Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Management

Management

Published by kanthikasaeng2561, 2018-11-20 09:15:04

Description: Management

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 7 การควบคมุ 18ผถู้ ือหุ้นเป็ นมูลคา่ ของบริษทั หรือสิทธิของผถู้ ือหุน้ (เจา้ ของกิจการ) มีกรรมสิทธ์ิในทรัพยส์ ิน ส่วนของผถู้ ือหุน้ จะเทา่ กบั ผลแตกต่างระหวา่ งทรัพยส์ ินและหน้ีสิน 2) งบกาไรขาดทุน (Income Statement) เป็ นรายงานท่ีสรุปรายได้ คา่ ใชจ้ ่ายและกาไรขององค์การในช่วงระยะเวลาหน่ึง (เช่น 6 เดือน 1 ปี ) รายไดแ้ ละค่าใชจ้ ่ายเป็ นส่วนสาคญัของงบกาไรขาดทุน รายไดเ้ กิดจากการขายสินคา้ และบริการ ตลอดจนค่าใชจ้ ่ายในการดาเนินงานความแตกตา่ งระหวา่ งรายไดแ้ ละค่าใชจ้ ่าย คือ กาไร 3) งบกระแสเงินสด คือ งบที่แสดงการเคลื่อนไหวของเงินสดท่ีไดร้ ับและจา่ ยออกไปเป็นเงินสดเท่าน้นั 1.2.2 การวิเคราะห์อัตราส่ วน (Ratio Analysis) เป็ นกระบวนการเปรียบเทียบการทางานขององค์การ ด้วยการอาศยั การทางานที่ผ่านมาของคู่แข่งขนั หรือของอุตสาหกรรมประเภทเดียวกนั อตั ราส่วนเป็ นตวั เลขท่ีช้ีจากการเปรียบเทียบการวดั ทางการเงินของสิ่งหน่ึงกบั อีกส่ิงหน่ึง ผูบ้ ริหารใชอ้ ตั ราส่วน เพื่อติดตามผลการทางาน วิเคราะห์สิ่งที่แตกต่างทางการเงินที่สาคญัคือ 1) อตั ราส่วนสภาพคล่อง (Liquidity Ratios) เป็ นอตั ราส่วนที่จะวดัฐานะการเงิน ในระยะส้ัน คือ ระหวา่ งทรัพยส์ ินหมุนเวยี น และหน้ีสินหมุนเวยี น 2) อตั ราส่วนหน้ีสิน (Activity Ratios) เป็ นอตั ราส่วนที่จะวดั ความสามารถในการชาระหน้ีระยะยาวของกิจการ 3) อตั ราส่วนในการทากาไร (Profitability) เป็นอตั ราส่วนท่ีจะวดัประสิทธิภาพของการดาเนินงานของกิจการ 4) ระบบการควบคุมสินคา้ คงคลงั (Inventory Control Method) เป็ นการควบคุมสินคา้ คงคลงั ซ่ึงมีค่าใช้จ่ายจานวนมากที่เกิดข้ึนเน่ืองจากการควบคุมสินคา้ คงคลงัฉะน้นั นกั การตลาดจาเป็นตอ้ งบริหารสินคา้ ใหเ้ หมาะสม และถูกตอ้ ง 1.2.3 การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน (Break - Even Point Analysis) จุดคุม้ ทุน คือจุดที่เส้นรายไดต้ ดั กบั ตน้ ทุน เป็ นการแสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งค่าใชจ้ ่าย ยอดขาย และกาไรนน่ั เองการวเิ คราะห์จุดคุม้ ทุนเป็นเครื่องมือที่สามารถนามาใชท้ ้งั ในดา้ นการวางแผน และการควบคุมงาน 2. การควบคุมโดยใช้ PERT (Program Evaluation and Review Technique) PERT เป็ นการจัดแผนงานออกมาในรูป Net Work ซ่ึงได้ระบุถึงกิจกรรม(Activities) ต่าง ๆ ในรูปเหตุการณ์ (Event) ที่ตอ้ งกระทาและกาหนดระยะเวลา คา่ ใชจ้ ่ายต่าง ๆ หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยท่ี 7 การควบคุม 19 A (4) 21 D (5) F (10) C (3) B (7) 3 G (7) 5 E (2) H (2) 4 ภาพที่ 7.2 ตวั อย่างแผนภูมิ PERT ท่ีมา: สมคิด บางโม. 2539 : 219. 2.1 วธิ ีการ PERT ต้งั อยบู่ นแนวความคิดที่สาคญั 2 ประการ คือ 2.1.1 แผนงานหรือโครงการใดก็ตามมีตวั แปรเปลี่ยนอยู่ 3 ประการ คือ เวลาทรัพยากร และรายละเอียดของงาน หากตวั แปรประเภทใดถูกจากดั อีก 2 ประเภท ตอ้ งแปรเปล่ียนตามไปดว้ ย เช่น ในการวางแผนงานอยา่ งหน่ึง หากเวลาถูกจากดั ก็อาจตอ้ งเพิ่มทรัพยากร หรือลดรายละเอียดของงานลง แตถ่ า้ ทรัพยากรถูกจากดั ก็ตอ้ งเพม่ิ เวลา เป็นตน้ 2.1.2 แยกการวางแผนออกจากกาหนดเวลาแลว้ เสร็จของโครงการและเมื่อนาการวางแผนกบั เวลา ที่กาหนดให้แลว้ เสร็จมาประกอบกนั ก็จะช้ีให้เห็นเวลาวิกฤต (ระยะเวลายาวนาน) ตลอดจนอุปสรรค และปัญหาท่ีจะเกิดข้ึน ณ จุดใด เช่น ผูบ้ ริหารตอ้ งการผลงานวิจยัภายใน 12 วนั ขา้ งหน้า แต่ฝ่ ายปฏิบตั ิงานจะต้องใช้เวลาถึง 18 วนั เมื่อนาเวลาท่ีกาหนดไวม้ าประกอบการพิจารณาตามวิธีการคานวณของ PERT จะพบวา่ วถิ ีวิกฤต (สายงานท่ีใชเ้ วลายาวนานท่ีสุด) อยทู่ ่ีงานอะไร จะเปลี่ยนแปลงตวั แปรเปลี่ยนท้งั 3 ประเภทไดอ้ ยา่ งไร เพือ่ ใหง้ านแลว้ เสร็จทนั เวลา หรือจะตอ้ งวางแผนใหม่ การใช้ PERT มีอยู่ 3 ชนิด PERT time, PERT cost และ PERT mixed 2.2 ข้นั ตอนการดาเนินงานของ PERT มีดงั ตอ่ ไปน้ี 2.2.1 กาหนดวตั ถุประสงคข์ องโครงการใหแ้ น่ชดั 2.2.2 จดั ทาโครงร่างการจาแนกงาน หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคมุ 20 2.2.3 นางานที่จาแนกไวเ้ รียงลาดบั กิจกรรมใหส้ มั พนั ธ์กนั ตามลาดบั ก่อนหลงั 2.2.4 ประมาณเวลาท้งั 3 ประการ คือ เวลาที่คาดวา่ จะกระทาไดเ้ ร็วท่ีสุด เวลาท่ีคาดวา่ ชา้ ที่สุดและเวลาที่คาดวา่ ใกลเ้ คียงท่ีสุด ท้งั 3 ตวั น้ีจะใชป้ ระมาณในกิจกรรม Net Work ซ่ึงมีEvent จุดเริ่มตน้ ของงานหรือจุดของงานท่ีเสร็จโดยใชว้ งกลมแทน และ Activities เป็ นการปฏิบตั ิที่ตอ้ งใชเ้ วลาและทรัพยากร มีจุดเริ่มตน้ และจุดที่สาเร็จแน่นอน โดยใชล้ ูกศรเป็นเคร่ืองหมาย 2.2.5 ใหเ้ ลขรหสั แก่เหตุการณ์เรียงตามลาดบั ก่อนหลงั ของกิจกรรม 2.2.6 คานวณหาเวลาท่ีคาดหวงั ว่ากิจกรรมจะแล้วเสร็จ (TC) เวลาที่คิดว่าเหตุการณ์จะปรากฏ (Te) และเวลาท่ีอนุญาตให้เหตุการณ์ปรากฏไดอ้ ย่างช้าที่สุด (Tl) และเวลาเพยี งพอ 2.2.7 กาหนดวิถีวกิ ฤต (Critical Path) ของข่ายการปฏิบตั ิงานให้ชดั เจน โดยใช้สูตรการคานวณ ดงั น้ี TC = t0  4tm  tp 6 เม่ือ T\O คือ การประมาณเวลาท่ีแลว้ เสร็จเร็วท่ีสุด T\m คือ การประมาณเวลาที่แลว้ เสร็จใกลเ้ คียงท่ีสุด T\P คือ การประมาณเวลาแลว้ เสร็จล่าสุด TC คือ เวลาท่ีคาดหมายที่ทากิจกรรมเสร็จ 3. การควบคุมโดยใช้แกนท์ชาร์ท การควบคุมโดยใชแ้ กนทช์ าร์ท (Gantt Charts) ตารางแกนท์ เป็นเคร่ืองมือในการควบคุมซ่ึงมีลกั ษณะเป็ นตารางเส้นตรง กาหนดเวลาในอนาคตไวต้ ามแนวนอน และงานปฏิบตั ิไว้ตามแนวดิ่ง แผนภูมิน้ีจะใชค้ วบคุมเกี่ยวกบั เวลา และปริมาณ รวมท้งั ยงั เป็ นการแสดงผลของงานที่คาดวา่ จะไดร้ ับกบั ผลงานจริง โดยช่วยใหท้ ราบวา่ งานใดเป็ นไปตามกาหนด งานใดล่าชา้ หรือเร็วกวา่ ที่กาหนด หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยท่ี 7 การควบคุม 21กิจกรรม กิจกรรมที่ 1 การปฏิบตั ิงานในแผน การปฏิบตั ิงานจริง กิจกรรมท่ี 2 กิจกรรมท่ี 3 กิจกรรมที่ 4 เวลา ภาพที่ 7.3 ตารางแกนท์ชาร์ท (Gantt Chart) ท่ีมา: อุษณีย์ จิตตะปาโล และ นุตประวณี ์ เลิศกาญจนวตั ิ. ม.ป.ป. : 172. 4. การควบคุมโดยใช้แบบฟอร์ม การควบคุมโดยการใช้แบบฟอร์มสามารถนาไปใช้ประโยชน์เพื่อเป็ นแนวทางในการควบคุมคาสงั่ ต่าง ๆ ใหไ้ ดร้ ับการปฏิบตั ิตาม และเพอ่ื ใชใ้ นการสารวจงาน ค่าใชจ้ า่ ยของงานน้นั ๆ ตลอดจนเป็นหลกั ฐานในการประเมินผลงานของพนกั งานแต่ละคนดว้ ย 5. การควบคุมโดยใช้รายงาน การควบคุมรายงาน เป็ นส่ิงจาเป็ นของผบู้ ริหารในการช่วยปรับปรุง และติดตามการปฏิบตั ิงานของผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชา เนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกองค์การจะเปล่ียนแปลงอยู่เสมอ การประเมินค่าของรายงานต่าง ๆ ท่ีจดั ทาข้ึน ทาให้ผูบ้ ริหารลดภาระในการควบคุมลงได้ โดยตรวจสอบจากรายงานที่พนักงานเสนอข้ึนมา ทาให้ทราบว่าการปฏิบตั ิงานกา้ วหนา้ ไปแค่ไหน และมีปัญหาเกิดข้ึนอย่างไร ซ่ึงจะดาเนินการช่วยเหลือพนกั งานไดท้ นั ท่วงทีอย่างไรก็ตามการอ่านรายงานเพียงอย่างเดียวอาจไม่ทราบถึงภาระที่เกิดข้ึนจริงได้ เพราะบางคร้ังผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาเสนอรายงานเทจ็ ดงั น้นั จึงควรหาเวลาตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริงในรายงานดว้ ย หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยท่ี 7 การควบคมุ 22 6. การใช้กล่มุ คุณภาพ (QCC) ในการควบคุมงาน JUSE (Japanese Union of Scientists and Engineers) ไดค้ ิดวธิ ีการควบคุมคุณภาพอยา่ งมีประสิทธิภาพข้ึนภายในประเทศญ่ีป่ ุน ซ่ึงต่อมาเรียกวา่ QCC (Quality Control Circle) อนั เป็ นผลให้ญ่ีป่ ุนประสบความสาเร็จในดา้ นธุรกิจนาหนา้ ประเทศทางตะวนั ตก และแนวความคิดของ QCC น้ีก็เร่ิมระบาดไปเกือบทวั่ โลก ท้งั ในอเมริกา ยโุ รป ออสเตรเลีย และกาลงั ไดร้ ับการส่งเสริมอยา่ งจริงจงัในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ รวมท้งั ประเทศไทยดว้ ย สาหรับ QCC ท่ีจะกล่าวต่อไปน้ี จะมุ่งประโยชน์ของการใช้ QCC ต่อการควบคุมงานสานกั งานเป็นประเดน็ หลกั QCC หมายถึง พนักงานกลุ่มเล็ก ๆ ซ่ึงสังกดั ในหน่วยงานเดียวกนั ประชุมปรึกษาหารือกนั เป็ นประจา เพ่ือทากิจกรรมเก่ียวกับ Q.C. Activity ด้วยความสมคั รใจ อย่างต้งั ใจและต่อเน่ือง อีกท้งั เป็นกิจกรรมส่วนหน่ึงขององคก์ ารดว้ ย กลุ่มพนกั งานเหล่าน้ีจะทาการพฒั นาตวั เอง และพฒั นาซ่ึงกนั และกนั รวมท้งั การควบคุมการปรับปรุงงานของตน ดว้ ยความร่วมมือของสมาชิกภายในกลุ่มทุกคนโดยใช้ Q.C. Technique 6.1 แนวความคิดพืน้ ฐานของ QCC มีดงั น้ี 6.1.1 เพื่อให้ทุกคนมีส่วนช่วยเหลือในการพฒั นา และปรับปรุงองค์การน้นั ๆโดยเป็ นส่วนหน่ึงขององค์การ ซ่ึงพนักงานทุกคนต้งั แต่ระดบั สูงถึงต่าในองค์การ จาเป็ นตอ้ งมีส่วนร่วมในการควบคุมคุณภาพในหน่วยงานของตน 6.1.2 เพ่ือท่ีจะสร้างสรรคห์ น่วยงานใหเ้ ป็นสถานที่ ซ่ึงพนกั งานทุกคนรู้สึกวา่ตวั เองมีคุณค่า และสร้างบรรยากาศที่ดีในการทางาน โดยเช่ือว่าพนักงานไม่ใช่เป็ นเครื่องจกั รแต่พนกั งานเป็ นมนุษยท์ ่ีสามารถอุทิศความสามารถ และนาศกั ยภาพต่องานที่ไดร้ ับมอบหมายได้อยา่ งเตม็ ท่ี พนกั งานสามารถใชค้ วามเฉลียวฉลาด ความคิดสร้างสรรคห์ รือพยายามพฒั นาความสามารถของตนเองหากมีโอกาสใชค้ วามคิด และสามารถทางานเป็ นกลุ่มโดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซ่ึงกนั และกนั 6.1.3 เพื่อใหค้ วามสามารถของมนุษยไ์ ดถ้ ูกแสดงใหอ้ อกมาอยา่ งเต็มที่ และนามาใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไมม่ ีท่ีสิ้นสุด โดยเช่ือวา่ มนุษยน์ าเอาความสามารถใชย้ งั ไม่หมด 6.2 กิจกรรมกลุ่ม (Group Activity) จะต้องประกอบด้วยคุณลักษณะ 4 อย่างจึงจะทาให้ QCC ไดร้ ับความสาเร็จ หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคุม 23 6.2.1 สมาชิกตอ้ งมารวมกลุ่มกนั เพื่อมีส่วนร่วมในจุดประสงคเ์ ดียวกนั สิ่งที่ทุกคนตอ้ งยอมรับ คือ ความเสมอภาคในการแสดงความคิดเห็น มีการแลกเปลี่ยนความรู้กนั อยา่ งเตม็ ท่ี 6.2.2 สมาชิกเขา้ ใจซ่ึงกนั และกนั สามารถพูดจากนั ได้อย่างตรงไปตรงมาไม่ใชว้ ธิ ีบงั คบั หรือภาวะจาใจ โดยอาศยั ตาแหน่งหนา้ ท่ี 6.2.3 สมาชิกตอ้ งทางานร่วมกนั อย่างใกลช้ ิด และดาเนินการ กิจกรรมกลุ่มดว้ ยการริเริ่มข้ึนเอง 6.2.4 สมาชิกมีความสัมพนั ธ์กนั พอท่ีจะมีอิทธิพลซ่ึงกนั และกนั 6.3 คุณสมบตั ิทม่ี ผี ลต่อความสาเร็จของ QCC 6.3.1 ไดร้ ับการสนบั สนุนโดยคณะทางาน และฝ่ ายจดั การจากบริษทั อยา่ งจริงจงั 6.3.2 เนน้ หนกั ให้กลุ่มพนกั งานร่วมมือกนั เอง และพนกั งานมีส่วนร่วมในการยกระดบั ตนเอง 6.3.3 เป็ นที่ยอมรับจากการแสดงผลงาน เช่น บริษทั ให้รางวลั การไดเ้ ขา้ร่วมในการประชุม และไดร้ ับผลตอบแทนทางการเงิน 6.3.4 มีการฝึกอบรมหวั หนา้ งาน (Foreman) ใหร้ ู้จกั เทคนิคในการทางานเป็นกลุ่มและใชว้ ธิ ีการทางสถิติในการแกป้ ัญหาของหน่วยงาน 6.3.5 มีการฝึกสอนหวั หนา้ งานสาหรับพนกั งานกลุ่มเลก็ ๆ ในหน่วยงานน้นั 6.3.6 เป็ นกลุ่มการศึกษาอยา่ งอิสระดว้ ยตนเอง และดาเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นความพยายามของกลุ่ม ซ่ึงสมาชิกทุกคนตอ้ งร่วมมือกนั 6.4 ข้นั ตอนการแก้ปัญหา ตามหลกั ของ QCC มีข้นั ตอนสาคญั 4 ข้นั ตอน คือ 6.4.1 Plan หมายถึง การวางแผนซ่ึงประกอบดว้ ย การแยกแยะปัญหาต่าง ๆการจดั ทาวธิ ีการเป็ นข้นั ตอนในการทางาน และการต้งั จุดมุ่งหมายในปัญหาน้นั ๆ ท้งั น้ีจุดมุ่งหมายจะตอ้ งไม่ขดั กบั นโยบายขององคก์ าร จะตอ้ งมีขอ้ มูลอยา่ งเพียงพอ โดยจะตอ้ งไดร้ ับการสนบั สนุนอยา่ งเตม็ ท่ีจาก ผมู้ ีส่วนร่วมดว้ ย 6.4.2 Do หมายถึง การดาเนินงานซ่ึงประกอบดว้ ย การคน้ หาความจริงของปัญหาหรือเร่ืองน้ัน ๆ แล้วนามาวิเคราะห์ให้จะแจง้ ทาการฝึ กอบรม วิธีปฏิบตั ิการแก้ไขที่ได้กาหนดข้ึนปฏิบตั ิการ ตามวิธีปฏิบตั ิการแกไ้ ขท่ีไดก้ าหนดข้ึนดงั กล่าว และกาหนดวิธีแก้ไขให้ถูกตอ้ ง โดยสรุปสถานะที่เป็นอยใู่ นปัจจุบนั ของปัญหาหรือเรื่องน้นั วเิ คราะห์ขบวนการของปัญหาหรือเร่ืองน้นั อยา่ งชดั เจน แลว้ จดั ทาวธิ ีปฏิบตั ิการแกไ้ ขปัญหาหรือเร่ืองน้นั หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคมุ 24 6.4.3 Check หมายถึง การตรวจสอบผลการปฏิบตั ิการแกไ้ ขวา่ เป็ นไปตามจุดมุ่งหมายท่ีกาหนดหรือไม่ 6.4.4 Action หมายถึง วธิ ีการปฏิบตั ิการแกไ้ ข ถา้ ไมไ่ ดผ้ ลสมความมุง่ หมายให้เร่ิมหาวิธีการปฏิบตั ิการแกไ้ ขใหม่ และถา้ วิธีการปฏิบตั ิการแกไ้ ขเป็ นไปตามจุดมุ่งหมาย ให้จดั ทามาตรฐานการปฏิบตั ิการแกไ้ ขน้นั ไว้ AP Action Plan CD Check DO ภาพท่ี 7.4 ข้นั ตอนการแก้ปัญหาตามหลกั ของ QCC ท่ีมา: ศิริอร ขนั ธหตั ถ.์ 2544 : 196. หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคุม 25ปัจจัยทมี่ อี ทิ ธพิ ลต่อการควบคุม การควบคุมเป็ นกระบวนการทางการจดั การอนั ดบั สุดทา้ ย เป็ นส่ิงท่ีมีความสาคญั และมีความละเอียดอ่อนซ่ึงเกี่ยวขอ้ งกบั บุคคลหลายกลุ่ม ไม่วา่ จะเป็ นผูบ้ ริหาร หวั หนา้ งาน หรือพนกั งานเป็ นตน้ ดงั น้นั วธิ ีการควบคุมและปฏิบตั ิงานในองคก์ ารจะตอ้ งดาเนินการพฒั นาระบบควบคุมให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงตอ้ งพิจารณาปัจจยั ที่มีอิทธิพลตอ่ การควบคุม ดงั น้ี 1. ขนาดขององค์การ (Organization Size) จะเป็นปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการวางระบบควบคุม ถา้ หากองค์การขนาดเล็ก จะมีความคล่องตวั และยืดหยุน่ สูง ส่วนใหญ่จะมีการควบคุมแบบไม่เป็ นทางการ ซ่ึงทาใหพ้ นกั งานมีอิสระ กลา้ คิด กลา้ ทา และกลา้ แสดงออก จะเป็ นการควบคุมระหวา่ งการทางานเพื่อป้องกนั ไวก้ ่อน ส่วนองค์การขนาดใหญ่จะมีโครงสร้างที่เป็ นระบบ มีระเบียบชดั เจน มีการใชก้ ารควบคุมแบบเป็ นทางการ เนื่องจากขนาดขององคก์ ารมีโครงสร้างซับซ้อน มีคนจานวนมากมาทางานร่วมกนั ถา้ หากปล่อยใหม้ ีอิสระก็จะทาให้ไม่มีระเบียบ ขาดมาตรฐาน และทาใหเ้ กิดความสับสนและสร้างปัญหาในการทางานได้ จึงตอ้ งเนน้ การควบคุมก่อนดาเนินงานโดยการใช้กฎ ระเบียบ ข้นั ตอน และขอ้ บงั คบั ในการควบคุม และการควบคุมหลงั ดาเนินงานเพื่อดูผลงานวา่ ไดต้ ามเป้าหมายที่กาหนดหรือไม่ และดาเนินการแกไ้ ขอยา่ งไร 2. ตาแหน่งและระดับของผู้จัดการ (Position and Level of Managers) เป็ นปัจจยั ท่ีตอ้ งนามาพจิ ารณาเพ่ือใชใ้ นการควบคุมงานให้ไดต้ ามเป้าหมายท่ีตอ้ งการ เพราะพนกั งานในแตล่ ะระดบัจะมีอานาจหนา้ ที่ความรับผดิ ชอบที่แตกตา่ งกนั ซ่ึงผบู้ ริหารในองคก์ ารส่วนใหญ่แบ่งเป็ น 3 ระดบัคือ สูง กลาง และระดบั ตน้ ดงั น้นั อานาจหน้าที่ความรับผิดชอบก็จะลดหลนั่ กนั ตามระดบั ของตาแหน่งงานดว้ ย 3. ระดับการกระจายอานาจ (Degree of Decentralization) เป็ นปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อการกาหนดระบบการควบคุมในองคก์ าร โดยองคก์ ารจะเปิ ดโอกาสให้พนกั งานมีส่วนร่วมในการบริหาร โดยจะมีการกระจายอานาจให้ตามระดบั ของการบริหารงานในองคก์ ารน้นั เพื่อให้เหมาะสมกบั การตดั สินใจในการปฏิบตั ิงาน โดยมีกฎเกณฑ์ ข้นั ตอน และระเบียบปฏิบตั ิไวอ้ ย่างรัดกุมเพียงแตใ่ หพ้ นกั งานปฏิบตั ิงานตามที่ไดร้ ับมอบหมายใหส้ าเร็จเท่าน้นั 4. วัฒนธรรมองค์การ (Organizational Culture) จะเป็ นเครื่องกาหนดพฤติกรรมของสมาชิก โดยมองว่าวฒั นธรรมเปรียบเหมือนเป็ นจิตวิญญาณขององคก์ ารและการแสดงออกของพนกั งาน วฒั นธรรมองค์การถือเป็ นปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพและการยอมรับการควบคุมในองคก์ าร ท้งั วฒั นธรรมระบบปิ ด และวฒั นธรรมระบบเปิ ด หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคมุ 26 5. ความสาคัญของกจิ กรรม (Importance of Activity) ในการปฏิบตั ิงานตา่ ง ๆ ในองคก์ ารผบู้ ริหารไม่สามารถติดตามตรวจสอบการปฏิบตั ิงานของพนกั งานไดต้ ลอดเวลา จึงตอ้ งใชว้ ิธีการควบคุมใหเ้ หมาะสมกบั ความสาคญั ของงานแต่ละงาน เช่น ถา้ งานที่มีความสาคญั มาก ก็จะตอ้ งใช้การควบคุมที่รอบคอบ ส่วนงานที่มีความสาคญั นอ้ ยก็จะใชว้ ิธีการควบคุมที่นอ้ ยกวา่ ให้อิสระแก่พนกั งานและเปิ ดโอกาสในการทางานอยา่ งเตม็ ท่ี 6. โครงสร้างขององค์การ (Organization Structure) เป็ นระบบความสัมพนั ธ์และการประสานงานของบุคลากรในส่วนตา่ ง ๆ ขององคก์ าร ใหก้ ารดาเนินงานบรรลุเป้าหมาย ซ่ึงจะมีผลต่อวิธีการควบคุมในองค์การ โดยตอ้ งคานึงถึงรูปแบบโครงสร้างขององคก์ ารที่มีความยดื หยุน่คล่องตวั ไม่ยึดกฎระเบียบ และโครงสร้างองค์การแบบมีระบบ ถือกฎ ระเบียบ และวิธีการดาเนินงานแบบราชการ ระบบการควบคุมก็จะตอ้ งจดั ใหม้ ีความเหมาะสม ขนาดองคก์ ารโครงสร้างองคก์ าร ตาแหน่งและระดบั ของผจู้ ดั การความสาคญั ของ การควบคุม กิจกรรม ระดบั การกระจาย วฒั นธรรมองคก์ าร อานาจภาพที่ 7.5 ปัจจัยทมี่ ีอทิ ธิพลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการควบคุม ที่มา: ณฏั ฐพนั ธ์ เขจรนนั ท์ และฉตั ยาพร เสมอใจ. 2548 : 271. หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคุม 27การควบคุมในระดับโลก การควบคุมระดับโลกในเรื่องเก่ียวกับการปฏิบัติการควบคุมในประเทศต่าง ๆ เช่นประเทศญ่ีป่ ุน ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน ฯลฯ ในแต่ละประเทศก็มีแนวทางการควบคุมเป็นของตนเอง ซ่ึงสามารถสรุปไดด้ งั น้ี 1. การควบคุมในประเทศญี่ป่ นุ (Controlling in Japan) การอภิปรายถึงการตดั สินใจกลุ่มกลไกและการคน้ พบผลกระทบต่อกระบวนการจดั การภายในสานกั งาน โดยไม่มีการแบ่งกลุ่มระดบั ช้นัของการทางานผูบ้ ริหารเป็ นส่วนหน่ึงของกลุ่มงานการวดั ผลการทางานของแต่ละบุคคลไม่ใช่วตั ถุประสงค์ท่ีเป็นจริงเฉพาะอยา่ ง แต่เนน้ การทางานเป็นกลุ่ม การควบคุมจะมุ่งท่ีกระบวนการ ชาวญี่ป่ ุนเป็นที่รู้จกั กนั แพร่หลายเก่ียวกบั เรื่องคุณภาพในปี 1950 – 1969 และปี 1960 – 1969 ผลิตภณั ฑ์ญ่ีป่ ุนไดส้ ร้างภาพลกั ษณ์ดา้ นคุณภาพ ส่ิงน้ีเกี่ยวขอ้ งกบั การควบคุมคุณภาพซ่ึงตอ้ งการมีส่วนร่วมกบัวงจรการควบคุมคุณภาพ 2. การควบคุมในประเทศสหรัฐอเมริกา (Controlling in the United Stages)หมายถึง การวดั ผลการทางานตามมาตรฐานที่กาหนดไว้ การจดั การโดยวตั ถุประสงค์มีการนาไปใช้อย่างแพร่หลายตอ้ งกาหนดวตั ถุประสงค์ท่ีพสิ ูจน์ไดต้ ามการทางานของแตล่ ะบุคคลซ่ึงมีการวดั ดงั น้นั ผทู้ ่ีเหนือกวา่ จะดึงความแตกต่างของแต่ละบุคคล และส่ิงน้ีมีผลต่อการระบุความรับผดิ ชอบ ความพยายามที่ทาให้เกิดผลลพั ธ์เฉพาะบุคคลสูงสุด จะมีผลการทางานของกลุ่มท่ีมีปัญหาข้ึน การใชโ้ ปรแกรมการควบคุมคุณภาพไม่ใช่ส่ิงใหม่ มีการนาไปใชจ้ านวนมากและภายในประเทศญี่ป่ ุนก็ไดน้ าไปใชใ้ นการปรับปรุงการควบคุมคุณภาพ ผลิตภณั ฑแ์ ละผลผลิต 3. การควบคุมในประเทศจีน (Controlling in China) การควบคุมในจีนช่วงแรกโดยผนู้ ากลุ่ม การควบคุมมุ่งท่ีกลุ่ม ในขณะเดียวกนั มุ่งเฉพาะบุคคลดว้ ย ผบู้ ริหารโรงงานคาดหวงัวา่ จะให้เป็ นไปตามโควตา้ ที่กาหนดไว้ ลกั ษณะการควบคุมของจีนเป็ นการประยกุ ตก์ ารจดั การของสหรัฐอเมริกาและญ่ีป่ ุนเขา้ ดว้ ยกนั การกาหนดสิ่งแตกต่างจากมาตรฐานมีแนวโนม้ ที่จะทาให้ความรับผิดชอบของบุคคล เพ่อื รักษาภาพลกั ษณ์ในการทางาน หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยท่ี 7 การควบคุม 28ตารางท่ี 7.1 แสดงการเปรียบเทยี บของการควบคุมญีป่ ่ ุน สหรัฐอเมริกา และจีนการจัดการของญป่ี ่ ุน การจัดการของสหรัฐอเมริกา การจัดการของจีน1. การควบคุมโดยการสงั เกต 1. การควบคุมโดยผบู้ งั คบั บญั ชา 1. การควบคุมโดยผนู้ า กลุ่ม2. การควบคุมมุ่งท่ีการทางาน 2. การควบคุมมุ่งที่การทางาน 2. การควบคุมเบ้ืองตน้ของกลุ่ม ของแต่ละบุคคล มุ่งท่ีกลุ่มแตม่ ุง่ ที่แต่ ละบุคคลดว้ ย3. การรักษาภาพลกั ษณ์ 3. การระบุความรับผดิ ชอบ 3. พยายามท่ีจะรักษา แน่นอน ภาพลกั ษณ์4. ใชว้ งจรควบคุมคุณภาพ 4. ใชว้ งจรควบคุมคุณภาพจากดั 4. ใชว้ งจรควบคุมอยา่ งแพร่หลาย คุณภาพจากดั สรุปเกี่ยวกบั ทกั ษะการจดั การในประเทศต่าง ๆ ในการเปรียบเทียบการวางแผนการจดั การการจดั บุคคลเขา้ ทางาน การชกั นา และการควบคุม ในญี่ป่ ุน สหรัฐอเมริกา และจีน เป็ นที่ชดั เจนวา่ มีการประยกุ ตใ์ ช้หลกั เกณฑ์ และแนวความคิดในการจดั การ ของประเทศเหล่าน้ีมีความแตกต่างกนัและยงั ปรากฏวา่ ผบู้ ริหารมุ่งที่ระดบั โลก เพ่ือจะเรียนรู้เก่ียวกบั การจดั การซ่ึงไม่เพียงแต่ในประเทศของตน แต่ยงั ศึกษาถึงประเทศอ่ืน ๆ ทว่ั โลก ผบู้ ริหารจีนจะศึกษาท้งั การจดั การในญ่ีป่ ุน สหรัฐอเมริกาโดยเปรียบเทียบจากประสบการณ์ในอดีตของเขา และหนา้ ท่ีการจดั การทกั ษะต่าง ๆ จากสหรัฐอเมริกาและญี่ป่ ุน อาจจะมีการเคลื่อนยา้ ย โดยเฉพาะสิ่งแวดลอ้ ม ปัจจยั ดา้ นวฒั นธรรม และสังคมมีอิทธิพลตอ่ การปฏิบตั ิงาน หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคมุ 29สรุปสาระสาคญั การควบคุมงาน เป็ นกิจกรรมอยา่ งหน่ึงในการจดั การ และเป็ นกิจกรรมท่ีขาดเสียมิได้ เพราะถา้ ไม่มีการควบคุมแลว้ งานอาจไม่สาเร็จได้ โดยมีการเปรียบเทียบวา่ การควบคุมงานเปรียบเสมือนนายทา้ ยเรือจบั หางเสือให้เรือไปตามจุดหมาย หรือการท่ีคนขบั รถจบั พวงมาลยั ใหร้ ถเล้ียวไปตามถนน การควบคุมจะเก่ียวขอ้ งกบั แผนงานอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการควบคุมงานจะมีวตั ถุประสงค์ เพ่ือที่จะให้การปฏิบตั ิงานเป็ นไปตามแผนท่ีกาหนดไว้ ดงั น้นั ในการควบคุมงานจาเป็ นจะตอ้ งเรียนรู้แผนงานรวมท้งั วตั ถุประสงค์ และเป้าหมายอยา่ งชดั เจน และในการจดั การในงานสาคญั ๆ จะตอ้ งมีแผนการควบคุมงานดว้ ยเสมอ ระบบการควบคุมมีท้งั การควบคุมก่อนดาเนินการ การควบคุมขณะดาเนินการและการควบคุมหลงั ดาเนินการ ซ่ึงการควบคุมท้งั 3 ระบบน้ี จะทาให้การดาเนินงานสามารถบรรลุเป้าหมายไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ทาใหอ้ งคก์ ารประสบความสาเร็จเพราะการควบคุมมีไวเ้พ่ือการป้องกนัและแกไ้ ขขอ้ บกพร่องในการดาเนินงาน เพ่ือให้การปฏิบตั ิงานในการบริหารงานมีประสิทธิภาพเตม็ ท่ี ในการบริหารจดั การธุรกิจจะตอ้ งใชร้ ะบบการควบคุมท่ีมีประสิทธิภาพท้งั ธุรกิจในประเทศหรือต่างประเทศ หรือในระดบั โลกก็ตาม แต่ควรเลือกวธิ ีการและแนวทางในการควบคุมใหเ้ หมาะสมตามสถานการณ์ หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคุม 30คาชี้แจง จงอธิบายคาถามต่อไปนี้ 1. จงอธิบายความหมายของการควบคุม 2. จงอธิบายความสาคญั ของการควบคุม 3. ใหอ้ ธิบายกระบวนการในการควบคุม แตล่ ะข้นั ตอน พอเขา้ ใจ 4. การควบคุมสามารถแบ่งการควบคุมในดา้ นใดไดบ้ า้ ง 5. ใหอ้ ธิบายแนวทางในการควบคุมการปฏิบตั ิงานในองคก์ ารท่ีใกลช้ ิดกบั ตนเอง ในดา้ นใดดา้ นหน่ึงมาพอเขา้ ใจ หลกั การจดั การ 3200-1003

หน่วยที่ 7 การควบคมุ 31 ให้ผเู้ รียนแบ่งกลุ่ม โดยมีสมาชิกกลุ่มละ 5 – 6 คน ศึกษาประเด็นสาคญั ของการควบคุม พร้อมยกตวั อยา่ งการควบคุมขององคก์ ารโดยองคก์ ารใดองคก์ ารหน่ึง นาเสนอใหผ้ เู้ รียนฟังหนา้ ช้นั เรียน หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 9 การนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาใชใ้ นการจดั การ 1 ระบบขอ้ เสนอแนะ ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ กิจกรรม 5 ส ความสาคญั และประโยชน์เทคโนโลยกี ารบริการ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศเทคโนโลยกี ารผลิต องคป์ ระกอบของระบบ เทคโนโลยสี ารสนเทศ คุณลกั ษณะที่ดีของระบบ เทคโนโลยสี ารสนเทศ การนาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ มาใชใ้ นการจดั การ การนาอินเทอร์เน็ตมาประยกุ ตใ์ ชง้ าน หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 2จดั การ สาระสาคญั การจดั การในปัจจุบนั น้ีมีการนาเทคโนโลยแี ละเทคนิคใหม่ ๆ มาใชใ้ นการบริหารงานเพ่ือให้งานมีประสิทธิภาพและองคก์ ารประสบผลสาเร็จตามท่ีต้งั ใจไว้ เทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ ๆที่องค์การนิยมนามาประยุกต์ใช้มีดงั น้ี ระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การ เทคโนโลยีการผลิตเทคโนโลยกี ารบริการ กิจกรรม 5 ส ระบบขอ้ เสนอแนะ ซ่ึงองคก์ ารธุรกิจต่าง ๆ หรือส่วนราชการในปัจจุบนั จะตอ้ งหาเทคโนโลยแี ละเทคนิคการจดั การใหม่ ๆ มาใชเ้ สมอ สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. ความสาคญั และประโยชน์ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. องคป์ ระกอบของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. คุณลกั ษณะที่ดีของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 5. การนาระบบสารสนเทศมาใชใ้ นการจดั การ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 3จดั การ สาระการเรียนรู้6. การนาอินเทอร์เน็ตมาประยกุ ตใ์ ชง้ าน7. เทคโนโลยกี ารผลิต8. เทคโนโลยกี ารบริการ9. กิจกรรม 5 ส.10. ระบบขอ้ เสนอแนะจุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทวั่ ไป เพื่อใหค้ วามรู้เก่ียวกบั การนาเทคโนโลยสี มยั ใหม่มาใชใ้ นดา้ นการจดั การ ในยคุ ปัจจุบนั ซ่ึงมีเทคโนโลยใี หม่ ๆ เกิดข้ึนจานวนมาก จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อศึกษาหน่วยที่ 8 จบแลว้ ผเู้ รียนสามารถ 1. อธิบายความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 2. บอกความสาคญั และประโยชน์ของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 3. บอกองคป์ ระกอบของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 4. บอกคุณลกั ษณะที่ดีของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 5. อธิบายวธิ ีการนาระบบสารสนเทศมาใชใ้ นการจดั การได้ 6. อธิบายการนาอินเทอร์เน็ตมาประยกุ ตใ์ ชง้ านได้ 7. อธิบายเก่ียวกบั เทคโนโลยกี ารผลิตได้ 8. อธิบายเกี่ยวกบั เทคโนโลยกี ารบริการได้ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 4จดั การจุดประสงค์การเรียนรู้9. อธิบายกิจกรรม 5 ส. ได้10. อธิบายระบบขอ้ เสนอแนะได้11. สามารถนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาใชใ้ นการจดั การไดอ้ ยา่ งเหมาะสม หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 5จดั การการนาเทคโนโลยแี ละเทคนิคใหม่ ๆ มาใช้ในการจดั การความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ คาวา่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ เป็นการผสมผสานของคาหลาย ๆ คา ดงั น้ี พนิตพร กลางประพันธ์ (2552 : 218) ให้ความหมายว่า เทคโนโลยี (Technology)หมายถึง การนาเอาความรู้ดา้ นวทิ ยาศาสตร์มาพฒั นาความรู้ใหม่ เพื่อนามาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์อีกได้ พนิตพร กลางประพันธ์ (2552 : 218) ให้ความหมายวา่ สารสนเทศ (Information) หมายถึงขอ้ มูลขา่ วสาร ความรู้สึกตา่ ง ๆ ที่จะบนั ทึกไวอ้ ยา่ งเป็นระบบ นอกจากน้ีมีนักวิชาการสรุปความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศไวห้ ลายท่านดว้ ยกนั เช่น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี (อา้ งถึงใน พนิตพร กลางประพนั ธ์.2552 : 2) ให้ความหมายว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการจดั การในการดาเนินงานสารสนเทศ หรือสารนิเทศในข้นั ตอนต่าง ๆ ต้งั แต่ การแสวงหา การวเิ คราะห์ การจดั เก็บ การจดั การและการเผยแพร่ เพื่อเพิ่มประประสิทธิภาพ ความถูกต้อง ความแม่นยา และความรวดเร็ว ต่อการนามาใชป้ ระโยชน์ สานิตย์ อสั เมธีววี งศ์ (2546 : 2 อา้ งถึงใน พนิตพร กลางประพนั ธ์. 2552 : 2)ให้ความหมายว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีท่ีประกอบด้วยระบบจดั เก็บและประมวลขอ้ มูล ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และการสนบั สนุนการปฏิบตั ิงานดา้ นสารสนเทศท่ีมีการวางแผนจดั การและใชง้ านร่วมกนั อยา่ งมีประสิทธิภาพ วิโรจน์ ชัยมูล (2548 : 198 อา้ งถึงใน พนิตพร กลางประพนั ธ์. 2552 : 2) ให้ความหมายวา่ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง การประยุกตเ์ อาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มาจดั การสารสนเทศ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 6จดั การท่ีต้องการ โดยอาศยั เคร่ืองมือทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีการส่ือสาร เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยอาศยั กระบวนการดาเนินงานเป็ นระบบ รวมถึงมีการเผยแพร่ แลกเปลี่ยน หรือเพ่ิมประสิทธิภาพความตอ้ งการ ความแม่นยา และความรวดเร็วท่ีทนั ตอ่ การนามาใชป้ ระโยชน์ สรุปได้วา่ เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หมายถึง กระบวนการดาเนินการโดยการใช้เทคโนโลยีเขา้ มาประยุกต์ใช้ในการจดั การระบบขอ้ มูลสารสนเทศ ในทุกข้นั ตอน ต้งั แต่การแสวงหา การวเิ คราะห์ และการจดั เก็บขอ้ มูล เพ่ือใชป้ ระโยชน์ในการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ขอ้ มูลอยา่ งมีประสิทธิภาพความสาคญั และประโยชน์ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในปัจจุบนั ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ เขา้ มามีบทบาทในดา้ นการบริหารจดั การในองคก์ ารทางธุรกิจ ซ่ึงมีความสาคญั และเป็นประโยชนใ์ นดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี 1. ใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ ไวอ้ ยา่ งเป็นระบบ 2. เพิ่มประสิทธิภาพ ในการจดั เก็บขอ้ มูลท่ีมีความยงุ่ ยากซบั ซอ้ น 3. ทาใหก้ ารสื่อสารระหวา่ งกนั เป็นไปอยา่ งรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการสื่อสาร 4. ใหข้ อ้ มูลสารสนเทศในการตดั สินใจของฝ่ ายบริหารในการจดั การ 5. ทาใหก้ ารจดั เกบ็ ขอ้ มูลและเรียกใชข้ อ้ มูลอยา่ งเป็นระบบ 6. ใชเ้ พื่อการวางแผน และต้งั เป้าหมายตามท่ีไดค้ าดการณ์ไว้ 7. ใชพ้ ิจารณาผลการดาเนินงานที่เกิดข้ึนจริงวา่ มีความคลาดเคล่ือน หรือเบ่ียงเบนจากเป้าหมายท่ีกาหนดไวห้ รือไม่ และหากมีจะมากนอ้ ยเพยี งใด 8. ใชป้ ระโยชน์ในการคน้ หาสาเหตุของความคลาดเคล่ือนหรือเบี่ยงเบนที่เกิดข้ึนได้ 9. ใชใ้ นการวเิ คราะห์สิ่งที่เกิดข้ึนเพ่ือหาหนทางควบคุม และแกไ้ ขเหตุการณ์หรือสิ่งที่เป็นปัญหา เพอ่ื ใหส้ ามารถดาเนินการจดั การใหเ้ ป็นไปตามเป้าหมายท่ีกาหนดไวไ้ ด้ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 7จดั การองค์ประกอบของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information System) เป็ นระบบที่จะตอ้ งนาองค์ประกอบของระบบมาใช้ในการรวบรวม บนั ทึก ประมวลผล และเผยแพร่ข้อมูลเพ่ือใช้ในการวางแผนควบคุม การจดั การ เพื่อสนบั สนุนการตดั สินใจในกรณีต่าง ๆ องคป์ ระกอบท่ีสาคญั ของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ไดแ้ ก่ 1. การนาข้อมูลเข้าสู่ระบบ (Input) คือ การนาขอ้ มูลในดา้ นต่าง ๆ บุคลากร เขา้ ป้อนขอ้ มูลสู่ระบบการประมวลผล เพ่อื นาไปใชป้ ระโยชน์ 2. กระบวนการประมวลผล (Process) คือ การนาทรัพยากรที่ไดม้ าเขา้ สู่กระบวนการปรับเปล่ียน โดยใช้เคร่ืองมือด้านเทคโนโลยีช่วยการประมวลผล เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์เครื่องจกั รอตั โนมตั ิ เป็นตน้ เพอ่ื นาผลท่ีไดใ้ ชป้ ระกอบการตดั สินใจ 3. ผลลพั ธ์ (Output) คือ ผลท่ีไดจ้ ากการประมวลผลอาจจะอยูใ่ นรูปเล่มเอกสาร หรือรายงานต่าง ๆ 4. ผลย้อนกลบั (Feedback) คือ ส่ิงที่ไดร้ ับจากผลลพั ธ์ท่ีแสดงออกมาวา่ ดีหรือไม่กบั ส่ิงท่ีนาเขา้ สู่กระบวนการประมวลผลInput Process Output Feedback ภาพท่ี 8.1 องค์ประกอบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ที่มา: พนิตพร กลางประพนั ธ์. 2552 : 220. หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 8จดั การคุณลกั ษณะทด่ี ีของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดีสามารถช่วยให้ผูบ้ ริหารนาไปใช้ในการตดั สินใจบริหารจดั การองคก์ รให้มีประสิทธิภาพไดม้ ากข้ึน ซ่ึงคุณลกั ษณะของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีดี (ศรีไพร ศกั ด์ิรุ่งพงศก์ ุล. 2547 : 153 – 154) มีดงั น้ี 1. มีความสมบูรณ์ครบถว้ น (Complete) คือ จะตอ้ งมีขอ้ มูลในระบบที่เป็ นขอ้ เท็จจริงท่ีนาไปใชใ้ นการประมวลผล โดยมีรายละเอียดท่ีถูกตอ้ งครบถว้ น 2. มีความถูกตอ้ งแม่นยา (Accurate) คือ การนาขอ้ มูลเขา้ ประมวลผลจะตอ้ งมีความชดั เจน ถูกตอ้ ง ตรงตามความเป็นจริง 3. เขา้ ใจง่าย (Simple) คือ ระบบสารสนเทศจะตอ้ งเขา้ ใจไดง้ ่าย ไม่ซ้าซ้อน ไม่แสดงรายละเอียดมากเกินไป 4. ทนั ต่อเวลา (Timely) คือ ขอ้ มูลจะตอ้ งทนั สมยั รวดเร็วทนั ต่อเวลาท่ีจะใชง้ านตามความตอ้ งการของผบู้ ริหาร 5. มีความน่าเชื่อถือ (Reliable) คือ ขอ้ มูลท่ีนามาใชม้ ีความถูกตอ้ ง แม่นยา จะสร้างความน่าเช่ือถือต่อองคก์ าร 6. คุม้ ราคา (Economical) คือ จะตอ้ งมีความประหยดั และเหมาะสมกบั ราคาในการใช้ประโยชนข์ องสารสนเทศน้นั 7. ตรวจสอบได้ (Verifiable) คือ ผูท้ ่ีนาไปใช้งานสามารถตรวจสอบขอ้ มูลเพ่ือความมนั่ ใจวา่ มีความถูกตอ้ ง สามารถนาไปใชใ้ นการตดั สินใจเพื่อการเปรียบเทียบได้ 8. ตรงกบั ความตอ้ งการ (Relevant) คือ มีความสอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคแ์ ละสนองตอ่ ความตอ้ งการของผใู้ ชเ้ พ่ือประกอบการตดั สินใจ 9. สะดวกต่อการเขา้ ถึง (Accessible) คือ จะตอ้ งมีความง่ายและสะดวกในการเขา้ ถึงขอ้ มูลตามสิทธิของผใู้ ช้ เพอื่ ใหไ้ ดข้ อ้ มูลที่ถูกตอ้ งตามรูปแบบและทนั เวลา 10. มีความปลอดภยั (Secure) คือ จะตอ้ งเป็ นระบบที่มีความปลอดภยั จากผูท้ ี่ไม่มีสิทธิเขา้ ถึงขอ้ มูลสารสนเทศน้นัหลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 9จดั การการนาระบบสารสนเทศมาใช้ในการจัดการ ในปัจจุบนั การบริหารงานในองคก์ ารธุรกิจ มีความจาเป็ นอยา่ งยง่ิ ที่จะตอ้ งดาเนินการในการนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ โดยเฉพาะในเรื่อง การเก็บขอ้ มูลไวเ้ พื่อนาไปใช้การวางแผนธุรกิจในอนาคต จึงมีการนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเก็บขอ้ มูลที่พร้อมจะใช้งาน ซ่ึงเราเรียกว่า“ระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การ” ผูเ้ ช่ียวชาญเป็ นจานวนมากได้ให้ความเห็นในทานองเดียวกนั ว่า เทคโนโลยีสารสนเทศจะเป็ นสาเหตุที่ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงอยา่ งมากมายในแนวทางท่ีจะควบคุม ดูแลหรือใช้ประโยชน์จากสารสนเทศต่าง ๆ ในองคก์ ารซ่ึงสามารถเห็นไดจ้ ากในปัจจุบนั น้ีที่มีการใชค้ อมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(Personal Computer) กนั อยา่ งแพร่หลายในองคก์ ารต่างๆและนน่ั ยอ่ มหมายถึงวา่ ผูจ้ ดั การขององคก์ ารต่างๆมีโอกาสมากข้ึนท่ีจะไดส้ ารสนเทศท่ีดีในปริมาณที่สูงข้ึนมาไวใ้ นมือ ซ่ึงสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้จึงเป็นเรื่องท่ีจาเป็ นอยา่ งย่ิงท่ีผจู้ ดั การจะตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจในเรื่องการใชแ้ ละคุณลกั ษณะของระบบสารสนเทศที่ใชค้ อมพิวเตอร์เป็ นฐานในการจดั ระบบ เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสที่จะไดส้ ารสนเทศทางการจดั การที่ดีมาใชป้ ระโยชนส์ ืบไป การท่ีตอ้ งมีการนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการจดั การ โดยเฉพาะการนาคอมพิวเตอร์มาประยกุ ตใ์ ชก้ บั งานระบบสารสนเทศน้นั ก็เนื่องมาจากในยคุ ปัจจุบนั ธุรกิจมีการแขง่ ขนั กนั สูงและรุนแรง ดงั น้ันผูบ้ ริหารจึงมีความจาเป็ นอย่างย่ิงที่จะตอ้ งมีสารสนเทศท่ีถูกตอ้ งและมาถึงมือของผูบ้ ริหารได้ทันในเวลาท่ีเหมาะสม สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้ทนั ทว่ งที และไดเ้ ปรียบคู่แข่งขนั แต่ปัญหาที่บริหารส่วนใหญ่ไดพ้ บกค็ ือการมีขอ้ มูลอยใู่ นปริมาณที่มากมายจนเกินกว่าท่ีจะนามาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุม้ ค่า ซ่ึงจากความไม่มีระเบียบของขอ้ มูลข่าวสารที่มีปริมาณมากมายน้ีเอง ทาใหต้ อ้ งหาเคร่ืองมือมาช่วยในการจดั การกบั ขอ้ มูลเหล่าน้นั ซ่ึงก็คือคอมพิวเตอร์ โดยนามาใช้เป็ นระบบที่จะประมวลผลขอ้ มูล เพื่อใช้ประโยชน์ในงานการจดั การธุรกิจซ่ึงระบบดงั กล่าวเป็นเพียงการขยายขอบขา่ ยงานของระบบประมวลผลขอ้ มูลโดยทว่ั ๆ ไปนน่ั เอง พืน้ ฐานของระบบสารสนเทศ เพ่ือให้มีความเขา้ ใจในเรื่องระบบสารสนเทศมากข้ึนควรจะมีความเขา้ ใจถึงพ้ืนฐานของระบบสารสนเทศก่อนพอสังเขป กล่าวคือ ในระบบสารสนเทศท่ีใชค้ อมพิวเตอร์เป็ นฐานน้ันจะประกอบไปดว้ ยขอ้ มูล 2 ประเภท คือหลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 10จดั การ 1. ขอ้ มูล (Data) หมายถึง ขอ้ มูลดิบหรือขอ้ เทจ็ จริงที่เกิดข้ึน และยงั ไม่ผา่ นการวเิ คราะห์หรือประมวลผล อนั เป็ นขอ้ มูลที่จะสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในทางการจดั การไดไ้ ม่มากนกั และมกั จะไมต่ รงกบั ความตอ้ งการที่จะนาไปใชป้ ระโยชน์ประกอบการพจิ ารณาตดั สินใจอีกดว้ ย 2. สารสนเทศ (Information) หมายถึงขอ้ มูล (Data) ที่ไดผ้ า่ นการวเิคราะห์หรือผา่ นกระบวนการจดั รูปแบบท่ีเหมาะสม และสามารถใหห้ รือแปลเป็นความหมายนาไปใชป้ ระโยชน์ในการตดั สินใจในเรื่องการบริหารต่าง ๆ ได้ ตรงตามความตอ้ งการของผทู้ ่ีจะนาสารสนเทศไปใชใ้ นการตดั สินใจ การใช้คอมพิวเตอร์มาเป็ นฐานในการจดั การระบบสารสนเทศน้ัน สามารถเรียกได้หลากหลายช่ือแตกตา่ งกนั ออกไปในแตล่ ะองคก์ าร เช่น ระบบสารสนเทศเพ่อื การจดั การ (ManagementInformation Systems) ระบบสารสนเทศ (Information Systems) หรือหน่วยสารสนเทศ (InformationServices) แต่อยา่ งไรก็ตามในการใชค้ อมพิวเตอร์เป็ นฐานในการจดั การระบบสารสนเทศน้นั กล่าวโดยสรุปก็คือเป็ นกระบวนการในการประมวลผลข้อมูล โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิค (ElectronicData Processing = EDP) นน่ั เอง ซ่ึงหมายถึง กระบวนการในการแปลงสภาพของขอ้ มูลจากขอ้ มูลดิบหรือขอ้ เท็จจริงที่เกิดข้ึน ซ่ึงยงั ไม่ไดใ้ ห้ความหมายอนั ใดใหก้ ลายเป็ นขอ้ มูลที่เรียกวา่ สารสนเทศ ซ่ึงมีหรือให้ความหมายสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ไดต้ ามท่ีผูใ้ ช้ตอ้ งการโดยผ่านวิธีการหรือกระบวนการทางอิเล็กทรอนิค ท้งั น้ีเน่ืองจากคอมพิวเตอร์น้นั เป็ นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิคอยา่ งหน่ึง ซ่ึงในท่ีน้ีจะเรียกวา่ ระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การ กระบวนการในการจัดทาสารสนเทศ การจดั ทาระบบสารสนเทศภายในองคก์ าร มีวิธีการและแนวทางในการจดั เก็บไดห้ ลากหลายวธิ ีการดว้ ยกนั ซ่ึงถา้ มองในเชิงระบบแลว้ สามารถแสดงไดด้ งั น้ี หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 11จดั การ INPUT TRANSFORMATION OUTPUT Data D Processing P Reports, a r Document t o s ac Data e Storage s s Feedback (Controls) i n ภาพที่ 8.2 กระบวนการในการจัดทาสารสgนเทศที่มา : Bartol and Martin. 1944 : 594 อา้ งถึงใน สิทธิชยั อุยตระกลู . 2540 : 238. จากภาพท่ี 8.2 ในระบบสารสนเทศเร่ิมจากการนาเอาขอ้ มูล (Data) ซ่ึงเป็นปัจจยั นาเขา้(Input) เขา้ ไปสู่กระบวนการแปลงสภาพ (Transformation or Processing) ซ่ึงกระบวนการในการแปลงสภาพขอ้ มูลน้ี อาจทาไดห้ ลายรูปแบบในการที่จะดาเนินการหรือวเิ คราะห์วจิ ยั ขอ้ มูล เช่น การจดั แยกขอ้ มูล การจดั เรียงลาดบั การคานวณหรือการสรุปขอ้ มูล เป็ นตน้ นอกจากน้ีในระบบของกระบวนการจดั ทาสารสนเทศน้ีจะตอ้ งมีการจดั ทาคลงั เก็บขอ้ มูล (Data Storage) โดยเฉพาะขอ้ มูลพ้ืนฐานตา่ ง ๆท่ีสาคญั เอาไวอ้ ีกด้วย ซ่ึงการจดั เก็บขอ้ มูลในคลงั ขอ้ มูลจะตอ้ งจดั เก็บไวอ้ ย่างเป็ นระบบ เพื่อให้สามารถนาขอ้ มูลไปใช้ประโยชน์ไดง้ ่ายและเป็ นไปอยา่ งเหมาะสม โดยใช้ประกอบไปกบั ขอ้ มูลท่ีจะนามาใส่เขา้ ในระบบเป็ นปัจจยั นาเขา้ และเม่ือไดด้ าเนินการกบั ขอ้ มูลปัจจยั นาเขา้ ตามกระบวนการแปลงสภาพขอ้ มูลต่าง ๆ แลว้ ก็จะไดอ้ อกมาเป็ นสารสนเทศ หรือผลลพั ธ์ (Output) ซ่ึงอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รายงาน เอกสาร ฯลฯ อนั เป็ นสารสนเทศที่สามารถสนองตอบตอ่ ความตอ้ งการของผูท้ ี่จะนาขอ้ มูลไปใช้ประโยชน์ในการตดั สินใจไดต้ ่อไป และสาหรับการควบคุมหรือขอ้ มูลป้อนกลบั (Feedback or Control) น้นั หมายถึงวิธีการหรือแนวทางการป้องกนั ต่าง ๆ ท่ีจะนามาใช้เพื่อให้แน่ใจไดว้ า่ ผลลพั ธ์ที่ไดอ้ อกมาน้ันมีความเหมาะสม และสามารถตอบสนองต่อความตอ้ งการหรือวตั ถุประสงค์ของผูใ้ ช้งานสารสนเทศ นอกจากน้ีวิธีการหรือแนวทางในการป้องกนั น้ีจะตอ้ ง หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 12จดั การช่วยให้สามารถตรวจสอบไดว้ า่ ส่วนต่าง ๆ ภายในระบบท้งั ในแง่ขอ้ มูลหรือกระบวนการมีความถูกตอ้ งและแมน่ ยา จากท่ีกล่าวมาท้งั หมดจะเห็นไดว้ า่ ระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การ คือ กระบวนการข้นั ตอนต่าง ๆ ท่ีถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวม ดาเนินการ จดั เก็บ และเผยแพร่สารสนเทศ เพ่ือสนับสนุนการวางแผน การตดั สินใจ การประสานงาน และการควบคุม ซ่ึงเป็ นภาระหน้าที่ท่ีสาคญัในกระบวนการจดั การ จุดประสงคห์ ลกั ของระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การ อยู่ท่ีการดาเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในด้านการตลาด การผลิต การเงิน และส่วนงานอ่ืน ๆ โดยใช้และจดั เก็บขอ้ มูลลงในฐานขอ้ มูล ซ่ึงโดยขอ้ เท็จจริงแลว้ ระบบสารสนเทศก็ไมจ่ าเป็ นตอ้ งใชร้ ะบบคอมพิวเตอร์มาช่วยในงานการจดั การเสมอไป แต่การใชร้ ะบบคอมพิวเตอร์มาช่วยจะทาใหก้ ารดาเนินงานตา่ ง ๆในระบบมีความง่ายข้ึน ดงั น้ันระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็ นฐาน ก็คือระบบสารสนเทศที่มีการใชเ้ ทคโนโลยคี อมพิวเตอร์เขา้ ไปเก่ียวขอ้ งนนั่ เอง คุณสมบัตขิ องข้อมูลทดี่ ี ขอ้ มูล (Data) ที่ดีจะนามาใชใ้ นการประมวลผล เพื่อใหเ้ กิดสารสนเทศท่ีดี จะตอ้ งมีคุณสมบตั ิดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ถูกตอ้ งเชื่อถือได้ (Accuracy) จะตอ้ งเป็ นขอ้ มูลท่ีมีความถูกตอ้ งปราศจากความคลาดเคลื่อนหรือความผิดพลาดใด ๆ ของขอ้ มูล ท้งั น้ีการวดั ความถูกตอ้ งและความน่าเช่ือถือน้นั จะตอ้ งพจิ ารณาโดยนาเร่ืองของเวลา และมูลค่าของงานที่เกี่ยวขอ้ งมาประกอบดว้ ย 2. ทนั เวลา(Timeliness) ขอ้ มูลท่ีดีจะตอ้ งทนั กบั เหตุการณ์ท่ีตอ้ งการใชป้ ระโยชน์ หากไดข้ อ้ มูลมาชา้ หรือเร็วกวา่ เวลาที่ตอ้ งการจะใชป้ ระโยชนย์ อ่ มลดนอ้ ยลงไป 3. ความเกี่ยวขอ้ งของขอ้ มูลกบั งาน (Relevance) ขอ้ มูลท่ีจะเป็ นประโยชน์น้นั จะตอ้ งเกี่ยวขอ้ งหรือมีความสัมพนั ธ์โดยตรงกบั งานท่ีตอ้ งการใชข้ อ้ มูลน้นั ๆ 4. สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable) ในบางคร้ังขอ้ มูลชนิดเดียวกนั อาจไดม้ าจากแหล่งขอ้ มูลไดม้ ากกวา่ หน่ึงแหล่ง ดงั น้นั ขอ้ มูลที่มาจากต่างแหล่งกนั น้นั ควรจะตรงกนั จึงจะเชื่อถือไดว้ า่ เป็ นขอ้ มูลที่ถูกตอ้ ง ในการจดั ทาระบบสารสนเทศเพื่อการจดั การน้ี ขอ้ มูลที่มีคุณสมบตั ิที่ดี นบั วา่ เป็ นปัจจยั นาเขา้ของระบบท่ีสาคญั มาก เพราะถา้ ขอ้ มูลท่ีนาเขา้ ระบบเป็นขอ้ มูลที่ไมด่ ีแลว้ สารสนเทศซ่ึงเป็นผลลพั ธ์ที่ไดอ้ อกมากย็ อ่ มไมส่ ามารถนาไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนอ์ ยา่ งแทจ้ ริงได้ นอกจากน้ีอาจก่อให้เกิดผลเสียหาย หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 13จดั การจากการท่ีตดั สินใจผิดพลาด เน่ืองจากสารสนเทศท่ีนาไปใชป้ ระกอบการพิจารณาตดั สินใจ เป็นสารสนเทศท่ีไม่ถูกตอ้ งอีกดว้ ย องค์ประกอบของระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการโดยใช้คอมพวิ เตอร์เป็ นฐาน ระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การจะตอ้ งมีขีดความสามารถในการรวบรวมและประมวลผลสรุปขอ้ มูลที่มีรายละเอียดต่าง ๆ เพ่ือท่ีจะแปลงสภาพขอ้ มูลเหล่าน้นั ให้กลายเป็ นสารสนเทศให้กบัผบู้ ริหาร ดงั น้นั เพื่อที่จะทาใหร้ ะบบสารสนเทศดงั กล่าวน้ีมีขีดความสามารถดงั ท่ีไดก้ ล่าวมาจาเป็ นอยา่ งยง่ิที่จะตอ้ งมีเครื่องมือและอุปกรณ์ซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั ของระบบสารสนเทศดงั ต่อไปน้ี 1. ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีจะใช้ในการจัดการระบบสารสนเทศ ประกอบไปดว้ ยสิ่งต่าง ๆดงั น้ี คือ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึง อุปกรณ์ทางกายภาพของคอมพิวเตอร์หรือตวั เคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ท่ีจาเป็นอนั เป็นส่วนประกอบท่ีตอ้ งใชใ้ นการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ภาพท่ี 8.3 อปุ กรณ์ฮาร์ดแวร์คอมพวิ เตอร์ ท่ีมา: สุนีย์ แสงสุวรรณ. 2554. ซอฟท์แวร์ (Software) คือ โปรแกรมท่ีใชใ้ นการรวบรวมและประมวลผลสรุปขอ้ มูลซ่ึงมกั จะไดแ้ ก่ โปรแกรมท่ีเรียกกนั ว่า DBMS หรือ Database Management System ซ่ึงจะเป็ นส่ิงท่ี หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 14จดั การทาหน้าที่ประสานโปรแกรมประยุกต์ในการใช้งานต่าง ๆ (Application Programs) และกลุ่มของแฟ้มขอ้ มูล (Files) เขา้ ดว้ ยกนั ทาให้ระบบงานต่าง ๆ เรียกใช้ขอ้ มูลจากแฟ้มขอ้ มูลเดียวกนั ไดห้ รือรวบรวมขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งกนั จากแฟ้มขอ้ มูลอื่น ๆ เขา้ มาเป็นแฟ้มขอ้ มูลเดียวกนั ภาพท่ี 8.4 โปรแกรมชุดสาเร็จรูปเรียกว่า “ซอฟท์แวร์” ท่ีมา: สุนีย์ แสงสุวรรณ. 2554. ฐานขอ้ มูล (Database) เป็ นกลุ่มของขอ้ มูลท่ีไดร้ ับการจดั เก็บไวอ้ ย่างเป็ นระเบียบและเก็บไวอ้ ยา่ งดี มีประสิทธิภาพพร้อมที่จะนาข้ึนมาใชป้ ระโยชน์ไดท้ นั ที ในสถานท่ีท่ีไดม้ ีการจดั ไว้เป็ นศูนยก์ ลางในการจดั เก็บ โดยกลุ่มของขอ้ มูลเหล่าน้ีตอ้ งมีความพร้อมท่ีจะนามาใช้สนบั สนุนความตอ้ งการสารสนเทศในดา้ นต่าง ๆ ของผบู้ ริหารไดเ้ ป็นอยา่ งดี ฐานขอ้ มูลนบั ไดว้ า่ เป็ นหวั ใจของระบบสารสนเทศเพ่ือการจดั การ ขอ้ มูลท่ีดีนอกจากจะตอ้ งมีความเช่ือถือไดแ้ ลว้ จะตอ้ งไดร้ ับการจดั เก็บไวอ้ ยา่ งเป็ นระบบที่ดี สามารถเรียกใชไ้ ดง้ ่ายรวดเร็ว และไม่ซ้าซอ้ น หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 15จดั การข้อมูลนกั ศึกษา ระบบจดั การ ระบบ ตารางสอนข้อมูลรายวชิ า ฐานข้อมูล ตารางสอน รายวชิ า DBMS สลปิ เงนิ เดือน ข้อมูลครู ระบบคาอธิบายข้อมูล ลงทะเบยี น เรีรนย ระบบเงนิ เดือน ภาพท่ี 8.5 ฐานข้อมูล ท่ีมา: วทิ ยาลยั อาชีวศึกษานครศรีธรรมราช. 2553. 2. วธิ ีการหรือข้ันตอนในการประมวลผลข้อมูล ไดแ้ ก่ ลาดบั ข้นั ของการประมวลผลขอ้ มูลภายในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ในการสร้างสารสนเทศที่ตอ้ งการโดยปกติการประมวลผลขอ้ มูลภายในเคร่ืองคอมพิวเตอร์น้นั จะกระทาอยูภ่ ายในหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit หรือ CPU)ซ่ึงเป็นหน่วยความจาหลกั และเป็ นส่วนท่ีใชใ้ นการทาหนา้ ท่ีประมวลผลขอ้ มูลของระบบคอมพวิ เตอร์ 3. การแสดงผลลพั ธ์ ผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากระบบสารสนเทศเพอ่ื การจดั การน้นั จะตอ้ งสามารถเรียกใชง้ านหรือแสดงผลลพั ธ์ออกมาไดอ้ ยา่ งรวดเร็วในรูปแบบต่าง ๆ แต่อยา่ งไรก็ดีผลลพั ธ์มกั จะออกมาอยใู่ นรูปของรายงานแบบตา่ ง ๆ ซ่ึงโดยทวั่ ไปแลว้ รายงานท่ีมีการใชก้ นั อยูน่ ้นั มี 4 ประเภทคือ 3.1 Schedule Reports ไดแ้ ก่ รายงานท่ีจดั ทาข้ึนแจกจา่ ยภายในหน่วยงานอยเู่ ป็ นประจา อาจจะเป็ นประจาวนั รายสัปดาห์ หรือรายเดือนก็ได้ รายงานประเภทน้ีประกอบดว้ ยข่าวสารมากมาย ซ่ึงอาจจะเกินความตอ้ งการท่ีจะใช้ช่วยในการตดั สินใจ และโดยเฉพาะในปัจจุบนั ผูบ้ ริหารสามารถขอดูรายงานจากจอภาพของคอมพิวเตอร์ไดท้ นั ที ซ่ึงสามารถระบุเฉพาะส่ิงที่อยากทราบได้รายงานประเภทน้ีจึงลดความสาคญั ลงไป 3.2 Demand Reports คือ รายงานท่ีทาข้ึนตามที่ผูบ้ ริหารส่ัง จึงประกอบด้วยขอ้ มูลที่ผูบ้ ริหารตอ้ งการจะทราบ ในสมยั ก่อนที่ยงั ไม่มีเคร่ืองคอมพิวเตอร์เขา้ มาช่วย การเตรียมรายงานประเภทน้ีมกั ใชเ้ วลานานพอสมควร แต่ในปัจจุบนั ผบู้ ริหารสามารถใชค้ อมพิวเตอร์ช่วย โดยให้แสดงถึง หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 16จดั การสารสนเทศที่อยากจะทราบไดท้ นั ที ยกเวน้ เพียงแตเ่ ฉพาะในกรณีท่ีไม่มีขอ้ มูลท่ีผบู้ ริหารตอ้ งการจะทราบบนั ทึกไวอ้ ยใู่ นแฟ้มขอ้ มูลของคอมพิวเตอร์เท่าน้นั 3.3 Expection Reports เป็ นรายงานที่จดั ทาข้ึน เมื่อเกิดปัญหาเฉพาะดา้ นใดดา้ นหน่ึงซ่ึงไม่ไดม้ ีการคาดคิดมาก่อน เพ่ือเสนอให้ผูบ้ ริหารไดท้ ราบถึงปัญหาท่ีเกิดข้ึนเฉพาะหนา้ เพื่อจะได้หาหนทางแกไ้ ขตอ่ ไป 3.4 Predictive Reports เป็ นรายงานท่ีมีประโยชน์มากในการวางแผนเพื่อตดั สินใจเพราะจะประกอบดว้ ยผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากการวเิ คราะห์เชิงสถิติ เช่น การวเิ คราะห์เชิงถดถอย อนุกรมเวลา ฯลฯ รายงานประเภทน้ีจะช่วยผูบ้ ริหารตอบปัญหาในลกั ษณะอะไรจะเกิดข้ึน ถา้ เช่นอะไรจะเกิดข้ึนถา้ ยอดขายเพ่มิ ข้ึนจากเดิมและจะมีผลกระทบถึงกาไรมากนอ้ ยเพียงใด เป็นตน้ ขอ้ มูลในอดีตจะสาคญั มากสาหรับรายงานแบบน้ี เน่ืองจากจาเป็ นตอ้ งใชใ้ นการวเิ คราะห์ในโมเดลเชิงสถิติต่าง ๆเพ่ือใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์เสนอในรายงาน ความต้องการสารสนเทศของผู้บริหารแต่ละระดบั ในการดาเนินการจดั การของผูบ้ ริหารในทุกระดบั จาเป็ นท่ีจะตอ้ งมีการตดั สินใจเกิดข้ึนอยเู่ สมอ ซ่ึงการตดั สินใจในแตล่ ะระดบั จะมีความแตกต่างกนั โดยแบ่งออกได้ 3 ระดบั คือ 1. Strategic Decisions การตดั สินใจของผบู้ ริหารระดบั สูง จะมุ่งเนน้ ไปในเร่ืองของอนาคตหรือส่ิงที่ยงั ไม่เกิดข้ึน โดยจะเก่ียวขอ้ งกบั ความไม่แน่นอน มกั จะเป็ นการกาหนดหรือต้งั เป้าหมายไวใ้ นอนาคต เช่น การกาหนดท่ีต้งั โรงงาน แหล่งเงินทุน และการตดั สินใจเก่ียวกบั ประเภทสินคา้ที่จะผลิต เป็นตน้ 2. Tactical Decisions การตดั สินใจระดบั กลาง เป็ นการตดั สินใจเกี่ยวกบั การจดั การเพ่ือให้เป็ นไปตามนโยบายของผูบ้ ริหารระดบั สูง ไดแ้ ก่ การจดั สรรทรัพยากรเพื่อให้เพียงพอกบัเป้าหมายขององคก์ าร การวางโครงสร้างหรือลกั ษณะของโรงงาน การเตรียมบุคลากร การจดั สรรงบประมาณหรือตารางการผลิตสินคา้ เป็นตน้ 3. Operational Decisions การตดั สินใจระดบั ล่าง เป็นการตดั สินใจท่ีเก่ียวกบั การปฏิบตั ิงานเฉพาะด้าน เพ่ือให้เกิดความมนั่ ใจว่าจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลกั ษณะของงานของผูบ้ ริหารระดบั ล่างน้ีเป็ นงานท่ีมีข้นั ตอนซ้า ๆ ซ่ึงไดม้ ีกาหนดเป็ นมาตรฐานไวล้ ่วงหน้า และพยายามทาให้งานมีลกั ษณะเป็ นไปไดต้ ามแผนท่ีวางไว้ เช่น จานวนคร้ังและปริมาณของการส่ังซ้ือวตั ถุดิบในช่วงระยะเวลาใดเวลาหน่ึง การกาหนดขอบเขตงานใหก้ บั พนกั งานแตล่ ะคน ฯลฯ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 17จดั การ ชนิดของระบบสารสนเทศทใี่ ช้คอมพวิ เตอร์เป็ นพืน้ ฐานในการจัดการระบบ 1. Transaction-Processing Systems (TPS) เป็ นระบบสารสนเทศที่จะปฏิบตั ิการหรือบนั ทึกเก่ียวกบั การติดตอ่ ธุรกิจประจาวนั ขององคก์ าร ซ่ึงปฏิบตั ิอยเู่ ป็นประจาทุกวนั ในการดาเนินงานเช่น ระบบการชาระค่าบริการการใชโ้ ทรศพั ท์ โดยใชว้ ิธีการหกั จากบญั ชีเงินฝากธนาคาร ซ่ึงเป็ นการหกั ผา่ นระบบคอมพวิ เตอร์ ท่ีเรียกวา่ ระบบ TPS 2. Office Automation Systems (OAS) เป็นระบบสารสนเทศท่ีมีวตั ถุประสงคใ์ นการอานวยความสะดวกในดา้ นการติดต่อส่ือสารต่าง ๆ รวมท้งั เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทางานของผูจ้ ดั การ ตลอดจนพนักงานประจาสานักงาน โดยเฉพาะในเรื่องของการดาเนินการเก่ียวกบั เอกสารและการสื่อขอ้ ความตา่ ง ๆ ตวั อยา่ ง เช่น ระบบ Word-Processing ตา่ ง ๆ 3. Management Information Systems (MIS) เป็ นระบบสารสนเทศที่ช่วยในการจดั สร้างหรือจดั ทารายงานในรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจจะเป็ นท้งั รายงานประจาหรือรายงานท่ีผบู้ ริหารร้องขอเป็นคร้ังคราวก็ได้ ระบบสารสนเทศ MIS มกั จะใชใ้ นการดาเนินการเพอ่ื สนองตอบตอ่ ความตอ้ งการดา้ นสารสนเทศ ซ่ึงอาจจะเป็ นสารสนเทศในอดีตและปัจจุบนั ของผบู้ ริหารระดบั กลางหรือระดบั ปฏิบตั ิการเป็ นหลกั การจดั ทาผลสรุปสารสนเทศท่ีได้จากระบบ TPS โดยจดั ทาเป็ นรายงานประจาให้กบัผบู้ ริหารและหวั หนา้ งาน เพ่อื นาไปใชป้ ระโยชน์ในการบริหารงาน 4. Decision Support Systems (DSS) เป็ นระบบสารสนเทศท่ีช่วยสนับสนุนกระบวนการดาเนินงานเกี่ยวกบั การตดั สินใจภายใตส้ ถานการณ์ที่ไม่สู้ดี หรือมีโครงสร้างของสิ่งแวดลอ้ มท่ีไม่ดีซ่ึงระบบ DSS น้ีจะเป็ นเครื่องมือช่วยผูบ้ ริหารในการวิเคราะห์สถานการณ์ท่ีไม่สู้ดี หรือไม่ชดั เจนให้มีความกระจ่างมากข้ึน ซ่ึงจะช่วยให้การดาเนินการตามกระบวนการตดั สินใจของผูบ้ ริหารเป็ นไปดว้ ยดีมากยิง่ ข้ึน ตวั อยา่ งของ DSS คือ Expert Systems ซ่ึงเป็ นระบบคอมพิวเตอร์ที่นาเอาความรู้ของผเู้ ช่ียวชาญสาขาต่าง ๆ มารวบรวมจดั เกบ็ ไวใ้ นหน่วยความจา เพ่อื ช่วยในการตดั สินใจ 5. Executive Support Systems (ESS) เป็ นระบบสารสนเทศที่ใชเ้ พอ่ื การสนบั สนุนการตดั สินใจและการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิผลของผูบ้ ริหารระดบั สูงขององคก์ าร บางคร้ังเรียกระบบน้ีว่า Executive Information Systems (EIS) โดยปกติระบบ ESS จะเป็ นระบบสารสนเทศที่ออกแบบมาใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการใชง้ านในการทางานของผบู้ ริหารในสถานการณ์ต่าง ๆ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 18จดั การ ภาพท่ี 8.6 ชนิดของระบบสารสนเทศทใี่ ช้คอมพวิ เตอร์เป็ นพืน้ ฐานในการจัดการระบบ ท่ีมา: ดดั แปลงจาก มหาวทิ ยาลยั หาดใหญ่. ม.ป.ป. ปัจจุบนั การดาเนินงานทางธุรกิจนอกจากมีการนาเทคโนโลยดี า้ นคอมพิวเตอร์มาใชใ้ นการจดั ระบบสารสนเทศเพ่ือการบริหารแลว้ กม็ ีเทคโนโลยดี า้ นอื่น ๆ มาใชใ้ นการบริหารธุรกิจ ซ่ึงนบั ไดว้ า่ เป็นเครื่องมือเทคโนโลยใี หม่ ๆ ในการส่งเสริมดา้ นคุณภาพขององคก์ ารการนาอนิ เทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้งาน เม่ือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงเครือข่ายทวั่ โลกใหส้ ามารถติดต่อถึงกนั ไดห้ มด จนกลายเป็ นเครือข่ายของโลก การใชอ้ ินเตอร์เน็ตในปัจจุบนั จึงไดข้ ยายวงกวา้ งออกไปมากข้ึน ดงั น้นัจึงมีผูใ้ ชง้ านบนเครือข่ายน้ีจานวนมาก เพราะการเช่ือมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาให้โลกไร้พรมแดนขอ้ มูลข่าวสารต่าง ๆ สามารถส่ือสารถึงกนั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว และใชต้ น้ ทุนในการลงทุนต่า องคก์ ารต่าง ๆ จึงไดน้ าอินเทอร์เน็ตมาใชเ้ พอ่ื ประโยชน์สาหรับหน่วยงานของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ ไดแ้ ก่ 1. การประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference System) การประชุมทางไกลผา่ นจอภาพเป็ นระบบการจดั การดว้ ยการนาเทคโนโลยใี หม่ ๆมาใชใ้ นการปฏิบตั ิงานในองคก์ าร ซ่ึงมีผลทาให้ผปู้ ฏิบตั ิงานไม่ตอ้ งเสียเวลาในการเดินทางเขา้ ร่วมประชุม ผบู้ ริหารในปัจจุบนั จะนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาใชใ้ นการบริหารงานใหค้ รอบคลุมในทุก ๆ ดา้ น หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 19จดั การจึงมีความจาเป็ นตอ้ งสร้างเครือข่ายการประชุมส่ังการและการประสานงานระหว่างผูบ้ ริหารกบัหวั หนา้ หน่วยงานภายในองคก์ าร เช่น การประชุมทางไกลผา่ นจอภาพระหวา่ งจงั หวดั นครศรีธรรมราชและกรุงเทพมหานคร ระบบการเรียนการสอนพิเศษของสถาบนั กวดวิชาต่าง ๆ ท่ีมีเครือข่ายในตา่ งจงั หวดั ภาพที่ 8.7 การประชุมทางไกลผ่านจอภาพ ท่ีมา : โครงการ IPTV UniNet2. ม.ป.ป. ประโยชน์ของการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ 1) สามารถเช่ือมโยงกบั ระบบอินเทอร์เน็ตของหน่วยงานได้ 2) ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยในการเดินทางใหน้ อ้ ยลงได้ 3) รู้ข่าวสารขอ้ มูลต่าง ๆ ตรงกนั ในทุกเครือขา่ ย 4) ประหยดั เวลาในการเดินทาง 5) สามารถถามตอบกนั ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งเผชิญหนา้ กนั 6) มีความปลอดภยั ของขอ้ มูล เน่ืองจากขอ้ มูลที่ส่งผ่านระบบโทรคมนาคมในการประชุมทางไกลสามารถเขา้ รหสั เพือ่ ป้องกนั การลกั ลอบนาขอ้ มูลไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 20จดั การ ข้อจากดั ของการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ 1) โครงสร้างพ้ืนฐานของระบบสื่อสารโทรคมนาคม หากสถานท่ีจดั ประชุมทางไกลไม่มีโครงสร้างพ้ืนฐานของระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่สามารถรองรับการประชุมทางไกลไดแ้ ลว้กไ็ มส่ ามารถจดั ประชุมทางไกลได้ 2) ขนาดของข้อมูล หากในการประชุมทางไกลมีขนาดของข้อมูลใหญ่กว่าที่ระบบส่ือสารโทรคมนาคมรองรับไดก้ ็ไมส่ ามารถใชง้ านได้ หรืออาจจะตอ้ งใชเ้ วลามากกวา่ ปกติ 3) โครงสร้างของระบบสื่อสารโทรคมนาคมในปัจจุบนั ท่ีมีอยูย่ งั ไม่สามารถรองรับขอ้ มูลขนาดใหญ่ได้ 4) ระยะทาง หากการประชุมทางไกลมีระยะทางห่างกนั มากหรือมีการใช้ดาวเทียมเพ่ือการเช่ือมโยงสญั ญาณ กอ็ าจทาใหเ้ กิดการหน่วงสญั ญาณของเวลาได้ (Delay) 5) ความแตกต่างเรื่องเวลา หากเป็ นการประชุมระหวา่ งประเทศก็อาจทาให้เกิดปัญหาเร่ืองเวลาท่ีไม่ตรงกนั ได้ 6) กฎ ระเบียบ และความซ้าซอ้ นของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการขอใชบ้ ริการทาใหไ้ มส่ ะดวกในการใหบ้ ริการ 2. บริการต่าง ๆ บนเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต ในปัจจุบนั อินเทอร์เน็ตนบั ไดว้ า่ เป็นแหล่งที่ใชใ้ นการเก็บขอ้ มูลต่าง ๆ ที่มีขนาดใหญ่สามารถคน้ หาหรือคน้ ควา้ และรับส่งขอ้ มูลระหวา่ งกนั ได้ อินเทอร์เน็ตเป็นส่ือที่มีประโยชน์สาหรับสังคมยคุ ปัจจุบนั ทาหน้าที่รับส่งข่าวสารต่าง ๆ เปรียบเสมือนหอ้ งสมุดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่สามารถคน้ หาขอ้ มูลจากทวั่ โลกภายในเวลาไม่กี่นาที โดยไม่จากดั เวลาและสถานที่ บริการต่าง ๆบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีดงั น้ี (โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ, http://www.streesmutprakan.ac.th/teacher/ techno/WEB%20_JAN/p6.html) 2.1 เวิลด์ไวด์เวบ็ (World Wide Web : WWW) คือบริการคน้ หาและแสดงขอ้ มูลแบบมลั ติมีเดีย บนอินเทอร์เน็ตทุกประเภท ซ่ึงขอ้ มูลและสารสนเทศอาจจดั อยู่ในรูปแบบของขอ้ ความ รูปภาพ หรือ เสียงก็ได้ ขอ้ ดีของบริการประเภทน้ีคือ สามารถเชื่อมโยงไปยงั เวบ็ เพจหน้าอื่นหรือเวบ็ ไซด์อ่ืนไดง้ ่าย เพราะใชว้ ิธีการของไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) โดยมีการทางานแบบไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) ซ่ึงผูใ้ ชส้ ามารถคน้ หาขอ้ มูล จากเคร่ืองท่ีให้บริการซ่ึงเรียกวา่ เวบ็ เซิร์ฟเวอร์โดยอาศยั โปรแกรม ที่ใช้ดูข้อมูลเว็บเบราวเ์ ซอร์ (Web Browser) ซ่ึงผลท่ีได้จะมีการแสดงเป็ นไฮเปอร์เท็กซ์ ซ่ึงในปัจจุบนั มีการผนวกรูปภาพ เสียง ภาพเคล่ือนไหว และสามารถเชื่อมโยงไปยงั หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 21จดั การเอกสารหรือข้อมูลอ่ืน ๆ ได้โดยตรงตวั อย่างเช่น www.yahoo.com สามารถค้นหาและเช่ือมโยงข้อมูลไปยงั เรื่องราวต่างๆ เช่น การศึกษาการท่องเท่ียว โรงแรมต่าง ๆ การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ เป็นตน้ 2.2 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) หรือนิยมเรียกกนั ทวั่ ไปว่า “อีเมล์”(E-mail) เป็ นรู ปแบบการติดต่อส่ื อสาร ระหว่างกัน และกันบนเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต ท่ีมีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถส่งขอ้ ความ ไปยงั สมาชิกที่ติดต่อดว้ ย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและสามารถแนบไฟลข์ อ้ มูลไปพร้อมกบั จดหมายไดอ้ ีกดว้ ย การส่งจดหมายในลกั ษณะน้ี จะตอ้ งมีท่ีอยเู่ หมือนกบั การส่งจดหมายปกติ แตท่ ี่ของจดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ เราเรียกวา่ E-mail Address 2.3 การโอนย้ายข้อมูล (FTP : File Transfer Protocol) เป็ นรู ปแบบการติดต่อสื่อสารขอ้ มูล บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อีกรูปแบบหน่ึง ใชส้ าหรับการโอนยา้ ยขอ้ มูลระหวา่ งผใู้ ช้โปรแกรม FTP กับ FTP Server การโอนยา้ ยไฟล์จาก FTP Server มายงั เครื่องของผูใ้ ช้ เรียกว่าดาวน์โหลด (Download) และการโอนยา้ ยไฟล์ จากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของผูใ้ ช้ ไปยงั ไปยงั FTPServer เรียกวา่ อพั โหลด 2.4 การสืบค้นข้อมูล (Search Engine) คือ บริการที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยพิมพข์ อ้ ความท่ีตอ้ งการสืบคน้ เขา้ ไป โปรแกรมจะทาการคน้ หาขอ้ มูลท่ีตอ้ งการให้ภายในเวลาไม่กี่นาที โปรแกรมประเภทน้ีเราเรียกว่าSearch Engines เพราะฉะน้ันถ้าเราไม่สามารถจาช่ือเวบ็ ไซด์ บางเว็บได้ ก็สามารถใชว้ ิธีการสืบคน้ ขอ้ มูล ในลกั ษณะน้ีได้ เวบ็ ไซด์ที่ทาหนา้ ที่เป็ นSearch Engines มีอยเู่ ป็นจานวนมาก เช่น google.com , yahoo.com , sanook.com ฯลฯ เป็นตน้ 5. การสนทนากบั ผูอ้ ่ืนบนอินเทอร์เน็ต จะคล้ายกบั การใช้โทรศพั ท์แต่แตกต่างกนั ที่เป็ นการสื่อสาร ผา่ นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซ่ึงจะใชไ้ มโครโฟน และลาโพงที่ต่ออยกู่ บั คอมพิวเตอร์ในการสนทนา 6. กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (News Group or Use Net) เป็ นบริการกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ สาหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และแสดงความคิดเห็นลงไปบริเวณกระดานข่าวได้ มีการแบง่ กลุ่มผใู้ ชอ้ อกเป็นกลุ่ม ๆ ซ่ึงแตล่ ะกลุ่มจะสนใจเร่ืองราวที่แตกต่างกนั ไป เช่นการศึกษา การท่องเที่ยว การอนุรักษ์ศิลปวฒั นธรรม การเกษตร และอุตสาหกรรม เป็นตน้ 7. การสื่อสารด้วยขอ้ ความ IRC (Internet Relay Chat) เป็ นการติดต่อส่ือสารกับผูอ้ ่ืน โดยการพิมพข์ อ้ ความโตต้ อบกนั ซ่ึงจานวนผูร้ ่วมสนทนาอาจมีหลายคนในเวลาเดียวกนั ทุกคนจะเห็นขอ้ ความ ท่ีแต่ละคนพิมพเ์ หมือนกบั วา่ กาลงั นง่ั สนทนาอยใู่ นห้องเดียวกนั โปรแกรมท่ีใชใ้ น หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 22จดั การการติดต่อสื่อสารไดแ้ ก่โปรแกรม mIRC โปรแกรม PIRCH และโปรแกรม Comic Chat นอกจากโปรแกรม IRC แลว้ ในปัจจุบนั น้ีภายในเวบ็ ไซต์ ยงั เปิ ดให้บริการห้องสนทนาผ่านทางโปรแกรมเวบ็ เบราเซอร์ไดอ้ ีกดว้ ยเทคโนโลยกี ารผลติ การผลิตสินคา้ ตา่ ง ๆ ในปัจจุบนั ไดน้ าเทคโนโลยสี มยั ใหม่มาใชใ้ นดา้ นการจดั การผลิตเพื่อให้เกิดความคล่องตวั และรวดเร็ว ให้ทนั ต่อความตอ้ งการของผูบ้ ริโภค ปัจจุบนั สามารถแบ่งเทคโนโลยกี ารผลิตได้ 3 ประเภท คือ 1. เทคโนโลยีการผลิตแบบแผนผงั ผลิตภณั ฑ์ ซ่ึงเป็ นเทคโนโลยีที่ใชส้ าหรับการผลิตขนาดใหญ่ และตอ้ งการการผลิตท่ีมีคุณภาพ มีการใชส้ ่วนประกอบต่าง ๆ ในการทาผลิตภณั ฑ์ แต่ละชิ้นแต่ละตวั ค่อนขา้ งมาก เช่น การผลิตรถยนต์ การผลิตคอมพิวเตอร์ โดยในการผลิตจะตอ้ งใช้วสั ดุอุปกรณ์ แรงงาน เพ่ือการผลิตแต่ละข้นั ตอนหลายข้นั ตอน จนกวา่ จะไดผ้ ลิตภณั ฑส์ าเร็จรูปออกมา 2. เทคโนโลยีการผลิตสาหรับการผลิตแบบแผนผงั กระบวนการ เป็ นการผลิตที่ใช้เครื่องมือในการอานวยความสะดวกในการผลิตหลายประเภท ซ่ึงแตกต่างกนั ไปตามชนิดของผลิตภณั ฑ์ที่มีลกั ษณะไม่เหมือนกนั เป็ นไปตามกระบวนการจนกวา่ จะไดผ้ ลิตภณั ฑ์สาเร็จรูป เช่นการไปรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล คนไขจ้ ะตอ้ งไปตามจุดต่าง ๆ ของการรักษาแต่ละโรคจนไดร้ ับยาและกลบั บา้ น จึงเสร็จสิ้นกระบวนการ ถา้ หากดาเนินการขา้ มข้นั ตอนก็จะไม่ไดร้ ับยากลบั บา้ น เป็นตน้ 3. เทคโนโลยกี ารผลิตสาหรับการผลิตแบบตาแหน่งงานท่ีแน่นอน เป็ นวิธีการผลิตท่ีตวั ผลิตภณั ฑไ์ ม่ไดเ้ คล่ือนยา้ ยไปตามหน่วยงานอื่น ๆ เลย แต่เจา้ หนา้ ท่ีจะตอ้ งมาระดมการทางานเพอื่ ใหง้ านแลว้ เสร็จ จากแนวทางการผลิตท้งั 3 ประเภท จะตอ้ งใชเ้ ทคโนโลยีเขา้ มาช่วยในการผลิตเพื่อให้ไดผ้ ลิตภณั ฑ์ท่ีมีประสิทธิภาพ และใชท้ รัพยากรนอ้ ยท่ีสุด องคก์ ารการผลิตจึงนาเทคโนโลยใี นการปฏิบตั ิงานและควบคุมการทางาน ดงั น้ี 1. การควบคุมโดยอตั โนมตั ิ เป็ นกระบวนการทางานท่ีทาให้งานสมบูรณ์ โดยอาศยัเครื่องจกั ร เคร่ืองยนต์ เครื่องมืออตั โนมตั ิ เขา้ มาช่วยในการปฏิบตั ิงาน เพื่อให้งานสาเร็จอย่างรวดเร็วและผิดพลาดน้อยท่ีสุด เช่น การควบคุมโดยอตั โนมตั ิของเครื่องจกั รในโรงงานอุตสาหกรรม โดย หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 23จดั การการปรับเปล่ียนจากการใช้เคร่ืองจกั รไอน้า เป็ นเครื่องจกั รใช้ไฟฟ้า ในโรงงานการผลิตรถยนต์อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมการกลนั่ น้ามนั เป็นตน้ 2. การใชค้ อมพิวเตอร์ในการผลิต ปัจจุบนั การใชค้ อมพิวเตอร์เขา้ มาควบคุมและเป็ นส่วนหน่ึงของการผลิตโดยผูผ้ ลิตใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบชิ้นส่วนการผลิต หรือผลิตภณั ฑ์สาเร็จรูป เช่น การออกแบบเครื่องบินไอพ่น ของบริษทั แมคโดนัลล์ ดักกลาส หรือบริษทั ผลิตรถยนตใ์ นญี่ป่ ุน ใชค้ อมพิวเตอร์ออกแบบรถยนตน์ งั่ ส่วนบุคคล เป็ นตน้ และยงั ใชค้ อมพิวเตอร์ในการเช่ือมโยงเครือข่ายดา้ นสารสนเทศไดอ้ ีกดว้ ย 3. การใชห้ ุ่นยนตใ์ นการผลิต ซ่ึงเป็ นเทคโนโลยใี หม่ที่ใชห้ ุ่นยนตท์ างานแทนมนุษย์โดยเฉพาะการผลิตที่มีการเส่ียงอนั ตราย มีความร้อนสูง ตอ้ งการความรวดเร็วและแม่นยา โดยนามาใช้กบั อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ และมีการพฒั นาอยา่ งต่อเนื่อง ซ่ึงทางานไดด้ ีกวา่ มนุษย์ ภาพที่ 8.8 การใช้คอมพวิ เตอร์เข้ามาควบคุมการผลติ ท่ีมา: สุนีย์ แสงสุวรรณ. 2553. หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 24จดั การเทคโนโลยกี ารบริการ ปัจจุบนั ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะในธุรกิจท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ธนาคาร ซ่ึงเป็ นหน่วยงานทางธุรกิจที่ให้บริการในดา้ นการรับฝากเงิน ถอนเงินโอนเงินท่ีเคาน์เตอร์ใหร้ วดเร็วและสะดวกมากข้ึนเพราะมีการนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาใชใ้ นการบริการผบู้ ริโภคจึงนิยมใชบ้ ริการในการเคล่ือนยา้ ยเงินจากธนาคารหน่ึงไปยงั อีกธนาคารหน่ึง โดยท่ีลูกคา้ของธนาคารยนิ ดีจ่ายค่าธรรมเนียมผา่ นระบบธนาคาร นอกจากน้ีธนาคารก็นาระบบบตั รเครดิตร่วมระหวา่ งธนาคารกบั บตั รวซี ่า โดยสามารถใชบ้ ตั รเครดิตในการใชจ้ ่ายไดอ้ ยา่ งสะดวกเหมือนกบั มีเงินสดในมือ นอกจากน้ีธุรกิจบริการที่นาเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารงานหลายรูปแบบ เช่นธุรกิจโรงแรมนาระบบเทคโนโลยีมาใช้กับการจองห้องพกั ไดอ้ ย่างรวดเร็ว สามารถตรวจสอบหอ้ งพกั ท่ีวา่ งไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว โรงเรียน หรือมหาวทิ ยาลยั ไดน้ าเทคโนโลยีสมยั ใหมม่ าใชใ้ นระบบการลงทะเบียน ทาบตั รนกั ศึกษา การยืมหนงั สือจากหอ้ งสมุด โรงพยาบาลก็นามาใชใ้ นการเก็บขอ้ มูลประวตั ิคนไข้ ร้านอาหารก็นามาใช้ในการบนั ทึกคาสั่งอาหาร ธุรกิจจาหน่ายตวั๋ เคร่ืองบินก็นาคอมพิวเตอร์มาใชเ้ ชื่อมโยงกนั เป็ นเครือข่ายเพ่ือความรวดเร็วในการให้บริการ เป็ นตน้ ซ่ึงปัจจุบนันบั ไดว้ า่ เทคโนโลยเี ขา้ มามีบทบาทในธุรกิจบริการเพื่ออานวยความสะดวกสบาย และสร้างความพึงพอใจใหก้ บั ลูกคา้ เป็นอยา่ งดี ภาพที่ 8.9 การนาคอมพวิ เตอร์มาให้บริการยืมหนังสือจากห้องสมุด หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 25จดั การ ท่ีมา: สุนีย์ แสงสุวรรณ. 2553. หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 26จดั การ การบริหารงานในองคก์ ารปัจจุบนั น้ีนอกจากมีการนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ มาปรับใชใ้ นการจดั การแลว้ ผบู้ ริหารองคก์ ารก็มีความจาเป็นตอ้ งหาเทคนิคต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การทางานมาใช้ในการบริหารงานให้เหมาะสม เช่น กิจกรรม 5 ส. ระบบขอ้ เสนอแนะ การปรับร้ือระบบ องคก์ รแห่งการเรียนรู้ บรรษทั ภิบาล การเทียบสมรรถนะ BSC และ TQM เป็นตน้กจิ กรรม 5 ส. ระบบ 5ส. หรือ 5S เป็ นระบบบริหารข้นั พ้ืนฐานที่นิยมใช้กนั อยา่ งแพร่หลายในประเทศญี่ป่ ุนซ่ึงมีแนวทางการปฏิบตั ิ 5 ประการ ดงั น้ี 1. สะสาง (Seiri) หมายถึง การกาจดั ของท่ีไม่จาเป็ นออกไป ของท่ีไม่จาเป็ นหรือไม่ใช้ควรทิ้งไปเพ่อื ลดจานวนเอกสารลง ลดเน้ือท่ีทางานลง ทาใหม้ ุ่งความสนใจไปสู่ของท่ีจาเป็ นเท่าน้นั 2. สะดวก(Seiton) หมายถึง การจดั ของที่จาเป็ นตอ้ งใชห้ รือวสั ดุเครื่องมือต่างๆท้งั บนโตะ๊ ทางานภายในตูเ้ อกสาร บนช้นั วางของให้เป็ นระเบียบเรียบร้อย ทาให้ลดความสูญเสียเวลาในการคน้ หาเอกสารหรือสิ่งของเครื่องมือที่ตอ้ งการ ลดความแตกหกั ในระหวา่ งร้ือของ หยบิ กง็ ่าย หายก็รู้ ดูก็งามตา 3. สะอาด (Seiso) หมายถึง การทาความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ และสถานที่ให้สะอาดเรียบร้อยอยเู่ สมอ เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษา เกิดความปลอดภยั และลดอุบตั ิเหตุ เพ่ิมพนู สุขภาพนอกจากน้ี การดูแลรักษาความสะอาด จะทาให้พบเห็นขอ้ บกพร่องต่าง ๆ ซ่ึงจะไดด้ าเนินการแกไ้ ขขอ้ บกพร่องเหล่าน้นั ไดท้ นั เวลา ป้องกนั ไมใ่ หเ้ กิดความเสียหายได้ 4. สุขลกั ษณะ(Seiketsu) หมายถึง การดูแลให้มีการสะสางมีความสะดวกและมีความสะอาดอยา่ งต่อเนื่องสม่าเสมอ ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดสุขลกั ษณะที่ดี ในสานกั งานหรือโรงงาน ทาให้สุขภาพของผูป้ ฏิบตั ิงานแขง็ แรงสมบูรณ์ท้งั ร่างกายและจิตใจ นอกจากน้ี สถานที่ก็ดูสวยงาม ทาใหเ้ กิดความชื่นชมตอ่ ผอู้ ่ืนดว้ ย 5. สร้างนิสัย (Shitsuke) หมายถึง การอบรมบ่มนิสัย สร้างจิตสานึก ปฏิบตั ิส่ิงท่ีดีงามสม่าเสมอและตลอดไป จนกระทงั่ ทุก ๆ คนเกิดความเคยชินกลายเป็ นการมีระเบียบวนิ ยั ดว้ ยตนเองเกิดนิสยั ที่ดีดว้ ยตนเอง ไม่ตอ้ งใหใ้ ครมาบงั คบั ควบคุม ปฏิบตั ิไดด้ ว้ ยความพอใจและมีความสุข หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 27จดั การ ภาพท่ี 8.10 ปัจจัยพืน้ ฐานท่ีส่งเสริมด้านคุณภาพ ท่ีมา: อุษณีย์ จิตตะปาโล และ นุตประวณี ์ เลิศกาญจนวตั ิ. ม.ป.ป. : 223. ตารางท่ี 8.1 การบริหารกจิ กรรม 5 ส. วธิ ีการดาเนินการปฏิบตั ิ กจิ กรรมทม่ี ุ่งเน้นการกระทาสะสาง ขจดั ของที่ไม่ใชอ้ อกจากบริเวณที่ทางาน เนน้ ใหพ้ นกั งานมีจิตสานึกของการSEIRI จดั ทิ้ง จดั เกบ็ แยกออกไป เป็นนกั เกบ็ ขยะดว้ ยตนเองสะดวก จดั วางสิ่งของที่ตอ้ งการใหเ้ ป็ นระเบียบ เนน้ ใหพ้ นกั งานมีจิตสานึกของการเป็ นSEITON มีระบบ สะดวกในการหยบิ ไปใช้ วศิ วกรหรือนกั อุตสาหกรรมดว้ ยตนเองสะอาด ตรวจสอบทาความสะอาดเคร่ืองจกั ร เนน้ ใหพ้ นกั งานมีจิตสานึกของการSEISO อุปกรณ์และสถานที่ทางาน เพ่ือขจดั เป็นวศิ วกรบารุงรักษาป้องกนั ดว้ ย ขอ้ บกพร่องสิ่งสกปรกต่างๆและดูแลรักษา ตนเองสุขลกั ษณะ การดูแลสถานที่ทางานใหส้ ะอาด เนน้ ใหพ้ นกั งานคานึงถึงเรื่องความSEIKETSU ปลอดภยั ตอ่ สุขภาพอนามยั ปลอดภยั ดว้ ยตนเองสร้างนิสัย การสร้างสงั คมท่ีมีวนิ ยั และปฏิบตั ิตาม เนน้ ใหพ้ นกั งานเป็นคนมีระเบียบSHISUKE กฎระเบียบอยา่ งเคร่งครัด วนิ ยั ปฏิบตั ิตามกฎเกณฑจ์ นเป็นนิสยั ของตนเองที่มา: อุษณีย์ จิตตะปาโล และ นุตประวณี ์ เลิศกาญจนวตั ิ. ม.ป.ป. : 223. หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 28จดั การ ภาพท่ี 8.11 กจิ กรรม 5 ส ภายในสานักงาน ที่มา: สุนีย์ แสงสุวรรณ. 2554.ระบบข้อเสนอแนะ (Suggestion System) ระบบขอ้ เสนอแนะหรือระบบการเสนอแนะ เป็นสิ่งที่พนกั งานในองคก์ ารทุกคนท้งั ในระดบั ล่างและผบู้ ริหารระดบั ตน้ ยอ่ มมีความรู้เก่ียวกบั งานในหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบของตนเองมากที่สุด ระบบการเสนอแนะน้ี องคก์ ารจะตอ้ งประกาศนโยบายให้ชดั เจน เพ่ือชกั ชวนให้พนกั งานทุกคนช่วยกนั คิด ช่วยกนั เสนอวธิ ีการแกไ้ ขการทางาน วิธีปรับปรุงคุณภาพของงาน วิธีการประหยดัทรัพยากรต่าง ๆ เหล่าน้ี โดยไม่ยงุ่ เก่ียวกบั การบริหารหรือการตอ่ เติมขยายองคก์ าร และมีการแจกรางวลัใหแ้ ก่ผเู้ สนอแนะแนวความคิดริเร่ิมท่ีองคก์ ารนาไปใชแ้ ละเกิดประโยชน์มาก ตลอดจนใหเ้ กียรติแก่ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 29จดั การเจา้ ของความคิดดว้ ย รางวลั ดงั กล่าวอาจจะเป็ นเงิน การเพิ่มเงินเดือนเป็ นกรณีพิเศษหรือการให้โอกาสไปฝึ กอบรมต่างประเทศ หรือการให้ไปพกั ผ่อนหลงั จากท่ีช่วยกนั ทางานจนประสบความสาเร็จเป็ นตน้ การจดั การในยคุ ปัจจุบนั จะตอ้ งอาศยั เทคนิคต่าง ๆ มากมาย วิธีทางหน่ึงท่ีสามารถนามาใช้ในดา้ นการจดั การ ก็คือ ระบบการให้ขอ้ เสนอแนะ ถา้ หากในองค์การ จะใช้ระบบการให้ขอ้ เสนอแนะจะเป็ นระบบท่ีจะทาใหผ้ ูบ้ ริหารเห็นความสาคญั ขององคก์ าร และบุคลากรในองคก์ ารมากข้ึน ซ่ึงจะเป็ นผูบ้ ริหารท่ีจะนาพาบุคลากรรุ่นใหม่พฒั นาองค์การให้เจริญกา้ วหนา้ เกิดประโยชน์แก่องค์การทาให้สมาชิกในองค์การเป็ นคนท่ีมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ กลา้ คิดกลา้ ทา กลา้ แสดงออก ซ่ึงสามารถสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพใหก้ บั องคก์ าร ระบบการใหข้ อ้ เสนอแนะจะมีหลกั การท่ีสาคญั ๆ ดงั น้ี 1. กาหนดนโยบาย ส่ิงสาคญั ที่จะทาให้นโยบายขององค์การได้รับการยอมรับและนาไปปฏิบตั ิ องคก์ ารจะตอ้ งให้การสนบั สนุน และส่งเสริมให้มีการเสนอแนะ เพ่ือพฒั นาองคก์ ารใหบ้ ุคลากรในองคก์ ารรับรู้นโยบายทุกคน 2. กาหนดวิธีการในการให้ขอ้ เสนอแนะ ในบางคร้ังบุคลากรในองคก์ ารไม่กลา้ ท่ีจะเสนอแนะแก่ผบู้ ริหารมากนกั ผบู้ ริหารท่ีควรใหโ้ อกาสในการเขียนขอ้ เสนอแนะโดยไม่ระบุชื่อ ใส่กล่องความคิดเห็น แต่ถา้ หากองค์การเห็นเป็ นขอ้ เสนอแนะท่ีดี มีประโยชน์แก่องคก์ าร ก็จะนามายกยอ่ งชมเชย และนาไปปฏิบตั ิ แต่ถา้ หากขอ้ เสนอแนะน้นั ไม่ดีหรือมีขอ้ เสีย ผูบ้ ริหารก็ไม่ควรตาหนิหรือหาตวั บุคคลท่ีเสนอแนะ เพราะจะทาใหไ้ มก่ ลา้ เสนอแนะอีกตอ่ ไป 3. กาหนดตวั บุคคลสาหรับรับขอ้ เสนอแนะ องคก์ ารจะตอ้ งกาหนดใหก้ ลุ่มบุคคลที่มีความน่าเช่ือถือ และเป็นท่ียอมรับ ทาหนา้ ที่รับขอ้ เสนอแนะ เพอื่ สรุปเสนอใหผ้ บู้ ริหารตอ่ ไป ปัจจุบนั ระบบการเสนอแนะนิยมใช้กนั อย่างแพร่หลายมากที่สุด ในบริษทั อุตสาหกรรมใหญ่ ๆบริษทั ขนาดกลางและขนาดเล็ก หวั ขอ้ สาคญั สาหรับขอ้ เสนอแนะอาจจะดาเนินการเพ่ือสาระสาคญัตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. เพือ่ ปรับปรุงงานของตน 2. เพ่อื ประหยดั พลงั งาน วสั ดุ และทรัพยากรอ่ืน ๆ 3. เพ่อื ปรับปรุงสิ่งแวดลอ้ ม 4. เพอ่ื ปรับปรุงเคร่ืองจกั รและกระบวนการผลิต 5. เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์และเคร่ืองมือ 6. เพอ่ื ปรับปรุงงานในสานกั งาน 7. เพือ่ ปรับปรุงคุณภาพสินคา้ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 30จดั การ 8. เพือ่ เสนอความคิดผลิตภณั ฑใ์ หม่ ๆ 9. เพอื่ ปรับปรุงการบริการลูกคา้ และความสัมพนั ธ์กบั ลูกคา้ 10. เพ่อื ปรับปรุงดา้ นอ่ืน ๆ ที่จาเป็นและมีประโยชน์ ขอ้ เสนอแนะเพ่ือการปรับปรุงดา้ นต่าง ๆ ดงั กล่าว ถา้ หากผูบ้ ริหารไดน้ าไปพิจารณาและดาเนินการตามขอ้ เสนอแนะ ก็จะทาให้บุคลากรในองคก์ ารมีความกลา้ หาญในการเสนอแนะแนวความคิดดา้ นอ่ืน ๆ เพม่ิ ข้ึน ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงที่จะทาใหอ้ งคก์ ารประสบกบั ความสาเร็จตอ่ ไป หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 31จดั การสรุปสาระสาคญั การนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในดา้ นการจดั การ เป็ นส่ิงสาคญั ท่ีผบู้ ริหารจะตอ้ งนามาใชใ้ นการบริหารองค์การ โดยเฉพาะเครื่องมือทางเทคโนโลยตี ่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยกี ารสื่อสาร เทคโนโลยกี ารผลิต เทคโนโลยกี ารบริการ เป็นตน้ ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศที่ดีสามารถช่วยให้ผูบ้ ริหารนาไปใชใ้ นการตดั สินใจบริหารจดั การให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน โดยอาศยั ระบบสารสนเทศท่ีมีความสมบูรณ์สามารถใช้ได้ทนั เวลา เหมาะสมกบั สถานการณ์ในปัจจุบนั นอกจากน้ีผูบ้ ริหารองคก์ ารก็จะตอ้ งนาเทคนิคต่าง ๆ มาใชใ้ นการบริหารงานให้เหมาะสมหรือเพื่อการปรับปรุงระบบการปฏิบตั ิงานภายในองคก์ ารใหม้ ีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อความสาเร็จขององคก์ าร เช่น กิจกรรม 5 ส ระบบขอ้ เสนอแนะ เป็นตน้ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 8 การนาเทคโนโลยแี ละเทคนคิ ใหม่ ๆ มาใชใ้ นการ 32จดั การคาส่ัง จงอธิบายคาถามต่อไปนี้ 1. จงอธิบายความหมายของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. จงบอกคุณลกั ษณะท่ีดีของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. จงอธิบายประโยชนข์ องระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. จงอธิบายระบบกิจกรรม 5 ส. 5. จงอธิบายระบบขอ้ เสนอแนะ 6. จงอธิบายระบบการปรับร้ือหรือรีเอน็ จิเนียริ่ง 7. จงอธิบายถึงประเภทของเทคโนโลยกี ารผลิต ใหผ้ เู้ รียนแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 4 – 5 คน ช่วยกนั เสนอแนวความคิดเก่ียวกบั กิจกรรมดงั น้ี กลุ่มที่ 1 วทิ ยาลยั อาชีวศึกษานครศรีธรรมราช – กิจกรรม 5 ส กลุ่มที่ 2 วทิ ยาลยั ศิลปหตั ถกรรมนครศรีธรรมราช – ระบบการปรับร้ือระบบ กลุ่มที่ 3 หา้ งโรบินสนั (โอเช่ียน) นครศรีธรรมราช – ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ กลุ่มที่ 4 หา้ งสหไทยนครศรีธรรมราช – ระบบขอ้ เสนอแนะ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 9 การประยกุ ตห์ ลกั การจดั การไปใชใ้ นงานอาชพี ตา่ ง ๆ 33 หลกั ปรัชญา ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง การประยกุ ต์ หลกั การจดั การ กรณีศึกษาในองคก์ ารธุรกิจ หลกั ธรรมาภิบาล การนาหลกั การ จดั การไปใชใ้ น องคก์ ารธุรกิจ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 9 การประยกุ ตห์ ลกั การจดั การไปใชใ้ นงานอาชพี ตา่ ง ๆ 34 สาระสาคญั ในการประกอบธุรกิจไม่วา่ ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ จาเป็ นตอ้ งอาศยั การจดั การเขา้ มามีบทบาท เพ่ือให้การดาเนินงานมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ซ่ึงจะนา ไปสู่เป้าหมายในการดาเนินงานขององคก์ าร ในปัจจุบนั นอกจากการใชก้ ระบวนการจดั การแลว้ ก็มีการนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพ พร้อมท้งั การใช้ หลกั ธรรมาภิบาลในการบริหารจดั การอีกดว้ ย สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของการประยกุ ตห์ ลกั การจดั การในงานอาชีพ 2. การนาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการบริหารจดั การ 3. การใชห้ ลกั ธรรมาภิบาลในการบริหารจดั การ 4. กรณีศึกษาในองคก์ ารธุรกิจ 5. การนาหลกั การจดั การไปใชใ้ นองคก์ ารธุรกิจตา่ ง ๆ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยที่ 9 การประยกุ ตห์ ลกั การจดั การไปใชใ้ นงานอาชพี ตา่ ง ๆ 35 จุดประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ทว่ั ไป เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถนาหลกั การจดั การไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพ หรือการดาเนินงานในองคก์ ารธุรกิจได้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อศึกษาหน่วยท่ี 9 จบแลว้ ผเู้ รียนสามารถ 1. อธิบายการประยกุ ตห์ ลกั การจดั การในการประกอบอาชีพได้ 2. อธิบายเก่ียวกบั การนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ช้ ในการบริหารจดั การได้ 3. อธิบายวธิ ีการใชห้ ลกั ธรรมาภิบาลในการบริหารจดั การได้ 4. ประยกุ ตห์ ลกั การจดั การในองคก์ รธุรกิจจากกรณีศึกษาได้ 5. อธิบายการนาหลกั การจดั การไปใชใ้ นองคก์ ารธุรกิจได้ หลกั การจดั การ 3200-1003

หนว่ ยท่ี 9 การประยกุ ตห์ ลกั การจดั การไปใชใ้ นงานอาชพี ตา่ ง ๆ 36 การประยุกต์หลกั การจดั การไปใช้ในงานอาชีพต่าง ๆ การจดั การเป็ นท้งั ศาสตร์และศิลป์ ท่ีมีเทคนิคในการบริหารงานในรูปแบบต่าง ๆ และในปัจจุบนั การประกอบอาชีพต่าง ๆ แต่ละอาชีพจาเป็ นตอ้ งมีการจดั การเขา้ ไปเกี่ยวขอ้ งกบั ระบบการดาเนินงานเสมองานจึงจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล กระบวนการจดั การดงั กล่าว คือการวางแผน การจดั องคก์ าร การจดั คนเขา้ ทางาน การอานวยการ และการควบคุม สามารถอาศยัแนวความคิดทางการจดั การในรูปแบบตา่ ง ๆ ไปประยกุ ตใ์ ชเ้ พ่ือให้การประกอบอาชีพแตล่ ะอาชีพประสบความสาเร็จ บรรลุวตั ถุประสงคต์ ามที่กาหนดไว้ความหมายของการประยกุ ต์หลกั การจัดการ การประยกุ ตห์ ลกั การจดั การ หมายถึง การนาเอาความรู้เก่ียวกบั หลกั การจดั การมาปรับใชใ้ นการดาเนินงาน ใหเ้ ป็นประโยชน์แก่องคก์ ารน้นั เพื่อใหอ้ งคก์ ารบรรลุผลตามวตั ถุประสงคท์ ่ีตอ้ งการ การจดั การเป็ นส่ิงท่ีตอ้ งนาความรู้ในดา้ นหลกั การจดั การไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่องคก์ ารหรือหน่วยงาน เพ่ือใหอ้ งคก์ ารสามารถดาเนินการใหบ้ รรลุเป้าหมายไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลการนาปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ต์ใช้ในการประกอบอาชีพ ปัจจุบนั ผบู้ ริหารในองคก์ าร ควรนาหลกั การของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการบริหารจดั การดาเนินงานขององคก์ ารไดท้ ุกรูปแบบ โดยมีแนวทางดงั น้ี 1. การนาหลกั การเศรษฐกจิ พอเพียงมาสู่การประกอบอาชีพต่าง ๆ 1.1 ความพอประมาณ ผูบ้ ริหารควรใช้ความรู้ ความสามารถเพ่ือประโยชน์แก่องคก์ ารดว้ ยการนาหลกั เศรษฐกิจพอเพียงในดา้ นความพอประมาณ มาสร้างคุณค่าดว้ ยการลดตน้ ทุนในการบริหารจดั การ ก่อใหเ้ กิดความยงั่ ยนื และมน่ั คง เช่น หลกั การจดั การ 3200-1003


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook