ตามพรลิงค์ 179 และแสดงความเคารพตอ่ พระสงั ฆรกั ขติ เถระ นกั วชิ าการแสดงความเหน็ วา่ พระอานนท์ วนรัตนเถระ น่าจะแต่งคัมภีร์เล่มน้ีประมาณพุทธศักราช ๑๘๐๙ สมัยพระเจ้าปรากรม พาหุท่ี ๒ (พ.ศ.พ.ศ.๑๗๘๓-๑๘๑๓) ซ่ึงถือเอาการปฏิรูปพระศาสนาของพระเมธังกร เถระแห่งอุทุมพรคิรีเป็นหลัก๓๔ ผลงานอีกเล่มหน่ึงของพระเถระคือการแต่งอธิบาย คัมภีร์ขุททกสิกขา น่าเสียดายว่าไม่หลักฐานเก่ียวกับผลงานของท่านเล่มน้ีหลงเหลือ ถงึ ปจั จบุ นั วา่ ตามหลกั ฐานคมั ภรี ข์ ทุ ทกสกิ ขาเปน็ ผลงานของพระธรรมสริ เิ ถระ มเี นอ้ื หา ว่าด้วยการรวบรวมวินัยโดยสังเขปส�ำหรับพระภิกษุ๓๕ สันนิษฐานว่าคัมภีร์แต่งอธิบาย ขุททกสิกขาเล่มนี้น่าจะเป็นการแต่งเสริมผลงานของพระธรรมสิริเถระให้เหมาะสม ตามยุคสมัย เพราะสมัยน้ันพระเมธังกรเถระผู้เป็นอาจารย์ปฏิรูปพระศาสนาเสร็จ ไม่นาน ท่านคงเห็นความประพฤติหย่อนยานในหมู่พระสงฆ์จึงปรับแต่งหนังสือเล่มนี้ ข้ึนใหม่ อาจจะได้รับการอาราธนาจากกษัตริย์หรือได้รับมอบหมายจากพระเมธังกร เถระผู้เป็นอาจารย์แห่งตน พระอานนท์วนรัตนเถระมีศิษย์ทรงปราชญ์ ๓ รูป เร่ิมต้นจากพระเวเทหเถระ ผู้รจนาคัมภีร์ ๓ เล่ม ได้แก่ ๑) รสวาหินี เป็นการรวบรวมเร่ืองเล่าแต่ครั้งอดีตท่ีเกิด ขน้ึ ในอนิ เดยี และศรลี งั กา เดมิ พระรฐั บาลเถระแตง่ เปน็ เปน็ ภาษาบาลี ตอ่ มาพระเวเทหเถระ น�ำมาปรับแต่งใหม่เป็นภาษาบาลีให้สมสมัยและสละสลวย ๒) สมันตกูฏวัณณนา เป็นโคลงภาษาบาลีประกอบด้วย ๘๐๐ คาถา แต่งตามค�ำนิมนต์ของพระราหุลเถระ ผู้เป็นสมาชิกแห่งวนวาสีนิกาย เนื้อหาว่าด้วยการอธิบายยอดแห่งขุนเขานามว่า สมันตกูฏ ซึ่งเช่ือว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประดิษฐานรอยพระบาทเบื้องซ้าย เม่ือ คราวเสด็จมาเกาะลังกาคร้ังท่ีสาม และ ๓) สีหลสัททลักขณะ ว่าด้วยการอธิบาย หลักไวยากรณ์ภาษาสิงหล ศิษย์รูปต่อมาช่ือว่าพระโคตมเถระเป็นผู้แต่งคัมภีร์ ภาษาสิงหลชื่อว่าสัมพันธจินตาสันยยะ เนื้อหาว่าด้วยการอธิบายกฎไวยากรณ์ตาม คัมภีร์สัมพันธจินตาของพระสังฆรักขิตเถระ และสุดท้ายพระพุทธัปปิยเถระ (บางแห่ง ๓๔ Ibid., Somapala Jayawardhana, Handbook of Pali Literature, p. 10. ๓๕ C.E. Godakumbara, วรรรณคดีภาษาสิงหล: ว่าด้วยวรรณกรรมร้อยแก้ว ร้อยกรอง และพระธรรมวินัย, แปลโดย ลังกากุมาร, (นครปฐม: สาละพิมพการ, ๒๕๖๑), หน้า ๑๓.
180 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ เรียกว่าพระโจฬิยทีปังกรเถระ) ผู้แต่งคัมภีร์รูปสิทธิหรือปทรูปสิทธิ เน้ือหาว่าด้วยกฎ ไวยากรณ์ภาษาบาลีโดยเดินตามระบบหลักไวยากรณ์ของกัจจายนะ อีกเล่มหนึ่งชื่อว่า ปัชชมธุมีเนื้อหาว่าด้วยการพรรณนาพุทธลักษณะพร้อมด้วยอุปมาอุปไมย๓๖ หลักฐาน บางแห่งระบุว่ามีศิษย์ของพระอานนท์วนรัตนเถระอีกรูปหน่ึงชื่อว่าอโนมทัสสีเถระ เป็นผู้แต่งคัมภีร์สารัตถสมุจจยะ มีเนื้อหาแต่งแก้คัมภีร์จตุภาณวารบาลี๓๗ จากผล งานการผลิตต�ำราของศิษย์พระอานนท์วนรัตนเถระสามารถช้ีให้เห็นว่า ส่วนใหญ่เน้น ต�ำราไวยากรณ์ เร่ืองราวของคนนิยมและคติความเช่ือของคนสมัยน้ันเป็นหลัก การแตง่ คมั ภรี ไ์ วยากรณเ์ ปน็ เรอ่ื งปกตขิ องระบบการศกึ ษา เพราะหากไมส่ นใจไวยากรณ์ แล้วย่อมยากต่อการเข้าใจภาษาแห่งตน แต่ความเชื่อเร่ืองรอยพระพุทธบาท การ พรรณนาพุทธลักษณะและประเพณีการสวดปริตร น่าจะเป็นการแต่งเพื่อตอบสนอง ความต้องการของชาวศรีลังกาสมัยนั้น ผู้วิจัยสันนิษฐานว่าคณะป่าแก้วของศรีลังกาน่าจะเดินทางไปเผยแผ่ศาสนา หรือสร้างปฏิสัมพันธ์ทางศาสนากับอาณาจักรตามพรลิงค์ยุคพระอานนท์วนรัตนเถระ โดยถือเอาความโดดเด่นของพระเถระทั้งด้านวิปัสสนาธุระและคันถธุระเป็นสำ� คัญ แม้ ไม่มีหลักฐานระบุเร่ืองระยะเวลาแน่นอน แต่หากถือเอาการท�ำสงครามระหว่างศรีลังกา กับพระเจ้าจันทรภาณุแห่งตามพรลิงค์ และการเดินทางมาประกาศศาสนาของ พระธรรมกิตติเถระแห่งอาณาจักรตามพรลิงค์ ก็น่าจะเห็นความสัมพันธ์สอดคล้องกัน ประเด็นหนึ่งน่าสนใจคือคัมภีร์มหาวงศ์พรรณนาคุณลักษณะของพระธรรมกิตติเถระ อย่างหนึ่งว่า ”ขณะพระเถระเดินบิณฑบาตมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับเท้าทุกย่างก้าว„๓๘ หลักฐานน้ีสอดคล้องกับคุณสมบัติของพระอานนท์วนรัตนเถระ ซึ่งปรากฏเห็นใน ๓๖ Ibid., Somapala Jayawardhana, Handbook of Pali Literature, p. 173. ๓๗ Yatadolawatte Dhammavisuddhi, ประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ศรีลังกายุคกลาง: ว่าด้วยนิกายสงฆ์ การบริหารทรัพย์สิน การศึกษาสงฆ์ คติความเช่ือ และการฟื้นฟูพระศาสนา, แปลโดย พระมหาพจน์ สุวโจ, (นครปฐม: สาละพิมพการ, ๒๕๕๙), หน้า ๑๙. ๓๘ มหาวงศ์ ๒, หน้า ๒๖๔.
ตามพรลิงค์ 181 คัมภีร์ปัชชมธุของพระพุทธัปปิยเถระผู้เป็นศิษย์ ซึ่งระบุว่าตนเป็นเสมือนรับใช้ใกล้ชิด ดังหนึ่งดอกบัวรองรับบาทของพระเถราจารย์นามว่าอานันทวนรัตนเถระ”๓๙ เป็นไปได้ หรือไม่ฉายาน้ีเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของพระเถระชาวศรีลังกา ซึ่งเดินทางไปเผยแผ่ ลัทธิลังกาวงศ์ที่อาณาจักรตามพรลิงค์ ค�ำว่า ”ป่าแก้ว„ ในอาณาจักรตามพรลิงค์หรือนครศรีธรรมราชพบเห็นคร้ัง แรกในต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช เล่าถึงเหตุการณ์สมัยอยุธยาคราวเม่ือ พระยานคร ”มีตราให้นิมนต์พระสงฆ์มาช่วยแต่งพระบรมธาตุ” สมัยนั้นมีพระสงฆ์ ชกั ชวนญาตโิ ยมมาชว่ ยบรู ณะพระบรมธาตแุ ละสรา้ งวดั บรเิ วณพระบรมธาตเุ ปน็ จำ� นวน มาก เชน่ พระมหาเถรสทุ ธชิ าติพงษ์มาจากขนอมสร้างวดั มังคดุ พระมหาเถรเหมรงั ศรี มาจากโองพตานสร้างวัดขนุน พระมหาเถรเพชรมาจากยายคลังสร้างวัดจันเมาลี พระมหาเถรมังคลาจารย์มาจากกุฎีหลวงสร้างวัดหัสดีพระธาตุ พระมหาเถรโชติบาล มาจากปัตโวกเขาพระบาทสร้างวัดฝาง พระมหาเถรสรรเพชรสมาจากโองพตานสร้าง วัดอาคเณพระธาตุ พระมหาเถรอุนุรุทธ์มาจากยศโสธรสร้างวัดประดู่ พระมหาเถร พงษามาจากเพชรบุรีสร้างวัดตโนดพายัพพระมหาธาตุ ส่วนพระมหาเถรพุทธสาครน้ัน มอบหมายให้พระมหาปเรียนทศศรีและผขาวอริยพงษ์นายแวงไปนิมนต์จากวัด พระเดิมเป็นป่าแก้ว„๔๐ ชื่อของพระพุทธสาครพบเห็นอีกแห่งหน่ึงในพระนิพพานโสตร เคียงคู่กับพระพุทธค�ำเภียร กล่าวถึงพระยาธรรมโศกราชแห่งเมืองสวัสดิราชโปรดให้ อพยพไพร่พลมาสร้างเมืองใหม่บริเวณเขาชวาปราบ คราวเดียวกันน้ันได้สร้างวัด เวียงสระถวายพระพุทธค�ำเภียรและพระพุทธสาคร๔๑ ส่วนวัดพระเดิมพบเห็นอีกคร้ัง ในต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ความว่า ”พระมหาเถรช่ือว่าสัจจานุเทพอยู่ เมืองนครป่าหมาก (ปีนัง) ร้ือญาติโยมมาอยู่เมืองนครศรีธรรมราชด้วยพระมหาเถร พรหมสุริยะ ขอที่ต้ังอารามปลูกพระศรีมหาโพธ์ิก่อพระเจดีย์ก่อกำ� แพงไว้ ให้ญาติโยม ๓๙ G.P. Malalasekera, ศรีลังกา: ว่าด้วยประวัติศาสตร์ การณ์พระศาสนาและวรรณคดี, แปลโดย ลังกากุมาร, (นครปฐม: ส�ำนักพิมพ์สาละ, ๒๕๕๔), หน้า ๓๑๐. ๔๐ ต�ำนานพระธาตุ, หน้า ๑๘-๒๐. ๔๑ พระนิพพานโสตร, หน้า ๖๘.
182 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ รักษาอยู่ตามพระญาอุทิศถวายไว้นั้น ได้ช่ือว่าวัดพระเดิม„ สันนิษฐานว่าวัดพระเดิม ดังกล่าวน่าจะเป็นศูนย์กลางป่าแก้วมาแต่เดิม และน่าจะอยู่นอกก�ำแพงเมือง ตาม ประเพณีของพระวนวาสีศรีลังกา ผู้วิจัยสันนิษฐานว่าวัดเดิมดังกล่าวน่าจะหมายถึงวัด มเหยงคณ์ เหตุผลคือมเหยงคณ์เป็นวัดส�ำคัญแห่งหนึ่งของศรีลังกา เป็นวัดเก่าแก่ สมัยแรกเร่ิมนับแต่พระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่บนเกาะลังกา พระศรีลังกาสายป่า แก้วผู้เข้ามาเผยแผ่ลัทธิลังกาวงศ์น่าจะใช้ช่ือน้ีเพื่อร�ำลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอนแห่งตน อกี เหตผุ ลหนงึ่ คอื วดั แหง่ นตี้ งั้ อยภู่ ายนอกกำ� แพงเมอื ง หลกั ฐานเชน่ นมี้ ลี กั ษณะเดยี วกนั กับวัดป่าแก้วเมืองสุโขทัยและป่าแก้วอยุธยา๔๒ คร้ันต่อมาคณะสงฆ์ป่าแก้วเป็นที่นิยม แพร่หลายจึงออกไปเผยแผ่ตามหัวเมืองน้อยใหญ่ เช่น เมืองสทิงพระ และเมืองพัทลุง เป็นต้น ค�ำว่า ”ป่าแก้ว„ ปรากฏเห็นอีกครั้งในต�ำนานหรือเพลานางเลือดขาว ความว่า ”ศุภมัสดุ ๖๕๑ ศักระกานักษัตรเอกศก จันเดิมแต่แรกสร้างเมืองพัทลุง ครั้งเม่ือตั้ง พระวัดเขียนวัดสทังแลสทิงพระ คณะสามป่าแก้วอนุโลมเป็นหัวเมืองสทิงพระ อนึ่ง เมืองพัทลุง เม่ือแรกแต่เดิมนั้น สทิงพระเป็นเมืองกรุงสทิงพาราณสี แลเจ้าพระยาณ สทิงพระนั้นช่ือเจ้าพระยากรุงสทิง (พารา) สืบมาแต่นั้นมาแลก็เกิดตาสามโมยายเพชร เมีย (ตาสามโม) แลตายายท้ังสองน้ันก็เล้ียงพระยาคชสารทั้ง (พวก)„๔๓ หลักฐาน ดังกล่าวนี้ชี้ให้เห็นว่าสมัยแรกตั้งเมืองพัทลุงน้ัน ได้มีการสร้างวัดถวายคณะสงฆ์ ป่าแก้วแล้ว ๓ วัด กล่าวคือ วัดเขียน วัดสทังและวัดสทิงพระ และเร่ืองราวของนาง เลือดขาวน่าจะมีข้ึนประมาณ พ.ศ. ๑๘๐๐ สมัยน้ันนางได้ติดต่อกับสมณทูตลังกาเพ่ือ ๔๒ ประชมุ ศลิ าจารกึ ภาคท่ี ๑, คณะกรรมการพจิ ารณาและจดั พมิ พเ์ อกสารทางประวตั ศิ าสตร์ ส�ำนักนายกรัฐมนตรี, พ.ศ. ๒๕๒๑, หน้า ๒๐-๒๑; ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๒, คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จัดพิมพ์เป็นท่ีระลึกเน่ืองในมหามงคล สมัยฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๓๙, หน้า ๑๒. ๔๓ ชัยวุฒิ พิยะกูล, ”การศึกษาเพลานางเลือดขาว ฉบับวัดเขียนบางแก้ว อ�ำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง”, (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๓๘), หน้า ๓๖๘.
ตามพรลิงค์ 183 มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาลังกาวงศ์๔๔ ต่อมานางเลือดขาวได้สร้างวัดเป็นจ�ำนวนมาก ดังเช่น วัดนางหลง วัดหาดทรายแก้วหรือวัดพระนอน อ�ำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง วัดป่าชอม วัดควนมะพร้าว วัดควนถบ อ�ำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ฯลฯ วัดเหล่านี้ล้วนแต่มีการกล่าวอ้างว่านางเลือดขาวกับเจ้าพระยากุมารเป็นผู้สร้าง หรือ ล้วนแล้วแต่เก่ียวข้องสัมพันธ์กับต�ำนานนางเลือดขาวทั้งสิ้น๔๕ หากระยะเวลาดังกล่าว เป็นจริงตามหลักฐาน แสดงว่าสมัยน้ันเมืองพัทลุงได้ติดต่อสัมพันธ์กับศรีลังกาสมัย อาณาจกั รดัมพเดณยิ ะตอนปลาย ซ่งึ สมัยนั้นคณะสงฆ์วนรัตน์ก�ำลังเป็นทีน่ ยิ มของชาว ศรีลังกา หลักฐานจากกัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุงระบุว่า ”แลเม่ือขณะพระยาธรรมรังคัล กินเมืองสทิงพระ แลนิมนต์พระมหาอโนมทัศสีให้ไปเอากระบวนพระมหาธาตุเจ้ามา แต่เมืองลังกา แลมาก่อพระศรีรัตนมหาธาตุเจ้าสูงเส้นหนึ่ง แลท�ำพระวิหาร พระธรรม ศาลา และท�ำพระวิหาร อุโบสถ แลก�ำแพงรอบแลสูงก�ำแพงนั้นหกศอก” สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์แสดงความเห็นว่า สมัยพระยาธรรมรังคัลกินเมืองสทิงพระน้ันน่าจะ ประมาณพุทธศักราช ๒๐๕๗ และได้สนับสนุนพระพุทธศาสนานิกายใหม่นามว่า คณะลังกาชาติ ด้วยการสร้างวัดแข่งกับเมืองหลวงเก่าคือวัดพระราชประดิษฐาน๔๗ หลักฐานดังกล่าวเบื้องต้นชี้ให้เห็นว่านอกจากเมืองนครศรีธรรมราชแล้ว พระพุทธ ศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ยังเข้าไปเผยแผ่บริเวณหัวเมืองรอบนอก หลักฐานจากกัลปนา วัดหัวเมืองพัทลุงระบุอีกว่า ”อน่ึง ขุนวิทูนราชบัณฑิตจ�ำพระบัณฑูรละอองธุลีพระบาท พระราชเดชไชย เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชให้ต�ำรวจส่ังในเมืองนครศรีธรรมราช และ ๔๔ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๖. ๔๕ ชัยวุฒิ พิยะกูล, ชำ� ระเพลานางเลอื ดขาว, (พัทลุง: ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง, ๒๕๒๕), หน้า ๕๙. ๔๖ กัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุง, ปริวรรตโดย ชัยวุฒิ พิยะกูล, (สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ, ๒๕๕๓), หน้า ๑๙-๒๐. ๔๗ สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์, พุทธศาสนาแถบลุ่มทะเลสาบฝั่งตะวันออกสมัยกรุงศรีอยุธยา, (สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา, มปท.), หน้า ๑๗-๑๘.
184 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ พระครูธรรมเทวากราบวรมุนีศรีสัทธรรมรมาทิพ หัวเมืองพัทลุง แลพระธรรมรังศรี พระครูอินมูนี น�ำสงฆ์ทั้งหลายเข้าไปถวายพระพรปริยัติฝ่ายลังกาชาติ และสมเด็จ บรมบพิตร พระรามธิบดีบพิตร พระกรุณาพระราชทานญาตให้แก่พระครูธรรมทิวากร และพระครูธรรมรังศรี และพระครูอินทมุนี และสงฆ์ท้ังหลาย อันประนิบัติฝ่ายลังกา ชาติก็ให้คงแก่ญาติพระครูแลสงฆ์ทั้งหลาย„๔๘ สันนิษฐานว่าหัวเมืองพัทลุงสมัยน้ันน่า จะเป็นศูนย์กลางของคณะสงฆ์ลังกาชาติ และน่าจะรุ่งเรืองแพร่หลายเคียงคู่กับ คณะป่าแก้วซึ่งเข้ามาเผยแผ่ก่อนหน้านั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ทรงอรรถาธิบายว่า ”สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย คณะสงฆ์เมืองนครศรีธรรมราชมีต�ำแหน่งพระครู ๔ องค์ เรียกว่าพระครูกาแก้ว พระครูการาม พระครูกาชาต และพระครูกาเดิม มีหน้า ที่ส�ำหรับรักษาพระมหาธาตุองค์ละด้าน มูลเหตุช่ือพระครู ”กา„ ท้ัง ๔ น้ี พวกชาว เมืองนครศรีธรรมราชกล่าวกันว่า เพราะต�ำนานของพระบรมธาตุที่มาประดิษฐานเมือง นครศรีธรรมราชแต่ชั้นแรกมีกา ๔ ฝูง เฝ้ารักษาพระบรมธาตุ เป็นกาสีขาวฝูง ๑ สี เหลืองฝูง ๑ สีแดงฝูง ๑ และสีด�ำฝูง ๑ เมื่อพระยาศรีธรรมาโศกราชสร้างพระสถูป บรรจพุ ระบรมธาตุ จงึ เอานามกานน้ั มาตงั้ เปน็ สมณศกั ดสิ์ ำ� หรบั พระครผู รู้ กั ษาพระบรม ธาตุ พระครูกาแก้วได้แก่กาสีขาว พระครูการามได้แก่กาสีเหลือง พระครูกาชาตได้แก่ กาสีแดง และพระครูกาเดิมได้แก่กาสีด�ำ และทรงมีพระวินิจฉัยว่า ค�ำที่เรียกพระครู ทั้ง ๔ นี้ มาจากค�ำว่า ”ลังกา„ มีหลักฐานในประทวนเก่าๆ ท่ีเจ้าพระยานครต้ังพระครู กา ได้พบที่ใช้ว่าลังกา และพระราชทินนามของพระครูกาแก้วเมืองไชยา ที่ยังปรากฏ อยู่ว่าพระครูรัตนมุนีศรีสังฆราชลังกาแก้ว และทรงเช่ือว่ามาแต่ลังกาป่าแก้ว คือ คณะนิกายสงฆ์ลังกา ซึ่งอุปสมบทมาจากพระวนรัตนมหาเถระ ส่วนการามน่าจะมาแต่ พวกลังกาวงศ์ท่ีแปลงมาจากเมืองรามัญ กาชาตมาจากพวกลังกาแท้ๆ โดยชาติก�ำเนิด สว่ นกาเดมิ คอื พวกพระทไี่ ปแปลงมาแตล่ งั กา ซง่ึ มาอยใู่ นเมอื งนครกอ่ นพระนกิ ายลงั กา อื่น น่าจะเกิดความรังเกียจกันในข้อวัตรปฏิบัติและแย่งกันเป็นเจ้าของพระมหาธาตุ ๔๘ กัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุง, ปริวรรตโดย ชัยวุฒิ พิยะกูล, หน้า ๑๖-๑๗.
ตามพรลิงค์ 185 ผู้เป็นใหญ่ในการปกครองพระราชอาณาจักรจึงตัดสินใจให้เป็นกลางโดยท�ำหน้าที่ รักษากันคนละด้าน๔๙ สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ แสดงความเห็นเสริมอีกว่า เห็นด้วยกับ คำ� วา่ ”กา” มาจาก ”ลงั กา” เพราะมหี ลกั ฐานยนื ยนั พบเหน็ มาจนถงึ สมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ คือพบจารึกบนแผ่นอิฐแดง ซ่ึงบรรจุอยู่ในเจดีย์วัดแจ้ง (ร้าง) หมู่ที่ ๙ ต�ำบลล�ำป่า อ�ำเภอเมืองพัทลุง เป็นแผ่นอิฐขนาดกว้าง ๖.๕ ซม. ยาว ๑๑ ซม. หนา ๓.๕ ซม. (หลังจากเจดีย์หักทลาย) ระบุว่าจารึกไว้เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๔ จารึกมีความข้อดังนี้ (ด้านท่ี ๑) ”อ พระพุทสักราชล้วงแล้ว ๒๔๑๔ พระวสปีกุนสัพสกเดือนเกา ช่ืนสิบสี ค�่ำวันพุทท่านฆณะ” และ (ด้านท่ี ๒) ”ลังกาแก้วภรอมด้วยพระสง ฆท่านเจาเมือง พระหล้วง„๕๐ หลกั ฐานเบอ้ื งตน้ แสดงใหเ้ หน็ วา่ มคี ณะสงฆศ์ รลี งั กาเดนิ ทางมาเผยแผอ่ าณาจกั ร ตามพรลิงค์หลายคณะต่างกรรมต่างวาระ กล่าวเฉพาะคณะป่าแก้วนั้นน่าจะเข้ามา สมัยอาณาจักรตามพรลิงค์ตอนกลาง อาจเป็นด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือมิติด้าน ความแพร่หลายของคณะป่าแก้ว เป็นท่ีน่าสังเกตอย่างหน่ึงคือ ความโดดเด่นของ คณะสงฆ์ป่าแก้วน้ันกอปรด้วยวิปัสสนาธุระและทรงความเป็นปราชญ์ด้วยการผลิต วรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา แต่ครั้นแพร่หลายมายังอาณาจักรตามพรลิงค์ ความ เป็นเอกด้านต�ำรากลับไม่ปรากฏเห็น สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะมิติทางสังคม เป็นหลัก หรืออาจเป็นไปได้ว่าโครงสร้างทางสังคมด้านการศึกษายังไม่พร้อม คณะ สงฆ์ป่าแก้วจึงเน้นด้านจารีตปฏิบัติเป็นพ้ืน โดยเฉพาะด้านการปกครองของหมู่คณะ นั้น คณะสงฆ์สายป่าแก้วจะนับถือและสืบทอดประเพณีของอาจารย์แห่งตนเป็น หลัก สอดคล้องกับหลักฐานในกัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุงท่ีระบุว่า คณะสงฆ์บริเวณ เมืองพัทลุงและเมืองสทิงพระดูแลปกครองกันเป็นกลุ่มหรือคณะของตน ๔๙ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, ต�ำนานคณะสงฆ์, (พระนคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๑๔), พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางเล็ก พิณสายแก้ว ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันท่ี ๑๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๑๔, หน้า ๓๖-๓๘. ๕๐ อ้างแล้ว, สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์, พุทธศาสนาแถบลุ่มทะเลสาบฝั่งตะวันออกสมัย กรุงศรีอยุธยา, หน้า ๓๔-๓๕.
186 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ ๔.๓ ด้านคติความเชื่อพระเข้ียวแก้ว เรื่องราวเกี่ยวกับพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า (หรือพระทันตธาตุ) พบเห็น ครั้งแรกในมหาปรินิพพานสูตร เน้ือหากล่าวถึงเหตุการณ์หลังพุทธปรินิพพาน ว่าด้วย การแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้กษัตริย์แต่ละเมืองน�ำไปประดิษฐานภายในสถูปเพื่อ สักการบูชา เฉพาะพระเข้ียวแก้วนั้น ”เทพชั้นดาวดึงส์บูชาพระเข้ียวแก้วองค์หนึ่ง ส่วนพระเขี้ยวแก้วอีกองค์หน่ึงบูชากันอยู่ในคันธารบุรี อีกองค์หน่ึงบูชากันอยู่ในแคว้น ของพระเจ้ากาลิงคะ อีกองค์หนึ่งพระราชาเผ่านาคาบูชาอยู่„๕๑ คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี อธิบายเสริมความว่า การแบ่งพระบรมสารีริกธาตุคราวน้ัน โทณพราหมณ์ได้ซ่อน พระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาไว้ในระหว่างผ้าโพก ครั้นท้าวสักกะจอมเทพทราบดังน้ันจึงได้ พิจารณาว่า ”พราหมณ์ย่อมไม่สามารถท�ำสักการะที่สมควรแก่พระเข้ียวแก้วได้ เราจะ ถือเอาพระเขี้ยวแก้วน้ัน„ จึงอัญเชิญด้วยผอบทองค�ำน�ำไปยังเทวโลกและประดิษฐาน ไว้ ณ พระจุฬามณีเจดีย์๕๒ อีกแห่งหน่ึงพบเห็นในคัมภีร์สมันตปาสาทิกากล่าวถึง พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะปรารถนาจะสร้างสถูป เพ่ือประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ จงึ รอ้ งขอใหส้ มุ นสามเณรไปอญั เชญิ พระบรมธาตมุ าจากพระเจา้ อโศกมหาราชแหง่ ชมพู ทวีป คราวนั้นสุมนสามเณรได้ไปอัญเชิญพระธาตุรากขวัญเบื้องขวาจากท้าวสักกเทว ราชแล้วกล่าวถึงพระเขี้ยวแก้วเบ้ืองขวาด้วย ดังความว่า ”มหาราช ทราบว่าพระองค์ ทรงมีพระบรมธาตุอยู่ ๒ องค์ คือพระเข้ียวแก้วเบ้ืองขวาและพระธาตุรากขวัญเบ้ือง ขวา ฉะน้ัน ขอทรงบูชาพระเข้ียวแก้วเบ้ืองขวา แต่โปรดพระราชทานพระธาตุรากขวัญ เบ้ืองขวาแก่อาตมภาพ„๕๓ จากหลักฐานเบ้ืองต้นชี้ให้เห็นว่าคติความเชื่อเกี่ยวกับพระเข้ียวแก้วสมัยน้ัน บ่งถึงสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นเคร่ืองร�ำลึกนึกถึง พระองค์ สอดคล้องกับหลักฐานในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ซ่ึงกล่าวถึงพระมหินทเถระ ๕๑ ที.ม. (ไทย) ๑๐/๒๓๙/๒๔๐/ ๑๗๙-๑๘๐. ๕๒ สุมังคลวิลาสินี, หน้า ๓๑๗-๓๑๘. ๕๓ สมันต ๑, หน้า ๑๐๘-๑๐๙.
ตามพรลิงค์ 187 ผู้เดินทางมาประดิษฐานพระพุทธศาสนาในเกาะลังกา คร้ันอยู่จ�ำพรรษาครบ ถ้วนไตรมาสแล้วปรารถนาจะไปชมพทู วปี เพราะ ”อาตมาภาพไดเ้ ฝา้ พระสมั มาสมั พุทธ เจ้านานแล้ว สถานท่ีจะท�ำการอภิวาท การลุกรับ อัญชลีกรรม และสามีจิกรรมก็ไม่มี ฉะน้ัน อาตมาภาพจึงเบื่อหน่าย„๕๔ สันนิษฐานว่าสมัยน้ันพระอรหันต์ผู้ทำ� หน้าท่ีเผยแผ่ พระศาสนาก็ดี หลักธรรมค�ำสอนของพระบรมศาสดาก็ดี ยังสามารถเอื้อประโยชน์ต่อ ความต้องการของสังคมชาวลังกาได้เป็นอย่างดี กรณีการอ้างถึงพระเขี้ยวแก้วหรือ พระบรมสารีริกธาตุเพ่ือมาประดิษฐานในสถูปเจดีย์น้ัน น่าจะเป็นการชักจูงให้ชาว ศรีลังกายึดตรึงเช่ือมโยงกับพระพุทธเจ้ามากกว่าอย่างอ่ืน นอกจากน้ัน ยังเป็นการ สงเคราะหต์ อ่ ชาวศรลี งั กาผมู้ สี ตปิ ญั ญานอ้ ยดอ้ ยศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนา การสกั การ บูชาพระบรมสารีริกธาตุหรือพระเข้ียวแก้วดังกล่าว ย่อมเป็นแรงจูงใจให้เกิดศรัทธา มั่นคงในพระพุทธศาสนามากขึ้น หลักฐานเกี่ยวกับพระเขี้ยวแก้วพบเห็นอีกแห่งหน่ึงในบันทึกของพระภิกษุฟา เหียน ผู้เดินทางมาศึกษาคติความเช่ือมหายานกับคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร ซึ่งเป็น ช่วงเวลาใกล้เคียงกับพระพุทธโฆษาจารย์ โดยได้กล่าวถึงพิธีแห่แหนพระเข้ียวแก้ว อย่างยิ่งใหญ่ซ่ึงจัดข้ึนกลางเดือนสามของทุกปี กษัตริย์โปรดให้ท�ำความสะอาดตกแต่ง ถนนหนทาง พร้อมต้ังเคร่ืองสักการบูชาด้วยดอกไม้และเครื่องหอม ดังความว่า ”พระราชาได้ให้ท�ำรูปภาพร่างกายแบบต่างๆ แสดงไว้ตามริมถนนทั้งสองข้าง ๕๐๐ รูป ซ่ึงเป็นภาพที่มีปรากฏมาในต�ำนานของพระโพธิสัตว์ เช่นคร้ังเป็นสุทาน ครั้งเป็นสามะ ครั้งเป็นพระยาคชสาร และเมื่อครั้งเป็นกวางหรือม้า รูปภาพทั้งหมดเหล่านี้ระบายด้วย สีอย่างสดใส และส�ำเร็จพร้อมไปด้วยความงดงาม ซ่ึงแลดูเป็นประดุจส่ิงมีชีวิตอยู่ ต่อจากนี้พระทันตธาตุของพระองค์ก็ถูกเชิญออกมา และพาไปในกลางถนน ทุก ๆ แห่ง ก็ถวายเคร่ืองสักการบูชาต่อพระทันตธาตุ (กันไป) ตลอดทาง จนกระท่ังถึงวิหาร ของพระพุทธองค์ ณ อภัยคิรีอาราม ณ ที่น้ัน พระภิกษุและคฤหัสถ์รวมกันเป็น กลุ่ม ๆ ต่างเผาเคร่ืองหอมและจุดประทีปโคมไฟ ปฏิบัติกันอยู่เช่นน้ีตลอดก�ำหนด ๕๔ สมันต ๑, หน้า ๑๐๗.
188 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ เวลาท้ังกลางวันและกลางคืนโดยมิได้หยุด จนกระท่ังครบเวลาท่ีมีงาน ๘๐ วันบริบูรณ์ เมื่อ (พระทันตธาตุถูกอัญเชิญ) กลับไปสู่วิหารภายในนคร (ตามเดิม) แล้ว ในวัน ถือศีลประตูวิหารจะเปิด ผู้ท่ีเคารพนับถือก็เข้าไปกระท�ำกิจพิธีและบ�ำเพ็ญศีลตาม วินัย„๕๕ บันทึกดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าสถาบันกษัตริย์ให้ความส�ำคัญแก่พระทันตธาตุ อย่างสูงย่ิง ในฐานะเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระทันตธาตุยังเชื่อม โยงกับคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร ในฐานะผู้ช่ืนชอบคติความเชื่อแบบมหายานด้วย เป็นท่ีน่าสังเกตว่าหลักฐานเก่ียวกับพระเขี้ยวแก้วมีกล่าวถึงน้อยนักในคัมภีร์ อันเป็นผลงานของคณะสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารผู้ฝักใฝ่ค�ำสอนเถรวาท ดังปรากฏเห็นใน คัมภีร์มหาวงศ์ว่า ”ในปีท่ีเก้าแห่งรัชสมัยของพระองค์ (พระเจ้ากิตติสิริเมฆะ) นางพราหมณีคนหนึ่งได้น�ำพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าจากแคว้นกาลิงคะมาไว้ที่ ลังกาทวีป„๕๖ หากเปรียบเทียบกับเรื่องราวของต้นพระศรีมหาโพธ์ิและสถานท่ีส�ำคัญ เหล่าอ่ืน ผู้แต่งคัมภีร์มหาวงศ์ให้ความสนใจเรื่องพระเขี้ยวแก้วน้อยมากจนผิดสังเกต อคติดังกล่าวน่าจะเกิดจากความชิงชังระหว่างคณะสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารกับส�ำนักอภัย คิรีวิหารเป็นส�ำคัญ กล่าวคือสามทศวรรษก่อนการอัญเชิญพระเข้ียวแก้วมาศรีลังกา น้นั คณะสงฆ์สำ� นกั มหาวิหารถกู คณะสงฆส์ �ำนักอภัยคริ ีวหิ ารยุยงกษตั ริยใ์ ห้เผาทำ� ลาย อารามวิหารแห่งตนจนส้ินซาก ด้วยความโกรธแค้นดังกล่าวจึงละเหตุการณ์เกี่ยวกับ พระเขย้ี วแกว้ เสยี อกี นยั หนง่ึ สำ� นกั มหาวหิ ารอาจตอ้ งการใหค้ วามสำ� คญั กบั บณุ ยสถาน ศักดิ์สิทธิ์อันอยู่ภายในบริเวณส�ำนักแห่งตน จึงข้ามความส�ำคัญและความทรงอิทธิพล ของพระเข้ียวแก้วเสีย๕๗ เรื่องราวความส�ำคัญเก่ียวกับพระเข้ียวแก้วบางส่วนจึงต้อง สืบค้นจากบันทึกของพระภิกษุฟาเหียน ๕๕ จดหมายเหตุแห่งพุทธจักรของภิกษุฟาเหียน, แปลและเรียบเรียงโดย พระยาสุรินทรฤา ชัย (จันทร์ ตุงคสวัสดิ), (พระนคร: มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๒), หน้า ๑๙๘-๑๙๙. ๕๖ มหาวงศ์ ๑, หน้า ๓๕๒. ๕๗ Gunaratne Panabokke, History of the Buddhist Sangha in India and Sri Lanka, (Colombo: Karunaratne & Sons Ltd., 1993), pp. 92-93.
ตามพรลิงค์ 189 เรื่องราวพระเขี้ยวแก้วยังปรากฏเห็นในคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ ซึ่งพรรณนาว่า พระอรหันต์เถระรูปหนึ่งชื่อว่าเขมะได้อัญเชิญพระเข้ียวแก้วข้างซ้ายจากเชิงจิตกาธาน ของพระพทุ ธเจา้ ไปมอบถวายพระเจา้ พรหมทตั กษตั รยิ แ์ หง่ นครทนั ตบรุ แี ควน้ กาลงิ คะ กษตั รยิ แ์ ละชาวเมอื งศรทั ธานบั ถอื พระเขย้ี วแกว้ มาก นบั จากนน้ั เปน็ ตน้ มาพระเขยี้ วแกว้ ได้ประดิษฐานมั่นคงท่ีแคว้นกาลิงคะหลายช่ัวอายุคนจนถึงสมัยพระเจ้าคุหสิวะ จึงเกิด สงครามแย่งชิงพระเข้ียวแก้วกับกษัตริย์หัวเมืองเหล่าอ่ืน ด้วยเกรงว่าจะเป็นอันตราย ต่อพระเข้ียวแก้ว พระเจ้าคุหสิวะจึงรับส่ังให้เจ้าชายทันตกุมารและเจ้าหญิงเหมมาลา อัญเชิญพระเข้ียวแก้วไปถวายกษัตริย์ลังกา ในระหว่างทางกษัตริย์สองพระองค์ต้อง พบกับอุปสรรคมากมาย แต่อาศัยปาฏิหาริย์ของพระเขี้ยวแก้วจึงเดินทางถึงเกาะลังกา ด้วยความปลอดภัย กษัตริย์แห่งเกาะลังกาสมัยน้ันพระนามว่าพระเจ้ากิตติสิริเมฆะ ทรงปีติโสมนัสยิ่งนัก ได้มอบถวายเกาะลังกาท้ังหมดเป็นพุทธบูชา๕๘ ส่วนหลักฐาน ฝ่ายไทยกล่าวคือต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ต�ำนานเมืองนครศรีธรรมราช และพระนิพพานโสตรล้วนเดินตามคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์แทบทั้งส้ิน มีความผิดเพ้ียน บา้ งเฉพาะช่ือบคุ คลและสถานทเี่ ทา่ นนั้ ๕๙ ผ้วู ิจยั เหน็ ว่าความผิดพลาดของหลกั ฐานฝา่ ย ไทยน่าจะเกิดจากการคัดลอกหลายคร้ังหลายคราต่างกรรมต่างวาระ หรืออาจเกิดจาก การตคี วามกนั เองของพระสงฆช์ นั้ หลงั โดยปราศจากความเขา้ ใจบรบิ ททางประวตั ศิ าสตร์ ของศรีลังกา หรือว่าอาจขาดแคลนคัมภีร์ส�ำคัญของศรีลังกาเพ่ือน�ำมาเปรียบเทียบ ความถูกต้อง แต่การวางโครงเรื่องให้พระเขี้ยวแก้วไปประดิษฐานท่ีหาดทรายแก้ว ชะเลรอบ น่าจะเป็นการบ่งบอกว่าเป็นสถานที่เหมาะสมส�ำหรับพระพุทธศาสนาใน อนาคตภายหน้า ประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์คือพระธรรมกิตติเถระผู้มีอายุ สมัยอาณาจักรโปโฬนนารุวะตอนปลาย ได้เรียบเรียงคัมภีร์ภาษาสิงหลช่ือว่าชินทันต ธาตุวงศ์ขึ้นใหม่ด้วยการแต่งเป็นฉันท์ภาษาบาลี นัยว่าเพื่อให้ประโยชน์ส�ำหรับผู้คน ๕๘ ทาฐาธาตุวงศ์, หน้า ๒๑-๔๗. ๕๙ ต�ำนานพระธาตุ, หน้า ๔-๙; ต�ำนานเมือง, หน้า ๗-๑๑; พระนิพพานโสตร, หน้า ๖๔.
190 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ มิหินตะเล ศูนย์กลางวัดป่าอรัญวาสีแห่งแรกของเกาะลังกา นอกเมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศ ศรีลังกา หอฉันภายในมิหินตะเล นอกเมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
ตามพรลิงค์ 191 โรงพยาบาลภายในมิหินตะเล นอกเมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา เรือยาภายในโรงพยาบาล บริเวณมิหินตะเล นอกเมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
192 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ เวสสคิริวิหาร วัดป่าอรัญวาสียุคแรก บริเวณนอกก�ำแพงพระนครอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา หัตถิกุจฉิวิหาร วัดป่าอรัญวาสียุคแรก มณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ ประเทศศรีลังกา
ตามพรลิงค์ 193 ริฏิคะละวิหาร วัดป่าอรัญวาสียุคแรก เขตอนุราธปุระ มณฑลกลางตอนเหนือ ประเทศศรีลังกา สิตุลเพาวะ วัดป่าอรัญวาสียุคแรก เขตหัมบันโตฏะ มณฑลใต้ ประเทศศรีลังกา
194 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ อาณาจักรอ่ืน๖๐ หลักฐานดังกล่าวสอดคล้องกับคัมภีร์มหาวงศ์ซึ่งระบุไว้ว่าเรื่องราวของ พระเขยี้ วแกว้ มพี รรณนาไวใ้ นคมั ภรี ท์ าฐาธาตวุ งศน์ บั แตก่ ารอญั เชญิ พระเขยี้ วแกว้ มายงั เกาะลังกา๖๑ แสดงให้เห็นว่าคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารให้ความส�ำคัญพระเขี้ยวแก้ว ต้ังแต่ยุคแรก แต่น่าเสียดายเพราะเกิดความขัดแย้งกันระหว่างคณะสงฆ์ส�ำนัก อภัยคิรีวิหารและส�ำนักมหาวิหารบ่อยครั้ง นอกจากปะทะกันด้วยการโต้วาทะแล้ว บางครงั้ บางคราวถงึ กบั เผาทำ� ลายอารามวหิ ารและหอสมดุ ดว้ ย เปน็ เหตใุ หค้ มั ภรี ส์ ำ� คญั ของสองส�ำนักสูญหายไปกับกองเพลิง ส�ำนวนเนื้อหาของคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ฉบับเก่า น่าจะมีการสืบทอดโดยมุขปาฐะต่อมาจนถึงสมัยอาณาจักรโปโฬนนารุวะ จนพระธรรม กิตติเถระได้แต่งขึ้นใหม่เป็นฉันท์ภาษาบาลีประมาณพุทธศักราช ๑๗๕๔ ตรงกับ รัชสมัยของพระนางลีลาวดีผู้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าปรากรมพาหุ (พ.ศ.๑๗๕๔- ๑๗๕๕)๖๒ สันนิษฐานว่าสมัยนั้นอิทธิพลของพระเข้ียวแก้วน่าจะมีความส�ำคัญย่ิง ใน ฐานะเปน็ สทิ ธติ ามกฎมณเฑยี รบาลเพอ่ื ขน้ึ ครองราชยเ์ หนอื เกาะลงั กา (the legitimate right to the sovereignty) พระนางลีลาวดีจึงอาราธนาพระธรรมกิตติเถระในฐานะ ราชครูให้แต่งคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ข้ึน คร้ันเข้าสู่สมัยอาณาจักรโปโฬนนารุวะสถานะของพระเขี้ยวแก้วเปลี่ยนไป จากเดิมเป็นตัวแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ิปกป้อง บ้านเมือง (the palladium of the kingdom) และสิทธิตามกฎมณเฑียรบาลเพื่อ ขึ้นครองราชย์ตามล�ำดับ เริ่มต้นจากพระเจ้าวิชัยพาหุคร้ันกอบกู้บ้านเมืองแล้วโปรดให้ สร้างวิหารส�ำหรับประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วอย่างงดงามตระการตาภายในบริเวณ พระราชวัง พร้อมโปรดให้จัดพิธีแห่แหนบูชาอย่างยิ่งใหญ๖่ ๓ เหตุที่ท�ำดังนั้นสันนิษฐาน ว่าน่าจะประสงค์ให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวลังกา เนื่องจากก่อนหน้านั้นเกาะลังกา ตกอยภู่ ายใตก้ ารครอบครองของทมฬิ โจฬะถึงเจด็ ทศวรรษ ความหวาดกลัวยงั ฝังแนน่ ๖๐ Ibid., Somapala Jayawardhana, Handbook of Pali Literture, pp. 40-41. ๖๑ มหาวงศ์ ๑, หน้า ๓๕๓. ๖๒ ทาฐาธาตุวงศ์, หน้า ๒๒. ๖๓ ทาฐาธาตุวงศ์, หน้า ๕๕๒.
ตามพรลิงค์ 195 อยู่ในจิตใจของชาวศรีลังกา ส่วนต้นพระศรีมหาโพธิ์และบุณยสถานศักดิ์สิทธ์ิเหล่าอื่น แมย้ อมรบั วา่ เปน็ สถานทศ่ี กั ดส์ิ ทิ ธกิ์ จ็ รงิ แตล่ ว้ นอยภู่ ายในบรเิ วณเมอื งหลวงเกา่ อนรุ าปรุ ะ ท้ังส้ินและยากต่อการเดินทาง พระเข้ียวแก้วจึงเป็นส่ิงศักด์ิสิทธ์ิหน่ึงเดียวที่ใกล้ตัว และสามารถเข้าถึงได้ ความศรัทธาของชาวศรีลังกาทุกหมู่เหล่าจึงรวมลงใน พระเขี้ยวแก้ว สถานภาพของพระเขี้ยวแก้วสมัยนี้จึงกลายเป็นส่ิงศักดิ์สิทธ์ิสูงสุดที่ชาว ศรีลังกาทุกหมู่เหล่าต้องพิทักษ์รักษา ความโด่งดังของพระเข้ียวเป็นเหตุให้พระเจ้า อนุรุทธะแห่งอาณาจักรพุกาม ส่งคณะราชทูตมาทูลขอพระเขี้ยวแก้วไปประดิษฐานยัง อาณาจักรพุกาม แต่กษัตริย์ศรีลังกาได้สร้างพระเข้ียวแก้วจ�ำลองพร้อมส่งไปถวาย กษัตริย์แห่งพุกามผู้เป็นพระสหาย๖๔ สันนิษฐานว่าเร่ืองราวเก่ียวกับพระเขี้ยวแก้วจาก พม่าน่าจะส่งผ่านไปถึงอาณาจักรตามพรลิงค์อีกที เพราะจารึกกัลยาณีและต�ำนาน พระธาตุเมืองนครศรีธรรมราชล้วนระบุว่า มีพระสงฆ์จากพม่าเดินทางไปเผยแผ่ลัทธิ ลังกาวงศ์ท่ีอาณาจักรตามพรลิงค์หลายคร้ังหลายคราต่างกรรมต่างวาระ ภายหลังพระเจ้าวิชัยพาหุสวรรคตแล้ว สถานภาพของพระเขี้ยวแก้วกลายเป็น เหตุผลทางการเมือง กล่าวคือเช้ือพระองค์ท่านใดครอบครองพระเขี้ยวแก้วย่อมมีสิทธิ โดยชอบธรรมในการข้ึนครองราชย์เหนือเกาะลังกา๖๕ หากวิเคราะห์น่าจะเป็นเพราะ สมัยน้ันอาณาจักรโปโฬนนารุวะยังไม่ปลอดภัยจากศึกนอก สังเกตได้จากทมิฬโจฬะ และทมิฬปัณฑยะยังคอยจ้องหาโอกาสคุกคามอยู่เสมอ ส่วนภายในเองก็มีราชวงศ์ผู้ อ้างสิทธิ์เหนือราชบัลลังก์เป็นจ�ำนวนมาก ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้ชาว ศรีลังกาไร้ท่ีพ่ึงจึงให้ความส�ำคัญพระเข้ียวแก้วเป็นหลัก อีกประการหนึ่งพระสงฆ์เอง ก็แตกแยกเป็นนิกายน้อยใหญ่ไม่รวมกันเป็นหน่ึงเดียว จึงไม่สามารถเป็นหลักทาง จิตใจของชาวพุทธลังกาเหมือนเช่นอดีต ด้วยภาวะดังกล่าวผู้คนชาวศรีลังกาจึงหันไป ๖๔ The Glass Palace Ceronicle of the King of Burma, translated by Pe Maung Tin and G.H. Luce, (Rangoon: Rangoon University Press, 1960), pp. 88-90. ๖๕ H.B.M. IIangasingha, ประวัติศาสตร์ศรีลังกาสมัยอาณาจักรโกฏเฏ: ว่าด้วยอาณาจักร ศาสนจักร คติความเช่ือ และความสัมพันธ์กับดินแดนอุษาคเนย์, แปลโดย พระมหาพจน์ สุวโจ, (นครปฐม: สาละพิมพการ, ๒๕๕๙), หน้า ๑๖๔.
196 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ ใหค้ วามสำ� คญั กบั พระเขยี้ วแกว้ สถานภาพของพระเขย้ี วแกว้ ในฐานะเปน็ สทิ ธโิ ดยชอบ ธรรมส�ำหรับการขึ้นครองราชย์ เห็นได้จากกษัตริย์สามพระองค์ กล่าวคือ พระเจ้าชัย พาหุท่ี ๑ (พ.ศ.๑๖๕๓-๑๖๕๔) พระเจ้าวิกรมพาหุท่ี ๑ (พ.ศ.๑๖๕๔-๑๖๗๕) และ พระเจ้าคชพาหุท่ี ๒ (พ.ศ.๑๖๗๕-๑๖๙๖) แม้จะข้ึนครองราชย์เหนืออาณาจักรโปโฬน นารุวะก็จริง แต่ชาวลังกาหาได้ยกย่องยอมรับไม่ เพราะเห็นว่าไม่ได้ครอบครองดูแล พระเขี้ยวแก้วเหมือนบูรพกษัตริย์ ความส�ำคัญของพระเข้ียวแก้วในฐานะการเมืองโดดเด่นชัดเจนสมัยพระเจ้า ปรากรมพาหุท่ี ๑ สังเกตได้จากคราวพระองค์ส่งพระราชสาสน์ไปยังเสนาบดีผู้ยกทัพ ไปยึดเอาพระเข้ียวแก้วและบาตรของพระพุทธเจ้าจากพวกกบฏ ทรงมีรับส่ังว่า ”เรา ได้ข่าวว่าศัตรูท่ีแตกพ่ายในสงครามแล้วหนีต่างหวาดกลัว ถือเอาพระบาตรธาตุและ พระธาตุเขี้ยวแก้วหลบหนีไปยังสมุทรฝั่งโน้น (อินเดีย) เม่ือเป็นเช่นน้ัน แม้ในเกาะสี หลจะมีรตนชาติซึ่งมีค่ามากทุกประเภท เป็นต้นว่าแก้วมณีและมุกดา แต่เกาะลังกาจะ กลายเปน็ เกาะรา้ งแน่ เพราะพระธาตเุ ขยี้ วแกว้ และพระบาตรธาตทุ ง้ั สองของพระพทุ ธเจา้ ไม่ใช่รัตนะธรรมดาเหมือนแก้วชนิดอื่นๆ ความพยายามย่ิงใหญ่ท่ีเราได้สละทรัพย์เป็น อันมาก จัดกองทหารหุ้มเกราะถืออาวุธ สร้างเกาะลังกาให้สงบร่มเย็นปราศจากทุกข์ เข็ญจะไร้ผลแน่ หากศีรษะของเราประดับมงกุฎล�้ำค่ารุ่งเรืองด้วยแสงรัตนะต่างๆ จะบริสุทธิ์หมดจดก็โดยสัมผัสกับพระธาตุเข้ียวแก้วและพระบาตรธาตุท้ังสองของ พระพุทธเจ้า ฉะนั้น ท่านทุกคนพร้อมไพร่พลพาหนะ จงร่วมมือกันพิชิตกองทัพข้าศึก อย่าผิดค�ำบัญชา รีบส่งพระธาตุเขี้ยวแก้วและพระบาตรธาตุมา„๖๖ หลักฐานดังกล่าวช้ี ให้เห็นว่าพระเขี้ยวแก้วและบาตรธาตุของพระพุทธเจ้ามีค่ามากกว่าความเป็นกษัตริย์ จึงเป็นเหตุให้พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชทุ่มเทพระราชทรัพย์และสรรพก�ำลังทั้งหมด เพื่อให้ได้มาซึ่งพระเขี้ยวแก้วและพระบาตรของพระพุทธเจ้า ซ่ึงสมัยนั้นตกอยู่ในเงื้อม มือของพวกกบฏ ๖๖ มหาวงศ์ ๒, หน้า ๑๔๕.
ตามพรลิงค์ 197 ความส�ำคัญของพระเขี้ยวแก้วและพระบาตรของพระพุทธเจ้าปรากฏเห็น อกี ครง้ั หลงั จากพระองคส์ ามารถยดึ ครองพระเขย้ี วแกว้ และพระบาตรของพระพทุ ธเจา้ จากพวกกบฏได้แล้ว คราวน้ันพระองค์ทรงปีติยินดีโสมนัสย่ิงนัก ดังพรรณนาไว้ใน คัมภีร์มหาวงศ์ว่า ”โอ เป็นลาภของเราจริง ชีวิตของเราได้ดีแล้ว เราได้เห็นได้ใกล้ชิด พระบรมธาตุท้งั สองของพระจอมมุนี ถือเป็นการบรรลผุ ลสำ� เรจ็ สูงสุดแหง่ การพยายาม ปกครองราชสมบัติ ได้สรงสนาน ทรงพระวัสตราภรณ์ ทรงลูบไล้ประดับตกแต่งดุจ ดวงจนั ทร์ แวดลอ้ มดว้ ยหมดู่ าวในฤดใู บไมร้ ว่ ง พระผมู้ พี ระบญุ ญานภุ าพยง่ิ ใหญเ่ สดจ็ ไปต้อนรับ (พระบรมธาตุ) ยังสถานที่ประมาณ ๑ โยชน์ ในการทอดพระเนตรครั้ง แรกนั่นเอง ทรงบูชาด้วยอาภรณ์วิจิตร รัตนะล�้ำค่าเป็นต้นว่าแก้วมณี แก้วมุกดา ธูป ต่างๆ ประทีป ดอกไม้สวยงาม และเครื่องสุคนธชาติจ�ำนวนมาก ทรงบูชาเหมือน พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพ พระวีรเจ้าทรงแสดงความเอื้อเฟื้ออย่างย่ิง ทรงหลั่งอัสสุชลแห่งความยินดีไม่ขาดสาย ความเล่ือมใสในพระทัยประหน่ึงว่าไหลล้น ออกมาข้างนอก ปลายพระโลมชาติลุกชูชันท�ำให้ตลอดพระวรกายงดงาม พระทัยของ พระองค์ด่ืมด�่ำอยู่ในห้วงน้�ำใหญ่คือปีติ ประหน่ึงว่ามีพระวรกายราดรดด้วยสายน้�ำ ทิพยรส พระธีรเจ้าผู้ประเสริฐ ทรงใช้พระเศียรทูนพระธาตุเขี้ยวแก้วอันประเสริฐไว้ ดุจพระจันทธรใช้พระเศียรทูนพระจันทร์เสี้ยวฉะนั้น„๖๗ จากน้ันโปรดให้ช�ำระถนน หนทางพร้อมประดับด้วยธงทิวผ้าแพรพรรณสวยงามตลอดทางจนถึงโปโฬนนารุวะ เมืองหลวง พร้อมจัดพิธีแห่แหนอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา และอัญเชิญไปประดิษฐาน ในพระวิหารภายในพระราชวัง การครอบครองพระเขี้ยวแก้วและพระบาตรของ พระพุทธเจ้าเป็นการแสดงถึงกฤษดาภินิหารและบุญญาธิการของพระองค์ สังเกตได้ จากการเปลง่ เสียงกกึ กอ้ งแสดงความยนิ ดีของชาวเมืองวา่ ”น่าอัศจรรย์ พระจอมนรชน พระองค์น้ี มีพระบรมเดชานุภาพยิ่งใหญ่ ทรงย�่ำยีข้าศึกปรากฏแก่พวกเราใน เกาะลังกา ด้วยพระบุญญาธิการย่ิงใหญ่นักนี้คือพระบุญญาธิการคือพระปัญญา คือ ความภักดีในพระตถาคต คือพระเกียรติยศ คือพระเดช คือพระบรมเดชานุภาพ อันยิ่งใหญ่„๖๘ ๖๗ มหาวงศ์ ๒, หน้า ๑๕๒-๑๕๓. ๖๘ มหาวงศ์ ๒, หน้า ๑๕๗.
198 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ คร้ันย่างเข้าสู่สมัยอาณาจักรดัมพเดณิยะ สถานภาพของพระเข้ียวแก้วเพ่ิมข้ึน อีกบทบาทหน่ึงกล่าวคือเป็นผู้ประทานฝน (rain maker) เหตุการณ์เช่นน้ีมีพรรณนา ไว้ในคัมภีร์มหาวงศ์ว่า ”เกาะลังกาน้ัน บางคราวเกิดความเร่าร้อนข้ึนอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้คนท้ังหลายล�ำบากเดือดร้อนเพราะอ�ำนาจบาปเคราะห์ ข้าวกล้าเห่ียวแห้ง เฉาตาย มหาชนชาวลังกาอดอยากยากแค้นหวาดหวั่นพรั่นพรึงไปทั่วทุกหัวระแหง พระราชารับสั่งให้เฉลิมฉลองทั่วลังกา พร้อมกันเป็นการเฉลิมฉลองอันแสนวิเศษถวาย พระรัตนตรัย พระเจดีย์ ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ ทวยเทพผู้มีมหิทธิฤทธิ์ท่ีน่าบูชามีเมต เตยยเทพผู้เป็นท่ีพึ่งเป็นต้น ด้วยเครื่องบูชาต่างๆ ทรงชุมนุมภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่พร้อม เพรียงกันอาราธนาให้สวดพระปริตรถวายเป็นการบูชา รับส่ังให้ทำ� ประทักษิณพระธาตุ เขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้ารอบพระนคร ด้วยความเคารพทรงตั้งอธิษฐานอีกว่า ขอฝน จงตก ทันใดนั้น เมฆฝนใหญ่ปรากฏขึ้นทุกทิศส่งเสียงค�ำรามกึกก้องเพราะสายฟ้า คร้ันค�ำรามกึกก้องแล้วเร่ิมโปรยปรายท�ำลายความเร่าร้อนรุนแรงให้หมดไป ให้มหาชน ปลาบปลื้มยินดี บรรเทาความอดอยากทำ� ให้งดงามท่วั ทุกทิศ ท�ำให้ขา้ วกล้างอกฟื้นขึน้ ชาวลังกาต่างกล่าวสรรเสริญพระคุณของพระมุนีเจ้า และพระคุณของพระราชว่า เมฆฝนตกลงมาให้พวกเรารื่นเริงบันเทิงใจเช่นนี้เป็นเพราะพระพุทธานุภาพโดยแท้„๖๙ สันนิษฐานว่าอาณาจักรดัมพเดณิยะตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะลังกา ซ่ึงเป็นบริเวณร่องมรสุมแตกต่างจากเขตอื่น อีกทั้งมีพ้ืนท่ีท�ำการเพาะปลูกเป็นอันมาก ความต้องการน�้ำฝนเพื่อท�ำการเกษตรย่อมมีมากเป็นธรรมดาวิสัย พระเขี้ยวแก้วใน ฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดจึงมีการยกสถานภาพให้เป็นเทพเจ้าผู้ประทานฝน เพ่ือให้ สอดคล้องกับความต้องการของชาวลังกาผู้อาศัยอยู่บริเวณนั้น อิทธิพลของพระเขี้ยวแก้วต่ออาณาจักรตามพรลิงค์น้ัน พบเห็นในต�ำนาน พระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ต�ำนานเมืองนครศรีธรรมราช และพระนิพพานโสตร ซ่ึงเนื้อหาล้วนเน้นไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยการอ้างว่าเจ้าชายทันตกุมารและเจ้าหญิง เหมมาลาแห่งแค้วนกาลิงคะ ต้องการอัญเชิญพระเข้ียวแก้วไปเกาะลังกา แต่เรือสำ� เภา ๖๙ มหาวงศ์ ๒, หน้า ๒๘๓-๒๘๔.
ตามพรลิงค์ 199 แตกถูกคล่ืนซัดมาข้ึนที่หาดทรายแก้วชเลรอบ จึงฝังพระธาตุไว้ท่ีหาดก่อนท่ีจะได้รับ การช่วยเหลือจากพระอรหันต์ช่ือว่ามหาเถรพรหมเทพ จึงสามารถเดินทางถึงเกาะลังกา อย่างปลอดภัย ผู้วิจัยสันนิษฐานว่าเนื้อหาสาระของต�ำนานดังกล่าวเป็นการชี้บอกว่า หาดทรายแก้วชเลรอบหรือตามพรลิงค์เป็นสถานที่อันพระพุทธเจ้าทรงเลือกแล้ว เพื่อให้เกิดความหนักแน่นของเน้ือหาจึงเพิ่มการท�ำนายของพระมหาเถรพรหมเทพว่า ”หาดทรายแก้วชเลรอบน้ี เบื้องหน้ายังมีพระยาองค์หน่ึงชื่อพระยาศรีธรรมาโศกราช จะมาตั้งเป็นเมืองใหญ่ แล้วจะก่อพระมหาธาตุสูงได้ ๓๗ วา” การท�ำนายหรือพยากรณ์ ของพระสาวกเช่นนี้เช่ือว่าเป็นคติของมหายาน ซึ่งสมัยนั้นคณะสงฆ์สำ� นักอภัยคิรีวิหาร ยังโดดเด่นด้านค�ำสอนของมหายานอยู่ หากตรวจสอบคัมภีร์สายมหายานย้อนหลังไป ถึงอโศกาวทานก็จะเห็นลักษณะของพุทธพยากรณ์เด่นชัด ไม่พบลักษณะของสาวก พยากรณ์แต่อย่างใด๗๐ สันนิษฐานว่าคติความเชื่อดังกล่าวน่าจะได้รับมาจากศรีลังกา ยุคหลัง ผู้วิจัยเช่ือว่าอิทธิพลความย่ิงใหญ่ของพระเข้ียวแก้วในฐานะเป็นสิทธิโดย ชอบธรรมในการครองราชย์เหนือเกาะลังกา (the legitimate right to the sovereignty) น่าจะส่งผลต่อความคิดของพระเจ้าจันทรภาณุแห่งตามพรลิงค์ไม่น้อย สงั เกตไดจ้ ากการประกาศสงครามกบั กษตั รยิ ส์ งิ หลแหง่ อาณาจกั รดมั พเดณยิ ะ พระองค์ ทรงประกาศว่า ”จงมอบพระบาตรธาตุและพระเขี้ยวแก้วของพระมุนีและราชสมบัติแก่ เรา หรือไม่ก็จงมาสู้รบกัน„๗๑ เพราะครั้งหน่ึงพระเข้ียวแก้วเคยประดิษฐานที่หาดทราย แก้วชเลรอบดังอ้างไว้ในต�ำนานของนครศรีธรรมราช ด้วยเหตุนั้นการท่ีพระองค์ยกทัพ ไปแย่งชิงพระเขี้ยวแก้ว ย่อมถือว่าเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของพระองค์ เพื่อยึดครอง สมบัติเดิมอันเป็นของอาณาจักรตามพรลิงค์ ประเด็นน่าสนใจคือคติความเช่ือเร่ืองพระเข้ียวแก้วมาประดิษฐานท่ีหาดทราย แก้วทะเลรอบเกิดขึ้นสมัยใด หากถือเอาหลักฐานจากคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์น่าจะเกิดข้ึน สมัยอาณาจักรโปโฬนนารุวะเป็นอย่างน้อย โดยพระสงฆ์ผู้ฝักใฝ่ฝ่ายมหายาน เหตุ ๗๐ อ้างแล้ว, ความเข้าใจในเร่ืองพระเจ้าอโศกและอโศกาวทาน, หน้า ๖๑-๖๓. ๗๑ มหาวงศ์ ๒, หน้า ๒๙๖.
200 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ เพราะเร่ืองราวของพระเขี้ยวแก้วเป็นจุดเด่นของคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารผู้ฝักใฝ่ มหายานมาแต่ต้น แม้จะถูกลดบทบาทลงไปสมัยส�ำนักมหาวิหารทรงอิทธิพล แต่คร้ัน กษัตริย์ให้ความส�ำคัญด้วยการยกพระเขี้ยวแก้วให้เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้มีสิทธิ ขึ้นครองราชย์เหนือเกาะลังกา ยิ่งท�ำให้พระเข้ียวแก้วมีความส�ำคัญมากขึ้น ซึ่งอิทธิพล ดังกล่าวเกิดข้ึนสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุแห่งอาณาจักรโปโฬนนารุวะเป็นต้นมา พระสงฆ์ผู้เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาลังกาวงศ์ยังอาณาจักรตามพรลิงค์น่าจะ น�ำคติความเชื่อเช่นน้ีติดตัวมาด้วย และท�ำการเผยแผ่และค่อยเกิดพัฒนาการจนเป็น คติความเช่ือส�ำคัญ และความเช่ือเช่นน้ีน่าจะเป็นท่ีรับรู้และทรงอิทธิพลต่อสถาบัน กษัตริย์ด้วย ๔.๔ ด้านคติการสร้างพระบรมธาตุ คติความเช่ือเรื่องการสร้างพระบรมธาตุของศรีลังกาพบเห็นครั้งแรกในคัมภีร์ ทีปวงศ์ ความว่าพระมหินทเถระผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งชมพู ทวีป ได้รับมอบหมายจากพระอุปัชฌาย์ให้เป็นหัวหน้าพระสมณทูตเดินทางมาเผยแผ่ พระพุทธศาสนาที่เกาะลังกา ครั้นปฏิบัติหน้าท่ีครบห้าเดือนแล้วปรารถนาจะเดินทาง กลับชมพูทวีปจึงกราบทูลกษัตริย์แห่งลังกาว่า ”อาตมาท้ังหลายไม่ได้กราบไหว้ลุกรับ ประนมอัญชลีเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้านานแล้ว” คราวน้ันพระเจ้าเทวานัมปิย- ติสสะทรงทราบว่าพระเถระประสงค์จะให้สร้างสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงทูล ใหส้ ามเณรสมุ นะเดนิ ทางไปอญั เชญิ พระธาตรุ ากขวญั เบอื้ งขวาและพระบรมธาตมุ าจาก พระเจ้าอโศก จากน้ันกษัตริย์ลังกาโปรดให้สร้างเจดีย์ทางด้านทิศใต้ของเมืองหลวง อนุราธปุระ คัมภีร์เน้นว่าสถานท่ีสร้างสถูปเจดีย์น้ันอดีตพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ กล่าวคือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า และพระกัสสปพุทธเจ้า เคย เสดจ็ มาประทบั นงั่ เขา้ สมาบตั ิ แมพ้ ระโคตมพทุ ธเจา้ กเ็ คยเสดจ็ มาประทบั นงั่ เขา้ สมาบตั ิ บริเวณแห่งน้ีเช่นกัน พร้อมพยากรณ์ว่า ”เมื่อล่วงแล้ว ๒๓๖ ปี จักมีพระภิกษุองค์ หน่ึงช่ือว่ามหินทะ จักท�ำให้ศาสนาของเรารุ่งเรืองในลังกาทวีป และจักมีอารามท่ีน่า ร่ืนรมย์ข้ึนทางทิศทักษิณแห่งพระนครช่ือว่าถูปาราม ในคราวนั้นลังกาทวีปจักได้ชื่อว่า
ตามพรลิงค์ 201 ตามพปัณณิทวีป สารีริกธาตุของเราจักไปตั้งม่ันอยู่ในตามพปัณณิทวีปดังนี้„๗๒ หลักฐานดังกล่าวช้ีให้เห็นว่าการสร้างสถูปเจดีย์เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้าในฐานะ เป็นพุทธานุสติ เพื่อเตือนใจให้ผู้กราบไหว้ร�ำลึกถึงพุทธคุณในฐานะผู้สามารถช�ำนะ กิเลสตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพ่ือเป็นทิฏฐานุคติส�ำหรับเป็นแนวทางแห่งการ ปฏิบัติเพ่ือเข้าถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ถัดมาพบเห็นในคัมภีร์สมันตปาสาทิกาของพระพุทธโฆษาจารย์ แม้เน้ือหาจะ เดินตามคัมภีร์ทีปวงศ์ก็จริงแต่เน้นสถาบันกษัตริย์เป็นหลัก โดยอธิบายว่าพระเจ้า เทวานัมปิยติสสะโปรดให้จัดพิธีแห่แหนต้อนรับพระบรมธาตุอย่างย่ิงใหญ่ พร้อมกัน นั้นพระองค์ ”ประทับบนคอช้างตัวประเสริฐ ทรงก้ันเศวตฉัตรด้วยพระองค์เองเหนือ เศยี รชา้ งมงคล” การกนั้ พระเศวตฉตั รหมายถงึ การมอบถวายราชบลั ลงั กแ์ ดพ่ ระพทุ ธเจา้ หรืออีกนัยหน่ึงคือการอุทิศเป็นองค์เอกอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา นอกจากนั้นคัมภีร์ สมันตปาสาทิกายังอ้างอิงสถานที่พระโคตมพุทธเจ้าเสด็จมาประทับน่ังเข้านิโรธสมาบัติ อีกหลายแห่ง ดังเช่น มหาเจดีย์ ต้นมหาโพธิ์ มหิยังคณเจดีย์ มุติยังคณเจดีย์ ทีฆวาปีเจดีย์ และกัลยาณีเจดีย์๗๓ คติความเชื่อเก่ียวกับการสร้างสถูปเจดีย์ในคัมภีร์ สมันตปาสาทิกามิได้แตกต่างจากคัมภีร์ทีปวงศ์ ส่วนการเพิ่มสถานท่ีศักดิ์สิทธ์ิเข้ามาช้ี ให้เห็นว่า คัมภีร์ทีปวงศ์ต้องการให้ความส�ำคัญกับถูปารามเจดีย์เป็นหลัก ส่วนคัมภีร์ สมันตปาสาทิกาเน้นการยกย่องสถานที่ศักด์ิสิทธิ์แห่งอ่ืนด้วย พระภิกษุฟาเหียนผู้เดินทางมาเกาะลังกาสมัยพระเจ้ามหานามะ (พ.ศ.๙๔๙- ๙๗๑) ก็บันทึกรายละเอียดเก่ียวกับคติความเชื่อการสร้างสถูปเจดีย์เช่นกัน ความว่า ”เมื่อครั้งพุทธองค์เสด็จมาถึงนครนี้ ทรงปรารถนาจะกระท�ำการแปลงร่างพระยานาค ร้ายตนหนึ่ง ด้วยอ�ำนาจอภินิหารอันเหนือธรรมดาของพระองค์ พระองค์ได้ทรงเหยียบ พระบาทข้างหนึ่งลง ณ ที่เหนือนครหลวง และอีกข้างหน่ึงทรงเหยียบลงบนยอดภูเขา ท้ัง ๒ ข้างห่างจากกันถึง ๑๕ โยชน์ เบื้องบนแห่งพระพุทธบาทที่เหนือนครน้ัน ๗๒ ทีปวงศ์, หน้า ๗๒-๗๕. ๗๓ สมันต ๑, หน้า ๑๐๙-๑๑๔.
202 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ พระราชาได้ทรงสร้างพระสถูปขนาดใหญ่และสูงถึง ๔๐๐ ศอกไว้องค์หน่ึง ประดับ ประดาด้วยทองและเงินเป็นท่ีสง่างาม และส�ำเร็จแล้วล้วนไปด้วยการรวบรวมไว้ ซึ่ง สง่ิ สำ� คญั อนั มคี า่ ประเสรฐิ ทง้ั หลาย ทขี่ า้ งสถปู ดา้ นหนง่ึ มอี ารามทไี่ ดส้ รา้ งมาแตเ่ ดมิ ดว้ ย แห่งหนึ่งเรียกว่าอภัยคิรี„๗๔ เจดีย์ดังกล่าวหมายถึงอภัยคิรีเจดีย์ภายในส�ำนักอภัยคิรี วิหาร ซ่ึงสร้างมาแต่สมัยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยและขยายเพิ่มเติมอีกหลายคร้ัง เป็น ท่ีน่าสังเกตว่าส�ำนักอภัยคิรีวิหารซ่ึงช่ืนชอบค�ำสอนมหายานก็นิยมคติความเชื่อการ สรา้ งสถปู เจดยี ต์ ามแบบคณะสงฆส์ ำ� นกั มหาวหิ าร แมห้ ลกั ฐานการบนั ทกึ ของพระภกิ ษุ ฟาเหียนไม่เอ่ยถึงส�ำนักมหาวิหารก็ตาม แต่เช่ือได้ว่าทั้งสองส�ำนักต่างนิยมคติความ เชอื่ คลา้ ยกนั เปน็ ทนี่ า่ สงั เกตวา่ การสรา้ งสถปู เจดยี ข์ องสำ� นกั มหาวหิ ารเนน้ พทุ ธพยากรณ์ แตส่ ำ� นกั อภยั คริ วี หิ ารเนน้ รอยพระพทุ ธบาท สนั นษิ ฐานวา่ สมยั นนั้ คำ� สอนฝา่ ยมหายาน เรื่องพระพุทธบาทน่าจะทรงอิทธิพลจนเป็นท่ีรู้จักแพร่หลายตลอดชมพูทวีปและลังกา คติความเชื่อเร่ืองการสร้างสถูปเจดีย์อีกแห่งหนึ่งพบเห็นในคัมภีร์มหาวงศ์ รายละเอียดในคัมภีร์เล่มนี้เดินตามคัมภีร์ทีปวงศ์และคัมภีร์สมันตปาสาทิกาทุกอย่าง แต่เน้นให้ความส�ำคัญแก่พระมหินทเถระ สังเกตได้จากกษัตริย์ทรงจัดการทุกสิ่งอย่าง ตามค�ำแนะน�ำของพระเถระทั้งสิ้น นอกจากนั้น เนื้อหายังเน้นการทรงอภิญญาของ พระเถระด้วยการพยากรณ์ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งหลักฐานดังกล่าว ไมป่ รากฏพบเหน็ ในคมั ภรี ท์ งั้ สองเลม่ เบอ้ื งตน้ หากตรวจสอบเนอื้ หาของคมั ภรี ม์ หาวงศ์ โดยละเอียดจะเห็นว่านี้เป็นวิธีการพรรณนาของคัมภีร์มหาวงศ์ โดยการวางโครงเรื่อง ใหพ้ ระมหนิ ทเถระเปน็ ผมู้ คี วามสำ� คญั ในฐานะปชู นยี บคุ คลของศรลี งั กา ประเดน็ สำ� คญั ของการสรา้ งสถปู เจดยี น์ น้ั คมั ภรี ม์ หาวงศพ์ รรณนาวา่ เปน็ เพราะการกระทำ� มหาอธษิ ฐาน ๔ ประการของพระโคตมพุทธเจ้า กล่าวคือ ”๑) ขอก่ิงพระศรีมหาโพธ์ิด้านขวาท่ีพระเจ้า อโศกทรงจับขาดเองทีเดียว จงประดิษฐานอยู่ในกระถางทอง ๒) ครั้นประดิษฐานแล้ว ขอกิ่งน้ันจงเปล่งรัศมีอันงดงาม ๖ ประการ จากผลและใบท�ำให้สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ ๗๔ อ้างแล้ว, จดหมายเหตุแห่งพุทธอาณาจักรของพระภิกษุฟาเหียน, หน้า ๑๙๑-๑๙๒.
ตามพรลิงค์ 203 ๓) ขอกงิ่ พระศรมี หาโพธน์ิ นั้ พรอ้ มกบั กระถางทองอนั นา่ รนื่ รมย์ จงลอยขน้ึ ไปไมป่ รากฏ (แก่มหาชน) ประดิษฐานอยู่ในห้องหิมะตลอด ๗ วัน ๔) ขอพระธาตุรากขวัญเบื้อง ขวาของเรา ซึ่งประดิษฐานอยู่ในถูปาราม จงลอยขึ้นไปในนภากาศ แล้วส�ำแดงยมก ปาฏิหาริย์ และ ๕) ขอธาตุอันบริสุทธ์ิของเราประมาณ ๑ ทะนาน ซ่ึงประดิษฐานที่ เหมมาลกิ เจดยี อ์ นั เปน็ เครอื่ งประดบั ลงั กา จงทรงเพศพระพทุ ธเจา้ เหาะขนึ้ ไปประดษิ ฐาน อยู่ในนภากาศ ส�ำแดงยมกปาฏิหาริย์„๗๕ หลักฐานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการสร้างสถูป เจดีย์นอกจากเป็นสถานท่ีร�ำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังเป็นการเช่ือมโยง ทางการเมืองและการศาสนาระหว่างชมพูทวีปกับเกาะลังกา สันนิษฐานว่าผู้แต่งคัมภีร์ มหาวงศ์น่าจะเห็นการขาดความเช่ือมต่อของข้อมูลในคัมภีร์ทีปวงศ์และคัมภีร์สมันต ปาสาทิกา จึงน�ำมาปรับแก้ให้สมบูรณ์ลงตัวไร้ข้อบกพร่อง คตคิ วามเชอ่ื การสรา้ งสถูปเจดยี ์ดว้ ยการอ้างเป็นพทุ ธพยากรณป์ รากฏพบเห็น เฉพาะสมัยอนุราธปุระเท่าน้ัน ผู้วิจัยเช่ือว่าน่าจะเป็นอุบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ของพระเถราจารย์ยุคหลัง อาจเป็นไปได้ว่าการเผยแผ่ศาสนามีผู้สนใจเข้าร่วมเป็น สมาชิกของพระสงฆ์มากก็จริง แต่ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นสูงเท่าน้ันขณะที่คนกลุ่มอื่นยัง ไม่สามารถเข้าใจพระธรรมค�ำสอนจนเกิดศรัทธาม่ันคง การจะดึงคนให้เข้าใจพระพุทธ ศาสนานั้น นอกจากพิธีกรรมเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาแล้ว การสร้างศาสนสถาน ถือว่าเป็นปัจจัยส�ำคัญอย่างหนึ่งของการเผยแผ่พระศาสนา เพราะเป็นวิธีใช้รูปธรรม อธิบายนามธรรม ด้วยเหตุน้ันจึงต้องแต่งเรื่องพระพุทธเจ้าและอดีตพระพุทธเจ้าเสด็จ เกาะลังกา พร้อมพยากรณ์เน้นสถานที่ศักด์ิสิทธิ์หลายแห่ง เหมือนต้องการช้ีบอกว่า เกาะแห่งน้ีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์เลือกแล้วว่าเหมาะสมส�ำหรับพุทธศาสนา แต่หาก กล่าวถึงการมาของพระเข้ียวแก้ว ซ่ึงถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ิสูงสุดอันเกี่ยวข้องกับ พระพุทธเจ้ากลับไม่ปรากฏเห็นลักษณะของพุทธพยากรณ์ การละเลยดังกล่าวคงมิได้ เป็นเพราะพระเข้ียวแก้วประดิษฐานท่ีส�ำนักอภัยคิรีวิหาร ซึ่งเป็นปรปักษ์กับคณะสงฆ์ ๗๕ มหาวงศ์ ๑, หน้า ๑๕๘-๑๖๔.
204 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ ส�ำนักมหาวิหาร แต่เป็นเพราะช่วงระยะเวลาการมาของพระเขี้ยวแก้วห่างจากการ ประดิษฐานพระพุทธศาสนาของพระมหินทเถระถึงห้าศตวรรษ สมัยน้ันพระศาสนา รุ่งเรอื งมน่ั คงดีแลว้ โดยเฉพาะการศกึ ษาคณะสงฆท์ รงประสิทธิภาพจนกลา่ วกนั ว่าเปน็ ศูนย์กลางการศึกษาตะวันออก๗๖ คติความเชื่อเร่ืองการสร้างสถูปเจดีย์แบบเดิมคงลด บทบาทลงไป แต่หันมาเชิดชูการศึกษาคณะสงฆ์แทนที่ ผู้วิจัยเห็นว่าคติความเชื่อเร่ืองการสร้างสถูปเจดีย์ของศรีลังกาน่าจะเป็นการ เลียนแบบมาจากชมพูทวีป โดยเฉพาะสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เพราะคัมภีร์หลาย เล่มมเี นือ้ หาสอดคลอ้ งกนั ว่าพระเจา้ อโศกมหาราชทรงมีพระราชศรัทธาตอ่ หลักค�ำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งนัก คร้ันทรงทราบว่า ”พระธรรมขันธ์ท่ีพระพุทธเจ้าผู้ ประเสริฐได้ทรงแสดงมีอยู่ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เราจักสร้างอารามให้ถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ เพื่อบูชาพระธรรมขันธ์หนึ่ง ๆ ให้ได้„ พร้อมทั้งท�ำพิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่๗๗ ส่วนหลักฐานในคัมภีร์อโศกาวาทานซ่ึงเป็นฝ่ายมหายานระบุว่า เหตุที่พระเจ้าอโศก มหาราชโปรดให้สร้างเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์น้ัน ประสงค์จะแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ แก่หัวเมืองน้อยใหญ่ด้วย การเดินตามพระราชกิจวัตรของพระเจ้าอชาตศัตรู๗๘ พระ เกยี รตคิ ณุ ในฐานะองคเ์ อกอปุ ถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนานา่ จะทำ� ใหพ้ ระเจา้ เทวานมั ปยิ ตสิ สะ ผู้เป็นกษัตริย์ลังกาทรงด�ำเนินตาม เห็นได้จากบทสนทนาระหว่างพระองค์กับ พระมหินทเถระว่า ”พระคุณเจ้า โยมจะให้สร้างวิหารจ�ำนวนมากในลังกาทวีปนี้ ทำ� อยา่ งไรหนอจงึ จะไดพ้ ระธาตเุ พอ่ื ประดษิ ฐานไวใ้ นพระสถปู ทง้ั หลาย„ พระมหนิ ทเถระ ถวายพระพรว่า”มหาบพิตร พระธาตุท้ังหลายท่ีสุมนสามเณรบรรจุเต็มบาตรของ พระพุทธเจ้า แล้วน�ำมาที่เกาะลังกาน้ีประดิษฐานไว้ท่ีเจติยบรรพตมีอยู่ ขอพระองค์ ทรงอัญเชิญพระธาตุเหล่านั้นไว้เหนือกระพองช้าง แล้วทรงน�ำมา ณ ท่ีน้ีเถิด„ พระเจ้า เทวานัมปิยติสสะจึงทรงน�ำพระธาตุทั้งหลายมาตามที่พระเถระถวายพระพรน้ัน แล้ว ๗๖ Walpola Rahula, History of Buddhism in Ceylon, (Colombo: The Buddhist Cultural Centre, 1993), pp. 159-165. ๗๗ ทีปวงศ์, หน้า ๔๐-๔๑; สมันต ๑, หน้า ๖๓-๖๔. ๗๘ อ้างแล้ว, ความเข้าใจในเร่ืองพระเจ้าอโศกและอโศกาวทาน, หน้า ๑๑๗.
ตามพรลิงค์ 205 รับสั่งให้สร้างวิหารท้ังหลายไว้ในสถานที่ทุก ๑ โยชน์ โปรดให้บรรจุพระธาตุทั้งหลาย ไวใ้ นพระสถปู ทงั้ หลายนนั้ ตามสมควร„๗๙ คตคิ วามเชอ่ื เรอื่ งการสรา้ งสถปู เจดยี ส์ ามารถ สรุปให้เห็นภาพจากพระด�ำรัสหลังจากสร้างถูปารามเจดีย์แล้ว ความว่า ”พระโลกนาถ แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วอย่างนี้ เหลือเพียงพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ ก็ได้ก่อประโยชน์เก้ือกูลและความสุขแก่ประชาชนโดยชอบมากมายหลายประการ เมื่อพระชินเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่จะบรรยายได้อย่างไรเล่า?„๘๐ ครนั้ อาณาจกั รอนรุ าธปรุ ะลม่ สลายเพราะการบกุ รกุ และยดึ ครองโดยทมฬิ โจฬะ เป็นเวลาถึงเจ็ดทศวรรษ คตินิยมเร่ืองการสร้างสถูปเจดีย์แบบเดิมหายไป เหตุเพราะ การยึดครองของกษัตริย์ฮินดูเป็นเวลานาน ด้วยความมากอิทธิพลของลัทธิฮินดูสมัย น้ันจึงส่งผลต่อความคิดทางสังคมและศาสนาค่อนข้างมาก๘๑ สมัยน้ีมีคัมภีร์เก่ียวกับ สถูปเจดีย์เร่ืองหน่ึงชื่อว่าพระคัมภีร์ถูปวงศ์ เป็นผลงานของพระนักปราชญ์นามอุโฆษ ชื่อว่าพระวาจิสสรเถระ เนื้อหาว่าด้วยการประวัติความเป็นมาของการสร้างสถูปเจดีย์ นับแต่การสร้างสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระเจ้าอชาตศัตรู การสร้างสถูป เจดีย์ ๘๔,๐๐๐ แห่ง ครบถ้วนตามพระธรรมค�ำสอนของพระพุทธเจ้า เนื้อหาของ หนังสือเน้นหนักไปที่พระราชภารธุระของพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยผู้สร้างมหาสถูป โดยผู้เขียนระบุว่าพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยทรงทุ่มเทให้กับการสร้างสถูป ครั้นสวรรคต แล้วพระองค์จักบังเกิดเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระศรีอารยเมตไตย์๘๒ เป็นที่ น่าสังเกตว่าพระนิพพานโสตรคัดลอกเน้ือหาเฉพาะพระราชภารธุระของพระเจ้าอโศก มหาราช แต่ละเว้นเร่ืองราวของพระเจ้าทุฏฐคามณีของลังกาเสีย เป็นไปได้หรือไม่ว่า ผแู้ ตง่ พระนพิ พานโสตรตอ้ งการชใี้ หเ้ หน็ วา่ พระยาศรธี รรมโศกราชแหง่ นครศรธี รรมราช ประพฤติตามเลียนแบบพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งสมัยน้ันคติพุทธราชาแบบพระเจ้า ๗๙ มหาวงศ์ ๑, หน้า ๑๘๔. ๘๐ มหาวงศ์ ๑, หน้า ๑๖๕. ๘๑ Archaeological Department Centenary (1890-1990) Commemorative Series Volume Three Architecture, (Padukka: State Printing Corporation, 1990), p. 43. ๘๒ ถูปวงศ์, หน้า ๘๕-๑๒๒.
206 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ อโศกได้โลดแล่นอยู่ในความทรงจ�ำของชาวพุทธทุกแว่นแคว้น ตลอดทั้งรับรู้เร่ืองราว ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาท่ีสืบทอดกันมาในฐานะของกษัตริย์ศาสนูปถัมภ์ท่ียิ่ง ใหญ่สมัยหลังพุทธกาล พร้อมทั้งบทบาทในฐานะของกษัตริย์ท่ีขยายวงพระราชอ�ำนาจ ไปอย่างกว้างขวางโดยใช้แนวคิดของธรรมวิชัย พระองค์จึงเป็นพระจักรพรรดิตามคติ พุทธศาสนา๘๓ หลักฐานจากต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราชกล่าวถึงพระราชด�ำริของ พระญาศรีธรรมโศกราชว่า ”ตัวเรานี้ได้สร้างพระเจดีย์วิหารแลก่อพระพุทธรูปปลูก ต้นไม้พระศรีมหาโพธ์ิ และได้ยกพระมาลิกะเจดีย์ที่เมืองอินทปัต„๘๔ เจดีย์แห่งนี้มีช่ือ สอดคล้องกับจดหมายเหตุของวิละภาเคทะระ ผู้น�ำคณะทูตลังกาเข้ามาประเทศสยาม สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อขอพระสงฆ์ไทยไปฟื้นฟูพระศาสนาที่อาณาจักร แคนดี เน้ือความพรรณนาถึงลักษณะของเมืองนครศรีธรรมราชว่า ”วันแรม ๑๓ ค่�ำ เดือนเดียวกันน้ี เรามาถึงเขตเมืองละคร ดินแดนท่ีเป็นของประเทศสยาม เรือได้จม ลงในโคลน แต่ไม่มีใครเป็นอันตราย และทุกคนบนเรือข้ึนบกในเขตแดนเมืองละคร ในเขตน้ีเป็นเมืองใหญ่ชื่อปาตลีบุตร (ปาฏลิบุตร) มีก�ำแพงล้อมรอบกลางเมืองน้ีมีสถูป ใหญ่เท่าสถูปรุวันเวลิ (รุวันวาลิสถูป) ที่โปโฬนนารุวะในลังกา สถูปองค์น้ีพระเจ้า ศรีธรรมาโศกผู้ได้มานมัสการพระบรมธาตุที่เมืองปาตลีบุตร (เมืองละคร) ได้สร้างไว้ สถูปน้ีจากยอดลงมาถึงคาน ๓ ชั้น ยังเปล่งประกายระยับเหมือนเพ่ิงหุ้มด้วยทองค�ำ ไว้ใหมๆ่ ไร้มลทิน„๘๕ หลกั ฐานจากศรลี งั การะบุชัดวา่ สถปู เจดยี ท์ เี่ มอื งนครศรีธรรมราช เลียนแบบมาจากเมืองโปโฬนนารุวะ หากตรวจสอบอย่างละเอียดกลับไม่พบเห็น สถูปรุวันเวลิในเมืองโปโฬนนารุวะแต่อย่างใด พบเพียงว่ามีเจดีย์รุวันเวลิในเมือง ๘๓ Stuart Munro-Hay, Nakhon Sri Thammarat the Archeology, History and Legend of a Southern Thai Town, (Bangkok: White Lotus, 2001), p. 1. ๘๔ ต�ำนานพระธาตุ, หน้า ๑๑. ๘๕ จดหมายเหตุของวิละภาเคทะระ เร่ืองคณะทูตลังกาเข้ามาประเทศสยาม และสยามูป สัมปทา จดหมายตุเรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป, (กรุงเทพมหานคร: บุญเจริญ อินเตอร์เทรด จ�ำกัด, ๒๕๓๒), หน้า ๓๐.
ตามพรลิงค์ 207 อนุราธปุระเพียงแห่งเดียวเท่าน้ัน ดังปรากฏเห็นในจารึกแผ่นหินของพระเจ้ากีรติ- นสิ สงั กมลั ละแหง่ อาณาจกั รโปโฬนนารวุ ะตอนปลาย ซงึ่ ระบวุ า่ พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ ไปบรู ณ ปฏิสังขรณ์เจดีย์รุวันมาลีแห่งเมืองอนุราธปุระ๘๖ ผู้วิจัยเห็นว่าเจดีย์มาลิกะตามส�ำเนียง ไทยและสถูปรุวันเวลิตามส�ำเนียงศรีลังกาน่าจะหมายถึงรุวันเวลิเจดีย์แห่งเมือง อนุราธปุระ สังเกตได้จากรอบเจดีย์พระบรมธาตุในปัจจุบันนั้นมีช้างล้อมรอบ ซ่ึงเป็น คติความเช่ือตามแบบสมัยอนุราธปุระ ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ได้แสดงความเห็นว่าดินแดนประเทศไทยมีการนับถือ พระพุทธศาสนาหินยานเป็นหลักมาแต่สมัยทวารวดี-ลพบุรี โดยมีการนิยมสร้าง พระสถูปเจดีย์ท่ีเป็นท่ีบรรจุพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าให้เป็นศูนย์กลางของบ้าน เมืองและท้องถิ่น๘๗ สมหมาย เปรมจิตต์และคณะได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า คติ การสร้างพระสถูปเจดีย์ถือว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามแนวคิดของชาวอินเดีย โบราณ โดยให้องค์พระเจดีย์เป็นภูเขาพระสุเมรุ ช้ันน้อยใหญ่ของพระเจดีย์ที่เป็น ส่วนฐานเป็นภูเขาสัตตบริภัณฑ์บรรพตคือภูเขาที่ล้อมรอบพระสุเมรุ ๗ ลูก ถัดมาเป็น ทะเลสีทันดรประกอบด้วยทวีปน้อยใหญ่ เขาพระสุเมรุหรือท่ีเรียกในภาษาบาลีว่าภูเขา สเุ นรนุ นั้ ตง้ั อยกู่ ลางทวปี ทงั้ ส๘่ี ๘ สว่ นคตกิ ารใชร้ ปู ชา้ งประดบั ศาสนสถานนนั้ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ได้แสดงความเห็นไว้ว่า น่าจะมีความส�ำคัญเก่ียวข้องกับ ความเช่ือทางศาสนา เพราะช้างเป็นสัตว์ท่ีมีความเกี่ยวพันกับคติความเช่ือทางศาสนา มาแต่สมัยโบราณ และยังเป็นสัตว์ท่ีมีเร่ืองราวเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติเป็นอันมาก ประติมากรรมรูปช้างพบครั้งแรกในศิลปะอินเดียโบราณท่ีเมืองโมเหนโจดาโรและเมือง ๘๖ Epigraphia Zeylanica being Lithic and other Inscriptions of Ceylon, Vol. II, edited and translated by Don Martino De Zilva Wickremasinghe, (New Delhi: Asian Education Services, 1994), pp.80-83. ๘๗ ศรศี ักร วลั ลโิ ภคม, ความหมายพระบรมธาตใุ นอารยธรรมสยามประเทศ, พิมพค์ รง้ั ท่ี ๓, (กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์เมืองโบราณ, ๒๕๔๖), หน้า ๑๔๐. ๘๘ สมหมาย เปรมจิตต์และคณะ, พระเจดีย์ในลานนาไทย, งานวิเคราะห์และอนุรักษ์ศิลปะ และสถาปัตยกรรมลานนาไทย, (สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๒๔), หน้า ๒๐.
208 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ ฮารัปปา๘๙ ส่วนสุรพล ด�ำริห์กุลได้แสดงความเห็นว่า การประดับช้างรอบฐานพระสถูป เจดีย์เช่ือว่าเป็นอนุสรณ์การชนช้างชนะศึกของพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยเหนือพระเจ้า เอฬาระ หรือที่ชาวไทยรู้จักกันในนามรุวันเวลิเจดีย์ ซ่ึงโปรดให้สร้างเพ่ือเป็นอนุสรณ์ แห่งการชนช้างชนะศึกคราวนั้น๙๐ ผู้วิจัยเห็นว่าการใช้ช้างเป็นประติมากรรมล้อม พระสถูปเจดีย์น่าจะบ่งถึงกษัตริย์กับพระศาสนา กล่าวคือเจดีย์หมายถึงพระศาสนา อันเป็นสิ่งส�ำคัญสูงสุด ส่วนช้างหมายถึงกษัตริย์ซ่ึงเป็นศาสนูปถัมภก ซ่ึงสอดคล้อง กับเหตุการณ์ตอนสร้างเจดีย์ครั้งแรกของลังกา ดังค�ำแนะน�ำของสุมนสามเณรว่า ”มหาบพิตร พระองคท์ รงวางพระทยั เถดิ โปรดรับสั่งใหแ้ ผว้ ถางถนนหนทาง ใหป้ ระดับ ตกแต่งด้วยธงชาย ธงแผ่นผ้า และหม้อน้�ำเต็มเป็นต้น พร้อมด้วยข้าราชบริพาร ทรงสมาทานองคอ์ โุ บสถ จดั พนกั งานผปู้ ระโคมดนตรที กุ หมเู่ หลา่ ใหป้ ระชมุ กนั ประดบั ประดาช้างมงคลด้วยเครื่องประดับทุกอย่าง แล้วให้ยกเศวตฉัตรขึ้นเบ้ืองบนช้างมงคล นั้น„๙๑ คติความเช่ือเช่นน้ีน่าจะตกทอดมาถึงกษัตริย์รุ่นหลังจนมีการสร้างเจดีย์ รุวันเวลิหรือเจดีย์ช้างล้อมภายหลัง ผู้วิจัยเชื่อว่าอิทธิพลของคัมภีร์สถูปวงศ์น่าจะเป็น แรงจงู ใจแกพ่ ระเจา้ ศรธี รรมโศกราชไมน่ อ้ ย โดยเฉพาะเรอ่ื งราวของพระเจา้ ทฏุ ฐคามณี อภัยในฐานะผู้กอบกู้บ้านเมือง และสร้างมหาสถูปเพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณทาง พระพุทธศาสนา การตั้งช่ือหาดทรายแก้วว่าเป็นสถานท่ีสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ก็ช้ี ให้เห็นร่องรอยของศรีลังกา เพราะว่า ”หาดทรายแก้ว„ ตรงกับค�ำว่า ”รุวันแวฬิ„ ของศรีลังกาอย่างลงตัว เป็นไปได้หรือไม่ว่านักปราชญ์รุ่นหลังพยายามปรับคติ ความเชอ่ื เกยี่ วกบั การสรา้ งสถปู เจดยี ใ์ หม้ คี วามเปน็ ตามพรลงิ คม์ ากทส่ี ดุ ดว้ ยการสรา้ ง เอกลักษณ์เฉพาะตัว ๘๙ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล, ศิลปอินเดีย เล่ม ๑, (กรุงเทพมหานคร: องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๑๐), หน้า ๓๖. ๙๐ สุรพล ด�ำริห์กุล, เจดีย์ช้างล้อมกับประวัติศาสตร์บ้านเมืองและพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์ ในประเทศไทย, (กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๔), หน้า ๓๕. ๙๑ สมันต ๑, หน้า ๑๐๘.
ตามพรลิงค์ 209 ประเด็นหน่ึงซ่ึงน่าสนใจคือสถูปเจดีย์ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ หรือไม่? หากศึกษาประวัติศาสตร์จะเห็นว่าศาสนาพราหมณ์เน้นระบบความเช่ือเร่ือง มณฑล หมายความว่าทุกองคาพยพของสังคมหรือบ้านเมืองจะถูกจัดวางให้ถูกต้อง ตามทิศทางของมณฑล โดยเฉพาะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งส�ำคัญสูงสุด จ�ำต้องอยู่ในท�ำเลและทิศทางที่ถูกต้องและเหนือกว่าส่ิงเหล่าอ่ืน เพราะถือว่าเทพเจ้า อยู่ในต�ำแหน่งสูงสุดเหนือมนุษย์ แม้ภายหลังอาณาจักรตามพรลิงค์จะหันมานับถือ พระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ก็จริง แต่อิทธิพลของพราหมณ์ยังโดดเด่น ความเป็น ไปได้น่าจะเป็นการดัดแปลงให้เหมาะสมกับคติความเช่ือแห่งตน สังเกตได้จาก ประติมากรรมของเจดีย์ล้วนสามารถตีความได้ว่ามีลักษณะลดหลั่นตามความส�ำคัญ ผู้วิจัยเชื่อว่าช้างน่าจะเป็นกษัตริย์หรือชาวพุทธผู้ท�ำหน้าที่อุปถัมภ์พระศาสนา ซึ่งเรียก ว่าเป็นโลกมนุษย์ ส่วนศิลปะแต่ละช้ันของสถูปเจดีย์น่าจะเป็นคติความเชื่อของระบบ จักรวาลวิทยาจนถึงพระสุเมรุอันเป็นสถานสถิตของพระอินทร์ ส่วนปลายยอด พระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ บ่งถึงนิพพานโลกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คติความเชื่อดังกล่าวน่าจะก่อเกิดพัฒนาในชั้นหลัง โดยพยายามปรับแต่งให้เหมาะสม กับคติความเช่ือจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ๔.๕ สรุป การประดิษฐานพุทธศาสนาลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์สามารถแบ่ง ออกเป็น ๒ ช่วงเวลา ระยะแรกเป็นคติความเช่ือแบบมหายาน อันเนื่องจากอาณาจักร ตามพรลิงค์สมัยนั้นตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรศรีวิชัย ซ่ึงนับถือพระพุทธศาสนา มหายาน พระสงฆศ์ รลี งั กาสำ� นกั อภยั คริ วี หิ ารผฝู้ กั ใฝค่ ำ� สอนมหายานจงึ ตดิ ตอ่ สมั พนั ธ์ กับดินแดนแห่งนี้ ร่องรอยคือคติความเช่ือเรื่องพระเขี้ยวแก้วและการสร้างพระบรม ธาตุเจดีย์ พระสงฆ์ศรีลังกาผู้ฝักใฝ่พระพุทธศาสนามหายานน่าจะมีส่วนในการสร้าง กรอบแห่งคติความเชื่อแก่ชาวอาณาจักรตามพรลิงค์หลายอย่าง ผู้วิจัยเช่ือว่าพระสงฆ์ แห่งอาณาจักรตามพรลิงค์ผู้ชื่นชอบค�ำสอนมหายานสมัยน้ัน น่าจะเดินทางไปศึกษา เรียนรู้จารีตปฏิบัติของคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารแห่งเกาะลังกาหลายต่อหลายครั้ง
210 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ สังเกตได้จากชาวศรีลังการู้จักอาณาจักรตามพรลิงค์ในชื่อว่าตัมพรัฏฐะหรืออาณาจักร แห่งแผ่นดินสีแดง สว่ นระยะหลงั เรม่ิ ตน้ จากสมยั อาณาจกั รตามพรลงิ คป์ ระกาศแยกตนปกครอง เป็นอิสระจากอาณาจักรศรีวิชัย ประจวบกับสมัยน้ันความรุ่งเรืองของลัทธิลังกาวงศ์ เป็นที่รู้จักแพร่หลายตลอดดินแดนอุษาคเนย์ กษัตริย์แห่งอาณาจักรตามพรลิงค์จึงรับ คติความเชื่อแบบลังกาวงศ์เพ่ือน�ามาเป็นอุบายในการปกครองบ้านเมือง คณะสงฆ์ ศรีลังกาท่ีเข้ามาเผยแผ่ยังอาณาจักรตามพรลิงค์สมัยน้ีน่าจะมีหลายกลุ่มหลายคณะ ตามกาลเวลา และแต่ละคณะล้วนแล้วแต่โดดเด่นด้านค�าสอนฝ่ายเถรวาท เฉพาะ คณะป่าแก้ววนรัตน์เท่าน้ันท่ีมีหลักฐานชัดเจนและตกทอดมาถึงปัจจุบัน อาจเป็นไป ได้ว่าคณะป่าแก้ววนรัตน์มีศีลาจารวัตรงดงามอีกท้ังแตกฉานในพระไตรปิฎก จึงท�าให้ ชาวอาณาจักรตามพรลิงค์ศรัทธาเลื่อมใสมากกว่าคณะอ่ืน ประเด็นส�าคัญคือสมัยน้ีกษัตริย์แห่งอาณาจักรตามพรลิงค์ประพฤติตามเอา แบบอย่างพระจริยาวัตรของกษัตริย์ศรีลังกา โดยเฉพาะการเป็นศาสนูปถัมภ์ นอกจาก ถวายการอุปถัมภ์พระสงฆ์และสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ให้เป็นศูนย์รวมใจแล้ว ยังมีคติ ความเช่ือเรื่องการครอบครองพระเขี้ยวแก้วด้วย เพราะเชื่อว่าเป็นสิทธิโดยชอบธรรม ส�าหรับการครองราชย์ หลักฐานระบุว่าพระเจ้าจันทรภาณุแห่งอาณาจักรตามพรลิงค์ ได้ยกทัพไปบุกรุกเกาะลังกาถึงสองคร้ัง เจตนาเพ่ือครอบครองพระเขี้ยวแก้วของ พระพุทธเจ้า สันนิษฐานว่าการครอบครองพระเขี้ยวแก้วน้ัน นอกจากเป็นสัญลักษณ์ แห่งการปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาแล้ว น่าจะหมายถึงการเป็นที่ยอมรับของ กษัตริย์ผู้นับถือพระพุทธศาสนาด้วยกันเอง สังเกตได้จากกษัตริย์มหาราชของพม่า ดงั เชน่ พระเจา้ อนรุ ทุ ธะและพระเจา้ บเุ รงนอง หรอื แมแ้ ตจ่ กั รพรรดจิ นี กล็ ว้ นแตป่ รารถนา ครอบครองพระเข้ียวแก้วเช่นกัน
ตามพรลิงค์ 211 ส�ำนักทิมบุลาคะละหรืออุทุมพรคิรีวิหาร ต้นก�ำเนิดคณะป่าแก้ว เขตโปโฬนนารุวะ มณฑลกลาง ตอนเหนือ ประเทศศรีลังกา ถ�้ำปฏิบัติธรรมส�ำหรับพระสงฆ์ ส�ำนักทิมบุลาคะละ เขตโปโฬนนารุวะ มณฑลกลางตอนเหนือ ประเทศศรีลังกา
212 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ ป้ายบริเวณทางขึ้นศรีปาทะ ระบุว่าเป็นส�ำนักปลาภัตคะละ หรือวัดของพระธรรมกิตติเถระจาก อาจักรตามพรลิงค์ เขตรัตนปุระ มณฑลสบรคามุวะ ประเทศศรีลังกา บริเวณส�ำนักปลาภัตคะละของพระธรรมกิตติเถระจากอาณาจักรตามพรลิงค์ เขตรัตนปุระ มณฑลสบรคามุวะ ประเทศศรีลังกา ปัจจุบันเรียกว่าวัดกีรติศรีราชสิงหวิหาร
ตามพรลิงค์ 213 ถูปารามเจดีย์หรือเจดีย์แห่งแรกของเกาะลังกา ภายในเมืองหลวงเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา รุวันแวฬิแสยะเจดีย์หรือสุวรรณมาลิกเจดีย์ ภายในเมืองหลวงเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
214 ลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์
ตามพรลิงค์ 215
บรรยายภาพ: ภาพจิตรกรรมฝาผนังต�ำนานพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช วัดวังตะวันตก เมืองนครศรีธรรมราช
บทที่ ๕ บทสรุปและข้อเสนอแนะ ๕.๑ บทสรุป สรปุ การศกึ ษาวเิ คราะหก์ ารประดษิ ฐานพระพทุ ธศาสนาลงั กาวงศใ์ นอาณาจกั ร ตามพรลิงค์ตามวัตถุประสงค์ ๓ ประการ ดังน้ี ๕.๑.๑ หลักฐานทางโบราณคดี กล่าวคือ ศิลาจารึก เอกสารโบราณ โบราณวัตถุและโบราณสถาน ล้วนชี้บอกถึงความมีอยู่และพัฒนาการของอาณาจักร ตามพรลิงค์ได้อย่างชัดเจน แต่การศึกษาเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งย่อมไม่สามารถหาข้อ สรุปได้อย่างถูกต้อง จ�ำต้องอาศัยหลักฐานทุกด้านมาวิเคราะห์ประกอบกัน เป็นท่ีน่า สังเกตอย่างหน่ึงว่าแม้อาณาจักรตามพรลิงค์จะด�ำรงความเป็นเอกราชเพียงระยะเวลา อันสั้น แต่กับมีหลักฐานปรากฏเห็นให้คนรุ่นหลังสืบค้นเป็นจ�ำนวนมาก ส่วนหนึ่งเป็น เพราะชาวต่างประเทศในฐานะพ่อค้าหรือนักเดินทางบันทึกเอาไว้ อีกส่วนหน่ึงมาจาก นักบวชทั้งศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนาพากันรักษาสืบต่อในฐานะส่วนหนึ่ง ของคติความเช่ือ แม้จะผสมแทรกด้วยเร่ืองเทพนิยายลักษณะเกินความเป็นจริง แต่ หากตีความตามวิชาการสมัยใหม่ก็ย่อมสามารถถอดเอาความจริงท่ีซ่อนเร้นอยู่ภายใน เรื่องล้ีลับเหล่าน้ีได้ หลกั ฐานทางโบราณคดีส่วนใหญ่ลว้ นอธิบายถงึ อาณาจกั รตามพรลงิ ค์ ใน ฐานะเป็นเมืองท่าค้าขาย สังเกตได้จากชื่อเรียกอันหลากหลายของอาณาจักรแห่งนี้ ได้แก่ ตามพรลิงค์ในส�ำเนียงของพ่อค้าชาวอินเดีย เซียะโท้ในสายตาของพ่อค้าจีน ปาฏลีบุตรในฐานะเมืองอุดมคติของกษัตริย์แห่งชมพูทวีป ตัมพรัฏฐะในสายตาของ กษัตริย์แห่งชาวศรีลังกา ศรีธรรมราชในสายตาของชาวเมืองสุโขทัยและเชียงใหม่ และ ตั้งหม่าหล่ิงในสายตาของพ่อค้าชาวจีน ด้วยชื่อเสียงเรียงนามอันหลากหลายเช่นน้ีเป็น หลักฐานช้ีให้เห็นว่าสมัยน้ันเมืองตามพรลิงค์เป็นเมืองท่าค้าขายส�ำคัญแห่งหน่ึงบริเวณ คาบสมุทรไทย
218 บทสรุปและข้อเสนอแนะ หลักฐานระบุว่าเมืองตามพรลิงคน์ ้ันมีลักษณะอันโดดเด่นกว่าเมืองอื่นใน บริเวณเดียวกันหลายประการ กล่าวคือ มีชัยภูมิท่ีเหมาะสมกว่าเมืองอื่น ด้านหน้าเป็น ทะเลมีอ่าวส�ำหรับจอดเรือหลบมรสุมและพักถ่ายสินค้า ด้านหลังเป็นแนวภูเขาสูง สามารถเป็นแหล่งผลิตอาหารป่าเป็นอย่างดี มีแม่น้�ำหลายสายไหลลงสู่ทะเลสามารถ เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านไปยังหัวเมืองฝั่งทะเลตะวันตกได้ และมีสันทรายทอดตัว เป็นแนวยาวเหมาะส�ำหรับท�ำเกษตรกรรมเลี้ยงผู้คน ความได้เปรียบดังกล่าวเป็นเหตุ ให้เมืองตามพรลิงค์ก่อเกิดพัฒนาการกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่สมัยต่อมา จดุ เดน่ ของการเปน็ เมอื งทา่ อกี อยา่ งหนง่ึ คอื การไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากคนนอก โดยเฉพาะที่น�ำติดตัวมากับพ่อค้าหรือนักบวชและพระสงฆ์ผู้ต้องการเผยแผ่ศาสนา เบ้ืองต้นศาสนาพราหมณ์ทั้งลัทธิไวษณพนิกายและลัทธิไศวนิกายล้วนได้รับการนับถือ อย่างแพร่หลาย สังเกตได้จากหลักฐานที่อ้างถึงในศิลาจารึก โบราณวัตถุและโบราณ สถาน ซ่ึงมีการค้นพบตลอดหัวเมืองภาคใต้ของประเทศไทย คติความเช่ือของศาสนา พราหมณ์มีอิทธิพลสูงส่งต่อผู้คนสมัยน้ัน นอกจากมีพวกพราหมณ์เป็นผู้น�ำประกอบ พิธีกรรมแล้ว สถาบันกษัตริย์ยังได้สนับสนุนศาสนาพราหมณ์อย่างเต็มที่ ครั้นภาย หลังต่อมาพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลัทธิลังกาวงศ์ได้เข้ามาเผยแผ่และเป็นที่นิยม แพร่หลายแทนที่ อาจเป็นเพราะกษัตริย์แห่งตามพรลิงค์ต้องการปลดแอกตนออกจาก อิทธิพลของอาณาจักรศรีวิชัย หรืออาจเป็นเพราะคติความเช่ือแบบลัทธิลังกาวงศ์เปิด โอกาสให้กษัตริย์มีความใกล้ชิดอาณาประชาราษฎร์มากกว่าลัทธิเทวราชาของพวก พราหมณ์ หลักฐานของลัทธิลังกาวงศ์ในเมืองตามพรลิงค์ที่ปรากฏเห็นในปัจจุบันคือ พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ๕.๑.๒ ความสัมพันธ์ระหว่างศรีลังกากับอาณาจักรตามพรลิงค์ เหตุ เพราะเกาะลังกามีความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาเป็นเวลายาวนานนับแต่ พุทธศตวรรษที่ ๔ เป็นต้น แม้จะมีร่องรอยทางโบราณคดีว่าได้เผยแผ่เข้ามายังภาค กลางของไทยกล่าวคืออาณาจักรทวารวดีนับแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๒ ก็จริง แต่ หลักฐานเช่นนั้นไม่ปรากฏเห็นในบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย พบเห็นแต่เรื่องราว ในเอกสารโบราณประเภทลายลักษณ์อักษร แต่ก็พอคาดเดาได้ว่าพระพุทธศาสนาจาก ลังกาได้เข้ามาเผยแผ่ยังบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยร่วมสมัยกับอาณาจักรทวารวดี
ตามพรลิงค์ 219 พระสมณทูตผู้เข้ามาเผยแผ่คราวน้ันเป็นพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารผู้ฝักใฝ่ค�ำสอน มหายาน อาจเป็นไปได้ว่าสมัยเดียวกันน้ันกษัตริย์ราชวงศ์ไศเลนทร์แห่งอาณาจักร ศรีวิชัยให้ความอุปถัมภ์แก่พระพุทธศาสนามหายานเป็นอย่างดี ย่อมเป็นปกติธรรมดา ที่จะใหก้ ารต้อนรบั คณะสงฆ์แหง่ สำ� นกั อภยั คิรีวิหารของศรีลังกา และพระสงฆศ์ รีลังกา ส่วนใหญ่น่าจะพ�ำนักอาศัยบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย สังเกตได้จากความ แพร่หลายของคติความเชื่อเรื่องพระเข้ียวแก้ว ซ่ึงเป็นที่นิยมของพระสงฆ์แห่งส�ำนัก อภัยคิรีวิหาร คร้ันเข้าสู่อาณาจักรโปโฬนนารุวะแห่งศรีลังกา พระเจ้าปรากรมพาหุ มหาราชได้สร้างอาณาจักรอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรและปฏิรูปพระพุทธศาสนาจนมี พระสงฆ์งดงามด้วยวัตรปฏิบัติ และแตกฉานในพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา สมัย นี้เองพระสมณทูตของศรีลังกาได้เดินทางออกไปเผยแผ่ยังหัวเมืองน้อยใหญ่แห่ง ดินแดนอุษาคเนย์ แม้เมืองตามพรลิงค์ก็เป็นจุดหมายอันหนึ่งของพระสงฆ์ศรีลังกา เบ้ืองต้นอาจมีการปะทะกับคติความเชื่อของมหายานและพราหมณ์ แต่คร้ันได้รับการ อปุ ถมั ภเ์ ปน็ อยา่ งดจี ากสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ จงึ ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศ์ ได้รับการยอมรับนับถืออย่างแพร่หลาย จนต่อมาสถาบันกษัตริย์ยกให้เป็นศาสนาหลัก ของบ้านเมือง สังเกตได้จากการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์เพ่ือเป็นศูนย์กลางความเชื่อ ของชาวอาณาจักรตามพรลิงค์ คตคิ วามเช่อื ทางศาสนานเ้ี องเปน็ ตัวหนนุ เสรมิ ให้กษัตรยิ ์แห่งตามพรลิงค์ พระนามว่าพระเจ้าจันทรภาณุยกทัพไปบุกรุกเกาะลังกา อาจเป็นเพราะพระองค์ทรง เห็นว่าเกาะลังกาเป็นสถานท่ีประดิษฐานของพระเขี้ยวแก้ว ซ่ึงเป็นส่ิงศักด์ิสิทธ์ิเสมือน ตวั แทนของพระพทุ ธเจา้ หากไดม้ าประดษิ ฐานยงั เมอื งตามพรลงิ ค์ นอกจากจะเปน็ การ ประกาศกฤษดาภินิหารแล้ว ยังท�ำให้อาณาจักรของพระองค์เป็นศูนย์กลางความ ศกั ดส์ิ ทิ ธขิ์ องโลกแหง่ พระพทุ ธศาสนา จะเหน็ ไดว้ า่ คตคิ วามเชอื่ ของลงั กาวงศม์ อี ทิ ธพิ ล ตอ่ พระองคไ์ มน่ อ้ ย อกี ดา้ นหนง่ึ การบกุ รกุ เกาะลงั กาของพระองคอ์ าจเปน็ เหตผุ ลทางการ เมอื งกเ็ ปน็ ได้ เพราะสมยั นน้ั พระองคถ์ อื วา่ เปน็ กษตั รยิ ท์ รงเดชานภุ าพไมต่ า่ งจากพระเจา้ สิบทิศ การด�ำเนินราโชบายสิทธยาตราตามโบราณประเพณีของกษัตริย์แห่งศรีวิชัย ถือว่าเป็นอีกทางหนึ่งแห่งการประกาศเดชานุภาพของพระองค์
220 บทสรุปและข้อเสนอแนะ ความสมั พนั ธท์ างการเมอื งและศาสนาระหวา่ งศรลี งั กากบั ตามพรลงิ คเ์ กดิ ประโยชน์มหาศาลแก่อาณาจักรตามพรลิงค์ จะเห็นได้ว่าตามพรลิงค์มองศรีลังกาใน ฐานะเปน็ เมอื งแมแ่ หลง่ กำ� เนดิ ของพระพทุ ธศาสนา ประเพณวี ฒั นธรรมและจารตี ปฏบิ ตั ิ ทกุ สงิ่ อยา่ งลว้ นคลอ้ ยตามศรลี งั กาสน้ิ แมบ้ างประเพณจี ะมกี ารดดั แปลงมาจากพราหมณ์ แต่ก็เปล่ียนไปตามคติความเช่ือของลัทธิลังกาวงศ์ การประพฤติตามประเพณีลังกา ของตามพรลิงค์เห็นจะบริบูรณ์เป็นเลิศ สังเกตได้จากกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัยได้ นิมนต์พระสงฆ์ลังกาวงศ์จากเมืองนครศรีธรรมราช ไปประกาศศาสนาที่อาณาจักรของ พระองค์ หลักฐานดังกล่าวปรากฏเห็นทั้งในลักษณะต�ำนานประเภทลายลักษณ์อักษร และศิลาจารึกพร้อมโบราณวัตถุมากมายตลอดบริเวณอาณาจักรสุโขทัย ๕.๑.๓ การประดิษฐานพุทธศาสนาลังกาวงศ์ในอาณาจักรตามพรลิงค์ เหตุเพราะมีหลักฐานอ้างอิงเป็นจ�ำนวนมากจึงท�ำให้สามารถเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับ อิทธิพลความเช่ือที่มีผลต่ออาณาจักรตามพรลิงค์ ส่ิงหนึ่งซ่ึงเห็นภาพชัดเจนคือคติ ความเชื่อหรือเร่ืองราวที่รับรู้รับทราบตามแบบฉบับของศรีลังกาแท้ แต่ครั้นเม่ือมีการ เผยแผ่เข้ามาสู่หัวเมืองบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยกับมีการปรับแก้ให้เหมาะสมกับ ลักษณะนิสัยของผู้คนบริเวณนี้ การปรับแก้ดังกล่าวไม่ได้เปล่ียนสารัตถะแต่อย่างใด เพียงแต่เพิ่มบริบทบางอย่างตามความเชื่อของผู้คนบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย และอีกสิ่งหนึ่งท่ีเห็นชัดคือแม้สถาบันกษัตริย์จะให้ความเคารพพระสงฆ์ในฐานะผู้มี บทบาทต่อสังคมก็จริง แต่ก็ท้ิงระยะห่างไม่ให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกินไปจนสามารถ เลือกผู้ครองราชย์ได้ ซึ่งประเพณีเช่นน้ีปรากฏพบเห็นในประวัติศาสตร์ศรีลังกา อิทธิพลของพุทธศาสนาลังกาวงศ์พบเห็นร่องรอยในวรรณกรรมประเภท ลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน จากการศึกษาวิจัยพบว่าคติความความเช่ือปรากฏเห็น ในคัมภีร์ของปราชญ์ศรีลังกา ๓ เล่ม กล่าวคือ คัมภีร์มหาวงศ์ คัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ และคัมภีร์ถูปวงศ์ วรรณกรรมเหล่าน้ีเป็นต้นแบบวรรณกรรมประเภทต�ำนานของ นครศรีธรรมราชหลายเร่ือง เช่น ต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ต�ำนานเมือง นครศรธี รรมราช และพระนพิ พานโสตร เนอื้ หาสว่ นใหญอ่ า้ งถงึ การประดษิ ฐานพระบรม สารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า นับจากกษัตริย์ในอดีตของชมพูทวีปกล่าวคือพระเจ้า
ตามพรลิงค์ 221 อชาตศัตรูและพระเจ้าอโศกมหาราช ส่วนกษัตริย์ศรีลังกานับจากพระเจ้าเทวานัมปิย ตสิ สะเปน็ ตน้ มา เนอ้ื หาของคมั ภรี พ์ ยายามชใ้ี หเ้ หน็ ถงึ ความสำ� คญั ของพระบรมสารรี กิ ธาตุ ว่าเป็นพระราชภารธุระของกษัตริย์ท่ีต้องปกป้องคุ้มครองรักษา และประดิษฐานไว้ ภายในพระเจดยี เ์ พอื่ ประกอบพธิ สี กั การบชู า เรอื่ งราวของพระบรมสารรี กิ ธาตแุ ละเจดยี ์ จึงสอดคล้องกันด้วยเหตุน้ี เนอ้ื หาของคมั ภรี ศ์ รลี งั กาสง่ อทิ ธพิ ลตอ่ วรรณกรรมของภาคใตอ้ ยา่ งชดั เจน โดยเฉพาะเร่ืองราวของพระเข้ียวแก้ว สังเกตได้จากการแต่งเร่ืองราวของพระเข้ียวแก้ว ด้วยการอ้างถึงว่าได้มีการอัญเชิญมาประทับท่ีหาดทรายแก้วทะเลรอบหรือเมือง นครศรีธรรมราช การอ้างดังกล่าวอาจต้องการสร้างความเชื่อมั่นว่าหาดทรายทะเลรอบ เป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาทรงเลือกแล้ว ลักษณะเช่นน้ีพบเห็นหลายแห่งใน วรรณกรรมต้นแบบของศรีลังกา สันนิษฐานว่าเจตนาของผู้แต่งปรารถนาสร้างความ เชื่อม่ันให้อาณาจักรแห่งตน เพ่ือสร้างความชอบธรรมให้อาณาจักรชาวพุทธเหล่าอ่ืน ยอมรับวา่ อาณาจักรแหง่ ตนกเ็ ปน็ ดนิ แดนพระพทุ ธศาสนาเชน่ เดยี วกัน เปน็ ที่น่าสงั เกต ว่าลักษณะเช่นน้ีพบเห็นมากมายในดินแดนที่พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าไปถึง จนเป็น ท่ียอมรับกันโดยไร้ข้อกังขา อิทธิพลอย่างหนึ่งของลัทธิลังกาวงศ์คือคติความเช่ือเร่ืองการสร้างสถูป เจดีย์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หากว่าตามหลักฐานการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ ปรากฏเหน็ มีทง้ั ในคตคิ วามเชอื่ ฝา่ ยมหายานและเถรวาท หลักฐานทางโบราณคดชี ี้บอก แลว้ วา่ กอ่ นพทุ ธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศจ์ ะเขา้ มาเผยแผย่ งั บรเิ วณภาคใตข้ องประเทศไทย พระพทุ ธศาสนามหายานเป็นที่รจู้ กั แพรห่ ลายเรียบรอ้ ยแล้ว และการสร้างพระบรมธาตุ เจดีย์ตามแบบลัทธิลังกาวงศ์ก็เป็นแต่เพียงสร้างทับเจดีย์องค์เดิมของมหายานเท่านั้น สันนิษฐานว่าอาจเป็นการประนีประนอมทางศาสนาระหว่างเถรวาทกับมหายาน เพราะ ไม่ท�ำลายแต่สวมทับของเดิม หรืออาจเป็นไปได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังศรัทธามั่นคง ในพระพทุ ธศาสนามหายานอยู่ การสวมทบั โดยไมท่ ำ� ลายนา่ จะเปน็ วธิ กี ารทด่ี ที ส่ี ดุ สว่ น การสรา้ งพระบรมธาตเุ จดยี น์ า่ จะไดร้ บั คตนิ ยิ มมาจากพระเจา้ อโศกมหาราช ผปู้ ระพฤติ ตนเป็นธรรมราชาในสายตาของกษัตริย์ยุคหลัง แม้เน้ือหาในคัมภีร์ถูปวงศ์จะพยายาม
222 บทสรุปและข้อเสนอแนะ ยกย่องพระเจ้าทุฏฐคามณีของศรีลังกา แต่วรรณกรรมประเภทลายลักษณ์อักษรของ ภาคใต้กลับละเว้นเสีย โดยให้ความส�ำคัญแก่พระเจ้าอโศกมหาราช ส�ำหรับคณะสงฆ์ศรีลังกาท่ีประดิษฐานในอาณาจักรตามพรลิงค์ พบเห็น หลักฐานชัดเจนเพียงคณะเดียวชื่อว่าคณะป่าแก้ววันรัตน์ แม้ต้นแบบคณะป่าแก้ว ศรลี งั กาจะโดดเดน่ ทงั้ ดา้ นคนั ถธรุ ะและวปิ สั สนาธรุ ะ แตค่ รนั้ เขา้ มาเผยแผย่ งั อาณาจกั ร ตามพรลิงค์ความโดดเด่นทั้งสองประการกลับไม่พบเห็น สันนิษฐานว่าความเชื่อ มหายานทรงอิทธิพลหรือความเช่ือพราหมณ์ยังเป็นท่ีนิยมแพร่หลาย ๕.๒ องค์ความรู้ท่ีได้จากงานวิจัย พุทธศาสนาในศรีลังกา อาณาจักรตามพรลิงค์ ๑. อาณาจักรโปโฬนนารุวะ • เป็นเมืองท่าส�ำคัญแห่งหนึ่งบริเวณ • สมัยพระเจ้าปรากรมพาหุท่ี ๑ ภาคใตข้ องประเทศไทย มกี ารปฏสิ มั พนั ธ์ ปฏิรูปพระศาสนาจนรุ่งเรืองแพร่หลาย กับพ่อค้าวาณิชหลายชาติ จึงมีช่ือเรียก และมกี ารเผยแผม่ ายงั เมอื งตามพรลงิ ค์ หลากหลาย ๒. อาณาจักรดัมพเดณิยะ • นับถือหลากหลายศาสนาจาก • สมัยนี้คณะสงฆ์ป่าแก้วได้เดิน ประเทศอินเดีย ขณะเดียวกันก็รับ ทางไปเผยแผล่ ทั ธลิ งั กาวงศย์ งั อาณาจกั ร อิทธิพลจากจีนด้วย ตามพรลิงค์ จนเกิดคติความเช่ือ • สมัยเป็นอิสระจากอาณาจักรศรี- หลายอย่าง วิชัยได้รับอิทธิพลพระพุทธศาสนา ลัทธิลังกาวงศ์ ความสัมพันธ์ระหว่าง การประดิษฐานลัทธิลังกาวงศ์ ตามพรลิงค์กับดัมพเดณิยะ • ด้านวรรณกรรม • ดา้ นศาสนา กษตั รยิ ศ์ รลี งั กาอาราธนา • การก่อต้ังคณะป่าแก้ว พระธรรมกติ ตเิ ถระไปฟน้ื ฟพู ระศาสนา • ความเชื่อเรื่องพระเขี้ยวแก้ว • ด้านการเมือง พระเจ้าจันทรภาณุ • คติการสร้างพระบรมธาตุ ได้ยกทัพไปบุกรุกเกาะลังกา เพื่อแย่ง ชิงพระเข้ียวแก้ว
ตามพรลิงค์ 223 ๕.๓ ข้อเสนอแนะ การวิจัยคร้ังนี้เน้นหลักฐานด้านวรรณกรรม โดยยึดเอาคัมภีร์ส�ำคัญของศรี ลังกาเป็นหลัก เพราะเห็นว่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างศรีลังกากับตามพรลิงค์ พบเหน็ ในวรรณกรรมศรลี งั กามากกวา่ ไทย แตค่ รน้ั ทำ� การวจิ ยั แลว้ กบั พบเหน็ วา่ โบราณ วัตถุเป็นอีกหลักฐานหน่ึงซึ่งสามารถเชื่อมต่อมิติของเวลาระหว่างศรีลังกากับ ตามพรลิงค์ได้ จึงเสนอแนะว่าหากมีผู้เช่ียวชาญด้านนี้ศึกษาเปรียบเทียบน่าจะท�ำให้ เห็นภาพความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสองอาณาจักรได้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนน้ั ยงั สามารถ ช้ีให้เห็นว่าศรีลังกาน่าจะได้รับอิทธิพลทางโบราณวัตถุจากตามพรลิงค์เช่นกัน ส่วนการศึกษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับศรีลังกามีนักวิชาการให้ความสนใจ น้อยมาก เพราะส่วนใหญ่ล้วนให้ความสนใจเร่ืองศาสนาเป็นหลัก หากมีการทำ� วิจัย เรอื่ งนนี้ า่ จะทำ� ใหภ้ าพของศรลี งั กากบั ตามพรลงิ คช์ ดั เจนมากขน้ึ เพราะสง่ิ หนง่ึ ซงึ่ ปฏเิ สธ มิได้คือพระสมณทูตท่ีเดินทางเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังอาณาจักรตามพรลิงค์ นั้น ล้วนอาศัยเรือของพ่อค้าทั้งส้ิน แม้บางคร้ังจะได้รับราชูปถัมภ์ก็จริงแต่ก็เป็นเพียง บางยุคบางสมัยเท่าน้ัน อาจเป็นไปได้ว่าการค้าน�ำพาความเป็นลังกามาสู่อาณาจักร ตามพรลิงค์ก็เป็นได้ สุดท้ายการท�ำสงครามระหว่างพระเจ้าจันทรภาณุแห่งตามพรลิงค์กับพระเจ้า ปรากรมพาหุที่ ๒ แห่งอาณาจักรดัมพเดณิยะของศรีลังกาน่าจะมีการศึกษาเช่นกัน โดยเฉพาะการค้นหาค�ำถามว่าเหตุใดพระเจ้าจันทรภาณุจึงยกทัพไปบุกรุกเกาะลังกา ซึ่งห่างไกลจากดินแดนมาตุภูมิค่อนข้างมาก และการท�ำสงครามกับเกาะลังกานั้น กลา่ วกนั วา่ พระองคไ์ ดร้ บั ความรว่ มมอื จากพระเจา้ มาฆะแหง่ กาลงิ คะ ซง่ึ สมยั นน้ั กษตั รยิ ์ พระองค์น้ีปกครองบริเวณตอนเหนือของเกาะลังกา เป็นไปได้หรือไม่ว่าพระเจ้า จันทรภาณุกับพระเจ้ามาฆะเป็นเช้ือสายราชวงศ์กาลิงคะเหมือนกัน การเกื้อกูลกัน ดังกล่าวน่าจะตั้งอยู่บนพ้ืนฐานทางเครือญาติมากกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง
224 บทสรุปและข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ๑. ภาษาไทย ๑.๑ ข้อมูลปฐมภูมิ ต�ำนานมูลศาสนา. นนทบุรี: ส�ำนักพิมพ์ศรีปัญญา, ๒๕๕๗. พระคัมภีร์ทีปวงศ์: ต�ำนานว่าด้วยการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป. แปลโดย บัณฑิต ลิ่วชัยชาญ. กรุงเทพมหานคร: บริษัทเอดิสัน เพรส โพรดักส์ จ�ำกัด, ๒๕๕๗. พระธรรมกิตติเถระ. คัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ ต�ำนานพระเข้ียวแก้ว. ปริวรรตและ แปลโดย นายสวาท เหล่าอุด. กรุงเทพมหานคร: ธีรพงษ์การพิมพ์, ๒๕๔๔. พระโพธิรังสี. นิทานพระพุทธสิหิงค์ ว่าด้วยต�ำนานพระพุทธสิหิงค์. แปลโดย ร.ต.ท. แสง มนวิทูร เปรียญ. กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร, ๒๕๐๖. พระโพธิรังสี. เรื่องจามเทวีวงศ์พงศาวดารเมืองหริภุญไชย. แปลโดย พระยาปริยัติ ธรรมธาดา (แพ ตาละลักษมณ์) และ พระญาณวิจิตร (สิทธิ โลจนานนท์). นนทบุรี: ส�ำนักพิมพ์ศรีปัญญา, ๒๕๕๔. พระภิกษุพรหมราชปัญญา. รัตนพิมพวงศ์ ต�ำนานพระแก้วมรกต. แปลโดย ร.ต.ท. แสง มนวิทูร เปรียญ, พระนคร: โรงพิมพ์ชวนพิมพ์. ๒๕๑๐. พระภิกษุพรหมราชปัญญา. รัตนพิมพวงศ์ ต�ำนานพระแก้วมรกต. แปลโดย พระปริยัติธรรมธาดา (แพ ตาละลักษมณ์) เปรียญ. ธนบุรี: สหภาพการพิมพ์, ๒๕๑๒. พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. แปลโดย ผศ.สุเทพ พรมเลิศ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๓. -------------------. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๒. แปลโดย ผศ. สุเทพ พรมเลิศ. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พม์ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๕๓.
ตามพรลิงค์ 225 พระรัตนปัญญาเถระ. ชินกาลมาลีปกรณ์. แปลโดย ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ร.ต.ท. แสง มนวิทูร. กรุงเทพมหานคร: บริษัท ร�ำไทย เพลส จ�ำกัด, ๒๕๕๐. พระวาจิสสรเถระ. พระคัมภีร์ถูปวงศ์ ต�ำนานว่าด้วยการสร้างพระสถูปเจดีย์. แปลโดย ปุ้ย แสงฉาย. กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด นนทชัย, ๒๕๑๑. พระสังฆราชเทวรักษิตะวิชัยพาหุ. นิกายสังครหยะ: บันทึกการพระศาสนาของ ชมพูทวีปและลังกา. แปลโดย พระมหาพจน์ สุวโจ. นครปฐม: สาละพิมพการ, ๒๕๕๙. มิลินทปัญหา. พิมพ์ครั้งที่ ๒. โสภณการพิมพ์, ๒๕๔๙. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬา ลงกรณราชวทิ ยาลยั . กรงุ เทพมหานคร: มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๙ รสวาหินี. แปลโดย ศาสตราจารย์ ร.ต.ท. แสง มนวิทูร. กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์แจกในงานกฐินพระราชทาน ณ วัดอัมพวันเจติยาราม อ�ำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๓. ศาสนวงศ์. แปลโดย ร.ต.ท. แสง มนวิทูร. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พิมพ์ เน่ืองในงานพระราชทานเพลิงศพ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจาย์ (โสม ฉฺนนมหาเถระ) วัดสุทัศนเทพวราราม ๑๘ สิงหาคม ๒๕๐๗. อรรถกถาภาษาไทย พระวินัยปิฎก สมันตปาสาทิกา ภาค ๑ ฉบับมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๐. อรรถกถาภาษาไทย พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค ฉบับมหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๙. อรรถกถาภาษาไทย พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท ภาค ๒ พระพุทธโฆสะรจนา ฉบับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๖.
226 บทสรุปและข้อเสนอแนะ ๑.๒ ข้อมูลทุติยภูมิ ๑.๒.๑ หนังสือ กมลทิพย์ ธรรมกีระติ. ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจภาคใต้ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๑๑ ถงึ ปลายครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๑๘. กรงุ เทพมหานคร: ศกั ดโิ์ สภาการพมิ พ,์ ๒๕๖๐. กรมศิลปากร. เรื่องพระพุทธสิหิงค์กับวิจารณ์ของหลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ ภาคสมาชิก แห่งราชบัณฑิตยสถาน ส�ำนักธรรมศาสตร์แลการเมือง วิชาโบราณคดี. พิมพ์ในงานฉลองพระพุทธสิหิงค์ พ.ศ.๒๔๗๗. -------------------. ชาติวงศ์วิทยาว่าด้วยชนชาติเผ่าต่างๆ ในประเทศไทย. พระนคร: อักษรเจริญทัศน์การพิมพ์, ๒๕๐๙. -------------------. บนั ทกึ ความสมั พนั ธไมตรรี ะหวา่ งไทยกบั นานาประเทศในศตวรรษ ท่ี ๑๗ เล่ม ๑. แปลโดย ไพโรจน์ เกษแม่นกิจ. พระนคร: คุรุสภา, ๒๕๑๒. -------------------. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา. กรุงเทพมหานคร: บริษัทร�ำไทย เพลสจ�ำกัด, ๒๕๒๕. -------------------. วรรณกรรมสมัยธนบุรี เล่ม ๑. กรุงเทพมหานคร: บริษัท อมรินทร์ พริ้นติ้ง กรุ๊ฟ จ�ำกัด, ๒๕๓๒. -------------------. วิวัฒนาการพุทธสถานไทย. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์ พริ้นต้ิง กรุ๊พ จ�ำกัด, ๒๕๓๓. -------------------. การบูรณะปลียอดทองค�ำพระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช สิ้นสุดคร่ึงแรกตามแผนงาน. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: บริษัท กรุงสยามพร้ินต้ิงกรุ๊พ จ�ำกัด, ๒๕๓๘. -------------------. พระบรมสารีริกธาตุ. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์ พับลิซซ่ิง จ�ำกัด (มหาชน), ๒๕๓๙.
ตามพรลิงค์ 227 -------------------. น�ำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช. พิมพ์ครั้งท่ี ๒ ฉบับปรับปรุงและแก้ไขเพ่ิมเติม. กรุงเทพมหานคร: บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จ�ำกัด, ๒๕๔๓. -------------------. น�ำชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๔๓. -------------------. พระบวรราชนิพนธ์ เล่ม ๒. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ดอกเบ้ีย, ๒๕๔๕. -------------------. ศัพทานุกรมโบราณคดี. กรุงเทพมหานคร: รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จ�ำกัด, ๒๕๕๐. -------------------. จากนานามาลยรฐั สมู่ าเลเชยี และสงิ คโปรใ์ นปจั จบุ นั . กรงุ เทพมหานคร: หจก. อรุณการพิมพ์, ๒๕๕๘. -------------------. ปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่ม ๒๒ จังหวัดนครศรีธรรมราช. กรุงเทพมหานคร: บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จ�ำกัด, ๒๕๕๙. กัลปนาวัดหัวเมืองพัทลุง. ปริวรรตโดย ชัยวุฒิ พิยะกูล. สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ, ๒๕๕๓. เกรยี งไกร เกดิ ศริ .ิ พระบรมธาตนุ ครศรธี รรมราช: มรดกพทุ ธศาสนสถานสถาปตั ยกรรม ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาเถรวาทแห่งคาบสมุทรภาคใต้. กรุงเทพมหานคร: บริษัท อี.ที. พัลลิชช่ิง จ�ำกัด, ๒๕๖๐. แกมป์เฟอร์. ไทยในจดหมายเหตแุ กมปเ์ ฟอร.์ แปลโดย อ. สายสุวรรณ. งานฌาปนกิจ ศพนายรวย ศยามานนท์ ณ วัดมกุฏกษัตริยาราม ๒๘ มกราคม ๒๕๐๘. ครองชัย หัตถา. ประวัติศาสตร์ปัตตานีสมัยอาณาจักรโบราณถึงการปกครอง ๗ หวั เมอื ง. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั พมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๑. ความเข้าใจเร่ืองพระเจ้าอโศกและอโศกาวทาน. ส. ศิวรักษ์ แปลและเรียบเรียง. พิมพ์คร้ังท่ี ๔. กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์เคล็ดไทย, ๒๕๕๒.
228 บทสรุปและข้อเสนอแนะ ความสัมพันธ์ทางพุทธศาสน์และพุทธศิลป์ระหว่างศรีลังกา พม่า และไทย. เอกสาร ประกอบโครงการเสวนาวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ “ความสัมพันธ์ ไทยกับศรีลังกาผ่านพุทธศาสน์-พุทธศิลปะ” ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๕. จดหมายเหตุของวิละภาเคทะระ เรื่องคณะทูตลังกาเข้ามาประเทศสยาม และ สยามูปสัมปทา จดหมายเหตุเรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ใน ลังกาทวีป. กรุงเทพมหานคร: บุญเจริญอินเตอร์เทรด จ�ำกัด, ๒๕๓๒. จดหมายเหตุห่งพุทธอาณาจักรของพระภิกษุฟาเหียน. แปลและเรียบเรียงโย พระยาสุรินทรฤาชัย (จันทร์ ตุงคสวัสดิ). พิมพ์คร้ังที่ ๓. มูลนิธิมหามกุฏ ราชวิทยาลัย, ๒๕๒๒. จารึกในประเทศไทย เล่ม ๑ อักษรปัลลวะ หลังปัลลวะ พุทธศตวรรษท่ี ๑๒-๑๔. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ภาพพิมพ์, ๒๕๒๙. จารึกในประเทศไทย เล่ม ๒ อักษรปัลลวะ อักษรมอญ พุทธศตวรรษท่ี ๑๒-๒๑. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ภาพพิมพ์, ๒๕๒๙. จารึกในประเทศไทย เล่ม ๕ อักษรขอม อักษรธรรม และอักษรไทย พุทธศตวรรษ ที่ ๑๙-๒๔. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ภาพพิมพ์, ๒๕๒๙. ฉัตรชัย ศุภระกาญจน์. ตัวอย่างข้อมูลท้องถ่ินนครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช: มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, ๒๕๔๗. ดร. บุณย์ นิลเกษ. พุทธศาสนามหายาน. กรุงเทพมหานคร: อักษรเพชรเกษม, ๒๕๒๖. ดร. เอเดรียน สนอดกราส. สัญลักษณ์แห่งพระสถูป. แปลโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ภทั รพร สริ กิ าญจนและคณะ. คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ๒๕๓๕.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320