Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม ๑ นานาความรู้ คู่มือการเรียนภาษาไทย ม.๕

เล่ม ๑ นานาความรู้ คู่มือการเรียนภาษาไทย ม.๕

Published by Anawin090641, 2021-08-11 14:59:22

Description: เล่ม ๑ นานาความรู้ คู่มือการเรียนภาษาไทย ม.๕

Search

Read the Text Version

นานาความรู้ คู่มือการเรียนภาษาไทย ม.๕ เลม่ ๑ หลักภาษา และการใช้ภาษา จดั ทำโดย นำงสำวอำภำภรณ์ มำกหนู

หนงั สือนานาความรู้ คู่มือการเรียนวิชาภาษาไทย ม.๕ “เล่ม ๑ หลกั ภาษาและ การใช้ภาษาไทย” น้ี เป็ นเอกสารประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาภาษาไทย ๓ (ท๓๒๑๐๑) สาหรับนักเรี ยนระดับช้ันมัธยมศึกษาช้ันปี ที่ ๕ โรงเรี ยนสตรี ระนอง จงั หวดั ระนอง ซ่ึงเน้ือหาภายในเล่มเป็นสาระความรู้ท่ีเป็นพ้ืนฐาน และใชส้ าหรับการศึกษา เพ่ิมเติมความรู้เก่ียวกบั หลกั ภาษาและการใชภ้ าษาได้ ซ่ึงประกอบไปดว้ ยเน้ือหาสาระ ดงั น้ี ๑. อ่ำนพนิ ิจคดิ พจิ ำรณ์ มีเน้ือหาเก่ียวขอ้ งกบั สาระการอ่าน ๒. อกั ษรสำรจำรจำรึก มีเน้ือหาเก่ียวขอ้ งกบั สาระการเขียน ๓. ตรึกตรับ ทศั นำ วำจำเลศิ มีเน้ือหาเก่ียวขอ้ งกบั สาระการฟัง ดู และพดู ๔. เพลินเพลิดกำรใช้ ภำษำไทย มีเน้ือหาเกี่ยวข้องกับสาระหลักภาษาและ การใชภ้ าษาไทย ท้งั น้ี หวงั เป็ นอย่างยิ่งว่าหนงั สือนานาความรู้ คู่มือการเรียนวิชาภาษาไทย ม.๕ “เล่ม ๑ หลักภาษาและการใช้ภาษา” เล่มน้ี จะเป็ นประโยชน์แก่นักเรียนในการศึกษา รายวชิ าภาษาไทย ๓ (ท๓๒๑๐๑) ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ ๕ ต่อไป อาภาภรณ์ มากหนู

สารบญั หน่วยท่ี ๑ อ่ำนพนิ ิจคดิ พจิ ำรณ์ หน้ำ ๑๑ หน้ำ ๖๐ กำรอ่ำนออกเสียง กำรอ่ำนวเิ ครำะห์วจิ ำรณ์ หน้ำ ๘๐ หน้ำ ๑๐๒ หน่วยท่ี ๒ อกั ษรสำรจำรจำรึก หน้ำ ๑๓๓ หน้ำ ๑๕๓ กำรเขยี นเรียงควำม กำรเขยี นเชิงวชิ ำกำร กำรเขียนสำรคดี กำรประเมนิ คุณค่ำงำนเขียน

สารบญั หน่วยที่ ๓ ตรึกตรับ ทัศนำ วำจำเลศิ ฟังและดูอย่ำงมวี จิ ำรณญำณ หน้ำ ๑๘๗ กำรพูดโน้มน้ำวใจ หน้ำ ๒๐๓ หน่วยที่ ๔ เพลนิ เพลดิ กำรใช้ภำษำไทย ลกั ษณะของภำษำ หน้ำ ๒๒๐ วฒั นธรรมของภำษำ หน้ำ ๒๕๘ กำรแต่งคำประพนั ธ์ร่ำยและฉันท์ หน้ำ ๒๘๕

ภาษาไทย นอกจากจะเป็ นภาษาประจาชาติ ซ่ึงคนไทยจาเป็ น จ ะ ต้อ ง ใ ช้ภ า ษ า ไ ท ย ติ ด ต่ อ ส่ื อ ส า ร แ ล ะ ใ ช้ติ ด ต่ อ ง า น ร า ช ก า ร แ ล้ว ภาษาไทยยงั เป็ นเครื่องบ่งช้ีถึงประวัติความเป็ นมาอย่างยาวนาน และภูมิปราชญข์ องคนไทยในสมยั โบราณ เราไม่ใช่บา้ นป่ าเมืองเถื่อน เราจึงมีภาษาไทยเป็นของตนเอง ขอ้ น้ีเราจึงควรภาคภูมิใจ อีกดา้ นหน่ึง ภาษาไทยยงั จาเป็นอยา่ งยงิ่ สาหรับ การใชเ้ พอ่ื การศึกษาและเป็นพ้ืนฐานต่อการเรียนรู้ ในรายวิชาต่าง ๆ ดังน้ันกำรเรียนรู้วชิ ำภำษำไทย จึงเป็ นสิ่งสำคญั ของนักเรียน

หนว่ ยที่ ๑ อา่ นพนิ ิจคิดพิจารณ์

๑ตอนที่ การอ่าน การอ่าน เป็นทกั ษะทางภาษาท่ีสาคญั เพราะเป็นพ้นื ฐานในการศึกษาหาความรู้ทุกแขนง วชิ า ท้งั ยงั เป็นวธิ ีการรับสารท่ีใชม้ ากในชีวติ ประจาวนั การฝึ กทกั ษะกระบวนการอ่านใหม้ ีประสิทธิภาพจึงเป็นการพฒั นาตนเอง เพ่ือให้การศึกษา คน้ ควา้ ต่างๆ บรรลุผลตามความมุ่งหมาย และสามารถใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรอง วิเคราะห์และวิจารณ์ แยกแยะขอ้ เท็จจริงและขอ้ คิดเห็นไดอ้ ย่างเหมาะสม ตลอดจนการ อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามอกั ขรวิธี เพื่อใชท้ กั ษะการ อ่านไปพฒั นาทกั ษะทางภาษาดา้ นอื่นๆ ใหส้ ามารถใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งผทู้ ่ีเป็นนายของภาษา ต่อไป

ความรู้พนื้ ฐานการอ่าน จุดมุ่งหมำยในกำรอ่ำน ๑. อ่านเพ่ือความรู้ เน้นการอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตอ้ งการให้เกิดความรู้ ซ่ึงการอ่านเพ่ือ ความรู้น้ีมีหลายลกั ษณะ เช่น อ่านเพอ่ื หาคาตอบ เช่น อ่านกฎระเบียบ คาแนะนา เป็นตน้ ๒. อ่านเพอื่ ศึกษา เป็นการอ่านอยา่ งจริงจงั เช่น การอ่านตารา และหนงั สือวชิ าการต่าง ๆ ๓. อ่านเพอ่ื ความคดิ เป็นการอ่านเพื่อใหเ้ ขา้ ใจสาระของเน้ือเรื่องเป็นแนวทางในการริเริ่ม สิ่งต่าง ๆ ซ่ึงเป็นความคิดอนั ไดป้ ระโยชนจ์ ากการอ่าน ๔. อ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์ เป็ นการอ่านเพื่อความรู้อย่างลึกซ้ึง ทาให้สามารถแสดง ความคิดเห็นจากเรื่องท่ีอ่านประกอบการใชเ้ หตุผลได้ เช่น การอ่านบทความ ข่าว เป็นตน้ ๕. อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน เป็ นการอ่านเพื่อเปล่ียนแปลงกิจกรรม เป็ นการผ่อนคลาย เพ่ือใหเ้ กิดความร่ืนรมย์ การอ่านชนิดน้ีไม่ไดจ้ ากดั ว่าอ่านเอกสารชนิดใด ข้ึนอยกู่ บั ความพอใจ ของผอู้ ่านเป็นสาคญั ๖. อ่านเพอ่ื ใช้เวลาอย่างสร้างสรรค์และเป็ นประโยชน์ เป็นการอ่านท่ีไม่ไดม้ ุ่งหวงั ส่ิงหน่ึง ส่ิงใดโดยเฉพาะ เป็ นการอ่านเม่ือมีเวลาว่างขณะรอคอยกิจกรรมอื่น ๆ การอ่านชนิดน้ีสามารถ หยดุ อ่านไดท้ นั ที โดยไม่ทาลายความต่อเน่ืองหรือสมาธิในการอ่าน

ความรู้พนื้ ฐานการอ่าน ประเภทของกำรอ่ำน ๑. อ่านในใจ เป็ นการอ่านเพื่อทาความเขา้ ในในเน้ือหาหรือตวั อกั ษรจาก การเขียนของผูเ้ ขียน ซ่ึงไม่ไดม้ ีการเปล่งเสียงออกมา เป็ นเพียงการทาความเขา้ ใจเฉพาะ บุคคลเท่าน้นั ๒. อ่านออกเสียง เป็ นทกั ษะข้นั สูงกว่าการอ่านในใจ ซ่ึงจะตอ้ งเปล่งเสียง ออกมาเพ่ือให้ผฟู้ ังเขา้ ใจความหมายหรือเน้ือหาท่ีผอู้ ่านกาลงั อ่าน ซ่ึงอาจจะมีจุดมุ่งหมาย ในการอ่านที่แตกต่างกนั เช่น อ่าน เพื่อถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการ การอ่านประเภทน้ี อาจจะคานึงเฉพาะความถูกตอ้ งของภาษาในการอ่านออกเสียง โดยไม่จาเป็ นจะตอ้ งใช้ อารมณ์หรือตีความเน้ือหาเพ่ือถ่ายทอด ซ่ึงจะแตกต่างกบั การอ่านเพ่ือความเพลิดเพลิน หรือการอ่านเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ เช่น การอ่านนิทาน อ่านบทประพนั ธ์ เป็นตน้ ส่ิงเหล่าน้ี ผอู้ ่านจาเป็นจะตอ้ งถ่ายทอดอารมณ์ของการอ่านเพ่ือใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ในเน้ือหามากยง่ิ ข้ึน เป็นตน้

ความรู้พนื้ ฐานการอ่าน ลกั ษณะของนักอ่านที่ดี ๑. มีความต้งั ใจ หรือมีสมาธิแน่วแน่ในการอ่าน ๒. มีความอดทน สามารถอ่านหนงั สือไดใ้ นระยะเวลานานโดยไม่เบ่ือ ๓. อ่านไดเ้ ร็วและเขา้ ใจความหมายของคา ๔. มีความรู้พ้ืนฐานพอสมควร ท้ังด้านความรู้ทัว่ ไป ถ้อยคา สานวน โวหาร ฯลฯ ๕. มีนิสยั จดบนั ทึก รวบรวมความรู้ความคิดท่ีไดจ้ ากการอ่าน ๖. มีความจาดี สามารถจดจาขอ้ มลู ของเรื่องได้ ๗. มีความรู้เร่ืองการหาขอ้ มูลจากห้องสมุด เพราะจะช่วยประหยดั เวลา ในการหาขอ้ มูล ๘. มีวิจารณญาณในการอ่าน สามารถแยกเน้ือหาขอ้ เท็จจริง เพ่ือตดั สิน ความน่าเช่ือถือ หรือประโยชน์ที่จะไดร้ ับจากการอ่านไดอ้ ยา่ เหมาะสม ๙. มีมารยาทในการอ่าน ท้งั แบบการอ่านในใจและการอ่านออกเสียง

การอ่านออกเสียง กำรอ่ำนออกเสียงบทร้อยแก้ว หน้ำ ๑๓ กำรอ่ำนออกเสียงบทร้อยกรอง หน้ำ ๑๗

๑ การอ่านออกเสียง การอ่านออกเสียง เป็ นการอ่านเพ่ือให้ผูฟ้ ังเข้าใจเร่ืองราวและได้รับ อรรถรส เกิดอารมณ์และจินตนาการไปตามเน้ือเรื่อง ผอู้ ่านออกเสียงจึงตอ้ งมีน้าเสียง ไพเราะ อ่านเวน้ วรรคตอนและอ่านสะกดการันตไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การอ่าน ร้อยกรอง ผูอ้ ่านตอ้ งรู้จกั ฉันทลกั ษณ์และท่วงทานองการอ่านคาประพนั ธ์แต่ละชนิด ดว้ ย ผเู้ รียนจึงควรฝึกฝนการอ่านออกเสียงใหช้ านาญไปตามความสามารถของตน บนหลกั การท่ีถกู ตอ้ ง ซ่ึงเป็นประโยชนต์ ่อตนเองและผอู้ ่ืน อีกท้งั ยงั เป็นการอนุรักษ์ วฒั นธรรมทางภาษาวธิ ีหน่ึงดว้ ย

๑ การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว ร้อยแก้ว • “ความเรียงท่ีสละสลวยไพเราะ เหมาะเจาะดว้ ยเสียงและความหมาย” • “ถอ้ ยคาที่เรียบเรียงข้ึนโดยไม่มีขอ้ บงั คบั หรือขอ้ แมต้ ่างๆ” o “สมั ผสั เอก โท ครุ ลหุ คณะ เป็นความเรียงที่เกล้ียงเกลา สละสลวย ไพเราะ งดงาม ประหน่ึงการร้อยดวงแกว้ ท่ีแสนงามเขา้ ดว้ ยกนั ” • ถึงแมว้ ่าร้อยแกว้ จะไม่ไดบ้ งั คบั ว่าตอ้ งใชค้ าที่สัมผสั กนั แต่บางคร้ังร้อยแกว้ ที่มี สัมผสั ก็ทาให้เกิดความไพเราะ และแสดงถึงการเรียบเรียงร้อยแก้วน้ันอย่าง พถิ ีพิถนั o “…กรุงสุโขทยั น้ีดี ในน้ามีปลาในนามีขา้ ว เจา้ เมืองบ่เอาจกอบในไพร่ลู่ทาง เพ่ือนจูงววั ไปคา้ ขี่มา้ ไปขาย…” เป็นขอ้ ความในศิลาจารึกหลกั ที่ ๑ ของพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราชท่ีใชค้ าคลอ้ งจองทาใหเ้ กิดความไพเราะ ชวนอ่าน

๑ การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว (ต่อ) รูปแบบของร้อยแก้ว บนั เทงิ คดี • งานเขียนที่แต่งข้ึนโดยใชจ้ ินตนาการ มีความมุ่งหมายใหผ้ อู้ ่านไดร้ ับความ บนั เทิงเป็นสาคญั • อาจใหค้ วามรู้ ความจรรโลงใจ คติ และแง่คิดต่างๆ ดว้ ย o นิทาน เรื่องส้นั นวนิยาย บทละครพดู นิยายอิงพงศาวดาร ตานาน สารคดี • งานเขียนท่ีมุ่งใหส้ าระความรู้ท่ีเป็นขอ้ เทจ็ จริงเป็นสาคญั o สารคดีเชิงท่องเที่ยว สารคดีเชิงชีวประวตั ิ รายงานการประชุม ความ เรียง บทความ ตาราวิชาการต่างๆ พงศาวดาร กฎหมาย จดหมายเหตุ พระราชหตั ถเลขา

๑ การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว (ต่อ) หลกั การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว • ศึกษาเรื่องที่จะอ่านใหเ้ ขา้ ใจ แบ่งวรรคตอนการอ่านใหเ้ หมาะสม • ตอ้ งรู้หลกั การอ่านคาในภาษาไทยใหถ้ ูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี • ตอ้ งมีสมาธิในการอ่าน มีความมน่ั ใจ ตอ้ งควบคุมสายตาจากซา้ ยไปขวา และยอ้ นกลบั ลงมาอีกบรรทดั หน่ึงอยา่ งวอ่ งไวและแม่นยา • อ่านดว้ ยเสียงท่ีเป็นธรรมชาติหรืออ่านใหเ้ ป็นเสียงพดู ไม่ดดั เสียงหรือ ใชเ้ สียงแหลมเกินไป • การเนน้ เสียงหนกั เบา สูง ต่าใหเ้ ป็นไปตามธรรมชาติโดยสอดคลอ้ งกบั เรื่องท่ีอ่าน • อ่านออกเสียงใหด้ งั พอประมาณ ไม่ตะโกนหรือแผว่ เกินไป หากอ่าน ออกเสียงผา่ นไมโครโฟน ควรใหป้ ากห่างจากไมโครโฟนตามความ เหมาะสม ระมดั ระวงั อยา่ ใหเ้ สียงหายใจเขา้ ไมโครโฟน

๑ การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว (ต่อ) หลกั การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว • อ่านเวน้ วรรคตอนใหถ้ ูกตอ้ งและกาหนดจงั หวะความเร็วในการอ่านให้ เหมาะสม ตอ้ งอ่านใหจ้ บคาและไดใ้ จความ ไม่ควรหยดุ กลางคาหรือตดั ประโยคจนเสียความ • อ่านอยา่ งมีลีลาและอารมณ์ตามเน้ือเร่ืองท่ีอ่าน คือ เนน้ คาท่ีสาคญั และ คาท่ีตอ้ งการเพอื่ ใหเ้ กิดภาพพจน์หรือจินตภาพ • อ่านเคร่ืองหมายวรรคตอนใหถ้ ูกตอ้ ง คาท่ีใชค้ ายอ่ ตอ้ งอ่านใหเ้ ตม็ คา • เม่ืออ่านจบยอ่ หนา้ หน่ึงๆ ควรผอ่ นลมหายใจเลก็ นอ้ ย เม่ืออ่านยอ่ หนา้ ใหม่จึงเนน้ เสียงหรือทอดเสียง เพื่อดึงความสนใจจากผฟู้ ัง • วางหนงั สือหรือบทอ่านบนฝ่ามือซา้ ย ยกหนงั สือข้ึนใหไ้ ดร้ ะดบั ตาม ความเหมาะสม มือขวาคอยพลิกหนงั สือหนา้ ถดั ไป ไม่ควรใชน้ ิ้วมือช้ี ตามตวั หนงั สือ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง ตามพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ “วธิ ีการอ่านออกเสียงอยา่ งไพเราะตามลีลาของบทร้อยกรอง ประเภทโคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน” • การขบั ไดแ้ ก่ การขบั เสภา การขบั ลานาสู่ขวญั ขบั ไมก้ ล่อมชา้ ง • การร้อง ไดแ้ ก่ การขบั ร้องเพลงต่างๆ เช่น เพลงไทย เพลงไทยสากลหรือเพลงพ้ืนบา้ น • การกล่อม ไดแ้ ก่ การกล่อมเดก็ เห่กล่อมพระบรรทม • การเห่ ไดแ้ ก่ การเห่เรือ เห่พระบรรทม • การแหล่ ไดแ้ ก่ การแหล่เทศน์ แหล่เพลงในลกั ษณะต่างๆ • การสวด ไดแ้ ก่ การสวดคากาพย์ สวดสรภญั ญะ สวดโอเ้ อว้ หิ ารราย • การพากย์ ไดแ้ ก่ การพากยโ์ ขน หรือทานองพากยใ์ นบทพากยต์ ่างๆ • การวา่ ไดแ้ ก่ การวา่ เพลงพ้ืนเมือง หรือเพลงปฏิพากยต์ ่างๆ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) กลวธิ ีการอ่านออกเสียงร้อยกรอง • ผอู้ ่านทานองเสนาะไดไ้ พเราะตอ้ งเป็นผทู้ ี่มีแกว้ เสียงดี น้าเสียงแจ่มใส o เสียงใส ดงั กงั วาน ไม่แหบแหง้ หรือแตกพร่า o ผทู้ ี่มีน้าเสียงดียอ่ มสามารถใชน้ ้าเสียงอ่านไดไ้ พเราะจบั ใจกวา่ ผทู้ ี่ มีน้าเสียงแหบแหง้ o ควรคานึงถึงรสและลีลาท่ีเหมาะสมกบั อารมณ์ของบทประพนั ธ์ ซ่ึงเป็นทกั ษะที่เกิดจากการฝึกหดั o ผทู้ ี่มีน้าเสียงไม่แจ่มใส ถา้ ฝึกหดั ออกเสียงใหถ้ กู ตอ้ ง จดจาทานอง ลีลาและลกั ษณะฉนั ทลกั ษณ์ของคาประพนั ธแ์ ต่ละประเภทไดก้ ็ สามารถอ่านออกเสียงใหน้ ่าฟังได้ แมจ้ ะไม่ไพเราะเท่ากบั คนท่ี เสียงดี

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) กลวธิ ีการอ่านออกเสียงร้อยกรอง • ตอ้ งมีความรู้เร่ืองฉนั ทลกั ษณ์ของบทร้อยกรองท่ีจะอ่าน

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) กลวธิ ีการอ่านออกเสียงร้อยกรอง • จาทานองเสนาะของร้อยกรองแต่ละชนิดไดอ้ ยา่ งแม่นยาไม่หลงทานอง จะตอ้ งจาทานองและฉนั ทลกั ษณ์ใหไ้ ด้ มีสติพิจารณาก่อนอ่าน • มีสมาธิ ไม่อ่านตกหล่น อ่านผดิ หรืออ่านขา้ ม • รักการอ่านทานองเสนาะ หมนั่ ฝึกฝนและเช่ือมน่ั ในตวั เอง • เป็นผรู้ ักษาสุขภาพดี รักษาแกว้ เสียงและน้าเสียง ไม่นอนดึกเกินไป ดื่มน้าอุ่นเสมอ ไม่ด่ืมเคร่ืองด่ืมที่มีแอลกอฮอล์ ชา หรือกาแฟ ไม่ตะโกน หรือกรีดร้องเสียงดงั • เป็นผมู้ ีบุคลิกดี แต่งตวั สุภาพเหมาะสมกบั โอกาส เดินหรือนง่ั ตวั ตรง ไม่ นง่ั หลงั ค่อมหรือเดินห่อตวั ยนื ยดื อกอยา่ งสง่าผา่ เผย • จบั หนงั สือหรือบทอ่านใหม้ น่ั คง

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) กลวธิ ีการอ่านออกเสียงร้อยกรอง • ตอ้ งพิจารณาบทอ่านก่อนวา่ เป็นบทร้อยกรองประเภทใด จาขอ้ บงั คบั ครุ ลหุ และลีลาการอ่านใหแ้ ม่นยา • ลองฝึกอ่านในใจเพ่ือจบั ใจความและอารมณ์ของเรื่อง แลว้ แบ่งวรรคตอน แบ่งช่วงการอ่านใหถ้ ูกตอ้ ง เม่ืออ่านตอ้ งใหไ้ ดอ้ ารมณ์ตามเน้ือเรื่อง • ระมดั ระวงั การออกเสียงอกั ขระใหช้ ดั เจน อยา่ อ่านออกเสียงโดยเลียนแบบ ภาษาต่างประเทศ ออกเสียง ร ล และคาควบกล้าใหช้ ดั เจน อ่านตาม ทานองและตอ้ งพจิ ารณาดว้ ยวา่ ทา้ ยเสียงช่วงใดควรใชเ้ สียงสูง ช่วงใด ควรหลบเสียงลงต่า

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) กลวธิ ีการอ่านออกเสียงร้อยกรอง • มีศิลปะในการใชเ้ สียง o การใชไ้ มโครโฟน ไม่ใหป้ ากจ่อชิดไมโครโฟนจนเกินไป o ควรออกเสียงใหพ้ อเหมาะ ไม่ตะโกนใหก้ อ้ งจนเกินไป หรือดดั เสียงจนไม่เป็นธรรมชาติ รู้จกั ใชจ้ งั หวะในการอ่านใหเ้ หมาะสม กบั อารมณ์ของเร่ืองท่ีอ่าน o เม่ืออ่านใกลจ้ ะจบตอ้ งอ่านทอดเสียง ผอ่ นจงั หวะใหช้ า้ ลง o การเปล่ียนเสียงหรือหกั เสียง หลบจากเสียงสูงไปต่า เมื่อไม่ สามารถออกเสียงที่สูงเกินไปได้ o การเอ้ือนเสียง คือ การลากเสียงชา้ ๆ และไวห้ างเสียง เพ่ือใหเ้ ขา้ จงั หวะและไพเราะ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) กลวธิ ีการอ่านออกเสียงร้อยกรอง • มีศิลปะในการใชเ้ สียง o การครั่นเสียง คือ การทาเสียงใหส้ ะดุด เม่ืออ่านถึงตอนท่ีสะเทือน อารมณ์ o การครวญเสียง คือ การเอ้ือนเสียงใหเ้ กิดความรู้สึกตามอารมณ์ของ การคร่าครวญ ราพนั วงิ วอน หรือโศกเศร้า o การกระแทกเสียง คือ การลงเสียงใหห้ นกั เป็นพเิ ศษเม่ือตอ้ งแสดง อารมณ์โกรธแสดงความเขม้ แขง็

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านร่าย • ร่ายเป็นคาประพนั ธ์ที่มีเสน่ห์ กวนี ิยมใชใ้ นการบรรยายช่วงท่ีเป็น เน้ือหามากกวา่ ความคิดและนิยมแต่งร่ายร่วมกบั โคลง เรียกวา่ ลิลิต ยกเวน้ ร่ายยาวที่แต่งตามลาพงั • นิยมอ่านหลบเสียงสูงใหต้ ่าลงในระดบั ของเสียงท่ีใชอ้ ยู่ • ก่อนการอ่านคาประพนั ธ์ ควรราลึกพระคุณของครูบาอาจารย์ เพ่ือทาให้ เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและทาใหม้ ีสติ • การอ่านร่ายทุกชนิดจะมีทานองเหมือนกนั คือ ทานองสูงอ่านดว้ ยเสียง ระดบั เดียวกนั และลงจงั หวะท่ีทา้ ยวรรคทกุ วรรค • ลีลาในการอ่านจะเนิบชา้ หรืออ่านเร็วเพยี งใดข้ึนอยกู่ บั อารมณ์ท่ีปรากฏ ตามเน้ือความ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ ร่ายสุภาพ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ ร่ายยาว

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านร่าย • การใชน้ ้าเสียงในการอ่าน ใชน้ ้าเสียงใหเ้ หมาะสมกบั อารมณ์และเน้ือความ o เน้ือความแสดงอารมณ์เศร้า น้าเสียงควรเบาลง สน่ั เครือ จงั หวะ การอ่านชา้ ลงกวา่ ปกติ o เน้ือความแสดงอารมณ์โกรธ น้าเสียงควรหนกั แน่น เนน้ เสียงดงั กวา่ เดิม อ่านกระชบั ส้นั หว้ น o เน้ือความแสดงอารมณ์ขบขนั ผอู้ ่านตอ้ งควบคุมตนเองไม่ให้ หวั เราะในขณะท่ีอ่าน แต่น้าเสียงแสดงถึงความขบขนั o เน้ือความบรรยายหรือพรรณนา ตอ้ งอ่านใหไ้ ดอ้ ารมณ์ของคาหรือ ของความ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านร่าย • การใชน้ ้าเสียงในการอ่าน ใชน้ ้าเสียงใหเ้ หมาะสมกบั อารมณ์และเน้ือความ o เน้ือความศกั ด์ิสิทธ์ิหรือแสดงความยง่ิ ใหญ่ ใชน้ ้าเสียงหนกั แน่น แต่ไม่หว้ น o เน้ือความสงั่ สอน น้าเสียงปานกลาง ไม่เบาหรือไม่ดงั เกินไป เนน้ เสียงท่ีคาสอน o เน้ือความบรรยายการต่อสู้ ใชน้ ้าเสียงดงั หนกั แน่น หว้ นกระชบั o เน้ือความแสดงอาการตกใจกลวั น้าเสียงหนกั เบาหรือเสียงสน่ั ตาม เน้ือความท่ีปรากฏ o เน้ือความตดั พอ้ ต่อวา่ น้าเสียงต่า เนน้ บา้ ง สะบดั เสียงบา้ ง

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านร่าย • การใชน้ ้าเสียงในการอ่าน ใชน้ ้าเสียงใหเ้ หมาะสมกบั อารมณ์และเน้ือความ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านร่าย • การใชน้ ้าเสียงในการอ่าน ใชน้ ้าเสียงใหเ้ หมาะสมกบั อารมณ์และเน้ือความ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านร่าย • อ่านใหจ้ บวรรค

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านร่าย • การหายใจตรงรับสมั ผสั o ร่ายยาวทุกชนิดมกั ใชจ้ านวนคาวรรคละ ๕ คา การอ่าน ภายใน ๑ ช่วงลมหายใจ จึงไม่มีปัญหา o หากเป็นร่ายยาวซ่ึงจานวนคาของแต่ละวรรค อาจมีถึง ๑๗ คา หากคา ที่เหลือในวรรคยงั ยาวเกินกว่าช่วงลมหายใจของผูอ้ ่าน ก็สามารถ พจิ ารณาความที่พอแบ่งวรรคไดแ้ ลว้ ลกั หายใจตรงคาท่ีแบ่งวรรคน้นั • การอ่านทอดเสียงตอนจบ o ตอ้ งทอดเสียงใหย้ าวนานกวา่ การทอดเสียงทา้ ยในวรรคอ่ืนๆ เพ่ือให้ ผฟู้ ังทราบวา่ เรื่องท่ีฟังอยกู่ าลงั จะจบและรู้สึกประทบั ใจ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • โคลงเป็นร้อยกรองท่ีมีลีลาและลกั ษณะเฉพาะ เป็นคาประพนั ธ์ชนิดเดียว ที่บงั คบั คาเอก คาโท • การอ่านโคลงใหเ้ สนาะ ไดอ้ รรถรสและเกิดอารมณ์สะเทือนใจน้นั ผอู้ ่าน จะตอ้ งเขา้ ใจความหมายของคา เน้ือหาของโคลง และวธิ ีการอ่าน • การอ่านโคลงมี ๒ วธิ ี o วธิ ีที่ ๑ การอ่านโคลงทานองธรรมดา o วธิ ีที่ ๒ การอ่านโคลงทานองเสนาะ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • จงั หวะและทานอง o จงั หวะหลกั ของโคลง จะตกตรงคาทา้ ยวรรคและทา้ ยบท ซ่ึงมกั เป็นคาส่งหรือรับสมั ผสั o จงั หวะเสริมของโคลง คือ จงั หวะภายในวรรคซ่ึงนอกจากจะเพม่ิ ความไพเราะแลว้ ยงั ใหป้ ระโยชนใ์ นการผอ่ นลมหายใจดว้ ย o โคลงระบุจานวนคา แต่มิไดร้ ะบุจานวนพยางค์ หากมีจานวน พยางคม์ ากกวา่ จานวนคา ตอ้ งพจิ ารณารวบพยางคใ์ หจ้ งั หวะไปตก ตรงพยางคท์ า้ ยของคาท่ีตอ้ งการโดยอ่านรวบคาใหเ้ ร็วและเบา o อ่านดว้ ยเสียงระดบั เดียวกนั ท้งั บทแต่บางคาจะข้ึนลงสูงต่าตาม เสียงวรรณยกุ ต์

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • จงั หวะและทานอง

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • จงั หวะและทานอง

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ ูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ o อ่านใหถ้ ูกตอ้ งตามขอ้ บงั คบั ของคาเอกและคาโท

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ ูกตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ o อ่านใหถ้ ูกตอ้ งตามขอ้ บงั คบั ของคาเอกและคาโท

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ กู ตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ o อ่านใหถ้ ูกตอ้ งตามขอ้ บงั คบั ของคาเอกและคาโท

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ กู ตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ o อ่านใหถ้ กู ตอ้ งตามขอ้ บงั คบั ของคาเอกและคาโท

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ กู ตอ้ งตามฉนั ทลกั ษณ์ o อ่านใหถ้ ูกตอ้ งตามขอ้ บงั คบั ของการใชค้ ายตั ิภงั ค์ ท้งั ที่ปรากฏและ ไม่ปรากฏเคร่ืองหมาย บาทที่ ๒ หน่ึงเขตนเรศรา-ชะน้ี บาทที่ ๓ กบั ท้งั เทพมหา นคร เรานอ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • ตอ้ งตระหนกั ในเรื่องเสียง o ผอู้ ่านบางคนเสียงสูง บางคนเสียงต่า บางคนอ่านคาที่ตอ้ งยกระดบั เสียงใหส้ ูงถึงท่ีสุดไม่ได้ ฉะน้นั ตอ้ งตระหนกั ในเสียงของตนเองวา่ มีพลงั เพียงใด o ความไพเราะของโคลงอยทู่ ่ีเสียง โดยเฉพาะเสียงทา้ ยบาทต่างๆ บางบาทข้ึนสูงบางบาทลงต่า จะตอ้ งควบคุมเสียงใหไ้ ด้ o ตอ้ งรู้จกั หลบเสียงใหเ้ ขา้ มาอยใู่ นขอบเขตของเสียงตนเองและตอ้ ง อ่านใหต้ รงกบั ระดบั เสียงของคา

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • ตอ้ งตระหนกั ในเร่ืองเสียง o เสียงของคาท่ีก่อใหเ้ กิดภาพ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • ตอ้ งตระหนกั ในเร่ืองเสียง o เสียงของคาท่ีก่อใหเ้ กิดอารมณ์และความรู้สึก

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ กู สาเนียงและอารมณ์ o การอ่านบทรัก บทนิราศ

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ ูกสาเนียงและอารมณ์ o การอ่านบทเศร้า บทเมตตาสงสาร ควรคร่ันเสียง เครือเสียง

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ ูกสาเนียงและอารมณ์ o การอ่านบทต่ืนเตน้

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านใหถ้ ูกสาเนียงและอารมณ์ o การอ่านบทสู้รบ บทต่อสู้

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านโคลง • อ่านทอดเสียงตอนจบ o เป็นการเปล่งเสียงคาตามปกติ แลว้ ผอ่ นเสียงใหแ้ ผว่ ลง ซ่ึงโดยปกติ ตาแหน่งท่ีทอดเสียง คือ คาทา้ ยวรรค คาส่งหรือรับสมั ผสั คาทา้ ยบท คาสร้อย และคาแบ่งจงั หวะ o ตอ้ งใหย้ าวกวา่ ขณะจบวรรคและเมื่อจบตอนที่อ่านตอ้ งชะลอจงั หวะ ใหช้ า้ ลงกวา่ เดิม แลว้ ทอดเสียงยาวกวา่ ทุกคร้ังตรงคารองสุดทา้ ย และคาสุดทา้ ยน้นั

๒ การอ่านออกเสียงร้อยกรอง (ต่อ) การอ่านร้อยกรองประเภทต่างๆ การอ่านฉันท์ • ฉนั ทเ์ ป็นคาประพนั ธ์ที่แต่งยากท่ีสุด เพราะมีลกั ษณะบงั คบั คาครุ-ลหุ ฉนั ทข์ องไทยมีที่มาจากคมั ภีร์วตุ โตทยั • ฉนั ทว์ รรณพฤติ ซ่ึงกาหนดตวั อกั ษรวางคณะและกาหนดเสียงหนกั เบา ที่เรียกวา่ ครุ-ลหุ เป็นสาคญั • ฉนั ทม์ าตราพฤติ ซ่ึงวางจงั หวะส้นั ยาวของมาตราเสียงเป็นสาคญั คาลหุ นบั เป็น ๑ มาตรา คาครุนบั เป็น ๒ มาตรา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook