Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนสุขศึกษา ม.2

แผนการสอนสุขศึกษา ม.2

Published by Tarn Zenmax, 2021-05-10 03:32:24

Description: แผนการสอนสุขศึกษา ม.2

Search

Read the Text Version

เปลย่ี นแปลงทางดา้ นต่างๆ โดย เฉพาะดา้ นเจตคตทิ างเพศของสังคมไทย) ภาระงาน/ช้นิ งาน - แหล่งเรยี นรู้ / สอื่ 1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน สุขศกึ ษา ม.2 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรยี นรู้ สขุ ศกึ ษา ม.2 3) ใบงานที่ 2.3 เรอื่ ง เจตคติทางเพศของวัยร่นุ 2 แหลง่ การเรยี นรู้ - หอ้ งสมุด

การวดั และประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ วธิ ีการ ใบงานที่ 2.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.3 แบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การนําเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทํางานรายบุคคล ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทํางานกล่มุ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมีวินัย มคี วามรับผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา ลงช่ือ.......................................................... (นางสาวณัฐธดิ า แก้วคาํ ศรี) ครูผสู้ อน ความคดิ เห็นของหัวหน้าฝาุ ยบริหารวิชาการ ................................................................................................................................. ............................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .............................................. (นายวิเศษ ฟองตา) รองผู้อาํ นวยการ ฝุายบรหิ ารงานวชิ าการ ความคดิ เหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .............................................. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผูอ้ ํานวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

ใบงานที่ 2.3 เจตคติทางเพศของวัยรุ่น คาชี้แจง ให้นกั เรียนอ่านสถานการณท์ ี่กาํ หนด แลว้ ตอบคําถาม นิด : เม่อื วานเราไปเทย่ี วกบั ทอม ลกู ชายของลงุ ทม่ี าจากอเมรกิ า ทอมถามเราว่า วยั รุ่นไทยมเี จตคตทิ างเพศอยา่ งไร หน่อย : แลว้ นิดตอบทอมไปอยา่ งไรละ่ นิด : เรากไ็ ม่ไดต้ อบทอมเลย เพราะเราไม่แน่ใจว่า เราจะตอบถกู หรอื เปล่า เรากเ็ ลยมาถามหน่อยน่แี หละ หน่อย : จะ้ ถามมาเลย เดยี๋ วเราชว่ ยตอบ คาถาม 1. เจตคติทางเพศของผู้ชายและผหู้ ญงิ ในสงั คมไทยมลี ักษณะอย่างไร 2. ป๎จจยั ที่มอี ิทธิพลสาํ คญั ต่อเจตคตทิ างเพศของวยั รุ่น ได้แก่อะไรบ้าง

เฉลย ใบงานที่ 2.3 เจตคตทิ างเพศของวัยรนุ่ คาชี้แจง ให้นักเรียนอา่ นสถานการณ์ท่ีกําหนด แลว้ ตอบคําถาม นิด : เม่อื วานเราไปเทย่ี วกบั ทอม ลกู ชายของลงุ ทม่ี าจากอเมรกิ า ทอมถามเราวา่ วยั รนุ่ ไทยมเี จตคตทิ างเพศอย่างไร หน่อย : แลว้ นดิ ตอบทอมไปอย่างไรล่ะ นิด : เรากไ็ มไ่ ดต้ อบทอมเลย เพราะเราไม่แน่ใจว่า เราจะตอบถูกหรอื เปล่า เรากเ็ ลยมาถามหน่อยน่แี หละ หน่อย : จะ้ ถามมาเลย เดยี๋ วเราชว่ ยตอบ คาถาม (ตวั อย่าง) 1. เจตคติทางเพศของผูช้ ายและผหู้ ญงิ ในสังคมไทยมลี ักษณะอยา่ งไร 1) เจตคติทางเพศของผชู้ ายในสังคมไทย คือ - ควรบวชเรยี นก่อนแตง่ งาน - ให้เกยี รตผิ หู้ ญิงหรอื ผู้ทีอ่ ่อนแอกว่า - ชายหญิงไม่ควรถูกเน้ือตอ้ งตัวกัน หรอื อยู่ดว้ ยกันเพยี งลาพังในที่ลบั ตาคน 2) เจตคติทางเพศของผ้หู ญิงในสังคมไทย คือ - รกั นวลสงวนตวั - รู้จกั ทางานบ้านงานเรอื น - แต่งตวั มิดชิด - ไมแ่ สดงออกทางเพศอย่างเปิดเผย - ชายหญงิ ไม่ควรถูกเนื้อตอ้ งตัวกัน หรอื อย่ดู ว้ ยกันเพียงลาพังในทลี่ บั ตาคน 2. ปจ๎ จัยท่ีมีอิทธิพลสําคญั ต่อเจตคติทางเพศของวยั รุ่น ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง 1) ครอบครัว 2) เพื่อน 3) วฒั นธรรม 4) สื่อต่างๆ (พิจารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน)

บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง เพศกับวยั รุ่น แผนการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง วยั รนุ่ กบั เจตคตทิ างเพศ เวลา 1 ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาวณฐั ธิดา แกว้ คาํ ศรี บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ ผเู้ รยี นไดร้ ับความรู้ (K) นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกับการศึกษาวเิ คราะหป์ ๎จจยั ทีม่ อี ิทธิพลต่อเจตคตทิ างเพศของวยั รนุ่ จะทาํ ให้ สามารถแสดงพฤติกรรมทางเพศทเ่ี หมาะสม และสอดคล้องกบั สงั คมไทย ผู้เรยี นเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ป๎จจยั ท่ีมอี ิทธพิ ลตอ่ เจตคติทางเพศของวยั รุ่นได้ ผเู้ รียนมคี ณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม (A) นักเรียนมีทัศนคติที่ดตี อ่ วิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษา ขยันใฝุรู้ใฝเุ รียน เชือ่ ม่นั ในตนเอง กล้าแสดงออกมคี วามสขุ ตอ่ การเรียน ผ้เู รียนเกดิ ทกั ษะการคิด การคดิ วิเคราะห์ ผู้เรยี นมีหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ผู้เรียนเรยี นรู้ท่จี ะใชท้ รัพยากรได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ปญั หาอุปสรรค (ถา้ ม)ี - ขอ้ เสนอแนะ (ถา้ มี) ลงชอ่ื .......................................................... (นางสาวณัฐิดา แก้วคําศรี) ครผู ้สู อน

แผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สขุ ศกึ ษา) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรือ่ ง เพศกับวัยรุ่น เวลา 5 ชัว่ โมง แผนการเรียนร้ทู ่ี 3 เรือ่ ง ปัญหาและผลกระทบจากการมีเพศสัมพนั ธ์ในวัยเรียน เวลา 1 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นางสาวณฐั ธดิ า แก้วคาศรี โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ 1. สาระสาคญั การวิเคราะหป์ ๎ญหาและผลกระทบจากการมีเพศสมั พันธ์ในวยั เรยี น จะชว่ ยทาํ ให้เกดิ ความปลอดภยั และ หลีกเลีย่ งป๎ญหาจากการมีเพศสัมพันธใ์ นวัยเรยี นได้ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - วิเคราะห์ป๎ญหาและผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง - ปญ๎ หาและผลกระทบท่เี กดิ จากการมเี พศสัมพันธใ์ นวัยเรียน 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการให้เหตุผล 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. มคี วามรับผดิ ชอบ 3. ตรงต่อเวลา 4. ใฝุเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ วธิ ีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขน้ั ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครูเล่าขา่ วหรือประสบการณ์เกยี่ วกับพฤตกิ รรมหรือสถานการณเ์ สยี่ งในเรอ่ื งการมีเพศสัมพันธใ์ นวัยเรยี น ให้นกั เรยี นฟง๎ จากนน้ั ครซู ักถามนกั เรียน ดงั น้ี - จากตวั อย่างขา่ ว นักเรียนคดิ ว่า ป๎ญหาทีเ่ กิดขนึ้ คืออะไรและสง่ ผลกระทบอย่างไรบา้ ง

- นกั เรียนคิดวา่ มีวธิ กี ารปูองกันหรอื แกป้ ๎ญหาดังกล่าวอยา่ งไร - นักเรยี นคิดว่า การมเี พศสมั พันธใ์ นวยั เรยี นส่งผลเสยี อยา่ งไร 2. ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจเกยี่ วกบั ป๎ญหาและผลกระทบจากการมีเพศสัมพนั ธ์ในวัยเรียน 3. นักเรยี นตอบคําถามกระตุน้ ความคิด คาํ ถามกระตุ้นความคิด  นกั เรยี นคิดว่า สือ่ ชนิดใดมีอทิ ธิพลต่อการมเี พศสัมพนั ธข์ องวยั ร่นุ มากทส่ี ุด (พิจารณาตามคําตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน) ขัน้ ที่ 2 สารวจค้นหา 1. นักเรยี นกล่มุ เดิม (จากแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1) รว่ มกนั ศึกษาความรูเ้ รือ่ ง ปญ๎ หาและผลกระทบจากการมี เพศสมั พนั ธ์ ในวยั เรียน จากหนงั สือเรยี น ห้องสมุด หรือแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ตามประเด็นตอ่ ไปนี้ 1) สถานการณเ์ ส่ยี งตอ่ การมเี พศสัมพนั ธ์ 2) ป๎ญหาและผลกระทบ 2. นกั เรยี นแตล่ ะคนนาํ ความรู้ท่ีได้รบั จากการศกึ ษามาบันทึกลงในแบบบนั ทึกการอ่าน ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู้ 1. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มผลัดกันอธิบายความรูท้ ่ีได้จากการศึกษาใหเ้ พ่อื นในกลุม่ ฟง๎ แลว้ ซักถามขอ้ สงสัย จนทกุ คนในกล่มุ มีความร้คู วามเขา้ ใจท่ีถูกต้องตรงกนั และสรุปเป็นองคค์ วามรู้ของกล่มุ 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนําผลการสรุปตามประเด็นความรู้มาอภปิ รายภายในกลมุ่ แล้วรว่ มกนั วิเคราะห์ปญ๎ หาและ ผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธใ์ นวัยเรียนในด้านตา่ งๆ ดงั น้ี 1) ดา้ นรา่ งกาย 2) ด้านจติ ใจและอารมณ์ 3) ด้านครอบครวั และสังคม 3. ครูสุ่มตัวแทนกลุ่ม 1-2 กล่มุ นาํ เสนอผลการอภปิ รายหนา้ ช้ันเรียน และให้นักเรียนกลุม่ ท่ีมคี วามคิดเหน็ แตกตา่ ง นําเสนอความคดิ เหน็ เพิ่มเตมิ 4. นักเรียนตอบคาํ ถามกระตนุ้ ความคิด คาํ ถามกระตุ้นความคิด  เพราะเหตุใด การไปเทย่ี วสองต่อสองกบั เพศตรงข้าม จงึ เปน็ สถานการณ์เส่ยี งต่อการ มเี พศสมั พนั ธ์ (เน่ืองจากเปน็ สถานการณ์ทท่ี ําให้มีโอกาสได้อย่ดู ้วยกันตามลาํ พงั โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในเวลากลางคนื ซึ่งเม่ือมีโอกาสได้ ใกลช้ ดิ กนั ประกอบกับบรรยากาศเออื้ อาํ นวย ย่อมเป็นการปลกุ เรา้ อารมณท์ างเพศของท้ังสองฝุายให้เกิดข้นึ )

ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 1. สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ทาํ ใบงานท่ี 2.4 เรอ่ื ง ปัญหาและผลกระทบจากการมเี พศสัมพนั ธ์ในวัยเรียน 2. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาํ เสนอคาํ ตอบในใบงานที่ 2.4 หนา้ ชน้ั เรยี น จากน้นั ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มเกบ็ รวบรวมใบ งานส่งครตู รวจ ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล นักเรยี นร่วมกนั สรุปความร้เู รื่อง ปญ๎ หาและผลกระทบจากการมเี พศสมั พันธ์ในวยั เรียน ครูตรวจสอบความถูกต้องและ อธบิ ายเพมิ่ เตมิ ในส่วนท่ีบกพร่อง ภาระงาน/ช้ินงาน - แหลง่ เรยี นรู้ / สอ่ื 1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรยี น สุขศึกษา ม.2 2) ตัวอย่างข่าว 3) ใบงานท่ี 2.4 เร่ือง ปญ๎ หาและผลกระทบจากการมีเพศสมั พันธ์ในวยั เรียน 2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ - http://www.learners.in.th/blogs/posts/335615 - http://www.hangdong.ac.th/hd/sector/social/kanika/webf/index4.htm

การวดั และประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์ วธิ ีการ ใบงานท่ี 2.4 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบบนั ทกึ การอา่ น ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 2.4 แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบบนั ทกึ การอ่าน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทํางานรายบคุ คล แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานกลมุ่ สังเกตความมวี นิ ัย มคี วามรบั ผิดชอบ ตรงต่อเวลา และใฝเุ รยี นรู้ ลงชอ่ื .......................................................... (นางสาวณฐั ธดิ า แก้วคําศรี) ครูผู้สอน ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ ฝาุ ยบรหิ ารวิชาการ ...................................................................................................................................................... ....................... ........................................................................................................... ................................................................... ลงชอ่ื .............................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผอู้ าํ นวยการ ฝาุ ยบรหิ ารงานวชิ าการ ความคดิ เห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผูอ้ าํ นวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31

ตวั อย่างข่าว ม.6 ทาแท้งเอง โคม่าขณะต้ังทอ้ ง 8 เดือน เด็ก ม.6 โรงเรียนดังท้อง 8 เดือนหาทางออกไม่ได้ ปรึกษาแฟนหนุ่มวัยเดียวกัน ตัดสินใจทําแท้งด้วย วธิ ีกินยาขับทสี่ ัง่ ซื้อในเวบ็ ไซต์ สุดสลดทารกไหลกองพน้ื เลือดท่วมห้อง ส่วนแม่วัยโจ๋สลบเหมือด แฟนหนุ่มเห็น ทา่ ไม่ดแี จ้งโรงพยาบาลใหม้ าชว่ ย เหตกุ ารณ์สะเทอื นใจเก่ียวกับเรอ่ื งราวของเด็กนักเรียน ม.6 โรงเรียนมัธยมช่ือ ดังท่ีพลาดพล้ังเกิดตั้งท้อง สุดท้ายหาทางออกไม่ได้จึงตัดสินใจกินยาขับทําแท้งด้วยตนเอง เปิดเผยเม่ือเวลา 13.00 น. วนั ท่ี 13 ตุลาคม พ.ต.ท.พีชญะ วริ ยิ ะสัมมา สวป.สน.สุทธสิ าร รบั แจง้ เหตุเด็กมัธยมทําแท้งในคอนโด แห่งหนง่ึ แขวงและเขตหว้ ยขวาง กทม. หลงั รบั แจง้ จึงนํากาํ ลังไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มลู นธิ ริ ว่ มกตัญํู ที่เกิดภายในห้องเลขที่ 207 ชั้น 2 ของคอนโดดังกล่าว เจ้าหน้าท่ีพบ น.ส. เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และนาย บี (นามสมมต)ิ อายุ 17 ปี นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพมหานคร โดย น.ส. เอ อยู่ในสภาพเลือดท่วมตัวนอนคุดคู้ด้วยความอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ข้างกายของเด็กวัยรุ่นทั้งสองคนพบศพ ทารกอยู่ในถงุ พลาสตกิ สีเขยี วสภาพเตรียมนาํ ไปทงิ้ เจ้าหน้าทจ่ี งึ เขา้ ไปตรวจสอบ ปรากฏวา่ น.ส.เอ เกิดเป็นลม หมดสติด้วยความอ่อนแรง เม่ือสอบถามนายบี จงึ ทราบว่า น.ส.เอ ทําแท้งด้วยการกินยาขับทารกที่อยู่ในครรภ์ อายุ 8 เดือนออกมา จากการสอบปากคํานาย บี ให้การว่า ห้องดังกล่าวเป็นห้องพักที่เช่าอยู่อาศัย ที่ผ่านมา น.ส. เอ มักจะ แวะมาหา และมคี วามสัมพันธท์ ่หี ้องดงั กลา่ วบ่อยคร้ัง เพราะคบหาเป็นแฟนกัน ส่วนเด็กในท้องไม่ได้เป็นลูกตน แต่เกิดจากแฟนเก่าของ น.ส.เอ ซงึ่ ก่อนหน้านพ้ี ยายามบอกใหแ้ ฟนสาวบอกให้พ่อแม่ทราบเรื่อง แต่แฟนสาวไม่ กล้าพูดความจริง จึงตัดสินใจแก้ป๎ญหากันเองโดยการส่ังซ้ือยาขับเด็กทางเว็บไซต์หน่ึงมาจํานวน 1 แผง ใน ราคา 5,000 บาท “ยาถูกส่งมาทางไปรษณีย์เมื่อสองวันก่อน และมีคําแนะนําให้ใช้ด้วยการสอดใส่คร้ังละ 4 เม็ด ห่างกัน สองช่ัวโมง โดยเม็ดสุดท้ายสอดเข้าไปสองเม็ด ทารกจึงหลุดออกมาในห้องนํ้า จากน้ันแฟนสาวหมดสติไป ผม ตกใจจงึ รีบโทรศพั ท์แจง้ ทางคอนโด เพ่ือใหห้ ารถพยาบาลมารบั ไปโรงพยาบาล” นาย บี กล่าว ด้าน พ.ต.ท. พีชญะ กล่าวว่า เบ้ืองต้นทราบว่า น.ส. เอ มีอาการตกเลือด ก่อนจะมาตรวจสอบ เจ้าหน้าทีม่ ูลนิธิร่วมกตัญํูจะมารับ น.ส. เอ ไปส่งท่ีโรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงทางมูลนิธิพบศพทารกอยู่ในห้อง ดังกล่าว จึงโทรศพั ท์แจ้งเจา้ หนา้ ทต่ี ํารวจ ที่มา : http://www.komchadluek.net/detail/20101014/76205/ม.6 ทําแท้งเองโคม่าขณะต้ังท้อง 8 เดอื น.html#. URB-6B3V7cB6B3V7cB

บันทกึ หลังแผนการจัดการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรียนรูส้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง เพศกบั วัยรุน่ แผนการเรียนร้ทู ่ี 3 เรือ่ ง ป๎ญหาและผลกระทบจากการมเี พศสัมพันธ์ในวยั เรียน เวลา 1 ชว่ั โมง ผสู้ อน นางสาวณัฐธิดา แกว้ คําศรี บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ ผเู้ รียนได้รบั ความรู้ (K) นกั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับการวเิ คราะห์ปญ๎ หาและผลกระทบจากการมเี พศสัมพนั ธใ์ นวยั เรียน จะชว่ ย ทําให้เกิดความปลอดภยั และหลีกเล่ียงป๎ญหาจากการมเี พศสมั พันธใ์ นวยั เรียนได้ ผ้เู รยี นเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถวเิ คราะห์ปญ๎ หาและผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ในวยั เรียนได้ ผเู้ รยี นมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม (A) นกั เรียนมที ัศนคตทิ ่ีดีต่อวชิ าสุขศึกษาและพลศึกษา ขยนั ใฝุรู้ใฝเุ รียน เชื่อม่ันในตนเอง กล้าแสดงออกมคี วามสขุ ตอ่ การเรยี น ผ้เู รียนเกดิ ทักษะการคิด ทกั ษะการใชเ้ หตผุ ล ผเู้ รยี นมีหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผเู้ รยี นเรยี นรู้ที่จะใช้ทรัพยากรไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ ปัญหาอุปสรรค (ถ้าม)ี - ขอ้ เสนอแนะ (ถา้ มี) ลงช่อื .......................................................... (นางสาวณฐั ธิดา แก้วคําศรี) ครผู ูส้ อน

ใบงานท่ี 2.4 ปัญหาและผลกระทบจากการมีเพศสมั พนั ธ์ในวัยเรียน คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นอา่ นขอ้ ความท่ีกําหนด แลว้ ตอบคําถาม สม้ และมงั คดุ กาํ ลงั นั่งพดู คุยถึงข่าวของเด็กหญงิ เอและบี (นามสมมติ) ซ่ึงเป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ทอี่ ยตู่ า่ งโรงเรียน แตส่ นิทสนมกันมากเนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กัน เอเคยมีเพศสัมพันธ์กับแฟน แต่มีการคุมกําเนิด ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยจึงไม่ต้ังครรภ์ และพยายามยุให้บีลองทํากับแฟนของบีอย่างเธอดูบ้าง ในท่ีสุดบีก็เชื่อ เอ แตแ่ ฟนของบไี มย่ อมใชถ้ ุงยางอนามัย ทาํ ใหบ้ ีต้งั ครรภข์ น้ึ มา พอ่ แมข่ องบรี ู้เร่ืองเข้าก็เสียใจมาก และยังคิดไม่ ตกวา่ จะจดั การกับเรื่องน้อี ยา่ งไร คาถาม 1. จากข่าวของเด็กหญงิ เอและเดก็ หญิงบี ป๎ญหาที่เกิดข้นึ คอื อะไร 2. จากขา่ วของเด็กหญิงเอและเดก็ หญิงบี การมเี พศสมั พันธ์ในวยั เรียนสง่ ผลกระทบอยา่ งไร ด้านรา่ งกาย ด้านจิตใจและอารมณ์ ดา้ นครอบครวั และสงั คม

เฉลยใบงานที่ 2.4 ปญั หาและผลกระทบจากการมเี พศสัมพันธใ์ นวัยเรียน คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนอา่ นข้อความท่ีกาํ หนด แลว้ ตอบคําถาม สม้ และมังคดุ กาํ ลังนัง่ พูดคุยถึงขา่ วของเด็กหญิงเอและบี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ที่อยู่ต่างโรงเรียน แตส่ นิทสนมกันมากเน่ืองจากบ้านอยู่ใกล้กัน เอเคยมีเพศสัมพันธ์กับแฟน แต่มีการคุมกําเนิด ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยจึงไม่ต้ังครรภ์ และพยายามยุให้บีลองทํากับแฟนของบีอย่างเธอดูบ้าง ในที่สุดบีก็เช่ือ เอ แต่แฟนของบไี ม่ยอมใช้ถุงยางอนามยั ทาํ ใหบ้ ีตง้ั ครรภข์ ึ้นมา พ่อแมข่ องบรี ูเ้ รื่องเข้าก็เสียใจมาก และยังคิดไม่ ตกวา่ จะจัดการกบั เร่ืองนี้อยา่ งไร คาถาม 1. จากข่าวของเด็กหญิงเอและเด็กหญงิ บี ปญ๎ หาที่เกดิ ขึ้น คืออะไร 2. จากขา่ วของเด็กหญงิ เอและเด็กหญิงบี การมเี พศสมั พันธใ์ นวัยเรียนสง่ ผลกระทบอยา่ งไร ดา้ นรา่ งกาย ด้านจิตใจและอารมณ์ ด้านครอบครัวและสังคม (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดลุ ยพินิจของครูผู้สอน)

แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา (สขุ ศึกษา) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เร่อื ง เพศกับวยั รุ่น เวลา 5 ชัว่ โมง แผนการเรียนรู้ที่ 4 เรอื่ ง ทักษะชวี ติ ในการปูองกนั ตนเองเรือ่ งเพศ เวลา 1 ชั่วโมง ครูผ้สู อน นางสาวณฐั ธิดา แก้วคาศรี โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ 1. สาระสาคัญ การมีทักษะและความชํานาญในการจดั การกบั ชีวิตของตนเองได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม จะสามารถ ปูองกนั และหลีกเลีย่ งปจ๎ จัยเสี่ยงตอ่ สขุ ภาพของตนเองได้ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) บอกทักษะชีวติ ในการปูองกันตนเองเร่ืองเพศได้ 2) เลอื กใชท้ ักษะในการปูองกันตนเองเรือ่ งเพศได้อยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง 1) โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ 2) โรคเอดส์ 3) การตง้ั ครรภ์โดยไม่พงึ ประสงค์ 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการสร้างความรู้ 4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. มคี วามรบั ผดิ ชอบ 3. ตรงต่อเวลา 4. ใฝุเรยี นรู้

กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ สี อนแบบ : นริ นยั ขน้ั ที่ 1 อธิบายปัญหา 1. นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดิม (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1) จากนัน้ ให้นักเรียนยกตวั อย่างสถานการณ์เสยี่ งต่อการ มเี พศสัมพนั ธ์ หรอื ยกตัวอยา่ งขา่ ว 2. ครูให้สมาชกิ ในแต่ละกล่มุ รว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั แนวทางในการแก้ไขสถานการณเ์ สี่ยงตอ่ การมี เพศสัมพนั ธ์ที่นักเรียนยกตัวอย่าง 3. ครูอธบิ ายให้นกั เรียนเข้าใจและเห็นความสําคัญของการใชท้ ักษะชวี ติ ในการปอู งกันตนเองเร่ืองเพศ ขนั้ ที่ 2 อธิบายกฎ หรอื หลักการเพอ่ื การแก้ปัญหา 1. นักเรียนศกึ ษาความรูเ้ ร่ือง ทักษะชวี ติ ในการปูองกนั ตนเอง เร่ืองเพศ จากหนังสือเรยี น 2. นกั เรยี นแต่ละคนนําความรู้ทไ่ี ด้จากการศึกษามาบนั ทกึ ลงในแบบบันทกึ การอ่าน 3. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจเกยี่ วกบั ทักษะชีวิตใน การปอู งกันตนเองเร่ืองเพศ และยกตัวอย่างประกอบใน แตล่ ะประเดน็ ดังนี้ 1) ทักษะการปฏิเสธ 2) ทกั ษะการต่อรองเพือ่ การประนีประนอม 3) ทักษะการตัดสนิ ใจเพื่อหลีกเล่ียงการมเี พศสมั พันธ์ 4. นักเรียนตอบคําถามกระตนุ้ ความคดิ คาถามกระตุ้นความคดิ  นกั เรียนคดิ วา่ ความรู้เรอ่ื งทกั ษะชวี ติ จะช่วยปูองกนั ตนเองจากการมปี ญั หาทเี่ ก่ยี วกบั เรอ่ื ง เพศหรือไม่ จงอธบิ ายเหตุผล (พิจารณาตามคําตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูส้ อน) ขน้ั ที่ 3 ตัดสินใจ 1. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ หาข่าวและทาํ การวเิ คราะห์ข่าวดังกลา่ ว โดยเลอื กใชท้ กั ษะชีวติ ในการปอู งกันตนเองเรื่องเพศ ทกั ษะใดทกั ษะหน่ึงมาใช้ในการเสนอแนะแนวทางในการปูองกันเหตุการณ์ทเี่ กิดขนึ้ ในข่าว แลว้ บนั ทึกผลลงใน ใบงานที่ 2.5 เรือ่ ง การเลือกใช้ทกั ษะชวี ิตในการปูองกนั ตนเองเรื่องเพศ 2. นกั เรียนตอบคําถามกระตุ้นความคิด คาํ ถามกระตุ้นความคดิ การใชท้ ักษะการต่อรองเพอ่ื การประนปี ระนอมและมิให้เกิดเจตคติทางเพศท่ผี ิดไปจาก วฒั นธรรมอันดีงามของสังคมไทย ควรนามาใช้ในสถานการณใ์ ด อธบิ ายพรอ้ มยกตัวอย่าง สถานการณ์มา 1 สถานการณ์ (พจิ ารณาตามคําตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดุลยพนิ จิ ของครผู ูส้ อน) ขน้ั ท่ี 4 พสิ จู น์ หรือตรวจคาตอบ 1. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ นําเสนอผลงานการเลือกใช้ทักษะชวี ติ ในการปอู งกันตนเองเร่ืองเพศ เพื่อเสนอแนะแนวทาง

ในการปอู งกันเหตุการณ์ทีเ่ กิดขึ้นในขา่ ว ดว้ ยการแสดงบทบาทสมมุติ ภายในเวลาท่ีครูกาํ หนด 2. ครปู ระเมินการแสดงบทบาทสมมตุ ขิ องนักเรยี นแต่ละกลุ่ม และชมเชยกลุ่มท่ีแสดงบทบาทสมมตุ ิได้ดีและเลอื กใช้ ทักษะท่ีถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ 3. นักเรียนแตล่ ะคนทํากจิ กรรมตามตัวชว้ี ดั : กิจกรรมที่ 2.4 จากแบบวัดฯ เปน็ การบ้าน เสร็จแล้วนําสง่ ครตู รวจ ภาระงาน/ช้ินงาน - แหล่งเรียนรู้ / สื่อ 1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี น สุขศกึ ษา ม.2 2) แบบวัดและบนั ทึกผลการเรียนรู้ สุขศกึ ษา ม.2 3) ตัวอยา่ งข่าว 4) ใบงานท่ี 2.5 เร่อื ง การเลือกใชท้ กั ษะชวี ติ ในการปอู งกนั ตนเองเรอ่ื งเพศ 2 แหลง่ การเรียนรู้ —

การวดั และประเมนิ ผล เครอื่ งมอื เกณฑ์ วิธกี าร ใบงานที่ 2.5 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบบนั ทึกการอา่ น ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 2.5 แบบประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบันทกึ การอา่ น แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการนาํ เสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกล่มุ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบคุ คล แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทํางานกลุ่ม สงั เกตความมวี ินัย มีความรบั ผดิ ชอบ ตรงตอ่ เวลา และใฝเุ รียนรู้ ลงชื่อ.......................................................... (นางสาวณฐั ธดิ า แก้วคาํ ศรี) ครูผูส้ อน ความคิดเหน็ ของหัวหน้าฝาุ ยบรหิ ารวิชาการ ..................................................................................................................................................... ......................... ......................................................................................................... ..................................................................... ลงชอ่ื .............................................. (นายวิเศษ ฟองตา) รองผู้อํานวยการ ฝุายบริหารงานวชิ าการ ความคดิ เหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผู้อาํ นวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31

แผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู ุขศกึ ษาและพลศึกษา (สุขศกึ ษา) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง เพศกบั วัยรนุ่ เวลา 5 ช่วั โมง แผนการเรียนรู้ท่ี 5 เร่อื ง การปอู งกันตนเองจากปญั หาการมีเพศสมั พันธใ์ นวัยเรยี น เวลา 1 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นางสาวณัฐธดิ า แกว้ คาศรี 1. สาระสาคัญ การศกึ ษาวิเคราะหป์ ๎จจยั ทม่ี ีอิทธพิ ลตอ่ เจตคตใิ นเร่ืองเพศ จะทาํ ให้ทราบปญ๎ หาและผลกระทบที่เกดิ จากการมี เพศสัมพนั ธ์ในวยั เรียน และทําให้สามารถปูองกันตนเองเร่อื งเพศได้อยา่ งถูกต้องและปลอดภัย 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - อธบิ ายวิธีปอู งกันตนเองและหลกี เลี่ยงการมีเพศสมั พนั ธใ์ นวัยเรยี นได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 1) โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์ 2) โรคเอดส์ 3) การตงั้ ครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทักษะการสรา้ งความรู้ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. มีความรับผดิ ชอบ 3. ตรงตอ่ เวลา 4. ใฝเุ รยี นรู้

กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธสี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการเรยี นความรู้ความเขา้ ใจ ขั้นท่ี 1 สงั เกต ตระหนัก 1. ครูนาํ ตัวอย่างข่าว มาใหน้ กั เรียนอา่ นและรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับเหตกุ ารณท์ ี่เกิดขน้ึ ในข่าว 2. ครอู ธบิ ายเช่ือมโยงใหน้ ักเรยี นเข้าใจว่า ปจ๎ จบุ ันปญ๎ หาการมีเพศสมั พนั ธ์ก่อนวยั อันควร เป็นป๎ญหาที่ใหญโ่ ตและ ลกุ ลามกลายเป็นป๎ญหาสังคม เพราะนํามาซึ่งการมเี พศสัมพนั ธ์ในวยั เรียน การแพรร่ ะบาดของโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์ เอดส์ และการตัง้ ครรภ์โดยไม่พงึ ประสงค์ 3. นักเรยี นรวมกลมุ่ เดิม (จากแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1) ร่วมกนั ศึกษาและสืบค้นความรู้เรื่อง การปูองกนั ตนเอง จากปญ๎ หาการมเี พศสมั พนั ธ์ในวยั เรียน 4. นักเรยี นตอบคําถามกระต้นุ ความคดิ คาถามกระตนุ้ การคดิ นกั เรียนมีวิธหี ลีกเลีย่ งและปูองกันตนเองจากปญั หาการมเี พศสัมพนั ธ์ในวัยเรียนอย่างไร (พจิ ารณาตามคําตอบของตนเอง โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) ขั้นท่ี 2 วางแผนปฏบิ ัติ นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั วางแผนในการศึกษาและสบื ค้นความรเู้ รื่อง การปูองกนั ตนเองจากป๎ญหาการมเี พศสมั พันธ์ใน วัยเรียน โดยแบ่งหนา้ ท่กี นั รับผดิ ชอบ ตามความเหมาะสมหรือ ความสนใจของสมาชิกกลมุ่ ตามประเด็นความรทู้ ่ีกําหนด ดังนี้ 1) การปิดก้ันโอกาส 2) การปิดกนั้ ตนเอง 3) การปดิ กั้นอารมณ์ 4) การใชท้ ักษะชีวิตด้านการปฏิเสธ การตอ่ รอง และการตัดสนิ ใจ 5) การใช้ถุงยางอนามัย 6) ความสมั พนั ธท์ ่ีดีในครอบครัว ขนั้ ที่ 3 ลงมอื ปฏิบัติ นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาและสบื ค้นความรู้เรื่องการปอู งกนั ตนเองจากป๎ญหาการมเี พศสัมพนั ธ์ในวยั เรยี น ตามประเดน็ ความร้ทู ่ีกําหนด จากหนงั สอื เรียน ห้องสมดุ หรอื แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ ตามท่ีไดว้ างแผนร่วมกนั ไว้ แล้ว บนั ทกึ ความรู้ท่ไี ดล้ งในแบบบันทึกการอ่าน

ข้นั ท่ี 4 พัฒนาความรู้ ความเข้าใจ 1. สมาชิกในแต่ละกลุม่ ต้ังคาํ ถามคนละ 1 ขอ้ จากนั้นนําคาํ ถาม มาผลดั กันถาม-ตอบกับสมาชิกในกล่มุ เพื่อประเมนิ ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั การปูองกันตนเองจากป๎ญหาการมเี พศสัมพนั ธใ์ นวัยเรยี น 2. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันอธบิ ายแนวทางในการปูองกันตนเองจากปญ๎ หาการมเี พศสัมพนั ธ์ในวัยเรียน จากน้ัน ส่งตัวแทนกลุ่มนาํ เสนอหนา้ ช้ันเรียน ขนั้ ที่ 5 สรุป 1. นักเรยี นตอบคาํ ถามกระตุน้ ความคิด 2. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ แนวทางในการปูองกนั ตนเองจากปญ๎ หาการมเี พศสมั พนั ธ์ในวยั เรยี น โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ เอดส์ และการตงั้ ครรภโ์ ดยไม่พึงประสงค์ คาถามกระตุ้นความคดิ  นักเรียนเคยได้ยนิ คากล่าว “ยืดอก พกถุง” หรือไม่ ถ้าเคยนกั เรยี นมคี วามคดิ เห็น อย่างไร (พจิ ารณาตามคําตอบของตนเอง โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของครูผสู้ อน) ภาระงาน/ชนิ้ งาน  ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันจัดทาหนังสือคู่มือวยั รนุ่ โดยให้ครอบคลมุ ประเด็นตามทก่ี ําหนด ดงั นี้ 1) การวิเคราะห์ป๎จจยั ทมี่ ีอทิ ธิพลต่อเจตคตทิ างเพศของวยั รนุ่ 2) การวิเคราะห์ป๎ญหาและผลกระทบท่ีเกดิ จากการมเี พศสัมพนั ธ์ในวัยเรียน โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ และการตง้ั ครรภโ์ ดยไม่พึงประสงค์ 3) การเสนอแนวทางการปูองกนั ตนเองจากป๎ญหาการมเี พศสัมพันธ์ในวยั เรียน การหลกี เลี่ยงจากโรคตดิ ต่อ ทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ และการต้งั ครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ แหล่งเรยี นรู้ / สอ่ื 1 สือ่ การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรียน สุขศึกษา ม.2 2) ตวั อย่างข่าว 2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งสมดุ 2) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - http://www.trueplookpanya.com/.../knowledge_summary.php?... - http:/www.thaigoodview.com/library/.../health03/.../grows03.html

การวัดและประเมินผล เครือ่ งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ แบบบันทึกการอา่ น ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบบนั ทึกการอา่ น แบบประเมนิ การนําเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานกลุ่ม แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความมวี นิ ยั มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา และใฝเุ รียนรู้ แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 แบบประเมินหนังสือคู่มือวยั รุน่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจหนังสอื คมู่ อื วยั รุ่น ลงชอ่ื .......................................................... (นางสาวณัฐธิดา แกว้ คําศรี) ครผู สู้ อน ความคดิ เห็นของหัวหนา้ ฝุายบรหิ ารวิชาการ ..................................................................................................................................................... ......................... ......................................................................................................... ..................................................................... ลงช่อื .............................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผู้อํานวยการ ฝุายบริหารงานวิชาการ ความคดิ เห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา .................................................................................... .......................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผ้อู ํานวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31

การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินหนังสือคู่มือวยั รนุ่ ลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 1 การวิเคราะหป์ จ๎ จยั ที่มีอิทธิพลต่อเจตคติทางเพศ ของวยั รนุ่ การวิเคราะหป์ ญ๎ หาและผลกระทบที่เกิดจากการมีเพศสมั พันธ์ 2 ในวยั เรียน โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธ์ เอดส์ และการตัง้ ครรภ์ โดยไมพ่ ึงประสงค์ การเสนอแนวทางการปอู งกนั ตนเองจากป๎ญหา 3 การมีเพศสัมพันธใ์ นวัยเรยี น การหลีกเลย่ี งจากโรคติดต่อทาง เพศสมั พนั ธ์ เอดส์ และการตงั้ ครรภ์โดยไมพ่ ึงประสงค์ รวม ลงช่อื .................................................... ผู้ประเมนิ ................ /................ /................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ดมี าก = 4 คะแนน ดี = 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ = 2 คะแนน ปรับปรุง = 1 คะแนน 11 - 12 ดมี าก 19 - 10 ดี 6 - 8 พอใช้ ต่ากวา่ 6 ปรบั ปรงุ

ตวั อย่างข่าว โพลล์ช้ี “วันลอยกระทง” สาวเสยี่ งเสยี ตัว ผลสารวจเยาวชนหญงิ – ชาย พบกันวนั ลอยกระทง เสยี่ งเกดิ การลว่ งละเมดิ ทางเพศสูง ชี้ขาดสติ เพราะดื่มแอลกอฮอล์ และ เป็นงานกลางคนื มโี อกาสใหก้ ่อเหตุ 27 พ.ย. 55 ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร มูลนิธิเพ่ือนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ร่วมกับ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และ สํานกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) จดั กิจกรรมรณรงค์ “ดื่มไมล่ อย...ไมเ่ ส่ยี งล่วงละเมดิ ทางเพศ” โดยรณรงค์ ใหเ้ ยาวชนและประชาชนปลอดการดม่ื แอลกอฮอล์ในวันลอยกระทง หลังพบนกั ด่ืมมีพฤตกิ รรมการล่วงละเมิดทางเพศสูงกว่าวันวา เลนไทนแ์ ละวนั สาํ คญั อ่ืนๆ นางสาวหทัยทิพย์ ชัยฤกษ์ แกนนําเยาวชนปูองกันนักดื่มหน้าใหม่ เปิดเผยถึงข้อมูลจากการที่มูลนิธิเพ่ือนเยาวชนเพื่อการ พัฒนา ร่วมกับ มูลินิธิหญิงชายก้าวไกล ได้ลงพื้นท่ีกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยสํารวจความคิดเห็นเรื่อง “วัยรุ่นไทยกับประเพณีลอยกระทงและเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,042 ราย ช่วงอายุระหว่าง 15-25 ปี ระหว่าง วันท่ี 7-15 พ.ย. ทผี่ า่ นมา โดยแบง่ เป็นเพศหญงิ 59% และชาย 41% พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ ง 82% เคยเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันดื่มสุรา วันลอยกระทง เมื่อถามถึงป๎จจัยท่ีทําให้วัยรุ่น นิยมดื่มสุราในวันลอยกระทงเป็นเพราะบรรยากาศชวนด่ืม เหตุผลรองลงมา คือ เพื่อนชวนดื่ม เพ่ือดึงดูดเพศตรงข้าม และเพ่ือเพิ่มโอกาสการมีเพศสัมพันธ์ตามลําดับ นอกจากน้ีกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กว่า 61% ตา่ งเห็นด้วยกับการดืม่ สรุ า ซง่ึ ถือเป็นป๎จจยั เสริมสําคัญทท่ี าํ ให้เกิดการถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ และอีก 72% ยังเห็นด้วยหากสถานท่ี การจัดงานลอยกระทงปนี ้ี ไมม่ กี ารขายและดม่ื เคร่อื งดม่ื แอลกอฮอล์ “ในช่วงวันลอยกระทง เป็นการจัดกิจกรรมตอนกลางคืน มักจะเป็นโอกาสให้ผู้ท่ีขาดสติจากการด่ืมของมึนเมากระทําการก่อ เหตลุ ว่ งละเมิดทางเพศได้ง่าย ไม่ใช่เฉพาะกับแฟนหรือคนรัก และยังมีความเสี่ยงที่จะก่อเหตุกับบุคคลอื่นๆ จึงอยากรณรงรงค์ให้ ประชาชนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในวันน้ีและทุกๆ วัน เพ่ือไม่สร้างป๎ญหากับสังคมและช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ของไทยไว้” ด้านนายสเุ ทพ สดชน่ื ผ้จู ัดการมูลนิธิเพ่ือนเยาวชนเพ่ือการพัฒนา กล่าวว่า เทศกาลลอยกระทงเป็นเทศกาลท่ีเสี่ยงต่อการถูก ล่วงละเมิดทางเพศมากกว่าเทศกาลวาเลนไทน์หรือเทศกาลอ่ืนๆ โดยตนเสนอว่าการปูองกันตัวเองที่ดีท่ีสุด คือ การไม่เข้าไปข้อง เกยี่ วกบั เคร่ืองด่ืมแอลกฮอลแ์ ละผ้ทู ี่ด่ืม โดยเฉพาะวัยรุ่นควรไปลอยกระทงกันเป็นกลุ่มไม่ไปในพื้นที่ล่อแหลมสุ่มเส่ียง ในส่วนของ ฝุายชายทีไ่ ม่ควรฉวยโอกาส หรอื การพิสูจน์ความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ ซง่ึ ตอ้ งให้เกยี รตผิ ้หู ญิงมากกว่า อย่างไรก็ตามหากมองในแง่ของทัศนคติของผู้ชายส่วนใหญ่จะพบได้ว่า เด็กและเยาวชนชายมักจะถูกผลิตซ้ําทางความคิดใน เร่ืองมติ หิ ญิงชาย ศกั ดศิ์ รีความเปน็ มนุษย์ ในขณะที่ส่ือก็มีส่วนหล่อหลอมความคิดที่เป็นป๎ญหา สถานการณ์ล่วงละเมิดทางเพศจึง ปรากฏให้เห็นชัดมากข้ึน ซึ่งงานเทศกาลลอยกระทงจึงกลายเป็นโอกาสท่ีถูกฉวยโอกาสอยู่บ่อยๆ ท้ังในส่วนของหน่วยงานท่ี เกย่ี วขอ้ งก็ควรช่วยกันลดป๎จจยั เสยี่ งตา่ งๆ และสง่ เสรมิ การปลูกฝง๎ ทศั นคติทถี่ กู ต้องแกเ่ ด็กและเยาวชน ที่มา : www.komchadluek.net/.../โพลลช์ ี้วนั ลอยกระทงสาวเสย่ี งเสยี ตวั

บนั ทกึ หลังแผนการจดั การเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง เพศกบั วัยรุน่ แผนการเรียนรทู้ ี่ 5 เร่อื ง การปูองกันตนเองจากปญ๎ หาการมีเพศสัมพันธใ์ นวัยเรยี น เวลา 1 ช่วั โมง ผูส้ อน นางสาวณัฐธิดา แก้วคาํ ศรี บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ ผเู้ รียนไดร้ บั ความรู้ (K) นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการศึกษาวเิ คราะห์ป๎จจัยท่ีมอี ิทธิพลตอ่ เจตคตใิ นเรื่องเพศ จะทาํ ให้ทราบ ป๎ญหาและผลกระทบทเี่ กดิ จากการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน และทําใหส้ ามารถปูองกันตนเองเร่ืองเพศได้อยา่ งถกู ต้องและ ปลอดภยั ผู้เรยี นเกดิ ทักษะกระบวนการ (P) นักเรยี นสามารถอธบิ ายวธิ ีปอู งกนั ตนเองและหลีกเล่ยี งการมีเพศสัมพนั ธใ์ นวยั เรยี นได้ ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม (A) นกั เรยี นมที ัศนคติทด่ี ีต่อวิชาสุขศึกษาและพลศกึ ษา ขยนั ใฝุรู้ใฝเุ รียน เชื่อม่นั ในตนเอง กลา้ แสดงออกมีความสขุ ต่อการเรียน ผ้เู รยี นเกดิ ทักษะการคดิ ทกั ษะการสรา้ งความรู้ ผู้เรยี นมีหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ผเู้ รยี นเรยี นรทู้ จี่ ะใช้ทรพั ยากรไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ปญั หาอุปสรรค (ถา้ ม)ี - ขอ้ เสนอแนะ (ถ้ามี) ลงชอื่ .......................................................... (นางสาวณฐั ธดิ า แก้วคาํ ศรี) ครูผู้สอน

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง ความเสมอภาคทางเพศ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา รายวชิ าสุขศึกษา รหัส พ 22101 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 เวลา 3 ชั่วโมง ผูส้ อน นางสาวณัฐธิดา แกว้ คาศรี โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชียงใหม่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้วี ดั มาตรฐาน พ 2.1 ตัวชวี้ ัด ม.2/4 อธบิ ายความสาํ คัญของความเสมอภาคทางเพศและวางตัวไดอ้ ย่าง เหมาะสม 2. สาระสาคัญ ความเสมอภาคทางเพศ มีความสาํ คัญต่อการดํารงชีวิตในสงั คม ชว่ ยให้สามารถวางตวั ได้อยา่ งเหมาะสมกับ เพศตรงขา้ ม และสอดคลอ้ งกับคา่ นิยมของสังคมไทย ตลอดจนชว่ ยหาแนวทางในการแกไ้ ขปญ๎ หาทางเพศท่เี กิดข้นึ ใน สงั คม 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 3.1สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง 1) ความสําคญั ของความเสมอภาคทางเพศ 2) การวางตัวตอ่ เพศตรงข้าม 3) ปญ๎ หาทางเพศ 4) แนวทางการแก้ไขป๎ญหาทางเพศ 4. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน 4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการสร้างความรู้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. มคี วามรบั ผิดชอบ 3. ใฝเุ รียนรู้

6. ชิ้นงาน การโตว้ าที เรือ่ ง ความเสมอภาคทางเพศและการวางตวั ท่เี หมาะสม 7. การวดั และประเมินผล (ภาระงาน/ช้นิ งาน) 7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 เร่อื ง ความเสมอภาคทางเพศ 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1) ตรวจใบงานท่ี 3.1 เรื่อง ความเสมอภาคทางเพศ 2) ตรวจใบงานที่ 3.2 เรอื่ ง การวางตัวต่อเพศตรงข้าม 3) ตรวจใบงานที่ 3.3 เรอ่ื ง ป๎ญหาทางเพศและแนวทางการแกไ้ ข 4) ตรวจแบบบันทกึ การอา่ น 5) ประเมนิ การนําเสนอผลงาน 6) สังเกตพฤตกิ รรมการทํางานรายบคุ คล 7) สงั เกตพฤตกิ รรมการทํางานกล่มุ 8) สังเกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 7.3 การประเมินหลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง ความเสมอภาคทางเพศ 7.4 การประเมนิ ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - สงั เกตการโตว้ าที เรื่อง ความเสมอภาคทางเพศและการวางตวั ท่เี หมาะสม 8. กิจกรรมการเรียนรู้

แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา (สุขศกึ ษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เร่อื ง ความเสมอภาคทางเพศ เวลา 3 ช่วั โมง แผนการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอื่ ง ความสาคัญของความเสมอภาคทางเพศ เวลา 1 ชว่ั โมง ครผู ู้สอน นางสาวณัฐดิ า แกว้ คาศรี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ 1. สาระสาคญั ความเสมอภาคทางเพศ มีความสําคัญต่อการดํารงชวี ติ ในสังคม ช่วยใหส้ ามารถวางตัวได้อย่างเหมาะสมกับ เพศตรงขา้ ม 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ - อธิบายความสาํ คัญของความเสมอภาคทางเพศได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - ความสาํ คัญของความเสมอภาคทางเพศ 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทักษะการสร้างความรู้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. มีความรบั ผดิ ชอบ 3. ใฝุเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบ สบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขนั้ ที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ

1. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกี่ยวกับบทบาทของผหู้ ญงิ ไทยในป๎จจุบนั โดยครอู าจยกตัวอยา่ งผู้หญงิ ที่มชี ื่อเสียงเปน็ ท่ี รู้จกั แล้วใหน้ ักเรียนบอกบทบาท หนา้ ทข่ี องบุคคลทีย่ กตวั อย่างและสง่ิ ที่ควรยึดถือเปน็ แบบอย่างทด่ี ี พร้อมบอกเหตุผล ประกอบ 2. ครูนําภาพเก่ียวกบั ความเสมอภาคชายหญิง มาเปรียบเทียบใหน้ กั เรียนดู และขออาสาสมัครนกั เรยี น 2 คน ออกมา แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ภาพดงั กล่าว โดยครรู ว่ มแสดงความคิดเห็น และอธบิ ายเช่ือมโยงใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจเกี่ยวกับ ความสาํ คัญของความเสมอภาคทางเพศ 3. นกั เรียนตอบคําถามกระตุ้นความคิด ข้อ 1-2 คาํ ถามกระตนุ้ ความคดิ 1. นกั เรียนคดิ ว่า การเรยี กร้องให้มีความเสมอภาค ทางเพศตามกฎหมาย เปน็ สิ่งท่ีถกู ต้องเหมาะสม หรอื ไม่ จง อธบิ ายเหตุผล (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) 2. ทาไมความเสมอภาคทางเพศ จงึ ตอ้ งอยภู่ ายใน กรอบท่เี หมาะสมของวัฒนธรรมอนั ดีงามของสังคมไทย (พจิ ารณาตามคําตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน) ขนั้ ท่ี 2 ขน้ั สารวจปญั หา 1. ครใู ห้นักเรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน คละเพศชายและเพศหญิง จากนั้นใหส้ มาชิกแต่ละกลมุ่ ร่วมกันศึกษาความร้เู ร่ือง ความสาํ คัญของความเสมอภาคทางเพศ จากหนังสอื เรียน ห้องสมดุ หรอื แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ 2. นักเรยี นตอบคาํ ถามกระตุ้นความคดิ คาถามกระตุน้ ความคดิ  นักเรียนคิดวา่ ครอบครวั มีผลตอ่ ภาวะเบี่ยงเบน ในดา้ นการแสดงออกทาง เพศทไี่ ม่เหมาะสม เชน่ การเปน็ กระเทย การเปน็ ทอม หรือไม่อยา่ งไร (พิจารณาตามคําตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพินจิ ของครผู สู้ อน) ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ 1. สมาชิกแตล่ ะคนในกลุ่มผลัดกันอธิบายความรู้ที่ได้จากการศึกษาใหเ้ พือ่ นในกลุม่ ฟ๎ง แบบเล่าเรื่องรอบวง แล้วซักถาม ข้อสงสยั จนทุกคนในกลมุ่ มคี วามรู้ความเข้าใจทถี่ ูกตอ้ งตรงกัน 2. นกั เรียนตอบคาํ ถามกระตนุ้ ความคดิ คาถามกระตุ้นความคิด นกั เรียนคิดว่า ความเสมอภาคทางเพศ เป็นเรอื่ งของความเท่าเทียมกันของเพศ ชายกบั เพศหญิงในเรื่องใด จงอธิบาย (พิจารณาตามคําตอบของนักเรยี น โดยให้อยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน)

ข้ันท่ี 4 ขยายความเข้าใจ 1. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันวเิ คราะห์ว่า ความเสมอภาคทางเพศมีความสําคญั หรือไม่ อย่างไร พรอ้ มยกตวั อย่างความ เสมอภาคทางเพศในปจ๎ จุบันประกอบ 2. ครสู ุม่ ตวั แทนนักเรยี น 1-2 กลมุ่ แสดงความคดิ เห็น หนา้ ชัน้ เรียน นักเรยี นกลมุ่ ท่ีมีความคดิ เหน็ แตกต่างใหน้ ําเสนอเพ่ิมเตมิ ครูตรวจสอบความถูกต้อง และอธบิ ายเพ่มิ เติมใน สว่ นทบี่ กพร่อง 3. นกั เรียนแตล่ ะคนทาํ ใบงานที่ 3.1 เรื่อง ความเสมอภาคทางเพศ และทาํ กจิ กรรมฝึกทกั ษะ : กิจกรรมท่ี 1 จากแบบวดั ฯ เม่ือทําเสร็จแล้วใหต้ รวจความเรียบรอ้ ยก่อนนาํ สง่ ครตู รวจ ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล 1. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั เขียนสรุปความรูเ้ ร่อื ง ความสําคัญของความเสมอภาคทางเพศ เป็นแผนผังความคิด เสร็จ แลว้ นาํ ส่งครตู รวจ 2. ครตู รวจสอบความรคู้ วามเขา้ ใจของนักเรียนจากการทํา ใบงานท่ี 3.1 การทาํ กิจกรรมฝึกทักษะ : กจิ กรรมท่ี 1 จากแบบวดั ฯ และการสรปุ ความรู้เรื่อง ความสําคัญของความเสมอ ภาคทางเพศ 3. นักเรียนตอบคาํ ถามกระตุ้นความคิด คาถามกระตุ้นความคิด นักเรียนคิดว่า ความเสมอภาคทางเพศทีถ่ ูกเรียกรอ้ งให้มีการแก้ไขในปัจจบุ ันมี อะไรบ้าง (คอื การยนิ ยอมใหผ้ ู้หญงิ ท่ีแต่งงานแล้วใชค้ านาหนา้ เป็นนางสาวได้ และสามารถเลอื กใช้นามสกุลของตนเอง หรอื สามีได้) ภาระงาน/ช้นิ งาน - แหลง่ เรียนรู้ / ส่อื 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน สขุ ศึกษา ม.2 2) แบบวดั และบนั ทึกผลการเรียนรู้ สุขศึกษา ม.2 3) บัตรภาพ 4) ใบงานท่ี 3.1 เรอ่ื ง ความเสมอภาคทางเพศ 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ

- http://main.ptpk.ac.th/mana_Online/m2/unit3/T3_n_1_m2.html การวดั และประเมินผล เครื่องมือ เกณฑ์ แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 (ประเมินตามสภาพจริง) วธิ กี าร ใบงานท่ี 3.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานรายบคุ คล ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 3.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกลมุ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทํางานรายบคุ คล แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานกล่มุ สังเกตความมวี นิ ยั มีความรบั ผดิ ชอบ และใฝเุ รยี นรู้ ลงช่อื .......................................................... (นางสาวณัฐธิดา แก้วคําศรี) ครผู ู้สอน ความคดิ เหน็ ของหัวหน้าฝุายบรหิ ารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผ้อู ํานวยการ ฝุายบรหิ ารงานวชิ าการ ความคดิ เห็นของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................. ................ ลงชอื่ .............................................. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผอู้ าํ นวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31

บตั รภาพ  ภาพท่ี 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ท่ีมา : ภาพท่ี 1 http://www.bangkok-today.com/node/12420 1 2 ภาพท่ี 2 http://www.thaicadetshop.com/product.detail_883100_th_4452911# 3 4 ภาพท่ี 3 http://mgr.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000015798 ภาพท่ี 4 http://www.viidee.com/?tag=อปุ สรรคในการทางาน

ใบงานท่ี 3.1 ความเสมอภาคทางเพศ คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมต่อไปน้ี 1. จงอธิบายความหมายของคําว่า “ความเสมอภาคทางเพศ” 2. สงั คมไทยในอดตี มีมุมมองเกี่ยวกบั บทบาทของเพศชายและเพศหญิงอย่างไร 3. จงอธิบายความหมายของคําว่า “ชา้ งเท้าหน้า” และ “ชา้ งเทา้ หลงั ” 4. ความสําคัญของความเสมอภาคทางเพศ ข้ึนอยกู่ ับสิง่ ใดเป็นสําคญั 5. จงอธิบายถงึ พฤติกรรมการเลยี นแบบบุคคลใกล้ชิด ซงึ่ เป็นการแสดงออกพฤติกรรมทางเพศของวัยร่นุ

ใบงานท่ี 3.1 ความเสมอภาคทางเพศ คาชี้แจง ให้นกั เรียนปฏบิ ตั ิกิจกรรมตอ่ ไปนี้ 1. จงอธบิ ายความหมายของคาํ ว่า “ความเสมอภาคทางเพศ” ความเสมอภาคทางเพศ หมายถงึ การที่เพศชายและเพศหญงิ มสี ทิ ธแิ ละเสรีภาพในการแสดงบทบาททางเพศของ ตนเองต่อสังคมได้อยา่ งเทา่ เทียมกัน แต่ต้องอยภู่ ายในกรอบทเ่ี หมาะสมของวัฒนธรรมที่ดีงามของสังคมไทย 2. สังคมไทยในอดตี มีมุมมองเกี่ยวกบั บทบาทของเพศชายและเพศหญิงอยา่ งไร สังคมไทยในอดีตมองบทบาทของเพศชายว่าอยใู่ นฐานะ “ช้างเทา้ หน้า” และมองบทบาทของเพศหญิงวา่ อยใู่ น ฐานะ “ช้างเทา้ หลัง” นั่นคือ เพศชายมีความเหนอื กวา่ เพศหญงิ ทาให้เพศชายเปน็ ผนู้ า ขณะท่เี พศหญงิ คือผู้ตาม 3. จงอธบิ ายความหมายของคําว่า “ช้างเท้าหน้า” และ “ช้างเท้าหลงั ” “ชา้ งเทา้ หน้า” หมายถงึ สังคมไทยในอดตี ซึ่งมีมุมมองเกีย่ วกับบทบาทของเพศชายว่าอยู่ในฐานะของผู้นา ขณะที่ “ชา้ งเท้าหลัง” หมายถงึ สังคมไทยในอดตี ซ่งึ มมี ุมมองเก่ียวกับบทบาทของเพศหญงิ ว่าอยู่ในฐานะของผูต้ าม 4. ความสําคัญของความเสมอภาคทางเพศ ขน้ึ อยู่กับส่ิงใดเปน็ สําคญั ความสาคญั ของความเสมอภาคทางเพศ ขึ้นอยกู่ ับความเข้าใจในบทบาททางเพศและการมีสมั พนั ธภาพท่ี เหมาะสมระหวา่ งเพศชายและเพศหญงิ 5. จงอธิบายถงึ พฤตกิ รรมการเลยี นแบบบคุ คลใกล้ชิด ซ่งึ เปน็ การแสดงออกพฤติกรรมทางเพศของวยั รุ่น วยั รุ่นชายจะเลียนแบบพฤติกรรมจากพ่อ พีช่ าย หรือญาติทีเ่ ป็นผูช้ ายทใี่ กล้ชดิ กนั เชน่ ความเข้มแขง็ ความกลา้ หาญความเปน็ ผูน้ า เปน็ ต้น ส่วนวัยรนุ่ หญงิ จะเลยี นแบบพฤตกิ รรมจากแม่ พส่ี าว หรือญาติท่ีเป็นผูห้ ญิงทใี่ กลช้ ิดกัน เชน่ ความนุ่มนวล ออ่ นหวาน กริ ยิ ามารยาท เป็นต้น

บันทกึ หลังแผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรียนรู้ที่ ........3......... เรอ่ื ง ความเสมอภาคทางเพศ แผนการสอนที่ ......1...... เรอื่ ง ความสําคัญของความเสมอภาคทางเพศ จาํ นวน ....1.... ช่ัวโมง ผู้สอน นางสาวณัฐธดิ า แกว้ คาํ ศรี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ บันทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นไดร้ ับความรู้ (K) นักเรียนมคี วามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศ มีความสาํ คญั ต่อการดํารงชวี ิตในสงั คม ช่วยให้ สามารถวางตวั ได้อยา่ งเหมาะสมกับเพศตรงข้าม ผเู้ รียนเกิดทักษะกระบวนการ (P) นกั เรยี นสามารถอธิบายความสาํ คัญของความเสมอภาคทางเพศได้ ผู้เรยี นมคี ุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม (A) นักเรยี นมที ัศนคติท่ีดตี อ่ วชิ าสุขศึกษาและพลศึกษา ขยนั ใฝุรู้ใฝุเรยี น เชือ่ มั่นในตนเอง กล้าแสดงออกมคี วามสุข ต่อการเรยี น ผู้เรยี นเกิดทักษะการคดิ ทักษะการสร้างความรู้ ผู้เรียนมหี ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ผู้เรยี นเรียนร้ทู ีจ่ ะใชท้ รพั ยากรได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ปัญหาอุปสรรค (ถา้ มี) - ขอ้ เสนอแนะ (ถา้ มี) - ลงชื่อ.......................................................... (นางสาวณฐั ธิดา แก้วคาํ ศรี) ครูผ้สู อน

แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้สุขศึกษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง ความเสมอภาคทางเพศ เวลา 3 ช่วั โมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง การวางตัวต่อเพศตรงขา้ ม เวลา 1 ช่ัวโมง ครูผู้สอน นางสาวณัฐธดิ า แกว้ คาศรี โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ 1. สาระสาคญั การวางตวั ตอ่ เพศตรงขา้ มได้อยา่ งเหมาะสม จะทาํ ใหส้ ามารถอยูร่ ่วมกันได้อยา่ งเขา้ ใจและมีความสุข 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - บอกแนวทางในการวางตัวตอ่ เพศตรงข้ามในฐานะเพ่ือนและฐานะคูร่ ักไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง - การวางตวั ตอ่ เพศตรงขา้ ม 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการสรา้ งความรู้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. มีความรบั ผิดชอบ 3. ใฝุเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ ีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการสร้างค่านยิ ม ขัน้ ที่ 1 สังเกต ตระหนกั 1. ครถู ามนกั เรียนวา่ นกั เรยี นมีวิธีการปฏบิ ตั ติ นต่อเพอื่ น ร่วมชน้ั เรยี นอย่างไร และนกั เรียนปฏิบัติต่อเพ่ือนนกั เรยี นชาย และเพ่ือนนกั เรยี นหญงิ เหมือนกนั หรือไม่ อยา่ งไร 2. อาสาสมัครเพศชายและเพศหญงิ เพศละ 1 คน ออกมาเล่าวิธกี ารปฏบิ ตั ิตนตอ่ เพื่อนร่วมช้นั เรยี นใหเ้ พื่อนฟง๎ หน้าชัน้ เรยี น

3. เมื่ออาสาสมคั รเลา่ จบแล้ว ครูชี้แจงใหน้ กั เรียนทราบวา่ การอยูใ่ นสังคมนักเรียนจะต้องรู้จกั การวางตัวทเ่ี หมาะสม ทัง้ การวางตนต่อเพศเดียวกนั และเพศตรงข้าม เพ่ือใหน้ ักเรียนตระหนกั ถึงความสําคัญของการวางตวั ตอ่ เพศตรงขา้ ม 4. นักเรยี นตอบคาํ ถามกระตุน้ ความคิด คาํ ถามกระตนุ้ ความคิด  การวางตัวต่อเพศตรงข้ามอย่างถูกตอ้ งเหมาะสม มีความสาคัญอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน) ขน้ั ที่ 2 ประเมนิ เชิงเหตุผล 1. นกั เรียนกลมุ่ เดิม (จากแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1) ร่วมกนั ศกึ ษาความรู้เร่ือง การวางตัวต่อเพศตรงข้าม จากหนงั สือ เรยี น ห้องสมดุ หรือแหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ 2. นักเรียนชว่ ยกนั วิเคราะห์และประเมินแนวทางในการวางตัวตอ่ เพศตรงข้ามทีเ่ หมาะสม ตามประเด็นทีก่ าํ หนด ดังนี้ 1) การวางตัวต่อเพศตรงข้ามในฐานะเพื่อน 2) การวางตวั ตอ่ เพศตรงขา้ มในฐานะคู่รกั ขั้นที่ 3 กาหนดค่านยิ ม 1. สมาชกิ แต่ละกลุม่ ช่วยกนั บอกว่า นักเรยี นอยากให้เพศตรงข้ามปฏบิ ัติต่อนักเรยี นอย่างไร แลว้ บนั ทกึ ทกุ ความคิดเห็นของ สมาชกิ ภายในกลุ่มลงในสมดุ เพอ่ื ให้ได้ความคิดทหี่ ลากหลายและเป็นการฝึกการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกนั 2. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทน นําเสนอผลสรปุ การแสดงความคิดเห็นของกลุ่มตนเองหนา้ ชน้ั เรียน 3. นกั เรียนทําใบงานที่ 3.2 เร่อื ง การวางตัวตอ่ เพศตรงขา้ ม เปน็ รายบคุ คล เมื่อทําเสรจ็ แลว้ ให้ตรวจความเรยี บรอ้ ย ก่อนนาํ สง่ ครตู รวจ ขน้ั ที่ 4 วางแนวปฏิบตั ิ 1. ครสู นทนากับนักเรียนเกี่ยวกับแนวทางในการวางตวั ต่อเพศตรงข้ามอยา่ งเหมาะสม ดงั นี้ 1) การวางตัวต่อเพศตรงขา้ มในฐานะเพ่ือน 2) การวางตัวตอ่ เพศตรงข้ามในฐานะคู่รัก 2. ครูให้นกั เรยี นรว่ มกันกาํ หนดแนวทางในการวางตัวตอ่ เพศตรงข้ามในฐานะเพ่ือนและในฐานะครู่ ัก ข้นั ท่ี 5 ปฏบิ ตั ิดว้ ยความช่ืนชม 1. นักเรียนตอบคาํ ถามกระตุ้นความคิด 2. นกั เรียนนําแนวทางในการวางตัวต่อเพศตรงขา้ มในฐานะเพ่ือนและในฐานะคู่รักตามทีก่ ําหนดรว่ มกันไปปฏิบัติ ในชวี ิตประจาํ วนั อยา่ งเหน็ คุณค่า 3. นักเรียนทากิจกรรมตามตัวช้ีวัด : กิจกรรมที่ 3.3 จากแบบวดั ฯ เป็นการบา้ น เสร็จแล้วนาส่งครูตรวจ

คาถามกระตนุ้ ความคดิ  การวางตวั ต่อเพศตรงขา้ มอยา่ งเหมาะสมมปี ระโยชนอ์ ย่างไร (พิจารณาตามคําตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครูผู้สอน) ภาระงาน/ชิ้นงาน - แหล่งเรยี นรู้ / สื่อ 1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น สขุ ศกึ ษา ม.2 2) แบบวัดและบนั ทึกผลการเรยี นรู้ สขุ ศกึ ษา ม.2 3) ใบงานท่ี 3.2 เรอ่ื ง การวางตัวต่อเพศตรงข้าม 2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องสมดุ 2) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ - http://www.school.net.th/library/create-web/10000/generality/10000-5211.html

การวัดและประเมนิ ผล เครอ่ื งมือ เกณฑ์ วธิ ีการ ใบงานท่ี 3.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 3.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานรายบุคคล ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การนําเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานกลุม่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทํางานรายบคุ คล แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทํางานกล่มุ สังเกตความมวี นิ ยั มคี วามรบั ผดิ ชอบ และใฝเุ รยี นรู้ ลงชอื่ .......................................................... (นางสาวณฐั ธิดา แก้วคาํ ศรี) ครูผูส้ อน ความคิดเห็นของหัวหนา้ ฝาุ ยบริหารวิชาการ .......................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .............................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผู้อาํ นวยการ ฝุายบรหิ ารงานวิชาการ ความคิดเห็นของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา .................................................................................... .......................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผูอ้ าํ นวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

ใบงานท่ี 3.2 การวางตวั ต่อเพศตรงข้าม คาชี้แจง ให้นกั เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมต่อไปนี้ 1. อธิบายความหมายของคาํ ว่า “การวางตวั ตอ่ เพศตรงข้าม” 2. อธิบายการวางตัวต่อเพศตรงขา้ มในสถานภาพต่อไปนี้  ในฐานะเพ่อื น  ในฐานะคนรกั 3. การวางตัวทเ่ี หมาะสมในการแสดงบทบาททางสังคม จะเกิดผลดีตอ่ สังคมอยา่ งไร

เฉลย ใบงานที่ 3.2 การวางตวั ต่อเพศตรงขา้ ม คาชแี้ จง ให้นักเรียนปฏิบัติกจิ กรรมตอ่ ไปน้ี 1. อธิบายความหมายของคาํ ว่า “การวางตัวต่อเพศตรงข้าม” การทเี่ พศชายและเพศหญงิ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ่อกนั เพอื่ สรา้ งสมั พนั ธภาพอนั ดรี ะหว่างกนั 2. อธิบายการวางตวั ต่อเพศตรงขา้ มในสถานภาพต่อไปนี้  ในฐานะเพอ่ื น การวางตวั ต่อเพศตรงขา้ มในฐานะเพอื่ นตอ้ งให้ เกยี รตซิ งึ่ กนั และกนั มคี วามสภุ าพ และแสดงออก ในทสี่ าธารณะดว้ ยความเหมาะสม  ในฐานะคนรกั การวางตวั ของชายหญงิ เมอื่ คบหากนั เป็นครู่ กั ตอ้ ง ศกึ ษาเรยี นรู้ ดแู ลเอาใจใส่ และปฏบิ ตั ติ ามกรอบ ของวฒั นธรรมไทย 3. การวางตวั ที่เหมาะสมในการแสดงบทบาททางสังคม จะเกิดผลดีต่อสงั คมอย่างไร การวางตวั ทเ่ี หมาะสม นอกจากจะเปน็ การประพฤตใิ นกรอบของวฒั นธรรมไทยทีด่ งี ามแลว้ ยังช่วยปอู งกันปัญหา ทางเพศ ทีอ่ าจจะเกดิ ขนึ้ ท้ังการมีเพศสัมพันธ์ในวยั เรียน การต้งั ครรภก์ อ่ นวัยอันควร ปัญหายาเสพตดิ ซึ่งช่วยใหส้ งั คมมี ความปลอดภยั น่าอยู่ และเป็นสุข (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครูผ้สู อน)

บนั ทกึ หลังแผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ........3......... เรื่อง ความเสมอภาคทางเพศ แผนการสอนท่ี ......2...... เรือ่ ง การวางตวั ต่อเพศตรงข้าม จํานวน ....1.... ช่วั โมง ผู้สอน นางสาวณัฐธิดา แก้วคาํ ศรี โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จงั หวัดเชยี งใหม่ บนั ทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ ผู้เรียนได้รบั ความรู้ (K) นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกบั การวางตวั ต่อเพศตรงขา้ มไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จะทําใหส้ ามารถอยู่ร่วมกัน ได้อยา่ งเขา้ ใจและมีความสุข ผ้เู รียนเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถบอกแนวทางในการวางตัวตอ่ เพศตรงข้ามในฐานะเพ่ือนและฐานะค่รู ักได้อย่างเหมาะสม ผเู้ รียนมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม (A) นักเรยี นมที ศั นคตทิ ี่ดีต่อวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ขยันใฝรุ ู้ใฝเุ รยี น เช่อื มัน่ ในตนเอง กลา้ แสดงออกมีความสุข ต่อการเรยี น ผู้เรยี นเกดิ ทักษะการคิด ทักษะการสร้างความรู้ ผเู้ รียนมหี ลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ผู้เรียนเรียนรทู้ จ่ี ะใช้ทรัพยากรไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ปญั หาอุปสรรค (ถ้าม)ี - ข้อเสนอแนะ (ถา้ มี) - ลงชื่อ.......................................................... (นางสาวณัฐิดา แกว้ คาํ ศรี) ครูผสู้ อน

ผนการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา (สุขศกึ ษา) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ความเสมอภาคทางเพศ เวลา 3 ชว่ั โมง แผนการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง ป๎ญหาทางเพศ เวลา 1 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นางสาวณัฐธดิ า แก้วคาศรี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 จงั หวดั เชียงใหม่ 1. สาระสาคัญ การเข้าใจป๎ญหาทางเพศทีเ่ กิดขึ้นในลกั ษณะตา่ งๆ จะชว่ ยใหส้ ามารถหาแนวทางในการแก้ไขป๎ญหาทางเพศ ที่เกดิ ขน้ึ ได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) บอกลักษณะป๎ญหาทางเพศได้ 2) บอกแนวทางแก้ไขป๎ญหาทางเพศได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) ปญ๎ หาทางเพศ 2) แนวทางการแกไ้ ขปญ๎ หาทางเพศ 3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่นิ (พจิ ารณาตามหลักสตู รสถานศึกษา) 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการสร้างความรู้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. มคี วามรบั ผดิ ชอบ 3. ใฝุเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ สี อนแบบ กระบวนการกลุ่มสัมพันธ์

ขัน้ ท่ี 1 นาเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครูให้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นว่า คนท่ีใชช้ ีวิตรว่ มกันในสังคมป๎จจุบนั นี้มกี ีเ่ พศ เพศใดบ้าง 2. ครูอธิบายให้นกั เรยี นเขา้ ใจวา่ ความสับสนในความเปน็ เพศชาย เพศหญิง หรือความเบีย่ งเบนทางเพศเหลา่ นีเ้ ป็น ปญ๎ หาท่เี กดิ ข้ึนในชวี ิตของคนหลายๆ คน ทเี่ กิดความสบั สนและไมแ่ นใ่ จวา่ ตนเองเป็นเพศใดกนั แน่ 3. นักเรยี นตอบคําถามกระตนุ้ ความคดิ ข้อ 1-2 คาถามกระตนุ้ ความคดิ 1. ในปจั จบุ นั วยั ร่นุ หลายคนมแี นวโน้มที่จะเบ่ียงเบนในด้านการแสดงออกทางเพศทไ่ี มเ่ หมาะสมอย่างไร (มีการเบี่ยงเบนทางเพศ เชน่ ผทู้ มี่ ีพฤติกรรมเปน็ เกย์ เลสเบี้ยน ทอม ด้ี เป็นตน้ ) 2. นักเรียนคิดว่า ในปัจจบุ นั สังคมไทยยอมรับผู้ท่ีมีพฤตกิ รรมรักร่วมเพศได้มากนอ้ ยเพียงใด เพราะเหตุใด (พจิ ารณาตามคําตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินิจของครผู ้สู อน) ขัน้ ท่ี 2 จดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นกลุ่มเดิม (จากแผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 1) รว่ มกันศึกษาความรูเ้ รอื่ ง ป๎ญหาทางเพศ จากหนังสือเรยี น หนังสอื คน้ ควา้ เพิ่มเติม ห้องสมดุ หรือแหล่งข้อมลู สารสนเทศ ตามประเดน็ ท่ีกําหนด ดังนี้ 1) ลกั ษณะป๎ญหาทางเพศ 2) แนวทางการแก้ไขปญ๎ หาทางเพศ 2. นกั เรยี นแตล่ ะคนนาํ ความรู้ทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษามาบันทึกลงในแบบบนั ทกึ การอ่าน 3. ครตู ัง้ ประเดน็ คําถามใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ดงั น้ี - พฤติกรรมเบยี่ งเบนทางเพศส่วนใหญเ่ กดิ จากสาเหตุใด และควรมีแนวทางในการแก้ไขอย่างไร - ถา้ เพ่ือนของนักเรียนมพี ฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศ และรู้สกึ วติ กกงั วล หรอื รสู้ กึ วา่ เปน็ ปมดอ้ ย นักเรียน แนะนาํ หรอื ช่วยเหลือเพ่ือนอย่างไร - นกั เรียนคิดว่า บุคคลทม่ี ีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ควรได้รับการยอมรับจากสังคมหรือไม่ เพราะเหตุใด 4. นักเรียนคดั เลือกตวั แทนกลมุ่ นําเสนอคาํ ตอบของกลุ่มตนเองหน้าชนั้ เรียน ครูคอยตรวจสอบความถกู ต้อง 5. นกั เรียนตอบคําถามกระตุน้ ความคดิ คาถามกระตุ้นความคดิ  นกั เรียนคิดวา่ สาเหตขุ องปัญหาทางเพศ เชน่ การเบย่ี งเบนทางเพศ รกั ร่วมเพศ ส่วนใหญ่มาจากสาเหตุใด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผสู้ อน)

ข้นั ท่ี 3 สรุปและนาหลกั การไปประยุกต์ใช้ 1. นกั เรียนร่วมกันสรุปลักษณะป๎ญหาทางเพศ และแนวทางการแก้ไขป๎ญหาทางเพศ ครตู รวจสอบความถูกต้อง และ อธิบายเพ่มิ เติมในสว่ นท่ีบกพร่อง 2. สมาชิกแตล่ ะกลุ่มจับคู่กันเป็น 2 คู่ ให้แตล่ ะครู่ ่วมกนั ทาํ ใบงานที่ 3.3 เรอ่ื ง ปญั หาทางเพศและแนวทางการแกไ้ ข 3. สมาชิกแต่ละค่ใู นกลุ่มนาํ คําตอบมาเปรยี บเทียบกัน แลว้ ชว่ ยกันอธิบายและแสดงความคิดเห็นเพ่มิ เติม เพื่อความ กระจ่างชัดเจน แลว้ สรุปคําตอบที่เป็นมติของกล่มุ จากนน้ั นาํ ใบงานที่ 3.3 สง่ ครตู รวจ 4. นกั เรียนตอบคําถามกระตนุ้ ความคิด คาถามกระตุ้นความคิด  ในกรณที น่ี ักเรยี นมเี พื่อนสนทิ คนหนง่ึ ซง่ึ คบกันมานานหลายปีมีพฤติกรรมเบ่ียงเบน ทางเพศ นักเรยี นรสู้ ึกอย่างไรกับเพ่ือนคนน้ัน และจะยังคบเปน็ เพื่อนต่อไปหรือไม่ เพราะเหตใุ ด (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยให้อย่ใู นดุลยพนิ จิ ของครผู ้สู อน) ข้นั ท่ี 4 วัดและประเมินผล 1. ครวู ัดและประเมินผลนกั เรียนจากการสรุปลกั ษณะปญ๎ หาทางเพศ และแนวทางการแก้ไขป๎ญหาทางเพศ รวมถงึ การ ทําใบงานท่ี 3.3 2. นักเรยี นตอบคาํ ถามกระตุน้ ความคดิ 3. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด : กจิ กรรมที่ 3.4 จากแบบวดั ฯ เปน็ การบ้าน และนําส่งครูตรวจ ในชวั่ โมงถดั ไป คาถามกระตุ้นความคิด  นักเรียนคดิ วา่ สาเหตขุ องปัญหาทางเพศ เช่น การเบ่ียงเบนทางเพศ รกั ร่วมเพศ สว่ นใหญ่มาจากสาเหตใุ ด (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน) ภาระงาน/ชน้ิ งาน ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มโต้วาที เรอ่ื ง ความเสมอภาคทางเพศและการวางตวั ท่ีเหมาะสม โดยให้ครอบคลุมประเดน็ ตามที่กาํ หนด ดงั นี้ 1) การอธบิ ายความสาํ คญั ของความเสมอภาคทางเพศ 2) การบอกแนวทางการวางตวั ต่อเพศตรงข้าม แหลง่ เรยี นรู้ / ส่อื 1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียน สุขศกึ ษา ม.2 2) แบบวัดและบนั ทึกผลการเรยี นรู้ สขุ ศึกษา ม.2 3) หนังสือคน้ คว้าเพมิ่ เติม

- สมภพ เรืองตระกลุ . 2546. ความผิดปกติทางเพศ. กรุงเทพฯ : คณะแพทยศาสตร์ ศิรริ าชพยาบาล มหาวทิ ยาลยั มหิดล. 4) ใบงานท่ี 3.3 เร่ือง ปญ๎ หาทางเพศและแนวทางการแก้ไข 2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งสมุด 2) แหลง่ ขอ้ มูลสารสนเทศ - http://www.school.net.th/library/create-web/10000/.../10000-5211.html - http://www.komchadluek.net/.../ยเู อ็นวีเมนก้าวแรกการสรา้ งความเสมอภาคทางเพศ.html การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 3.3 ใบงานท่ี 3.3 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบบันทึกการอา่ น แบบบนั ทึกการอ่าน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการนาํ เสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบุคคล ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการทาํ งานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทํางานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตความมวี นิ ัย มคี วามรบั ผิดชอบ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และใฝเุ รียนรู้ ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 สังเกตการโต้วาที เรอื่ ง ความเสมอภาคทางเพศ และ แบบประเมินการโต้วาที เรอ่ื ง ความ การวางตัวทเี่ หมาะสม เสมอภาคทางเพศและการวางตวั ท่ีเหมาะสม ลงช่ือ.......................................................... (นางสาวณฐั ธดิ า แกว้ คําศรี) ครูผ้สู อน

ความคิดเห็นของหัวหนา้ ฝาุ ยบรหิ ารวิชาการ ...................................................................................................................... ........................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.............................................. (นายวิเศษ ฟองตา) รองผู้อํานวยการ ฝุายบริหารงานวชิ าการ ความคิดเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผ้อู ํานวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31

การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมนิ การโต้วาที เรอื่ ง ความเสมอภาคทางเพศและการวางตัวท่เี หมาะสม ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 432 1 การอธิบายความสาํ คัญของความเสมอภาคทางเพศ 2 การบอกแนวทางการวางตวั ต่อเพศตรงข้าม รวม ลงช่ือ .................................................... ผู้ประเมนิ ................ /................ /................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ดีมาก = 4 คะแนน ดี = 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ = 2 คะแนน ปรับปรุง = 1 คะแนน 8 ดมี าก 6 - 7 ดี 4 - 5 พอใช้ ต่ากวา่ 4 ปรบั ปรุง

ใบงานท่ี 3.3 ปญั หาทางเพศและแนวทางการแกไ้ ข ตอนท่ี 1 คาช้ีแจง ให้นักเรยี นตอบคาํ ถามต่อไปนี้ 1. สถานภาพทางเพศ เป็นตวั กาํ หนดเพศไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด 2. ป๎ญหาทางเพศที่เกิดขึ้น มีลกั ษณะอยา่ งไร 3. เพราะเหตุใด จงึ เรียกบุคคลท่ีมีความเบี่ยงเบนทางเพศแบบรักสองเพศวา่ เสอื ใบ ตอนท่ี 2 คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นอธิบายแนวทางในการแก้ไขปญ๎ หาทางเพศที่ถูกต้อง มา 3 ขอ้

เฉลย ใบงานที่ 3.3 ปัญหาทางเพศและแนวทางการแก้ไข ตอนที่ 1 คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนตอบคําถามต่อไปนี้ 1. สถานภาพทางเพศ เป็นตวั กาํ หนดเพศได้หรอื ไม่ เพราะเหตุใด สถานภาพทางเพศ เปน็ ส่งิ ที่ติดตัวมาแต่กาเนิด แต่ก็ไม่สามารถเป็นตวั กาหนดความเปน็ หญิง ความเปน็ ชายได้ อยา่ งแท้จรงิ ในทุกๆ คน 2. ป๎ญหาทางเพศที่เกิดขึน้ มีลักษณะอยา่ งไร ปัญหาทางเพศ จาแนกออกเป็น 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ความสบั สนในความเป็นชายหญิง และความเบยี่ งเบนทาง เพศ (ปฏเิ สธเพศ รักรว่ มเพศ รกั สองเพศ) 3. เพราะเหตุใด จึงเรยี กบุคคลที่มีความเบีย่ งเบนทางเพศแบบรักสองเพศวา่ เสอื ใบ เพราะสามารถมเี พศสมั พันธ์ได้ทงั้ กับเพศชายและเพศหญิง ภาษาชาวบา้ นจึงนยิ มเรยี กว่า เสอื ใบ ซ่งึ ใช้คาย่อ จากช่อื ในภาษาองั กฤษว่า Bisexuality ตอนที่ 2 คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอธิบายแนวทางในการแก้ไขปญ๎ หาทางเพศทีถ่ ูกตอ้ ง มา 3 ขอ้ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ้ ยู่ในดุลยพินจิ ของครผู ้สู อน)

บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรียนรู้ท่ี ........3......... เร่อื ง ความเสมอภาคทางเพศ แผนการสอนท่ี ......3...... เร่ือง ป๎ญหาทางเพศ จํานวน ....1.... ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาวณฐั ธิดา แก้วคาํ ศรี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชยี งใหม่ บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ ผเู้ รียนไดร้ ับความรู้ (K) นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั การเขา้ ใจปญ๎ หาทางเพศท่ีเกดิ ขนึ้ ในลกั ษณะต่างๆ จะช่วยใหส้ ามารถหา แนวทางในการแก้ไขป๎ญหาทางเพศท่ีเกดิ ขึ้นได้อยา่ งถกู ต้อง และเหมาะสม ผู้เรยี นเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรยี นสามารถบอกลักษณะและแนวทางแก้ไขป๎ญหาทางเพศได้ ผูเ้ รยี นมีคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม (A) นกั เรียนมีทัศนคตทิ ่ดี ีต่อวิชาสขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ขยันใฝรุ ู้ใฝุเรยี น เชอื่ มั่นในตนเอง กลา้ แสดงออกมีความสขุ ต่อการเรียน ผเู้ รยี นเกิดทักษะการคิด ทักษะการสรา้ งความรู้ ผเู้ รียนมีหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ผเู้ รียนเรยี นรู้ที่จะใชท้ รัพยากรไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ ปญั หาอุปสรรค (ถา้ มี) - ข้อเสนอแนะ (ถา้ มี) - ลงช่ือ.......................................................... (นางสาวณฐั ธดิ า แกว้ คาํ ศรี) ครผู ู้สอน