Growth Mindset : ๑๑ เส้นทาง ถอดพลงั ความคดิ สร้างพลงั ชมุ ชนการอา่ น
อ่านสร้างสขุ : ปักธง พิมพค์ รั้งท่ี ๑ : มีนาคม ๒๕๖๐ จ�ำนวนพิมพ์ : ๑,๐๐๐ เลม่ บรรณาธิการ : สุดใจ พรหมเกิด บรรณาธกิ ารประจ�ำฉบบั : วรเชษฐ เขยี วจันทร์ เขยี น – เรยี บเรียง : สพุ รรณกัญจนารีย์ รักอสิ ระ จัดทำ� ขอ้ มูล : โครงการตดิ ตามและประเมินภายในแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอา่ นปี ๕๘ ออกแบบรปู เล่ม : วราภรณ์ วงศอ์ ุรประเสริฐ ออกแบบปก : ปาจรยี ์ พทุ ธเจรญิ พสิ จู นอ์ ักษร : อารยา ถิรมงคลจิต ภาพประกอบ : อิทธิวัฐก์ สุริยมาตย,์ ปยิ พนธ์ จันทร์แจ่ม ประสานงานการผลิต : ไตรรัตน์ แขวงเมืองปกั ษ์ , นภัทร พลิ ึกนา จดั พิมพแ์ ละเผยแพร่ : แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอา่ น ด�ำเนินงานโดยมลู นธิ ิสรา้ งเสริมวฒั นธรรมการอ่าน เลขท่ี ๔๒๔ หมู่บา้ นเงาไม้ ซอยจรัญสนทิ วงศ์ ๖๗ แยก ๓ ถนนจรญั สนทิ วงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางบางพลดั กรงุ เทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศพั ท์ : ๐-๒๔๒-๔๖๑๖-๗ โทรสาร : ๐-๒๘๘๑-๑๘๗๗ Email : [email protected] Website : www. happyreading.in.th Facebook : http://www.facebook.com/Happyreading พมิ พท์ ่ี : แปลนพริ้นตง้ิ จ�ำกัด โทรศพั ท์ : ๐-๒๒๗๗-๒๒๒๒
อา่ นสรา้ งสุข สดุ ใจ พรหมเกดิ ผจู้ ัดการแผนงานสรา้ งเสริมวัฒนธรรมการอา่ น
คำ� ช่นื ชม ยงิ่ สงั คมโลกกา้ วเขา้ สยู่ คุ เลอ่ื นไหลของเทคโนโลยี ประเทศตา่ ง ๆ กเ็ รง่ สรา้ ง “วฒั นธรรม การอ่าน“ ให้แข็งแกร่ง ด้วยตระหนักว่า การอ่าน ซ่ึงเป็นรากฐานส�ำคัญของการศึกษาเรียนรู้ นั้นมีความส�ำคัญอย่างยิ่ง ในการกล่อมเกลาพฤติกรรมที่ดีงามและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ ทกุ ชว่ งวัย และเป็นปัจจยั ส�ำคัญของการรว่ มสรา้ งสังคมแหง่ สขุ ภาวะ สอดคล้องกับข้อเสนอของ เซอร์ไมเคลิ กเิ ดยี น มารม์ อต* ผู้อำ� นวยการสถาบันความเปน็ ธรรมดา้ นสุขภาพ ที่กล่าวถึงแนวทางการแกป้ ญั หาดว้ ย หลักปัจจยั ทางสงั คมก�ำหนดสุขภาพ** (SocialDeterminantofHealth) ซง่ึ ช้ีใหเ้ หน็ ถงึ ประเดน็ การศกึ ษาเปน็ ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ สขุ ภาพ โดยเฉพาะเพศหญิงท่ีมีการศึกษาท่ีสูงข้ึน ความเสี่ยงทางสุขภาพก็จะลดลงอย่างมี นัยสำ� คัญ เชน่ อัตราการตายของทารกมคี วามสัมพนั ธก์ บั ระดับการศึกษาของมารดา ประเทศ ทมี่ ารดาไมไ่ ดร้ บั การศึกษา อตั ราการตายของทารกกจ็ ะสูง เป็นตน้ รวมถึงการใหค้ วามส�ำคญั กับการพัฒนาเด็กช่วงปฐมวัยและการศึกษาทุกระดับเป็นหัวใจของการท�ำงานท่ีลดความ ไมเ่ ทา่ เทยี มทางสขุ ภาพ แนวทางน้ีไดร้ บั การตอบรบั อยา่ งกวา้ งขวางในทวปี ยโุ รป ตอ่ มาองคก์ าร อนามยั โลกก็ไดน้ ำ� ไปวางแผนกลยทุ ธเ์ ปน็ นโยบายสาธารณะ ซงึ่ มผี ลตอ่ แนวทางปฏบิ ตั ดิ า้ นสขุ ภาพ ทว่ั โลก แนวทางนเ้ี ปน็ หนง่ึ ในยทุ ธศาสตรส์ ำ� คญั ของแผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ นในการ หนุนเสริมให้เกิดกลไกส่งเสริมการอ่านในระดับชุมชนท้องถ่ินที่ต้องท�ำงานเชิงรุกท่ามกลางการ ขาดแคลนทรัพยากรแทบทุกดา้ น เพ่อื ให้การอา่ นเขา้ ถงึ เด็กและครอบครัวไดร้ วดเรว็ ท่ีสุด
หลายปีที่ผ่านมา ๑๑ พ้ืนที่กลไกจากภาคประชาสังคมน้ีได้แสดงผลให้เป็นท่ีประจักษ์ว่า การสรา้ งวัฒนธรรมการอ่าน ท้งั ระดับปจั เจกชุมชน รวมถงึ การขับเคล่อื นเชิงนโยบาย แม้จะเป็น เร่ืองใหม่และอาจไม่ใช่วิถีปฏิบัติในสังคมไทย แต่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ คนตัวเล็ก ๆ ที่มีหัวใจ หว่ งใยเพ่ือนมนษุ ย์ได้อาศยั “ทุนเดมิ ” และศกั ยภาพของตวั เองทีแ่ ข็งแกรง่ มาถกั ร้อย เชญิ ชวน เครือข่ายต่าง ๆ ให้มาร่วมลงแรง ลงทนุ และทมุ่ เทเวลาเพื่อพสิ ูจน์ส่ิงที่เชอื่ ใหป้ รากฏ ผลของการเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ขึน้ ในตัวเดก็ ๆ พ่อ แม่ ผปู้ กครอง ผ้แู วดล้อมเด็ก และ เครือข่ายร่วมทางคือน้�ำทิพย์ที่ชโลมจิตให้แช่มช่ืน เอมอ่ิม เติมพลังให้ก้าวต่ออย่างมุ่งมั่น ทิง้ ความทดทอ้ ไว้ขา้ งหลัง หนังสือ ปักธง Growth Mindset : ๑๑ เส้นทาง ถอดพลงั ความคิด สร้างพลังชมุ ชนการ อ่าน ไดเ้ ปิดใจ เปดิ ความคิด เปิดกลวิธที ค่ี นตัวเลก็ ๆ คนธรรมดาสามญั ไดล้ งมือท�ำตามความ คาดหวงั และฟนั ฝ่าอุปสรรค ทา้ ทายความยากล�ำบากไดอ้ ยา่ งนา่ ศกึ ษาย่ิง ความคดิ ทถ่ี อดมาอย่างเข้มคมบนเสน้ ทาง ๑๑ สาย เกาะเกยี่ วคนส�ำคญั ๆ ไว้มากมาย แมว้ ่าหลายคนอาจไมไ่ ดถ้ ูกบันทึกไว้ ณ ทีน่ ้ี แตต่ ่างมี Growth Mindset ท่ชี ว่ ยกนั หนนุ เน่อื งให้ ชมุ ชนการอา่ นคอ่ ย ๆ ก่อตวั และเตบิ โตอย่างมีพลงั ขอขอบคุณ คุณสุพรรณกัญจนารีย์ รักอิสระ คุณวรเชษฐ เขียวจันทร์ คุณไตรรัตน์ แขวงเมอื งปักษ์ และคณะในการถอดตน้ ทุนความคดิ และกลวธิ ที ำ� งานทีส่ ำ� คญั ในคร้งั น้ี ขอขอบคณุ สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ(สสส.) ท่ีไดส้ นบั สนนุ ทงั้ ทนุ การท�ำงานและทอดระยะเวลายาวนานเพ่ือให้ดอกผลของการขับเคลื่อนงานในประเด็นนี้ได้ ผลิบาน งดงาม
วาดหวังไว้ว่า แกนน�ำส�ำคัญ ๆ จากทุกภูมิภาคจะได้มีโอกาสสานพลังความร่วมมือให้ ศนู ยป์ ระสานงาน สร้างเสริมสุขภาวะเพื่อชุมชนท้องถิ่นด้วยวัฒนธรรมการอ่าน เป็นจุดจัดการ การขยายผล ปพู รมความรู้ เพือ่ ลดความเหลือ่ มลำ้� และรว่ มสร้างวถิ สี ขุ ภาวะทั่วถนิ่ ไทย สุดใจ พรหมเกิด ผู้จดั การแผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอ่าน * เซอรไ์ มเคิล กิเดยี น มาร์มอต ได้รบั พระราชทานรางวัลสมเดจ็ เจ้าฟา้ มหดิ ล ครัง้ ท่ี ๒๔ ประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ปัจจุบันเป็นผู้อ�ำนวยการสถาบันความเป็นธรรมด้านสุขภาพและศาสตราจารย์ระบาดวิทยา ภาควิชาระบาด วทิ ยาและสาธารณสขุ ยนู เิ วอรซ์ ติ ค้ี อลเลจลอนดอน มหาวทิ ยาลยั ลอนดอน สหราชอาณาจกั ร และนายกแพทยสมาคม โลก เป็นผมู้ ผี ลงานสำ� คญั ดา้ นการศึกษาวจิ ยั ทางระบาดวิทยาอย่างเปน็ ระบบมานานกว่า ๓๕ ปี โดยเน้นบทบาทของ เช้ือชาติ วิถีการด�ำเนินชีวิต เศรษฐานะ ความไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อ สขุ ภาวะ ความมอี ายยุ นื ยาว และโอกาสการเกดิ โรคของประชากรในหลายประเทศทวั่ โลก มากกวา่ การบรกิ ารทางสขุ ภาพ ** ปจั จบุ ัน ๒ ใน ๓ ของโรคที่เกดิ ขึน้ ล้วนมาจากปัจจัยทางสงั คมและส่งิ แวดล้อม เซอร์มารม์ อตจึงเสนอ แนวคิดส�ำคัญของหลักปัจจัยทางสังคมก�ำหนดสุขภาพ เพ่ือเป็นแนวทางแก้ปัญหาสุขภาพด้วยปัจจัยทางสังคม (เชน่ เชอ้ื ชาติ การศึกษา วิถีการด�ำเนนิ ชีวิต เศรษฐานะ สภาพแวดลอ้ ม) ในการลดความไมเ่ ทา่ เทยี มทางสขุ ภาพ ๓ มาตรการสำ� คญั ได้แก่ ๑) การท�ำงานเชงิ รุกในทกุ ชว่ งวัย (Life course approach) ต้งั แตก่ ารเจรญิ เตบิ โตของ เดก็ ปฐมวยั การศกึ ษาในทกุ ระดบั การใชช้ วี ติ การทำ� งาน และการเปน็ ผสู้ งู วยั ๒) การแกป้ ญั หาการกระจายทรพั ยากร อยา่ งไมเ่ ทา่ เทยี ม ไดแ้ ก่ การกระจายอำ� นาจ การจดั สรรงบประมาณและทรพั ยากรอน่ื ๆ ๓) การประเมนิ และทำ� ความ เข้าใจต่อปัญหาและวธิ กี ารแกไ้ ขปัญหา ขยายองค์ความรู้ และพัฒนาบคุ ลากรทีเ่ กยี่ วข้อง
อา่ นสร้างสุข วรเชษฐ เขยี วจนั ทร์ บรรณาธกิ ารบรหิ าร สำ� นักพมิ พป์ ิ่นโต พับลิชช่งิ
ค�ำนำ� หนงั สอื ปกั ธง Growth Mindset : ๑๑ เสน้ ทาง ถอดพลงั ความคดิ สรา้ งพลงั ชมุ ชนการอา่ น ท�ำหน้าที่สื่อสารเรื่องราวและกรอบความคิดของนักสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน จาก ๑๑ องค์กรภาคีเครือข่ายร่วมสร้างวัฒนธรรมการอ่านในชุมชน ผู้ศรัทธาในพลังแห่งการอ่าน เพื่อสร้างการเปลีย่ นแปลง เปน็ หนงึ่ ในผลลัพธข์ องโครงการติดตามและประเมินผลภายในแผน งานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ประจ�ำปี ๒๕๕๘ โดยการสนับสนุนของส�ำนักงานกองทุน สนบั สนนุ การสรา้ งเสริมสุขภาพ (สสส.) ด้วยแนวคดิ การประเมนิ ๒ ดา้ น คอื การประเมินผล เพือ่ การพัฒนา (Developmental Evaluation หรือ DE) และการประเมินผลเพอื่ การเสริมพลงั (Empowerment Evaluation หรือ EE) การประเมินผลเพ่ือการพัฒนา (Developmental Evaluation หรือ DE) ด�ำเนินงาน ในรูปแบบการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียน ตามกระบวนทัศน์ใหม่ที่ให้ความส�ำคัญกับ การแสวงหาความรู้จากการประเมิน เพ่ือน�ำไปขับเคล่ือนงานพัฒนาให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยการท�ำความเข้าใจกับความซับซ้อนทางบริบทในระบบต่าง ๆ พร้อมท้ังค้นหาปัจจัย ซงึ่ มอี ทิ ธพิ ลสำ� คญั ตอ่ ผลลพั ธข์ องแผนงานอยา่ งละเอยี ดถถี่ ว้ น กระบวนการตดิ ตามประเมนิ ตาม แนวคิด DE จึงมวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือนำ� มาใชใ้ น “การคิดเชงิ สังเคราะห”์ มองหาความเชื่อมโยงและ ความสมั พนั ธข์ ององคป์ ระกอบผลกระทบ (ปฏสิ มั พนั ธ)์ ทมี่ ี (หรอื อาจม)ี ตอ่ กนั ในการขบั เคลอื่ น งานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านในบริบทของแผนงานฯ การอ่าน ร่วมกับภาคีเครือข่าย และผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสีย ซง่ึ มกี ลไกการขบั เคลื่อนงานในระดับพ้ืนท่อี ันแตกตา่ งตามบรบิ ท
การประเมนิ ผลเพ่อื การเสริมพลัง (Empowerment Evaluation หรือ EE) ด�ำเนินงาน ในรูปแบบการใช้ส่ือหนังสือถอดบทเรียนกรอบความคิดเติบโต (Growth Mindset) ผา่ นประสบการณ์ทำ� งานพัฒนาสังคมของบคุ คลส�ำคญั ในการท�ำงานสร้างเสรมิ วัฒนธรรมการ อ่านจาก ๑๑ พ้ืนท่ีภาคีเครือข่ายตน้ แบบ อนั เปน็ บทบาทหนงึ่ ของการประเมินผลเพอ่ื สนบั สนนุ การท�ำงานขับเคล่ือนการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านในชุมชน อันสามารถขยายผลลัพธ์ต่อ เพ่อื ส่อื สารกับสงั คม สว่ นวธิ วี ทิ ยาของการเกบ็ รวบรวมและการวเิ คราะหข์ อ้ มลู แมจ้ ะใชว้ ธิ กี ารวจิ ยั ทม่ี อี ยทู่ วั่ ไป เชน่ การสมั ภาษณ์ การสนทนากลมุ่ การสงั เกตการณแ์ บบมสี ว่ นรว่ ม แตส่ าระสำ� คญั ทค่ี ำ� นงึ ถงึ คอื การมสี ว่ นในการเรยี นรรู้ ว่ มกนั และการคำ� นงึ ถงึ ความซบั ซอ้ นสดุ ทา้ ย คอื การสอ่ื สารผลของ การประเมินจะอยู่บนพ้ืนฐานของการน�ำผลท่ีได้ป้อนกลับไปสู่การพัฒนาซ่ึงเป็นวงจรตลอด กระบวนการประเมิน (KM & Feedback loops) ซึ่งหมายถึงกระบวนการท่ีประกอบด้วย การวิเคราะหแ์ ละทำ� ความเขา้ ใจความซับซ้อนของบริบทและองค์ประกอบตา่ ง ๆ ในโครงการ ด้วยปฏิสัมพันธ์ของการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองระหว่างทีมด�ำเนินการกับ ทมี ผปู้ ระเมิน โดยทีมคณะทำ� งานแผนงานฯ และคณะทำ� งานโครงการภาคีในพน้ื ที่(Developer) ท�ำงาน ไปตาม Intervention ทก่ี ำ� หนดไวแ้ ลว้ สว่ นทมี ผปู้ ระเมนิ (Evaluator) นน้ั ทำ� งานไปตามตวั ชวี้ ดั ของโครงการตดิ ตามและประเมนิ ผลผา่ นตัวช้ีวัดท้งั ในระดบั ปจั เจก (Individual) เชน่ บุคคล พ่อ แม่ ลูก ครอบครัว แกนน�ำส่งเสริมการอ่าน ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ครูในโรงเรียน เจา้ หนา้ ทอ่ี งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ วา่ มกี ารเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมและลดปจั จยั เสย่ี งอยา่ งไร และตวั ช้ีวดั ตวั ท่สี องคือการบริหารจดั การโครงการฯ และองคก์ ร (Organizational System)
ดา้ นการเชื่อมประสานกับภาคีเครอื ข่ายตา่ ง ๆ การขบั เคลือ่ นในเชงิ นโยบาย รวมทงั้ ตวั ชีว้ ัดท่ี สามคอื การใหค้ ณุ คา่ ทางสงั คม(SocietalValues) คอื การคน้ หานวตั กรรมทางสงั คม ทสี่ รา้ งเสรมิ สิ่งแวดล้อมให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านในระดับชุมชน ต�ำบล อ�ำเภอ และจังหวัดได้ เมื่อทีม ผู้ประเมินลงพ้ืนที่จะมีการแลกเปล่ียนข้อมูลกันในการพัฒนาให้เกิดการคืนข้อมูลน�ำไปสู่การ พฒั นาโครงการฯ เพอ่ื ให้ไปตรงตามเปา้ หมายมากขน้ึ รูปที่ ๑ Level of Developmental Evaluation Inquiry สว่ นหนง่ึ ของผลงานประเมนิ สอ่ื หนงั สอื เลม่ น้ี เปน็ อกี เครอื่ งมอื หนงึ่ ของการนำ� มาใชเ้ พอื่ การประเมินผล เพราะน�ำไปสู่การตอบโจทย์ของยุทธศาสตร์หลักของแผนงานฯ การอ่าน เนื่องจากการประเมินในรูปแบบดังกล่าวนี้น�ำไปสู่กระบวนการส่ือสารกับสังคม รวมทั้งยังเป็น สว่ นส�ำคัญในการเสริมพลงั หรอื Empowerment ใหก้ บั ภาคีเครอื ข่ายทีร่ ว่ มขับเคลือ่ นงานท้งั
๑๑ พน้ื ทตี่ น้ แบบ ท้ังในระดบั คณะทำ� งานหลกั คณะทำ� งานร่วม และเครือขา่ ยจติ อาสาในพื้นท่ี กระบวนการเกบ็ ขอ้ มลู กรอบความคดิ ของคนทำ� งานหลกั ๆ ของ ๑๑ พน้ื ท่ี เพอ่ื ถา่ ยทอดใน “หนังสือ ปกั ธง Growth Mindset : ๑๑ เส้นทาง ถอดพลงั ความคิด สรา้ งพลัง ชมุ ชนการอ่าน” ดำ� เนนิ งานผา่ นทงั้ การลงพน้ื ทส่ี มั ภาษณบ์ คุ คลเชงิ ลกึ สงั เกตการณ์ และเปดิ วงสมั มนาถอดบทเรยี น การทำ� งานกับบคุ คลส�ำคญั ที่เก่ียวขอ้ งกับการทำ� งาน กล่าวคือ การประเมินผลเพื่อการเสริมพลัง หรือ EE ไมไ่ ดม้ องแค่ภาพมิตเิ ดยี วทีท่ ำ� ให้ บุคคลส�ำคัญในการท�ำงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้ได้รับผลประโยชน์สามารถเห็นคุณค่าใน ผลการด�ำเนินงานของตนเองเท่าน้ัน แต่ยังท�ำหน้าท่ีค้นหากรอบความคิดเติบโตท่ีสร้างผลลัพธ์ ความสำ� เรจ็ ในการทำ� งานขับเคล่อื นสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น อนั สามารถเปน็ บทเรียนและ แรงบันดาลใจส�ำหรับคนท�ำงานพัฒนาสังคมทุกประเด็นในสังคม ถ่ายทอดออกมาเป็นรูปแบบ งานเขียนเพื่อการน�ำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มที่สร้างคุณค่าต่อการท�ำงานขับเคลื่อนส่งเสริม การอา่ นหรอื สรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น และการทำ� งานพฒั นาสงั คมในประเดน็ อน่ื ๆ สบื เนอื่ ง ไปไดด้ ้วยเชน่ กนั กรอบความคดิ เติบโตของคนท�ำงานจาก ๑๑ องค์กรภาคีเครือขา่ ยร่วมสรา้ งวัฒนธรรม การอ่านในชุมชนต้นแบบท่ีปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ล้วนเป็นก�ำลังส�ำคัญท่ีผลักดันให้เกิด วัฒนธรรมการอ่านในชุมชนตามเป้าหมายท่ีมุ่งสร้างสังคมแห่งปัญญาที่น�ำสู่สังคมสุขภาวะ รว่ มกนั สอดคลอ้ งกบั ปรชั ญา “อา่ นสรา้ งสขุ เพอ่ื วถิ สี ขุ ภาวะ” ของแผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรม การอ่าน วรเชษฐ เขยี วจนั ทร์ บรรณาธกิ ารบริหาร สำ� นักพิมพป์ ิ่นโต พบั ลิชชงิ่
สารบัญ ๑๖ ๑๗ คำ� ช่ืนชม ค�ำนำ� ๒๘ ๓๐ บทท่ี ๑ บทน�ำ ๕๙ Growth Mindset : นักสรา้ งเสริมวฒั นธรรมการอ่าน ๘๒ บทที่ ๒ พนื้ ทภ่ี าคใต ้ ๘๔ ตงั้ ค�ำถามสูก่ ารเปล่ียนแปลง : ปอ๊ บ ระบัดใบ ๑๑๐ โอกาสสร้างคน คนสร้างโอกาส : ชมพู่ ลกู เหรยี ง ยะลา ๑๓๔ ๑๖๑ บทที่ ๓ พนื้ ทภี่ าคอสี าน เชื่อมั่น ลงมอื ท�ำ วางใจ : เปเล่ ไทเลย ส่งตอ่ โอกาส ส่อื สารความรู้ : “หัวหนา้ พงษ์” กฉุ นิ ารายณ์ ดว้ ยศรัทธาแหง่ การท�ำดี : มนี า-จันทร์เพ็ญ รกั การอ่าน เริ่มจากฐานครอบครัว : อ๊-ุ สุรนิ ทร์
บทท่ี ๔ พน้ื ทภี่ าคเหนือ ๑๘๒ เราเช่อื ว่าทกุ คนเปลย่ี นได้ : ปุ้ย มะขามปอ้ ม-เชียงดาว ๑๘๔ ขอท�ำงานท่ีไดช้ ่วยคน : ฝน เชียงใหมอ่ า่ น ๒๑๑ หวั ใจ ชมุ ชน คนพฒั นา : หล้า เพยี งพอด ี ๒๓๖ ฉนั คือนกั พฒั นาสงั คม : อ้อม สำ� นักข่าวเดก็ ฯ พะเยา ๒๕๕ สังคมแหง่ การเรยี นรู้ : ครอบครัวเข้มแข็ง ล�ำปาง ๒๘๓ บทที่ ๕ บทสรุป ๓๐๙ Growth Mindset สร้างสงั คมแห่งการเรียนร ู้ ๓๑๐
บบทททนี่ ๑ำ�
Growth Mindset : นกั สร้างเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น “การอ่านคือความเข้าใจตัวเอง วัฒนธรรมการอ่านคือการเรียนรู้ เป็นการอ่าน จติ วญิ ญาณของผคู้ น วฒั นธรรมการอา่ นไมใ่ ชแ่ คเ่ รอื่ งหนงั สอื แตเ่ ปน็ การเรยี นรผู้ า่ นสอื่ ประเภท ตา่ ง ๆ หนังสือเป็นหนง่ึ ในเครอ่ื งมอื ส่งเสรมิ ให้อ่านมากข้นึ ทกุ วนั น้กี ารอ่านของเดก็ ๆ ไม่ใช่ แค่อา่ นหนงั สอื อย่างเดียวแลว้ เดก็ ๆ อ่านโลก อา่ นส่งิ แวดล้อม อา่ นคน อ่านครู อ่านเพอื่ น อ่านสงั คม อา่ นสถานการณ์ทีเ่ กดิ ขึ้น การขับเคลอ่ื นสร้างเสรมิ วัฒนธรรมการอา่ นในระดับชาติ ตอ้ งผลกั ดนั ตรงสุขภาวะมากกว่าโฟกสั ไปแคห่ นงั สอื ” วรรณพร เพชรประดับ ผู้อ�ำนวยการสำ� นกั ขา่ วเดก็ และเยาวชน จงั หวัดพะเยา กลา่ วถงึ วฒั นธรรมการอา่ นในทัศนะจากบทบาทผนู้ ำ� ของ ๑ ในองค์กรแกนน�ำภาคีเครือข่ายส่งเสริมการอ่านของประเทศไทย ที่มุ่งท�ำงานขับเคล่ือนการสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านเป็นพ้ืนที่ต้นแบบ ภายใตก้ ารสนบั สนนุ ของแผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น สำ� นกั งาน กองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (สสส.)
๑๑ องคก์ รภาคเี ครอื ข่ายรว่ มสรา้ งวฒั นธรรมการอ่านในพืน้ ทต่ี ้นแบบ - ศนู ย์พัฒนาศักยภาพการเรียนรูค้ รอบครัวต�ำบลเหลา่ ใหญ่ อำ� เภอกฉุ ินารายณ์ จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ - มลู นิธิเพอื่ สุขภาพชุมชน จงั หวัดสุรนิ ทร์ - สถาบันครอบครัวเข้มแขง็ จังหวัดสุรนิ ทร์ - กลุ่มเพยี งพอดี ตำ� บลดอนแก้ว อ�ำเภอแมร่ มิ จังหวดั เชยี งใหม่ - เครอื ข่ายการศึกษาทางเลอื กภาคเหนอื จังหวัดเชียงใหม่ - มูลนธิ สิ อ่ื ชาวบา้ น (มะขามปอ้ มเชียงดาว) อ�ำเภอเชยี งดาว จังหวัดเชยี งใหม่ - สำ� นกั ขา่ วเดก็ และเยาวชน จังหวัดพะเยา - ศนู ยเ์ รยี นรเู้ พ่ือครอบครวั เขม้ แข็ง จงั หวดั ล�ำปาง - สมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันตภิ าพชายแดนใต้ จงั หวดั ยะลา - กลุ่มระบดั ใบ จังหวัดระนอง - สถาบันไทเลยเพือ่ การพัฒนาเดก็ และเยาวชน อ�ำเภอเอราวณั จังหวดั เลย ๑๑ พน้ื ทต่ี น้ แบบสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น ดำ� เนนิ งานโดยกลมุ่ คนภาคประชาสงั คม ซ่ึงท�ำงานขับเคล่ือนพัฒนาสังคมประเด็นต่าง ๆ ในพื้นที่มาก่อนเชื่อมโยงเป็นภาคีเครือข่าย ส่งเสริมการอ่าน มีเป้าหมายการท�ำงานเพ่ือผลักดันให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านในชุมชน สรา้ งสงั คมแห่งปญั ญาท่ีนำ� สสู่ ังคมสุขภาวะร่วมกัน สอดคลอ้ งกบั ปรัชญา “อา่ นสรา้ งสุขเพื่อวิถี สุขภาวะ” ของแผนงานสรา้ งเสริมวฒั นธรรมการอา่ น ซง่ึ ดำ� เนนิ งานภายใต้กลุ่มแผนงานระบบ สอ่ื สร้างสรรคเ์ พอ่ื สขุ ภาวะ สำ� นักสร้างเสริมวิถชี ีวิตสขุ ภาวะ (ส�ำนัก ๕) ในแผนระบบสื่อและ ∞18∞
วิถีสุขภาวะทางปญั ญา (แผน ๑๐) สำ� นักงานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) เพ่ือให้ประชาชนทกุ คนในประเทศไทยเขา้ ถงึ ระบบอา่ นเพอ่ื การมวี ิถีสุขภาวะ แผนงานสร้างเสรมิ วัฒนธรรมการอา่ น ร่วมด�ำเนนิ งานกบั องค์กรภาคเี ครือขา่ ย เนอ่ื งด้วยการอ่านเป็นปัจจัยส�ำคัญของการน�ำไปสู่พฤติกรรมเชิงบวกด้านสุขภาวะ เป็นการ เสรมิ สร้างสขุ ภาวะทางปัญญาทส่ี อดคล้องกับพันธกจิ หลักของ สสส. และสอดคลอ้ งกบั นโยบายของ ประเทศที่ได้ประกาศให้การส่งเสริมการอ่านเป็น “วาระแห่งชาติ” (๕ สิงหาคม ๒๕๕๒) ดังนั้น แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านจึงมพี นั ธกจิ ในการเชอ่ื มประสานกลไก นโยบาย และปจั จยั การ ขยายผล ทง้ั ภาครฐั ภาคประชาสงั คม และภาคเอกชน ใหเ้ ออื้ ตอ่ การขบั เคลอ่ื นการสรา้ งเสรมิ พฤตกิ รรม และวฒั นธรรมการอา่ นใหเ้ ขา้ ถงึ เด็กในครอบครวั เดก็ ในโรงเรียน โดยเฉพาะกลมุ่ ทขี่ าดโอกาสในการ เขา้ ถงึ หนงั สือ สอื่ อา่ น และกิจกรรมสง่ เสริมการอ่านผ่านยทุ ธศาสตร์ต่าง ๆ และเครอื ข่ายจ�ำนวนมาก มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื ส่งเสรมิ และพฒั นาระบบอา่ นอย่างสรา้ งสรรค์ ซึ่งสามารถสรา้ งสุขภาวะและ การเรยี นร้ทู ีส่ อดคลอ้ งกับความตอ้ งการของเดก็ เยาวชน และครอบครัว รวมถึงกลุ่มเดก็ พิเศษต่าง ๆ เชน่ เด็กดอ้ ยโอกาส เด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ ฯลฯ ตลอดจนขยายชอ่ งทางให้ส่อื อ่านได้แพร่หลาย เข้าถงึ กลุม่ เปา้ หมายอย่างกวา้ งขวาง รวมทั้งเพอ่ื ส่งเสริมความเขม้ แข็งและพัฒนาศกั ยภาพเครือขา่ ย การอา่ นเพือ่ เด็ก เยาวชน ครอบครวั และกลุม่ เดก็ พเิ ศษ ดว้ ยการสนบั สนนุ การพัฒนาระบบ กลไก นโยบายสาธารณะ ท้งั ระดบั ชาติและท้องถ่นิ ท่นี �ำไปสู่การสรา้ งเสริมวฒั นธรรมการอา่ น รวมทั้งยงั มีบทบาทส�ำคัญในการผลักดนั ขบั เคลอ่ื นงานสรา้ งเสรมิ วัฒนธรรมการอ่านในชุมชน ∞19∞
ทอ้ งถน่ิ ผา่ น ๑๑ องค์กรภาคีเครือข่ายพื้นทต่ี ้นแบบ ซงึ่ ล้วนแต่เป็นองค์กรทำ� งานเพือ่ พฒั นาสงั คมท่ี มีต้นทนุ ทางการท�ำงานสูง ทัง้ ในด้านองคค์ วามรู้ บุคลากร และสมั พันธภาพในชุมชน มคี นทำ� งานที่ มศี กั ยภาพขับเคลอื่ นประเดน็ พฒั นาอยู่ในพน้ื ทเี่ ปน็ เวลานาน มเี ครือข่ายความสมั พนั ธใ์ นพื้นท่ชี ัดเจน เปน็ รปู ธรรม มผี ลงานดา้ นพัฒนาชมุ ชนหลากหลายประเด็นเปน็ ทป่ี ระจกั ษ์ “สุดใจ พรหมเกิด” ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กล่าวถึงบุคคลส�ำคัญ ซง่ึ เปน็ ผมู้ สี ว่ นไดส้ ่วนเสีย (Stakeholder) ในการขับเคลอ่ื นงานตามยทุ ธศาสตร์ของแผนงานฯ ไว้ว่า แบ่งเป็น ๒ กลมุ่ คอื กลุ่มพ้นื ทป่ี ฏบิ ัติการ และกลมุ่ พ้นื ทเ่ี ชงิ กลไกและโครงสรา้ ง กลุ่มพ้ืนท่ีปฏบิ ตั ิการ คือ องคก์ รภาคเี ครือข่าย ๑๑ พ้ืนที่ตน้ แบบ ซง่ึ ไดร้ บั ทุนตรงจาก สสส. เพอ่ื ขบั เคลอื่ นนำ� รอ่ งการสง่ เสรมิ การอา่ นในระดบั ชมุ ชน ตำ� บล อำ� เภอ และจงั หวดั ตามบรบิ ทของพนื้ ท่ี โดยมแี ผนงานฯ ทำ� หน้าท่ีขบั เคลือ่ นนโยบายสาธารณะ สรา้ งการมีส่วนร่วมในระดับประเทศ ท้งั การ พัฒนาระบบหนงั สอื และสือ่ การอา่ น รวมทงั้ หาแนวทางพัฒนากระบวนการสอ่ื สารกบั สังคม เคล่อื นไป พรอ้ มกันกบั การท�ำงานของทงั้ ๑๑ พื้นที่ตน้ แบบ ส่วนกลุ่มพ้ืนที่เชิงกลไกและโครงสร้างเป็นการท�ำงานทางความคิดกับเครือข่ายต่าง ๆ เช่น สำ� นักงานหลักประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ (สปสช.) กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถน่ิ (สถ.) สำ� นกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (สพฐ.) สำ� นกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตาม อัธยาศยั (กศน.) ส�ำนกั การศึกษา กรุงเทพมหานคร (สนศ.) สำ� นักวฒั นธรรมกีฬาและการทอ่ งเทยี่ ว กรงุ เทพมหานคร และ สำ� นกั งาน กศน. จงั หวดั เครอื ขา่ ยรว่ มขบั เคลอื่ นนครแหง่ การอา่ น เชน่ จงั หวดั กระบ่ี อบุ ลราชธานี ขอนแกน่ ลำ� ปาง เชียงราย ฯลฯ ∞20∞
หวั ใจสำ� คญั ของกรอบความคดิ (Mindset) สำ� หรับคนทำ� งานเพอ่ื พัฒนาทุกประเดน็ ใน สงั คม คือ กรอบความคิดเตบิ โต (Growth Mindset) ซง่ึ เช่ือมั่นแบบไม่มีเง่อื นไขวา่ คนทุกคน สามารถพัฒนาศักยภาพได้ หลายคนเริ่มต้นด้วยการพัฒนาตัวเอง ครอบครัว ญาติมิตร ก่อนจะขยับขยายไปยังคนในชุมชน ตง้ั แตร่ ะดับตำ� บล อ�ำเภอ ไปยงั ระดบั ประเทศชาติ คนทำ� งานจาก ๑๑ องคก์ รภาคเี ครอื ขา่ ยสง่ เสรมิ การอา่ น ตา่ งขบั เคลอื่ นงานตรงหนา้ อยา่ ง เต็มไปด้วยพลังแห่งจินตนาการ ควบคู่ไปกับการใช้องค์ความรู้ที่มีอยู่และทรัพยากรต่าง ๆ ทส่ี ามารถจดั สรรได้ เพอ่ื สรา้ งคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี นึ้ ใหแ้ กผ่ คู้ นในพน้ื ทเ่ี ปา้ หมาย ซงึ่ ไมว่ า่ สถานการณ์ หน้างานจะยากหรืองา่ ยอย่างไร พวกเขาคนทำ� งานยงั เลอื กคิดอยา่ งเปน็ สขุ กับการลงมอื ท�ำสิ่งท่ี อยู่ตรงหน้าตามกรอบความคิด (Mindset) ซึ่งมาจากความเช่ือ ค่านิยม หรือประสบการณ์ที่ ตนส่ังสมมาแต่เก่าก่อน บนพื้นฐานความคิดที่ตรงกันว่าทุกคนมีศักยภาพในการพัฒนาตนเอง เพอื่ สรา้ งการเปลย่ี นแปลง ซง่ึ เปน็ กรอบความคดิ เตบิ โต(GrowthMindset) ทสี่ ง่ ผลใหก้ ารทำ� งาน ของทกุ พื้นทป่ี ระสบความสำ� เรจ็ ตามทีต่ ้ังเป้าหมายไว้ ∞21∞
Mindset (กรอบความคดิ ) หมายถงึ ความเชอ่ื หรอื วธิ คี ดิ ทส่ี ง่ ผลตอ่ พฤตกิ รรม ทศั นคตใิ นการ มองโลก Carol Dweck ศาสตราจารยภ์ าควิชาจิตวทิ ยาของมหาวิทยาลัย Stanford คือผคู้ ิดคน้ ค�ำศพั ท์ “Growth Mindset” โดยแยกประเภทของ Mindset เปน็ ๒ แบบ คือ Fixed Mindset และ Growth Mindset Fixed Mindset (กรอบความคิดตายตวั ) หมายถึง ความเช่อื ท่วี ่ามนษุ ย์ไมส่ ามารถพฒั นา ศกั ยภาพและเปล่ียนแปลงตนเองไปจากท่เี ป็นอยูเ่ ดิมได้ Growth Mindset (กรอบความคดิ เตบิ โต) หมายถึง ความเช่ือทีว่ า่ มนุษย์สามารถเรยี นรูแ้ ละ พัฒนาศกั ยภาพได้อยา่ งไมม่ ที ่ีสน้ิ สุด ดว้ ยการพยายามลงมือท�ำอย่างตอ่ เนอ่ื ง สิง่ สำ� คัญ คือ กรอบความคดิ (Mindset) สามารถเปลีย่ นแปลงได้ ผลลัพธ์จากการขับเคลื่อนงานขององค์กรภาคีเครือข่ายทั้ง ๑๑ แห่งของพ้ืนที่ต้นแบบ ก่อใหเ้ กดิ “กองทนุ สวัสดิการหนังสือและการอ่าน” ตามบรบิ ทของชมุ ชนทอ้ งถ่นิ เช่น สวสั ดิการ หนังสือส�ำหรบั เดก็ ๐-๓ ปี ธนาคารหนงั สอื (Book Bank) เพื่อเดก็ และครอบครวั ท้ังในโรงเรยี น และในชมุ ชน รวมถึงการเกดิ เทศบัญญัตแิ ละงบประมาณส่งเสรมิ การอา่ นในหลาย ๆ หน่วยงาน ทอ้ งถนิ่ เชน่ เทศบาลต�ำบล (ทต.) หรอื องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบล (อบต.) ∞22∞
มีการท�ำงานร่วมกับภาคีในพ้ืนท่ี “นครแห่งการอ่าน” ทั้งในรูปแบบนโยบาย เชอื่ มโยงเครอื ขา่ ยเพอื่ ขบั เคลอ่ื นงานร่วมกนั และความสนใจต่ืนรู้ของชุมชนท้องถ่ิน ผ่าน เปน็ องคาพยพ เชน่ ครอบครวั ชมุ ชน โรงเรยี น หลากหลายช่องทาง เช่น แกนน�ำส่งเสริม ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ องคก์ รภาคธรุ กจิ องคก์ ร การอา่ น เครอ่ื งมอื สง่ เสรมิ การอา่ น หลกั สตู ร ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระบวนการเรียนรู้ส่งเสริมการอ่าน และ หน่วยงานและกลไกสาธารณสุข ส่ือมวลชน นโยบายส่งเสรมิ การอา่ นในชมุ ชน ท้องถิ่น รวมถึงเด็กปฐมวัยในครอบครัว เดก็ วยั เรยี นในชมุ ชน เดก็ ดอ้ ยโอกาส เดก็ ทมี่ ี สามารถติดตามผลการด�ำเนินงาน ความตอ้ งการพเิ ศษในพนื้ ทเี่ ปราะบางทางสงั คม ของท้ัง ๑๑ พื้นที่ต้นแบบได้จาก www. และพ้ืนที่พิเศษ เช่น ๓ จังหวัดชายแดนใต้ happyreading.in.th เว็บไซต์ของแผนงาน ฯลฯ สร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ซ่ึงมีข้อมูล ข่าวสารความเคลื่อนไหวการท�ำงานสร้าง รวมท้ังเกิดความเคลื่อนไหวของงาน เสรมิ การอา่ นครอบคลมุ ทกุ ดา้ น ทงั้ ในระดบั ด้านการรณรงค์ส่ือสารสังคมหลากหลาย ชมุ ชน ตำ� บล อ�ำเภอ และระดบั ประเทศ รูปแบบ เช่น มหกรรมหนังสือเล่มละบาท ขบวนการป่นั ปนั ปัญญา ท่ีรณรงค์ทงั้ การ ความสำ� เรจ็ ของพน้ื ทต่ี น้ แบบทกุ แหง่ อ่านและปันสุขด้วยการ ลด ละ เลิกเหล้า เกิดจากความร่วมมือของคณะท�ำงาน กิจกรรมส่งเสริมการอ่านสัญจรทั้งในศูนย์ จิตอาสา เครือข่าย รวมทั้ง พฒั นาเดก็ เลก็ (ศพด.) และชมุ ชน รวมไปถงึ แต่ละองค์กรยังมีบุคคล การสนับสนุนให้ก่อเกิดกระแสวัฒนธรรม ส�ำคัญเป็นก�ำลังหลักใน การอ่านในระดับจังหวัด ขยับขยายเป็น การขบั เคลอ่ื นงาน บางคน ท�ำหน้าที่เป็นผู้น�ำการก้าวสู่ ∞23∞
เป้าหมายที่ตั้งไว้ของโครงการ บางคนเชื่อมประสานทุกฝั่งฝ่ายของหน่วยงานและองค์กร ที่เกี่ยวข้อง และอีกหลายหน้าที่รับผิดชอบด้วยบทบาทนักพัฒนาสังคมภาคประชาชนภายใต้ หมวกนักสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน หลายคนขบั เคลอื่ นงานทา่ มกลางความทา้ ทายจากปจั จยั ภายนอกและปจั จยั ภายในองคก์ ร ไม่ว่าจะเป็นการติดขดั จากงานหลักของกลุ่มเปา้ หมาย งบประมาณ หนังสอื ส่ืออา่ น ระยะเวลา ด�ำเนินงาน องค์ความรู้ การเปล่ียนผู้บริหารหน่วยงานในพ้ืนที่ การไม่ให้ความร่วมมือของ เครอื ขา่ ย เชน่ โรงเรยี น องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ หนว่ ยงานสาธารณสขุ หนว่ ยงานการศกึ ษา ท่ีเก่ียวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคนโยบาย และภาคเอกชน สถานการณ์การเมือง เหตุการณ์ความ ไม่สงบในพ้ืนท่ี หรือแม้แต่พื้นที่กลุ่มเป้าหมายท่ีอยู่บนดอยสูงและเป็นถิ่นทุรกันดาร รวมไปถึง ความมน่ั คงเรือ่ งรายได้คา่ ตอบแทนคนท�ำงานท่ีไม่พอเพียง ซึ่งเปน็ ข้อจ�ำกัดของหลาย ๆ องคก์ ร พัฒนาเอกชนที่ไมแ่ สวงหาก�ำไรจากการทำ� งาน แตพ่ วกเขาคนทำ� งานจาก ๑๑ พื้นที่ตน้ แบบก็ไม่คดิ ทอ้ ถอย หรือหยุดก่อสร้างงาน ทุกคนยัง คงมคี วามคดิ มองหาชอ่ งทางใหม่ ๆ เพ่ือเดินไปยงั เปา้ หมายทตี่ งั้ ไว้ ซงึ่ แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรม การอ่านเห็นผลส�ำเร็จจากความ ทมุ่ เทเอาใจใสข่ องคนทำ� งานจาก ทกุ พ้นื ท่ีตน้ แบบ ∞24∞
ดังนั้น นอกจากการน�ำเสนอผลงานความส�ำเร็จประจ�ำปีของการพัฒนาโครงการ ที่น�ำเสนออยู่ในเว็บไซต์ของแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านแล้ว การได้ฉายภาพวิธีคิด และรปู แบบการขบั เคลอื่ นงานตามบรบิ ทพน้ื ทขี่ องคนทำ� งานพฒั นาสงั คมกลมุ่ หนง่ึ ทห่ี ยบิ จบั งาน ขับเคล่ือนให้เกิดความเปล่ียนแปลงของผู้คนและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม เป็นการตอบโจทย์ การสร้างสังคมแห่งปัญญาที่น�ำสู่สังคมสุขภาวะร่วมกัน ภายใต้ปรัชญา “อ่านสร้างสุขเพื่อวิถี สขุ ภาวะ” หนังสือเล่มนี้จึงท�ำหน้าท่ีถ่ายทอดภูมิหลังที่มาของกรอบความคิดเติบโต หรือ Growth Mindset ซง่ึ เปน็ ประสบการณท์ ำ� งานพฒั นาสงั คมของบคุ คลสำ� คญั ในการทำ� งาน ๑๑ พนื้ ทต่ี น้ แบบ ซึ่งมีความหลากหลายของปัจจัยแวดล้อมด้านต่าง ๆ เช่น บุคคล งบประมาณ สถานการณ์ ∞25∞
ภูมิประเทศ ซ่ึงเป็นชุดประสบการณ์ที่มีคุณประโยชน์และเอื้อต่อความเข้าใจสถานการณ์ กรอบความคิด การตัดสินใจลงมือพัฒนางานเพ่ือสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ส�ำหรับบุคลากรท่ี เกี่ยวข้องและสนใจการท�ำงานด้านพัฒนาชุมชนและสังคมทุกประเด็น รวมถึงคนท�ำงานพัฒนา จากทุกภาคส่วนท้งั องค์กรพัฒนาเอกชนและองคก์ รพฒั นาของภาครฐั พวกเขาทกุ คนทถี่ กู ฉายภาพเรอ่ื งราวดี ๆ อย่ใู นหนงั สอื เลม่ นล้ี ว้ นศรัทธาในพลงั แหง่ การอา่ น พวกเขาทกุ คนเชื่อว่าการอา่ นสรา้ งการเปลย่ี นแปลงได้จริง พวกเขาทกุ คนเชอ่ื วา่ หนงั สอื และสอื่ สง่ เสรมิ การอา่ นเปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ในการสรา้ งเสรมิ วัฒนธรรมการอ่าน ครั้งนี้กรอบความคิดเตบิ โต (Growth Mindset) และประสบการณ์งานพัฒนาสังคมของ นกั สร้างเสริมวัฒนธรรมการอา่ น ไดป้ รากฏเปน็ “หนงั สอื และส่อื อา่ น” เคร่ืองมือส�ำคญั ซึ่งเป็น สว่ นหนึง่ ในการสรา้ งสังคมแห่งปญั ญาที่นำ� ส่สู ังคมสขุ ภาวะรว่ มกนั ∞26∞
การอ่าน เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความเพลิดเพลิน ความสุข การแสวงหา ความรู้ บม่ เพาะอุดมคติ สามารถเปลยี่ นแปลงความคิด พฤติกรรม และวิถีการด�ำรงชวี ิต ปฐมวยั ของเด็ก (๐-๖ ป)ี เปน็ ชว่ งพน้ื ฐานส�ำคญั ทสี่ ดุ ของชีวิต มกี ารสมั ผัส รบั รู้ และเรยี นรสู้ งิ่ ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เพราะโครงสรา้ งตา่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั สมองกำ� ลงั พฒั นา สูงสดุ ถงึ ๘๐% หากมกี ารสรา้ งเสริมพฒั นาการและสงิ่ แวดลอ้ มที่กระตุ้นท่ดี ีกจ็ ะสามารถ สรา้ งคนดีทสี่ รา้ งสรรค์สงั คมเปน็ สุขได้ การอ่าน มีส่วนส�ำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาสมองของวัยเด็ก สร้างความสุข ความเพลิดเพลิน สามารถปลูกฝัง สร้างเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในวัยเด็กและ เยาวชน และการสรา้ งเสรมิ คณุ ภาพชีวิตในวยั ผใู้ หญ่ การสร้างเสริมให้เกิดวัฒนธรรมและสังคมการอ่าน จึงเป็นฐานทางภูมิปัญญาท้ังภายในและภายนอก อันสำ� คัญท่จี ะน�ำมาสกู่ ารสรา้ งสงั คมสุขภาวะทยี่ งั่ ยืน ที่มา : แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น ∞27∞
บทที่ ๒ พืน้ ทภ่ี าคใต้
อา่ นสรา้ งสขุ สุพจน์ องคว์ รรณดี
ต้งั ค�ำถาม สกู่ ารเปลีย่ นแปลง : `ปอ๊ บ ระบดั ใบ’ หนังสอื เปล่ยี นพฤตกิ รรมได้จริงหรือ ? หนงั สือสร้างพฒั นาการไดจ้ รงิ หรอื ? “ผมเปน็ คนดอ้ื ไมค่ อ่ ยทำ� อะไรตามทใี่ ครบอก งา่ ย ๆ” เขาพูดประโยคนี้บ่อยครั้งเวลาพูดคุยถึงการ ท�ำงานขับเคล่ือนให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านในชุมชน ไมว่ า่ ประโยคนจี้ ะพดู ขน้ึ มาดว้ ยความรสู้ กึ ใด แตค่ นรบั ฟงั ท่ีรู้จักและเคยร่วมงานกับเขามาบ้าง ต่างต้องอมยิ้ม หรอื แมแ้ ต่ปลอ่ ยเสยี งหัวเราะออกมาเรอื่ ยไป อาจเพราะเหน็ ดว้ ยกบั ประโยคดงั กลา่ ว หรอื อาจ
ดว้ ยชน่ื ชอบในความเขา้ ใจตวั เองดยี งิ่ ของเขา หลายพื้นท่ี กระท่ังเม่ือ ๑๕ ปีก่อน เขาได้ ตดั สนิ ใจปกั หลกั ใชช้ วี ติ อยทู่ นี่ ่ี จงั หวดั ระนอง ปจั จบุ นั เจา้ ของประโยคดงั กลา่ วทำ� งาน ภายใต้หมวกนักพัฒนาสังคมภาคประชาชน พัฒนาสังคมภาคประชาชนในจังหวัดระนอง เช่นเดิม ช่วงแรกยังอยู่ในสภาวะคนต่างถิ่น รับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและ ก้าวมาเป็นคนพักอาศัย เป็นคนแปลกหน้า องค์กรพัฒนาเอกชนแหล่งต่าง ๆ เขามี ของคนนอกรั้วบ้าน ไม่มีคนรู้ว่าเขาคือใคร หลักสูตรอบรมเด็ก ๆ และคุณครูเกี่ยวกับ มุง่ หมายมาท�ำอะไรท่จี ังหวดั ระนอง กระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ เป็นการเตรียมความพร้อมให้เด็ก ๆ ได้ใช้ แตว่ นั นี้ จากคนแปลกหนา้ เมอ่ื ๑๕ ปี ชวี ิตในสงั คมยคุ ดจิ ทิ ลั ทเี่ ปลย่ี นแปลงรวดเร็ว กอ่ น เดก็ เลก็ ๆ ในเมอื งระนองมากมายเรยี ก ราวการเดินของเขม็ วินาที เขาวา่ “ลงุ ป๊อบ” เขาท�ำงานพัฒนาสังคมมาตั้งแต่ยัง “ลุงป๊อบ” ท�ำหน้าที่สร้างคน ส่งต่อ สวมหมวกนักศกึ ษามหาวทิ ยาลัย นับตัวเลข องค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพครู เจ้าหน้าที่ มาถึงปจั จบุ นั เกิน ๒๐ ปี ท�ำงานสาธารณสุข เกี่ยวกับการเสริมสร้าง พัฒนาการเด็กเล็กด้วยการอ่าน ทั้งในเขต “ผมเรียนโฆษณาประชาสัมพันธ์ จังหวัดระนองและพ้นื ทอ่ี ่ืน ๆ ต่างภมู ภิ าค อยรู่ ามคำ� แหง ชว่ งปี ๒ ปี ๓ ไดเ้ จอกลมุ่ ละคร มะขามป้อม เห็นว่าเขาท�ำงานมันน่าสนุก “ลุงป๊อบ” ท�ำหน้าท่ีสร้างสรรค์พื้นท่ี ก็กระโดดเข้าไปขอเป็นอาสาสมัคร” แหง่ การอา่ นใหข้ ยายผล เตบิ โตตามมมุ ตา่ ง ๆ ใน ๕ อ�ำเภอของจังหวัดระนอง ก่อให้เกิด ต้ังแต่วันน้ันเขาเดินสายเรียนรู้ลงมือ หนังสือเดินสายส�ำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ท�ำงานเพื่อพัฒนาสังคมกับอีกหลายองค์กร หมุนเวียนไปยังชุมชน พร้อมกับเกิดการ ∞31∞
แลกเปล่ยี นความรู้ ความสนุกสนานในกลมุ่ ประชาชน “ลุงป๊อบ” ท�ำหน้าท่ีสร้างสรรค์หลักสูตรพร้อมจัดกระบวนการเรียนรู้ให้เด็กและเยาวชน เรยี นร้ทู กั ษะชีวติ สำ� หรับเตบิ โตอย่างสนุกสนาน แขง็ แรงพร้อม ๆ กันทง้ั กายและใจ โดยเฉพาะชว่ งเกือบ ๑๐ ปหี ลงั นี้ เขาทำ� งานเกย่ี วกับกระบวนการเรียนรูแ้ ละเท่าทนั สอ่ื กระบวนการเรียนรูก้ ารสรา้ งเสรมิ วัฒนธรรมการอา่ นในชุมชนทีเ่ หมาะสมกับกลุ่มเปา้ หมาย หลายคนท่เี จอกันตามสายงานพัฒนาสงั คม รจู้ กั และเรยี กเขาว่า “ปอ๊ บ ระบดั ใบ” ในขณะท่ี “สุพจน์ องค์วรรณดี” เป็นชื่อนามสกุลของเขาที่ลงท้ายเอกสารน�ำเสนอ โครงการเพื่อพัฒนาสงั คมไปยังแหล่งทุนตา่ ง ๆ และ ๖ ปลี า่ สดุ นี้ ชอ่ื “สุพจน์ องคว์ รรณด”ี ∞32∞
กถ็ กู เขยี นลงทา้ ยเอกสารโครงการสง่ ถงึ แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสริมสุขภาพ (สสส.) อยา่ งต่อเนอ่ื ง เพื่อต่อยอดการเตบิ โตแหง่ วฒั นธรรม การอา่ นในพนื้ ทจ่ี งั หวดั ระนอง ทำ� ใหเ้ ขาเปน็ หนง่ึ ในบคุ คลสำ� คญั (KeyMan) ของการขบั เคลอื่ น วัฒนธรรมการอา่ นในชมุ ชนของภาคีเครือขา่ ยท้งั ๑๑ องค์กรของแผนงานฯ การอา่ น “ปีนี้ (๒๕๕๘) เป็นปีเก็บเกี่ยว จากที่เพาะปลูกเมล็ดพันธุ์เอาไว้ ก็เปล่ียนบทบาทการ ท�ำงานให้ลดลงบ้าง ปล่อยให้พ้ืนที่ขับเคล่ือนกันต่อเอง บางอย่างก็ปล่อยให้มันเป็นไปตาม ธรรมชาตบิ า้ ง” และการปรบั บทบาททำ� งานใหล้ ดลงครงั้ นี้ “ปอ๊ บ ระบดั ใบ” ระบไุ วว้ า่ นคี่ อื อกี หนง่ึ อาการ ด้อื ของเขา คนด้อื ... ผสู้ ร้างการเปลีย่ นแปลง ก้าวแรก... ระบัดใบ “ปอ๊ บ-สพุ จน์ องค์วรรณด”ี มตี �ำแหนง่ เปน็ ผู้ประสานงานกลุ่มระบัดใบ กลมุ่ ระบดั ใบ คอื คณะบคุ คลทดี่ ำ� เนนิ กจิ กรรมพฒั นาศกั ยภาพเดก็ และเยาวชน เพอื่ สง่ เสรมิ การมีส่วนร่วมของเดก็ และเยาวชนในการพฒั นาสังคม ก่อตง้ั เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ เรมิ่ ทำ� งานให้ ความรเู้ กี่ยวกบั สิ่งแวดล้อมและการอนุรกั ษป์ ่าเขาใหญ่ ท่จี ังหวดั สระบรุ ี “ก่อนต้ังกลุ่มเอง ผมได้ท�ำงานเรียนรู้กับหลายองค์กรมาก เช่น มูลนิธิส่ือชาวบ้าน กลมุ่ ศลิ ปวฒั นธรรมกระจกเงา สายงานโลกสเี ขยี ว จนวนั หน่ึงรู้สึกอยากทำ� เองในพน้ื ที่ ก็ลาออก ∞33∞
มาต้ังกลุ่มเคล่ือนงานด้านส่ิงแวดล้อมกับเพ่ือน ๆ ที่สระบุรี ท�ำไป ๒ ปี ก็เจอว่ามันเป็นพ้ืนท่ี ขยบั งานยากด้วยปจั จัยเสี่ยงหลาย ๆ อย่าง ประกอบกบั พแ่ี นน (วฒั นาวดี พมุ่ ไชย ผู้จัดการกลุ่ม ระบัดใบ) เข้ามาท�ำงานด้วยกันช่วงนั้น เลยตัดสินใจย้ายฐานที่ม่ันมาอยู่ระนองซ่ึงเป็นบ้านของ พ่ีแนน อกี ใจกอ็ ยากหาเรื่องเทีย่ วด้วยแหละ” “ถอื วา่ มาบกุ เบกิ งานพฒั นาสงั คม ภาคประชาชนที่น่ีเลยก็ใช่ ยุคสมัยนั้น ระนองไมเ่ คยมนี กั พฒั นาแบบนี้ สว่ นใหญ่ สายงาน NGO (Non-Governmental Organization) จะโดดเด่นอยู่ท่ีภาคใต้ ตอนลา่ ง คือ หาดใหญ่ พัทลุง สงขลา มากกว่า” ช่วงที่ “ป๊อบ-แนน” ย้ายท่ีมั่น มาอยู่ระนองใหม่ ๆ ยังท�ำงานประเด็น สงิ่ แวดลอ้ มดว้ ยเปา้ หมายตอ้ งการพฒั นา ศักยภาพเยาวชน และส่งเสริมให้เยาวชนในจังหวัดระนองตระหนักถึงคุณค่าความส�ำคัญ ของทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น พร้อมกับเปิดหน้างานพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชน โดยด�ำเนินงานลักษณะหนนุ ช่วยกล่มุ เยาวชนในโรงเรยี น และกลมุ่ เยาวชนอ่นื ๆ ทที่ ำ� งานด้าน เดก็ และเยาวชนในพนื้ ทจ่ี ังหวดั ระนอง “ก่อนย้ายมาระนอง ผมไปช่วยโครงการนักสืบสายน�้ำของมูลนิธิโลกสีเขียวท่ีเชียงใหม่ ได้รับงบประมาณก้อนหนึ่งมาเร่ิมต้นท�ำกิจกรรมนักสืบสายน้�ำ โครงการสายน�้ำมีชีวิตที่ระนอง ∞34∞
ถือเปน็ กิจกรรมแรกที่ระบดั ใบทำ� ท่ีนี่ จากน้นั กเ็ ปิดห้องสมดุ ระบัดใบท่บี ้าน ทำ� ลานกจิ กรรมเรียน รู้กับเดก็ ๆ ในชมุ ชน แล้วตอ่ ยอดกิจกรรมตา่ ง ๆ กับเดก็ มาเรือ่ ย ๆ ท้ังรบั ทุนจากองคก์ รใน ประเทศ ตา่ งประเทศ ทงั้ ภาครฐั และเอกชน สว่ นใหญเ่ ปน็ งานเกยี่ วกบั การพฒั นาเดก็ และเยาวชน จะเปลยี่ นไปบ้างกเ็ ปน็ เรอ่ื งของเนอื้ หาที่สง่ เสริมและพัฒนาตามวาระไป” กลุ่มระบัดใบสนใจเรื่องการศึกษาการเรียนรู้เป็นทุนเดิม ดังนั้น ทุกประเด็นท่ีสนใจท�ำ ไมว่ า่ จะเปน็ สงิ่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม สงั คม สิทธิเดก็ สิทธิพลเมือง ฯลฯ จงึ ก่อให้เกิดการศกึ ษา เรยี นรู้อยา่ งสนุกสนานกอ่ นลงมอื ท�ำเสมอ “เพ่ิงสังเกตเห็นตอนท�ำเร่ืองส่ิงแวดล้อม ว่าเราศึกษาค้นหาและเก็บข้อมูลเยอะมาก ๆ ทดลองเรียนรู้ท�ำผิดถูก จนสุดท้ายพัฒนาเป็นหลักสูตรกระบวนการเรียนรู้ท่ีใช้งานได้จริง ได้ผลลพั ธท์ ่ีตอ้ งการจรงิ นนั่ คือจดุ เรม่ิ ต้นของการยอ่ ยขอ้ มลู ซงึ่ เปน็ องค์ประกอบสำ� คัญทท่ี �ำให้ งานส�ำเร็จตามเป้าหมาย การย่อยข้อมูลมันมาจากประสบการณ์ อาจเพราะโตมาจากสายงาน ละคร สายงานสื่อท่ีได้เห็นเครือ่ งมอื หลากหลาย กเ็ ลยเอามาประยุกต์ใช้งานได”้ ∞35∞
กลอ่ งหนังสอื เดินสาย : เพราะขาดแคลนจึงกอ่ เกดิ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เมื่อกลุ่ม ระบัดใบเริ่มต้นงานสร้างเสริม วฒั นธรรมการอา่ นในพน้ื ทจี่ งั หวดั ระนอง กระบวนการศกึ ษาเรียนรู้ จึงได้ถูกหยิบยกข้ึนมาใช้งานผ่าน การเก็บขอ้ มูลรอบดา้ น วิเคราะห์ ทม่ี าที่ไปของสถานการณก์ ารอา่ น เพื่อพัฒนาโครงการท่ีตอบโจทย์ การท�ำงานสร้างเสริมวัฒนธรรม การอา่ น พรอ้ มกบั คำ� ถามทตี่ ง้ั ไวช้ ดั เจนวา่ “หนงั สอื เปลยี่ นแปลงเดก็ ไดจ้ รงิ หรอื เปลา่ ” เพอื่ คน้ หา ช่องทางในการท�ำงานที่เหมาะสมกับเปา้ หมายของการสรา้ งเสริมวฒั นธรรมการอา่ น จากการลงเก็บข้อมูลคร้ังนั้นท�ำให้ค้นพบสถานการณ์ขาดแคลนหนังสือในพื้นที่ส่วนใหญ่ ของจงั หวดั ระนอง คอื บคุ ลากรทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั เดก็ เลก็ ขาดความเขา้ ใจเรอื่ งหนงั สอื ทเี่ หมาะสมกบั วยั หลายคนแทบไม่รูก้ นั เลยว่าท�ำไมคนเราต้องอ่านหนงั สือ หรอื แม้แตห่ นา้ ตาของหนังสอื นทิ าน ท่มี ีสีสันสวยงาม ปกแขง็ มีลายนูนให้สัมผสั พ่อแม่ผู้ปกครองหรอื ครปู ระจ�ำศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ (ศพด.) ยังไม่มโี อกาสเคยเห็นด้วยซ�้ำ ท้ัง ๆ ที่ต่างกม็ ชี วี ิตอย่กู บั การดูแลพัฒนาการเด็กเลก็ ครูประจ�ำศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (ศพด.) คือ เป้าหมายบุคคลท่ีเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ในชว่ งแรกของการขยบั งานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ นในชมุ ชน เนอื่ งจากเปน็ ∞36∞
ผู้ดูแลใกล้ชิดท่ีมีอิทธิพลในการสร้างเสริม พัฒนาศักยภาพเดก็ ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ พฤติกรรมท่ีเหมาะสมกับวัยให้กับเด็กเล็ก ข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นจุดเร่ิมต้นของ ดังนั้น ข้อมูลและองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ กจิ กรรม “กลอ่ งหนงั สอื เดนิ สาย” ทข่ี ยายผล เกย่ี วกบั การอา่ นกบั พฒั นาการของเดก็ เลก็ จงึ ตอ่ เนอื่ งมาถึงปจั จุบัน ถกู ออกแบบเพอ่ื เสรมิ ศกั ยภาพคณะครู ศพด. “เราไปเห็นว่าในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้เป็นครูที่มีความเข้าใจถึงหนังสือที่เหมาะ (ศพด.) แทบไม่มีนทิ านคณุ ภาพทเ่ี หมาะสม สมกับวัย สามารถใชห้ นังสอื เปน็ ส่อื เพื่อการ กับวัยของเด็กเลย ส่วนหนังสือท่ีมีอยู่ก็เต็ม ปรับเปล่ียนพฤติกรรมเด็กเล็กให้ดีขึ้นอย่าง ไปดว้ ยตวั อกั ษรตดิ ๆ กนั เมอ่ื กอ่ นตวั ครเู อง เปน็ รูปธรรม ก็ไม่ร้ดู ว้ ยซ้ำ� ว่า หนงั สือคุณภาพทเ่ี หมาะกบั เด็กเป็นยังไง แบบไหน แถมหลายคนยังมี จุดส�ำคัญของการเร่ิมต้นขับเคลื่อน ความเช่ือที่ว่า ถ้าปล่อยให้เด็กหยิบหนังสือ งานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่านในชุมชน ไปอ่าน เด็กก็จะฉีกกระดาษในหนังสือขาด กบั กลุ่มครู ศพด. นนั้ มฐี านมาจากชดุ ขอ้ มูล หมด ซ่ึงมันเป็นเร่ืองท่ีเราไม่เช่ือ เลยตั้งใจ “เปดิ ๑๐๘ หนงั สอื ดี เปดิ หนา้ ตา่ งแหง่ โอกาส มากท่จี ะเปล่ียนความเช่ือนใี้ หไ้ ด้ ก็ตัดสินใจ ในการพฒั นาเดก็ ปฐมวยั ” ในรปู แบบหนงั สอื ท�ำโครงการกล่องหนังสือเดินสาย เป็น และวีดิทัศน์ท่ีได้รับจากแผนงานฯ การอ่าน กิจกรรมหมุนเวียนกล่องหนังสือส�ำหรับเด็ก ซงึ่ เขาไดน้ ำ� ชดุ ขอ้ มลู ดงั กลา่ วมาใชเ้ ปน็ สอื่ หลกั ปฐมวยั ขา้ งในกจ็ ะมพี วกนทิ าน หนงั สอื ภาพ ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเป็นรูปธรรม การ์ตูน กลอ่ งละ ๕๐ เลม่ เอากล่องไปไว้ที่ และนำ� ไปเปน็ จดุ ตงั้ ตน้ คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ศูนย์ฯ เด็กเล็ก ตอนแรกจะมีอาสาสมัครท่ี พัฒนาการเด็กปฐมวัยอย่างเจาะลึกมากขึ้น อบรมไว้คอยหมุนเวียนเปล่ียนกล่องจาก เพราะเชอื่ วา่ หนงั สอื ดี เปน็ หวั ใจสำ� คญั ในการ ∞37∞
แหง่ หนง่ึ ไปอกี แหง่ หนง่ึ ทกุ เดอื น แต่ ทุกวันน้ีก็มีแกนน�ำเยาวชนในพ้ืนท่ี คอยเวยี นเคลอ่ื นหนงั สือใหแ้ ลว้ ” ก่อนหน้าการเกิด “กล่อง หนังสือเดินสาย” ดังกล่าว “ป๊อบ” เคยท�ำกิจกรรมแบ่งปันหนังสือใน ชุมชนมาแล้ว ต้ังแต่ช่วงหลังเกิด เหตุการณ์สึนามิราว ๑๐ ปีก่อน เน่ืองด้วยเห็นภาวะเครียดที่เกิดกับ เดก็ ๆ ทีป่ ระสบเหตุการณ์ภยั พิบตั ิ ในขณะที่ผู้ปกครองนั้นก็ไม่รู้จะเล่น อะไรกับลูก เขาจึงน�ำหนังสือจาก การเก็บสะสมของตนใส่กล่อง น�ำไปเป็นหน่ึงในเคร่ืองมือการเยียวยาหัวใจหลังจากผ่านการ สญู เสยี ของคนในพน้ื ท่ี ตอ่ มาเมอื่ ไดร้ บั การสนบั สนนุ ทนุ ใหเ้ คลอ่ื นงานสง่ เสรมิ การอา่ นจากแผนฯ การอ่านจึงท�ำให้สามารถสร้างแหล่งอ่านในชุมชนเป็นรูปธรรม รวมทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีส�ำหรับ เขาในการทดลองใชห้ นังสือกับกล่มุ เดก็ ๆ มากขน้ึ กล่องหนังสือเดินสายเริ่มต้นด้วยหนังสือเฉพาะเด็กปฐมวัย ได้รับความสนใจจากเด็ก ผปู้ กครอง และชมุ ชนจำ� นวนมาก ตอ่ มาจงึ เพมิ่ หนงั สอื สำ� หรบั ผใู้ หญเ่ ขา้ ไปดว้ ย จากชว่ งเรมิ่ ตน้ ๕๐ กลอ่ ง ปจั จบุ นั ขยับมาที่ ๑๐๐ กล่อง ใน ๕๐ พน้ื ที่ มีหนังสอื หมุนเวยี นกว่า ๕,๐๐๐ เล่ม โดยเฉพาะศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ และภาคเี ครอื ขา่ ย เชน่ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล(อบต.) โรงพยาบาล ∞38∞
ส่งเสริมสุขภาพต�ำบล (รพ.สต.) ร ว ม ถึ ง บ ้ า น ข อ ง อ า ส า ส มั ค ร สาธารณสขุ ประจำ� หมบู่ า้ น(อสม.) หรืออาสาสมัครรักการอ่านท่ี เปิดบ้านเป็นมุมอ่านหนังสือใน ชมุ ชน ครอบคลุมพนื้ ที่ ๕ อ�ำเภอ ได้แก่ อ�ำเภอเมือง อ�ำเภอละอุ่น อำ� เภอกะเปอร์ อำ� เภอกระบรุ ี และ อำ� เภอสุขสำ� ราญ เพอ่ื สร้างสภาพ แวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่านในชุมชนให้คนได้เข้าถึงหนังสือ พร้อมกับมีการให้ความรู้กับแกนน�ำ ในพ้ืนท่ี สรา้ งความเขา้ ใจเรื่องความสำ� คญั ของหนงั สือและพัฒนาการกบั สมองของเด็กปฐมวัย รวมถึงการใชห้ นังสอื เพื่อพัฒนาเดก็ เลก็ อยา่ งเหมาะสมตามชว่ งอายุ “เข้าปีที่ ๔ ขยายงานเรื่องกล่องหนังสอื ไปถึง ๕๐ พ้นื ที่ แตก่ ย็ งั มีพืน้ ทอี่ นื่ ๆ ทส่ี นใจตดิ ตอ่ มาอีก แต่ผมตัดสินใจลดขนาดงานเดิมลง หันไปต้ังเป้าเพ่ิมขยายการท�ำงานช่องทางอ่ืนแทน ปนี นั้ เลยตง้ั เงอื่ นไขขนึ้ วา่ จะเปดิ รบั เฉพาะพนื้ ทท่ี ที่ ำ� งานเชอื่ มกบั อสม. นเ่ี ลยกลายเปน็ อกี ชอ่ งทาง หน่งึ ที่ส่งเสรมิ การอ่านเข้าสชู่ ุมชน ผ่านหน่วยงานทั้ง รพ.สต. และ อบต. ฉะน้ัน พอเข้าปที ี่ ๕ ปีท่ี ๖ มันกเ็ ลยเป็นการเคลอื่ นประเด็นการอา่ นกบั หนว่ ยงานสาธารณสุขและชมุ ชนมากขน้ึ ” “การเช่อื มงานไป รพ.สต. เราต้องตีโจทยใ์ ห้แตกวา่ การอ่านคอื อะไร ท่สี ำ� คญั สามารถ ตอบโจทยข์ องสาธารณสุขยังไง เพราะหลกั ๆ แล้วคนทำ� งานสาธารณสขุ เขาไม่ไดม้ องประเดน็ เร่อื งสง่ เสริมการอา่ น แตเ่ ขามองเร่อื งพฒั นาการของเดก็ เม่อื เราจะเชื่อมไปยงั คนทส่ี นใจเรือ่ ง ∞39∞
พัฒนาการเด็ก เราต้องท�ำการบ้าน ศึกษาค้นคว้าเพ่ือย่อยข้อมูลส่งมอบให้กับคนท�ำงาน สาธารณสขุ ถา้ ครูศนู ย์ฯ เด็กเลก็ กับเจ้าหน้าที่ รพ.สต. และ อสม. เชื่อมงานกันได้ ประเดน็ ส่งเสริมการอา่ นเสริมสร้างพัฒนาการเดก็ กเ็ กดิ ความเคล่อื นไหวทีช่ ัดเจนในชุมชนได้” นกั ก่อสรา้ ง กระบวนการเรยี นรู้ เปา้ หมายในการพฒั นาศกั ยภาพครู ศพด. ใหเ้ ปน็ แกนนำ� สรา้ ง เสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น คอื หวั ใจหลกั ของการทำ� งาน เนอ่ื งดว้ ย พบว่าครูศูนย์ฯ เด็กเล็ก แม้จะอยู่กับหนังสือนิทานมานาน แต่ยังไม่รู้ว่าหนังสือนิทานสามารถสร้างเสริมพัฒนาการเด็ก ๆ ได้อย่างไรบ้าง รวมทั้งครูยังใช้สื่อท่ีผลิตเองโดยไม่ได้เช่ือมโยงกับ หนังสือนิทานที่มีอยู่ เช่น ทำ� หุน่ มือ เยบ็ ถุงมอื ขึน้ มาเลน่ กับเด็ก แต่ก็ ไม่ได้น�ำหุ่นมือไปเช่ือมโยงกับนิทานที่มีอยู่ ด้านการเล่านิทานก่อนหน้าน้ีก็เล่าตามสไตล์ของครู แต่ละคน ไม่มีการเชื่อมโยงมายังแผนการเรียนการสอน กลมุ่ ระบดั ใบจงึ ทำ� หน้าที่เชือ่ มตอ่ จกิ ซอวต์ า่ ง ๆ ท่คี รูศูนย์ฯ เดก็ เล็กมอี ยู่ในตวั เองแลว้ ให้ สมบรู ณ์ย่ิงข้ึน ก่อนหนา้ น้วี ธิ กี ารที่ครูศนู ยฯ์ สว่ นใหญ่ใชเ้ ก็บเดก็ ใหอ้ ย่นู ่ิง ๆ ไมว่ ิง่ เล่นโวยวาย ด้ือซน คอื การเปิดโทรทศั นใ์ หด้ ู ไมเ่ คยใชห้ นงั สอื นิทานดึงความสนใจเด็ก บวกกับนทิ านในศูนยฯ์ มจี �ำนวน น้อย แถมเด็ก ๆ ยงั เคยเปดิ หนงั สือแลว้ ฉกี จนครูหลายคนขยาด ไมอ่ ยากใหม้ ีหนังสือในศนู ยฯ์ มากนกั เพราะกลวั เด็ก ๆ จะฉีกเสียหมด ∞40∞
“ปอ๊ บและทมี งานกลมุ่ ระบดั ใบ” รับบทบาทสื่อสารสร้างความเข้าใจ สร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อเชื่อมให้ ครเู หน็ วา่ หนงั สอื นทิ านสามารถชว่ ยให้ ครูเสริมสร้างพัฒนาการให้เด็กได้ อยา่ งไร ครสู ามารถสรา้ งใหห้ นงั สอื เปน็ พระเอกโดยการเล่าเสียงสูง เสียงต�่ำ หยิบเคร่ืองมือของเล่น มาเป็น องคป์ ระกอบเสรมิ สรา้ งความสนกุ สนานพรอ้ มกบั การเรยี นรไู้ ปดว้ ย การฉกี ขาดหนงั สอื กจ็ ะหายไป หลงั จากเดก็ ๆ เหน็ คณุ คา่ ของหนงั สอื พรอ้ มกบั จะกลบั ไปเปดิ หนงั สอื เลม่ นน้ั ซำ้� แลว้ ซำ�้ อกี เพราะ เคยสร้างความสนุกสนานให้กับพวกเขา คุณครูกเ็ บาแรงเม่ือปลอ่ ยเด็ก ๆ พกั เดก็ ๆ เรม่ิ หาพื้นท่ี ของตัวเองเพอ่ื สนกุ ไปกบั หนังสอื จากการศกึ ษาและวิเคราะหข์ ้อมลู เพื่อออกแบบการพฒั นาศักยภาพของครูศนู ย์พัฒนา เดก็ เล็ก ท�ำให้เกดิ เปน็ หลกั สตู รเกย่ี วกบั ส่อื ประกอบนทิ าน เน้นกระบวนการเรยี นรู้ สรา้ งความ เขา้ ใจแกน่ ของกจิ กรรมการอา่ น วา่ การอา่ นเปน็ มากกวา่ การอา่ นออกเขยี นได้ และหนงั สอื เพยี ง เล่มเดยี วสามารถสอนให้เดก็ ๆ ไดเ้ รยี นรู้มากกว่า ๑ เรอื่ ง เนื้อหาของหลกั สตู รประกอบด้วย ๓ ประเด็นหลัก คอื สือ่ และเครอื่ งมอื ประกอบการ อา่ น ซึ่งเน้นการวางฐานระบบคดิ เกีย่ วกับการอา่ น สือ่ การอา่ น และเครือ่ งมอื ส่งเสรมิ การอา่ น เพอ่ื สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจใหก้ บั ครู ผปู้ กครอง หรอื บคุ คลแวดลอ้ มเดก็ เกยี่ วกบั การใชห้ นงั สอื ใหเ้ ตม็ ศกั ยภาพ ประเดน็ ตอ่ มา คือ หนังสือสามารถกระตุ้นพัฒนาการเดก็ ไดอ้ ยา่ งไร ประเดน็ ∞41∞
สดุ ทา้ ย คอื การเลือกหนังสอื ใหเ้ หมาะกบั ช่วงวยั เนน้ เรือ่ งวิธี คิดและวิธีการวิเคราะห์ว่าหนังสือมีผลต่อพฤติกรรมเด็ก อย่างไร และสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมด้านลบเป็น ด้านบวกได้อย่างไร ระหว่างการลงมือคิดค้นและใช้หลักสูตรเพ่ือ สรา้ งสอื่ ประกอบนทิ าน สงิ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในความคดิ ของเขา อยเู่ สมอ คอื การตงั้ ค�ำถามแทนใจเดก็ ๆ ด้วยการนำ� ใจ เขา้ ไปใส่ในความเปน็ อยู่ ความรสู้ กึ นกึ คดิ ของเดก็ ๆ ลงมอื ทดลองเครอื่ งมอื หลากหลายเพอ่ื ใหไ้ ดเ้ ครอื่ งมอื และกระบวนการ ทเ่ี หมาะที่สดุ สำ� หรับเด็ก ดังน้ัน ประโยคท่ีว่า “มันยากไปส�ำหรับเด็ก” หรือ “อันนี้ยังไม่เหมาะกับเด็กกลุ่มนี้” จึงถูกป๊อบพดู ถึงบอ่ ยมากทีส่ ุด ระหวา่ งการค้นควา้ และสรา้ งกระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี หมาะกับเด็ก ปฐมวัย “เราเรียนรจู้ ากหลายแห่ง ไปฟงั อบรม ประชุม สัมมนา เรือ่ งพฒั นาการสมองเด็กนก่ี ็ได้ เรียนรู้มาเยอะจากหมอนิชรา (แผนงานฯ การอ่าน เชิญ รศ. พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์ ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นพฒั นาการสมองเดก็ ปฐมวยั มาใหค้ วามรแู้ กเ่ ครอื ขา่ ยสาธารณสขุ ของกลมุ่ ระบดั ใบในพ้ืนท่ี) ที่มาเวิร์กช็อปให้เครือข่ายเรา แล้วก็น�ำข้อมูลความรู้ที่ได้มาคิดต่อยอดจากฐานท่ี ศึกษาพฤติกรรมของเด็ก ๆ ปฐมวัยมาแล้ว บางกิจกรรมมีคนเสนอมาให้ท�ำอย่างนั้นอย่างน้ี เรานงั่ ฟงั แลว้ กเ็ ฮย้ เราไมเ่ ขา้ ใจ กข็ นาดเรายงั มคี ำ� ถาม ยงั ไมเ่ ขา้ ใจ แลว้ เดก็ ๆ เขาจะเขา้ ใจเหรอ นี่เป็นเรื่องส�ำคัญที่ต้องหยุด แล้วคิดว่าเครื่องมือชนิดนั้นเหมาะท่ีจะเอาไปเล่นกับเด็กหรือเปล่า เสมอ” ∞42∞
นอกจากน้ันเขายังศึกษาเพิ่มเติมจาก เดก็ ๆ ไปหาดอกไมจ้ รงิ มาดว้ ย เชน่ มดี อก การฟงั นักเขียน นกั คิด นักท�ำหนงั สอื ซ่งึ มี ชบาใหด้ ู เรากถ็ ามกนั วา่ มกี ลนิ่ ไหม เปน็ ยงั ไง บทบาทของการวิเคราะห์เพ่ือผลิตหนังสือ แล้วมันมีสีอะไร สีแดง แล้วสีแดงวันอะไร เม่ือได้ข้อมูลดังกล่าวแล้วก็เพิ่มเติมข้อมูล เด็ก ๆ กต็ อบวันอาทติ ย์สีแดง” ด้วยการค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ตว่าหนังสือที่ เหมาะกบั เดก็ วยั ไหนเปน็ อยา่ งไร กลมุ่ ระบดั ใบ ดา้ นการเลอื กใชห้ ลกั สตู รและเครอื่ งมอื ส่งต่อเทคนิคต่าง ๆ ให้ครูศูนย์ฯ เด็กเล็ก ต่าง ๆ ปอ๊ บบอกว่า ต้องมกี ารวเิ คราะห์กลุม่ สามารถเช่ือมโยงข้อมูลจากนิทานหนึ่งเล่ม เปา้ หมายทกุ ครงั้ ทจ่ี ดั การอบรบหรอื ใชเ้ ครอ่ื งมอื เข้ากับเคร่ืองมือเล่นอย่างสอดคล้องกับ ต่าง ๆ เพราะผู้เข้ารับการอบรมแต่ละกลุ่ม แผนการสอน ชวนให้คุณครูมาร่วมกัน มีฐานความรู้และประสบการณ์ท่ีต่างกัน วิเคราะห์หนังสอื บางครั้งอาจใช้หลักสูตรเดียวกันแต่ต้อง พลกิ แพลงเครอ่ื งมอื ใหแ้ ตกตา่ งเพอ่ื ใหเ้ หมาะ “การลงพน้ื ทไ่ี ปเวริ ก์ ชอ็ ปไมไ่ ดเ้ กดิ ขนึ้ กับคนเข้าอบรมแต่ละคร้ัง บ่อย ไปสักคร้ังสองคร้ังเพื่อติดต้ังแนวคิด ส่งมอบเครื่องมือหลักที่ท�ำให้สมองได้จดจ�ำ ชว่ ง ๓ ปีหลัง “ลงุ ปอ๊ บ และ ปา้ แนน” ก็คือ การสัมผสั ตามอง หูฟงั เรอ่ื งราว จมกู กลุ่มระบัดใบ ระนอง ก่อร่างสร้างสรรค์ สูดกลน่ิ ทม่ี ีจากบางเลม่ หรอื บางเลม่ เปิดไป หลักสูตรการพัฒนาสื่อประกอบนิทาน สู่เรือ่ งราวขา้ งนอก อยา่ งดอกไมด้ อกไหนมี เพื่อการเปลี่ยนแปลงส�ำหรับเด็ก กระทั่งได้ กล่ิน นิทานอาจจะเป็นเร่ืองครอบครัวที่พูด เดนิ สายออกมอบแนวคดิ ความรู้ และเทคนคิ ถงึ เร่อื ง ๗ สี ๗ ดอก เป็นการเล่นนอกบา้ น ต่าง ๆ ในหลักสูตรให้กับภาคีเครือข่ายใน แล้วก็เช่ือมโยงกับของจรงิ ซึง่ สามารถชวน จงั หวดั อน่ื ๆ เชน่ กลมุ่ ครศู นู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ จังหวดั พะเยา กลมุ่ คนท�ำงานสร้างเสริมการ ∞43∞
อ่านในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดล�ำปาง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซ่ึงส่งผลอย่างชัดเจนว่าสร้างให้ครู มีความม่ันใจและภูมิใจในตนเองมากขึ้น จนได้ใช้หนังสือนิทานเป็นเครื่องมือสร้างการเรียนรู้ ให้กับเด็ก ๆ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ พรอ้ มกับไดข้ ยายความคิดและวิธกี ารต่อยอดสผู่ ้ปู กครอง และชุมชนอกี ด้วย ตลอดระยะเวลากวา่ ๖ ปที เี่ ขา้ มาจบั มอื กบั แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น นอกจาก จะขนเอาทนุ ทางสงั คม องคค์ วามรทู้ มี่ อี ยมู่ าทมุ่ เทสรา้ งงานใหข้ บั เคลอื่ นไดใ้ นพนื้ ทจี่ งั หวดั ระนอง ส่งิ สำ� คญั ที่ “ป๊อบ ระบัดใบ” ยึดไวเ้ ป็นหลักในการทำ� งานสรา้ งเสริมวัฒนธรรม การอา่ นจนเหน็ ผลลพั ธ์ เกดิ ความเปลยี่ นแปลงเป็นรปู ธรรม คอื เขาท�ำงาน ดว้ ยหลกั การเนน้ ยำ�้ เรอื่ งแกน่ แทข้ องแนวคดิ เกย่ี วกบั การอา่ นและการสง่ เสรมิ การอา่ น ดว้ ยเปา้ หมายทเ่ี ชอ่ื มนั่ วา่ เมอ่ื คนไดเ้ ขา้ ใจแกน่ แทข้ องแนวคดิ แลว้ จะสามารถพฒั นาเครือ่ งมือน�ำไปใช้กบั พื้นทีง่ านของตนไดแ้ นน่ อน พัฒนาเดก็ = พัฒนาสงั คม “ป๊อบ” เล่าว่า ส่วนหน่ึงของการคิดกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ อยู่บนรากฐานความคิด เร่อื งสทิ ธเิ ดก็ เพราะระบัดใบท�ำงานเร่อื งสทิ ธิเดก็ ดว้ ย ดังนน้ั ทุกเรื่องของการเรียนรู้ตวั เดก็ เอง จะต้องได้รับการส่งเสริมองค์ความรู้เรื่องสิทธิแทรกเข้าไปด้วย เห็นเป็นตัวอย่างกับผลงานห้อง สมดุ ๒๔ ชัว่ โมง ที่บา้ นของ “ฟารีหะห์ ผดุงชาติ” (จ๊ะสาว) จิตอาสาในชุมชนของพน้ื ท่ีอ�ำเภอสุข สำ� ราญ ไดร้ ับการมองไกลถงึ เรื่องพืน้ ที่ปลอดภัยสำ� หรบั เดก็ เนือ่ งจากแต่กอ่ นเดก็ ๆ วง่ิ เลน่ อยู่ ริมถนนหน้าบ้านท่ีมีรถวิ่งผ่านไปมาตลอดวัน ผู้ปกครองก็ดูแลไม่ทั่วถึง การเปิดห้องสมุด ∞44∞
๒๔ ชวั่ โมงจงึ เกดิ ขนึ้ เพอื่ ตอบโจทยก์ าร มีพ้ืนท่ีสร้างสรรค์ปลอดภัยส�ำหรับเด็ก ในชุมชนท่ีครอบครัวสามารถฝากกัน ช่วยดูแลได้ “ผมเชื่อว่าการให้เด็กได้อยู่กับ คนอ่ืน ๆ นอกจากพอ่ แม่ มนั สร้างการ เรยี นรเู้ รอ่ื งการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม มนั เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของชุมชน และเกิดพ้นื ท่ีปลอดภัย เกิดผ้ใู หญ่ทด่ี ูแลเด็ก จุดนี้มนั กค็ ืองานสทิ ธเิ ด็ก งานแต่ละงานทร่ี ะบดั ใบ ทำ� มนั เช่ือมกันไดห้ มด ขน้ึ อยู่ทีจ่ ะตอ่ ตัวไหนเชือ่ มกันเมอื่ เราจบั โจทย์ได้” “โจทยก์ ารทำ� งานทุกอย่างอยทู่ ี่ตัวเรา ถ้าสนใจในสงิ่ ไหน เราก็ตอ้ งหาเรียนรู้ อย่างเรอ่ื ง การอา่ นกบั พัฒนาการเดก็ เปน็ ความรู้ใหม่มาก กว่าจะรูไ้ ม่ง่าย แตม่ ันกส็ นกุ ไง พอเราเข้าใจแล้ว เราก็ย่อยข้อมูลวิชาการมาพัฒนาเป็นเครื่องมือตัวหน่ึง ซึ่งระหว่างทางเราก็ได้เรียนรู้เยอะแยะ แล้วมันสนุกไงท่ีเราคอยคิดว่าท�ำไงนะให้เด็กต้องสนุกด้วย ระหว่างน้ันผู้ใหญ่ที่ออกแบบ กระบวนการก็สนกุ ไปดว้ ยเหมือนกัน” “ป๊อบ-สุพจน์” หมายถึงชีวิตเขาที่อยู่กับการเรียนรู้ เม่ือมีชุดความรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับ หนา้ งานทท่ี �ำอยโู่ ผล่ขึน้ มา จะเขา้ ไปศึกษาทันที เช่น การจัดการเรยี นรู้โดยใชส้ มองเปน็ ฐาน : Brain based Learning (BBL) นอกจากเข้าไปฟังบรรยาย อบรม สัมมนา ยังค้นคว้าจาก อินเทอร์เน็ตเพ่ิมจนเจอหน้าต่างแห่งโอกาส การอบรมที่ถ่ายทอดในเว็บไซต์ YouTube ซ่ึงมี คำ� อธิบายไว้ละเอียดมากเกี่ยวกบั การทำ� งานของสมอง แกนสมอง กระดูกสนั หลัง ∞45∞
“เคร่ืองมือสำ� หรบั เดก็ ๆ ต้องเขา้ ใจงา่ ยและใชง้ า่ ยมาก ๆ เราเคยเห็นระบบเรยี นเลขใน โรงเรยี นท่มี นั ยากมาก ท้งั ๆ ทม่ี นั มวี ธิ กี ารสอนเลขงา่ ย ๆ และสนกุ เยอะแยะไป ปัจจบุ นั มี BBL (Brain based Learning : การจดั การเรยี นรโู้ ดยใช้สมองเปน็ ฐาน) ที่บมู กันมากเอามาใช้สอน เลข ซึ่งพอไปศกึ ษาดกู ็เขา้ ใจว่ามนั เป็นศาสตร์ทเ่ี ชอ่ื มกบั สมองการเรียนรขู้ องเดก็ ผมกช็ ดั เจน ว่ากระบวนการเรยี นร้แู บบสนกุ สนานมนั เกดิ ข้ึนได้จรงิ และมนั ก่อให้เกิดผลลพั ธท์ ี่ดีไดด้ ว้ ย” ปัจจบุ ันกลมุ่ ระบัดใบเปดิ สอนพเิ ศษให้เด็ก มรี นุ่ ประถมปลายกบั คอรส์ Day Camp ๕ วนั โดยจัดเป็นกิจกรรมให้เด็กท�ำช่วงปิดเทอม แล้วก็สร้างโจทย์เป็นรูปแบบโครงงาน เช่น เรื่อง เยาวชนกน้ ครวั เรือ่ งอาหารทอ้ งถิ่นเมอื งระนอง หวั ใจแห่งการเรยี นรู้ของแตล่ ะหลักสตู รทก่ี ล่มุ ระบดั ใบสร้างสรรคข์ ึ้น คือ นอกจากเรยี น ทฤษฎีผ่านการฟังและพูดคุยกันแล้ว เด็ก ๆ ยังได้ลงมือท�ำด้วยตัวเอง เช่น โจทย์เรียนรู้คือ ชอ็ กโกแลตทีเ่ ด็ก ๆ ชอบกนิ เริม่ จากการคน้ หาข้อมลู ท่ีมาของช็อกโกแลตวา่ เสน้ ทางการผลติ กวา่ จะมาถงึ คนกิน หรือเรื่องอาหารท้องถิน่ เช่น อาหารจนี ไหหล�ำ ฮกเกย้ี น แตจ้ ๋ิว อาหารใต้ พรอ้ มเปิดเวทเี รยี นร้แู ละวเิ คราะห์รว่ มกัน ∞46∞
“ขนมฝร่ังเราก็ชวนเด็กท�ำ เช่น วาฟเฟิล เพราะท�ำให้เด็กได้เรียนรู้เร่ืองชั่ง ตวง วัด ซงึ่ อตั ราสว่ นตอ้ งพอดจี รงิ ๆ ไม่งั้นวาฟเฟลิ ไม่ข้นึ ” เดก็ ๆ ทมี่ าเขา้ คอรส์ ชว่ งปดิ เทอมสว่ นใหญเ่ ปน็ เดก็ ในเมอื งระนอง ซง่ึ ชว่ งแรกเปน็ เพอ่ื นฝงู ของป๊อบและทีมงานท่ีพาลูกมา จากนั้นเมื่อกลับไปก็บอกต่อกันว่าสนุก ท้ังบอกเอง บอกผ่าน Facebook ทำ� ให้ผู้ปกครองที่ไดข้ า่ วก็จองใหล้ ูกหลานมาเข้าแคมปด์ ว้ ย อีกคอร์สส�ำหรับเด็ก ๆ วัย ประมาณ ๔-๖ ขวบ ใช้เวลาวันละ ๒ ชั่วโมงหลังเลิกเรียน คือ “นิทาน เบิกบานใจ” สอนด้วยนิทานและส่ือที่ ผลิตขึ้นมาใช้ควบคู่กัน น�ำเนื้อหามาส รา้ งเกมสนกุ ใหเ้ ดก็ ประดษิ ฐข์ องเลน่ นำ� กลับบ้านได้ด้วย มีกระบวนการฝึกให้ สงั เกต กลา้ แสดงออก ทกุ ครงั้ หลงั จาก ปิดคอร์สเขาจัดหนังสือนทิ านให้เดก็ ๆ นำ� กลับบา้ นคนละ ๕ เลม่ ด้วยความคดิ ที่วา่ ให้ไปกอ่ น วนั นอ้ี าจยังไม่อา่ น แต่โตขน้ึ อีกนิดเดก็ จะหยิบมาอ่านเอง “นิทานเบิกบานใจจะรบั เด็ก ๆ ที่พอเรม่ิ เขา้ ห้องน้ำ� เปน็ ตอบโตส้ ่ือสารกนั ได้ คอรส์ หนึ่ง รบั แค่ ๑๕ คน เพราะทีมงานเรามกี นั แค่ ๓ คน เด็กกว่านี้หรือจำ� นวนเยอะกวา่ นีค้ งรับมอื ไมไ่ ด้ (หวั เราะ) ทที่ ำ� คอรส์ นี้ไมไ่ ดอ้ ยู่ในโครงการไหน แตอ่ ยากทดลองเครอื่ งมอื เพอ่ื สำ� รวจดพู ฒั นาการ ของเด็ก ๆ เป็นการฝึกทักษะ ฝึกพัฒนาการ ส่วนช่วงปิดเทอมเราจะรับโตข้ึนมาอีกเป็น ป.๔-ป.๖” ∞47∞
สรา้ งเครอื ข่ายแบบคนดือ้ ๆ “งานเปดิ โลกการอา่ น” คอื กจิ กรรมทจ่ี ดั ขนึ้ ในระดบั ตำ� บล ดว้ ยระยะเวลาเพยี ง ๒ ชวั่ โมง เน่ืองจากผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่มีเวลาว่าง เป้าหมายต้องการส่ือสารให้ผู้ปกครองจ�ำนวนมาก เข้าใจเรือ่ งการอา่ นและพัฒนาการเด็ก รวมทัง้ เปิดมมุ มองใหม่ ๆ ของพ่อแมผ่ ้ปู กครองทีม่ ีต่อครู ศพด. กิจกรรมในงานเป็นการใชส้ ่อื นทิ านเสรมิ เร่อื งพฒั นาการด้านต่าง ๆ เชน่ หนงั สือเกีย่ วกบั การใชม้ อื ของเดก็ ๆ เปน็ สอื่ เชอ่ื มโยงไปยงั ความสมั พนั ธข์ องพอ่ แม่ เชน่ เมอื่ พดู ประโยควา่ “หหู นู อยไู่ หน อยนู่ จ่ี ะ้ คางหนอู ยไู่ หน อยนู่ จ่ี า้ ” เพมิ่ มติ คิ วามสมั พนั ธเ์ ขา้ ไปดว้ ยการแตะตอ้ งสมั ผสั ตวั กนั ใหล้ ูกเอาคางไปชนกับพอ่ แม่ เปน็ การเลน่ ดว้ ยกันของผ้ใู หญแ่ ละเด็ก ซง่ึ สว่ นของการเรียนรูน้ นั้ เด็ก ๆ ไดร้ ู้จกั กับอวยั วะในร่างกายของตนเอง ซงึ่ สามารถเช่อื มโยงไปถงึ การเรยี นการสอนของ ครู ศพด. เกยี่ วกับร่างกายอีกดว้ ย หรือในรปู แบบของการเลา่ เร่อื งสง่ิ แวดลอ้ ม วงจรชวี ติ สตั ว์ใกลต้ ัว เช่น ผีเสื้อ พรอ้ มกบั มี เคร่ืองเล่นต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับเน้ือหาของนิทานให้ทดลองเล่น มีกิจกรรมเป่าสีเพื่อฝึกการ หายใจ ซ่ึงลมสามารถช่วยเร่ืองปากในการบังคับเสียงให้ออกมาอย่างชัดเจนข้ึน พร้อมกับเปิด พื้นที่ให้พอ่ แม่ผูป้ กครองรว่ มวิเคราะห์ว่านทิ านแตล่ ะเรอ่ื งให้ขอ้ คิดอย่างไร เม่ือผู้ปกครองไดเ้ ห็น ว่ากิจกรรมอ่านนิทานมีวิธีการท�ำอย่างไรให้สร้างการเรียนรู้และสนุกสนานไปได้พร้อม ๆ กัน ท�ำใหเ้ กิดความเขา้ ใจถึงแกน่ ของการใช้นิทานส่งเสรมิ พฒั นาการเด็กปฐมวยั ชัดเจนมากขนึ้ “ปอ๊ บ” เลา่ วา่ เปา้ หมายทต่ี อ้ งการใหผ้ ปู้ กครองเขา้ ใจเรอื่ งการอา่ นกบั พฒั นาการของเดก็ ได้ผลส�ำเร็จตามคาด กระท่ังเกิดเป็นการจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับ “อ้อม-วรรณพร ∞48∞
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318