การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 198 V- Sit and Reach Test วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ วัดความอ่อนตวั ของหลงั ส่วนล่างและต้นขาดา้ นหลงั อุปกรณ์ 1. เทปวัดระยะทาง 2. เสอื่ หรือพรมทใี่ ช้รองพืน้ สาหรบั นัง่ วิธกี าร 1. ให้ผู้เขา้ รับการทดสอบนง่ั บนเส่อื หรอื พรมทต่ี ดิ เทปกาวเป็นเสน้ แนวตรงและสามารถ วดั ระยะทางได้ ขาแยกออกจากกันประมาณช่วงไหล่ (10-12 น้วิ ) ส้นเทา้ ของขาท้ังสอง ข้างจะเปน็ จดุ เร่มิ ต้นทรี่ ะยะ 0 นว้ิ ดงั รปู 2. เรมิ่ ต้นการทดสอบ ผเู้ ข้ารับการทดสอบ คอ่ ย ๆ กม้ ตัวไปข้างหนา้ เหยยี ดแขนตรง มือซ้อนกันเล่ือนไปตามเทปกาวทวี่ ัดระยะทาง จนไม่สามารถกม้ ต่อไปได้ ค้างไว้ ประมาณ 3 วนิ าที การบนั ทกึ ผล บันทึกระยะทางเปน็ น้ิว โดยใช้ค่าท่ดี ที ีส่ ดุ จากการทดสอบ 2 คร้งั ทมี่ า: Tomchuk (2011) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นกั กฬี า 199 Trunk and Neck Extension Test วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื วัดความอ่อนตัวของลาตัวและคอ อุปกรณ์ 1. ไม้บรรทัด ไมเ้ มตร หรอื เทปวัดระยะทาง 2. เสอื่ หรอื พรมท่ีใชร้ องพ้นื วธิ กี าร 1. ใหผ้ ู้เข้ารับการทดสอบนอนคว่า มือประสานท้ายทอย มีผชู้ ว่ ยทดสอบจับขาและยึดไว้ เพื่อไม่ให้ขาลอยขึ้น 2. ผู้เข้ารบั การทดสอบพยายามลาตวั และเงยศรี ษะขน้ึ สูงจากพนื้ ให้มากทส่ี ดุ เทา่ ท่จี ะทา ได้ คา้ ง 3 วนิ าทขี ้นึ ไป การบันทกึ ผล อ่านระยะจากตาแหน่ง 0 จากพน้ื ปลายคางของผูท้ ดสอบที่สามารถยกขนึ้ ได้ บันทกึ ระยะทางเปน็ นว้ิ โดยใชค้ ่าที่ดีทส่ี ุดจากการทดสอบ 2 ครงั้ การประเมนิ ผล นาผลการทดสอบทีไ่ ด้ เทยี บเกณฑ์มาตรฐานจากตารางต่อไปนี้ ระดบั ความออ่ นตัว เพศชาย เพศหญิง ดมี าก >10.00 >9.75 ดี 10.00 - 8.00 9.75 - 7.75 7.99 - 6.00 7.74 - 5.75 ปานกลาง 5.99 - 3.00 5.74 - 2.00 ตา่ <3.00 <2.00 ตา่ มาก หน่วย : นวิ้ ท่ีมา: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 200 Shoulder-and-Wrist Test วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื วดั ความอ่อนตัวของหัวไหล่และข้อมอื อุปกรณ์ 1. ไม้บรรทดั ไมเ้ มตร หรอื เทปวดั ระยะทาง 2. เสอ่ื หรือพรมทใี่ ช้รองพน้ื วธิ ีการ 1. ใหผ้ ้เู ข้ารบั การทดสอบนอนคว่า ศีรษะและหนา้ อกแนบพืน้ มือสองขา้ งจับเชือก หรอื ท่อนไมห้ รือไม้บรรทัด โดยเหยียดแขนตรง หา่ งประมาณชว่ งไหล่ 2. ผเู้ ข้ารบั การทดสอบพยายามยกไหล่ขน้ึ ให้สูงจากพ้ืนมากท่ีสดุ เทา่ ท่จี ะทาได้และให้ คา้ ง 3 วนิ าทีข้นึ ไป การบันทึกผล อ่านระยะจากตาแหนง่ 0 จากพนื้ ถึงจุดท่ีสงู ท่สี ดุ ท่สี ามารถยกขน้ึ ได้ บันทึกระยะทาง เป็นนวิ้ โดยใชค้ า่ ที่ดที ี่สุดจากการทดสอบ 2 ครัง้ การประเมนิ ผล นาผลการทดสอบทีไ่ ด้ เทียบเกณฑ์มาตรฐานจากตารางต่อไปน้ี ระดับความออ่ นตัว เพศชาย เพศหญิง ดมี าก >12.50 >11.75 ดี 12.50 - 11.50 11.75 - 10.75 11.49 - 8.25 10.74 - 7.50 ปานกลาง 8.24 - 6.00 7.49 - 5.50 ตา่ <6.0 <5.50 ตา่ มาก หนว่ ย : นว้ิ ทม่ี า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนักกฬี า 201 Shoulder Rotation Test วตั ถุประสงค์ เพ่ือวดั ความอ่อนตวั ของหัวไหล่ อุปกรณ์ 1. เชือก 2. ไมบ้ รรทดั หรือเทปวัดระยะทาง วิธีการ 1. ใหผ้ ูร้ ับการทดสอบยนื ตรง มือทงั้ สองข้างจับ เชอื กให้ตงึ แขนเหยียดตรงโดย แขนทงั้ สองข้างจะต้องกางออกพอท่ีจะยกข้าม ศรี ษะและหมนุ ไปขา้ งหลังได้ 2. เริ่มต้น การทดสอบ ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้อง พยายามยกแขนข้ามศรี ษะและหมุนไปข้างหลัง โดยใชร้ ะยะในการจับเชือกของมอื ท้ังสองขา้ งท่ี เข้าใกล้กันมากทีส่ ดุ จนถงึ ระยะที่ไม่สามารถยก แขนข้ามศีรษะไปทางดา้ นหลังได้ การบันทกึ ผล บนั ทกึ ระยะหา่ งของมือทงั้ สองขา้ งในระยะท่เี ขา้ ใกลก้ ันมากท่สี ดุ ก่อนจะไม่สามารถหมนุ แขนข้ามศรี ษะไปทางดา้ นหลังได้ บนั ทึกระยะทางเป็นเซนตเิ มตร การประเมนิ ผล นาผลการทดสอบที่ได้ เทียบเกณฑ์มาตรฐานจากตารางต่อไปนี้ ระดบั ความออ่ นตัว เพศชาย เพศหญงิ ดีมาก <7.00 <5.00 ดี 11.50 - 7.00 9.75 - 5.00 14.50 - 11.49 13.00 - 9.74 ปานกลาง 19.75 - 14.49 17.75 - 12.99 ตา่ >19.75 >17.75 ต่ามาก หนว่ ย : เซนตเิ มตร ที่มา: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 202 Ankle Extension Test วัตถุประสงค์ เพือ่ วดั ความอ่อนตัวของน่องและเอน็ ร้อยหวาย อุปกรณ์ 1. ไม้บรรทดั ไมเ้ มตร หรอื เทปวดั ระยะทาง 2. ฝาผนงั วิธกี าร 1. เริ่มต้น ใหผ้ ้รู ับการทดสอบชูแขนเหนือศีรษะ โดยแขน ศรี ษะ หนา้ อกและปลายเทา้ แนบตดิ ชดิ กับฝาผนัง 2. ผูเ้ ข้ารับการทดสอบลดตัวลงโดยเลื่อนปลายเทา้ ใหห้ ่างจากฝาผนงั มากที่สุดโดยที่แขน ศรี ษะ และหนา้ อกยงั ชิดฝาผนังอยู่ ค้างไว้ 3 วินาที การบนั ทึกผล อา่ นระยะจากตาแหน่ง 0 จากพื้นถึงจดุ ที่สงู ทส่ี ุดท่สี ามารถยกขึน้ ได้ บนั ทึกระยะทาง เปน็ เซนตเิ มตร โดยใชค้ า่ ที่ดีท่ีสดุ จากการทดสอบ 2 ครั้ง การประเมินผล นาผลการทดสอบท่ีได้ เทียบเกณฑ์มาตรฐานจากตารางต่อไปน้ี ระดับความออ่ นตัว เพศชาย เพศหญิง ดมี าก >35.00 >32.00 ดี 35.00 - 32.51 32.00 - 30.51 32.50 - 29.51 30.50 - 26.51 ปานกลาง 29.50 - 26.50 26.50 - 24.25 ตา่ <26.50 <24.25 ต่ามาก หน่วย : เซนติเมตร ทม่ี า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 203 คาถามและปฏบิ ตั ิการท้ายบทท่ี 6 1. จงอธบิ ายความหมายและความสาคัญของความอ่อนตวั 2. ปัจจัยทเ่ี กีย่ วข้องกบั การทดสอบความออ่ นตวั มอี ะไรบา้ ง 3. การทดสอบความอ่อนตวั สามารถแบง่ การทดสอบได้กี่รูปแบบ แต่ละรูปแบบมขี ้อดแี ละขอ้ เสีย แตกต่างกนั อย่างไร 4. ใหท้ าการทดสอบความอ่อนตัวตามวธิ ีต่าง ๆ ท่ีกาหนดให้ตอ่ ไปน้ี พรอ้ มระบผุ ลการทดสอบและ ระดบั สมรรถภาพทไี่ ด้จากการทดสอบ แบบทดสอบ ผลการทดสอบ ระดบั สมรรถภาพ 1. Standard Sit and Reach Test …………………… …………………… 2. Modified Sit and Reach Test …………………… …………………… 3. Back Saver Sit Reach and Reach Test …………………… …………………… 4. Trunk and Neck Extension Test …………………… …………………… 5. Shoulder-and-Wrist Test …………………… …………………… 6. Shoulder Rotation Test …………………… …………………… 7. Ankle Extension Test …………………… …………………… จากผลการทดสอบที่ได้ ให้เปรียบเทียบระดับความอ่อนตัวที่ได้ในแต่ละวิธี พร้อมทั้งสรุปและ อภปิ รายผลถึงความความแตกตา่ งของผลการทดสอบท่ไี ด้ในแตล่ ะวิธี อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรับนักกฬี า 204 อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 205 บทท่ี 7 การทดสอบความแข็งแรง ความอดทน และพลังของกล้ามเนื้อ (Muscle Strength, Endurance and Power Testing) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนักกฬี า 206 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 7 การทดสอบความแขง็ แรง ความอดทน และพลังของกล้ามเนอ้ื 1. หวั ขอ้ เนือ้ หาประจาบท 1) ความหมายและความสาคัญของความแขง็ แรง ความอดทนและพลงั ของกลา้ มเนื้อ 2) สรรี วิทยาทีเ่ ก่ียวข้องกับความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกลา้ มเน้ือ 3) ประเภทของการทดสอบความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเนือ้ 4) ตวั อยา่ งแบบทดสอบความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกลา้ มเนื้อ 2. วตั ถุประสงค์เชงิ พฤติกรรม หลงั จากศกึ ษาจบบทนี้แล้ว ผู้เรียนสามารถ 1) อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกลา้ มเนื้อ 2) อธบิ ายสรีรวิทยาทเ่ี กยี่ วข้องกบั ความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเนอ้ื 3) อธบิ ายประเภทของการทดสอบความแข็งแรง ความอดทนและพลงั ของกลา้ มเนื้อ 4) อธบิ ายหลกั และวธิ กี ารทดสอบความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเนื้อ 3. วธิ กี ารสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท 1) การบรรยายจากเอกสารประกอบการสอน สไลดน์ าเสนอบทเรียนจากไฟล์ Power point 2) การสาธิตวธิ ีการ และการฝกึ ทดลองปฏบิ ัติจรงิ 3) อภปิ รายประเด็นปญั หาและขอ้ สงสัย 4) การทดลองในปฏบิ ัติการที่ 7 5) ทาแบบฝกึ หัดท้ายบทท่ี 7 4. สอื่ การเรยี นการสอน 1) เอกสารประกอบการสอน 2) สไลดน์ าเสนอบทเรียน เป็นไฟล์ Power point 3) ไฟล์วดิ ีโอจากเวบ็ ไซต์และแหล่งข้อมูลต่าง ๆ 4) แบบฝึกหัดท้ายบท 5. การวัดผลและการประเมินผล 1) ตรวจสอบจากแบบฝึกหัดทา้ ยบท 2) สังเกตความสนใจของผู้เรียน 3) สงั เกตจากการถามคาถามและตอบคาถามของผเู้ รยี น 4) ตรวจสอบความถูกต้องของผลการทดลองในปฏิบัตกิ ารที่ 7 อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 207 บทที่ 7 การทดสอบความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเนื้อ ความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเนื้อ เป็นองค์ประกอบสมรรถภาพทางกายที่มีความ เกี่ยวขอ้ งกนั โดยเป็นองคป์ ระกอบสมรรถภาพทางกายดังกล่าว เปน็ ความสามารถของกล้ามเน้ือในการที่จะหด ตัวออกแรงให้มีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ท่ีแตกต่างกันไป ในกีฬาแต่ละชนิด นักกีฬาจะต้อ งใช้ สมรรถภาพด้านความแข็งแรง ความอดทน และพลังของกล้ามเน้ือในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป เช่น ในนักกีฬา ยกน้าหนัก จะต้องมีองค์ประกอบสมรรถภาพด้านความแข็งแรงของกล้ามเน้ือในระดับท่ีสูงมาก ส่วนนักกีฬา เรือพายจะต้องมีความอดทนของกล้ามเนื้ออยู่ในระดับท่ีดี ในการพายเรือเพ่ือเอาชนะแรงต้านของน้าได้ ในขณะท่ีนักกีฬาทุ่มน้าหนักและนักกระโดดไกล จาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องมีสมรรถภาพด้านพลังของกล้ามเน้ือ ในระดับท่สี งู ถึงจะสามารถประความสาเร็จในกีฬาชนดิ น้ีได้ ในกีฬาบางชนิดเช่น ฟุตบอล ยิมนาสติก และมวย ปล้า กจ็ ะตอ้ งใช้องคป์ ระกอบสมรรถภาพทางกายท้งั 3 ดา้ นผสมผสานกันไปในสัดส่วนที่แตกต่างกันตามทักษะ ทใี่ ช้ในการแข่งขนั ความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเน้ือ จะเป็นองค์ประกอบที่จัดอยู่ในกลุ่มของสมรรถภาพทาง กายท่ีสัมพันธ์กับสุขภาพ (health-related physical fitness) ในขณะท่ีพลังของกล้ามเน้ือจะจัดอยู่ในกลุ่ม สมรรถภาพทางกายท่ีเกี่ยวข้องกับทักษะกีฬา (skill-related physical fitness) อย่างไรก็ดีในเอกสาร ประกอบการสอนเล่มน้ี ซ่ึงวัตถุประสงค์หลักของรายวิชาจะเป็นการทดสอบสมรรถภาพทางกายสาหรับ นักกีฬาน้ัน ผู้เรียบเรียงจึงได้รวมองค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายทั้ง 3 องค์ประกอบไว้ในบทเดียวกัน เพอ่ื ทจี่ ะได้ทาให้เหน็ ถงึ ความแตกต่างของรูปแบบการทดสอบและการนาไปใช้ท่ีชดั เจนขึ้น เน้ือหาในบทนี้ จะมุ่งเน้นถึงการทดสอบสมรรถภาพทางกายในองค์ประกอบด้านความแข็งแรง ความ อดทนและพลงั ของกล้ามเน้อื ในรปู แบบต่าง ๆ ซ่ึงการเข้าใจหลักและวิธีการทดสอบท่ีถูกต้อง จะทาให้สามารถ ท่จี ะเลอื กใช้แบบทดสอบสาหรบั การประเมนิ ความแขง็ แรง ความอดทนและพลังของกล้ามเน้ือได้สอดคล้องกับ นกั กฬี าได้ ดงั น้นั ผลทไี่ ด้จากการทดสอบก็จะมคี วามถูกต้องและมีประสิทธภิ าพ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนักกฬี า 208 ความหมายของความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเน้อื ความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเน้ือ เป็นองค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายท่ี เก่ียวข้องกบความสามารถของกลา้ มเนอ้ื ในการหดตัวเพื่อออกแรงในลักษณะท่ีแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ และเงือ่ นไขท่ีต้องใช้ในทักษะกิจกรรมกีฬาหรือการออกกาลังกาย โดยสมรรถภาพทางกายทั้ง 3 องค์ประกอบ จะมคี วามหมายและลกั ษณะความแตกต่างดังนี้ o ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ (muscle strength) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเนื้อในการออกแรงด้วยสามารถสูงสุด ซึ่งจะเป็นการหดตัวของ กลา้ มเน้ือเพอื่ ต้านกับแรงทม่ี ากระทาใน 1 ครง้ั ดว้ ยแรงสงู สุด ในการออกแรงเพื่อหดตัวของกล้ามเนื้อในเชิงของความแข็งแรงนั้น จะไม่ได้พิจารณาถึงความเร็วหรือ ระยะเวลาในการเคลื่อนไหวเข้ามาเกี่ยวข้อง ท้ังน้ีเนื่องจากหากความเร็วในการเคลื่อนไหวของข้อต่อเพิ่มขึ้น แรงจากการหดตัวของกล้ามเน้ือที่ใช้ออกแรงจะลดลง ซึ่งจะมีความสัมพันธ์ในทางกลับกัน แต่ถ้ากล้ามเน้ือใน ขอ้ ตอ่ ท่อี อกแรงไม่มีความเรว็ เข้ามาเกีย่ วข้อง แรงจากการหดตวั ของกลา้ มเนื้อจะเพิ่มมากข้ึน ทาให้สามารถหด ตัวได้แรงสูงสุดได้ ดังน้ันความหมายของความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ จะไม่นาปัจจัยด้านความเร็วและ ระยะเวลาในการเคลอื่ นไหวเข้าเกี่ยวขอ้ ง ดังน้ัน ในการฝึกที่ต้องการเนน้ การพฒั นาความแข็งแรงกล้ามเน้ือเพ่ิม สูงข้ึน จะต้องไม่ปรับความเร็วในการเคล่ือนไหวหรือลดระยะเวลาในการปฏิบัติการเคลื่อนไหวแต่ละคร้ังให้ น้อยลง เพราะจะทาใหเ้ ปูาหมายของการฝึกความแข็งแรงเปล่ียนไป ความแข็งแรงของกล้ามเน้ือมีความสาคัญ สาหรับการแข่งขันกีฬาประเภทท่ีต้องการเอาชนะแรงต้านทานมาก ๆ เช่น การแข่งขันยกน้าหนัก ยูโด มวย ปล้าเป็นต้นกีฬา การเสริมสร้างสมรรถภาพทางด้านความแข็งแรงให้กับนักกีฬาเป็นส่ิงที่สาคัญและจาเป็น เพราะนอกจากจะทาให้ระดับสมรรถภาพทางกายสูงหรือเพิ่มขึ้นแล้ว ซ่ึงจะเป็นผลดีต่อการปฏิบัติทักษะกีฬา และทักษะการเคล่ือนไหว ผลที่ตามมายังช่วยปูองกันและลดปัญหาการบาดเจ็บท่ีจะเกิดข้ึนกับกล้ามเนื้อ เอ็น ขอ้ ตอ่ และกระดกู ดว้ ย o ความอดทนของกล้ามเนื้อ (muscle endurance) หมายถึง ความสามารถของกล้ามเน้ือในการออกแรงได้อย่างต่อเนื่องและเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะ เปน็ การออกแรงท่ีระดับต่ากวา่ ความแข็งแรงสูงสุด ความอดทนของกล้ามเนอ้ื จะเปน็ ความสามารถของกล้ามเน้ือในการออกแรงเพ่ือการเคล่ือนไหวอย่าง ตอ่ เนอ่ื งในสภาวะท่ีมคี วามเมือ่ ยลา้ เพ่ิมข้นึ ดังน้ันความอดทนของกล้ามเน้ือจึงเป็นความสามารถของกล้ามเน้ือ ท่ีออกแรงเพ่ือปฏิบัติกิจกรรมการเคล่ือนไหวให้ได้ระยะเวลายาวนาน ตัวอย่างเช่น การดันพื้น การดึงข้อ หรือ การลุกนั่ง จนกระทั่งหมดแรงหรือไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมนั้นได้อีกต่อไป ซึ่งความอดทนของกล้ามเนื้อ จะ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 209 เป็นปจั จัยหน่ึงท่ีกาหนดระดบั ความสามารถของนักกีฬา ในกีฬาประเภทบุคคลที่จะต้องปฏิบัติซ้าในทักษะเดิม เป็นช่วง ๆ จนกระทั่งส้ินสุดการแข่งขัน หรือปฏิบัติในทักษะเดิมซ้าอย่างต่อเน่ืองจนกระท่ังสิ้นสุดการแข่งขัน เช่น การแข่งขันพายเรือ ว่ายน้า การวิ่ง และการป่ันจักรยาน เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างย่ิง กีฬาประเภทที่ต้อง ปฏิบัติทักษะการเคล่ือนไหวอย่างต่อเน่ือง ซึ่งใช้ระยะเวลาต้ังแต่ 30 วินาทีข้ึนไป จนกระท่ังถึง 2 นาทีน้ัน ย่ิง ตอ้ งการความอดทนของกล้ามเนื้อเปน็ อย่างมาก o พลังของกล้ามเนื้อ (muscle power) หมายถึง หมายถึง ความสามารถของกล้ามเน้ือในการออกแรงสูงสุด ในเวลาท่ีสั้นท่ีสุด ซ่ึงจะเป็น ความสามารถของกลา้ มเนอ้ื ท่จี ะต้องประกอบด้วยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความเรว็ ในการหดตวั พลังของกล้ามเนื้อ เป็นรูปแบบความสามารถของกล้ามเนื้อในลักษณะหนึ่งท่ีต้องออกแรงเคลื่อนไหว กระทากับแรงต้านได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการทางานผสมผสานกันระหว่างความสามารถในการหดตัวของ กล้ามเนอ้ื ใหไ้ ดแ้ รงมากท่สี ุดในชว่ งระยะเวลาท่ีจากดั หรือในช่วงระยะเวลาส้ัน ๆ โดยมีสถานการณ์ของเกมการ แข่งขันหรือกติกาเป็นตัวบังคับให้นักกีฬาต้องปฏิบัติหรือแสดงออกซึ่งทักษะหรือความสามารถในการ เคลื่อนไหวน้ัน ด้วยกาลังและความรวดเร็ว อาทิเช่น การกระโดดขึ้นตบหรือสกัดก้ันในกีฬาวอลเลย์บอล การ เสิร์ฟ การตบ หรือการตีลูกบอลในกีฬาเทนนิส การเตะ การยิงประตูหรือการกระโดดข้ึนโหม่งในกีฬาฟุตบอล เป็นต้น โดยพลังของกลา้ มเน้อื จะเป็นความสามารถของกล้ามเน้ือที่ต้องการความแข็งแรงและความเร็วในการ หดตัวของกลา้ มเนอื้ เป็นพน้ื ฐานรองรับทส่ี าคัญ เป็นลักษณะหรือคุณสมบัติเฉพาะที่มีความสาคัญย่ิงต่อนักกีฬา และการแข่งขันกีฬาประเภทที่ต้องการความรวดเร็วฉับพลันในการเคล่ือนไหวหรือการเปล่ียนทิศทาง รวมทั้ง การปรับเปล่ียนจงั หวะความเรว็ อตั ราเรง่ โดยเฉพาะประเภทกีฬาท่ีต้องเคล่ือนที่อย่างรวดเร็วในช่วงระยะทาง สั้น ๆ ยิ่งต้องการพลังของกล้ามเน้ือเป็นอย่างมาก เพื่อใช้ในการปรับอัตราเร่งความเร็วในการเคล่ือนตัวของ นักกีฬาในแต่ละสถานการณ์ของเกมการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้นักกีฬาสามารถตอบโต้หรือใช้ ทกั ษะกฬี าและทกั ษะการเคลื่อนไหวไดอ้ ย่างเต็มศักยภาพและสมบูรณ์แบบมากยิ่งข้ึน จากความหมายขององค์ประกอบสมรรถภาพทางกายด้านความแข็งแรง ความอดทนและพลังของ กลา้ มเน้ือข้างต้น จะเห็นได้ว่า องค์ประกอบของสมรรถภาพทางกายทั้ง 3 องค์ประกอบ จะเป็นความสามารถ ของกล้ามเนื้อในการหดตัวเพื่อออกแรงในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนั้นระดับความต้องการ สมรรถภาพด้านความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการฝึกซ้อมหรือแข่งขันกีฬาก็จะ แตกต่างกันไปด้วยตามธรรมชาติของกีฬาน้ัน ๆ ดังนั้นการเข้าใจถึงความหมายของสมรรถภาพทางกายใน องค์ประกอบดังกล่าว จะทาให้สามารถแยกลักษณะการทางานของกล้ามเนื้อในแต่ละองค์ประกอบได้อย่าง ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการนาไปจัดรูปแบบโปรแกรมการฝึกซ้อม รวมถึงการเลือกใช้แบบทดสอบ และการประเมนิ ผลให้สอดคลอ้ งกบั ความแขง็ แรง ความอดทนและพลงั ของกล้ามเนื้อในนักกีฬาประเภทต่าง ๆ ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพต่อไป อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นักกฬี า 210 สรรี วิทยาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ความแขง็ แรง ความอดทนและพลงั ของกล้ามเนอ้ื ในร่างกายของคนเรา กล้ามเน้ือมีประมาณ 792 มัด ประกอบด้วยกล้ามเนื้อประมาณ 40-50 % ของ น้าหนักตัว การหดตัวของกล้ามเน้ือจะทาให้เกิดการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยกล้ามเน้ือจะหดตัวเมื่อได้รับ การกระตุ้นหรือรับสัญญาณไฟฟูาจากเส้นประสาทยนต์ (motor neurones) ดังน้ันการทางานจึงอยู่ภายใต้ อานาจจิต (voluntary control) ซ่งึ เส้นประสาทยนต์หน่งึ เซลลแ์ ละกลุ่มของเซลล์กลา้ มเน้อื ท่ถี ูกหล่อเล้ียงด้วย ประสาทยนต์น้ัน ๆ จะประกอบด้วยหน่ึงหน่วยยนต์ (motor unit) ซึ่งหน่วยยนต์น้ันเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดใน การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย ขนาดของหน่วยยนต์จะข้ึนอยู่กับจานวนเซลล์ของกล้ามเน้ือท่ีถูกหล่อ เลี้ยงดว้ ยเสน้ ประสาทยนต์น้ันๆ o ลกั ษณะของเสน้ ในกล้ามเนื้อ กล้ามเน้ือจะประกอบข้ึนด้วยเซลล์หรือใยกล้ามเน้ือ (muscle fiber) เป็นจานวนมากเรียงขนานกัน และอย่รู วมกนั เปน็ มัด โดยปลายท้ังสองข้างของมัดกล้ามเนื้อจะยึดติดกับกระดูกอีกทีหน่ึง เส้นใยกล้ามเน้ือแต่ ละเสน้ ประกอบข้นึ ด้วยหน่วยยอ่ ยๆ เรียกว่า เสน้ ใยกลา้ มเนอ้ื เลก็ หรือไมโอไฟบริล (myofibril) ในแต่ละไฟบริ ลประกอบขึ้นดว้ ย เส้นใยกล้ามเนื้อฝอยหรือ ไมโอฟลิ าเมนต์ (myofilament) ซ่งึ นับว่าเป็นหน่วยย่อยท่ีสุดของ กล้ามเน้ือ ในกล้ามเน้ือมีเส้นใยกล้ามเนื้อฝอยท่ีสาคัญอยู่สองชนิดคือ เส้นใยกล้ามเน้ือฝอยแบบหนา (thick filament) และเส้นใยกล้ามเน้ือฝอยแบบบาง (thin filament) ประกอบด้วย (Robergs and Roberts, 1997) 1. เซลลก์ ล้ามเน้ือลาย (muscle fiber) เซลล์มีรูปร่างเป็นทรงกระบอก มีผนังที่ห่อหุ้มเซลล์เรียกว่า ซาร์โคเลมมา (sarcolemma) เซลล์ กล้ามเนื้อลายมีนิวเคลียส จานวนหลายอันเรียง อยู่บริเวณขอบของเซลล์ ภายในไซโตพลาสซึม หรือซาร์โคพลาสซึม (sarcoplasm) มี Thick และ Thin filament ซึ่งถือว่าเป็น Organelles ที่มีมากที่สุดในเซลล์กล้ามเนื้อ นอกจากน้ันจะ พบไมโทคอนเดรีย และซาร์โคพลาสมิคเรติคูล่ัม (sarcoplasrmic reticulum, SR) แทรกตัวอยู่ ทัว่ ไประหว่างไฟบรลิ ภาพที่ 7.1 แสดงลกั ษณะเซลลก์ ล้ามเนื้อ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนักกฬี า 211 2. ระบบซารโ์ คทวิ บูลาร์ (sarcotubular system) เซลล์กลา้ มเน้อื จะถูกล้อมรอบดว้ ยโครงสรา้ งทม่ี ลี กั ษณะเป็นท่อ 2 ชนิดคือ SR ซึ่งเป็นท่อตามยาวท่ีว่ิง ขนานไปกับไฟบริล และแผ่ออกคล้ายกับม่านโอบล้อมไฟบริลแต่ละเส้นไว้ นอกจากนี้ไฟบริลยังถูกล้อมรอบ ด้วยทอ่ ตามขวางอีกชนิดหนึง่ เรียกว่า T-tubule (transverse tubule) ซึง่ เกิดจากผนังเซลล์ท่ียื่นเข้าไปภายใน เซลล์ ปลายของ SR ของกล้ามเนื้อลายจะโปุงบานออกเป็นกระเปาะเรียกว่า Terminal cisterna โดยภายใน จะบรรจุแคลเซียม (Ca++) ไว้มากมาย บริเวณที่ T-tubule ถูกขนาบด้วย Terminal cisterna ไว้ท้ัง 2 ข้าง เรียกว่า ไตรแอด (muscle triad) ในกล้ามเนื้อลายจะพบไตรแอดอยู่บริเวณรอยต่อระหวา่ ง A และ I bands 3. ลายของกลา้ มเนือ้ (striation) ลายของกล้ามเนอื้ เกดิ จากการเรียงตัวของ Thick และ Thin filaments อยา่ งมีระเบียบทาให้เกิดเป็น แถบทึบและจางสลับกันไป เมื่อส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยใช้แสง Polarized light บริเวณทึบแสง (A- band หรือ Anisotropic band) เกิดจากการเรียงตัวของ Thick filament ในบางช่วงของ A-band จะมีการ เรียงตัวของทั้ง Thick และ Thin filament ส่วนแถบจาง (I-band หรือ Isotropic band) จะมีแต่ Thin filament อยู่ซ่ึงโปร่งแสงกว่า Thick filament แถบ จางนี้จะถูกแบ่งคร่ึงโดยเส้นทึบหรือ Z-line บริเวณท่ี อยู่ระหว่าง Z-line สองเส้นเรียกว่า ซาร์โคเมียร์ (Sarcomere) ซ่ึงเป็นส่วนประกอบพ้ืนฐานของเซลล์ กล้ามเน้ือ ท่ีทาหน้าท่ีในการหดตัวใน A-band จะมี แถบจางเรียกว่า H-Zone ซึ่งเป็นบริเวณท่ีไม่มีส่วนของ thin filament ที่ย่ืนเข้ามาใน A-band เลย ถ้าตัด A- band ตามขวางจะพบว่าแต่ละ Thick filament ถูก ลอ้ มรอบโดย Thin filament จานวน 6 เส้นท่ีเรียงตัว เปน็ รูปหกเหลี่ยม ภาพท่ี 7.2 แสดงลายของกล้ามเน้ือ อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 212 4. หน่วยยนต์ (motor unit) กล้ามเน้ือแต่ละมัดมีเส้นประสาทมาหล่อเล้ียงมากมาย เส้นประสาทแต่ละเส้นท่ีมายังกล้ามเน้ือจะ แตกออกเป็นแขนงยอ่ ย ๆ ไปเลยี้ งเซลล์กล้ามเนื้อเป็นจานวนมาก มอเตอร์นิวรอน (motorneuron) หนึ่งเซลล์ และกลุ่มของเซลล์กล้ามเน้ือที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยมอเตอร์นิวรอนนั้น ๆ จะประกอบข้ึนเป็นหนึ่งหน่วยยนต์ (motor unit) ขนาดของหน่วยยนต์จะใหญ่หรือเล็กข้ึนอยู่กับจานวนเซลล์ของกล้ามเน้ือที่ถูกหล่อเล้ียงด้วย มอเตอร์นิวรอนนั้น ๆ กล้ามเนื้อที่ทางานด้วยความ ละเอียดและแม่นยา เช่น กล้ามเน้ือมือ และ กล้ามเนื้อท่ีทาหน้าท่ีเก่ียวกับการกรอกลูกตา จะมี เซลล์กล้ามเน้ือประมาณ 3-6 เซลล์ต่อ 1 มอเตอร์ นิวรอนในขณะท่ีกล้ามเน้ือที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัว จะมีเซลลก์ ลา้ มเนื้อถึง 120-165 เซลล์ต่อ 1 มอเตอร์ นิวรอน ภาพที่ 7.3 แสดงหนว่ ยยนต์ (motor unit) ของกล้ามเนือ้ ลาย o ชนิดของเส้นใยกลา้ มเนอื้ ในส่วนของลกั ษณะของเสน้ ใยกลา้ มเน้อื สามารถแบ่งได้เป็นสองชนิดตามลักษณะของการทางานดังน้ี คอื (Power and Howley,2001) 1. เส้นใยกล้ามเน้ือชนิดหดตัวช้า (slow twitch fiber หรือ type I fiber) ใยกล้ามเน้ือชนิดน้ีมี จานวนไมโตคอนเดรีย และไมโอโกลบินสะสมอยเู่ ปน็ จานวนมากจึงทาให้มีสีแดง สร้างพลังงานได้ดีในระบบแอ โรบิค โดยกระบวนการ oxidation จึงเรียกใยกล้ามเนื้อชนิดนี้ว่า Slow oxidative (SO) ใยกล้ามเนื้อชนิดนี้ ใช้เวลาในการหดตัวช้า เหมาะสาหรับงานที่ไม่หนักและมีระยะเวลานาน พบมากในนักกีฬาท่ีเน้นความอดทน เชน่ นกั วิง่ มาราธอน ไตรกีฬา นักรยานทางไกลเป็นต้น 2. เส้นใยกล้ามเน้ือชนิดหดตัวเร็ว (fast twitch fiber หรือ type II fiber) เป็นเส้นใยกล้ามเน้ือท่ีมี Sarcoplasmic reticulum กว้าง ทาให้สามารถปล่อยแคลเซยี มได้อยา่ งรวดเร็ว กล้ามเน้ือจึงสามารถหดตัวได้ เร็ว แบง่ ได้ 2 ชนดิ 2.1 เส้นใยกล้ามเน้ือ Type IIa มีคุณสมบัติกลาง ๆ ระหว่างเส้นใยกล้ามเน้ือท่ีหดตัวช้ากับเส้นใย กล้ามเนื้อที่หดตัวเร็ว จึงเรียกเส้นใยชนิดน้ีว่า Fast oxidative glycolytic (FOG) มีเซลล์ประสาทขนาดใหญ่ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 213 มาเลีย้ ง ใยกลา้ มเนือ้ มี Mitochondria มาก มหี ลอดเลอื ดฝอยมาเลี้ยงจานวนมาก สามารถทางานได้ทั้งระบบ แอโรบคิ และแอนแอโรบคิ 2.2 เส้นใยกล้ามเนื้อ Type IIa มี ไมโตคอนเดรีย ไมโอโกลบิน และมีเลือดมาเลี้ยงน้อย จึงมีสีขาว ใช้พลังงานจากกระบวนการ Glycolysis ไม่ใช้ออกซิเจนในการสันดาปพลังงาน จึงเรียกว่า Fast glycolytic (FG) กล้ามเนื้อกลุ่มน้ีหดตัวเร็วและแรง แต่เกิดความล้าได้เร็ว พบมากในนักกีฬาท่ีเน้นกาลัง ความเร็ว หรือ ความแขง็ แรงมาก ๆ เช่น ยกน้าหนกั ว่ิงระยะสน้ั เป็นตน้ ตารางท่ี 7.1 คุณสมบัติของเซลลก์ ล้ามเน้อื 3 ชนดิ คณุ ลกั ษณะ ชนิดของเส้นใยกล้ามเน้ือ การสรา้ ง ATP Type I Type IIa Type IIb จานวน Mitochodria จานวนเสน้ เลือดฝอย Slow oxidative Fast oxidative Fast glycolytic จานวน Myoglobin การทางานของ Glycolytic Enzyme ใชอ้ อกซเิ จน ใชอ้ อกซเิ จน ไมใ่ ชอ้ อกซิเจน ปริมาณไกลโคเจน อตั ราการลา้ ของของกลา้ มเน้ือ มาก มาก น้อย การทางานของ ATPase Enzyme ความเร็วในการหดตวั มาก มาก น้อย ขนาดของใยกลา้ มเน้ือ ขนาดของ Motor unit สูง สูง นอ้ ย ขนาดของ Motor neuron ทีม่ าเลยี้ งเส้นใยกล้ามเน้อื ตา่ ปานกลาง สูง ตา่ ปานกลาง สงู ชา้ ปานกลาง เร็ว ตา่ สงู สูง ชา้ เรว็ เร็ว เล็ก ปานกลาง ใหญ่ เลก็ ปานกลาง ใหญ่ เล็ก ปานกลาง ใหญ่ ทม่ี า: Power and Howley (2001) จากคุณสมบัติของเส้นใยกล้ามเนื้อแต่ละชนิด จะพบว่า มีความสอดคล้องและมีความเฉพาะเจาะจง กับกิจกรรมการทางานทแี่ ตกตา่ งกนั เชน่ ถา้ เป็นกิจกรรมการเคลอ่ื นไหวทีม่ ีระยะเวลาการปฏิบัตินาน ๆ และมี การกระทาต่อเน่ือง เส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวช้า จะเข้ามามีบทบาทสาคัญกับกิจกรรมการทางานดังกล่าว มากที่สุด แต่หากเป็นกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่ต้องอาศัย การปฏิบัติอย่างทันทีทันใด ใช้กาลังหรือความเร็วที่ สงู มาก ใยกล้ามเนอ้ื ชนิดหดตัวเร็ว จะมีบทบาทสาคัญในการหดตัวมากกว่า เป็นตน้ อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรับนักกฬี า 214 o คณุ สมบตั ิทางกลศาสตรข์ องกลา้ มเน้ือ ในแง่ทางกลศาสตร์ของกล้ามเน้ือจะมีปัจจัยท่ีเก่ียวข้องเก่ียวกับการหดตัวของกล้ามเน้ือ คือ แรงของ การหดตัวของกล้ามเน้อื (force summation) ซ่งึ ข้นึ อยู่กับปจั จยั 2 ชนดิ ดงั น้ี คอื (McArdle, et al.2001) 1. จานวนหน่วยยนต์ที่ทางาน (motor unit summation) กล้ามเนื้อแต่ละมัดประกอบด้วยหน่วย ยนต์จานวนมากซึง่ มรี ะดบั เร่มิ การตอบสนองต่อการกระตุ้น (threshold) ต่างกัน ความแรงของการหดตัวของ มัดกล้ามเน้ือขึ้นอยู่กับแรงของตัวกระตุ้น ถ้ากล้ามเน้ือถูกกระตุ้นด้วยแรงต่าเกินไป กล้ามเน้ือจะไม่ตอบสนอง ถ้าเพิ่มความแรงของตัวกระตุ้น การหดตัวของกล้ามเนื้อจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดหนึ่งการหดตัวของกล้ามเน้ือจะไม่ เพ่ิมขึ้นอีก เม่ือกล้ามเนื้อหดตัวได้สูงสุดแสดงว่าทุกหน่วยยนต์ในมัดกล้ามเน้ือได้ร่วมทางาน และได้ตอบสนอง ต่อตวั กระตุ้นทง้ั หมดแล้ว 2. การรวมแรงของการหดตัวของกล้ามเนื้อ (summation of contraction) ถ้าเซลล์กล้ามเน้ือถูก กระตุ้นหลายๆ ครั้งด้วยความถ่ีสูงจะพบว่าแรงตึงที่เกิดจากการหดตัวมีค่าสูงกว่าแรงตึงท่ีเกิดจากการกระตุ้น กล้ามเนอื้ ใหเ้ กิดการหดตัวเพียงครั้งเดยี ว เนือ่ งจากมกี ารรวมแรงของการหดตัว การรวมตัวของแรงตึงท่ีเกิดขึ้น อาจเป็นแบบไมส่ มบูรณ์ (incomplete tetanus) หรอื เปน็ แบบสมบูรณ์ (complete tetanus) o ชนิดของการหดตัวของกลา้ มเนอื้ (type of contraction) การหดตวั ของกลา้ มเน้ือ สามารถแบ่งตามลักษณะการทางานไดด้ ังนี้ (Brook et al.2004) 1. การหดตัวของกล้ามเนื้อแบบอยู่กับที่ (static contraction) การหดตัวรูปแบบนี้ เรียกอีกอย่างว่า (isometric contraction) การหดตัวแบบไอโซเมตริคเป็นการหดตัวท่ีความยาวของกล้ามเนื้อคงที่ แต่แรงตึง ในกล้ามเนอื้ เพ่มิ ขึน้ มมุ ของข้อต่อไม่เปล่ียนแปลง การหดตัวชนิดน้ีไม่มีงานเกิดขึ้น เช่น การออกแรงโหนบาร์ แลว้ เกรง็ คา้ งไวใ้ นนักกฬี ายมิ นาสติก หรือ การออกแรงต้านดนั ผนังหรือกาแพง เปน็ ต้น 2. การหดตัวของกล้ามเนื้อแบบเคล่ือนที่ (dynamic contraction) เป็นลักษณะการหดตัวท่ีมีความ ตึงของกลา้ มเน้อื คงที่ แตค่ วามยาวของกล้ามเนอ้ื สนั้ เขา้ หรือยดื ยาวออก แบ่งยอ่ ยได้ 2 รูปแบบ 2.1 การหดตัวแบบคอนเซนตริค (concentric contraction) เป็นการหดตัวของกล้ามเน้ือแบบ เคล่ือนที่ ในลักษณะความยาวของกล้ามเนื้อหดส้ันเข้า โดยจะมีแรงตึงตัวเพ่ิมขึ้น เป็นการหดตัวท่ีเอาชนะแรง ต้านได้ จึงจัดเปน็ การหดตวั ทีไ่ ด้งานท่ีเป็นบวก (positive work) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 215 2.2 การหดตัวแบบเอคเซนตริค (eccentric) เป็นการหดตัวของกล้ามเนื้อแบบเคลื่อนท่ี ใน ลกั ษณะความยาวของกล้ามเนือ้ ยืดยาวออก เปน็ การหดตวั เพือ่ ช่วยพยงุ นา้ หนักถ่วงท่ีเคลอื่ นออกไปจึงไม่ได้งาน ท่ีเห็นภายนอก จึงจดั เปน็ การหดตัวท่ไี ด้งานที่เป็นลบ (negative work) โดยทั่วไปการหดตัวของกล้ามเน้ือแบบเคลื่อนที่มีทั้งการหดตัวแบบหดส้ันเข้า (concentric contraction) และ การหดตัวแบบยืดยาวออก (eccentric contraction) อาจจะเรียกการหดตัวของ กล้ามเนื้อลักษณะนี้ว่า “Isotonic contraction” อย่างไรก็ดี นักวิชาการบางส่วนยังไม่ยอมรับ เนื่องจาก ความหมายของคาว่า Isotonic น้ันไม่ถูกต้องที่จะนามาใช้ เพราะคาว่า Iso แปลว่า “เท่ากัน” และ Tonic แปลว่า “ความตึงหรือแรงตึง” ดังนั้นถ้าแปลตามความหมายจะหมายถึงแรงตึงท่ีเท่ากัน แต่ในความเป็นจริง การหดตัวของกล้ามเน้ือแบบ Concentric หรือ Eccentric นั้น แรงท่ีท่ีเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสิ้นสุด การเคลื่อนไหว ไม่ไดเ้ ท่ากนั ตลอด แต่จะมคี วามแปลผันตามมุมการเคล่ือนไหว ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับการเปล่ียนแปลง ความยาวของกล้ามเน้ือและมุมการยึดเกาะกระดูก ดังน้ันความหมายของ Isototnic จึงไม่สื่อความหมายใน การนามาอธิบายการหดตวั ในลักษณะดังกลา่ วนี่ 3. การหดตัวแบบไอโซคิเนติค (isokinetic) เป็นการหดตัวที่มีความยาวของกล้ามเน้ือหดสั้นเข้าหรือ ยดื ยาวออกโดยความตึงตัวท่ีมุมของข้อต่อมีการเปลี่ยนด้วยอัตราความเร็วคงที่ การที่จะทาให้ความเร็วคงที่ได้ น้ัน นา้ หนกั ของงานหรือแรงตา้ นทานของการเคลื่อนไหวจะต้องเปล่ียนที่มุมต่างๆ ของข้อต่อ การหดตัวชนิดนี้ จะต้องใช้อุปกรณ์ที่สามารถควบคุมความเร็วในการเคลื่อนไหวแต่ละมุมการเคล่ือนไหวช่วย เช่น เคร่ือง Biodex หรอื Cybex เปน็ ต้น ความสามารถในการหดตัวของกล้ามเน้ือแบบต่างๆ จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด นั้นจะ เกี่ยวขอ้ งกับความสัมพันธ์ระหว่างแรงและความยาว (force-length relationship) และความสัมพันธ์ระหว่าง แรงและความเรว็ ของการหดตวั (force velocity) (McArdle, et al.2001) - ความสัมพันธร์ ะหว่างแรงและความยาว (force-length relationship) ความสามารถในการหดตัวของกล้ามเน้ือข้ึนอยู่กับความยาวของกล้ามเนื้อในขณะที่ถูกกระตุ้น โดย ปกติความยาวของกล้ามเนื้อขณะที่อยู่ในร่างกาย (resting length) จะเป็นความยาวเหมาะสมที่สุด (optimal length, Lo) สาหรับการทางานของกล้ามเนื้อ เม่ือกล้ามเนื้อถูกกระตุ้นจะให้ค่าแรงตึงสูงสุด ถ้ากล้ามเนื้อยาว หรือสั้นกว่านี้จะให้ค่าแรงตึงลดลง แรงตึงท่ีเกิดข้ึนในกล้ามเน้ือเนื่องจากการยืดตัวเรียกว่า Passive tension แรงตงึ ทเี่ กิดจากการหดตัวของกล้ามเน้ือเมื่อถูกกระตุ้นเรียกว่า Active tension ผลรวมของแรงตึงทั้งสองคือ Total tension จะพบว่าค่า Active tension จะเพิ่มข้ึนเรื่อย ๆ เม่ือความยาวของกล้ามเนื้อเพ่ิมข้ึนจนถึงจุด หน่ึงจะมีค่าสูงสุด ซึ่งคาดว่า ความยาวของกล้ามเนื้อในขณะน้ันมีค่าใกล้เคียงหรือเท่ากับความยาวของขณะที่ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 216 อยู่ในร่างกาย นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของความยาวกับแรงตึงที่เกิดจากการหดตัวน้ี อาจจะพิจารณาได้จาก ความยาวของซารโ์ คเมียรแ์ ละจานวน Cross-bridge ที่เกิดขึน้ - ความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงและความเร็วของการหดตัว (force-velocity relationship) ความเรว็ ในการหดตัวของกล้ามเน้อื ขน้ึ อยู่กับจานวนน้าหนักของวัตถุทีม่ าถ่วงกล้ามเนื้อในขณะที่หด ตวั จากการทดลองหาความสมั พันธร์ ะหว่างแรงและความเรว็ ของการหดตัวจะพบว่า เม่ือปรับให้ความยาวของ กล้ามเน้ืออยู่ในระดับความยาวท่ีเหมาะสมเพื่อให้กล้ามเน้ือหดตัวได้แรงที่สุด และกระตุ้นให้กล้ามเน้ือหดตัว พบว่ากล้ามเน้ือจะหดตัวได้เร็วท่ีสุดเมื่อไม่ถูกถ่วงด้วยน้าหนัก (load = 0) และจะหดตัวได้ช้าท่ีสุดหรือไม่เกิด การหดตัวเลยเม่ือน้าหนักท่ีมาถ่วงมีขนาดเท่ากับหรือมากกว่าแรงที่กล้ามเน้ือสามารถจะทาได้ ความสัมพันธ์ ระหว่างแรงและความเร็วของการหดตัวของกล้ามเนื้อน้ี เป็นคุณสมบัติทางกลศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงผลรวม ของการเกิด Cross-bridge ระหว่างแอกตินและมัยโอซิน โดยที่ความเร็วของการหดตัวจะเป็นสัดส่วนโดยตรง กับความเร็วของการเกิด Cross-bridge cycle ซึ่งถูกกาหนดโดยการทางานของเอนไซม์ Myosin ATPase ท่ี อยู่ในกล้ามเน้อื นั้น ๆ ในการหดตัวของกล้ามเน้ือเพ่ือให้ร่างกายมีการเคล่ือนไหวนั้น จะประกอบด้วยกล้ามเนื้อหลาย ๆ มัด ในบทบาทท่ีแตกต่างกันไป ดงั ตอ่ ไปน้ี (Power and Howley, 2001) 1. Agonist หรอื Prime mover คือกล้ามเน้อื กลมุ่ ท่ีต้องการใหเ้ กดิ Action หลกั เช่น เม่ือต้องการงอ ขอ้ มือ กลา้ มเนื้อกลุ่มน้เี ป็นกลุม่ ทผ่ี ่านทางดา้ นหนา้ ข้อมือ (Flexor Group) 2. Antagonist คือกล้ามเนื้อกลุ่มท่ีทางานตรงกันข้ามกับ Prime mover กล้ามเน้ือกลุ่มนี้ต้องมีการ หดตัวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้กลุ่ม Prime mover ทางานมากเกินไป (over action) เช่นเม่ือต้องการงอข้อศอก กล้ามเนอ้ื กลุ่มน้ีเป็นกลมุ่ ทผ่ี ่านทางด้านหลังข้อมือ (extensor group) 3. Synergist กลา้ มเนื้อกลุ่มน้คี อยช่วยทาลาย Action ที่เกิดร่วมมาด้วยให้หายไป จึงเห็นแต่ Action ท่ีต้องการให้เกิดเท่านั้น และช่วยเสริมการทางาน (co-ordinate) ของกลุ่มกล้ามเนื้อกลุ่ม prime mover ให้ ทางานดีขึ้น เช่น เมื่อต้องการกามือให้แน่นจะต้องงอข้อมือเล็กน้อย กล้ามเน้ือกลุ่มท่ีช่วยงอข้อมือ (flexor group) จัดเป็นกลุ่ม Synergist ถ้าไม่งอข้อมือแต่กลับไปเหยียดข้อมือแทน มือจะคลายออกไม่สามารถกามือ ใหแ้ นน่ ได้ 4. Fixator กล้ามเน้ือกลุ่มน้ีคอยเสริมความมั่นคง (stability) ให้ข้อต่อท่ีอยู่เหนือข้อต่อที่กาลังทางาน อยู่ เม่ือต้องการทางานที่ละเอียด เช่น การเขียนหนังสือหรือการเย็บผ้า กล้ามเนื้อกลุ่ม Fixator คือ กล้ามเนื้อ ส่วนทีช่ ่วยยดึ ขอ้ ไหล่จะชว่ ยตรงึ Scapula ไว้ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 217 o คลื่นไฟฟ้ากล้ามเน้อื คล่ืนไฟฟูากล้ามเนื้อ (electromyography : EMG) เป็นส่ิงที่บอกถึงการทางานของกล้ามเนื้อได้ เม่ือ กลา้ มเน้ือมกี ารทางานจะเกดิ มีคลนื่ ความถ่ีออกมา ซ่ึงคล่ืนความถี่ดังกล่าวเกิดจากการท่ีมีค่าความต่างศักย์ทาง ไฟฟาู ภายในกล้ามเน้ือ เม่ือกล้ามเนื้อหดตัวจะเกิดการเปล่ียนแปลงของค่าความต่างศักย์ในกล้ามเน้ือ (action potention) การเปล่ียนแปลงของค่าความต่างศักย์ในกล้ามเน้ือน้ันสามารถวัดได้โดยใช้เครื่องวัดคล่ืนไฟฟูา กล้ามเน้ือ โดยที่เคร่ืองจะทาการวัดคลื่นสัญญาณการทางานของกล้ามเน้ือโดยรวมท่ีออกมาจากแต่ละหน่วย ยนต์หลายหนว่ ยยนต์รวมกันโดยผ่านทางข้ัวไฟฟูา (electrode) กล้ามเนื้อและเส้นประสาทเป็น Excitable tissue มีกลไกที่เก็บประจุไฟฟูาได้ สามารถปล่อยประจุ ไฟฟูาออกไปได้เมื่อมีการกระตุ้น ท้ังเซลล์ของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อต่างก็มีเย่ือหุ้มเซลล์ที่เป็น Semipermeable membrane และมีอิเล็คโตรลัยท์ (electrolyte)หลายอย่างท่ีมีความเข้มไม่เท่ากันเป็น ส่วนประกอบ ที่สาคัญคือ โซเดียม และโปแตสเซียม โดยท่ีจะมีกลไกในการสูบโปแตสเซียม เข้าไปในเซลล์ และโซเดียมออกนอกเซลล์อยู่ตลอดเวลา ในภาวะพัก (resting stage) น้ัน เย่ือหุ้มเซลล์ยอมให้โปแตสเซียม ผ่านได้มากกว่าโซเดียมถึง 50 เท่า จึงทาให้โปแตสเซียมนาประจุบวกออกมาข้างนอกเซลล์ แต่ประจุบวกก็ไม่ สามารถกระจายไปได้ไกล เพราะถูกดูดโดยแอนไอออนท่ีผ่านเยื่อหุ้มออกมาไม่ได้ จึงเรียงรายอยู่นอกเยื่อหุ้ม เซลล์เป็นผลให้ภายนอกเซลล์เป็นบวกมากกว่าภายใน ดังน้ันจะเห็นได้ว่า เย่ือหุ้มเซลล์มีหน้าท่ีเสมือนคาปาซิ เตอร์ ที่มีเยื่อหุ้มเป็นฉนวน และสองข้างของเยื่อหุ้มมีอิเล็คโตรไลท์ที่นาไฟฟูาได้ ศักย์ไฟฟูาท่ีเกิดข้ึนจึงเรียกว่า “ศกั ย์ไฟฟูาขณะพัก” ซึ่งมีค่าประมาณ 70 มิลลิโวลต์ ภายในเป็นลบกว่าภายนอก อาจเรียกว่า -70 มิลลิโวลต์ เม่อื เปรียบเทียบกับผิวภายนอกซงึ่ ใช้เปน็ ทีอ่ ้างอิง (reference potential) (Brook et al.2004) - ศักย์ไฟฟาู ขณะทางาน (action potential) เมอ่ื มีการทางาน จะเป็นประสาทหรือกล้ามเน้ือก็ดี จะมี การกระจายของไฟฟูาออกไป ซ่ึงจะเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการทางาน คือ สาหรับเส้นประสาทจะใช้การ กระจายของไฟฟูาสาหรับเป็นกลวิธีจะส่งข่าวไปตามใยประสาทที่เรียกว่า “Nerve impulse” ส่วนใน กลา้ มเนือ้ นัน้ ใชก้ ารกระจายไฟฟูาไปตามเซลล์ของกล้ามเนื้อ เพื่อเป็นการนาคาสั่งที่ได้รับจากประสาทโดยผ่าน Neuromuscular junction ให้กระจายไปตามกล้ามเน้ือน้ัน มีหน้าท่ีไปกระตุ้นกลไกการหดตัวของกล้ามเนื้อ อีกต่อหน่ึง - การเกิดศักย์ไฟฟูาขณะทางาน (Generation of action potential) เมื่อถูกกระตุ้น เย่ือหุ้มเซลล์ ของประสาทและกลา้ มเนื้อจะมีการยอมใหผ้ ่านไป คือมีการยอมให้โซเดียมผ่านเพ่ิมข้ึน อาจเพ่ิมได้มากถึง 200 เท่า จึงเป็นผลให้โซเดียมไหลเข้าไปในเซลล์ ทาให้ศักย์ไฟฟูาของเยื่อหุ้มเปล่ียนแปลงไป คือลดลง ท่ีเรียกว่า ดี โพลาโรเซซั่น (Depolarization) เม่ือโซเดียมหยุดเข้าไปในเซลล์ หลังจากนั้นโปแตสเซียมอิออนก็จะว่ิงจาก ภายในเซลล์ออกสู่นอกเซลล์ ทาให้ภายในเซลล์เป็นลบเหมือนเดิม เรียกระยะน้ีว่า รีโพราไรเซซ่ัน (Repolarization) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 218 ในการวดั คล่ืนไฟฟาู ของกลา้ มเนอื้ น้ัน ปจั จยั ทม่ี ผี ลกระทบต่อสัญญาณคลืน่ ไฟฟาู กล้ามเนื้อ โดยการใช้ ข้วั รับสัญญาณไฟฟูากล้ามเนื้อแบบผวิ (surface electrode) มดี งั น้ี (Brook et al.2004) 1. ปัจจัยภายนอก (extrinsic factor) 1.1 ลักษณะของขั้วรับสัญญาณไฟฟูา (electrode configuration) ขนาดและรูปร่างของขั้วรับ สญั ญาณไฟฟาู มผี ลตอ่ การบนั ทึกการทางานของหนว่ ยยนต์ (motor units) ที่ทางาน 1.2 ตาแหน่งการวางขั้วรับสัญญาณไฟฟูา (location of electrode) ตาแหน่งที่วางมีผลต่อความ สูง และความถ่ขี องสญั ญาณคลนื่ ไฟฟูากล้ามเนือ้ ขว้ั รบั สญั ญาณไฟฟูาท่ีใช้วัด ต้องวางขนานกัน และตั้งฉากกับ ใยกลา้ มเน้อื 2. ปจั จัยภายใน (intrinsic factor) 2.1 จานวนหนว่ ยยนต์ทีท่ างาน (number of active motor units) ขณะกลา้ มเนอ้ื หดตัว 2.2 ชนิดของเส้นใยกล้ามเนื้อ (fiber type) มีผลต่อการเปล่ียนแปลงความเป็นกรด-ด่าง ของ ของเหลวในกลา้ มเนื้อ ขณะหดตวั 2.3 การไหลเวียนเลือดในกล้ามเน้ือ (blood flow) การเคล่ือนย้ายสารท่ีเกิดจากกระบวนการเม ตาบอลิซึม (metabolism) 2.4 ขนาดของเส้นใยกล้ามเนื้อ (fiber diameter) มีผลต่อความสูง และความเร็วในการนา คลืน่ ไฟฟาู 2.5 ความลึกและตาแหน่งของเส้นใยกล้ามเนื้อ (depth and location of active fiber) มีผลต่อ ความสงู และความถ่ีของคลนื่ ไฟฟาู กล้ามเน้ือ 2.6 ความหนาแน่นของเนื้อเย่ือ ระหว่างกล้ามเน้ือ กับข้ัวรับสัญญาณไฟฟูา จะมีผลต่อ สัญญาณไฟฟูาท่ีวัดได้ โดยที่ถ้ามีความหนาแน่นของชั้นไขมันใต้ผิวหนังมาก จะทาให้ความสูงของคล่ืนไฟฟูา กล้ามเนอื้ ท่วี ัดได้มีค่านอ้ ยลงกว่าคา่ ทีค่ วรจะได้จริง อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นกั กฬี า 219 การนาการวัดคลน่ื คลน่ื ไฟฟาู ของกล้ามเนื้อมาใชใ้ นการกีฬาและการออกกาลงั กาย สามารถอธิบายถึง ประโยชน์ทน่ี ามาใช้ได้ดังน้ี (Brook et al.2004) 1.การวิเคราะห์และศึกษาการทางานของกล้ามเน้ือขณะเคล่ือนไหวรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งคลื่นไฟฟูาของ กล้ามเนื้อจะสามารถบอกได้ว่ากลุ่มกล้ามเนื้อไหนที่มีบทบาทสาคัญในการทางาน และกล้ามเน้ือไหนทางาน มากที่สดุ เป็นต้น 2. การศึกษาถึงลักษณะการหดตัวของกล้ามเนื้อ โดยถ้าเป็นการหดตัวแบบอยู่กับที่ (static contraction) ลักษณะของความตงึ ของกล้ามเนือ้ จะมีความสมั พันธ์เปน็ เส้นตรงกับคลืน่ ไฟฟูากล้ามเน้ือ แต่ถ้า เป็นการหดตัวแบบเคล่อื นท่ี (dynamic contraction) ลักษณะความตึงของกลา้ มเนื้อจะมีความสัมพันธ์ไม่เป็น เสน้ ตรงกับคลน่ื ไฟฟาู กล้ามเนอื้ 3. การศึกษาถึงความล้าของกล้ามเนื้อ ความถี่และความสูงของสัญญาณคลื่นไฟฟูาจะเป็นตัวบ่งช้ี อัตราการทางานที่ลา้ ของกลา้ มเน้ือได้ โดยถา้ ความถแ่ี ละความสูงของสัญญาณคล่ืนไฟฟูาลดลง จะแสดงถึงการ ทางานของกล้ามเน้ือที่ลดลง อนั เนอ่ื งมาจากความลา้ นน่ั เอง 4. การนามาใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของการฝึกรูปแบบต่างๆ ที่มีต่อกล้ามเน้ือ โดยค่าการ ทางานของกล้ามเนื้อที่วัดได้ จะบ่งบอกถึงระดับการทางานของกล้ามเน้ือได้ ซ่ึงการวัดค่าการทางานจาก คลื่นไฟฟูากล้ามเนื้อจะมีหน่วยเป็นมิลลิโวลต์ (mV) ถ้าค่าการทางานของกล้ามเน้ือท่ีออกมาสูง แสดงว่า กลา้ มเนอ้ื นนั้ มกี ารทางานที่หนัก กลา้ มเน้ือจะต้องระดมหน่วยยนต์เพมิ่ ขึน้ ทาใหม้ ีคล่นื สัญญาณการทางานของ กล้ามเน้ือเพ่ิมขึ้น ดังน้ันการวัดคลื่นไฟฟูากล้ามเน้ือ จึงสามารถนามาบ่งชี้ประสิทธิภาพของการทางาน กล้ามเนอื้ ได้ ในการนาคา่ การทางานของกล้ามเนื้อในแต่ละมัดมาเปรียบเทียบกัน จะต้องทาการเปลี่ยนหน่วย ให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน โดยท่ัวไปจะนิยมเปรียบเทียบเป็นร้อยละของค่าการทางานสูงสุดของกล้ามเน้ือ (percentage of maximum voluntary contraction: %MVC) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 220 ประเภทของการทดสอบความแข็งแรง ความอดทนและพลงั ของกลา้ มเนือ้ ความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเน้ือ เป็นองค์ประกอบสาคัญของสมรรถภาพทางกายที่ เก่ยี วข้องกับสุขภาพ สว่ นพลงั ของกล้ามเน้ือเปน็ องคป์ ระกอบหลกั ของสมรรถภาพทางกายท่ีเก่ียวข้องกับทักษะ ดังน้ันการทดสอบหรือประเมินความแข็งแรง ความอดทน และพลังของกล้ามเนื้อ จะแบ่งการทดสอบตาม ลกั ษณะการทางานและการหดตัวของกล้ามเน้ือ โดยท่ัวไปการแบ่งประเภทของการทดสอบสมรรถภาพขององค์ประกอบดังกล่าว จะนิยมแบ่งโดยใช้ การทดสอบความแข็งแรงและความอดทนอยู่ในกลุ่มหรือประเภทเดียวกัน ท้ังนี้เน่ืองจากมีรูปแบบการทดสอบ ที่ใช้อุปกรณ์หรือกิจกรรมการทดสอบที่คล้ายคลึงกันแตกต่างกันในส่วนของลักษณะการทางานของกล้ามเน้ือ ในขณะทดสอบเท่านั้น ส่วนการทดสอบและการประเมินสมรรถภาพด้านพลังของกล้ามเนื้อ จะแยกประเภท ออกจากการทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเน้ือ เนื่องจากความแตกต่างของการใช้อุปกรณ์ และกิจกรรมในการทดสอบท่ีแตกต่างกัน ดังน้ัน ในเอกสารประกอบการสอนเล่มน้ี จึงได้แบ่งประเภทการ ทดสอบสมรรถภาพทางกายทั้งสามองค์ประกอบ โดยรวมการทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของ กล้ามเนือ้ อยู่ในกลุม่ ประเภทเดยี วกัน สว่ นพลังของกล้ามเน้อื จะแยกออกมาทดสอบในอีกหนึ่งองคป์ ระกอบ o การทดสอบความแขง็ แรงและความอดทนของกลา้ มเนื้อ การทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเน้ือสามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ ตามลักษณะ การหดตวั ของกล้ามเนอ้ื ดงั นี้ (Heyward, 2006) 1. การทดสอบความแขง็ แรงและความอดทนแบบอยกู่ ับท่ี (static test) เป็นการทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของกลา้ มเน้อื ในลกั ษณะท่มี กี ารหดตัวของกล้ามเนื้อ แบบอยู่กับที่ (isometric contraction) ซ่ึงเป็นลักษณะการหดตัวของกล้ามเนื้อที่มีความตึงตัว แต่ความยาว ของกลา้ มเน้ือไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลง เม่ือมองจากภายนอกจะพบว่า ข้อต่อไม่มีการเคล่ือนไหวหรือความเร็วของ การเคลื่อนไหวเป็นศูนย์ อุปกรณ์การทดสอบท่ีนิยมใช้ทดสอบกันอยู่ทั่วไป ได้แก่ เคร่ืองวัดแรงบีบมือ (grip dynamometer) เครื่องวัดแรงเหยียดขา (leg and back dynamometer) และเคร่ืองวัดแรงแบบสายโลหะ (cable tensiometer) เปน็ ตน้ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 221 2. การทดสอบความแขง็ แรงและความอดทนแบบเคล่อื นที่ (dynamic test) เป็นการทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อในลักษณะที่กล้ามเน้ือมีการหดตัวแบบ หดสั้นเข้าและยืดยาวออก โดยการทดสอบรูปแบบน้ี แบ่งย่อยได้อีก 4 รูปแบบตามลักษณะของอุปกรณ์ ทดสอบทใี่ ช้เป็นแรงตา้ น ดังน้ี 2.1 การทดสอบโดยใชอ้ ปุ กรณ์ประเภทแรงตา้ นคงที่ (constant-resistance test) การทดสอบรูปแบบน้ี จะใช้ อุปกรณ์ Free weight และอุปกรณ์ Machine weight ที่ให้แรง ต้านคงที่เป็นอุปกรณ์สาหรับการทดสอบ ซ่ึงจะสามารถทดสอบได้ทั้งความแข็งแรงและความอดทนของ กลา้ มเน้อื อยา่ งไรกด็ กี ารทดสอบรปู แบบน้ี แรงสงู สุดที่กล้ามเนื้อกระทาในแต่ละมุมการเคลื่อนไหว จะมีค่าไม่ เท่ากัน เนื่องจากการทดสอบโดยใช้อุปกรณ์ Free weight และอุปกรณ์ Machine weight ชนิดแรงต้านคงท่ี นั้น เมื่อกลา้ มเนือ้ ออกแรงต้านกับน้าหนัก จะไม่สามารถผันแปรให้สอดคล้องกับแรงของกล้ามเน้ือในแต่ละมุม ได้ ส่งผลให้การออกแรงทกี่ ล้ามเนือ้ กระทาต่อแรงตา้ นไมเ่ ท่ากัน เนอื่ งจากแรงสูงสุดของกล้ามเน้ือแต่ละมุมท่ีได้ ไม่เท่ากัน นอกจากนั้นการทดสอบโดยใช้ Free weight จะต้องอาศัยการทางานท่ีประสานกันของระบบ ประสาทและกล้ามเนอื้ เพื่อใหร้ า่ งกายมีความม่ันคงและคงความสมดุลในขณะทดสอบ ส่วนการทดสอบโดยใช้ Machine weight สามารถปรับที่นั่งและแขนของคานให้เหมาะสมได้กับผู้เข้ารับการทดสอบแต่ละคนได้ แต่ อาจจะมีข้อจากัดเก่ียวกับมุมการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ในคนที่มีแขนและขาสั้น หรือการทดสอบในเด็ก เนอ่ื งจากไมส่ ามารถปรบั ท่ีน่งั หรอื แขนของคานให้เหมาะได้ 2.2 การทดสอบโดยใช้อุปกรณ์ประเภทแรงตา้ นผันแปรได้ (variable-resistance test) อุปกรณ์ Machine weight ชนิดแรงต้านผันแปรได้ ออกแบบมาเพื่อให้กล้ามเนื้อสามารถ ออกแรงแรงกระทากบั แรงตา้ นในแต่ละมุมการเคล่ือนไหวเท่ากันได้ สาหรับอุปกรณ์ชนิดแรงต้านผันแปรได้น้ัน มกี ารออกแบบมาพิเศษเพ่ือใหแ้ รงตา้ นผนั แปรตามมุมการเคลื่อนไหวเช่นการอาศัยแกนลูกเบี้ยวเป็นตัวผันแปร แรง เป็นตน้ อยา่ งไรก็ดี เนื่องจากอุปกรณ์ประเภทแรงต้านผันแปรได้ออกแบบข้ึนสาหรับการฝึกความแข็งแรง และความอดทนของกล้ามเนื้อ ให้ได้ออกแรงในแตล่ ะมุมการเคล่ือนไหวของกล้ามเนอื้ เท่ากัน ทาให้น้าหนักท่ีใช้ ในการปฏิบัติไม่คงที่ การบันทึกน้าหนักเพ่ือเป็นตัวบ่งช้ีถึงความแข็งแรงและความอดทนจากการทดสอบจาก การ จึงไม่สามารถอา้ งอิงได้ ดังนั้นวิธีการนี้จึงไม่นิยมนามาใช้ในการทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของ กล้ามเน้อื อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 222 2.3 การทดสอบโดยใช้อุปกรณไ์ อโซคิเนติก (isokinetic test) อุปกรณ์ไอโซคเิ นตกิ เป็นอุปกรณท์ ีอ่ อกแบบมาใหส้ ามารถควบคุมความเร็วของการเคล่ือนไหวข้อ ต่อทีท่ าการทดสอบหรือฝึกให้คงท่ีตลอดช่วงการเคล่ือนไหว ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวทาให้แรงท่ีกล้ามเนื้อกระทา ในแต่ละมุมการเคลื่อนไหว มีความสอดคล้องกับแรงสูงสุดท่ีกล้ามเนื้อในแต่ละมุมจะกระทาได้ กล่าวคือ เม่ือ อปุ กรณถ์ ูกกาหนดใหค้ วามเร็วเชงิ มมุ มีค่าคงที่ตลอดช่วงการเคลื่อนไหว หากกลา้ มเนื้อมีแรงท่ีกระทามากจนทา ให้ความเร็วเชิงมุมเปลี่ยนไป เคร่ืองจะปูองกันการผิดเง่ือนไขโดยการเพ่ิมแรงต้าน ณ มุมการเคล่ือนไหวนั้น ความเร็วเชิงมุมที่กาหนดจึงไม่เปล่ียนแปลง โดยทั่วไปความเร็วที่ใช้ในการทดสอบจะอยู่ระหว่าง 0 – 300 องศาต่อวินาที ตัวอย่าง อุปกรณ์ไอโซคิเนติก ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการทางานของกล้ามเน้ือ ได้แก่ Cybex และ Biodex เปน็ ตน้ การทดสอบความแข็งแรงและความอดทนโดยใช้อุปกรณ์ไอโซคิเนติก ค่าตัวแปร ที่สาคัญๆ ท่ีนิยมใช้ประเมินได้แก่ ค่าแรงเชิงมุมสูงสุด (peak torque) งาน (work) กาลัง (power) และค่า อตั ราสว่ นของกล้ามเนือ้ ดา้ นตรงขา้ ม (antagonist/agonist ratio) เปน็ ตน้ 2.4 การทดสอบโดยใช้ทา่ กายบรหิ าร (callisthenic test) การทดสอบลักษณะน้ีเป็นการทดสอบที่ใช้ท่ากายบริหารมาเป็นกิจกรรมท่ีใช้ในการทดสอบ เช่น การดันพ้ืน การลุกนั่ง และการดึงข้อ เป็นต้น เหมาะสาหรับการทดสอบในกลุ่มคนจานวนมาก โดยสามาร ทดสอบได้ทั้งความเข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อ สาหรับการทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเน้ือโดย ใชท้ ่ากาย บริหาร จะมีการเพ่มิ นา้ หนกั เพ่อื ให้ออกแรงไดไ้ ม่เกิน 1 คร้ัง เพื่อใหเ้ ป็นไปตามความหมายและนิยาม ของความแข็งแรง หลังจากนั้นจะนาค่าน้าหนักตัวของผู้ทดสอบไปหารกับน้าหนักท่ีถ่วง โดยขนาดน้าหนักท่ี นามาถว่ ง จะขึน้ อยู่กับความสามารถในการออกแรงของผู้เข้ารับการทดสอบเป็นหลัก ในส่วนการการทดสอบ ความอดทนของกล้ามเนื้อโดยใช้ท่ากายบริหาร จะเป็นการปฏิบัติให้ได้จานวนคร้ังมากท่ีสุดเท่าที่จะทาได้ โดย จะตอ้ งปฏิบัตอิ ย่างต่อเน่ืองไม่มีการหยุดจังหวะเพ่ือพัก หลังจากน้ันนาค่าที่ได้เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานเป็นต้น การทดสอบโดยส่วนใหญ่จะประเมินความอดทนของกล้ามเน้ือจากจานวนครั้งของการปฏิบัติได้ สาหรับการ ทดสอบบางรายการที่ให้มีการเกร็งค้างไว้และดูจากเวลาที่สามารถปฏิบัติได้นานที่สุด เช่น การดึงข้อ จัดเป็น การทดสอบความอดทนของกลา้ มเนื้อแบบอยกู่ ับท่ีโดยใช้ท่ากายบริหาร เน่ืองจากการหดตัวของกล้ามเน้ือเป็น แบบอยกู่ ับที่ และขอ้ ตอ่ ไม่มีการเคลอ่ื นไหว อย่างไรก็ดี ในรายการทดสอบบางแบบทดสอบ จะกาหนดใหผ้ ู้ทดสอบออกแรงอย่างต่อเน่ืองโดยใช้ท่า กายบริหารในเวลาที่กาหนด เช่นการทดสอบดันพื้น 30 วินาที และการลุก-นั่ง 60 วินาที การทดสอบใน ลักษณะดังกล่าวนี้จะเป็นการทดสอบท่ีมุ่งประเมินความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเน้ือควบคู่กัน ทั้งนี้ เนอื่ งจากลักษณะกจิ กรรมการทดสอบดังกล่าวจะมีเวลามากาหนด ดังน้ันผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องปฏิบัติให้ ได้จานวนคร้งั มากทสี่ ดุ ดังนน้ั จงึ ตอ้ งใช้ทั้งความแขง็ แรงและความอดทนของกล้ามเน้ือ อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นกั กฬี า 223 จากรูปแบบการทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อดังรายละเอียดข้างต้น สามารถ สรปุ การแบ่งประเภทของรปู แบบการทดสอบดังภาพต่อไปนี้ ภาพที่ 7.4 รูปแบบการทดสอบความแขง็ แรงและความอดทนของกล้ามเน้ือ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 224 ตัวอย่างแบบทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของกลา้ มเน้ือ โดยท่ัวไป การทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเน้ือจะแบ่งการทดสอบออกเป็นสอง รูปแบบใหญ่ ๆ คือการทดสอบความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเน้ือแบบอยู่กับท่ีและการทดสอบความ แข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อแบบเคลื่อนท่ี โดยแบบทดสอบความแข็งแรง และความอดทนของ กล้ามเน้ือมีด้วยกนั มากมายหลายวธิ ี ในเอกสารประกอบการสอนเล่มนี้ จะกล่าวถึงแบบทดสอบที่นิยมใช้ท่ัวไป เทา่ นนั้ o การทดสอบความแขง็ แรงและความอดทนแบบอยู่กับท่ี (static test) Grip Strength Test วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื วดั ความแข็งแรงของกลา้ มเน้ือแขน อปุ กรณ์ เครื่องวดั แรงบีบมือ (hand grip dynamometer) วธิ กี าร 1. ผเู้ ขา้ รบั การทดสอบเลือกจบั Hand Grip ด้วยมอื ข้างที่ ถนัด 2. จดั ระดับที่จับของเคร่อื งมือให้เหมาะสมกบั มือของผู้เข้ารับ การทดสอบโดยปกติขณะกามือ ข้อทสี่ องของนิ้วจะเปน็ มุมฉาก 3. ใหผ้ ูเ้ ขา้ รับการทดสอบปลอ่ ยแขนขา้ งลาตัวตามสบาย มือ ทจ่ี ับเครือ่ งมอื ห้ามแนบตวั ให้หา่ งลาตัวประมาณ 1 ฝาุ มอื 4. ให้พยายามออกแรงบีบมอื ใหม้ ากท่สี ุด (โดยแขนแนบหา้ ม ชดิ ตัวขณะออกแรง) 5. ทาการทดสอบ 2 ครั้ง ใชค้ ่าท่ีมากท่สี ุด การบันทกึ ผล บนั ทกึ แรงท่บี บี ได้มากที่สดุ จากการทดสอบ 2 ครั้ง หนว่ ยเป็นกโิ ลกรมั หรือกิโลกรัม/น้าหนักตัว ที่มา: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนกั กฬี า 225 Grip Endurance Test วัตถปุ ระสงค์ เพื่อวดั ความอดทนของกล้ามเน้อื แขน อปุ กรณ์ เครื่องวดั แรงบีบมือ (hand grip dynamometer) วิธีการ 1. ผู้เขา้ รับการทดสอบเลือกจับ Hand Grip ด้วยมอื ข้างทีถ่ นัด 2. ปรับระยะห่างของทจ่ี ับให้เหมาะสมกับมือของผทู้ ดสอบ 3. ให้ผู้เขา้ รับการทดสอบยืนตัวตรง ปลอ่ ยแขนเหยียดตรง ขา้ งลาตัวห่างลาตัวประมาณ 1 ฝาุ มือ 4. ออกแรงบบี ให้เต็มท่ีอย่างต่อเน่ืองจนครบกาหนด 1 นาที การบนั ทกึ ผล บนั ทึกแรงที่บีบได้ในตอนเริม่ ต้นคร้งั แรกและครั้งสดุ ท้ายก่อนที่จะทาการหยดุ ทดสอบ โดยนามาคานวณดัชนีความล้า ดังสตู รตอ่ ไปน้ี ดชั นคี วามลา้ = [(แรงทีบ่ ีบคร้ังแรก – แรงท่บี บี ค่าสดุ ท้าย) /แรงทบ่ี ีบคร้ังแรก] 100 ท่มี า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 226 Legs Strength Test วตั ถุประสงค์ เพื่อวดั ความแข็งแรงของกล้ามเน้อื ตน้ ขาดา้ นหนา้ อปุ กรณ์ เครื่องวัดแรงเหยียดขาและหลัง (back and leg strength dynamometer) วิธีการ 1. ใหผ้ เู้ ขา้ รับการทดสอบยนื บนท่ีวางเท้าขอ เครอ่ื งมอื 2. ย่อขา่ ลงและแยกเข่าออกเล็กน้อย หลังและแขนตรง เข่างอประมาณ 130 – 140 องศา 3. จบั ที่ดึงในท่ามือคว่าเหนือระหวา่ งเข่าท้ังสองขา้ ง จดั สายให้พอเหมาะ โดยปรบั ความยาวของโซใ่ ห้เหมาะสม (ไมห่ ย่อนหรือตึงเกนิ ไป) 4. ออกแรงเหยียดขาใหเ้ ตม็ ท่ีด้วยความสามารถสูงสดุ 5. ทาการทดสอบ 2 คร้ัง ใช้ค่าทม่ี ากที่สดุ การบันทกึ ผล บนั ทกึ แรงทเี่ หยียดขาไดม้ ากท่สี ดุ จากการทดสอบ 2 คร้ัง หน่วยเป็นกิโลกรัม หรอื กโิ ลกรัม/น้าหนักตวั ที่มา: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 227 Back Strength Test วตั ถุประสงค์ เพอ่ื วัดความแขง็ แรงของกล้ามเนือ้ หลงั อปุ กรณ์ เครือ่ งวดั แรงเหยียดขาและหลัง (back and leg strength dynamometer) วิธกี าร 1. ผ้รู ับการทดสอบจะยนื บนตาแหน่งทีว่ างเท้าของอปุ กรณ์ ขาเหยยี ดตรง เข่าไม่งอ พับสะโพกมาดา้ นหน้า หลงั เหยยี ดตรง ลาตวั จะเฉียงทามมุ กับขาประมาณ 45 องศา 2. จบั ทด่ี งึ ในทา่ มือควา่ ในระดับอยเู่ หนอื เข่าเล็กน้อย 3. ออกแรงดึงบาร์ให้ข้ึนในแนวตรง โดยแรงทใ่ี ช้มาจากกลา้ มเนอ้ื หลงั 4. ขณะออกแรงดึงลาตัวไม่งอเพราะจะทาให้เกดิ การบาดเจ็บได้ 5. ทาการทดสอบท้ังหมด 2 ครัง้ พกั ระหวา่ งครงั้ ของการทดสอบ ห่าง 1 นาที การบันทึกผล บันทึกแรงท่ีเหยียดหลังได้มากทส่ี ุดจากการทดสอบ 2 ครัง้ หนว่ ยเป็นกโิ ลกรมั หรอื กโิ ลกรัม/น้าหนกั ตวั ท่มี า: อภลิ กั ษณ์ (2549) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนักกฬี า 228 o การทดสอบความแข็งแรงและความอดทนแบบเคล่ือนที่ (dynamic test) 1. การทดสอบโดยใช้อปุ กรณป์ ระเภทแรงต้านคงที่ (constant-resistance test) 1.1 การทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ ในการทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยใช้อุปกรณ์ Free weight และ Machine weight จะวัดความแข็งแรงจากการประเมินค่า น้าหนักท่ียกได้สูงสุดใน 1 คร้ัง หรือ 1 RM (repetition maximum) โดยตวั อยา่ งการทดสอบโดยใช้อุปกรณป์ ระเภทแรงตา้ นคงที่ เพอื่ หาคา่ 1 RM มีดังนี้ การหาคา่ 1 RM โดยวธิ กี ารทางตรง การหา 1 RM โดยวิธีการทางตรงนั้น เป็นการหาน้าหนักสูงสุดท่ีสามารถปฏิบัติได้ 1 ครั้งจริงๆ หาก การปฏิบัติได้มากกว่า 1 ครั้ง ก็จะต้องมีการปรับน้าหนักเพ่ิมขึ้นอีกเพ่ือให้จานวนครั้งของการปฏิบัติไม่เกิน 1 คร้งั สาหรับวธิ กี ารหา 1 RM มีวิธกี ารปฏบิ ตั กิ ารทดสอบดงั ตอ่ ไปนี้ อุปกรณ์ อปุ กรณ์ Machine weight หรือ free weight วิธีการ 1. กาหนดท่าทจ่ี ะใช้ทดสอบเช่น ทา่ Bench press หรือ ทา่ Leg press 2. ให้ผทู้ ดสอบอบอนุ่ รา่ งกายในทา่ ท่ีจะทาการทดสอบ จานวน 10 ครงั้ โดยใช้ น้าหนัก 40-60% ของ 1 RM ทีไ่ ดจ้ ากการประมาณพัก 1 นาที 3. หลงั จากนัน้ ตามด้วยการปฏบิ ัตโิ ดยใช้นา้ หนัก 60-80% ของ 1 RM ท่ีได้จากการ ประมาณจานวน 5 คร้ัง พัก 3-5 นาที 4. หลงั จากนัน้ เพม่ิ น้าหนักขน้ึ 5-20 ปอนด์ (ขนึ้ อยู่กับการปฏบิ ัตใิ นขั้นท่ี 2) หากการ ปฏิบตั ไิ ดม้ ากกว่า 1 ครั้ง ทาการปรับน้าหนักขนึ้ อีกครง้ั การบนั ทกึ ผล บันทึกน้าหนกั หนักท่ีทาได้ในข้นั ก่อนหยุดทดสอบเป็นคา่ 1 RM หน่วยเป็นกิโลกรัม หรอื กิโลกรัม/นา้ หนักตวั ทม่ี า: อภลิ ักษณ์ (2549) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 229 การหา 1 RM โดยวธิ ีการทางอ้อม การหา 1 RM โดยวิธีการทางอ้อมน้ัน เป็นวิธีการที่ผู้ทดสอบจะใช้น้าหนักปานกลาง โดยจานวนคร้ัง ของการปฏบิ ัติไม่เกนิ 10 คร้ัง หรอื อาจมากสุดถึง 15 คร้ัง ท้ังนี้ข้ึนอยู่กับวิธีการแต่ละวิธี มาทานาย1 RM จาก สมการทีก่ าหนด โดยใช้ตัวแปรจานวนครั้งและน้าหนักที่ใช้ในการปฏิบัติเป็นตัวแปรทานาย โดยการหา 1 RM โดยวธิ ีการทางออ้ มนั้น มตี ัวอย่างวธิ กี ารดงั นี้ อปุ กรณ์ อุปกรณ์ Machine weight หรอื free weight วิธีการ 1. กาหนดทา่ ทจ่ี ะใช้ทดสอบ - ถ้าประเมนิ ความแขง็ แรงสว่ นบนใช้ทา่ Bench Press - ประเมินความแข็งแรงของรา่ งกายส่วนล่างใชท้ า่ leg press 2. อบอนุ่ ร่างกาย โดยการใชน้ ้าหนกั ที่ปฏบิ ตั ไิ ด้ 12-15 ครง้ั ปฏบิ ัตจิ านวน 10 ครง้ั 3. เพม่ิ น้าหนักขึน้ 10 ปอนด์ (หรอื ใกล้เคียง 10 ปอนด์) หลังจากนน้ั ปฏิบตั ิ 3 ครั้ง 4. พัก 3-5 นาที เพมิ่ น้าหนักข้ึนอกี 10 ปอนด์ หลงั จากน้ันปฏบิ ัติใหไ้ ด้จานวนครงั้ มาก ท่สี ดุ เท่าทจี่ ะทาได้ (ไม่เกิน 10 ครงั้ ถ้าเกนิ ปรับนา้ หนักขึ้นอีกไมเ่ กนิ 10 ปอนด)์ การบนั ทึกผล นาจานวนครั้งและน้าหนักที่ปฏบิ ัติได้ไมเ่ กิน 10 ครง้ั คานวณค่า 1 RM ตามวิธกี ารตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปน้ี ทม่ี า: อภลิ กั ษณ์ (2549) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นกั กฬี า 230 วธิ ีการที่ 1 คานวณค่า 1 RM โดยนาจานวนครั้งและน้าหนักที่ปฏิบัติได้ไม่เกิน 10 ครั้งเทียบค่าปัจจัยการยกตาม ตารางต่อไปนี้ จานวน (ครง้ั ) การหา 1 RM ค่าปจั จยั การยก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 1.07 1.10 1.13 1.16 1.20 1.23 1.27 1.32 1.36 ตัวอย่าง นกั กีฬา A ยกนา้ หนักในทา่ leg press ที่มคี วามหนัก 200 ปอนด์ ได้เต็มที่เท่ากบั 5 คร้ัง - ทดสอบได้ 5 ครัง้ จะตรงกบั ค่าปจั จยั การยกเท่ากับ 1.16 - นาค่าปัจจยั การยกคูณกับน้าหนกั ทป่ี ฏิบตั จิ ะได้ออกมาเปน็ ค่า 1 RM 1RM = 1.16 X 150 = 232 ปอนด์ วธิ กี ารที่ 2 คานวณหาค่า 1 RM จากการนาจานวนครั้งและน้าหนักที่ปฏิบัติได้ไม่เกิน 10 ครั้ง ไปแทนในสมการ ของ Brzycki (1993) ดงั ตอ่ ไปน้ี 1 RM = นา้ หนักทใี่ ช้ปฏบิ ัติ / [1.0278 (จานวนครง้ั ท่ียกได้ 0.0278)] จากตัวอยา่ งนักกีฬา A จานวนครัง้ ของการปฏิบตั ิจนเกดิ การล้าเท่ากบั 5 ครงั้ นา้ หนักทใี่ ชใ้ นการปฏบิ ตั ิจนเกดิ การล้าเท่ากบั 200 ปอนด์ แทนคา่ ในสมการ = 200 / [1.0278 (5 0.0278)] 1 RM = 200 / 0.888 = 225.22 ปอนด์ หมายเหตุ สมการของ Brzycki (1993) นใ้ี ช้เพือ่ การคานวณหา 1 RM สาหรับผชู้ าย อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 231 วธิ ีการท่ี 3 การคานวณค่า 1 RM ในวิธีการนี้ จะเป็นการนาจานวนครั้งและน้าหนักที่ปฏิบัติได้ไม่เกิน 10 คร้ัง จานวน 2 ชดุ ไปเขา้ สมการทานายของ Brzycki (2000) ดงั ตอ่ ไปน้ี 1 RM = [(SM1 - SM2) / (REP2 – REP1)] (REP1 – 1) + SM1 SM1 = น้าหนัก (ปอนด์) ทใี่ ช้ในการปฏบิ ัตชิ ดุ สดุ ท้าย SM2 = น้าหนัก (ปอนด์) ทใ่ี ชใ้ นการปฏบิ ตั ิชดุ ก่อนสุดทา้ ย REP1 = จานวนครงั้ ของการปฏิบัตไิ มเ่ กิน 10 ครงั้ ของชุดสดุ ทา้ ย REP2 = จานวนครง้ั ของการปฏิบตั ไิ ม่เกนิ 10 คร้ังของชุดก่อนสุดทา้ ย ตวั อย่าง นักกีฬา A ทาการหาค่า 1 RM ทางอ้อม ในทา่ Bench press จานวน 3 เซต แตล่ ะเซตพัก 3 นาที ไดผ้ ลการทดสอบ ดงั นี้ เซตท่ี น้าหนัก (ปอนด์) จานวนครง้ั 1 150 12 2 180 10 3 200 5 แทนคา่ ในสมการ 1 RM (ปอนด์) = [(200 – 180) / (10 – 5)] (5 – 1) + 200 = 216 ปอนด์ สาหรับวิธีการหา 1 RM โดยวิธีทางอ้อมจะมีข้อดีที่ผู้ทดสอบไม่จาเป็นต้องมีประสบการณ์และเทคนิค ที่มากก็สามารถจะทาการหาค่า 1 RM ในวิธีการน้ีได้ อีกท้ังยังใช้กับการหาในท่าฝึกท่ีมีการเคล่ือนไหวข้อต่อ เพียงสว่ นเดยี วได้เชน่ กนั แต่สาหรับวธิ ีนี้ก็มขี ้อเสียในเรื่องของน้าหนกั ท่ีหามาได้นน้ั บางคร้ังอาจจะเบาหรือหนัก มากกว่าความสามารถที่แท้จริง เมื่อนาไปเป็นฐานของการคิดความหนักในการฝึกย่อมเกิดข้อผิดพลาดได้ เช่นกัน ดังน้ันหากเป็นไปได้ เม่ือได้ค่า 1 RM จากการทดสอบโดยวิธีการทางอ้อมแล้ว ควรจะมีการนามา ปฏบิ ตั ใิ นการหา 1 RM จริงๆ อกี ครง้ั อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 232 1.2 การทดสอบความอดทนของกลา้ มเน้อื การทดสอบความอดทนของกล้ามเนื้อ จะเป็นการประเมินความสามารถของกล้ามเนื้อในการทางาน ซ้าๆ กันได้เป็นเวลานาน ซ่ึงการทดสอบแบบเคล่ือนท่ี ส่วนใหญ่จะประเมินจากจานวนครั้งของการปฏิบัติ ได้มากท่ีสุดเท่าท่ีจะทาได้ โดยตัวอย่างการทดสอบความอดทนของกล้ามเนื้อ โดยใช้อุปกรณ์ประเภทแรงต้าน คงที่ (constant-resistance test) มดี งั นี้ Bench press and Leg press Endurance test วัตถุประสงค์ เพอ่ื วัดความอดทนของกล้ามเนอื้ ของรา่ งกายสว่ นบนและรา่ งกายสว่ นล่าง อปุ กรณ์ อปุ กรณ์ Machine weight หรือ free weight วธิ กี าร 1. กาหนดน้าหนกั ในการทดสอบท่ี 70% ของ 1 RM ในทา่ ทดสอบ Bench press และท่าทดสอบ Leg press 2. ผเู้ ข้ารับการทดสอบ จะปฏิบตั อิ ย่างต่อเนื่องให้ได้จานวนครง้ั มากท่ีสดุ เท่าทีท่ าได้ โดยยกใหเ้ ตม็ ช่วงของการเคลอื่ นไหว ต่อเนอ่ื ง ไม่มจี ังหวะหยดุ พัก 3. หยดุ ทดสอบเมื่อผ้ทู ดสอบไม่สามารถปฏิบัติต่อไปได้ หรอื มีคา้ งจังหวะการยกนาน เกิน 5 วนิ าที การบันทึกผล บันทกึ จานวนคร้งั ท่ีมากท่ีสุดท่ผี ู้เข้ารับการทดสอบทาได้ จากการทดสอบท้ัง 2 ท่า ทมี่ า: อภลิ ักษณ์ (2549) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 233 การทดสอบความอดทนแบบหลายรายการ วตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ วัดความอดทนของกล้ามเน้อื ของรา่ งกายโดยรวม อปุ กรณ์ อุปกรณ์ Machine weight หรอื free weight วธิ กี าร 1. กาหนดท่าในการทดสอบทั้งหมด 7 ท่า น้าหนักในการทดสอบแต่ละท่าจะใช้ นา้ หนกั ตวั (ปอนด์) คณู กบั คา่ คงที่ดังตารางท่กี าหนดให้ 2. ผูเ้ ข้ารบั การทดสอบปฏิบัติการทดสอบในแตล่ ะทา่ อย่างต่อเนื่อง ไม่มจี ังหวะหยุดพกั ให้ได้จานวนคร้ังมากทส่ี ดุ โดยไม่เกนิ 15 ครัง้ หากในท่าทดสอบใด สามารถทาได้ มากกว่า 15 ครัง้ ให้ บนั ทึกจานวนคร้งั ที่ได้ เทา่ กบั 15 ครงั้ รายการทดสอบ นา้ หนกั ทใี่ ชใ้ นการทดสอบ (คา่ คงที่ นา้ หนกั ตวั ) จานวนครง้ั เพศชาย เพศหญิง (สงู สดุ 15 ครั้ง) 1. Arm curl 0.33 ……….… = …………… 0.25 ……….… = …………… ………………… 2. Bench press 0.66 ……….… = …………… 0.50 ……….… = …………… ………………… 3. Lat pull-down 0.66 ……….… = …………… 0.50 ……….… = …………… ………………… 4. Triceps extension 0.33 ……….… = …………… 0.33 ……….… = …………… ………………… 5. Leg extension 0.50 ……….… = …………… 0.50 ……….… = …………… ………………… 6. Leg curl 0.33 ……….… = …………… 0.33 ……….… = …………… ………………… 7. Bent knee sit-up - - ………………… ผลรวมจานวนครง้ั ทกุ รายการ = ………………… การบนั ทกึ ผล บันทึกจานวนคร้งั ที่ไดจ้ ากการทดสอบแต่ละท่า มาหาผลรวมเพือ่ เปรยี บเทียบกบั เกณฑ์ มาตรฐานไปน้ี ผลรวมของจานวนครั้ง ระดบั ความอดทนของกลา้ มเนื้อ 91 – 105 ดเี ลศิ 77 – 90 ดีมาก 63 – 76 ดี 49 – 62 พอใช้ 35 – 48 ตา่ < 35 ต่ามาก ทมี่ า: อภิลักษณ์ (2549) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรับนักกฬี า 234 o การทดสอบโดยใชอ้ ปุ กรณ์ไอโซคเิ นตกิ (Isokinetic test) การทดสอบความแข็งแรงและความอดทนกล้ามเนื้อโดยใช้อุปกรณ์ไอโซคิเนติก (isokinetic) จะมี จุดเด่นของการทดสอบที่ อุปกรณ์ออกแบบมาเพ่ือให้สามารถควบคุมความเร็วของการเคล่ือนไหวของข้อต่อท่ี ทาการทดสอบให้คงท่ีตลอดช่วงการเคลื่อนไหว ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวทาให้แรงท่ีกล้ามเน้ือกระทาในแต่ละมุม การเคล่ือนไหว มีความสอดคล้องกับแรงสูงสุดท่ีกล้ามเนื้อในแต่ละมุมจะกระทาได้ เมื่ออุปกรณ์ถูกกาหนดให้ ความเร็วเชิงมุมมีค่าคงท่ีตลอดช่วงการเคล่ือนไหว หากกล้ามเนื้อมีแรงท่ีกระทามากจนทาให้ความเร็วเชิงมุม เปลี่ยนไป เครื่องจะปูองกันการผิดเง่ือนไขโดยการเพิ่มแรงต้าน ณ มุมการเคลื่อนไหวนั้น ความเร็วเชิงมุมที่ กาหนดจึงไม่เปลี่ยนแปลง ความเร็วที่ใช้ในการทดสอบจะอยู่ระหว่าง 0–300 องศาต่อวินาที ซึ่งค่าของ ความเร็วทก่ี าหนดสาหรับทดสอบหรอื ฝึกน้ันจะมีความเกี่ยวข้องกับแรงที่กล้ามเน้ือจะกระทาออกมา ดังตาราง ตอ่ ไปน้ี (อภลิ กั ษณ์, 2549) วตั ถปุ ระสงค์ ความเร็ว วิธีการ ตวั แปรทีว่ ดั (องศา/วนิ าที) ความแข็งแรง 30๐ – 60๐ ออกแรงในระดบั ปานกลาง 2 ครง้ั แรงเชงิ มมุ สูงสดุ (peak toque) แลว้ ตามด้วยการออกแรงเตม็ ท่ี 3 คร้งั (ฟตุ /ปอนด์ หรือนิวตนั เมตร) ความอดทน 120๐ – 180๐ ปฏิบตั ิเตม็ ความสามารถ 1 คร้ัง เพ่อื เปอร์เซน็ ต์ความลา้ หาคา่ แรงเชิงมุมสงู สุด หลังจากน้ันปฏบิ ตั ใิ ห้ไดจ้ านวนครง้ั มากท่ีสุดจนกระท่งั มคี ่าแรงเชิงมุม เทา่ กับ 50% ของแรงเชงิ มุมสูงสุด พลัง 120๐ – 300๐ ออกแรงในระดับปานกลาง 3 คร้งั แรงเชิงมมุ สูงสุด หลังจากนัน้ ออกแรงในการปฏบิ ตั ิ (ฟุต/ปอนด์ หรือนวิ ตนั เมตร) เตม็ ท่ี 3 คร้งั การประเมินการทดสอบโดยใช้อุปกรณ์ Isokinetic ค่าตัวแปรท่ีสาคัญๆ และนิยมนามาใช้ประเมิน ความสามารถในการทางานของกล้ามเน้ือได้แก่ ค่า Peak Torque งาน (work) พลัง (power) และค่า อตั ราส่วนของกลา้ มเน้ือด้านตรงขา้ ม (antagonist / agonist ratio) Torque คือ แรงเชงิ มมุ ซึ่งเปน็ แรงของกลา้ มเนอ้ื ที่เกิดขน้ึ รอบจุดหมุน มีค่าเท่ากบั ผลคูณของแรงแล ระยะทางทตี่ ้ังฉากจากจดุ หมุนถงึ แนวแรง อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นกั กฬี า 235 Peak Torque คือ ค่าแรงเชิงมุมสูงสุดท่ีเกิดข้ึนในช่วงการเคล่ือนไหวหนึ่งๆ เป็นค่าแสดงถึงแรงตึง สงู สุดของกล้ามเนอ้ื มีหน่วยเปน็ นวิ ตนั เมตร (Nm) หรอื ฟตุ ปอนด์ (ft-lbs) Work คืองานที่เกิดจากการทางานของกล้ามเน้ือ มีค่าเท่ากับแรงคูณระยะทางท่ีเคล่ือนท่ีไปหรือ คานวณได้จากพ้ืนท่ีใต้กราฟของแรงเชิงมุมในช่วงการเคล่ือนไหวหน่ึงๆเป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพการ ทางานของกล้ามเน้อื มีหนว่ ยเปน็ จูล (J) Power คือ พลังหรืองานที่เกิดขึ้นในหนึ่งหน่วยเวลา เป็นค่าท่ีแสดงถึงอัตราการทางานของกล้ามเน้ือ อัตราการทางานของกล้ามเน้ือท่ีเพ่ิมมากข้ึน แสดงถึงอัตราการสร้างพลังงานของกล้ามเน้ือท่ีเพิ่มมากข้ึน ซึ่ง เปน็ การบ่งช้ีถงึ การเปลี่ยนแปลงสารเคมีให้เป็นพลังงานทเี่ กดิ ขนึ้ ภายในกล้ามเน้ือขณะที่กลา้ มเน้ือมีการทางาน โดย power คานวณจาก work /contraction time มีหน่วยเปน็ วัตต์ (W) Antagonist / agonist ratio คอื ค่าอตั ราสว่ นของกลา้ มเนอ้ื ดา้ นตรงข้าม ค่าดังกล่าวน้ีสามารถนามา ประเมินความแข็งแรงที่สมดุลกันระหว่างกลุ่มกล้ามเน้ือที่ทางาน (agonist) และ กลุ่มท่ีทางานตรงข้ามกัน (antagonist) เช่น กลุ่มกล้ามเน้ือ Quadriceps กับกลุ่มกล้ามเน้ือ Hamstring เป็นต้น ความสมดุลระหว่าง กลุ่มกล้ามเน้ือมีความสาคัญมาก โดยท่ัวไปความแตกต่างระหว่างกลุ่มกล้ามเนือ้ ในการหดตวั ไปด้านข้ าง (ซ้ายและขวา) จะต้องไม่มากกไม่ต่าง 10-15 % และความแข็งแรงของร่างกายสว่ นบนต้องไม่น้อยกว่า จะต้องไมน่ ้อยกวา่ 40-60% ของความแขง็ แรงของกล้ามเนือ้ สว่ นขา อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นกั กฬี า 236 o การทดสอบโดยใชท้ ่ากายบรหิ าร (callisthenic test) การทดสอบความอดทนโดยใช้ท่ากายบริหารส่วนใหญ่จะมุ่งทดสอบความอดทนของกล้ามเน้ือ และ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อควบคู่กบั ความอดทนของกลา้ มเน้ือ โดยตัวอยา่ งแบบทดสอบท่นี ยิ มใชม้ ีดังน้ี 30-Second Push Up Test วัตถุประสงค์ เพอ่ื ทดสอบความแข็งแรงและอดทนของกล้ามเน้ือหัวไหล่ อุปกรณ์ นาฬิกาจับเวลา วธิ ีการ 1. การจัดทา่ ทางการทดสอบมีลักษณะดังน้ี - ผู้ชาย จะใชท้ ่าดันพน้ื แบบมาตรฐาน ปฏบิ ัติดงั นี้ เงยศรี ษะข้ึน หลังเหยียดตรง และ ปลายเท้าเป็นจดุ หมุน ความกว้างของมือประมาณช่วงไหล่ การปฏิบตั ิจะลด ลาตัวลงตา่ ใกล้พน้ื แต่ไมส่ ัมผสั พืน้ ดนั ลาตวั ขึ้นโดยแขนจะตอ้ งเหยียดตรง - ผู้หญงิ จะใช้ท่าดันพ้นื แบบประยุกต์ คือ เข่าเปน็ จดุ หมุนโดยลักษณะการปฏบิ ตั จิ ะ เหมือนผู้ชาย 2. ผูเ้ ขา้ รบั การทดสอบปฏบิ ัติการทดสอบอย่างต่อเน่ืองให้ไดจ้ านวนคร้ังมากท่ีสดุ ในเวลา 30 วินาที การบนั ทกึ ผล บนั ทกึ จานวนครงั้ ท่ีทาได้มากทส่ี ุดจากการทดสอบ 30 วินาที ทีม่ า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 237 1-Min Curl Ups Test วัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบความแข็งแรงและอดทนของกลา้ มเนื้อท้อง อปุ กรณ์ วธิ กี าร 1. นาฬิกาจับเวลา 2. เบาะรอง การบันทกึ ผล 1. การจัดท่าทางการทดสอบมลี กั ษณะดงั นี้ คอื ผ้เู ขา้ รับการทดสอบนอนราบกบั พ้นื และชนั เขา่ ขึ้น 2. พยายามยกศีรษะและไหล่ข้นึ เล่ือนปลายนว้ิ มอื สมั ผสั บริเวณแถบซึ่งแสดงกากับ ระยะทาง 3. ปฏบิ ตั กิ ารทดสอบอยา่ งต่อเนอ่ื งให้ได้จานวนครงั้ มากทส่ี ุดในเวลา 1 นาที บันทกึ จานวนครงั้ ท่ีทาไดม้ ากทส่ี ดุ จากการทดสอบ 1 นาที ที่มา: Mackenzie (2005) 1 Min Sit-Ups Test วัตถุประสงค์ เพ่อื ทดสอบความแข็งแรงและอดทนของกล้ามเนื้อท้อง อปุ กรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา วธิ กี าร 2. เบาะรอง 1. ใหน้ กั กฬี านอนหงายราบบนเบาะรองพ้ืน เขา่ งอตั้งเป็นมมุ ฉาก มอื ท้งั สองขา้ งแนบ ประสานกันบรเิ วณหนา้ อก 2. เรมิ่ ต้นทดสอบ นักกีฬาจะต้องยกลาตัวขนึ้ โดยมือทั้งสองขา้ งแนบกับหน้าอก พร้อม กับใช้ศอกแตะต้นขาท้ังสองข้าง จากนนั้ นอนลงใหห้ ลงั สัมผสั เบาะ 3. นกั กีฬาจะต้องทดสอบในทดสอบตอ่ เนื่องโดยปฏิบัตใิ นท่าทถ่ี ูกต้องให้ได้ จานวนคร้ังมากทีส่ ดุ ภายในเวลา 1 นาที การบันทึกผล บันทึกจานวนครัง้ ทที่ าไดอ้ ย่างถกู ต้องภายในเวลา 1 นาที ท่มี า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นักกฬี า 238 Arm Hang Test วัตถุประสงค์ เพ่ือทดสอบความอดทนของกล้ามเน้อื หัวไหล่ อปุ กรณ์ 1. ราวหรือคานเหล็กสาหรับใชใ้ นการทดสอบ 2. นาฬกิ าจบั เวลา วธิ ีการ 1. ให้นักกีฬาอยใู่ นท่าจบั ราวหรือคานโดยมือหัน การบนั ทึกผล ออกจากตัว ในลกั ษณะงอข้อศอก ปลายคางอยู่เหนือ ราวหรือคาน ขาปล่อยเหยยี ดตรงลอยอยเู่ หนือพ้นื 2. นกั กฬี าจะต้องพยายามเกร็งคา้ งในลักษณะทา่ ทางท่ีกาหนด ใหน้ านทีส่ ุดเท่าทีจ่ ะทาได้ เม่ือปลางคางลดตา่ กว่าราวหรือคานจะหยดุ การทดสอบ ทันที บันทึกระยะเวลาทน่ี ักกีฬาหรือสามารถดึงข้อค้างได้นานทีส่ ุด โดยใชห้ นว่ ยวดั เปน็ นาที ที่มา: Reiman and Manske (2009) Single Wall Squat Test วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือทดสอบความอดทนของกลมุ่ กล้ามเนื้อสว่ นล่าง อปุ กรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา 2. ฝาผนงั วธิ กี าร 1. นกั กฬี าจะอยู่ในทา่ ยนื ย่อขาในขา้ งท่ีถนดั งอให้ตั้ง การบันทึกผล ฉาก 90 องศา โดยให้หลังชดิ แนบกบั ฝาผนัง และขา อีกข้างยกใหเ้ หยยี ดตรงขนานกบั พน้ื มือทัง้ สองข้าง จับบรเิ วณเอว 2. นกั กีฬาจะต้องพยายามทดสอบโดยการยกขาคา้ งไวใ้ นลักษณะท่าทางที่ กาหนดข้างตน้ ให้นิง่ และนานทสี่ ุดเท่าทีจ่ ะทาได้ หากนักกีฬามกี ารขยับส่วนหนงึ่ สว่ น ใดให้หยุดการทดสอบทันที บันทึกระยะเวลาท่นี ักกีฬาสามารถคา้ งไว้ในทา่ ที่กาหนด หน่วยเป็นนาที ท่มี า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 239 วตั ถปุ ระสงค์ Core Strength and Endurance Test อปุ กรณ์ เพ่อื ทดสอบความแข็งแรงและอดทนของกลา้ มเน้ือแกนกลางลาตัว วิธกี าร 1. นาฬิกาจับเวลา 2. เบาะรอง 1. นักกีฬาจะต้องทดสอบในข้ันตา่ ง ๆ ตามท่าทางและระยะเวลาทีก่ าหนด ซง่ึ มี ทง้ั หมด 8 ขนั้ 2. ในแต่ละข้นั นักกฬี าจะต้องพยายามเกรง็ ลาตัวและคา้ งไวใ้ หน้ านจนครบ ระยะเวลาท่ีกาหนด 3. ในขณะทดสอบ หากมกี ารเคล่อื นไหวขยับส่วนหนึง่ ส่วนใดจะหยดุ การ ทดสอบทันที ขนั้ ที่ 1 อยู่ในทา่ เริ่มตน้ เกรง็ ลาตวั และคา้ งไว้ 60 วนิ าที ขนั้ ที่ 2 ยกแขนขวาคา้ งไว้ 15 วินาที และกลบั มาอยู่ในทา่ เร่มิ ขั้นท่ี 3 ยกแขนซา้ ยค้างไว้ 15 วินาที และกลบั มาอยใู่ นทา่ เริม่ ขน้ั ที่ 4 ยกขาขวาค้างไว้ 15 วนิ าที และกลบั มา อยใู่ นทา่ เริ่ม ขน้ั ท่ี 5 ยกขาซ้ายค้างไว้ 15 วินาที แลว้ กลบั มา อยใู่ นทา่ เร่ิม ขน้ั ที่ 6 ยกแขนขวาและขาซ้ายคา้ งไว้ 15 วนิ าที กลับมาอยู่ในทา่ เร่ิม ขั้นท่ี 7 ยกแขนซ้ายและขาขวาค้างไว้ 15 วนิ าที กลับมาอยู่ในท่าเริ่ม ขน้ั ท่ี 8 กลบั มาอยู่ในท่าเร่ิมคา้ งไว้ 30 วินาที การบันทึกผล บันทึกจานวนข้นั ในข้นั สดุ ท้ายท่นี ักกีฬาสามารถเกร็งและค้างไวจ้ นครบระยะเวลาที่ กาหนดก่อนที่นักกีฬาจะหยดุ การทดสอบ ทมี่ า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรับนกั กฬี า 240 Prone Bridge Endurance Test วัตถุประสงค์ เพ่อื ทดสอบความอดทนของกล้ามเนอื้ แกนกลางลาตัว อปุ กรณ์ 1. นาฬกิ าจบั เวลา 2. เบาะรอง วธิ กี าร 1. นักกีฬาจะอยู่ในท่านอนคว่าและยกตัวขึ้นโดยชนั ข้อศอกวางทอ่ นแขนราบกับพ้นื ลาตัวและขาเหยยี ดตรง ปลายเท้าทง้ั สองข้างสัมผสั กับพน้ื 2. นกั กฬี าจะต้องพยายามทดสอบในทา่ ดังกล่าวนี้โดยค้างไว้ให้น่ิงและนานท่ีสดุ เท่าท่จี ะ ทาได้ หากนักกีฬามีการขยบั ส่วนหน่งึ สว่ นใดใหห้ ยุดการทดสอบทันที การบนั ทึกผล บนั ทกึ ระยะเวลาทน่ี ักกีฬาสามารถคา้ งไว้ในท่าทกี่ าหนด หน่วยเป็นนาที ทม่ี า: Reiman and Manske (2009) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 241 Supine Bridge Endurance Test วัตถปุ ระสงค์ เพื่อทดสอบความอดทนของกลา้ มเนอ้ื แกนกลางลาตัว อุปกรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา 2. เบาะรอง วธิ ีการ 1. นกั กฬี าจะอยู่ในทา่ นอนหงาย และยกตวั ให้หลังสว่ นล่างและกน้ ลอยขน้ึ โดยบรเิ วณ การบนั ทกึ ผล สะบักและหลงั ส่วนบนจะสมั ผัสพ้นื เขา่ ท้งั สองข้างจะงอในมุม 90° และฝาุ เท้าทั้งสอง ขา้ งวางราบกับพืน้ และปลายเท้าท้ังสองข้างจะสมั ผสั กบั พืน้ 2. นกั กฬี าจะต้องพยายามทดสอบในทา่ ดังกล่าวน้ี โดยพยายามคา้ งไวใ้ หน้ ่ิงและนาน ท่สี ดุ หากมีการขยับหรือร่างการสวนหน่งึ สว่ นใดมีการเคลอื่ นไหวจะหยุดการทดสอบ ทันที 3. หากนักกีฬาสามารถทดสอบโดยค้างไดจ้ นครบ 2 นาที จะให้นักกฬี าใชข้ าข้างทถ่ี นัด เหยียดตรงออก สว่ นขาข้างไม่ถนัดเป็นเท้าหลกั สัมผัสพื้น บันทกึ ระยะเวลาทนี่ ักกีฬาสามารถค้างไวใ้ นทา่ ทก่ี าหนด หน่วยเป็นนาที ที่มา: Reiman and Manske (2009) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนกั กฬี า 242 ประเภทของการทดสอบพลงั ของกลา้ มเนอ้ื การทดสอบพลังของกล้ามเนื้อ จะเป็นการทดสอบความสามารถของกล้ามเนื้อในการออกแรงด้วย ความสามารถสูงสดุ ในเวลาท่เี ร็วทสี่ ุด จากหลักทางกลศาสตร์หรอื ฟิสกิ ส์ พลังของกล้ามเน้อื สามารถหาได้จาก พลงั (Power) = งาน (work) / เวลา (Time ) พลงั (Power) = แรง (force) x ระยะทาง (Distance) / เวลา (Time ) พลัง (Power) = แรง (force) x ความเรว็ (velocity) จากความสัมพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่าพลังของกล้ามเน้ือจะข้ึนอยู่กับงาน (work) และระยะเวลา โดย ที่เป็นผลคณู ระหว่างแรงกับระยะทาง ดังนั้นพลังของกลา้ มเนือ้ จึงเป็นความสามารถของกล้ามเนื้อในการที่จะ ออกแรงใหไ้ ดม้ ากทีส่ ุดดว้ ยความเร็วท่สี งู สุด (Power and Howley, 2001) ดังนั้นดัชนีท่ีจะชี้วัดถึงพลังของกล้ามเน้ือ จึงเป็นงาน (work) ที่ทาได้มากที่สุดจากการหดตัวของ กล้ามเนื้ออย่างฉับพลันทันทีทันใด อย่างไรก็ตาม การท่ีจะให้กล้ามเน้ือออกแรงต้านสูงสุดอย่างรวดเร็วและ ฉับพลัน อาจจะทาให้เกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อและทาให้ได้รับการบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นการทดสอบพลังของ กล้ามเนื้อจึงใช้วิธีการประเมินจากงาน (work) ท่ีทาได้ในการออกแรงสูงสุดโดยใช้น้าหนักตัวหรือใช้แรงต้านท่ี สามารถทาให้เคลื่อนท่ีเพ่ือวัดระยะทางและวัดงานออกมาได้ เช่น การวัดพลังของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าจะ ใชก้ ารยนื กระโดดสงู หรอื ยืนกระโดดไกล ซึ่งเป็นการให้กล้ามเน้ือดังกล่าวทางานอย่างเต็มที่ด้วยความเร็วสูงสุด แบบฉบั พลนั ทนั ทที นั ใด โดยมนี า้ หนกั ตัวเป็นแรงต้านทาน หรือการทดสอบทุ่มโดนใช้ medicine ball เพื่อวัด พลังของกล้ามเน้ือหัวไหล่ โดยใหก้ ลา้ มเน้ือการออกแรงใหม้ ากท่ีสุดในเวลาท่ีน้อยที่สุด เพ่ือให้ได้ระยะการทุ่มท่ี ไกลท่ีสดุ เป็นตน้ ดังน้ันกิจกรรมหรอื รูปแบบทีน่ ามาใช้ทดสอบส่วนใหญ่ ที่นิยมใช้ในการทดสอบพลังกล้ามเนื้อ จึงจะเป็นการกระโดดในลักษณะทิศทางต่าง ๆ รวมไปถึงการทดสอบในลักษณะการทุ่ม หรือการขว้างโดยใช้ medicine ball ในการทดสอบองค์ประกอบสมรรถภาพทางกายด้านพลังของกล้ามเน้ือสามารถแบ่งการทดสอบและ การประเมินได้เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้ คือ (Power and Howley, 2001) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 243 o รปู แบบ Athletic-power measurement เปน็ รปู แบบการทดสอบพลงั ของกล้ามเน้ือท่ีจะวัดจากผลสัมฤทธ์ิจากระยะทาง หรือระยะความสูง ที่ได้จากการทดสอบ ไปประเมินผลหรือนาไปเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน โดยไม่ได้คานึงถึงงาน (work) ซ่ึงเป็น ผลคูณของแรงกับระยะทางท่ีทา เช่น การทดสอบยืนกระโดดไกล หรือทุ่ม Medicine ball เมื่อส้ินสุดการ ทดสอบ ก็จะนาระยะทางที่นักกีฬากระโดดจริง หน่วยเป็นเมตรหรือเซนติเมตร ไปประเมินผลหรือเทียบกับ เกณฑม์ าตรฐาน o รปู แบบ Work-power measurement เป็นรูปแบบการทดสอบพลังของกล้ามเน้ือท่ีจะนาระยะทาง หรือระยะความสูงท่ีได้จากการ ทดสอบมาแปลงเป็นค่าพลัง (power) ซ่ึงคิดจากอัตราส่วนของงาน (work) ที่ทาได้กับเวลา รวมถึงน้าหนักตัว มาหาคา่ พลังของกลา้ มเนื้อ โดยท่ีใชห้ นว่ ย วตั ต์ หรือ กโิ ลกรมั .เมตร/วินาที เป็นตน้ การเปรียบเทียบผลที่ได้จากการทดสอบรูปแบบน้ี จะมีความถูกต้องมากกว่ารูปแบบ Athletic- power measurement เนื่องจากมีการนาน้าหนักตัวมาคิดคานวณพลังของกล้ามเน้ือด้วย ซ่ึงน้าหนักตัวจะ มีผลต่อพลังของกล้ามเนื้อโดยตรง คนที่มีน้าหนักตัวมากย่อมมีความสามารถในการใช้พลังของกล้ามเนื้อ มากกว่าผู้ที่มีน้าหนักตัวน้อยกว่า เช่น การทดสอบยืนกระโดดสูง หรือยืนกระโดดไกล การประเมินผลการ ทดสอบในรูปแบบแรก จะวัดระยะท่ีกระโดดได้และใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงพลังของกล้ามเนื้อเลย แต่โดยความเป็น จริงแล้วคนท่ีกระโดดได้ระยะเท่ากันไม่ได้หมายความว่าจะมีพลังของกล้ามเน้ือเท่ากัน เนื่องจากน้าหนักของ รา่ งกายมผี ลต่องานท่ีกล้ามเน้ือทาได้ ดังน้ันการเปรียบเทียบพลังของกล้ามเนื้อจากการทดสอบยืนกระโดดสูง หรือยืนกระโดดไกลจึงควรใช้น้าหนักตัวมาคานวณพลังของกล้ามเน้ือด้วย แล้วค่อยนาไปประเมินผล วิธีการนี้ จะให้ค่าท่ีถูกต้องในกรณีท่ีจะเปรียบเทียบระหว่างบุคคล อย่างไรก็ดี ในการเปรียบเทียบกับตนเองเพื่อดู พัฒนาการความก้าวหน้า ก็อาจจะใช้ค่าระยะท่ีกระโดดได้จริงก็ได้ เน่ืองจากน้าหนักของร่างกายอาจจะมีการ เปล่ยี นแปลงน้อยมาก (เมือ่ เทียบกบั ความแปรปรวนของน้าหนักของร่างกายในช่วงเวลาต่าง ๆ กัน) แต่ถ้าเป็น การเปรียบเทยี บในชว่ งระยะเวลาทีน่ านมากซึง่ นา้ หนกั ของร่างกายอาจจะมีการเปล่ียนแปลงไปได้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเม่ือมีการฝึกอย่างหนกั ในกรณีเช่นน้ีกค็ วรนานา้ หนกั ของร่างกายมาพิจารณารว่ มดว้ ยเชน่ เดยี วกนั การทดสอบพลังของกล้ามเน้ือรูปแบบ Work-power measurement จะเป็นการทดสอบใน ลักษณะเช่นเดียวกันกับการทดสอบพลังอนากาศนิยม (anaerobic power) ท่ีใช้ในประเมินการสังเคราะห์ พลังงานแบบไม่ใช่ออกซิเจนในระบบ ATP-CP system ซึ่งได้กล่าวไว้ในบทท่ี 5 หัวข้อการทดสอบสมรรถภาพ ด้านแอนแอโรบิคแล้ว อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 244 ตัวอยา่ งแบบพลังของกลา้ มเน้อื โดยท่ัวไป การทดสอบพลังของกล้ามเน้ือ สามารถแบ่งรูปแบบการทดสอบออกเป็นสองรูปแบบ คือ รูปแบบ Athletic-power measurement และรูปแบบ Work-power measurement โดยตัวอย่างของ แบบทดสอบพลังของกลา้ มเนื้อในแตล่ ะรูปแบบมรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้ o รูปแบบ Athletic-power measurement การทดสอบพลังของกล้ามเน้ือรูปแบบ Athletic-power measurement จะใช้ระยะทางหรือระยะ ความสูงนกั กีฬาหรอื ผู้รับการทดสอบทาได้ มาประเมินพลังของกล้ามเนื้อ โดยไม่มีการนาน้าหนักตัวมาคิดเป็น คานวณเปน็ งานหรอื พลัง โดยตวั อยา่ งแบบทดสอบในรูปแบบน้ที นี่ ิยมใชก้ นั ทวั่ ไป มีดงั นี้ Standing Board Jump Test วตั ถุประสงค์ เพือ่ ทดสอบพลังของกล้ามเนื้อขาในการกระโดด แนวด่ิง อุปกรณ์ เทปวัดระยะทาง วธิ ีการ 1. ให้นักกฬี ายืนเท้าคู่ ปลายเทา้ อย่หู ลงั เส้นเริม่ นักกีฬาจะทดสอบโดยให้ ย่อตวั ลง และพยายามกระโดดในแนวราบใหไ้ กล ทีส่ ดุ เทา่ ท่จี ะทาได้ 2. จะวดั ระยะท่ีนักกีฬากระโดดไดจ้ ากจุดเรมิ่ ตน้ ไปถึง บรเิ วณส้นเทา้ หลังของนักกีฬา 3. ทาการทดสอบทง้ั หมด 2 คร้ัง แต่ละคร้ังใชร้ ะยะเวลาพัก 2 นาที การบนั ทกึ ผล บันทึกวัดระยะทางในครัง้ ที่ทาไดม้ ากที่สดุ จากการทดสอบทั้ง 2 คร้งั ใช้หนว่ ยวดั เปน็ เมตร ที่มา: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนกั กฬี า 245 Vertical Jump Test วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ทดสอบพลงั ของกลา้ มเนื้อขาในการกระโดดแนวดง่ิ อปุ กรณ์ เทปวัดระยะทาง วธิ ีการ 1. ทาการวัดระยะความสูงในทา่ เริ่มตน้ โดยให้นักกฬี า ยืนตรง โดยแขนข้างทีถ่ นดั ยกข้นึ เหนือศีรษะและแขน แนบหู ส่วนแขนอกี ขา้ งจับเอว 2. เริม่ ตน้ ทดสอบนักกีฬายืน แลว้ ยอ่ เข่ากระโดดขึน้ ให้ สูงทีส่ ุดโดยใช้มือแตะแผ่นวดั ระยะความสงู ที่ตดิ ฝาผนงั 3. นกั กีฬาทาการทดสอบท้ังหมด 2 ครัง้ พักระหวา่ ง ครงั้ ของการทดสอบ 2 นาที การบนั ทึกผล บันทึกผลตา่ งของระยะที่กระโดดได้สงู ท่สี ดุ ลบกับความสูงในท่ายืนเหยยี ดแขน หน่วยเปน็ เซนตเิ มตร ทม่ี า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 246 Single Leg Hop Test วตั ถุประสงค์ เพอ่ื ทดสอบพลงั ของกลา้ มเนื้อขา อุปกรณ์ เทปวดั ระยะทาง วธิ กี าร 1. ให้นกั กีฬายืนหลงั เส้นเรมิ่ โดยยืนขาเดียวด้วย ขา้ งท่ีถนัด 2. นกั กฬี าจะทดสอบโดยให้กระโดดเทา้ เดยี ว ในแนวราบใหไ้ กลทสี่ ุดเท่าที่จะทาได้ 3. จะวัดระยะท่ีนกั กีฬากระโดดไดจ้ ากจุดเริม่ ต้นไปถึง บริเวณสน้ เทา้ หลงั ของนักกีฬา 4. ทาการทดสอบท้ังหมด 2 ครั้ง แต่ละครง้ั ใชร้ ะยะเวลาพกั 2 นาที การบันทกึ ผล บนั ทึกวดั ระยะทางในครง้ั ทีท่ าได้มากทสี่ ุด จากการทดสอบ 2 คร้ัง ใชห้ น่วยวัดเป็นเมตร ที่มา: Tomchuk (2011) 3-Hop Test วัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบพลงั ของกลา้ มเนื้อขา อปุ กรณ์ วิธกี าร เทปวดั ระยะทาง การบนั ทึกผล 1. ให้นักกฬี ายนื หลงั เส้นเรมิ่ โดยยนื ขาเดียวด้วย ขา้ งท่ีถนัด 2. นักกฬี าจะทดสอบโดยให้กระโดดเทา้ เดยี วต่อเน่ือง จานวน 3 ครั้ง ในแนวราบใหไ้ กลที่สดุ เท่าทจ่ี ะทาได้ 3. วดั ระยะที่นกั กฬี ากระโดดไดจ้ ากจดุ เรมิ่ ตน้ ไปถงึ บริเวณสน้ เทา้ หลังของนกั กฬี า 4. ทาการทดสอบท้งั หมด 2 ครงั้ แตล่ ะครั้งใชร้ ะยะเวลาพัก 2 นาที บันทึกวัดระยะทางในครั้งทีท่ าไดม้ ากทีส่ ดุ จากการทดสอบ 2 ครงั้ ใช้หนว่ ยวัดเป็นเมตร ท่มี า: Tomchuk (2011) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นักกฬี า 247 Crossover Hop Test วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ทดสอบพลังของกลา้ มเนื้อขา อุปกรณ์ เทปวดั ระยะทาง วิธกี าร 1. ให้นักกีฬายืนหลงั เส้นเรม่ิ โดยยนื ขาเดยี วด้วยขา้ งที่ถนัด 2. นกั กีฬาจะทดสอบโดยให้กระโดดเทา้ เดยี วต่อเนื่อง ในทศิ ทางทแยงข้ามเทปวัดระยะทางจานวน 3 คร้ัง ในแนวราบใหไ้ กลทส่ี ุดเทา่ ท่จี ะทาได้ 3. วดั ระยะทน่ี กั กีฬากระโดดไดจ้ ากจุดเรม่ิ ตน้ ไปถึง บรเิ วณสน้ เท้าหลงั ของนกั กฬี า 4. ทาการทดสอบทัง้ หมด 2 ครั้ง แตล่ ะครงั้ ใชร้ ะยะเวลาพกั 2 นาที การบนั ทึกผล บนั ทึกวดั ระยะทางในครัง้ ทที่ าได้มากท่สี ุดจากการทดสอบ 2 ครงั้ ใชห้ น่วยวดั เปน็ เมตร ทม่ี า: Tomchuk (2011) 6-Meter Time Hop Test วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ทดสอบพลงั ของกล้ามเนื้อขา อปุ กรณ์ 1. เทปวดั ระยะทาง วิธกี าร 2. นาฬกิ าจบั เวลา 1. ใหน้ กั กีฬายนื หลงั เส้นเริ่ม โดยยืนขาเดียวด้วยขา้ งท่ีถนัด 2. นกั กีฬาจะทดสอบโดยให้กระโดดเท้าเดยี วต่อเนอ่ื ง เปน็ ระยะทาง 6 เมตร โดยใช้เวลานอ้ ยที่สุดเท่าทจ่ี ะทาได้ 3. จับเวลาท่นี กั กฬี าเริ่มกระโดดจากจุดเริม่ ต้นไปจนถึง เมื่อเท้านักกีฬาลงสู่พ้นื ที่ระยะ 6 เมตร 4. ทาการทดสอบทัง้ หมด 2 คร้งั แตล่ ะครงั้ ใชร้ ะยะเวลาพกั 2 นาที การบนั ทึกผล บนั ทกึ วัดระยะทางในคร้ังท่ที าได้มากทีส่ ดุ จากการทดสอบ2 ครัง้ ใชห้ นว่ ยวัดเปน็ เมตร ท่ีมา: Tomchuk (2011) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366