Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การทดสอบทางสรีรวิทยาสำหรับนักกีฬา

การทดสอบทางสรีรวิทยาสำหรับนักกีฬา

Published by niromlee.m, 2020-05-22 04:19:47

Description: เอกสารประกอบการสอน 02301526 การทดสอบทางสรีรวิทยาสำหรับนักกีฬา สำหรับนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา

Search

Read the Text Version

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนกั กฬี า 248 Triple Jump Test วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ทดสอบพลังของกลา้ มเนื้อขา อปุ กรณ์ เทปวัดระยะทาง วิธกี าร 1. ใหน้ กั กีฬายนื หลงั เส้นเรมิ่ โดยยนื ขาเดียว 2. นกั กฬี าจะทดสอบโดยให้กระโดดเท้าเดยี วโดยใช้ เท้าหลกั ไปข้างหนา้ จากนนั้ กระโดดตอ่ เน่ืองโดย ลงนา้ หนกั ด้วยขาอกี ข้าง แล้วกระโดดต่อเน่ืองโดย ลงน้าหนกั ดว้ ยเท้าทง้ั สองข้างในแนวราบให้ไกล ทสี่ ดุ เทา่ ทจ่ี ะทาได้ 3. วัดระยะทน่ี ักกฬี ากระโดดไดจ้ ากจดุ เรม่ิ ตน้ ไปถงึ บรเิ วณสน้ เท้าหลงั ของนักกฬี า 4. ทาการทดสอบท้ังหมด 2 คร้งั แตล่ ะคร้งั ใช้ระยะเวลาพัก 2 นาที การบนั ทึกผล บันทึกวัดระยะทางในครง้ั ที่ทาได้มากท่สี ดุ จากการทดสอบ 2 ครั้ง ใชห้ น่วยวดั เป็นเมตร ทม่ี า: Reiman and Manske (2009) วตั ถุประสงค์ Two Hand Medicine Ball Throw Test อปุ กรณ์ วิธกี าร เพอ่ื วัดพลังกลา้ มเนือ้ หัวไหลแ่ ละกลา้ เนอื้ แขน การบันทึกผล 1. เทปวัดระยะทาง 2. Medicine ball ขนาด 3 กิโลกรมั 1. ให้ผู้เข้ารบั การทดสอบ ยืนเท้าคู่ ชูลูกบอลนา้ หนักในทา่ แขนเหยยี ดตรง 2. จากนัน้ ผู้เข้ารับการทดสอบกา้ วเทา้ ซา้ ยไปขา้ งหน้า เอนตัวไปขา้ งหลงั สลับเทา้ ท่ี ถนดั ในทีน่ ี้คอื เทา้ ขวา ส่งแรงจากตน้ ขา ทมุ่ ลกู บอลนา้ หนกั ใหไ้ กลที่สุดเท่าท่จี ะทาได้ พร้อมชักเทา้ ซ้ายกลบั สูท่ ่าเรม่ิ ตน้ 3. ทาการทดสอบ 2 ครั้ง พักระหว่างคร้ังของการทดสอบ 2 นาที บันทกึ ระยะทางท่ีผ้เู ข้ารบั การทดสอบทุ่มบอลได้ หนว่ ยเป็นเมตร ที่มา: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นักกฬี า 249 o รปู แบบ Work-power measurement การทดสอบพลังของกล้ามเนื้อรูปแบบ Work-power measurement จะวัดพลังจากงานที่ทาได้ วึ่ง ในการทดสอบจะต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ท่ีสามารถวดั งานหรือวัดแรงออกมาได้ ในที่น้ีจะขอเสนอตัวอย่าง การทดสอบโดยใชอ้ ปุ กรณก์ ารทดสอบพลงั ของกลา้ มเนอื้ ย่ีห้อ NewTest ดังนี้ Squat Jump or Static Jump Test วัตถุประสงค์ เพอ่ื วดั พลังกลา้ มเนื้อในการกระโดดท่า Squat Jump อุปกรณ์ ชดุ อปุ กรณว์ ดั พลังกล้ามเน้ือ ยีห่ อ้ NewTest วธิ กี าร 1. ให้ผูเ้ ขา้ รับการทดสอบอยู่ในทา่ เรมิ่ ต้น โดยยืน ในลักษณะท่า Squat ในมุมของมมุ เข่าที่ 90° มอื ท้ังสองข้างจับเอว นิง่ ค้างไว้ 3-5 วนิ าที 2. จากนั้น ผเู้ ข้ารบั การทดสอบจะกระโดดขึ้น ในแนวด่งิ ใหส้ งู ท่ีสุดเทา่ ท่ีจะทาได้ แลว้ ลงสูพ่ น้ื โดยเท้าท้งั สองข้างจะลงตอ้ งลงเต็มเท้า 3. ทาการทดสอบ 3 ครง้ั พกั ระหว่างคร้ังของการทดสอบ 2 นาที การบนั ทกึ ผล บนั ทกึ ตวั แปรตา่ ง ๆ ทดี่ ที ส่ี ุดจากการทดสอบทั้ง 3 ครงั้ จากการคานวณด้วยสตู รตอ่ ไปน้ี Jump height = [(9.81 x Flight time2)] / 8 Power = [(60.7 x Jump height) + (45.3 x body mass)] – 2055 Take-off Velocity = 9.81 x Flight time /2 Jump height คอื ความสงู ในการกระโดด หน่วยเซนติเมตร Power คอื พลังสูงสดุ จากการกระโดด หน่วย วัตต์ Take-off Velocity คอื ความเรว็ ในการออกตัวกระโดด หน่วยเปน็ เมตร/วินาที Flight time คือ เวลาทลี่ อยอยู่กลางอากาศ หน่วยเป็นวินาที Body mass คอื นา้ หนักตัว หนว่ ยเป็นกิโลกรมั ทมี่ า: Tossavainen (2003) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 250 Counter Movement Jump Test วตั ถุประสงค์ เพ่อื วดั พลังกลา้ มเนื้อในการกระโดดท่า Counter Movement Jump อปุ กรณ์ ชุดอุปกรณว์ ดั พลังกล้ามเน้อื ยหี่ ้อ NewTest วธิ ีการ 1. ให้ผเู้ ข้ารับการทดสอบอยู่ในท่าเริม่ ต้น โดยยืนตรง เทา้ คู่ มอื ทงั้ สองข้างจับเอว 2. จากนั้น ผเู้ ขา้ รับการทดสอบจะย่อเขา่ ลงในท่า Squat ในมมุ ข้อเข่าประมาณ 90° จากน้ันให้กระโดดขน้ึ ในแนวดง่ิ ทนั ที โดย ตอ้ งพยายามกระโดดให้สงู ทสี่ ุดเทา่ ทจ่ี ะทาได้ แลว้ ลงสพู่ ื้นโดยเทา้ ท้งั สองขา้ ง จะลงตอ้ งลงเตม็ เท้า 3. ทาการทดสอบ 3 ครงั้ พักระหว่างคร้งั ของการทดสอบ 2 นาที การบนั ทึกผล บันทกึ ตัวแปรตา่ ง ๆ ท่ีดีท่สี ดุ จากการทดสอบท้ัง 3 คร้งั จากการคานวณด้วยสตู รต่อไปน้ี Jump height = [(9.81 x Flight time2)] / 8 Power = [(60.7 x Jump height) + (45.3 x body mass)] – 2055 Take-off Velocity = 9.81 x Flight time /2 Jump height คือ ความสงู ในการกระโดด หนว่ ยเซนติเมตร Power คอื พลงั สูงสุดจากการกระโดด หน่วย วตั ต์ Take-off Velocity คือ ความเร็วในการออกตัวกระโดด หน่วยเป็นเมตร/วนิ าที Flight time คือ เวลาท่ีลอยอย่กู ลางอากาศ หน่วยเป็นวินาที Body mass คอื นา้ หนกั ตวั หน่วยเปน็ กิโลกรัม หมายเหตุ พลังกล้ามเนอ้ื ท่ไี ดจ้ ากการทดสอบในทา่ Counter Movement Jump (CMJ) และ ท่า Static Jump (SJ) สามารถนามาหาประสิทธิภาพความยืดหยุน่ ของกล้ามเนื้อ (Elasticity) ไดจ้ ากสูตร ต่อไปน้ี Elasticity (%) = [(CMJ – SJ) x 100] / CMJ ที่มา: Tossavainen (2003) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 251 Drop Jump Test วัตถุประสงค์ เพ่อื วดั พลงั กลา้ มเนอื้ ในการกระโดดท่า drop jump อุปกรณ์ 1. ชดุ อปุ กรณว์ ัดพลงั กล้ามเน้ือ ย่ีห้อ NewTest วิธกี าร 2. กลอ่ งสาหรับกระโดด สงู 30 เซนติเมตร 1. ให้ผูเ้ ขา้ รบั การทดสอบอยู่ในท่าเรมิ่ ตน้ โดยยนื บน บนกล่องไมด้ ้วยเท้าหลัก ส่วนอกี ขาข้างเหยียดมา ขา้ งหนา้ กล่องตรง มือทั้งสองข้างจบั เอว 2. เรมิ่ ต้นการทดสอบ ผู้เขา้ รับการทดสอบท้ิงนา้ หนัก ลงสู่พื้น จากนั้นเม่ือเท้าท้งั สองข้างสัมผัสพืน้ ใหก้ ระโดดขึ้นแนวดิ่งทันที โดยพยายาม กระโดดใหส้ ูงที่สุดเท่าทจ่ี ะทาได้ 3. ทาการทดสอบ 3 คร้งั พกั ระหว่างครั้งของการทดสอบ 2 นาที การบนั ทกึ ผล บันทกึ ตวั แปรตา่ ง ๆ ทีด่ ีทีส่ ุดจากการทดสอบทั้ง 3 คร้ัง จากการคานวณด้วยสตู รตอ่ ไปน้ี Jump height = [(9.81 x Flight time2)] / 8 Power = [(body mass x9.812 x Flight time) x (Flight time + Contact time)] / (4 x Contact time) Take-off Velocity = 9.81 x Flight time /2 Reactive Strength Index = Jump height / contact time Jump height คอื ความสงู ในการกระโดด หน่วยเซนติเมตร Power คือ พลังสงู สุดจากการกระโดด หน่วย วตั ต์ Take-off Velocity คอื ความเร็วในการออกตวั กระโดด หนว่ ยเป็นเมตร/วินาที Body mass คอื นา้ หนกั ตวั หน่วยเปน็ กิโลกรัม Flight time คอื เวลาที่ลอยอยกู่ ลางอากาศ หนว่ ยเป็นวินาที Contact time คอื เวลาท่ีเท้าสัมผสั พืน้ หนว่ ยเป็นวินาที Reactive Strength Index คอื ดชั นคี วามแขง็ แรงปฏกิ ริ ยิ า ทมี่ า: Tossavainen (2003) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นกั กฬี า 252 Throwing gate Test วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื วัดพลังกล้ามเนือ้ หัวไหล่และรา่ งกายส่วนบน อปุ กรณ์ 1. ชุดอปุ กรณว์ ัดพลงั กลา้ มเน้ือ ย่หี ้อ NewTest วิธีการ 2. ชดุ บาร์เบลล์สาหรบั การทดสอบ 1. ใหผ้ เู้ ข้ารับการทดสอบอยู่ในทา่ เรมิ่ ต้น โดยยนื ห่าง จากผนงั ท่ตี ดิ แผ่นรบั แรง 2 เมตร โดย Photo cell ท่ีจบั สญั ญาณความเรว็ ที่วา่ งห่าง ผนัง 1 เมตร 2. เร่มิ ตน้ การทดสอบ ผู้เข้ารับการทดสอบทุม่ Medicine ball ให้กระทบผนงั ให้ใชเ้ วลา น้อยที่สุดเทา่ ท่จี ะทาได้ โดยน้าหนกั ของ Medicine ball ทใ่ี ช้ทดสอบจะใช้ 4 ขนาด คือขนาดนา้ หนัก 0.5 กิโลกรัม 1 กิโลกรัม 2 กโิ ลกรมั และ 3 กิโลกรมั 3. แต่ละขนาดน้าหนัก จะทาการทดสอบ 3 ครั้ง การบนั ทกึ ผล บันทึกเวลาทีท่ าไดด้ ีท่ีสุดจากการทดสอบในแต่ละขนาดนา้ หนักของ Medicine Ball เพ่อื คานวณหาความเร็วในการทุม่ จาก สูตรต่อไปน้ี Ball Velocity คือ อตั ราเร็วของ Medicine ball หาไดจ้ าก 2 m / Flight time Flight time คอื เวลาทบี่ อลผา่ น Photo cell ถึงผนังทต่ี ดิ แผ่นรบั แรง หน่วยเป็นวนิ าที ท่ีมา: Tossavainen (2003) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 253 คาถามและปฏบิ ัติการทา้ ยบทท่ี 7 1. จงอธิบายความหมายและความสาคญั ของความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเนอื้ 2. การทดสอบความแข็งแรง ความอดทนและพลังของกล้ามเน้ือสามารถแบ่งได้กี่รูปแบบ แต่ละ รูปแบบมขี ้อดแี ละข้อเสียแตกต่างกนั อย่างไร 3. ให้ทาการทดสอบความแข็งแรง และความอดทนของกลา้ มเน้ือตามวิธีต่าง ๆ ต่อไปน้ี พร้อมระบุผล การทดสอบและระดบั สมรรถภาพที่ได้จากการทดสอบ แบบทดสอบ ผลการทดสอบ ระดบั สมรรถภาพ กล่มุ กลา้ มเน้ือของร่างกายสว่ นบน 1. Grip Strength Test …………………… …………………… 2. Grip Endurance Test …………………… …………………… …………………… …………………… 3. Bench Press Strength Test …………………… …………………… 4. Bench Press Endurance Test …………………… …………………… 5. Push Ups Test …………………… …………………… 6. Arm Hang Test กลุ่มกล้ามเนื้อแกนกลางลาตวั …………………… …………………… …………………… …………………… 1. 1 Min Curl Ups Test …………………… …………………… 2. 1 Min Sit Ups Test …………………… …………………… 3. Prone Bridge Endurance Test 4. Supine Bridge Endurance Test กลุ่มกล้ามเน้ือของร่างกายส่วนล่าง 1. Leg Strength Test …………………… …………………… 2. Leg Press Strength Test …………………… …………………… 3. Leg Press Endurance Test …………………… …………………… 4. Single Wall Squat Test …………………… …………………… อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนักกฬี า 254 จากผลการทดสอบท่ีได้ ให้เปรียบเทียบระดับความแข็งแรงและความอดทนของกล้ามเนื้อที่ได้ในแต่ ละวธิ ี พร้อมท้งั สรปุ และอภปิ รายผลถึงความความแตกต่างของผลการทดสอบทไ่ี ดใ้ นแต่ละวธิ ี 4. ให้ทาการทดสอบพลังของกล้ามเน้ือตามวิธีต่าง ๆ ต่อไปน้ี พร้อมระบุผลการทดสอบและระดับ สมรรถภาพท่ีได้จากการทดสอบ แบบทดสอบ ผลการทดสอบ ระดบั สมรรถภาพ รูปแบบ Athletics-Power Measurement 1. Standing Board Jump Test …………………… …………………… 2. Single Leg Hop Test …………………… …………………… 3. 3-Hop Test …………………… …………………… 4. Crossover Hop Test …………………… …………………… 5. 6-Meter Time Hop Test …………………… …………………… 6. Triple Jump Test …………………… …………………… รูปแบบ Work-Power Measurement …………………… …………………… 1. Static Jump Test …………………… …………………… 2. Counter Movement Jump Test …………………… …………………… 3. Drop Jump Test …………………… …………………… 4. Reactive Strength Index …………………… …………………… 5. Elasticity (%) จากผลการทดสอบที่ได้ ให้เปรียบเทียบระดับพลังของกล้ามเน้ือท่ีได้ในแต่ละวิธี พร้อมทั้งสรุปและ อภิปรายผลถึงความความแตกต่างของผลการทดสอบที่ไดใ้ นแตล่ ะวิธี อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 255 บทท่ี 8 การทดสอบความเร็วและความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไว (Speed and Agility Testing) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 256 แผนบรหิ ารการสอนประจาบทที่ 8 การทดสอบความเรว็ และความคลอ่ งแคลว่ ว่องไว 1. หวั ข้อเนอื้ หาประจาบท 1) ความหมายและความสาคัญของความเรว็ และความแคล่วคลอ่ งว่องไว 2) ประเภทของการทดสอบความเร็วและความแคล่วคล่องวอ่ งไว 3) ตัวอยา่ งแบบทดสอบความเร็วและความแคลว่ คลอ่ งวอ่ งไว 2. วัตถุประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม หลงั จากศึกษาจบบทน้ีแล้ว ผเู้ รียนสามารถ 1) อธิบายความหมายและความสาคัญของความเรว็ และความแคล่วคล่องว่องไว 2) อธบิ ายประเภทของการทดสอบความเร็วและความแคล่วคล่องวอ่ งไว 3) อธิบายหลกั และวธิ ีการทดสอบความเรว็ และความแคล่วคลอ่ งวอ่ งไว 3. วิธีการสอนและกจิ กรรมการเรียนการสอนประจาบท 1) การบรรยายจากเอกสารประกอบการสอน สไลดน์ าเสนอบทเรียนจากไฟล์ Power point 2) การสาธิตวิธกี าร และการฝกึ ทดลองปฏบิ ัตจิ ริง 3) อภิปรายประเด็นปัญหาและขอ้ สงสัย 4) การทดลองในปฏิบตั ิการที่ 8 5) ทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบทที่ 8 4. สอ่ื การเรยี นการสอน 1) เอกสารประกอบการสอน 2) สไลด์นาเสนอบทเรียน เป็นไฟล์ Power point 3) ไฟลว์ ดิ ีโอจากเวบ็ ไซต์และแหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ 4) แบบฝึกหดั ทา้ ยบท 5. การวดั ผลและการประเมินผล 1) ตรวจสอบจากแบบฝึกหดั ท้ายบท 2) สงั เกตความสนใจของผู้เรยี น 3) สังเกตจากการถามคาถามและตอบคาถามของผเู้ รยี น 4) ตรวจสอบความถูกต้องของผลการทดลองในปฏิบตั ิการที่ 8 อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 257 บทท่ี 8 การทดสอบความเรว็ และความแคล่วคล่องวอ่ งไว ความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวเป็นองค์ประกอบของสมรรถทางกายที่เก่ียวข้องกับทักษะ หรือ การแสดงความสามารถในการเคลื่อนไหวของร่างกาย ท่ีจาเป็นสาหรับกีฬาที่ต้องใช้ความเร็ว การเปลี่ยน จังหวะตาแหน่งการเคล่ือนไหวของร่างกายหรือการเคล่ือนที่ไปในทิศทางต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซ่ึงเป็น สมรรถภาพทางกายที่สาคัญมากท้ังในกีฬาประเภททีม กีฬาแรกเกต หรือกีฬาประเภทต่อสู้ประเภทต่าง ๆ เป็นต้น หากนกั กีฬามีองค์ประกอบสมรรถภาพทางกายดงั กล่าวอย่ใู นระดบั ท่ีดี จะช่วยส่งเสริมให้การใช้ ทักษะและความสามารถต่าง ๆ มีประสิทธิภาพมากขึน้ ได้ ในหลาย ๆ ชนิดกีฬา ความเร็วและความ คล่องแคล่วว่องไว จะเป็นตัวแปรที่สามารถชี้ถึงผลแพ้ชนะในการแข่งขันได้ ดังนั้นจึงเป็นสมรรถภาพทางกาย ด้านหนึง่ ทผี่ ฝู้ กึ สอนและนกั กฬี าจะใหม้ ีความสาคญั เปน็ พิเศษในการจัดรูปแบบการฝึกซ้อมให้กับนักกีฬาเพื่อให้ มรี ะดบั สมรรถภาพพร้อมทีจ่ ะทาการแข่งขนั เนื้อหาในบทน้ี จะกล่าวถึงความหมายขององค์ประกอบสมรรถภาพทางกายด้านความเร็วและความ คล่องแคล่วว่องไว รวมถงึ หลกั และวธิ ีการทดสอบสมรรถภาพทางกายดา้ นความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไว ซง่ึ การเลือกใช้แบบทดสอบความเร็วและความคลอ่ งแคล่วว่องไวได้ถูกต้องและสอดคล้องกับชนิดกีฬา จะทาให้ การนาผลทไี่ ด้จากการทดสอบไปใชป้ ระโยชนใ์ นการพัฒนาสมรรถภาพทางกายให้กับนักกีฬาจะมีประสิทธิภาพ มากยิง่ ขน้ึ ความหมายและความสาคัญของความเรว็ และความคล่องแคลว่ ว่องไว ในกีฬาท่ีต้องใช้องค์ประกอบด้านการเคลื่อนไหวหรือการปฏิบัติทักษะท่ีรวดเร็ว จะต้องมีสมรรถภาพ ดา้ นความเร็ว (speed) ความคลอ่ งแคล่วว่องไว (agility) และความฉับไว (quickness) หรือเรียกว่า SAQ เป็น องค์ประกอบสาคัญ โดยแตล่ ะองค์ประกอบมคี วามหมายดงั นี้ o ความเรว็ (speed) หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนท่ีจากที่หน่ึงไปยังอีกท่ีหนึ่งอย่างรวดเร็ว (Miller, 2002) ความเร็วเป็นองค์ประกอบหน่ึงของความสามารถทางกลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย ที่สามารถ จาแนกออกได้หลายประเภท เช่น กาลังความเร็ว (power speed) จาเป็นสาหรับกีฬาประเภทที่มีการเปลี่ยน จงั หวะหรอื ทิศทางการเคลือ่ นที่บอ่ ยๆ ขณะทคี่ วามเร็วสงู สุด (maximum speed) จาเป็นสาหรับกีฬาประเภท ที่มีการเคล่ือนไหวหรือเคล่ือนท่ีอย่างต่อเน่ือง ในช่วงระยะเวลาส้ันๆ ไม่เกิน 10 วินาที ส่วนความเร็วอดทน (speed endurance) จาเป็นสาหรับนักกีฬาประเภทที่มีการเคล่ือนไหวรวดเร็ว และปฏิบัติซ้าต่อเน่ืองหรือ ปฏิบัติซา้ เป็นช่วง ๆ เปน็ ต้น (Graham, 2013) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 258 o ความแคลว่ คล่องวอ่ งไว (agility) หมายถึง ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่หรือตาแหน่งของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และสามารถควบคุมได้ (Miller, 2002) ความคล่องแคล่วว่องไวจะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ในการเคลื่อนไหว และการทรงตัว โดยนักกีฬาที่มีความคล่องแคล่วว่องไวในระดับสูง จะสามารถควบคุมความสัมพันธ์ในการ เคลื่อนไหว และการทรงตัวขณะเปล่ียนตาแหน่งร่างกายหรือเปล่ียนทิศทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกท่ี ช่วยพัฒนาความคล่องแคล่วว่องไวให้บังเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องพัฒนาความสัมพันธ์ในการ เคล่ือนไหวและการทรงตัวท่ีดีให้กับนักกีฬาควบคู่กันไปด้วย นักกีฬาจะสามารถเคลื่อนท่ีได้เร็วข้ึน และเปลี่ยน ทศิ ทางไดอ้ ย่างทนั ทที ันใดจะต้องสามารถควบคุมการเคลื่อนไหว และการทรงตัวได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบัน ความคล่องแคล่วว่องไว ได้มีการให้คานิยามของความคล่องแคล่วว่องไวโดยรวมองค์ประกอบ สอง ส่วนคือ ส่วนแรกจะเป็นการท่ีหรือเคล่ือนไหวของร่างกายทุกส่วนอย่างรวดเร็ว กับอีกส่วนหนึ่ง คือ การ เปลี่ยนแปลงทิศทางความเร็วในการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น (Sheppard and Young, 2006) ซ่ึงใน ความหมายของความคลอ่ งแคล่วว่องไวในคานิยามน้ี จะรวมถึงองค์ประกอบด้านการตัดสินใจที่รวดเร็วซึ่งต้อง ใช้ในการเปลี่ยนทิศทางต่างๆ ในสถานการณ์การแข่งขันกีฬาทั่วไป ตลอดจนความสามารถทางกายที่เก่ียวกับ การเร่งความเร็ว การชะลอตัว และการเปล่ียนแปลงทิศทางในการหลบหลีกคู่ต่อสู้ การว่ิงด้วยความพยายาม สูงสุดกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางท่ีสัมผัสกับลูกหรือผู้เล่นหรือการเร่ิมต้นการเคลื่อนไหวท้ังร่างกายในการ ตอบสนองต่อส่งิ กระตนุ้ ดว้ ย o ความฉบั ไว (quickness) หมายถึง การตอบสนองในการปรับเปล่ียนจังหวะและทิศทางการเคล่ือนไหวได้อย่างฉับพลัน ทันทีทันใด ซึ่งความฉับไว จาเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบท่ีสาคัญหลายประการมาผสมผสานกัน ไม่ว่าจะเป็น ความเร็ว ความสามารถในการเปล่ียนทิศทาง หรือรูปแบบการเคล่ือนไหวท่ีหลากหลาย ซ่ึงต้องการทักษะ อัตราเรง่ ความเร็ว ความสามารถในการให้แรงระเบิดของกล้ามเนื้อ รวมทั้งปฏิกิริยาในการรับรู้และตอบสนอง ของนกั กฬี า โดยรปู แบบการฝึกทีน่ ามาใช้นัน้ จะตอ้ งเน้นความรวดเร็วและฉับไวในการปฏิบัติเป็นสาคัญ โดยมี ช่วงเวลาพักระหว่างการฝึกแตล่ ะเทยี่ วอย่างเพยี งพอ เพอ่ื ท่ีจะช่วยกระตุ้นและพัฒนาระบบประสาทรับรู้ส่ังงาน การเคลอื่ นไหวใหเ้ ร็วและมีประสิทธิภาพสูงสดุ จากความหมายของความเร็วและความแคล่วคล่องว่องไวข้างต้น จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบ สมรรถภาพทางกายดังกล่าว เป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญมากในกีฬาหลายประเภทท่ีต้องมีการเคลื่อนท่ีอย่าง รวดเร็ว มีการเปล่ียนจังหวะ ทิศทางและตาแหน่งของร่างกายอย่างรวดเร็วฉับพลันทันทีทันใด สาหรับในการ ทดสอบสมรรถภาพภาพทางกาย มักจะทดสอบในองค์ประกอบของความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวเป็น สว่ นใหญ่ อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 259 สรรี วทิ ยาท่เี ก่ียวข้องกบั ความเรว็ และความคลอ่ งแคลว่ ว่องไว ความเร็ว และความคล่องแคล่วว่องไวเป็นความสามารถของร่างกายในการเคล่ือนที่หรือเคล่ือนไหว อย่างรวดเร็ว โดยความเร็วจะเป็นลักษณะการเคลื่อนท่ีจากจุดถึงไปยังอีกจุดหน่ึงโดยไม่มีการเปลี่ยนทิศทาง ในขณะท่คี วามคล่องแคล่ววอ่ งไว เปน็ ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางการเคล่ือนที่ตามเปูาหมายท่ีต้องการ ซึ่งลักษณะของความสามารถดังกล่าวจะต้องอาศัยประสิทธิภาพของการทางานระหว่างระบบประสาทและ กล้ามเนอ้ื หากมองในแงข่ องสรี รวทิ ยา จะพบวา่ ปัจจัยทส่ี าคัญทีส่ ดุ ที่เก่ียวข้องกับความเร็วและความแคล่วคล่อง ว่องไว คือความสัมพันธ์ในการทางานของระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท กล่าวคือในการเคลื่อนไหวของ ร่างกายน้ัน กล้ามเนื้อซ่ึงทาหน้าที่ออกแรงเพ่ือการเคลื่อนไหว จะถูกควบคุมโดยระบบประสาทที่ทาหน้าที่ สั่งงาน โดยทั้งสองระบบมีการทางานร่วมกันอย่างชัดเจน โดยระบบกล้ามเน้ือมีหน้าท่ีท่ีสาคัญในการออกแรง ซึ่งเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อเพ่ือทาให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อจะทางานได้ดีมีประสิทธิภาพ มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเน้ือ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สาคัญที่จะทาให้ความเร็วและ ความแคล่วคล่องว่องไวเพิ่มข้ึน เป็นผลให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว สามารถเปลี่ยนทิศทาง ตามที่ต้องการได้ฉับพลันทันทีทันใด โดยที่ความเร็วในการเคลื่อนไหวไม่ได้ลดลง ซึ่งในการเคล่ือนไหวอย่าง รวดเร็วน้ัน จาเป็นท่ีจะต้องใช้ความแข็งแรงเป็นอย่างมากเพื่อให้กล้ามเน้ือสามารถออกแรงได้อย่างเต็มท่ี ใน การที่จะเพม่ิ อตั ราเรง่ และลดอัตราเร่งไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ ในทางกลับกันถ้ากล้ามเน้ือไม่มีความแข็งแรงจะ ทาให้ประสิทธิภาพในการเคล่ือนไหวและความสามารถในการควบคุมทิศทางจะลดลง เป็นผลให้ความ แคลว่ คลอ่ งวอ่ งไวลดลงไปดว้ ย (Bompa,1999) นอกจากน้ันหากมองถึงชนิดของใยกล้ามเน้ือแล้วจะพบว่า ความเร็วและความแคล่วคล่องว่องไวจะมี ความสัมพันธ์โดยตรงกับใยกล้ามเน้ือชนิดหดตัวเร็ว (fast twitch fiber) ซ่ึงเป็นใยกล้ามเน้ือท่ีมีสีขาว มี คุณสมบัติเหมาะกับการสังเคราะห์พลังงานในระบบแบบแอนแอโรบิค (anaerobic system) ซ่ึงเป็นระบบท่ี ไม่ใช้ออกซิเจนในการสังเคราะห์พลังงาน โดยสมรรถภาพด้านความเร็วและความแคล่วคล่องว่องไว เป็นการ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างพลังงานในระบบ (ATP-PC system) เพ่ือสร้าง ATP สาหรับการเคล่ือนไหวที่รวดเร็ว ดังน้ันในการทจ่ี ะพฒั นาความแคล่วคล่องว่องไวให้เพ่ิมขึ้นนั้นจะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับระบบพลังงานด้วย ส่วนระบบประสาท จะมีหน้าท่ีสาคัญในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งจะเร่ิมต้นการทางานโดย สมอง จะมีการสง่ั การเพอ่ื ให้กล้ามเน้ือได้หดตัวเพ่ือให้มีการเคล่ือนไหวในทิศทางหรือรูปแบบที่ต้องการ โดยไข สันหลงั เมื่อไดร้ ับคาสั่งจากสมองท่ศี นู ยส์ ั่งการแล้วกจ็ ะส่งคาสงั่ ผ่านทางกระแสประสาทไปยังกล้ามเน้ือที่จะต้อง หดตัว ดังนนั้ ในการพัฒนาความแคล่วคล่องว่องไวจะต้องมีการฝึกแบบซ้า ๆ เพื่อให้ระบบประสาทและระบบ กล้ามเนื้อเกิดการเรียนรู้ปรับตัว และเกิดความเคยชินจนกลายเป็นการทางานแบบรีเฟล็กซ์ในท่ีสุด ดังนั้น นักกีฬาจึงมกี ารเคลอ่ื นไหวหรอื เคลื่อนทเ่ี ร็วขนึ้ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในทางการกฬี า (Hoffman, 2002) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 260 ในส่วนขององค์ประกอบสมรรถภาพทางกายด้านความเร็ว การฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาความเร็วของ นักกีฬา จะต้องพยายามพัฒนาเทคนิคและทักษะกีฬาควบคู่ไปด้วยกัน เพื่อให้การพัฒนาความเร็วในการ เคลือ่ นไหวขณะปฏิบัติทักษะได้ผลสูงสุด ในการพัฒนาความเร็วของการเคล่ือนไหว จะต้องเริ่มจากการปฏิบัติ ทักษะด้วยความเร็วพื้นฐานจากช้าไปสู่ความเร็วเพิ่มข้ึนจนกระทั่งถึงระดับความเร็วสูงสุด โดยทักษะการ เคลื่อนไหวจะตอ้ งสมบูรณ์ และไมเ่ กิดอาการเกรง็ ของกล้ามเน้ือหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายในขณะปฏิบัติ ทกั ษะการเคลอื่ นไหวด้วยความเร็วเกือบสูงสุดหรือสูงสุด และที่สาคัญจะต้องการฝึกความเร็วจะต้องทาการฝึก ก่อนท่ีนักกีฬาจะมีอาการเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเกิดขึ้น เน่ืองจากเมื่อร่างกายเกิดความเม่ือยล้า ประสิทธิภาพ การทางานของระบบประสาทส่ังการและกล้ามเนื้อจะลดลง ดังนั้นการฝึกความเร็วในช่วงเวลาดังกล่าวจึงไม่ เกิดประโยชน์ ด้วยเหตุน้ี โปรแกรมการฝึกซ้อมประจาวัน จึงควรเร่ิมด้วยการฝึกทักษะและความเร็วก่อนท่ีจะ ทาการฝึกด้านอ่ืน ๆ นอกจากนั้น เมื่อกล่าวถึงเรื่องความเร็ว ยังหมายความรวมไปถึงความเร็วในการรับรู้และ ตอบสนองของระบบประสาท ซ่ึงแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 3 ข้นั ตอน คอื (Graham, 2013) เวลาปฏิกิริยา (reaction time) ได้แก่ ช่วงระยะเวลาที่รา่ งกายถูกกระตุ้นโดยส่ิงเร้าจากภายนอก เช่น นักกีฬามองเห็นลูกบอลที่กาลังเคล่ือนที่เข้ามาหาตน ซ่ึงเป็นช่วงเวลาท่ีร่างกายรับรู้ความรู้สึกเข้าสู่สมอง ส่วนกลาง เพ่อื ทาการสื่อความหมายข้อมูลท่ีได้รับและส่ังการตอบสนองต่อข้อมูลนั้น ซ่ึงขอบข่ายของช่วงเวลา ปฏิกิริยา คือ ระยะเวลาต้ังแต่ร่างกายได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า จนกระทั่งถึงช่วงท่ีสมองสั่งให้ร่างกายเร่ิมมี การเคลือ่ นไหวตอบสนองตอ่ สง่ิ เร้านัน้ ซึ่งสามารถแบ่งเปน็ รายละเอียดได้ 3 ระยะ คอื 1. เวลารบั รูค้ วามรู้สึก (sense time/receiving time) คือ เวลาต้ังแต่ปลายประสาทรบั ความรู้สึก ส่งเขา้ ส่สู มองส่วนกลาง 2. เวลาตัดสินใจ (decision/thought time) คอื ช่วงเวลาท่ีประสาทส่วนกลางตัดสินใจเลือกวิธีการ ที่จะตอบสนองต่อสง่ิ เรา้ ที่เข้ามากระตนุ้ 3. เวลาที่ประสาทสั่งให้เร่ิมมีการเคลื่อนไหว (initial of movement time) คือ ช่วงเวลาต้ังแต่ ประสาทสว่ นกลางส่งงานจนกระท่ังกระแสประสาทเดนิ ทางมาถึงกลา้ มเน้ือ และกล้ามเน้อื เร่ิมหดตัวทางาน เวลาการเคลื่อนไหว (movement time) คอื ชว่ งเวลาตัง้ แต่สมองสัง่ ให้ร่างกายเคล่ือนไหว จนกระทั่ง ส้ินสุดการปฏิบัติทักษะการเคลื่อนไหวนั้น เช่น สมองสั่งให้นักกีฬาเตะลูกบอลส่งให้กับเพ่ือนร่วมทีม ดังน้ัน ขอบข่ายของช่วงเวลาการเคลื่อนไหว คือ ระยะเวลาตั้งแต่สมองสั่งให้ใช้เท้าเตะลูกบอลจนกระทั่งสิ้นสุดการ เคล่อื นไหวในการเตะครัง้ น้ัน อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 261 เวลาตอบสนอง (response time) คือ ช่วงเวลาที่เร่ิมตั้งแต่ร่างกายถูกกระตุ้นจากส่ิงเร้า จนกระทั่ง การเคลื่อนไหวตอบสนองต่อส่ิงเร้าสิ้นสุดลงในแต่ละครั้ง ซ่ึงเวลาของการตอบสนอง คือ ผลรวมของเวลา ปฏิกิริยากับเวลาการเคล่ือนไหว หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นผลรวมของเวลาต้ังแต่เริ่มมีส่ิงเร้ากระตุ้นที่ประสาท สมั ผสั จนกระทงั่ การเคลอ่ื นไหวเพ่ือตอบสนองต่อสิ่งเร้าน้ันส้ินสดุ ลง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบเก่ียวข้องที่สาคัญอีกหลายประการที่มีผลต่อความเร็วใน การรับรู้สั่งงานของสมองหรือระบบประสาท ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสรีรวิทยา หรือจิตวิทยาท่ีมีอิทธิพลต่อ ความสามารถ ในการรบั รู้และตอบสนอง เพื่อการเริ่มต้นในการเคล่ือนไหวที่รวดเร็ว อนึ่ง ความเร็วในการรับรู้ และตอบสนองของระบบประสาทสามารถพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ด้วยการฝึกให้คล้ายคลึงหรือใกล้เคียง กบั เหตกุ ารณท์ ่ีเป็นจริงมากท่ีสดุ จงึ จะทาให้บงั เกิดผลสงู สุด สาหรับความแคล่วคล่องว่องไว จัดเป็นองค์ประกอบที่สาคัญมากสาหรับกีฬาที่ต้องใช้ความเร็ว ทันทีทันใดเพื่อให้ได้ตาแหน่งและทิศทางที่ตามต้องการ หรือกีฬาท่ีต้องอาศัยการเปล่ียนแปลงทิศทางหรือ เปล่ียนตาแหน่งของร่างกายที่ต้องการความรวดเร็วและถูกต้อง เช่น การออกว่ิงได้เร็ว หยุดได้เร็วและ เปลย่ี นแปลงทศิ ทางการเคลือ่ นที่ได้เร็ว เช่น บาสเกตบอล วอลเลย์บอล ฟุตบอล และรักบี้ฟุตบอล เป็นต้น ใน การแข่งขันกีฬา ถ้านักกีฬาสามารถควบคุมการเคล่ือนไหวอย่างมีประสิทธิภาพและสัมพันธ์กับข้ันตอนของ ทักษะการเคล่ือนไหวในการแข่งขันย่อมก่อให้เกิดผลดีต่อนักกีฬาเอง เพราะการปฏิบัติทักษะการเคลื่อนไหว ความสามารถในการเคลื่อนท่ีและการเปล่ียนตาแหน่งได้อย่างรวดเร็วสอดคล้องกับลักษณะรูปแบ บการ เคล่อื นไหวย่อมสง่ ผลใหเ้ กิดการไดเ้ ปรียบในเกมการแข่งขันท่ีกาลังดาเนินอยู่ทุกโอกาสและทุกจังหวะที่นักกีฬา สามารถทาได้ นอกจากน้ันความแคล่วคล่องว่องไวยังเป็นความรู้สึกในการเคล่ือนที่ได้อย่างอิสระสามารถจะ เปลี่ยนแปลงทศิ ทางไดต้ ามตอ้ งการ เชน่ ในการชกมวยสามารถหลบหมดั คตู่ ่อสู้และตอบโต้ไดใ้ นทันที โดยความคล่องแคล่วว่องไว จะประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ต่อไปนี้ (Sheppard and Young, 2006) 1. องค์ประกอบด้านการรับรู้ (perceptual) และการตัดสินใจ(decision) ซ่ึงจะประกอบด้วย การ มองอย่างละเอยี ดถถ่ี ้วน (visual scanning) การคาดเดาทิศทาง (anticipation) การจารูปแบบการเคล่ือนไหว (pattern recognition) และความเข้าใจในสถานการณ์ทเี่ กิด (knowledge of situation) 2. การเปล่ียนทิศทางที่รวดเร็ว (change of direction speed) ประกอบด้วย 2.1 เทคนคิ การเคลื่อนไหว เช่น การวางเท้า (foot placement) การปรบั ตวั ในจงั หวะการก้าวเทา้ เพ่อื เพิม่ ความเร็วและลดความเรว็ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 262 2.2 ความเรว็ ในการวงิ่ ดว้ ยความเรว็ สงู สดุ ในตรง (straight sprinting speed) 2.3 ประสทิ ธภิ าพของกลา้ มเน้ือขา (leg muscle qualities) ซึ่งประกอบด้วย ความแข็งแรง พลงั ของกล้ามเน้ือ และความสมดุลของความแขง็ แรงขา้ งซ้ายและขา้ งขวา โดยปัจจัยตา่ ง ๆ ท่เี กย่ี วข้องกับความคล่องแคล่ววอ่ งไวจะเปน็ ความสามารถในการตดั สินใจและ ความสามารถของความเร็วในการเปลยี่ นทศิ ทาง ดังแสดงดังรูปที่ 1 ภาพที่ 8.1 องคป์ ระกอบทเ่ี กยี่ วข้องกบั ความคล่องแคล่วว่องไว ทีม่ า: Sheppard and Young (2006) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 263 ประเภทของการทดสอบความเรว็ และความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว ในการทดสอบความเร็วและความแคล่วคล่องว่องไวน้ัน จะเป็นการทดสอบความสามารถในการ เคลื่อนท่ีหรือเคล่ือนไหวของร่างกายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการประเมินประสิทธิภาพการทางานของระบบ ประสาทและและกล้ามเนื้อในการสั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัวเร็วด้วย โดยการทดสอบความเร็วและความ คลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวสามารถแบ่งประเภทได้ดังนี้ o ประเภทของการทดสอบความเร็ว จากความหมายของความเร็วท่หี มายถึง ความสามารถในการเคลอื่ นทจ่ี ากจุดหนงึ่ ไปยังอีกจดุ หน่งึ โดย ใชเ้ วลาทน่ี อ้ ยทส่ี ุดน้ัน ดงั นนั้ ความเร็วจึงเปน็ อตั ราส่วนระหว่างระยะทางกับเวลา ซึง่ การทดสอบความเร็ว ส่วน ใหญจ่ ะเปน็ การวดั เวลาทท่ี าได้จากการวิง่ เรว็ ในทร่ี ะยะทางต่าง ๆ ทกี่ าหนด นอกจากน้นั บางตาราจะมีนาการ วัดเวลาปฏิกิรยิ า และความเร็วในการตอบสนองต่อสง่ิ เรา้ ต่าง ๆ มาจัดอยู่ในประเภทของการทดสอบความเร็ว ด้วย โดยการทดสอบความเรว็ สามารถแบ่งออกเป็นประเภทตา่ ง ๆ ไดด้ ังน้ี (Graham, 2013) 1. การทดสอบความเร็วในการวงิ่ (speed running test) การทดสอบความเร็วในรูปแบบน้ีจะเป็นการทดสอบการว่ิงในระยะทาง ต่าง ๆ ท่ีกาหนด ตาม วัตถุประสงค์และลักษณะธรรมชาติของกีฬาต่าง ๆ โดยการทดสอบความเร็วในการวิ่งจะแบ่งย่อยเป็น 2 รูปแบบตามท่าทางการเริม่ ต้นของการทดสอบ ดงั น้ี 1.1 การทดสอบการว่งิ เร็วในท่า Static-start test เปน็ การทดสอบความเรว็ ในทา่ นง่ั ในลักษณะที่ นกั วิ่งระยะสน้ั ใชใ้ นการแข่งขัน ซ่ึงการทดสอบสามารถใช้ระยะทางที่หลากหลายตามลักษณะความเฉพาะของ กีฬานั้น เช่นในนักกีฬาเบสบอล จะทดสอบวิ่งระยะทาง 30-60 หลา บาสเกตบอลจะทดสอบในระยะทางทาง 20-30 หลา นักกีฬาซอฟท์บอลจะทดสอบท่ีระยะทาง 20 หลา เป็นต้น การทดสอบการวิ่งเร็วในท่า Static- start test มีวัตถุประสงค์สาคัญคือ ความสามารถในการสร้างอัตราเร่งในการว่ิงของนักกีฬา (acceleration speed) 1.2 การทดสอบการว่ิงเร็วในท่า Flying-start test เป็นการทดสอบความเร็วในลักษณะท่ายืน หลังเส้นเริ่ม การทดสอบการว่ิงเร็วในท่า Flying-start test จะสามารถใช้ประเมินความเร็วสูงสุดในการว่ิงได้ (maximum speed) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรับนกั กฬี า 264 จะเห็นได้ว่า การทดสอบความเร็วนั้น สามารถทดสอบได้หลายระยะทาง ปัจจุบันมีอุปกรณ์วัด ความเรว็ Timing gate ซ่ึงสามารถวัดความเร็วได้แม่นยาข้ึน นอกจากนั้นยังสามารถแบ่งระยะทางย่อย ๆ ได้ หลายระยะ เช่น การทดสอบว่ิง 40 เมตร ก็สามารถวาง Timing gate ในระยะ 10 เมตร 20 เมตร 30 เมตร และ 40 เมตร ดังน้ันการใช้อุปกรณ์สาหรับ การทดสอบวิธีการนี้ จึงสามารถวัด ความเรว็ ในทุก ๆ ระยะ 10 เมตร ดังนั้นจึง สามารถประเมินได้ท้ังอัตราเร่งในการวิ่ง และความเร็งสงู สดุ ของการวง่ิ ภาพที่ 8.1 การทดสอบความเรว็ โดยใชอ้ ุปกรณ์ Timing Gate ที่มา: http://robertsontrainingsystems.com/blog/ultimate-guide-nfl-combine/ 2. การทดสอบเวลาปฏกิ ิริยา (reaction time) การทดสอบเวลาปฏิกิริยา เป็นการทดสอบความเร็วในการตอบสนองต่อส่ิงเร้าต่าง ๆ ซ่ึง องค์ประกอบของเวลาปฏิกิริยาจะมี ระยะ คือ เวลารับรู้ความรู้สึก (sense time/receiving time) เวลา ตัดสินใจ (decision/thought time) และเวลาท่ีประสาทส่ังให้เร่ิมมีการเคล่ือนไหว (initial of movement time) โดยการทดสอบเวลาปฏิกิรยิ า แบ่งได้สองประเภท คอื 2.1 Simple reaction time เป็นการทดสอบเวลาปฏิกิริยาอย่างง่าย โดยจะต้องมีการตอบสนอง ตอ่ ส่ิงเรา้ ทม่ี ากระตุ้น อาจจะเป็นแสง หรือเสียง ซึ่งผู้เข้ารับการทดสอบจะทราบล่วงหน้าว่าจะต้องเคล่ือนท่ีไป ในทิศทางใด ตัวอย่างแบบทดสอบรูปแบบนี้ คอื การทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองในการเริ่มออกตัวว่ิง (starting block) หรือการทดสอบปล่อยไม้บรรทัด (ruler drop test) เป็นตน้ 2.2 Choice reaction time เป็นการทดสอบเวลาปฏิกิริยาที่มีส่ิงเร้ามากระตุ้นในหลายทางเลือก เป็นการทดสอบท่ีผู้เข้ารับการทดสอบไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะต้องเคล่ือนท่ีไปในทิศทางใด จนกว่าจะเห็นหรือ ได้รับส่ิงเร้าที่มากระตุ้น ซ่ึงการทดสอบรูปแบบนี้จะมีความสอดคล้องกับสถานการณ์การแข่งขันของกีฬา โดย แบบทดสอบเวลาปฏิกิริยาในรูปแบบน้ี เช่น การทดสอบปฏิกิริยาระหว่างตากับมือ และ การทดสอบปฏิกิริยา ระหว่างตากับเทา้ เปน็ ตน้ อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรับนกั กฬี า 265 o ประเภทของการทดสอบความคล่องแคล่วว่องไว การทดสอบความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวจะเป็นการวดั ความสามารถในการเปล่ียนทิศทางการเคลื่อนที่หรือ เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว โดยรวมองค์ประกอบด้านการตัดสินใจท่ีรวดเร็วในการเปลี่ยนทิศทางมาใช้ในการ ประเมินด้วย ปัจจุบันในการทดสอบความคล่องแคล่วว่องไว จะนิยมแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 ประเภท (Sheppard and Young 2006) 1. การทดสอบความเร็วในการเปลย่ี นทิศทาง (change of direction speed test) เป็นการทดสอบความสามารถในการใช้ความเร็วไปในทิศทางต่าง ๆ ตามท่ีต้องการ ซึ่งเป็นการ เคลื่อนท่ีในลักษณะทักษะของปิด (close skill) ซ่ึงนักกีฬาหรือผู้เข้ารับการทดสอบ รับรู้ไว้ล่วงหน้าก่อนการ ทดสอบแล้วว่าจะต้องเคล่ือนท่ีหรือเคล่ือนไหวไปในลักษณะหรือทิศทางใด แบบทดสอบท่ีนามาใช้ทดสอบ ความคล่องแคล่วว่องไวรูปแบบนี้ เป็นแบบทดสอบท่ีใช้กันทั่วไป เช่น แบบทดสอบ Illinois agility run test แบบทดสอบ Shuttle run test และ แบบทดสอบ SEMO agility test เปน็ ตน้ 2. การทดสอบความคลอ่ งแคลว่ ว่องไวเชงิ ปฏิกริ ิยา (reactive agility test) เป็นการทดสอยความสามารถในการเปล่ียนทิศทางการเคล่ือนท่ีอย่างรวดเร็วตามสิ่งเร้าที่มากาหนด ซง่ึ เป็นการเคล่อื นทใ่ี นลกั ษณะของทักษะเปิด (open skill) ซึ่งนกั กีฬาหรือผู้เข้ารับการทดสอบ ไม่สามารถรับรู้ ไว้ลว่ งหน้าไดว้ า่ จะต้องเคล่ือนท่ีหรอื เคลอื่ นไหวไปในลักษณะหรอื ทิศทางใด นักกีฬาต้องมีการคาดเดาทิศทางที่ การเคลื่อนท่ีและมีการตัดสินใจที่รวดเร็วมาเป็นองค์ประกอบท่ีเกี่ยวข้อง การทดสอบในรูปแบบนี้ โดยท่ัวไป นิยมใช้สัญญาณไฟ หรือสัญญาณภาพมาเป็นตัวกาหนดทิศทางการเคล่ือนท่ีของนักกีฬาหรือผู้เข้ารับการ ทดสอบ จากการแบ่งประเภทของการทดสอบด้านความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไวข้างต้น จะเห็นได้ว่า สามารถแบ่งประเภทของการทดสอบออกได้หลายประเภท ดังนั้นการเลือกวิธีการทดสอบจะต้องสอดคล้อง โดยมีรูปแบบของทักษะหรือรูปแบบการเคลื่อนท่ีให้ใกล้เคียงกับชนิดกีฬาน้ันๆ มากท่ีสุด เช่นแบบทดสอบ สาหรับกีฬาฟุตบอลกับแบดมินตันก็จะต้องใช้แบบทดสอบท่ีแตกต่างกัน จะนามาใช้เหมือนกันไม่ได้ ผู้เข้ารับ การทดสอบอาจทาได้ดใี นแบบทดสอบหนึ่ง แต่ก็ไมไ่ ดห้ มายความวา่ ในการทดสอบความแคล่วคล่องว่องไวโดย ใชแ้ บบทดสอบอ่ืนๆ จะทาได้ดีตามไปด้วย ซึ่งถ้ามีการเลือกใช้แบบทดสอบที่ไม่เหมาะสมแล้ว จะทาให้ผลที่ได้ จากการประเมินหลังจากได้รับการทดสอบจะเกิดความคลาดเคลื่อนไป เหตุผลและองค์ประกอบดังกล่าว จาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะนามาพิจารณาในการทดสอบความแคล่วคล่องว่องไว เพื่อที่จะได้ผลการทดสอบที่ถูกต้อง มากทสี่ ดุ อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนักกฬี า 266 ตวั อยา่ งทดสอบความเรว็ และความคลอ่ งแคล่วว่องไว o การทดสอบความเร็ว การทดสอบความเรว็ จะประกอบดว้ ยการทดสอบว่งิ ในระยะทาง ต่าง ๆ รวมถึงการทดสอบเวลา ปฏิกิรยิ า โดยตัวอย่างแบบทดสอบความเร็ว มีดังต่อไปนี้ 1. การทดสอบความเร็วในการวง่ิ (speed running test) 40 Meter Sprint Test วัตถุประสงค์ เพือ่ ทดสอบความเร็วในการว่ิง 40 เมตร อุปกรณ์ 1. เทปวัดระยะทาง 2. นาฬิกาจับเวลา วิธีการ 1. ใหผ้ เู้ ข้ารบั การทดสอบยนื เท้าคู่ ปลายเทา้ อยู่หลงั เสน้ เรมิ่ การบนั ทกึ ผล 2. เม่อื ไดย้ นิ สญั ญาณ ให้ผเู้ ข้ารบั การทดสอบออกตวั วิ่งให้เร็วทสี่ ดุ เทา้ ท่จี ะทาไดใ้ น ระยะทาง 40 เมตร บันทกึ เวลาทท่ี าได้ จากการทดสอบ 2 ครัง้ โดยเอาเวลาในคร้ังทด่ี ที ี่สุด หนว่ ยเป็นวนิ าที ทม่ี า: Miller (2002) 4 Second Dash Test วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือทดสอบความเร็วในการวง่ิ 4 วินาที อปุ กรณ์ 1. เทปวดั ระยะทาง 2. นาฬกิ าจบั เวลา วิธีการ 1. ให้ผเู้ ขา้ รับการทดสอบยืนเทา้ คู่ ปลายเทา้ อยู่หลังเสน้ เร่มิ 2. เมื่อได้ยินสญั ญาณ ใหผ้ ู้เข้ารบั การทดสอบออกตัววิง่ ให้เร็วทีส่ ุดเทา่ ท่ีจะทาได้ใน ระยะเวลา 4 วินาที การบันทกึ ผล บนั ทกึ ระยะทางท่ีทาได้ ดีท่สี ุดจากการทดสอบ 2 คร้ัง หนว่ ยเป็นหลา ท่มี า: Johnson and Nelson (1986) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรับนักกฬี า 267 10, 20 and 40 meter วัตถปุ ระสงค์ เพือ่ ทดสอบความเรว็ ในการว่ิงระยะ 10 เมตร 20 เมตร และ 40 เมตร อปุ กรณ์ 1. เทปวดั ระยะทาง วิธีการ 2. นาฬกิ าจับเวลา 3. เคร่ืองจับเวลาอัตโนมัติ (Timing gate) การทดสอบนี้ จะจบั เวลาระยะการวง่ิ 10 เมตร 20 เมตร และ 40 เมตร แตถาไมมี เคร่อื งจบั เวลาอัตโนมตั ิ อาจจะใชนาฬิกาจับเวลา 3 เรอื น เพือ่ จับเวลาที่ระยะ 10 เมตร 20 เมตร และ 40 เมตร โดยวธิ กี ารมีดังนี้ 1. ใหนักกฬี ายนื ในทาเทานาเทาตาม เตรียมออกวิ่ง บริเวณจุดเริม่ 2. ใหสัญญาณปลอยตวั นักกีฬาตองวิ่งเร็วทส่ี ุด ในระยะ 20 เมตร 3. นักกีฬาต้องทาการทดสอบทัง้ หมด 3 เท่ยี ว การบนั ทึกผล บันทึกเวลาท่ที ดสอบไดใ้ นระยะ 10 เมตร 20 เมตร และ 40 เมตร จากการทดสอบ 3 ครงั้ ในครง้ั ท่ีดสี ุด ทีม่ า: Australian Institute of Sports (2013) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นกั กฬี า 268 2. การทดสอบเวลาปฏกิ ริ ิยา (reaction time) Eye and Hand Response Time Test วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ทดสอบเวลาปฏกิ ิริยาและการตอบสนองของมอื อุปกรณ์ 1. โต๊ะขนาดสูง 30 นิว้ กวา้ ง 36 นิ้ว ยาว 63 น้วิ มี วธิ กี าร ผนงั กน้ั ระหว่างผรู้ ับการทดสอบและผู้ถูกทดสอบ 2. เกา้ อีป้ รบั ระดับความสูงได้ 3. เครื่องจบั เวลา (Electronic timer) 4. เสียงสัญญาณจงั หวะ และเลอื กตาแหน่งสัญญาณไฟ 5. แสงไฟฟูาสเี ขียว 1. ผรู้ บั การทดสอบนั่งวางมือทีถ่ นดั บนเขตท่ีกาหนด บนโต๊ะทดสอบ อีกข้างวางบนหน้าขาตัวเอง 2. ฟงั เสยี งสัญญาณใหจ้ ังหวะ 2 ครง้ั ซึง่ แทนคาวา่ “ระวงั ” พรอ้ มตามองดแู สงสี เขยี วทัง้ 3 จดุ 3. เมอ่ื เกดิ แสงไฟขนึ้ จุดไหนให้รบี เคลือ่ นย้ายมือท่วี างบนโต๊ะไปแตะปุมขา้ งหน้าให้ แสงไฟน้นั ดบั ใหเ้ รว็ ทีส่ ดุ แล้วนามอื กลบั มาไว้ทเี่ ดมิ 4. มองแสงไฟทีจ่ ะปรากฏขน้ึ ครง้ั ต่อไป ปฏิบัติตามลักษณะเดิมจนครบ 15 ครงั้ การบันทกึ ผล บันทึกระยะเวลาเปน็ วนิ าที ทศนิยม 3 ตาแหนง่ จากการทดสอบทง้ั 15 คร้งั โดยหา ค่าเฉลย่ี ของการทดสอบ 9 ครั้ง จากการตัดคร้งั ท่ีมเี วลาดีท่ีสุดออก 3 ครงั้ และคร้งั ท่ีทา เวลาแยท่ สี่ ดุ ครั้งออก 3 ครงั้ ท่มี า: ฝุายวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (2542) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนักกฬี า 269 Eye and Foot Response Time Test วตั ถุประสงค์ เพื่อทดสอบเวลาปฏิกิริยาและการตอบสนองของเท้า อุปกรณ์ 1. โต๊ะขนาดสงู 30 นว้ิ กว้าง 36 นิ้ว ยาว 63 น้วิ มผี นัง วิธีการ ก้ันระหว่างผรู้ ับการทดสอบและผถู้ ูกทดสอบ 2. เกา้ อีป้ รับระดบั ความสูงได้ 3. เคร่ืองจบั เวลา (Electronic timer) 4. เสยี งสัญญาณจงั หวะ และเลือกตาแหน่งสญั ญาณไฟ 5. แสงไฟฟาู สเี ขยี ว 1. ผู้รับการทดสอบน่ังวางมอื ที่ถนดั บนขอบเขตทีก่ าหนดบน โต๊ะทดสอบ อีกขา้ งวางบนหนา้ ขาตัวเอง 2. ฟงั เสียงสัญญาณใหจ้ ังหวะ 2 คร้งั ซ่ึงแทนคาวา่ “ระวัง” พร้อมตามองดแู สงสี เขยี วทัง้ 3 จุด 3. เม่อื เกิดแสงไฟขึ้นจุดไหนให้รีบเคลื่อนยา้ ยเท้าไปแตะปุมขา้ งหนา้ ให้แสงไฟน้ันดบั ให้ เรว็ ทส่ี ุด แลว้ กลับสู่ท่าเริม่ ต้น 4. มองแสงไฟท่จี ะปรากฏขึน้ ครัง้ ต่อไป ปฏบิ ัติตามลักษณะเดิมจนครบ 15 คร้ัง การบันทกึ ผล บันทกึ ระยะเวลาเปน็ วนิ าที ทศนยิ ม 3 ตาแหนง่ จากการทดสอบทงั้ 15 ครงั้ โดยหา ค่าเฉลีย่ ของการทดสอบ 9 ครั้ง จากการตดั คร้งั ที่มเี วลาดที ่ีสุดออก 3 ครง้ั และคร้ังทที่ า เวลาแยท่ ีส่ ุดครัง้ ออก 3 ครงั้ ท่มี า: ฝาุ ยวทิ ยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (2542) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 270 Selection Reaction Time Test วตั ถุประสงค์ เพ่อื ทดสอบเวลาปฏกิ ิริยาในการวงิ่ อปุ กรณ์ 1. ชดุ อปุ กรณ์การทดสอบ Newtest 2. เทปวดั ระยะทาง วธิ ีการ 1. วางเสื่อรบั สัญญาณของ Newtest ไว้ตรงกลาง โดยวาง Speed light หา่ งจากเสอ่ื รบั สญั ญาณด้านละ 5 เมตร และเสอ่ื รบั สญั ญาณวางห่างจากผู้ทาการวัด 2 เมตร 2. ผเู้ ข้ารบั การทดสอบสังเกตสัญญาณไฟจากผู้ทาการวัดซงึ่ มีสองดา้ นคอื ด้านซา้ ยมือ และด้านขวามอื ของผ้เู ขา้ รับการทดสอบ 3. เมอื่ เหน็ สัญญาณไฟ ใหผ้ เู้ ข้ารับการทดสอบออกตัวว่ิงไปในทิศทางตามสัญญาณไฟ โดยวิ่งผา่ น Speed light ที่วางอยู่จากจุดเริม่ ในระยะทาง 5 เมตร 4. ผเู้ ขา้ รบั การทดสอบจะทาการทดสอบท้ังหมด 5 ครัง้ ตามการสุม่ การใหส้ ญั ญาณ การบนั ทกึ ผล บันทกึ เวลาเฉลย่ี ของการทดสอบโดยการตดั คา่ เวลาทีด่ ที ่ีสุดกับเวลาท่ีแย่ทีส่ ดุ ออก หน่วยเป็นวนิ าที ทม่ี า: Lahtinen (2000) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 271 o การทดสอบความคลอ่ งแคล่วว่องไว การทดสอบความคล่องแคล่วว่องไว สามารถแบ่งการทดสอบออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การทดสอบ ความเร็วในการเปลี่ยนทิศทาง (change of direction speed test) และการทดสอบความคล่องแคล่วว่องไว เชงิ ปฏกิ ิรยิ า (reactive agility test) โดยตัวอย่างแบบทดสอบในแตล่ ะรปู แบบมดี ังน้ี 1. การทดสอบความเร็วในการเปลย่ี นทิศทาง (change of direction speed test) Illinois Agility Run Test วตั ถุประสงค์ เพ่อื ทดสอบความเรว็ ในการวง่ิ เปลย่ี นทศิ ทาง อปุ กรณ์ 1. นาฬิกาจบั เวลา 2. กรวยหรือหลกั จานวน 8 หลัก วิธีการ 3. เทปวดั ระยะทาง การบนั ทกึ ผล 1. วางกรวยหรอื หลักทั้ง 4 หลกั เป็นรูป สี่เหลยี่ มผนื ผ้า กวา้ ง 5 เมตร ยาว 10 เมตร และนากรวยอกี 4 อันวางเรยี งตรงกลาง หา่ งกนั 3.3 เมตร 2. เริ่มตน้ การทดสอบ ให้ผทู้ ดสอบวิ่งจากจุด start ไปยังหลักที่ 2 จากนนั้ วกกลับเพ่ือ อ้อมหลกั ท่วี างเรยี งไวท้ ้ัง 4 หลกั ไปกลบั ตามเสน้ ทางทก่ี าหนดไวด้ ังรูป 3. ทาการทดสอบท้ังหมด 2 ครั้ง บนั ทึกเวลาทที่ าได้ (หนว่ ยวินาที) และนาเวลาในครงั้ ที่ทดสอบได้ดีทสี่ ดุ จากการทดสอบ 2 ครง้ั และนามาเทียบเกณฑ์มาตรฐานดงั น้ี ระดับความคล่องแคลว่ วอ่ งไว เวลาท่ีทาได้ (วินาที) ดีมาก ผู้ชาย ผู้หญงิ ดี  15.2  15.9 ปานกลาง ตา่ 15.2-16.1 15.9-16.7 ต่ามาก 16.2-18.1 16.8-17.6 18.2-18.3 17.7-18.8  18.3  18.8 ท่มี า: http://www.topendsports.com/testing/tests/illinois.htm อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นักกฬี า 272 T-Test วตั ถปุ ระสงค์ เพือ่ ทดสอบความเร็วในการเปล่ยี นทิศทางโดยการว่ิง การสไลด์ดา้ นข้างและการถอย อปุ กรณ์ หลัง 1. นาฬิกาจับเวลา 2. กรวยหรือหลัก จานวน 4 หลกั 3. เทปวัดระยะทาง วธิ ีการ วางกรวยหรือหลกั ท้งั 4 หลกั เปน็ รูปตัว T การบนั ทกึ ผล ตามขนาด ดงั รปู การทดสอบมีขั้นตอนดังน้ี 1. เรมิ่ ตน้ ใหผ้ ู้ทดสอบว่งิ start จากจุด A ไปยงั จุด B โดยใช้มอื ขวาก้มแตะฐานกรวย B 2. วิง่ สไลด์ด้านข้างเพื่อไปยงั จุดC และใชม้ ือซา้ ยไปแตะฐานกรวยทจ่ี ุด C 3. เคลอ่ื นทีส่ ไลด์กลับไปยังจดุ D และใช้มือขวาไปแตะฐานกรวยท่จี ุด D 4. เคลอ่ื นทีส่ ไลด์กลบั มายังจุด B และใช้มือซ้ายไปแตะฐานกรวยทีจ่ ดุ B 5. จากนัน้ วง่ิ ถอยหลงั กลบั มายงั จดุ เรม่ิ ต้น คือจุด A 6. นักกีฬาจะต้องทาการทดสอบท้งั หมด 2 คร้งั บนั ทึกเวลาท่ที าได้ (หน่วยวนิ าที) และนาเวลาในครงั้ ที่ทดสอบได้ดีทสี่ ุดจากการทดสอบ 2 ครงั้ และนามาเทยี บเกณฑ์มาตรฐานดังนี้ ระดับความคล่องแคล่วว่องไว เวลาท่ีทาได้ (วนิ าที) ดมี าก ผ้ชู าย ผ้หู ญงิ ดี  9.5  10.5 ปานกลาง ตา่ 9.5-10.5 10.5-11.5 10.5-11.5 11.5-12.5  11.5  12.5 ทีม่ า: http://www.topendsports.com/testing/tests/t-test.htm อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนักกฬี า 273 505 Agility Test วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ทดสอบความเรว็ ในการเปล่ยี นทิศทางในการวิ่งกลับตัว 180° อุปกรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลาหรอื Timing gate 2. กรวยหรอื หลัก จานวน 3 หลัก 3. เทปวัดระยะทาง วิธีการ วางกรวยระยะ 10 เมตร และ 15 เมตร ดงั รปู 1. เริม่ ต้นการทดสอบ นกั กีฬาวิ่งตรงไปยงั จัดทีร่ ะยะ 15 เมตร 2. จากน้นั กลับตัว 180° โดยใชเ้ ท้าแตะสัมผัสเสน้ ท่ีกาหนด แล้ววิง่ ตรงมายังจุดที่ระยะ 10 เมตร 3. นักกีฬาจะต้องทาการทดสอบท้ังหมด 2 ครัง้ การบนั ทกึ ผล บนั ทกึ เวลาทท่ี าได้ (หนว่ ยวนิ าที) และนาเวลาในคร้งั ท่ีทดสอบไดด้ ีท่สี ุดจากการทดสอบ 2 คร้ัง ทีม่ า: http://www.topendsports.com/testing/tests/505test.htm อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 274 Barrow Zigzag Run Test วตั ถุประสงค์ เพื่อทดสอบความเร็วในการว่งิ ออ้ มหลักและเปลย่ี นทิศทาง อุปกรณ์ 1. นาฬิกาจบั เวลา 2. กรวยหรอื หลกั จานวน 5 อนั 3. เทปวดั ระยะทาง วิธีการ 1. วางกรวยตามจุดต่างๆ ท้งั หมด 5 จดุ ตามระยะทางทกี่ าหนดดังรูป 2. เรม่ิ ต้นทดสอบ ผู้ทดสอบจะต้องวิ่งด้วย ความเร็วเต็มที่ โดยทิศทางการว่งิ จะตอ้ งอ้อมหลักท้ัง 5 จุด ตามเส้นทางท่ีกาหนด 3. นักกีฬาต้องทาการทดสอบทั้งหมด 2 ครงั้ การบันทึกผล บนั ทกึ เวลาทที่ าได้ดีทส่ี ดุ หน่วยเปน็ วินาที จากการทดสอบ 2 ครงั้ ทม่ี า: Miller (2002) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 275 SEMO Agility Test วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ทดสอบความเรว็ ในการเปลี่ยนทิศทางโดยการวงิ่ การสไลด์ และการว่งิ ถอยหลงั อปุ กรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา 2. กรวยหรอื หลัก จานวน 4 หลกั 3. เทปวดั ระยะทาง วธิ กี าร 1. วางหลักทัง้ 4 หลักเป็นรปู สเี่ หล่ียมผนื ผ้า ขนาด 1219 ฟตุ กาหนดเป็นจดุ A,B,C และ D ดังรปู 2. เร่มิ ตน้ การทดสอบ ให้ผ้ทู ดสอบสไลดต์ ัวไป ดา้ นข้างจากจุด A ไป B โดยใช้ขาซ้ายนา อ้อมหลัก B 3. จากจดุ B ถอยหลงั ตรงไปยังจุด D ออ้ มหลกั D จากนัน้ แล้ววิ่งตรงไปยงั จุด A 4. จากจุด A แล้วว่ิงถอยหลังไปยังจดุ C ออ้ มหลกั C แลว้ ว่ิงตรงไปยงั จดุ B 5. จากจุด B สไลดก์ ลบั ไปมายงั จดุ A โดยใชเ้ ท้าขวานา การบนั ทกึ ผล บนั ทกึ เวลาทีท่ าได้ (หน่วยวินาที) และนาเวลาในครัง้ ท่ีทดสอบได้ดีทีส่ ดุ จากการทดสอบ 2 ครั้ง และนามาเทียบเกณฑ์มาตรฐานดังน้ี ระดบั ความคล่องแคล่ววอ่ งไว เวลาทท่ี าได้ (วินาที) ดมี าก ผูช้ าย ผหู้ ญิง ดี  10.72  12.19 ปานกลาง ตา่ 11.49-10.73 12.99-12.20 ต่ามาก 13.02-11.50 13.90-13.00 13.79-13.03 14.49-13.91  13.80  14.50 ที่มา: Johnson and Nelson (1986) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนกั กฬี า 276 Shuttle Run Test วตั ถุประสงค์ เพือ่ ทดสอบความเร็วในการวิง่ กลับตัว อุปกรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา 2. ไม้ขนาด 224 น้วิ จานวน 2 อนั 3. เทปวดั ระยะทาง วธิ ีการ 1. กาหนดเสน้ 2 เส้นหา่ งกัน 30 หลา หรือประมาณ 27.5 เมตร โดยใช้เทปกาวทา เครื่อง ทาหมายไว้ เพ่อื ให้กาหนดเป็นระยะทางในการทดสอบ 2. นาแทง่ ไม้ทัง้ 2 อัน วางไวเ้ หนอื บรเิ วณเสน้ ท่ีไม่ใช่เส้นสาหรับเรม่ิ ตน้ การทดสอบ 3. ใหผ้ ู้ทดสอบว่ิงจากจุดเร่มิ ต้นไปยงั เส้นตรงข้าม แลว้ หยิบแท่งไม้จานวน 1 อัน มาวาง ไวท้ ่ีหลงั เส้นเรม่ิ ต้น จากนั้นให้ผทู้ ดสอบวง่ิ กลับไปหยบิ แทง่ ไมอ้ ันท่ี 2 แลว้ วิ่งกลับมา วางไว้ที่จุดเร่ิมต้น การบนั ทึกผล บนั ทกึ เวลาที่ทาได้ดีท่ีสุด หน่วยเป็นวนิ าที จากการทดสอบ 2 ครง้ั ทีม่ า: Miller (2002) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นกั กฬี า 277 Side Stepping Test วตั ถุประสงค์ เพอื่ ทดสอบความเร็วในการเคลอื่ นท่ดี ้านข้าง อุปกรณ์ 1. นาฬิกาจบั เวลา 2. เทปกาว 3. เทปวัดระยะทาง วธิ ีการ 1. ใชเ้ ทปกาว เพื่อกาหนดเป็นเสน้ 2 เส้น วางขนานกนั 12 ฟุต 2. เริ่มตน้ การทดสอบจะใหผ้ ู้เขา้ รบั การทดสอบสไลดด์ ้านข้างไป-กลับ โดยเริม่ จากดา้ น ใดก่อนก็ได้ 2. ผู้เข้ารบั ทดสอบจะต้องสไลด์ดา้ นขา้ ง ไปกลับให้ได้จานวนคร้งั มากท่สี ุดภายในเวลาท่ี กาหนดคือ 30 วินาที โดยจะนบั จานวนครั้งทเ่ี ท้าสมั ผสั เส้นที่กาหนดไว้ การบันทึกผล บันทึกจานวนคร้งั ทท่ี าไดม้ ากที่สุดในเวลา 30 วนิ าที ทีม่ า: Miller (2002) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 278 Quadrant Jump Test วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ทดสอบความเรว็ ของเท้าในการกระโดดทศิ ทางต่าง ๆ อุปกรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา 2. เทปกาว 3. เทปวดั ระยะทาง วิธกี าร ติดเทปกาวเป็นเคร่ืองหมาย  เพื่อแบ่งเปน็ zone หรือพ้นื ทตี่ า่ งๆ เป็น 4 ส่วน โดยกาหนด พืน้ ทต่ี ่างๆ ตามหมายเลขท่ีกาหนดดงั รปู 1. เร่มิ ต้นทดสอบ ให้ผูท้ ดสอบยนื เท้าคู่ทจ่ี ุด start จากน้นั กระโดดเทา้ คตู่ ามพน้ื ที่ต่างๆ ท่ีกาหนดโดยเรมิ่ จาก 1 – 2 -3 และ 4 ตามลาดับและกลับมาตามทิศทางเดิมอกี คร้ัง โดยปฏิบตั ดิ ว้ ยความเร็วเต็มท่ี กาหนดเวลาในการทดสอบ 10 วินาที 3. นกั กีฬาจะต้องทาการทดสอบท้ังหมด 2 คร้ัง การบันทกึ ผล บนั ทึกจานวนคร้งั ทท่ี าได้มากทส่ี ุดจากการทดสอบ 2 ครัง้ นาครัง้ ท่ดี ีท่ีสุดเทียบเกณฑ์ มาตรฐาน ระดับความคล่องแคลว่ วอ่ งไว จานวนครง้ั ผชู้ าย ผูห้ ญงิ ดมี าก ดี  31  33 25-30 27-32 ปานกลาง 13-24 14-26 ตา่ 7-12 8-13 0-16 0-7 ตา่ มาก ทมี่ า: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรับนักกฬี า 279 Hexagon Agility Test วตั ถุประสงค์ เพอื่ ทดสอบความเรว็ ของเท้าในการกระโดดทศิ ทางต่าง ๆ อปุ กรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา 2. เทปกาว 3. เทปวัดระยะทาง วิธีการ ติดเทปกาวเป็นรปู 6 เหล่ียม โดยในแตล่ ะมุมทา มุม 120 องศา ยาว 60.5 เซนติเมตร ใหผ้ ู้เข้ารบั การทดสอบยืนเทา้ คทู่ ่ีจดุ start ดงั รูป 1. เรม่ิ ตน้ การทดสอบ ให้ผู้เข้ารบั การทดสอบกระโดดเท้าคู่ขา้ มเสน้ และกลบั มาทเี่ ดมิ โดยกระโดดเทา้ ค่ไู ปในทิศทางดา้ นขา้ งและดา้ นหลงั ทิศทางท่ีกาหนด 2. ในการกระโดด ปลายเทา้ ทั้งสองจะต้องชี้ตรงไปข้างหนา้ ในลกั ษณะเชน่ เดียวกบั การ เรม่ิ ต้นทดสอบเสมอ 3. ทาการทดสอบกระโดดติดต่อกันทัง้ หมด 3 รอบ โดยครั้งแรกเริ่มเคล่อื นที่ตามเข็ม นาฬกิ า และครง้ั ท่สี องเคลอ่ื นทท่ี วนเข็มนาฬิกา พกั ระหวา่ งครั้งของการทดสอบ 5 นาที การบันทึกผล บันทึกจานวนคร้ังท่ีทาได้มากท่ีสุดจากการทดสอบ 2 ครงั้ นาครัง้ ทีด่ ที ี่สุดเทียบเกณฑ์ มาตรฐาน ที่มา: Mackenzie (2005) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 280 2. การทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวเชิงปฏกิ ริ ยิ า (reactive agility test) การทดสอบรูปแบบน้ี เป็นการทดสอบท่ีนักกีฬา มีการว่ิงเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วตามสัญญาณท่ี กาหนด ซ่ึงนักกีฬาจะไม่ทราบทิศทางการเคล่ือนท่ีล่วงหน้าว่าต้องไปในทิศทางใด โดยส่วนมากจะใช้ ชุดการ ทดสอบด้วยโปรแกรมสาเร็จรูปที่กาหนดสัญญาณไฟ หรือสัญญาณภาพสาหรับกาหนดทิศทางการเคลื่อนที่ ร่วมกบั Timing gate ท่จี บั เวลา โดยการทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวเชิงปฏิกิริยา เป็นรูปแบบการทดสอบ ตามนิยามความหมายใหม่ของความคล่องแคล่วว่องไว ดังน้ันแบบทดสอบจึงยังมีไม่มากนัก โดยตัวอย่าง แบบทดสอบทนี่ ยิ มใช้มีดังน้ี Reactive Agility Test วัตถุประสงค์ เพือ่ ทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวเชิงปฏกิ ริ ิยา อุปกรณ์ ชดุ อปุ กรณ์ทดสอบ kinematic measurement system (KMS) (Fitness Technologies, Australia). วธิ กี าร 1. วาง Timing gate จานวน 2 คู่ ห่างกนั เปน็ ระยะ 10 เมตร โดยจุดเรมิ่ ตน้ จะหา่ งจากตรงกลาของ Timing gate ทง้ั สองด้าน โดยถอยออกมาเปน็ ระยะ 2 เมตร และ Timing gate แตล่ ะคู่จะวางหา่ งกัน เป็นระยะ 3 เมตร ดังรูป 2. นกั กฬี ายืนท่จี ุดเริม่ ต้น ห่างจาก Timing gate คูท่ ี่ 1 เปน็ ระยะ 2 เมตร ในขณะที่ผูด้ าเนินการ ทดสอบยืนอยูบ่ นเส่อื รับสัญญาณ (timing mat) ในทศิ ตรงกนั ข้ามและหนั หนา้ เขา้ หานกั กีฬาใน ระยะหา่ ง 5 เมตร 3. เรมิ่ ตน้ การทดสอบ ผู้ดาเนินการทดสอบจะเคลือ่ นเท้าท้ังสองขา้ งออกจาก Timing matโดยเวลา จะเริม่ เดินทันที นักกีฬาจะเริ่มทดสอบโดยจะวง่ิ ออกจากจุดเรม่ิ ตน้ จากน้ันนักกฬี าจะต้องเคล่ือนทีโ่ ดย อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 281 การวง่ิ ผ่านTiming gate ไปทางซ้ายหรอื ขวา ตามการเคลอื่ นทีข่ องผดู้ าเนนิ การทดสอบ เชน่ ถ้า ผูด้ าเนนิ การทดสอบเคล่ือนทไี่ ปทางขวา นักกีฬาก็จะว่ิงผ่าน Timing gate ในทศิ ทางเดียวกันกบั ที่ ผู้ดาเนินการทดสอบเคล่ือนท่ี 4. การกาหนดการเคลอ่ื นท่ีของผดู้ าเนินการทดสอบ จะมีทั้งหมด 4 รูปแบบดงั นี้ 1) ก้าวเท้าออกจาก Timing mat ดว้ ยเท้าขวา แล้วเคลอื่ นท่ีไปยงั Timing gate ทางซ้ายมอื 2) กา้ วเท้าออกจาก Timing mat ดว้ ยเท้าซา้ ย แล้วเคลื่อนท่ีไปยัง Timing gate ทางขวามอื 3) กา้ วเทา้ ออกจาก Timing mat ด้วยเท้าขวา ตามด้วยเท้าซา้ ย แลว้ เคลอื่ นทไ่ี ปยัง Timing gate ทางขวามอื 4) กา้ วเทา้ ออกจาก Timing mat ดว้ ยเทา้ ซา้ ย ตามด้วยเทา้ ขวา แลว้ เคลอ่ื นท่ีไปยงั Timing gate ทางซ้ายมือ 5. นักกีฬาจะต้องทาการทดสอบท้ังหมด 12 เท่ยี ว โดยจะเป็นการเคลือ่ นท่ีไปทางซา้ ย 6 เทีย่ ว และเคลื่อนทท่ี างขวา 6 เท่ยี ว การพกั ระหวา่ งครงั้ จะให้นกั กีฬาพกั จนหายเหน่ือยพร้อมท่จี ะทดสอบ เทย่ี วต่อไป เพือ่ ไม่ใหม้ ปี จั จัยด้านความลา้ เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยทว่ั ไปจะใชเ้ วลา 20-30 วนิ าที 6. ในแต่ละเทยี่ วของการทดสอบ ผู้ดาเนนิ การทดสอบจะต้องสุม่ เลอื กใชร้ ูปแบบการเคลื่อนที่ให้ ครอบคลุมท้งั 4 รูปแบบ โดยท่ีนกั กีฬาไมร่ ทู้ ิศทางทจ่ี ะเคลอื่ นที่ล่วงหนา้ การบันทึกผล บนั ทึกคา่ เฉล่ียของเวลาท่ีทาไดจ้ ากการวง่ิ ท้ัง 12 เท่ยี ว หน่วยเป็นวนิ าที ทมี่ า: Sheppard. et al (2006) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นกั กฬี า 282 Reactive Agility Test วัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบความคล่องแคลว่ ว่องไวเชงิ ปฏิกริ ยิ า อปุ กรณ์ ชดุ อปุ กรณ์ทดสอบ Smartspeed Test วิธกี าร 1. วาง Timing gate จานวน 3 คู่ แต่ละควู่ างห่างกันเปน็ ระยะ 5 เมตร ตรงกลางของ Timing gate ท่อี ยู่ เฉียงทางดา้ นซา้ ยและขวา จะวางหา่ งจากตรงกลางของ Timing gate คทู่ ่ี 2 ซ่ึงอยูต่ รงกลาง 5 เมตร โดยตรงกลางของ Timing gate คู่ท่ี 2 จะยืดออกทางดา้ นข้างท้ังซ้ายและขวาขา้ งละ 3 เมตร โดยทามุม ฉากกับตรงกลางของ Timing gate ในแตล่ ะขา้ งเป็นระยะ 4 เมตรดงั รูป 2. นักกีฬาจะยนื ที่จุดเรม่ิ ตน้ ด้านหลังของ Timing gate คูท่ ่ี 1 เร่ิมตน้ การทดสอบ นักกีฬาจะทดสอบโดย จะวง่ิ ออกจากจดุ เรม่ิ ตน้ เป็นระยะ 5 เมตร ผ่าน Timing gate คู่ที่ 2 3. เม่อื นักกีฬาวิ่งผา่ น Timing gate คู่ท่ี 2 หากมีสัญญาณไปกระพริบข้นึ ใน Timing gate ทอ่ี ยู่ทางด้าน ใด ใหน้ กั กีฬาวิ่งผ่าน Timing gate ในดา้ นนนั้ (ซ้ายหรอื ขวา) ทันทีอย่างรวดเรว็ 5. นกั กฬี าจะต้องทาการทดสอบท้งั หมด 8 เทยี่ ว โดยโปรแกรมจะทาการส่มุ ทศิ ทางในการวงิ่ แตล่ ะเท่ียว การบันทึกผล บันทึกเวลา หนว่ ยเปน็ วนิ าที จากตัวแปรต่อไปน้ี - ค่าเฉลี่ยของเวลาจากการว่ิงทง้ั 8 เทย่ี ว - คา่ เฉลี่ยของเวลาที่ว่งิ ไปทางขวาและวิง่ ไปทางซ้าย - เวลาทีด่ ีทสี่ ดุ ทจ่ี ากการวง่ิ ไปทางขวาและวง่ิ ไปทางซ้าย ท่ีมา: Gabbett and Benton (2009) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 283 คาถามและปฏบิ ัติการทา้ ยบทที่ 8 1. จงอธิบายความหมายและความสาคัญของความเรว็ และความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว 2. การทดสอบความเร็ว และความคล่องแคล่วว่องไวสามารถแบ่งได้กี่รูปแบบ แต่ละรูปแบบมีข้อดี และข้อเสยี แตกตา่ งกันอยา่ งไร 3. ใหท้ าการทดสอบความเร็วตามวิธีต่าง ๆ ต่อไปน้ี พร้อมระบุผลการทดสอบและระดับสมรรถภาพท่ี ได้จากการทดสอบ แบบทดสอบ ผลการทดสอบ ระดบั สมรรถภาพ 1. 30 Meter Sprint Test (Static-start) …………………… …………………… 2. 30 Meter Sprint Test (Flying-start) …………………… …………………… 3. 10-20-30 Meter Sprint Test (Stopwatch) …………………… …………………… 4. 10-20-30 Meter Sprint Test (Timing gate) …………………… …………………… 3.1 ให้เปรียบเทียบผลการทดสอบความเร็วที่ได้จากการทดสอบ 30 Meter Sprint Test ในท่า Static-Start กับ ความเร็วที่ได้จากการทดสอบ 30 Meter Sprint Test ในท่า Flying-Start พร้อมท้ังสรุป และอภิปรายผลถึงความความแตกตา่ งของผลการทดสอบที่ได้ในแตล่ ะวิธี 3.2 ให้เปรยี บเทียบผลการทดสอบความเร็วท่ีได้จากการทดสอบ 10-20-30 Meter Sprint Test โดย ใช้นาฬิกาจับเวลา และการทดสอบโดยใช้ Timing gate พร้อมท้ังสรุปและอภิปรายผลถึงความความแตกต่าง ของผลการทดสอบทีไ่ ดใ้ นแตล่ ะวธิ ี 4. ให้ทาการทดสอบความคล่องแคล่วว่องไวตามวิธีต่าง ๆ ต่อไปนี้ พร้อมระบุผลการทดสอบและ ระดบั สมรรถภาพที่ได้จากการทดสอบ อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 284 แบบทดสอบ ผลการทดสอบ ระดับสมรรถภาพ 1. Illinois Agility Run Test …………………… …………………… 2. T-Test …………………… …………………… 3. Hexagon Agility Test …………………… …………………… 4. Reactive Agility Test …………………… …………………… จากผลการทดสอบท่ีได้ ให้เปรียบเทียบระดับความคล่องแคล่วว่องไวท่ีได้ในแต่ละวิธี พร้อมทั้งสรุป และอภปิ รายผลถึงความความแตกตา่ งของผลการทดสอบท่ีไดใ้ นแต่ละวธิ ี อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรับนักกฬี า 285 บทท่ี 9 การทดสอบการทรงตัว (Balance Testing) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนกั กฬี า 286 แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 9 การทดสอบการทรงตัว 1. หัวข้อเน้ือหาประจาบท 1) ความหมายและความสาคัญของการทรงตัว 2) ประเภทของการทดสอบการทรงตวั 3) ตัวอยา่ งแบบทดสอบการทรงตวั 2. วัตถุประสงค์เชงิ พฤติกรรม หลงั จากศกึ ษาจบบทน้ีแล้ว ผ้เู รียนสามารถ 1) อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของการทรงตัว 2) อธิบายประเภทของการทดสอบการทรงตัว 3) อธบิ ายหลกั และวธิ กี ารทดสอบการทรงตวั 3. วิธีการสอนและกจิ กรรมการเรยี นการสอนประจาบท 1) การบรรยายจากเอกสารประกอบการสอน สไลดน์ าเสนอบทเรยี นจากไฟล์ Power point 2) การสาธิตวธิ กี าร และการฝกึ ทดลองปฏิบัตจิ ริง 3) อภปิ รายประเดน็ ปัญหาและข้อสงสัย 4) การทดลองในปฏิบัติการท่ี 9 5) ทาแบบฝกึ หดั ทา้ ยบทที่ 9 4. สอื่ การเรียนการสอน 1) เอกสารประกอบการสอน 2) สไลดน์ าเสนอบทเรยี น เป็นไฟล์ Power point 3) ไฟล์วดิ โี อจากเวบ็ ไซต์และแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ 4) แบบฝึกหัดทา้ ยบท 5. การวดั ผลและการประเมินผล 1) ตรวจสอบจากแบบฝึกหัดท้ายบท 2) สงั เกตความสนใจของผู้เรียน 3) สงั เกตจากการถามคาถามและตอบคาถามของผ้เู รียน 4) ตรวจสอบความถูกต้องของผลการทดลองในปฏบิ ตั กิ ารท่ี 9 อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนกั กฬี า 287 บทที่ 9 การทดสอบการทรงตัว ในขณะแข่งขนั กีฬา การทางานของรา่ งกายจะมีการเคลื่อนไหว โดยการเปล่ียนตาแหน่งในส่วนต่าง ๆ ต้านกับแรงดึงดูดของโลกตลอดเวลา นักกีฬาจะต้องมีความสามารถในการบังคับหรือควบคุมท่าทางการใช้ ทกั ษะการเคล่อื นไหวตา่ งๆ ให้เป็นตามที่ต้องการได้ ดังน้ันการทรงตัวซึ่งเป็นความสามารถในการรักษาสมดุล การเคล่ือนไหวของรา่ งกายจึงมีความสาคญั ในกีฬาทุกประเภท ในบางชนิดกีฬา นักกีฬาจะต้องมีความสามารถ ในการทรงตัวในระดับท่ีสูงมาก เช่นกีฬายิมนาสติก ข่ีม้า ลีลาศ รวมไปถึงสกี และสเก็ตน้าแข็งเป็นต้น แต่บาง ชนิดกีฬาก็จะใช้การทรงตัวในระดับที่ต่ากว่ากีฬาที่กล่าวมาข้างต้น เช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล เทนนิส และ วอลเลย์บอล เป็นต้น ซึ่งกฬี าแต่ละชนิดก็จะใชก้ ารทรงตัวมากน้อยแตกต่างกันไป เน้ือหาในเอกสารประกอบการสอนในบทนี้ จะกล่าวถึงความหมายและความสาคัญของการทรงตัว การแบ่งประเภทของการทดสอบการทรงตัว รวมถึงหลักและวิธีการทดสอบการทรงตัว ซึ่งจะทาให้ผู้เรียนมี ความเข้าสามารถท่จี ะเลือกใช้แบบทดสอบให้มีความสอดคล้องกับชนิดกีฬาตา่ ง ๆ ได้ ความหมายและความสาคัญของการทรงตวั การทรงตัว (balance) เป็นความสามารถในการควบคุมและรักษาท่าทางร่างกายให้มีความสมดุล ตามท่ีกาหนด ซง่ึ จะต้านกบั แรงดงึ ดดู ของโลก (Reiman and Manske, 2009) โดยการทรงตัวสามารถจาแนก ออกได้ 2 ประเภทคือ 1. การทรงตวั แบบอย่กู บั ที่ (static balance) จะเป็นความสามารถในการทรงตวั ขณะท่รี ่างกายอยูน่ ่ิง ไม่มีการเคลื่อนไหว ซงึ่ อวัยวะทใ่ี ช้เป็นฐานรองรับในท่านนั้ จะอยู่กับที่ 2. การทรงตัวแบบเคล่ือนท่ี (dynamic balance) ซึ่งจะเป็นการทรงตัวในขณะท่ีร่างกายมีการ เคล่ือนไหว อวัยวะทใี่ ช้เปน็ ฐานทใี่ ช้รองรับจะตอ้ งเคลอื่ นทไ่ี ม่อยนู่ ่ิง การทรงตัวจะขึ้นอยูก่ ับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป็นสาคัญ ถ้าหากกล้ามเนื้อไม่มีความแข็งแรงท่ีดี พอ ก็ไม่สามารถที่จะบังคับหรือควบคุมรักษาส่วนต่างๆ ของร่างกายให้อยู่ในท่าท่ีต้องการได้ ประกอบกับใน การเคลื่อนไหวที่เน้นให้ร่างกายจาเป็นจะต้องใช้การทรงตัวนั้น ร่างกายจะต้องมีการแบกน้าหนักตัว ดังน้ัน ความแข็งแรงของกลา้ มเนอ้ื แขน กล้ามเนอ้ื ขา และกล้ามเนื้อบริเวณลาตัวจึงต้องมีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษ (Tomchuk, 2011) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนกั กฬี า 288 สรรี วทิ ยาทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การทรงตัว การทรงตัวจะเป็นความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยทาให้จุดศูนย์ถ่วงของ ร่างกาย (center of gravity) อยู่ภายในฐานรองรับ (base of support) โดยจะต้องอาศัยการทางานของ ระบบการมองเห็น การรับความรู้สึก และการทรงตัวของหูชั้นใน ท่ีจะถ่ายทอดข้อมูลของท่าทางและการ เคล่อื นไหวของรา่ งกาย โดยเฉพาะการเคลือ่ นไหวของศีรษะ สัมพนั ธ์กบั ส่ิงแวดล้อม ระบบประสาทและกระดูก ขอ้ ต่อ และกล้ามเนอ้ื จะทาให้เกิดการเคลื่อนไหวตอบสนองต่อระบบรับความรู้สึกของร่างกายและการเปล่ียน ท่าต่าง ๆ ในการทรงตวั ของร่างกายนั้น จะต้องใช้กลไกการทางานของระบบประสาทและระบบกล้ามเน้ืออย่าง ซับซ้อน โดยแบ่งการทางานออกเป็นส่วนต่าง ๆ 3 ส่วนคือ รีเซ็ปเตอร์ (receptors) ศูนย์รับรู้การทรงตัวและ ศูนย์ประสานงาน และสุดท้ายคือ ศูนย์สั่งการเพ่ือแก้ไขร่างกายไม่ให้ล้ม โดยส่วนต่างๆ มีการทางาน ประสานกันดังนี้ คือ รีเซ็ปเตอร์ท่ีร่างกายใช้ในการรับรู้การทรงตัวนั้นท่ีอยู่ที่บริเวณใกล้หูช้ันในท่ีเรียกว่า vestibular apparatus ซึ่งประกอบด้วย 2 ส่วนคือ Semicircular canals ซ่ึงเป็นหลอดก่ึงวงกลม 3 หลอด วางต้ังฉากซ่ึงกันและกัน ทาหน้าที่รับการกระตุ้นเม่ือร่างกายมีการเคล่ือนที่เชิงมุมหรือเคล่ือนแบบหมุน อีก ส่วนหน่ึงคือ Utricle เป็นรีเซ็ปเตอร์ท่ีได้รับการกระตุ้นเม่ือศีรษะเคลื่อนท่ีตามแนวตรงซ่ึงอาจเคลื่อนไป ขา้ งหนา้ หรือถอยหลัง หรอื อาจเคลื่อนท่แี บบข้ึนบนหรอื ลงล่างก็ได้ นอกจากนัน้ รา่ งกายยังรับรู้เก่ียวกับการทรง ตัวโดยอาศัยรีเซ็ปเตอร์ อีก 2 ส่วนคือ ท่ีบริเวณดวงตา ซึ่งทาหน้าที่รับภาพภายนอกเพ่ือเทียบกับท่าทางของ ร่างกาย และอาศัยรีเซ็ปเตอร์ของ Somatosensory system ซึ่งประกอบด้วย Muscle spindles ที่อยู่ใน กล้ามเน้ือ Golgi tendon organ ที่อยู่บริเวณเอ็นกล้ามเนื้อ และ Joint receptors ที่อยู่บริเวณข้อต่อ Somatosensory system จะทาหน้าที่รายงานความส้ันยาว ความตึงของเอ็น รวมไปถึงระดับมุมการ เคลื่อนไหวของข้อต่อ ข้อมูลในการเคล่ือนไหวของร่างกายจะถูกส่งไปยังศูนย์รับรู้การทรงตัวและศูนย์ ประสานงานท่ีก้านสมอง โดยข้อมูลที่รับจาก Vestibular apparatus จะทางานประสานกับข้อมูลที่รับรู้ท่ี บริเวณดวงตา และจะส่งต่อไปยัง Cerebellum เพ่ือให้ร่างกายได้ทราบว่ามีการเคล่ือนท่ีหรือมีร่างกายมีการ หมุนในลักษณะใด จากนั้นจะข้อมูลจะถูกส่งไปยังศูนย์ส่ังการเพื่อแก้ไข โดยจะมีการปรับท่าทางของแขน ขา และลาตัวให้ร่างกายสามารถทรงตัวได้ในทสี่ ดุ (McArdle et al, 2010) นอกจากน้ัน ในการท่ีร่างกายสามารถรักษาการทรงตัวนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทรงตัวแบบอยู่กับที่ หรือ การทรงตัวแบบเคลือ่ นท่ี องค์ประกอบทางกลศาสตรก์ ็จะมีบทบาทสาคัญท่ีจะมีผลต่อความสามารถในการทรง ตัวเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะองค์ประกอบเก่ียวกับจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายซ่ึงประกอบด้วย ความสูงของ จุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย ขนาดของฐานที่รองรับในขณะเคล่ือนไหว และความสัมพันธ์ระหว่างเส้น ผ่าน จุดศูนย์ถ่วงกับฐานที่รองรับ โดยความสูงของจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายจะมีผลต่อความสามารถในการทรงตัว อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 289 เป็นอย่างมาก ซ่ึงจะเห็นได้ว่าถ้าจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายอยู่ต่ามากเท่าใด ความมั่นคงในการทรงตัวของ ร่างกายก็จะยิ่งมีมากขึ้น โดยเฉพาะในคนท่ีมีรูปร่างสูงจะมีความสามารถในการทรงตัวที่ค่อนข้างยากลาบาก เพราะมีจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายท่ีสูงน่ันเอง ส่วนในคนท่ีมีรูปร่างเต้ียจะสามารถทรงตัวได้ง่ายกว่า เพราะ จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายจะต่า ดังนั้นในกีฬาประเภทท่ีต้องใช้ความสามารถในการทรงตัว เช่น ยิมนาสติก ไม่ ควรทจี่ ะเลอื กคนท่ีมรี ูปรา่ งสูงเกินไป นอกจากน้ันขนาดของฐานท่ีรองรับในขณะเคลื่อนไหวก็เป็นองค์ประกอบ ที่สาคัญเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ขนาดของฐานท่ีรองรับน้าหนักตัว ถ้ายิ่งกว้างมากเท่าใด ก็จะทาให้การทรงตัว สามารถทาได้ง่าย เนื่องจากจะทาให้เส้นลากผ่านจุดศูนย์ถ่วงในฐานรองรับมีมากข้ึน แต่ถ้าถ้าขนาดของ ฐานรองรับมขี นาดแคบจะทาให้ทรงตัวสามารถทาได้ค่อนข้างยากลาบาก เช่น การเดินบนท่อนไม้ และการยืน ด้วยปลายเท้า เป็นต้น ส่วนองค์ประกอบสุดท้ายท่ีมีผลต่อการทรงตัว คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเส้นผ่าน จุดศนู ยถ์ ว่ งกับฐานที่รองรบั รา่ งกายจะทรงตัวใหส้ มดุลได้ ถา้ เสน้ ลากผา่ นจดุ ศูนย์ถ่วงตกอยู่ในฐานรองรับ และ ย่ิงตกใกล้จุดศูนย์ถว่ งมากเทา่ ใด ความสมดุลกจ็ ะเกิดมากขนึ้ เท่านน้ั การทรงตวั กส็ ามารถท่ีจะทาได้ง่ายข้นึ ประเภทของการทดสอบการทรงตัว โดยทั่วไป ในการทดสอบการทรงตัว สามารถแบ่งรูปแบบการทดสอบออกเป็น 2 ประเภท คือ การ ทดสอบการทรงตัวแบบอยู่กับที่ (static balance test) และการทดสอบการทรงตัวแบบเคล่ือนที่ (dynamic balance test) ซึ่งแบบทดสอบท่ีนามาใช้ในการทดสอบท้ัง 2 รูปแบบนี้ก็จะแตกต่างกันไป โดยมีดังต่อน้ี (Tomchuk, 2011) o การทดสอบการทรงตวั แบบอยู่กบั ท่ี (static balance test) เป็นการทดสอบการทรงตัว ในรูปแบบที่ร่างกายจะต้องพยายามควบคุมท่าทางการเคล่ือนไหวต่าง ๆ ให้อยนู่ ิง่ โดยอวัยวะท่ีใช้เป็นฐานรองรับในท่าน้ันจะอยู่กับที่ เช่น แบบทดสอบอยู่ยืนขาเดียวอยู่กับที่ หรือการ ทดสอบโดยยืนบน Balance board เปน็ ต้น o การทดสอบการทรงตัวแบบเคล่ือนท่ี (dynamic balance) เป็นการทดสอบการทรงตัว ในรูปแบบที่ร่างกายจะต้องพยายามควบคุมท่าทางการเคล่ือนไหวต่าง ๆ เป็นไปตามท่กี าหนด โดยอวยั วะทเ่ี ป็นฐานทร่ี องรับการเคล่ือนไหว จะมีการเคล่ือนที่หรือเคล่ือนไหว ไม่ค้างอยู่ กับที่ เชน่ การทดสอบเดินบนคานทรงตวั เปน็ ตน้ จะเห็นได้ว่า รูปแบบของการทดสอบการทรงตัวทั้งสองรูปแบบนี้ ลักษณะของการทดสอบจะเป็น การมุ่งเน้นให้นักกีฬาหรือผู้เข้ารับการทดสอบใช้ความสามารถในการบังคับและควบคุมการเคล่ือนไหวของ ร่างกายให้เป็นไปตามท่ีต้องการหรือท่ีกาหนดได้ นักกีฬาท่ีมีความสามารถในการทรงตัวที่ดี การใช้ทักษะใน การเคลื่อนไหวในกฬี าชนดิ ต่าง ๆ จะทาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพข้นึ อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรับนักกฬี า 290 ตัวอยา่ งทดสอบการทรงตวั o การทดสอบการทรงตวั แบบอยกู่ ับท่ี (static balance test) Stork Stand Test วตั ถุประสงค์ เพอื่ ทดสอบความสามารถในการทรงตวั แบบอยู่กบั ท่ี อุปกรณ์ 1. นาฬกิ าจบั เวลา วิธีการ 1. เร่ิมตน้ การทดสอบ ใหผ้ ู้เข้ารบั การทดสอบยืนเขย่งขาเดียว ในข้างที่ถนัดโดยยนื บนพื้นเรยี บ 2. เท้าอีกข้างหนึ่งยกขน้ึ แตะบรเิ วณเข่าดา้ นใน มอื ท้ังสองข้างจบั สะโพก 3. ผ้เู ขา้ รบั การทดสอบจะต้องยืนให้นานทส่ี ุดเท่าทจี่ ะทาได้ การบันทกึ ผล บันทึกเวลาทท่ี าได้ (หนว่ ยวินาที) มาเทียบเกณฑ์มาตรฐานดงั น้ี ระดับความสามารถ เวลาท่ที าได้ (วนิ าที) ในการทรงตัว ผชู้ าย ผหู้ ญิง ดีมาก ดี  51  28 ปานกลาง 37-50 23-27 ตา่ 15-36 8-22 ต่ามาก 5-14 3-7 0-4 0-2 ทม่ี า: Tomchuk (2011) และ Johnson and Nelson (1986) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 291 Bass Stick Test (Crosswise) วตั ถุประสงค์ เพอ่ื ทดสอบความสามารถในการทรงตัวแบบอยู่กับที่ อปุ กรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา วิธกี าร 2. ท่อนไม้ ขนาดกว้าง 1 น้ิว ยาว 12 น้ิว และสงู 1 นิว้ 3. เทปกาว เพอ่ื ยึดท่อนไม้ให้ตดิ กบั พื้น 1. ให้ผู้เข้ารับการทดสอบ ยนื เขยง่ ดว้ ยปลายเท้าดว้ ยขาข้างเดียวบนทอ่ นไม้ ซ่งึ วางไวต้ าม แนวขวาง (Crosswise) 2. ผู้เขา้ รับการทดสอบจะต้องพยายามรักษาการทรงตัวให้นานท่สี ดุ เท่าท่จี ะทาได้โดยเริม่ จับเวลาเม่อื เท้ายกข้ึนเหนือพ้ืนและจะหยุดการทดสอบเม่ือสว่ นใดสว่ นหนึ่งของเทา้ สมั ผัสพ้นื 3. จะทาการทดสอบท้งั หมด 6 คร้ัง แบง่ เปน็ การทดสอบโดยการยืนดว้ ยเทา้ ขวา 3 ครั้ง และยืนด้วยเทา้ ซ้าย 3 ครัง้ การบันทึกผล บันทึกเวลาท่ีทาได้ (หน่วยวินาที) โดยนาผลรวมของเวลาจากการทดสอบท้ัง 6 คร้ัง มา เทยี บเกณฑ์มาตรฐานดังนี้ ระดับความสามารถ เวลาท่ีทาได้ (วนิ าที) ในการทรงตัว ดีมาก ผ้ชู าย ผู้หญิง ดี ปานกลาง  225  180 ตา่ ตา่ มาก 165-224 140-179 65-164 60-139 15-64 15-59 0-14 0-14 ทมี่ า: Tomchuk (2011) และ Johnson and Nelson (1986) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรับนกั กฬี า 292 Bass Stick Test (Lengthwise) วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ทดสอบความสามารถในการทรงตัวแบบอยู่กับท่ี อปุ กรณ์ 1. นาฬิกาจับเวลา 2. ทอ่ นไม้ ขนาดกว้าง 1 นวิ้ ยาว 12 นิ้ว และสูง 1 นิว้ 3. เทปกาว เพื่อยึดท่อนไม้ให้ตดิ กับพน้ื วธิ ีการ 1. ใหผ้ ้เู ขา้ รับการทดสอบ ยนื เขย่งดว้ ยปลายเทา้ ด้วยขาขา้ งเดียวบนทอ่ นไม้ ซ่ึงวางไวต้ าม แนวยาว (Lengthwise) 2. ผู้เขา้ รบั การทดสอบจะต้องพยายามรักษาการทรงตวั ให้นานท่สี ุดเท่าทจี่ ะทาได้ โดยเร่ิมจับเวลาเมอ่ื เท้ายกข้นึ เหนอื พน้ื และจะหยดุ การทดสอบเม่ือสว่ นใดส่วนหน่ึง ของเท้าสัมผสั พ้นื 3. จะทาการทดสอบท้ังหมด 6 คร้ัง แบ่งเปน็ การทดสอบโดยการยืนดว้ ยเท้าขวา 3 คร้งั และยืนดว้ ยเทา้ ซ้าย 3 คร้งั การบนั ทกึ ผล บนั ทึกเวลาท่ีทาได้ (หน่วยวนิ าที) โดยนาผลรวมของเวลาจากการทดสอบท้ัง 6 ครง้ั มา เทียบเกณฑ์มาตรฐานดังนี้ ระดับความสามารถ เวลาท่ีทาได้ (วินาที) ในการทรงตัว ดีมาก ผูช้ าย ผหู้ ญิง ดี ปานกลาง  346  336 ตา่ ต่ามาก 306-345 301-335 221-305 206-300 181-220 166-205 0-180 0-165 ทม่ี า: Tomchuk (2011) และ Johnson and Nelson (1986) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 293 Two-Foot Standing Balance Test วตั ถุประสงค์ เพื่อทดสอบความสามารถในการทรงตัวแบบอยู่กับที่ อุปกรณ์ 1. นาฬิกาจบั เวลา 2. กระดานสาหรับการทรงตวั (balance board) วธิ กี าร 1. ให้ผูเ้ ขา้ รบั การทดสอบยืนด้วยเท้าท้งั 2 ขา้ ง บนจุดกึ่งกลางของ Balance board 2. ผเู้ ขา้ รับการทดสอบจะต้องพยายามทรงตวั อยู่บน Balance board ใหน้ านทสี่ ดุ เทา่ ที่จะทาได้ โดยไมใ่ หฐ้ านทีใ่ ชย้ ืมสมั ผัสพืน้ 3. ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องทดสอบทัง้ หมด 3 ครัง้ การบันทึกผล บันทกึ เวลาท่ที าได้ดีทสี่ ุดจากการทดสอบ 3 คร้ัง (หนว่ ยวินาที) มาเทียบเกณฑ์มาตรฐาน ดงั น้ี ระดบั ความสามารถ เวลาท่ที าได้ (วนิ าที) ในการทรงตัว ผูช้ าย ผ้หู ญิง ดีมาก ดี  45  42 ปานกลาง 33-44 30-41 ตา่ 15-32 13-29 ต่ามาก 5-14 4-12 0-14 0-3 ทม่ี า: Johnson and Nelson (1986) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวทิ ยาศาสตร์การกฬี า มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วทิ ยาสาหรบั นกั กฬี า 294 One-Foot Standing Balance Test วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อทดสอบความสามารถในการทรงตวั แบบอยู่กบั ท่ี อุปกรณ์ 1. นาฬกิ าจับเวลา 2. กระดานสาหรบั การทรงตวั (balance board) วิธีการ 1. การทดสอบจะใช้วธิ ีการเหมือนกบั แบบทดสอบ Two - Foot Standing Balance Test จะแตกตา่ งตรงท่ี วิธีการนีจ้ ะใช้การยนื ดว้ ยขาขา้ งเดยี วบน Balance board 2. ผู้เข้ารบั การทดสอบจะต้องพยายามทรงตัวอย่ใู หน้ านท่ีสุด เทา่ ทจ่ี ะทาได้ โดยไมใ่ ห้ฐานทใ่ี ชย้ มื สัมผสั พนื้ 3. ผู้เข้ารบั การทดสอบจะต้องทดสอบท้งั หมด 3 ครั้ง การบันทึกผล บันทึกเวลาทที่ าไดด้ ีทีส่ ดุ จากการทดสอบ 3 คร้ัง (หน่วยวนิ าที) มาเทยี บเกณฑม์ าตรฐาน ดังนี้ ระดบั ความสามารถ เวลาท่ีทาได้ (วนิ าที) ในการทรงตวั ผู้ชาย ผู้หญิง ดมี าก ดี  17  15 ปานกลาง 11-16 9-14 ตา่ 5-10 5-8 ต่ามาก 3-4 3-4 1-2 1-2 ท่ีมา: Johnson and Nelson (1986) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวิทยาสาหรบั นักกฬี า 295 Four Corner Touch Test วตั ถุประสงค์ เพอ่ื ทดสอบความสามารถในการทรงตวั แบบอยู่กบั ที่ อุปกรณ์ 1. นาฬกิ าจบั เวลา 2. กระดานสาหรบั การทรงตวั (balance board) วิธีการ 1. ให้ผเู้ ขา้ รับการทดสอบยนื ด้วยขาทงั้ สองข้างบน Balance board 2. ผูเ้ ขา้ รบั การทดสอบจะต้องทรงตวั อยู่บน Balance board โดย จะต้องพยายามออกแรงทรงตวั เพ่อื กดใหม้ ุมต่าง ๆ ของ Balance Board ทั้ง 4 มมุ สมั ผัสพ้ืน 3. คะแนนที่ได้จากการทดสอบ จะนบั จากจานวนครง้ั ท่ีมุมตา่ ง ๆ สมั ผัสพ้นื โดยเร่ิมจาก มุมด้านหนา้ -ซา้ ย (front-left corner) มมุ ด้านหน้า-ขวา (front-right corner) มมุ ด้านหลัง-ซา้ ย (back-left corner) มุมดา้ นหลัง-ขวา (back-right corner) เรยี งลาดับกนั จนครบ 2 นาที การบนั ทึกผล บันทึกจานวนคร้งั ทมี่ ุมตา่ ง ๆ สัมผสั พน้ื ในเวลา 2 นาทไี ปเทียบเกณฑม์ าตรฐานดังน้ี ระดบั ความสามารถ จานวนครงั้ ในการทรงตัว ผู้ชาย ผหู้ ญิง ดมี าก ดี  18  16 ปานกลาง 12-17 10-15 ตา่ 7-11 5-9 ตา่ มาก 4-6 3-4 0-3 0-2 ทม่ี า: Johnson and Nelson (1986) อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรีรวทิ ยาสาหรบั นักกฬี า 296 Stabilometer Test วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ทดสอบความสามารถในการทรงตัวแบบอยู่กับท่ี อุปกรณ์ 1. เครอ่ื งจับเวลา (Electronic timer) 2. โต๊ะยนื ทรงตวั ท่ตี ่อวงจรเข้าเคร่อื ง Electronic timer วิธีการ 1. ให้ผ้รู บั การทดสอบข้ึนบนกระดานทรงตวั วางตาแหนง่ เท้าท้ังสองข้างของตวั เอง ซงึ่ สามารถ ทรงตัวอยู่ไดน้ านทส่ี ุด แลว้ ปลอ่ ยมือท้ังสองขา้ ง ออกจากราวจับด้านหน้า ผู้ทดสอบจะเริ่มจบั เวลาทเี่ คร่ือง Electronic timer 2. พยายามทรงตัวขณะท่ปี ลอ่ ยมอื อยใู่ หน้ านทส่ี ุด ไมใ่ ห้กระดานทรงตวั ด้านใดด้านหนึ่ง เอียงลงไปกระทบกับเหลก็ ข้างลา่ ง 3. เมื่อกระดานทรงตวั เอียงไปกระทบเหล็กขา้ งลา่ ง ตวั เลขที่เคร่อื ง Electronic timer จะหยุดใหเ้ ร่ิมทาการทดสอบครั้งต่อไปจนครบ จานวน 7 ครั้ง 4. เครือ่ ง Electronic timer จะจับเวลาให้บนั ทึกผลถึงทศนิยม 3 ตาแหนง่ ของวนิ าที การทดสอบทงั้ 7 ครง้ั จะตัดค่าท่เี ร็วทส่ี ุดออก 1 คร้งั และค่าทีช่ า้ ทสี่ ุดออก 1 คร้งั แล้วหาคา่ เฉล่ยี การบนั ทึกผล ให้บันทกึ ผลเวลาทท่ี าไดใ้ นการทดสอบ 7 ครงั้ หน่วยเป็นวินาที ทศนิยม 3 ตาแหนง่ โดยจะตัดค่าทเ่ี ร็วทีส่ ุดออก 1 ครงั้ และค่าท่ีช้าทสี่ ุดออก 1 คร้ัง แล้วนามาหาค่าเฉลย่ี ท่ีมา: ฝุายวทิ ยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (2542) อาจารย์ ดร.นริ อมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์

การทดสอบทางสรรี วิทยาสาหรบั นักกฬี า 297 o การทดสอบการทรงตวั แบบเคลือ่ นท่ี (dynamic balance test) Modified Bass Dynamic Balance Test วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ทดสอบความสามารถในการทรงตัวแบบเคล่ือนที่ อุปกรณ์ 1. นาฬกิ าจับเวลา วธิ กี าร 2. เทปวดั ระยะทาง 3. เทปกาว 1. ใช้เทปกาวกาหนดเปน็ จุดต่างๆ ในการทดสอบ โดยมีทัง้ หมด 11 จดุ ตามระยะทางและทิศทางที่ กาหนดให้ดังรูป 2. เริ่มต้นการทดสอบ ให้ผเู้ ข้ารบั การทดสอบยนื ด้วยเท้าขวา ณ ตาแหน่งจุด start จากน้นั ให้กระโดดไปยังจดุ ที่ 1 โดยจะต้องลงสู่พื้น ด้วยเท้าซ้าย และให้ทรงตวั ค้างไว้ 5 วนิ าที จากนั้นกระโดดไปยังจุดท่ี 2 โดยให้ลงสู่ พน้ื ด้วยเทา้ ขวา สลบั กนั ไปเร่ือยๆ จนถึงจดุ สดุ ทา้ ยคือ จดุ ท่ี 10 คะแนนทไี่ ด้จากการทดสอบ มดี ังนี้ 5 คะแนน ถ้าหากสามารถกระโดดลงตรงจดุ ทก่ี าหนดไว้ 1 คะแนน ถ้าหากทรงตัวอยู่ไดเ้ ปน็ เวลา 1 วนิ าที ซง่ึ ในการทดสอบจะให้ ทรงตวั นานสูงสดุ 5 วินาที ดงั นนั้ ในแตล่ ะจดุ หากผู้ทดสอบกระโดดลงตรงจดุ ที่กาหนดใหไ้ ด้ และสามารถ ทรงตวั อยไู่ ดน้ าน 5 วินาที จะไดร้ ับคะแนนทง้ั หมด 10 คะแนน ซง่ึ คะแนนเต็มของ การทดสอบจะเท่ากับ 100 คะแนน การทดสอบครัง้ นี้มหี ลักเกณฑ์การให้คะแนน และการตัดคะแนน ดังนี้ การกระโดดลงสพู่ ้นื (Landing) ผ้ทู ดสอบจะโดนตัดคะแนน 5 คะแนน ถ้าการกระโดดลงสู่พ้นื นน้ั ไม่ถกู ต้องตาม เงื่อนไขดังนี้ - สนั้ เทา้ หรอื สว่ นใดส่วนหนึง่ ของรา่ งกายจากปลายเทา้ สมั ผสั พื้น - ไมส่ ามารถกระโดดลงดว้ ยปลายเท้าให้ตรงกับจดุ ทกี่ าหนดใหไ้ ด้ อาจารย์ ดร.นิรอมลี มะกาเจ | คณะวิทยาศาสตร์การกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook