Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตร-ม.ปลายใหม่

หลักสูตร-ม.ปลายใหม่

Published by apple.workjaaa, 2019-11-11 21:21:08

Description: หลักสูตร-ม.ปลายใหม่

Keywords: curriculum,หลักสูตรสถานศึกษา,พระบางวิทยา

Search

Read the Text Version

ลาดบั ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สาระสาคัญ 343 ท่ี การเรียน ผลการเรียนรู้ เวลา/ นา้ หนกั อัตราสว่ น ชั่วโมง คะแนน ระหว่าง เรยี นกับ สอบ โครงสรา้ งรายวชิ า คณิตศาสตร์

344 โครงสรา้ งรายวิชา โครงสรา้ งรายวชิ าพืน้ ฐาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 รหัสวชิ า ค21101 รายวชิ า คณิตศาสตรพ์ น้ื ฐาน 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 60 ชั่วโมง อตั ราสว่ นคะแนนระหว่างภาคเรียน : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.5 หน่วยกติ ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั เรียนรู้ เรียนร้/ู ตัวช้วี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน ระบบจานวน ค 1.1 ม.1/1 จานวนเต็ม การเปรียบเทียบจานวนเต็ม 16 ตรรกยะ การบวก ลบ คูณ และหารจานวนเต็ม สมบัติการบวกและการคูณของจานวนเต็ม เศษสว่ นและ และการนาความรู้เก่ียวกับจานวนเต็มไปใช้ ทศนิยม ในชีวิตจรงิ ค 1.1 ม.1/1 การเขียนเศษส่วนด้วยทศนิยมและเขียน 30 ทศนิยมซ้าเป็นเศษส่วน การเปรียบเทียบ เศษส่วนและทศนิยม การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและทศนิยม โจทย์ปัญหา

ห รื อ ส ถ า น ก า ร ณ์ เกี่ ย ว กั บ เศ ษ ส่ ว น แ ล ะ 345 ทศนิยม การนาความรู้เกี่ยวกับเศษส่วน และทศนิยมไปใช้ในการแกป้ ัญหา 50 20 เลขยกกาลัง ค 1.1 ม.1/2 ความหมายของเลขยกกาลัง เลขยกกาลังท่ี 14 30 มีเลขช้ีกาลังเป็นจานวนเต็มบวก การคูณ 100 และการหารเลขยกกาลังท่ีมีฐานเดียวกัน 60 และเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มบวกและการ - เขี ย น แ ส ด ง จ า น ว น ใน รู ป สั ญ ก ร ณ์ - วทิ ยาศาสตร์ 60 รวม ทดสอบกลางภาค ทดสอบปลายภาค รวมตลอดภาคเรียนที่ 1 โครงสร้างรายวิชาพ้ืนฐาน กล่มุ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 รหสั วชิ า ค21102 รายวิชา คณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 60 ชว่ั โมง อัตราส่วนคะแนนระหว่างภาคเรยี น : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.5 หน่วยกิต ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั เรียนรู้ เรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน อั ต ราส่ ว น แ ล ะ ค 1.1 ม.1/3 อตั ราสว่ นของจานวนหลาย ๆ จานวน สัดส่วน 35 รอ้ ยละ ร้อยละ และการนาความรู้เกี่ยวกับ อัตราส่วน สดั ส่วนและร้อยละไปใช้ในการแกป้ ญั หา

346 ช่อื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก เรยี นรู้ เรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน สถิติ ค 3.1 ม.1/1 คาถามทางสถิติ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 25 การนาเสนอข้อมูล การแปลความหมายข้อมลู และการนาสถติ ไิ ปใช้ในชีวิตจรงิ รวม 60 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรยี นท่ี 2 60 100 โครงสรา้ งรายวิชาพ้นื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 รหสั วิชา ค22101 รายวิชา คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง อัตราส่วนคะแนนระหวา่ งภาคเรียน : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.5 หน่วยกิต

347 ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั เรียนรู้ เรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ดั (ช่ัวโมง) คะแนน จานวนจริง ค 1.1 ม.2/5 จานวนอตรรกยะ จานวนจริง รากท่ีสอง 18 และรากที่สามของจานวนตรรกยะ การนา ความรู้เก่ยี วกบั จานวนจริงไปใช้ ทฤษฎบี ทพที า ค 2.2 ม.2/6 ทฤษฎีบทพีทาโกรัสและบทกลับ การนา 12 โกรสั ความรู้เกี่ยวกับทฤษฏีบทพีทาโกรัสและบท กลบั ไปใช้ในชีวติ จรงิ จานวนตรรกยะ ค 1.1 ม.2/4 เลขยกกาลังที่มีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็ม 18 การนาความรู้เก่ียวกับเลขยกกาลังไปใช้ใน การแกป้ ญั หา เส้นขนาน ค 2.2 ม.2/3 สมบตั เิ กยี่ วกบั เสน้ ขนานและรูปสามเหล่ยี ม 12 รวม 60 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรยี นที่ 1 60 100 โครงสรา้ งรายวิชาพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 รหสั ค22102 รายวิชา คณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน 4 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 60 ชั่วโมง สัดสว่ นคะแนนระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.5 หน่วยกติ

348 ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก เรยี นรู้ เรียนรู/้ ตัวช้ีวดั (ชวั่ โมง) คะแนน พน้ื ท่ีผิว ค 2.1 ม.2/1 การหาพื้นท่ีผิวของปริซึมและทรงกระบอก 15 การนาความรู้เกี่ยวกับพื้นที่ผิวของปริซึม และทรงกระบอกไปใช้ในการแกป้ ัญหา ปริมาตร ค 2.1 ม.2/2 การหาปรมิ าตรของปริซมึ และทรงกระบอก 15 การนาความร้เู ก่ยี วกบั ปรมิ าตรของปริซึม และทรงกระบอกไปใช้ในการแกป้ ัญหา สถติ ิ ค 3.1 ม.2/2 การนาเสนอและวเิ คราะห์ข้อมูล แผนภาพ 30 จดุ แผนภาพต้น-ใบ ฮสิ โทแกรม ค่ากลาง ของข้อมูล การแปลความหมายของผลลพั ธ์ การนาสถิติไปใช้ในชวี ติ จรงิ รวม 60 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรยี นท่ี 2 60 100

349 โครงสร้างรายวิชาพื้นฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 รหสั วชิ า ค23101 รายวิชา คณิตศาสตรพ์ น้ื ฐาน 5 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ช่ัวโมง อัตราส่วนคะแนนระหว่างภาคเรียน = 70 : 30 จานวน 1.5 หน่วยกิต ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั เรียนรู้ เรียนรู/้ ตัวช้วี ดั (ช่วั โมง) คะแนน พื้นที่ผวิ ค 2.1 ม.3/3 การหาพ้ืนที่ผิวของพีระมิด กรวย และทรง 15 กลม การนาความรู้เกี่ยวกับพ้ืนท่ีผิวของ พีระมิด กรวย และทรงกลม ไปใช้ในการ แก้ปัญหา ปริมาตร ค 2.1 ม.3/4 การหาปริมาตรของพีระมดิ กรวย และทรง 15 กลม การนาความรู้เกี่ยวกับปริมาตรของ พีระมิด กรวย และทรงกลม ไปใช้ในการ แกป้ ญั หา ระบบสมการ ค 1.3 ม.3/6 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร การแก้ 15 ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร การนา ความรู้เกี่ยวกับการแก้ระบบสมการเชิงเส้น สองตวั แปรไปใช้ในการแก้ปัญหา ความคลา้ ย ค 2.2 ม.3/7 รูปสามเหลี่ยมที่คล้ายกัน การนาความรู้ 15 เกยี่ วกับความคล้ายไปใชใ้ นการแก้ปญั หา รวม 60 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30

รวมตลอดภาคเรียนที่ 1 60 350 100 โครงสร้างรายวิชาพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 รหสั วชิ า ค23102 รายวิชา คณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 60 ช่วั โมง ช่ือหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั เรยี นรู้ เรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด (ชั่วโมง) คะแนน อสมการเชิงเสน้ ค 1.3 ม.3/4 อสมการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว 15 ตวั แปรเดียว การแก้อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว การนา ความรู้เก่ียวกับการแก้อสมการเชิงเส้นตัว แปรเดียวไปใชใ้ นการแก้ปัญหา ความนา่ จะเปน็ ค 3.2 ม.3/1 เหตุการณ์จากการทดลองสมุ่ 15 ความน่าจะเป็น การนาความรู้เกี่ยวกับ ความนา่ จะเปน็ ไปใช้ในชวี ิตจรงิ สถติ ิ ค 3.1 ม.3/3 ข้อมลู และการวิเคราะห์ข้อมลู 10 แผนภาพกล่อง การแปลความหมายผลลพั ธ์ การนาสถติ ไิ ปใช้ในชีวิตจริง

351 อตั ราส่วน ค 2.2 ม.3/8 อัตราส่วนตรีโกณมิติ การนาค่าอัตราส่วน 20 ตรีโกณมิติ ตรีโกณมิติของมุม 30 องศา45 องศา และ 60 องศา ไปใชใ้ นการแก้ปญั หา รวม 60 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรยี นท่ี 2 60 100 อตั ราสว่ นคะแนนระหวา่ งภาคเรียน = 70 : 30 จานวน 1.5 หนว่ ยกิต โครงสรา้ งรายวิชาเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 รหัสวิชา ค21201 รายวิชาคณติ ศาสตรเ์ พมิ่ เตมิ 1 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง อตั ราสว่ นคะแนนระหว่างภาคเรียน : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ชอ่ื หน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ (ชัว่ โมง) คะแนน การสร้างทาง เรขาคณิต ใช้ความรู้ทางเรขาคณิตและ การสร้างพื้นฐาน ทาง 28 เคร่ืองมือเช่นวงเวียนและสัน เรขาคณิต การสร้างรูป ต รงรว ม ทั้ งโป รแ ก รม The เรขาคณิตสองมิติโดยใช้ Geometer’ s Sketchpad การสร้างพื้นฐานทาง หรือโปรแกรมเรขาคณิตพลวัต เรขาคณิต การนาความรู้ อื่น ๆ เพื่อสร้างรูปเรขาคณิต เกย่ี วกับการสร้างพ้ืนฐาน ตลอดจนนาความรู้เก่ียวกับการ ทางเรขาคณิตไปใช้ใน สร้างน้ีไปประยุกต์ใช้ในการ ชวี ติ จรงิ แก้ปญั หาในชวี ิตจรงิ

352 มติ ิสมั พันธ์ของรปู เข้ า ใจ แ ล ะ ใช้ ค ว า ม รู้ ท า ง หน้าตัดของรูปเรขาคณิต 12 เรขาคณติ เรขาคณิตในการวิเตราะห์หา สามมิติ ภาพท่ีได้จาก ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า งรู ป การมองทางด้านหน้า เร ข า ค ณิ ต ส อ งมิ ติ แ ล ะ รู ป (front view) ด้านข้าง เรขาคณิตสามมติ ิ (side view) ห รื อ ด้ า น บ น (top view) ของรูปเรขาคณิตสามมิติ ที่ ป ร ะ ก อ บ ข้ึ น จ า ก ลกู บาศก์ รวม 40 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรียนที่ 1 40 100 โครงสร้างรายวิชาเพม่ิ เตมิ กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 รหัสวชิ า ค21202 รายวิชาคณติ ศาสตร์เพม่ิ เตมิ 2 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ชัว่ โมง อัตราสว่ นคะแนนระหว่างภาคเรยี น : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.0 หน่วยกติ ชอื่ หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน สมการเชิงเส้น เขา้ ใจและใช้สมบัติ แบบรูปและความสัมพันธ์ คาตอบของ 14 ตวั แปรเดียว ของการเท่ากนั และ สมการสมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดียว สมบตั ิของจานวน การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวโดย เพอื่ วเิ คราะหแ์ ละ ใช้สมบัติของการเท่ากัน โจทย์สมการ

353 แกป้ ัญหาโดยใช้ เก่ยี วกับสมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดียว 14 สมการเชงิ เส้นตวั แปรเดยี ว ความหมายของคู่อนั ดบั กราฟของ สมการเชงิ เสน้ เขา้ ใจและใช้ คู่อันดับบนระบบพิกัดฉาก การอ่าน สองตัวแปร ความรเู้ กยี่ วกบั และการแปลความหมายของกราฟบน กราฟในการ ระบบพิกัดฉาก การเขียนกราฟแสดง แกป้ ญั หา ค ว า ม เก่ี ย ว ข้ อ ง ข อ ง ป ริ ม า ณ ส อ ง ชุ ด คณติ ศาสตร์และ สมการเชิงเส้นสองตัวแปร ปัญหาในชวี ิตจริง กราฟของ เขา้ ใจและใช้ กราฟของความสัมพันธ์เชิงเส้นของ 12 ความสัมพนั ธ์ ความร้เู กย่ี วกับ สมการเชิงเส้นสองตัวแปรและการนา เชิงเส้น ความสัมพนั ธเ์ ชงิ ความรู้เกี่ยวสมการเชิงเส้นสองตัวแปร เส้นในการ และกราฟของความสัมพันธ์เชิงเส้นไป แกป้ ัญหา ไปใช้ในชวี ิตจรงิ คณติ ศาสตร์และ ปญั หาในชวี ิตจริง รวม 40 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรียนที่ 2 40 100 โครงสร้างรายวิชาเพมิ่ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 รหัสวิชา ค22201 รายวชิ า คณิตศาสตร์เพิม่ เตมิ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชว่ั โมง สัดส่วนคะแนนระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ช่ือหน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา นา้ หนกั การเรยี นรู้ (ชวั่ โมง) คะแนน

354 การสรา้ งทาง 1. ใช้ความรู้ทางเรขาคณิตและเคร่ืองมือ การนาความรู้เก่ียกับการ 20 เรขาคณิต เชน่ วงเวยี นและสนั ตรง รวมทงั้ โปรแกรม สร้างทางเรขาคณิตไปใช้ The Geometer’s Sketchpad ห รื อ ในชวี ิตจริง โปรแกรมเรขาคณิตพลวัตอ่ืนๆ เพ่ือสร้าง รูปเรขาคณิตตลอดจนนาความรู้เก่ียวกับ การสร้างนี้ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา ในชวี ิตจริง การแปลงทาง 2. เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกับการแปลง การเลอ่ื นขนาน 20 เรขาคณติ ท า ง เร ข า ค ณิ ต ใ น ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า การสะท้อน การหมุน คณติ ศาสตร์และปญั หาในชวี ิตจริง การนาความรู้เก่ียวกับ การแปลงทางเรขาคณิต ไปใชใ้ นการแก้ปัญหา รวม 40 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรียนท่ี 1 40 100

355 โครงสร้างรายวิชาเพม่ิ เตมิ กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 รหัสวชิ า ค22202 รายวิชา คณติ ศาสตร์เพิม่ เตมิ 4 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ช่ัวโมง อตั ราส่วนคะแนนระหวา่ งภาคเรยี น : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.0 หน่วยกิต ชอื่ หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรยี นรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน ความเทา่ กนั ทุก 1. เข้าใจและใช้สมบัติของรูป ความเท่ากันทุกประการของ 10 ประการ ส า ม เห ลี่ ย ม ท่ี เท่ า กั น ทุ ก รูปสามเหลี่ยม การนาความรู้ ป ระการใน การแก้ปั ญ ห า เกีย่ วกับความเทา่ กัน คณิตศาสตร์ และปัญหาใน ทุ ก ป ร ะ ก า ร ไป ใช้ ใน ก า ร ชีวติ จริง แก้ปญั หา พหนุ าม 2. เข้าใจหลักการการ พหุนาม การบวก การลบ 10 ดาเนินการของพหนุ าม และ และการคณู ของพหนุ าม การใชพ้ หนุ ามในการ การหารพหุนามด้วยเอกนาม แก้ปญั หาคณติ ศาสตร์ และพหนุ าม การแยก 3. เข้าใจและใช้การแยกตัว การแยกตัวประกอบของพหุ 20 ตัวประกอบของ ประกอบของพหนุ ามดีกรสี อง นามดีกรีสอง โดยใช้สมบัติ พหนุ าม ในการแกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์ ก า ร แ จ ก แ จ ง ก า ลั งส อ ง สมบรู ณ์ ผลต่างกาลังสอง รวม 40 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรยี นที่ 2 40 100

356 โครงสรา้ งรายวิชาเพิม่ เตมิ กลุม่ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 รหัสวชิ า ค23201 รายวชิ า คณติ ศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ 5 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ช่ัวโมง อัตราส่วนคะแนนระหว่างภาคเรียน : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.0 หนว่ ยกติ ชื่อหน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก การเรยี นรู้ (ช่ัวโมง) คะแนน สมการกาลังสองตัว ประยุกต์ใช้สมการ สมการกาลังสองตัวแปรเดียว 20 แปรเดยี ว กาลังสองตัวแปรเดยี ว การแก้สมการกาลังสองตัวแปร ใน ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า เดียว การนาความรู้เก่ียวกับ คณิตศาสตร์ การแก้สมการกาลังสองตัวแปร เดยี วไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา ฟงั กช์ ันกาลังสอง เขา้ ใจและใชค้ วามรู้ ฟังก์ชันกาลังสอง กราฟของ 20 เก่ียวกบั ฟังกช์ ันกาลัง ฟั งก์ชันกาลังสอง การน า สองในการแกป้ ัญหา ความรู้เก่ียวกับฟังก์ชันกาลัง คณิตศาสตร์ สองไปใชใ้ นการแก้ปัญหา รวม 40 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรยี นที่ 1 40 100

357 โครงสรา้ งรายวชิ าเพ่ิมเตมิ กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 รหัสวชิ า ค23202 รายวิชาคณติ ศาสตรเ์ พิ่มเติม 6 ภาคเรยี นที่ 2 เวลา 40 ชั่วโมง อตั ราส่วนคะแนนระหว่างภาคเรียน : ปลายภาค = 70 : 30 จานวน 1.0 หนว่ ยกิต ชื่อหน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก การเรียนรู้ (ชว่ั โมง) คะแนน วงกลม เข้าใจและใช้ทฤษฎีบท วงกลม คอรด์ และ 20 เก่ียวกับวงกลมในการ เส้นสัมผัส ทฤษฎีบท แกป้ ญั หาคณติ ศาสตร์ เกยี่ วกบั วงกลม การแยกตัว เข้าใจและใช้การแยกตัว การแยกตัวประกอบของ 20 ประกอบของ ประกอบของพหุนามท่ีมี พหุนามดีกรีสูงกวา่ สอง พหุนาม ดีกรีสูงกว่าสองในการ แกป้ ญั หาคณิตศาสตร์ รวม 40 50 ทดสอบกลางภาค - 20 ทดสอบปลายภาค - 30 รวมตลอดภาคเรยี นท่ี 2 40 100

358 โครงสรา้ งรายวชิ า สาระการเรยี นร้ภู มู ศิ าสตร์

359 โครงสร้างรายวชิ าภมู ศิ าสตร์ ภาคเรียนที่ 2 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ลาดบั ชอ่ื หน่วยการเรียน มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา/ น้าหนัก อตั ราสว่ ที่ การ ช่ัวโมง คะแนน นระหว่าง เรยี นรู้/ เรยี นกับ ตวั ช้วี ดั สอบ 1. เคร่อื งมือภูมิศาสตร์ ส5.1 การใชแ้ ผนที่และเครื่องมือทาง 5 70:30 ม.4-6/3 ภูมิศาสตรต์ ามกระบวนการทาง ภูมศิ าสตร์ จะชว่ ยให้สามารถนาภมู ิ สารสนเทศท่ไี ด้ใช้ในชีวติ ประจาวนั อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 2. การเปล่ยี นแปลงทาง ส5.1 ปจั จยั ทางภูมิศาสตร์ท่ีมอี ิทธิพลตอ่ 6 กายภาพของโลก ม.4-6/1 การเปล่ียนแปลงทางกายภาพของ พืน้ ทที่ ัง้ ในประเทศไทยและภูมิภาค

360 ต่างๆของโลก โครงสรา้ งรายวิชา ภูมศิ าสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ลาดบั ชื่อหน่วยการเรียน มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั ที่ เรียนรู้ / ตวั ชว้ี ัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 ภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ ส 5.1 ม.4-6/1 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตซิ งึ่ เปน็ ภัย 6 20 และการเปลย่ี นแปลง ม.4-6/2 พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ ที่เกดิ ขึน้ ในประเทศ ม.4-6/4 ไทย และภูมภิ าคตา่ งๆ ของโลกส่ง ทางธรรมชาตใิ นโลก ผลกระทบต่อวิถีการดาเนนิ ชีวิตของ มนษุ ย์

361 2 สถานการณด์ ้าน ส 5.2 ม.4-6/1 การเปล่ียนแปลงทางกายภาพในสว่ นตา่ งๆ 9 15 15 สง่ิ แวดล้อม และ ของโลก ซ่งึ เกดิ จากสาเหตปุ ัจจยั หลาย ทรัพยากรธรรมชาติ ประการในปจั จุบันสง่ ผลใหเ้ กิดวกิ ฤตการณ์ ทางดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ภายในประเทศไทยและโลกและเกดิ ภมู สิ ังคม ใหม่ 5 การจัดการทรัพยากร ส 5.2 ม.4-6/2 มาตรการการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา 5 ธรรมชาตแิ ละ ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ส่ิงแวดลอ้ ม เปน็ ส่ิงสาคัญ ซง่ึ องค์กรทงั้ ในประเทศ และนอกประเทศ โครงสร้างรายวชิ า ภมู ศิ าสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ลาดบั ชอ่ื หน่วยการเรียน มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ที่ เรียนรู้ / ตวั ชวี้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 การจัดการทรัพยากร ส 5.2 ม.4-6/2 มาตรการการป้องกนั และแก้ไขปัญหา 20 50

362 ธรรมชาตแิ ละ ม.4-6/3 ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม สิง่ แวดล้อม ม.4-6/4 เปน็ สิ่งสาคัญ ซ่งึ องค์กรท้งั ในประเทศ ม.4-6/5 และนอกประเทศไดม้ ีการประสาน ความรว่ มมอื กนั ในการจัดการ และ อนุรกั ษ์ทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละ ส่ิงแวดลอ้ มในภมู ภิ าคต่างๆ ของโลก การใชป้ ระโยชน์จากสิ่งแวดล้อม ในการสรา้ งสรรค์วฒั นธรรมอันเป็น เอกลักษณ์ของท้องถ่ินทั้งในประเทศไทย และโลก

363 กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน

364 กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน โรงเรียนพระบางวิทยา ได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยมุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จาก ประสบการณ์ตรง ได้ฝึกปฏิบัติจรงิ และค้นพบความถนดั ของตนเอง สามารถค้นคว้าหาความร้เู พิ่มเติมตาม ความสนใจจากแหล่งเรียนรทู้ ี่หลากหลาย บาเพญ็ ประโยชน์เพื่อสังคม มีทกั ษะในการดาเนินงาน สง่ เสรมิ ให้ มวี ุฒิภาวะทางอารมณ์ สังคม ศีลธรรม จริยธรรม ให้ผู้เรยี นรู้จักและเข้าใจตนเอง สามารถวางแผนชีวิตและ อาชีพได้อย่างเหมาะสม กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนเป็นกิจกรรมทมี่ ่งุ ให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองตามศกั ยภาพ พัฒนาการเรียนรูอ้ ย่าง รอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มี ศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังให้สร้างจิตสานึกของการทาประโยชน์เพ่ือสังคม สามรถจักการ ตนเองได้และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข โรงเรียนพระบางวิทยา ได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยแบ่ง ออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ ดังน้ี ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถตัดสินใจ คดิ แก้ปัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชวี ิตทั้งด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตน ได้อย่างเหมาะสม นอกจากน้ียังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมท่ีช่วยเหลือและให้ คาปรึกษาแก่ผ้ปู กครองในการมสี ่วนร่วมพัฒนาผู้เรียน โดยนกั เรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ช่ัวโมงต่อปกี ารศึกษา ๒. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาระเบียบวินัย ความเป็นผู้นา ผู้ตามท่ีดี ความ รับผิดชอบ การทางานร่วมกัน รู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือ แบ่งปันเอ้ืออาทรและสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของ ผ้เู รียน ให้ได้ปฏิบตั ิด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศกึ ษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบตั ิตามแผนประเมิน และปรับปรุงการทางานเน้นการทางานรวมกันเป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของ ผู้เรียนและบริบทของสถานศกึ ษาและท้องถิ่น กิจกรรมนักเรียน ประกอบด้วย กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วม กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ๔๐ ชั่งโมงต่อปีการศึกษา กิจกรรมชุมนุม นกั เรยี นทกุ คนตอ้ งเข้ารว่ มกจิ กรรม ชุมนุม ๔๐ ชั่งโมงตอ่ ปกี ารศกึ ษา ๓. กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็น ประโยชน์ต่อสังคม ชุมชนและท้องถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละการมีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนาต่างๆ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยจัดการบูรณาการเข้ากับกิจกรรม ต่างๆภายในโรงเรยี น

365 โครงสรา้ งและอัตราเวลาการจัดกจิ กรรม กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน ระดับมธั ยมศึกษา ม.๔ ม.๕ ม.๖ ๑. กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒. กิจกรรมนักเรียน ๒.๑ ลูกเสือ-เนตรนารี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒.๒ กิจกรรมชุมนมุ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๓. กิจกรรมเพอ่ื สังคม ๒๐ ๒๐ ๒๐ และสาธารณประโยชน์ เวลาเรยี นรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑. กิจกรรมแนะแนว วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือผู้เรียนค้นพบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักละเห็นคุณค่าในตนเอง และผอู้ ่ืน ๒. เพ่ือให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้จากข้อมูล ข่าวสาร แหล่งเรียนรู้ ท้ังด้านการศึกษา อาชีพส่วนตัว สังคม เพ่ือนาไปใช้ในการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชีพได้อย่างเหมาะสมสอดคล้อง กับศกั ยภาพของตนเอง ๓. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นได้พัฒนาบุคลกิ ภาพ และรับตวั อยู่ในสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ ๔. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ ในงานอาชีพและมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพ สจุ ริต ๕. เพ่ือให้ผู้เรียนมีค่านิยมที่ดีงามในการดาเนินชีวิต สร้างเสริมวินัย คุณธรรมและจริยธรรมแก่ นักเรียน ๖. เพือ่ ให้ผู้เรียนมจี ิตสานึกในการรบั ผิดชอบต่อตนเอง ครอบครวั สงั คม และประเทศชาติ แนวการจัดกิจกรรม โรงเรียนพระบางวิทยา ได้จัดกิจกรรมแนะแนวเพ่ือช่วยเหลือและพัฒนา ผู้เรียน ดงั น้ี ๑. จัดกิจกรรมเพ่ือให้ครูได้รู้จักและช่วยเหลือผู้เรียนมากข้ึน โดยใช้กระบวนการทางจิตวิทยา การจัดบริการสนเทศ โดยให้มีเอกสารเพ่ือใช้ในการสารวจข้อมูลเก่ียวกับตัวผู้เรียน ด้วยการ สังเกต สัมภาษณ์ การใช้แบบสอบถาม การเขียนประวัติ การพบผู้ปกครองก่อนและ

366 ระหวา่ งเรียน การเยย่ี มบ้านนักเรียน การใหค้ วามช่วยเหลอื ผู้เรียนเรอื่ งสุขภาพจิต เศรษฐกิจ การจดั ทาระเบียนสะสม สมุดรายงานประจาตัวนกั เรียน และบตั รสุขภาพ ๒. การจัดกิจกรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ โดยทาแบบทดสอบเพื่อรู้จักและเข้าใจตนเอง มี ทักษะในการตัดสินใจ การปรบั ตวั การวางแผนเพื่อเลอื กศกึ ษาตอ่ เลือกอาชพี ๓. การจัดบรกิ ารใหค้ าปรกึ ษาแก่ผ้เู รียนรายบุคคล และรายกลุ่ม ในด้านการศึกษา อาชพี และ ส่วนตัว โดยมีผู้ให้คาปรึกษาที่มีคุณวุฒิ และมีความเช่ียวชาญในเรื่องการให้คาปรึกษา ตลอดจนมหี ้องใหค้ าปรกึ ษาทเ่ี หมาะสม ๓.๑ ชว่ ยเหลอื ผู้เรยี นท่ปี ระสบปญั หาด้านการเงิน โดยการใหท้ นุ การศึกษาแกผ่ เู้ รยี น ๓.๒ ติดตามเก็บขอ้ มลู ของนกั เรียนทสี่ าเรจ็ การศกึ ษา ๒. กจิ กรรมนกั เรยี น ๑. กจิ กรรมลูกเสือ กิจกรรมลูกเสอื - เนตรนารี ผู้เรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๔-๖ ทุกคน ได้ฝึกอบรมวชิ าลูกเสือ - เนตรนารี เพื่อส่งเสริม หลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ส่งเสริมความสามัคคี มีวินัย และบาเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม โดยดาเนินการจัดกิจกรรมตามข้อกาหนดของคณะกรรมการลูกเสือ แหง่ ชาติ วัตถุประสงค์ พระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๘ ได้กาหนดวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม เพื่อ พัฒนาลูกเสือท้ังทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และช่วย สร้างสรรค์สังคม เพื่อให้เกิดความสามัคคี และความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพ่ือความสงบสุข และความมั่ง คงของประเทศชาตติ ามแนวทางดังต่อไปน้ี ๑. ใหม้ นี ิสยั ในการสังเกต จดจา เช่อื ฟัง และพึ่งตนเอง ๒. ใหม้ คี วามซ่อื สตั ย์สจุ ริต มีระเบียบวนิ ัย และเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ่ืน ๓. ให้รู้จกั บาเพ็ญตนเพ่อื สาธารณประโยชน์ ๔. ใหร้ ้จู กั ทาการฝมี อื และฝึกฝนการทากิจกรรมตา่ งๆตามความเหมาะสม ๕. ใหร้ ้จู กั รักษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม และความมัง่ คงชองชาติ แนวการจดั กิจกรรม กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔-๖ กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี แนวการจัดกิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี การจัดกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี มีแนวทางการจัดกิจกรรมตามวิธีการลูกเสือ (Scout Method) ซงึ่ มอี งคป์ ระกอบ ๗ ประการ คือ

367 ๑.คาปฏิญาณและกฎ ถือเป็นหลักเกณฑ์ท่ลี ูกเสือทุกคนให้คาม่ันสัญญาทจ่ี ะปฏิบัติตามกฎ ของลูกเสือ กฎของลูกเสือมีไว้ให้ลูกเสือเป็นหลักในการปฏิบัติ ไม่ได้ “ห้าม”ทาหรือ “บังคับให้” ทา แต่ถ้า “ทา”กจ็ ะให้เกดิ ผลดแี กต่ ัวเอง เป็นคนดี ไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็นผมู้ เี กียรติเชอ่ื ถือได้ ฯลฯ ๒.เรียนรจู้ ากการกระทาเป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ความสาเร็จหรือไม่สาเร็จของผลงานที่ อยู่การกระทาของตนเอง ทาให้มีความรู้ที่ชัดเจน และสามารถแก้ปัญหาต่างๆด้วยตนเองได้ และท้าทาย ความสามารถของตนเอง ๓.ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของการลูกเสือ เป็นพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันการ ยอมรับซึ่งกนั และกนั และการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ การช่วยเหลือซึ่งกนั และกันซ่ึงเป็นการเรียนรู้ การ ใช้ประชาธปิ ไตยเบื้องตน้ ๔.การใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ฝึกให้มีความเป็นหน่ึงเดียวในการเป็นสมาชิกลูกเสือเนตรนารี ด้วยการใช้สัญลักษณ์ร่วมกัน ได้แก่ เคร่ืองแบบ เคร่ืองหมาย การทาความเคารพ รหัสคาปฏิญาณ กฎ คา ขวญั ธง เป็นตน้ วิธกี ารนจี้ ะช่วยให้ผู้เรียนตระหนกั และภาคภมู ิใจในการเป็นสมาชกิ ขององค์การลูกเสือแห่ง โลก ซ่งึ มสี มาชิกอยทู่ ่วั โลกและเปน็ องค์กรทม่ี ีจานวนสมาชิกมากทสี่ ดุ ในโลก ๕.การศึกษาธรรมชาติคือ ส่ิงสาคัญอนั ดบั หนึง่ ในกิจกรรมลูกเสือ ธรรมชาติอันโปรง่ ใสตาม ชนบท ป่าเขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นท่ีปรารถนาอย่างย่ิงในการไปทากจิ กรรมกับธรรมชาติ การปีนเขา ตั้งค่ายพักแรมในสุดสัปดาห์ หรือตามวาระของการอยู่ค่ายพักแรมตามกฎระเบียบ เป็นที่เสน่หาแก่เด็กทุก คน ถ้าขาดสิ่งน้ีแล้วก็ไมเ่ รยี กวา่ ใช้ชีวิตแบบลกู เสอื ๖.ความก้าวหน้าในการเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรมต่างๆ ที่จัดให้เด็กทา ต้องให้มี ความก้าวหน้าและดึงดูดใจ สร้างให้เกิดความกระตือรือร้น อยากท่ีจะทาและวัตถุประสงค์ในการจัดแต่ละ อย่างให้สัมพนั ธ์กับความหลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกทการเล่นท่ีสนุกสนาน การแข่งขันกันก็เป็นสิ่งที่ ดึงดดู ใจและเป็นการจูงใจท่ดี ี ๗.การสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ชี้แนะหนทางท่ีถูกต้องให้แก่เด็กเพื่อให้เขาเกิด ความม่ันใจในการที่จะตัดสินใจกระทาส่ิงใดลงไปท้ังคู่มีความต้องการซ่ึงกันและกันเด็กก็ต้องการให้ผู้ใหญ่ ช่วยชี้นาผู้ใหญ่เองก็ต้องการนาพาให้ไปสู่หนทางท่ีดี ให้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องและดีที่สุด จึงเป็นการ รว่ มกนั ท้ังสองฝ่าย นักเรียนชายเรียนกิจกรรมลูกเสือ ๒๐ ช่ัวโมงต่อภาคเรียน นักเรียนหญิงเลือกกิจกรรมเนตรนารี ๒๐ ช่ัวโมง ต่อภาคเรียน ๒. กิจกรรมชุมนุม วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพ่อื ให้ผูเ้ รียนไดป้ ฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ๒. เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิด ประสบการณทั้งทางวิชาการและวชิ าชีพตามศักยภาพ ๓. เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นใช้เวลาให้เกดิ ประโยชน์ต่อตนเองและสว่ นรวม ๔. เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนทางานร่วมกบั ผ้อู ่นื ได้ตามวิถีประชาธิปไตย

368 แนวการจดั กจิ กรรม การจัดกิจกรรมตามความสนใจ (ชมรม) ผู้เรียนสามารถเลือกเขา้ เป็นสมาชิกชมรม วางแผนการ ดาเนินกิจกรรมร่วมกัน โดยมีชมรมที่หลากหลาย เหมาะสมกับเพศ วัย และความสนใจของผู้เรียน ประกอบด้วยกิจกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมประชาธิปไตย สง่ เสริมการเรียนรู้ และค่ายวิชาการ การศึกษาดูงาน การฝึกปฏิบัติ การบรรยายพิเศษดังตวั อยา่ งพอสังเขป ต่อไปนี้ ๑. กิจกรรมพฒั นาวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม จัดสอนจรยิ ธรรมในหอ้ งเรยี น จัดให้มีการปฏิบัติกิจกรรมเนื่องในวันสาคัญท้ังทางชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดย ผเู้ รียนมสี ว่ นรว่ มในการจัดกิจกรรมท้ังในด้านวฒั นธรรม ประเพณี กีฬา และศลี ปะ ๒. กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต จัดกิจกรรมแข่งขันกีฬาสีทุกช่วงชน้ั โดยผู้เรียนได้ฝึกทักษะการ ทางาน และการแกป้ ัญหาทุกขนั้ ตอน ๓. กิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการทางาน จัดกิจกรรมวันวิชาการโดยผู้เรียนมีโอกาสปฏิบัติจริง และฝกึ ทกั ษะการจดั การ ๔. กิจกรรมเพื่ออนุรกั ษ์สิ่งแวดล้อมและวฒั นธรรม โดยจดั กจิ กรรมสืบสานวัฒนธรรมไทย เช่น ประเพณไี หวค้ รู ประเพณลี อยกระทง ๕. กิจกรรมส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย จัดให้มีการเลือกคณะกรรมการ นักเรียน โดยให้นากระบวนการประชาธิปไตยไปใช้ในการร่วมวางแผนดาเนินงานพัฒนา โรงเรียน ๖. กิจกรรมคนดีของสังคม จัดให้มีการบรรยายให้ความรู้ เพื่อป้องกันปัญหาโรคติดต่อ ร้ายแรง ปัญหายาเสพติด ปัญหาวัยรุ่น ให้ความรู้เพื่อปลูกฝังให้เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี ๗. กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยจัดแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการทางภาษา หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารทางวิทยาศาสตร์ ห้องเทคโนโลยีสารสนเทศ ๘. กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและอนามัย ให้บริการห้องพยาบาล มีบริการให้ความรู้แก่ผู้เรียน เพอื่ ป้องกนั โรคระบาดอย่างทนั เหตกุ ารณ์ ๓. กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และ ประเทศชาติ ๒. เพื่อให้ผู้เรียนออกแบบกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความ ถนดั และความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร ๓. เพอื่ ให้ผู้เรยี นพฒั นาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชนไ์ ด้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ

369 ๔. เพ่ือให้ผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๕. เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนมีจิตสาธารณะและใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ แนวการจัดกิจกรรม เป็นกิจกรรมทีส่งเสรมิ ให้ผ้เู รียนบาเพ็ญประโยชน์ตอ่ สังคม ชุมชน และท้องถิ่นตามความสนใจ ในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละ ต่อสังคม และมีจิต สาธารณะ เชน่ กิจกรรมอาสาพฒั นาต่างๆ กจิ กรรมสรา้ งสรรค์สังคม(กระทรวงศึกษาธิการ , ๒๕๕๑) กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี นตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ท้งั ๓ ลักษณะมคี วามสัมพันธเ์ ช่อื มโยงกนั การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เน้นให้ผู้เรียนร่วมกันสารวจและวิเคราะห์ สภาพปัญหา ร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม การวางแผนการจัดกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมตามแผนร่วม สรุปและประเมินผลการจัดกิจกรรม ร่วมรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการจัด กิจกรรม การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์สามารถเลือกจัดกิจกรรมหรือเข้าร่วม กิจกรรมได้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี น ดงั นี้ ๑. จัดกิจกรรมในลักษณะบูรณาการใน ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ และประสบการณ์ของ ผ้เู รียนของ โดยผู้เรียนสามารถจัดกิจกรรมตามองค์ความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้และประสบการณ์ซ่ึงสามารถ จัดกิจกรรมไดด้ ังนี้ ๑.๑ จัดกิจกรรมภายในโรงเรียน ๑.๒ จดั กิจกรรมภายนอกโรงเรยี น ๒. จัดกิจกรรมลักษณะโครงการ โครงงาน หรือกิจกรรม หมายถึง กิจกรรมผู้เรียน นาเสนอการจัดกิจกรรมต่อโรงเรยี นเพื่อขอความเห็นชอบในการจัดทาโครงการ โครงงาน หรอื กิจกรรม ซ่ึง มรี ะยะเวลาเร่ิมต้นและสน้ิ สุดชดั เจน โดยสามารถจดั กจิ กรรมไดด้ ังน้ี ๒.๑ จดั กิจกรรมภายในโรงเรยี น ๒.๒ จัดกิจกรรมภายนอกโรงเรียน ๓. จัดกิจกรรมร่วมกบั องค์กรอื่น หมายถึง กิจกรรมทผ่ี ้เู รียนอาสาสมัครเขา้ ร่วมกจิ กรรม กับหน่วยงานหรือองค์กรอ่ืนๆ ท่ีจัดกิจกรรมในลักษณะเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์โดยผู้เรียนสามารถ เลือกเข้ารว่ มกจิ กรรมได้ดงั น้ี ๓.๑ รว่ มกบั หน่วยงานอ่นื ท่ีเข้ามาจดั กิจกรรมในโรงเรียน ๓.๒ รว่ มกับหน่วยงานอ่ืนทจี่ ัดกจิ กรรมนอกโรงเรยี น นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารประโยชน์ ไม่น้อยกว่า ๔๕ ชั่วโมงตลอด ๓ ปี (ม.๔-ม.๖) แนวทางการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน

370 โรงเรยี นพระบางวทิ ยา กาหนดแนวทางในการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียนดงั น้ี ๑. การประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนรายกจิ กรรม มแี นวทางปฏบิ ตั ดิ ังน้ี ๑.๑ การตรวจสอบเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมของผเู้ รยี น ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียน ตลอดปกี ารศึกษา ๑.๒ ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียน ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกผลการเรียนรู้ และผ่านทุกผลการเรียนรู้ โดยแต่ละผลการเรียนรู้ผ่านไม่ น้อยกลา่ รอ้ ยละ ๕๐ หรอื มีคุณภาพในระดบั ๑ ขึ้นไป ๑.๓ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ช้ินงานของผู้เรียนตาม เกณฑ์ ข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ถือวา่ ผเู้ รียนมีผลการเรียน “ผ” ผ่านการประเมินกิจกรรมและนาผลการ ประเมนิ ไปบนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน ๑.๔ ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานไม่เป็นไป ตามเกณฑ์ ข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ถือว่าผู้เรียนมีผลการเรียน “มผ” โรงเรียนต้องจัดซ่อมเสริมให้ ผู้เรียนทากิจกรรมในส่วนที่ผู้เรียนไม่ได้เข้าร่วมหรือไม่ได้ทาจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” และนาผลการประเมนิ ไปบันทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน ๒. การประเมินกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี นเพ่อื การตัดสนิ มแี นวปฏบิ ัติดังน้ี ๒.๑ กาหนดให้ผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของ ผู้เรียนทุกคนตลอดระดับการศึกษา ๒.๒ ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินการร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคลตาม เกณฑ์ที่โรงเรียนกาหนด ผเู้ รยี นจะต้องผา่ นกจิ กรรม ๓ กิจกรรมสาคญั ดังน้ี ๒.๒.๑ กิจกรรมแนะแนว ๒.๒.๒ กิจกรรมนกั เรยี น ไดแ้ ก่ ๑. กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี ๒. กิจกรรมชมรม ๒.๒.๓ กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๒.๓ การนาเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนา ผเู้ รียน ๒.๔ เสนอผู้บริหารโรงเรียนพิจารณาอนุมัติผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผ่านเกณฑ์ การจบแต่ละระดบั การศกึ ษา เกณฑก์ ารจบระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย (๑) ผูเ้ รียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเตมิ ไม่น้อยกว่า ๘๑ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พนื้ ฐาน ๓๙ หน่วยกิต และรายวิชาเพิม่ เติมตามทสี่ ถานศกึ ษากาหนด (๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พนื้ ฐาน ๓๙ หน่วยกติ และรายวชิ าเพ่ิมเติม ไม่นอ้ ยวา่ ๓๘ หน่วยกิต

371 (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมินตามที่สถานศึกษากาหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทส่ี ถานศึกษากาหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามทีส่ ถานศึกษากาหนด สาหรับการจบการศึกษาสาหรบั กลมุ่ เป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศกึ ษาสาหรับ ผู้มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัยให้ คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดาเนินการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พนื้ ฐานสาหรบั กล่มุ เปา้ หมายเฉพาะ เอกสารหลักฐานการศึกษา เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่ เก่ียวข้องกับพัฒนาการของผเู้ รียนในดา้ นตา่ ง ๆ แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาท่ีกระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและ ออกเอกสารนี้ให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมือ่ ผู้เรียนจบการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา (ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖) จบการศึกษาภาคบังคับ(ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓) จบการศึกษาข้ันพื้นฐาน(ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖) หรือเม่ือ ลาออกจากสถานศึกษาในทกุ กรณี ๑.๒ ประกาศนียบัตร เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษาเพื่อรับรองศักดิ์และสิทธิ์ของผู้จบ การศึกษา ที่สถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ และผู้จบการศึกษาข้ันพ้ืนฐานตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน ๑.๓ แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือ และข้อมูลของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖) ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ (ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๓) และผ้จู บการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน (ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๖) ๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาทส่ี ถานศกึ ษากาหนด เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาจัดทาข้ึนเพ่ือบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสาคัญ เกี่ยวกับ ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจารายวิชา ระเบียนสะสม ใบรบั รองผลการเรยี น และ เอกสารอน่ื ๆ ตามวัตถุประสงคข์ องการนาเอกสารไปใช้ การเทียบโอนผลการเรียน

372 สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรยี นของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ เปล่ียนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษา จากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จากแหลง่ การเรยี นรู้อน่ื ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศึกษาโดยครอบครวั การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ที่สถานศึกษารับผขู้ อเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทง้ั น้ี ผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรยี นต้องศึกษาต่อเน่ือง ในสถานศึกษาทร่ี ับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศกึ ษาทีร่ บั ผเู้ รยี นจาก การเทยี บโอนควรกาหนดรายวชิ า/จานวนหนว่ ยกติ ทจ่ี ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพิจารณาการเทยี บโอน สามารถดาเนินการได้ ดังนี้ ๑. พิจารณาจากหลกั ฐานการศึกษา และเอกสารอืน่ ๆ ทีใ่ ห้ขอ้ มลู แสดงความรู้ ความสามารถของ ผเู้ รียน ๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่าง ๆ ท้ัง ภาคความรแู้ ละภาคปฏบิ ัติ ๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัติในสภาพจรงิ การเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook