชา งอดุ ม คือ ชา งมงคล. บทวาสพพฺ คุเณสุ อฏ ไดแก ตั้งอยูเฉพาะในคุณเกาท้ังปวง. พระราชาทรงพระดํารวิ า พระโพธสิ ัตวร อู ัธยาศัยแมข องสตั วดิรจั -ฉานทงั้ หลาย จงึ ไดพระราชทานยศใหญให พระราชานั้นทรงดาํ รงอยตู ราบช่วัพระชนมายุ ไดไปตามยถากรรมพรอมกบั พระโพธิสตั ว. พระศาสดาตรสั วา ดูกอ นภกิ ษุ แมใ นกาลกอน เธอกค็ บหาคนท่พี บเห็นแลว ๆ เหมอื นกนั เพราะไดฟง ถอยคําของสมณพราหมณผตู ั้งอยูใ นธรรมจงึ ไดคบหาทา นผูตง้ั อยูในธรรม ครั้นทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้ีมาสืบตออนสุ นธแิ ลว จึงทรงประชมุ ชาดกวา ชา งมหิลามุขในครั้งนนั้ ไดเปนภิกษุผซู องเสพฝายตรงขา มในบดั นี้ พระราชาในครง้ั นนั้ ไดเปนพระ-อานนท ในบัดนี้ สว นอํามาตยใ นคร้ังนั้น ไดเ ปนเราคือพระสัมมา-สัมพุทธเจาแล. จบมหิลามขุ ชาดกท่ี ๖
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 304 ๗. อภิณหชาดก วา ดวยการเห็นกันบอ ย ๆ [๒๗] พระยาชางไมส ามารถจะรับเอาคาํ ขาว ไมสามารถจะรบั เอากอนขาว ไมส ามารถจะรบั เอาหญา ท้ังหลาย ไมส ามารถจะขดั สกี าย ขา พระบาทสาํ คญั วา พระยาชางตวั ประเสริฐ ไดทําความรกั ใครในสุนัข เพราะไดเ ห็นกนั เนอ่ื ง ๆ. จบอภิณหชาดกที่ ๗ ๗. อรรถกถาอภณิ หชาดก พระศาสดาเมือ่ ประทับอยูใ นพระเชตวันวหิ าร ทรงปรารภอบุ าสกคนหนึ่งกับพระเถระแก จึงตรสั พระธรรมเทศนานี้ มคี าํ เรม่ิ ตนวา นาล กพลปทาตเว ดงั นี้. ไดย ินวา ในนครสาวัตถีมีสหาย ๒ คน บรรดาสหายท้งั สองนน้ัคนหนึง่ บวชแลวไดไ ปยังเรอื นของสหายนอกน้ีทกุ วัน สหายน้ันไดถ วายภกิ ษาแกภกิ ษผุ สู หายน้ัน แมตนเองก็บรโิ ภคแลว ไดไ ปวิหารพรอมกับภกิ ษผุ สู หายนนั้ น่ันแหละ น่งั สนทนาปราศัยอยูจ นพระอาทิตยอ ัสดง จงึ กลับเขา เมอื ง.ฝา ยภกิ ษผุ ูสหายนอกนี้กต็ ามสหายนน้ั ไปจนถึงประตเู มอื งแลวก็กลับ. ความคนุ เคยของสหายทงั้ สองนน้ั เกดิ ปรากฏในระหวางภิกษุท้งั หลาย. อยูมาวันหน่งึภกิ ษทุ ง้ั หลายนงั่ กลาวถงึ ความคนุ เคยของสหายทัง้ สองนน้ั ในโรงธรรมสภา.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 305พระศาสดาเสดจ็ มาแลวตรัสถามวา ภกิ ษทุ ้งั หลายบัดน้ี พวกเธอนง่ั สนทนากนั ดวยกถาเรอื่ งอะไรหนอ ? ภิกษุเหลา นั้นกราบทูลวา ดว ยกถาเรื่องชื่อน้ีพระเจา ขา . พระศาสดาตรสั วา ภิกษุทง้ั หลาย สหายทัง้ สองนเ้ี ปน ผูค ุนเคยกนัแตในบดั นี้ เทา น้นั หามิได แมในกาลกอน ก็ไดเ ปนผคู นุ เคยกนั เหมือนกันแลวทรงนาํ อดีตนิทานมา ดงั ตอไปน้.ี ในอดีตกาล เม่อื พระเจาพรหมทตั ครองราชสมบัตใิ นนครพาราณสีในกาลนั้น พระโพธิสตั วไ ดเ ปน อํามาตยข องพระเจาพรหมทตั นน้ั . ในกาลนั้นสนุ ัขตวั หนง่ึ ไปยังโรงชา งมงคลกินเมลด็ ขา วสุกแหง ภตั ทตี่ กอยูใ นทีท่ ช่ี า งมงคลบริโภค สนุ ขั น้นั เติบโตดวยโภชนะนน้ั น่นั แล จึงเกิดความคุนเคยกบั ชางมงคลบริโภคอยูในสํานกั ของชา งมงคลนัน้ เอง. สัตวแ มท ้ังสองไมอาจเปนไปเวนจากกัน. ชา งน้ัน เอางวงจบั สนุ ขั น้นั ไสไปไสมาเลน ยกข้นึ วางบนกระพองบาง.อยมู าวนั หนึง่ มนษุ ยช าวบา นคนหนงึ่ ใหมูลคาแกคนเลยี้ งชาง แลว ไดพาเอาสนุ ขั น้ันไปบานของตน ต้ังแตน้ัน ชางนั้นเนอ้ื ไมเ หน็ สนุ ัขก็ไมกิน ไมดมื่ไมอาบ พวกคนเลี้ยงชางจงึ กราบทูลเรอ่ื งนน้ั แกพ ระราชา พระราชาทรงสั่งพระโพธิสตั วไปดวยพระดาํ รัสวา บณั ฑติ ทา นจงไป จงรวู า เพราะเหตุไรชางจึงกระทาํ อยา งน้นั พระโพธิสัตวไ ปยังโรงชาง รูวา ชางเสียใจ คิดวาโรคไมปรากฏในทงั้ กายของชา งนี้ กค็ วามสนทิ สนมฐานมิตรกับใครๆ จะพงึ มีแกช างนั้น ชา งน้นั เห็นจะไมเหน็ มติ รนน้ั จึงถกู ความโศกครอบงํา ครั้นคดิแลว จึงถามพวกคนเล้ียงชางวา ความคุนเคยกับใครๆ ของชา งนี้ มีอยูหรอื ?พวกคนเล้ียงชา งกลา ววา มจี ะ นาย ชางนถี้ ึงความคุนเคยกนั มากกบั สนุ ัขตวั หนงึ่พระโพธิสัตวถามวา บดั น้ี สุนขั ตัวน้นั อยทู ไี่ หน ? พวกคนเลี้ยงชางกลาววาถกู มนุษยค นหนง่ึ นาํ ไป พระโพธสิ ตั วถามวา ก็ทีเ่ ปนท่อี ยูอาศยั ของมนษุ ยคน
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 306น้ัน พวกทานรจู ักไหม ? พวกคนเลี้ยงชา งกลา ววา ไมร ูจักดอกนาย. พระ-โพธสิ ัตวไดไปยงั สาํ นักของพระราชาแลวกราบทลู วา ขาแตส มมติเทพ อาพาธไร ๆ ของชางไมมี แตชา งนัน้ มคี วามคนุ เคยอยางแรงกลา กับสุนขั ตวั หนงึ่ชางนัน้ เห็นจะไมเ หน็ สนุ ขั นั้นจึงไมบรโิ ภค แลว กลาวคาถาน้ีวา พระยาชางไมส ามารถจะรบั เอาคาํ ขาว ไม สามารถจะรบั เอากอ นขาว ไมสามารถจะรบั เอาหญา ไมส ามารถจะขดั สีกาย ขาพระบาทมาสาํ คญั วา พระยา ชางตัวประเสรฐิ ไดท าํ ความรักใครใ นสนุ ัข เพราะได เหน็ กันเนอื ง ๆ. บรรดาบทเหลๆ นั้น บทวา นาล แปลวา ไมส ามารถ. บทวากพล ไดแก คาํ ขาวทใ่ี หเฉพาะทแี รก ในเวลาบรโิ ภค. บทวา ปทาตเวแปลวา เพอ่ื รบั เอา. พงึ ทราบการลบ อา อกั ษร เน่อื งดว ยวิธีสนธิการเชอื่ มศัพท. อธบิ ายวา เพ่ือถือเอา. บทวา น ปณฑฺ ไดแ ก ไมสามารถเพ่ือรับเอาแมกอ นภัตท่เี ขาปน ให. บทวา ห กเุ ส ไดแ ก ไมส ามารถรับเอาแมหญา ท้ังหลายทเี่ ขา ใหก ิน. บทวา น ฆ สิตุ ความวา ใหอ าบอยูกไ็ มส ามารถจะขดั สีแมรางกาย. พระโพธสิ ตั วก ราบทูลแดพระะราชาถงึ เหตทุ งั้ ปวงทีช่ า นน้ัไมสามารถจะกระทาํ อยา งน้แี ลว เม่ือจะกราบทูลถงึ เหตทุ ต่ี นกาํ หนด ในเพราะชางนน้ั ไมส ามารถ จงึ กราบทูลคาํ มอี าทวิ า มฺามิ ขา พระบาทสําคญั วา ดังน.้ี พระราชาทรงสดับคาํ ของพระโพธสิ ัตวนน้ั แลว จงึ ตรัสถามวา ดกู อ นบณั ฑติ บัดน้คี วรกระทําอยางไร ? พระโพธิสัตวก ราบทูลวา ขาแตส มมติเทพไดย ินวา มนษุ ยผหู น่งึ พาเอาสุนัข ผเู ปน สหายของชา งมงคลแหง ขา พระบาท
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 307ทัง้ หลายไป ขอพระองคจ งใหค นเทีย่ วตกี ลองประกาศวา ชนท้ังหลายแมเห็นสนุ ัขนัน้ ในเรือนของคนใด คนน้นั จะมีสินไหมชื่อนี้ ดงั นี้ พระเจาขา.พระราชาทรงใหก ระทาํ อยา งนั้น. บรุ ษุ น้ัน ไดสดับขา วนั้นจึงปลอยสนุ ขั สุนขัน้นั รีบไปไดไปยงั สํานกั ของชางทเี ดียว. ชางเอางวงจบั สุนขั นน้ั วางบนกระพองรอ งไหร ่ําไรแลวเอาลงจากกระพอง เม่อื สนุ ขั นน้ั บรโิ ภค คนจึงบรโิ ภคภายหลังพระราชาทรงพระดาํ รวิ า พระโพธิสตั วรูอัธยาศัยของสัตวด ริ จั ฉาน จึงไดประทานยศใหญแกพระโพธสิ ตั ว. พระศาสดาตรัสวา ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษสุ องรูปน้ีเปนผคู ุนเคยกนั ในบดั นี้เทา น้นั หามไิ ด แมใ นกาลกอนกไ็ ดเปน ผคู ุนเคยกนั มาแลว ครัน้ทรงนําพระธรรมเทศนานีม้ าแลว ทรงเปล่ยี นแสดงดวยกถาวาดว ยสจั จะ ๔ทรงสบื อนสุ นธิ แลว ทรงประชุมชาดก. ชอื่ วาการเปลยี่ นมาแสดงกถาวาดวยสจั จะ ๔ นี้ ยอมมแี มทุกชาดกทีเดียว แตเ ราทัง้ หลายจกั แสดงการเปล่ยี นกลับมาแสดงกถาวาดว ยอริยสจั ๔ เฉพาะในชาดกทป่ี รากฏอานิสงสแกบคุ คลน้นัเทา นัน้ แล. สนัขในกาลนน้ั ไดเ ปน อบุ าสกในบดั นี้ ชางในกาลนน้ัไดเ ปนพระเถระแตในบดั นี้ พระราชาในกาลนั้น ไดเ ปนพระอานนทในบดั นี้ สวนบัณฑิตผูเปน อํามาตยไดเปนเราแล. จบอภิณหชาดกที่ ๗
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 308 ๘. นันทิวสิ าลชาดก วาดว ยการพดู ดี [๒๘] บคุ คลพงึ กลา วแตคําท่นี าพอใจเทา น้นั ไม พงึ กลาวคาํ ที่ไมนา พอใจในกาลไหน ณ เม่อื พราหมณ กลา วคํานาพอใจ คนนันทวิ สาลไดลากเอาภาระอัน หนกั ไปได ทาํ พราหมณผ ูน ้ันไหไ ดทรัพยดว ย ตนเอง เปนผูปลม้ื ใจเพราะการชวยเหลอื นัน้ ดวย. จบนันทิวสิ าลชาดกท่ี ๘ ๘. อรรถกถานนั ทิวิสาลชาดก พระศาสดาเมอ่ื ประทับอยใู นพระวิหารเชตวนั ทรงปรารภการพูดเสยี ดแทงใหเจบ็ ใจ ของพวกภกิ ษฉุ ัพพัคคีย จงึ ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี าํเริม่ ตน วา มนุ ฺ เมว ภาเสยยฺ ดงั น.ี้ ความพิศดารวา สมัยนั้น พวกภกิ ษุฉพั พคั คียเ มอ่ื กระทําการทะเลาะยอมขู ยอ มตะเพิด ยอ มทิ่มแทง ยอมดา ดว ยเร่อื งสาํ หรบั ดา ๑๐ ประการภกิ ษทุ ัง้ หลายจงึ กราบทลู แดพ ระผมู พี ระภาคเจา พระผมู พี ระภาคเจารับสั่งใหเรียกภกิ ษฉุ พั พคั คยี มาแลวตรัสถามวา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย ไดย ินวาพวกเธอกระทําการทะเลาะจรงิ หรือ ? เม่ือพวกภิกษุฉัพพคั คยี ก ราบทูลวา จรงิ พระเจาขา จึงทรงติเตียนแลวตรัสวา ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ชอื่ วา วาจาหยาบกระทาํ
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 309แตค วามฉิบหายให ไมเ ปน ที่พอใจแมแ หง สัตวด ริ ัจฉาน แมใ นกาลกอนสตั วด ริ จั ฉานตวั หนึง่ ยอ มยังคนผรู อ งเรยี กตนดวยคาํ หยาบใหพ ายแพดวยทรัพยพ ันหนง่ึ แลวจงึ ทรงนําอดตี นิทานมา ดังตอไปนี.้ ในอดตี กาล มีพระราชาพระนามวาคันธาระ ครองราชสมบัติอยูในเมืองตกั กศลิ า แควนคนั ธาระ พระโพธสิ ัตวบังเกดิ ในกําเนดิ โค. ครง้ั ในกาลท่ีพระโพธสิ ัตวเ ปน ลกู โคหนมุ นง่ั เอง พราหมณคนหนึ่งไดพระโพธิสตั วน ้นัจากสาํ นกั ของทายกผูใหทักษิณา ตง้ั ชือ่ วานันทวิ สิ าล แลว ต้ังไวในฐานะบตุ รรกั ใครม าก ใหข าวยาคูและภตั เปนตนบาํ รงุ เลีย้ งแลว . พระโพธิสตั วเ จริญวัยแลว คิดวา พราหมณนี้ปรนนบิ ตั เิ ราไดโดยยาก ช่อื วา โคอน่ื ผูม ธี ุระเสมอเชน กบั เรา ยอ มไมม ใี นชมพทู วีปทัง้ ส้ิน ถา กระไร เราพงึ แสดงกําลังของตนแลวพงึ ใหค าเล้ียงดูแกพราหมณ. วันหนึง่ พระโพธิสตั วน ั้นกลาวกะพราหมณวา พราหมณท า นจงไป จงเขาไปหาโควินทกเศรษฐีนั่น แลวกลาววา โคพลพิ ทั ของเรายังเกวยี นรอ ยเลม ซ่ึงผูกตดิ ๆ กนั ใหเ คลอื่ นไปได ทา นจงกระทาํ การเดมิ พันดวยทรัพยพ นั กหาปณะพราหมณนัน้ จึงไปยังสาํ นักของเศรษฐีส่ังสนทนาขึ้นวา ในนครน้โี คของใครเพยี บพรอ มดว ยเร่ียวแรง. ลาํ ดับน้ันเศรษฐจี งึ กลา วกะพราหมณน ้นั วา ของตนโนน และของตนโนน แลว กลาววาก็ทั่วทงั้ นครโคช่อื วา เชนกับดวยโคทงั้ หลายของเรา ยอ มไมม ี. พราหมณก ลาววา โคของเราตัวหนงึ่ สามารถใหเกวยี นรอ ยเลมผูกตดิ ๆ กันเคล่ือนไปได มีอย.ู เศรษฐีกลา ววา คฤหบดี โคเห็นปานน้จี ะมีแตไ หน. พราหมณกลา ววาอยใู นเรอื นของเรา. เศรษฐกี ลา ววา ถาอยางนนั้ ทานจงการทาํ เดิมพนั .พราหมณกลา ววา ดีละ ขา พเจาจะทํา แลว ไดกระทําเดิมพนั ดวยทรัพยพ ันกหาปณะ พราหมณน น้ั ยงั เกวียนรอ ยเลม ใหเ ต็มดว ยทราย กรวด และหนิ เปน ตน
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 310แลวจอดไวตามลําดับกนั แลว ผูกเกวียนทกุ เลมเขาดวยกันดว ยเชือกสําหรบั ผกูเพลาแลว ใหโคนนั ทิวิสาลอาบน้าํ แลว เจมิ ดวยของหอม ประดบั พวงมาลาท่คี อแลวเทียมเฉพาะตัวเทา น้นั ทท่ี บู เกวยี นเลม แรก ตนเองน่งั ทที่ ูบเกวยี น เงือ้ ปฏกัข้ึนแลว กลาววา เจาโคโกง จงลากไป เจา โคโกง จงนาํ ไป. พระโพธิสัตวคดิวา พราหมณนรี้ องเรียกเราผไู มโ กง ดวยวาทะวา โกง จงึ ไดย นื ทําเทา ทัง้ ๔ใหน ัง่ เหมือนเสา. ทนั ใดน้นั เศรษฐจี งึ ใหพ ราหมณนาํ ทรัพยพ ันกหาปณะมา.พราหมณแพ (พนนั ) ดวยทรพั ยพนั กหาปณะ จึงปลดโคแลวไปเรือนถูกความโศกครองงาํ จึงไดนอน. โคนนั ทวิ ิสาลเที่ยวไปแลวกลับมา เห็นพราหมณถูกความโศกครองงํา จึงเขา ไปหาแลว กลา ววา พราหมณ ทา นนอนหลับหรอื .พราหมณก ลาววา เราแพพนันดว ยทรพั ยพ ันกหาปณะ จะมีความหลบั มาแตไ หน.โคนนั ทิวิสาลกลา ววา ทา นพราหมณ ฉันอยูใ นเรอื นของทานมาตลอดกาลมีประมาณเทา นี้ เคยทําภาชนะอะไร ๆ แตก เคยเหยยี บใคร ๆ หรอื เคยถายอุจจาระ ปสสาวะ ในท่อี นั ไมควร มีอยหู รือ. พราหมณกลา ววา ไมม ดี อกพอ.ลําดบั น้นั โคนนั ทิวิสาลกลา ววา เมอื่ เปนเชน นน้ั เพราะเหตุไร ทา นจงึ เรียกฉนั ดว ยวาทะวา โคโกง น้นั เปนโทษของทานเทา นั้นโทษของฉนั ไมมี ทา นจงไปจงทําเดิมพันดว ยทรพั ย ๒,๐๐๐ กหาปณะกับเศรษฐีนน้ั ขออยางเดียวทานอยาเรยี กฉันผูไ มโกง ดว ยวาทะวาโคโกง พราหมณไดฟ ง คําของโคนนั ทิวสิ าลนน้ัแลว ปการทําเดมิ พันดวยทรพั ย ๒,๐๐๐ กหาปณะแลวผกู เกวยี นรอยเลมตดิ กันโดยนยั อนั มแี ลวในกอน ประดบั โคนันทิวิสาลแลวเทียมเกวียนเลม แรกเขา ที่ทบู เกวยี น. ถามวา เทียมอยา งไร ? ตอบวา พราหมณผ กู แอกใหแ นนท่ีทูบเกวยี นแลว เทยี มโคนันทิวิสาลเขาท่ีปลายแอกขา งหน่ึงแลวเอาเชือกที่ทูบเกวียนพนั ปลายแอกขา งหนึง่ แลว ใสไมคํ้ายันปลายแอก เพลา และเชงิ เกวยี นเอาเชอื กนน้ั ผกู ใหแ นน แลว จอดไว กเ็ มือกระทาํ อยา งนี้ แอกยอมไมเ คลอ่ื นไปทางโนน
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 311ทางนี้ โคตวั เดยี วเทานน้ั อาจลากไปได ลําดบั นน้ั พราหมณน งั่ บนทูบเกวียนลูบหลังโคนนั ทิวิสาลนั้นพลางกลาววา โคผูเจรญิ พอ จงไป โคผเู สรญิ พอ จงลากไป. พระโพธิสัตวล ากเกวยี นรอยเลม ท่ผี ูกตดิ กัน ดวยกาํ ลงั แรงครั้งเดยี วเทาน้ัน ใหเ กวียนเลม ทตี่ ้งั อยูข า งหลังไปตั้งอยูในท่ีของเกวียนซง่ึ ตั้งอยขู างหนาโควินทกเศรษฐแี พแ ลว ไดใหทรพั ย ๒,๐๐๐ กหาปณะแกพรหมณ มนษุ ยแมอน่ื ๆ ก็ไดใหท รัพยเปน อันมากแกพ ระโพธิสตั ว ทรัพยท้งั หมดนั้น ไดเปนของพราหมณท ัง้ นัน้ พราหมณนน้ั อาศัยพระโพธิสตั วจึงไดท รัพยเปนอันมากดว ยประการอยางน้ี. พระศาสดาตรสั วา ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ชอื่ วาคําหยาบไมเปน ท่ีชอบใจของใคร ๆ แลว ทรงติเตียนพวกภกิ ษฉุ พั พคั คียแลว ทรงบัญญัติสกิ ขาบท เปนพระผูตรัสรูพรอมเฉพาะแลว จงึ ตรัสพระคาถานีว้ า บคุ คลพึงกลา วแตคําที่นาพอใจเทา น้นั ไมพงึ กลาวคําทไ่ี มน าพอใจ ในกาลไหน ๆ เมอ่ื พราหมณ กลาวคําที่นา พอใจโคนนั ทวิ สิ าลไดล ากเอาภาระหนกั ไปได ทาํ พราหมณผ นู ัน้ ใหไดทรพั ยดวย ตนเองก็ เปนผปู ลม้ื ใจเพราะการชว ยเหลอื น้ันดวย. บรรดาบทเหลานั้น บทวา มนุ ฺเมว ภาเสยยฺ ความวา บคุ คลเมอ่ื จะกลาวกับคนอน่ื พงึ กลาวเฉพาะปย วาจาอันออนหวานออนโยนเปนท่ีนา พอใจไพเราะเวนจากโทษ ๔ ประการ. บทวา ครภุ าร อุททฺธริ ความวาโคนนั ทิวสิ าล เมือ่ พราหมณก ลาวคําท่ไี มน าพอใจ กไ็ มลากภาระ เมือ่ พราหมณกลา วคาํ เปนทรี่ ัก นาพอใจในภายหลัง จงึ ลากภาระหนักไปใหถ งึ . ก็ ท อักษรในบทวา อุททฺธริ น้นั ในคาถาน้ี เปนอักษรทาํ การเช่อื มบท โดยการเช่ือมพยัญชนะแล.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 312 พระศาสดาครนั้ ทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้ีวา มนฺุเมว ภาเสยยฺมาดวยประการฉะนแี้ ลว จึงทรงประชมุ ชาดกวา พราหมณในกาลนนั้ ไดเปนพระอานนท สว นโคนันทิวิสาล ไดเ ปน เราคอื พระสมั มาสมั -พุทธเจาแล. จบนันทวิ ิสาลชาดกท่ี ๘ ๙. กัณหชาดก วาดวยผูเอาการเอางาน [๒๙] ในท่ีใด ๆ มีธรุ ะหนกั ในทีใ่ ดมีทางลุม ลึก ชนท้งั หลายก็เทียมโคดาํ ในกาลนัน้ ทเี ดียว โคดํา นน้ั กน็ าํ เอาธุระนน้ั ไปไดโดยแท. จบกัณชาดกท่ี ๙ ๙. อรรถกถากณั หชาดก พระศาสดาเมอ่ื ประทบั อยูในพระวหิ ารเชตวนั ทรงปรารภยมกปาฏิ-หารยิ จ ึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคําเริม่ ตน วา ยโต ยโต ครุ ธรุ ดงั น.้ี ยมกปาฏหิ าริยน ั้นพรอมกบั การเสดจ็ ลงจากเทวโลก จักมีแจง ในสรภงั คชาดก เตรสนบิ าต. ก็เน้ือพระสมั มาสัมพทุ ธเจา ทรงกระทาํ ยมก-ปาฏิหารยิ แ ลว เสด็จอยูใ นเทวโลก ในวันมหาปวารณา เสดจ็ ลงทป่ี ระตูเมอื ง
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 313สงั กัสสะ แลวเสดจ็ เขาไปยงั พระเชตวันมหาวิหารพรอ มดวยบริวารใหญ ภกิ ษุทั้งหลายประชมุ กันในโรงธรรมสภานั่งกลา วถึงพระคุณของพระศาสดาวา อาวุโสท้งั หลาย ช่อื วา พระตถาคต มธี รุ ะไมมีผเู สมอ คนอ่ืนช่อื วาผูสามารถเพื่อจะนําเอาธุระท่ีพระตถาคตนาํ ไปแลว ยอ มไมมี ครทู ัง้ ๖ กลา ววา พวกเราเทา น้นัจกั กระทาํ ปาฏหิ าริย พวกเราเทา นัน้ จกั กระทาํ ปาฏหิ าริย แมป าฏหิ ารยิ อยางหนง่ึก็ไมไ ดท าํ นา อศั จรรย พระศาสดาทรงมีธรุ ะไมม ีผูเสมอ พระศาสดาเสดจ็ มาแลว ตรสั ถามวา ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนง่ั สนทนากนั ดว ยเร่ืองอะไรหนอ ? ภิกษุท้ังหลายกราบทูลวา ขาแตพ ระองคผ เู จริญ พวกขาพระองคนั่งสนทนากันดว ยเรอ่ื งอื่น หามไิ ด นงั่ สนทนากันดว ยเร่อื งพระคุณเฉพาะของพระองคช ่ือเห็นปานน.้ี พระศาสดาตรัสวา ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ใคร ๆ จักนําไปซึง่ ธรุ ะที่เรานาํ ไปแลว ในบัดน้ีเทา นัน้ ก็หามไิ ด แมในกาลกอน เขาแมบงั เกดิ ในกาํ เนิดเดยี รัจฉาน ก็ไมไ ดใ ครๆ ผูมธี ุระเสมอกับในแลวทรงนําอดตีนทิ านมา ดังตอ ไปน้ี ในอดีตกาล เมื่อพระเจาพรหมทตั ครองราชสมบัติ ในนครพาราณสีพระโพธิสัตวถือปฏิสนธใิ นกาํ เนดิ โค คร้ันในเวลาทียงั เปนลูกโคหนุม นนั่ แลเจา ของทง้ั หลายอยใู นเรือนของหญงิ แกคนหน่งึ กําหนดคา เชา ท่ีอยอู าศัยจงึ ไดใหล กู โคนั้น หญิงแกนั้นปฏบิ ัตลิ กู โคหนมุ นน้ั ดว ยขา วยาคูและภตั เปน ตน ตง้ัไวใ นฐานะบุตรใหเ ติบโตแลว ลกู โคนั้น ปรากฏชอ่ื วา อัยยิกากาฬกะ. กโ็ คนั้นเจรญิ วัยแลว เปนผูมีสีเหมือนดอกอัญชนั เทียวไปกับโคบา น ไดเปนผูถึงพรอ มดวยศีลและอาจาระ พวกเดก็ ชาวบานนบั ท่เี ขาบาง ทห่ี บู า ง ที่ตอบางโหนบาง จับท่หี างเลนบา ง ดึงมาบา ง นัง่ บนหลงั บาง. วนั หน่งึ โคนน้ั คิดวามารดาของเรายากจน ตงั้ เราไวในฐานเปน บตุ ร เลย้ี งดูนาโดยลําลาก ถา กระไร
พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 330กระดกิ หาง ลาํ ดับนน้ั นางนกยางนัน้ จึงปลอยปลานัน้ ดวยสําคัญวา เหน็ จะเปนปลามีชีวิตอยู ทา วสกั กะตรัสวา สาธุ สาธุ เธออาจรักษาศลี ได แลวไดเสดจ็ ไปยงั เทวโลก นางนกยางนัน้ จุติจากอัตภาพนน้ั มาบงั เกิดในเรอื นของนายชา งหมอ ในนครพาราณส.ี ทา วสักกะทรงพระดาํ รวิ า นางนกยางบังเกดิ ณ ทไี่ หนหนอ ทรงรูว าเกิดในตระกลู ชางหมอ จึงทรงเอาฟก ทองคําบรรทกุ เตม็ ยานนอย แปลงเพศเปนคนแกน ง่ั อยกู ลางบา นปา วรอ งวา ทานทัง้ หลายจงรบั เอาฟก เหลอื ง คนทง้ัหลายมากลา ววา ขาแตพอ ทานจงใหทาวสักกะตรัสวา เราใหแกค นทั้งหลายผูรักษาศลี ทา นท้งั หลายจงรกั ษาศลี คนท้งั หลายกลาววาขึ้นชือ่ วาศลี พวกเราไมรูจกั ทา นจงใหด ว ยมลู คา. ทาวสกั กะตรสั วา เราไมตองการมูลคา เราจะใหเฉพาะแกผรู ักษาศีลเทานน้ั . คนทัง้ หลายกลา ววา นฟี้ ก เหลืองอะไรกนัหนอ แลว ก็หลีกไป. นางสชุ าดาไดฟ งขาวนั้นแลวคิดวา เขาจักนาํ มาเพ่ือเราจึงไปพูดวา ขา แตพอ ทา นจงใหเถิด. ทา วสกั กะตรสั วา แม เธอรักษาศีลแลว หรอื นางสชุ าดากลาววา จะ ฉัน รกั ษาศลี . ทา วสกั กะตรสั วา ส่ิงน้เี รานํามาเพือ่ ประโยชนแ กเจา เทา นัน้ แลววางไวท่ีประตบู านพรอมกับยานนอ ยแลวหลีกไป. ฝายนางสุชาดานน้ั รกั ษาศีลจนตลอดช่วั อายุ จุติจากอัตภาพนน้ั ไปบงั เกดิ เปน บิดาของจอมอสูรนามวาเวปจติ ติ ไดเปนผูมรี ปู รางงดงามดว ยอาน-ิสงสแ หง ศีล ในเวลาธดิ าน้นั เจรญิ วัยแลว ทาวเวปจติ ติน้ันดาํ รวิ า ธดิ าของเราจงเลอื กสามีตามความชอบใจของตน จึงใหพ วกอสูรประชุมกนั . ทาวสกั กะทรงตรวจดวู า นางสชุ าดานน้ั บงั เกิด ณ ที่ไหนหนอ ครนั้ ทรงทราบวานางเกดิ ในภพอสูรนั้นจงึ ทรงดาํ ริวา นางสุชาดาเมือ่ จะเลอื กเอาสามีตามที่ใจชอบ จักเลอื ก
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 331เอาเรา จึงทรงนริ มิตเพศเปนอสรู แลว ไดไ ปในทปี่ ระชมุ นน้ั . ญาติทั้งหลายประดับประดานางสุชาดาแลว นํามายงั ที่ประชุมพลางกลา ววา เจา จงเลือกเอาสามที ใี่ จชอบ นางตรวจดอู ยู แลเห็นทาวสกั กะ. ดว ยอาํ นาจความรักอนั มใี นกาลกอ น จึงไดเ ลือกเอาวา ทา นผูน้เี ปนสามีของเรา. ทา วสักกะจึงทรงนาํ นางมายังเทพนคร ทรงกระทาํ ใหเ ปน ใหญก วา นางฟอนจํานวน ๒๕๐๐ โกฏิ ทรงดํารงอยตู ลอดชั่วพระชนมายุ แลวเสดจ็ ไปตามยถากรรม. พระศาสดาครนั้ ทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแลว ตรัสวา ดกู อนภิกษุบณั ฑติ ทง้ั หลายในปางกอ นครองราชสมบัตใิ นเทวโลก ถงึ จะสละชวี ิตของตนกไ็ มก ระทําปาณาติบาต ดว ยประการอยา งนี้ ชื่อวาเธอบวชในศาสนาอนั เปนเครอื่ งนําออกจากทุกขเหน็ ปานนีเ้ หตุไรจกั ดม่ื นํ้ามีตัวสัตวอนั มไิ ดก รองเลา จึงทรงติเตยี นภกิ ษนุ ้นั แลวทรงสืบอนุสนธิ ประชมุ ชาดกวา มาตลีสารถีในครัง้ นั้นไดเ ปน พระอานนทใ นบัดนี้ สวนทา วสกั กะในครัง้ นั้นไดเ ปน เราแล. จบกลุ าวาชาดกที่ ๑
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 332 ๒. นัจจชาดก เหตทุ ี่ยังไมใ หล ูกสาว [๓๒] เสียงของทา นกเ็ พราะ หลังของทา นก็งาม คอ ของทานก็เปรียบดังสแี กว ไพฑรู ย และหางของทานก็ ยาวตง้ั วา เราจะไมไหล ูกสาวของเราแกท าน เพราะการ รําแพนหาง. จบนัจจชาดกท่ี ๒ ๒. อรรถกถานจั จชาดก พระศาสดาเมื่อประทบั อยใู นพระเชตวนั วหิ าร ทรงปรารภภกิ ษุผูมีภณั ฑะมากรปู หน่งึ จงึ ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี าํ เรม่ิ ตน วา รุท มนุ ฺดงั น.ี้ เรอ่ื งเปนเชน กับเร่ืองท่กี ลา วไวใ นเทวธรรมชาดกในหนหลงั นนั่ แหละ.พระศาสดาตรัสถามภกิ ษุนัน้ วา ดูกอ นภิกษุ ไดยินวาเธอเปนผูมภี ัณฑะมากจรงิ หรือ ? ภกิ ษนุ ัน้ กราบทลู วา พระเจา ขา ขา แตพ ระองคผูเจรญิ . พระ-ศาสดาตรสั ถามวา เพราะเหตไุ ร เธอจึงเปนผมู ภี ณั ฑะมาก ? ภกิ ษนุ ้นั พอไดฟงพระดํารัสมีประมาณเทา น้กี ็โกรธจึงทิง้ ผา นุง ผาหม คิดวา บดั นี้ เราจักเที่ยวไปโดยทํานองนแ้ี ล แลวไดย ืนเปน คนเปลือยอยู ณ เบอื้ งพระพกั ตร.คนท้งั หลายพากนั กลา ววา นา ตําหนิ นา ตําหน.ิ ภกิ ษุน้ันหลบไปจากท่ีน้ัน
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 333แหละ แลวเวียนมาเพอ่ื ความเปนคนเลว (คือสึก). ภิกษุทัง้ หลายนั่งประชมุกนั ในโรงธรรมสภา พากันกลา วโทษของภิกษนุ ั้นวา กระทํากรรมเห็นปานนี้เบ้ืองพระพกั ตรช่อื ของพระศาสดา. พระศาสดาเสดจ็ มาแลวตรสั ถามวา ภิกษุทง้ั หลาย บดั น้พี วกเธอนั่งสนทนากนั เรื่องอะไรหนอ ? ภิกษุท้งั หลายกราบทลูวา ขาแตพระองคผูเจริญ กช็ ือ่ ภิกษุน้ันละหิริและโอตตัปปะ เปน คนเปลือยเหมอื นเด็กชาวบา นในทา มกลางบรษิ ัท ๔ เบอ้ื งหนาพระองค ผูอันคนท้ังหลายรังเกียจอยู จึงเวยี นมาเพอ่ื ความเปน คนเลว เสอ่ื มจากพระศาสนา ดังน้ันขาพระองคทงั้ หลายจงึ นงั่ ประชุมกันดว ยการกลา วโทษมิใชคุณของภกิ ษนุ นั้ .พระศาสดาตรัสวา ภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษนุ ้นั เส่ือมจากศาสนาคือพระรัตนะในบดั นเ้ี ทานน้ั หามิได แมในกาลกอน กเ็ ปน ผเู ส่อื มแลวจากอติ ถีรัตนะเหมอื นกัน แลว ทรงนาํ อดีตนิทานมาวา ในอดีตกาลคร้ังปฐมกัป สัตว ๔ เทา ทัง้ หลายไดตั้งราชสีหใ หเ ปนราชาพวกปลาตงั้ ปลาอานนทใหเ ปน ราชา พวกนกไดต ้งั สุวรรณหงสใหเ ปน ราชา. ก็ธิดาของพระยาสวุ รรณหงสน น้ั นน่ั แล เปนลกู หงสม ีรปู งาม พระยาสุวรรณหงสนั้นไดใ หพรแกธิดานนั้ . ธิดานัน้ ขอ (เลอื ก) สามีตามชอบใจของตน. พระยาหงสใหพ รแกธดิ าน้นั แลว ใหน กทัง้ ปวงในปา หิมพานตป ระชมุ กนั หมนู กนานาชนิดมีหงสและนกยงู เปน ตน มาพรอ มกันแลว ประชุมกันที่พืน้ หินใหญแหง หน่งึพระยาหงสเรยี กธิดามาวา จงมาเลือกเอาสามตี ามชอบใจของตน. ธดิ านั้นตรวจดูหมูนก ไดเห็นนกยงู มีคอดังสีแกวมณี มหี างงามวจิ ติ รจึงบอกวา นกนี้จงเปนสามขี องดฉิ ัน. หมูนกทง้ั หลายจึงเขาไปหานกยูงแลวพดู วา ทา นนกยงู ผูสหาย ราชธดิ านเี้ มอื่ จะพอใจสามีในทา มกลางพวกนกมปี ระมาณเทาน้ี ไดย งัความพอใจใหเ กดิ ขึน้ ในทาน. นกยงู คิดวา แมวันน้พี วกนกก็ยังไมเหน็ กาํ ลงัของเรากอน จึงทาํ ลายหริ โิ อตตปั ปะเพราะความดีใจยง่ิ นกั เบอื้ งตน ไดเหยียดปกออกเร่ิมจะราํ แพนในทามกลางหมูใหญ ไดเ ปน ผรู ําแพน (อยางเตม็ ท่ี) ไมม ี
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 334เง่อื นงาํ ปดบงั ไวเ ลย. พระยาสวุ รรณหงสละอายกลาววา นกยูงน้ี ไมมีหิริอนั มีสมฏุ ฐานตั้งขน้ึ ภายในเลย โอตตปั ปะอนั มสี มฏุ ฐานดงั ขึ้นในภายนอกจะมีไดอยา งไร เราจกั ไมใหธ ิดาของเราแกนกยูงน้นั ผูทาํ ลายหิริโอตตัปปะ แลวกลา วคาถานใ้ี นทา มกลางหมูนกวา เสียงของทา นก็เพราะ หลังของทา นก็งาม คอ ของทา นกเ็ ปรียบดังสแี กวไพฑูรย และหางของทา น ก็ยาวตง้ั วา เราจะไมใ หล ูกสาวของเราแกทา น เพราะการราํ แพนทาง. บทวา รทุ มนุ ฺ ในคาถานน้ั ทานแปลง ต อักษร เปน ทอกั ษร. อธิบายวา เสยี งเปน ทน่ี า จบั ใจคือเสยี งรองไพเราะ. บทวา รุจิรา จปฏ ิ ความวา แมหลังของทานกว็ จิ ิตรงดงาม. บทวา เวฬรุ ยิ วณฺ ปู ฏิภาแปลวา เชนกับสแี กว ไพฑรู ย. บทวา พยฺ ามมตตฺ านิ แปลวา มปี ระมาณ๑ วา. บทวา เปกขฺ ณุ านิ ไดแก กําหาง. บทวา นจเฺ จน เต ธตี รโน ททามิ ความวา พระยาหงสกลาววา เราจะไมใหธ ิดาของเราแกท า นผูไมมีความละอายเห็นปานนี้ เพราะทานทาํ ลายหิริโอตตปั ปะแกวราํ แพนนนั่ แหละแลวไดใ หธ ดิ าแกลกู หงสผ ูเ ปน หลานของตน ในทามกลางบริษัทนนั้ นัน่ เอง. นกยูงไมไ ดธ ดิ าหงสกล็ ะอายจงึ บินหนไี ป. ฝายพระยาหงสก ไ็ ปยังท่อี ยูของตนน่ันแล. พระศาสดาตรสั วา ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ภกิ ษนุ ท้ี าํ ลายหิริโอตตปั ปะแลวเสอื่ มจากศาสนาคอื รัตนะ ในบัดนี้เทาน้ัน หามิได แมใ นกาลกอนกเ็ ปนผูเสอื่ มแลว แมจ ากรตั นะคอื หญงิ เหมอื นกัน พระองคคร้นั ทรงนาํ พระธรรมเทศนานีม้ าแลว จงึ ทรงสืบอนสุ นธปิ ระชุมชาดกวา นกยงู ในครั้งนนั้ ไดเ ปนภกิ ขุผมู ีภัณฑะมาก สว นพระยาหงสในครง้ั นนั้ ไดเ ปน เราตลาคตแล. จบนจั จชาดกที่ ๒
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 335 ๓. สัมโมทมานชาดก วา ดวยพนิ าศเพราะทะเลาะกัน [๓๓] นกทัง้ หลายพรอมเพรียงกันพาเอาขายไป เมื่อ ใด พวกมนั ทะเลาะกนั เมอื่ น้นั พวกมันจักตกอยใู น อํานาจของเรา. จบสมั โมทมานชาดกท่ี ๓ ๓. อรรถกถาสัมโมทมานชาดก พระศาสดาเมอ่ื เสด็จเขา ไปอาศัยพระนครสาวัตถี ประทบั อยใู นนิโครธาราม ทรงปรารภการทะเลาะกันแหงพระญาติ จงึ ตรัสพระธรรมเทศนานม้ี คี ําเร่มิ ตนวา สมฺโมทมานา ดังนี้ การทะเลาะแหงพระญาตินั้น จกั มีแจง ในกณุ าลชาดก. กใ็ นกาลนัน้พระศาสดาตรสั เรียกพระญาตทิ ัง้ หลายมาแลว ตรสั วา มหาบพติ รท้งั หลาย ช่ือวาการทะเลาะกัน และกนั แหงพระญาตทิ ั้งหลาย ไมสมควร จรงิ อยู ในกาลกอ นในเวลาสามัคคีกัน แมส ตั วดริ จั ฉานทั้งหลายกค็ รอบงําปจ จามิตร ถึงความสวัสดี ในกาลใดถึงการววิ าทกัน ในกาลนั้นกถ็ ึงความพนิ าศใหญห ลวงผูอนั ราชตระกูลแหง พระญาตทิ ัง้ หลายทลู ออ นวอนแลว จงึ ทรงนําอดตี นทิ านมาดังตอไปนี้
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 336 ในอดตี กาล เมอื่ พระเจาพรหมทตั ครองราชสมบตั ิในนครพาราณสีพระโพธิสตั วบงั เกิดในกําเนดิ นกกระจาบมนี กกระจาบหลายพันเปนบรวิ ารอยใู นปา. ในกาลนัน้ พรานลานกกระจาบคนหนง่ึ ไปยงั ทีอ่ ยขู องนกกระจาบเหลาน้นัทําเสยี งรองเหมอื นนกกระจาบ รวู า นกกระจาบเหลานั้นประชมุ กนั แลว จงึ ทอดตาขา ยไปขา งบนนกกระจาบเหลานัน้ แลวกดท่ีชายรอบ ๆ กระทําใหนกกระจาบท้งั หมดมารวมกนั แลวบรรจุเต็มกระเขาไปเรือน ขายนกกระจาบเหลา นน้ั เลยี้ งชพี ดว ยมูลคา นั้น. อยมู าวนั หน่งึ พระโพธิสัตวก ลา วกะนกกระจาบเหลา นน้ั วานายพรานนกนที้ าํ พวกญาติของเราท้ังหลายใหถ ึงความพินาศ เรารอู บุ ายอยา งหน่ึงอันเปนเหตุใหนายพรานนกนนั้ ไมอ าจจบั พวกเรา จาํ เดมิ แตบดั นีไ้ ปเมอื่นายพรานนกนสี้ ักวา ทอดขา ยลงเบือ้ งบนพวกเรา ทา นทั้งหลายแตล ะตัว จงสอดหวั เขา ในตาของตาขายตาหนง่ึ ๆ พากันยกตาขา ยขึน้ แลว พาบินไปยังทที่ ต่ี อ งการแลวพาดลงบนพุมไมม ีหนาม เมอ่ื เปน อยางนน้ั พวกเราจกั หนีไปทางสวนเบอื้ งลางโดยที่นน้ั . นกกระจาบเหลา น้ันทั้งหมดพากันรบั คาํ แลว ในวนั ท่ี ๒ เม่อืพรานนกทอดขา ยลงเบ้ืองบน กพ็ ากันยกขา ยขึ้นโดยนัยทพ่ี ระโพธสิ ตั วก ลาวแลวนนั่ แหละแลวพาดลงบนพมุ ไมมีหนามแหง หนึ่ง สวนตนเองหนีไปทางน้ัน ๆโดยสว นเบอื้ งลา ง. เม่ือพรานนกมวั ปลดขา ยจากพมุ ไมอ ยนู ่นั แหละ ก็เปนเวลาพลบคา่ํ . นายพรานนกนนั้ จงึ ไดเ ปน ผมู มี ือเปลา กลับไป. แมจาํ เดมิ แตวนั รงุ ขึ้นนกกระจาบเหลา น้ันกก็ ระทาํ อยางนนั้ นน่ั แหละ. ฝายนายพรานนกนนั้ เมือ่ ปลดเฉพาะขายอยู จนกระทง้ั พระอาทิตยอ ัสดง ไมไ ดอะไร ๆ เปน ผมู มี อืเปลา ไปบา น. ลําดบั น้นั ภรรยาของเขาโกรธพูดวา ทานกลบั มามอื เปลาทุกวนั ๆ เหน็ จะมีที่ท่ที านจะตอ งเลยี้ งดขู า งนอกแมแ หงอนื่ . นายพรานนกกลา ววา นางผเู จริญ เราไมม ที ี่ที่จะเล้ียงดแู หงอน่ื กอ็ นึง่ แล นกกระจาบเหลานนั้ มนั พรอ มเพรียงกันเทยี่ วไป มนั พากนั เอาขาย สักวา พอเราเหวี่ยงลง
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 337ไปพาดบนพมุ ไมมหี นาม แตพวกมันจะไมร า เริงอยูไดตลอดกาลท้งั ปวงดอกเจา อยาเสียใจ เม่ือใด พวกมันถงึ การววิ าทกนั เมื่อน้ันเราจักพาเอาพวกมันทงั้ หมดมา ทาํ หนาของเธอใหช น่ื บานเถิด แลว กลา วคาถานแ้ี กภรรยาวา นกระจาบทงั้ หลายราเริงบนั เทงิ ใจพาเอาขายไป เมอ่ื ใดพวกมันทะเลาะกัน เมอ่ื น้นั พวกมันจกั ตกอยใู น อาํ นาจของเรา. บรรดาบทเหลานั้น บทวา ยทา เต ววิ ทสิ สฺ นฺติ ความวา ในกาลใด นกกระจาบเหลาน้นั มีลทั ธติ า ง ๆ กัน มกี ารยดึ ถือตา ง ๆ กนั จกั ววิ าทกัน คือจกั ทําการทะเลาะกัน. บทวา ตทา เอหนิ ตฺ ิ เม วส ความวาในกาลนน้ั นกกระจาบเหลาน้นั แมท ั้งหมด จักนาสูอํานาจของเรา เม่อื เปนเชนนั้น เราจกั บนกกระจาบเหลานัน้ มา ทาํ ใบหนาของเธอใหเ บิกบานไวนายพรานนกปลอบโยนภรรยาดวยประการดงั กลาวมาฉะนี้ โดยลวงไป ๒-๓ วัน นกกระจาบตัวหนง่ึ เมอื่ จะลงยงั ภาคพืน้ ทหี่ ากนิไมไดก ําหนด จึงไดเหยียบหวั ของนกกระจาบตวั อ่ืน. นกกระจาบตวั ท่ถี กู เหยยี บหวั โกรธวา ใครเหยียบหัวเรา เมื่อนกกระจาบตัวนน้ั แมจ ะพูดวา เราไมไดกาํ หนดจึงไดเ หยียบ ทา นอยาโกรธเลย ก็ยังโกรธอยูนน่ั แหละ. นกกระจาบเหลาน้ัน เมอ่ื พากนั กลาวอยซู ้ํา ๆ ซาก ๆ จึงกระทําการทะเลาะกนั วา เหน็ จะทานเทา น้นั กระมงั ยกขา ยข้นึ ได. เม่อื นกกระจาบเหลา นัน้ ทะเลาะกนั พระโพธสิ ัตวคดิ วา ข้ึนชอ่ื วา การทะเลาะกันยอ มไมม คี วามปลอดภัย บัดนแี้ หละ-นกกระจาบเหลาน้นั จักไมยกขา ย แตน นั้ จกั พากันถึงความพินาศใหญห ลวงนายพรานนกจักไดโ อกาส เราไมอ าจอยูใ นท่ีน้ี. พระโพธสิ ตั วน้นั จึงพาบริษัทของตนไปอยทู ่ีอื่น. ฝา ยนายพรานนก พอลว งไป ๒-๓ วนั ก็มาแลวรองเหมือนเสียงนกกระจาบ ซดั ขา ยไปเบ้ืองบนของนกกระจาบเหลาน้นั ผูมาประชมุ
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 338กัน. ลําดบั นน้ั นกกระจาบตัวหนึง่ พดู วา เขาวา เมื่อทานยกขา ยขน้ึ เทา น้ันขนบนหัวจึงรว ง บัดนี้ ทานจงยกขึน้ . นกกระจาบอกี ตวั หนึง่ พูดวา ขา ววาเมือ่ ทา นมวั แตย กขายขึ้น (จน) ขนปกทง้ั สองขา งรวงไป บัดน้ที า นจงยกขึน้ .ดังน้ัน เม่ือนกกระจาบเหลา นน้ั มัวแตพ ดู วา ทานจงยกข้ึน ทา นจงขึ้น นายพรานนกมารวบเอาขาย ใหน กกระจาบเหลานน้ั ท้ังหมดมารวมกันแลวใสเต็มกระเชา ไดไปเรอื น ทาํ ใหภรรยารา เริงใจ. พระศาสดาตรัสวา ดกู อนมหาบพิตรทง้ั หลาย ช่ือวาความทะเลาะแหงพระญาติทง้ั หลายไมค วรอยา งนี้ เพราะความทะเลาะเปน มูลเหตุแหงความพนิ าศถา ยเดยี ว แลวทรงนาํ พระธรรมเทศนานมี้ าสืบตอ อนุสนธกิ นั แลว ทรงประชมุชาดกวา นกกระจาบตวั ท่ีไมเปน บัณฑติ ในครัง้ นน้ั ไดเปนพระ-เทวทัต สวนนกกระจาบตัวทีเ่ ปนบณั ฑติ ในครงั้ น้ัน ไดเปน เราแล. จบสมั โมทมานชาดกที่ ๓ ๔. มัจฉาชาดก วาดว ยความหึงหวง [๓๔] ความเย็น ความรอ น และการติดอยูใน แห ไมไ ดเ บยี ดเบียนเราใหไดรับทุกขเ ลย แตข อ ท่ี นางปลาสําคัญวา เราไปหลงนางปลาตวั อืน่ น่นั แหละ เบยี ดเบียนเราใหไดร ับทกุ ข. จบมัจฉาชาดกท่ี ๔
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 339 ๔. อรรถกถามจั ฉาชาดก พระศาสดาเม่ือประทบั อยูในพระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการประเลาประโลมของภรรยาเกา จงึ ตรัสพระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเรมิ่ ตน วา น ม สตี น ม อณฺห ดังนี้. ความพศิ ดารวา ในกาลน้นั พระศาสดาตรสั ถามภกิ ษุน้นั วา ดูกอ นภกิ ษุ ไดยนิ วาเธอเปน ผกู ระสันจะสกึ จรงิ หรือ ? ภกิ ษนุ ้ันกราบทูลวา ขา แตพระผูม ีพระภาคเจา จริง พระเจาขา . พระศาสดาตรสั ถามวา เพราะเหตุไรเธอจึงเปนผกู ระสันจะสกึ ? ภกิ ษนุ ัน้ กราบทลู วา ขาแตพ ระองคผ ูเจริญ ภรรยาเกา ของขา พระองคเปน ผูมีรสมืออรอย ขาพระองคไมอ าจละนาง พระเจา ขา.ลาํ ดบั นั้น พระศาสดาไดต รัสกะภกิ ษุนน้ั วา ดกู อ นภิกษุหญงิ นน่ั เปน ผูกระทําความฉิบหายแกเธอ แมใ นกาลกอ น เธอเมื่อจะถงึ ความตายกเ็ พราะอาศยั หญงินัน่ แตพนจากความตายเพราะอาศยั เรา แลว ทรงนาํ เรื่องอดีตนทิ านมา ดังตอ ไปนี้ ในอดีตกาล เมอื่ พระเจา พรหมทตั ครองราชสมบัติในนครพาราณสีพระโพธิสัตวไ ดเ ปน ปโุ รหิตของพระเจา พรหมทตั นน้ั ในกาลน้นั พวกชาวประมงไดทอดแหอยูใ นแมน ้ํา ครง้ั นัน้ มีปลาใหญต ัวหน่งึ มาเลนอยูก ับนางปลาของตนดวยความยนิ ด.ี นางปลาน้นั วายไปขางหนาของปลาใหญนัน้ ไดกลน่ิแห จึงเลี้ยงแหไป. สวนปลาใหญน น้ั ติดในกามเปนปลาโลเล ไดเขาไปยังทอ งแหนนั่ เอง. พวกชาวประมงรวู าปลาใหญนนั้ เขาไปติดแห จึงยกแหขนึ้ จับเอาปลา ไมฆ า โยนไปบนหลังทราย คิดวา จักปงปลาน้นั กนิ จึงกอไฟถานเส้ยี มไมแ หลม ปลาคราํ่ ครวญอยวู า การยา งบนถา นไฟหรือการเสียบดว ยไม
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 340แหลมนนั้ กห็ รอื ทกุ ขออยางอืน่ จะไมทาํ ไหเราลาํ บาก แตข อ ทน่ี างปลาน้ันถงึ ความโทมนัสในเราวา ปลาใหญน น้ั ไดไ ปหานางปลาตัวอนื่ ดวยความยนิ ดีเปนแนน้ันเทา น้นั เบียดเบียนเรา จึงกลาวคาถานว้ี า ความเย็น ความรอน และการตดิ อยใู นแห ไมไ ดเ บยี ดเบยี นเราใหไ ดรบั ทกุ ขเ ลย แตขอทีน่ างปลา สาํ คัญวา เราไปหลงนางปลาตวั อ่ืนนั่นแหละ เบียด- เบียนเราใหไ ดร ับทุกข. บรรดาบทเหลาน้นั บทวา น ม สตี น ม อณุ ฺห ความวาปลาทัง้ หลายยอมมีความหนาว ในเวลาถกู นาํ ออกไปจากน้าํ เมอื่ ความหนาวน้นัปราศจากไป ความรอ นยอมม.ี ปลาหมายเอาความหนาวและความรอ นแมทั้งสองนั้น จึงครํ่าครวญวา ความหนาว ความรอน ยอมไมเ บียดเบียนเรา.ปลาหมายเอาความทกุ ขซ ึง่ มีการปงบนถา นไฟทีจ่ กั มีข้นึ แมน นั้ จงึ คร่ําครวญวาความรอนจะไมเบยี ดเบียนเรา. ดวยบทวา น ม ชาลสฺมิ พาธน น้ี ปลายอ มคร่ําครวญวา การทีไ่ ดค ดิ อยูในแหแมน ้ัน ก็ไมเบียดเบียนเรา. ในบทวายจฺ ม ดงั นี้เปนตนไป มปี ระมวลความดังตอ ไปนี้. นางปลาน้นั ไมรูวาเราผตู ิดอยูในแหถูกพวกประมงเหลานั้นจับเอาไป เมอ่ื ไมเห็นเรากจ็ ะคดิ วาบดั น้ีปลาใหญน ั้นจกั ติดนางปลาตวั อน่ื ดวยความยินดีในกาม การทน่ี างปลานน้ั ผถู งึความโทมนัสคดิ ดงั น้ัน ยอมเบยี ดเบียนเรา เพราะเหตนุ ั้น ปลาใหญนน้ั จงึนอนครํ่าครวญอยบู นหลังทราย. สมัยนน้ั ปุโรหติ อนั ทาสแวดลอ มมายังฝงแมนาํ้ เพื่อจะอาบนาํ้ ก็ปุโรหิตน้ัน เปน ผรู ูเสยี งรอ งของสัตวท กุ ชนดิ . ดว ยเหตนุ น้ั ปโุ รหิตนัน้ ไดฟ ง ปลาครํ่าครวญจึงคดิ วา ปลานีค้ ร่ําครวญเพราะกิเลส กป็ ลาน้ีมีจติ กระสับกระสา ยอยางนี้ ตายไป จกั บงั เกิดในนรกเทา นน้ั เราจักเปนท่ีพึงอาศัยของปลาน้ี.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 341ปุโรหิตน้นั จึงไปหาพวกชาวประมงแลวกลาววา ทา นผเู จรญิ ท้ังหลาย พวกทา นไมใหป ลาเราเพือ่ ทาํ กับขาว แมส ักวัน. ชาวประมงทั้งหลายกลา ววา นายทานพดู อะไร ทานจงเลือกเอาปลาทีท่ านชอบใจไปเถดิ . ปุโรหิตกลา ววา เราไมม กี ารงานกับผอู น่ื พวกทา นจงใหเ ฉพาะปลาตัวนี้เทาน้นั . พวกชาวประมงกลาววา เอาไปเถอะนาย. พระโพธิสตั วเ อามือทง้ั สองจบั ปลานัน้ ไปนัง่ ทฝี่ งแมน ้ํากลา วสอนวา ปลาผูเจรญิ วันนี้ ถาเราไมเหน็ เจา เจาจะตอ งถงึ แกความตาย ต้งั แตบ ดั นไี้ ป เจาอยา ไดตกอยูในอํานาจของกิเลสเลย แลวปลอยไปในน้าํ ในเองเขาไปยงั นคร. พระศาสดาคร้นั ทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแลว ทรงประกาศสจั จะท้ังหลาย. ในเวลาจบสจั จะ ภกิ ษุผกู ระสันจะสึกต้ังอยูในโสดาปต ตผิ ล. ฝายพระศาสดาไดทรงสืบอนุสนธปิ ระชุมชาดกวา นางปลาในครั้งน้นั ไดเ ปนภรรยาเกาในบัดน้ี ปลาในครั้งนัน้ ไดเ ปน ภิกษุผกู ระสันในบัดน้ีสว นปุโรหติ ในครง้ั นนั้ ไดเปน เราเองแล. จบมจั ฉชาดกท่ี ๔ ๕. วฏั ฏกชาดก วา ดว ยความจริง [๓๕] ปกของเรามีอยู แตกบ็ นิ ไมไ ด เทา ทั้งสองของเราก็มีอยู แตก เ็ ดนิ ไมได มารดาและบดิ า ของเราออกไปทาอาหาร ดกู อ นไฟ ทานจงถอยกลับ ไปเสีย. จบวัฏฏกชาดกที่ ๕
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 342 ๕. อรรถกถาวัฏฏกชาดก พระศาสดาเมอ่ื เสดจ็ เท่ียวจารกิ ไปในมคธชนบททง้ั หลาย ทรงปรารภการดับไฟปา จึงตรสั พระธรรมเทศนานี้ มคี าํ เริม่ ตน วา สนตฺ ิ ปกฺขา ดังน.ี้ ความพศิ ดารวา สมยั หนึ่ง พระศาสดาเม่ือเสดจ็ เทีย่ วจารกิ ไปในมคธชนบทท้ังหลาย ไดเสด็จเทย่ี วบิณฑบาตในหมูบ านชาวมคธแหง หน่งึ เสดจ็กลบั จากบิณฑบาตภายหลงั ภตั อนั หมูภกิ ษสุ งฆแวดลอม เสด็จดาํ เนินสทู าง.สมัยน้นั ไฟปาเปน อันมากตง้ั ข้ึน ภกิ ษเุ ปน อันมากเหน็ ท้ังขางหนา และขา งหลังไฟแมน ัน้ แล มคี วันเปน กลุม เดียว มเี ปลวเปน กลุมเดียว กําลังลุกลามมาอยูทีเดียว บรรดาภกิ ษเุ หลา นัน้ ภิกษุปุถชุ นพวกหน่ึงกลวั ตอ มรณภยั กลา ววาพวกเราจะจดุ ไฟตัดทางไฟ ไฟทีไ่ หมม าจกั ไมไ หมทว มทบั ทีท่ ไี่ ฟนนั้ ไหมแลวจึงนําหินเหล็กไฟออกมาจุดไฟ. ภิกษุอีกพวกหน่งึ กลาววา ทา นผมู อี ายุ พวกทา นกระทํากรรมชือ่ อะไร พวกทานไมเ ห็นพระสัมมาสัมพทุ ธเจาผเู ปน บุคคลผเู ลิศในโลกพรอ มทัง้ เทวโลก ผเู สด็จไปพรอ มกับในนัน่ เอง เหมอื นคนไมเหน็ดวงจันทรลอยเดนอยูในทอ งฟา ไมเ ห็นดวงอาทิตยป ระดับ ดว ยรศั มีตง้ั พันกาํ ลงัขึน้ จากโลกธาตุดานทศิ ตะวนั ออก เหมือนคนยืนอยูท ่ีรมิ ฝงทะเลไมเ หน็ ทะเลเหมอื นคนยืนพิงเขาสเิ นรไุ มเ ห็นเขาสิเนรฉุ ะนน้ั พากันพูดวา จะจุดไฟตัดทางไฟช่อื วา พระกําลงั ของพระพุทธเจา พวกทานไมร ู มาเถิดทาน พวกเราจกั ไปยังสาํ นักของพระศาสดา. ภิกษเุ หลานนั้ เมื่อไปทง้ั ขา งหนา และขางหลัง แมทง้ั หมดไดร วมกันไปยงั สํานกั ของพระทศพล พระศาสดามีภกิ ษุหมใู หญเปน บรวิ ารไดประทับยืนอยู ณ ประเทศแหง หน่ึง ไฟปา ไหมเ สียงดงั มาเหมือนจะทว มทบัคร้ัน มาถึงทที่ พี่ ระตถาคตประทบั ยืน พอถึงท่ีประมาณ ๑๖ กรสี รอบประเทศ
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 343น้ันกด็ บั ไป เหมอื นคบไฟทเี่ ขาจุมลงในนา้ํ ฉะนน้ั ไมอ าจทว มทับทป่ี ระมาณ๓๒ กรีส โดยการแลบเขาไป. ภกิ ษุทงั้ หลายพากนั กลาวคณุ ของพระศาสดาวานาอัศจรรย ชือ่ วาพระคุณของพระพุทธเจาท้ังหลาย กช็ ่ือวา ไฟนี้ไมมีจติ ใจยงั ไมอ าจทวมทบั ทีท่ ่ีพระพทุ ธเจา ประทับ ยนื ยอ มดับไป เหมอื นคบเพลิงหญาดบั ดว ยนาํ้ ฉะน้ัน นา อศั จรรย ชอ่ื วาอานภุ าพของพระพุทธเจา ทง้ั หลาย. พระศาสดาไดท รงสดบั ถอยคาํ ของภิกษเุ หลาน้นั แลว ตรสั วา ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลายขอท่ไี ฟนีถ้ ึงภมู ปิ ระเทศน้ีแลว ดบั ไป เปน กาํ ลงั ของเราในบดั น้ีเทา นนั้ หามิไดก็ขอ นี้เปนกําลังแหงสจั จะอนั มีในกอ นของเรา ดวยวา ในประเทศทน่ี ี้ ไฟจกัไมล กุ โพลงตลอดกปั นี้ แมท ้ังสน้ิ นี้ชื่อวา ปาฏหิ ารยิ ต ้งั อยตู ลอดกปั . ลําดับน้ันทา นพระอานนทป ลู าดสงั ฆาฏิ ๔ ชัน้ เพอ่ื ตอ งการเปนทปี่ ระทบั น่ังของพระ-ศาสดา พระศาสดาประทับน่งั ขัดสมาธิ ฝายภกิ ษสุ งฆก็ถวายบงั คมพระตถาคตแลวน่งั แวดลอมอย.ู ลาํ ดบั นั้น พระศาสดาอนั ภิกษทุ ัง้ หลายทลู ออ นวอนวาขาแตพ ระองคผ ูเจรญิ เรอ่ื งน้ปี รากฏแลว แกขาพระองคท ง้ั หลายกอ น สวนเรอ่ื งอดตี ยังสลับ ขอพระองคโ ปรดกระทําเร่ืองอดตี นนั้ ใหปรากฏแกขา พระองคทัง้ หลาย จงึ ทรงนําเร่อื งอดีตมา ดังตอ ไปน้ี ในอดีตกาล ในประเทศนน้ั นั่นแหละในแควนมคธ พระโพธสิ ตั วถือปฏสิ นธิในกาํ เนิดนกคมุ เกดิ จากตองมารดา ในเวลาทําลายกะเปาะฟองไขออกมา ไดเ ปนลูกนกคมุ มตี ัวประมาณเทา ดมุ เกวียนบรรทุกสินคาขนาดใหญ. ลําดบั น้นั บดิ ามารดาใหพระโพธสิ ัตวนนั้ นอนในรัง แลวนาํ อาหารมาเลยี้ งดูดวยจะงอยปาก. พระโพธิสัตวนั้น ไมมีกําลังทีจ่ ะเหยยี ดปกออกบินไปในอากาศ หรอื ไมม ีกําลังท่ีจะยกเทา เดินไปบนท่ีตอน และไฟปายอมไหมประเทศน้นั ทกุ ป ๆ. สมัยแมน นั้ ไฟปาน้นั กไ็ หมประเทศนั้น เสยี งดงั ลัน่ .
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 344หมนู กพากันออกจากรังของตน ๆ ตา งกลัวตอ มรณภัยสง เสียงรองหนไี ป. บิดามารดาแมข องพระโพธิสัตวก ก็ ลวั ตอมรณภยั จงึ ทง้ั พระโพธิสตั วหนีไป พระ-โพธสิ ัตวน อนอยใู นรังน่ันเอง ชะเงอ คอแลเหน็ ไฟปากาํ ลังไหมต ลบมา จึงคดิวา ถา เราจะพงึ มกี ําลงั ท่จี ะเหยียดปก ออกบนิ ไปในอากาศไซร เราก็จะพงึ โบยบนิ ไปท่ีอน่ื ถา เราจะพึงมกี าํ ลงั ท่จี ะยกเทาเดนิ ไปบนบกไดไ ซร เรากจ็ ะยา งเทาไปทอ่ี ื่นเสีย ฝา ยบิดามารดาของเราก็กลวั แตมรณภยั ทง้ิ เราไวแตผ เู ดียว เมือ่จะปองกนั ตน จงึ ไดห นไี ป. บดั น้ี ทพ่ี ่งึ อ่นื ของเราไมมี เราไมมีทต่ี า นทานไมม ที ่พี ่งึ วนั น้ี เราจะทาํ อยา งไรหนอ จงึ จะควร. ลําดบั นัน้ พระโพธสิ ัตวนนั้ ไดมีความคดิ อยางนว้ี า ชอื่ วา คุณแหงศีล ยอมมอี ยใู นโลกนี้ ช่ือวา คุณแหงสจั จะกย็ อมมี ในอดีตกาล ช่ือวาพระสพั พัญพู ุทธเจา ทัง้ หลายผูท รงบาํ เพ็ญบารมีท้งั หลายประทบั นงั่ ท่พี ื้นตน โพธิ์ ไดตรสั รูพรอมย่งิ แลว ทรงเพียบพรอมดวยศลี สมาธิ ปญ ญา วมิ ุตติ และวมิ ุตตญิ าณทสั สนะ ทรงประกอบดวยสจั จะ ความเอน็ ดู ความกรุณา และขนั ติ ยอมมอี ยู และคณุของพระธรรมทง้ั หลายทีพ่ ระสพั พญั ญพทุ ธเจา ทัง้ หลายน้ัน ทรงรแู จงแลวยอมมอี ยู เออกค็ วามสจั อยา งหนึง่ ยอ มมีอยูในเราแท สภาวธรรมอยา งหนึ่งยอมมีปรากฏอยู เพราะฉะนนั้ เราจะรําลกึ ถึงอดีตพระพุทธเจา ท้งั หลาย และคุณทงั้ หลายที่อดตี พระพทุ ธเจา เหลา นัน้ รูแจง แลว ถอื เอาสภาวธรรมคอื สัจจะซง่ึมีอยูในเรา กระทาํ สัจกริ ยิ าใหไฟถอยกลบั ไป กระทําความปลอดภยั แกตนและหมนู กทเี่ หลือในวนั น้ี ยอมควร. ดวยเหตนุ ้นั ทานจงึ กลาววา คณุ แหง ศีลมีอยใู นโลก ความสัตว ความสะอาด และความเอ็นดู มีอยใู นโลก ดวยความสัจนั้น ขาพเจา จกั ทาํ สัจกิริยาอันยอดเยีย่ ม ขา พเจาพิจารณา กําลังแหงธรรม ระลกึ ถงึ พระชินเจาทัง้ หลายในปาง กอ น อาศยั กําลงั สัจจะ ขอทาํ สจั กิรยิ า.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 345 ลําดบั นั้น พระโพธสิ ัตวร ะลึกถงึ พระคุณทั้งหลายของพระพทุ ธเจาทง้ั หลายผปู รินิพพานไปแลว ในอดีต แลว ปรารภสภาวะคือสัจจะซง่ึ มีอยใู นคนเมอื่ จะทําสัจกริ ิยา จงึ กลาวคาถานวี้ า ปก ของเรามีอยู แตก็บินไมไ ด เทาทัง้ สองของ เรามีอยู แตกเ็ ดนิ ไมได มารดาและบิดาของเรา ออก ไปหาอาหาร ดกู อนไฟ ทา นจงถอยกลบั ไปเสยี . บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา สนฺติ ปกขฺ า อปตนา ความวา ชื่อวาปกทง้ั สองของเรามีอยู คือ เกิดมอี ยูแตไ มอาจบนิ คือไปทางอากาศดว ยปกเหลานั้นได เหตุน้นั จงึ ช่อื วา บนิ ไมไ ด. บทวา สนตฺ ิ ปาทา อวจฺ นาความวา แมเ ทา ทงั้ สองของเรากม็ อี ยูแตไมอาจเดนิ คอื ไปโดยการยา งเทา ไปดว ยเทาทง้ั สองนน้ั เพราะเหตุนั้น จงึ ช่ือวา เดนิ ไมไ ด. บทวา มาตา ปตาจ นกิ ฺขนตฺ า ความวา อนงึ่ แมม ารดาบิดาผจู ะนาํ เราไปทอี่ ่ืนแมน ั้นกอ็ อกไปแลว เพราะกลัวตาย พระโพธิสตั วเ รียกไฟวา ชาตเวทะ. จริงอยู ไฟนน้ั พอเกิดก็รู คือปรากฏ เพราะฉะนั้น จงึ เรียกวา ชาตเวทะ เกิดกร็ ู. ดว ยบทวาปฏิกกฺ ม น้ี พระโพธสิ ตั วส ั่งไฟวา จงถอยไป คอื จงกลบั ไป. ดังนั้นพระมหาสัตวนอนอยูในรงั นั่นแหละไดท ําสัจกิริยาวา ถา ความที่ปกทง้ั สองของเรามี ๑ ภาวะคอื การเหยียดปกทงั้ สองบินไปทางอากาศไมได ๑. ความทีเ่ ทาท้งั สองมี ๑ ภาวะคือการยกเทาทงั้ สองน้นั เดนิ ไปไมได ๑ ความทม่ี ารดาบิดาท้งัเราไวใ นรงั นั่นแหละแลว หนีไป ๑ ทง้ั หมดเปนตัวสภาวะทงั้ นน้ั ดูกอนไฟดว ยคําสจั นี้ ทานจงกลบั ไปจากที่น.ี้ พรอ มกบั สจั กริ ยิ าของพระโพธิสตั วน ัน้ ไฟไดถ อยกลับไปในที่ประมาณ๑๖ กรสี กแ็ หละเมอ่ื จะถอยไปก็ไหมไ ปยงั ทีอ่ ื่นในปา ทง้ั ดับแลว ในท่นี ้ันเองเหมอื นคบเพลิงอนั บคุ คลใหจมลงในน้าํ ฉะน้นั ดว ยเหตุนัน้ ทา นจึงกลาววา
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ที่ 346 เมื่อเราทําสัจจะ เปลวไฟอันรุงเรืองใหญห ลกี ไป ๑๖ กรีสพรอมดวยคาํ สตั ย ประหน่งึ เปลวไฟอันตกถงึ น้ําก็ดับไปฉะนน้ั สิ่งไรเสมอดว ยสจั จะของเราไมม ี น้เี ปน สัจบารมี ของเรา ดงั น้.ี กส็ ถานที่นีน้ น้ั เกิดเปน ปาฏหิ าริยชอ่ื วาต้งั อยชู ัว่ กัป เพราะไฟจะไมไ หมใื นกปั นแี้ มท ัง้ สน้ิ . พระโพธิสัตวค ร้ัน ทําสจั กริ ยิ าอยา งนี้แลว ในเวลาสนิ้ ชวี ติไดไ ปตามยถากรรม. พระศาสดาตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย การท่ีไฟไมไหมสถานทน่ี ี้ เปนกําลงั ของเราในบดั นี้ หามไิ ด ก็กาํ ลังน่นั เปน ของเกา เปนสัจพลังของเราเองในครง้ั เปนลกู นกคมุ ดงั นี้ ครั้นทรงนาํ พระธรรมเทศนานมี้ าแลว จงึ ทรงประกาศสัจจะทง้ั หลาย ในเวลาจบสจั จะ บางพวกไดเปนพระโสดาบนั บางพวกไดเปน พระสกทาคามี บางพวกไดเปนพระอนาคามีบางพวกบรรลพุ ระอรหตั ฝายพระศาสดาก็ทรงสืบอนสุ นธิ ประชุมชาดกวามารดาบิดาในคร้งั นน้ั คงเปน มารดาบิดาอยตู ามเดิมในบัดนี้ สว นพระยานคมุ ไดเ ปน เราเองแล. จบวัฏฏกชาดกท่ี ๕ ๖. สกุณชาดก วา ดว ยที่พง่ึ ใหโทษ [๓๖] นกท้งั หลายอาศัยตนไมได ตน ไมน ั้น ยอมทง้ิ ไฟลงมา นกทั้งหลายจงพากันหนีไปอยูเสยี ที่ อ่ืนเถิด ภัยเกดิ จากท่ีพึงของพวกเราแลว จบสกุณชาดกที่ ๖
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาท่ี 347 ๖. อรรถกถาสกณุ ชาดก พระศาสดาเมือ่ ประทบั อยใู นพระวิหารเชตวนั ทรงปรารภภกิ ษุผูถกู ไฟไหมบ รรณศาลา จึงตรสั พระธรรมเทศนานมี้ ีคาํ เร่ิมตนวา ยนฺนิสสฺ ิตา ดงั นี้. ไดยนิ วา ภกิ ษุนั้น เรยี นพระกรรมฐานในสาํ นกั ของพระศาสดา แลวออกจากพระเชตวนั วิหารเขาไปอาศยั ปจจนั ตคามแหง หน่งึ ในโกศลชนบท อยูในเสนาสนะปา แหง หน่ึง. ลาํ ดบั นนั้ บรรณศาลาของภิกษนุ นั้ ถูกไฟไหม ในเดอื นแรกนน้ั เอง ภิกษนุ ้นั คิดวา บรรณศาลาของเราถูกไฟไหมเ สียแลว เราจกัอยูลาํ บาก จึงบอกแกค นทัง้ หลาย คนท้ังหลายอา งการงานน้ัน ๆ อยา งน้ีวาบัดนี้ นาของพวกเราแหง พวกเราระบายน้าํ เขานาแลว จักทําให เมือ่ ระบายนํ้าเขา นาแลว หวา นพืช เมื่อหวานพืชแลว ทํารัว้ เมื่อทําร้วั แลวสางพชื เก็บเกยี่ วนวด ดังนี้ใหก าลเวลาลวงเลยไป ๓ เดอื น ภกิ ษนุ น้ั อยลู าํ บากในทแ่ี จง ตลอดเดอื น จงึ ไมอ าจเจรญิ กรรมฐานยงั คณุ วเิ ศษใหบังเกดิ กค็ รน้ั ปวารณาแลวก็ไปยงั สาํ นกั ของพระศาสดา ถวายบังคมแลว นง่ั ณ สว นขางหนง่ึ พระศาสดาทรงทําปฏสิ นั ถารกบั ภกิ ษนุ น้ั แลว ตรัสถามวา ดูกอ นภกิ ษุเธออยูจาํ พรรษาโดยสะดวกหรือ ? กรรมฐานของเธอถึงท่สี ดุ แลว หรอื ? ภกิ ษุนั้นกราบทูลเรอ่ื งราวนั้นแลวกราบทูลวา ขา แตพ ระองคผูเ จริญ กรรมฐานของขา พระองคไมถงึ ทสี่ ุด เพราะไมม ีเสนาสนะอนั เปน สปั ปายะ พระศาสดาตรสั วาดกู อ นภกิ ษุ ในกาลกอน แมส ตั วเ ดียรจั ฉานทงั้ หลายกย็ ังรทู ีอ่ ันเปน สัปปายะและไมเปนสปั ปายะของตน เพราะเหตไุ ร เธอจงึ ไมรู แลวทรงนาํ อดตี นิทานมาดังตอไปนี้
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 348 ในอดีตกาล เมอื่ พระเจา พรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสีพระโพธสิ ตั วบ ังเกิดในกําเนดิ นก อนั หมนู กหอมลอ ม อาศยั ตนไมใ หอ ันสมบรู ณด วยก่งิ และคา คบอยใู นราวปา ครน้ั วันหนึ่ง จรุ ณตกในที่กงิ่ ท้ังหลายของตน ไมนนั้ เสียดสกี ันไปนา ควันเกดิ ขึ้น พระโพธสิ ัตวเห็นดงั น้ันจงึ คิดวา กงิ่ ทั้งสองนี้เม่อื เสยี ดสีกนั อยอู ยางน้จี ักเกดิ ไฟ ไฟน้นั ตกลงไปติดใบไมเกา ๆ จําเดิมแตนนั้ ไฟจักเผาตน ไมแ มน ้ี พวกเราไมอ าจอยูใ นทน่ี ี้ พวกเราหนีจากที่น้ไี ปอยูท่อี ่ืน จึงจะควร พระโพธิสัตวจงึ กลา วคาถานแี้ กหมูนกวา นกทงั้ หลายอาศยั ตนไมใด ตน ไมนั้นยอ มทิง้ ไฟ ลงมา นกทง้ั หลายจงพากันหนไี ปอยเู สยี ทอ่ี ื่นเกดิ ภัย เกิดจากทพี่ ่งึ ของเราแลว . บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา ชคตริ หุ ความวา ปฐพีเรยี กวา ชคติตน ไมเรยี กวา ชคตริ หุ ะ เพราะตนไมเ กดิ ที่ปฐพีน้ัน. บทวา วหิ งคฺ มา ความวาอากาศเรยี กวิหะ นกท้งั หลายเรยี กวา วหิ ังคมะ เพราะไปในอากาศน้นั . บทวาทิสา ภชถ ความวา ทานทั้งหลายเมอ่ื จะละตนไมน ้ีหนไี ปจากที่น้ี จงไปยงั ทศิ ท้งั ๔. พระโพธสิ ตั วเ รียกนกทง้ั หลายวา วังถงั คา เพราะวา นกเหลานัน้ กระทาํ คอซ่ึงไปตรงใหคดในบางครง้ั เพราะฉะนั้นจึง เรียกวา วงั กังคา.อกี อยา งหนึง่ ชื่อวา วงั ถังคา เพราะวังกะคอื ปกทง้ั หลายเกดิ ทข่ี างทั้งสองของนกเหลา นน้ั ดังน้กี ็ม.ี บทวา ชาต สรณโต ภย ความวา ภยั บังเกดิ จากตนไมอ นั เปนที่พง่ึ อาศยั ของพวกเรานัน่ แล มาเถิดพวกเราพากันไปทีอ่ นื่ . นกทั้งหลายท่ีเปนบัณฑติ กระทาํ ตามคําของพระโพธิสตั ว พากันบินขน้ึพรอมกันกับพระโพธสิ ัตวนั้นไปอยทู อ่ี นื่ สวนนกทั้งหลายทไี่ มเปน บณั ฑติ พากันกลาวอยา งน้วี า พระโพธสิ ัตวน้เี หน็ วามีจระเขในนา้ํ เพียงหยดเดยี ว จงึ ไมเ ธอถือคําของพระโพธิสตั วน ้ัน คงอยูในที่นนั้ น่นั เอง แคนั้นไมนานนัก ไฟบังเกดิ
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนา ท่ี 349ขึ้นจบั ตดิ ตน ไมน ้นั แหละ ตามอาการท่พี ระโพธิสตั วค ดิ แลวนัน่ แล เมื่อควันและเปลวไฟตง้ั ข้นึ นกท้งั หลาย (มีตา) มีมวั เพราะควัน จึงไมอ าจไปท่ีไหนได พากันตกลงในไฟถงึ ความพินาศ. พระศาสดาตรัสวา ดูกอนภิกษุ ในกาลกอนแมส ตั วด ริ ัจฉานทง้ั หลายอยูบนยอดไม ก็ย่ิงรูความสบายและไมสบายของตนอยางนี้ เพราะเหตุไร เธอจึงไมรดู ังน้ี. ครัน้ ทรงนาํ พระธรรมเทศนานม้ี าแลวจงึ ทรงประกาศสจั จะทัง้ หลายในเวลาจบสจั จะ ภิกษนุ น้ั ตงั้ อยใู นโสดาปต ติผล ฝา ยพระศาสดากท็ รงสบือนสุ นธิประชุมชาดกวา นกท้งั หลายท่ีทาํ ตามคําของพระโพธสิ ัตว ในคร้งั นัน้ ไดเปนพุทธบรษิ ัทในบัดน้ี สวนนกผเู ปน บัณฑิต ไดเปนเราเองแล. จบสกณุ ชาดกท่ี ๖ ๗. ตติ ติรชาดก วาดวยผมู ีความออนนอ ม [๓๗] นรชนเหลาใด ฉลาดในธรรม ยอ มนอบนอม คนผูเ จรญิ นรชนเหลา น้ันเปน ผูไดร บั ความสรรเสรญิ ในปจจบุ ันน้ี และมิสุคตเิ ปนทไี่ ปในเบือ้ งหนา . จบตติ ตริ ชาดกท่ี ๗
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลม ๓ ภาค ๑ - หนาที่ 350 ๗. อรรถกถกาติตตริ ชาดก พระศาสดาเม่ือเสด็จไปยงั นครสาวัตถีทรงปรารภการหามเสนาสนะพระสารบี ตุ ร จึงตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี าํ เรมิ ตนวา เย วุฑฺฒมปจายนตฺ ิดงั น้ี. ความพศิ ดารวา เมอื่ ทา นอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี สรางวหิ ารเสร็จแลวสงทูตไป (นิมนต) พระศาสดาเสด็จออกจากนครราชคฤห ถงึ นครเวสาลีประทบั อยูในนครเวสาลนี ัน้ ตามความพอพระทยั แลวทรงพระดําริวา จักไปนครสาวัตถี จงึ เสด็จดาํ เนินไปตามทาง. สมัยนนั้ อันเตวาสิกท้งั หลายของภกิ ษุฉัพพคั คยี พากันลว งหนา ไป เมอ่ื พระเถระทั้งหลายยังไมไ ดจบั จองเสนาสนะเลยพากันหวงเสนาสนะดว ยการพดู วา เสนาสนะนจ้ี ักเปน ของอุปชฌายของพวกเราเสนาสนะนี้จกั เปนของอาจารยข องพวกเรา เสนาสนะนี้จักเปน ของพวกเราเทานน้ั . พระเถระทั้งหลายทีม่ าภายหลงั ยอ มไมไดเสนาสนะ อนั เตวาสิกทั้งหลายแมของพระสารีบตุ รเถระพากนั แสวงหาเสนาสนะเพ่อื พระเถระ กไ็ มไ ด. พระ-เถระเมื่อไมไ ดเสนาสนะจงึ ยับยง้ั อยู ดวยการน่ังและการเดินจงกรม ทีโ่ คนไมแหง หนึ่ง ในทีไ่ มไกลเสนาสนะของพระศาสดานน้ั เอง. ในเวลาใกลร ุง พระ-ศาสดาเสด็จออกมาทรงพระกาสะ (ไอ) พระเถระกไ็ อขึ้น. พระศาสดาตรสัถามวา น้นั ใคร ? พระสารีบตุ รกราบทูลวา ขา พระองคสารบี ุตร พระเจา ขา .พระศาสดาตรัสถามวา สารีบุตร เธอทําอะไรอยใู นทนี่ ใี้ นเวลานี้ พระสาร-ีครั้นจึงกราบทูลเร่อื งราวนั้น. เมอ่ื พระศาสดาไดทรงสดับคาํ ของพระสารีบตุ รแลวทรงราํ พึงวา เม่อื เรายงั มชี ีวิตอยูในบดั น้ี ภิกษทุ ้งั หลายยงั ไมเคารพไมยาํ เกรงกนั และกนั กอน เม่อื เราปรนิ พิ พานแลว ภกิ ษุทั้งหลายจักทําอยางไรกนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376