286 6.1.3 เพ่ือให้ความสามารถของมนุษย์ได้ถูกแสดงให้ออกมาอย่างเต็มท่ี และ นามาใช้ประโยชน์อยา่ งไม่มที ส่ี ิ้นสุด โดยเชอ่ื วา่ มนุษยน์ าเอาความสามารถใช้ยงั ไม่หมด 6.2 กิจกรรมกลุ่ม (Group Activity) จะต้องประกอบด้วยคุณลักษณะ 4 อย่าง จงึ จะทาให้ QCC ไดร้ บั ความสาเร็จ 6.2.1 สมาชิกต้องมารวมกลุ่มกัน เพ่ือมีส่วนร่วมในจุดประสงค์เดียวกัน ส่ิงท่ี ทุกคนต้องยอมรับ คือ ความเสมอภาคในการแสดงความคิดเห็น มีการแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่าง เต็มที่ 6.2.2 สมาชิกเข้าใจซ่ึงกันและกัน สามารถพูดจากันได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ ใชว้ ิธีบงั คบั หรอื ภาวะจาใจ โดยอาศัยตาแหน่งหนา้ ที่ 6.2.3 สมาชิกต้องทางานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และดาเนินการ กิจกรรมกลุ่ม ด้วยการรเิ ริม่ ขึน้ เอง 6.2.4 สมาชิกมีความสมั พนั ธก์ ันพอที่จะมีอิทธพิ ลซง่ึ กนั และกัน 6.3 คุณสมบัตทิ ี่มีผลต่อความสาเรจ็ ของ QCC 6.3.1 ไดร้ บั การสนบั สนนุ โดยคณะทางาน และฝา่ ยจัดการจากบริษัทอย่างจริงจัง 6.3.2 เน้นหนักให้กลุ่มพนักงานร่วมมือกันเอง และพนักงานมีส่วนร่วมในการ ยกระดับตนเอง 6.3.3 เปน็ ทีย่ อมรบั จากการแสดงผลงาน เชน่ บริษทั ใหร้ างวัล การได้เข้าร่วม ในการประชมุ และได้รับผลตอบแทนทางการเงิน 6.3.4 มีการฝึกอบรมหัวหน้างาน (Foreman) ให้รู้จักเทคนิคในการทางานเป็นกลุ่ม และใช้วธิ ีการทางสถิตใิ นการแกป้ ญั หาของหน่วยงาน 6.3.5 มกี ารฝึกสอนหวั หนา้ งานสาหรบั พนักงานกลุ่มเลก็ ๆ ในหน่วยงานนั้น 6.3.6 เป็นกลุ่มการศึกษาอย่างอิสระด้วยตนเอง และดาเนินการอย่างต่อเน่ือง และเปน็ ความพยายามของกลมุ่ ซ่งึ สมาชกิ ทกุ คนต้องรว่ มมือกนั 6.4 ขั้นตอนการแก้ปัญหา ตามหลกั ของ QCC มีข้ันตอนสาคัญ 4 ขัน้ ตอน คือ 6.4.1 Plan หมายถึง การวางแผนซึ่งประกอบด้วย การแยกแยะปัญหาต่าง ๆ การจัดทาวิธีการเป็นขั้นตอนในการทางาน และการตั้งจุดมุ่งหมายในปัญหาน้ัน ๆ ทั้งน้ีจุดมุ่งหมาย จะต้องไม่ขัดกับนโยบายขององค์การ จะต้องมีข้อมูลอย่างเพียงพอ โดยจะต้องได้รับการสนับสนุน อยา่ งเตม็ ที่จาก ผมู้ ีสว่ นร่วมด้วย 6.4.2 Do หมายถึง การดาเนินงานซ่ึงประกอบด้วย การค้นหาความจริงของ ปัญหาหรือเรื่องน้ัน ๆ แล้วนามาวิเคราะห์ให้จะแจ้งทาการฝึกอบรม วิธีปฏิบัติการแก้ไขท่ีได้กาหนด ขนึ้ ปฏิบตั ิการ ตามวธิ ปี ฏิบัตกิ ารแกไ้ ขท่ไี ดก้ าหนดข้ึนดังกล่าว และกาหนดวิธแี กไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง โดยสรุป สถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของปัญหาหรือเรื่องน้ัน วิเคราะห์ขบวนการของปัญหาหรือเร่ืองน้ันอย่าง ชดั เจน แล้วจดั ทาวธิ ปี ฏบิ ัตกิ ารแกไ้ ขปัญหาหรอื เรือ่ งนน้ั 6.4.3 Check หมายถึง การตรวจสอบผลการปฏิบัติการแก้ไขว่าเป็นไปตาม จุดมุง่ หมายทีก่ าหนดหรอื ไม่ หลักการจดั การ 3200-1002
287 6.4.4 Action หมายถึง วธิ ีการปฏิบัติการแก้ไข ถ้าไม่ไดผ้ ลสมความมุ่งหมาย ให้เร่ิมหาวิธีการปฏิบัตกิ ารแก้ไขใหม่ และถ้าวิธกี ารปฏิบัติการแก้ไขเปน็ ไปตามจุดมุ่งหมาย ให้จัดทา มาตรฐานการปฏบิ ัตกิ ารแก้ไขนั้นไว้ AP Action Plan CD Check DO ภาพที่ 7.4 ขน้ั ตอนการแกป้ ัญหาตามหลกั ของ QCC ทม่ี า: ศิริอร ขันธหตั ถ.์ 2544 : 196. หลกั การจดั การ 3200-1002
288 ปจั จัยทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การควบคมุ การควบคุมเปน็ กระบวนการทางการจัดการอันดับสุดท้าย เป็นส่ิงที่มีความสาคัญและมี ความละเอียดอ่อนซึ่งเก่ียวข้องกับบุคคลหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร หัวหน้างาน หรือพนักงาน เป็นต้น ดังน้ันวิธีการควบคุมและปฏิบัติงานในองค์การจะต้องดาเนินการพัฒนาระบบควบคุมให้มี ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล จงึ ตอ้ งพจิ ารณาปจั จัยที่มีอทิ ธิพลต่อการควบคมุ ดังนี้ 1. ขนาดขององค์การ (Organization Size) จะเป็นปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อการวาง ระบบควบคุม ถ้าหากองค์การขนาดเล็ก จะมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นสูง ส่วนใหญ่จะมีการ ควบคุมแบบไม่เปน็ ทางการ ซึ่งทาให้พนักงานมีอิสระ กล้าคิด กล้าทา และกล้าแสดงออก จะเปน็ การ ควบคุมระหว่างการทางานเพื่อป้องกันไว้ก่อน ส่วนองค์การขนาดใหญ่จะมีโครงสร้างที่เป็นระบบ มี ระเบียบชัดเจน มีการใช้การควบคุมแบบเป็นทางการ เนื่องจากขนาดขององค์การมีโครงสร้างซับซ้อน มีคนจานวนมากมาทางานร่วมกัน ถ้าหากปล่อยให้มีอิสระก็จะทาให้ไม่มีระเบียบ ขาดมาตรฐาน และทาใหเ้ กิดความสับสนและสร้างปัญหาในการทางานได้ จึงต้องเน้นการควบคุมก่อนดาเนินงานโดย การใช้กฎ ระเบียบ ข้ันตอน และข้อบังคับในการควบคุม และการควบคุมหลังดาเนินงานเพ่ือดู ผลงานวา่ ได้ตามเป้าหมายทกี่ าหนดหรอื ไม่ และดาเนินการแกไ้ ขอยา่ งไร 2. ตาแหน่งและระดับของผู้จัดการ (Position and Level of Managers) เป็น ปัจจัยที่ตอ้ งนามาพิจารณาเพ่ือใช้ในการควบคุมงานให้ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ เพราะพนักงานในแต่ละ ระดับจะมีอานาจหน้าท่ีความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน ซ่ึงผู้บริหารในองค์การส่วนใหญ่แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ สูง กลาง และระดับต้น ดังน้ันอานาจหน้าท่ีความรับผิดชอบก็จะลดหลั่นกันตามระดับ ของตาแหนง่ งานด้วย 3. ระดับการกระจายอานาจ (Degree of Decentralization) เป็นปัจจัยท่ีมี อิทธิพลต่อการกาหนดระบบการควบคุมในองค์การ โดยองค์การจะเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วม ในการบริหาร โดยจะมีการกระจายอานาจให้ตามระดับของการบริหารงานในองค์การนั้น เพ่ือให้ เหมาะสมกับการตัดสินใจในการปฏิบัติงาน โดยมีกฎเกณฑ์ ขั้นตอน และระเบียบปฏิบัติไว้อย่าง รดั กมุ เพียงแตใ่ หพ้ นักงานปฏิบัติงานตามที่ไดร้ ับมอบหมายใหส้ าเรจ็ เทา่ นั้น 4. วัฒนธรรมองค์การ (Organizational Culture) จะเป็นเครื่องกาหนดพฤติกรรม ของสมาชิก โดยมองว่าวัฒนธรรมเปรียบเหมือนเป็นจิตวิญญาณขององค์การและการแสดงออกของ พนักงาน วัฒนธรรมองค์การถือเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพและการยอมรับการควบคุมใน องค์การ ทง้ั วัฒนธรรมระบบปิด และวฒั นธรรมระบบเปดิ 5. ความสาคัญของกิจกรรม (Importance of Activity) ในการปฏิบัติงานต่าง ๆ ใน องค์การ ผู้บริหารไม่สามารถติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานได้ตลอดเวลา จึงต้องใช้ วิธีการควบคุมให้เหมาะสมกับความสาคัญของงานแต่ละงาน เช่น ถ้างานท่ีมีความสาคัญมาก ก็ จะต้องใช้การควบคุมท่ีรอบคอบ ส่วนงานท่ีมีความสาคัญน้อยก็จะใช้วิธีการควบคุมท่ีน้อยกว่า ให้ อิสระแก่พนักงานและเปดิ โอกาสในการทางานอย่างเต็มท่ี 6. โครงสรา้ งขององค์การ (Organization Structure) เป็นระบบความสมั พันธแ์ ละ การประสานงานของบุคลากรในส่วนต่าง ๆ ขององค์การ ให้การดาเนินงานบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจะมี หลักการจดั การ 3200-1002
289 ผลต่อวิธีการควบคุมในองค์การ โดยต้องคานึงถึงรูปแบบโครงสร้างขององค์การที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว ไม่ยึดกฎระเบียบ และโครงสร้างองค์การแบบมีระบบ ถือกฎ ระเบียบ และวิธีการ ดาเนนิ งานแบบราชการ ระบบการควบคุมก็จะต้องจดั ใหม้ คี วามเหมาะสม โครงสรา้ งองคก์ าร ขนาดองค์การ ตาแหนง่ และระดบั ของผจู้ ดั การ การควบคมุ ความสาคัญของ ระดับการกระจาย กจิ กรรม อานาจ วัฒนธรรมองคก์ าร ภาพที่ 7.5 ปจั จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลต่อประสทิ ธิภาพและประสิทธิผลของการควบคุม ทีม่ า: ณฏั ฐพันธ์ เขจรนนั ท์ และฉตั ยาพร เสมอใจ. 2548 : 271. การควบคมุ ในระดับโลก การควบคุมระดับโลกในเรื่องเก่ียวกับการปฏิบัติการควบคุมในประเทศต่าง ๆ เช่น ประเทศ ญ่ีปุ่น ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน ฯลฯ ในแต่ละประเทศก็มีแนวทางการควบคุมเป็นของ ตนเอง ซ่ึงสามารถสรปุ ได้ดงั นี้ 1. การควบคุมในประเทศญี่ปุ่น (Controlling in Japan) การอภิปรายถึงการ ตัดสินใจกลุ่มกลไกและการค้นพบผลกระทบต่อกระบวนการจัดการภายในสานักงาน โดยไม่มีการแบ่งกลุ่ม ระดับชั้นของการทางานผู้บริหารเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มงานการวัดผลการทางานของแต่ละบุคคลไม่ใช่ วตั ถปุ ระสงคท์ ่เี ปน็ จริงเฉพาะอย่าง แตเ่ นน้ การทางานเปน็ กล่มุ การควบคุมจะม่งุ ที่กระบวนการ ชาว ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายเกี่ยวกับเร่ืองคุณภาพในปี 1950 – 1969 และปี 1960 – 1969 ผลิตภัณฑ์ญี่ปุ่น ได้สร้างภาพลักษณ์ด้านคุณภาพ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมคุณภาพซ่ึงต้องการมี ส่วนร่วมกบั วงจรการควบคมุ คุณภาพ หลักการจดั การ 3200-1002
290 2. การควบคมุ ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า (Controlling in the United Stages) หมายถงึ การวดั ผลการทางานตามมาตรฐานทก่ี าหนดไว้ การจัดการโดยวัตถุประสงค์มีการนาไปใช้อย่างแพร่หลายต้องกาหนดวัตถุประสงค์ที่ พสิ ูจน์ไดต้ ามการทางานของแต่ละบุคคลซ่ึงมีการวดั ดงั นั้น ผู้ที่เหนือกว่าจะดึงความแตกต่างของแต่ ละบุคคล และส่ิงนี้มีผลตอ่ การระบคุ วามรับผิดชอบ ความพยายามท่ีทาให้เกิดผลลัพธ์เฉพาะบคุ คลสงู สดุ จะมผี ลการทางานของกลุ่มทม่ี ปี ญั หาขนึ้ การใช้โปรแกรมการควบคุมคุณภาพไม่ใช่ส่ิงใหม่ มีการนาไปใช้จานวนมากและ ภายในประเทศญปี่ ่นุ กไ็ ด้นาไปใช้ในการปรบั ปรุงการควบคุมคุณภาพ ผลติ ภณั ฑแ์ ละผลผลติ 3. การควบคมุ ในประเทศจีน (Controlling in China) การควบคมุ ในจนี ช่วงแรก โดยผู้นากลมุ่ การควบคุมมุ่งที่กลุ่ม ในขณะเดียวกนั มุ่งเฉพาะบุคคลด้วย ผู้บริหารโรงงานคาดหวงั วา่ จะให้เป็นไปตามโควต้าท่ีกาหนดไว้ ลักษณะการควบคุมของจีนเป็นการประยุกต์การจัดการของสหรัฐอเมริกาและ ญ่ีปุ่นเขา้ ด้วยกนั การกาหนดสงิ่ แตกตา่ งจากมาตรฐานมีแนวโนม้ ที่จะทาให้ความรับผดิ ชอบของบุคคล เพือ่ รกั ษาภาพลกั ษณใ์ นการทางาน ตารางที่ 7.1 แสดงการเปรยี บเทียบของการควบคุมญ่ปี นุ่ สหรฐั อเมรกิ า และจนี การจดั การของญ่ปี นุ่ การจัดการของสหรัฐอเมริกา การจดั การของจนี 1. การควบคุมโดยการสงั เกต 1. การควบคุมโดยผู้บงั คบั บัญชา 1. การควบคมุ โดยผู้นา กลุม่ 2. การควบคุมมุง่ ท่ีการทางาน 2. การควบคุมมุ่งทีก่ ารทางาน 2. การควบคุมเบือ้ งต้น ของกลุม่ ของแตล่ ะบุคคล ม่งุ ทกี่ ลุ่มแต่มุ่งทแ่ี ต่ ละบุคคลด้วย 3. การรักษาภาพลักษณ์ 3. การระบคุ วามรับผดิ ชอบ แนน่ อน 3. พยายามทจี่ ะรกั ษา 4. ใช้วงจรควบคุมคุณภาพ ภาพลักษณ์ อยา่ งแพรห่ ลาย 4. ใช้วงจรควบคุมคณุ ภาพจากดั 4. ใช้วงจรควบคุม คณุ ภาพจากดั สรุปเก่ียวกับทักษะการจัดการในประเทศต่าง ๆ ในการเปรียบเทียบการวางแผนการจัดการ การจดั บคุ คลเขา้ ทางาน การชักนา และการควบคุม ในญ่ปี ุน่ สหรฐั อเมริกา และจีน เปน็ ทช่ี ัดเจน ว่ามีการประยุกต์ใช้หลักเกณฑ์ และแนวความคิดในการจัดการ ของประเทศเหล่านี้มีความแตกต่างกัน และยังปรากฏว่าผู้บริหารมุ่งที่ระดับโลก เพ่ือจะเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการซึ่งไม่เพียงแต่ในประเทศ ของตน แต่ยังศึกษาถึงประเทศอ่ืน ๆ ทั่วโลก ผู้บริหารจีนจะศึกษาทั้งการจัดการในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา โดยเปรียบเทียบจากประสบการณ์ในอดีตของเขา และหน้าท่ีการจัดการทักษะต่าง ๆ จากสหรัฐอเมริกา และญี่ปนุ่ อาจจะมกี ารเคลอื่ นยา้ ย โดยเฉพาะส่ิงแวดล้อม ปัจจัยดา้ นวัฒนธรรม และสังคมมีอทิ ธิพลต่อ การปฏิบตั ิงาน หลักการจดั การ 3200-1002
291 สรุปสาระสาคญั การควบคุมงาน เป็นกิจกรรมอย่างหน่ึงในการจัดการ และเป็นกิจกรรมท่ีขาดเสียมิได้ เพราะถ้าไม่มีการควบคุมแล้ว งานอาจไม่สาเร็จได้ โดยมีการเปรียบเทียบว่า การควบคุมงาน เปรียบเสมือนนายท้ายเรือจับหางเสือให้เรือไปตามจุดหมาย หรือการท่ีคนขับรถจับพวงมาลัยให้รถเล้ียว ไปตามถนน การควบคุมจะเก่ียวข้องกับแผนงานอย่างใกล้ชิด เน่ืองจากการควบคุมงานจะมีวัตถุประสงค์ เพ่ือท่ีจะให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามแผนที่กาหนดไว้ ดังนั้นในการควบคุมงานจาเป็นจะต้องเรียนรู้ แผนงานรวมท้ังวัตถุประสงค์ และเปา้ หมายอย่างชดั เจน และในการจัดการในงานสาคัญ ๆ จะต้อง มีแผนการควบคุมงานด้วยเสมอ ระบบการควบคุมมที ง้ั การควบคมุ ก่อนดาเนนิ การ การควบคุมขณะดาเนนิ การและการ ควบคุมหลงั ดาเนนิ การ ซ่งึ การควบคุมท้ัง 3 ระบบนี้ จะทาใหก้ ารดาเนินงานสามารถบรรลุเป้าหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้องค์การประสบความสาเร็จเพราะการควบคุมมีไว้เพอื่ การป้องกันและแก้ไข ขอ้ บกพรอ่ งในการดาเนนิ งาน เพอ่ื ให้การปฏิบตั งิ านในการบริหารงานมีประสิทธิภาพเตม็ ท่ี ในการบริหารจัดการธุรกิจจะต้องใช้ระบบการควบคุมท่ีมีประสิทธิภาพทั้งธุรกิจใน ประเทศหรอื ต่างประเทศ หรอื ในระดบั โลกก็ตาม แตค่ วรเลอื กวิธกี ารและแนวทางในการควบคุมให้ เหมาะสมตามสถานการณ์ หลักการจดั การ 3200-1002
292 กิจกรรมประจาหนว่ ย กจิ กรรมที่ 1 คาชแ้ี จง จงอธิบายคาถามตอ่ ไปน้ี 1. จงอธบิ ายความหมายของการควบคุม 2. จงอธิบายความสาคญั ของการควบคมุ 3. ใหอ้ ธิบายกระบวนการในการควบคมุ แตล่ ะข้ันตอน พอเขา้ ใจ 4. การควบคมุ สามารถแบ่งการควบคมุ ในดา้ นใดไดบ้ ้าง 5. ให้อธิบายแนวทางในการควบคุมการปฏบิ ตั งิ านในองคก์ ารท่ใี กลช้ ดิ กบั ตนเอง ในด้านใดดา้ นหนึ่งมาพอเขา้ ใจ กิจกรรมเสนอแนะ ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม โดยมีสมาชิกกลุ่มละ 5 – 6 คน ศึกษาประเด็นสาคัญของ การควบคมุ พร้อมยกตวั อย่างการควบคมุ ขององคก์ ารโดยองค์การใดองคก์ ารหน่งึ นาเสนอให้ ผเู้ รียนฟงั หนา้ ชน้ั เรยี น หลักการจัดการ 3200-1002
293 แบบทดสอบประจาหนว่ ยที่ 7 เรอ่ื ง การควบคุม คาช้แี จง จงเลือกคาตอบทถ่ี ูกท่สี ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว 1. วตั ถปุ ระสงคข์ องการควบคมุ คือข้อใด ก. เพื่อใหง้ านมีมาตรฐาน ข. เพ่อื ใหง้ านเป็นท่ีพึงพอใจของผบู้ รหิ าร ค. เพอ่ื ใหม้ งี านทพ่ี ึงพอใจของผ้ปู ฏบิ ตั ิงาน ง. เพอ่ื ใหท้ ุกคนมีความรับผิดชอบ 2. การกาหนดมาตรฐานของคณุ ภาพ และการทาการสอบคุณภาพงาน เป็นการควบคุมด้านใด ก. ควบคมุ เวลา ข. ควบคุมคณุ ภาพ ค. ควบคุมปรมิ าณ ง. ควบคมุ ตน้ ทนุ 3. คุณลกั ษณะของการควบคมุ ทีด่ ีคือข้อใด ก. การควบคมุ ไดผ้ ลผลติ มาก ข. การควบคมุ จะตอ้ งมปี ระโยชนต์ นเอง ค. การควบคุมจะตอ้ งสามารถเข้าใจง่าย ง. การควบคมุ ตอ้ งบงั คบั ได้ 4. QCC ยอ่ มาจากอะไร ก. Quality Control Circle ข. Quality Control Check ค. Quality Control Company ง. Quality Control Correspondence 5. ข้อใดคอื กระบวนการในการควบคมุ ขัน้ ตอนแรก ก. การวัดผลงาน ข. การกาหนดมาตรฐาน ค. การพจิ ารณาวัตถปุ ระสงค์ ง. การกาหนดแนวทางในการตดิ ตามผลงาน 6. ข้อใดกล่าวผดิ เก่ยี วกับการควบคุม ก. เนน้ การกระทา ข. ข้อมลู เปน็ สิง่ ทจ่ี าเป็น ค. นักบริหารไม่มีหน้าทีเ่ กี่ยวกบั การระบุปัญหา ง. สามารถเผชญิ หน้ากบั สถานการณไ์ ด้มอี ย่างหลกั การ หลกั การจัดการ 3200-1002
7. กระบวนการในการควบคุมมกี ีข่ ั้นตอน 294 ก. 3 ขัน้ ตอน ข. 5 ข้นั ตอน 3200-1002 ค. 7 ขัน้ ตอน ง. 9 ขนั้ ตอน 8. การควบคุมการบรหิ ารสานกั งาน คือขอ้ ใด ก. การควบคมุ โดยรวม ข. การควบคมุ เฉพาะด้าน ค. การควบคมุ ภายในงาน ง. การควบคมุ ตามหน้าทงี่ าน 9. การควบคมุ คุณภาพทางสถติ ศิ าสตร์ ได้แกข่ ้อใด ก. ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ข. ค่าร้อยละ ค. คา่ เฉลยี่ ง. ถกู ทกุ ข้อ 10. ระบบงบประมาณ ZBB (Zero-Base Budgeting) หมายถึงข้อใด ก. งบประมาณฐานศูนย์ ข. งบประมาณทีค่ านงึ ถงึ รายได้ ค. งบประมาณทค่ี านึงถงึ รายจ่าย ง. งบประมาณทไ่ี ดจ้ ดั ทาไว้กอ่ นแลว้ 11. Foreman หมายถงึ ขอ้ ใด ก. ผู้บรหิ ารระดบั ลา่ ง ข. รองผจู้ ัดการฝ่าย ค. หวั หนา้ งาน ง. หวั หน้าฝา่ ย 12. ข้อใดทไ่ี มใ่ ช่ลกั ษณะของการควบคุม ก. การกากับดแู ลงาน ข. เป็นการประสานงานในการปฏบิ ตั ิงาน ค. แก้ไขและขจัดปัญหาในการปฏบิ ัติงาน ง. การดแู ลการปฏิบตั ิให้เปน็ ไปตามกระบวนการทก่ี าหนดไว้ 13. การดาเนนิ การแกไ้ ขตรงกบั ขอ้ ใด ก. Correcting ข. Measuring ค. Objectives ง. Standards หลักการจัดการ
295 14. การควบคุมดา้ นงบประมาณเปน็ เครอื่ งมือในการควบคุมชนิดหนึง่ ท่เี กย่ี วข้องกบั เร่อื งใดมากทีส่ ดุ ก. มาตรฐาน ISO ข. การบริหารโดยตรง ค. การกาหนดราคาสินค้า ง. งบการเงนิ 15. กระบวนการในการควบคมุ มีหลายขน้ั ตอน ยกเว้นข้อใด ก. การพจิ ารณาวัตถปุ ระสงค์ ข. การกาหนดมาตรฐาน ค. การวดั ผลงาน ง. บดิ เบอื นการรายงาน 16. งานทตี่ อ้ งใช้ทกั ษะในการปฏบิ ัตงิ าน ควรเลือกใช้วธิ กี ารควบคุมตามขอ้ ใด ก. การควบคมุ ดา้ นเวลา ข. การควบคมุ ปรมิ าณของงาน ค. การควบคมุ คุณภาพของงาน ง. การควบคมุ ดา้ นค่าใช้จ่ายของงาน 17. การควบคุมดา้ นเวลาควรใช้เคร่ืองมอื ชนดิ ใด ก. แผนภมู แิ กนท์ ข. แผนภูมิก้างปลา ค. แผนภูมแิ ทง่ ง. แผนภมู ิวงกลม 18. ข้อใดคอื จากดั ในการควบคมุ ก.ใหผ้ ลในระยะยาว ข. มีประโยชน์ตอ่ ผบู้ รหิ าร ค. เพอื่ เป็นขอ้ มูลในการใหร้ างวัล ง. ต้องใช้เวลามากและมคี ่าใช้จา่ ยสูง 19. การควบคมุ งานทต่ี อ้ งคานึงถึงจานวนของผลผลิตเปน็ สาคัญ หมายถงึ การควบคมุ ข้อใด ก. ดา้ นค่าใช้จ่าย ข. ด้านคณุ ภาพงาน ค. ดา้ นการปฏิบตั งิ าน ง. ด้านปรมิ าณของงาน 20. การควบคมุ งานในขอ้ ใดทส่ี ามารถชว่ ยสร้างขวัญและกาลงั ใจให้กับผู้ปฏบิ ัตงิ านได้ ก. การควบคมุ โดยงบประมาณ ข. การควบคมุ โดยการตรวจเยยี่ ม ค. การควบคมุ โดยการเรยี งลาดบั ผลงาน ง. การควบคุมโดยกาหนดมาตรฐานของงาน หลกั การจัดการ 3200-1002
296 หลกั การจัดการ 3200-1002
297 ระบบขอ้ เสนอแนะ ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ กิจกรรม 5 ส ความสาคญั และประโยชน์ เทคโนโลยีการบรกิ าร ของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีการผลติ องคป์ ระกอบของระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ คณุ ลกั ษณะท่ีดีของระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ การนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใชใ้ นการจดั การ การนาอนิ เทอรเ์ นต็ มาประยกุ ตใ์ ชง้ าน หลกั การจดั การ 3200-1002
298 หน่วยที่ 8 การนาเทคโนโลยใี หมๆ่ มาใชใ้ นการ จดั การ สาระสาคัญ การจัดการในปัจจุบันน้ีมีการนาเทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ ๆ มาใช้ในการบริหารงาน เพ่ือให้งานมีประสิทธิภาพและองค์การประสบผลสาเร็จตามท่ีตั้งใจไว้ เทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ ๆ ท่ี องค์การนิยมนามาประยุกต์ใช้มีดังน้ี ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ เทคโนโลยีการผลิต เทคโนโลยีการบริการ กิจกรรม 5 ส ระบบข้อเสนอแนะ ซึ่งองค์การธุรกิจตา่ ง ๆ หรือส่วนราชการใน ปัจจบุ ันจะต้องหาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ การจัดการใหม่ ๆ มาใชเ้ สมอ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ความสาคญั และประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. องคป์ ระกอบของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. คุณลกั ษณะทด่ี ีของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 5. การนาระบบสารสนเทศมาใชใ้ นการจัดการ 6. การนาอนิ เทอรเ์ น็ตมาประยุกต์ใชง้ าน 7. เทคโนโลยกี ารผลิต 8. เทคโนโลยีการบรกิ าร 9. กิจกรรม 5 ส. 10. ระบบข้อเสนอแนะ หลักการจดั การ 3200-1002
299 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงค์ท่ัวไป เพื่อให้ความรเู้ ก่ียวกบั การนาเทคโนโลยสี มยั ใหม่มาใชใ้ นดา้ นการจดั การ ในยุค ปจั จุบัน ซ่งึ มเี ทคโนโลยีใหม่ ๆ เกดิ ข้ึนจานวนมาก จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เม่ือศกึ ษาหนว่ ยท่ี 8 จบแลว้ ผูเ้ รยี นสามารถ 1. อธิบายความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศได้ 2. บอกความสาคญั และประโยชนข์ องเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 3. บอกองค์ประกอบของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 4. บอกคุณลักษณะทด่ี ขี องระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 5. อธิบายวิธกี ารนาระบบสารสนเทศมาใชใ้ นการจัดการได้ 6. อธบิ ายการนาอินเทอรเ์ น็ตมาประยกุ ตใ์ ชง้ านได้ 7. อธบิ ายเกย่ี วกับเทคโนโลยีการผลิตได้ 8. อธบิ ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีการบริการได้ 9. อธิบายกิจกรรม 5 ส. ได้ 10. อธบิ ายระบบขอ้ เสนอแนะได้ 11. สามารถนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาใช้ในการจดั การไดอ้ ยา่ งเหมาะสม หลักการจัดการ 3200-1002
300 หน่วยท่ี 8 การนาเทคโนโลยีและเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใช้ในการจัดการ ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ คาว่าเทคโนโลยสี ารสนเทศ เปน็ การผสมผสานของคาหลาย ๆ คา ดังน้ี พนิตพร กลางประพันธ์ (2552 : 218) ให้ความหมายว่า เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง การนาเอาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาพัฒนาความรู้ใหม่ เพ่ือนามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ อกี ได้ พนิตพร กลางประพันธ์ (2552 : 218) ให้ความหมายว่า สารสนเทศ (Information) หมายถงึ ข้อมูลขา่ วสาร ความรสู้ ึกต่าง ๆ ท่จี ะบันทกึ ไว้อย่างเปน็ ระบบ นอกจากนี้มีนักวิชาการสรุปความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศไว้หลายท่านด้วยกัน เชน่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี (อ้างถึงใน พนิตพร กลางประพันธ์. 2552 : 2) ให้ความหมายว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการจัดการในการดาเนินงาน สารสนเทศ หรือสารนิเทศในข้ันตอนต่าง ๆ ตงั้ แต่ การแสวงหา การวิเคราะห์ การจัดเก็บ การจัดการและ การเผยแพร่ เพ่ือเพิ่มประประสิทธิภาพ ความถูกต้อง ความแม่นยา และความรวดเร็ว ต่อการ นามาใช้ประโยชน์ สานติ ย์ อสั เมธวี ีวงศ์ (2546 : 2 อา้ งถงึ ใน พนิตพร กลางประพนั ธ.์ 2552 : 2) ให้ความหมายวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีท่ีประกอบด้วยระบบจัดเก็บและประมวล ข้อมูล ระบบส่ือสารโทรคมนาคม และการสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านสารสนเทศที่มี การวางแผน จดั การและใชง้ านรว่ มกันอยา่ งมีประสิทธิภาพ วโิ รจน์ ชยั มลู (2548 : 198 อ้างถึงใน พนิตพร กลางประพนั ธ.์ 2552 : 2) ใหค้ วามหมาย ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มาจัดการสารสนเทศ ท่ีต้องการ โดยอาศัยเคร่ืองมือทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีการส่ือสาร เทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ โดยอาศัยกระบวนการดาเนินงานเป็นระบบ รวมถึงมีการเผยแพร่ แลกเปลี่ยน หรือเพ่มิ ประสทิ ธิภาพความตอ้ งการ ความแมน่ ยา และความรวดเรว็ ทีท่ นั ต่อการนามาใช้ประโยชน์ สรุปได้ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หมายถึง กระบวนการ ดาเนินการโดยการใชเ้ ทคโนโลยีเข้ามาประยุกตใ์ ช้ในการจัดการระบบข้อมูลสารสนเทศ ในทุกข้ันตอน ต้ังแต่การแสวงหา การวิเคราะห์ และการจัดเก็บข้อมูล เพื่อใช้ประโยชน์ในการแลกเปล่ียนและ เผยแพร่ข้อมลู อยา่ งมีประสิทธิภาพ หลักการจดั การ 3200-1002
301 ความสาคญั และประโยชนข์ องเทคโนโลยีสารสนเทศ ในปจั จบุ นั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามามบี ทบาทในด้านการบรหิ ารจดั การใน องค์การทางธรุ กจิ ซงึ่ มีความสาคญั และเปน็ ประโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ ดงั นี้ 1. ใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ต่าง ๆ ไวอ้ ยา่ งเป็นระบบ 2. เพ่ิมประสิทธิภาพ ในการจัดเก็บข้อมลู ทีม่ ีความยุ่งยากซบั ซ้อน 3. ทาใหก้ ารสอ่ื สารระหวา่ งกันเปน็ ไปอย่างรวดเรว็ ลดระยะเวลาในการสื่อสาร 4. ให้ขอ้ มูลสารสนเทศในการตัดสนิ ใจของฝา่ ยบรหิ ารในการจัดการ 5. ทาให้การจดั เก็บขอ้ มูลและเรียกใชข้ อ้ มลู อยา่ งเปน็ ระบบ 6. ใช้เพ่อื การวางแผน และตั้งเป้าหมายตามที่ได้คาดการณ์ไว้ 7. ใช้พิจารณาผลการดาเนินงานที่เกิดข้ึนจริงว่ามีความคลาดเคล่ือน หรือเบี่ยงเบนจาก เป้าหมายท่กี าหนดไว้หรือไม่ และหากมีจะมากน้อยเพียงใด 8. ใชป้ ระโยชนใ์ นการคน้ หาสาเหตขุ องความคลาดเคลือ่ นหรอื เบ่ยี งเบนที่เกิดข้ึนได้ 9. ใช้ในการวิเคราะห์ส่ิงท่ีเกิดขึ้นเพ่ือหาหนทางควบคุม และแก้ไขเหตุการณ์หรือสิ่งที่ เป็นปัญหา เพ่อื ใหส้ ามารถดาเนนิ การจดั การใหเ้ ป็นไปตามเป้าหมายทกี่ าหนดไว้ได้ องคป์ ระกอบของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information System) เป็นระบบท่ีจะต้องนาองค์ประกอบ ของระบบมาใช้ในการรวบรวม บันทึก ประมวลผล และเผยแพร่ข้อมูลเพ่ือใช้ในการวางแผน ควบคุม การจดั การ เพือ่ สนบั สนุนการตัดสินใจในกรณตี ่าง ๆ องค์ประกอบที่สาคัญของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ได้แก่ 1. การนาข้อมูลเข้าสู่ระบบ (Input) คือ การนาข้อมูลในด้านต่าง ๆ บุคลากร เข้า ปอ้ นขอ้ มูลสูร่ ะบบการประมวลผล เพือ่ นาไปใชป้ ระโยชน์ 2. กระบวนการประมวลผล (Process) คอื การนาทรพั ยากรทไ่ี ด้มาเขา้ สูก่ ระบวนการ ปรับเปล่ียน โดยใช้เคร่ืองมือด้านเทคโนโลยีช่วยการประมวลผล เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เครื่องจักรอตั โนมัติ เป็นตน้ เพือ่ นาผลทไี่ ดใ้ ชป้ ระกอบการตัดสนิ ใจ 3. ผลลัพธ์ (Output) คือ ผลท่ีได้จากการประมวลผลอาจจะอยู่ในรูปเล่มเอกสาร หรอื รายงานตา่ ง ๆ 4. ผลยอ้ นกลบั (Feedback) คือ สงิ่ ท่ีไดร้ ับจากผลลัพธท์ ่แี สดงออกมาว่าดีหรือไม่ กบั สิ่งที่นาเขา้ สู่กระบวนการประมวลผล หลักการจดั การ 3200-1002
302 Input Process Output Feedback ภาพท่ี 8.1 องคป์ ระกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ทมี่ า: พนติ พร กลางประพันธ.์ 2552 : 220. คุณลักษณะท่ดี ขี องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีดีสามารถช่วยให้ผู้บริหารนาไปใช้ในการตัดสินใจบริหาร จัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพได้มากข้ึน ซ่ึงคุณลักษณะของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดี (ศรีไพร ศักด์ิรุ่งพงศ์กลุ . 2547 : 153 – 154) มดี งั น้ี 1. มีความสมบูรณ์ครบถ้วน (Complete) คือ จะต้องมีข้อมูลในระบบท่ีเป็นข้อเท็จจริง ทีน่ าไปใชใ้ นการประมวลผล โดยมีรายละเอยี ดท่ีถูกต้องครบถว้ น 2. มีความถูกต้องแม่นยา (Accurate) คือ การนาข้อมูลเข้าประมวลผลจะต้องมีความ ชัดเจน ถกู ตอ้ ง ตรงตามความเปน็ จรงิ 3. เข้าใจง่าย (Simple) คือ ระบบสารสนเทศจะต้องเข้าใจได้ง่าย ไม่ซ้าซ้อน ไม่แสดง รายละเอียดมากเกนิ ไป 4. ทันต่อเวลา (Timely) คือ ข้อมูลจะต้องทันสมัย รวดเร็วทันต่อเวลาท่ีจะใช้งานตาม ความต้องการของผบู้ ริหาร 5. มีความน่าเชื่อถือ (Reliable) คือ ข้อมูลที่นามาใช้มีความถูกต้อง แม่นยา จะสร้าง ความน่าเชอ่ื ถือตอ่ องค์การ 6. คุ้มราคา (Economical) คือ จะต้องมีความประหยัด และเหมาะสมกับราคาในการ ใช้ประโยชนข์ องสารสนเทศนน้ั 7. ตรวจสอบได้ (Verifiable) คือ ผู้ท่ีนาไปใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลเพ่ือความ ม่นั ใจว่ามีความถกู ตอ้ ง สามารถนาไปใชใ้ นการตัดสนิ ใจเพื่อการเปรียบเทยี บได้ 8. ตรงกับความต้องการ (Relevant) คือ มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และสนอง ต่อความตอ้ งการของผใู้ ชเ้ พื่อประกอบการตัดสินใจ หลักการจดั การ 3200-1002
303 9. สะดวกต่อการเข้าถึง (Accessible) คือ จะต้องมีความง่ายและสะดวกในการเข้าถึง ข้อมลู ตามสิทธขิ องผใู้ ช้ เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มูลทถ่ี กู ต้องตามรปู แบบและทนั เวลา 10. มีความปลอดภัย (Secure) คือ จะต้องเป็นระบบท่ีมีความปลอดภัยจากผู้ท่ีไม่มี สทิ ธิเข้าถงึ ข้อมลู สารสนเทศน้นั การนาระบบสารสนเทศมาใช้ในการจัดการ ในปจั จุบนั การบริหารงานในองคก์ ารธุรกจิ มีความจาเป็นอย่างยงิ่ ท่ีจะต้องดาเนินการใน การนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ โดยเฉพาะในเร่ือง การเก็บข้อมูลไว้เพ่ือนาไปใช้การวางแผนธุรกิจใน อนาคต จึงมีการนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเก็บข้อมูลท่ีพร้อมจะใช้งาน ซ่ึงเราเรียกว่า “ระบบ สารสนเทศเพอื่ การจัดการ” ผู้เชี่ยวชาญเปน็ จานวนมากไดใ้ ห้ความเห็นในทานองเดียวกันว่า เทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็น สาเหตุที่ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงอย่างมากมายในแนวทางท่ีจะควบคุม ดูแลหรือใช้ประโยชน์จาก สารสนเทศต่าง ๆ ในองค์การซึ่งสามารถเห็นได้จากในปัจจุบันน้ีท่ีมีการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) กันอย่างแพร่หลายในองค์การตา่ ง ๆ และน่ันย่อมหมายถึงว่าผู้จัดการขององค์การต่าง ๆ มีโอกาสมากขึ้นที่จะได้สารสนเทศที่ดีในปริมาณที่สูงข้ึนมาไว้ในมือ ซ่ึงสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ จึง เป็นเรื่องท่ีจาเป็นอย่างย่ิงท่ีผู้จัดการจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการใช้และคุณลักษณะของ ระบบสารสนเทศท่ีใช้คอมพิวเตอร์เป็นฐานในการจัดระบบ เพ่ือช่วยเพ่ิมโอกาสท่ีจะได้สารสนเทศ ทางการจดั การท่ีดีมาใชป้ ระโยชน์สบื ไป การที่ต้องมีการนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการจัดการ โดยเฉพาะการนาคอมพิวเตอร์มา ประยุกต์ใช้กับงานระบบสารสนเทศน้ัน ก็เน่ืองมาจากในยุคปัจจุบันธุรกิจมีการแข่งขันกันสูงและ รุนแรง ดังน้ันผู้บริหารจึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมีสารสนเทศท่ีถูกต้องและมาถึงมือของ ผู้บริหารได้ทันในเวลาท่ีเหมาะสม สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้ทันท่วงที และได้เปรียบคู่แข่งขัน แตป่ ัญหาที่บริหารส่วนใหญ่ไดพ้ บก็คือการมีข้อมูลอยู่ในปริมาณท่ีมากมายจน เกินกว่าท่ีจะนามาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ซ่ึงจากความไม่มีระเบียบของข้อมูลข่าวสารที่มีปริมาณ มากมายน้ีเอง ทาให้ต้องหาเคร่ืองมือมาช่วยในการจัดการกับข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์ โดย นามาใชเ้ ปน็ ระบบที่จะประมวลผลข้อมูล เพอ่ื ใช้ประโยชน์ในงานการจัดการธรุ กิจ ซึ่งระบบดังกล่าวเป็น เพยี งการขยายขอบข่ายงานของระบบประมวลผลขอ้ มลู โดยทว่ั ๆ ไปนน่ั เอง พ้ืนฐานของระบบสารสนเทศ เพื่อให้มีความเข้าใจในเร่ืองระบบสารสนเทศมากข้ึนควรจะมีความเข้าใจถึงพ้ืนฐานของ ระบบสารสนเทศก่อนพอสังเขป กล่าวคือ ในระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นฐานนั้น จะ ประกอบไปดว้ ยข้อมูล 2 ประเภท คือ หลักการจดั การ 3200-1002
304 1.ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อมูลดิบหรือข้อเท็จจริงท่ีเกิดขึ้น และยังไม่ผ่านการวิเคราะห์ หรือประมวลผล อันเป็นข้อมูลท่ีจะสามารถนาไปใช้ประโยชน์ในทางการจัดการได้ไม่มากนักและ มกั จะไมต่ รงกบั ความตอ้ งการทจ่ี ะนาไปใชป้ ระโยชน์ประกอบการพจิ ารณาตดั สนิ ใจอกี ด้วย 2. สารสนเทศ (Information) หมายถึงข้อมูล (Data) ที่ไดผ้ ่านการวเิ คราะห์หรอื ผา่ นกระบวนการ จัดรูปแบบที่เหมาะสม และสามารถให้หรือแปลเป็นความหมายนาไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจใน เร่อื งการบรหิ ารต่าง ๆ ได้ ตรงตามความต้องการของผู้ทีจ่ ะนาสารสนเทศไปใช้ในการตัดสินใจ การใช้คอมพิวเตอร์มาเป็นฐานในการจัดการระบบสารสนเทศนั้น สามารถเรียกได้ หลากหลายชือ่ แตกตา่ งกันออกไปในแต่ละองค์การ เช่น ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ (Management Information Systems) ระบบสารสนเทศ (Information Systems) หรือหน่วยสารสนเทศ (Information Services) แต่อย่างไรก็ตามในการใช้คอมพิวเตอร์เป็นฐานในการจัดการระบบ สารสนเทศนน้ั กล่าวโดยสรปุ ก็คอื เปน็ กระบวนการในการประมวลผลข้อมลู โดยใชอ้ ปุ กรณอ์ ิเล็กทรอนิค (Electronic Data Processing = EDP) น่ันเอง ซ่ึงหมายถึง กระบวนการในการแปลงสภาพของ ข้อมูลจากข้อมูลดิบหรือข้อเท็จจริงท่ีเกิดข้ึน ซ่ึงยังไม่ได้ให้ความหมายอันใดให้กลายเป็นข้อมูลท่ีเรียกว่า สารสนเทศ ซึ่งมีหรือให้ความหมายสามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ตามท่ีผู้ใช้ต้องการโดยผ่านวิธีการหรือ กระบวนการทางอิเล็กทรอนิค ทั้งนี้เน่ืองจากคอมพิวเตอร์น้ันเป็นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิคอย่างหนึ่ง ซึง่ ในทนี่ ้จี ะเรียกวา่ ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ กระบวนการในการจดั ทาสารสนเทศ การจัดทาระบบสารสนเทศภายในองค์การ มีวิธีการและแนวทางในการจัดเก็บได้หลากหลาย วิธีการด้วยกนั ซึง่ ถา้ มองในเชิงระบบแล้ว สามารถแสดงไดด้ ังนี้ INPUT TRANSFORMATION OUTPUT DaDtaata PPrroocceesssisnign Reports, g Documents Data Storage Feedback (Controls) ภาพท่ี 8.2 กระบวนการในการจดั ทาสารสนเทศ ที่มา : Bartol and Martin. 1944 : 594 อา้ งถงึ ใน สิทธชิ ยั อุยตระกลู . 2540 : 238. หลกั การจดั การ 3200-1002
305 จากภาพท่ี 8.2 ในระบบสารสนเทศเริ่มจากการนาเอาข้อมลู (Data) ซ่งึ เป็นปจั จยั นาเข้า (Input) เข้าไปสู่กระบวนการแปลงสภาพ (Transformation or Processing) ซ่ึงกระบวนการในการ แปลงสภาพข้อมูลน้ี อาจทาได้หลายรูปแบบในการที่จะดาเนินการหรือวิเคราะห์วิจัยข้อมูล เช่น การจัดแยก ข้อมูล การจัดเรียงลาดบั การคานวณหรือการสรุปข้อมูล เป็นต้น นอกจากน้ีในระบบของกระบวนการ จัดทาสารสนเทศนี้จะต้องมีการจัดทาคลังเก็บข้อมูล (Data Storage) โดยเฉพาะข้อมูลพ้นื ฐานต่าง ๆ ที่สาคัญเอาไว้อีกด้วย ซึ่งการจัดเก็บข้อมูลในคลังข้อมูลจะต้องจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ เพ่ือให้ สามารถนาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายและเป็นไปอย่างเหมาะสม โดยใช้ประกอบไปกับข้อมูลท่ีจะ นามาใส่เข้าในระบบเป็นปัจจัยนาเข้า และเม่ือได้ดาเนินการกับข้อมูลปัจจัยนาเข้าตามกระบวนการแปลง สภาพข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ก็จะได้ออกมาเป็นสารสนเทศ หรือผลลัพธ์ (Output) ซ่ึงอาจอยู่ในรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น รายงาน เอกสาร ฯลฯ อันเป็นสารสนเทศที่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของผู้ที่ จะนาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจได้ต่อไป และสาหรับการควบคุมหรือข้อมูลป้อนกลับ (Feedback or Control) น้ัน หมายถึงวิธีการหรือแนวทางการป้องกันต่าง ๆ ท่ีจะนามาใช้ เพื่อให้ แน่ใจได้ว่าผลลัพธ์ท่ีได้ออกมานั้นมีความเหมาะสม และสามารถตอบสนองต่อความต้องการหรือ วัตถุประสงค์ของผู้ใช้งานสารสนเทศ นอกจากนี้วิธีการหรือแนวทางในการป้องกันน้ีจะต้องช่วยให้ สามารถตรวจสอบได้ว่าสว่ นต่าง ๆ ภายในระบบท้ังในแงข่ อ้ มูลหรอื กระบวนการมคี วามถูกต้องและแม่นยา จากท่ีกล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ คือ กระบวนการ ข้ันตอนต่าง ๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวม ดาเนินการ จัดเก็บ และเผยแพร่สารสนเทศ เพื่อ สนับสนุนการวางแผน การตดั สินใจ การประสานงาน และการควบคุม ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ที่สาคัญ ใน กระบวนการจัดการ จุดประสงค์หลักของระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ อยู่ท่ีการดาเนินการอย่างมี ประสิทธิภาพในด้านการตลาด การผลิต การเงิน และส่วนงานอ่ืน ๆ โดยใช้และจัดเก็บข้อมูลลงใน ฐานข้อมูล ซ่ึงโดยข้อเท็จจริงแล้ว ระบบสารสนเทศก็ไม่จาเปน็ ตอ้ งใช้ระบบคอมพวิ เตอร์มาช่วยในงาน การจัดการเสมอไป แต่การใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาช่วยจะทาให้การดาเนินงานต่าง ๆ ในระบบมี ความง่ายข้ึน ดังน้ันระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่ใชค้ อมพิวเตอร์เป็นฐาน ก็คือระบบสารสนเทศ ที่มกี ารใชเ้ ทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เขา้ ไปเกย่ี วข้องนั่นเอง คณุ สมบัตขิ องข้อมูลท่ีดี ข้อมูล (Data) ที่ดีจะนามาใช้ในการประมวลผล เพ่ือให้เกิดสารสนเทศท่ีดี จะต้องมีคุณสมบัติ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ถูกต้องเช่ือถือได้ (Accuracy) จะต้องเป็นข้อมูลที่มีความถูกต้อง ปราศจากความคลาดเคลื่อน หรือความผิดพลาดใด ๆ ของข้อมูล ท้ังนี้การวัดความถูกต้องและความน่าเช่ือถือนั้นจะต้องพิจารณา โดยนาเรอ่ื งของเวลา และมูลค่าของงานทเี่ กี่ยวข้องมาประกอบด้วย 2. ทันเวลา (Timeliness) ข้อมูลที่ดีจะต้องทันกับเหตุการณ์ท่ีต้องการใช้ประโยชน์ หากได้ข้อมูล มาชา้ หรอื เร็วกวา่ เวลาทตี่ ้องการจะใช้ประโยชนย์ อ่ มลดนอ้ ยลงไป 3. ความเกี่ยวข้องของข้อมูลกับงาน (Relevance) ข้อมูลท่ีจะเป็นประโยชน์นั้นจะต้อง เก่ียวขอ้ งหรือมคี วามสัมพนั ธโ์ ดยตรงกบั งานที่ต้องการใช้ขอ้ มูลนัน้ ๆ หลักการจดั การ 3200-1002
306 4. สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable) ในบางครั้งข้อมูลชนิดเดยี วกันอาจได้มาจากแหล่งข้อมูลได้ มากกวา่ หนึ่งแหล่ง ดังนั้นข้อมูลท่ีมาจากต่างแหล่งกันน้ัน ควรจะตรงกัน จึงจะเช่ือถือไดว้ ่าเป็นข้อมูล ทถ่ี กู ต้อง ในการจัดทาระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการนี้ ข้อมูลที่มีคุณสมบัติท่ีดี นับว่าเป็นปัจจัยนาเข้า ของระบบที่สาคัญมาก เพราะถ้าข้อมูลที่นาเข้าระบบเป็นข้อมูลท่ีไม่ดีแล้วสารสนเทศซ่ึงเป็นผลลัพธ์ท่ี ได้ออกมาก็ย่อมไม่สามารถนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงได้ นอกจากนี้อาจก่อให้เกิดผลเสียหายจาก การที่ตัดสินใจผิดพลาด เน่ืองจากสารสนเทศท่ีนาไปใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจ เป็นสารสนเทศที่ไม่ ถูกตอ้ งอกี ดว้ ย องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศเพอื่ การจดั การโดยใชค้ อมพวิ เตอร์เปน็ ฐาน ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการจะต้องมีขีดความสามารถในการรวบรวมและประมวลผลสรุป ข้อมูลท่ีมรี ายละเอียดต่าง ๆ เพ่ือท่ีจะแปลงสภาพขอ้ มลู เหล่าน้ันให้กลายเปน็ สารสนเทศให้กบั ผบู้ ริหาร ดังนั้น เพ่ือท่ีจะทาให้ระบบสารสนเทศดังกล่าวน้ีมีขีดความสามารถดังที่ได้กล่าวมา จาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องมี เครอื่ งมอื และอุปกรณซ์ ง่ึ เป็นองค์ประกอบทส่ี าคัญของระบบสารสนเทศดังต่อไปนี้ 1. ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีจะใช้ในการจัดการระบบสารสนเทศ ประกอบไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ดังน้ี คือ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อปุ กรณ์ทางกายภาพของคอมพิวเตอร์หรือตวั เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ และอปุ กรณ์ทจ่ี าเป็นอนั เป็นส่วนประกอบท่ีต้องใชใ้ นการประมวลผลของคอมพวิ เตอร์ ภาพท่ี 8.3 อปุ กรณฮ์ ารด์ แวร์คอมพิวเตอร์ ทมี่ า: สุนยี ์ แสงสวุ รรณ. 2554. หลักการจดั การ 3200-1002
307 ซอฟท์แวร์ (Software) คือ โปรแกรมที่ใช้ในการรวบรวมและประมวลผลสรุปข้อมูล ซึ่งมักจะได้แก่ โปรแกรมท่ีเรียกกันว่า DBMS หรือ Database Management System ซ่ึงจะเป็นส่ิง ท่ีทาหน้าท่ีประสานโปรแกรมประยุกต์ในการใช้งานต่าง ๆ (Application Programs) และกลุ่มของ แฟ้มข้อมูล (Files) เข้าด้วยกันทาให้ระบบงานต่าง ๆ เรียกใช้ข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลเดียวกันได้หรือ รวบรวมข้อมลู ทีเ่ ก่ยี วข้องกนั จากแฟ้มขอ้ มูลอืน่ ๆ เข้ามาเปน็ แฟม้ ขอ้ มูลเดยี วกัน ภาพที่ 8.4 โปรแกรมชุดสาเร็จรปู เรียกวา่ “ซอฟทแ์ วร”์ ที่มา: สนุ ีย์ แสงสวุ รรณ. 2554. ฐานข้อมูล (Database) เป็นกลุ่มของข้อมูลที่ได้รับการจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ และเก็บไว้อย่างดี มีประสิทธิภาพพร้อมท่ีจะนาข้ึนมาใชป้ ระโยชน์ได้ทันที ในสถานที่ท่ีได้มีการจัดไว้เป็น ศูนย์กลางในการจัดเก็บ โดยกลุ่มของข้อมูลเหล่าน้ีต้องมีความพร้อมท่ีจะนามาใช้สนับสนุนความ ต้องการสารสนเทศในดา้ นต่าง ๆ ของผ้บู รหิ ารได้เป็นอย่างดี ฐานข้อมูลนับได้ว่าเป็นหัวใจของระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ ข้อมูลที่ดีนอกจาก จะต้องมีความเช่ือถือได้แล้ว จะต้องได้รับการจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบที่ดี สามารถเรียกใช้ได้ง่าย รวดเร็ว และไมซ่ า้ ซอ้ น หลักการจดั การ 3200-1002
308 ข้อมูล ระบบ ระบบ รายวชิ า นักศกึ ษา จดั การ ลงทะเบยี น สลิปเงนิ เดอื น ฐานข้อมลู ข้อมูลรายวชิ า เรีรนย ข้อมูลครู ระบบ เงนิ เดอื น คาอธิบาย ข้อมูล ภาพท่ี 8.5 ฐานข้อมลู ทมี่ า: วิทยาลยั อาชีวศึกษานครศรธี รรมราช. 2553. 2. วิธีการหรือขั้นตอนในการประมวลผลข้อมลู ได้แก่ ลาดบั ข้ันของการประมวลผลข้อมลู ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ในการสร้างสารสนเทศท่ีต้องการโดยปกติการประมวลผลข้อมูลภายใน เคร่ืองคอมพิวเตอร์นั้น จะกระทาอยู่ภายในหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit หรือ CPU) ซ่ึงเป็นหน่วยความจาหลักและเป็นส่วนที่ใช้ในการทาหน้าที่ประมวลผลข้อมูลของระบบ คอมพิวเตอร์ 3. การแสดงผลลัพธ์ ผลลัพธ์ท่ีได้จากระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการนั้น จะต้องสามารถ เรียกใช้งานหรือแสดงผลลัพธ์ออกมาได้อย่างรวดเร็วในรูปแบบต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ดีผลลัพธ์มักจะ ออกมาอยู่ในรูปของรายงานแบบต่าง ๆ ซ่ึงโดยทั่วไปแล้ว รายงานท่ีมีการใช้กันอยู่นั้นมี 4 ประเภท คือ 3.1 Schedule Reports ได้แก่ รายงานที่จัดทาข้ึนแจกจ่ายภายในหน่วยงานอยู่ เป็นประจา อาจจะเป็นประจาวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนก็ได้ รายงานประเภทนี้ประกอบด้วย ข่าวสารมากมาย ซ่ึงอาจจะเกินความต้องการที่จะใช้ช่วยในการตัดสินใจ และโดยเฉพาะในปัจจุบัน ผู้บริหารสามารถขอดูรายงานจากจอภาพของคอมพิวเตอร์ได้ทันที ซึ่งสามารถระบุเฉพาะสิ่งที่อยาก ทราบได้ รายงานประเภทน้ีจึงลดความสาคญั ลงไป หลกั การจดั การ 3200-1002
309 3.2 Demand Reports คือ รายงานท่ีทาข้ึนตามที่ผู้บรหิ ารสง่ั จึงประกอบด้วย ข้อมูลที่ผู้บริหารต้องการจะทราบ ในสมัยก่อนท่ียังไม่มีเคร่ืองคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย การเตรียมรายงาน ประเภทนี้มักใช้เวลานานพอสมควร แต่ในปัจจุบันผู้บริหารสามารถใช้คอมพิวเตอร์ช่วย โดยให้แสดงถึง สารสนเทศท่ีอยากจะทราบได้ทันที ยกเว้นเพียงแต่เฉพาะในกรณีที่ไม่มีข้อมูลท่ีผู้บริหารต้องการจะทราบ บนั ทึกไวอ้ ยูใ่ นแฟม้ ข้อมูลของคอมพวิ เตอร์เท่านน้ั 3.3 Expection Reports เป็นรายงานที่จัดทาข้ึน เมื่อเกิดปัญหาเฉพาะด้านใดด้าน หน่ึง ซึ่งไม่ได้มีการคาดคิดมาก่อน เพ่ือเสนอให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาท่ีเกิดข้ึนเฉพาะหน้า เพื่อจะ ไดห้ าหนทางแก้ไขตอ่ ไป 3.4 Predictive Reports เป็นรายงานท่ีมีประโยชน์มากในการวางแผนเพื่อตัดสินใจ เพราะจะประกอบดว้ ยผลลัพธท์ ี่ไดจ้ ากการวเิ คราะห์เชิงสถิติ เช่น การวิเคราะห์เชิงถดถอย อนุกรม เวลา ฯลฯ รายงานประเภทน้ีจะช่วยผู้บริหารตอบปัญหาในลักษณะอะไรจะเกิดข้ึน ถ้าเช่นอะไร จะเกิดขึ้นถ้ายอดขายเพ่มิ ขึ้นจากเดิมและจะมีผลกระทบถึงกาไรมากน้อยเพียงใด เปน็ ตน้ ข้อมูลในอดีต จะสาคัญมากสาหรับรายงานแบบน้ี เนื่องจากจาเป็นต้องใช้ในการวิเคราะห์ในโมเดลเชิงสถิติต่าง ๆ เพือ่ ให้ได้ผลลพั ธ์เสนอในรายงาน ความต้องการสารสนเทศของผบู้ รหิ ารแตล่ ะระดบั ในการดาเนินการจัดการของผู้บริหารในทุกระดับ จาเป็นท่ีจะต้องมีการตัดสินใจเกิดขึ้น อยู่ เสมอ ซึ่งการตดั สนิ ใจในแต่ละระดบั จะมีความแตกต่างกัน โดยแบง่ ออกได้ 3 ระดบั คอื 1. Strategic Decisions การตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง จะมุ่งเน้นไปในเรื่องของอนาคต หรือส่ิงท่ียังไม่เกิดข้ึน โดยจะเก่ียวข้องกับความไม่แน่นอน มักจะเป็นการกาหนดหรือตั้งเป้าหมายไว้ ในอนาคต เช่น การกาหนดทีต่ ้ังโรงงาน แหล่งเงนิ ทนุ และการตัดสนิ ใจเกยี่ วกับประเภทสนิ ค้าที่จะ ผลิต เปน็ ต้น 2. Tactical Decisions การตัดสินใจระดับกลาง เป็นการตัดสินใจเก่ียวกับการจัดการ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ การจัดสรรทรัพยากรเพ่ือให้เพียงพอกับ เป้าหมายขององค์การ การวางโครงสร้างหรือลักษณะของโรงงาน การเตรียมบุคลากร การจัดสรร งบประมาณหรอื ตารางการผลติ สนิ ค้า เป็นต้น 3. Operational Decisions การตัดสินใจระดับล่าง เป็นการตัดสินใจที่เกี่ยวกับการ ปฏิบัติงานเฉพาะด้าน เพ่ือให้เกิดความม่ันใจว่าจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลักษณะของงานของ ผู้บริหาร ระดับล่างนี้เป็นงานท่ีมีขั้นตอนซ้า ๆ ซ่ึงได้มีกาหนดเป็นมาตรฐานไว้ล่วงหน้า และพยายามทา ให้งาน มีลักษณะเป็นไปได้ตามแผนท่ีวางไว้ เช่น จานวนคร้ังและปริมาณของการส่ังซื้อวัตถุดิบ ในชว่ งระยะเวลาใดเวลาหน่ึง การกาหนดขอบเขตงานให้กับพนักงานแตล่ ะคน ฯลฯ หลักการจดั การ 3200-1002
310 ชนิดของระบบสารสนเทศทใี่ ช้คอมพวิ เตอร์เปน็ พน้ื ฐานในการจัดการระบบ 1. Transaction-Processing Systems (TPS) เป็นระบบสารสนเทศทีจ่ ะปฏิบัตกิ าร หรือบันทึกเกี่ยวกับการติดต่อธุรกิจประจาวันขององค์การ ซึ่งปฏิบัติอยู่เป็นประจาทุกวัน ในการดาเนินงาน เช่น ระบบการชาระค่าบริการการใช้โทรศัพท์ โดยใช้วิธีการหักจากบัญชีเงินฝากธนาคาร ซึ่งเป็น การหักผา่ นระบบคอมพวิ เตอร์ ที่เรยี กวา่ ระบบ TPS 2. Office Automation Systems (OAS) เป็นระบบสารสนเทศท่ีมีวัตถุประสงค์ใน การ อานวยความสะดวกในดา้ นการตดิ ตอ่ ส่ือสารต่าง ๆ รวมท้ังเพือ่ เพิ่มประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล ในการทางานของผูจ้ ัดการ ตลอดจนพนกั งานประจาสานกั งาน โดยเฉพาะในเร่ืองของการดาเนนิ การเกยี่ วกบั เอกสารและการส่ือข้อความตา่ ง ๆ ตวั อย่าง เชน่ ระบบ Word-Processing ตา่ ง ๆ 3. Management Information Systems (MIS) เป็นระบบสารสนเทศท่ีช่วยใน การจดั สรา้ งหรอื จัดทารายงานในรปู แบบตา่ ง ๆ ท่อี าจจะเป็นทง้ั รายงานประจาหรือรายงานทผี่ ้บู ริหาร ร้องขอเป็นคร้ังคราวก็ได้ ระบบสารสนเทศ MIS มักจะใช้ในการดาเนินการเพื่อสนองตอบต่อความต้องการ ดา้ นสารสนเทศ ซึ่งอาจจะเป็นสารสนเทศในอดีตและปจั จุบันของผู้บริหารระดับกลาง หรือระดบั ปฏิบัติการเป็น หลัก การจัดทาผลสรุปสารสนเทศท่ีได้จากระบบ TPS โดยจัดทาเป็นรายงานประจาให้กับผู้บริหาร และหัวหน้างาน เพ่ือนาไปใชป้ ระโยชน์ในการบริหารงาน 4. Decision Support Systems (DSS) เปน็ ระบบสารสนเทศท่ชี ว่ ยสนับสนุนกระบวนการ ดาเนินงานเก่ยี วกับการตดั สินใจภายใต้สถานการณ์ท่ไี ม่สู้ดี หรือมีโครงสร้างของสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ซ่ึง ระบบ DSS น้ีจะเป็นเคร่ืองมือช่วยผู้บริหารในการวิเคราะห์สถานการณ์ท่ีไม่สู้ดี หรือไม่ชัดเจน ให้มี ความกระจ่างมากขึ้น ซ่ึงจะช่วยให้การดาเนินการตามกระบวนการตดั สินใจของผู้บริหารเปน็ ไปด้วยดีมาก ยิ่งข้ึน ตัวอย่างของ DSS คือ Expert Systems ซ่ึงเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่นาเอาความรู้ของ ผู้เช่ยี วชาญสาขาต่าง ๆ มารวบรวมจัดเก็บไวใ้ นหนว่ ยความจา เพอ่ื ช่วยในการตัดสนิ ใจ 5. Executive Support Systems (ESS) เป็นระบบสารสนเทศที่ใช้เพ่ือการ สนับสนุนการตัดสินใจและการปฏิบัติหน้าท่ีได้อย่างมีประสิทธิผลของผู้บริหารระดับสูงขององค์การ บางคร้ังเรียกระบบน้ีว่า Executive Information Systems (EIS) โดยปกติระบบ ESS จะเป็นระบบ สารสนเทศที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานในการทางานของผู้บริหารในสถานการณ์ ต่าง ๆ หลักการจดั การ 3200-1002
311 ภาพท่ี 8.6 ชนิดของระบบสารสนเทศทใี่ ชค้ อมพิวเตอร์เปน็ พื้นฐานในการจดั การระบบ ทีม่ า: ดัดแปลงจาก มหาวทิ ยาลยั หาดใหญ.่ ม.ป.ป. ปัจจุบันการดาเนินงานทางธุรกิจนอกจากมีการนาเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาใช้ใน การจัดระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหารแล้ว ก็มีเทคโนโลยีด้านอื่น ๆ มาใช้ในการบริหารธุรกิจ ซึ่ง นบั ได้วา่ เปน็ เครอ่ื งมอื เทคโนโลยใี หม่ ๆ ในการสง่ เสรมิ ด้านคณุ ภาพขององคก์ าร การนาอนิ เทอร์เนต็ มาประยุกตใ์ ชง้ าน เม่ือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงเครือข่ายท่ัวโลกให้สามารถติดต่อถึงกันได้หมด จน กลายเป็นเครือข่ายของโลก การใช้อินเตอร์เนต็ ในปจั จุบันจึงไดข้ ยายวงกวา้ งออกไปมากข้นึ ดังนั้นจึงมี ผู้ใช้งานบนเครือข่ายน้ีจานวนมาก เพราะการเชื่อมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาให้โลกไร้พรมแดน ข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ สามารถส่ือสารถึงกันได้อย่างรวดเร็ว และใช้ต้นทุนในการลงทุนต่า องค์การต่าง ๆ จึง ไดน้ าอินเทอร์เน็ตมาใชเ้ พือ่ ประโยชน์สาหรบั หน่วยงานของตนเองในรปู แบบต่าง ๆ ได้แก่ 1. การประชมุ ทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference System) การประชุมทางไกลผ่านจอภาพเป็นระบบการจัดการด้วยการนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการปฏิบัติงานในองค์การ ซึ่งมีผลทาให้ผู้ปฏิบัติงานไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางเข้าร่วม ประชมุ ผู้บริหารในปัจจบุ ันจะนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาใชใ้ นการบรหิ ารงานให้ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน จงึ มีความจาเป็นต้องสร้างเครือข่ายการประชุมส่ังการและการประสานงานระหว่างผู้บริหารกับ หัวหน้า หลกั การจัดการ 3200-1002
312 หน่วยงานภายในองค์การ เช่น การประชุมทางไกลผ่านจอภาพระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราชและ กรุงเทพมหานคร ระบบการเรียนการสอนพิเศษของสถาบันกวดวิชาตา่ ง ๆ ภาพท่ี 8.7 การประชมุ ทางไกลผา่ นจอภาพ ที่มา : โครงการ IPTV UniNet2. ม.ป.ป. ประโยชน์ของการประชุมทางไกลผา่ นจอภาพ 1) สามารถเชื่อมโยงกบั ระบบอนิ เทอร์เนต็ ของหน่วยงานได้ 2) ประหยัดคา่ ใช้จา่ ยในการเดนิ ทางให้น้อยลงได้ 3) รขู้ ่าวสารข้อมลู ต่าง ๆ ตรงกนั ในทุกเครือข่าย 4) ประหยดั เวลาในการเดินทาง 5) สามารถถามตอบกันไดโ้ ดยไมต่ อ้ งเผชญิ หนา้ กนั 6) มีความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากข้อมูลท่ีส่งผ่านระบบโทรคมนาคมในการ ประชมุ ทางไกลสามารถเขา้ รหัสเพือ่ ปอ้ งกันการลกั ลอบนาขอ้ มูลไปใชป้ ระโยชน์ได้ ขอ้ จากดั ของการประชมุ ทางไกลผา่ นจอภาพ 1) โครงสร้างพนื้ ฐานของระบบสื่อสารโทรคมนาคม หากสถานที่จัดประชมุ ทางไกลไม่มี โครงสร้างพื้นฐานของระบบส่ือสารโทรคมนาคมที่สามารถรองรับการประชุมทางไกลได้แล้ว ก็ไม่ สามารถจัดประชุมทางไกลได้ 2) ขนาดของข้อมูล หากในการประชุมทางไกลมีขนาดของข้อมูลใหญ่กว่าท่ี ระบบส่อื สารโทรคมนาคมรองรับได้กไ็ มส่ ามารถใช้งานได้ หรอื อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าปกติ 3) โครงสร้างของระบบสื่อสารโทรคมนาคมในปัจจุบันที่มีอยู่ยังไม่สามารถรองรับ ขอ้ มลู ขนาดใหญ่ได้ หลกั การจัดการ 3200-1002
313 4) ระยะทาง หากการประชุมทางไกลมีระยะทางห่างกันมากหรือมีการใช้ดาวเทียม เพ่อื การเช่ือมโยงสญั ญาณ ก็อาจทาให้เกดิ การหน่วงสัญญาณของเวลาได้ (Delay) 5) ความแตกต่างเรื่องเวลา หากเป็นการประชุมระหว่างประเทศก็อาจทาให้เกิด ปัญหาเรอ่ื งเวลาทีไ่ มต่ รงกนั ได้ 6) กฎ ระเบียบ และความซา้ ซอ้ นของหน่วยงานทร่ี ับผดิ ชอบในการขอใชบ้ ริการทา ให้ไมส่ ะดวกในการให้บรกิ าร 2. บรกิ ารต่าง ๆ บนเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตนับได้ว่าเป็นแหล่งที่ใช้ในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่ สามารถค้นหาหรือค้นคว้าและรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้ อินเทอร์เน็ตเป็นส่ือที่มีประโยชน์สาหรับ สังคมยุคปัจจุบันทาหน้าที่รับส่งข่าวสารต่าง ๆ เปรียบเสมือนห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่ สามารถค้นหาข้อมูลจากทั่วโลกภายในเวลาไม่กี่นาที โดยไม่จากัดเวลาและสถานท่ี บริการต่าง ๆ บน เครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตมีดังนี้ (โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ, http://www.streesmutprakan.ac.th/ teacher/ techno/WEB%20_JAN/p6.html) 2.1 เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) คือบริการค้นหาและแสดงข้อมูล แบบมัลติมเี ดีย บนอินเทอร์เน็ตทกุ ประเภท ซ่ึงข้อมูลและสารสนเทศอาจจัดอย่ใู นรูปแบบของข้อความ รูปภาพ หรือ เสียงก็ได้ ข้อดีของบริการประเภทน้ีคือ สามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น หรือเว็บไซด์ อื่นได้ง่าย เพราะใช้วิธีการของไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) โดยมีการทางานแบบไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) ซ่ึงผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูล จากเครื่องที่ให้บริการซึ่งเรียกว่าเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยอาศัย โปรแกรม ที่ใช้ดูข้อมูลเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ซึ่งผลที่ไดจ้ ะมีการแสดงเป็นไฮเปอร์เท็กซ์ ซ่ึง ในปัจจุบันมีการผนวกรูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และสามารถเชอื่ มโยงไปยังเอกสารหรือข้อมลู อน่ื ๆ ได้โดยตรงตัวอย่างเช่น www.yahoo.com สามารถค้นหาและเช่ือมโยงข้อมูลไปยังเร่ืองราวต่างๆ เช่น การศกึ ษาการทอ่ งเที่ยว โรงแรมตา่ ง ๆ การรบั สง่ จดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ ฯลฯ เปน็ ตน้ 2.2 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) หรือนิยมเรียกกันท่ัวไปว่า “อีเมล์” (E-mail) เป็นรปู แบบการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ระหวา่ งกัน และกนั บนเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต ท่ีมปี ระสทิ ธภิ าพ มากท่ีสุด สามารถส่งข้อความ ไปยังสมาชิกท่ีติดต่อด้วย โดยใช้เวลาเพียงไม่ก่ีนาที และสามารถแนบ ไฟล์ข้อมูลไปพรอ้ มกับจดหมายไดอ้ ีกดว้ ย การส่งจดหมายในลักษณะนี้ จะต้องมีท่ีอยู่เหมือนกับการสง่ จดหมายปกติ แตท่ ข่ี องจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ เราเรียกวา่ E-mail Address 2.3 การโอนย้ายข้อมูล (FTP : File Transfer Protocol) เป็นรูปแบบการติดต่อ สื่อสารข้อมูล บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อีกรูปแบบหนึ่ง ใช้สาหรับการโอนย้ายข้อมูลระหว่างผู้ใช้ โปรแกรม FTP กับ FTP Server การโอนย้ายไฟล์จาก FTP Server มายังเครื่องของผู้ใช้ เรียกว่า ดาวน์โหลด (Download) และการโอนย้ายไฟล์ จากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ไปยังไปยัง FTP Server เรียกวา่ อพั โหลด 2.4 การสืบค้นข้อมูล (Search Engine) คือ บริการท่ีใช้ในการค้นหาข้อมูลทาง อินเทอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความท่ีต้องการสืบค้น เข้าไป โปรแกรมจะทาการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ให้ ภายในเวลาไม่ก่ีนาที โปรแกรมประเภทน้ีเราเรียกว่าSearch Engines เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่สามารถ จา หลักการจดั การ 3200-1002
314 ช่ือเว็บไซด์ บางเว็บได้ ก็สามารถใช้วิธีการสืบค้นข้อมูล ในลักษณะน้ีได้ เว็บไซด์ท่ีทาหน้าท่ีเป็น Search Engines มีอยู่เป็นจานวนมาก เช่น google.com , yahoo.com , sanook.com ฯลฯ เป็น ตน้ 5. การสนทนากบั ผู้อ่ืนบนอนิ เทอรเ์ นต็ จะคล้ายกบั การใชโ้ ทรศพั ทแ์ ต่แตกต่างกนั ที่ เปน็ การส่ือสาร ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซ่ึงจะใช้ไมโครโฟน และลาโพงที่ต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ในการ สนทนา 6. กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (News Group or Use Net) เป็นบริการกระดาน ข่าวอิเล็กทรอนิกส์ สาหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร และแสดง ความคิดเห็นลงไปบริเวณกระดานข่าวได้ มีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ออกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะสนใจ เร่ืองราวที่แตกต่างกันไป เช่นการศึกษา การท่องเท่ียว การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม การเกษตร และ อุตสาหกรรม เปน็ ต้น 7. การส่ือสารด้วยข้อความ IRC (Internet Relay Chat) เป็นการติดต่อสื่อสารกับ ผู้อ่ืน โดยการพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน ซ่ึงจานวนผู้ร่วมสนทนาอาจมีหลายคนในเวลาเดียวกันทุกคน จะเห็นข้อความ ที่แตล่ ะคนพมิ พเ์ หมือนกับว่ากาลังนั่งสนทนาอยู่ในห้องเดียวกัน โปรแกรมที่ใชใ้ นการ ตดิ ตอ่ ส่ือสารได้แก่โปรแกรม mIRC โปรแกรม PIRCH และโปรแกรม Comic Chat นอกจากโปรแกรม IRC แล้ว ในปัจจุบันนี้ภายในเว็บไซต์ ยังเปิดให้บริการห้องสนทนาผ่านทางโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ได้ อีกดว้ ย เทคโนโลยกี ารผลติ การผลิตสินค้าต่าง ๆ ในปัจจุบันได้นาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในด้านการจัดการผลิต เพ่ือให้เกิดความคล่องตัว และรวดเร็ว ให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันสามารถแบ่ง เทคโนโลยีการผลิตได้ 3 ประเภท คือ 1. เทคโนโลยีการผลิตแบบแผนผังผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีท่ีใช้สาหรับการผลิต ขนาดใหญ่ และต้องการการผลิตท่ีมีคุณภาพ มีการใช้ส่วนประกอบต่าง ๆ ในการทาผลิตภัณฑ์ แต่ละชิ้น แต่ละตัวค่อนข้างมาก เช่น การผลิตรถยนต์ การผลิตคอมพิวเตอร์ โดยในการผลิตจะต้องใช้วัสดุ อปุ กรณ์ แรงงาน เพอ่ื การผลติ แต่ละขน้ั ตอนหลายข้นั ตอน จนกวา่ จะไดผ้ ลิตภณั ฑส์ าเรจ็ รูปออกมา 2. เทคโนโลยีการผลิตสาหรับการผลิตแบบแผนผังกระบวนการ เป็นการผลิตท่ีใช้ เครื่องมือในการอานวยความสะดวกในการผลิตหลายประเภท ซึ่งแตกต่างกันไปตามชนิดของ ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะไม่เหมือนกัน เป็นไปตามกระบวนการจนกวา่ จะไดผ้ ลิตภัณฑ์สาเร็จรูป เช่น การ ไปรับการรกั ษาพยาบาลที่โรงพยาบาล คนไข้จะตอ้ งไปตามจุดตา่ ง ๆ ของการรกั ษาแต่ละโรค จนไดร้ ับ ยาและกลับบ้าน จึงเสร็จส้ินกระบวนการ ถ้าหากดาเนินการข้ามขั้นตอนก็จะไม่ไดร้ ับยากลับบ้าน เป็น ต้น หลักการจดั การ 3200-1002
315 3. เทคโนโลยีการผลิตสาหรับการผลิตแบบตาแหน่งงานที่แน่นอน เป็นวิธีการผลิต ที่ตัวผลิตภัณฑ์ไม่ได้เคล่ือนย้ายไปตามหน่วยงานอ่ืน ๆ เลย แต่เจ้าหน้าท่ีจะต้องมาระดมการทางาน เพือ่ ใหง้ านแลว้ เสรจ็ จากแนวทางการผลิตทั้ง 3 ประเภท จะต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิตเพอ่ื ให้ได้ ผลิตภัณฑ์ท่ีมีประสิทธิภาพ และใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด องค์การการผลิตจึงนาเทคโนโลยีในการ ปฏบิ ตั งิ านและควบคมุ การทางาน ดังนี้ 1. การควบคุมโดยอัตโนมัติ เป็นกระบวนการทางานที่ทาให้งานสมบูรณ์ โดยอาศัย เคร่อื งจักร เครือ่ งยนต์ เคร่อื งมอื อตั โนมตั ิ เขา้ มาช่วยในการปฏบิ ตั งิ าน เพอ่ื ใหง้ านสาเร็จอย่างรวดเร็ว และ ผิดพลาดน้อยที่สุด เช่น การควบคุมโดยอัตโนมัติของเคร่ืองจักรในโรงงานอุตสาหกรรม โดยการ ปรับเปล่ียนจากการใช้เครื่องจักรไอน้า เป็นเครื่องจักรใช้ไฟฟ้า ในโรงงานการผลิตรถยนต์ อุตสาหกรรมเคมี และอตุ สาหกรรมการกล่ันนา้ มัน เป็นตน้ 2. การใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิต ปัจจุบันการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมและเป็น ส่วนหนึ่งของการผลิตโดยผู้ผลิตใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบช้ินส่วนการผลิต หรือผลิตภัณฑ์ สาเร็จรูป เช่น การออกแบบเคร่ืองบินไอพ่น ของบริษัทแมคโดนัลล์ ดักกลาส หรือบริษัทผลิตรถยนต์ ในญ่ีปุ่น ใช้คอมพิวเตอร์ออกแบบรถยนต์น่ังส่วนบุคคล เป็นต้น และยังใช้คอมพิวเตอร์ในการเช่ือมโยง เครอื ข่ายด้านสารสนเทศไดอ้ กี ดว้ ย 3. การใช้หุ่นยนต์ในการผลิต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ท่ีใช้หุ่นยนต์ทางานแทนมนุษย์ โดยเฉพาะการผลิตที่มีการเส่ียงอันตราย มีความร้อนสูง ต้องการความรวดเร็วและแม่นยา โดยนามาใช้กับ อตุ สาหกรรมการผลติ รถยนต์ และมีการพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ซงึ่ ทางานไดด้ กี ว่ามนษุ ย์ ภาพท่ี 8.8 การใชค้ อมพวิ เตอร์เขา้ มาควบคมุ การผลติ ท่ีมา: สนุ ยี ์ แสงสุวรรณ. 2553 หลักการจดั การ 3200-1002
316 เทคโนโลยีการบริการ ปัจจุบันความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะใน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร ซึ่งเป็นหน่วยงานทางธุรกิจท่ีให้บริการในด้านการรับฝากเงนิ ถอนเงิน โอน เงินท่ีเคาน์เตอร์ให้รวดเร็วและสะดวกมากขึ้นเพราะมีการนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการบริการ ผบู้ รโิ ภคจึงนยิ มใชบ้ ริการในการเคลอื่ นย้ายเงนิ จากธนาคารหน่งึ ไปยงั อีกธนาคารหน่งึ โดยทล่ี กู คา้ ของ ธนาคารยินดีจ่ายค่าธรรมเนียมผ่านระบบธนาคาร นอกจากนี้ธนาคารก็นาระบบบัตรเครดิตร่วม ระหวา่ งธนาคารกับบัตรวซี ่า โดยสามารถใช้บัตรเครดติ ในการใช้จ่ายได้อย่างสะดวกเหมือนกับมีเงินสดใน มือ นอกจากนี้ธุรกิจบริการที่นาเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารงานหลายรูปแบบ เช่น ธุรกิจ โรงแรมนาระบบเทคโนโลยีมาใช้กับการจองห้องพักได้อย่างรวดเร็ว สามารถตรวจสอบห้องพักท่ีว่าง ได้อย่างรวดเร็ว โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย ได้นาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในระบบการลงทะเบยี น ทาบัตรนักศึกษา การยืมหนังสือจากห้องสมุด โรงพยาบาลก็นามาใช้ในการเก็บข้อมูลประวัติคนไข้ ร้านอาหารก็นามาใช้ในการบันทึกคาส่ังอาหาร ธุรกิจจาหน่ายตั๋วเคร่ืองบินก็นาคอมพิวเตอร์มาใช้ เช่ือมโยงกันเป็นเครือข่ายเพ่ือความรวดเร็วในการให้บริการ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทในธุรกิจบริการเพื่ออานวยความสะดวกสบาย และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เปน็ อยา่ งดี หลักการจดั การ ภาพที่ 8.9 การนาคอมพวิ เตอรม์ าให้บริการยืมหนงั สือจากห้องสมดุ ทีม่ า: สนุ ยี ์ แสงสุวรรณ. 2553. 3200-1002
317 การบริหารงานในองค์การปัจจุบันนี้นอกจากมีการนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ในการ จัดการแล้ว ผู้บริหารองค์การก็มีความจาเป็นต้องหาเทคนิคต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการทางานมาใช้ใน การบริหารงานให้เหมาะสม เช่น กิจกรรม 5 ส. ระบบข้อเสนอแนะ การปรับร้ือระบบ องค์กรแห่ง การเรยี นรู้ บรรษัทภบิ าล การเทียบสมรรถนะ BSC และ TQM เปน็ ตน้ กิจกรรม 5 ส. ระบบ 5ส. หรือ 5S เปน็ ระบบบริหารขั้นพน้ื ฐานที่นิยมใชก้ ันอย่างแพร่หลายในประเทศญี่ป่นุ ซ่ึง มแี นวทางการปฏิบัติ 5 ประการ ดงั นี้ 1. สะสาง (Seiri) หมายถึง การกาจัดของท่ไี ม่จาเป็นออกไป ของท่ีไม่จาเป็นหรือไม่ใช้ควร ท้ิงไปเพอื่ ลดจานวนเอกสารลง ลดเนอ้ื ที่ทางานลง ทาให้มุ่งความสนใจไปสู่ของทจ่ี าเป็นเท่านน้ั 2. สะดวก (Seiton) หมายถึง การจัดของท่ีจาเป็นต้องใช้หรือวัสดุเคร่ืองมือต่าง ๆ ท้ังบนโต๊ะทางาน ภายในตู้เอกสาร บนช้ันวางของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ทาให้ลดความสูญเสียเวลาในการค้นหา เอกสารหรอื สง่ิ ของเคร่อื งมือท่ีต้องการ ลดความแตกหกั ในระหว่างรอ้ื ของ หยิบก็งา่ ย หายก็รู้ ดกู ง็ ามตา 3. สะอาด (Seiso) หมายถึง การทาความสะอาดอปุ กรณ์ เครื่องมือ และสถานท่ีให้สะอาด เรียบร้อยอยู่เสมอ เพื่อให้งา่ ยตอ่ การดแู ลรักษา เกิดความปลอดภยั และลดอุบตั ิเหตุ เพิ่มพนู สุขภาพ นอกจากนี้ การดูแลรักษาความสะอาด จะทาให้พบเห็นข้อบกพร่องต่าง ๆ ซ่ึงจะได้ดาเนินการแก้ไข ขอ้ บกพรอ่ งเหล่านัน้ ได้ทันเวลา ป้องกันไม่ให้เกดิ ความเสียหายได้ 4. สุขลักษณะ (Seiketsu) หมายถึง การดูแลให้มีการสะสาง มีความสะดวก และมีความสะอาด อย่างต่อเน่ืองสม่าเสมอ ซึ่งจะทาให้เกิดสุขลักษณะท่ีดี ในสานักงานหรือโรงงาน ทาให้สุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน แข็งแรงสมบูรณท์ ้งั ร่างกายและจติ ใจ นอกจากนี้ สถานท่กี ด็ สู วยงาม ทาให้เกิดความช่นื ชมต่อผ้อู ืน่ ด้วย 5. สร้างนิสยั (Shitsuke) หมายถึง การอบรมบม่ นิสยั สร้างจิตสานกึ ปฏบิ ตั ิส่ิงทด่ี ีงาม สม่าเสมอและตลอดไป จนกระทั่งทุก ๆ คนเกิดความเคยชินกลายเป็นการมีระเบียบวินัยด้วยตนเอง เกิดนสิ ยั ทีด่ ดี ว้ ยตนเอง ไม่ต้องให้ใครมาบงั คบั ควบคุม ปฏบิ ตั ไิ ด้ด้วยความพอใจและมีความสุข หลักการจดั การ 3200-1002
318 ภาพท่ี 8.10 ปจั จยั พืน้ ฐานทสี่ ง่ เสริมดา้ นคณุ ภาพ ท่ีมา: อษุ ณีย์ จติ ตะปาโล และ นตุ ประวณี ์ เลศิ กาญจนวตั ิ. ม.ป.ป. : 223. ตารางที่ 8.1 การบริหารกิจกรรม 5 ส. วิธกี ารดาเนนิ การปฏิบัติ กจิ กรรมทม่ี ุง่ เน้นการกระทา สะสาง ขจดั ของทีไ่ มใ่ ช้ออกจากบริเวณทที่ างาน เน้นให้พนักงานมจี ติ สานกึ ของการ SEIRI จดั ทิ้ง จดั เก็บแยกออกไป เปน็ นักเก็บขยะด้วยตนเอง สะดวก จัดวางสิ่งของทตี่ อ้ งการใหเ้ ป็นระเบียบ มี เนน้ ใหพ้ นักงานมจี ติ สานึกของการเป็น SEITON สะอาด ระบบ สะดวกในการหยบิ ไปใช้ วิศวกรหรือนกั อตุ สาหกรรมดว้ ยตนเอง SEISO ตรวจสอบทาความสะอาดเครอ่ื งจักร เนน้ ใหพ้ นกั งานมจี ติ สานึกของการ สขุ ลกั ษณะ SEIKETSU อปุ กรณ์และสถานท่ีทางาน เพอื่ ขจัด เป็นวศิ วกรบารงุ รกั ษาปอ้ งกันดว้ ย สรา้ งนสิ ยั SHISUKE ขอ้ บกพร่องสิ่งสกปรกต่าง ๆ และดูแลรกั ษา ตนเอง การดแู ลสถานที่ทางานใหส้ ะอาด เน้นให้พนกั งานคานึงถึงเรอ่ื งความ ปลอดภยั ต่อสุขภาพอนามยั ปลอดภัยด้วยตนเอง การสร้างสังคมที่มีวนิ ยั และปฏิบตั ิตาม เน้นให้พนักงานเปน็ คนมรี ะเบียบวนิ ัย กฎระเบียบอย่างเครง่ ครัด ปฏิบตั ิตามกฎเกณฑจ์ นเป็นนิสยั ของ ตนเอง ท่มี า: อษุ ณยี ์ จิตตะปาโล และ นตุ ประวณี ์ เลศิ กาญจนวตั ิ. ม.ป.ป. : 223. หลักการจดั การ 3200-1002
319 ภาพที่ 8.11 กิจกรรม 5 ส ภายในสานกั งาน ท่ีมา: สนุ ยี ์ แสงสุวรรณ. 2554. ระบบขอ้ เสนอแนะ (Suggestion System) ระบบข้อเสนอแนะหรือระบบการเสนอแนะ เปน็ สิ่งที่พนักงานในองคก์ ารทกุ คน ท้ังในระดับล่างและผู้บริหารระดับต้น ย่อมมีความรู้เกี่ยวกับงานในหน้าท่ีรับผิดชอบของตนเองมาก ที่สดุ ระบบการเสนอแนะนี้ องค์การจะต้องประกาศนโยบายให้ชัดเจน เพื่อชักชวนให้พนักงาน ทุกคนช่วยกันคิด ช่วยกันเสนอวิธีการแก้ไขการทางาน วิธีปรับปรุงคุณภาพของงาน วิธีการประหยัด ทรัพยากรต่าง ๆ เหล่านี้ โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารหรือการต่อเติมขยายองค์การ และมีการแจกรางวัล ให้แก่ผู้เสนอแนะแนวความคิดริเริ่มท่ีองค์การนาไปใช้และเกิดประโยชน์มาก ตลอดจนให้เกียรติแก่ เจ้าของความคิดด้วย รางวัลดังกล่าวอาจจะเป็นเงิน การเพ่ิมเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษหรือการให้โอกาส ไปฝึกอบรมต่างประเทศ หรือการให้ไปพักผ่อนหลังจากท่ีช่วยกันทางานจนประสบความสาเร็จ เป็น ตน้ การจดั การในยุคปจั จบุ นั จะตอ้ งอาศยั เทคนคิ ตา่ ง ๆ มากมาย วิธีทางหนึง่ ทีส่ ามารถนามาใชใ้ น ด้านการจดั การ ก็คอื ระบบการใหข้ อ้ เสนอแนะ ถ้าหากในองค์การ จะใช้ระบบการใหข้ อ้ เสนอแนะ จะเป็น ระบบท่ีจะทาให้ผู้บริหารเห็นความสาคัญขององค์การ และบุคลากรในองค์การมากขึ้น ซ่ึงจะเป็น ผู้บริหารท่ีจะนาพาบุคลากรรุ่นใหม่พัฒนาองค์การให้เจริญก้าวหน้าเกิดประโยชน์แก่องค์การ ทาให้ สมาชิกในองค์การเป็นคนท่ีมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าคิดกล้าทา กล้าแสดงออก ซ่ึงสามารถสร้าง บุคลากรที่มีคุณภาพให้กับองค์การ ระบบการใหข้ อ้ เสนอแนะจะมีหลกั การท่สี าคญั ๆ ดังน้ี หลักการจดั การ 3200-1002
320 1. กาหนดนโยบาย ส่ิงสาคัญท่ีจะทาให้นโยบายขององค์การได้รับการยอมรับและนาไป ปฏิบัติ องค์การจะต้องให้การสนับสนุน และส่งเสริมให้มีการเสนอแนะ เพ่ือพัฒนาองค์การ ให้ บุคลากรในองค์การรับรู้นโยบายทกุ คน 2. กาหนดวิธีการในการให้ข้อเสนอแนะ ในบางครั้งบุคลากรในองค์การไม่กล้าที่จะ เสนอแนะแก่ผู้บริหารมากนัก ผบู้ รหิ ารที่ควรให้โอกาสในการเขียนข้อเสนอแนะโดยไม่ระบชุ ื่อ ใสก่ ลอ่ งความ คิดเห็น แต่ถ้าหากองค์การเห็นเป็นข้อเสนอแนะท่ีดี มีประโยชน์แก่องค์การ ก็จะนามายกย่อง ชมเชย และนาไปปฏบิ ัติ แต่ถ้าหากข้อเสนอแนะน้ันไม่ดีหรือมีข้อเสีย ผู้บริหารก็ไม่ควรตาหนิหรือหาตัวบุคคล ทเี่ สนอแนะ เพราะจะทาให้ไม่กลา้ เสนอแนะอีกตอ่ ไป 3. กาหนดตัวบุคคลสาหรับรับข้อเสนอแนะ องค์การจะต้องกาหนดให้กลุ่มบุคคลที่มี ความน่าเชื่อถือ และเปน็ ทยี่ อมรบั ทาหนา้ ท่ีรบั ข้อเสนอแนะ เพื่อสรุปเสนอให้ผู้บรหิ ารตอ่ ไป ปัจจุบันระบบการเสนอแนะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด ในบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก หัวข้อสาคัญสาหรับข้อเสนอแนะอาจจะดาเนินการเพื่อสาระสาคัญ ต่าง ๆ ดงั น้ี 1. เพือ่ ปรับปรงุ งานของตน 2. เพือ่ ประหยดั พลงั งาน วัสดุ และทรัพยากรอ่นื ๆ 3. เพื่อปรบั ปรุงส่งิ แวดลอ้ ม 4. เพื่อปรับปรุงเครื่องจกั รและกระบวนการผลติ 5. เพือ่ ปรับปรงุ อุปกรณ์และเครอ่ื งมือ 6. เพอ่ื ปรับปรุงงานในสานกั งาน 7. เพอ่ื ปรบั ปรงุ คุณภาพสินคา้ 8. เพ่อื เสนอความคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ 9. เพ่ือปรบั ปรงุ การบรกิ ารลกู ค้าและความสมั พนั ธก์ ับลกู คา้ 10. เพอ่ื ปรับปรุงดา้ นอื่น ๆ ทจ่ี าเปน็ และมปี ระโยชน์ ข้อเสนอแนะเพอื่ การปรับปรุงด้านต่าง ๆ ดังกล่าว ถ้าหากผู้บริหารไดน้ าไปพิจารณาและ ดาเนินการตามข้อเสนอแนะ ก็จะทาให้บุคลากรในองค์การมีความกล้าหาญในการเสนอแนะ แนวความคิดด้านอนื่ ๆ เพมิ่ ข้ึน ซ่งึ เป็นส่วนหนงึ่ ท่จี ะทาให้องคก์ ารประสบกบั ความสาเร็จตอ่ ไป หลักการจดั การ 3200-1002
321 สรปุ สาระสาคญั การนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในด้านการจัดการ เป็นสิ่งสาคัญท่ีผู้บริหาร จะต้องนามาใช้ในการบริหารองค์การ โดยเฉพาะเครื่องมือทางเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยีการสอ่ื สาร เทคโนโลยีการผลติ เทคโนโลยีการบริการ เป็นตน้ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีดีสามารถช่วยให้ผู้บริหารนาไปใช้ในการตัดสินใจบริหาร จัดการให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน โดยอาศัยระบบสารสนเทศท่ีมีความสมบูรณ์สามารถใช้ได้ทันเวลา เหมาะสมกับสถานการณ์ในปจั จุบัน นอกจากน้ีผู้บริหารองค์การก็จะต้องนาเทคนิคต่าง ๆ มาใช้ในการบริหารงานให้เหมาะสม หรือเพ่ือการปรับปรุงระบบการปฏิบัติงานภายในองค์การให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อ ความสาเร็จขององค์การ เชน่ กิจกรรม 5 ส ระบบข้อเสนอแนะ เปน็ ต้น หลักการจัดการ 3200-1002
322 กิจกรรมประจาหน่วย กิจกรรมที่ 1 คาสงั่ จงอธิบายคาถามตอ่ ไปนี้ 1. จงอธบิ ายความหมายของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. จงบอกคณุ ลักษณะทีด่ ขี องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. จงอธบิ ายประโยชน์ของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. จงอธิบายระบบกจิ กรรม 5 ส. 5. จงอธบิ ายระบบขอ้ เสนอแนะ 6. จงอธิบายระบบการปรบั ร้อื หรือรเี อ็นจเิ นยี ร่งิ 7. จงอธิบายถึงประเภทของเทคโนโลยกี ารผลิต กิจกรรมที่ 2 ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน ชว่ ยกนั เสนอแนวความคิดเก่ยี วกบั กจิ กรรมดงั นี้ กล่มุ ท่ี 1 วิทยาลยั อาชวี ศึกษานครศรธี รรมราช – กจิ กรรม 5 ส กลุม่ ท่ี 2 วิทยาลัยศลิ ปหัตถกรรมนครศรธี รรมราช – ระบบการปรบั รือ้ ระบบ กลมุ่ ท่ี 3 ห้างโรบนิ สนั (โอเช่ียน) นครศรีธรรมราช – ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุม่ ท่ี 4 ห้างสหไทยนครศรธี รรมราช – ระบบข้อเสนอแนะ หลักการจัดการ 3200-1002
323 แบบทดสอบประจาหนว่ ยท่ี 8 เรือ่ ง การนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาใชใ้ นการจัดการ คาชี้แจง จงเลอื กคาตอบท่ถี ูกทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว 1. ข้อใดคอื ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ ก. การนาเทคโนโลยีมาใช้ในการดาเนินธรุ กจิ ข. การนาเทคโนโลยีมาใช้ในการบรหิ ารงาน ค. การนาเทคโนโลยมี าใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล ง. การนาเทคโนโลยีมาใชใ้ นการจดั ระบบข้อมลู สารสนเทศ 2. องค์ประกอบส่วนใดของระบบสารสนเทศทเี่ รยี กวา่ Output ก. ขอ้ มลู ข. ผลลพั ธ์ ค. ผลย้อนกลบั ง. กระบวนการประมวลผล 3. องค์ประกอบส่วนใดของระบบสารสนเทศทจี่ ะตอ้ งใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์มาชว่ ย ก. ผลลัพธ์ ข. การป้อนขอ้ มูล ค. ข้อมลู ย้อนกลบั ง. การประมวลผลข้อมูล 4. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ (Management Information System : MIS) ไมถ่ กู ตอ้ ง ก. เป็นระบบท่มี คี วามสามารถในการคานวณและเปรยี บเทยี บข้อมลู ข. เป็นระบบทสี่ ามารถสร้างสารสนเทศทถ่ี กู ต้องและทันสมัย ค. เปน็ ระบบท่เี กีย่ วขอ้ งกับผ้บู รหิ ารระดับสูง ง. เปน็ ระบบท่ใี ชฐ้ านขอ้ มลู ที่ถูกรวมเขา้ ด้วยกนั และสนบั สนนุ การทางานของฝ่ายตา่ ง ๆ ในองค์การ 5. ข้อใดเป็นองคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ ก. ข้อมลู โปรแกรม ผลลพั ธก์ ารประมวลผล ข. ผลลัพธ์ การประมวลผล ขอ้ มลู ย้อนกลบั ข้อมูล ค. ผลลัพธ์ ขอ้ มูล การประมวลผล การแก้ไขข้อมูล ง. ขอ้ มลู การประมวลผล ผลลัพธ์ ข้อมลู ยอ้ นกลบั หลักการจัดการ 3200-1002
6. ตวั เครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณ์ท่ีใช้ 324 ประมวลผล เรยี กว่าอะไร ก. ซอฟตแ์ วร์ 3200-1002 ข. ฮารด์แวร์ ค. แฟ้มข้อมูล ง. โปรแกรมงาน 7. โปรแกรมทีใ่ ชใ้ นการรวบรวมและ ประมวลผลข้อมูล เรียกวา่ อะไร ก. ซอฟตแ์ วร์ ข. ฮาร์ดแวร์ ค. แฟม้ ขอ้ มลู ง. โปรแกรมงาน 8. กลมุ่ ของขอ้ มูลที่ไดร้ ับการจัดเกบ็ ไวอ้ ย่างเป็นระเบยี บและเก็บไวอ้ ยา่ งดี หมายถึงขอ้ ใด ก. ซอฟตแ์ วร์ ข ฮารดแ์ วร์ ค. ฐานข้อมลู ง. แฟม้ ขอ้ มูล 9. ในกิจกรรม 5 ส นั้น ส่ิงที่ตอ้ งปฏบิ ตั ิ อันดับแรกคืออะไร ก. สะสาง ข. สะดวก ค. สะอาด ง. สขุ ลกั ษณะ 10. “การจดั วางสิง่ ของให้เปน็ ระเบียบ ระบบ สามารถหยิบใช้สอยไดง้ า่ ย” หมายถงึ ขอ้ ใด ก. สะสาง ข. สะดวก ค. สะอาด ง. สุขลกั ษณะ 11. ประโยชน์ของการประชมุ ทางไกลผ่านจอภาพเก่ยี วกบั ระบบขอ้ มูลเรอ่ื งใด ก. ความชดั เจน ข. ความถกู ต้อง ค. ความโปร่งใส ง. ความปลอดภัย หลักการจัดการ
325 12. ระบบ IRC หมายถงึ ข้อใด ก. การสืบคน้ ขอ้ มลู ข. การโอนย้ายข้อมูล ค. การสนทนาบนอินเทอร์เน็ต ง. การสือ่ สารด้วยข้อความ 13. “ในกรณที ่ผี ู้ใตบ้ ังคบั บญั ชาไดร้ บั คาชมเชย จากแนวคดิ ในด้านการปฏิบัตงิ าน” หมายถึง ผู้ใต้บงั คบั บญั ชาใชก้ ารจดั การ แบบใด ก. ระบบ 5 ส. ข. การปรบั ร้อื ระบบ ค. ระบบข้อเสนอแนะ ง. ระบบสารสนเทศ 14. การจดั การแบบปรบั รือ้ ระบบมีลกั ษณะเดน่ อย่างไร ก. การเปล่ยี นแปลงโดยใช้เทคโนโลยี ข. การเปล่ยี นแปลงโดยเน้นการสรา้ งทีมงาน ค. การเปลีย่ นแปลงแบบถอนรากถอนโคน ง. การเปล่ียนแปลงโดยเนน้ ความสม่าเสมอและตอ่ เนอ่ื ง 15. “องคก์ ารไดน้ าขอ้ มูลต่าง ๆ ทผ่ี ้ใู ตบ้ ังคบั บญั ชาเสนอแนวทางให้และองคก์ ารนาไปใช้ประโยชนเ์ พ่อื องคก์ าร” คือระบบงานข้อใด ก. ระบบ 5 ส ข. ระบบข้อเสนอแนะ ค. ระบบการใหข้ ้อมูลขา่ วสาร ง. ระบบการปรับร้ือระบบใหม่ 16. ขั้นตอนแรกในการปรับร้ือระบบคือขอ้ ใด ก. การวิเคราะห์ ข. การนาไปใช้ ค. การระดมความคดิ ง. การออกแบบใหม่ 17. การปรบั รอ้ื ระบบไม่เกย่ี วข้องกับผใู้ ด ก. ผู้รบั ผิดชอบ ข. ผู้มีอานาจส่งั การ ค. ผู้นาหรอื ผบู้ ริหาร ง. ผมู้ าตดิ ต่องานของบรษิ ัท หลักการจัดการ 3200-1002
326 18. วธิ กี ารผลติ ท่ีเจา้ หนา้ ทจ่ี ะต้องมาระดมการทางานโดยไม่ได้เคล่ือนย้ายผลติ ภณั ฑ์ เป็นเทคโนโลยกี ารผลติ แบบ ใด ก. แบบแผนผงั ผลิตภณั ฑ์ ข. แบบแผนผงั กระบวนการ ค. แบบตาแหน่งงานท่แี นน่ อน ง. แบบการควบคุมโดยอตั โนมตั ิ 19. ขอ้ ใดเป็นเทคโนโลยีในการปฏบิ ตั งิ านและควบคุมการทางานโดยวิธีการควบคุมอตั โนมตั ิ ก. การใชค้ อมพวิ เตอร์ ข. การใชเ้ ครอื่ งจกั ร ค. การใช้หุ่นยนต์ ง. การใชเ้ ครอื ข่ายสารสนเทศ 20. ข้อใดไม่ใชบ่ ทบาทของเทคโนโลยีการบริการในองคก์ ารธุรกิจ ก. อานวยความสะดวก ข. ลดคา่ ใช้จา่ ยในการจ้างบคุ ลากร ค. สร้างความพงึ พอใจให้แก่ลกู ค้า ง. เพิ่มความรวดเรว็ ในการบริการ หลักการจัดการ 3200-1002
327 หลกั การจัดการ 3200-1002
328 ความหมายของ การประยกุ ต์ หลกั การจดั การ หลกั ปรชั ญา หลกั ธรรมาภบิ าล เศรษฐกิจ พอเพยี ง การนาหลกั การ จดั การไปใชใ้ น กรณีศกึ ษา องคก์ ารธรุ กิจ ในองคก์ ารธุรกิจ 3200-1002 หลกั การจัดการ
329 หนว่ ยที่ 9 การประยกุ ต์หลกั การจดั การไปใช้ในงานอาชีพตา่ ง ๆ สาระสาคญั ในการประกอบธุรกิจไม่ว่าในประเทศไทยหรือต่างประเทศ จาเป็นต้องอาศัยการจัดการเข้ามา มีบทบาท เพือ่ ให้การดาเนินงานมีประสิทธภิ าพและเกิดประสิทธผิ ล ซ่ึงจะนา ไปสู่เป้าหมายในการดาเนินงาน ขององค์การ ในปัจจุบันนอกจากการใช้กระบวนการจัดการแล้ว ก็มีการนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมา ประยุกตใ์ ช้ในการประกอบอาชีพ พรอ้ มทง้ั การใช้หลกั ธรรมาภบิ าลในการบริหารจัดการ อีกดว้ ย สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของการประยกุ ตห์ ลกั การจดั การในงานอาชีพ 2. การนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยกุ ต์ใช้ในการบริหารจัดการ 3. การใช้หลกั ธรรมาภิบาลในการบริหารจดั การ 4. กรณศี กึ ษาในองคก์ ารธรุ กจิ 5. การนาหลกั การจดั การไปใชใ้ นองค์การธุรกิจตา่ ง ๆ หลกั การจัดการ 3200-1002
330 จุดประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงคท์ ัว่ ไป เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รียนสามารถนาหลักการจดั การไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชพี หรอื การ ดาเนนิ งานในองคก์ ารธรุ กจิ ได้ จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อศกึ ษาหน่วยที่ 9 จบแล้ว ผ้เู รยี นสามารถ 1. อธิบายการประยุกต์หลกั การจดั การในการประกอบอาชพี ได้ 2. อธิบายเก่ียวกับการนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกต์ใช้ ในการบริหารจัดการได้ 3. อธบิ ายวิธกี ารใชห้ ลกั ธรรมาภบิ าลในการบรหิ ารจัดการได้ 4. ประยุกตห์ ลักการจดั การในองค์กรธรุ กิจจากกรณีศึกษาได้ 5. อธิบายการนาหลักการจัดการไปใช้ในองคก์ ารธุรกจิ ได้ หลักการจัดการ 3200-1002
331 หน่วยที่ 9 การประยกุ ตห์ ลักการจัดการไปใช้ในงานอาชพี ต่าง ๆ การจัดการเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่มีเทคนิคในการบริหารงานในรูปแบบต่าง ๆ และในปัจจุบันการ ประกอบอาชพี ต่าง ๆ แต่ละอาชีพจาเปน็ ตอ้ งมีการจัดการเข้าไปเกี่ยวข้องกับระบบการดาเนินงานเสมองานจึงจะมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผล กระบวนการจัดการดังกล่าว คือ การวางแผน การจัดองค์การ การจัดคนเข้า ทางาน การอานวยการ และการควบคุม สามารถอาศัยแนวความคิดทางการจัดการในรูปแบบต่าง ๆ ไป ประยุกต์ใชเ้ พอื่ ใหก้ ารประกอบอาชพี แต่ละอาชพี ประสบความสาเรจ็ บรรลุวัตถุประสงค์ตามท่ีกาหนดไว้ ความหมายของการประยุกตห์ ลักการจัดการ การประยุกตห์ ลกั การจัดการ หมายถึง การนาเอาความรู้เก่ยี วกบั หลักการจัดการมาปรับใช้ในการ ดาเนินงาน ให้เปน็ ประโยชน์แกอ่ งค์การนน้ั เพื่อให้องคก์ ารบรรลผุ ลตามวตั ถปุ ระสงค์ทตี่ ้องการ การจัดการเป็นสิ่งที่ต้องนาความรู้ในด้า นหลักการจัดการไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่องค์การหรื อ หนว่ ยงาน เพ่ือให้องค์การสามารถดาเนนิ การใหบ้ รรลุเปา้ หมายได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ และมีประสิทธผิ ล การนาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยกุ ต์ใชใ้ นการประกอบอาชีพ ปจั จบุ นั ผู้บรหิ ารในองค์การ ควรนาหลกั การของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการบรหิ ารจดั การ ดาเนินงานขององคก์ ารไดท้ ุกรปู แบบ โดยมีแนวทางดังนี้ 1. การนาหลักการเศรษฐกิจพอเพยี งมาสูก่ ารประกอบอาชพี ตา่ ง ๆ 1.1 ความพอประมาณ ผู้บริหารควรใช้ความรู้ ความสามารถเพือ่ ประโยชนแ์ กอ่ งค์การด้วยการนาหลัก เศรษฐกิจพอเพียงในด้านความพอประมาณ มาสร้างคุณค่าด้วยการลดตน้ ทุนในการบริหารจัดการ ก่อให้เกิดความ ย่งั ยืน และมั่นคง เชน่ 1.1.1 การประมาณค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานท่ีเก่ียวข้องกับงานต่าง ๆ ในการบริหาร ให้คานึงถึง ความประหยัด สะดวก และความปลอดภยั ท่ีมีต่อองคก์ าร 1.1.2 หาวิธีการทางานใหม่เพื่อเกิดความประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย รู้จักการใช้อุปกรณ์ เคร่ืองมือ เครอ่ื งใช้สานักงานอย่างมีประสทิ ธภิ าพและคมุ้ ค่า 1.1.3 นาการทางานเป็นทมี มาใชใ้ นการบรหิ ารงาน 1.1.4 การใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อลดปริมาณเครื่องใช้สานักงานหรืออุปกรณ์สานักงานซึ่ง กอ่ ให้เกดิ ความประหยัด และค้มุ ค่าในการลงทุน 1.1.5 การใช้กระดาษรีไซเคิลสาหรับการจัดทาเอกสารฉบับร่าง ก่อนท่ีจะพิมพ์เพ่ือการจัดส่ง ต่อไป หลักการจัดการ 3200-1002
332 จากตัวอย่างดังกล่าว เป็นสิ่งท่ีผู้บริหารควรนามาประยุกต์ใช้ในการบริหารงานแต่ก็ต้องดู สถานการณท์ เ่ี กดิ ขึน้ ในขณะน้นั 1.2 ความมีเหตุผล ผู้บริหารจะต้องเป็นผู้รู้จักคิด รู้จักพูด บนฐานของความรู้ในเรื่องน้ัน ๆ โดยใช้ หลักการ เหตแุ ละผล ในการพจิ ารณาเสนอแนวทางในการแก้ปญั หาและการพฒั นาเพื่อความอยรู่ อดขององค์การ 1.3 การมีระบบภูมิคุ้มกัน ผู้บริหารจะต้องไม่ประมาทและมีสติ รู้จักวิเคราะห์วางแผน กาหนด แนวทางในการปฏิบัติงานด้วยการวางแผนทั้งในระยะส้ินและระยะยาว เพื่อประโยชน์แก่องค์การ ผู้บริหารจะต้อง สร้างภูมิคุ้มกันด้วยการสร้างปัญญาจากความรู้ความสามารถและประสบการณ์ท่ีเหมาะสมโ ดยยึดหลักการมีเหตุ และผลในการคดิ วิเคราะหต์ ดั สินใจ ซง่ึ เป็นภูมคิ มุ้ กันทีเ่ ขม้ แข็งทง้ั ในปจั จุบันและอนาคต นอกจากนี้การตัดสินใจและการดาเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ระดับพอเพียงน้ันต้องอาศัยท้ังความรู้และ คุณธรรมเปน็ พื้นฐาน ประกอบไปดว้ ย 1) ความรู้ หมายถึง ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องอย่างรอบดา้ น ความรอบคอบ ท่ีจะนาความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เช่ือมโยงกัน เพ่ือประกอบการ วางแผน และความระมัดระวังในข้ันตอน ปฏบิ ัติ 2) คุณธรรม ประกอบดว้ ย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตยส์ ุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใชส้ ตปิ ญั ญาในการดาเนนิ งาน และการรู้จักแบง่ ปัน ทางสายกลาง มี พอประมา เหตผุ ล ณ มีภมู ิคุ้มกันใน ตัว เงอื่ นไขความรู้ เงอ่ื นไขคุณธรรม (รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั ) (ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ ขยนั อดทน สตปิ ัญญา แบง่ ปัน) หลักการจัดการ 3200-1002
333 2. การนาเปา้ ประสงคข์ องปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ช้ในการบรหิ ารจดั การประกอบ อาชพี เป้าประสงค์ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ การให้ความสมดุลและความพร้อมรองรับการ เปลยี่ นแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในดา้ นวัตถุ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม จากภายนอกไดเ้ ป็นอย่างดี ความสมดลุ กอ่ ให้เกิดพลัง เมื่อผู้บริหารมีพลังก็จะเกิดความพร้อมทัง้ ทางด้านรา่ งกายและจิตใจ จะ มีความเข็มแข็งเพ่ือจะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงท่ีจะเกิดขึ้นท้ังภายในและภายนอก ซ่ึงจะต้องสร้างความสมดุลให้ เกิดความพรอ้ มในดา้ นตา่ ง ๆ ดงั น้ี 2.1 ดา้ นวตั ถุ ซงึ่ หมายถงึ การไหลเขา้ ของเทคโนโลยแี ละนวัตกรรมต่าง ๆ จากกระแสสงั คมดิจิตอล ท่ีทาให้ผู้บริหารจะต้องใชเ้ ทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ต่องานที่ปฏิบัติในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดผล เป็นเลศิ ในด้านประสทิ ธิผล พร้อมทง้ั การพฒั นาให้เกดิ คณุ ภาพอย่างตอ่ เน่ือง 2.2 ดา้ นสังคม ผู้บริหารจะต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลทัง้ ภายในและภายนอกองคก์ าร การเป็นสมาชิก ของครอบครัว และการเป็นสมาชิกของสังคม ผู้บริหารมีลักษณะของความเป็นผู้นาอย่างดี ต่อการให้คาแนะนากับ ผู้ใต้บังคับบัญชา ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลในสังคม จะสร้างความเชื่อม่ัน ความเชื่อถือ ทาให้สังคมมีความ เก้ือกลู ซ่งึ กนั และกัน 2.3 ด้านส่ิงแวดล้อม ผู้บริหารต้องมีส่วนในการให้ความช่วยเหลือเพ่ือประโยชน์ ต่อส่ิงแวดล้อม โดยเฉพาะการส่งเสริมละสนับสนุนต่อกิจกรรมเพื่อรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การบริหารให้พนักงานมีส่วนร่วม ในการลดการใชพ้ ลังงานไฟฟา้ ในองคก์ าร การไม่ปล่อยนา้ เสยี ลงในทส่ี าธารณะ การลดเวลาทส่ี ูญเปล่า เป็น ต้น 2.4 ด้านวัฒนธรรม ผู้บริหารจะต้องเป็นผู้รวบรวมข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการ พฒั นาองค์การ และสร้างวัฒนธรรมองค์การให้มีคุณค่าและเด่นชัดโดยเฉพาะ เร่ืองที่องค์การต้องรับผิดชอบ ต่อสังคม เช่น ด้านการแต่งกาย การไหว้ทักทายของทุกคนในองค์การ การปฏิบัติต่อสังคมท่ีดี หรือการช่วยเหลือ สงั คม เปน็ ตน้ เพอื่ ใหเ้ ปน็ วัฒนธรรมในองค์การตลอดไป ดังน้ันจะเห็นได้ว่าถ้าหากผู้บริหารในองค์การนาเป้าประสงค์ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่การ บริหารใช้ในกระบวนการจัดการโดยยึดแนวทางการเดินบนสายกลาง ก็จะทาให้การบริหารจัดการองค์การมี ประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลตลอดไป หลักการจัดการ 3200-1002
334 การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจดั การ หลักธรรมาภิบาล เป็นหลักการบริหารจัดการท่ีดี เพราะมีการปรับวิธีคิด วิธีการบริหารราชการของ ประเทศไทยใหม่ทั้งระบบ โดยกาหนดเจตนารมณ์ของแผน่ ดนิ ขึ้นมาเพ่ือทุกคนทุกฝ่ายในประเทศรว่ มกันคิดร่วมกนั ทา ร่วมกันจัดการ ร่วมกันรับผิดชอบ แก้ปัญหา พัฒนานาพาแผ่นดินนี้ไปสู่ความม่ันคง ความสงบสันติสุข มีการ พัฒนาท่ีย่ังยืนและก้าวไกลดังพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชที่ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” หลักธรรมาภิบาลจึงต้ังอยู่บนรากฐานของ ความถูกต้อง ดีงาม มั่นคง หรือธรรมาธิปไตยที่มุ่งให้ประชาชน สังคมระดับจังหวัด อาเภอ ตาบล หมู่บ้าน ชุมชน ต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการคิด การบริหารจัดการ การบริหารในทุกระดับ ปรับวัฒนธรรมขององค์การภาครัฐ ใหม่ เพราะระบบราชการทีแข็งตัวเกินไป ทาให้ไม่มีประสิทธิภาพและขาดความชอบธรรม กฎเกณฑ์เข้มงวด ช่อง ทางการสื่อสารขาดตอน รัฐไม่สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ได้ถูกต้อง ทาให้เกิดความ ขัดแย้ง ช่วงชิงอานาจและความล้มเหลวของระบบราชการและรัฐบาล จึงทาให้ความคิดเกี่ยวกับ Government เปลี่ยนไปกลบั กลายมาเปน็ Governance ท่ที ุกภาคสว่ นจะตอ้ งเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม กลา่ วคอื ภาครัฐ ต้องมีการปฏิรูปบทบาทหน้าท่ี โครงสร้างและกระบวนการทางานของหน่วยงาน/กลไกการ บริหาร ให้สามารถบริหารทรัพยากรของสังคมอย่างโปร่งใส ซ่ือตรง เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมี สมรรถนะสูงในการนาบริการของรัฐที่มีคุณภาพไปสู่ประชาชนโดยจะต้องมีการเปล่ียนทัศนคติค่านิยม และวิธี ทางานของเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ทางานโดยยึดถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง และสามารถร่วมทางานกับภาคประชาชน และภาคเอกชนไดอ้ ยา่ งราบร่นื เป็นมติ ร ภาคธุรกจิ เอกชน ต้องมีการปฏิรูปและกาหนดกตกิ าในหน่วยงานของภาคธุรกิจเอกชน เช่น บรรษัท บริษัท ห้างหุ้นส่วนฯ ให้มีกตกิ าการทางานทีโ่ ปรง่ ใส ซ่ือตรง เป็นธรรมต่อลูกคา้ ความรับผิดชอบต่อผถู้ ือหนุ้ และต่อ สังคม รวมท้ังมีระบบติดตามตรวจสอบการให้บริการท่ีมีมาตรฐานเทียบเท่าระดบั สากล และร่วมทางานกับภาครัฐ และภาคประชาชนได้อย่างราบร่ืน เป็นมิตรและมีความไว้วางใจซ่ึงกันและกัน ภาคประชาชนต้องสร้างความ ตระหนักหรือสานึกตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคลถึงระดับกลุ่มประชาสังคมเกี่ยวกับเร่ืองของสิทธิหน้าที่และความ รับผดิ ชอบต่อตนเองและสาธารณะทั้งในทางเศรษฐกจิ สังคม และการเมอื ง เพือ่ เปน็ พลังของประเทศท่ีมคี ุณภาพ มี ความรู้ ความเขา้ ใจในหลกั การของการสร้างกลไกการบริหารกิจการบ้านเมือง และสังคมที่ดี หรอื ธรรมรฐั ใหเ้ กิดขึ้น และทานุบารงุ รกั ษาให้ดียง่ิ ๆ ขึน้ ต่อไป องคป์ ระกอบของหลักธรรมาภบิ าล หลักธรรมาภบิ าล มีองคป์ ระกอบท่สี าคญั 6 ประการดงั นี้ 1. หลักนิติธรรม คือ การตรากฎหมาย กฎระเบียบข้อบังคับและกติกาต่าง ๆ ให้ทันสมัยและเป็น ธรรม ตลอดจนเป็นท่ียอมรับของสังคมและสมาชิก โดยมีการยินยอมพร้อมใจและถือปฏิบัตริ ่วมกันอย่างเสมอภาค และเปน็ ธรรม กล่าวโดยสรุป คือ สถาปนาการปกครองภายใตก้ ฎหมายมิใชก่ ระทากันตามอาเภอใจหรืออานาจของ บคุ คล หลักการจัดการ 3200-1002
335 2. หลักคุณธรรม คือ การยึดถือและเชื่อมน่ั ในความถูกต้องดีงาม โดยการรณรงค์เพ่ือสร้างคา่ นิยมที่ดี งามให้ผู้ปฏิบัติงานในองค์การหรือสมาชิกของสังคมถือปฏิบัติ ได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละ ความ อดทน ขยันหมัน่ เพียร และความมรี ะเบียบวนิ ัย เปน็ ตน้ 3. หลักความโปร่งใส คือ การทาให้สังคมไทยเป็นสังคมท่ีเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา และสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยการปรับปรุงระบบและกลไกการทางานขององค์การให้มีความโปร่งใสมี การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารหรือเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวก ตลอดจนมีระบบหรือ กระบวนการตรวจสอบและประเมินผลท่ีมีประสิทธิภาพซึ่งจะเป็นการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และช่วยให้ การทางานของภาครัฐและภาคเอกชนปลอดจากการทุจรติ คอรัปชนั่ 4. หลักความมีส่วนร่วม คือ การทาให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และร่วมเสนอ ความเห็นในการตัดสินใจสาคัญ ๆ ของสังคม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีช่องทางในการเข้ามามีส่วนร่วม ได้แก่ การแจ้งความเห็น การไต่สวน สาธารณะ การประชาพิจารณ์การแสดงประชามติ หรือ อื่น ๆ และขจัดการผูกขาด ทั้งโดยภาครัฐหรือโดยภาคธรุ กิจเอกชน ซ่ึงจะช่วยให้เกิดความสามัคคีและความร่วมมือกันระหวา่ งภาครัฐและภาค ธุรกจิ เอกชน 5. หลักความรับผิดชอบ ผู้บริหาร ตลอดจนคณะข้าราชการ ทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจา ต้องตั้งใจปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่อย่างดีย่ิง โดยมุ่งให้บริการแก่ผู้มารับบริการ เพื่ออานวยความสะดวกต่าง ๆ มี ความรบั ผิดชอบต่อความบกพรอ่ งในหน้าท่ีการงานทีต่ นรับผดิ ชอบอยู่ และพร้อมทจ่ี ะปรบั ปรุงแก้ไขได้ทนั ท่วงที 6. หลักความคุ้มค่า ผู้บริหาร ต้องตระหนักว่ามีทรัพยากรค่อนข้างจากัด ดังนั้นในการบริหารจัดการ จาเป็นจะต้องยึดหลักความประหยดั และความคมุ้ ค่า ซึ่งจาเป็นจะต้องตัง้ จุดมุ่งหมายไปที่ผู้รับบริการหรอื ประชาชน โดยส่วนรวม ดงั นั้น จะเห็นได้ว่าในการบริหารองคก์ าร ถ้าหากผู้บรหิ ารใช้หลักธรรมาภิบาลมาบรหิ ารองคก์ ารก็จะทา ใหอ้ งค์การมีความมัน่ คง มคี วามเจรญิ เติบโตตามสถานการณ์ และเปน็ องค์การทีม่ ีคุณภาพต่อไป กรณศี กึ ษาในองค์การธุรกจิ ในการบริหารองค์กรธุรกิจหรือการประกอบอาชีพมีความจาเป็นท่ีจะต้องนาการจัดการเข้าไป เกี่ยวข้องเสมอ คอื การวางแผน การจดั องค์การ การจัดบรรทัดฐาน การอานวยการ และการควบคมุ ไม่วา่ จะ เป็นองค์การธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็จะต้องนากระบวนการของหลักการจัดการไปประยุกต์ใช้ ดัง กรณศี กึ ษาตอ่ ไปน้ี หลักการจัดการ 3200-1002
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367