Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือการประดิษฐานพระพุทธศาสนาลังกาวงศ

หนังสือการประดิษฐานพระพุทธศาสนาลังกาวงศ

Description: หนังสือการประดิษฐานพระพุทธศาสนาลังกาวงศ

Search

Read the Text Version

บทความวิชาการ ๒ 279 Abstract Lankavamsa Buddhism spreads to the south of Thailand in the period of Tambralinga kingdom. The Lankavamsa Buddhism is popular in Thai society because of the king’s patronage. Many documents are available such as sacred sites, sculptures and foreign references. Those documents show the influence of Lankavamsa Buddhism in Tambralinga kingdom. Moreover, those documents point out the mutual relationship of both country, Sri Lanka and Thailand. Of those documents, literary documents cannot recognize by Thai scholars. It is said that these literatures are only oral stories which cannot emphasize, so it can make the gap of historical context. I consider that analyzing the southern literatures of Thailand, especially main idea about a cult of Lankavamsa Buddhism, which is popular in Thailand, can benefit and shows the influence of Lankavamsa Buddhism in the south of Thailand. Keyword : Lankavamsa Buddhism, Tambralinga Kingdom, Southern Literatures เกร่ินน�ำ วรรณกรรมทักษิณหรือภาคใต้สามารถแบ่งออกเป็น ๓ ประเภทหลัก ดังน้ี ๑) วรรณกรรมค�ำสอน ท�ำหน้าท่ีแนะน�ำส่ังสอนอบรมคนให้ปฏิบัติตามจริยธรรมหรือ ค่านิยมที่สังคมก�ำหนด โดยผู้แต่งในฐานะส่วนหนึ่งของสังคม ได้ประมวลข้อตกลง ของสังคมในรูปแบบของจารีตประเพณี ธรรมเนียมประเพณีและศาสนธรรมท่ีสังคม ยึดถือปฏิบัติด้วยการประพันธ์ขึ้นไว้ วรรณกรรมประเภทน้ีนิยมแต่งเป็นร้อยกรองและ

280 ภาคผนวก ข กาพย์ เพราะสามารถน�ำมาอ่านเป็นท�ำนองสวดได้อย่างเหมาะเจาะ สอดคล้องกับ วัฒนธรรมการสวดหนังสือของชาวใต้๑ ๒) วรรณกรรมนิทานประโลมโลก เกิดขึ้นจาก การเขียนเรื่องเพ่ือสวดอ่านในยามว่าง เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน เนื้อเร่ืองมัก เป็นแบบจักรๆ วงศ์ๆ เป็นเรื่องของการต่อสู้เชิงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ แม้สาระของเรื่อง จะมีคติและแทรกค�ำสอนต่างๆ ไว้ แต่มิได้เน้นเป็นเร่ืองส�ำคัญ วรรณกรรมประเภทนี้ พบมากกว่าประเภทอ่ืนๆ เพราะมีการเขียนและอ่านกันมาก แม้จะเขียนเพื่ออ่านสนุก แต่ก็สมบูรณ์ด้วยคุณค่าด้านอ่ืนเกือบครบถ้วน โดยเฉพาะด้านสังคมได้บันทึกวิถีชีวิต ของชาวบ้าน ตลอดจนทัศนะต่างๆ ไว้เกือบทุกแง่มุม๒ และ ๓) วรรณกรรมลายลักษณ์ อักษร ส่วนใหญ่ปรากฏในเอกสารประเภทจารึกโบราณ เช่น จารึกบนแผ่นศิลาหรือ ฐานพระพทุ ธรปู อกั ษรทใี่ ชจ้ ารกึ นน้ั ลว้ นพฒั นามาจากอกั ษรอนิ เดยี ภาคใตแ้ บบปลั ลวะ และส่วนใหญ่ใช้ภาษาสันสกฤต มีบางหลักใช้ภาษาทมิฬและภาษามอญ ถัดมาเป็น เอกสารตัวเขียนโดยใช้อักษรไทยหรืออักษรขอม จารึกลงในใบลานหรือบันทึกลงใน สมุดข่อยหรือสมุดไทย ซ่ึงชาวภาคใต้เรียกว่า ”บุด„ หรือ ”หนังสือบุด„ และเรียกตาม ลักษณะเนื้อกระดาษว่า ”บุดด�ำ„ และ ”บุดขาว„๓ วรรณกรรมทักษิณที่ผู้เขียนคัดเลือกมาเพ่ือวิเคราะห์นั้น เป็นวรรณกรรมลาย ลักษณ์อักษร ประเภทต�ำนานและพงศาวดารประกอบด้วย ๓ เร่ือง ได้แก่ ต�ำนาน พระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ต�ำนานเมืองนครศรีธรรมราช และพระนิพพานโสตร เหตุเพราะผู้เขียนเห็นว่าวรรณกรรมเหล่านี้มีร่องรอยของคติความเชื่อลัทธิลังกาวงศ์ เด่นชัด หากน�ำมาศึกษาเปรียบเทียบกับคัมภีร์ต้นฉบับของศรีลังกา กล่าวคือ คัมภีร์ ๑ อุดม หนูทอง, ”วรรณกรรมค�ำสอน,„ สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ เล่มท่ี ๘, (กรุงเทพมหานคร: สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา, ๒๕๒๙), หน้า ๓๒๘๑. ๒ อุดม หนูทอง, ”วรรณกรรมประเภทนิทานประโลมโลก,„ สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ เล่มท่ี ๘, หน้า ๓๒๘๔. ๓ ประพันธ์ เรืองณรงค์, ”วรรณกรรมประเภทลายลักษณ์อักษร,„ สารานุกรมวัฒนธรรม ภาคใต้ เล่มท่ี ๘, หน้า ๓๒๘๖.

บทความวิชาการ ๒ 281 มหาวงศ์ คัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ และคัมภีร์ถูปวงศ์ น่าจะช้ีให้เห็นถึงคติความเช่ือทาง พระพทุ ธศาสนาลทั ธลิ งั กาวงศใ์ นตามพรลงิ ค์ รวมถงึ ประเพณแี ละวฒั นธรรมแบบลงั กาดว้ ย วรรณกรรมทักษิณ ๑. ต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ต�ำนานเล่มน้ีสันนิษฐานว่าแต่งข้ึน สมัยแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช เพราะศักราชตอนท้ายบอกให้ทราบว่าเป็นตอน ปลายแผ่นดินพระเจ้าปราสาททอง แต่น่าเสียดายเน้ือหาเป็นประโยชน์เฉพาะด้าน โบราณคดี๔ เช่ือว่าน่าจะเป็นหนังสือเชิงกวีของนักประพันธ์ชาวนครศรีธรรมราช และ แต่งประมาณรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์๕ บางทีต�ำนานเล่มนี้เรียกว่าต�ำนาน ฉบับท้องถิ่น เพราะบันทึกถึงเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นในเมืองนครศรีธรรมราชเก่ียวกับ ราชวงศ์ศรีมหาราชา ซึ่งมีพื้นฐานมาจากเมืองลานสกาและเมืองเวียงสระ อีกท้ังมีเร่ือง ราวเก่ียวกับวีรบุรุษท้องถิ่นผสมแทรกด้วย๖ เน้ือหาของต�ำนานเล่มนี้กล่าวถึงความ ส�ำคัญของพระทันตธาตุ การสร้างเมืองนครศรีธรรมราช และการสร้างพระบรมธาตุ เจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยเน้นกล่าวถึงการอัญเชิญพระทันตธาตุ มาหาดทรายแก้วแล้วน�ำไปถวายกษัตริย์ลังกา พร้อมด้วยเรื่องราวของกษัตริย์หลาย พระองคผ์ พู้ ยามสรา้ งเมอื งนครศรธี รรมราชและพระบรมธาตเุ จดยี ์ เพอื่ ใหเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลาง ศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาแห่งคาบสมุทรมาเลย์ ความจริงคือเร่ืองราวการอัญเชิญ พระเขี้ยวแก้วจากอินเดียไปเกาะลังกาน้ันปรากฏเห็นในคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ๗์ ซ่ึงเดิม ๔ ต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช, พิมพ์ในงานปลงศพ นางเทพนรินทร (สงวน อิศรางกูร ณ อยุธยา) พิมพ์ที่โรงพิมพ์โภสณพิพรรฒธนากร} เม่ือปีมะโรง พ.ศ.๒๔๗๑, หน้า ค�ำน�ำ. ๕ เร่ืองเมืองนครศรีธรรมราช, พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางตลับ จันทราทิพย์ ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันท่ี ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐, หน้าค�ำน�ำ ค. ๖ รองศาสตราจารย์ ประทีป ชุมพล, นครศรีธรรมราช: ต�ำนาน โบราณคดี ประวัติศาสตร์, (กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์อดีต, ๒๕๓๖), หน้า ๕๕. ๗ พระธรรมกิตติเถระ, คัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ ต�ำนานพระเข้ียวแก้ว, ปริวรรตและแปลโดย นายสวาท เหล่าอุด, (กรุงเทพมหานคร: ธีรพงษ์การพิมพ์, ๒๕๔๔), หน้า ๓๙-๔๓.

282 ภาคผนวก ข เปน็ ผลงานของพระสงฆแ์ หง่ สำ� นกั อภยั คริ วี หิ าร มกี ารเลา่ ขานสบื ตอ่ กนั มาหลายศตวรรษ ก่อนจะมีการรวบรวมแต่งเป็นภาษาบาลีในสมัยอาณาจักรโปโฬนนารุวะ โดยพระธรรม กิตติเถระ๘ ส่วนพระเถระผู้น�ำคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์มายังอาณาจักรตามพรลิงค์น้ัน สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระเถระแห่งส�ำนักอภัยคิรีวิหาร และเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้น สมัยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชปฏิรูปศาสนาและรวบรวมนิกายน้อยใหญ่ให้เป็น หนึ่งเดียว พระสงฆ์ศรีลังกาบางส่วนท่ีไม่พอใจอาจจะพากันเดินทางมายังเมือง ตามพรลิงค์ สอดคล้องกับการพยากรณ์การสร้างเมืองนครศรีธรรมราชของพระมหา เถรพรหมเทพ ซึ่งลักษณะเช่นน้ีเป็นคติความเช่ือของพระสงฆ์ลัทธิมหายานตามแบบ ศรีลังกา ๒. ต�ำนานเมืองนครศรีธรรมราช ต้นฉบับเดิมของต�ำนานเล่มนี้เป็นสมุดไทย ช�ำรุดคร�่ำคร่า เขียนด้วยเส้นหมึกด�ำเป็นอักษรไทยย่อลบเลือนหลายแห่ง เคยตีพิมพ์ ๒ คร้ังแล้ว แต่ยังไม่สู้แพร่หลาย ต�ำนานเล่มน้ีถ้าอ่านกันอย่างธรรมดาก็อาจนึกว่าเป็น นิยายนิทาน แต่ถ้าอ่านด้วยพินิจพิเคราะห์จะเห็นว่ามิใช่นิทานธรรมดา คงเป็นเร่ือง เหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นแต่คร้ังโบราณแล้วมีผู้เล่าสืบต่อปากค�ำกันมา๙ และต�ำนานเล่มน้ี ถือว่าเป็นต�ำนานฉบับหลวง เพราะเป็นการบันทึกเรื่องราวเก่ียวกับราชวงศ์ศรีธรรมา โศกราช ท่ีมีพ้ืนฐานมาจากกรุงศรีอยุธยาและเพชรบุร๑ี ๐ เนื้อหาของต�ำนานกล่าวถึงการ อัญเชิญพระทันตธาตุมาประดิษฐานที่หาดชายแก้วทะเลรอบก่อนท่ีจะส่งไปถวาย กษัตริย์ลังกา ต่อมากษัตริย์หลายพระองค์ ดังเช่น พญานรบดีราชราชา พระยา ศรีธรรมโศกราช พญาศรีไสยณรงค์ และพระพนมวังพร้อมนางสะเดียงทอง ได้สร้าง เมืองนครศรีธรรมราชให้ย่ิงใหญ่ พร้อมสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ให้เป็นศูนย์กลางของ อาณาจักรตามพรลิงค์ สันนิษฐานว่าการสร้างเมืองนครศรีธรรมราชและการสร้าง ๘ G.P. Malalasekera, ศรีลังกา: ว่าด้วยประวัติศาสตร์ การณ์พระศาสนา และวรรณคดี, แปลโดย ลังกากุมาร, (นครปฐม: ส�ำนักพิมพ์สาละ, ๒๕๔๕), หน้า ๙๕-๙๖. ๙ เรื่องเมืองนครศรีธรรมราช, หน้า ๔๖. ๑๐ รองศาสตราจารย์ ประทีป ชุมพล, นครศรีธรรมราช, หน้า ๕๕.

บทความวิชาการ ๒ 283 พระบรมธาตุเจดีย์ น่าจะเป็นคติความเช่ือเพื่อให้เป็นบุณยสถานศักดิ์สิทธิ์ ลักษณะ เช่นเดียวกันนี้ปรากฏเห็นในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา ซ่ึงผูกเรื่องการสร้างถูปารามเจดีย์ ให้เป็นสถานท่ีบูชากลางเมืองอนุราธปุระ๑๑ คติการแต่งต�ำนานเก่ียวกับพระบรมธาตุ และต�ำนานเมือง ตลอดทั้งการสถาปนาพระบรมธาตุไว้กลางเมืองเช่นน้ี ประเทศไทย ได้รับแบบอย่างมาจากศรีลังกา ซึ่งมีบทบาทต่อประวัติศาสตร์พุทธศาสนาใน ดินแดนไทยนับต้ังแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๗ เป็นต้นมา๑๒ ๓. พระนิพพานโสตร วรรณกรรมเรื่องน้ีว่าด้วยจารีตและค�ำบอกเล่าที่ถูกน�ำ มาบนั ทึกเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร จดั เรยี งล�ำดับของเหตุการณโ์ ดยยดึ เอาตัวบคุ คลสำ� คัญ ของท้องถ่ินหรือของเมืองเป็นเคร่ืองก�ำหนดวิธีด�ำเนินเร่ือง ย่ิงไปกว่าน้ันวรรณกรรม เร่ืองนี้ยังสะท้อนภาพทางวัฒนธรรมภาคใต้ โดยมีพระบรมธาตุเจดีย์ ณ หาดทราย แก้วเมืองนครศรีธรรมราชเป็นหลักเคารพสูงสุดของกลุ่มคนในภาคใต้ และมีพระเจ้า ศรีธรรมาโศกราชเป็นแกนกลางในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนเหล่าน้ัน คณุ คา่ ของวรรณกรรมเรอื่ งนอี้ ยทู่ ก่ี ารเชอ่ื มตอ่ อดตี อนั รงุ่ เรอื งไพศาลของนครศรธี รรมราช ซง่ึ เคยเปน็ ศนู ยก์ ลางทางการเมอื งและการพระศาสนาทส่ี ำ� คญั ในภมู ภิ าคนเี้ ขา้ กบั เอกภาพ ทางวัฒนธรรมในภาคใต้๑๓ นอกจากน้ัน วรรณกรรมเร่ืองนี้ได้รับอิทธิพลและแนวคิด จากลังกาผสมกับอิทธิพลท้องถ่ิน เพราะเน้ือหาว่าด้วยการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ การสร้างพระธาตุเจดีย์ในลังกา พระทันตธาตุ การสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ในเมือง นครศรีธรรมราช และการสร้างบ้านแปลงเมืองนครศรีธรรมราช๑๔ เนื้อหาเร่ิมต้นจาก ๑๑ อรรถกถาภาษาไทย พระวินัยปิฎก สมันตปาสาทิกา ภาค ๑ ฉบับมหาวิทยาลัยมหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๐), หน้า ๑๐๗. ๑๒ ธนธร กิตติกานต์, มหาธาตุ, (กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์มติชน, ๒๕๕๗), หน้า ๑๖. ๑๓ พระนิพพานโสตร ฉบับศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ ส�ำนวนท่ี ๑, (กรุงเทพมหานคร: กรุงสยามการพิมพ์, ๒๕๒๘), หน้า ค�ำน�ำ. ๑๔ เฉลิม จันปฐมพงศ์, “พระนิพพานโสตร์: การศึกษาเชิงวิจารณ์”, วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตร มหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๒๖), หน้า ๓.

284 ภาคผนวก ข การสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระเจ้าอชาตศัตรูตามค�ำแนะน�ำของ พระกัศยปเถระ การสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพญาโศกราชแห่งเมือง อินทปัตถ์ โดยความช่วยเหลือของพระโมคคัลลีบุตรเถระกับพระมาลัยเถระ การ อัญเชิญพระทันตธาตุไปเกาะลังกา การสร้างเมืองนครศรีธรรมราชและสร้างพระ บรมธาตเุ จดยี ์ ประเดน็ ชวนวเิ คราะหค์ อื บทบาทของพระโมคคลั ลบี ตุ รเถระในวรรณกรรม เรื่องน้ีมีส่วนคล้ายกับประวัติของพระอุปคุตเถระ โดยเฉพาะการแสดงฤทธ์ิปราบพญา มารผู้มาขัดขวางการสร้างพระเจดีย์ของพญาโศกราช๑๕ เป็นไปได้หรือไม่ว่าสมัยแต่ง คัมภีร์เล่มน้ีลัทธิลังกาวงศ์ได้เข้ามาแทนที่ลัทธิค�ำสอนมหายานเรียบร้อยแล้ว การแต่ง เรื่องราวให้พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระมีบทบาทแทนท่ีพระอุปคุตเถระ น่าจะเป็นการ บ่งบอกนัยอย่างหน่ึง คติความเชื่อพระเขี้ยวแก้ว เรื่องราวเกี่ยวกับพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้าหรือพระทันตธาตุ พบเห็น ครั้งแรกในมหาปรินิพพานสูตรตอนเหตุการณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ๑๖ ถัดมาคัมภีร์ สุมังคลวิลาสินีได้เสริมความว่า การแบ่งพระบรมสารีริกธาตุคราวน้ัน โทณพราหมณ์ ไดซ้ ่อนพระเขยี้ วแก้วเบือ้ งขวาไว้ในระหว่างผ้าโพก ท้าวสกั กะจอมเทพเห็นวา่ ไม่สมควร จงึ อญั เชญิ ไปยงั เทวโลกและประดษิ ฐานไวท้ พี่ ระจฬุ ามณเี จดยี ๑์ ๗ คมั ภรี ส์ มนั ตปาสาทกิ าก็ ระบุว่าพระเข้ียวแก้วเบ้ืองขวาประดิษฐานที่สวรรค์ช้ันดาวดึงส์เช่นกัน๑๘ หลักฐาน ๑๕ ความเข้าใจเรื่องพระเจ้าอโศกและอโศกาวทาน, ส. ศิวรักษ์ แปลและเรียบเรียง, พิมพ์คร้ังท่ี ๔, (กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์เคล็ดไทย, ๒๕๕๒), หน้า ๖๑-๘๙. ๑๖ ที.ม. (ไทย) ๑๐/๒๓๙/๒๔๐/ ๑๗๙-๑๘๐. ๑๗ อรรถกถาภาษาไทย พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค ฉบับมหาวิทยาลัยมหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๙), หน้า ๓๑๗-๓๑๘. ๑๘ อรรถกถาภาษาไทย พระวินัยปิฎก สมันตปาสาทิกา ภาค ๑, หน้า ๑๐๘-๑๐๙.

บทความวิชาการ ๒ 285 เกี่ยวกับพระเขี้ยวแก้วอีกแห่งหน่ึงพบเห็นในบันทึกของพระภิกษุฟาเหียน ผู้เดินทาง มาเกาะลังกาเพ่ือศึกษาคติความเชื่อมหายานและพำ� นักอยู่กับคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรี วิหาร ซ่ึงเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับพระพุทธโฆษาจารย์ ได้กล่าวถึงพิธีแห่แหน พระเข้ียวแก้วอย่างย่ิงใหญ่ซ่ึงจัดข้ึนกลางเดือนสามของทุกปี๑๙ เรื่องพระเขี้ยวแก้วมีกล่าวถึงในคัมภีร์มหาวงศ์ของพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหาร เช่นเดียวกัน๒๐ แต่หากเปรียบเทียบกับเร่ืองราวของต้นพระศรีมหาโพธ์ิถือน้อยนักจน ผิดสังเกต สันนิษฐานว่าอคติดังกล่าวน่าจะเกิดจากความชิงชังระหว่างคณะสงฆ์ส�ำนัก มหาวิหารกับส�ำนักอภัยคิรีวิหาร โดยเฉพาะเหตุการณ์คราวคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรี วิหาร ยุยงกษัตริย์ให้เผาท�ำลายอารามวิหารของคณะสงฆ์ส�ำนักมหาวิหารจนสิ้นซาก๒๑ อีกนัยหนึ่งส�ำนักมหาวิหารอาจต้องการให้ความส�ำคัญกับบุณยสถานศักด์ิสิทธิ์อันอยู่ ภายในบริเวณส�ำนักแห่งตน จึงข้ามความส�ำคัญและความทรงอิทธิพลของพระ เขี้ยวแก้วเสีย เรื่องราวของพระทันตธาตุอย่างละเอียดปรากฏเห็นในคัมภีร์ทาฐา ธาตุวงศ์ ซึ่งเป็นผลงานของพระธรรมกิตติเถระผู้มีอายุสมัยอาณาจักรโปโฬนนารุวะ ตอนปลาย โดยท่านระบุว่าได้เรียบเรียงคัมภีร์ภาษาสิงหลช่ือว่าชินทันตธาตุวงศ์ขึ้นใหม่ ดว้ ยการแตง่ เปน็ ฉนั ทภ์ าษาบาลี นยั วา่ เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ประโยชนส์ ำ� หรบั ผคู้ นอาณาจกั รอนื่ ๒๒ คัมภีร์เล่มน้ีแต่งขึ้นประมาณพุทธศักราช ๑๗๕๔ สมัยการครองราชย์ของพระนาง ลีลาวดีผู้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าปรากรมพาหุ (พ.ศ.๑๗๕๔-๑๗๕๕)๒๓ สันนิษฐาน ๑๙ จดหมายเหตแุ หง่ พทุ ธจกั รของภกิ ษฟุ าเหยี น, แปลและเรยี บเรยี งโดย พระยาสรุ นิ ทรฤาชยั (จันทร์ ตุงคสวัสดิ), (พระนคร: มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๒), หน้า ๑๙๘-๑๙๙. ๒๐ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต, คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑, แปลโดย ผศ.สุเทพ พรมเลิศ, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๓), หน้า ๓๕๒. ๒๑ Gunaratne Panabokke, History of the Buddhist Sangha in India and Sri Lanka, (Colombo: Karunaratne & Sons Ltd., 1993), pp. 92-93. ๒๒ Somapala Jayawardhana, Handbook of Pali Literture, (Colombo: Karunaratne & Sons Ltd, 1994), pp. 40-41. ๒๓ พระธรรมกิตติเถระ, คัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ ต�ำนานพระเขี้ยวแก้ว, หน้า ๒๒.

286 ภาคผนวก ข ว่าสมัยนั้นอิทธิพลของพระเขี้ยวแก้วน่าจะมีความส�ำคัญย่ิง ในฐานะเป็นสิทธิตามกฎ มณเฑียรบาลเพื่อขึ้นครองราชย์เหนือเกาะลังกา (the legitimate right to the sovereignty) พระนางลีลาวดีจึงอาราธนาพระธรรมกิตติเถระในฐานะราชครูให้แต่ง คัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ขึ้น ส่วนหลักฐานฝ่ายไทยล้วนเดินตามคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ทั้งสิ้น มคี วามผดิ เพยี้ นบา้ งเฉพาะชอ่ื บคุ คลและสถานทเ่ี ทา่ นน้ั ๒๔ ผเู้ ขยี นเหน็ วา่ ความผดิ พลาด ดังกล่าวน่าจะเกิดจากการคัดลอกหลายคร้ังหลายคราต่างกรรมต่างวาระ หรืออาจเกิด จากการตีความกันเองของพระสงฆ์ช้ันหลัง โดยปราศจากความเข้าใจบริบททาง ประวัติศาสตร์ของศรีลังกา หรือว่าอาจขาดแคลนคัมภีร์ส�ำคัญของศรีลังกาเพ่ือน�ำมา เปรียบเทียบความถูกต้อง อิทธิพลของพระเขี้ยวแก้วต่ออาณาจักรตามพรลิงค์น้ัน พบเห็นเด่นชัดใน ต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช ต�ำนานเมืองนครศรีธรรมราช และพระนิพพาน โสตร ซึ่งเนื้อหาล้วนเน้นไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยการอ้างว่าเจ้าชายทันตกุมารและ เจ้าหญิงเหมมาลาแห่งแคว้นกาลิงคะ ต้องการอัญเชิญพระเข้ียวแก้วไปเกาะลังกา แต่ เรือส�ำเภาแตกถูกคล่ืนซัดมาขึ้นที่หาดทรายแก้วชเลรอบ จึงฝังพระธาตุไว้ท่ีหาดก่อนที่ จะได้รับการช่วยเหลือจากพระอรหันต์ชื่อว่ามหาเถรพรหมเทพ จึงสามารถเดินทางถึง เกาะลังกาอย่างปลอดภัย ผู้เขียนสันนิษฐานว่าเน้ือหาสาระของต�ำนานดังกล่าวเป็น การช้ีบอกว่าหาดทรายแก้วชเลรอบหรือตามพรลิงค์เป็นสถานท่ีอันพระพุทธเจ้าทรง เลือกแล้ว เพ่ือให้เกิดความหนักแน่นของเน้ือหาจึงเพ่ิมการท�ำนายการสร้างพระ บรมธาตุเจดีย์ของพระมหาเถรพรหมเทพเข้ามา ซึ่งสมัยนั้นคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรี วิหารโดดเด่นด้านค�ำสอนของมหายาน หากตรวจสอบคัมภีร์สายมหายานย้อนหลังไป ถึงอโศกาวทานก็จะเห็นลักษณะของพุทธพยากรณ์เด่นชัด โดยไม่พบลักษณะของ สาวกพยากรณ์แต่อย่างใด๒๕ สันนิษฐานว่าคติความเช่ือดังกล่าวน่าจะได้รับมาจาก ศรีลังกายุคหลัง โดยเฉพาะคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารผู้ฝักใฝ่ค�ำสอนมหายาน ๒๔ ต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช, หน้า ๔-๙; ต�ำนานเมืองนครศรีธรรมราช, (พระนคร: โรงพิมพ์ย้ิมศรี, ๒๔๘๑), หน้า ๗-๑๑; พระนิพพานโสตร, หน้า ๖๔. ๒๕ ความเข้าใจในเร่ืองพระเจ้าอโศกและอโศกาวทาน, หน้า ๖๑-๖๓.

บทความวิชาการ ๒ 287 ผู้เขียนเชื่อว่าอิทธิพลความยิ่งใหญ่ของพระเข้ียวแก้ว ในฐานะเป็นสิทธิโดย ชอบธรรมในการครองราชย์เหนือเกาะลังกา (the legitimate right to the sovereignty) น่าจะส่งผลต่อความคิดของพระเจ้าจันทรภาณุแห่งตามพรลิงค์ไม่น้อย สังเกตได้จากการประกาศสงครามกับกษัตริย์สิงหลแห่งอาณาจักรดัมพเดณิยะว่า ”จงมอบพระบาตรธาตุและพระเข้ียวแก้วของพระมุนีและราชสมบัติแก่เรา หรือไม่ก็จง มาสู้รบกัน„๒๖ เพราะอาจปักใจเช่ือว่าคร้ังหนึ่งพระเข้ียวแก้วเคยประดิษฐานท่ีหาดทราย แก้วชเลรอบดังอ้างไว้ในต�ำนานของนครศรีธรรมราช ด้วยเหตุน้ัน เมื่อพระองค์ยกทัพ ไปแย่งชิงพระเขี้ยวแก้วที่เกาะลังกา ย่อมถือว่าเป็นสิทธิโดยชอบธรรม เพราะถือว่า เป็นการยึดครองสมบัติเดิมอันเป็นของอาณาจักรตามพรลิงค์ ประเด็นน่าสนใจคือคติความเช่ือเร่ืองพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานท่ีหาดทราย แก้วทะเลรอบเกิดขึ้นสมัยใด หากถือเอาหลักฐานจากคัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์น่าจะเกิดขึ้น สมัยอาณาจักรโปโฬนนารุวะเป็นอย่างน้อย โดยพระสงฆ์ผู้ฝักใฝ่ฝ่ายมหายาน เหตุ เพราะเร่ืองราวของพระเข้ียวแก้วเป็นจุดเด่นของคณะสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหารผู้ฝักใฝ่ มหายานมาแต่ต้น แม้จะถูกลดบทบาทลงไปสมัยส�ำนักมหาวิหารทรงอิทธิพล แต่ครั้น กษัตริย์ให้ความส�ำคัญด้วยการยกพระเข้ียวแก้วให้เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้มี สิทธิข้ึนครองราชย์เหนือเกาะลังกา ย่อมท�ำให้พระเข้ียวแก้วมีความส�ำคัญมากขึ้น ซ่ึงอิทธิพลดังกล่าวเกิดข้ึนสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชแห่งอาณาจักรโปโฬนนารุ วะเป็นต้นมา พระสงฆ์ผู้เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาลังกาวงศ์ยังอาณาจักรตาม พรลงิ คน์ า่ จะนำ� คตคิ วามเชอ่ื เชน่ นต้ี ดิ ตวั มาดว้ ย และทำ� การเผยแผจ่ ากนนั้ เกดิ พฒั นาการ จนเป็นคติความเชื่อส�ำคัญ และความเช่ือเช่นน้ีน่าจะเป็นที่รับรู้และทรงอิทธิพลต่อ สถาบันกษัตริย์ด้วย คติการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ คติความเชื่อเรื่องการสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ของศรีลังกาพบเห็นคร้ังแรกใน คมั ภรี ท์ ปี วงศ์ โดยกลา่ วถงึ พระมหนิ ทเถระผเู้ ปน็ พระราชโอรสของพระเจา้ อโศกมหาราช ๒๖ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต, คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๒, หน้า ๒๙๖.

288 ภาคผนวก ข แห่งชมพูทวีป ได้รับมอบหมายจากพระอุปัชฌาย์ให้เป็นหัวหน้าพระสมณทูตเดินทาง มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาท่ีเกาะลังกา คร้ันปฏิบัติหน้าที่ครบห้าเดือนแล้วปรารถนาจะ เดินทางกลับชมพูทวีปจึงกราบทูลกษัตริย์แห่งลังกาว่า ”อาตมาทั้งหลายไม่ได้กราบไหว้ ลกุ รบั ประนมอญั ชลเี คารพตอ่ พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ นานแลว้ „ คราวนนั้ พระเจา้ เทวานมั ปิยติสสะทรงทราบว่าพระเถระประสงค์จะให้สร้างสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึง ทูลให้สามเณรสุมนะเดินทางไปอัญเชิญพระธาตุรากขวัญเบ้ืองขวาและพระบรมธาตุมา จากพระเจา้ อโศก จากนน้ั กษตั รยิ ล์ งั กาโปรดใหส้ รา้ งเจดยี ท์ างดา้ นทศิ ใตข้ องเมอื งหลวง อนุราธปุระ และคัมภีร์เน้นว่าสถานที่สร้างสถูปเจดีย์นั้นอดีตพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ กล่าวคือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า และพระกัสสปพุทธเจ้า เคย เสดจ็ มาประทบั นงั่ เขา้ สมาบตั ิ แมพ้ ระโคตมพทุ ธเจา้ กเ็ คยเสดจ็ มาประทบั นง่ั เขา้ สมาบตั ิ บริเวณแห่งน้ีเช่นกัน พร้อมพยากรณ์ว่า ”เมื่อล่วงแล้ว ๒๓๖ ปี จักมีพระภิกษุองค์ หน่ึงช่ือว่ามหินทะ จักท�ำให้ศาสนาของเรารุ่งเรืองในลังกาทวีป และจักมีอารามท่ีน่า รื่นรมย์ข้ึนทางทิศทักษิณแห่งพระนครช่ือว่าถูปาราม ในคราวนั้นลังกาทวีปจักได้ช่ือว่า ตามพปัณณิทวีป สารีริกธาตุของเราจักไปต้ังมั่นอยู่ในตามพปัณณิทวีปดังน้ี„๒๗ หลักฐานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการสร้างสถูปเจดีย์เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้าในฐานะ เป็นพุทธานุสติ เพื่อเตือนใจให้ผู้กราบไหว้ร�ำลึกถึงพุทธคุณในฐานะผู้สามารถช�ำนะ กิเลสตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า และเพื่อเป็นทิฏฐานุคติส�ำหรับเป็นแนวทางแห่งการ ปฏิบัติเพ่ือเข้าถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ถัดมาพบเห็นในคัมภีร์สมันตปาสาทิกาเน้ือหาว่าด้วยการสร้างถูปารามเจดีย์ ของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ นอกจากน้ัน ยังอ้างถึงสถานท่ีพระโคตมพุทธเจ้าเสด็จ มาประทบั นง่ั เขา้ นโิ รธสมาบตั อิ กี หลายแหง่ ดงั เชน่ มหาเจดยี ์ ตน้ มหาโพธ์ิ มหยิ งั คณเจดยี ์ มุติยังคณเจดีย์ ทีฆวาปีเจดีย์ และกัลยาณีเจดีย์๒๘ และหลักฐานอีกแห่งหน่ึงพบเห็น ๒๗ พระคัมภีร์ทีปวงศ์: ต�ำนานว่าด้วยการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป, แปลโดย บัณฑิต ล่ิวชัยชาญ, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทเอดิสัน เพรส โพรดักส์ จ�ำกัด, ๒๕๕๗), หน้า ๗๒-๗๕. ๒๘ อรรถกถาภาษาไทย พระวินัยปิฎก สมันตปาสาทิกา ภาค ๑, หน้า ๑๐๙-๑๑๔.

บทความวิชาการ ๒ 289 ในคัมภีร์มหาวงศ์ รายละเอียดในคัมภีร์เล่มนี้เดินตามคัมภีร์ทีปวงศ์และคัมภีร์สมันต ปาสาทิกา แต่เน้นให้ความส�ำคัญแก่พระมหินทเถระ นอกจากน้ัน เน้ือหายังเน้นการ ทรงอภิญญาของพระเถระด้วยการพยากรณ์ปาฏิหาริย์ที่เกิดข้ึนหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งหลักฐานดังกล่าวไม่ปรากฏพบเห็นในคัมภีร์ทั้งสองเล่มเบื้องต้น หากตรวจสอบ เนอ้ื หาของคมั ภรี ม์ หาวงศโ์ ดยละเอยี ดจะเหน็ วา่ เปน็ การวางโครงเรอ่ื งใหพ้ ระมหนิ ทเถระ เปน็ ผมู้ คี วามสำ� คญั ในฐานะปชู นยี บคุ คลของศรลี งั กา ประเดน็ สำ� คญั ของการสรา้ งสถปู เจดีย์น้ัน คัมภีร์มหาวงศ์พรรณนาว่าเป็นเพราะการกระท�ำมหาอธิษฐาน ๔ ประการ ของพระโคตมพุทธเจ้า กล่าวคือ “๑) ขอกิ่งพระศรีมหาโพธ์ิด้านขวาท่ีพระเจ้าอโศก ทรงจับขาดเองทีเดียว จงประดิษฐานอยู่ในกระถางทอง ๒) คร้ันประดิษฐานแล้ว ขอก่ิงน้ันจงเปล่งรัศมีอันงดงาม ๖ ประการ จากผลและใบท�ำให้สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ ๓) ขอกงิ่ พระศรมี หาโพธนิ์ น้ั พรอ้ มกบั กระถางทองอนั นา่ รนื่ รมย์ จงลอยขนึ้ ไปไมป่ รากฏ (แก่มหาชน) ประดิษฐานอยู่ในห้องหิมะตลอด ๗ วัน ๔) ขอพระธาตุรากขวัญ เบ้ืองขวาของเรา ซ่ึงประดิษฐานอยู่ในถูปาราม จงลอยข้ึนไปในนภากาศ แล้วส�ำแดง ยมกปาฏิหาริย์ และ ๕) ขอธาตุอันบริสุทธ์ิของเราประมาณ ๑ ทะนาน ซึ่งประดิษฐาน ทเี่ หมมาลกิ เจดยี อ์ นั เปน็ เครอ่ื งประดบั ลงั กา จงทรงเพศพระพทุ ธเจา้ เหาะขนึ้ ไปประดษิ ฐาน อยใู่ นนภากาศสำ� แดงยมกปาฏหิ ารยิ ”์ ๒๙ หลกั ฐานดงั กลา่ วชใี้ หเ้ หน็ วา่ การสรา้ งสถปู เจดยี ์ นอกจากเป็นสถานท่ีร�ำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังเป็นการเชื่อมโยงทางการ เมืองและการศาสนาระหว่างชมพูทวีปกับเกาะลังกา สันนิษฐานว่าผู้แต่งคัมภีร์มหาวงศ์ น่าจะเห็นการขาดความเช่ือมต่อของข้อมูลระหว่างคัมภีร์ทีปวงศ์กับคัมภีร์สมันต ปาสาทิกา จึงน�ำมาปรับแก้ให้สมบูรณ์ลงตัวไร้ข้อบกพร่อง ผู้เขียนเห็นว่าคติความเชื่อเรื่องการสร้างสถูปเจดีย์ของศรีลังกา น่าจะเป็น การเลียนแบบมาจากชมพูทวีปสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เพราะคัมภีร์หลายเล่มมี เน้ือหาสอดคล้องกันว่าพระเจ้าอโศกมหาราชทรงมีพระราชศรัทธาต่อหลักคำ� สอนของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งนัก ด้วยการโปรดให้สร้างเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์ พร้อมทั้งท�ำ ๒๙ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต, คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑, หน้า ๑๕๘-๑๖๔.

290 ภาคผนวก ข พิธีเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่๓๐ ส่วนคัมภีร์อโศกาวาทานระบุว่าเหตุที่พระเจ้าอโศก มหาราชโปรดให้สร้างเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์นั้น ประสงค์จะแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ แก่หัวเมืองน้อยใหญ่ ด้วยการเดินตามพระราชกิจวัตรของพระเจ้าอชาตศัตรู๓๑ พระ เกียรติคุณในฐานะองค์เอกอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศกมหาราช น่าจะ ท�ำให้พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะผู้เป็นกษัตริย์ลังกาทรงด�ำเนินตาม๓๒ สมยั อาณาจกั รโปโฬนนารวุ ะพระวาจสิ สรเถระไดแ้ ตง่ คมั ภรี เ์ กยี่ วกบั สถปู เจดยี ์ เร่ืองหน่ึงช่ือว่าพระคัมภีร์ถูปวงศ์ เนื้อหาว่าด้วยประวัติความเป็นมาของการสร้างสถูป เจดยี น์ บั แตก่ ารสรา้ งสถปู บรรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตขุ องพระเจา้ อชาตศตั รู พระเจา้ อโศก โปรดให้สร้างสถูปเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ แห่ง แต่เน้ือหาของหนังสือเน้นหนักไปท่ีพระราช ภารธุระของพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยผู้สร้างมหาสถูป โดยผู้เขียนระบุว่าพระเจ้า ทุฏฐคามณีอภัยทรงทุ่มเทให้กับการสร้างสถูป คร้ันสวรรคตแล้วพระองค์จักบังเกิด เป็นพระอัครสาวกเบ้ืองขวาของพระศรีอารยเมตไตย์๓๓ เป็นท่ีน่าสังเกตว่าพระนิพพาน โสตรคัดลอกเนื้อหาเฉพาะพระราชภารธุระของพระเจ้าอโศกมหาราช โดยละเว้นเรื่อง ราวของพระเจ้าทุฏฐคามณีของลังกาเสีย เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้แต่งวรรณกรรมเล่มนี้ ต้องการช้ีให้เห็นว่าพระยาศรีธรรมโศกราชแห่งนครศรีธรรมราชประพฤติตามพระเจ้า อโศกมหาราช ซึ่งสมัยนั้นคติพุทธราชาแบบพระเจ้าอโศกได้โลดแล่นอยู่ในความทรง จ�ำของชาวพุทธทุกแว่นแคว้น ตลอดท้ังรับรู้เร่ืองราวในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ที่สืบทอดกันมา ในฐานะของกษัตริย์ศาสนูปถัมภ์ที่ยิ่งใหญ่สมัยหลังพุทธกาล พร้อม ทง้ั บทบาทในฐานะของกษตั รยิ ท์ ขี่ ยายวงพระราชอำ� นาจไปอยา่ งกวา้ งขวางโดยใชแ้ นวคดิ ของธรรมวิชัย พระองค์จึงเป็นพระจักรพรรดิตามคติพุทธศาสนา๓๔ ๓๐ พระคัมภีร์ทีปวงศ์, หน้า ๔๐-๔๑; อรรถกถาภาษาไทย พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค, หน้า ๖๓-๖๔. ๓๑ ความเข้าใจในเร่ืองพระเจ้าอโศกและอโศกาวทาน, หน้า ๑๑๗. ๓๒ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต, คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑, หน้า ๑๘๔. ๓๓ พระวาจิสสรเถระ, พระคัมภีร์ถูปวงศ์ ต�ำนานว่าด้วยการสร้างพระสถูปเจดีย์, แปลโดย ปุ้ย แสงฉาย. (กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด นนทชัย, ๒๕๑๑), หน้า ๘๕-๑๒๒. ๓๔ Stuart Munro-Hay, Nakhon Sri Thammarat the Archeology, History and Legend of a Southern Thai Town, (Bangkok: White Lotus, 2001), p. 1.

บทความวิชาการ ๒ 291 หลกั ฐานจากตำ� นานพระธาตเุ มอื งนครศรธี รรมราชไดก้ ลา่ วถงึ พระราชดำ� รขิ อง พระญาศรีธรรมโศกราชว่า ”ตัวเราน้ีได้สร้างพระเจดีย์วิหารแลก่อพระพุทธรูปปลูก ต้นไม้พระศรีมหาโพธ์ิ และได้ยกพระมาลิกะเจดีย์ท่ีเมืองอินทปัต„๓๕ ส�ำหรับชื่อเจดีย์ นนั้ สอดคลอ้ งกบั จดหมายเหตขุ องวลิ ะภาเคทะระผนู้ ำ� คณะทตู ลงั กาเขา้ มาประเทศสยาม สมัยพระเจา้ อยหู่ ัวบรมโกศ เพอ่ื ขอพระสงฆไ์ ทยไปฟนื้ ฟูพระศาสนาท่ีอาณาจักรแคนดี ซ่ึงระบุว่า ”กลางเมืองปาตลีบุตรมีสถูปใหญ่เท่าสถูปรุวันเวลิที่โปโฬนนารุวะในลังกา„๓๖ หลักฐานจากศรีลังการะบุชัดว่าสถูปเจดีย์ที่เมืองนครศรีธรรมราชเลียนแบบมาจาก เมืองโปโฬนนารุวะ แต่หากตรวจสอบอย่างละเอียดกลับไม่พบเห็นสถูปรุวันเวลิใน เมืองโปโฬนนารุวะแต่อย่างใด พบเพียงว่ามีเจดีย์รุวันเวลิในเมืองอนุราธปุระเพียงแห่ง เดียวเท่านั้น ดังปรากฏเห็นในจารึกแผ่นหินของพระเจ้ากีรตินิสสังกมัลละแห่งอาณา จักรโปโฬนนารุวะตอนปลาย ซ่ึงระบุว่าพระองค์ได้เสด็จไปบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์ รุวันมาลีแห่งเมืองอนุราธปุระ๓๗ ผู้เขียนเห็นว่าเจดีย์มาลิกะตามส�ำเนียงไทยน่าจะ หมายถึงรุวันเวลิเจดีย์แห่งเมืองอนุราธปุระ สังเกตได้จากรอบเจดีย์พระบรมธาตุใน ปัจจุบันน้ันมีช้างล้อมรอบ ซ่ึงเป็นคติความเช่ือตามแบบสมัยอนุราธปุระ สรุป หลักฐานเบื้องต้นจะเห็นว่าดินแดนประเทศไทยนั้น นับถือพระพุทธศาสนา หินยานเป็นหลักมาแต่สมัยทวารวดี-ลพบุรี โดยนิยมสร้างพระสถูปเจดีย์เป็นที่บรรจุ พระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าให้เป็นศูนย์กลางของบ้านเมืองและท้องถ่ิน๓๘ ส่วนคติ ๓๕ ต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช, หน้า ๑๑. ๓๖ จดหมายเหตุของวิละภาเคทะระ เรื่องคณะทูตลังกาเข้ามาประเทศสยาม และสยามูป สัมปทา จดหมายตุเร่ืองประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป, (กรุงเทพมหานคร: บุญเจริญ อินเตอร์เทรด จ�ำกัด, ๒๕๓๒), หน้า ๓๐. ๓๗ Epigraphia Zeylanica being Lithic and other Inscriptions of Ceylon, Vol. II. edited and translated by Don Martino De Zilva Wickremasinghe. New Delhi: Asian Education Services, 1994. ๓๘ ศรีศักร วัลลิโภคม, ความหมายพระบรมธาตุในอารยธรรมสยามประเทศ, พิมพ์ คร้ังที่ ๓, (กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์เมืองโบราณ, ๒๕๔๖), หน้า ๑๔๐.

292 ภาคผนวก ข การใชร้ ปู ชา้ งประดบั ศาสนสถานนน้ั นา่ จะมคี วามสำ� คญั เกยี่ วขอ้ งกบั ความเชอ่ื ทางศาสนา เพราะช้างเป็นสัตว์ที่มีความเกี่ยวพันกับคติความเชื่อทางศาสนามาแต่สมัยโบราณ และเป็นสัตว์มีเร่ืองราวเก่ียวข้องกับพุทธประวัติ ประติมากรรมรูปช้างพบคร้ังแรกใน ศิลปะอินเดียโบราณที่เมืองโมเหนโจดาโรและเมืองฮารัปปา๓๙ การประดับช้างรอบฐาน พระสถูปเจดีย์เช่ือว่าเป็นอนุสรณ์การชนช้างชนะศึกของพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยเหนือ พระเจ้าเอฬาระ หรือท่ีชาวไทยรู้จักกันในนามรุวันเวลิเจดีย์ จึงโปรดให้สร้างเพ่ือเป็น อนุสรณ์แห่งการชนช้างชนะศึกคราวนั้น๔๐ ผู้เขียนเห็นว่าการใช้ช้างเป็นประติมากรรม ล้อมพระสถูปเจดยี ์น่าจะเป็นนยั ยะ กลา่ วคือเจดยี ห์ มายถงึ พระศาสนาอนั เปน็ สงิ่ ส�ำคัญ สูงสุด ส่วนช้างหมายถึงกษัตริย์ซ่ึงเป็นศาสนูปถัมภก คติความเช่ือเช่นน้ีน่าจะตกทอด มาถึงกษัตริย์รุ่นหลัง จนมีการสร้างเจดีย์รุวันเวลิหรือเจดีย์ช้างล้อม ส่วนการตั้งชื่อ หาดทรายแก้วว่าเป็นสถานที่สร้างพระมหาธาตุเจดีย์ก็เป็นการช้ีให้เห็นร่องรอยของ ลัทธิลังกาวงศ์ เพราะว่า ”หาดทรายแก้ว„ ตรงกับค�ำว่า ”รุวันแวฬิ„ ของศรีลังกา อย่างลงตัว บรรณานุกรม ความเข้าใจเร่ืองพระเจ้าอโศกและอโศกาวทาน. ส. ศิวรักษ์ แปลและเรียบเรียง. พิมพ์คร้ังท่ี ๔. กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์เคล็ดไทย, ๒๕๕๒. จดหมายเหตุแห่งพุทธจักรของภิกษุฟาเหียน. แปลและเรียบเรียงโดย พระยาสุรินทร ฤาชัย (จันทร์ ตุงคสวัสดิ). พระนคร: มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๒. จดหมายเหตุของวิละภาเคทะระ เร่ืองคณะทูตลังกาเข้ามาประเทศสยาม และ สยามูปสัมปทา จดหมายตุเรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ใน ลังกาทวีป. กรุงเทพมหานคร: บุญเจริญอินเตอร์เทรด จ�ำกัด, ๒๕๓๒. ๓๙ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล, ศิลปอินเดีย เล่ม ๑, (กรุงเทพมหานคร: องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๑๐), หน้า ๓๖. ๔๐ สุรพล ด�ำริห์กุล, เจดีย์ช้างล้อมกับประวัติศาสตร์บ้านเมืองและพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์ ในประเทศไทย, (กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๔), หน้า ๓๕.

บทความวิชาการ ๒ 293 เฉลิม จันปฐมพงศ์. ”พระนิพพานโสตร์: การศึกษาเชิงวิจารณ์„. วิทยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ . บณั ฑติ วทิ ยาลยั : มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, ๒๕๒๖. ต�ำนานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช. พิมพ์ในงานปลงศพ นางเทพนรินทร (สงวน อิศรางกูร ณ อยุธยา). พิมพ์ท่ีโรงพิมพ์โภสณพิพรรฒธนากร. เม่ือปีมะโรง พ.ศ.๒๔๗๑. ธนธร กิตติกานต์. มหาธาตุ. กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์มติชน, ๒๕๕๗. พระธรรมกิตติเถระ. คัมภีร์ทาฐาธาตุวงศ์ ต�ำนานพระเขี้ยวแก้ว. ปริวรรตและแปล โดย นายสวาท เหล่าอุด. กรุงเทพมหานคร: ธีรพงษ์การพิมพ์, ๒๕๔๔. พระคัมภีร์ทีปวงศ์: ต�ำนานว่าด้วยการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป. แปลโดย บัณฑิต ล่ิวชัยชาญ. กรุงเทพมหานคร: บริษัทเอดิสัน เพรส โพรดักส์ จ�ำกัด, ๒๕๕๗. พระนิพพานโสตร ฉบับศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ ส�ำนวนที่ ๑. กรุงเทพมหานคร: กรุงสยามการพิมพ์, ๒๕๒๘. พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑-๒. แปลโดย ผศ.สุเทพ พรมเลิศ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย, ๒๕๕๓. พระวาจิสสรเถระ. พระคัมภีร์ถูปวงศ์ ต�ำนานว่าด้วยการสร้างพระสถูปเจดีย์. แปลโดย ปุ้ย แสงฉาย. กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด นนทชัย, ๒๕๑๑. เร่ืองเมืองนครศรีธรรมราช. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางตลับ จันทราทิพย์ ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐. ศรีศักร วัลลิโภคม. ความหมายพระบรมธาตุในอารยธรรมสยามประเทศ. พิมพ์ ครั้งท่ี ๓. กรุงเทพมหานคร: ส�ำนักพิมพ์เมืองโบราณ, ๒๕๔๖. ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล. ศิลปอินเดีย เล่ม ๑. กรุงเทพมหานคร: องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๑๐. สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ เล่มที่ ๘. กรุงเทพมหานคร: สถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา, ๒๕๒๙.

294 ภาคผนวก ข สุรพล ด�าริห์กุล. เจดีย์ช้ำงล้อมกับประวัติศำสตร์บ้ำนเมืองและพระพุทธศำสนำ ลังกำวงศ์ในประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: ส�านักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๔. อรรถกถำภำษำไทย พระวินัยปิฎก สมันตปำสำทิกำ ภำค ๑ ฉบับมหำวิทยำลัยมหำ จุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๐. อรรถกถำภำษำไทย พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกำย มหำวรรค ฉบับมหำวิทยำลัย มหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๙. G.P. Malalasekera. ศรีลังกำ: ว่ำด้วยประวัติศำสตร์ กำรณ์พระศำสนำ และ วรรณคดี. แปลโดย ลังกากุมาร. นครปฐม: ส�านักพิมพ์สาละ, ๒๕๔๕. Epigraphia Zeylanica being Lithic and other Inscriptions of Ceylon. Vol. II. edited and translated by Don Martino De Zilva Wickremasinghe. New Delhi: Asian Education Services, 1994. Gunaratne Panabokke. History of the Buddhist Sangha in India and Sri Lanka. Colombo: Karunaratne & Sons Ltd., 1993. Somapala Jayawardhana. Handbook of Pali Literture. Colombo: Karunaratne & Sons Ltd, 1994. Stuart Munro-Hay. Nakhon Sri Thammarat the Archeology, History and Legend of a Southern Thai Town. Bangkok: White Lotus, 2001.

ประวัติผู้วิจัย พระมหำพจน์ สุวโจ, ผศ.ดร. (น.ธ.เอก, ป.ธ.๖, พธ.บ., พธ.ม., Ph.D.) ผลงำนตีพิมพ์ • ตามรอยพระอุบาลีไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาท่ีศรีลังกา (๒๕๕๒) • กรณีพระสงฆ์ศรีลังกาเล่นการเมือง (๒๕๕๓) • ของดีศรีลังกา: คู่มือน�าเท่ียวเชิงประวัติศาสตร์ (๒๕๕๕) • พระอรหนั ต:์ วธิ ตี รวจสอบคณุ ลกั ษณะตามนยั พระไตรปฎิ ก (๒๕๕๖) • ต�านานคาถาพระอรหันต์ ๘ ทิศ (๒๕๕๘) • ประวัติศาสตร์ศรีลังกาสมัยอาณาจักรโกฏเฏ (๒๕๕๙) • ประวัติคณะสงฆ์ศรีลังกายุคกลาง (๒๕๕๙) • สืบค้นหาพระพุทธบาท ๕ รอย (๒๕๕๙) • นิกายสังครหยะ (๒๕๕๙) • สังฆราชสาธุจริยา (๒๕๖๐) • พระมาลัยเถระ เป็นใคร? มาจากไหน? (๒๕๖๐) • เล่าเร่ืองเมือง (ศรี) ลังกา (๒๕๖๐) • พระอุปคุตเถระ เป็นใคร? มาจากไหน? (๒๕๖๑) • วรรณคดีภาษาสิงหล (๒๕๖๑) • พระนาคเสนเถระ เป็นใคร? มาจากไหน? (๒๕๖๒) • ศรีลังกากติกาวัตร (๒๕๖๒) • พระมหินทเถระ เป็นใคร? มาจากไหน? (๒๕๖๒) • ศรีลังกา: ว่าด้วยประวัติศาสตร์ การณ์พระศาสนา และวรรณคดี (๒๕๖๓) • ศรีลังกาและอุษาคเนย์ (๒๕๖๓)

บันทึก ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................