Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนสุขศึกษา ม.1 และ บันทึกหลังการสอน

แผนการสอนสุขศึกษา ม.1 และ บันทึกหลังการสอน

Published by Tarn Zenmax, 2021-03-29 03:23:13

Description: แผนการสอนสุขศึกษา ม.1 และ บันทึกหลังการสอน

Search

Read the Text Version

ปญั หาอุปสรรค (ถา้ ม)ี - ขอ้ เสนอแนะ (ถ้ามี) - ลงชอื่ .......................................................... (นางสาวณัฐธดิ า แก้วค้าศรี) ครูผู้สอน ความคิดเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ................................................................................................................................. ................................................... ........................................................................................................................................................................ ลงช่ือ.............................................. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผู้อ้านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรื่อง วัยรุ่นและพัฒนาการทางเพศ กลุม่ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศกึ ษา รายวิชาสขุ ศึกษา รหสั พ 21101 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 5 ชวั่ โมง ผู้สอน นางสาวณัฐธดิ า แก้วคาศรี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแม่แจม่ จงั หวัดเชียงใหม่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด มาตรฐาน พ 2.1 ตัวชว้ี ดั ม.1/1 อธบิ ายวธิ ีการปรับตัวต่อการเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศอยา่ งเหมาะสม 2. สาระสาคญั วัยรุ่นมีลักษณะการเปล่ียนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศอย่างรวดเร็ว จึง ตอ้ งรูจ้ กั วธิ กี ารปรบั ตัวอยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง  การเปล่ยี นแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศ - ลกั ษณะการเปล่ียนแปลงทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศ - การยอมรับและการปรับตัวต่อการเปลย่ี นแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศ - การเบี่ยงเบนทางเพศ 3.2 สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิ่น (พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา) 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทักษะการสรปุ อ้างองิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีความรับผิดชอบ 2. ใฝเุ รยี นรู้

6. ชน้ิ งาน รายงาน เรอ่ื ง การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศ อย่างเหมาะสม 7. การวัดและประเมินผล (ภาระงาน/ชิ้นงาน) 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่อื ง วยั รนุ่ และพัฒนาการทางเพศ 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1) ตรวจใบงานที่ 3.1 เรอื่ ง การเปล่ียนแปลงทางร่างกายของวัยรุ่น 2) ตรวจใบงานท่ี 3.2 เรือ่ ง การเปลีย่ นแปลงทางจิตใจและอารมณข์ องวยั รนุ่ 3) ตรวจใบงานท่ี 3.3 เรื่อง คุณค่าของการปฏบิ ัตติ นทีเ่ หมาะสมกบั เพศของตนเอง 4) ประเมนิ การนา้ เสนอผลงาน 5) สงั เกตพฤติกรรมการท้างานรายบคุ คล 6) สังเกตพฤติกรรมการท้างานกลุม่ 7) สังเกตคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 7.3 การประเมนิ หลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เร่อื ง วยั ร่นุ และพฒั นาการทางเพศ 7.4 การประเมินชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจรายงาน เร่ือง การปรับตวั ตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และพัฒนาการ ทางเพศอยา่ งเหมาะสม 8. กิจกรรมการเรยี นรู้

แผนการจัดการเรียนรู้ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา (สุขศึกษา) เวลา 5 ชั่วโมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรื่อง วัยรนุ่ และพัฒนาการทางเพศ เวลา 2 ชั่วโมง แผนการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรื่อง การเปลย่ี นแปลงทางรา่ งกายของวยั รนุ่ ครูผสู้ อน นางสาวณฐั ธิดา แก้วคาศรี 1. สาระสาคัญ วัยรุ่นมลี กั ษณะการเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกายอย่างรวดเร็ว จึงต้องรู้หลกั ของการเปลี่ยนแปลง ยอมรับและ ปรบั ตัวได้อยา่ งเหมาะสม 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) อธิบายลักษณะการเปลีย่ นแปลงทางรา่ งกายของวยั รุ่นได้ 2) บอกแนวทางในการยอมรับและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของวัยรนุ่ ได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง  การเปล่ียนแปลงทางร่างกาย - ลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงทางร่างกาย - การยอมรับและการปรับตวั ต่อการเปล่ยี นแปลงทางรา่ งกาย 3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลักสูตรสถานศึกษา) 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการสรุปอ้างอิง 4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีความรบั ผิดชอบ 2. ใฝุเรยี นรู้

กิจกรรมการเรียนรู้ วิธสี อนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการสรา้ งความคิดรวบยอด ขน้ั ท่ี 1 สังเกต 1. นักเรียนตอบคา้ ถามกระตุ้นความคิด 2. ครูใหน้ ักเรียนรวมกลุ่มกัน กล่มุ ละ 4 คน คละเพศชาย-หญิง จากนัน้ ให้สมาชิกในกลุ่มสังเกตความแตกต่างของ ลกั ษณะภายนอกที่สังเกตได้ของสมาชิกกลมุ่ เพศชายและเพศหญงิ แลว้ บันทกึ ผล คา้ ถามกระตนุ้ ความคดิ  นักเรียนคดิ ว่า การเรียนรเู้ ร่ืองวยั ร่นุ และพัฒนาการทางเพศจะช่วยให้นกั เรียนยอมรับ และปรับตวั ตอ่ การเปล่ียนแปลงทางรา่ งกายได้อย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อย่ใู น ดุลยพนิ ิจของครผู สู้ อน) ขั้นท่ี 2 จาแนกความแตกต่าง 1. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ศึกษาความรูเ้ ร่ือง การเปลี่ยนแปลงทางรา่ งกายของวยั รุ่น จากหนงั สือเรยี น หรอื ค้นคว้าข้อมลู จากห้องสมุด 2. ครใู หส้ มาชิกแต่ละกลมุ่ น้าข้อมูลจากการสงั เกตในขน้ั ที่ 1 ท่ีบันทึกไว้มาแลกเปลยี่ นข้อมูลกัน จากนัน้ ช่วยกันจา้ แนกความแตกต่างของลกั ษณะภายนอกท่ีสงั เกตได้ของสมาชิกกลมุ่ เพศชายและเพศหญิง 3. ตวั แทนกลมุ่ ออกมานา้ เสนอผลการจา้ แนก หน้าชนั้ เรยี น ขั้นท่ี 3 หาลักษณะรว่ ม 1. นักเรยี นตอบค้าถามกระตุ้นความคิด 2. ครูให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งการเปลย่ี นแปลงทางร่างกายของตนเองท่ีสังเกตได้ แล้วแลกเปล่ียนขอ้ มูลกบั สมาชิกในกลมุ่ 3. ครูให้นักเรียนร่วมกนั พจิ ารณาว่า การเปลยี่ นแปลงทางร่างกายของวัยรุ่นชายกบั วัยร่นุ หญิง มีความแตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร ค้าถามกระตนุ้ ความคดิ  นักเรียนมีวธิ กี ารปรบั ตวั ตอ่ การเปลีย่ นแปลง ของร่างกายอยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยให้อยใู่ นดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน) ขั้นท่ี 4 ระบชุ อ่ื ความคิดรวบยอด 1. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั แสดงความคิดเห็น พรอ้ มยกตัวอย่างประกอบ จากน้นั สรุปผล และสง่ ตัวแทน นา้ เสนอหน้าช้ันเรียน 2. ครูอธบิ ายให้นักเรียนเข้าใจวา่ การเปลย่ี นแปลงทางร่างกายของวัยรนุ่ มผี ลสืบเน่อื งมาจากการเปลี่ยนแปลง ของฮอรโ์ มนต่างๆ ในร่างกาย 3. นกั เรียนรว่ มกันวิเคราะห์แนวทางในการปฏบิ ัตติ นเพ่ือการยอมรบั และปรบั ตวั ต่อการเปลย่ี นแปลงทางร่างกาย ของวยั รุน่ พร้อมสรุปแนวทาง

ข้ันท่ี 5 ทดสอบและนาไปใช้ 1. นกั เรยี นทา้ ใบงานที่ 3.1 เรือ่ ง การเปลีย่ นแปลงทางร่างกายของวัยรนุ่ เปน็ รายบุคคล เสร็จแลว้ นา้ สง่ ครตู รวจ 2. ครูใหน้ ักเรียนทกุ คนบันทึกผลการปฏบิ ัติตนตามแนวทางในการปฏบิ ัตติ นเพ่อื การยอมรบั และปรบั ตวั ต่อการ เปลีย่ นแปลงทางรา่ งกายของวัยรุ่น เปน็ ระยะเวลา 2 สปั ดาห์ จากน้นั น้าผลบันทึกมาสง่ ครตู ามระยะเวลาท่ีก้าหนด ภาระงาน/ช้นิ งาน - แหล่งเรียนรู้ / ส่ือ 1. สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี น สขุ ศกึ ษา ม.1 2) แบบบันทึกผล ลักษณะการเปล่ียนแปลงทางร่างกายของวยั รุ่น 3) ใบงานที่ 3.1 เร่ือง การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของวัยรุ่น 2. แหล่งการเรยี นรู้ - หอ้ งสมดุ

การวัดและประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 วิธีการ ใบงานท่ี 3.1 (ประเมินตามสภาพจริง) ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แบบประเมนิ การนา้ เสนอผลงาน ตรวจใบงานท่ี 3.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการท้างานรายบุคคล รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนา้ เสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทา้ งานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทา้ งานรายบคุ คล แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการท้างานกลมุ่ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความรับผดิ ชอบ และใฝเุ รียนรู้ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ลงชอ่ื .......................................................... (นางสาวณัฐธิดา แก้วคา้ ศรี) ครูผู้สอน ความคิดเห็นของหัวหน้าฝุายบริหารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................... ................................... ลงช่อื .............................................. (นายวิเศษ ฟองตา) รองผอู้ ้านวยการฝาุ ยบรหิ ารวชิ าการ ความคดิ เห็นของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผอู้ า้ นวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31

แบบบนั ทึกผล ลกั ษณะการเปลีย่ นแปลงทางร่างกายของวยั รุ่น วัยร่นุ ชาย วยั รุ่นหญิง 1. 1. 2. 2. 3. 3. 4. 4. 5. 5. 6. 6.

ใบงานที่ 3.1 การเปลี่ยนแปลงทางรา่ งกายของวยั รนุ่ คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบค้าถามต่อไปนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงทางดา้ นร่างกายของวัยรนุ่ จะเริ่มเปล่ยี นแปลงในช่วงอายุใด 2. วยั ร่นุ ชายจะมลี กั ษณะการเปลยี่ นแปลงทางร่างกายอย่างไร 3. วัยรุ่นหญงิ จะมลี ักษณะการเปลีย่ นแปลงทางรา่ งกายอย่างไร 4. การเจริญเติบโตดา้ นรา่ งกายของวัยรนุ่ ชายแตกตา่ งจากวยั รุ่นหญิงอย่างไร 5. การฝนั เปียก และการมปี ระจ้าเดือน มคี วามสมั พันธ์กนั อยา่ งไร

เฉลยใบงานท่ี 3.1 การเปลี่ยนแปลงทางรา่ งกายของวยั รุ่น คาชี้แจง ให้นกั เรยี นตอบค้าถามต่อไปน้ี 1. การเปล่ยี นแปลงทางด้านรา่ งกายของวัยรุน่ จะเร่มิ เปลีย่ นแปลงในชว่ งอายใุ ด ในช่วงอายุ 10-14 ปี 2. วยั รุน่ ชายจะมลี ักษณะการเปลย่ี นแปลงทางรา่ งกายอย่างไร เสยี งแตกหนมุ่ มหี นวดเครา มขี นขนึ้ บริเวณรักแร้ หน้าแข้งและอวัยวะเพศ มกี ล่นิ ตวั มสี ิวขึ้นตามใบหนา้ นมขน้ึ พานหรือนมตงั้ พาน ฝันเปยี ก มีกล้ามเนื้อและกระดกู ท่แี ขง็ แรง สะโพกแคบ ไหล่กว้าง แขนขายาว อวัยวะเพศจะโตข้ึน 3. วัยร่นุ หญงิ จะมีลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงทางรา่ งกายอยา่ งไร มีสวิ ขึ้นบนใบหน้า มีเสียงแหลม มกี ล่นิ ตัว มหี น้าอกทีโ่ ตข้นึ รา่ งกายเจริญเติบโต สะโพกผายออก เอวคอดเลก็ ลง มขี นขึ้นบริเวณอวยั วะเพศและรกั แร้ มีประจาเดือนหรอื มีระดู 4. การเจริญเตบิ โตด้านรา่ งกายของวัยรนุ่ ชายแตกต่างจากวัยรุ่นหญิงอย่างไร ในชว่ งแรกของการเข้าสูว่ ัยรนุ่ วยั รุ่นหญิงจะมีการเจรญิ เตบิ โตทรี่ วดเร็วกวา่ วัยรนุ่ ชาย และเมือ่ อายุ 14 ปี วัยรุน่ ชายจะมรี ูปรา่ งที่โตกว่าวัยรนุ่ หญงิ วัยรนุ่ ชายจะมีการฝันเปียก วัยรนุ่ หญงิ จะมปี ระจาเดอื น วยั รนุ่ ชายสะโพกแคบ วยั รุน่ หญิงสะโพกผาย 5. การฝนั เปยี ก และการมปี ระจ้าเดอื น มคี วามสัมพันธ์กนั อยา่ งไร การฝนั เปยี กเปน็ สง่ิ ท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงการมีวฒุ ิภาวะทางเพศของวยั รนุ่ ชาย ส่วนการมปี ระจาเดอื นเป็นส่งิ ท่แี สดง ใหเ้ ห็นถงึ การมวี ฒุ ิภาวะทางเพศของวยั รุ่นหญิง

บนั ทึกหลังแผนการจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศึกษา ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา2563 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี .....3........ เรื่อง วยั รุ่นและพฒั นาการทางเพศ แผนการสอนที่ ......1...... เรอ่ื ง…การเปลีย่ นแปลงทางร่างกายของวัยรนุ่ จ้านวน ....2.... ชั่วโมง ผสู้ อน นางสาวณัฐธิดา แก้วค้าศรี บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ ผู้เรยี นไดร้ ับความรู้ (K) นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกับวัยรุ่น ว่ามีลักษณะการเปลีย่ นแปลงทางรา่ งกายอย่างรวดเร็ว จึง ต้องรหู้ ลกั ของการเปลี่ยนแปลง ยอมรับและปรับตัวได้อย่างเหมาะสม ผู้เรียนเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถอธิบายลกั ษณะการเปล่ยี นแปลงทางรา่ งกายของวยั รุ่น บอกแนวทางในการยอมรับ และการปรบั ตวั ต่อการเปล่ยี นแปลงทางรา่ งกายของวัยรุน่ ได้ ผเู้ รยี นมีคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม (A) นกั เรียนมที ศั นคติที่ดีต่อวิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษา ขยันใฝุรใู้ ฝเุ รยี น เชอ่ื มั่นในตนเอง กล้าแสดงออกมี ความสุขต่อการเรยี น ผูเ้ รยี นเกดิ ทกั ษะการคิด การคิดสร้างสรรค์ การคดิ วิเคราะห์ ผู้เรยี นมหี ลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ผเู้ รยี นเรียนรู้ท่ีจะใชท้ รัพยากรได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ

ปญั หาอุปสรรค (ถ้ามี) - ขอ้ เสนอแนะ (ถา้ มี) - ลงชือ่ .......................................................... (นางสาวณฐั ธิดา แก้วคา้ ศรี) ครูผสู้ อน ความคดิ เหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ....................................................................................................................................................................... ............. ...................................................................................................................... .................................................. ลงช่ือ.............................................. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผ้อู ้านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

แผนการจัดการเรียนรู้ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา (สขุ ศึกษา) เวลา 5 ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรอ่ื ง วยั รุ่นและพัฒนาการทางเพศ เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรื่อง การเปล่ียนแปลงทางจิตใจและอารมณข์ องวยั รุ่น ครผู สู้ อน นางสาวณฐั ธดิ า แกว้ คาศรี 1. สาระสาคญั วยั รนุ่ จะต้องรู้จกั วธิ กี ารปรบั ตัวตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) อธิบายลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางจติ ใจและอารมณข์ องวัยรุ่นได้ 2) บอกแนวทางในการยอมรับและการปรบั ตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ของวยั ร่นุ ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง  การเปลีย่ นแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ - ลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงทางจิตใจและอารมณ์ - การยอมรับและการปรบั ตัวต่อการเปล่ียนแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ 3.2 สาระการเรียนร้ทู อ้ งถน่ิ (พจิ ารณาตามหลักสตู รสถานศกึ ษา) 4. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการสรปุ อ้างองิ 4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มคี วามรบั ผดิ ชอบ 2. ใฝเุ รียนรู้

กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการสร้างความตระหนัก ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต 1. นักเรียนตอบค้าถามกระตุ้นความคิด 2. ครูแจกเรื่องส้ัน ตะปสู อนใจ ให้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ (กลุ่มเดิมจากแผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1) อ่าน แล้วสุ่ม ตวั แทนนกั เรียนวิเคราะห์ลักษณะอารมณ์ของตัวละครในเรอื่ ง 3. ครแู จกบทความเรือ่ ง สุขภาพจิตวยั รุ่น ให้นักเรยี นสังเกตว่า นักเรียนมีพฤตกิ รรมหรืออารมณ์เหลา่ นีห้ รือไม่ อยา่ งไร แล้วเขียนบอกใต้บทความส่งครู ค้าถามกระตนุ้ ความคดิ นักเรยี นคิดว่า อารมณ์ของนักเรียนในปจั จบุ ันแตกต่างจากในชว่ งวัยเด็กอยา่ งไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อย่ใู ดลุ ยพินจิ ของครผู ้สู อน) ขั้นท่ี 2 วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ 1. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศกึ ษาความรเู้ รื่อง การเปลย่ี นแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ของวัยรนุ่ จากหนงั สือ เรียน หรอื คน้ คว้าข้อมูลจากห้องสมุด 2. ครูแจกข่าวเกย่ี วกบั ปัญหาวัยรนุ่ ให้สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ น้าข้อมลู จากการศึกษาและค้นคว้ามาวเิ คราะห์หา สาเหตุของปัญหาทเี่ กดิ ขึ้นกับวยั ร่นุ ในปจั จุบันวา่ มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง แลว้ เขยี นแนวทางแกป้ ัญหา จากนน้ั ให้นกั เรียนส่งตัวแทนกล่มุ ออกมานา้ เสนอ หน้าชน้ั เรยี น 3. ครใู ห้นักเรยี นทุกคนทา้ ใบงานท่ี 3.2 เรือ่ ง การเปลย่ี นแปลงทางจิตใจและอารมณ์ของวัยรนุ่ เสร็จแล้วน้าสง่ ครตู รวจ ขั้นท่ี 3 สรปุ 1. นกั เรยี นตอบคา้ ถามกระต้นุ ความคดิ 2. ครูให้นักเรียนยกตวั อย่างการเปล่ียนแปลงทางจิตใจและอารมณ์ของตนเองทส่ี ังเกตได้ แล้วแลกเปลย่ี น ขอ้ มูลกับสมาชิกในกลมุ่ 3. ครจู ับสลากเลอื กตัวแทนกลุ่ม กลุ่มละ 1 คน ออกมาสรุปแนวทางในการยอมรบั และปรบั ตัวต่อการ เปลย่ี นแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ของวัยร่นุ หนา้ ช้ันเรยี น แล้วใหน้ กั เรยี น ทกุ คนสรุปลงในสมดุ ส่งครู คา้ ถามกระตุ้นความคดิ นกั เรยี นคดิ ว่า การเปลีย่ นแปลงทางจิตใจและอารมณ์ของวัยร่นุ มีผลตอ่ การดารง ชวี ติ ประจาวันอย่างไร (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน) ภาระงาน/ชน้ิ งาน -

แหลง่ เรยี นรู้ / ส่อื 1. สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี น สุขศกึ ษา ม.1 2) เรอื่ งสั้น ตะปูสอนใจ 3) ข่าวปญั หาวยั รุ่น 4) ใบงานท่ี 3.2 เร่ือง การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์ของวัยรนุ่ 2. แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหลง่ ข้อมูลสารสนเทศ - http://pangpondapp.blogspot.com/2011/01/blog-post.html - http://kidsquare.com/content/content_detail.php?id=227&catid=118 - http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000134031 - http://hilight.kapook.com/view/75911 - http:www.ryt9.com/tag/ปัญหาเด็กติดเกม - http://paidoo.net/tag/วัยรนุ่ ตีกัน - http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9530000085411

การวัดและประเมินผล เครอื่ งมือ เกณฑ์ ใบงานท่ี 3.2 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ วธิ ีการ แบบประเมนิ การน้าเสนอผลงาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 3.2 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทา้ งานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ประเมนิ การน้าเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทา้ งานกล่มุ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทา้ งานรายบคุ คล แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการทา้ งานกล่มุ สังเกตความรับผดิ ชอบ และใฝเุ รียนรู้ ลงชือ่ .......................................................... (นางสาวณัฐธิดา แกว้ ค้าศรี) ครูผ้สู อน ความคิดเหน็ ของหัวหน้าฝาุ ยบรหิ ารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................. (นายวิเศษ ฟองตา) รองผู้อ้านวยการฝาุ ยบริหารวชิ าการ ความคิดเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผู้อา้ นวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

เร่อื งส้นั ตะปูสอนใจ เดก็ นอ้ ยคนหน่ึงเปน็ คนอารมณร์ า้ ย หงุดหงิดงา่ ยชอบทะเลาะกับผู้อนื่ เป็นประจา้ พอ่ เลยน้าตะปมู าใหก้ ้าหน่งึ พร้อมกับบอกวา่ เมื่อใดทเี่ จา้ หงดุ หงดิ เจา้ จงไปตอกตะปูทร่ี ้วั บ้านหนง่ึ ตัว วนั แรกเด็กน้อยคนนีก้ ต็ อกตะปไู ปสามสบิ กวา่ ตัว วนั ต่อๆ มากเ็ รมิ่ ลดลงเร่อื ยๆ เพราะเรมิ่ จะคิดไดว้ ่า การควบคมุ อารมณโ์ กรธนน้ั ง่ายกวา่ การไปตอกประตตู ั้งเยอะ จนกระท่งั เดก็ คนนน้ั สามารถควบคมุ อารมณ์ตัวเองได้ จนเลกิ ตอกตะปไู ด้แลว้ จงึ ไปหาพ่อบอกวา่ พอ่ ครบั ผม สามารถระงับความโกรธได้เดด็ ขาดแล้ว พ่อจึงบอกใหเ้ จา้ พสิ ูจนซ์ ิ เจา้ อาจจะข้เี กียจตอกตะปูกไ็ ด้ ถ้าเมอ่ื ใดก็ตาม ที่เจ้า รสู้ ึกว่า เจ้าระงบั ความโกรธได้จรงิ เจ้าก็ไปถอนตะปูออกมาตัวหนึ่ง ผ่านไปไมน่ าน ร้วั บา้ นนั้นกถ็ ูกเดก็ น้อยถอนตะปูไปจน หมดส้ิน เดก็ น้อยจงึ ดีใจวิ่งไปหาพอ่ บอกวา่ ตวั เองสามารถแกไ้ ขนสิ ยั อารมณห์ งุดหงิดง่ายไดเ้ ดด็ ขาดจรงิ ๆ แล้ว แล้วพ่อก็พาเดก็ น้อยมาทร่ี ัว้ บ้าน พรอ้ มกับบอกวา่ \"เจ้าเหน็ ไหม ถงึ แมเ้ จา้ จะสามารถถอนตะปไู ดห้ มดแล้ว แต่มันก็ยัง เหลือร่องรอยตะปทู ่เี จา้ ได้ตอกไว้ ก็เปรียบเสมอื นกบั จติ ใจคนเรานน่ั เอง ถงึ แมเ้ จ้าจะได้แก้ไขในการกระทา้ ของเจ้าแลว้ แตม่ นั กย็ ังคงมบี างสงิ่ บางอยา่ งตดิ คา้ งในใจ ในส่ิงที่เจา้ ไดท้ า้ ลงไป ตอ่ ไปเจา้ จงคิดใหด้ ๆี ในสิ่งท่เี จา้ จะท้าตอ่ ไป เจา้ จะได้ ไมเ่ สยี ใจภายหลัง สรา้ งมิตรเทา่ ไหรก่ ไ็ มเ่ คยพอ แต่มีศตั รูเพยี งคนเดยี วก็มากเกนิ ไปแลว้ \" ทมี่ า : http://pangpondapp.blogspot.com/2011/01/blog-post.html

บทความ สขุ ภาพจติ วยั รนุ่ ชอบรอ้ งไห้บอ่ ยๆ สาเหตอุ าจเกิดจากการรอ้ งไหเ้ พ่อื ตอ้ งการเรยี กรอ้ งความสนใจจากพอ่ แม่ หรอื เพ่ือน หรอื เพอ่ื ทดสอบว่า พ่อแมห่ รือเพ่อื นรักเราจรงิ ไหม รกั เทา่ คนอ่ืนไหม หรือเรยี นร้มู าตงั้ แต่เดก็ วา่ ใครขดั ใจกจ็ ะรอ้ งไห้จนตดิ เปน็ นสิ ัย วธิ กี ารชว่ ยเหลอื กรณีติดเปน็ นิสัย จะต้องใชเ้ วลานานในการแก้ไข พ่อแมค่ วรจะหนกั แนน่ และใหค้ วามเอาใจใส่ และใหล้ ูกฝกึ หาวิธีแสดงออกดว้ ยวธิ ีอ่ืนๆ สา้ หรับการร้องไห้ เพอ่ื เรยี กรอ้ งความสนใจ พ่อแม่ควรไตรต่ รองหรอื พดู คยุ ทา้ ความเข้าใจกบั ลกู ว่า การร้องไหค้ ร้ังน้ีเพ่ือถามหาความรัก ความเช่อื มั่น ทดสอบว่ารักไหม ยุติธรรมไหม เมื่อทราบแลว้ ก็ พูดคยุ ทา้ ความเข้าใจ หรือให้ในสงิ่ ท่เี ขาถามหา พรอ้ มทั้งอธิบายด้วยวา่ ใหเ้ พราะอะไร ในกล่มุ ของนักเรียนมเี พื่อนๆ ท่ีมพี ฤติกรรมนจี้ ้านวน คน เม่ือถกู ขัดใจ จะร้สู กึ โกรธอยา่ งรุนแรง วัยรนุ่ บางคนเมื่อถกู ขัดใจจะรู้สึกโกรธอย่างรุนแรง บางครง้ั ควบคุมตนเอง ไม่ได้ และทา้ ลายขา้ วของ มีสาเหตุมาจากพ่อแมต่ ามใจจนเป็นนิสัย หรืออาจจะเปน็ การเรียกร้องความสนใจ ความ ยตุ ธิ รรม (ในกรณีทพ่ี อ่ แมม่ ลี ูกมากกว่า 1 คน) ทางแกไ้ ขอยทู่ ี่พ่อแม่ควรจะค้นหาวา่ เหตทุ ลี่ ูกโกรธนัน้ เพราะตอ้ งการอะไร พ่อแม่ควรหนกั แนน่ และมีใจเปดิ กว้าง ไมโ่ กรธ เมื่อลูกไม่เป็นไปตามมาตรฐานทต่ี ัวเองต้งั ไว้ ควรหา้ มปรามความโกรธนั้น แตเ่ น่ินๆ ไม่ปล่อยให้ติดเป็นนิสยั ด้วยการให้ความเอาใจใส่ ดแู ล มีเวลาพดู คุยให้มากขึ้น ในกลุม่ ของนกั เรียนมเี พื่อนๆ ท่ีมีพฤติกรรมนจ้ี า้ นวน คน อยากทารา้ ยผู้อ่ืน สาเหตอุ าจเกดิ จากเหตกุ ารณป์ กตทิ ่ีวัยรนุ่ มอี ารมณ์รุนแรง เมอื่ โกรธจดั จงึ ท้ารา้ ยผอู้ ่ืน ทกุ กรณโี ดยไมม่ เี หตอุ ันควร วธิ กี ารชว่ ยเหลอื พอ่ แม่ควรจะใจเย็น หนักแน่นและเอาใจใสล่ กู เพราะวัยรุน่ เปน็ ช่วงเวลาแหง่ การเปลยี่ นแปลง อารมณ์ขึน้ สูงสุดต้า่ สดุ ไดง้ ่าย ในกรณีทา้ รา้ ยโดยไมม่ ีสาเหตอุ นั ควร ควรปรกึ ษาผเู้ ช่ียวชาญ เพื่อให้ ไดร้ ับการรักษาท่ีถกู ต้อง ในกลมุ่ ของนักเรียนมเี พอื่ นๆ ท่มี พี ฤติกรรมนจ้ี ้านวน คน เซง็ ชีวติ หดหู่ใจ และสิ้นหวงั สาเหตุอาจเกิดจากการตั้งมาตรฐานไวส้ งู เกินไป หรือไปเปรยี บเทยี บกับคนท่ี เกง่ กวา่ ดกี ว่า รวยกว่า หล่อกว่า หรอื มองความส้าเร็จจากการทา้ เร่อื งใหญ่ๆ เทา่ น้ัน ซ่งึ มกั มโี อกาสทจ่ี ะสา้ เร็จได้ยาก ทางแก้ไขควรจะเริ่มตน้ ทา้ โครงการเลก็ ๆ ใหส้ ้าเร็จ และสามารถเห็นผลโดยเร็ว เขา้ กลมุ่ ตา่ งๆ เชน่ ชมรมรักธรรมชาติ และเร่มิ ต้นจากการให้ ซึง่ จะไดร้ บั การยอมรบั แทนทจี่ ะเปน็ แตผ่ ู้รับผลประโยชนห์ รอื อวดเก่ง ซึ่งจะมแี ตค่ นปฏเิ สธและ ท้าใหก้ ลับมาหดหู่อีก ในกลมุ่ ของนกั เรยี นมเี พ่ือนๆ ทีม่ ีพฤตกิ รรมนจ้ี ้านวน คน ทมี่ า : http://kidsquare.com/content/content_detail.php?id=227&catid=118

ตวั อยา่ งข่าว ข่าวปัญหาวัยรนุ่ ข่าวท่ี 1 จบั แก๊งวยั รนุ่ ปวุ นวนั ศุกร์พรอ้ มของกลางระเบิดพลุ ผ้วู า่ ฯ สงขลาส่งั หา้ มประกนั ศนู ยข์ า่ วหาดใหญ่ “รวบวยั รนุ่ 6 คน พร้อมระเบิดขวด พลุ ยาเสพตดิ และกระสุนปนื หลงั กอ่ เหตจุ ุดระเบิดขวด ปวุ นใน อ.จะนะ จนชาวบ้านแตกต่ืน หวัน่ เปน็ ระเบดิ ข่หู ยุดวนั ศกุ ร์ สารภาพมผี จู้ ้างวานเป็นพอ่ ของหนึ่งในวัยรุ่นท่ถี ูก จบั กุม แลกกับการใหย้ าบา้ มาเสพ ด้านผวู้ ่าฯ สงขลา สงั่ หา้ มประกันตวั จนกวา่ จะสอบสวนเสรจ็ ขา่ วท่ี 2 อ้ึง! วัยรนุ่ ไทยฆา่ ตัวตายเฉลย่ี 170 คนตอ่ ปี โคราชมากสดุ เผยวัยรุ่นไทยฆา่ ตวั ตายเฉล่ยี สูงถึง 170 คนตอ่ ปี โดยใชว้ ิธกี ารผกู คอตายมากทสี่ ุด นครราชสมี า ขอนแก่น อดุ รธานี เชียงราย และเชียงใหม่ ติด 5 อันดับแรก ขา่ วที่ 3 ขู่ฟนั แหลก-รา้ นเกมเปน็ แหลง่ มวั่ สมุ หนังสือพมิ พไ์ ทยโพสต์ กระทรวงวัฒนธรรมเร่งเคร่ืองแกป้ ญั หาเด็กตดิ เกม จบั มือกระทรวงไอซีทแี กไ้ ขกฎหมาย ภาพยนตร์และวดิ ีทศั น์ ลงดาบร้านเกมแหลง่ มว่ั สมุ เยาวชน ปูองกนั เด็กเล่นเกมรุนแรง พรอ้ มเปดิ เว็บไซต์บ้าบัดเด็ก หมกมุ่นเกมจนเสยี การเรียน จากปญั หาเด็กและเยาวชนมีพฤตกิ รรมลอกเลยี นแบบเกมที่มีเนอื้ หารุนแรง นา้ ไปสูป่ ญั หา การกอ่ คดอี าชญากรรม ข่าวท่ี 4 วัยรนุ่ แทงกันตายหลงั เดินชนกนั หนา้ รา้ นอาหารยา่ นพทุ ธมณฑลฯ วยั รนุ่ เขม่นกนั ในรา้ นอาหาร ตามออกมาจ้วงแทงดับ 1 ราย สาหัส 1 ราย ต้ารวจเช่ือวยั รนุ่ เจ้าถน่ิ ลงมอื กอ่ เหตุ เตรยี มส่งสายสบื ล่าตวั มาดา้ เนินคดี ขา่ วท่ี 5 จิตแพทย์ แฉ วัยรุน่ เสพยา เท่ยี วผับบาร์ เหตจุ ากสังคมเสื่อม จิตแพทย์ช้ี วัยรุ่นยคุ ใหมช่ อบเที่ยวผบั -บาร์ หลบเสพยา หาความสุขแบบเร่งรีบ แจง 3 ปมปัญหา จาก “สังคม เสอ่ื ม-ครอบครัวไม่ใสใ่ จ-แข่งขันด้านการเรยี น” แนะเรง่ ปรบั ปรงุ การใชช้ ีวิต เพือ่ เลย่ี งยาเสพตดิ ทม่ี า : ขา่ วที่ 1 http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000134031 ขา่ วที่ 2 http://hilight.kapook.com/view/75911 ขา่ วที่ 3 http:www.ryt9.com/tag/ปัญหาเด็กตดิ เกม ข่าวที่ 4 http://paidoo.net/tag/วยั รุ่นตกี ัน ข่าวที่ 5 http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9530000085411

ใบงานท่ี 3.2 การเปล่ยี นแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ของวยั รุ่น คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นบอกวธิ กี ารยอมรับและปรับตัวตอ่ การเปลย่ี นแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ของวัยรุ่น 1. ถา้ นกั เรยี นวิตกกงั วลเก่ยี วกบั สภาพความเปน็ จรงิ ของครอบครัวทีไ่ ม่อาจเปล่ยี นแปลงได้ นกั เรียนควรจะ 2. ถ้านักเรียนขาดความเชื่อมน่ั ในตนเอง นกั เรยี นควรจะ 3. ถา้ นักเรียนมปี ัญหาทุกข์ใจหรือหนกั ใจทไี่ ม่อาจแกไ้ ขได้ นักเรียนควรจะ 4. ถา้ นักเรียนมปี ัญหาทหี่ นักอกหนักใจ ต้องการทีป่ รึกษา นกั เรียนควรจะ 5. ถ้านกั เรียนไม่มเี พ่ือนหรอื ไมก่ ล้าท่ีจะเปิดใจคยุ กบั เพื่อน นักเรยี นควรจะ 6. ถา้ นกั เรียนมีปัญหาดา้ นการควบคุมอารมณ์ หรอื ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้อยู่เสมอ นกั เรียนควรจะ 7. ถา้ นักเรยี นรสู้ ึกเซ็งกบั ชีวิต หดหู่ใจ รสู้ กึ ส้ินหวงั เปน็ ประจา้ นักเรียนควรจะ 8. ถ้านกั เรยี นติดเกม หรอื ตดิ การเลน่ อนิ เทอร์เน็ต จนท้าใหก้ ารเรียนแย่ลงกว่าปกติ นักเรยี นควรจะ

เฉลยใบงานที่ 3.2 การเปลี่ยนแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ของวยั ร่นุ คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนบอกวิธกี ารยอมรบั และปรบั ตัวตอ่ การเปล่ียนแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ของวัยรุ่น 1. ถา้ นักเรยี นวิตกกังวลเกยี่ วกบั สภาพความเปน็ จรงิ ของครอบครัวท่ีไม่อาจเปล่ยี นแปลงได้ (ตวั อยา่ ง) นกั เรยี นควรจะ ยอมรบั สภาพความเป็นจริงของตนเอง ปลอ่ ยวางและเลิกวติ กกงั วล 2. ถา้ นักเรียนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง นกั เรยี นควรจะ สร้างความเชอื่ มนั่ ใหก้ ับตนเอง กล้าทจี่ ะเผชญิ กบั ปญั หา และพร้อมท่จี ะแก้ปญั หาตา่ งๆ 3. ถ้านกั เรียนมีปัญหาทุกขใ์ จหรือหนกั ใจที่ไม่อาจแกไ้ ขได้ นกั เรียนควรจะ ทาจติ ใจใหส้ งบ ปลอ่ ยวาง มองโลกในความเป็นจรงิ ควบคุมจติ ใจตนเองไม่ให้หมกมุน่ กบั ความทกุ ข์ 4. ถา้ นักเรยี นมีปัญหาท่ีหนักอกหนักใจ ต้องการทป่ี รึกษา นกั เรยี นควรจะ ปรกึ ษาหรอื ระบายกบั คนทนี่ ักเรยี นไว้ใจ เชน่ พอ่ แม่ เพอื่ น พ่ีน้อง หรอื ครูบาอาจารย์ 5. ถา้ นกั เรยี นไมม่ เี พื่อนหรอื ไม่กลา้ ทจ่ี ะเปดิ ใจคยุ กบั เพ่ือน นกั เรยี นควรจะ กล้าท่จี ะคยุ หรอื แสดงความเป็นมติ รดว้ ยการยม้ิ แยม้ หรือกล่าวทกั ทายเพื่อนก่อน 6. ถา้ นักเรยี นมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ หรอื ควบคุมอารมณต์ นเองไม่ได้อย่เู สมอ นกั เรียนควรจะ ฝกึ ควบคุมอารมณด์ ว้ ยการมสี ติ ฝึกสมาธิ และฝกึ ใหเ้ ป็นคนใจเย็นมเี หตผุ ล 7. ถา้ นกั เรียนรู้สึกเซ็งกบั ชีวติ หดหใู่ จ รู้สกึ ส้ินหวัง เปน็ ประจา้ นกั เรยี นควรจะ พอใจในสง่ิ ทีต่ นเองมอี ยู่ ปลอ่ ยวาง และมองโลกในแงด่ ี เรียนรู้ที่จะเปน็ ผ้ใู หม้ ากกวา่ ผรู้ บั 8. ถา้ นกั เรยี นตดิ เกม หรือตดิ การเลน่ อนิ เทอรเ์ น็ต จนท้าใหก้ ารเรียนแยล่ งกวา่ ปกติ นักเรยี นควรจะ จดั แบ่งเวลาในการทากจิ กรรมต่างๆ ฝกึ ความรบั ผิดชอบ และจดั ลาดับความสาคญั (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน)

บันทึกหลังแผนการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา2563 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ .....3........ เรื่อง วยั รุ่นและพฒั นาการทางเพศ แผนการสอนที่ ......2...... เร่อื ง…การเปล่ียนแปลงทางจิตใจและอารมณข์ องวัยรุ่น จ้านวน 1 ชัว่ โมง ผู้สอน นางสาวณัฐธิดา แก้วคา้ ศรี บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ ผู้เรียนได้รับความรู้ (K) นกั เรยี นมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั วธิ กี ารปรบั ตวั ต่อการเปลยี่ นแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ได้อยา่ งเหมาะสม ผ้เู รยี นเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถบอกอธิบายลักษณะการเปล่ียนแปลงทางจิตใจและอารมณ์ของวยั รนุ่ บอกแนวทางในการยอมรบั และการปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงทางจติ ใจและอารมณ์ของวยั รุ่นได้ ผเู้ รียนมคี ณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม (A) นกั เรียนมีทัศนคติท่ีดตี อ่ วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ขยันใฝุรู้ใฝเุ รยี น เชอื่ ม่นั ในตนเอง กล้าแสดงออกมคี วามสุขต่อ การเรียน ผเู้ รียนเกิดทักษะการคิด 1) ทักษะการสา้ รวจ 2) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 3) ทักษะการเช่ือมโยงความรู้ ผู้เรยี นมีหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ผู้เรยี นเรยี นรู้ท่ีจะใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปญั หาอุปสรรค (ถ้าม)ี - ข้อเสนอแนะ (ถา้ มี) - ลงช่ือ.......................................................... (นางสาวณัฐธิดา แก้วคา้ ศรี) ครูผสู้ อน ความคิดเห็นของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ลงชื่อ.............................................. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผอู้ ้านวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31

แผนการจัดการเรียนรู้ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา (สขุ ศกึ ษา) เวลา 5 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง วยั รนุ่ และพฒั นาการทางเพศ เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการเรยี นร้ทู ่ี 3 เร่ือง พฒั นาการทางเพศของวยั รนุ่ ครผู ู้สอน นางสาวณัฐธิดา แก้วคาศรี 1. สาระสาคญั วัยรุน่ มกี ารพัฒนาการทางเพศอย่างรวดเรว็ หากมคี วามรู้และเข้าใจการเปล่ียนแปลง จะช่วยให้ปรับตัวต่อ การเปล่ยี นแปลงไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) อธบิ ายพฒั นาการทางเพศของวยั รุ่นได้ 2) บอกแนวทางในการยอมรับและการปรบั ตัวต่อพฒั นาการทางเพศของวัยรุน่ ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง  การเปลย่ี นแปลงพฒั นาการทางเพศ - ลักษณะการเปล่ียนแปลงพฒั นาการทางเพศ - การยอมรับและการปรับตัวต่อการเปลีย่ นแปลงพฒั นาการทางเพศ 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่ิน (พิจารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทักษะการสรุปอา้ งอิง 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีความรบั ผดิ ชอบ 2. ใฝุเรยี นรู้

กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธีสอนด้วย บทเรียนสาเรจ็ รูป (ชนิดเส้นตรง) ขน้ั ท่ี 1 เตรียมการ 1. นักเรยี นท้าแบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทเรยี นส้าเรจ็ รูป 2. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรยี นใหน้ กั เรียนเข้าใจ จากน้นั แจกแบบเรยี นสา้ เรจ็ รปู ให้นักเรยี นแตล่ ะคน ข้นั ท่ี 2 นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครูแนะนา้ วิธกี ารเรยี นด้วยบทเรียนสา้ เร็จรูป 2. ครใู ห้นกั เรียนช่วยกันแสดงความคดิ เห็นวา่ เพศชายและ เพศหญิง มีพฒั นาการทางเพศที่แตกต่างกันอย่างไร ขั้นท่ี 3 กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่ือง พัฒนาการทางเพศของวยั ร่นุ จากหนงั สือเรยี น 2. นกั เรียนศกึ ษาความรู้ จากบทเรียนสา้ เร็จรูป แลว้ ตอบค้าถามที่ก้าหนด โดยครูก้าหนดเวลาในการทา้ บทเรยี น สา้ เรจ็ รูป ขั้นท่ี 4 สรปุ 1. นักเรยี นตอบคา้ ถามกระตนุ้ ความคิด 2. ครูใหน้ กั เรยี นสรุปผลการทา้ บทเรยี นส้าเร็จรปู ด้วยตนเอง 3. นกั เรียนและครูร่วมกันสรปุ ความรู้ จากบทเรียนส้าเร็จรปู เกี่ยวกบั พัฒนาการทางเพศของวัยรุ่นดว้ ยการอภิปรายผลของ ค้าตอบในแต่ละกรอบ ค้าถามกระตุ้นความคดิ  พัฒนาการทางเพศของวยั รุ่นชายและวยั รนุ่ หญิงมีความแตกต่างกนั อย่างไร (พิจารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยให้อยูใ่ นดลุ ยพนิ ิจของครผู สู้ อน) ขัน้ ท่ี 5 ประเมนิ ผล 1. นักเรยี นทา้ แบบทดสอบหลังเรียน บทเรยี นสา้ เรจ็ รูป 2. ครูประเมินผลการเรียนของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล ภาระงาน/ชิ้นงาน - แหลง่ เรยี นรู้ / สื่อ 1) หนังสอื เรยี น สุขศกึ ษา ม.1 2) บทเรียนสา้ เร็จรูป

การวัดและประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการท้างานกลุม่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ วิธกี าร แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการท้างานกลุ่ม สังเกตความรับผดิ ชอบ และใฝเุ รยี นรู้ ลงชือ่ .......................................................... (นางสาวณฐั ธดิ า แกว้ ค้าศรี) ครูผสู้ อน ความคิดเหน็ ของหัวหน้าฝุายบรหิ ารวิชาการ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.............................................. (นายวิเศษ ฟองตา) รองผู้อ้านวยการฝาุ ยบริหารวชิ าการ ความคิดเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศึกษา ........................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผอู้ ้านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

เอกสารประกอบการสอน บทเรียนสาเร็จรูป เร่อื ง พฒั นาการทางเพศของวัยร่นุ คาชแี้ จง 1. ให้นกั เรียนอ่านและศึกษาท้าความเขา้ ใจเนอื้ หาในแตล่ ะกรอบตามล้าดบั หา้ มศึกษาข้ามกรอบเปน็ อันขาด 2. ตอบคา้ ถามแตล่ ะกรอบลงในกระดาษท่ีครูแจกให้ โดยห้ามดูเฉลยคา้ ตอบหรือลอกคา้ ตอบของเพ่ือนเดด็ ขาด 3. เมอื่ นักเรียนตอบค้าถามเสรจ็ แลว้ ให้ดเู ฉลยในตอนท้ายของแต่ละกรอบ 1. พัฒนาการทางเพศของวัยรุ่น เป็นการเปลย่ี นแปลงทางดา้ นเพศของ ให้นกั เรียนศึกษาข้อความด้านซา้ ยมือ วัยร่นุ โดยมีความส้าคัญที่วยั ร่นุ จะต้องเรยี นรู้ เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจถึง ให้เข้าใจ เพอ่ื เปน็ พน้ื ฐานความรู้ในการ ภาวะการเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ตนเองและผู้อน่ื ตอบค้าถาม ของกรอบขอ้ ความตอ่ ไป อ่านให้เข้าใจก่อนนะคะ อย่าเพิ่งรบี 2. อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย ไดแ้ ก่ มากจนเกนิ ไป - ต่อมสรา้ งน้าเลย้ี งอสจุ ิ มขี นาดเทา่ เมด็ ถวั่ ลนั เตา หล่ังสารเมือก สา้ หรับหลอ่ เลีย้ ง และส่งทอ่ เปดิ เขา้ สทู่ ่อปัสสาวะในองคชาติ ลูกอณั ฑะ - ท่ออสุจิ เป็นทางเดนิ ของน้าอสุจิจากลูกอณั ฑะสทู่ ่อปสั สาวะ ขอ้ แรกกถ็ กู ต้อง ... ฉายแววเก่งแลว้ คะ่ - ตอ่ มลูกหมาก มีหนา้ ที่สรา้ งนา้ เมือกหลอ่ เลย้ี งเชื้ออสุจิ - องคชาติ มลี กั ษณะเปน็ ทอ่ หรอื หลอดต้ังอยเู่ หนือลกู อณั ฑะ ช่วยใน การขบั ถา่ ยปสั สาวะ - ลกู อัณฑะ มลี ักษณะเล็กกลมจา้ นวน 2 ลกู บรรจอุ ยู่อยา่ งหลวมๆ ในถุงอณั ฑะ เป็นแหล่งผลติ ตัวอสจุ ิออกมา  อสจุ ิ มแี หล่งผลติ มาจากอวยั วะสบื พันธใ์ุ ด 3. อวยั วะสบื พันธ์ุเพศหญิง ไดแ้ ก่ - มดลูก มรี ูปรา่ งคล้ายลกู แพร์ ขนาดเท่าก้าป้นั ภายในกลวงเป็น โพรง เปน็ อวยั วะท่ีตัวอ่อน ใชเ้ ปน็ ทีฝ่ ังตวั และเจรญิ เตบิ โตเป็น ทารก - ทอ่ รงั ไข่ หรือปีกมดลกู เป็นทางขนสง่ ไขไ่ ปยังมดลกู - รังไข่ ทา้ หนา้ ทป่ี ล่อยไขอ่ อกมาเดอื นละใบสลบั ข้างกัน - ปากมดลกู เปน็ กล้ามเนอ้ื ทีบ่ บี ตัวเข้าหากนั เปน็ จังหวะ และยืด ตวั อย่างเตม็ ทีเ่ พื่อให้ทารกเคลอ่ื นตัวผ่านออกไปในระหวา่ งคลอด - ชอ่ งคลอด มลี กั ษณะแบนเรยี บ สามารถขยายตัวไดเ้ ม่ือมี เพศสัมพันธ์ หรือเพอื่ เปิดทางในการคลอดทารก  อวัยวะสบื พันธ์ใุ ดมีความแขง็ แรงและมขี นาดเทา่ กาป้นั ของผ้หู ญงิ แตล่ ะคน

4. ตอ่ มควบคุมการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางเพศ ไดแ้ ก่ ถูกตอ้ งค่ะ ... เก่งมา - ตอ่ มไร้ท่อ ทา้ หนา้ ที่ผลติ ฮอรโ์ มนต่างๆ ในรา่ งกาย เพ่ือกระตุ้นและควบคุมใหพ้ ฒั นาการทางเพศเปน็ ไปอยา่ ง เตรียมตวั ศกึ ษาข้อต ปกติ - ต่อมเพศ ต่อมเพศชาย คอื ลูกอณั ฑะ ท้าหนา้ ทผ่ี ลติ อสจุ ิ และผลติ ฮอร์โมนเพศในเพศชาย ได้แก่ ฮอรโ์ มนแอน เด็กชายจะมีพัฒนา โดรเจน กระตุน้ ลกั ษณะความเป็นชาย และฮอรโ์ มนเทสโทสเทอโรน กระตุ้นใหเ้ กดิ ลกั ษณะเสียงห้าว กล้ามเนอ้ื และ ใหญ่ มีรูปรา่ งทรวดทรงเป็นชาย ตอ่ มเพศหญิง คอื รงั ไข่ มีหน้าทส่ี ้าคญั คือ ผลติ ไข่หรอื เซลลส์ บื พนั ธ์ขุ องเพศ เดก็ หญงิ จะมพี ัฒนา หญงิ ผลติ ฮอรโ์ มน เพศหญงิ 2 ประเภท คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน ชว่ ยกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ลักษณะความเปน็ หญงิ ทางชาย และฮอรโ์ มนโพรเจสเทอโรน ทา้ หน้าทกี่ ระต้นุ การสร้างมดลกู ให้หนาขึ้นเพอื่ รองรับการ ฝงั ตัวของไขท่ ีผ่ สมแลว้ และกระตุน้ การผลิตนา้ นมเมอ่ื มที ารก - ตอ่ มหมวกไต ทา้ หนา้ ทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั พัฒนาการทางเพศ ท้าหนา้ ท่ีผลติ ฮอรโ์ มนและควบคุมความรสู้ กึ ทางเพศ  หากต่อมหมวกไตทางานผดิ ปกติ จะมีผลตอ่ พัฒนาการทางเพศของเด็กชายและเด็กหญงิ อยา่ งไร 5. การเปลยี่ นแปลงของร่างกาย จติ ใจ และอารมณ์ มคี วามสมั พนั ธก์ บั พัฒนาการทางเพศ วัยรุ่นจงึ ควรยอมรับและ ปรับตัวใหส้ อดคล้องกบั พฒั นาการทางเพศของแตล่ ะบคุ คล  เพราะเหตุใด วัยรุ่นจงึ จะต้องรู้จกั ยอมรับการเปลีย่ นแปลงทเี่ กิดขน้ึ 6. ข้อปฏบิ ัติในการยอมรบั และปรับตวั ต่อพัฒนาการทางเพศ ได้แก่ ถูกตอ้ ง เกง่ มากค่ะ - ศกึ ษาหาความรเู้ กี่ยวกับเรอ่ื งเพศ ถกู ต้องในข้อตอ่ ไป - ยอมรบั ต่อการเปลี่ยนแปลงวา่ เป็นเรื่องธรรมชาติ - รจู้ ักปฏิบัตติ นใหเ้ หมาะสมตอ่ ตนเองและเพศตรงขา้ ม เพราะการเปลย่ี นแ - ร้จู กั ทกั ษะในการแก้ปัญหาทางเพศ จติ ใจ - หากิจกรรมหรอื งานอดเิ รกทา้ อารมณ์ และพฒั นา - ดแู ลสขุ ภาพอนามยั ของตนเองใหถ้ กู ต้อง เร่อื ง - เมื่อมปี ญั หาเร่ืองเพศควรปรกึ ษาพอ่ แม่ หรอื ผใู้ หญ่ทไี่ ว้วางใจ ธรรมชาติ ถกู ตอ้ งค่ะ ... ปรบม ก้าลงั ใจสา้ หรับคนเก

แบบทดสอบก่อนเรียน บทเรียนสาเร็จรปู คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นเลือกค้าตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. การระบายอารมณ์ทีถ่ ูกตอ้ งเหมาะสม ตรงกบั ขอ้ ใด 4. การสร้างฮอรโ์ มนท่ีควบคุมการเผาผลาญอาหาร ก. ปูางชวนเพอื่ นเลน่ ฟตุ บอลท่สี นามในหม่บู า้ น เป็นหน้าที่ของตอ่ มในขอ้ ใด ข. ปอชวนเพอื่ นเล่นเกมออนไลน์ ก. ตอ่ มเพศ ค. ปาุ นชวนเพอื่ นไปเดนิ ห้างสรรพสนิ คา้ ข. ตอ่ มหมวกไต ง. โปูงชวนเพ่ือนไปขับขจี่ ักรยานยนต์ ค. ตอ่ มไทรอยด์ ง. ตอ่ มไพเนยี ล 2. สอ่ื จากวิทยแุ ละโทรทัศน์มผี ลต่อพฤตกิ รรมการเบย่ี งเบน ทางเพศของวัยรนุ่ อยา่ งไร 5. ขอ้ ใดไม่ใช่การเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกายของวยั รุ่นหญงิ ก. สอ่ื ตา่ งๆ ท้าใหว้ ัยรนุ่ เข้าใจว่าการเปล่ียนแปลงทาง ก. ใบหนา้ สดใส เพศเป็นส่งิ ท่ีถกู ต้อง ข. มีประจา้ เดือน ข. สอ่ื ต่างๆ ท้าใหว้ ัยร่นุ มกี ารเบี่ยงเบนทางเพศ ค. เร่มิ มหี น้าอก ค. ส่ือต่างๆ ทา้ ใหว้ ยั รุน่ กล้าท่จี ะเบ่ยี งเบนทางเพศ ง. มไี หลก่ ว้างมากข้นึ ง. สอ่ื ต่างๆ ช่วยใหว้ ยั ร่นุ กลวั การเบี่ยงเบนทางเพศ 3. ฮอรโ์ มนเพศหญิงและฮอร์โมนเพศชายทีค่ วบคุมความรสู้ กึ ทางเพศ สรา้ งมาจากตอ่ มใด ก. ต่อมเพศ ข. ต่อมหมวกไต ค. ตอ่ มไพเนียล ง. ตอ่ มไทรอยด์ เฉลย 1. ก 2. ก 3. ก 4. ค 5. ง

แบบทดสอบหลังเรียน บทเรยี นสาเรจ็ รปู คาช้ีแจง ให้นกั เรียนเลือกคา้ ตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดไม่ใช่การเปลยี่ นแปลงทางร่างกายของวัยรุ่นหญงิ 4. ฮอรโ์ มนเพศหญงิ และฮอรโ์ มนเพศชายท่คี วบคุมความรสู้ ึก ก. ใบหนา้ สดใส ทางเพศ สร้างมาจากตอ่ มใด ข. มไี หล่กว้างมากขนึ้ ก. ตอ่ มเพศ ค. มีประจ้าเดอื น ข. ตอ่ มหมวกไต ง. เร่มิ มหี น้าอก ค. ตอ่ มไพเนยี ล ง. ต่อมไทรอยด์ 2. การระบายอารมณท์ ่ถี ูกต้องเหมาะสม ตรงกับข้อใด ก. ปอชวนเพ่ือนเลน่ เกมออนไลน์ 5. การสรา้ งฮอรโ์ มนทคี่ วบคมุ การเผาผลาญอาหาร ข. ปาุ นชวนเพื่อนไปเดนิ ห้างสรรพสนิ คา้ เปน็ หนา้ ทข่ี องตอ่ มในขอ้ ใด ค. โปงู ชวนเพอ่ื นไปขบั ขจ่ี ักรยานยนต์ ก. ตอ่ มเพศ ง. ปูางชวนเพอื่ นเล่นฟตุ บอลท่สี นามในหม่บู า้ น ข. ตอ่ มหมวกไต ค. ตอ่ มไพเนยี ล 3. สอื่ จากวิทยุและโทรทัศนม์ ผี ลต่อพฤตกิ รรมการเบยี่ งเบน ง. ต่อมไทรอยด์ ทางเพศของวัยร่นุ อย่างไร ก. สอื่ ต่างๆ ทา้ ใหว้ ยั รุ่นมกี ารเบ่ยี งเบนทางเพศ ข. สอ่ื ตา่ งๆ ท้าให้วัยรุน่ เขา้ ใจวา่ การเบี่ยงเบนทางเพศ เปน็ สิ่งท่ถี ูกตอ้ ง ค. ส่ือต่างๆ ชว่ ยให้วัยรุ่นกลวั การเบ่ยี งเบนทางเพศ ง. ส่อื ต่างๆ ชว่ ยให้วยั รุ่นกล้าทีจ่ ะเบย่ี งเบนทางเพศ เฉลย 1. ข 2. ง 3. ข 4. ก 5. ง

บันทกึ หลังแผนการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา2563 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรอ่ื ง วยั รนุ่ และพฒั นาการทางเพศ แผนการสอนท่ี 3 เรอ่ื ง พฒั นาการทางเพศของวยั รนุ่ จ้านวน 1 ชั่วโมง ผูส้ อน นางสาวณัฐธิดา แก้วค้าศรี บันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ ผู้เรียนไดร้ บั ความรู้ (K) นักเรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจเก่ยี วกับวธิ กี ารปรบั ตวั ต่อการเปล่ียนแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพัฒนาการ ทางเพศอย่างเหมาะสม ผเู้ รยี นเกิดทักษะกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถอธบิ ายพัฒนาการทางเพศของวัยรนุ่ บอกแนวทางในการยอมรบั และการปรบั ตัวต่อ พฒั นาการทางเพศของวัยรนุ่ ได้ ผู้เรียนมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม (A) นักเรียนมที ัศนคตทิ ี่ดตี ่อวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ขยนั ใฝุร้ใู ฝุเรยี น เชอื่ ม่นั ในตนเอง กล้าแสดงออกมคี วามสขุ ต่อ การเรยี น ผู้เรียนเกดิ ทกั ษะการคดิ 1) ทักษะการสา้ รวจ 2) ทักษะการวเิ คราะห์ 3) ทักษะการน้าความรู้ไปใช้ ผ้เู รยี นมีหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ้เู รียนเรยี นรทู้ ีจ่ ะใชท้ รพั ยากรไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ

ปญั หาอุปสรรค (ถา้ ม)ี - ขอ้ เสนอแนะ (ถ้ามี) - ลงชอื่ .......................................................... (นางสาวณฐั ธดิ า แกว้ คา้ ศรี) ครผู ้สู อน ความคิดเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ลงชือ่ .............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผู้อ้านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

แผนการจัดการเรยี นรู้ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา (สุขศกึ ษา) เวลา 5 ช่วั โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เรอื่ ง วัยรุน่ และพฒั นาการทางเพศ เวลา 1 ชัว่ โมง แผนการเรียนรูท้ ี่ 4 เรอื่ ง การเบย่ี งเบนทางเพศ ครผู สู้ อน นางสาวณฐั ธดิ า แก้วคาศรี 1. สาระสาคญั วยั ร่นุ มกี ารเปล่ียนแปลงทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศอย่างรวดเรว็ จึงควรมีวธิ ีการ ปรบั ตวั ต่อการเปลยี่ นแปลงดังกลา่ ว เพ่อื ยอมรบั และปรับตัวอย่างเหมาะสม เพื่อปูองกนั การเบยี่ งเบนทางเพศ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1) บอกสาเหตุของการเบยี่ งเบนทางเพศได้ 2) อธิบายลักษณะการเบีย่ งเบนทางเพศได้ 3) อธิบายแนวทางแก้ปญั หาการเบ่ียงเบนทางเพศได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง  การเปลีย่ นแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศ - การเบี่ยงเบนทางเพศ 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถน่ิ (พจิ ารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา) 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการสรปุ อ้างอิง 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีความรับผิดชอบ 2. ใฝุเรียนรู้

กิจกรรมการเรียนรู้ วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : กระบวนการสร้างค่านยิ ม ขั้นท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั 1. ครใู หน้ ักเรยี นพิจารณาบตั รภาพทีน่ า้ มาแสดง หนา้ ช้นั เรยี น ตามประเดน็ ทคี่ รกู ้าหนด ดังน้ี - ภาพดงั กล่าวแสดงใหเ้ หน็ ลักษณะของเพศสภาพอยา่ งไร - การแสดงออกดังกลา่ วเหมาะสมกับเพศหรือไม่ เพราะเหตุใด - พฤติกรรมดงั กลา่ วน่าจะมสี าเหตุมาจากอะไร 2. นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายและแสดงความคดิ เห็นต่อความส้าคัญของการแสดงออกทางเพศท่เี หมาะสมกบั เพศของตนเอง 3. นักเรียนตอบค้าถามกระตุ้นความคดิ คา้ ถามกระต้นุ ความคดิ นักเรยี นมีความรู้สกึ อยา่ งไร กบั บุคคลทม่ี ีลกั ษณะเบยี่ งเบนทางเพศ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อย่ใู นดุลยพินิจของครูผ้สู อน) ขน้ั ท่ี 2 ประเมนิ เชงิ เหตุผล 1. ครใู ห้นกั เรียนกลุ่มเดมิ (จากแผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 1) รว่ มกนั ศึกษาความรู้เรอื่ ง การเบ่ียงเบนทางเพศ จากหนังสือเรยี น และหอ้ งสมุด 2. ครใู ห้สมาชกิ แตล่ ะกล่มุ รว่ มกันวเิ คราะหแ์ ละอภปิ รายเชงิ เหตุผลในประเดน็ ที่กา้ หนด ดังน้ี - พฤติกรรมทางเพศท่ไี ม่เหมาะสม สง่ ผลกระทบต่อตนเองและบุคคลอืน่ อย่างไร 3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั สรุปผลและนา้ เสนอผลการวิเคราะหแ์ ละอภปิ รายเชิงเหตุผลเพอ่ื แลกเปลย่ี น ความรู้กบั กลุ่มอื่นๆ ข้ันที่ 3 กาหนดคา่ นิยม 1. ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกนั ยกตวั อย่างพฤติกรรมหรือการแสดงออกทางเพศทไี่ มเ่ หมาะสม จากนนั้ ร่วมกนั กา้ หนด แนวทางในการปรับเปลยี่ นพฤตกิ รรมท่เี หมาะสมกับเพศ 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มสรุปความรเู้ กยี่ วกบั การเบี่ยงเบนทางเพศตามประเด็นท่ีกา้ หนด ดังน้ี 1) สาเหตขุ องการเบยี่ งเบนทางเพศ 2) ลักษณะการเบี่ยงเบนทางเพศ 3)การแกป้ ัญหาพฤติกรรมการเบยี่ งเบนทางเพศ

ขั้นที่ 4 วางแนวปฏิบตั ิ 1. ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันเขยี นแผนผังความคดิ แสดงวิธีการสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ตนเองจากพฤติกรรม เบ่ียงเบนทางเพศลงในกระดาษโปสเตอร์ที่ครแู จก 2. สมาชิกในแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง และตกแต่งให้สวยงาม จากนั้นตัวแทนกลุม่ น้าเสนอ ผลงาน พรอ้ มอธบิ ายประกอบ หนา้ ช้ันเรียน 3. นักเรยี นรว่ มกนั วางแนวทางในการปฏบิ ัตติ นให้เหมาะสมกบั เพศของตนเอง และเหมาะสมกับวฒั นธรรมไทย ข้ันท่ี 5 ปฏบิ ัตดิ ว้ ยความชืน่ ชม 1. นักเรียนแต่ละคนน้าแนวทางในการปฏิบัติตนใหเ้ หมาะสมกับเพศของตนเอง และเหมาะสมกบั วฒั นธรรมไทย ไปปฏิบตั ิในชีวิตประจ้าวนั 2. นกั เรยี นทกุ คนทา้ ใบงานท่ี 3.3 เรอื่ ง คณุ ค่าของการปฏบิ ัตติ นที่เหมาะสมกับเพศของตนเอง โดยครู กา้ หนดระยะเวลาในการส่งใบงาน 3. นักเรียนทกุ คนทา้ กิจกรรมฝึกทกั ษะกิจกรรมท่ี 3.1-3.6 จากแบบวดั ฯ เป็นการบ้าน แลว้ นา้ สง่ ครูในช่วั โมงตอ่ ไป ภาระงาน/ชิ้นงาน ใหน้ กั เรียนแต่ละคนเขียนรายงาน เร่ือง การปรับตัวต่อการเปลีย่ นแปลงทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และ พฒั นาการทางเพศอย่างเหมาะสม โดยให้ครอบคลุมประเดน็ ตามท่ีกา้ หนด ดังน้ี 1) การอธบิ ายลกั ษณะการเปลี่ยนแปลงทางรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศ 2) การอธิบายวธิ ปี รับตัวต่อการเปลีย่ นแปลงทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศ 3) การบอกแนวทางในการปรบั ตัวต่อการเปลย่ี นแปลงทางรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศ อยา่ งเหมาะสม แหลง่ เรียนรู้ / ส่ือ 1. สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสือเรยี น สุขศึกษา ม.1 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรยี นรู้ สขุ ศึกษา ม.1 3) บตั รภาพ 4) กระดาษโปสเตอร์ 5) ใบงานท่ี 3.3 เร่ือง คุณค่าของการปฏิบตั ติ นทีเ่ หมาะสมกบั เพศของตนเอง 2. แหล่งการเรยี นรู้ - หอ้ งสมดุ

การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์ ตรวจใบงานที่ 3.3 ใบงานที่ 3.3 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการน้าเสนอผลงาน แบบประเมินการนา้ เสนอผลงาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมการท้างานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการท้างานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมการท้างานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทา้ งานกลุ่ม ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความรับผดิ ชอบ และใฝเุ รยี นรู้ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจรายงาน เร่อื ง การปรบั ตวั ตอ่ การเปลยี่ นแปลง แบบประเมนิ รายงาน เรอื่ ง การปรบั ตวั ตอ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศ การเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ อย่างเหมาะสม และพฒั นาการทางเพศอยา่ งเหมาะสม ลงชอื่ .......................................................... (นางสาวณฐั ธิดา แกว้ คา้ ศรี) ครผู สู้ อน ความคิดเหน็ ของหัวหน้าฝุายบรหิ ารวิชาการ .................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอ่ื .............................................. (นายวิเศษ ฟองตา) รองผอู้ า้ นวยการฝุายบริหารวิชาการ ความคดิ เหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา .......................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .............................................. (นายอดศิ ร แดงเรือน) ผูอ้ ้านวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31

การการประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมนิ รายงาน เร่ือง การปรบั ตัวตอ่ การเปล่ียนแปลงทางรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศอย่างเหมาะสม ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 4321 1 การอธบิ ายลักษณะการเปลีย่ นแปลงทางรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ และพฒั นาการทางเพศ 2 การอธบิ ายวิธปี รบั ตัวต่อการเปลยี่ นแปลงทาง ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศ การบอกแนวทางในการปรบั ตัวต่อการ 3 เปล่ียนแปลงทางรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ และ พฒั นาการทางเพศอยา่ งเหมาะสม รวม ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ดมี าก ดี = 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ = 3 คะแนน ปรบั ปรุง = 2 คะแนน 11 - 12 ดมี าก = 1 คะแนน 9 - 10 ดี 6 - 8 พอใช้ ต่ากว่า 6 ปรบั ปรงุ

บตั รภาพ  ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ภาพท่ี 3 ภาพที่ 4 ที่มา : ภาพท่ี 1-2 http://news.sanook.com/1049933 ภาพท่ี 3 http://image.dek-d.com/24/2414593/106004854 ภาพท่ี 4 http://gossipstar.mthai.com/data/img/img_500_img-35471.jpg

ใบงานท่ี 3.3 คุณคา่ ของการปฏิบัติตนทเี่ หมาะสมกับเพศของตนเอง คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นเขยี นวธิ กี ารปฏบิ ัติตนในการแก้ปัญหาพฤติกรรมเบ่ียงเบนทางเพศ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10.

เฉลยใบงานที่ 3.3 คุณค่าของการปฏบิ ตั ติ นที่เหมาะสมกบั เพศของตนเอง (ตวั อยา่ ง) คาชี้แจง ให้นกั เรียนเขยี นวธิ ีการปฏบิ ัติตนในการแก้ปัญหาพฤติกรรมเบย่ี งเบนทางเพศ 1. สรา้ งภมู ิคมุ้ กันให้กบั ตนเอง โดยการยอมรับตนเอง 2. ใชค้ วามรู้ ความสามารถ และประสบการณต์ ่างๆ แก้ไขปญั หาอยา่ งชาญฉลาด 3. มคี า่ นยิ มและทศั นคติทด่ี เี กย่ี วกับบทบาททางเพศทถี่ กู ต้องตามบรรทัดฐานของสงั คมไทย 4. ไม่สร้างปญั หาใหก้ ับสงั คม เม่ือมปี ญั หาควรปรึกษาจิตแพทย์ 5. รว่ มกนั สรา้ งครอบครัวเขม้ แข็ง ใหค้ วามรกั ความห่วงใย เก้อื กูลกนั และมสี มั พนั ธภาพทด่ี ใี นครอบครวั 6. ศกึ ษาหาความรูแ้ ละทาความเขา้ ใจเกย่ี วกบั เรือ่ งเพศท่ถี ูกต้องและเหมาะสม 7. ดูแลและปอ้ งกันตนเองให้ปลอดภยั จากการถูกคกุ คามทางเพศ 8. เขา้ รว่ มกิจกรรมรณรงคป์ ้องกนั ปัญหาทีเ่ กิดจากการมีพฤตกิ รรมทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสมต่างๆ 9. ร่วมกนั สรา้ งเครอื ข่ายทางสังคม โดยใหค้ วามร่วมมอื กบั หน่วยงานตา่ งๆ ในการป้องกนั และควบคุมการใชส้ ือ่ ทม่ี ีผลตอ่ การเกดิ พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของวยั รนุ่ 10. หลกี เลยี่ งการแกป้ ญั หาโดยใชก้ ารบงั คบั แตค่ วรใชค้ วามเข้าอกเข้าใจ และแกป้ ญั หาดว้ ยความน่มุ นวล (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของครูผสู้ อน)

บนั ทึกหลังแผนการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา2563 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี .....3........ เรือ่ ง วัยรุน่ และพฒั นาการทางเพศ แผนการสอนท่ี ..4.... เรื่อง การเบย่ี งเบนทางเพศ จ้านวน 1 ช่วั โมง ผูส้ อน นางสาวณัฐธิดา แก้วค้าศรี บนั ทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นได้รบั ความรู้ (K) นกั เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับการเปลีย่ นแปลงทางร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ และพัฒนาการทางเพศอย่าง รวดเร็ว จงึ ควรมวี ธิ กี ารปรบั ตวั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงดังกลา่ ว เพ่อื ยอมรบั และปรบั ตัวอยา่ งเหมาะสม เพอื่ ปูองกนั การเบ่ียงเบนทางเพศ ผูเ้ รียนเกดิ ทกั ษะกระบวนการ (P) นกั เรยี นสามารถบอกสาเหตุของการเบ่ยี งเบนทางเพศ อธิบายลกั ษณะการเบีย่ งเบนทางเพศ และแนวทาง แกป้ ัญหาการเบี่ยงเบนทางเพศได้ ผเู้ รยี นมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม (A) นกั เรียนมที ัศนคตทิ ี่ดตี อ่ วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ขยันใฝุรู้ใฝเุ รียน เช่ือมัน่ ในตนเอง กล้าแสดงออกมคี วามสุขต่อ การเรยี น ผูเ้ รยี นเกิดทักษะการคิด 1) ทักษะการส้ารวจ 2) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 3) ทักษะการนา้ ความรู้ไปใช้ ผ้เู รียนมหี ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ผู้เรยี นเรยี นรู้ท่ีจะใชท้ รัพยากรได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ

ปญั หาอุปสรรค (ถา้ ม)ี - ขอ้ เสนอแนะ (ถ้ามี) - ลงชอ่ื .......................................................... (นางสาวณฐั ธดิ า แกว้ คา้ ศรี) ครูผสู้ อน ความคิดเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ลงช่ือ.............................................. (นายอดศิ ร แดงเรอื น) ผู้อา้ นวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่ือง การปอู งกนั การถูกล่วงละเมิดทางเพศ กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา รายวิชาสขุ ศึกษา รหสั พ 21101 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 4 ชัว่ โมง ผสู้ อน นางสาวณัฐธดิ า แก้วคาศรี โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอแม่แจม่ จังหวดั เชียงใหม่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน พ 2.1 ตัวช้ีวดั ม.1/2 แสดงทักษะการปฏเิ สธเพ่ือปูองกนั ตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ 2. สาระสาคญั การใช้ทักษะการปฏิเสธในสถานการณ์ที่สอดคล้องและเหมาะสม จะสามารถปูองกันการถูกล่วงละเมิด ทางเพศ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - ทกั ษะปฏเิ สธเพื่อปูองกนั การถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ 3.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่นิ (พจิ ารณาตามหลกั สูตรสถานศึกษา) 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด - ทักษะกระบวนการคดิ ตดั สินใจ 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. มีความรับผดิ ชอบ 3. ใฝเุ รยี นรู้ 4. ม่งุ ม่นั ในการท้างาน 6. ชน้ิ งาน การแสดงบทบาทสมมตเิ กี่ยวกับการใช้ทักษะปฏิเสธเพ่ือปูองกันการถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ

7. การวดั และประเมนิ ผล (ภาระงาน/ช้นิ งาน) 7.1 การประเมินกอ่ นเรียน - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง การปอู งกนั การถูกล่วงละเมิดทางเพศ 7.2 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 1) ตรวจใบงานท่ี 4.1 เร่ือง พฤติกรรมการลว่ งละเมิดทางเพศ 2) ตรวจใบงานท่ี 4.2 เร่ือง สาเหตุของการถูกลว่ งละเมิดทางเพศ 3) ตรวจใบงานท่ี 4.3 เรอ่ื ง ผลกระทบจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ 4) ตรวจแบบบันทึกการอ่าน 5) ประเมินการนา้ เสนอผลงาน 6) สังเกตพฤติกรรมการท้างานรายบุคคล 7) สังเกตพฤติกรรมการท้างานกลุ่ม 8) สังเกตคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.3 การประเมินหลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 เรอ่ื ง การปอู งกนั การถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ 7.4 การประเมินชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - สงั เกตการแสดงบทบาทสมมติเกย่ี วกบั การใช้ทักษะปฏเิ สธเพ่อื ปูองกนั การถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้

แผนการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรูส้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา (สุขศกึ ษา) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 เรอื่ ง การปูองกันการถกู ล่วงละเมิดทางเพศ เวลา 4 ชัว่ โมง แผนการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง ความหมายและลักษณะของพฤตกิ รรมการล่วงละเมิดทางเพศ เวลา 1 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวณัฐธดิ า แก้วคาศรี 1. สาระสาคญั ปญั หาการถูกล่วงละเมดิ ทางเพศเป็นภยั ใกลต้ ัวท่ีเกิดข้ึนได้ง่าย และมีหลายลักษณะ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) การบอกความหมายของพฤติกรรมการลว่ งละเมิดทางเพศได้ 2) อธิบายลกั ษณะของพฤตกิ รรมการลว่ งละเมิดทางเพศได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง - ทกั ษะปฏิเสธเพอื่ ปูองกนั การถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ 3.2 สาระการเรียนรูท้ ้องถิ่น (พจิ ารณาตามหลักสตู รสถานศกึ ษา) 4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ - ทักษะกระบวนการคิดตัดสนิ ใจ 4.2 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. มคี วามรบั ผดิ ชอบ 3. ใฝุเรียนรู้ 4. มงุ่ มนั่ ในการทา้ งาน

กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ ีสอนแบบ กระบวนการกลมุ่ สัมพนั ธ์ ข้นั ที่ 1 นาเข้าสู่บทเรียน 1. ครใู หน้ ักเรยี นดูบัตรภาพแล้วร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับพฤติกรรมการล่วงละเมดิ ทางเพศดังกลา่ ว 2. ครยู กตัวอย่างการล่วงละเมิดทางเพศทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสงั คมปจั จุบัน แล้วถามนักเรยี นว่า การล่วงละเมิดทางเพศ มีผลต่อนักเรียนอย่างไร 3. นักเรียนตอบคา้ ถามกระตนุ้ ความคดิ ค้าถามกระตุ้นความคดิ การล่วงละเมดิ ทางเพศทเ่ี กดิ ขึ้นในปัจจบุ นั มผี ลอย่างไรต่อสงั คมไทย (พิจารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน) ขนั้ ที่ 2 จัดการเรยี นรู้ 1. ครแู บ่งนกั เรยี นเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลาง คอ่ นข้างอ่อน และอ่อน จากนั้นครูให้สมาชกิ ในกลมุ่ ส่งตัวแทนจบั สลากเพื่อศึกษาประเด็นความรู้เกี่ยวกบั พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ จากหนังสือเรยี น ห้องสมุด และแหล่งข้อมูลสารสนเทศ ตามประเดน็ ความรู้ที่ ก้าหนด ดังน้ี - สลากหมายเลข 1 ศึกษาความหมายของพฤติกรรมการลว่ งละเมิดทางเพศ - สลากหมายเลข 2 ศึกษาลักษณะของพฤติกรรมการลว่ งละเมดิ ทางเพศด้วยวาจา - สลากหมายเลข 3 ศึกษาลักษณะของพฤติกรรมการล่วงละเมดิ ทางเพศด้วยการกระทา้ ท่ีไม่ถูกเนื้อต้องตัว - สลากหมายเลข 4 ศึกษาลักษณะของพฤติกรรมการลว่ งละเมิดทางเพศทเ่ี ป็นการกระท้าอยา่ งชัดแจ้ง 2. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันศึกษาตามประเด็นที่ก้าหนด แลว้ บนั ทกึ ลงในแบบบันทกึ การอา่ น 3. ตัวแทนแต่ละกลมุ่ ออกมาน้าเสนอผลการศกึ ษาค้นควา้ หน้าชนั้ เรียน 4. นักเรียนตอบคา้ ถามกระตนุ้ ความคิด คาถามกระตุน้ ความคดิ นักเรียนคิดวา่ การรู้เทา่ ทันส่อื วิทยุ โทรทศั น์ อนิ เทอร์เนต็ จะช่วยลดปัญหาการ ถกู ลว่ งละเมิดทางเพศไดห้ รอื ไม่ อย่างไร (พิจารณาตามคา้ ตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพินจิ ของครูผสู้ อน) ข้ันที่ 3 สรุปและนาหลกั การไปประยกุ ตใ์ ช้ 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปความหมายและลักษณะของพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ 2. นกั เรยี นทกุ คนทา้ ใบงานที่ 4.1 เรื่อง พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ เสรจ็ แลว้ นา้ ส่งครู 3. นักเรยี นทกุ คนทา้ กจิ กรรมฝึกทักษะที่ 1 การปอู งกันการถกู ล่วงละเมิดทางเพศ และกิจกรรมที่ 4.1 จากแบบวัด ฯ เปน็ การบา้ น แล้วน้าส่งครใู นชวั่ โมงถัดไป

ขนั้ ที่ 4 ระบุช่อื ความคิดรวบยอด 1. ครปู ระเมนิ ความรู้ความเข้าใจของนักเรยี นจากการท้าใบงานท่ี 4.1 2. นกั เรยี นตอบคา้ ถามกระตุ้นความคดิ คาถามกระตุ้นความคิด  ถ้านกั เรยี นถูกลว่ งละเมิดทางเพศดว้ ยวาจา จากเพื่อนในโรงเรียนนักเรยี นจะมวี ธิ ี แก้ปัญหาอย่างไร (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยใู่ นดุลยพินิจของครผู สู้ อน) ภาระงาน/ชิน้ งาน - แหล่งเรียนรู้ / สือ่ 1. สือ่ การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี น สุขศึกษา ม.1 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้ สุขศึกษา ม.1 3) บัตรภาพ 4) ใบงานท่ี 4.1 เรื่อง พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ 2. แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องสมุด 2) แหล่งข้อมลู สารสนเทศ - http://bozomeaw.exteen.com/20091103/entry - http://talkaboutsex.thaihealth.or.th/news/424

การวัดและประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) ตรวจใบงานท่ี 4.1 ใบงานที่ 4.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจแบบบนั ทึกการอ่าน แบบบันทึกการอ่าน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการทา้ งานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมการทา้ งานรายบุคคล ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมการท้างานกล่มุ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการท้างานกลุ่ม สงั เกตความมีวนิ ยั มคี วามรบั ผดิ ชอบ ใฝุเรียนรู้ และ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มุ่งมัน่ ในการท้างาน ลงช่ือ.......................................................... (นางสาวณัฐธดิ า แก้วคา้ ศรี) ครูผู้สอน ความคิดเห็นของหัวหน้าฝาุ ยบรหิ ารวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .............................................. (นายวเิ ศษ ฟองตา) รองผู้อ้านวยการฝุายบริหารวชิ าการ ความคดิ เหน็ ของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.............................................. (นายอดิศร แดงเรือน) ผูอ้ ้านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31

บตั รภาพ  ภาพท่ี 1 ภาพที่ 2 ท่ีมา : ภาพท่ี 1 http://bozomeaw.exteen.com/20091103/entry ภาพท่ี 2 http://talkaboutsex.thaihealth.or.th/news/424

ใบงานที่ 4.1 พฤตกิ รรมการลว่ งละเมดิ ทางเพศ คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายลกั ษณะของพฤติกรรมการลว่ งละเมิดทางเพศ 1. การล่วงละเมิดทางเพศด้วยวาจา 2. การล่วงละเมดิ ทางเพศดว้ ยการกระทา้ ทไี่ ม่ถูกเนอื้ ต้องตวั 3. การล่วงละเมดิ ทางเพศท่ีเปน็ การกระท้าอย่างชดั เจน