Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชาวเล

Description: ชาวเล

Search

Read the Text Version

1 การจัดเกบ็ ขอ้ มูลมรดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรม เพ่อื ประกอบการจดั ทาพ้ืนท่คี มุ้ ครองกลุ่มชาติพันธ์ุชาวเลในจงั หวดั พังงา จัดทาโดย เครือขา่ ยชาวเล อันดามนั จังหวดั พังงา วัฒนธรรมจังหวดั พงั งา สถาบันพฒั นาการเรยี นรูพ้ งั งาแหง่ ความสขุ

2 สารบัญ หน้า ส่วนที่ 1 คานา 9 ส่วนท่ี 2 ข้อมูลพ้นื ฐานของกล่มุ ชาติพันธ์ุชาวเล 3 เผ่าในอนั ดามนั 10 2.1 ขอ้ มูลสถานการณ์ภาพรวม การกระจายตัวของชาวเล 3 เผ่า 13 2.1.1 ขอ้ มลู สถานการณ์ภาพรวม 2.1.2 ข้อมูลการกระจายตัวของชาวเล 3 เผา่ 19 28 2.1 ข้อมูลระดับเผา่ ของชาวเล 3 เผ่า 38 2.2.1 ข้อมูลระดบั ชนเผา่ อรู ักลาโว้ย 67 2.2.2 ขอ้ มลู ระดับชนเผ่ามอแกน 69 2.2.3 ขอ้ มูลระดบั ชนเผ่ามอแกลน 2.2.4 จานวนชมุ ชน ประชากรกลมุ่ ชาติพันธชุ์ าวเล 2 เผา่ ในจังหวัดพังงา 70 88 สว่ นที่ 3 ขอ้ มูลสถานการณ์ วัฒนธรรมของชมุ ชนนาร่อง/ต้นแบบเขตคุม้ ครองฯพังงา 5 ชมุ ชน 97 3.1 ข้อมลู สถานการณ์ วัฒนธรรมของชุมชนนาร่องคุ้มครองระดับนโยบาย 152 3.1.1 ขอ้ มูลชุมชนชาวเลชนเผ่ามอแกนเกาะสรุ นิ ทร์ อาเภอคุระบุรี 3.1.2 ขอ้ มลู ชุมชนชาวเลชนเผา่ มอแกลนเกาะพระทอง-เกาะระ อาเภอครุ ะบุรี 174 3.1.3 ข้อมูลชุมชนมอแกลนทับตะวัน-บนไร่ อาเภอตะกั่วป่า 192 3.1.4 ขอ้ มูลชุมชนมอแกลนหินลาด อาเภอทา้ ยเหมอื ง 207 3.2 ข้อมูลสถานการณ์ วฒั นธรรมของชมุ ชนต้นแบบคุม้ ครองชาตพิ นั ธ์ชุ าวเลพงั งา 209 3.2.1 ขอ้ มลู ชมุ ชนมอแกลนทับปลา-ลาปี อาเภอท้ายเหมือง 210 สว่ นท่ี 4 ผลการดาเนินงานตามแบบประมวลขอ้ มูล 400 ชุด 211 สว่ นที่ 5 แบบเสนอมรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรมกลุม่ ชาติพนั ธุช์ าวเล จงั หวดั พงั งา สว่ นท่ี 6 คณะจดั ทา กระบวนการ และขอ้ สรปุ 241 ส่วนท่ี 7 ภาคผนวก 287 288 7.1 ที่มา/แหลง่ ขอ้ มลู 309 7.2 พจนานกุ รมไทย มอแกลน อังกฤษ 331 7.3 คู่มอื การจดั ทาพนื้ ท่ีนารอ่ งเขตคมุ้ ครองทางวัฒนธรรมชุมชนมอแกนเกาะสรุ ินทร์ 333 ของอทุ ยานฯหม่เู กาะสรุ นิ ทร์ 7.4 ข้อมลู ท่ีอยู่ในการดาเนินการระดับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงท่ีเก่ยี วข้อง 7.4.1 14 พน้ื ทีน่ าร่องเขตคุ้มครองฯชาวเลตามแผนระดับนโยบาย 7.4.2 ข้อมูลพ้นื ทส่ี ุสาน พื้นที่ทางจติ วญิ ญาณของชาวเลในอนั ดามัน 24 แหง่ 7.4.3 ขอ้ มูลประกอบพื้นทท่ี ากินทะเลหมนุ เวียนของชาวเลในอนั ดามนั 7.4.4 ข้อมูลและแนวทางการแก้ไขปัญหาทด่ี ินอาศยั ที่กินทากินของชาวเล 27 แห่ง

3 สารบัญ (ภาพ) หน้า ภาพประกอบ 10 ภาพท่ี 1 ชาวเลแสดงเจตนารมณก์ อ่ นเขา้ ประชมุ กับตวั แทนรัฐบาล ทีท่ าเนยี บรฐั บาล 13 ภาพที่ 2 แผนท่ีการกระจายตัวของกลุ่มชาตพิ นั ธุช์ าวเล 3 เผ่า 14 ภาพที่ 3 แผนท่ีการกระจายตวั ชนเผา่ มอแกนฝ่ังทะเลอันดามนั 15 ภาพท่ี 4 แผนทก่ี ารกระจายตัวชนเผา่ อรู ักลาโวย้ ในอันดามัน 16 ภาพท่ี 5 แผนทก่ี ารกระจายตัวของชนเผ่ามอแกลนฝง่ั ทะเลอันดามัน 17 ภาพท่ี 6 เมอื งตะโกลาในยคุ ก่อน พ.ศ.2475 17 ภาพที่ 7-8 บรรยากาศก่อนมีถนนเพชรเกษม โดยสนั นิษฐานในภาพมชี าวเลชนเผ่ามอแกลน ภาพท่ี 9-10 ช่วงเสดจ็ ประพาสอนั ดามันซงึ่ มกี ารพระราชทานนามสกลุ และรับรอง 18 19 ความเป็นพลเมืองใหแ้ กช่ าวเล มอแกน มอแกลน และอรู ักลาโวย้ 20 ภาพที่ 11 “กายปู าดั๊ก” เป็นไม้ที่ทาขึ้นในช่วงลอยเรือ ปักไว้รอบชุมชนกันสิ่งช่วั ร้าย 20 ภาพที่ 12 ชนเผ่าอรู กั ลาโว้ยชมุ ชนโตะ๊ บาหลวิ เกาะลนั ตา 21 ภาพท่ี 13 ภาพถ่ายหนา้ “บาฆ๊ดั ” ของชนเผา่ อรู ักลาโวย้ ที่อ่าโละ๊ ลานา่ เกาะพีพี 22 ภาพที่ 14 การดาน้าลกึ เพ่ือเก็บไซดกั ปลาของชนเผา่ อูรักลาโว้ย 22 ภาพที่ 15 ตัวอย่างภาษาอรู ักลาโวย้ 23 ภาพที่ 16 การแสดงรองแงง็ ของชนเผ่าอูรักลาโวย้ 24 ภาพที่ 17 ศาลโต๊ะคีรี บรรพชนอูรักลาโว้ย เกาะหลเี ป๊ะ จังหวัดกระบ่ี 25 ภาพท่ี 18 ปราฮปู ราจกั๊ ของชาวเลอูรกั ลาโว้ยที่คนไปพบกาลงั ลอยในทะเล 26 ภาพท่ี 19 ศาลดาโต๊ะ โต๊ะบาหลิว เกาะลันตา จงั หวัดกระบี่ 27 ภาพที่ 20 ผเู้ ฒา่ มะดเิ อน็ ผู้นาทางจิตวญิ ญาณโตะ๊ บาหลวิ 28 ภาพท่ี 21 บ้านในน้าชมุ ชนอรุ ักลาโว้ยโตะ๊ บาหลวิ เกาะลันตา จังหวดั กระบี่ 29 ภาพที่ 22 ชอ่ื ภาพ มอแกนแคใ่ นจนิ ตนาการ 29 ภาพที่ 23 โพสเตอร์หนังมอแกน99ครง่ึ ก็ถึงได้ 30 ภาพท่ี 24 ผู้เฒ่าชาวเลชนเผ่ามอแกนทเ่ี กาะสุรินทร์ 31 ภาพท่ี 25 “กา่ บาง” หรอื เรือมอแกนทีเ่ กาะสุรนิ ทร์ จังหวดั พังงา 31 ภาพท่ี 26 มอแกนท่ีไม่สามารถเข้าถึงการรักษาโรคมะเร็ง (เสียชีวติ พ.ศ.2562) 32 ภาพที่ 27 สภาพอ่าวบอนตอนอพยพมอแกนมารวมกนั ชว่ งหลัง สึนามิ 33 ภาพท่ี 28 ตัวอย่างภาษามอแกน 34 ภาพท่ี 29 ยาย มเี ซยี๊ กล้าทะเล ครเู พลงและผู้นาทางจิตวิญญาณมอแกน 35 ภาพที่ 30 หล่อโบง สญั ลกั ษณบ์ รรพบรุ ุษ ไม้แกะสลักผู้หญิง-ผชู้ าย 36 ภาพที่ 31 ตวั อย่างสกูป๊ ข่าวชามมอแกนกับประเพณสี ารทเดือนสบิ 36 ภาพที่ 32 แห่หลอ่ โบงในทะเลของชาวเลมอแกนเกาะสรุ ินทร์ 37 ภาพที่ 33 ชาวมอแกนที่อาศัยอยูก่ ันเป็นสงั คมเฉพาะกลุ่ม 38 ภาพท่ี 34 บา้ นในอ่าวบอนของชนเผา่ มอแกน เกาะสุรินทร์ 39 ภาพที่ 35 เยาวชนชนเผ่ามอแกลนทศ่ี าลบรรพชน “ตาสามพัน” ภาพที่ 36 ภาพพอ่ ตาสามพัน ลกั ษณะตามนมิ ิต”เฒา่ เจือ้ ง”บอก โดยเยาวชนชาวเล

ภาพประกอบ 4 ภาพท่ี 37 ผเู้ ฒ่าเจ้อื ง ชัยวงศ์ ผนู้ าชนเผา่ ท่ีเปดิ เผยเรอ่ื งเล่าประวัตศิ าสตรต์ อ้ งห้าม หน้า การตามฆ่าล้างเผา่ พนั ธ์ุ (สมั ภาษณ์ พ.ศ.2552 เสยี ชีวิต พ.ศ.2554) 40 ภาพที่ 38 ภาพแสดงเส้นทางการอพยพจากโมคลานอ่าวไทยส่บู า้ นอากนู อนั ดามนั 41 ภาพท่ี 39 ชาวเลชนเผา่ มอแกลน ใช้ “วะ” รนุ กุง้ เคยมาทากะปิ 44 ภาพที่ 40 ตัวอยา่ งพจนานุกรมภาษามอแกลน ฉบับปรับปรงุ 45 ภาพท่ี 41 ชาวมอแกลนภูเกต็ พังงา ร่วมแสดงรองแง็ง พ.ศ.2552 46 ภาพที่ 42 ศาลพอ่ ตาสามพัน 46 ภาพที่ 43 ชาวมอแกลนติดป้ายแสดงชือ่ ศาลเป็นครั้งแรกในประวตั ิศาสตร์ 47 ภาพท่ี 44 หมิโคม อ่บี มู แอ่บาบ หรือ ถ้วยบรรพบรุ ุษประจาตระกลู 47 ภาพที่ 45 ประชมุ เครือญาติมอแกลนท้ายเหมือง 48 ภาพที่ 46 ภมู ินิเวศวิถหี รอื กายภาพการตง้ั ถิน่ ฐานมอแกลน 49 ภาพที่ 47 ชดุ แตง่ กายมอแกลนใช้รบั แขก 50 ภาพที่ 48 สารับอาหารมอแกลน 50 ภาพท่ี 49 “เอีย๊ กฉุบ๊ ” 51 ภาพท่ี 50 เอี๊ยกหล่าชุบ 51 ภาพท่ี 51 เอยี๊ กหล่อกาน 52 ภาพที่ 52 เลียงคดั แยกแรด่ ีบุก 53 ภาพที่ 53 เชอ,นาง 53 ภาพที่ 54 “ไซ”จับปลานา้ จืด 53 ภาพท่ี 55 “ฉ้อน” จับกงุ้ หาหอยเสียบ หอยหวาน 54 ภาพที่ 56 กระดง้ ตาก 54 ภาพท่ี 57 “ราง”คดั แยกแร่ 55 ภาพที่ 58 เหลก็ แทงหลา่ ว๋าก หรอื โวยวาย 55 ภาพท่ี 59 “แกแ่ อว หลา่ โต๊ะ” 56 ภาพที่ 60 “ไซ”จับหมกึ 56 ภาพท่ี 61 ชาวเลมอแกลนฝดั เลอื กขา้ วไร่หมุนเวยี นที่ได้จาก”ปลาแลกข้าว” 57 ภาพท่ี 62 “กา่ แน็กต่าล๊อก”หมอ้ ต้มยาของมอแกลน 58 ภาพท่ี 63 พน้ื ที่ “อิดนู เอาดะ” ประเพณนี อนหาด 59 ภาพที่ 64 ผู้นาทางจติ วญิ ญาณและผชู้ ว่ ยประกอบพิธีกรรมเซ่นไหวบ้ รรพชนตาสามพนั 60 ภาพท่ี 65 พอ่ ครูแมค่ รูรว่ มร้องเพลงบอกวนั สงกรานต์ 61 ภาพท่ี 66 พธิ แี ตง่ เปลว 62 ภาพท่ี 67 “หาบคอน” 62 ภาพท่ี 68 พธิ เี ซ่นไหวห้ ัวเรอื 63 ภาพที่ 69 “ตาเนื่อง”ผูน้ าทางจิตวิญญาณทาพธิ เี ซน่ ไหว้เจ้าท่ี 64 ภาพที่ 70 เคร่ืองเซน่ บรรพบรุ ุษเดอื น 9 65 ภาพที่ 71 ผชู้ ายชาวเลมอแกลนมหนา้ ทกี่ วนกลั แมในพธิ ีเวสสวุ รรณ 65 ภาพที่ 72 มอแกลนถือ “กะช้อบ” เตรยี มแย่งขนมรา้ นเปรตเดือน10 66

5 ภาพประกอบ หน้า ภาพท่ี 73 สญั ลักษณ์พนื้ ทค่ี ุ้มครองทางวัฒนธรรมกล่มุ ชาติพนั ธช์ุ าวเล จงั หวัดพังงา 69 ภาพท่ี 74 ภาพถา่ ยดาวเทียมหมู่บา้ นมอแกนเกาะสุรนิ ทร์ อา่ วบอน 70 ภาพที่ 75 กา่ บาง เข้าจอดริมหาดในอ่าวเพื่อมาเอาน้าจืด แลกอาหาร 71 ภาพที่ 76-77 วถิ ดี งั้ เดมิ ของมอแกนคอื การเก็บหาสัตว์ทะเล 71 โดยมีภมู ิปญั ญาเกี่ยวกับทะเลและการสร้างเรือ“กา่ บาง” 72 ภาพท่ี 78-79 มอแกนแทงปลาในช่วงเวลาน้าลง และมอแกนตกปลาหนา้ หมู่บา้ นในชว่ งเช้าตรู่ 76 ภาพที่ 80 คณะลงพืน้ ท่ีเกาะสรุ นิ ทร์ 2562 78 ภาพที่ 81 เรอื แจวทจี่ อดขา้ งบ้านที่ชุมชนมอแกนเกาะสรุ ินทร์ 78 ภาพที่ 82 เรือประมงพานชิ ย์ท่ีลอยลาหนา้ หมูบ่ า้ นมอแกนอา่ วบอน 79 ภาพท่ี 83 ผู้หญิงมอแกนเกาะสุรนิ ทรห์ นา้ บา้ น 80 ภาพที่ 84 ลกั ษณะการเก็บเรือก่อนไฟไหมช้ ุมชน 81 ภาพที่ 85 สภาพความเปน็ อยู่ท่เี รียบงา่ ย สงบ แตไ่ ม่มั่นคง 82 ภาพท่ี 86 ของท่ีระลึกทมี่ ขี ายกันทง้ั หม่บู ้านมอแกนเกาะสุรินทร์ ขายไม่ดนี กั 83 ภาพท่ี 87 “นนู ิง”สาวมอแกนไรร้บตั รและมีโรคประจาตัว 84 ภาพท่ี 88 “เมฆ”เดก็ สาวเยาวชนมอแกน ไกด์มอแกนพาเทีย่ ว 85 ภาพที่ 89 เดก็ มอแกนเกาะสุรนิ ทร์ทีน่ ่งั ขายสร้อยถักและของทร่ี ะลกึ หน้าบ้าน 86 ภาพที่ 90 ไฟไหม้บา้ นและทรัพย์สนิ มอแกนเกาะสรนิ ทร์กว่า 60 หลงั 86 ภาพท่ี 91 หลงั ฟน้ื ฟชู มุ ชนจากไฟไหม้ นักท่องเท่ียวมาเทยี่ วกนั มาก 88 ภาพท่ี 92 แผนทต่ี งั้ ชุมชนชาวเลเกาะพระทอง – เกาะระ 88 ภาพท่ี 93 ชุมชนท่าแปะ๊ โยย้ เกาะพระทอง 89 ภาพท่ี 94 ลานตากกะปิ ชมุ ชนบา้ นปากจก เกาะพระทอง 89 ภาพท่ี 95 บา้ นป้ามา้ ย ทาลอบหมกึ ขาย ชุมชนทุ่งดาบ เกาะพระทอง 90 ภาพที่ 96 ชมุ ชนอ่าวนา้ จืด เกาะระ 91 ภาพที่ 97 ยาย กิมติ้น กลา้ ทะเล ชนเผ่ามอแกลนชุมชนตะกุลา เกาะระ 91 ภาพที่ 98 รปู ถ่ายของทวดจ๊ิ บรรพชนชาวเลมอแกลนเกาะพระทอง 92 ภาพที่ 99 “เฒ่าลงิ ” ชาวเลมอแกลนขนมิ ท้ายเหมือง ท่ีไปอยู่เกาะระ คุระบุรี 94 ภาพที่ 100 ลงุ นคิ ม ธงชัย ผูน้ าชนเผ่ามอแกลนเล่าเรื่องเกาะพระทอง 95 ภาพที่ 101 เครอื ญาติมอแกลนเกาะพระทอง 96 ภาพที่ 102 มีการพัฒนาท่าเทียบเรอื เพื่อการท่องเทีย่ วและคุณภาพชวี ติ ชมุ ชน 97 ภาพท่ี 103 แผนทช่ี ุมชนชนเผ่ามอแกลนบางสกั 97 ภาพท่ี 104 ศูนยว์ ฒั นธรรมชาวเลมอแกลน ศนู ยร์ วมกจิ กรรมของเครอื ขา่ ยฯ 98 ภาพที่ 105 “ทวดตม้ ”อายุ 115 ปี (เสียชวี ิต 2555) 99 ภาพที่ 106 ภาพแสดงชว่ งเวลาการต้ังถิ่นฐานของชนเผ่ามอแกลนบางสัก 103 ภาพที่ 107 บรรยากาศบา้ นชาวเลมอแกลนยามเย็น 106 ภาพท่ี 108 สภาพเรอื ท่จี อดหน้าหาดทับตะวันในช่วงมรสมุ 107 ภาพท่ี 109 “ยายลาบ”กับหมกึ โวยวายทจ่ี ับได้ 108 ภาพท่ี 110 ถา่ ยจากพ้นื ท่ีทาข้าวไร่ในอดตี มองเห็นหาดทับตะวนั

6 ภาพประกอบ หน้า ภาพท่ี 111 “เลียงร่อนแรด่ ีบุก”ทสี่ บื ทอดกนั มากว่า 50 ปี 110 ภาพท่ี 112 สภาพนเิ วศในขุมเขียว อดุ มสมบรู ณ์ มอแกลนหาปู 111 ภาพท่ี 113 “เดก็ ชาวเลขึ้นหนา้ 1 ชาวเลชุมนมุ ให้รัฐทาตามมติ ครม.ชาวเล 2 มิ.ย. 53 114 ภาพที่ 114 ศาลบรรพชน พ่อตามสามพนั ท่หี าดบางสัก 121 ภาพท่ี 115 ชาวเลกาลังฝังศพทสี่ สุ านปากวปี 122 ภาพท่ี 116 ลกั ษณะหนา้ ตาของหญิงชาวเลมอแกลนดงั้ เดมิ 123 ภาพท่ี 117 ชาวมอแกลนที่ไปอาเภอยงั นงั่ พื้นเพราะคดิ วา่ ตนเป็นคนตา่ ต้อย 124 ภาพที่ 118 บา้ นของมอแกลนจะต้องไม่ไกลจากทจี่ อดเรือและชายฝ่ัง 129 ภาพที่ 119 ชาวเลมอแกลนกาลังขึ้นเสาเอกของบ้านหลงั ใหม่ 130 ภาพท่ี 120 แผนท่ีแสดงจดุ พาเที่ยว ของมอแกลนพาเทีย่ ว 131 ภาพที่ 121 โลโก้ มอแกลนพาเทยี่ ว 132 ภาพที่ 122 ชาวเลมอแกลนพาดูจดุ นบลาพู (พื้นท่กี ารทาแร่แบบด้ังเดิม) 136 ภาพท่ี 123 บรรยากาศรว่ มกันทาอาหารทศ่ี ูนยว์ ัฒนธรรม 136 ภาพที่ 124 ดร.คริส ม.แห่งชาตสิ งิ คโปร์ มาเทย่ี วและสารวจชัน้ ดินรอ่ งรอย สนึ ามิ ซอยตาสดุ 137 ภาพที่ 125 ไกด์มอแกลนเล่าเร่ืองสภาพพ้นื ท่ตี อนเปน็ นาผืนใหญ่ของมอแกลน 137 ภาพท่ี 126 มอแกลนสาธติ วกี ารคดั แยกแร่ 138 ภาพที่ 127 นักท่องเท่ียวรอลุ้น “ยายลาภ”แทงโวยวาย ท่หี ัวกรงั 138 ภาพที่ 128 เตรยี มลงดาดูกุ้งมังกรทจ่ี ุด สาเภาแตก 139 ภาพที่ 129 สภาพปะการังบริเวณหินเสือทเี่ คยเสยี หายจากการขดุ แร่ 139 ภาพท่ี 130 รว่ มพิธเี ซ่นไหว้หัวเรือที่ มอแกลนบีช 140 ภาพที่ 131 นกั ท่องเทย่ี วถ่ายรปู กบั “เสาหน่ามะ”หนา้ ศาลพอ่ ตาสามพัน 140 ภาพท่ี 132 นักท่องเท่ียวร่วมพธิ ีฝงั ศพทส่ี สุ านมอแกลนปากวีป 141 ภาพที่ 133 นักท่องเทยี่ วอยากลองชมิ นา้ ยางพารา 141 ภาพที่ 134 วิวจากจุดชมวิวบนเขา เห็นอา่ วทับตะวันทั้งหมด 142 ภาพท่ี 135 ฟงั เร่ืองวถิ แี กลนทบ่ี า้ นยายนิด 142 ภาพที่ 136 นกั ท่องเท่ียวรกั ษากับหมอภมู ิปญั ญา จบั เสน้ แล้วหาย 143 ภาพท่ี 137 นักท่องเที่ยวเรยี นรูก้ ารทาเสอื่ เตยโดงไปใชท้ ี่บ้าน 143 ภาพท่ี 138 นกั ท่องเทยี่ วกาลังกลู้ อบหมึก 144 ภาพท่ี 139 ลอ้ มวงกนิ ข้าวรว่ มกัน 144 ภาพที่ 140 เอาปลาปลากระบอกในจุดดูปลาผิวน้าขน้ึ ใหน้ ักทอ่ งเทีย่ วดู 145 ภาพท่ี 141 วางอวนเสร็จ กาลงั เรยี นร้วู ธิ ีการเกบ็ ปลาในอ่าวโขดหนิ 145 ภาพที่ 142 หาหอยนางรมสดๆบนโขดหินกินกับน้าจม้ิ ทีเ่ ตรียมไป 146 ภาพท่ี 143 จดุ ดาผิวน้าขา้ งเกาะผ้า 146 ภาพท่ี 144 นักท่องเทีย่ วได้เห็นขยะกองโตหนา้ สสุ านมอแกลนบางมรวน 147 ภาพที่ 145 นักท่องเท่ียวมอแกลนพาเท่ียวถ่ายรูปเรือ สึนามิ 147 ภาพท่ี 146 นักท่องเทย่ี วมอแกลนพาเท่ยี วเลือกซ้ือของทร่ี ะลึก 148 ภาพที่ 147 ผงั พน้ื ที่คมุ้ ครองทางวัฒนธรรมชาวเลทบั ตะวนั -บนไร่ 149

ภาพประกอบ 7 ภาพท่ี 148 ภาพรวมพาเทีย่ ว 10 เผ่าหินลาด หน้า ภาพท่ี 149 ประชมุ แก้ไขปญั หาที่ดินตอน พ.ศ 2558 ภาพที่ 150 บ้านที่ยากจนทสี่ ุดในชมุ ชนมอแกลนหนิ ลาด 152 ภาพที่ 151 ตวั แทนกระทรวงทรพั ฯลงพน้ื ที่สวนยางมอแกลนหนิ ลาด 152 ภาพที่ 152 “หาหอยหวาน” พน้ื ท่ีแหลง่ หากนิ ในคลองทุ่งมะพรา้ ว 153 ภาพที่ 153 ป้ายหลมุ ศพ เฒ่าโฉ้ด หรอื นาย โสด นาวารกั ษ์ เสียชีวติ พ.ศ. 2549 153 ภาพท่ี 154 แผนทตี่ ้งั ชมุ ชนหมา่ นาวในอดีต 154 ภาพที่ 155 บริเวณทเี่ คยทาข้าวไร่หมุนเวยี น เขาหน้ายักษ์ 154 ภาพท่ี 156 จุดท่ีตั้งชมุ ชนทาไรข่ ้าวหมนุ เวยี นทกุ ปใี นอดีต 155 ภาพท่ี 157 ท่ที าข้าวไรเ่ ดิม มีร่องรอยสิง่ ของ เครื่องใช้ทีจ่ าเปน็ 156 ภาพท่ี 158 นั่งฟงั เรื่องเล่าสมัยทาขา้ วไรห่ มุนเวียน 156 ภาพท่ี 159 ชนิ้ ส่วนเครอื่ งจักรแพขุดแรใ่ นทะเล 157 ภาพท่ี 160 เรือปูนขุดแรข่ นาดใหญ่ 157 ภาพท่ี 161 แม่ครู ห่ิงห้อย แสดงในวนั ชนเผ่าฯโลก ทเ่ี ชยี งใหม่ 158 ภาพที่ 162 “เฒ่าย้อย”ชุมชนมอแกลนลาแก่นสบั อาหารหมู (เสียชีวติ 2563 158 ภาพท่ี 163 รปู “เฒา่ โฉ้ด”บนห้ิงสกั การะท่ีบ้าน “แมค่ รูหิ่งห้อย” 159 ภาพที่ 164 แผนทชี่ ุมชนหินลาด 160 ภาพท่ี 165 ผงั ตะกลู นางกี่ นาวารกั ษ์ 161 ภาพท่ี 166 ผงั ตระกลู นาง ผิว นาวารกั ษ์ 169 ภาพที่ 167 แผนที่แสดงพนื้ ท่ีคุ้มครองทางวฒั นธรรมชาวเลหนิ ลาด 170 ภาพที่ 168 ผนู้ าทางจิตวิญญาณชาวเลทบั ปลาปนี เสาหน่ามะ 170 ภาพที่ 169 เฒ่าเฉ้งกาลังทาพิธี 173 ภาพท่ี 170 เฒา่ วาด นาวารกั ษ์ ผบู้ ุกเบกิ ทับปลา 174 ภาพที่ 171 เฒา่ โบ้ง นาวารกั ษ์ ผนู้ าจติ วญิ ญาณมอแกลนทับปลา-ลาปี 175 ภาพที่ 172 เฒา่ ตคุ ่ี นาวารักษ์ ผูน้ าจติ วิญญาณ 175 ภาพที่ 173 เรอื พร๊ีด เป็นเรือทีม่ าแทนท่ี “เรือมาด” 176 ภาพที่ 174 ไซ ใช้จบั ปลาหน้าดินในทะเล 176 ภาพที่ 175 “ป้าเผิน” ชาวเลมอแกลนทบั ปลาทสี่ ามารถถัก เยบ็ ใบไมใ้ บหญ้าเปน็ ของใช้ 177 ภาพท่ี 176 เฒ่า วาด นาวารักษ์ เลา่ ประวตั มิ อแกลนและทับปลา (เสยี ชวี ิต พ.ศ.2556) 177 ภาพที่ 177 บา้ นหรอื กระท่อมของมอแกลนในยุคอดีต 178 ภาพท่ี 178 เฒา่ ออง ทบั ปลา (เสียชวี ติ พ.ศ.2561) 179 ภาพท่ี 179 แผนทแี่ สดงตาแหน่งบ้านหานนกโยงหรือหานนกทูงก่อนเปน็ ลาปี 180 ภาพที่ 180 แผนทภ่ี มู ินิเวศทับปลา-ลาปี ในปจั จุบัน 181 ภาพท่ี 181 นกที่อยู่บนเสาหน่ามะ 181 ภาพที่ 182 พิธเี ซน่ ไหว้พ่อตาหลวงจักร 182 183 184

ภาพประกอบ 8 ภาพที่ 183 เสาหน่ามะ หน้า ภาพท่ี 184 พอ่ หมอตอนเกาะบา่ บอีบ่ ูม หรือ จอมปลวกแม่ยายเจา้ ภาพที่ 185 เฒา่ วาด,เฒา่ ควิ ,เฒา่ ตา,เฒ่ากล้วย ร่วมทาพิธี แชะ แชะ 184 ภาพที่ 186 หลุมฝังศพทีส่ สุ านหนิ ลาด 185 ภาพท่ี 187 โครงเรือมาดรอข้ึนไม้กระดานเพม่ิ 186 ภาพที่ 188 ชาวเลชนเผ่ามอแกลนนงั่ รอตนในวัดทาทานอาหารและเงิน 187 ภาพที่ 189 ต้อนรบั คณะกรรมการขับเคล่ือนการปฏิรปู ประเทศ พ.ศ.2557 188 ภาพที่ 190 นาเสนอผลักดันกฎหมายชาตพิ นั ธุต์ อ่ คณะกรรมการปฏริ ปู ฯ 189 ภาพท่ี 191 ผ้ใู หญ่ประทีป นาวารักษ์กาลงั นาเสนอเรอื่ งราวในศูนยว์ ัฒนธรรมทบั ปลา 190 190 191

9 สว่ นท่ี 1 คานา หลงั จากมีมติคณะรัฐมนตรี 2 มถิ นุ ายน 2553 ว่าด้วยการฟ้ืนฟูวถิ ีชวี ติ ชาวเล กระทรวงวัฒนธรรม ใน เจา้ กระทรวงท่รี ับผิดชอบและมีศนู ย์มานุษยวทิ ยาสริ นิ ธร เป็นกองเลขาฯคอยดาเนนิ การให้เกิดการปฏิบัตติ าม มตคิ ณะรัฐมนตรีมาโดยตลอด ในส่วนของการเสริมความเข้มแขง็ ของเครือขา่ ยชาวเล อนั ดามนั ทางศูนย์ มานุษยวิทยาสริ นิ ธรเคยจัดอบรมเชิงปฏบิ ัติการเพื่อการจัดทาขอ้ มูลสู่ความเข้าใจอนั ดีตอ่ วถิ วี ฒั นธรรมกลุ่มชาติ พนั ธร์ุ ่วมวฒั นธรรมจังหวดั พงั งา กระบ่ี ภเู กต็ ระนองและสตลู ทาให้กลุม่ ชาตพิ นั ธช์ุ าวเลในจังหวดั พังงา สามารถมีความร้คู วามเข้าใจในการดาเนนิ การจัดเกบ็ จัดการข้อมูลของตนเองไดร้ ะดบั หนึ่ง ทั้งยังไดน้ าข้อมูล ต่อยอดสู่การจัดทา “หลกั สูตรเรียนร้วู ิถีวัฒนธรรมชาวเลมอแกลน” และการท่องเทย่ี วเชิงเรยี นร้วู ถิ ีวัฒนธรรรม ชาวเลมอแกลนและมอแกน ทีเ่ รยี กวา่ “มอแกลนพาเทย่ี ว”และ “มอแกนพาเทยี่ ว”บนพนื้ ทเ่ี ขตคุ้มครองทาง วัฒนธรรมกลุ่มชาติพนั ธุช์ าวเล เป็นท่นี ิยมในหมู่นกั ท่องเท่ียวเรยี นรู้สังคมและวัฒนธรรมควบคไู่ ปกบั การมา สัมผัสธรรมชาติ เปน็ การสอ่ื สารเรือ่ งราวคณุ คา่ และปญั หาชาวเลไดโ้ ดยเกดิ ความเข้าใจต่ออนั ดจี ากผ้มู าเยือน นบั เป็นโอกาสดที ี่วัฒนธรรมจังหวัดพงั งาได้สนับสนนุ งบประมาณในการจัดเก็บข้อมูลและมรดกภมู ิ ปญั ญาทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาตพิ ันธุ์ชาวเลชนเผา่ มอแกนและมอแกลนในจังหวดั พงั งา เป็นการสง่ เสรมิ ให้ อาสาสมคั รชาวเลแตล่ ะชุมชนทร่ี ่วมดาเนินการได้ใชศ้ ักยภาพท่ีถูกพัฒนามาร่วมจัดทาข้อมูล โดยวตั ถุประสงค์ การจดั เก็บและจดั ทาขอ้ มลู ของกลุ่มชาติพนั ธ์ชุ าวเลจงั หวดั พงั งาในครง้ั น้ี จะนาสู่การเตมิ เต็มให้ยุทธศาสตร์ของ การแก้ไขปัญหาและพัฒนาชาวเลอนั ไดแ้ ก่ 1. ยทุ ธศาสตร์ความม่ันคงในที่ดินและทรัพยากร 2. ยุทธศาสตรค์ วามม่ันคงในความเปน็ พลเมือง/บัตรประชาชนชาวเล 3. ยุทธศาสตร์สรา้ งคณุ ภาพชีวติ สุขภาพ ทอ่ี ยู่อาศัยและสาธารณปู โภค 4. ยุทธศาสต์การดารงและยกระดับคุณค่าทางวฒั นธรรม สอื่ สาร 5. ยุทธศาสตร์ดา้ นนโยบาย กฎหมายชาติพันธุแ์ ละกฎหมายท่เี กย่ี วข้องกบั ชาวเล 6. ยทุ ธศาสตร์ภัยพบิ ัตแิ ละโรคอุบตั ใิ หม่ ความมัน่ คงชาวเลในสถานการณ์วิกฤติ ด้วยในระดบั การผลักดนั นโยบาย คณะอนกุ รรมการแก้ไขปญั หาความม่ันคงในท่ีอยู่อาศัย ทีท่ ากิน พ้นื ทท่ี างจติ วิญญาณของชมุ ชนชาวเลและชาวกะเหรย่ี ง โดยมีนาย วราวธุ ศลิ ปอาชา เป็นประธาน ไดจ้ ดั ทา บนั ทกึ ข้อตกลงและแตง่ ตง้ั คณะทางานฯดาเนนิ การ 14 พื้นทีน่ ารอ่ งเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธ์ุ ชาวเล และในจังหวัดพังงา มีชุมชนชาวเลท่ไี ดร้ บั การนาเสนอ 4 ใน 14 ชมุ ชน และศนู ย์มานษุ ยวทิ ยาสริ ธิ ร ได้ สนบั สนนุ วฒั นธรรมจงั หวัดพงั งา ดาเนินการพ้นื ทต่ี น้ แบบฯอีก 1 พนื้ ท่ี ข้อมลู เหลา่ นจี้ งึ เป็นประโยชน์ทง้ั ประกอบการแก้ไขปัญหาและการจดั ทาพ้ืนท่นี าร่อง/ต้นแบบคุ้มครองกลุ่มชาติพันธ์ชุ าวเลทงั้ 5 พ้ืนที่ กองบรรณาธกิ าร

สว่ นท่ี 2 10 ข้อมลู พน้ื ฐานของกล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุชาวเลชนเผ่ามอแกน มอแกลน อูรักลาโวย้ 2.1 ข้อมูลชาวเล : ขอ้ มลู สถานการณ์ภาพรวม การกระจายตัวในปจั จบุ นั ภาพที่ 1 ชาวเลแสดงเจนารมณ์กอ่ นเขา้ ประชุมกับตัวแทนรัฐบาล ที่ทาเนียบรัฐบาล 2.1.1 ข้อมูลสถานการณ์ภาพรวม ชาวเลเป็นกลุ่มชาติพันธ์ุชนพ้ืนเมืองในภาคใต้ของประเทศไทย เป็นกลุ่มคนท่ีมีประวัติศาสตร์บันทึก เอาไว้ว่ามีการต้ังถ่ินอาศัยอยู่ในแผ่นดินของตนเองมามากกว่า 700 ปี บรรพชนของชาวเลในยุคหนึ่งคือกลุ่มท่ี รว่ มรบในศึกถลางกับท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร และกอ่ นท่จี ะมีข้อตกลงในการกาหนดเส้นแบ่งเขตแดนของ ประเทศในยุคล่าอาณานิคมดินแดนของประเทศยังไม่แน่ชัด ชาวเลคือกลุ่มชนที่สร้างผลประโยชน์กับสยาม ในช่วงปักปันดินแดนกับอังกฤษ โดยขอให้แผ่นดินและเกาะท่ีตนอยู่ทางแถบอาดัง ราวี หลีเป๊ะ อยู่ภายใต้การ ครอบครองของประเทศ “สยาม” ซ่ึงต่อมาเปล่ียนช่ือเป็นประเทศ “ไทย” ได้รับนามสกุลพระราชทานซ่ึงเป็น การรับรองความเป็นพลเมือง เป็นกลุ่มคนท่ียังคงใช้วิถีภูมิปัญญาสอดคล้องเคารพต่อธรรมชาติ เป็นสังคมสงบ สนั โดษ จนกระทั่งถูกละเลย ทาลายทางวัฒนธรรมด้วยกฎหมาย นโยบาย และแผนการพัฒนาทไ่ี ม่คานึงถงึ ท้ัง ยงั บัญญัตใิ ห้เป็นกล่มุ ชน “ไทยใหม”่ ทาให้ไมถ่ ูกบนั ทกึ ในความเปน็ ชนดง้ั เดิม หลังเหตุการณ์ภัยธรรมชาติคลื่นยักษ์สึนามิเช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 สังคมไทยเริ่มได้รับรู้ว่า ณ ชายฝั่งและเกาะแก่งตามจังหวัดแถบอันดามันของไทยมีกลุ่มชนด้ังเดิมอาศัยมานานก่อนเป็นประเทศไทย เพราะการเขา้ ฟื้นฟูชนกลุ่มน้ีของเครือข่ายผู้ประสบภัยสึนามิ เครอื ข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรปู สังคมและการเมอื ง องคก์ รพฒั นาเอกชน นักวิชาการและภาคประชาสังคมเขา้ ฟนื้ ฟูทั้งด้านกายภาพ สังคม วัฒนธรรม ความม่นั คง ในปัจจัยสแี่ ละระบบสาธารณูปโภค การหนุนเสริมด้านวัฒนธรรม จนได้ข้อมลู ทางประวัตศิ าสตร์ที่ยืนยันความ

11 เป็นมาอันยาวนานของชาวเลบนผืนแผ่นดินชายฝ่ังอันดามัน จากการอ้างอิงของบันทึกการเดินทางทั้งทางเรือ และทางบกของชาวต่างชาติและประวตั ิศาสตร์ไทย นับล่วงเวลามากกว่า 700 ปี เป็นตน้ ทุนให้เครือข่ายชาวเล อันดามันซ่ึงอยู่ภายใต้การดูแลหนุนเสริมของเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง มีการนาเอา อัตตลักษณ์วัฒนธรรมเข้าต่อสู้ความเหลื่อมล้า เพ่ือบ่งช้ีให้สังคมได้รับรู้และเข้าใจคุณค่าในรูปแบบของความ หลากหลาย ดังนน้ั ความเปน็ ตวั ตนของชาวเลจึงชดั เจนมากยงิ่ ข้ึนหลงั เหตกุ ารณส์ ึนามเิ ปน็ ตน้ มา ชาวเลทเ่ี ป็นชนพ้ืนเมืองฝง่ั ทะเลอันดามันแบ่งออกเปน็ 3 กลุ่มย่อยด้วยกัน คอื มอแกลน มอแกน และ อุรักลาโว้ย รวมจานวนประชากรประมาณ 14,000 คน อยู่รวมเป็นกลุ่มชุมชน 46 ชุมชนใน 5 จังหวัดได้แก่ พังงา ภเู กต็ กระบ่ี สตลู และระนอง ปัญหาสาคัญของชาวเลคือความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย จานวน 25 ชุมชนท่ีไม่มีเอกสารสิทธิท่ีดิน ปญั หาสุสานและพื้นท่ีประกอบพิธกี รรมถูกรกุ ราน 15 แห่ง ปญั หาที่ทากนิ ในทะเลถูกประกาศเปน็ เขตอนุรักษ์ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการศกึ ษาทไ่ี มส่ อดคล้องกบั วิถีชวี ิต การสูญเสียความภาคภมู ิใจในวฒั นธรรม มชี าวเลท่ยี ัง ไร้สัญชาติไม่ต่ากว่า 600 คน และชาวเลต้องเผชิญกับอคติชาติพันธ์ุของคนในสงั คม ส่งผลให้การแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นไปอย่างลา่ ชา้ โดยภาพรวมปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอันที่มาจากการพัฒนาที่ไมส่ มดุล เฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการท่องเที่ยว การประกาศเขตอนุรักษ์ของรัฐบาล นโยบาย/มาตรการทางสังคมที่ เกดิ จากอคติทางวัฒนธรรมความเป็นชาติพนั ธ์ุ ส่งผลให้เกดิ การเบยี ดขับวิถีชีวติ วัฒนธรรมของชาวเล ทั้งน้ีเม่ือ วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2553 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการแนวนโยบายในการฟ้ืนฟูวิถีชีวิตชาวเลและ มอบหมายให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องนาแผนไปปฏิบัติ ประกอบด้วย การสร้างความม่ันคงด้านที่อยู่อาศัย การ ประกอบอาชีพประมง การช่วยเหลือด้านสาธารณสุข การแก้ปัญหาสัญชาติ การส่งเสริมด้านการศึกษา การ แก้ปัญหาอคติทางชาติพันธุ์ การส่งเสริมด้านภาษาและวัฒนธรรมของชาวเล การส่งเสริมชุมชนและเครือข่าย ชาวเลให้เข้มแขง็ ตลอดจนให้มงี บประมาณสง่ เสริมวันนัดพบชาวเล ปัญหาจากการแร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) สง่ ผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธ์ุชาวเลอย่าง มาก เน่ืองจากชาวเลอาศัยอยู่ในพ้ืนที่ท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน มีวิถีชีวิตทั้งการพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติใน การจับสัตว์น้าเพื่อยังชีพทั้งการค้าขายและเป็นนามาใช้เพื่อการบริโภค อีกส่วนหน่ึงประกอบอาชีพรับจ้าง เกี่ยวกับการท่องเท่ียว อาทิ พนักงานโรงแรม ขับเรือนาเท่ียว/ดาน้า ค้าขายท่ัวไป เม่ือเกิดการระบาดของเชื้อ ไวรัสโคโรนา มีการปิดเมืองเพื่อหยุดการท่องเท่ียวกิจการโรงแรมร้านค้าจึงต้องปิดตามไปด้วยนามาซ่ึง ผลกระทบสาคญั ดังน้ี 1) ชาวเลในภาคบริการท่องเที่ยวขาดรายได้จึงไม่มีเงินสาหรับการซ้ือข้าวสารเพราะชาวเลส่วนใหญ่มี เงินออมนอ้ ย แมช้ าวเลบางคนสามารถออกทะเลหาปลาไดแ้ ต่ก็มคี นตดิ ต่อขอซือ้ น้อยลงมาก 2) หลังจากพ้ืนท่ีถูกปิด/ถูกตัดขาด ชาวเลในพ้ืนที่เกาะไม่มีรายได้ ไม่มีข้าวสาร ได้แก่ เกาะสุรินทร์ เกาะเหลา เกาะช้าง เกาะพยาม เกาะพพี ี เกาะหลเี ปะ๊ เกาะอาดัง เกาะจา และเกาะลันตา

12 3) ชาวเลมอแกนในเขตอุทยาน เช่น เกาะสรุ ินทร์ เปน็ ลกู จ้างอุทยานฯเพอ่ื บรกิ ารนักทอ่ งเทยี่ ว เมือ่ ปิด เกาะไมม่ ีรายไดแ้ ละถกู อุทยานฯสัง่ หา้ มจบั ปลาขาย ทาให้ระยะยาวไม่มรี ายได้ ไมม่ เี งินซื้อข้าวสารและปัจจัยอื่น ๆ ซึง่ พรบ.อุทยานฯใหมจ่ ะสง่ ผลตอ่ ชาวเลในทุกเขตอทุ ยานฯ 4) ในขณะท่ีชาวเลราไวย์ จังหวัดภูเก็ตขาดรายได้ แต่พวกเขายังต้องต่อสู้คดีท่ีถูกฟ้องขับไล่จาก เอกชนมากกวา่ 20 คดี 5) ชาวเลโดยส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงการลงทะเบียนขอรับเงินชดเชยจากรัฐบาลเน่ืองจากไม่มีความรู้ พ้ืนท่ี เกาะไม่มีสัญญาณสอ่ื สาร 6) ชมุ ชนชาวเลสว่ นใหญ่อยูเ่ ปน็ กลุ่มบ้านเรือนติดกนั หลายชุมชนมีความแออัด เชน่ ราไวย์ เกาะเหลา เกาะพพี ี เสีย่ งต่อการเกดิ โรคระบาด 7) ชาวเลพังงารอ้ ยละ 95 อาศัยทากิน มสี ุสานในพ้ืนท่ีทรี่ ัฐประกาศ เมอื่ รวมกับชาวเลมอแกนระนอง แล้ว ยงั มีกว่า 400 คนทย่ี งั ไม่ไดส้ ญั ชาตไิ ทยทาใหเ้ ข้าไมถ่ ึงสิทธใิ ดใดท่รี ฐั กาหนด

13 2.1.2 ภูมศิ าสตรก์ ารกระจายตวั กลุ่มชาตพิ นั ธชุ์ าวเล 3 เผา่ ในอันดามัน ภาพที่ 2 แผนท่กี ารกระจายตัวของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์ชาวเล 3 เผ่า (สแี ดงคือมอแกน, สเี ขยี วคืออูรักลาโว้ย และสีเหลืองคือมอแกลน)

14 ภาพท่ี 3 แผนท่กี ารกระจายตวั ชนเผา่ มอแกนฝงั่ ทะเลอันดามนั ขอ้ มูลการกระจายตัวของชนเผ่ามอแกน 4 เกาะในอันดามนั ชุมชนชาติพันธ์ุมอแกนที่เลือกต้ังถ่ินฐานเฉพาะกลุ่มของตนเองอยู่ตามเกาะต่าง ๆ นับเป็นจานวน 4 ชมุ ชน คือ จังหวัดระนองมีทเ่ี กาะเหลา เกาะชา้ ง เกาะพยาม ส่วนที่จงั หวัดพงั งามที ่ีเกาะสุรินทร์ ขณะทช่ี าวมอ แกนทตี่ ั้งถ่ินหรืออาศัยปะปนอยกู่ ับชาวอรุ กั ลาโว้ยและมอแกลน มีจานวน 6 ชุมชน ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ทเ่ี กาะ พีพี จังหวัดภูเก็ต ท่ีเกาะสิเหร่ หาดราไวย์ หินลูกเดียว แหลมหลา และจังหวัดพังงา ที่ชุมชนน้าเค็มกับชุมชน ทับตะวัน

15 ภาพท่ี 4 แผนทก่ี ารกระจายตัวชนเผ่าอรู กั ลาโวย้ ในอันดามัน ขอ้ มูลการกระจายตัวของชนเผ่าอูรักลาโวย้ ในอันดามนั ชุมชนที่ชนเผ่าอุรักลาโว้ยอาศัยตั้งถ่ินฐานถาวรมีทั้งหมด 17 ชุมชนในพ้ืนท่ี 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสตูล มีชุมชนเกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง เกาะบุโหลนดอน และบุโหลนเล จังหวัดกระบี่ อยู่ที่เกาะลันตา ประกอบด้วยชุมชนโต๊ะบาหลิว ในไร่ คลองดาว สังกาอู้ ที่เกาะพีพีมีชุมชนแหลมตง เกาะจามีชุมชนมู่ตู บ้าน เกาะจา กลาโหม ตงิ ไหร และบา้ นกลาง จงั หวัดภเู ก็ต มีชุมชนราไวย์ และสะปา

16 ภาพที่ 5 แผนทก่ี ารกระจายตวั ของชนเผา่ มอแกลนฝง่ั ทะเลอันดามนั ข้อมูลการกระจายตัวของชนเผา่ มอแกลนในจังหวดั พังงาและภเู ก็ต ชุมชนมอแกลน1กระจายอยู่ท้ังในพ้ืนที่จังหวัดพังงาและภูเก็ต จานวน 25 ชุมชน ดังรายละเอียด ต่อไปน้ีจังหวัดพังงาท่ีอาเภอคุระบุรี ได้แก่ ชุมชนทุ่งดาบ ปากจก ท่าแป๊ะโย้ย อ่าวน้าจืด เกาะระ เทพรัตน์ เทพประทาน ชัยพัฒน์ และทุ่งละออง ทอี่ าเภอตะกั่วป่า ได้แก่ ชุมชนน้าเคม็ ทับตะวนั บนไร่ ปากวีป บางขยะ และทุ่งหว้า ท่ีอาเภอท้ายเหมือง มีชุมชนเขาหลัก ลาแก่น คลองญวณ เกาะนก ขนิม ทับปลา ลาปี และหิน ลาด และท่ีอาเภอตะก่ัวทุ่ง คือชุมชนท่าใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ชุมชนมอแกลนอยู่ท่ีอาเภอถลาง มีชุมชนหินลูก เดียว และแหลมหลา 1 ด้านเหนือสดุ ทจี่ ะพบชุมชนมอแกลนคือเกาะพระทอง ส่วนใตส้ ดุ จะเป็นชุมชนแหลมหลา

17 ภาพที่ 6 เมืองตะโกลาในยุคกอ่ น พ.ศ.2475 ภาพท่ี 7 และ 8 บรรยากาศก่อนมีถนนเพชรเกษม โดยสนั นษิ ฐานในภาพมีชาวเลชนเผา่ มอแกลน

18 ภาพที่ 9 และ 10 ชว่ งเสด็จประพาสอันดามันซึ่งมีการพระราชทานนามสกลุ และรบั รองความเป็นพลเมอื งใหแ้ ก่ ชาวเล มอแกน มอแกลน และอรู กั ลาโว้ย

19 2.2 ขอ้ มูลชาวเลระดับเผ่า 2.2.1 ขอ้ มูลระดับเผา่ ชนเผา่ อุรักลาโว้ย ภาพที่ 11 “ปราจัก๊ ” เป็นไม้ทที่ าข้นึ ในชว่ งลอยเรือ ปักไวร้ อบชมุ ชนกันส่งิ ช่วั รา้ ย อุรักลาโว้ย (อุรัก หมายถึงคน ส่วนละโว้ย/ลาโวยจ หมายถึงทะเล) เดิมอาศัยอยู่บริเวณเทือกเขา “ฆุ นุงฌไึ ร” ในรัฐไทรบุรีหรือรัฐเคดาห์ในประเทศมาเลเซยี ปัจจุบันการเปล่ียนแปลงเขตการปกครองสืบเนอ่ื งจาก การเข้ายึดครองและปักปันเขตแดนในยุคอาณานิคม ทาให้ชนเผ่าอุรักลาโว้ยต้องอพยพสู่ชายฝ่ังทะเลอนั ดามัน เกาะลันตา มีคาบอกเล่าว่าเป็นแผ่นดินแรกท่ีชาวเลมาบุกเบิกตั้งถิ่นฐาน วิถีบรรพบุรุษจะมีการออก “บาฆ๊ัด ปราฮู” (ลอ่ งเรือ) ไปพักตามอ่าวต่าง ๆ ในชว่ งฤดูแล้ง เมือ่ ใกล้ฤดูมรสุม (เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน) ก็ จะกลบั มาทเี่ กาะลนั ตา ช่วงมรสุมก็หากนิ ริมชายฝั่งปลูกข้าวไรแ่ ละทาสวนผสมไวก้ ิน

20 ภาพที่ 12 ชนเผ่าอรู กั ลาโว้ยชุมชนโตะ๊ บาหลิว เกาะลันตา ภาพท่ี 13 หน้า “บาฆ๊ัด” ของชนเผ่าอรู ักลาโว้ยที่อา่ โละ๊ ลาน่า เกาะพีพี จงั หวดั กระบี่ ยุคต่อมาเม่ือชาวอุรักลาโว้ยได้สารวจพื้นที่เหมาะสมต่อการต้ังถิ่นฐานถาวร จึงมีการกระจายตัวไปตั้ง ชุมชนตามชายฝงั่ ในเกาะต่าง ๆ ของอันดามัน เป็นท่ีมาของ “ดาโต๊ะ” ทั้ง 7 ผู้เป็นเสมือนบรรพชนคนแรกท่ีไป บุกเบิกต้ังถิ่นฐาน อย่างไรก็ตาม เวลาล่วงเลยนับร้อยปีด้วยการเข้าไม่ถึงโอกาสการครอบครอง ชุมชนอุรักลา โว้ยจึงถูกเบียดขับให้มาอยู่เป็นหย่อมเล็กตามแหลมหรืออ่าวต่าง ๆ บางชุมชนถูกหน่วยงานออกเอกสารสิทธิ์ ทับท่ีทากิน บางชุมชนก็ถูกรัฐประกาศเขตอนุรักษ์ทับ ชาวเลอุรักลาโว้ยเคยเข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระศรนี ครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) และได้รับพระราชทานนามสกลุ รวมท้งั ทีด่ ินก็หลายแห่ง แต่ ดว้ ยขาดความรู้ทาใหเ้ ข้าไม่สามารถเข้าใจนโยบายและสิทธิทีจ่ ะนามาซง่ึ การดารงวถิ ีชีวติ อย่างมั่นคงในภายหลัง ได้

21 ความโดดเดน่ ในอตั ตาลักษณข์ องอรุ กั ลาโวย้ 3 ประการ ประกอบด้วย ภาพท่ี 14 การดานา้ ลึกเพ่ือเกบ็ ไซดกั ปลาของชนเผ่าอรู กั ลาโวย้ ประการแรก การดารงชีวติ ชาวเลอรุ กั ลาโวย้ เป็นกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุท่ีมคี วามเชีย่ วชาญในการดารงวถิ ชี วี ิต ทง้ั บนฝ่ังและในทะเล ในอดีตชาวเลอุรักลาโว้ยปลูกข้าวไร่หมุนเวียนชานาญพอ ๆ กับการทา “ปราฮู2” และมี ภูมิปัญญาที่สามารถสะท้อนให้เห็นความเข้าใจสภาพดินฟ้าอากาศและมหาสมุทรเป็นอย่างดีจนเป็นท่ียอมรับ โดยทั่วกนั ว่า ถ้าดาน้าลึกต้องชาวเลอุรกั ลาโว้ย พรานก้งุ มังกรกต็ อ้ งอุรกั ลาโวย้ 2 เรอื ลักษณะเฉพาะของอุรกั ลาโว้ย

22 ภาพที่ 15 ตวั อย่างภาษาอูรักลาโวย้ ประการที่สอง ด้านภาษา มีการสื่อสารด้วยภาษา “อุรักลาโว้ย” ซ่ึงมีความคล้ายกับภาษามลายู อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับภาษาเขียนมากนัก ปัจจุบันชาวเลอูรักลาโว้ยได้คิดค้นการเขียนภาษาอูรัก ลาโว้ยดว้ ยภาษาไทยท่ีบา้ นสงั กาอู้ จงั หวดั กระบี่ แต่ยงั ไม่เผยแพรไ่ ปสู่ชาวอรู กั ลาโว้ยจงั หวัดอ่ืน ๆ มากนกั ภาพท่ี 16 ตัวอยา่ งการแสดงรองแงง็ ของชนเผ่าอูรักลาโวย้ ประการท่ีสาม ด้านการละเล่นมีการเล่นร้องรา “รองแง็ง” “เล่นรามะนา” และ “รากาหยง” ใช้ใน ทุกโอกาสท้ังงานรื่นเริงและโศกเศร้า ปัจจุบนั ยังมีการสบื ทอดโดยมคี ณะรองแง็งทีโ่ ดง่ ดังคือ คณะของแม่ครูรอง แง็ง “มะจิ้ว” และยังคงรกั ษาสบื ทอดสู่รุ่นลูกหลานต่อไป

23 ภาพที่ 17 ศาลโตะ๊ ครี ี บรรพชนอรู ักลาโวย้ เกาะหลีเปะ๊ จงั หวดั กระบ่ี ความโดดเด่นด้านความเช่ือของอุรักลาโว้ย คือ ความเชื่อในคาสั่งสอนของบรรพบุรุษที่สืบทอดต่อ กันมา ความกตัญญทู ่ีแสดงออกผา่ นการเซน่ ไหว้เป็นการระลกึ ถึงความดงี ามที่บรรพบรุ ษุ ได้กาหนดเอาไว้ ดงั นั้น เมอื่ ปฏิบัติตามหลกั ความเช่อื ดังกลา่ วจึงเปน็ หลักยึดเหนย่ี วจิตใจให้มีสานึกในการกระทาความดี ท้งั น้ี ไม่มีการ บันทึกคาสอนเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนใหญ่พิธีกรรมต่าง ๆ จะถูกส่ือสารกับบรรพบุรุษโดย “โต๊ะหมอ” ซึ่ง เป็นผนู้ าทางความเช่ือสูงสุดของชุมชน ปัจจุบันอรุ ักลาโว้ยหลายคนนับถอื ศาสนาพุทธ อิสลาม และคริสต์ ตาม คนพน้ื ถนิ่ และการเข้ามาเผยแพรศ่ าสนาจากภายนอก

24 ภาพท่ี 18 ปราฮปู ราจ๊ักของชาวเลอรู กั ลาโวย้ ท่ีคนไปพบกาลงั ลอยในทะเล ประเพณที ีโ่ ดดเด่นในระดับเผา่ ของชาวเลกลุ่มชาติพนั ธุ์อุรักลาโวย้ คอื ประเพณีลอยเรอื หรอื “ฮารี ปราจัก๊ ” ซง่ึ จะถูกจัดข้นึ ในเดือน 6 และเดือน 11 ตามปฏิทินจันทรคตขิ องทุกปี ความหมายของการสะเดาะ เคราะหแ์ ละการเซ่นไหว้บรรพบรุ ษุ ความสานึกและศรัทธาได้ถูกถา่ ยทอดทางพิธีกรรมโดยจะมกี าร ประดษิ ฐ์ประดอยเรือที่ทาจากไมร้ ะกาอยา่ งงดงาม ตามความเช่ือที่ว่าเรือจะบรรทุกเคราะหก์ รรมและนาพาไป พรอ้ มกับวญิ ญาณชาวอุรกั ลาโวย้ ทเี่ สียชีวติ ในแตล่ ะปี โดยการท่บี รรพบรุ ษุ มารับกลบั สเู่ ทือกเขา “ฆุนุงฌึไร”

25 ภาพท่ี 19 ศาลดาโตะ๊ โต๊ะบาหลวิ เกาะลนั ตา จังหวัดกระบ่ี พธิ กี รรมสาคัญอกี อย่างหนง่ึ คือพธิ ีเซน่ ไหว้ “ดาโต๊ะ” หรือบรรพบุรุษที่เปน็ เหมือนเทพสูงสุดตามตานานจะมี ดาโตะ๊ 7 องค์ ซงึ่ สถติ อยู่ตามเกาะต่าง ๆ ในอนั ดามันคอยปกป้องคุม้ ครองลูกหลาน และมี “โต๊ะ”หรือ “เทพ” ท่ีเชือ่ กันวา่ เปน็ ผดู้ ูแลธรรมชาติทีอ่ ยู่ตามเกาะและอา่ วตา่ ง ๆ ท้งั ยงั มีพธิ ยี ่อยที่ชาวอรุ ักลาโวย้ เซน่ ไหว้บรรพ บรุ ุษในตระกลู ตามเวลาของแต่ละที่ ซ่งึ ใช้การนับตามปฏทิ ินจันทรคติ อาทิ พิธเี ซน่ ไหวบ้ รรพบรุ ุษ เดือน 4 หรือ เดอื น 5 พิธแี ตง่ “ฌึไร” หรอื สุสาน ก็ทาในเดือน 4 และเดือน 5 เชน่ เดียวกนั พธิ ที าบุญกลางบ้านเดือน 4 หรือเดือน 9 และยงั มีพธิ ยี ่อยอืน่ ๆ อกี มากมาย เช่น ไหว้แม่ย่านาง เซ่นไหว้โตะ๊ ตา่ ง ๆ นอกจากน้ันแล้วยังมี ประเพณี “ขอขนมเดอื นสบิ ” เปน็ ประเพณที ่ีเพง่ิ เกิดข้นึ หลงั ยา้ ยมาจากรฐั ไทรบรุ ี เน่อื งจากไม่มเี คร่ืองเซ่นไหว้ เดมิ เป็นการแลกเปลีย่ นของทะเลกบั เคร่ืองเซ่น ไมใ่ ช่การนั่งและเดินขออย่างเชน่ ทปี่ ฏิบตั ิในปัจจบุ ัน

26 ภาพท่ี 20 ผเู้ ฒ่า มะดเิ อน็ ผู้นาทางจติ วญิ ญาณโตะ๊ บาหลวิ ดา้ นสงั คม ชาวเลอรุ ักลาโวย้ มีระบบการปกครองตามจารตี คือ การฟงั ส่งิ ท่ี “โต๊ะหมอ” บอกกล่าว ดว้ ยความ เปน็ เครือญาติท่ีเช่อื มโยงกันท้ังอันดามัน ทาให้เห็นการไปมาหาสกู่ นั ทเ่ี หนียวแน่น แตส่ าหรับความรู้และ ประสบการณร์ ว่ มกบั สังคมภายนอก ชาวอุรักลาโวย้ เปน็ กลุ่มคนที่ไรก้ ารศึกษา ทาให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ เป็น เหตุใหป้ จั จุบนั ตอ้ งลุกข้ึนมารวมตวั กนั เรียกรอ้ งสิทธขิ องตวั เอง

27 ภาพท่ี 21 บา้ นในนา้ ชุมชนอุรกั ลาโวย้ โตะ๊ บาหลวิ เกาะลนั ตา จังหวดั กระบี่ ด้านกายภาพ ชุมชนชาวเลอุรักลาโวย้ ตั้งถ่ินฐานอยู่รมิ ชายฝ่ังทะเลนับแต่เร่ิมมีนโยบายการพัฒนาการ ทอ่ งเท่ียวในยุคตา่ ง ๆ การพฒั นาพ้ืนทีแ่ ละส่ิงก่อสร้างเร่ิมล้อมรอบชุมชนอรุ ักลาโวย้ ที่ดินราคาสูงข้ึน ผู้คนเพ่ิม จานวนมากข้ึน เศรษฐกิจดีขึ้น ท่ีผ่านมารัฐมักส่งเสริมการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ไม่สนใจการท่องเท่ียวเชิงวิถี วัฒนธรรม ชาวอุรักลาโว้ยจึงเสนอแผนและริเร่ิมกจิ กรรม “ชาวเลพาเท่ียว” ดว้ ยการอาศัยลักษณะเฉพาะทาง กายภาพของพืน้ ที่ รวมท้งั วิถวี ฒั นธรรมทงี่ ดงาม เพอ่ื เปน็ ทางเลือกในการท่องเท่ยี ว

28 2.2.2 ขอ้ มูลระดบั เผ่า ชนเผา่ มอแกน ภาพท่ี 22 ช่ือภาพ มอแกนแค่ในจินตนาการ ชนเผ่ามอแกนไม่มีบันทึกหรือคาบอกเล่าจากบรรพชนว่าถ่ินฐานที่มาของกลุ่มชาติพันธ์ุตนเป็นการ อพยพมาจากท่ีใด ตามคาบอกเล่า มอแกน มีความสัมพันธ์และไปมาหาสู่กับพี่น้องมอแกนในฝ่ังพม่าต้ังแต่ยัง ไม่มปี ระเทศไทย มีการบันทกึ ของนักเดินเรือและการสืบค้นประวตั ิโดยนักมานษุ ยวทิ ยายืนยันว่า ชาวเลชนเผ่า มอแกนตั้งถ่ินฐานด้วยการล่อง “ก่าบาง” (เรือมอแกน) ไปตามเกาะแก่งต่าง ๆ ของทะเลฝ่ังอันดามันมาอย่าง ยาวนานก่อนจะมีการกาหนดเส้นแบ่งเขตดินแดนและเขตน่านน้าระหว่างประเทศไทยกบั พม่า การมีวิถีชีวิตที่ เคลื่อนย้ายไปอ่าวต่าง ๆ หมุนเวียนตามฤดูกาล ทาให้ทรัพยากรธรรมชาติฟ้ืนตัวจากการใช้อย่างสมดุลมีความ อุดมสมบูรณ์มาตลอด แต่กลับเป็นเหตุให้มีการประกาศเขตอนุรักษ์ของรัฐและจัดพ้ืนท่ีธรรมชาติรองรับการ ท่องเที่ยวในพ้ืนที่เกาะต่าง ๆ ส่งผลให้ชาวมอแกนมีปฏิสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวและคนภายนอกมากขึ้นและ ความอดุ มสมบูรณค์ อ่ ยๆหายไป

29 ภาพท่ี 23 โพสเตอรห์ นังมอแกน99ครึ่งก็ถึงได้ การท่ีชาวมอแกนมภี มู ิปญั ญาและวิถีชวี ิตทม่ี ีความเปน็ เอกลักษณ์ รวมถึงบริเวณที่ตงั้ ชุมชนทเ่ี ปน็ แหล่ง ท่องเท่ียวธรรมชาติท่ีสมบูรณ์ ทาให้มีการนาวิถีชวี ิตชาวมอแกนไปถ่ายทาเป็นภาพยนตร์เร่ือง มอแกน99คร่ึงก็ ถึงได้ เป็นหนังที่ทาให้เห็นบรรยากาศเกาะสุรินทร์ในสมัยนั้น และสารคดีเผยแพร่ผ่านส่ือในรูปแบบท่ี หลากหลายมากมาย ภาพท่ี 24 ผู้เฒา่ ชาวเลชนเผา่ มอแกนท่ีเกาะสรุ ินทร์ จากการสัมภาษณผ์ ู้เฒ่าชาวมอแกนเชื่อตามเร่ืองเล่าประวัติของมอแกนว่า ชาวมอแกนคอื เผา่ เดียวกัน ท่ีอพยพจากอ่าวไทย เลียบมาทางชายฝ่ังทางช่องแคบมะละกาในยุคหนีภัยตามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ด้วยเพราะ

30 ฤดูกาล ฝนฟ้าอากาศ ระยะทาง ระยะเวลาเดินทางอันยาวนาน ความไม่ม่ันคงในชีวิตทต่ี ้องเคล่ือนย้าย การซึม ซับอารยธรรมระหว่างทาง เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้ชาวมอแกนสูญเสียการสืบทอดด้วยการบอกเล่าเร่ืองราว เกีย่ วกับประวัตศิ าสตรข์ องตัวเองแก่ลกู หลานในรุ่นตอ่ ๆ มา ความโดดเด่นในอัตตาลกั ษณ์ ภมู ปิ ญั ญาดั้งเดิม ภาพที่ 25 “ก่าบาง” หรอื เรอื มอแกนทเ่ี กาะสรุ นิ ทร์ จังหวัดพงั งา ด้านการดารงวิถีชีวิต บรรพบุรุษชนเผ่ามอแกนมีการถ่ายทอดวิถีที่มีความกลมกลืนกับธรรมชาติของ เกาะในทะเล ดารงตามฤดูกาล ผลิตของใช้ทั้งหมดจากธรรมชาติ มี “ก่าบาง” หรือเรือของมอแกนมีลักษณะ พิเศษคือหัวบาก ทาจากไม้ท้ังต้น เสริมกราบด้วยไม้รากา ใช้เป็นท่ีอาศัยและล่องไปตามเกาะต่าง ๆ ในช่วง ฤดูแลง้ ท่ลี มสงบ เพอื่ หาอาหารหล่อเลย้ี งชวี ิต เหลอื กแ็ ลกข้าวและอาหารจากคนบนฝง่ั เรอื่ งความสามารถและ ภมู ปิ ญั ญาการดาน้าและวา่ ยนา้ เก่งก็เปน็ ท่ียอมรบั จากคนทั่วไปทีไ่ ด้พบเห็น

31 ภาพท่ี 26 น.ส.กะดอ๊ ด กล้าทะเล มอแกนทไ่ี มส่ ามารถเขา้ ถึงการรกั ษาโรคมะเรง็ (เสียชีวิต พ.ศ.2562) ดา้ นสิทธิสถานะ การอยู่ตามเกาะแก่งกลางทะเลทห่ี ่างไกลทาให้ ชาวเลชนเผ่ามอแกนขาดโอกาสการ เข้าถึงระบบสามะโนประชากรถูกรัฐเข้าใจว่าเป็นกลุ่มพม่าอพยพ แต่เมื่อได้รับพระราชทานนามสกุลก็ได้รับ การยอมรับจากสังคมก็มากข้ึน ปัจจุบันชาวมอแกนส่วนใหญ่ยังไม่มบี ัตรประจาตวั ประชาชน บ้างก็ถือบตั รผู้ไม่ มสี ถานะทางทะเบียนราษฎร์หรอื บัตรเลข 0 ซง่ึ เขา้ ไม่สามารถเขา้ ถึงระบบสวัสดกิ ารและสาธารณปู โภคจากรฐั ภาพที่ 27 สภาพอ่าวบอนตอนอพยพมอแกนมารวมกันช่วงหลงั สนึ ามิ ดา้ นการเขา้ ถึงพน้ื ทท่ี ากนิ ด้ังเดมิ ในเขตอทุ ยานฯ ไดอ้ าศยั มติ ครม. เม่ือวนั ที่ 2 มิ.ย. พ.ศ.2553 แก้ปญั หานี้ โดยมีคณะกรรมการแกไ้ ขปญั หาความมน่ั คงชาวเลเปน็ กระบวนการหลกั ซง่ึ ชนเผ่ามอแกนรว่ มกบั

32 เครอื ข่ายชาวเลอนั ดามนั และภาคีผลกั ดันและดาเนนิ การเพ่ือออกบตั รประจาตวั ประชาชนอยู่ แมจ้ ะดเู หมือน สงั คมจะเข้าใจมากขึ้นแต่ความเปน็ จริงคือทรพั ยากรท่ีเคยใช้ดารงชีวิตถูกกาหนดให้อย่างไมพ่ อใช้ เม่ือไปทางาน ได้เปน็ แคล่ ูกจ้างอุทยานฯ และเป็นแรงงานไรค้ วามรู้ รายได้นอ้ ย ถกู โกง ถกู หลอกเปน็ เรื่องทีเ่ กิดขึ้นบอ่ ย หลงั หลังเหตุการณส์ นึ ามิชาวเลมอแกนหลายเกาะกลับไปอาศยั อยู่ที่เดิมไม่ได้ เนื่องจากท่ีอยู่อาศยั เดิมถูกอ้างสทิ ธ์ิ ครอบครอง อทุ ยานฯกจ็ ัดพื้นทใ่ี ห้อยู่รวมเปน็ กลุ่ม ๆ บางเกาะก็ถกู ไล่ บางเกาะก็อยู่กับท่ีดินของผู้อืน่ การ ท่องเท่ียวเร่ิมขยายตวั ถึงในทุกท่ี คนรุ่นใหม่ของชาวมอแกนหลายเกาะนาเสนอวิถวี ฒั นธรรมในพืน้ ท่ชี ุมชน ซงึ่ มี การท่องเทยี่ วอยู่แล้วภายใตช้ อ่ื ที่เรียกว่า “มอแกนพาเท่ียว” กาลงั เช่อื มร้อยเปน็ เส้นทางทอ่ งเทีย่ วเรียนรวู้ ิถี วฒั นธรรมชาวเลทง้ั 5 จงั หวัด เพยี งแตย่ ังไมม่ หี นว่ ยงานเขา้ มาร่วมอยา่ งจริงจังนกั ภาพท่ี 28 ตัวอยา่ งภาษามอแกน ด้านภาษา นักวิชาการระบุว่าเป็นภาษาในตระกูลออสโตรนีเชียน ภาษากลุ่มมาลาโย-โพลีนีเชียน สาขามาเลย์อิก ซึง่ เชอื่ กันว่าคลา้ ยคลึงกบั ทางใต้ของประเทศพม่าตง้ั แตเ่ มืองมะริดลงมาทางใต้ พบมากในเกาะ ของพม่าภาคใต้และคาบสมุทรเมกุย ไปจนถึงจังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบ่ี ของ ประเทศไทย ใกล้เคียงกับภาษามอแกลนและมีความสัมพันธ์กับภาษาอุรักลาโว้ย เรียงประโยคแบบประธาน- กิรยิ า-กรรม ชนเผา่ มอแกนไมม่ บี ันทึกภาษาเขยี น แต่มภี าษาพดู เปน็ ของตัวเอง คลา้ ยกันกบั ภาษามอแกลนแตจ่ ะไมม่ ี ศพั ท์ไทยปะปนมากนัก นอกจากการใช้เรยี กสง่ิ ท่มี นุษย์สรา้ งข้นึ มาใหม่และไม่มีในพนื้ ถนิ่ เดก็ ชาวมอแกนก็ใช้ ภาษาตวั เองเป็นหลักในการสื่อสารกนั ในครอบครวั ตอนน้ีภาษามอแกนถูกข้นึ ทะเบยี นเป็นมรดกโลกดว้ ย

33 ภาพที่ 29 ยาย มเี ซ๊ีย กลา้ ทะเล ครเู พลงและผู้นาทางจติ วิญญาณ การละเล่น ศาสตรก์ ารละเล่นทีช่ าวเลมคี อื การเลน่ รามะนาและรองแงง็ ใชใ้ นวาระตา่ ง ๆ เหมอื นกบั ชาวเลชนเผา่ อ่ืน ๆ ในยคุ นีย้ ังมบี ทเพลงของมอแกนทเี่ ป็นภาษามอแกนดง้ั เดิม มีบทร้องอยู่ท่ชี ุมชนมอแกน เกาะสรุ ินทร์ อาเภอครุ ะบรุ ี จังหวดั พังงา ชุมชนมอแกนเกาะเหลา จังหวดั ระนอง วธิ กี ารร้องเปน็ การแตง่ สด ๆ คลา้ ยกับเพลงบอกของภาคใต้ เคร่ืองดนตรีใช้รามะนาเป็นหลัก ไม่ค่อยมีเครอ่ื งดนตรอี ย่างอน่ื เหมือนอรุ ักลา โวย้ และมอแกลน

34 ภาพที่ 30 หลอ่ โบง สญั ลักษณบ์ รรพบรุ ุษ ไมแ้ กะสลกั ผู้หญิง-ผ้ชู าย ความเช่ือ มีความเช่ือบรรพบุรุษและสิ่งศักด์ิสิทธ์ิในธรรมชาติเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจให้ปฏิบัติเป็น เหมือนกฎที่ใช้บังคับกาหนดจิตสานึก ปลูกฝังโดยการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ชาวเลมอแกนมีเสาหล่อโบงเป็น สัญลักษณ์ของพิธีกรรม เช่ือว่าบรรพบุรุษจะมาสิงสถิตท่ีเสาหล่อโบงเม่ือทาพิธีกรรม ชาวลมอแกนยังนับถือสิ่ง ศกั ด์สิ ทิ ธิอ์ น่ื ๆ ทเ่ี ชอ่ื วา่ คอยปกปอ้ งดแู ลธรรมชาตทิ ้ังป่าเขาและในทะเล

35 ภาพท่ี 31 ตัวอยา่ งสกปู๊ ขา่ วชามมอแกนกบั ประเพณสี ารทเดอื นสบิ ด้านประเพณี ของชาวเลมอแกนไม่มีประเพณีทางความเช่ือท่ีเป็นประเพณีด้ังเดิม แต่การเคลื่อนย้าย ไปอ่าวต่าง ๆ เป็นการดารงชีวิตเคลื่อนย้ายตามฤดูกาลเป็นเสมือนประเพณีกรรมที่บรรพบุรุษที่ต้องปฏิบัติ แต่ ปัจจุบันมอแกนถูกจากัดการใช้พ้ืนที่จากหน่วยงานรัฐและกลุ่มผู้บุกรุกที่ดินรัฐ ทาให้ไม่สามารถล่องเรือไปพัก ค้างแรมตามประเพณีได้ สว่ นประเพณีปฏิบัติท่ีเชื่อกันว่าเหมือนกันกับชาวเลเผ่าอ่นื ซ่ึงยึดโยงวิถีปฏิบัติเข้ากับ ประเพณี “ไหว้ตา-ยาย” เดือนสิบของคนไทยภาคใต้ชาวมอแกนเรียกว่า “หย๊าหลื่อฉิ๊บ” หรือไป “กินบุญ เดือนสิบ” เมื่อไกล้ถึงวันทาประเพณีชาวเลมอแกนฝ่ังจังหวัดพังงาจะพากันข้ึนมาจากเกาะ นอนท่ีบนฝ่ังก่อน หน่ึงถึงสองคืน

36 ภาพท่ี 32 แหห่ ลอ่ โบงในทะเลของชาวเลมอแกนเกาะสรุ นิ ทร์ ดา้ นพิธีกรรม แต่ละปีจะมีพิธีกรรมใหญ่ของชาวเลมอแกน คอื “หล่อโบง” เป็นพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ จดั ในเดือน 5 ขา้ งขน้ึ ของทกุ ปี ส่วนวันเวลาแลว้ แต่ “บ่าบอ่ะด่อ” หรือพ่อหมอใหญ่ประจาหมู่บ้านกาหนด เม่ือ ใกล้ถึงวันพธิ ีชาวเลชนเผ่ามอแกนที่ไปอยู่ในทห่ี ่างไกลกจ็ ะกลบั มาทาพิธี ปัจจุบนั มอแกนหลายเกาะไมไ่ ดท้ าพิธี นแี้ ลว้ เนือ่ งจากหนั ไปนบั ถอื ศาสนาคริสตห์ รอื บางทไ่ี ม่มหี มอทาพิธีแล้ว ภาพที่ 33 ตวั อยา่ งชาวมอแกนท่ีอาศยั อย่กู นั เป็นสังคมเฉพาะกลุม่ ด้านสังคม ด้วยการอาศัยอยู่พ้ืนที่ห่างไกลทุรกันดารแยกตัวอยู่เป็นสังคมเฉพาะกลุ่ม ไม่ค่อยได้รับรู้ วัฒนธรรมภายนอก ระบบสังคมของชาวเลมอแกนในชุมชนจึงมีความกระชับมากและอ่อนแอด้านองค์ความรู้ และประสบการณท์ างสังคม บอ่ ยครงั้ ท่ีตอ้ งถกู จับกมุ ตัว เพราะถกู ต้องสงสัยว่าเปน็ คนตา่ งดา้ ว การสื่อสารเกือบ ทุกพ้ืนท่ีจะมีผู้นาในชุมชนหรือหย่อมบ้าน ท่ีเปรียบเสมือนผู้ใหญ่บ้านคอยประสานกับบุคคลภายนอก

37 ความสัมพันธ์เครือญาติระหว่างเกาะฝ่ังพม่ากับไทยหรือระหว่างเครือญาติยังยึดโยงกันพอสมควร มีการไปมา หาสู่บอ่ ยกนั บอ่ ยครั้งแตไ่ ม่ข้ามจังหวดั สักเทา่ ใดนัก ภาพที่ 34 บา้ นในอา่ วบอนของชนเผ่ามอแกน เกาะสรุ ินทร์ ด้านกายภาพ ถิ่นอาศัยของชาวเลชนเผ่ามอแกน เปน็ พื้นท่ีเกาะทีเ่ คยอาศัยตามฤดูกาลคานึงถึงมรสุม การข้ึน-ลงของน้าเรือสามารถเข้าออกได้สะดวก ท่าจอดเรือไม่ไกลจากบ้านเรือน มีแหล่งน้าจืด และมีแหล่ง อาหารท่สี ามารถดารงชวี ติ ไดใ้ นชว่ งมรสุม

38 2.3.3 ขอ้ มูลระดบั เผ่า ชนเผา่ มอแกลน ภาพที่ 35 เยาวชนชนเผา่ มอแกลนทศ่ี าลบรรพชน “ตาสามพนั ” มอแกลนคือกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลท่ีถูกมองว่าผสมกลมกลืนกับคนพื้นเมือง หลงลืมอัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์ ของตนเอง ท้ังท่ีเป็นกลุ่มท่ีเกบ็ เร่ืองราวประวัติศาสตร์และยังคงประเพณพี ิธกี รรมเอาไว้ได้เกือบ ครบถ้วน การพัฒนาท่ีเข้ามาในพ้ืนที่ กฎหมายท่ีประกาศการบริหารปกครอง ล้วนมองข้ามกลุ่มมอแกลนผู้ได้ ช่ือว่าเป็นกลุ่มคนไทยใหม่ เงื่อนปมประวัติศาสตร์การตามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ท่ีกาลังถูกแกะและผลักดันให้เป็น พ้ืนที่คมุ้ ครองทางวฒั นธรรมกลมุ่ ชาติพนั ธชุ์ าวเลชนเผ่ามอแกลน

39 ภาพที่ 36 ภาพพ่อตาสามพนั ลักษณะตามนิมติ ”เฒา่ เจือ้ ง”บอก โดยเยาวชนชาวเล ประวัตศิ าสตรช์ นเผ่ามอแกลน ชนเผ่ามอแกลนหรือช่ือเรียกท่ีออกเสียงสาเนียงถูกต้องว่า “หม่อแกล๊น” มีประวัติศาสตร์จากคาบอก เล่าถึงการตั้งถิ่นฐานบริเวณชายฝ่ังอ่าวไทยยาวนานถึง 13 ช่ัวอายุคนมาแล้ว เม่ือเทียบช่วงอายุกับเวลาและ สถานท่ีบอกเล่า บรรพบุรุษสันนิษฐานว่าบรรพชนมอแกลนในยุคน้ันศูนย์กลางอารยธรรมชนเผ่ามอแกลน อาศัยอยบู่ ริเวณชมุ ชนโมคลาน ตาบลโมคลาน อาเภอท่าศาลา เขตจังหวดั นครศรธี รรมราชในปจั จุบันและมีการ กระจายตัวอาศัยแถบชายฝ่ังอ่าวไทย จนถึงบริเวณมีผู้นาการปกครองเมืองในยุคน้ันคือ “พ่อตาสามพัน” หรือ “บาบส้ามพัน” คาว่า “บาบ” เป็นคาท่ีใช้เรียกบรรพชนท่ีชาวมอแกลนนับถือและเคารพบูชา ในยุคนั้นมอ แกลนใช้การปกครอง/อาศัยอยู่ร่วมกันแบบเครือญาติ การสืบทอดผู้นาเป็นไปตามสายตระกูลมีประชากรนับ หมื่นกระจายตัวตามอ่าวต่าง ๆ มอแกลนมีการปลูกข้าวไร่และหากินในทะเลอย่างอิสระ คาเรียกตัวเองท่ีออก เสยี งวา่ หมอ่ แกล๊นคือชือ่ ของผนู้ าและเปน็ ชอื่ เมืองของชนเผ่ามอแกลนในอดีต

40 ภาพที่ 37 ผ้เู ฒ่าเจอ้ื ง ชัยวงศ์ ผู้นาชนเผา่ ท่ีเปิดเผยเร่อื งเล่าประวัตศิ าสตรต์ อ้ งห้าม การตามฆ่าล้างเผา่ พันธ์ุ (2552) กระทั่งถึงยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชนเผ่ามอแกลนต้องประสบกับความยากลาบาก “อี่บูม” นอ้ งสาวของพ่อตาสามพันต้องไปแต่งงานกบั เจ้าผูค้ รองแผน่ ดิน แตย่ งั ไม่เป็นทพ่ี อใจของผปู้ กครอง มกี ารลวงให้ ทหารพามาฆ่าที่อันดามันแตพ่ ่อตาสามพันก็รอดมาได้ และต่อมาเสยี ชีวิตท่ี “หลือ่ ฉั๊ก” หรือหาดบางสัก ขณะที่ ชาวมอแกลนกาลังจะถูกกาจัดได้แตกกระจายออกเป็น 3 สาย คือสายทางน้าและสายทางบกมุ่งเดินทางสู่ฝั่ง ทะเลอันดามัน หลังการสร้างเจดีย์ใหญ่ต้องสูญเสียชีวิตชาวมอแกลนไปมากมาย จากน้ันสายท่ี 3 ที่ยอมถูก ปกครอง ถูกข่มเหง รังแก แตกกระจายกันไปอยู่ตามป่าทึบอ่าวต่าง ๆ ในท่ีห่างไกลพวกของ “องค์ดา” แต่ไม่ ไกลจากโมคลาน สันนิษฐานว่าหลังจากข่าวพ่อตาสามพันเสียชีวิต “ทวดธานี” หลานของตาสามพันได้เป็นผู้นาชาว มอแกลน รวมชาวเลมอแกลนสายตระกูลต่าง ๆ เช่น ตระกูลพ่อตาสามพัน ตระกูลครูหอ ตระกูลตาหมอ ตระกูลพ่อตาธงสามสี ตระกูลพ่อตาหลวงจักร เป็นต้น ชาวเลมอแกลนแต่ละตระกูลนับพันคนได้เดินทางหนี จากฝ่ังตะวันออกอพยพมาฝั่งตะโกลาหรือชายฝ่ังทะเลอันดามันแถบชายฝ่ังจังหวัดพังงาและภูเก็ต โดยการ หลบหนีมาท้ังทางบกซ่ึงเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าในอดีต (และยังมีหนีทางทะเล ผ่านช่องแคบมะละกา คือ “มอแกน” ในปัจจบุ นั ) ขอ้ มลู ตาม “เรอ่ื งเล่าตอ้ งหา้ ม” ทีส่ ืบทอดตอ่ กนั มาในตระกูลสายผ้นู า

41 ภาพที่ 38 ภาพแสดงเสน้ ทางการอพยพจากโมคลานอา่ วไทยส่บู ้านอากนู อันดามัน (พ.ศ.2552) เมื่อเดินทางข้ามบุกป่าฝ่าเขามาถึงป่าชายเลนฝ่ังอันดามันที่เงียบสงบ ไร้ผู้คน จึงตั้งหมู่บ้านช่ือ “อา กูน” (ปัจจุบันเรียก “นากูน” หรือ “ต้นกูน”) ตาบลกะไหล อาเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ด้วยภูมิปัญญาและ วิชาอาคมที่ถ่ายทอดจากพ่อตาสามพันเพียงพอในการทาให้ทวดธานีดูแลชาวมอแกลน องค์ความรู้ข้าวไร่ท่ีติด ตัวมาจากถ่ินฐานท่ีจากมาถูกปลูกบนแผ่นดินชายฝั่งอันดามัน เม่ือมีข้าวและภูมิปัญญาในการทามาหากินทาง ทะเล ชาวมอแกลนจงึ ดารงชีวติ อย่ไู ด้ จากคาบอกเล่าของเฒ่าเจ้ือง ชัยวงศ์ ผสู้ ืบทอดผนู้ าชนเผา่ มอแกลนว่า บรรพชนกลุ่ม “ทวดธานี” หลัง ปักหลกั อยู่อย่างสงบไดห้ ลายปี เหตุการณ์เลวร้ายก็เกดิ ขึ้นในคืนเดือนมืดที่หมู่บ้านอากูน หอกปลายแหลมจาก คนขององค์ดากระทงุ้ แทงผา่ นร่องพื้นฟากไมไ้ ผเ่ ข้าทางทวารของทวดธานจี นเสียชวี ิตในทันใด เมอ่ื ชาวมอแกลน เสียผู้นาก็หวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่ปู่ของทวดกลอม (เฒ่าเจ้ืองผูเ้ ล่าจาช่ือท่านไม่ได)้ ซ่ึงเป็นลูกของทวดธานี สืบทอดการเป็นผู้นาคนถัดมาร่วมกับผู้นาสายตระกูลต่าง ๆ ตดั สินใจย้ายที่ตัง้ โดยพาชาวมอแกลนอพยพมาอยู่ ป่าใหญร่ ิมคลอง “ในหยง” ไม่ไกลจากบ้านอากูนนัก แต่ดว้ ยความยากลาบากเรื่องของเซ่นไหว้บรรพบรุ ุษตาม ความเช่ือของชาวมอแกลน ซึ่งเป็นความเช่ือเดียวกับคนพ้ืนถ่ินที่มีการทาพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษเช่นกัน การนา ของจากทะเลไปแลกเปลี่ยนเคร่ืองขนมเซ่นไหว้ในสารท์ เดอื น 10 จึงมีมานับแต่น้นั และนนั่ กเ็ ป็นเหตุใหเ้ กิดการ พบเหน็ และสัมพันธ์กับคนพ้ืนถน่ิ บรรพบุรุษชาวมอแกลนดารงวิถีชีวิตอย่างปกติสืบทอดการปกครองตามสายผู้นามาจนถึงรุ่นพ่อของ “ทวดกลอม” มีคน “ปาต๊กั ” หรอื มุสลิมเขา้ มาอาศัยอยรู่ ่วมบรเิ วณน้ันช่วยเหลือกันเหมอื นพน่ี ้อง ถ่ายทอดวิชา ภูมิปัญญาซ่ึงกันและกัน เปน็ การก้าวเข้าสู่ช่วงความเปลี่ยนแปลงจากเดิมการแต่งงานกันในเผ่ามาเป็นแต่งงาน ขา้ มเผา่ ในบางราย แต่เมื่อเวลาผ่านไปการข่มเหงเอารดั เอาเปรียบจากปาต๊ักบางกลุ่มก็เกิดขึ้นบนแผ่นดินแห่ง ทส่ี องน้ี

42 เม่ือไม่มีทางออกในการอยรู่ ่วมกัน ชาวมอแกลนยุคการนาโดยพ่อของ “ทวดกลอม” ซงึ่ เป็นหลานของ ทวดธานีก็ต้องยอมทิ้งผืนดินอันอุดม หลีกหนีความขัดแย้งท่ีอาจบานปลายด้วยกลัวท่ีจะให้ผู้อ่ืนรู้ถึงท่ีมาของ ชาวมอแกลน เพราะน่ันหมายถึงชีวิตชาวมอแกลนอาจต้องสูญส้ินท้ังหมด เหตุการณ์คร้ังนั้นถือว่าเป็นสาเหตุ การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของชาวมอแกลนแต่ละตระกูล เป็นการย้ายท่ีอยู่อย่างกระจัดกระจายไปตามจุดที่ เหมาะสมในป่าใหญ่ตลอดแนวแถบชายฝั่งทะเล ตั้งแต่ “ท่องคา” ท่านุ่น หรือรอยต่อพังงาภูเก็ตถึงเกาะ พระทองกบั เกาะระในตาบลเกาะพระทอง อาเภอครุ ะบรุ ี จงั หวัดพงั งาในปัจจุบัน การตั้งถ่ินฐานของชาวมอแกลนเกาะพระทองมักตัง้ ชุมชนอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลด้านในท่ีเป็นแผ่นดิน เป็นสถานท่ีสะดวกเดินทาง พักพิง อยู่อาศัย ทามาหากิน และหลบซ่อนจากภัยต่าง ๆ มาก่อนท่ีจะมีผู้คน ภายนอกจะเข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนถาวรเพ่ิมข้ึนในยุคของการพัฒนา และเป็นจุดพักท่ีสาคัญของชาว มอแกนและอุรักลาโว้ยในเกาะต่าง ๆ ก่อนเดินทางไปยังหมู่เกาะสิมิลันและเกาะภูเก็ต บริเวณทิศใต้และ ตะวันออกของเกาะพระทองเป็นป่าชายเลนผืนใหญ่ มีคลองสายย่อยอยู่มากมายที่ชาวมอแกลนเข้ามาใช้ ประโยชน์ด้วยการเก็บหาสัตว์ทะเลและประมงพ้ืนบ้าน บริเวณข้างเคียงเป็นเกาะแมว เกาะคราม เกาะคอเขา เกาะล้านและเกาะกลาง กเ็ ปน็ แหล่งธรรมชาตดิ ้ังเดิมและแหลง่ โบราณคดีสาคัญทางประวตั ิศาสตร์ในการต้ังอยู่ ของเมืองตะโกลาและชุมชนโบราณ การล่มสลายในคาบอกเล่าของชาวมอแกลนคือการเกิดคลน่ื ยักษ์ 7 ช้ันมา กลืนกินผู้คนและทาลายทุกอย่างที่ชายฝั่งจนทุกอย่างล่มสลาย ซ่ึงปัจจุบันมีการพบเหรียญอินเดียและร่องรอย การต้ังถิ่นฐานของผู้ท่ีเข้ามาค้าขายแลกเปล่ียนจากแดนไกล การศึกษาประวัติศาสตร์การตั้งถ่ินฐานของบรรพ ชนชาวมอแกลนอาจจะพาเราเกยี่ วโยงถึงเส้นทางการค้า เส้นทางลาเลียงสินค้าและข้าวของมาทางบกเพอื่ ข้าม ฝ่ังคาบสมุทรจากโบราณสถานทุ่งตึก ร่องรอยอารยะธรรมท่ีเป็นหลักฐานจากแม่น้าตะก่ัวป่า คลองสก แม่น้า ตาปี และการเกณฑ์หรือบังคับแรงงานในการสร้างบ้านแปงเมืองบริเวณภาคใต้ของไทยต้ังแต่ยุคอดีตจนถึง ปัจจุบัน สว่ นด้านใต้สุดหลังจากกระจายตัวจากบ้านในหยง เดิมมีบ้านด่านยิดทไี่ กลสุด แต่ยุคหนึ่งก็ต้องอพยพ โยกย้ายมาบ้านท่าใหญ่และหินลูกเดียว ปัจจุบันมีชุมชนมอแกลนคือบ้านเหนือหรือบ้านหินลูกเดียวจังหวัด ภูเกต็ ซ่ึงเป็นชุมชนอยู่ทางใตส้ ุดมีความเก่าแกท่ ่ีอยกู่ ันมานานเชน่ เดียวกบั บ้านท่าใหญ่ ชาวมอแกลนมภี ูมิปัญญา และวิธีการใช้ธรรมชาติท่ีพอเพียงและสอดคล้องเป็นการอนุรักษ์ท่ีทาให้ถ่ินฐานชุมชนมอแกลนมีป่าชายเลน และป่าชายหาดท่ียังอยู่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งอาหารสาคัญของผู้คนชายฝั่งมานับร้อยปี จนกระท่ังการ สมั ปทานแร่ชว่ ง พ.ศ. 2478 และ พ.ศ. 2518 และป่าไม้ ช่วง พ.ศ. 2522 ทรัพยากรธรรมชาติและสิทธิในการ ครอบครองที่ดนิ กเ็ ปล่ียนไปส่งผลให้ในระยะท่ีผ่านมาในบางพื้นทีเ่ กิดการย้ายถ่ินฐานหลายครง้ั การนัดพบกนั ในชว่ งเดือน 3 หรือเดือนกมุ ภาพนั ธ์ของทุกปีท่ี “หาดหินลูกเดียว” ตาบลไม้ขาว อาเภอ ถลาง จังหวัดภูเก็ต อันเป็นที่มาของประเพณี “นอนหาด” ของชาวเลเผ่ามอแกลนท่ีเป็นที่รู้จักกันในหมู่คน ชายฝงั่ แถบภูเกต็ และพังงา เตบิ โตมากบั การพัฒนาเป็นเมืองทขี่ ยายตัวในยุคช่วง พ.ศ. 2479 ได้รับพระราชทาน นามสกุลหาญทะเล, กล้าทะเล ช่วง พ.ศ. 2502-2510 มีบัตรประชาชน ช่วง พ.ศ. 2518 เพราะรับจ้างเป็น ลูกจ้างกรมทางหลวงสร้างถนนเพชรเกษมเส้นตะก่ัวป่า–ท่านุ่น มีการให้นามสกุลเพิ่มจากผู้นาท้องที่ท้องถ่ิน เช่น ชยั วงศ์ ธงชัย นาวารกั ษ์ เปน็ ตน้

43 การนับสายตระกลู ผ้นู าของชนเผ่ามอแกลน จงั หวดั พังงา 1. พ่อตาสามพัน ครูหอ ตาหมอ (แผน่ ดนิ ท่ี 1 เมืองมอแกลน อ่าวไทย) 2. ลูกของพ่อตาสามพนั ,ครูหอ,ตาหมอ (แผ่นดนิ ท่ี 1 เมอื งมอแกลน อา่ วไทย) 3. ทวดธานี,พ่อตาหลวงจักร (แผ่นดนิ ที่ 1 ส่แู ผน่ ดินท่ี 2 อากูน อนั ดามัน) 4. ลูกของทวดธานี,พ่อตาหลวงจกั ร (รุน่ อพยพจากแผน่ ดนิ ท่ี 2 อากนู สแู่ ผน่ ดนิ ท่ี 3 ในหยง) 5. หลานของทวดธานี,พ่อตาหลวงจักร (รนุ่ อพยพจากแผน่ ดนิ ท่ี 3 ในหยง สแู่ ผน่ ดนิ ท่ี 4 ตามปา่ ทึบ ชายฝ่ังในจังหวดั พงั งา-ภูเกต็ ) 6. ทวดกลอม (เหลนทวดธานี พ่อทวดวาย) , ทวดแวด๊ -ทวดเคว็ด (เหลนทวดธานี พ่อแมท่ วดพง ) ทวดบูมชหู้ นุ้ม (เหลนทวดธานี แม่ทวดต้ม) ทวดชวย (เหลนทวดธานี พอ่ ของทวดเพลิน) ทวดมาง คน เกาะอาศยั ท่ีบางหม้อ (ยุคตัง้ หมูบ่ ้านแผน่ ดินที่ 4 ด่านยิด,บ้านเหนอื ,ลาปี นกโยง,อ่าวเคย บางเนียง , จาเปงิ บางเนยี ง, หลอื่ ฉัก๊ นากก ,ทุ่งตึก เหมอื งทอง จากอก เกาะคอเขา นา้ เคม็ ,คาล๋ะปากจก เกาะ พระทอง ) 7. ทวดวาย (พ่อเฒ่าเจือ้ ง เฒา่ เข้ือง) ทวดเพลนิ -ทวดพง (พ่อ-แม่ เฒา่ อยุ้ ,เฒ่าตุ๊,เฒ่าพล้ง) ทวดโผละ๊ - ทวดกี (เปน็ พ่อแม่เฒา่ ต๊คุ ี เกาะนก) ทวดจิ๊ (เปน็ ลกู พี่ ลูกนอ้ งทวดตม้ ตาของยายเขยี บ-ตาขาบ) ทวด ตม้ (แม่ของเฒ่าจิต) ทวดม้อย ทวดดา (คนเกาะพระทองลูกพีล่ ูกนอ้ งทวดต้ม) ทวดแจ็ก (พ่อของเฒ่า ออง) ทวดปิ๊ (คนเกาะ) (แผน่ ดินท่ี 5 แหลมหลา ปาพร๋ะ,ท่าใหญ่ คูยดิ . หมา่ นาว บีกา หินลาด , ยีปาง ทงุ่ มะพรา้ ว , หนิม้ ขนิม , คลองญวน , ลาแก่น , เขาหลัก , ท่องว้า , บางขยะ , ปากวปี , ทอ่ งเค็ด , บางหมอ้ น้าเคม็ ) 8. เฒา่ เจ้อื ง (พ่อตาโย ปา้ อ๋ยุ ป้าอ๋อย ) , เฒ่าขรดุ๊ -เฒา่ เขอ้ื ง (พ่อแม่ลงุ คม) , เฒ่าลิง (อ่าวน้าจืด เกาะระ เกาะพระทอง) , เฒ่าโฉด้ (พ่อของป้านา ป้าม้อย ปา้ น้อย) , เฒา่ วาด (ลกู พี่ลกู น้องเฒา่ เจื้อง), เฒา่ โบ้ง (ตาของผใู้ หญ่ประทปี ลาปี) , เฒา่ คลอ่ ง (ท่งุ หวา้ ) , เฒา่ ย้อย (ลูกพ่ลี ูกน้องเฒ่าเจื้อง อยู่ ลาแก่น) , เฒ่าอ้ยุ (ลูกทวดเพลิน อย่บู างขยะ) , เฒา่ ออง (แมป่ า้ เผนิ ) , เฒ่าพาล (ขนิม) , เฒา่ นกฝน (เขยมอ แกลนท่ีสืบทอดเร่ืองเล่าและวิชาอาคม อยนู่ ้าเค็ม) , เฒา่ แสง (แม่ปา้ หมุน) , เฒา่ ตุ๊คี่ (พ่อพม่ี าด) , เฒา่ พลง้ (แม่ป้าตุ๊ก) เฒ่าฉุ๊ด ( พอ่ ป้ากลว้ ย) , เฒ่านิล (บางขยะ) , เฒา่ จิต (พ่อลุงชล) เฒา่ บูน (แม่ลุง ชล) เฒา่ ลาภ (ทบั ตะวัน) เฒ่านาค (ซอยโกผดั น้าเคม็ ) (แผ่นดินท่ี 6 เกาะนก , ทอ่ งขที้ ราย-บา้ นนา- ในทอ่ ง-บนไร่ , บา้ นกลาง น้าเค็ม ) 9. ตาโย ปา้ อ๋ยุ ปา้ อ๋อย (ลูกของเฒา่ เจ้อื ง) ลุงคม (พ่อพี่เพ็ญ) ปา้ นา (แมข่ องเก้า) ปา้ เผิน (แม่พี่ชาต)ิ ป้า ตกุ๊ -ลุงชล(พอ่ ของอรวรรณ) ยายเขียบ (ป้าพี่หลง) ตาขาบ (ลงุ พ่ีหลง) ยายกิมตน้ิ (ตะกุลา เกาะระ) ป้า กลว้ ย ตาตุ๊ ตาหรีด ตาเนือ่ ง ตาเคล่ือน ยายเลก็ ลุงนึก (แผ่นดนิ ท่ี 7 ฝา่ ยทา่ คลองน้าเค็ม ซอยโกผดั ซอยสุพรรณ ) 10. พี่เพญ็ (ทา่ ใหญ่) อรวรรณ (บนไร่) พี่นวย (บา้ นนา ทับตะวัน) เกา้ (หนิ ลาด) พชี่ าติ (ทับปลา) พม่ี าด (เกาะนก) ผใู้ หญป่ ระทีป (ลาปี) พี่ดาว (ขนิม) พห่ี ลง (ทุ่งละออง) 11. ร่นุ ลกู ของรนุ่ ท่ี 10

44 12. รนุ่ ลกู ของรนุ่ ที่ 11 นามสกุลดัง้ เดมิ ชนเผา่ มอแกลนในจงั หวดั พังงา ภเู กต็ 1) หาญทะเล (นามสกลุ พระราชทาน) 2) กลา้ ทะเล (นามสกลุ พระราชทาน) 3) นาวารกั ษ์ (สส.เสถียร ) 4) สมทุ รวารี (สส.เสถียร) 5) นะทะเล (ไม่ทราบที่มา) 6) ปราบสมุทร 7) วารี 8) ธงชัย (กานนั ตาบลโคกกลอยเปน็ คนต้ังให้ ) 9) ชัยวงศ์ (กานันตาบลโคกกลอยเปน็ คนต้ังให้ ) 10) แดงเปียก 11) ตันเก 12) ตุหรัน ความโดดเดน่ ในอัตตาลกั ษณ์ ภูมปิ ัญญาดัง้ เดิมชนเผา่ มอแกลน ภาพท่ี 39 ชาวเลชนเผา่ มอแกลนบางสัก ตะก่ัวปา่ จงั หวดั พังงา ใช้ “วะ” รุนกุง้ เคยมาทากะปิ ดา้ นการดารงวิถีชีวิต ชาวเลชนเผ่ามอแกลนสืบทอดภูมิปัญญาการหาอยู่หากินมาจากบรรพบุรุษ ไม่ ว่าจะเป็นด้านกสิกรรมข้าวไร่และสวนผสมไว้กินตามฤดูกาล การทาประมงชายฝั่งดังคาบรรพบุรุษ ชาว มอแกลนได้กล่าวไว้วา่ ตาเหมือน “นกออก” นา้ เจ็ดศอกยังมองเห็น

45 ชาวเลชนเผ่ามอแกลนเริม่ ปรับเปลย่ี นวถิ ตี วั เองหลงั จากพน้ื ที่ทากนิ ถกู ประกาศเขตอนุรักษ์ ทาใหช้ าว มอแกลนที่สญู เสียภูมิปญั ญา จากยคุ ของการแลกเปลย่ี นกม็ ียุคท่รี ะบบเบีย้ เงนิ ตรา การไร้ความรดู้ ้านการสร้าง มูลค่าทางรายได้และเศรษฐกิจ ทาใหต้ อ้ งเปน็ สว่ นที่ต้องใชแ้ รงงานเพ่ือแลกรายได้ซ่ีงทัง้ หมดน้เี ป็นบทเรียนให้ ชาวมอแกลนต้องเก็บรักษาและถ่ายทอดภมู ิปญั ญาเพื่อไมใ่ ห้ลกู หลานพึ่งระบบเงินตราในการหาอยหู่ ากนิ มาก นกั หันมาตระหนักเรอื่ งของการรบั มอื ใหว้ ิถวี ฒั นธรรมได้คงอยู่ ไมว่ า่ จะเปน็ เรอ่ื งความมนั่ คงในที่อาศยั ที่ทากิน หรือเรอ่ื งทางเลือกการท่องเที่ยวเชงิ เรยี นรู้วถิ ีอัตลักษณ์วัฒนธรรมชาวเลฯ หรอื ทเ่ี รยี กวา่ “มอแกลนพาเท่ยี ว” ร่วมกับชาวเลทงั้ อนั ดามัน ภาพที่ 40 พจนานุกรมภาษามอแกลน ฉบบั ปรบั ปรุง ดา้ นภาษา จากการศึกษาและสืบประวัตมิ กี ารยืนยนั วา่ ชาวเลชนเผ่ามอแกลนมภี าษาเขียนและภาษา พูดของตัวเอง ลักษณะพยัญชนะคล้ายภาษาขอมโดยนักมานุษยวิทยาสันนิษฐานว่าเป็นรากภาษามาจากกลุ่ม ตระกูลภาษาออสโตรนิเชียน ตาราวิชาอาคมต่าง ๆ ได้สูญหายไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน สาหรับเหตุท่ีชาว มอแกลนเริ่มไม่พูดภาษาตนเอง เนื่องด้วยในยุคแรก ๆ หลังทวดธานีเสียชีวิตบรรพบุรุษก็เริ่มห้ามพูดภาษา มอแกลนเพราะกลัวว่าจะถูกตามฆ่า ต่อมาหลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 การทต่ี ้องเรมิ่ ปฏสิ ัมพนั ธ์กับสังคมภายนอก ทาใหล้ กู หลานชาวเลตอ้ งหดั พดู ภาษาถ่ินใต้ให้เก่ง ปัจจุบนั ลูกหลานชาวมอแกลนหลงลืมภาษาตัวเองเป็นสว่ นใหญ่ ในครอบครัวอาจมีแค่พ่อ-แม่ หรือคน เฒ่าคนแก่ที่ยังพูดภาษามอแกลนเป็นหลัก หลังจากเหตุการณ์สึนามิเยาวชนชาวเลชนเผ่ามอแกลนได้จัดเก็บ ข้อมูลของชนเผ่าตัวเองและตระหนักถึงปัญหานี้ หลังมติ ครม. เม่ือวันท่ี 2 มิ.ย. พ.ศ.2553 จึงมีแผนการฟื้นฟู ดา้ นภาษาตนเองอย่างเอาจริงเอาจังร่วมกับนักวิชาการ องค์กรเอกชน และหนว่ ยงานต่าง ๆ ได้จัดทาแบบการ เรยี นการสอนตามหลกั สูตรทผ่ี ู้รชู้ าวมอแกลนไดร้ ว่ มกันกาหนด

46 ภาพท่ี 41 ชาวมอแกลน รุน่ ยายลาภ ทบั ตะวนั แสดงรองแงง็ การละเล่น ภูมิปญั ญาด้านการละเล่นของชาวเลชนเผา่ มอแกลนที่ติดมาจากฝง่ั อ่าวไทย เชน่ มโนราห์ และเพลงบอก ยังมีท่ไี ด้ซึมซับอารยธรรมมลายูทางใต้อีก เช่น การละเล่นรองแงง็ และรามะนา จากคาบอกเล่า ครูเพลงรองแง็งและครูรามะนา มีท้ังท่ีมาจากสายอุรักลาโว้ยและมอแกลน ปัจจุบันการร้องรารองแง็งไม่ได้ใช้ ในงานร่นื เริงในหม่บู ้านหรอื ในพิธีกรรมต่าง ๆ แต่ยงั พฒั นาการแสดงเพ่ือใหเ้ กิดมาตรฐานมากขน้ึ รองแง็งหลาย วงมักถกู เชิญไปแสดงในงานสังคมและสถานประกอบการทอ่ งเท่ียวต่าง ๆ เป็นเหตุให้คนรุ่นหลังมองเหน็ คณุ ค่า ของภมู ิปัญญาการละเลน่ มากขนึ้ ภาพท่ี 42 ศาลพอ่ ตาสามพัน ความเชื่อ ชาวเลชนเผ่ามอแกลนนับถือ “บ่าบ” ซ่ึงเปรียบเทียบเป็นเทพ บรรพชนคนสาคญั คอื “บ่าบ สามพัน” หรือ “พ่อตาสามพัน” ในเรื่องเล่าเป็นบรรพชนท่ีต้องนับถือไว้สูงสุด รองลงมาคือบรรพชนผู้นาสาย ตระกูลท่ีพาบรรพบุรุษชาวมอแกลนอพยพมาจากในหยงซึ่งเป็นท้ังผู้นาทางการปกครองและเป็นผู้นาทางจิต วญิ ญาณ ซง่ึ จะมีการทาพิธีเซ่นไหว้ในทุกปีรวมถึงการเซ่นไหวส้ ่ิงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในธรรมชาติ ซ่ึงชาวเลชน

47 เผ่ามอแกลนให้การเคารพนับถือเช่นกัน หลักความเช่ือสาคัญของชาวมอแกลนคือมีคาสอนของบรรพบุรุษ ถา่ ยทอดผา่ นรุ่นสู่รุ่น เป็นหลกั ปฏิบัติท่ียดึ โดยความเกรงกลัวต่อวิญญาณบรรพชนที่คอยปกป้องและจับจ้องให้ โทษลูกหลานท่ีกระทาไม่ดีหรือทาผิดหลักธรรมชาติ บทลงโทษคือความเจ็บป่วย ความโชคร้ายจากการไร้ วิญญาณบรรพบุรุษซึ่งเป็นเทพคอยปกป้อง ปัจจุบันชาวมอแกลนท่ีเป็นชุมชนปัจเจกยังคงนับถือบ่าบพร้อม ๆ กบั ซมึ ซบั ความเชื่อและหลกั ปฏบิ ัตขิ องศาสนาพุทธควบคกู่ ันไป ภาพที่ 43 ชาวมอแกลนตดิ ปา้ ยแสดงช่อื ศาลเป็นครั้งแรกในประวัตศิ าสตร์ ภาพที่ 44 หมิโคม อีบ่ มู แอบ่ าบ หรอื ถ้วยบรรพบรุ ุษประจาตระกลู พธิ ีกรรม มีพิธใี หญ่ของชาวมอแกลน คือ “บ่อกอ้อนบา่ บสามพันบุหล่านปาด” หรือ “เซ่นไหว้บรรพ ชนพ่อตาสามพัน” เดือน 4 พิธีกรรมระดับเผ่าจะจัดท่ีศาลพ่อตาสามพันบริเวณหาดบางสัก ตาบลบางม่วง อาเภอตะก่ัวป่า จังหวัดพังงา “บ่าบอ่ะด่ะ” หรือ “หมอใหญ่” ผู้ครอบครองแคร่ใหญ่ (ห้ิงบ่าบสามพัน) จะ กาหนดวันทาพิธีโดยเลือกวันใดวันหน่ึงระหว่างวันขึ้น 12-14 ค่า เดือน 4 ตามปฏิทินจันทรคติ วันทาพิธีจะมี ชาวมอแกลนจากทุกทรี่ วมถงึ คนไทยทศ่ี รัทธาในความศักด์ิสทิ ธ์ิของพอ่ ตาสามพันมาร่วมกนั หลายรอ้ ยคน พธิ จี ะ

48 เริ่มเตรียมตั้งแตเ่ ช้าท้ังที่แคร่ใหญ่ แคร่รอง ในป่าและท่ีศาล ไปสิ้นสดุ ในรุ่งสางของอีกวันหน่ึงที่แครใ่ หญ่ นับว่า เป็นพิธีท่ีมีการกล่าวขานกันทั่วในแถบนี้ว่าเป็นพิธีท่ีมีความขลังและศักดิ์สิทธ์ิมาก ต่อจากนั้นก็จะเป็นการเซ่น ไหว้ต้นตระกูลแต่ละสายตระกูลจะมี “หมิโคมอ่าบ๊าบอี่บู๊ม” หรือถ้วยประจาตระกูล พิธีน้ีจะมีให้เห็นทั้งเดือน จะทาภายใน 1 เดือนหมุนเวียนจนครบทุกตระกูล แต่ถ้าทาไม่ทันในเดือน 4 ให้เลื่อนไปทาต่อในเดือน 6 เช่นเดียวกับศาลบรรพชนชาวมอแกลนในพ้ืนที่อื่น ๆ ที่เป็นบรรพชนยุคอากูนและในหยงก็จะปฏิบัติ เชน่ เดียวกัน ภาพที่ 45 ประชุมเครอื ญาตมิ อแกลนทา้ ยเหมือง สังคม ด้วยชาวเลชนเผ่ามอแกลนมีความหนักแน่นแม่นยาในการนับเครือญาติ การเช่ือมโยงกันโดย สายเลือดและการแต่งงานของชาวมอแกลนจะทาให้เกิดการรวมตัวกัน ตามงานประเพณีและพิธีกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะงานศพของผู้เฒ่าผแู้ ก่จะเห็นการรวมตัวของเครือญาติท้ังสองจังหวัดอยา่ งชัดเจน การปกครองตาม จารีตของชาวมอแกลนจะมีผู้นาทางจิตวิญญาณเป็นผู้ท่ีชาวมอแกลนในชุมชนเคารพมากท่ีสุด ในยุคหนึ่งเคยมี ทางการต้ังให้ผู้นาทางจิตวิญญาณเป็น “หัวสิบ” หัวหน้าหมู่บ้านชาวมอแกลนที่คอยประสานกับผู้ใหญ่บ้าน ระบบน้ีไม่นานก็ยุบไปหลังจากมี มติ ครม. เม่ือวันท่ี 2 มิ.ย. พ.ศ.2553 ชาวมอแกลนเร่ิมมีส่วนร่วมทางสังคม มากขนึ้ คนร่นุ ใหม่หลายคนลงเลือกต้งั ได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน, ส.อบต. หรือไดเ้ ป็นข้าราชการ มีความภาคภูมิใจท่ีจะ บอกถงึ ตวั ตนของตวั เองต่อสังคมทต่ี วั เองอยู่

49 ภาพที่ 46 ภูมนิ เิ วศวิถหี รอื กายภาพการตั้งถน่ิ ฐานมอแกลน กายภาพ การต้ังถ่ินฐานของบรรพบุรุษชาวมอแกลนหลังอพยพออกจากในหยง ลักษณะพื้นท่ีมีท้ังท่ี สภาพเป็นป่าทึบแนวชายหาดและบริเวณใกล้คลองริมป่าชายเลน ในยุคน้ันยังมีสัตว์ป่าดุร้ายมากมาย ชาว มอแกลนจึงสร้างบ้านท่ีมีใต้ถุนสูงบันไดยกเก็บได้ โดยการเลือกพ้ืนท่ีเน้นคานึงถึงลักษณะต่าง ๆ สาคัญ คือ การสัญจรลงทะเลสะดวก มีพืน้ ท่ีหากินและจอดเรือหนา้ มรสุมได้ มีบริเวณปลูกข้าวและสวนผสมได้ ไม่ไกลจาก “เปลว” หรือสุสานฝงั ศพ สามารถอยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ จากอดตี ถงึ ปัจจบุ ันบรรพบุรษุ แต่ละชมุ ชนไม่ เคยสามารถถือสิทธิครอบครองพื้นที่ได้เลย พื้นท่ีชุมชนชนเผ่ามอแกลนส่วนใหญ่จึงถูกห้อมล้อมไปด้วยความ เจริญของสิ่งปลูกสร้าง การท่องเที่ยวเขตอนุรักษ์และเขตหวงห้ามต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทาให้กายภาพที่ เหมาะสมต่อการดารงชีวิตชาวเลชนเผ่ามอแกลนหายไป และเป็นสาเหตุที่ต้องทาให้ชนเผ่ามอแกลนร่วมกับ เพ่ือนเครือข่ายชาวเลฯ กะเหร่ียงและภาคีผลักดันให้มีเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่า พืน้ เมืองเพื่อใหเ้ กดิ การสร้างเขตคมุ้ ครองทงั้ ทรพั ยากรธรรมชาตวิ ิถวี ฒั นธรรมชนเผา่ พืน้ เมืองต่อไป

50 ภาพที่ 47 ชดุ แต่งกายมอแกลนใช้รบั แขก ด้านการแตง่ กาย ยุคเดมิ ก่อนน้ีราว 50 ปีการแต่งกายของชาวเลชนเผ่ามอแกลนผ้ชู ายจะนุ่งโสร่งลาย ขาว-ดา-แดง มีผ้าขาวม้าโพกหัว ไม่ใส่เส้ือ ผู้หญิงส่วนใหญ่คนที่มีสามีแล้วนุ่งผ้าถุงกระโจมอก เด็กสาวอาจมี เสื้อกระเช้าใส่บางคร้ัง แต่ปัจจุบันการแต่งตัวของชาวมอแกลนกลมกลนื กับคนในสังคม ถา้ เป็นชุดประจาเผ่า ในยุคน้ี ผู้ชายก็จะใส่กางเกงเล+เสื้อ+ผ้าขาวม้า/ผหู้ ญิงนุ่งผา้ ถุง+เสอื้ สสี ด ภาพที่ 48 สารบั อาหารมอแกลน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook