79 2. นวัตกรรมด้านร้านค้าปลีก Turban et al. (2006, pp. 264-265) ได้กล่าวว่า ร้านค้าปลีก รปู แบบใหมม่ ีการนาเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยอานวยความสะดวกด้านการเลือกซื้อสินค้า การตรวจสอบ และรับชาระค่าสินค้า ซึ่งเป็นการลดกระบวนการซ้ือและลดระยะเวลาการรอคอย ในบางครั้งอาจลด จานวนพนักงานหรือไม่ต้องใช้พนักงานขายเลย ตัวอย่างเช่น การจัดหาเคร่ืองอ่านรหัสแท่ง (barcode reader) แบบไร้สายไว้ภายในร้าน เพ่ือให้ลูกค้าใช้เลือกซ้ือสินค้าที่ต้องการพร้อมท้ังแสดงรายละเอียด สินค้า หรืออาจจะเป็นร้านค้าแบบคีออส (kiosk) การติดต้ังระบบนับจานวนลูกค้าและติดตามลูกค้าที่ กาลังเลือกซื้อสินค้าภายในร้าน เพ่ือเก็บพฤติกรรมผู้บริโภค บางร้านค้าก็มีระบบรับชาระเงินด้วยเช็ค (cheque) บางรา้ นค้าปลีกกจ็ ะมีการตดิ ตั้งเครอื่ งรับชาระค่าสินคา้ อัตโนมัติภายในรา้ นคา้ เป็นต้น 3. หน่วยขายอัตโนมัติ (sale force automation) อาจอยู่ในรูปแบบการใช้เครื่องมือเคลื่อนที่ (mobile device) ที่สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลของบริษัทได้ วิธีการนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการปิด การขาย ณ ท่ีบา้ นของลูกค้า หรืออาจจะอยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ การใช้โปรแกรมหน่วยขายอัตโนมัติมี ประโยชน์สาหรับธุรกิจขนาดเล็กเพ่ือช่วยให้ยอดขายสินค้าบริษัทเติบโตรวดเร็ว โดยเฉพาะซอฟต์แวร์บน เวบ็ ท่ชี ่วยจดั กระแสข่าวสารด้านการออกสญั ญาซื้อขาย การจัดตารางขนส่งและการนัดหมายลูกค้า อีกทั้ง เพิ่มความสามารถด้านการรับ-ส่งอีเมล์ ช่วยงานส่งเอกสารทางไปรษณีย์และติดตามผลการจัดส่งเอกสาร โดยอาจใช้ระบบแสตมปอ์ ิเล็กทรอนิกส์เขา้ รว่ มดว้ ย เพื่อเพ่มิ ประสทิ ธิภาพงานดา้ นการส่งเอกสาร ในท่ีน้ีจะ ยกตัวอย่างโปรแกรมหน่วยรถแวน เซลล์ (van sale) เป็นแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (mobile application) ท่พี ฒั นาบนระบบปฏิบัตกิ าร แอนดรอยด์สาหรบั ธรุ กจิ ทต่ี อ้ งการบันทกึ งานขายผ่านอุปกรณ์ ทีม่ พี นักงานขายดแู ลการขายทส่ี ามารถบันทกึ การขายและแสดงรายงานยอดขายต่าง ๆ อัตโนมัติ ตัวอย่าง โปรแกรมแสดงดังภาพที่ 4.5 ภาพที่ 4.5 แสดงหน่วยขายอตั โนมตั ิ ทมี่ า (วเี จ้นซ,์ 2558)
80 4. การใช้งานอินทราเน็ตและอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ตเป็นการใช้งานโปรแกรมภายในองค์การ ที่ ถูกสร้างข้ึนมาตามมาตรฐานเทคโนโลยีเดียวกันกับอินเทอร์เน็ต เพียงแต่เป็นเครือข่ายส่วนบุคคล ดังนั้น พนักงานภายในองค์การเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ใช้งาน ส่วนอินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะส่ือสารได้ ครอบคลุมท่ัวโลก และก่อให้เกิดธุรกรรมต่าง ๆ มากมาย (โอภาส เอี่ยมศิริวงศ์, 2556, หน้า 103-111) สาหรับงานด้านการตลาดน้ัน อาจนาระบบอินทราเน็ตมาใช้ช่วยควบคุมและติดต่อประสานงานในส่วน กิจกรรมการขาย เช่น พนักงานขายสามารถปรับราคาผลิตภัณฑ์ ปรับโปรแกรมส่งเสริมการขาย ปรับ สว่ นลดการคา้ ปรับขอ้ มูลลูกค้า ตลอดจนปรับสารสนเทศท่ีเกี่ยวข้องกับคู่แข่งขันทางอินทราเน็ต ตัวอย่าง การใช้งานอนิ ทราเนต็ ทางการตลาดของธุรกิจต่าง ๆ แสดงดงั ตารางที่ 4.2 ตารางที่ 4.2 ตัวอย่างการใช้งานอนิ ทราเนต็ ทางการตลาดของธุรกิจต่าง ๆ องคก์ าร การประยุกต์ใชอ้ นิ ทราเนต็ สวิสแอร์ (SwissAir) ระบบอินทราเน็ตทางการตลาดจะนาเสนอรายงาน เครื่องมือออกแบบแนวทางการ อเมรกิ นั เอกซเ์ พรส แลกเปลี่ยนอีกท้ังนาเสนอโปรแกรมทางการตลาดของเจ้าหน้าท่ีการตลาดทั้ง 150 ไซต์งาน (American Express) และช่วยพฒั นาหวั ข้ออภิปรายต่าง ๆ รวมทงั้ การสง่ เสริมการขาย เยสเมลดอตคอม ระบบบรหิ ารการขายบนเวบ็ จะเปน็ เครื่องมอื ช่วยทีมพนกั งานขายเช็คของขวญั และบตั รจงู ใจ (Yesmail.com) (intensive cards) แก่ลูกค้า กระจายสินค้าและติดตามรอยการขาย โดยมีการเข้าถึงข้อมูล ผ่านอปุ กรณ์ไร้สาย บรษิ ทั เคส จากัด (Case Corp.) บริษัทการตลาดอีเมล์ติดตั้งระบบอินทราเน็ตด้านการขายเพ่ือแบ่งปันกันใช้ข้อมูล เอกสาร ด้านการติดต่อลูกค้าท่ีชักนาไปสู่การขาย และใช้เว็บเทคโนโลยีด้านการประชุมเพ่ืออบรม พนักงานขาย รวมทง้ั การวัดผลความก้าวหนา้ ทางการขาย ทีมสนบั สนุนการขายและการตลาด มกั ใชห้ ลายเครือ่ งมอื รว่ มกัน ทางอนิ ทราเนต็ สาหรับงาน ด้านการบริหาร การประชุมอภิปราย การจัดการเอกสารและปฏิทิน ระบบประยุกต์ด้าน อินทราเน็ตจะเน้นการใช้สารสนเทศร่วมกับคู่แข่งขัน ในส่วนศักยภาพด้านผลิตภัณฑ์และ งานวจิ ัย ทม่ี า (รุจิจันทร์ วชิ ิวานิเวศน์, 2560, หนา้ 213) ในส่วนของอินเทอร์เน็ตนั้น ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอานาจมากสาหรับช่องทางการขายและ การตลาดรูปแบบใหม่ ธุรกิจสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตในการโฆษณา สนับสนุนลูกค้า ลูกค้าสามารถซ้ือ สินคา้ บนเว็บจากเคร่อื งคอมพวิ เตอรท์ บี่ ้านหรือที่ทางาน ปัจจุบนั ประเทศไทยพฒั นาโครงสร้างพ้ืนฐานด้าน เครือขา่ ยซง่ึ สามารถที่จะใชง้ านได้ทุกสถานที่ และใช้เป็นทางสร้างโอกาสทางธุรกิจด้านการขายผลิตภัณฑ์ โดยไม่จาเป็นต้องใช้พนักงานขายหรือสานักงานขายใด ๆ ทั้งส้ิน ตัวอย่างการใช้งานอินเทอร์เน็ต ได้แก่ การพาณชิ ยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารการตลาดออนไลน์ การโฆษณาออนไลน์ อีเมล์ ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชยแ์ บบเคล่อื นท่ี และการพาณิชย์แบบรว่ มมือ เป็นต้น
81 ภาพท่ี 4.6 แสดงเวบ็ ไซต์ E-commerce ทม่ี า (ลาซาดา้ , 2564) 5. การทาเหมืองข้อมูลทางการตลาด ข้อมูลเหล่าน้ีจะเป็นข้อมูลสารสนเทศสาหรับผู้บริหารในการ ตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวางตาแหน่งผลิตภัณฑ์ การโฆษณา การระบุลูกค้าหลักท้ังปัจจุบันและ อนาคต รูปแบบของการโฆษณาที่มีอิทธิพลต่อจิตใจลูกค้า ระบบสารสนเทศที่ดีจะช่วยตอบคาถามข้อมูล เหล่านี้ได้แต่ยังไม่เพียงพอ ระบบประยุกต์ด้านโกดังข้อมูล มักจะถูกนามาใช้ร่วมกับระบบประยุกต์ด้าน ปฏิบัติการหรือการวิเคราะห์ธุรกิจ ระบบประยุกต์ด้านปฏิบัติการทางธุรกิจจะมุ่งเน้นในด้านการใช้ สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ สาหรับงานด้านการติดตามดูแล และการควบคุมในองค์การระบบประยุกต์ ด้านการวิเคราะห์ทางธุรกิจจะมุ่งเน้นในด้านการทาเหมืองข้อมูล ซ่ึงเป็นซอฟต์แวร์ท่ีทันสมัยสาหรับการ วิเคราะห์ทางสถิติ ท่ีช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจในตัวลูกค้า กระบวนการและตลาดอย่างถ่องแท้ โดยใน การทางานของเหมืองข้อมูลนั้นผลลัพธ์ที่เราได้ เช่น นิสัยการซื้อสินค้า คุณลักษณะสินค้า รวมทั้งแหล่งที่ อยูข่ องลูกค้าทีถ่ ูกนามาวเิ คราะห์และเชอื่ มโยงกบั งานด้านการวจิ ัยทางการตลาด เป็นตน้ อาจสรปุ ไดว้ า่ การทาเหมืองข้อมลู และการใช้โกดงั ข้อมลู ร่วมกับระบบสารสนเทศทางการตลาด จะ ชว่ ยสร้างชุดเครือ่ งมอื ปรับการปฏิบัติการทีด่ ีเลศิ สาหรบั งานด้านการขายและการตลาดน้ันจะช่วยสร้างข้อ ได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ โดยสามารถทาการวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมาก (big data) สาหรับ ยุทธการด้านตลาดเป้าหมายในระดับสูง สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ มีการใช้ ระบบ ตอบสนองลูกคา้ อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการติดต่อประสานงานที่ดีกับตัวแทนจาหน่าย โดยมุ่งเน้นถึง การเพมิ่ ยอดขายใหธ้ ุรกจิ
82 แนวคดิ และเทคโนโลยโี ปรแกรมประยุกต์กับงานด้านการผลิตและการดาเนนิ งาน การผลิตและการดาเนินงาน ถือว่าเป็นกระบวนการสร้างมูลค่าให้การกับแปรรูปปัจจัยการผลิตให้ เปน็ ผลิตภัณฑอ์ นั ทรงคณุ ค่า ส่งถงึ มอื ลกู ค้าหรือผู้บริโภค ภารกิจสาคัญของหนา้ ท่ีงานน้ี คือ การผลิตสินค้า หรอื บริการที่มีคณุ ภาพและสร้างความพึงพอใจระยะยาวให้กับลูกค้า กิจกรรมนี้จะใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ทั้ง ด้านแรงงาน เงนิ ทุน เครือ่ งจกั ร เทคโนโลยี วิธีการ วัตถุดิบ ความต้องการของตลาด การจัดการและเวลา ซ่ึงรวม ๆ แล้วเรียกว่า ปัจจยั การผลติ กระบวนการผลิต หมายถึง กระบวนการนาวัตถุดิบมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทางกายภาพ ซ่ึงมี รูปแบบการจัดการที่ซับซ้อน มีความเกี่ยวข้องกับ การซื้อวัตถุดิบ การจัดเก็บรักษาสินค้า การออกแบบ ผลิตภณั ฑ์ ซึ่งมีความสมั พันธ์กับส่วนการดาเนินงาน ซ่ึงหมายถึง กิจกรรมท่ีเก่ียวข้องกับการสร้างมูลค่าใน รูปของสนิ คา้ และบริการโดยอาศัยกระบวนการแปรรูปหรือแปรสภาพปัจจัยนาเข้าให้ออกมาเป็นปัจจัยนา ออก กิจกรรมการสร้างสนิ คา้ และบริการนจ้ี ะเกดิ ขน้ึ ในทุก ๆ องคก์ าร โดยเฉพาะในธุรกิจอุตสาหกรรมการ ผลิต ซึ่งนับได้ว่าเป็นกิจกรรมท่ีมีความสาคัญอย่างเห็นได้ชัด (รุจิจันทร์ วิชิวานิเวศน์, 2560, หน้า 158; โอภาส เอี่ยมสิริวงศ,์ 2560, หนา้ 250) จากความหมายกระบวนการผลิตเป็นส่วนหน่ึงของการผลิตและการดาเนินงาน เพราะปัจจัยการผลิต คือ ส่ิงรับเข้า กระบวนการผลิต คือ ประมวลผล และผลิตภัณฑ์ คือ สิ่งส่งออก โดยรวมแล้วจึงเรียกว่า ระบบการผลิต ปัจจัยการผลิตของธุรกิจประกอบด้วยทรัพยากรมนุษย์ทั้งด้านแรงงานและด้านบริหาร สนิ ทรพั ยป์ ระเภททุน เชน่ เคร่อื งจกั รและอุปกรณ์ โรงงานผลิต วัสดุ ท่ีดินและพลังงานที่ใช้ผลิตสินค้าและ บรกิ ารแล้ว ก็ยงั มสี ่ิงนาเข้ากระบวนการผลิตอื่นท่ีอยภู่ ายใตส้ ภาพแวดล้อมของธุรกิจ คือ ความคิดเห็นของ ลูกค้าภายในและภายนอกองค์การตลอดจนสารสนเทศด้านผลประกอบการขององค์การ ซึ่งถือว่าเป็นส่วน หน่ึงของระบบการผลิตด้วย เมื่อส่ิงรับเข้าต่าง ๆ ได้ผ่านเข้าสู่แต่ละข้ันตอนของกระบวนการผลิตย่อยจะ เสรจ็ สิ้นสมบูรณ์แล้ว จะก่อให้เกิดส่ิงส่งออกหรือผลผลิตในรูปแบต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบของ ระบบการผลิต แสดงดังภาพที่ 4.7 ภาพท่ี 4.7 กระบวนการผลิตและบรกิ าร ทมี่ า (รุจิจันทร์ วิชวิ านิเวศน์, 2560, หนา้ 158)
83 หน้าท่ีทางการผลิตและการดาเนินงานจึงนับว่าเป็นหัวใจสาคัญของธุรกิจ มีผลต่อความพึงพอใจ ของลูกค้าอีกทั้งมีการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพตามความต้องการของลูกค้า และมีผลต่อความสามารถด้าน การรองรับปริมาณการผลิตทเี่ พม่ิ ขึ้นในอนาคตได้ ในส่วนเทคโนโลยีทางการผลิต จะกล่าวถึง เทคโนโลยีสารสนเทศท่ีธุรกิจต่างนิยมนามาใช่ร่วมกับ กระบวนการทางธุรกิจของระบบสารสนเทศทางการผลิต ได้แก่ โปรแกรมสาเร็จรูปทางการผลิต การใช้ หุ่นยนต์ การใช้รหัสแท่ง การใช้อินเทอร์เน็ต การออกแบบใช้คอมพิวเตอร์ช่วย การผลิตใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ระบบการผลิตแบบยืดหยุ่น การผลิตแบบผสมผสานด้วยคอมพิวเตอร์ ระบบการบูรณาการทางการผลิต ตลอดจนระบบสบั เปลย่ี นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เปน็ ต้น (รุจจิ ันทร์ วิชวิ านิเวศน์, 2560, หน้า 176-182) 1. โปรแกรมสาเร็จรูปทางการผลิต คือ โปรแกรมเชิงพาณิชย์ท่ีพัฒนาข้ึนใช้งานเฉพาะด้านและ จาเป็นต้องใช้งานร่วมกับการจัดการฐานข้อมูล เพ่ือสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลท่ีมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง สามารถออกเอกสารและรายงานทางการผลิตตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น โปรแกรมสาเร็จรูปด้าน จัดการโลจิสติกส์ โปรแกรมสาเร็จรูปด้านควบคุมสินค้าคงเหลือ โปรแกรมสาเร็จรูปด้านวางแผนความ ตอ้ งการวัสดุ โปรแกรมสาเร็จรูปด้านวางแผนทรัพยากรการผลิต และโปรกรมสาเร็จรูปด้านการผลิตแบบ ทนั เวลาพอดี 2. การใช้หุ่นยนต์ ในส่วนโรงงานอุตสาหกรรม เทคโนโลยีหุ่นยนต์สามารถช่วยงานในด้านการ กระจายและการจัดการวัสดุในโกดังสินค้าขนาดใหญ่ หรือมีการใช้หุ่นยนต์ช่วยงานด้านการนาออกวัสดุ และชิ้นสว่ นจากหนว่ ยเก็บสนิ คา้ ในเวลาท่ตี อ้ งการ การเกบ็ ชน้ิ สว่ นในถังเก็บช้ินส่วนที่ทับซ้อนกันเป็นช้ัน ๆ เมื่อใดก็ตามที่เกิดความต้องการชิ้นส่วนน้ัน ๆ ผู้เก็บพัสดุจะไขกุญแจซ่ึงบันทึกเลขท่ีอยู่ของถังเก็บช้ินส่วน ส่ังงานให้หุ่นยนต์มือถือเดินทางไปยังเลขท่ีถังเก็บช้ินส่วนนั้น เพ่ือนาถังเก็บช้ินส่วนออกจากพ้ืนที่จัดเก็บ โดยใช้แรงแม่เหล็กดูดถังเก็บชิ้นส่วนน้ัน และนาไปส่งมอบให้ผู้เก็บพัสดุ เมื่อมีการนาช้ินส่วนออกจากถัง เก็บช้ินส่วนแล้ว หุ่นยนต์จะนาส่งถังเก็บช้ินส่วนไปยังเลขท่ีอยู่เดิม ส่วนในประเทศญ่ีปุ่น อาจมีการใช้ระบบ อาคารอัจฉริยะ (Intelligent Building) ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยหุ่นยนต์จะนาแฟ้มส่ังงานไปยังลูกจ้าง และสง่ แฟ้มกลับคืนยังหนว่ ยเกบ็ แฟ้ม หรอื ในสถานพยาบาลก็อาจมีการใชห้ ุน่ ยนต์ปรุงยาและจา่ ยยาผ้ปู ่วยได้ 3. การใช้รหัสแท่ง เรียกอีกอย่างว่า บาร์โค๊ด (barcode) คือ สัญลักษณ์ที่อยู่ในรูปรหัสแท่ง ซึ่งมี ลักษณะเป็นแท่งสีเข้มและช่องว่างท่ีมีสีอ่อน แท่งเหล่านี้จะเป็นตัวแทนของตัวเลขหรือตัวอักษรและ สามารถอา่ นขอ้ มูลที่เกบ็ ในรหัสแทง่ ด้วยเครอ่ื งกราดตรวจ ข้อมูลทุกอย่างจะถูกจัดเก็บไว้ภายในฐานข้อมูล เมอ่ื มีธุรกรรมใด ๆ เกิดข้ึน ระบบจะจัดการข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ เช่น การตัดยอดสินค้าคงเหลือ ทันที มีการต้ังค่าจุดสั่งซื้อเพิ่มเพื่อจัดส่งข้อมูลสั่งซื้ออัตโนมัติให้ผู้ขาย เพ่ือเป็นการเติมเต็มสินค้าในเวลาที่ ต้องการ ซง่ึ โดยปกติแล้วธุรกิจจะนารหัสแท่งมาใช้รว่ มกับงานจาหนา่ ยสินคา้ เป็นตน้ 4. การใช้อินเทอร์เนต็ ปจั จบุ นั มีธรุ กิจจานวนมากที่พฒั นาระบบสารสนเทศบนเว็บข้ึนมาใช้งานบน พ้ืนฐานอินเทอร์เนต็ เพอ่ื สนบั สนนุ งานดา้ นการผลิตและการดาเนินงาน ช่วยเสริมการใช้งานของระบบการ ผลิตให้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ระบบการจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ระบบจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ ระบบสารสนเทศด้านควบคุมคุณภาพบนเว็บ ระบบสารสนเทศด้านบริหารโครงการบนเว็บ ระบบ
84 สารสนเทศด้านจัดตารางการทางานของลูกจ้างบนเว็บ และระบบสารสนเทศด้านจัดการโกดังสินค้าบน เว็บ เป็นต้น จากตัวอย่างจะเห็นว่าเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตช่วยเพ่ิมขีดความสามารถในการผลิตและการ ดาเนินงาน ทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยมีการนาโปรแกรมสาเร็จรูปเฉพาะด้านเข้ามาอานวย ความสะดวกในดา้ นต่าง ๆ จนพัฒนาสนิ ค้าสูต่ ลาดด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธภิ าพ 5. การออกแบบใชค้ อมพิวเตอรช์ ว่ ย (computer-aided design: CAD) เป็นระบบทีช่ ว่ ยสนับสนุน การออกแบบทางวิศวกรรมของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ กระบวนการออกแบบจะคานึงถึงความคิดเห็น ของลูกค้า มีการใช้โปรแกรมน้ีเพื่อสร้างแบบจาลองผลิตภัณฑ์ และทาการทดสอบประสิทธิภาพของ แบบจาลองนัน้ อกี ทัง้ ยงั ประเมินต้นทุนการผลิตท่ีลดลงจากปกติ ก่อนที่จะดาเนินการผลิตจริง นอกจากน้ี ยังสามารถใช้ข้อมูลท่ีได้จากงานด้านการออกแบบเพ่ือบ่งบอกถึงปัญหาที่มีอยู่ของผลิตภัณฑ์ และช่วย สนบั สนนุ งานด้านการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ใหม่ 6. การผลิตใช้คอมพิวเตอร์ช่วย (computer-aided manufacturing: CAM) เป็นระบบควบคุม และกระชับกระบวนการผลิตอัตโนมัติ โดยมักใช้ทางานร่วมกับโปรแกรมการออกแบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ ช่วย และมีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยติดตามและควบคุมการผลิตในโรงงาน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ช่วย ผลิตควบคุมเครื่องจักรประเภทสว่านและสายประกอบชิ้นส่วน อีกท้ังยังมีการตั้งโปรแกรมวิเคราะห์งาน ประจาวนั เพอื่ ทดสอบขอ้ ผดิ พลาดของระบบคอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์การผลติ เปน็ ตน้ 7. ระบบการผลิตแบบยืดหยุ่น (flexible manufacturing system: FMS) คือ ระบบที่รองรับการ เปล่ียนแปลงคาส่ังผลิตของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยอาจจะเป็นการเปล่ียนจาก ผลิตภัณฑ์หน่ึงเป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่ง หรือมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุการผลิต ในขณะท่ีเครื่องจักรยัง ดาเนินการผลิตอยู่ ซง่ึ จะชว่ ยลดเวลาของการเปล่ยี นสายงานผลิต ที่ส่งผลให้ธุรกิจตอบสนองความต้องการ ของตลาดและการแข่งขนั ได้อยา่ งรวดเร็ว 8. การผลิตแบบผสมผสานด้วยคอมพิวเตอร์ (computer-integrated manufacturing: CIM) คือ ระบบท่ีใช้คอมพิวเตอรเ์ พอื่ เชอ่ื มโยงส่วนประกอบของกระบวนการผลิตเข้าดว้ ยกนั โดยมงุ่ เน้นเป้าหมายใน ด้านการเชือ่ มต่อกระบวนการผลิตกับการประมวลผลคาสั่งซ้ือ การออกแบบผลิตภัณฑ์การตรวจสอบและ ควบคมุ คุณภาพ ตลอดจนการขนสง่ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพของการประสานการดาเนินการของหน่วย ผลิตต่าง ๆ อีกทั้งยังใช้ซิมเพื่อบูรณาการระบบย่อย ๆ ขององค์การเข้าด้วยกัน ระบบสารสนเทศทางการ ผลิตส่วนใหญ่เป็นระบบบนเว็บ ซ่ึงสามารถสนับสนุนการใช้ซิม แนวคิดพ้ืนฐานของซิม คือ ระบบง่าย ระบบอัตโนมัติและระบบบูรณาการ ซ่ึงทั้งสามส่วนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการผลิตแบบผสมผสานด้วย คอมพิวเตอร์ร่วมกับระบบสารสนเทศทางการผลิตที่เป็นระบบท่ียืดหยุ่น คล่องแคล่วว่องไว และยังมีการ ออกแบบกระบวนการผลิตท่มี คี ณุ ภาพสูง 9. การจัดการคุณภาพโดยรวม (total quality management: TQM) เป็นระบบบริหารคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการให้ความสาคัญสูงสุดต่อลูกค้า ภายใต้ความร่วมมือของพนักงานท่ัวท้ังองค์การท่ีจะปรับปรุง อยา่ งต่อเน่ือง เพ่อื ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ การจัดการคุณภาพโดยรวมจึงเป็นแนวทางท่ี หลายองค์การนามาใช้ปรบั ปรุงงาน ระบบนี้ลูกค้าจะเป็นผู้กาหนดมาตรฐานหรือความต้องการ เป็นระบบ
85 ที่ปรับปรุงการวางแผน การจัดการองค์การ และการทาความเข้าใจในกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับแต่ละบุคคล ในแตล่ ะระดับ เพือ่ ปรับปรงุ ประสิทธิภาพให้มคี วามยดื หยุ่น เพ่ือท่ีจะสามารถแข่งขันได้ ระบบนี้เป็นระบบ ที่สามารถนาไปใช้ได้กับทุกองค์การ ประสิทธิภาพของการจัดองค์การในระบบน้ีข้ึนอยู่กับการปฏิบัติตาม บทบาทหน้าท่ีของทุกคนในการนาองค์การไปสู่เป้าหมาย เป้าหมายสูงสุด คือ การสร้างความเป็นเลิศ ท้ัง กลยุทธ์ เทคนิค ระบบการจัดการ รวมถึงปรัชญาและเครื่องมือในการแก้ปัญหา การจัดการคุณภาพ โดยรวมมีความสาคญั เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงทางด้านการผลิต การตลาด และการเงิน เนื่องจากต้องมี การแขง่ ขนั สูง องคก์ ารตอ้ งหาทางลดต้นทุนและเพ่ิมคุณภาพ เพือ่ เอาตวั รอดและสรา้ งความเจรญิ ก้าวหน้า 10. ระบบทันเวลาพอดี (just-in-time) การจัดการสินค้าคงคลังแบบทันเวลาพอดีมีความสาคัญ อย่างยิ่งสาหรับธุรกิจในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วสาหรับธุรกิจประเภทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะการจัดการสินค้าคงคลังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก มีต้นทุนสูง และใช้เวลานาน ด้วยเหตุนี้ธุรกิจส่วน ใหญจ่ ึงยอมลงทุนกับระบบการจัดการสินค้าคงคลัง เพื่อลดปัญหาต่าง ๆ และท่ีสาคัญเป็นระบบสาเร็จรูป ท่ีใช้งานง่ายสะดวก ซึ่งวิธีการท่ีได้รับความนิยมกันมาช้านาน คือ การจัดการสินค้าคงคลังแบบทันเวลา พอดี ซ่ึงจะส่งผลให้ธุรกิจมีสมดุลระหว่างความต้องการของลูกค้า วัตถุดิบ และความต้องการการผลิต แต่ การจะทาให้ระบบทันเวลาพอดีนน้ั ดาเนินการได้อยา่ งราบรื่น จะตอ้ งอาศัยกระบวนการทางห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่มีประสิทธภิ าพดว้ ยเพ่อื ทีท่ ุกอยา่ งจะดาเนินการได้ตามขั้นตอนทีว่ างเอาไว้ 11. ระบบการบูรณาการทางการผลิต ช่วยสนับสนุนกิจกรรมที่หลากหลายทางการผลิต โดยมี การบูรณาการต่าง ๆ เข้าด้วยกัน มีความง่ายต่อการใช้งาน และยังมีความเป็นอัตโนมัติ ซึ่งมุ่งเน้นถึงการ ผลิตสินค้าที่หลากหลายชนิด ตัวอย่าง ระบบบูรณาการทางการผลิต เช่น มีการใช้งานวิศวกรรมใช้ คอมพิวเตอร์ช่วย (computer-aided engineering: CAE) ร่วมกับการออกแบบใช้คอมพิวเตอร์ช่วย อีก ท้ังยังออกแบบกระบวนการผลิตที่ดีด้วยระบบวางแผนกระบวนการผลิต (computer-aided process planning) นอกจากนี้ธุรกิจยังมีการใช้ระบบการวางแผนความต้องการวัสดุ (MRP) บูรณาการเข้ากับ ระบบจัดตารางการผลิตและระบบดาเนินการผลิตในโรงงาน ซ่ึงก็คือ ระบบวางแผนทรัพยากรการผลิต น่ันเอง และมีการเชื่อมโยงโมดูลงานที่หลากหลายของการวางแผนทรัพยากรการผลิตกับโมดูลของการ วางแผนทรัพยากรองค์กร (enterprise resource planning: ERP) เพื่อผลตอบแทนอย่างสูงสุดของ ระบบบรู ณาการทางการผลติ อกี ด้วย 12. ระบบสับเปล่ียนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันมีการใช้ระบบสับเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (electronic data interchange: EDI) เพ่อื เปน็ ตวั กลางในการเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลทั้งในส่วนของตัวอักษร ภาพ เสียง วีดีโอ โปรแกรมหรือโทรสาร ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้รับและส่ง ข้อมูลและเอกสารท่ีใช้อยู่เป็นประจาโดยสร้างรูปแบบมาตรฐานของเอกสาร และส่งผ่านจากระบบ คอมพิวเตอร์ขององค์การไปยังระบบคอมพิวเตอร์ขององค์การคู่ค้า การใช้ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นการลดความซับซ้อนด้านกระบวนการทางธุรกิจ และลดเวลาการรับและส่งเอกสาร อีกทง้ั ยังเพ่ิมความรวดเรว็ ได้เปน็ อย่างมาก
86 จากตัวอย่างข้างต้น ผู้เขียนจะยกตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์ด้านการผลิตการดาเนินงาน แสดงดัง ภาพที่ 4.8-4.10 ภาพที่ 4.8 โปรแกรมประยกุ ต์ CAD Thai ท่มี า (ไทยแวร์, 2560) ภาพที่ 4.9 โปรแกรมประยกุ ต์ SolidCAM ทีม่ า (โซลิด แคม เดอะ ลีดเดอร์ อิน อนิ ทเิ กรต แคม, 2564) ภาพที่ 4.10 หนุ่ ยนตใ์ นอตุ สาหกรรมการผลิตรถยนต์ ที่มา (ฐานเศรษฐกจิ , 2560)
87 แนวคิดและเทคโนโลยโี ปรแกรมประยุกต์กบั งานดา้ นการจดั การทรพั ยากรมนษุ ย์ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ (human resource management) ถือว่าเป็นหน้าท่ีหนึ่งใน กระบวนการจัดการธุรกิจ เก่ียวข้องกับกิจกรรมการจัดคนเข้าทางาน ซ่ึงเป็นภารกิจสาคัญของผู้บริหารที่ จะต้องจัดสรรบุคคลที่มีคุณภาพเข้าทางาน รวมถึงการพัฒนาระบบและธารงรักษาไว้ซึ่งลูกจ้างที่มี ความสามารถ รุจิจันทร์ วิชิวานิเวศน์ (2560, หน้า 126-127) อธิบายว่า การบริหารงานบุคคล หมายถึง กระบวนการในการสรรหา คดั เลอื ก และบรรจุบุคคลทเ่ี หมาะสมเขา้ ทางานในองค์การในจานวนท่ีเพียงพอ และเหมาะสม รวมทั้งการบารุงรักษา ด้วยการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถให้ทันสมัยอยู่เสมอ ส่วนคาว่า การจัดการทรัพยากรมนุษย์ หมายถึง การนาหลักบริหารงานบุคคลมาใช้เพื่อเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ ของการดาเนินงาน และพฤติกรรมของบุคคลในองค์การ โดยมีจุดเน้นท่ีการพัฒนาบุคคลและการจัดการ ดา้ นศกั ยภาพของบคุ คลท่เี กิดจากประสบการณ์ เพ่อื นาไปสู่ความสาเรจ็ ขององค์การตามเป้าหมาย จากทง้ั สองความหมายทาให้เหน็ วา่ การบริหารงานบุคคล กับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีความหมาย แตกต่างกนั โดยการบริหารงานบุคคลเนน้ การกระทาท่ลี งมือปฏบิ ตั ิ สว่ นการบรหิ ารทรัพยากรมนุษย์เป็นการนา หลักการงานบรหิ ารงานบุคคลมาปรับใช้เป็นความหมายเชิงทฤษฎมี ากกวา่ การปฏบิ ตั จิ ริง สารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ถือเป็นส่วนหน่ึงของสารสนเทศทางธุรกิจ เป็น สารสนเทศในรูปแบบของเอกสาร รายงานการปฏิบัติงานและรายงานเพื่อการบริหาร การจาแนกประเภท สารสนเทศ สามารถแบ่งออกเป็นสารสนเทศเชิงปฏิบัติ สารสนเทศเชิงวิธี และสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ สารสนเทศแตล่ ะประเภทมีความแตกตา่ งกนั ดังน้ี ความแตกต่างของสารสนเทศแต่ละประเภท อธิบายได้ว่า สารสนเทศเชิงปฏิบัติ เป็นผลมาจากการ ประมวลผลข้อมูลที่เกิดจากการปฏิบัติงานของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เช่น การคัดเลือก การบรรจุ งาน ประวัติบุคลากร การประเมินผล และการจ่ายเงินเดือน เป็นต้น ส่วนสารสนเทศเชิงกลวิธี เป็นผลท่ี ได้จากการประมวลผลข้อมูลจากการบริหารงานของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เช่น การสรรหา การ วิเคราะห์งาน การควบคุมตาแหน่งงาน สวัสดิการ ผลประโยชน์ และการพัฒนาฝึกอบรม เป็นต้น และ สารสนเทศเชิงกลยุทธ์ เป็นผลมาจากการประมวลผลข้อมูลท่ีเกิดจากการวางแผนงานของผู้บริหาร ระดับสงู เชน่ การวางแผนอตั รากาลงั การเจรจาต่อรองแรงงาน เป็นตน้ กล่าวโดยสรปุ ว่า สารสนเทศเพ่ือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ถูกนามาใช้สาหรับการบริหารงานทั้ง 3 ระดับ และสารสนเทศท่เี ปน็ ผลลพั ธจ์ ากระบบหน่ึง กจ็ ะกลายเปน็ ขอ้ มลู นาเข้าของอีกระบบหนงึ่ ในส่วนของเทคโนโลยีด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ กล่าวว่าหากมีการนาเทคโนโลยีมาใช้งาน เป็นเคร่ืองมือของการนาเสนอสารสนเทศแล้ว เราจะเรียกว่า ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารทรัพยากร มนษุ ย์ นามาใช้เปน็ เครอ่ื งมือนาเสนอสารสนเทศที่ได้กล่าวมาแลว้ ทั้ง 3 ประเภท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ในการปฏิบตั งิ านตามหนา้ ท่ีงานท่ีรับผดิ ชอบของลกู จ้างแต่ละบุคคลภายในองค์การได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงระบบสารสนเทศเพื่อการบรหิ ารทรัพยากรมนุษย์ มีกระบวนการทางธุรกิจดังจะยกตัวอย่าง เช่น ระบบ
88 วางแผนอัตรากาลังคน ระบบวิเคราะห์งาน ระบบสรรหาและคัดเลือก ระบบบุคลากร ระบบจ่ายค่าจ้าง และเงินเดือน ระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน ระบบพัฒนาและฝึกอบรม ระบบสวัสดิการและ ผลประโยชน์ เป็นต้น นอกจากน้ียังมีการนาโปรแกรมสาเร็จรูปเข้ามาใช้เป็นระบบสารสนเทศอีกด้วย ซ่ึง จะประกอบด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ การใช้งานอินทราเน็ต การจัดการ ทรพั ยากรบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ซ่งึ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี โปรแกรมสาเร็จรูปทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (human resource software) คือ โปรแกรม เชิงพาณิชย์ที่วางขายอยู่ในตลาดซอฟต์แวร์ พัฒนาขึ้นใช้เฉพาะกับงานด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และใช้ร่วมกับระบบจัดการฐานข้อมูล เพ่ือสร้างระบบจัดเก็บข้อมูลท่ีมีประสิทธิภาพ อีกทั้งสามารถออก เอกสารและรายงานทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์ได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น โปรแกรม บันทกึ เวลาทางาน โปรแกรมการจ่ายเงนิ เดือน โปรแกรมบริหารดา้ นทุนมนษุ ย์ เปน็ ตน้ การใชง้ านอนิ ทราเนต็ เปน็ ระบบเครอื ข่ายทสี่ รา้ งขนึ้ เพื่อใช้งานเฉพาะภายในองค์การ อินทราเน็ตมี มาตรฐานบนพ้ืนฐานอินเทอร์เน็ต ลักษณะการใช้งานเดียวกันกับระบบอินเทอร์เน็ต จึงไม่ยากต่อการ เรียนรู้ใช้งานของบคุ ลากร อินทราเน็ตเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังด้านการสื่อสารภายในองค์การ ระบบน้ีจะ ช่วยลดปริมาณกระดาษลงอย่างเห็นได้ชัด จึงกล่าวได้ว่าอินทราเน็ตจะนาไปสู่ประสิทธิภาพในการลด ตน้ ทุนคา่ ใช้จ่ายดา้ นการสอื่ สารของบุคลากร รวมท้ังใชใ้ นการฝึกอบรมบุคลากรขนั้ พน้ื ฐานอีกดว้ ย การจดั การทรพั ยากรบุคคลทางอิเล็กทรอนกิ ส์ จากหวั ขอ้ ท่ีผา่ นมาเปน็ การอธิบายถึงการใช้งานอินทราเน็ต หัวข้อน้ีเป็นการใช้งานส่ือสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เทคโนโลยีท่ีใช้สาหรับการสื่อสารและประสานงานระหว่าง บุคคลภายในและภายนอกองค์การ ตัวอย่างเช่น การจัดการองค์การเสมือนจริง การประชุมทางไกล การประชุม ผา่ นวดี ทิ ศั น์ การสรรหาอเิ ล็กทรอนิกส์ การเรียนอิเลก็ ทรอนิกส์ การประเมินผลการปฏิบัติงานทางอิเล็กทรอนิกส์ เปน็ ต้น สาหรับตวั อย่างโปรแกรมบรหิ ารงานบคุ คล แสดงดงั ภาพที่ 4.11 ภาพที่ 4.11 โปรแกรมบริหารงานบคุ คล ทม่ี า (ออนไลนซ์ อฟต์ ซอฟตแ์ วร์ แอส อะ เซอร์วสิ , 2562)
89 แนวคิดและเทคโนโลยีโปรแกรมประยกุ ต์ระบบบรหิ ารจัดการทรพั ยากรภายในองค์การ โปรแกรมประยุกต์ระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์การ (enterprise resource planning) หรืออีอาร์พี (ERP) โดยระบบดังกล่าวจะบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ขององค์การไว้เป็นศูนย์กลางที่ เรียกว่า ฐานข้อมูล (database) ดังนั้น ฝ่ายงานต่าง ๆ ในองค์การจะสามารถใช้งานข้อมูลเหล่านั้นร่วมกันได้ สง่ ผลใหอ้ งค์การสามารถทางานรว่ มกันได้อย่างเปน็ ระบบ การทางานรว่ มกนั ของโปรแกรมประยุกต์ระบบบรหิ ารจดั การทรพั ยากรภายในองค์การ ซึ่งหากมอง ในภาพรวมของการประกอบธุรกิจจะพบว่า ส่วนใหญ่แล้วหน้าที่งานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะประกอบด้วย กจิ กรรมหลายหนว่ ยงาน เชน่ ฝ่ายบรหิ าร ฝา่ ยบุคคล ฝ่ายบัญชี ฝ่ายการเงนิ ฝา่ ยจดั การสินคา้ คงคลัง ฝ่าย การตลาด ฝ่ายขาย และฝ่ายอ่นื ๆ เป็นตน้ ในทางปฏิบตั ทิ กุ หนว่ ยงานจะตอ้ งทางานรว่ มกัน มีการใช้ข้อมูล บางส่วนทีจ่ าเปน็ ระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในปัจจุบันปริมาณข้อมูล ปริมาณคนมีจานวนเพ่ิมมากขึ้น การทางานในแต่ละหน่วยงานจะต้องใช้ระยะเวลาในการติดต่อสื่อสารกัน และอาจพบความผิดพลาดของ ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้หากไม่นาโปรแกรมประยุกต์เข้ามาช่วย และแน่นอนว่าหากแต่ละหน่วยงานต่าง เลือกใช้โปรแกรมกันเอง อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการบริหารงานภาพรวมท่ีขาดการเชื่อมโยงกัน ดังน้ัน การนาระบบอีอาร์พีเข้ามาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ ก็จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทาให้แต่ละ หน่วยงานสามารถทางานบนแพลตฟอร์ม (platform) เดียวกัน โดยสามารถเข้าถึงรายละเอียดข้อมูลที่ จาเปน็ ผา่ นระบบกลางทาใหก้ ารบริหารจดั การธรุ กจิ ง่ายตอ่ การพฒั นา มีงานวิจัยท่ีสารวจความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับการสนับสนุนจากผู้บริหารเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์การ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ซึ่งงานวิจัยพบว่า ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์การท่ีได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยด้านที่มากท่ีสุด คือ ด้านการให้ความช่วยเหลือ รองลงมา ด้านการอานวยการ และด้านการฝึกอบรม โดยรายละเอยี ดในแต่ละด้านมดี งั น้ี (วิลัยภรณ์ แสงสุวรรณ์ และภิรดา ชัยรตั น์, 2562, หน้า 465-482) ด้านการให้ความช่วยเหลือ ผู้บริหารมีการสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เครอ่ื งพิมพ์ คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพอย่างเพียงพอ ข้อมูลน้ีแสดงให้เห็นว่า ผู้ปฏิบัติงาน ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์การ พึงพอใจกับการจัดหาอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ แต่ใน การทดสอบระบบน้ัน พบว่า มีการทดสอบนาน ๆ คร้ัง ซ่ึงอาจมีสาเหตุมาจากการทดสอบซอฟต์แวร์และ ฮาร์ดแวร์จาเป็นต้องใช้ท้ังงบประมาณเวลาและเจ้าหน้าที่จึงเป็นเหตุผลให้การทดสอบซอฟต์แวร์และ ฮาร์ดแวรร์ ะบบทาได้ไม่สมา่ เสมอ ด้านการอานวยการพบว่า ผู้บริหารมีการมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบรวมถึงแบ่งงานใน ระบบอย่างชัดเจน ประเด็นสาคัญ คือ ถึงแม้จะมีการนาระบบเข้ามาใช้งานแบ่งหน้าที่แล้วก็ตามผู้บริหาร ยังคงเป็นบุคคลที่มีหน้าที่ในการนาหรืออานวยการ โดยศึกษารูปแบบพฤติกรรมความสามารถของ พนักงานเพื่อกาหนดและมอบหมายความรับผิดชอบรวมถึงระบุกิจกรรมในการปฏิบัติงานที่ชัดเจนพร้อม ทัง้ ส่งเสริมกิจกรรมสรา้ งความรแู้ ละแรงจูงใจเพ่อื เปลี่ยนแปลงการเรียนรเู้ ก่ียวกับเทคโนโลยี บทบาทหนงึ่ ทสี่ าคญั
90 คือ การกระตุ้นการทางานในระบบด้วยการให้รางวัลหรือผลตอบแทน เช่น ค่าตอบแทนพิเศษ ค่า ประสบการณ์ เปน็ ต้น แตถ่ งึ อยา่ งไรก็ตาม กิจกรรมต่าง ๆ ต้องคานึงถึงงบประมาณของส่วนงานประกอบ ด้านการฝึกอบรมพบว่า ผู้บริหารสนับสนุนส่งเสริมให้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมอบรมสัมมนาที่ เก่ียวกับระบบ เพ่ือเพ่ิมพูนความรู้อยู่เสมอ แสดงให้เห็นว่าผู้ปฏิบัติงานระบบการวางแผนทรัพยากร องคก์ ารได้เขา้ รว่ มประชมุ อบรม สมั มนา เพื่อพัฒนาความรู้และวธิ ปี ฏบิ ตั ิงานเก่ียวกับระบบอยู่เสมอ แต่ถึง อย่างไรก็ตาม ผูป้ ฏบิ ัตงิ านระบบจะต้องได้รบั โอกาสในการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบด้วย แต่ท้ังน้ีแล้ว บางคร้ังการเปิดโอกาสอาจจะส่งผลกต่อการเสียเวลา เพราะบางคร้ังการเกิดปัญหาในระบบ ขึ้น จักต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเลือก วิทยากรนาเสนอความรเู้ กย่ี วกบั ระบบ อาจทาใหเ้ กิดความลา่ ช้าและแก้ไขปญั หาไดไ้ มท่ ันการณ์ ห า ก พิ จ า ร ณ า ถึ ง ร ะ ดั บ คุ ณ ภ า พ ใ ช้ ง า น ร ะ บ บ ก า ร ว า ง แ ผ น ท รั พ ย า ก ร อ ง ค์ ก า ร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง คุณภาพการใช้งานน้ัน เกิดขึ้นจากองค์ประกอบหลายส่วน เช่น ด้านความเกี่ยวข้องกันของระบบงานต่าง ๆ ด้านความทันเวลา ด้านความถูกต้อง ด้านความสมบูรณ์ ด้านความเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน เป็นต้น จากผลการวิจัย สังเกตได้ว่า ถึงแม้จะมีระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานก็ตาม แต่หากองค์ประกอบอื่น ๆ ไม่สามารถตอบสนองต่อระบบได้ ย่อมทาให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา โดยระบบอีอาร์พีถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นจากกระบวนการทางธุรกิจท่ี เกดิ จากแนวปฏิบัติท่ีดีที่สุด (Best Practices) ระบบอีอาร์พีถูกนาไปประยุกต์กับกระบวนการธุรกิจหลักต่าง ๆ ดงั น้ี (เจรญิ ศักดิ์ แซ่จงึ , 2562, หนา้ 245-246) 1. ด้านการบัญชี การเงิน ครอบคลุมระบบบัญชีแยกประเภท บัญชีเจ้าหน้ี บัญชีลูกหนี้ สินทรัพย์ ถาวร การจดั การและการพยากรณ์เงินสด การบัญชีต้นทุนสินค้า การบัญชีศูนย์ต้นทุน การบัญชีภาษี การ จดั การสินเชื่อ และรายงานทางการเงิน 2. ด้านทรัพยากรมนุษย์ ครอบคลุมกิจกรรมการบริหารบุคลากร การลงเวลาปฏิบัติงาน ระบบ เงินเดือน ค่าแรง แผนบริหารและพัฒนาบุคลากร การติดตามข้อมูลผู้สมัครงาน การจัดการผลประโยชน์ และค่าตอบแทนบุคลากร การวางแผนกาลังคน การจัดการผลการปฏิบัติงาน และรายงานค่าใช้จ่ายที่ใช้ ในการเดนิ ทางของบคุ ลากร 3. ด้านการประกอบอุตสาหกรรมและการผลิต ครอบคลุมการจัดซื้อจัดจ้าง การจัดการสินค้าคงคลัง การสั่งซื้อ การจัดส่ง การวางแผนการผลิต การจัดตารางการผลิต การวางแผนความต้องการวัตถุดิบ การ ควบคุมคณุ ภาพ การกระจายสินค้า การจดั การการขนส่งสินค้า และการบารุงรักษา โรงงานและอุปกรณ์ 4. ด้านการขายและการตลาด ครอบคลุมการประมวลผลคาสง่ั ซ้อื สนิ คา้ ใบเสนอราคา สัญญา การ ปรับแต่งผลิตภัณฑ์ การกาหนดราคาสินค้า การติดตามการชาระหนี้ การตรวจสอบสินเชื่อ การจัดการ สงิ่ จงู ใจและรายได้พเิ ศษจากการขาย และการวางแผนการขาย ท้งั 4 ดา้ นเปน็ กระบวนการทางธุรกจิ พ้นื ฐานที่ระบบออี ารพ์ ไี ดถ้ ูกนาไปสนับสนุนงาน หากสังเกตให้ ดีจะพบว่า กระบวนการทั้ง 4 ด้าน เป็นกระบวนการที่มีความเช่ือมโยงข้อมูลกัน บางกิจกรรมต้องอาศัย
91 ข้อมูลที่จาเป็นต่อกัน ระบบอีอาร์พีจึงเป็นระบบสารสนเทศสาเร็จรูปที่ตอบสนองกิจกรรมเหล่าน้ีได้เป็น อยา่ งดี ภาพรวมของระบบออี ารพ์ ี แสดงดงั ภาพท่ี 4.12 ภาพท่ี 4.12 ภาพรวมของระบบออี าร์พี ที่มา (เจริญศักด์ิ แซจ่ ึง, 2562, หนา้ 245-246) ระบบอีอาร์พีเป็นระบบสารสนเทศสาเร็จรูป มีท้ังแบบชนิดติดต้ังท่ีองค์การ (on premise ERP) และแบบชนิดบนคลาวด์ (cloud ERP) ระบบอีอาร์พีมีท้ังข้อดีและข้อจากัดท่ีแตกต่างกัน โดยจะแบ่ง รายละเอียดออกเปน็ 2 ประเภท คือ ระบบออี าร์พีแบบชนิดติดตั้งที่องค์การ และแบบชนิดบนคลาวด์ โดยมี รายละเอยี ด แสดงดังตารางท่ี 4.3–4.4 ตารางที่ 4.3 ขอ้ ดแี ละขอ้ จากัดของระบบอีอาร์พแี บบชนิดตดิ ต้ังท่ีองค์การ ข้อดี ขอ้ จากดั 1. ความสามารถของแต่ละหน้าที่การทางานของ 1. ระบบมีความซับซ้อนสูงในการติดต้ังท่ีต้องใช้ระยะ ระบบทีส่ มบูรณ์ เนื่องจากได้รับการออกแบบจาก เวลานาน รวมถงึ การปรับเปล่ียนการทางานของระบบ แนวปฏิบตั ทิ ี่ดีที่สุดขององค์การธุรกจิ ไปจากค่าเร่มิ ตน้ เดิมมากอาจใชร้ ะยะเวลาเป็นปี 2. ความสามารถในการปรับแต่งการทางานของ 2. ระบบมตี ้นทนุ สงู ทง้ั ในด้านการจัดซื้อรวมท้ังซอฟต์แวร์ ระบบตามความต้องการของผใู้ ช้ และฮาร์ดแวร์ นอกจากนั้นยงั มีคา่ ใชจ้ ่ายอื่น ๆ ตามมา 3. ความสามารถในการยกระดับโครงสร้างพ้ืนฐาน ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้าง ค่าฝึกอบรมพนักงานใหม่ ซึ่ง ทางเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กรให้เป็น องค์การท่ีมีขนาดเล็กอาจะประสบปัญหาข้อจากัดใน มาตรฐานเดียวกนั เรอ่ื งต้นทนุ 4. ความสามารถในการเช่ือมประสานหน้าที่การ 3. การทางานของกระบวนการธุรกิจบางกระบวนการที่มี ทางานต่าง ๆ ของระบบให้ทางานรว่ มกันเป็นหน่ึง ในระบบจึงอาจไมส่ อดคลอ้ งกับการทางานจริง จึงต้อง เดียว อาศัยการปรับแต่งระบบท่ีมาจากความต้องการของ ผู้ใช้ในแต่ละส่วนงาน ส่งผลให้มีต้นทุนและระยะเวลา ในการปรับเปล่ยี นท่นี าน
92 ตารางท่ี 4.3 ข้อดีและขอ้ จากดั ของระบบออี าร์พีแบบชนดิ ตดิ ตั้งที่องค์การ (ต่อ) ขอ้ ดี ข้อจากดั 4. การปรับแต่งการเช่ือมโยงระหว่างระบบน้ัน ส า ม า ร ถ ท า ไ ด้ ใ น ข อ บ เ ข ต ท่ี จ า กั ด ข อ ง ร ะ บ บ องค์การอาจต้องศึกษาพิจารณาแนวทางเลือก สาหรบั การเช่ือมโยงระบบท่ีมีความยืดหยุ่นในการ เชื่อมโยงระหว่างโปรแกรมประยุกต์มอดูลและ ขอ้ มูล ทม่ี า (เจริญศกั ด์ิ แซจ่ ึง, 2562, หน้า 246-247) ตารางที่ 4.4 ขอ้ ดีและขอ้ จากัดของระบบออี าร์พีแบบชนดิ บนคลาวด์ ข้อดี ขอ้ จากัด 1. ผู้ใช้ไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพ่ือการลงทุนสร้าง 1. มีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนเข้าใช้บริการการใช้ สภาวะแวดล้อมของการประมวลผล ซ่ึงรวมถึง งานระบบผ่านคลาวด์ โดยเสียค่าธรรมเนียมไป ค่าใช้จ่ายในการซ้ือและการจัดการซอฟต์แวร์และ ตลอดอยา่ งต่อเนอ่ื งตราบใดทีย่ ังคงใชบ้ รกิ าร ฮาร์ดแวร์ เคร่ืองเซิร์ฟเวอร์ ตลอดจนทรัพยากร สนบั สนุนอ่นื ๆ ทจ่ี าเป็นในการทางานของระบบ 2. ความเสี่ยงในด้านความปลอดภัย บริการต่าง ๆ บนคลาวด์ย่ิงมีมากเท่าใด ความเสี่ยงในด้านความ 2. ตน้ ทนุ ในการดาเนนิ งานดา้ นพลังงาน ค่าบารุงรักษา ปลอดภัยก็เพ่ิมข้ึนเท่าน้ัน การจัดการกับประเด็น ระบบ คา่ ปรบั แต่งระบบให้ตรงตามความตอ้ งการใน ด้านความปลอดภยั เป็นกระบวนการท่ีซับซ้อนและ การใช้งาน ค่าปรับปรุงรุ่นของระบบให้ทันสมัย และ ทา้ ทายอยา่ งสูง ค่าใชจ้ า่ ยสาหรับทีมงานเทคโนโลยสี ารสนเทศ ลดลง 3. ความเสี่ยงในด้านสมรรถนะการทางานของระบบ 3. การพัฒนาระบบท่ีรวดเร็ว เน่ืองจากเป็นระบบ อาจล้มเหลวได้จากการทางานท่ีเช่ือมโยงผ่าน สาเร็จรูปผู้ใช้สามารถเลือกใช้ตามความต้องการ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต โอกาสท่ีเครือข่ายจะ โดยทางเลือกต่าง ๆ ตรงตามความต้องการ ซึ่งมี ล้มเหลวหรอื มปี ญั หา ย่อมเกิดขน้ึ ได้ตลอดเวลา ความแตกตา่ งอยา่ งชดั เจนด้านเวลา 4. เกิดข้อจากัดในด้านการปรับแต่งระบบตามความ 4. ระบบมคี วามยดื หยุ่นในการใช้งานสงู โดยระบบอนุญาต ต้องการและการเชื่อมโยงระบบ เพราะระบบเป็น ใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถเลอื กขยายหรอื ลดขนาดการใช้งานระบบ แบบสาเร็จรูป จึงยากต่อการปรับแต่งตามที่ ได้ตามความต้องการในการใช้งานในแต่ละช่วงเวลาได้ ต้องการ เสมอ 5. ความเส่ยี งเชงิ กลยุทธ์ การเลือกใชร้ ะบบบนคลาวด์ 5. สามารถลดระยะเวลาในการพัฒนาและติดต้ังระบบ ทาให้องค์การตอ้ งยอมรบั กบั ความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ ลงไปได้มาก จึงทาให้เกิดการให้ความสาคัญกับ เน่ืองจากการดาเนินงานทุกอย่างท่ีอยู่บนคลาวด์ กิจกรรมแกนหลักขององค์การโดยไม่ต้องเสียเวลาไป ล้วนตอ้ งพ่งึ พาผู้ให้บริการทงั้ ส้นิ กับการติดตัง้
93 ตารางท่ี 4.4 ข้อดแี ละขอ้ จากัดของระบบอีอาร์พีแบบชนดิ บนคลาวด์ (ตอ่ ) ขอ้ ดี ขอ้ จากดั 6. ผใู้ ช้สามารถเข้าถงึ และเลอื กใช้งานเทคโนโลยีเฉพาะ 5. ความเสี่ยงในด้านความสอดคล้องกับมาตรฐาน ตลอดจนทรพั ยากรการประมวลผลที่มีความทันสมัยซ่ึง ข้อกาหนดต่าง ๆ เน่ืองจากมาตรฐานข้อกาหนด ถูกจดั เตรียมไวพ้ รอ้ มสาหรับใหผ้ ใู้ ชเ้ ลือกใชง้ านได้ทันที ต่าง ๆ ทั้งในด้านของข้อมูล พลังงาน และ 7. การปรบั ปรุงความสามารถหรือรุ่นของระบบท่ีสามารถ สิ่งแวดล้อม ล้วนมิได้ถูกออกแบบเฉพาะมาเพื่อ ทาได้ด้วยตนเองทุกอย่าง ส่งผลให้เกิดความรวดเร็ว รองรบั การทางานบนคลาวด์ ระบบทต่ี นใชน้ นั้ จะเป็นระบบร่นุ ที่ทันสมยั ทีส่ ุดอยเู่ สมอ 8. โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ บนคลาวด์ทางานบน สภาวะแวดลอ้ มแบบเปิด เป็นผลให้การเข้าถึงระบบ สามารถทาได้จากอุปกรณ์ใด ๆ ก็ได้ จากที่ใดก็ได้ เวลาใดก็ได้ ส่งผลผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จาก ระบบได้สงู สดุ 9. ความสามารถในการเชอ่ื มโยงกับหน่วยงานท่ีง่ายข้ึน ด้วยความสามารถของบริการต่าง ๆ ที่มากับการ ประมวลผลบนคลาวด์ ทาให้ความต้องการในการ เชื่อมโยงระบบทั้งภายในและภายนอกเป็นไปได้ง่ายขึ้น ที่มา (เจรญิ ศักด์ิ แซ่จงึ , 2562, หน้า 252-254) ระบบอีอาร์พีท้งั สองแบบ ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับองค์การในหลายมติ ิ ทาให้มองเห็นภาพรวมของ ธุรกิจได้ชัดขึ้น ย่ิงในระบบคลาวด์ช่วยให้สามารถทางานได้ทุกท่ีแม้จะอยู่คนละพื้นที่ พนักงานทุกคน สามารถเข้าถึงขอ้ มลู ได้อย่างเท่าเทยี มกนั และทีส่ าคัญระบบมีความปลอดภัยสูงและให้ข้อมูลท่ีถูกต้องตรง กับศูนย์กลางข้อมูล ข้อมูลทั้งหมดจะทาให้ฝ่ายบริหารสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดและ แม่นยามากยงิ่ ขนึ้ ประเด็นต่อมาผู้เขียนจะยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานซอฟต์แวร์ระบบอีอาร์พีกับอุตสาหกรรม ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี (อดศิ กั ดิ์ นาคนาวา, 2562, หนา้ 33-37) สาหรับตัวอย่างต่อไปนี้เป็นตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์ท่ีมีช่ือว่า โอดู (odoo) โปรแกรมดังกล่าวมี ความสามารถทค่ี รอบคลมุ การใช้งานทจ่ี าเปน็ ในภาคอุตสาหกรรม ในส่วนของงานบัญชียังพบปัญหาเรื่องผังบัญชีที่ ไม่เข้ากันกับประเทศไทย หากจะนามาใช้งานต้องปรับปรุงในส่วนนี้ให้ได้ รองรับมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 14001 โปรแกรมโอดยู งั สามารถใช้งานเชื่อมโยงกับเครื่องจักรการผลิตที่เป็นจุดเริ่มต้นของโรงงานอัตโนมัติในยุคที่ เรียกวา่ อุตสาหกรรม 4.0 (Industry 4.0) การตดิ ตัง้ ใชง้ านและปญั หา พบว่า ต้องใช้ระบบปฏิบัตกิ าร อบุ นู ตุ (ubuntu) และลีนกุ ซ์ (linux) และดาวน์ โหลดโปรแกรมมาใช้งานได้จากเว็บไซต์ของ โอดู โดยเลือก โอดู คอมมูนิต้ี อิดิชัน (odoo community edition) โดยเทคนคิ การตดิ ต้ังโปรแกรมแบบง่ายจะดาวน์โหลดวิธีการได้จาก https://github.com
94 ปัญหาทางเทคนิคที่พบบ่อย คือ การทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (computer server) มีขนาด เลก็ ไม่เพยี งพอกบั คนท้งั องค์การ และระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ (computer network) ท่ขี าดเสถียรภาพ มีการ หลุดของสญั ญาณบอ่ ย และไม่ควรใช้เครอื ขา่ ยแบบไรส้ าย (wireless network) เพราะเนือ่ งจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ลกู ขา่ ย (client) จะต้องตดิ ตอ่ กับเครื่องแม่ข่ายตลอดเวลา การติดตั้งระบบกับการปรับตัวของอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม โดยปกติระบบซอฟต์แวร์ คอมพวิ เตอร์ทีใ่ ช้ในโรงงานจะเป็นโปรแกรมสาเร็จรูปที่ใช้ในแต่ละแผนก เช่น โปรแกรม เอก็ ซเ์ พลส (express) ของ ระบบบัญชี เป็นตน้ หรอื โปรแกรมท่ีเขียนข้นึ เองตามความต้องการ เช่น ระบบของฝ่ายบุคคล เป็นต้น ซ่ึงโปรแกรม ท้งั หมดไม่ไดถ้ กู เช่อื มโยงกันในระบบฐานขอ้ มูลเดียวกัน และไม่มีรายงาน (report) ให้ผู้บริหารทราบ เช่น รายงาน ยอดขาย รายงานของฝา่ ยผลติ รายงานการฝึกอบรม รายงานงบกาไรขาดทุน เป็นต้น และข้อมูลของท้ังหมดไม่ได้ เป็นฐานข้อมูลชุดเดียวกันและซ้าซ้อนกัน เช่น ข้อมูลลูกค้าคนเดียวกันแต่มีท่ีอยู่คนละแหล่ง ข้อมูลของสินค้าตัว เดยี วกนั ท่ีมรี ายละเอยี ดไม่เหมือนกัน เปน็ ตน้ และการทางานทไี่ ม่ประสานงานของของบุคคลในแต่ละแผนกเม่ือนา โปรแกรมโอดูมาใช้งานท้ังระบบ ผู้ประกอบการโรงงานจาเป็นจะต้องให้ความรู้ของทั้งองค์การ เพราะเน่ืองมาจาก จะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลกันทุก ๆ แผนก และปรับกระบวนการทางานของบุคคลใหม่ท้ังหมด เพ่ือให้ระบบ คอมพวิ เตอรท์ างานแทน ดงั นนั้ จะมงี านที่บคุ คลไมต่ ้องทางานหรอื วางงาน และระบบจะทางานแทน จึงจาเป็นต้อง หางานใหม่ใหก้ ับบคุ คลทว่ี ่างงาน การติดต้ังระบบโอดูกับไอที เอาท์ ซอร์สซ่ิง (IT outsourcing) การลงทุนของระบบอีอาร์พีนับว่ามีความ จาเป็นต้องทาในภาวะอุตสาหกรรม 4.0 ถ้าในวันน้ีไม่ทาวันหน้าก็ต้องทา ดังน้ัน การใช้โปรแกรมโอดูนับเป็น ทางเลอื กท่ีดที ่ีสดุ ปญั หาสว่ นใหญ่ของการการพัฒนาระบบ นั้นส่วนหน่ึงมาจากบุคคลกรทางด้านคอมพิวเตอร์หรือ ด้านไอที ถ้ามีความรู้มากหน่อยจะมีโอกาสยา้ ยงานสงู ดงั นน้ั ควรใชบ้ รกิ ารของบริษทั ทางดา้ นคอมพวิ เตอร์หรอื ไอที มาพัฒนาระบบงานทง้ั ระบบให้ ระบบออี าร์พกี บั อุตสาหกรรม 4.0 การปฏวิ ตั ิอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จะเป็นการบรู ณาการโลกของการผลิต เข้ากับการเชื่อมต่อทางเครือข่ายในรูปแบบอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง (Internet of Things) ทุกหน่วยของระบบการ ผลิต ต้ังแต่วัตถุดิบ เคร่ืองจักร เครื่องมืออุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์หน่วยต่าง ๆ เหล่านี้ จะถูกติดตั้ง ระบบเครอื ขา่ ยเพอ่ื ให้สามารถสื่อสารและแลกเปล่ียนข้อมูลซึ่งกันและกันอย่างอิสระ เพ่ือการจัดการกระบวนการ ผลิตท้ังหมด อุตสาหกรรม 4.0 ประกอบไปด้วย Cyber-Physical Systems, The Internet of Things,The Internet of Services และ Smart Factory ถ้าไม่มีระบบอีอาร์พีเป็นพ้ืนฐานจะไม่สามารถเช่ือมโยงข้อมูลต่าง ๆ ได้ ดังน้ัน ระบบอีอาร์พี โอดู เป็นพ้ืนฐานท่ีจาเป็นจะต้องเกิดขึ้นสาหรับอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมใน เมอื งไทย จากรายละเอียดดังกล่าว พบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจไม่จาเป็นจะต้องซ้ือโปรแกรมประยุกต์มาใช้ เสมอไป แต่สามารถหาใช้งานได้ฟรีจากผู้ให้บริการต่าง ๆ ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเลือกใช้โปรแกรม เหลา่ นีใ้ ห้เหมาะสมกับงานและสถานการณ์เพ่ือสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันภาคธุรกิจ ธุรกิจที่มีการ ปรับตัวอย่างสม่าเสมอก็จะสามารถดาเนินต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์ท่ีมีการเปล่ียนแปล งทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวัฒนธรรม โปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจที่มีความเหมาะสมจะช่วย เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งขันได้เพ่ือยกระดับการดาเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับยุค สมัยใหมท่ ี่เรียกว่า ดจิ ทิ ลั
95 สรปุ ทา้ ยบท ปัจจุบันมีการใช้คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ประยุกต์ทางานได้หลายอย่าง ผู้ใช้ควรเรียนรู้ว่าใครควร จะใช้โปรแกรมใด ใช้ทาอะไร และใช้อย่างไร ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นโปรแกรมท่ีพัฒนาข้ึนเพื่อให้ คอมพิวเตอรท์ างานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ทางธุรกิจจึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ท่ีธรุ กจิ ตา่ งหนั มาเลือกใชเ้ ป็นเครื่องมือชว่ ยเพิ่มประสทิ ธภิ าพในการทางานแต่ละด้านตามหน้าท่ีทางธุรกจิ แนวคิดและเทคโนโลยีโปรแกรมประยุกต์ด้านการบัญชีและการเงิน งานบัญชีและการเงินเป็น กิจกรรมที่รวบรวม วิเคราะห์ จัดประเภท และสรุปข้อมูลรายการต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปของตัวเลข โดยมี วัตถุประสงค์เพ่ือนาข้อมูลเหล่านั้นมาใช้สาหรับการวางแผนและควบคุมการดาเนินงานด้านต่าง ๆ ของ ธุรกิจ และงานการเงินจะมีหน้าท่ีการจัดหาเงินทุน การเก็บรักษาและการใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือให้การดาเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ท่ีธุรกิจหรือกิจการ กาหนดไว้ ในส่วนการนาเทคโนโลยีมาใช้งาน เรียกว่าระบบสารสนเทศด้านการบัญชีการเงินท่ีผลิต สารสนเทศทางด้านบัญชกี ารเงิน แนวคิดและเทคโนโลยีโปรแกรมประยุกต์ด้านการตลาด การดาเนินกิจกรรมด้านการขายและ การตลาดจะถือว่าเป็นภาระงานที่สาคัญภายใต้โซ่คุณค่าขององค์การ จากแนวคิดในการดาเนินธุรกิจใน ปัจจุบันมักจะเน้นที่ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสาคัญ องค์การจึงต้องให้ความสาคัญกับการดาเนินงาน ดา้ นการตลาด รวมท้งั การสร้างแรงจงู ใจใหก้ ับบุคลากรของทุกหน่วยงาน ในการสร้างมูลค่าของผลิตภัณฑ์ ท่ีสง่ มอบต่อลกู ค้าทกุ ราย สารสนเทศทางการตลาดนับวา่ เป็นสว่ นหน่ึงของสารสนเทศทางธุรกิจ ถือว่าเป็น ผลลัพธ์ของระบบสารสนเทศทางการตลาด ในส่วนการนาเทคโนโลยีมาใช้งานเรียกว่า ระบบสารสนเทศ ทางการตลาดท่ีผลิตสารสนเทศทางการตลาด แนวคิดและเทคโนโลยีโปรแกรมประยุกต์กับงานด้านการผลิตและการดาเนินงาน คือหน้าที่งาน หนึง่ ทางธุรกจิ รบั ผดิ ชอบสาหรับกระบวนการแปรรูปปัจจัยการผลิต เพ่ือเข้าสู่รูปแบบการผลิตภัณฑ์ ถือว่า เปน็ กระบวนการสรา้ งมูลค่าใหก้ ารกบั แปรรปู ปจั จัยการผลติ ใหเ้ ป็นผลิตภัณฑ์อันทรงคุณค่า ส่งถึงมือลูกค้า หรือผู้บริโภค ในสว่ นการนาเทคโนโลยีมาใชง้ านเรยี กวา่ ระบบสารสนเทศดา้ นการผลิตและการดาเนินงาน ทผ่ี ลิตสารสนเทศทางการผลติ และการดาเนนิ งาน แนวคิดและเทคโนโลยีโปรแกรมประยุกต์กับงานด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบริหาร ทรัพยากรมนุษย์ ถือว่าเป็นหน้าท่ีหน่ึงในกระบวนการจัดการธุรกิจ เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการจัดคนเข้า ทางาน ซ่ึงเป็นภารกิจสาคัญของผู้บริหารที่จะต้องจัดสรรบุคคลที่มีคุณภาพเข้าทางาน รวมถึงการพัฒนา ระบบและธารงรักษาไว้ซึ่งลูกจ้างท่ีมีความสามารถ ในส่วนการนาเทคโนโลยีมาใช้งานเรียกว่า ระบบ สารสนเทศดา้ นการบริหารทรัพยากรมนษุ ยท์ ี่ผลติ สารสนเทศด้านบริหารทรพั ยากรมนุษย์
96 คาถามทา้ ยบท กจิ กรรมดา้ นทฤษฎี 1. จงอธิบายแนวคดิ การเลอื กใช้โปรแกรมประยกุ ต์กบั งานการบัญชีและการเงนิ 2. จงอธิบายแนวคดิ การเลือกใช้โปรแกรมประยกุ ต์กบั งานการตลาด 3. จงอธบิ ายแนวคดิ การเลอื กใชโ้ ปรแกรมประยุกต์กับงานการผลติ และการดาเนินงาน 4. จงอธิบายแนวคิดการเลอื กใช้โปรแกรมประยกุ ต์กับงานการจดั การทรัพยากรมนุษย์ 5. จงยกตวั อยา่ งโปรแกรมประยุกต์สาหรบั งานบัญชกี ารเงิน 1 โปรแกรม พรอ้ มอธบิ าย 6. จงยกตวั อยา่ งโปรแกรมประยุกตส์ าหรบั งานการตลาด 1 โปรแกรม พร้อมอธิบาย 7. จงยกตัวอยา่ งโปรแกรมประยุกต์สาหรบั งานการจดั การทรัพยากรมนุษย์ 1 โปรแกรม พร้อมอธิบาย 8. จงยกตวั อยา่ งโปรแกรมประยุกต์สาหรบั งานการผลติ และการดาเนินงาน 1 โปรแกรม พร้อมอธบิ าย 9. จงวิเคราะหข์ ้อดี ข้อเสียของการนาโปรแกรมประยุกตเ์ ข้ามาใช้งานกบั ธรุ กิจ 10. แนวทางการนาโปรแกรมประยุกตท์ างธุรกิจมาใชง้ านทเ่ี หมาะสม ควรคานงึ ถึงสงิ่ ใดบ้าง กจิ กรรมดา้ นปฏิบัติ 1. ผเู้ รียนสบื ค้นโปรแกรมประยุกต์ทางธรุ กจิ ในด้านต่าง ๆ ดังน้ี 1.1 ดา้ นบญั ชี 1.2 ดา้ นการเงนิ 1.3 ด้านการตลาด 1.4 ด้านการผลิตและการดาเนินงาน 1.5 ดา้ นทรัพยากรมนษุ ย์ โดยผเู้ รียนเลอื กคนละ 1 ด้าน เพอ่ื นาเสนอข้อมลู พร้อมอธบิ ายแนวคิดและการใช้งานพอสังเขป
97 เอกสารอา้ งอิง กรมตรวจบญั ชีสหกรณ์. (2559). ระบบสารสนเทศทางการเงินของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์. ค้นเม่ือ กมุ ภาพันธ์ 16, 2562, จาก https://www.cad.go.th/main.php?filename=index. จินตนัย ไพรสณฑ,์ เรนเดอร์ แบร์ร่ี และจักรนิ ทร์ ศขุ หมอก. (2551). การจดั การการผลติ และการปฏบิ ตั ิการ. กรุงเทพฯ: เพียรส์ ัน เอ็ดดเู คช่ัน อินโดไชน่า. เจรญิ ศกั ดิ์ แซ่จึง. (2562). การวางแผนทรพั ยากรวสิ าหกจิ บนคลาวด์. วารสาร ธรุ กิจปริทัศน์ 11 (1): 243-261. ชลติ ผลอินทร์หอม. (2559). ไอทีกบั นักบัญชีมืออาชีพ. ค้นเม่ือ กุมภาพันธ์ 5, 2560, จาก https://www.spu.ac.th. ซเี นยี ร์ ซอฟต์. (2559). SeniorSoft Chocco 2. ค้นเมื่อ มีนาคม 14, 2560, จาก https://seniorsoft.co.th/th/product-seniorsoft/software-package/item/231- seniorsoft-chocco.html. โซลดิ แคม เดอะ ลดี เดอร์ อิน อินทิเกรต แคม. (2564). SolidCAM – The Leading Integrated CAM Solution with the Amazing iMachining Technology. คน้ เม่ือ มีนาคม 20, 2564, จาก https://www.solidcam.com/cam-solutions/why-solidcam/. ฐานเศรษฐกิจ. (2560). หนุ่ ยนต์ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ หุ่นยนตจ์ ีนกา้ วส่เู บอร์1โลก. คน้ เมื่อ มนี าคม 20, 2564, จาก https://www.thansettakij.com/general-news/132001. ไทยแวร.์ (2560). CADThai โปรแกรม CADThai เขียนแบบ ออกแบบ 2 มิติ. ค้นเมื่อ มนี าคม 14, 2560, จาก https://software.thaiware.com/6965-CADThai-Download.html. พนิดา พานิชกุล. (2554). การจดั การธุรกจิ . กรุงเทพฯ: เคทพี คี อมพแ์ อนดค์ อนซัลท์. โฟล แอคเค้า. (2564). FlowAccount โปรแกรมบัญชี ออนไลน์ ใชง้ านง่าย สาหรบั นักธรุ กจิ ยุคใหม่. คน้ เม่ือ มีนาคม 14, 2564, จาก https://flowaccount.com/. ภาวนา สขุ เกษม. (2564). คมู่ ือการปฏิบัตงิ านระบบเบิกจา่ ยเงินผา่ น GFMIS Web online. คน้ เมื่อ มีนาคม 20, 2564, จาก http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER6 /DRAWER058/GENERAL/DATA0000/00000220.PDF. รจุ จิ ันทร์ วิชวิ านิเวศน.์ (2560). สารสนเทศทางธรุ กจิ (ฉบับปรบั ปรุงเพมิ่ เตมิ ). กรงุ เทพฯ: ซเี อ็ดยูเคชั่น. ลาซาดา้ . (2564). LAZADA เวบ็ ไซตพ์ าณิชย์อเิ ล็กทรอนิกส.์ ค้นเมอ่ื มกราคม 10, 2564, จาก https://www.lazada.co.th/. วชั นีพร เศรษฐสกั โก. (2560). ระบบสารสนเทศทางการบัญชี. กรงุ เทพฯ: ว.ี เจ.พรน้ิ ตงิ้ . วลิ ัยภรณ์ แสงสวุ รรณ์ และภริ ดา ชัยรัตน์. (2562). ความคดิ เห็นเก่ยี วกับคุณภาพการใชง้ านระบบการ วางแผนทรพั ยากรองค์การ (Enterprise Resource Planning: ERP) มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน. วารสารการเมอื ง การบริหาร และกฎหมาย 11 (3): 465-482. วีเจ้นซ.์ (2558). โปรแกรมหนว่ ยรถ Van sale. คน้ เม่ือ มีนาคม 14, 2560, จาก https://vgenz.com/th/โปรแกรมขายเคล่ือนท่ี-pos-van-sales/.
98 ออนไลน์ซอฟต์ ซอฟต์แวร์ แอส อะ เซอรว์ สิ . (2562). โปรแกรมบรหิ ารงานบคุ คล. คน้ เมื่อ มนี าคม 3, 2562, จาก http://www.onlinesoft.co.th/ArticleInfo.aspx?ArticleID=5026. โอภาส เอยี่ มศริ ิวงศ.์ (2556). พาณชิ ย์อิเลก็ ทรอนกิ ส์. กรงุ เทพฯ: ซเี อด็ ยูเคช่นั . ________. (2560). ระบบสารสนเทศเพือ่ การจดั การ. กรุงเทพฯ: ซีเอด็ ยูเคชัน่ . Turban, E., Leidner, D., Mclean, E.,& Wetherbe], J. (2006). Information technology for Management: transforming organizations in the digital economy (5th ed.). Hoboken, NJ: John Wiley & Sons (Asia).
แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 5 โปรแกรมประยกุ ต์ทัว่ ไปทางธุรกจิ หัวขอ้ เนื้อหา 1. ความหมายและลักษณะของโปรแกรมประยุกต์ท่ัวไปทางธรุ กจิ 2. โปรแกรมประยุกตด์ ้านการจัดการงานเอกสาร 3. โปรแกรมประยุกต์ดา้ นการคาํ นวณ 4. โปรแกรมประยุกตด์ ้านการนําเสนอข้อมูล 5. โปรแกรมประยุกตด์ า้ นฐานข้อมูล 6. การประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมให้เหมาะสมกับธรุ กจิ ในยุคดจิ ทิ ลั วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบายความหมายและลกั ษณะของโปรแกรมประยุกต์ทั่วไปทางธรุ กจิ ได้ 2. อธิบายแนวคดิ ใชโ้ ปรแกรมประยุกต์ด้านการจดั การงานเอกสารได้ 3. อธบิ ายแนวคดิ การใช้โปรแกรมประยุกต์ด้านการคาํ นวณได้ 4. อธบิ ายแนวคดิ การใช้โปรแกรมประยกุ ต์ด้านการนําเสนอข้อมลู ได้ 5. อธบิ ายแนวคิดการใช้โปรแกรมประยุกต์ด้านฐานข้อมลู ได้ 6. จาํ แนกเพ่อื อภปิ รายเปรียบเทียบประเภทงานทีม่ ีความเหมาะสมกบั โปรแกรมประยุกตไ์ ด้ 7. ปฏิบตั กิ ารใชง้ านโปรแกรมประยกุ ตท์ ว่ั ไปทางธุรกิจให้เหมาะสมธรุ กจิ ในยคุ ดจิ ทิ ัลได้ วธิ สี อนและกจิ กรรมการเรียนการสอน 1. วธิ สี อน 1.1 วิธสี อนแบบบรรยาย 1.2 วธิ สี อนแบบฝกึ ปฏิบตั ิ 1.3 วิธีสอนโดยใช้การอภปิ รายกลุม่ ยอ่ ย 1.4 วธิ สี อนโดยใชก้ รณตี วั อยา่ ง 2. กจิ กรรมการเรียนการสอน 2.1 แบง่ กลุม่ ผเู้ รยี นอภปิ รายเหตุการณ์ในปจั จุบนั โดยมีตัวอยา่ งกรณศี กึ ษางานในธรุ กิจและ ช่วยกันวเิ คราะห์งานในธุรกจิ น้ันว่าเหมาะสมกับโปรแกรมอะไร เพราะเหตุใด ผู้สอนสรุปการอภิปราย รว่ มกับผู้เรียน เพ่ือเชือ่ มโยงเขา้ สู่เน้ือหาบทเรยี น 2.2 ผูส้ อนบรรยายเรื่องตอ่ ไปน้ี 2.2.1 ความหมายและลกั ษณะของโปรแกรมประยกุ ต์ทั่วไปทางธรุ กจิ
100 2.2.2 โปรแกรมประยุกตด์ า้ นการจดั การงานเอกสาร 2.2.3 โปรแกรมประยุกต์ดา้ นการคาํ นวณ 2.2.4 โปรแกรมประยุกตด์ า้ นการนําเสนอข้อมลู 2.2.5 โปรแกรมประยุกตด์ ้านฐานข้อมลู 2.2.6 การประยุกต์ใช้โปรแกรมให้เหมาะสมกบั ธุรกจิ ในยุคดิจิทลั 2.3 ผู้สอนยกกรณีศึกษาตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์เพื่อให้เห็นตัวอย่างจริง พร้อมท้ังให้ ทดลองใชง้ านพ้ืนฐานโปรแกรมต่าง ๆ เพ่ือใหเ้ กดิ ความคนุ้ เคย โดยเรียนร้พู รอ้ มกนั ในห้องเรยี น 2.4 ผเู้ รียนศกึ ษาเนื้อหาที่เรียนพร้อมเปดิ โอกาสใหแ้ ลกเปล่ยี นความรกู้ ับเพ่ือนในห้องเรียน และตอบคําถามทา้ ยบท สอื่ การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน รายวิชา การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์ทางธุรกิจ 2. โปรแกรมสาํ เรจ็ รูป Power Point ประกอบการสอน 2.1 ความหมายและลักษณะของโปรแกรมประยกุ ต์ทว่ั ไปทางธุรกิจ 2.2 โปรแกรมประยุกตด์ ้านการจดั การงานเอกสาร 2.3 โปรแกรมประยุกต์ด้านการคํานวณ 2.4 โปรแกรมประยุกต์ด้านการนาํ เสนอข้อมลู 2.5 โปรแกรมประยุกตด์ า้ นฐานข้อมูล 2.6 การประยุกต์ใช้โปรแกรมใหเ้ หมาะสมกับธุรกิจในยุคดจิ ิทัล 3. โปรแกรม web browser สบื ค้นขอ้ มลู 4. ใบงานฝกึ ปฏบิ ตั ิ กรณศี ึกษาตัวอย่าง 5. โปรแกรมสาํ เรจ็ รูป Microsoft office 6. บทเรยี นออนไลน์ www.elearningbynirut.com/moodle/ การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. สงั เกตจากพฤติกรรมการเรียน 2. สงั เกตการสนทนาและตอบคําถาม 3. ตรวจผลงานการอภิปรายรายกลมุ่ 4. ตรวจผลงานการฝกึ ปฏิบัติจากกรณีศึกษา 5. ตรวจผลงานการตอบคําถามท้ายบท
101 บทท่ี 5 โปรแกรมประยุกต์ทัว่ ไปทางธรุ กิจ จากบทที่ผ่านมาได้กล่าวถึงแนวคิดและเทคโนโลยีการใช้โปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจ ทําให้ทราบถึง แนวคิดของหน้าท่ีทางธุรกิจท่ีสําคัญในด้านต่าง ๆ คือ ด้านการบัญชี ด้านการเงิน ด้านการตลาด ด้านการ ผลติ และการดําเนินงาน และด้านการบรหิ ารทรพั ยากรมนุษย์ แนวคดิ ในแต่ละด้านจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถ เลอื กใช้เทคโนโลยโี ปรแกรมประยุกตไ์ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมและชว่ ยเพิม่ ประสิทธิภาพในการทํางานด้านนั้น ในบท ก่อนนั้นได้กล่าวถึงประเภทของซอฟต์แวร์ไว้ว่าแบ่งออกเป็นซอฟต์แวร์ระบบและซอฟต์แวร์ประยุกต์ ซึ่งใน บทนจี้ ะไดก้ ลา่ วถงึ ในสว่ นของซอฟต์แวร์ประยกุ ตท์ ่ีเป็นโปรแกรมประยุกต์ท่ัวไปที่นิยมนํามาใช้ทางธุรกิจมาก ท่ีสุด ธุรกิจได้นํามาใช้เพื่อสนับสนุนกระบวนการธุรกิจให้แก่องค์กร ทั้งนี้ก็เพ่ือความอยู่รอดและการเติบโต ทางธรุ กจิ ไม่ว่าจะเปน็ การประยุกตใ์ ช้งานเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ การนําโปรแกรมประยุกต์ทั่วไปเข้ามาจัดการ งานทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองานเอกสารในสํานักงาน การจัดการงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล การจัดการ ฐานข้อมูล แม้กระทั่งงานด้านการนําเสนอข้อมูล ธุรกิจต่าง ๆ ได้นําโปรแกรมประยุกต์มาใช้กันอย่าง แพร่หลาย ก็เพอื่ นํามาปฏิบัติงานตามสว่ นต่าง ๆ การนาํ มาใชเ้ พอื่ จัดการ และเพ่อื ชิงความไดเ้ ปรียบในทางธุรกิจ ในบทน้จี ะอธบิ ายถึง ความหมายและลักษณะของโปรแกรมประยุกต์ทั่วไปทางธุรกิจ โปรแกรม ประยุกต์ด้านการจัดการงานเอกสาร โปรแกรมประยุกต์ด้านการคํานวณ โปรแกรมประยุกต์ด้านการ นําเสนอข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ด้านฐานข้อมูล และการประยุกต์ใช้โปรแกรมให้เหมาะสมกับธุรกิจ ในยคุ ดจิ ิทลั โดยมรี ายละเอียดดังตอ่ ไปนี้ ความหมายและลกั ษณะของโปรแกรมประยุกตท์ ่ัวไปทางธรุ กจิ ในบทที่ 3 ผู้เขียนได้กล่าวถึง ซอฟต์แวร์ประยุกต์ไว้แล้วว่า คือ โปรแกรมชุดคําสั่งท่ีติดตั้ง ภายหลังจากติดต้ังระบบปฏิบัติการ มีลักษณะท่ีผู้ใช้นํามาประยุกต์ใช้งานท่ัวไป และเฉพาะด้าน อาจจะเป็นงานจําพวกงานด้านบัญชี งานด้านเอกสาร และงานควบคุมสินค้าคงคลัง ท้ังน้ีโปรแกรม ดังกล่าวอาจมาในรูปของโปรแกรมสําเร็จรูปหรือสั่งให้เขียนข้ึนมาเฉพาะด้าน หรืออาจกล่าวได้ว่า โปรแกรมประยุกต์ทั่วไปเป็นโปรแกรมที่ได้รับการพัฒนาข้ึนโดยมีจุดประสงค์เพ่ือให้สามารถนํา โปรแกรมดังกล่าวไปใช้ในงานใดก็ได้โดยไม่เจาะจงประเภทหรือลักษณะของธุรกิจ อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ โปรแกรมมาตรฐาน (standard software) และโปรแกรมเฉพาะ (customized package) โดยแต่ละประเภทมีรายละเอยี ดดังนี้ (วศนิ เพิม่ ทรพั ย์, 2561, หน้า 87) โปรแกรมมาตรฐาน หมายถึง โปรแกรมที่พัฒนาข้ึนมาเพื่อให้สามารถใช้ได้กับงานทั่วไป ส่วน ใหญ่มีคุณสมบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน ผู้ใช้ไม่จําเป็นต้องไปปรับปรุงหรือแก้ไขส่วนใด ๆ ข อง โปรแกรม ในท่นี ้ีจะกล่าวถึงโปรแกรมสําเร็จรูปไมโครซอฟต์ออฟฟิศ (Microsoft office) โปรแกรมเฉพาะ หมายถึง โปรแกรมท่ีอาจต้องขอให้ผู้ผลิตเพ่ิมเติมคุณสมบัติบางอย่างลงไป เพราะโปรแกรมที่วางขายนั้นยังมีข้อจํากัดบางประการท่ีไม่สามารถตอบสนองความต้องการทํางาน
102 ขององค์การได้ หากมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขเพียงเล็กน้อยก็จะทําให้ใช้งานได้ดีและเหมาะสมกับ องค์การมากข้นึ หรือบางโปรแกรมก็ทาํ มาใหผ้ ู้ใชส้ ามารถปรับเปลยี่ นแกไ้ ขได้เองในระดับหนงึ่ ในบทนี้จะกล่าวถึงโปรแกรมมาตรฐานและในเอกสารเล่มน้ีจะขอใช้คําว่า โปรแกรมประยุกต์ ทั่วไป โดยโปรแกรมประยุกต์ทั่วไปจะเป็นโปรแกรมซ่ึงได้มาโดยการพัฒนาข้ึนเองภายในหน่วยงาน หรือว่าจ้างหน่วยงานภายนอกเขยี นโปรแกรมนั้นให้หรืออาจจะซื้อโปรแกรมสําเร็จที่มีจําหน่ายท่ัวไปก็ ได้ โดยจุดประสงคใ์ นการนาํ โปรแกรมประยุกต์เหลา่ นัน้ มาใช้งานที่ไมเ่ จาะจงประเภทหรือลักษณะของ ธุรกิจ คือ การนํามาช่วยงานท่ัวไปทั้งในระดับบุคคล ระดับหน่วยงาน หรือระดับองค์การขนาดใหญ่ โดยทั่วไปแล้วโปรแกรมประยุกต์ที่ใช้ในงานท่ัวไปนั้น มักจะเป็นโปรแกรมสําเร็จซึ่งมีการจําหน่ายแก่ ผ้สู นใจเพื่อนาํ ไปประยกุ ต์ใช้งาน หากเราแบ่งตามกลุ่มการใช้งานแล้วน้ัน โปรแกรมประยุกต์ท่ัวไปจะ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มซอฟต์แวร์สําหรับงานด้านธุรกิจหรืองานสํานักงาน ที่เน้นการใช้งานทางธุรกิจ โดยเฉพาะ โดยมุ่งหวังให้การทํางานมีประสิทธิภาพที่ดีข้ึนกว่าการใช้แรงงานคน เช่น การใช้งาน สําหรับการจัดพิมพ์รายงานเอกสาร การวิเคราะห์คํานวณ การนําเสนองาน การจัดทําฐานข้อมูล รวมถึงการบันทึกนัดหมาย รายงานการประชุม ฯลฯ ปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ในกลุ่มน้ีเป็น จาํ นวนมาก ตามตวั อยา่ งแสดงดงั ตารางที่ 5.1 (สุพรรษา ยวงทอง, 2557, หน้า 111) ตารางท่ี 5.1 ลกั ษณะโปรแกรมและตัวอยา่ งโปรแกรม ลักษณะโปรแกรม ตัวอย่างโปรแกรม ประมวลผลคาํ (Word Processing) Microsoft Word Writer (โปรแกรมของชุด OpenOffice) Kingsoft Writer ตารางคํานวณ (Spreadsheet) Microsoft Excel Calc (โปรแกรมของชดุ OpenOffice) นาํ เสนองาน (Presentation) Microsoft PowerPoint Impress (โปรแกรมของชุด OpenOffice) ฐานขอ้ มูล (Database) Microsoft Access Oracle MySQL Base (โปรแกรมของชดุ OpenOffice) แบบกลุม่ (Software Suite) Microsoft Office OpenOffice Adobe จัดการโครงการ (Project Management) Microsoft Project GanttProject งานบัญชี (Accounting) Intuit QuickBooks Peachtree SPSS(Statistical Package for the Social Sciences) ท่ีมา (สพุ รรษา ยวงทอง, 2557, หนา้ 111)
103 จากตารางท่ี 5.1 กลุ่มโปรแกรมที่นิยมนํามาใช้งานกันมากท่ีสุดในสํานักงาน คือ โปรแกรม ไมโครซอฟต์ออฟฟิศ ซง่ึ ในบทเรียนนี้จะได้อธิบายถึง โปรแกรมด้านการจัดการงานเอกสาร โปรแกรม ด้านการวเิ คราะห์ขอ้ มูล โปแกรมดา้ นการนําเสนอขอ้ มูล และโปรแกรมด้านการจดั การฐานขอ้ มลู โปรแกรมประยกุ ต์ด้านการจดั การงานเอกสาร เอกสารถือว่าเป็นสิ่งสําคัญและเป็นส่ิงท่ีเราต้องพบเจอทุกวันในชีวิตประจําวันแต่เดิมเอกสาร เหล่าน้ีมักเป็นกระดาษ ซ่ึงถูกบันทึกด้วยการเขียนหรือพิมพ์ดีดแต่ในปัจจุบันเม่ือการใช้คอมพิวเตอร์ เป็นท่ีแพร่หลาย เอกสารจึงถูกจัดทําขึ้นโดยใช้โปรแกรมทางคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่าโ ปรแกรม ประมวลผลคํา หรือเวิร์ด โปรเซสซ่ิง (word processing) ซ่ึงจะบันทึกเอกสารลงในส่ือคอมพิวเตอร์ เชน่ ฮาร์ดดสิ ก์ หรอื แผ่นซีดี แทน เกิดเป็นเอกสานท่ีเรียกว่า เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และเม่ือเราต้อง ใช้งานเอกสารน้ันในรูปแบบกระดาษ ก็สามารถจัดพิมพ์ออกมาได้อย่างคมชัด สวยงาม และรวดเร็ว โดยโปรแกรมประยุกต์ด้านการจดั การงานเอกสารทน่ี ยิ มใช้มากท่ีสดุ คือ โปรแกรมประมวลผลคํา โดย มีรายละเอียดดงั น้ี (อมั รนิ ทร์ เพ็ชรกุล, 2558, หนา้ 21-22) วศนิ เพมิ่ ทรัพย์ (2561, หนา้ 89) อธบิ ายว่า โปรแกรมประมวลผลคํา หมายถึง โปรแกรมที่ใช้ พมิ พ์ขอ้ ความและจดั หน้าเอกสาร กําหนดขนาดใหญ่เล็กและรูปแบบตัวอักษร สร้างตาราง ใส่รูปภาพ ประกอบ และจัดพมิ พ์ออกมาให้สวยงาม สุพรรษา ยวงทอง (2557, หนา้ 112) อธบิ ายวา่ โปรแกรมประมวลผลคํา หมายถึง โปรแกรมท่ี ช่วยในการประมวลผลคําโดยคุณสมบัติหลักท่ีมีคือ สามารถจัดการเอกสารต่าง ๆ ได้ เช่น ขนาด ตัวอักษรใหญ่ เล็ก รูปแบบตัวอักษร การสร้างตาราง การใส่รูปภาพในเอกสารซ่ึงอาจเป็นไฟล์ภาพ ทว่ั ไป หรอื ภาพทีโ่ ปรแกรมมีไวใ้ ห้อยู่แลว้ อยา่ งภาพตัดปะ (clip art) เป็นต้น โอภาส เอ่ียมสิริวงศ์ (2561, หน้า 242) อธิบายว่า โปรแกรมประมวลผลคํา หมายถึง โปรแกรมประยุกต์ที่นิยมใช้งานอย่างกว้างขวาง เหมาะสําหรับงานเอกสารท่ัวไปที่ผู้ใช้สามารถสร้าง แกไ้ ข บันทกึ และสง่ั พมิ พ์ เช่น งานพิมพ์จดหมาย หนังสือ ร่างเอกสาร สมัครงาน ร่างสัญญาคู่ค้าทาง ธรุ กจิ จดหมายแจ้งขา่ ว และรายงานอนื่ ๆ เปน็ ตน้ กล่าวโดยสรุปว่า การประมวลผลคําเป็นการนําคําหลาย ๆ คํามาเรียงกันให้อยู่ในรูปแบบท่ี กําหนดเพ่ือจัดทําเป็นเอกสารโดยใช้เครื่องคอมพวิ เตอรผ์ ่านทางโปรแกรมประมวลผลคํา ซึ่งช่วยให้เรา สามารถสร้าง แก้ไข คดั ลอก จัดรูปแบบ และจัดพิมพ์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วอีกท้ังยังสามารถเก็บ บันทกึ เอกสารลงบนบนั ทึกขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เพื่อนาํ กลบั มาใช้ในภายหลงั ได้ โปรแกรมประมวลผลคํา เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการจัดสร้างเอกสารในแบบต่าง ๆ ตั้งแต่ เอกสารแบบง่าย ๆ เช่น จดหมายหรือบทความต่าง ๆ ไปจนถึงเอกสารที่ซับซ้อน เช่น ใบโฆษณาหรือ บทความประกอบภาพสร้างและจัดการเอกสารทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรายงาน จดหมาย ใบปะหน้า แฟกซ์ แบบฟอร์มต่าง ๆ ไปจนถึงการจัดทําคู่มือและหนังสือ โดยมีระบบอัตโนมัติท่ีช่วยในการจัดทํา เอกสาร เช่น การตรวจคาํ สะกด การตรวจสอบไวยากรณ์ การใส่ข้อความอัตโนมัติ เปน็ ต้น
104 ภาพที่ 5.1 โปรแกรมสําเรจ็ รูป Microsoft Word ท่ีมา (อมั รนิ ทร์ เพ็ชรกลุ , 2558, หน้า 21) โปรแกรมประยุกต์ในการจัดการเอกสารนั้นที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากท่ีสุด คือ โปรแกรมสําเร็จรูปชุดสํานักงาน ไมโครซอฟต์ เวิร์ด (Microsoft Word) ซ่ึงเป็นโปรแกรมหนึ่งในชุด สํานักงานที่มีการพัฒนารุ่นต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็ว เน่ืองด้วยใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนมากจึงทําให้ กลายเปน็ ท่นี ยิ ม ในแต่ละวัน เราอาจตอ้ งทํางานกบั เอกสารตา่ ง ๆ มากมาย ตงั้ แต่รายงานการประชุม สรุปยอดขาย จดหมาย และคู่มือต่าง ๆ การบันทึกข้อความเหล่าน้ีโดยใช้มือเขียน หรือใช้เคร่ือง พิมพ์ดีด อาจไม่ใช่วิธีที่สะดวกรวดเร็วท่ีสุด เพราะแทนท่ีเราจะใช้เวลาในการวางแผนส่ิงท่ีคิดเป็น ถ้อยคาํ เพือ่ สอื่ สาร กอ็ าจกลบั ต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ในการแก้ไขและตกแต่งเอกสารให้ได้ตามต้องการ การใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์ เวิร์ด จะช่วยลดข้ันตอนเหล่านี้ได้ และทําให้การตกแต่งและแก้ไข เอกสารทสี่ ร้างเปน็ ไดอ้ ย่างงา่ ยดาย ซึง่ กลา่ วโดยสรุปถึงความสามารถของโปรแกรมไมโครซอฟต์ เวิร์ด มรี ายละเอยี ดดงั น้ี (อมั รนิ ทร์ เพ็ชรกุล, 2558, หน้า 21-22) 1. สามารถช่วยสร้างเอกสาร รายงาน คู่มือ รวมท้ังจดหมายสําหรับงานด้านต่าง ๆ ได้อย่าง รวดเร็ว โดยใช้แบบฟอร์มจดหมายท่ีมีอยู่แล้ว นอกจากน้ันเราสามารถทําจดหมายท่ีมีข้อความ เหมือนกัน และสง่ ไปยังผูร้ บั หลาย ๆ คนได้อยา่ งงา่ ยดาย 2. ตกแต่งเอกสารได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยสีสันและรูปภาพ เพ่ือให้ดูน่าสนใจย่ิงข้ึน และเน้น หัวข้อที่สําคัญโดยใช้ตัวอักษรแบบต่าง ๆ เช่น ตัวหนา ตัวเอียง นอกจากนั้นจะใช้ โปรแกรม ไมโครซอฟต์ เวิร์ด ตกแต่งเอกสารให้อตั โนมตั ิ 3. สร้างเอกสารรวดเร็วจากแม่แบบ สําหรับเอกสารท่ีใช้กันบ่อย ๆ เช่น จดหมายรูปแบบต่าง ๆ รายงาน ใบเสนอราคา เป็นต้น รวมทง้ั สามารถสรา้ งเอกสารแม่แบบทต่ี อ้ งการไดเ้ องอีกดว้ ย
105 4. นําเสนอข้อมูลด้วยตารางและกราฟ เราสามารถสร้างตารางข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เพ่ือ นาํ เสนอขอ้ มูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย รวมทงั้ การแทรกผังองค์กร และไดอะแกรมแบบอื่น ๆ ด้วย 5. ทํางานกับไฟล์ข้อมูลรูปแบบอื่น สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมอื่นในชุดออฟฟิศได้อย่าง รวดเร็ว เช่น สามารถดึงข้อมูลในโปรแกรมไมโครซอฟต์เอ็กเซลมาใส่ในเอกสารหรือนําข้อมูลจาก เอกสารในลกั ษณะโครงร่างไปสร้างสไลดพ์ รีเซนตเ์ ตชันบนไมโครซอฟต์ พาวเวอร์ พอยท์ เปน็ ตน้ 6. ใชไ้ ฟล์เอกสารบนอนิ เทอรเ์ นต็ เราสามารถแปลงเอกสารที่สร้างเป็นเว็บเพจเพ่ือเผยแพร่ใน อนิ เทอร์เนต็ หรือเครอื ข่ายคอมพิวเตอรภ์ ายในองค์กรได้ รวมท้ังบริการสําหรับการใช้งานไฟล์เอกสาร รว่ มกนั เปน็ ทมี ดว้ ย จากความสามารถของโปรแกรมไมโครซอฟต์ เวิร์ด ทําให้เห็นว่ามีความสามารถที่จะทําการ จัดการงานด้านเอกสารได้เป็นอย่างดี เกิดกระบวนการทํางานในการผ ลิตเอกสารได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ไมว่ า่ จะเป็นเร่อื งการสรา้ งแม่แบบเอกสาร การจัดแบ่งข้อมูลในรูปแบบตารางหรือกราฟ ตกแต่งเอกสารได้ง่ายและรวดเร็ว ดว้ ยสสี ันและรูปภาพ เพอื่ ให้ดนู า่ สนใจย่งิ ขนึ้ โปรแกรมประยกุ ต์ด้านการคานวณ ในกรณีท่ีเราเป็นผู้บริหารกิจการมีหน้าที่ต้องทราบข้อมูลของธุรกิจท่ีเราดําเนินการอยู่ว่ามี ความสามารถในการหารายได้เข้าสู่กิจการได้ดีเพียงไร มีค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานอย่างไรบ้าง ข้อมลู เหล่านี้จะต้องจัดทําเป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส รายปี เราใช้ตารางคํานวณ แสดงผลการประกอบการเหล่านี้ หน่วยงานที่รวบรวมและจัดทําข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายจัดซ้ือ ฝ่ายจัดเกบ็ สินค้า ฝา่ ยการตลาด เป็นผู้จัดทํารับรู้ให้ถูกต้องตรงกัน ฝ่ายการเงิน ฝ่ายบัญชี จะสามารถ ดําเนินการได้ถูกต้องแม่นยําตามมา โดยโปรแกรมประยุกต์ด้านการคํานวณท่ีนิยมใช้มากท่ีสุด คือ โปรแกรมตารางคาํ นวณ (สุพชี า ถิรจิตตกุล, ม.ป.ป. หน้า 3) โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้ วศนิ เพม่ิ ทรพั ย์ (2561, หน้า 89) อธบิ ายวา่ โปรแกรมตารางคาํ นวณ หมายถงึ โปรแกรมที่ช่วย ในการคํานวณแบบสารพัดประโยชน์ทั่วไปมีลักษณะเป็นตารางให้เราใส่ตัวเลขลงในแต่ละช่อง บาง ช่องอาจใส่สูตรที่ดึงตัวเลขช่องอื่น ๆ มาคํานวณ และอาจกําหนดลักษณะข้อมูลในแต่ละช่อง เช่น ตวั เลข วนั ที่ คา่ เงิน ฯลฯ จัดรปู แบบตารางใหส้ วยงาม และส่ังพิมพ์ออกมาได้ สุพรรษา ยวงทอง (2557, หนา้ 112) อธิบายว่า โปรแกรมตารางคํานวณ หมายถึง โปรแกรมที่ เกยี่ วข้องกับการคาํ นวณต่าง ๆ โดยทํางานกับตารางคํานวณ มักนําไปใช้ในงานด้านบัญชีและรายการ คาํ นวณอ่นื ๆ ในหน้าตารางทํางานจะมหี นว่ ยที่เล็กท่สี ุดเรยี กว่า เซลล์ (cell) มีลักษณะเป็นช่องตาราง ซ่ึงเป็นพื้นท่ีใช้งานในขณะหนึ่ง ๆ โดยสามารถกําหนดค่าต่าง ๆ ให้กับแต่ละเซลล์ เช่น กําหนดให้ ข้อความในเซลลน์ ้นั เป็นตวั เลขทั่วไป วันที่ หรอื เปน็ สตู รคํานวณตา่ ง ๆ เปน็ ต้น โอภาส เอีย่ มสริ ิวงศ์ (2561, หนา้ 242) อธบิ ายว่า โปรแกรมตารางคํานวณ หมายถึง โปรแกรม ตารางทําการท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มของชุดค่าตัวเลขและข้อมูลอ่ืน ๆ เช่น ข้อความ สูตรคํานวณ และ ฟงั กช์ น่ั คณิตศาสตร์ ดว้ ยการจดั รูปแบบลงในแถวและคอลัมน์ ท่ีเรียกว่า เซลล์ กล่าวโดยสรุปว่า โปรแกรมตารางคํานวณ เป็นโปรแกรมท่ีมีความสามารถในด้านการคํานวณ มักนํามาใช้ในงานด้านการบัญชี ซ่ึงลักษณะของตารางคํานวณเป็นช่องท่ีเรียกว่า เซลล์ สามารถใส่
106 ข้อมูลได้ทั้งตัวเลข ข้อความ ฟังก์ชั่นคณิตศาสตร์ สูตรการคํานวณ และจัดรูปแบบตารางได้อย่าง สวยงาม ภาพที่ 5.2 โปรแกรมสาํ เร็จรปู Microsoft Excel ท่ีมา (จีระสิทธ์ิ อง้ึ รตั นวงศ์, 2558, หน้า 185) โปรแกรมประยุกต์ด้านการคํานวณท่ีนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากที่สุด คือ โปรแกรม สําเร็จรูปชุดสํานักงาน ไมโครซอฟต์ เอ็กเซล (Microsoft Excel) สําหรับผู้ที่มีหน้าที่ต้องวิเคราะห์ผล การดาํ เนนิ งานอยู่เปน็ ประจํา ตอ้ งรวบรวมข้อมูลทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับรายได้กิจการจากรายงานขายหรือจาก ฐานข้อมูลของกิจการ มีการนําเสนอผลประกอบการท่ีจัดทําด้วยโปรแกรมไมโครซอฟต์ เอ็กเซล ต่อ คณะผู้บริหาร จะเห็นได้ว่าไมโครซอฟต์ เอ็กเซล เป็นโปรแกรมตารางคํานวณ ซึ่งจัดเป็นโปรแกรม ประเภทตารางงานคํานวณ (spreadsheet) โดยใช้จัดการกับข้อมูลตัวเลขจํานวนมาก เพ่ือนําข้อมูล เหล่าน้ีไปประมวลผลหาผลลัพธ์หรือเปรียบเทียบวิเคราะห์สรุปผล เป็นตาราง กราฟ แผนภูมิต่าง ๆ ซ่ึงกล่าวโดยสรุปถึงความสามารถของโปรแกรมไมโครซอฟต์ เอ็กเซล มีรายละเอียดดังน้ี (อัมรินทร์ เพช็ รกุล, 2559 หนา้ 23-24) 1. จัดเก็บและนําเสนอข้อมูลในรูปแบบของกราฟประเภทต่าง ๆ เราสามารถจัดเก็บข้อมูล อย่างเป็นระบบระเบียบในลักษณะของตารางข้อมูล พร้อมนําเสนอข้อมูลในรูปของกราฟแบบต่าง ๆ ได้ อยา่ งรวดเร็ว เพ่อื ให้สามารถเห็นความแตกต่างของข้อมลู และทําความเข้าใจไดง้ ่ายขน้ึ 2. บริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ สามารถใช้ไมโครซอฟต์ เอ็กเซลจัดเรียงข้อมูลและ คดั เลือกขอ้ มูลเฉพาะท่ตี อ้ งการได้ (กรองข้อมลู ) เพื่อช่วยในการเปรียบเทียบและตัดสินใจเกี่ยวกับงาน ต่าง ๆ ได้งา่ ยและแมย่ ํา 3. คาํ นวณขอ้ มลู ใชฟ้ ังก์ชันพิเศษ ไมโครซอฟต์ เอ็กเซลสามารถคํานวณข้อมูลในตาราง โดยใช้ สูตรและฟังก์ชันการคํานวณ ทั้งสามารถนําข้อมูลที่อยู่ในแต่ละแผ่นงานมาคํานวณร่วมกัน และการ บรหิ ารข้อมลู ท่มี ีปริมาณมาก ๆ ได้
107 จากความสามารถของโปรแกรมไมโครซอฟต์ เอ็กเซล ทําให้เห็นว่านอกจากมีความสามารถใน ดา้ นการคํานวณไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพแล้วยังสามารถจัดเก็บและนําเสนอข้อมูลในรูปแบบของกราฟ ประเภทตา่ ง ๆ พร้อมนําเสนอข้อมูลในรูปของกราฟแบบต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว คัดเลือกข้อมูลด้วยวิธีการ กรองข้อมูลเพ่ือเปรียบเทียบหรือเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับงานต่าง ๆ ด้วยการใช้ฟังก์ชั่นพิเศษท่ีมีการใช้ สูตรคํานวณในแต่ละแผ่นงานร่วมกันเพ่ือนําไปสู่การบริหารข้อมูลที่มีปริมาณมากได้อย่างแม่นยําและมี ประสทิ ธภิ าพ โปรแกรมประยุกตด์ ้านการนาเสนอขอ้ มลู การนําเสนอข้อมูลที่ดีและมีประสิทธิภาพเป็นผลมาจากส่ือนําเสนอข้อมูลที่ดีด้วย มีโปรแกรม จํานวนมากท่ีใช้ผลิตส่ือนําเสนอข้อมูลเป็นจํานวนมาก แต่หากจะกล่าวถึงโปรแกรมท่ีนิยมใช้กันมาก ท่ีสุด คือ โปรแกรมไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ (Microsoft PowerPoint) สามารถใช้งานนําเสนอ ข้อมูล ช่วยให้เราจัดเตรียมข้อมูลล่วงหน้าได้ดี ส่ือท่ีดีก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือจากผู้ชม สร้างความ นา่ สนใจในการรับชมไดอ้ กี ด้วย ผเู้ ขียนได้รวบรวมความหมายไว้ โดยมรี ายละเอียดดงั นี้ วศิน เพิ่มทรัพย์ (2561, หน้า 89) อธิบายว่า โปรแกรมนําเสนอข้อมูล หมายถึง โปรแกรมท่ี ช่วยในการนําเสนอเรื่องราวต่าง ๆ เช่น แผนธุรกิจ แนวคิดใหม่ ๆ ผลงานขององค์การ ฯลฯ ให้ น่าสนใจ โดยอาจใส่ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอหรือภาพเคลื่อนไหว เพื่อนําเสนอผ่านจอภาพหรือ โปรเจคเตอร์ สุพรรษา ยวงทอง (2557, หน้า 112) อธิบายว่า โปรแกรมนําเสนอข้อมูล หมายถึง โปรแกรมที่ช่วย ในเร่ืองการนําเสนองานเป็นหลัก สามารถใส่ข้อมูลท่ีเป็นตัวอักษร รูปภาพตลอดจนภาพเคล่ือนไหว วีดิโอ หรือเสียงต่าง ๆ รวมถึงเทคนิคการนําเสนอให้มีความสวยงามและน่าสนใจ เพ่ือนําไฟล์งานที่จัดทําน้ีไป นําเสนอผ่านจอภาพในรูปแบบต่าง ๆ เช่น จอโน้ตบุค แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน หรือบนฉากรับภาพผ่านทาง เคร่ืองโปรเจคเตอร์ เปน็ ตน้ โอภาส เอ่ยี มสิรวิ งศ์ (2561, หน้า 243) อธบิ ายว่า โปรแกรมนาํ เสนอขอ้ มูล หมายถึง โปรแกรม ท่ีใช้นําเสนอคําบรรยายและรูปภาพที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เช่น การนําเสนอผลงานในที่ ประชุม การนําเสนอข้อมูลสินค้า การจัดทําสไลค์เพื่อบรรยายในห้องเรียน รวมถึงการนําไปจัดพิมพ์ เป็นเอกสารประกอบคําบรรยาย เป็นตน้ กลา่ วโดยสรุปวา่ โปรแกรมนําเสนอขอ้ มูลเป็นโปรแกรมที่ใช้ผลิตงานนําเสนอเป็นหลัก ไม่ว่าจะ เป็นงานนําเสนอในท่ีประชุม การนําเสนอข้อมูลสินค้า การบรรยายในห้องเรียน รวมถึงการนําไป จัดพิมพ์เป็นเอกสารประกอบคําบรรยาย เป็นต้น ซึ่งมีลูกเล่นภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดิโอ รูปภาพ ตัวอกั ษร และนําไปใช้งานเพื่อนําเสนอผา่ นจอภาพหรือโปรเจคเตอร์ โปรแกรมนําเสนอข้อมูลที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากท่ีสุด คือ โปรแกรมสําเร็จรูปชุด สํานกั งาน ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ ซึ่งเป็นหน่ึงในโปรแกรมสําหรับสร้างงานพรีเซนเตชันท่ีได้รับ ความนยิ ม โดยจะช่วยให้เราสามารถนําข้อมูลท่ีเป็นท้ังข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ มาจัดร้อยเรียง เป็นเร่ืองราวและจัดลําดับให้นําเสนอออกมาด้วยการเคลื่อนไหวท่ีชวนติดตาม และเร้าความสนใจต่อ ผู้ชมทุกคนด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลให้ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ ถูกนํามาใช้งานพรีเซนเตชันอย่าง
108 กว้างขวาง ได้แก่ การนําเสนอแผนงาน การประชุมในบริษัท ไปจนถึงการสัมมนา การสร้างสื่อการ เรยี นการสอนในสถานศกึ ษา และการสร้างเปน็ สอ่ื ประชาสมั พันธ์สินคา้ หรือองคก์ ร หน่วยงานตา่ ง ๆ ภาพท่ี 5.3 โปรแกรมสาํ เร็จรปู Microsoft PowerPoint ทม่ี า (ปยิ ะ นาคสงก,์ 2558, หน้า 23) เนื่องจากงานนําเสนอ ช่วยให้เราจัดเตรียมข้อมูลล่วงหน้าได้เป็นอย่างดี จึงทําให้ได้รับความ น่าเชือ่ ถือจากผู้ชมรวมถงึ เพิ่มความกระตอื รือร้นในการรับชม และสามารถควบคุมเวลาในการบรรยาย ได้ ส่งผลทําให้งานนําเสนอได้รับความนิยมต่อการนําไปใช้งานด้านต่าง ๆ มากมาย ซ่ึงกล่าวโดยสรุป ถึงความสามารถของโปรแกรม ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ มีรายละเอียดดังนี้ (ปิยะ นาคสงก์, 2558, หนา้ 23-26) 1. เมื่อเปรียบเทียบการนําเสนองานด้วยส่ือแผ่นใส ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ มีความง่าย และสะดวกไม่ซับซ้อนต่อการสร้าง แก้ไข และเพิ่มเติมเนื้อหา มีการใช้งานคล้ายกับการสร้างเอกสาร ในไมโครซอฟต์เวิร์ด แต่ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ จะมีส่วนการใช้งานที่เรียกว่า การสร้าง ภาพเคลื่อนไหว แตย่ งั ถือว่าไมม่ ียงุ่ ยาก 2. ไมโครซอฟต์ พาวเวอรพ์ อยท์ เปน็ โปรแกรมท่รี องรับการทํางานมัลติมีเดีย สามารถนําเสนอ ด้วยสื่อมัลติมีเดียได้ทั้งภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว เสียง แฟลชมูฟว่ี มาใช้เพื่อสร้างความน่าสนใจและ สสี ันใหก้ บั สื่อนําเสนอ เพือ่ ให้เกิดการสือ่ ความหมายได้อยา่ งชัดเจน 3. สามารถจะใช้ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ สร้างสื่อนําเสนอได้อย่างหลากหลายรูปแบบ เช่น ตู้คอมพิวเตอร์นาํ เสนอข้อมูล หรือตู้คีออส (kiosk) และเกม เป็นต้น 4. แสดงผลไดท้ ้ังบนหนา้ จอและเอกสาร สามารถนําเสนอข้อมูลบนจอภาพ พร้อมกับส่ังพิมพ์ สไลด์เหล่านี้ออกมาเป็นเอกสาร เพราะปกติสไลด์จะมีแต่หัวข้อ ดังน้ัน ผู้ฟังจึงสามารถจดข้อมูล ตวั อย่างหรือเนือ้ หาท่ีไมม่ ีสไลด์เพิ่มเติมได้
109 5. บันทึกงานไปใช้งานในรูปแบบอื่น ๆ งานพรีเซนเตชันที่สร้างด้วยไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ สามารถถูกบันทึกไปใช้งานในรูปแบบอ่ืน ๆ ได้ เช่น บันทึกเป็นไฟล์พีดีเอฟ (PDF) สร้างเป็นวิดีโอนําเสนอ ข้อมลู เพื่ออัพโหลดไปยงั เวบ็ ไซต์ หรอื เลือกบนั ทกึ เป็นไฟลภ์ าพ เพ่ือนําไปประกอบในเอกสารรายงาน หรือส่ือ ต่าง ๆ ไดต้ ามต้องการ จากความสามารถของโปรแกรมไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ ทําให้เห็นว่ามีความสามารถ เฉพาะดา้ นหลัก คือ การนําเสนอข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก สามารถผลิตงาน สําหรับการนําเสนอข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สามารถนําสื่อมัลติมีเดียในรูปแบบภาพวิดีโอ ภาพเคลือ่ นไหวแบบแฟลชมูฟวี่ และเสียงได้ ซ่ึงผู้นําเสนอสามารถนําเสนอข้อมูลได้ท้ังบนหน้าจอและ ก็สามารถพิมพ์เอกสารออกมาได้ เพ่ือนําไปประกอบในเอกสารรายงาน บันทึกเป็นไฟล์พีดีเอฟ สร้าง เป็นวิดีโอนําเสนอข้อมูลเพือ่ อัพโหลดไปยงั เว็บไซต์ หรือเลือกบันทึกเป็นไฟล์ เพ่ืออัพโหลดไปยังเว็บไซต์ หรือ เลอื กบันทึกเป็นไฟลภ์ าพ เป็นตน้ โปรแกรมประยกุ ต์ด้านฐานขอ้ มลู บทบาทสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการพัฒนาไปแบบก้าวกระโดดส่งผลให้ปริมาณ ข้อมูลมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว องค์กรต่าง ๆ จําเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับ ปริมาณข้อมูลท่ีเพิ่มข้ึน ธุรกิจจึงจําเป็นต้องมีการบริหารข้อมูลอย่างเป็นระบบท่ีจะนําไปสู่การใช้ ประโยชน์เพ่ือการวิเคราะห์และตัดสินใจ จึงได้มีการนําระบบฐานข้อมูลเข้ามาใช้งานเพื่อรวบรวม ข้อมูลใหเ้ กิดเปน็ แหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ท่ีจะใช้สําหรับสนับสนุนประโยชน์ในด้านการบริหารข้อมูลท่ีมี ประสิทธิภาพ ใช้เป็นแหล่งข้อมูลสารสนเทศเพ่ือประกอบการวางแผนการบริหาร และการตัดสินใจ (รฐั สิทธ์ิ สขุ ะหตุ , 2560, หน้า 27) โปรแกรมด้านฐานข้อมูลหนึ่งที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายเป็นโปรแกรมฐานข้อมูลที่มี ความสามารถสูง ใช้งานง่าย มีเคร่ืองมือให้เลือกใช้มากมาย สามารถสร้างแบบสอบถามต่าง ๆ จาก ฐานข้อมูล เพ่ือนําผลลัพธ์ไปคํานวณค่า วิเคราะห์ข้อมูล และจัดทํารายงานสรุปได้ ที่นิยมใช้งาน คือ Microsoft Access ผู้เขียนไดร้ วบรวมความหมายไว้ มรี ายละเอียดดังนี้ วศิน เพิ่มทรัพย์ (2561, หน้า 89) อธิบายว่า โปรแกรมฐานข้อมูล หมายถึง โปรแกรมที่ใช้ใน การจัดเก็บข้อมูลจํานวนมากท่ีมีลักษณะแตกต่างกัน แบ่งเป็นหลายตารางที่มีความเชื่อมโยงกัน เช่น รายช่ือลูกค้า รายการสินค้า ใบส่ังซ้ือ ใบส่งสินค้า ใบเสร็จรับเงิน ฯลฯ เพ่ือให้สามารถจัดเก็บ แก้ไข และเรียกดูขอ้ มูลในรปู แบบท่ีซับซ้อนได้ สุพรรษา ยวงทอง (2557, หน้า 112) อธิบายว่า โปรแกรมฐานข้อมูล หมายถึง โปรแกรมท่ีใช้ ประมวลผลข้อมูลจํานวนมาก ๆ จําเป็นต้องใช้โปรแกรมที่มีความสามารถในการสร้างและรวบรวม ขอ้ มลู ต่าง ๆ ให้อยเู่ ปน็ ระบบมากยิ่งขน้ึ โปรแกรมประเภทนจ้ี ะช่วยให้สามารถเรยี กใช้ข้อมูลได้โดยง่าย รวมท้ังการเพ่ิม ลบ แก้ไข ปรับปรุงรายการต่าง ๆ หรือการจัดเรียงข้อมูลที่ทําได้ง่ายและสะดวก รวดเร็ว
110 โอภาส เอี่ยมสริ ิวงศ์ (2561, หน้า 244) อธิบายว่า โปรแกรมฐานข้อมูล หมายถึง โปรแกรมที่มี ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบท่ีมีความสําพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูลประวัติ นักศึกษา ฐานข้อมูลการลงทะเบียน ฐานข้อมูลคณะ ฐานข้อมูลสาขา ฐานข้อมูลตารางเรียน ฯลฯ และสามารถเรยี กใช้งานรว่ มกนั ได้ ตน้ กล่าวโดยสรปุ ว่า โปรแกรมฐานข้อมูลเปน็ โปรแกรมทใ่ี ช้จัดเก็บข้อมูลสารสนเทศที่มีจํานวนมาก มีลักษณะแบ่งเป็นตารางท่ีสัมพันธ์กัน ใช้งานร่วมกันได้ รวมท้ังการเพ่ิม ลบ แก้ไข ปรับปรุงรายการ ตา่ ง ๆ หรอื การจดั เรียงข้อมลู ทท่ี าํ ได้งา่ ยและสะดวกรวดเรว็ ภาพท่ี 5.4 โปรแกรมสําเร็จรูป Microsoft Access ท่ีมา (จรี ะสิทธิ์ อ้ึงรัตนวงศ์, 2558, หนา้ 339) ในขณะท่ี จีระสิทธ์ิ อึ้งรัตนวงศ์ (2558, หน้า 339) ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โปรแกรมฐานข้อมูลที่ นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากท่ีสุด คือ โปรแกรมสําเร็จรูปชุดสํานักงาน ไมโครซอฟต์ แอคเซส (Microsoft Access) ซ่ึงเป็นหน่ึงในโปรแกรมสําหรับสร้างฐานข้อมูลท่ีได้รับความนิยม เม่ือมีการนํา เทคโนโลยเี ข้ามาใช้งานกับฐานข้อมูล จึงเรียกว่า ระบบจัดการฐานข้อมูล โปรแกรมท่ีใช้ในการจัดการ ข้อมูล หรือรายการต่าง ๆ ท่ีอยู่ในฐานข้อมูล โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ สร้างสภาวะแวดล้อมท่ี สะดวกและมปี ระสิทธิภาพในการเข้าถึงและจัดเก็บข้อมูล แปลความต้องการของผู้ใช้ให้อยู่ในรูปแบบ ท่สี ามารถทาํ งานไดก้ ับฐานข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ซ่ึงโปรแกรมจัดการ ฐานข้อมูลท่ีนิยมใช้มีอยู่หลายโปรแกรมด้วยกัน เช่น ดีเบส (Dbase) ฟ้อกซ์โปร (FoxPro) แอคเซส (Access) เอสคิวแอล เซอร์ฟเวอร์ (SQL Server) และออราเคิล (Oracle) เป็นต้น โดยแต่ละ โปรแกรมจะมคี วามสามารถทแี่ ตกตา่ งกัน บางโปรแกรมใช้งานได้ง่ายแต่ก็จะจํากดั ขอบเขตการใช้ บาง โปรแกรมใช้งานยากกวา่ แต่จะมีความสามารถในการทํางานมากกว่า โปรแกรมไมโครซอฟต์ แอคเซส เป็นโปรแกรมท่ีใช้จัดการกับฐานข้อมูล สามารถจัดการกับ ข้อมูลปริมาณมาก ๆ ได้อย่างง่ายดาย ท้ังในแง่การจัดเก็บข้อมูล การค้นหาข้อมูล การจัดทํารายงาน ขอ้ มลู การสํารองข้อมูล สามารถสร้างแบบฟอร์มท่ีต้องการเรียกดูในฐานข้อมูล หลังจากบันทึกข้อมูล
111 ในฐานข้อมูลเรียบร้อยแล้ว สามารถค้นหาหรือเรียกดูข้อมูลใดก็ได้ นอกจากน้ียังมีระบบรักษาความ ปลอดภัยของข้อมูล โดยการกําหนดรหัสผ่านเพ่ือป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลในระบบได้ด้วย โปรแกรม ไมโครซอฟต์ แอคเซส นั้น เป็นท่ีนิยมใช้อย่างมากในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล สามารถ รองรับข้อมูลจํานวนมากๆ ทั้งงานท่ัวไป ในสํานักงาน เช่น งานด้านบัญชี งานบุคคล คลังสินค้า รวมถึงงานท่ีเก่ียวข้องกับอินเทอร์เน็ต เช่น การเก็บข้อมูลผู้ใช้งานเว็บไซต์ รวมไปถึงการทําธุรกิจผ่าน อนิ เทอร์เน็ตด้วย ซึ่งกลา่ วโดยสรุปถึงความสามารถของโปรแกรมไมโครซอฟต์ แอคเซส มีรายละเอียด ดังน้ี (ดวงพร เกยี๋ งคาํ , 2558, หนา้ 1-3) 1. ฐานข้อมูลในโปรแกรมไมโครซอฟต์ แอคเซส มีออบเจ็กต์ (object) หรือวัตถุฐานข้อมูล ประเภทต่าง ๆ ประกอบด้วย ตาราง (Table) แบบสอบถาม (Query) ฟอร์ม (Form) รายงาน (Report) มาโคร (Macro) และ โมดลู (Module) โดยเกบ็ ออบเจ็กตท์ ง้ั หมดในไฟล์ฐานข้อมลู เดยี ว 2. ใน 1 ไฟล์ฐานข้อมูล (database file) อาจจะมีตารางเพียง 1 หรือมากกว่า 1 ตาราง โดย มักจะเก็บตารางข้อมูลท่ีเก่ียวข้องและสัมพันธ์กัน เพื่อนํามาใช้งานร่วมกันภายหลังได้ เรียกว่า เป็น ฐานขอ้ มูลเชงิ สมั พันธ์ (relational database) 3. สามารถสร้างฐานข้อมูลเก็บข้อมูลที่ต้องการได้ เช่น ระบบการซ้ือการขายสินค้าของบริษัท ซงึ่ จะตอ้ งมขี อ้ มลู หลายกลุ่ม เช่น ข้อมูลของสินค้า ข้อมูลของลูกค้า และข้อมูลของพนักงาน ก็จะแยก เก็บเป็นตาราง ๆ ไป เม่ือนําเข้าสู่ระบบการขายข้อมูลเหล่านี้ก็ต้องมาเช่ือมโยงกันได้ (relationship) เพื่อลดความซํ้าซ้อนในการจัดเก็บข้อมูล เช่น ขายสินค้า รหัสอะไรไป ขายให้ลูกค้าคนใด และ พนกั งานคนไหนเป็นคนขาย เปน็ ตน้ ก็จะอา้ งองิ คยี ์เพือ่ ดึงข้อมลู จากตารางต่าง ๆ มาร่วมกันได้ เร่ิมต้น การทาํ งานจะเรมิ่ จากออบเจก็ ต์ตาราง 4. สามารถสร้างข้อมลู โดยผู้บริหารนําข้อมูลมาบริหารจัดการต่อด้วยออบเจ็กต์รายงาน เช่น นํามา ทาํ รายงานสรปุ ส่งั พิมพด์ ้วยรายงาน สรา้ งแบบฟอร์มแสดง กรอกขอ้ มลู หรอื คน้ หาขอ้ มูลที่ต้องการ จากความสามารถของโปรแกรมไมโครซอฟต์ แอคเซส ทําให้เห็นว่า มีความสามารถเฉพาะด้าน หลัก คอื การสรา้ งระบบฐานข้อมูลได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ไมว่ ่าจะเปน็ การเกบ็ ข้อมูลในรูปแบบตาราง สร้างการคน้ หาข้อมลู ดว้ ยแบบสอบถาม สร้างส่วนติดตอ่ ผใู้ ช้งานดว้ ยฟอรม์ และการสร้างรายงาน เพ่ือ นําขอ้ มลู บริหารจัดการได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ จากทีผ่ ้เู ขยี นไดเ้ ขียนถงึ โปรแกรมประยกุ ต์ท่ัวไปท้ัง 4 ประเภท ซึ่งเป็นโปรแกรมสําเร็จรูปในชุด สํานักงาน ซึ่งได้แก่ ไมโครซอฟต์ เวิร์ด ไมโครซอฟต์ เอ็กเซล ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ และ ไมโครซอฟต์ แอคเซส ซึ่งจริง ๆ แล้วโปรแกรมในชุดสํานักงานยังมีโปรแกรมอ่ืน ๆ อีก ซ่ึงโปรแกรม ต่าง ๆ ที่กล่าวมาล้วนเป็นโปรแกรมประยุกต์ทั่วไป โดยเฉพาะโปรแกรมท้ัง 4 ประเภทท่ีได้กล่าวไว้ ข้างตน้ เป็นโปรแกรมประยกุ ตท์ ั่วไปทีธ่ ุรกิจสว่ นใหญ่นยิ มใช้งาน จึงจาํ เปน็ ทีจ่ ะตอ้ งมีความเข้าใจและมี ทกั ษะการทาํ งานเบื้องต้นเพ่ือนําไปสู่การประยุกต์ใช้งานกับหน้าท่ีงานในธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากโปรแกรมประยุกต์ทั่วไปดังกล่าว ปัจจุบันยังพบว่ามีการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ทาง ธุรกิจข้ึนออกมาในรูปแบบสมัยใหม่ที่สามารถรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนทั้งบน ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (ios) หรือแอนดรอยด์ (android) โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่พอจะเป็น ตัวอย่างให้ผเู้ ขยี นไดศ้ กึ ษาในหัวข้อถัดไป
112 การประยุกตใ์ ชโ้ ปรแกรมใหเ้ หมาะสมกับธุรกจิ ในยุคดิจทิ ลั จากการทีค่ วามกา้ วหน้าของเทคโนโลยใี นปจั จบุ ันเปล่ยี นไปอย่างรวดเร็วมาก การทํางานแบบ ต่างคนต่างทําเปลี่ยนไปเป็นการทํางานร่วมกันผ่านระบบเครือข่าย ดังนั้น เมื่อองค์กรได้นําโปรแกรม ประยุกต์เข้ามาช่วยจัดการสารสนเทศในงานธุรกิจ จึงควรวางแผนการใช้ให้คุ้มค่า คํานึงถึงการ นํามาใช้งานในด้านต่างให้มีความเหมาะสมในแต่ละหน้าท่ี เช่น การประกาศข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ แทนการออกเป็นหนังสือเวียนเหมือนแต่ก่อน การนํามาใช้สําหรับการติดต่อสื่อสารภายในองค์กร ใน รูปแบบของการส่งอีเมล์ (E–Mail) การนํามาใช้ในการเก็บข้อมูลสําหรับผู้มาติดต่อ หรืออ่ืน ๆ อีก มากมาย เป็นต้น การลงทุนนําเทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มาใชใ้ นองค์การนั้น ในชว่ งเร่มิ แรกจะเป็นการลงทุนท่ีมี มูลค่าค่อนข้างสูง ซึ่งถ้าองค์กรนํามาใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ ผู้บริหารจะมองว่าเป็นการลงทุนท่ีสูญ เปล่า ดังน้นั ผรู้ ับผิดชอบในเร่อื งน้ี จึงตอ้ งพิจารณาให้รอบคอบ กอ่ นการตัดสินใจจัดหาระบบเข้ามาใช้ ในองค์การ ปัจจุบันมีการประกอบธุรกิจเป็นจํานวนมาก ทั้งรูปแบบท่ีแตกต่างกันออกไป ในการ ประกอบธุรกิจโดยพ้ืนฐานแล้ว เจ้าของธุรกิจจะต้องดําเนินการในด้านการจัดการบัญชี การเงิน การตลาด การผลติ และทรพั ยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นหน้าทีพ่ ้ืนฐานทางธุรกิจที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเลือกใช้ โปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจท่ีจะไปสอดคล้องกับหน้าท่ีและความต้องการจึงเป็นเร่ืองท้าทายสําหรับ ผใู้ ช้งาน ดีสรัพท์ (disrupt) เป็นอีกหนึ่งคําในวงการธุรกิจยุคดิจิทัลกล่าวถึงกันมาก ปรากฏการณ์นี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจส่วนใหญ่เริ่มหาลู่ทางการปรับตัว ก่อนที่จะถูกเทคโนโลยีเข้ามาดีสรัพท์ ซ่ึงจะก่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ ส่งผลเสียต่อผู้ประกอบการท่ีไม่ได้มีการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี สุดท้ายแล้วก็ต้องล้มหายปิดตัวไป แต่ในอีกมิติการดีสรัพท์มิได้มีความหมายในเชิงลบเพียงอย่างเดียว เพราะมันจะเป็นหนทางไปสู่การสร้างนวัตกรรมเปล่ียนรูปแบบธุรกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภค โดย จะสร้างความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจําวัน และยังช่วยสร้างพัฒนาการท่ีดีให้กับธุรกิจต่าง ๆ ในที่นี้จะยกตัวอย่างธุรกิจท่ีเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเม่ือมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัลหรือโปรแกรม ประยกุ ต์เขา้ ไปช่วยแล้วส่งผลดตี ่อธุรกิจอย่างไร โดยมตี ัวอยา่ งดังต่อไปน้ี (เดอะ บางกอก อินไซด์, 2562) ตัวอย่างท่ี 1 ธรุ กิจการเงิน ธนบัตรหรือเหรียญท่ีเป็นส่ือกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนจะถูก เปลยี่ นไปอย่างถาวร ปัจจบุ นั ได้เขา้ สู่ยุคทเ่ี รยี กวา่ แคชเลส โซไซตี้ (cashless society) เป็นสังคมท่ีไร้ เงินสด เป็นการใช้เงินสดอิเล็กทรอนิกส์ในการแลกเปล่ียนโดยการผ่านระบบโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น แอร์เพย์ (air pay) แอปเป้ิล เพย์ (apple pay) ซัมซุง เพย์ (Samsung pay) และแอปพลเิ คชันสถาบันการเงินต่าง ๆ เปน็ ต้น ตัวอย่างที่ 2 ธุรกิจดนตรี การเกิดขึ้นของระบบการบันทึกเสียและภาพ ทําให้เราสามารถ พกพาเสียงและภาพเหล่านั้นไปด้วยได้โดยท่ีไม่ต้องฟังเสียงสด ๆ ซ่ึงวิวัฒนาการเร่ิมต้นมาตั้งแต่ แผ่นเสียง เทป แผ่นคอมแพกต์ดิสก์ เพลงหรือดนตรีได้เข้าสู่ยุคที่สามารถซ้ือขายแลกเปลี่ยนได้แบบ เรียลไทม์ มีการคิดค้นไฟล์ท่ีเรียกว่า เอ็มพี 3 (mp3) และเรายังสามารถดาวน์โหลดเสียงดนตรีเพลง เหล่านั้นได้เป็นจํานวนมาก ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบจัดเก็บไฟล์แบบคลาวด์ (cloud) ซ่ึงได้ส่งผล กระทบตอ่ นักดนตรโี ดยตรงแบบวา่ ไมต่ อ้ งดาวน์โหลดลงเคร่ืองแต่ก็ยังสามารถฟังเพลงเหล่านั้นได้ผ่าน
113 ระบบคลาวด์ ตัวอย่างแอปพลิเคชันที่เกิดข้ึนในวงการนี้ เช่น สปอติฟาย (spotify) จู๊กซ์ (joox) และ แอปเปล้ิ มวิ สิค (apple music) เปน็ ตน้ ตัวอย่างที่ 3 ธุรกิจข่าวสาร ด้วยการเกิดข้ึนของโลกสื่อสังคมออนไลน์ (social media) ผู้คน ต่างให้ความสําคัญและจับจ้องอยู่บนฟีด (feed) บนแพลตฟอร์ม (platform) ข่าวออนไลน์ได้ถือ กําเนิดขึ้นเพ่ือสร้างความสะดวกสบายในการเข้าถึงของผู้ใช้งาน เป็นการเสนอข่าวในลักษณะแบบ เรยี ลไทม์ทเ่ี ขา้ ถึงกลมุ่ เป้าหมายได้อย่างรวดเรว็ ตัวอย่างที่ 4 ธุรกิจโทรคมนาคม การส่งจดหมายหากันกลายเป็นเร่ืองที่ล้าสมัยและค่อนข้าง เสียเวลา เม่ือโทรศัพท์และอุปกรณ์ท่ีใช้ส่ือสารเปลี่ยนแปลงไป จดหมายจึงเริ่มถูกลดบทบาทลงไป ใช้ วิธีการติดต่อการด้วยการโทรคุย หรือการพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันท่ีสามารถมองเห็นกันได้แบบ เรียลไทม์ จนกระท่ังปัจจุบันสามารถส่ือสารโทรหากันได้ผ่านแอปพลิเคชันที่ไม่จําเป็นต้องใช้เบอร์โทร เชน่ วอสแอป (whatsapp) หรือ ไลน์ (line) เปน็ ต้น จากตวั อย่างดงั กลา่ ว จะเห็นได้ว่าโปรแกรมทเ่ี คยถูกใช้ในอุปกรณ์ท่ีเรียกว่าคอมพิวเตอร์ได้ถูก พัฒนามาในรูปแบบท่ีเรียกว่า แอปพลิเคชัน ท่ีสามารถใช้งานแบบออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ท้ังโทรศัพท์ แท็บเลตต่าง ๆ ได้ จากโปรแกรมประยุกต์สู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่แอปพลิเคชันทําให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถที่จะเลือกใช้งานได้อย่างสะดวก ซ่ึงมีท้ังแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายและแบบเสียค่าใช้จ่าย ไม่ จาํ เปน็ ต้องซือ้ โปรแกรมสาํ เรจ็ รูปมาลงไวใ้ นเครื่องคอมพวิ เตอรเ์ หมือนต่อก่อนในอดีตทผี่ า่ นมาแล้ว สําหรับในอดีตที่ผ่านมางานในด้านการจัดการเอกสารจะหนีไม่พ้นกับโปรแกรมที่เรียกว่า ไมโครซอฟต์เวิร์ด (microsoft word) งานด้านการคํานวณจะใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์เอ็กเซล (microsoft excel) งานด้านการนําเสนอข้อมูล จะใช้โปรแกรมไมโครซอฟต์พาวเวอร์ พอยท์ (microsoft power point) งานฐานขอ้ มูล จะใชโ้ ปรแกรมไมโครซอฟต์แอคเซส (microsoft access) หรอื กระท่ังการส่งจดหมายหากันทางอเี มล์ จะใช้โปรแกรมท่ีเรียกว่าไมโครซอฟต์เอาท์ลุ๊ก (microsoft outlook) แต่ในปัจจุบันโปรแกรมประยุกต์หรือแอปพลิเคชันได้ถูกพัฒนาข้ึนมาเพื่อรองรับการใช้งาน ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์กับธุรกิจต่าง ๆ เป็นจํานวนมาก และยังสามารถหามาใช้งานได้อย่างสะดวกและตรง กับความต้องการ ปัจจุบันมีโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันท่ีพัฒนาข้ึนมาตอบสนองความต้องการทั้งภาค ธุรกิจและการใช้ชีวิตประจําวันเป็นจํานวน ในท่ีนี้จะขอตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์หรือแอปพลิเคชันท่ี สามารถใช้งานได้แบบไม่มีค่าใช้จ่ายแบบออนไลน์ที่สามารถนํามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับงานธุรกิจ มี ดงั นี้ (เสิรช์ เชอร์ บลอ็ ก, 2562) 1. กูเก้ิล ดอคส์ (Google Docs) เป็นแอปพลิเคชันท่ีได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในส่วนของ ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถประยุกต์ใช้งานในการสร้างและแก้ไขงานเอกสารได้ มีแบบอักษรให้เลือกใช้ งานพอสมควร จุดเดน่ คอื นอกจากจะสามารถใช้งานบนแอปพลิเคชันแล้วยังสามารถเข้าใช้งานบนเว็บไซต์ โดยต้องเช่ือมต่ออินเทอร์เน็ตในการทํางาน ซึ่งเม่ือเราทํางานบนไอแพดหรืออุปกรณ์สมาร์ทโฟน งานที่ได้ สร้างไว้ในแอปพลิเคชันจะไปแสดงบนเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน ซึ่งสะดวกมากและยังสามารถเพ่ิมผู้อื่นเข้ามาใน หน้างานของเราเพื่อทํางานร่วมกันหลายคนได้ ไฟล์งานสามารถบันทึกออกไปในรูปแบบไฟล์เอกสารเวิร์ด (word) และพีดีเอฟ (pdf) และทสี่ ําคญั คือ ไมม่ คี ่าใช้จ่าย 2. กูเกิ้ล ชีท (Google Sheet) เป็นแอปพลิเคชันที่ปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจนิยมใช้เพ่ือบันทึก ส่ิงต่าง ๆ เช่น การประเมินผลในการทํางานของแต่ละคน การคํานวณข้อมูลตัวเลขต่าง ๆ เป็นต้น ซ่ึง
114 สามารถใช้งานได้ทั้งในเว็บไซต์จากบนคอมพิวเตอร์และในอุปกรณ์สมาร์ทโฟน ในแอปพลิเคชันเรา สามารถเข้าไปใช้งานทุกอยา่ งเหมือนกันกับบนคอมพิวเตอร์ 3. ไมโครซอฟต์ พาวเวอร์พอยท์ (Microsoft PowerPoint) เป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมในการทํา ส่ือนําเสนอสําหรับการประชุมหรือการเสนองานต่าง ๆ โดยสามารถทําได้ทุกอย่างคล้ายกับคอมพิวเตอร์ สามารถสร้างงานได้แบบจบบนอุปกรณ์แท็บเลตอย่างไอแพด (Ipad) แต่จะต้องจ่ายเงินเพื่อให้เข้าใช้งานได้ สามารถแชร์ไฟลข์ นึ้ คลาวด์ (cloud) หรอื บันทกึ ไฟลเ์ หมือนบนคอมพวิ เตอร์ได้ 4. ไมโครซอฟต์ ออฟฟิศ โมบายล์ (Microsoft Office Mobile) เป็นแอปพลิเคชันใหม่จาก ไมโครซอฟต์ ออกแบบมาเพื่อการใช้งานบนระบบปฏิบัติการไอโอเอส แอนดรอยด์ เป็นการรวบรวมชุด โปรแกรมต่าง ๆ ท่ีเคยสร้างแยกออกมาอย่าง เวิร์ด เอ็กเซล และพาวเวอร์พอยท์ เอาไว้ในแอปพลิเคชัน เดยี ว สามารถใช้งานได้ทั้งอุปกรณส์ มารท์ โฟนและคอมพวิ เตอร์ 5. คีย์โน้ต (Keynote) เป็นแอปพลิเคชันที่พัฒนาโดยบริษัท แอปเปิ้ล (Apple) มีความสามารถ คล้ายกับโปรแกรมไมโครซอฟต์พาวเวอร์ พอยท์ แต่จะทําได้ค่อนข้างหลากหลายกว่า เพราะคีย์โน้ตมี แม่แบบ(template) ให้เลือกจํานวนมาก พร้อมการปรับต้ังค่าต่าง ๆ ทั้งตัวอักษร เอฟเฟ็กต์ (effect) ที่ไม่ แตกต่างจากการใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังสามารถเพ่ิมรายช่ือผู้ติดต่อเพ่ือทํางานร่วมกัน ได้อีกด้วย 6. เพจส์ (Pages) แอปพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท แอปเป้ิล (Apple) สําหรับใช้งานบนไอแพด โดยเฉพาะ แต่ก็ยังมีเป็นโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ด้วย ซ่ึงสามารถทํางานเอกสารได้ดี รวมถึงแก้ไข ส่งต่อ และบันทกึ ไฟล์เอกสารได้หลายนามสกุล ใชง้ านงา่ ย 7. วันเดอร์ ลิสต์ (Wunderlist) แอปพลิเคชันใช้สําหรับจัดการตารางงาน เหมาะสมกับนักธุรกิจท่ี มีกิจกรรมมากมายที่ต้องการตัวช่วยในการบันทึกตารางที่จะต้องทําในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองงาน ไอ เดีย การนัดประชุม ต้ังวันกําหนดส่งงาน แจ้งและเตือนความจํา เพิ่มรูปภาพและเอกสาร อีกท้ังยังช่วย ติดต่อส่ือสารกับทีมงานได้ แอปพลิเคชันสามารถเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์อยู่ตลอดเวลา สามารถใช้งานได้ ทกุ ระบบปฏบิ ัติการท้ัง ไอโอเอส (iOS) แอนดรอยด์ (android) และเวบ็ ไซต์ (website) 8. จีเนียส สแกน (Genius Scan) เป็นแอปพลิเคชันท่ีใช้สแกนเอกสาร สามารถใช้ได้ท้ังไอโอเอส แอนดรอยด์ ใช้งานง่ายด้วยการถ่ายรูปด้วยกล้องโทรศัพท์ จากแอปพลิเคชันน้ีจะเปลี่ยนรูปภาพให้เป็น ไฟล์รูปภาพที่มีนามสกุลเป็น *.JPG หรือ *.PDF มีการปรับสีเอกสาร ความคมชัด และความเอียงของ เอกสารได้อีกด้วย 9. จอยน์ มี (Join.Me) เป็นแอปพลิเคชนั สาํ หรบั เข้าร่วมการประชุมที่มีฟังก์ชันเสียงและวีดีโอ และ สามารถบันทึกการประชุม มีกระดานไวท์บอร์ดให้เขียนและจดบันทึก แถมยังแชร์เอกสารหรือรูประหว่าง ประชุมได้อกี ด้วย มีใช้ไดท้ ้งั ไอโอเอส และแอนดรอยด์ 10. สแลค (Slack) เป็นแอปพลิเคชันท่ีช่วยให้การทํางานเป็นทีมสะดวกรวดเร็วและราบร่ืนมาก ยิ่งขน้ึ เพราะออกแบบมาใหร้ วบรวมทุกฟงั กช์ นั ทค่ี นทาํ งานตอ้ งการ ไมว่ ่าจะเปน็ การแชทหรอื วดิ โี อกบั คนใน ทีม การรบั – สง่ ไฟลต์ ่าง ๆ การคน้ หาข้อความเกา่ ๆ แถมยังสามารถเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันอ่ืน ๆ อย่าง กูเกิ้ล ไดร์ฟ (google drive) ดร็อปบ๊อกซ์ (dropbox) เพ่ือความสะดวกในการทํางาน และยังมีระบบแจ้ง เตอื นอกี ดว้ ย มบี รกิ ารทง้ั เวบ็ ไซต์ โปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ แอปพลเิ คชันท้ัง ไอโอเอส และแอนดรอยด์ จากรายละเอียดมีตัวอย่างแสดงดังภาพท่ี 5.5
115 ภาพที่ 5.5 ตัวอย่างโปรแกรมประยกุ ต์หรอื แอปพลเิ คชัน ทีม่ า (เสิรช์ เชอร์ บล็อก, 2562) จากตัวอย่างในหัวข้อน้ี ผู้เรียนจะสังเกตได้ว่าในปัจจุบันที่สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่เปล่ียนแปลงไป ได้ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงในทุกอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่เทคโนโลยี ดิจิทัล จากเดิมท่ีมีรูปแบบเป็นเพียงโปรแกรมประยุกต์ท่ีใช้งานบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ใช้งานผ่าน เว็บไซตแ์ บบออนไลน์ ได้พฒั นามาอยู่ในรปู แบบแอปพลเิ คชนั ทใี่ ช้งานบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน แสดงให้ เห็นว่า ธุรกจิ ในยุคดิจิทลั จะต้องมกี ารเรียนรู้และปรบั ตวั เองอยูเ่ สมอ สามารถประยุกต์ใช้แอปพลิเคชัน ทางธรุ กจิ ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย ไมว่ ่าจะเปน็ งานดา้ นการบัญชี การเงนิ การตลาด ทรัพยากรมนุษย์ และ การผลิต แอปพลิเคชันได้ถูกพัฒนามารองรับหน้าที่ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายผู้ประกอบการธุรกิจ สามารถเลือกใช้โปรแกรมเหล่านี้ให้เหมาะสมกับงานและสถานการณ์เพื่อสร้างความได้เปรียบในการ แข่งขนั ภาคธรุ กจิ ธรุ กิจที่มกี ารปรับตัวอยา่ งสมํา่ เสมอกจ็ ะสามารถดาํ เนินตอ่ ไปได้ภายใต้สถานการณ์ท่ี มีการเปล่ียนแปลงอย่างต่อเนื่อง โปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจที่มีความเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้าง ศกั ยภาพในการแขง่ ขันทีเ่ หนอื กว่าคแู่ ข่งขันได้
116 สรุปท้ายบท เมื่อธุรกิจในปัจจุบันต่างเปิดรับและพร้อมลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต เพราะเทคโนโลยีดงั กลา่ วมบี ทบาทสาํ คญั ตอ่ การนาํ มาใช้ เพือ่ สนับสนุนกระบวนการธรุ กิจให้แก่องค์กร จึงส่งผลต่อรูปแบบการดําเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม จําเป็นต้องได้รับการปรับตัวกันยกใหญ่ ทั้งนี้ก็เพ่ือ ความอยู่รอดและการเติบโตทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ การนํา โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ เข้ามาจัดการงานทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองานเอกสารในสํานักงาน การ จัดการงานดา้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล การจดั การฐานขอ้ มูล แม้กระท่ังงานด้านการนําเสนอข้อมูล ธุรกิจ ต่าง ๆ ได้นําโปรแกรมประยุกต์มาใช้กันอย่างแพร่หลาย ก็เพ่ือนํามาปฏิบัติงานตามส่วนต่าง ๆ การ นํามาใช้เพื่อจัดการ และเพ่ือชิงความได้เปรียบในทางธุรกิจ โปรแกรมประยุกต์เป็นโปรแกรมที่ได้รับ การพัฒนาขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพ่ือให้สามารถนําโปรแกรมดังกล่าวไปใช้ในงานใดก็ได้โดยไม่เจาะจง ประเภทหรือลักษณะของธุรกิจ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมด้านการประมวลผลคําซึ่งเป็นโปรแกรมที่ พัฒนาขึ้นมาเพ่ือใช้ในงานด้านการพิมพ์เอกสารน้ันมีจุดประสงค์ คือ ช่วยอํานวยความสะดวกในด้าน การพิมพ์เอกสาร ซ่งึ โปรแกรมประยุกต์ดังกล่าวน้ีสามารถนําไปใช้เพื่อพิมพ์เอกสารในงานใดก็ได้ ท้ังน้ี ขน้ึ กบั จุดประสงค์และความตอ้ งการของผู้ใชโ้ ปรแกรมน้นั โปรแกรมประยุกต์เพื่องานทั่วไป อาจจะเป็นโปรแกรมซ่ึงได้มาโดยการพัฒนาข้ึนเองภายใน หน่วยงานหรือว่าจ้างหน่วยงานภายนอกเขียนโปรแกรมน้ันให้หรืออาจจะซ้ือโปรแกรมสําเร็จท่ีมี จําหนา่ ยทวั่ ไปก็ได้ โดยจดุ ประสงคใ์ นการนําโปรแกรมประยุกต์เหล่าน้ันมาใช้งานที่ไม่เจาะจงประเภท หรือลักษณะของธุรกิจ คือ การนํามาช่วยงานทั่วไปท้ังในระดับบุคคล ระดับหน่วยงาน หรือระดับ องค์การขนาดใหญ่ โดยทว่ั ไปแล้วโปรแกรมประยกุ ตท์ ใ่ี ช้ในงานท่ัวไปนั้น มักจะเป็นโปรแกรมสําเร็จซึ่ง มีการจําหน่ายแก่ผู้สนใจเพื่อนําไปประยุกต์ใช้งาน ในเอกสารประกอบการน้ีจะขอยกตัวอย่าง โปรแกรมประยุกต์เพ่ือใช้งานทั่วไปประกอบด้วย โปรแกรมประยุกต์ด้านการพิมพ์และการจัดการ เอกสาร โปรแกรมประยกุ ต์เพื่อใชง้ านด้านการคาํ นวณ โปรแกรมประยกุ ต์ด้านการนําเสนอข้อมูล และ โปรแกรมประยกุ ตด์ ้านการจัดการฐานข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ท่ัวไปท่ีธุรกิจส่วนใหญ่นิยมใช้งาน คือ ไมโครซอฟต์ เวิร์ด ไมโครซอฟต์ เอ็ก เซล ไมโครซอฟต์ พาวเวอรพ์ อยท์ และ ไมโครซอฟต์ แอคเซส เราจึงจําเป็นท่ีจะต้องมีความเข้าใจและ มีทักษะการทํางานเบื้องต้นเพ่ือนําไปสู่การประยุกต์ใช้งานกับหน้าท่ีงานในธุรกิจได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
117 คาถามท้ายบท กิจกรรมด้านทฤษฎี 1. จงอธบิ ายหลักการพ้ืนฐานการใช้โปรแกรมประยุกต์ทว่ั ไปทางธุรกจิ 2. จงอธบิ ายแนวคดิ ใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตด์ า้ นการจัดการงานเอกสาร 3. จงอธิบายแนวคดิ การใช้โปรแกรมประยุกต์ด้านการคาํ นวณ 4. จงอธิบายแนวคิดการใช้โปรแกรมประยุกตด์ า้ นการนําเสนอข้อมลู 5. จงอธิบายแนวคดิ การใช้โปรแกรมประยุกต์ด้านฐานขอ้ มลู 6. จงเปรียบเทยี บประเภทงานต่าง ๆ ท่มี คี วามเหมาะสมกับโปรแกรมประยุกต์ 7. โปรแกรมมาตรฐานและโปรแกรมเฉพาะ มคี วามแตกต่างกันอย่างไร 8. จงยกตวั อยา่ งงานท่ีมีความเหมาะสมกบั โปรแกรมประเภทต่อไปนี้มาอย่างละหนึง่ งาน ตาม ประเภทของโปรแกรมประยุกตท์ ่วั ไปตอ่ ไปน้ี ประมวลผลคํา ตารางการคํานวณ การนําเสนอข้อมูล การจัดการจดั ฐานข้อมูล 9. หากผเู้ รียนได้รับมอบหมายให้ทําหนา้ ทีเ่ ป็นพนกั งานจ่ายเงนิ เดอื นพนักงาน ผู้เรียนจะเลือกใช้ โปรแกรมใดมาประยุกตใ์ ชง้ าน เพราะเหตุใด 10.ผู้เรียนมวี ิธีการแนะนําเพือ่ นร่วมงานอย่างไร กรณเี พ่ือนรว่ มงานเลอื กใชง้ านโปรแกรมทไี่ ม่ เหมาะสมกับงาน กิจกรรมดา้ นปฏิบัติ 1. ฝกึ ปฏิบตั กิ ารใช้งานเบื้องตน้ กับโปรแกรมประยุกต์ทวั่ ไปทางธุรกจิ ต่อไปนี้ 1.1 โปรแกรมไมโครซอฟต์เวริ ์ด 1.2 โปรแกรมไมโครซอฟต์เอก็ เซล 1.3 โปรแกรมไมโครซอฟต์พาวเวอร์พอยท์ 1.4 โปรแกรมไมโครซอฟต์แอคเซส 1.5 โปรแกรมประยุกตก์ ารบรหิ ารทรพั ยากรองคก์ าร โดยปฏิบัตกิ ารใช้โปรแกรมสําเรจ็ รูปตามใบงานฝึกปฏบิ ัติ
118 เอกสารอ้างอิง จรี ะสทิ ธ์ิ อึง้ รตั นวงศ์. (2558). คูม่ อื ใชง้ าน Microsoft Office 2013. กรงุ เทพฯ : สวสั ดี ไอท.ี ดวงพร เกีย๋ งคํา. (2558). คู่มือการใช้งาน Access 2013 ฉบับสมบูรณ์. นนทบุรี: ไอดีซี. เดอะ บางกอก อนิ ไซด์. (2562). 5 ธรุ กิจที่สะดวกสบายขึ้นด้วยเทคโนโลยี. คน้ เม่ือ มนี าคม 20, 2564, จาก https://www.thebangkokinsight.com/news/digital-economy/113243/. ปยิ ะ นาคสงก.์ (2558). สรา้ งงานพรีเซนเตชนั ด้วย PowerPoint 2013 ฉบับสมบูรณ์. กรงุ เทพฯ: REVIVA. รฐั สทิ ธ์ิ สขุ ะหุต. (2560). คลงั ข้อมลู เพื่อการจดั การข้อมูลสมัยใหม.่ เชยี งใหม่. มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ วศิน เพม่ิ ทรัพย์. (2561). ความรเู้ บ้ืองต้นเก่ียวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยสี ารสนเทศ. กรงุ เทพฯ: โปรวชิ น่ั . สุพรรษา ยวงทอง. (2557). ความรู้เบ้อื งตน้ เก่ยี วกับคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ. กรงุ เทพฯ: โปรวชิ ั่น. สพุ ีชา ถิรจติ ตกลุ . (ม.ป.ป.). Excel Workshop ฉบบั บรรลเุ ป็นเซยี นสานักงาน. กรุงเทพฯ: เอส พซี ีบคุ๊ ส์. เสริ ช์ เชอร์ บล็อก. (2562). แนะนาแอปพลเิ คชั่นใชท้ างานบน IPAD ทาได้ครบ จบในเคร่ืองเดยี ว. คน้ เมื่อ มกราคม 10, 2564, จาก https://www.asearcher.com/content/แนะนํา แอปพลเิ คชนั่ ใช้ทํางานบน-ipad-ทาํ ได้ครบ-จบในเครื่องเดียว. อดศิ ักด์ิ นาคนาวา. (2562). การประยุกต์ใช้งานซอฟต์แวรร์ ะบบการวางแผนทรพั ยากรองคก์ ร Open Source Odoo กับอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดยอ่ ม. วารสารวิจัย เทคโนโลยี อุตสาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนคร 2 (1): 33-37. อมั รินทร์ เพช็ รกุล. (2558). สรา้ ง ปรับแต่ง และจดั เอกสารด้วย Word 2013 ฉบับสมบรู ณ์. กรุงเทพฯ: REVIVA. อมั รนิ ทร์ เพช็ รกลุ . (2559). สรา้ งตารางงานและบริหารขอ้ มลู ด้วย Excel 2013 ฉบบั สมบูรณ์ กรงุ เทพฯ: REVIVA. โอภาส เอ่ียมสิรวิ งศ์. (2561). วทิ ยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยเู คชนั่ .
แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 6 การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์การจดั การงานเอกสาร หวั ข้อเนือ้ หา 1. ความสาคญั ของการใช้โปรแกรมประยุกต์การจัดการงานเอกสาร 2. การใช้โปรแกรมประยุกต์เพม่ิ ประสิทธิภาพการจดั การงานเอกสาร 3. โปรแกรมประยุกต์การจดั การงานเอกสารบนเครอื ขา่ ย 4. โปรแกรมประยกุ ต์บนเครอื ข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธภิ าพการจดั การงานเอกสาร 5. ตวั อยา่ งการใชโ้ ปรแกรมประยุกตก์ ารจดั การงานเอกสารในยคุ ดจิ ิทลั วัตถุประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 1. อธิบายความสาคัญของการใช้โปรแกรมประยกุ ตด์ ้านการจดั การงานเอกสารได้ 2. อธิบายความสาคญั การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์ในการเพิ่มประสทิ ธิภาพการจัดการงานเอกสารได้ 3. ปฏบิ ตั ิการใช้โปรแกรมประยุกตด์ ้านการจัดการงานเอกสารบนเครือข่ายได้ 4. ปฏบิ ตั ิการใช้โปรแกรมประยุกตบ์ นเครอื ขา่ ยเพ่อื เพิม่ ประสทิ ธภิ าพการจดั การงานเอกสารได้ 5. มีความรแู้ ละเขา้ ใจการประยุกต์โปรแกรมการจดั การงานเอกสารในยุคดจิ ิทลั วิธสี อนและกจิ กรรมการเรยี นการสอน 1. วธิ ีสอน 1.1 วิธีสอนแบบบรรยาย 1.2 วธิ สี อนแบบปฏิบตั ิ 2. กิจกรรมการเรยี นการสอน 2.1 ผู้สอนตั้งคาถามว่า งานเอกสารกับโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด มีความสัมพันธ์กัน อยา่ งไร ผู้เรียนตอบคาถามโดยใช้ application Poll Everywhere 2.2 ผสู้ อนบรรยายในเรอ่ื งต่อไปนี้ 2.2.1 ความสาคญั ของการใช้โปรแกรมประยกุ ต์การจัดการงานเอกสาร 2.2.2 การใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์เพิ่มประสิทธภิ าพการจัดการงานเอกสาร 2.2.3 โปรแกรมประยุกต์การจดั การงานเอกสารบนเครอื ขา่ ย 2.2.4 โปรแกรมประยกุ ตบ์ นเครอื ขา่ ยเพือ่ เพ่ิมประสิทธภิ าพการจัดการงานเอกสาร 2.2.5 ตัวอย่างการใช้โปรแกรมประยุกตก์ ารจดั การงานเอกสารในยคุ ดิจทิ ัล 2.3 ฝกึ ปฏิบัตกิ บั เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์โดยปฏบิ ตั ิตามใบงานฝกึ ปฏิบตั ิ
120 2.4 ผเู้ รยี นศกึ ษาเน้ือหาท่ีเรยี นพร้อมเปดิ โอกาสใหแ้ ลกเปลย่ี นความร้กู บั เพ่ือนในห้องเรยี น และตอบคาถามทา้ ยบท สอ่ื การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน รายวิชา การใช้โปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจ 2. โปรแกรมสาเรจ็ รปู Power Point ประกอบการสอน 2.1 ความสาคัญของการใชโ้ ปรแกรมประยกุ ต์การจัดการงานเอกสาร 2.2 การใชโ้ ปรแกรมประยุกต์เพิ่มประสทิ ธิภาพการจดั การงานเอกสาร 2.3 โปรแกรมประยุกต์การจดั การงานเอกสารบนเครือขา่ ย 2.4 โปรแกรมประยุกตบ์ นเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธภิ าพการจัดการงานเอกสาร 2.5 ตัวอย่างการใชโ้ ปรแกรมประยุกต์การจดั การงานเอกสารในยคุ ดิจิทัล 3. แอปพลิเคชนั Poll Everywhere 4. ใบงานฝกึ ปฏิบัติ 5. กรณีศึกษาทางธรุ กจิ 6. โปรแกรมสาเรจ็ รูป Microsoft office 7. บทเรียนออนไลน์ www.elearningbynirut.com/moodle/ การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. สังเกตจากพฤติกรรมการเรียน 2. สังเกตการสนทนาและตอบคาถามจากแอปพลิเคชัน Poll Everywhere 3. ตรวจผลงานการฝกึ ปฏิบตั ิ 4. ตรวจผลงานคาถามท้ายบท 5. ทดสอบปฏบิ ัติ
121 บทท่ี 6 การใช้โปรแกรมประยกุ ต์การจัดการงานเอกสาร จากบทที่ 5 ผู้เขียนได้กล่าวถึงโปรแกรมประยุกต์ท่ัวไปในด้านต่าง ๆ สาหรับในบทนี้จะได้มา เรยี นรู้ถงึ การใช้โปรแกรมประยกุ ต์การจดั การงานเอกสาร ซึ่งในแต่ละวันอาจต้องทางานกับเอกสารต่าง ๆ มากมาย ต้ังแต่รายงานการประชุม สรุปยอดขาย จดหมาย และคู่มือต่าง ๆ การบันทึกข้อความเหล่านี้ โดยใช้มือเขียน หรือใช้เครื่องพิมพ์ดีด อาจไม่ใช่วิธีการที่สะดวกรวดเร็วที่สุด เพราะแทนที่จะใช้เวลาใน การวางแผนส่ิงที่คิดเป็นถ้อยคาเพื่อส่ือสาร อาจกลับต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ในการแก้ไขและตกแต่ง เอกสารให้ได้ตามต้องการ โปรแกรมประยุกต์ด้านการจัดการงานเอกสารท่ีนิยมใช้กัน คือ โปรแกรม ไมโครซอฟต์ เวิร์ด (Microsoft Word) โปรแกรมน้ีมีความสามารถช่วยลดขั้นตอนการจัดการเอกสารให้มี ประสิทธภิ าพมากขน้ึ และทาให้การตกแต่งเอกสารและแก้ไขเอกสารทีส่ ร้างเป็นไปอย่างง่ายและรวดเรว็ ในบทน้ีจะอธิบายถึง ความสาคัญของการใช้โปรแกรมประยุกต์การจัดการงานเอกสาร การใช้ โปรแกรมประยกุ ต์เพม่ิ ประสิทธิภาพการจดั การงานเอกสาร โปรแกรมประยุกต์การจัดการงานเอกสาร บนเครือข่าย โปรแกรมประยุกต์บนเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการงานเอกสาร และ ตวั อยา่ งการใช้โปรแกรมประยกุ ต์การจดั การงานเอกสารในยุคดจิ ทิ ลั โดยมรี ายละเอียดดังต่อไปน้ี ความสาคญั ของการใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตด์ า้ นการจัดการงานเอกสาร งานเอกสารมบี ทบาทสาคัญท้งั ในหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ส่วนใหญ่ต้องมีกิจกรรมท่ีต้องอาศัย การพิมพเ์ อกสารเพ่อื บันทกึ จัดเกบ็ รวมรวมงาน เพ่อื ใช้เปน็ หลักฐานอ้างองิ กล่าวได้ว่า เอกสาร คือ กระดาษ หรือวัสดุใด ๆ ที่ได้ถูกบันทึก หรือทาให้ปรากฏด้วยการเขียน พิมพ์ ถ่ายรูป บันทึก หรือวิธีอื่น ๆ ให้ปรากฏ อยใู่ นข้อมลู ข่าวสารซงึ่ ทาใหเ้ กิดความหมายสอ่ื สารกนั ใหเ้ ข้าใจได้ เอกสารถือว่าเปน็ สงิ่ สาคญั และเปน็ สงิ่ ท่ีเรา ต้องพบเจอทุกวันในชีวิตประจาวันแต่เดิมเอกสารเหล่านี้มักเป็นกระดาษ ซ่ึงถูกบันทึกด้วยการเขียนหรือ พิมพ์ดีด แต่ในปัจจุบันเม่ือการใช้คอมพิวเตอร์เป็นท่ีแพร่หลาย เอกสารจึงถูกจัดทาขึ้นโดยใช้โปรแกรมทาง คอมพวิ เตอร์ ทีเ่ รียกว่า โปรแกรมประมวลผลคา (word processor) ซึ่งจะบนั ทกึ เอกสารลงในส่อื คอมพวิ เตอร์ เช่น ฮาร์ดดิสก์ หรือ แผ่นซีดี แทน เกิดเป็นเอกสารที่เรียกว่า เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ และเม่ือต้องใช้งาน เอกสารนั้นในรูปแบบกระดาษ จะสามารถจดั พิมพ์ออกมาไดอ้ ย่างคมชดั สวยงาม และรวดเร็ว จะเห็นว่าในอดีตการจัดพิมพ์เอกสารไม่ได้เกิดจากการใช้โปรแกรมเข้ามาช่วย แต่เป็นการใช้งาน พิมพ์ดีดหรืออาจยังใช้แรงงานคนในการเขียนเพื่อบันทึกข้อมูล รวมรวมเอกสาร ปัจจุบันวิวัฒนาการของ เทคโนโลยสี ่งผลต่อการปฏิบัติกิจกรรมในภาครัฐและเอกชน มีการนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้งานเพ่ือเพ่ิม ประสิทธิภาพในการทางานมากข้ึน โปรแกรมประยุกต์ด้านงานเอกสารเร่ิมเข้ามามีบทบาทในวงการธุรกิจ มากขึ้น หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนนาโปรแกรมประยุกต์เข้ามาใช้งาน เพ่ือบันทึก จัดเก็บ รวมรวม เอกสาร เพ่ือใชเ้ ปน็ หลกั ฐานอ้างอิง เช่น การพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน การพิมพ์หนังสือราชการ การพิมพ์บันทึก เอกสาร การพิมพ์รายงานการประชุม การพิมพ์การนัดหมาย เป็นต้น จึงทาให้โปรแกรมประยุกต์ด้านการ
122 จัดการงานเอกสารมีความสาคัญต่อระบบการทางานในปัจจุบันมากขึ้นจนเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงาน ผูเ้ ขียนจะยกตวั อยา่ งให้เหน็ เปน็ เอกสารหนังสือราชการภายนอก แสดงดงั ภาพที่ 6.1 ภาพท่ี 6.1 ตวั อยา่ งเอกสารหนงั สือราชการภายนอก ในหน้าที่งานธุรกิจด้านการบัญชีการเงิน การตลาด การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และการผลิต และการดาเนินงาน จะนิยมใช้โปรแกรมประยุกต์เฉพาะด้านมากกว่า เนื่องจากงานในแต่ละด้านมี ขอบเขตท่ีแตกต่างกันออกไป จึงไม่ค่อยนิยมนาโปรแกรมประยุกต์ทั่วไปมาประยุกต์ใช้งาน แต่ในทุก หน้าที่ก็ยังใช้โปรแกรมประยุกต์มาช่วยจัดการงานเอกสาร เพราะทุกงาน ทุกหน้าที่ธุรกิจยังหนีไม่พ้น งานเอกสารท้ังนั้น ถึงแม้ว่าจะประยุกต์ใช้โปรแกรมเฉพาะด้านแต่ก็ยังต้องอาศัยการรายงานผลสรุป ออกมาเป็นรูปแบบเอกสารเช่นกัน โปรแกรมประยุกต์ด้านการจัดการเอกสารนิยมใช้กันอย่าง โปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ด จึงมีความสาคัญกับการปฏิบัติงานในทุก ๆ ด้าน และผู้ใช้งานจึงต้องมี ความรู้ความเข้าใจและมีทักษะที่จาเป็น ซ่ึงผู้เขียนจะได้กล่าวถึงการใช้โปรแกรมประยุกต์เพ่ิม ประสทิ ธิภาพในการจดั การงานเอกสาร โดยมีรายละเอยี ดในหวั ข้อถัดไป การใช้โปรแกรมประยุกต์เพ่มิ ประสิทธภิ าพการจดั การงานเอกสาร โปรแกรมประยุกต์สาหรับการจัดการงานเอกสารในที่น้ีจะกล่าวถึงโปรแกรมไมโครซอฟต์ เวิร์ด สาหรับเทคนคิ ทผ่ี ู้เขยี นจะอธิบายเพิม่ เติมเป็นการใชเ้ คร่อื งมอื โปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วริ ์ด เหมาะสาหรับงาน เอกสารท่ีต้องการรายละเอียดเฉพาะด้าน ได้แก่ การคานวณหาผลลัพธ์ในตาราง การแทรกสมการทาง
123 คณิตศาสตร์ การสร้างตาแหน่งท่ีคั่นหนังสือ การสร้างสารบัญเนื้อหา การสร้างคาบรรยายรูปภาพ การ จัดการกับแหล่งอ้างอิงภายในเอกสาร และการทางานร่วมกันของผู้ใช้ไฟล์เอกสารเดียวกัน ซึ่งรายละเอียด ต่าง ๆ เหลา่ นจี้ ะเปน็ การเพ่ิมประสทิ ธิภาพการจดั การงานเอกสารให้งานออกมาเป็นมืออาชีพมากข้ึน โดยมี รายละเอยี ดดงั นี้ 1. การคานวณในตาราง เปน็ การใชส้ ตู รการคานวณผลลพั ธใ์ นโปรแกรมไมโครซอฟตเ์ วิร์ด ซ่ึงเป็น อกี ทางเลือกหนึ่งท่ีจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนาเสนอข้อมูลในรูปแบบตารางที่ดูง่ายและสะดวกย่ิงข้ึน โดยมขี ้ันตอนดังน้ี (เออาร์ไอท,ี 2560, หน้า 86) 1.1 สรา้ งตารางข้อมลู ท่มี ีการจดั เก็บขอ้ มลู และตัวเลขท่ตี อ้ งการ 1.2 คลกิ ในช่องเซลล์ที่ตอ้ งการคานวณหาผลลพั ธ์ 1.3 ในกลุ่มคาสั่ง ข้อมูล (Data) คลิกเลือกคาส่ัง สูตร (Formula) ในแท็บเค้าโครง (Layout) บนเคร่อื งมอื (Tools) จะปรากฏหน้าตา่ งสตู รข้นึ มาทันที มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 1.3.1 ในช่อง สูตร (Formula) ใส่สูตรคานวณที่นี้ คือ การคานวณหาผลรวมจากข้อมูลในทุก เซลล์ทางซา้ ย 1.3.2 กาหนดรูปแบบตัวเลข (Number format) หรือต้องการใช้ฟังก์ชั่นอ่ืน ๆ (Paste function) 1.4 จากน้นั คลิก ตกลง (OK) สาหรับตัวอย่างการคานวณหาผลลัพธ์ในตาราง แสดงดังตารางที่ 6.1 และหน้าต่างการใส่ ฟงั ก์ชน่ั สตู รการคานวณ แสดงดังภาพท่ี 6.2 ตารางที่ 6.1 แสดงตัวอยา่ งการคานวณในตาราง หลกั สตู ร/สาขาวิชา จานวนนกั ศกึ ษา จานวนรวม ชาย หญงิ บริหารธรุ กจิ 154 233 387 วิศวกรรมศาสตร์ 213 101 314 พาณชิ ยศาสตร์และการบัญชี 125 222 347 ที่มา (เออารไ์ อที, 2560, หนา้ 86) ภาพท่ี 6.2 หนา้ ตา่ งการใสฟ่ ังก์ช่นั สตู รการคานวณ ทีม่ า (เออารไ์ อที, 2560, หน้า 86)
124 จากภาพที่ 6.2 การคานวณสามารถกาหนดช่วงเซลล์ในการคานวณได้โดย ถา้ เป็นช่วงเซลล์ด้านบน ใช้ คาว่า ABOVE และช่วงเซลล์ด้านซ้าย ใช้คาว่า LEFT เท่าน้ัน อีกท้ังสามารถปรับเปลี่ยนสูตรคานวณ โดยใช้ ฟังกช์ น่ั สาเร็จรปู เชน่ เดยี วกบั โปรแกรมไมโครซอฟตเ์ อ็กเซล (Microsoft Excel) เช่น หากตอ้ งการหาค่าเฉล่ีย ไปท่ีวางฟังก์ชัน (Paste Function) เลือกเป็น =AVERAGE(ABOVE) หรืออื่น ๆ แต่มีข้อควรระวัง คือ ช่อง เซลล์ท่ีอ้างอิงถึงท้ังหมดจะต้องมีค่าไม่เป็นช่องว่าง นอกจากการคานวณในตารางแล้วยังมีเทคนิคอื่นอีกที่ จาเปน็ ทางคณติ ศาสตรค์ วรทราบ คอื การแทรกสูตรสมการ โดยมีรายละเอียดในลาดบั ถัดไป 2. สาหรับการพิมพ์ข้อความหรือสมการทางคณิตศาสตร์จะไม่เป็นเรื่องยุ่งยาก เนื่องโปรแกรม ไมโครซอฟตเ์ วริ ด์ สามารถแทรกสตู รหรอื สมการ ซงึ่ ทาได้ 2 วธิ ี คอื การใช้สูตรหรือสมการแบบสาเร็จเพียงแค่ เลือกช่ือที่สูตรต้องการใช้ก็จะแทรกเข้าในเอกสารให้อัตโนมัติ อีกหนึ่งวิธี คือ การพิมพ์สูตรเองโดยใช้ เคร่ืองมือสมการทางคณิตศาสตร์ (Equation Tools) เป็นตัวช่วย ซึ่งข้ันตอนการใส่สมการทางคณิตศาสตร์ แสดงดงั ภาพท่ี 6.3 คลิกเลือกตาแหน่งท่ีจะวางสูตร แล้วคลิกท่ี หัวลูกศรช้ีลง คลิกแท็บแทรก เลือกคาสั่ง Equation คลิกเลือกทีช่ ื่อสตู ร หรอื สมการทีต่ ้องการ หรือคลกิ ทีค่ าสั่ง แทรกสมการใหม่ เพื่อเพ่ิม สตู รดว้ ยตนเอง แท็บออกแบบ (Design) ของ สมการ (Equation) แบง่ เป็น 4.1 ใสส่ ัญลักษณเ์ ครอ่ื งหมายต่าง ๆ (Symbols) 4.2 ใสส่ ูตรการคานวณตา่ ง ๆ (Structures) พิมพ์สตู รหรอื ลงไปแทนทขี่ ้อความคาวา่ พมิ พส์ มการท่นี ี่ (Type equation here) ในกล่องขอ้ ความท่ปี รากฏขึน้ มา ภาพท่ี 6.3 ขน้ั ตอนการใสส่ มการทางคณติ ศาสตร์ ที่มา (เออาร์ไอที, 2560, หนา้ 116)
125 การแทรกสูตรสมการทางคณิตศาสตร์ เหมาะสาหรับการนามาใช้ในการพิมพ์เอกสารจาพวกที่ ต้องการใช้เคร่ืองหมายเหล่าน้ี เช่น แบบทดสอบทางคณิตศาสตร์ เอกสารตาราคณิตศาสตร์ การวิจัย เชงิ ปรมิ าณ เปน็ ต้น 3. การสร้างตาแหน่งท่ีคั่นหนังสือ (Bookmark) กรณีท่ีเอกสารท่ีสร้างขึ้นมีจานวนมาก การเปิดไปยัง เนื้อหาที่ต้องการทาได้ยาก จึงมีการกาหนดตาแหน่งที่คั่นหนังสือเพ่ือเปิดไปยังเน้ือหานั้น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ข้นั ตอนการใสท่ ีค่ ั่นหนงั สอื แสดงดังภาพที่ 6.4 (เออาร์ไอที, 2560, หนา้ 123) หาตาแหน่งหรือหน้าเอกสารท่ีต้องการ สร้างท่ีค่ันหนังสือ จากนั้นคลิกแท็บแทรก (INSERT) เลือกคาส่ังท่ีคั่นหนงั สอื (Bookmark) สร้างตาแหน่งเคร่ืองหมายโดยพิมพ์ชื่อที่ค่ัน หนงั สอื (Bookmark Name) แล้วคลกิ ปุม่ เพิม่ (Add) 2.1 ปมุ่ ลบ (Delete) ลบตาแหนง่ เคร่อื งหมายท่ี คั่นหนังสอื 2.2 ปุ่มไปที่ (Go To) เลื่อนกระดาษไปยัง ตาแหนง่ ท่ีค่นั หนงั สอื ท่ตี ้องการ หลังจากที่สร้างเสร็จแล้ว จะแสดงรายช่ือใน ช่องรายการด้านล่าง จัดเรียงลาดับในรายการทีค่ น่ั หนังสอื จดั เรยี บลาดับตามช่อื (Name) เรียงลาดับตามตาแหนง่ หน้ากระดาษ (Location) ภาพท่ี 6.4 ข้ันตอนการใสท่ ี่คั่นหนังสือ ท่ีมา (เออารไ์ อที, 2560, หน้า 123) การสร้างท่ีค่ันหนังสือจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาเอกสารเน้ือหาท่ีต้องการหาในเอกสาร ได้รวดเรว็ มากยิง่ ขน้ึ โดยทไ่ี ม่ต้องเล่ือนดเู อกสารทลี ะหน้าและทาใหเ้ สยี เวลาเพือ่ เปิดไปยังเนื้อหานั้น ๆ นอกจากการสร้างที่ค่ันหนังสือแล้วอีกเทคนิคหนึ่งท่ีผู้เขียนอยากนาเสนอ คือ การจัดการแหล่งอ้างอิง ในเอกสาร โดยมรี ายละเอยี ดในลาดบั ถัดไป 4. การจัดการแหล่งอ้างอิงในเอกสารซ่ึงจะเก่ียวข้องกับการสร้างสารบัญเนื้อหา การสร้างคา บรรยายรูปภาพ การสร้างสารบัญรูปภาพ สารบัญตาราง การแทรกเชิงอรรถ การแทรกอ้างอิงท้าย เร่ือง การสร้างรายการอ้างอิงและบรรณานุกรม ดังนั้น ผู้เขียนจะเขียนบรรยายถึงแต่ละประเด็นดังน้ี (เออาร์ไอท,ี 2560, หน้า 152-160) 4.1 การจัดการกับแหล่งอ้างอิงภายในเอกสาร มีความจาเป็นและสาคัญกับงานเอกสาร โดยเฉพาะผู้ทพ่ี ิมพเ์ อกสารจาพวกผลงานวิชาการ การอา้ อิงเอกสารจึงเปน็ เร่ืองท่ีสาคัญจะทาอย่างไรให้ช่วย
126 เพ่มิ ประสิทธิภาพกับการจัดการแหล่งอ้างอิงเอกสาร ในหัวข้อนี้ผู้เขียนจะยกตัวอย่างเร่ืองการสร้างสารบัญ เน้ือหา การสร้างคาบรรยายรูปภาพ การสร้างสารบัญรูปภาพ และสารบัญตาราง การแทรกเชิงอรรถ การ แทรกอา้ องิ ท้ายเรื่อง การสรา้ งรายการอา้ งองิ และบรรณานุกรม และการจดั การแหล่งอ้างอิง 4.1.1 การสร้างสารบัญเนื้อหา ในการสร้างงานเอกสารในลักษณะหนังสือ รายงาน สารบัญเนื้อหานับเป็นหัวใจสาคัญซึ่งจะแสดงข้อมูลท่ีจาเป็นช่ือเรื่อง และเลขหน้า หลักการสร้างสารบัญ เน้ือหาน้ันจาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องจัดรูปแบบข้อความในเอกสารให้มีลักษณะเป็นหัวข้อใหญ่ และหัวข้อ ยอ่ ยเสยี ก่อนดว้ ยการใช้รปู แบบ (style) ตา่ ง ๆ ขั้นตอนการสร้างสารบญั เน้ือหา แสดงดังภาพที่ 6.5 เม่ือกาหนดหัวข้อเร่ือง (Heading) เรียบร้อยแล้ว ไ ป ยั ง ห น้ า เ อ ก ส า ร ว่ า ง ค ลิ ก แ ท็ บ ก า ร อ้ า ง อิ ง (REFERENCE) เลือกคาสั่งสารบัญ (Table of Contents) แล้วจึงคลิกเลือกรูปแบบตามต้องการที่มี อยู่แล้วภายใน(Built-in) เช่น สารบัญอัตโนมัติ 1 (Automatic Table1) สารบัญแบบกาหนดเอง (Manual Table) เป็นต้น หากต้องการกาหนดเป็นรูปแบบอ่ืน ๆ ข้ึนเอง คลิกคาส่ัง สารบัญแบบกาหนดเอง (Custom Table of Contents..) ท่ีคาสั่งเส้นโยงแท็บ (Tab Leader) เลือกรูปแบบ ของเส้นนาแท็บท่ีคาส่ังรูปแบบ (Formats) เลือก รปู แบบของเส้นสารบัญ และท่ีปุ่มตัวเลือก (Options…) กาหนดจานวนการแสดงระดับ ภาพท่ี 6.5 ขั้นตอนการสร้างสารบญั เนอ้ื หา ทีม่ า (เออารไ์ อที, 2560, หน้า 152-153)
127 4.1.2 การสร้างคาบรรยายรูปภาพ เปน็ การสรา้ งคาบรรยายรูปภาพด้วยคาสั่ง แทรก คาอธิบายภาพ (INSERT CAPTION) เพื่อระบุตาแหน่งรูปภาพ ตาราง หรือสมการคณิตศาสตร์ท่ีเป็น ข้อมูลอยู่ในเอกสาร ช่วยให้สามารถนาไปอ้างอิงในสารบัญรูปภาพต่อไป ซึ่งขั้นตอนการสร้างคา บรรยายรปู ภาพ แสดงดังภาพที่ 6.6 คลิกทร่ี ปู ภาพแลว้ คลิกแท็บอ้างอิง (REFERENCE) เลอื กคาสง่ั แทรกคาอธบิ ายภาพ (Insert Caption) พิมพ์ข้อความหรือชื่อรูปภาพลง ในช่องคาอธิบายภาพ (Caption) ตามที่ต้องการก่อน แล้วคลิกตกลง (OK) ในกรณีท่ีข้อมูลเป็นตารางหรือ สมการทางคณติ ศาสตร์ก็สามารถทา ได้เช่นเดียวกัน (ตัวเลขแสดงลาดับ จะปรากฏเรียงลาดับก่อนหลังใน หน้าเอกสารใหอ้ ัตโนมตั )ิ ภาพท่ี 6.6 ข้นั ตอนการสรา้ งคาบรรยายรปู ภาพ ท่ีมา (เออารไ์ อที, 2560, หน้า 154) 4.1.3 การสร้างสารบัญรูปภาพ สารบัญตาราง มีขั้นตอนวิธีการคล้ายกับการสร้าง สารบัญเนอื้ หา เพยี งแต่ตอ้ งระบุตาแหน่งของรูปภาพ และตารางที่มีอยู่ในเอกสารให้ครบถ้วนเสียก่อน สาหรับขนั้ ตอนการสรา้ งสารบญั รปู ภาพ และสารบญั ตาราง แสดงดงั ภาพท่ี 6.7 คลิกท่ีวา่ งในเอกสารแล้วคลิกแทบ็ อา้ งองิ (REFERENCE) เลือกคาสั่ง แทรกสารบัญตารางและรูปภาพ (Insert Table of Figures)
128 ท่ีคาส่ังเส้นโยงแท็บ (Tab Leader) เลือกรูปแบบของเส้นนาแท็บ ท่ีคาสั่ง รูปแบบ (Formats) เลือกรูปแบบของ ส า ร บั ญ / ต า ร า ง แ ล ะ ท่ี ปุ่ ม ป้ า ย ชื่ อ (Captions Label) เลือกข้อความนาหน้า ปา้ ยชอื่ (Caption) ภาพท่ี 6.7 ขนั้ ตอนการสรา้ งสารบญั รปู ภาพและสารบัญตาราง ทีม่ า (เออารไ์ อที, 2560, หน้า 154-155) 4.1.4 การแทรกเชิงอรรถ เป็นอีกหนึ่งการอ้างอิงท่ีงานเอกสารบางประเภทต้อง นามาใช้งาน เป็นข้อความอ้างอิง หมายเหตุ หรือคาอธิบายเนื้อหาเพ่ิมเติมท้ายหน้า ตาแหน่งของ เชิงอรรถจะแสดงไว้ทางด้านซ้ายตรงส่วนท้ายหน้ากระดาษในหน้าแต่ละหน้าท่ีมีการแทรกเชิงอรรถ สาหรบั ขน้ั ตอนการแทรกเชงิ อรรถ แสดงดงั ภาพที่ 6.8 คลิกแทบ็ อา้ งอิง (REFERENCE) เลือกคาส่ัง แทรกเชิงอรรถ (Insert Footnote) คลกิ เลอื กข้อความทีต่ ้องการใส่ข้อมูลอา้ งองิ หรือคาอธบิ ายเพิ่มเตมิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374