Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ต้นสาย แก้วสว่าง

ต้นสาย แก้วสว่าง

Published by วิทย บริการ, 2022-07-08 02:43:31

Description: ต้นสาย แก้วสว่าง

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอนมหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง วิชา PC62503 จิตวทิ ยาสำหรบั ครู โดย อาจารยต์ ้นสาย แกว้ สว่าง สนับสนุนโดย ทุนโครงการผลติ ตำราหรือเอกสารประกอบการสอนคณุ ภาพ มหาวิทยาลัยราชภฏั หมูบ่ ้านจอมบึง

ฝ คำนำ เอกสารการสอนฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา PC62503 จิตวิทยา สำหรับครู ซึ่งเป็นรายวิชาชีพครู โดยมีวัตถุประสงค์รายวิชาเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่นักศึกษา ตลอดจน ให้นักศึกษาสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ทางจิตวิทยามาปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนในอนาคต เนื้อหาใน เอกสารนี้ประกอบไปด้วยเนื้อหาจำนวน 7 หัวข้อการสอน ครอบคลุมความรู้พื้นฐานศาสตร์จิตวิทยาที่จำเป็น สำหรับครู โดยในหัวข้อการสอนที่ 1 เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับ ความหมายของจิตวิทยาและประวัติความ เป็นมา หัวข้อการสอนที่ 2 เป็นแนวคิดทางจิตวิทยายุคเริ่มต้น หัวข้อการสอนที่ 3 เป็นความรู้ด้านจิตวิทยา พัฒนาการ หัวข้อการสอนที่ 4 เป็นความรู้ด้านจิตวิทยาการเรียนรู้ หัวข้อที่ 5 เป็นความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา สำหรบั ผ้เู รียนท่มี ีความต้องการพิเศษ หวั ข้อการสอนท่ี 6 เปน็ ความรเู้ บื้องตน้ เกี่ยวกับการแนะแนว และ หัวข้อ การสอนท่ี 7 เป็นความรเู้ บ้ืองต้นเกีย่ วกบั การใหค้ ำปรึกษา ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน หากมีข้อผิดพลาดประการใด หรือ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ผู้เขยี นขอน้อมรบั เพ่อื ปรับปรงุ ในดีข้นึ ตอ่ ไป อาจารย์ต้นสาย แกว้ สวา่ ง กลมุ่ วิชาจิตวทิ ยาและการแนะแนว มหาวิยาลยั ราชภัฏหมูบ่ ้านจอมบงึ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงสารบญั หน้า ก มคอ.3............................................................................................................................................ ฝ คำนำ.............................................................................................................................................. พ สารบัญ.......................................................................................................................................... แผนบริหารการสอนประจำบทที่ 1 1 ความหมายของจติ วิทยาและประวัติความเปน็ มา........................................................................... หวั ขอ้ การสอนท่ี 1 3 ความหมายของจติ วิทยาและประวัติความเป็นมา........................................................................... แผนบรหิ ารการสอนประจำบทท่ี 2 21 แนวคดิ ทางจิตวทิ ยายคุ เริม่ ต้น........................................................................................................ หวั ขอ้ การสอนท่ี 2 22 แนวคิดทางจติ วทิ ยายุคเริ่มตน้ ........................................................................................................ แผนบรหิ ารการสอนประจำบทที่ 3 33 จติ วทิ ยาพฒั นาการ......................................................................................................................... หัวขอ้ การสอนท่ี 3 35 จติ วิทยาพฒั นาการ......................................................................................................................... แผนบรหิ ารการสอนประจำบทท่ี 4 66 จติ วทิ ยาการเรยี นร.ู้ ........................................................................................................................ หวั ขอ้ การสอนที่ 4 68 จติ วิทยาการเรยี นร.ู้ ........................................................................................................................ แผนบริหารการสอนประจำบทที่ 5 109 จิตวิทยาสำหรบั ผู้เรียนท่มี ีความต้องการพเิ ศษ............................................................................... หัวข้อการสอนที่ 5 111 จิตวทิ ยาสำหรับผู้เรียนทม่ี คี วามตอ้ งการพเิ ศษ............................................................................... แผนบริหารการสอนประจำบทที่ 6 177 ความรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกับการแนะแนว.............................................................................................. หวั ข้อการสอนท่ี 6 179 ความรู้เบอ้ื งตน้ เกี่ยวกับการแนะแนว.............................................................................................. แผนบรหิ ารการสอนประจำบทท่ี 7 229 ความรู้เบอ้ื งต้นเก่ยี วกบั การใหค้ ำปรกึ ษา........................................................................................ หัวขอ้ การสอนที่ 7 231 ความรเู้ บอ้ื งต้นเก่ยี วกับการใหค้ ำปรึกษา........................................................................................

รายละเอียดของรายวิชา ช่อื สถาบันอุดมศึกษา มหาวทิ ยาลัยราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบึง คณะ / สาขาวชิ า คณะครุศาสตร์ หมวดท่ี 1 ขอ้ มลู โดยทว่ั ไป 1. รหัสและชอ่ื วชิ า (ภาษาไทย) PC62503 จิตวิทยาสำหรับครู (ภาษาอังกฤษ) PC62503 Psychology for teachers มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2. จำนวนหน่วยกติ 3(3-1-5) หน่วยกิต 3. หลักสูตรระดบั  ป.ตรี  ป.บัณฑติ  ปรญิ ญาโท  ปรญิ ญาเอก ประเภทของรายวชิ า  หมวดศึกษาทวั่ ไป  วิชาชีพครู  วชิ าแกน  วชิ าเอกบงั คบั  วชิ าเอกเลอื ก  วชิ าเลือกเสรี  พน้ื ฐาน  วิทยานพิ นธ/์ ค้นคว้าอิสระ 4. อาจารย์ผู้รบั ผดิ ชอบรายวิชาและอาจารยผ์ ู้สอน อาจารยต์ ้นสาย แกว้ สวา่ ง อาจารยผ์ รู้ บั ผดิ ชอบวิชา อาจารย์ตน้ สาย แก้วสว่าง อาจารย์ผ้สู อน 5. ภาคการศึกษา 2/2564 - ค.บ.1 ภาษาอังกฤษ หมู่ 1 - ค.บ.1 ภาษาองั กฤษ หมู่ 2 - ค.บ.1 ภาษาไทย - ค.บ.1 ภาษาจีน 6. เงอื่ นไขรายวิชา  รายวชิ าทต่ี ้องเรยี นมาก่อน (Pre – requisite) คือ -  รายวิชาที่ตอ้ งเรียนพร้อมกนั (Co – requisite) คือ - 7. สถานท่เี รยี น ในคณะห้อง ห้อง 333 คณะครศุ าสตร์ นอกคณะห้อง 8. วนั ที่จัดทำหรือปรับปรงุ รายละเอยี ดของรายวิชาครัง้ ลา่ สุด ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 วันที่ 1 สงิ หาคม 2564

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ข หมวดท่ี 2 จุดมงุ่ หมายและวัตถุประสงค์ จุดมงุ่ หมายของรายวิชา เพื่อใหผ้ ้เู รยี น 1.1 มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั จติ วิทยาพ้ืนฐาน และจิตวทิ ยาพฒั นาการของมนษุ ย์ 1.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั จติ วทิ ยาการศกึ ษา และการนำไปใชใ้ นการจัดการเรียนรู้ 1.3 มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับจติ วทิ ยาการแนะแนวและการใหค้ ำปรึกษา 1.4 มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับจิตวทิ ยาสำหรบั ผู้เรยี นทมี่ คี วามต้องการพิเศษ 1.5 มีทักษะการส่อื สารและความสัมพันธ์ระหวา่ งบคุ คล 1.6 มีทักษะการคดิ วเิ คราะห์ และใช้ปญั ญาในการพจิ ารณาบรบิ ทท่ีเกี่ยวขอ้ ง 1.7 มีทักษะการสบื ค้นข้อมูลและการใชเ้ ทคโนโลยี 1.8 มีทักษะการทำงานเปน็ ทมี 1.9 สามารถใชจ้ ติ วทิ ยาเพอื่ เขา้ ใจและสนับสนนุ การเรยี นรูข้ องผ้เู รียนให้เตม็ ศักยภาพ 1.10 สามารถใหค้ ำแนะนำช่วยเหลือผเู้ รยี นใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ที่ดขี ้ึน 1.11 เปน็ ผ้มู คี วามตระหนกั ในวิชาชีพครู 1.12 เปน็ ผูม้ ีคณุ ธรรมสำหรบั การเปน็ ครู 1.13 เป็นผ้มู รี ะเบียบวนิ ยั และเคารพกฎกติกาของสงั คม 1.14 เป็นผใู้ ฝ่เรียนรู้ 1.15 เปน็ ผทู้ ี่เคารพในคณุ คา่ และศกั ดิ์ศรีของความเปน็ มนุษย์ และเหน็ คุณคา่ ของตนเอง กลา้ คดิ กล้าแสดงออก วัตถุประสงค์ เมอ่ื ผูเ้ รียนเรียนจบในรายวิชานี้ สามารถทำสิง่ ตอ่ ไปนี้ได้ 2.1 อธิบายเก่ียวกบั จติ วิทยาพ้ืนฐาน และจติ วิทยาพฒั นาการของมนษุ ย์ได้ 2.2 อธิบายเกย่ี วกับจติ วิทยาการศกึ ษา และแนวทางการนำไปใช้ในการจดั การเรยี นรู้ไดถ้ กู ต้อง 2.3 อธิบายจิตวทิ ยาการแนะแนว และการใหค้ ำปรกึ ษาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2.4 อธิบายเกย่ี วกับจติ วิทยาสำหรับผู้เรยี นท่ีมีความต้องการพิเศษ และแนวทางการนำไปใชใ้ นการจดั การเรยี นรู้ แก่ผู้เรยี นทีม่ ีความต้องการพิเศษ ได้ถกู ตอ้ ง 2.5 สือ่ สารภาษาไทยได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและสร้างความสมั พนั ธ์กับผอู้ นื่ ได้ 2.6 วเิ คราะห์และแก้ปญั หาได้ถกู ตอ้ ง 2.7 สบื คน้ และวเิ คราะหข์ อ้ มูลจากแหลง่ ขอ้ มลู ทหี่ ลากหลายได้ 2.8 ทำรายงานเปน็ ทีมได้ 2.9 ใช้จติ วิทยาเพ่ือเข้าใจและสนบั สนนุ การเรยี นรู้ของผเู้ รียนใหเ้ ตม็ ศกั ยภาพ 2.10 ใหค้ ำแนะนำชว่ ยเหลือผเู้ รียนใหม้ ีคุณภาพชวี ิตทดี่ ขี ึ้นได้ 2.11 แสดงพฤตกิ รรมความตระหนกั ในวิชาชพี ครู 2.12 แสดงพฤตกิ รรมเป็นผมู้ คี ณุ ธรรมในการเป็นครู 2.13 แสดงพฤติกรรมเป็นผู้มรี ะเบียบวินยั และเคารพกฎกติกาของสงั คม 2.14 แสดงพฤตกิ รรมความรับผดิ ชอบต่อการกระทำของตนเอง 2.15 แสดงพฤตกิ รรมเคารพในคณุ คา่ และศกั ด์ศิ รีของความเปน็ มนุษย์ และเห็นคุณค่าของตนเองกล้าคิกล้า แสดงออก

ค หมวดที่ 3 ลกั ษณะและการดำเนินการ 1. คำอธบิ ายรายวิชา เข้าใจธรรมชาติของผู้เรียน วิเคราะห์ แก้ปัญหา ประยุกต์และออกแบบ บริหารจัดการพฤติกรรม ผู้เรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพและช่วงวัย โดยประยุกต์ใช้หลักการ แนวคิด ทฤษฎีจิตวิทยาพัฒนาการ หลักการพัฒนาสมองเพ่ือพัฒนาชีวติ ที่สำเร็จ (Executive Function) ส่งเสรมิ พฒั นาการและการเรียนร้ขู อง ผู้เรียน ตามช่วงวัยและความแตกต่างระหว่างบุคคล เด็กที่มีความต้องการพิเศษ สามารถช่วยเหลือและสนับสนุนการ เรียนรู้ของผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ โดยใช้ทฤษฎีจิตวิทยาการศึกษา รวมทั้งสามารถจัดกิจกรรมและให้คำแนะนำ ช่วยเหลือผู้เรียนให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้นได้โดยใช้ทฤษฎีจิตวิทยาให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำและข้อมูลย้อนกลับแก่ ผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมและพัฒนา ดูแลช่วยเหลือผู้เรียน สร้างความร่วมมือในการพัฒนาผู้เรียนโดย การสะท้อนคิดเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการ พัฒนาตนเองในการเป็นครูที่ดี มีความรอบรู้ ทั นสมัย ทันต่อการ เปลี่ยนแปลง มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2. จำนวนชัว่ โมงที่ใช้ต่อภาคการศกึ ษา บรรยาย สอนเสริม ฝกึ ปฏิบตั ิ การศกึ ษาดว้ ยตนเอง งานภาคสนาม/การฝกึ งาน บรรยาย 3 คาบ ตอ่ สปั ดาห์ - การศึกษาด้วยตนเอง 1 คาบ / สัปดาห์ 5 คาบ ตอ่ สัปดาห์ 3. อาจารยส์ ามารถให้คำปรึกษาและแนะนำทางวิชาการแกน่ กั ศกึ ษาเปน็ รายบคุ คล 2 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ 3.1 อาจารยใ์ ห้คำปรกึ ษาและแนะนำทางวชิ าการแกน่ กั ศึกษาเป็นรายบุคคล 3 ช่วั โมงต่อสปั ดาห์ 3.2 ใช้วิธีการส่ือสารโดยใช้ แอพพลิเคช่ันไลน์ โทรศพั ท์ หรือ พบดว้ ยตนเองท่ีหอ้ งพักจติ วทิ ยา

ง หมวดที่ 4 การพฒั นาการเรียนร้ขู องนกั ศึกษา (ผลการเรยี นร้ตู ามท่ีระบใุ นแผนทีก่ ระจายความรบั ผิดชอบใน มคอ. 2)  ความรับผิดชอบหลกั  ความรบั ผดิ ชอบรอง คุณธรรม ความรู้ ทักษะ ทักษะ ทกั ษะ ทกั ษะ จรยิ ธรรม ทางปญั ญา ความสมั พันธ์ การวิเคราะห์เชิง ด้านการจดั การ ระหว่างบคุ คล และความ ตวั เลข การ เรยี นรู้ รบั ผิดชอบ ส่ือสารและการ ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ รายวชิ ามหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1 2 1212312 3 1 2 3 1 2 3 PC 62503 จิตวทิ ยาสำหรับครู           ดา้ นทจ่ี ะพฒั นา รายละเอียดผลการเรียนรู้  1.1 แสดงออกซึ่งพฤติกรรมด้านคุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู มีคุณธรรมที่ เสรมิ สรา้ งการพัฒนาที่ยัง่ ยืน ตามวถิ แี ห่งความพอเพียง มคี วามกลา้ หาญทางจริยธรรม มคี วามเข้าใจผอู้ น่ื เขา้ ใจโลก มีจิตสาธารณะ เสยี สละ เปน็ แบบอย่างทด่ี ี 1. คุณธรรม  1.2 สามารถจัดการและคิดแกป้ ัญหาทางคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพครูเชิงสัมพัทธ์ โดย จริยธรรม ใช้ดุลยพนิ ิจทางคา่ นยิ ม เคารพในคณุ ค่า และศักดิศ์ รขี องความเป็นมนุษย์ เขา้ ใจความรู้สกึ และรับฟงั ความคิดเห็นของผู้อื่น สำนึกในหน้า ที่มีวินัย มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และประโยชน์ของสังคม ส่วนรวม  ขาดทุนคือกำไร  2.1 มีความรอบรู้ในด้านนวัตกรรมการเรียนรู้ในวิชาชีพครูอย่างเป็นระบบ ลึกซึ้ง กว้างขวาง สามารถ วเิ คราะห์ ประเมินคา่ สงั เคราะห์ความรู้เพอ่ื สรา้ งสรรคน์ วตั กรรมสื่อการเรยี นรู้ สามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ ในการปฏิบัตงิ านวชิ าชีพครูได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 2. ความรู้  2.2 มคี วามตระหนักรู้หลักการและทฤษฎีในองคค์ วามร้ทู ่ีเกยี่ วขอ้ งอย่างบรู ณาการขา้ มศาสตร์และกับ โลกแห่งความเป็นจริง เข้าใจความก้าวหน้าของความรู้เฉพาะในด้านสาขาวิชาที่จะสอนอย่างลึกซ้ึง ตระหนักถึงความสำคญั ของงานวจิ ยั และการวิจัยในการต่อยอดความรู้  ระเบดิ จากขา้ งใน ศึกษาขอ้ มูลอย่างเป็นระบบ การแก้ปญั หาจากจดุ เลก็ ทำตามลำดับขน้ั ไมต่ ิดตำรา แก้ปัญหาจากจดุ เลก็ ๆ  ความรอบรู้ตามศาสตร์

จ ด้านทีจ่ ะพัฒนา รายละเอยี ดผลการเรยี นรู้  3.1 สามารถคดิ คน้ หาขอ้ เทจ็ จรงิ ทำความข้าใจและประเมนิ ขอ้ มลู สารสนเทศ และแนวคดิ จากแหลง่ ข้อมลู ที่ หลากหลาย เพื่อใชใ้ นการปฏบิ ัตงิ าน การวนิ จิ ฉัยแกป้ ัญหา และทำการวิจัยแกป้ ญั หาและวจิ ยั เพือ่ พัฒนางาน และพฒั นาองคค์ วามร้ดู ว้ ยตนเอง 3. ทักษะทาง  3.2 สามารถคิดแก้ปัญหาที่มีความสลับซับซ้อน เสนอทางออกและนำไปแก้ไขได้อย่างสร้างสรรค์ โดย ปัญญา คำนึงถึงความรู้ในภาคทฤษฎปี ระสบการณ์ภาคปฏบิ ัติ และผลกระทบจากการตัดสินใจ มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง  3.3 เป็นผู้นำทางปัญญาในการคิดพัฒนางานอย่างสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์ และการพัฒนาศาสตร์ ทางดา้ นครุศาสตร์ รวมท้ังการพฒั นาทางวิชาชีพอยา่ งมีนวตั กรรม  ทำงานแบบองค์รวม  4.1 มีความไวในการรบั ความรู้สึกของผูอ้ ื่น เขา้ ใจผู้อ่นื มีมมุ มองเชิงบวก มวี ุฒิภาวะทางอารมณ์ และทางสังคม 4. ทกั ษะ  4.2 มคี วามเอาใจใส่ชว่ ยเหลือและเออื้ ต่อการแก้ปัญหาในกลุ่ม และระหว่างกลุ่มได้อย่างสร้างสรรค์ ความสมั พนั ธ์  4.3 มีภาวการณเ์ ปน็ ผนู้ ำและผตู้ ามท่ีดี มีความสมั พนั ธท์ ด่ี ีกับผ้เู รียน และมีความรบั ผิดชอบต่อส่วนรวม ระหวา่ งบุคคลและ ทั้งดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และสงิ แวดล้อม ความรับผดิ ชอบ  รูร้ กั สามคั คี (รู้ปัญหา รักการแก้ปัญหา สามคั คใี นการแกป้ ัญหา) ความเพยี ร ซอื่ สัตยส์ จุ ริต จรงิ ใจตอ่ กนั ทำงานอยา่ งมีความสขุ  จติ อาสา 5. ทักษะการ  5.1 มีความไวในการวิเคราะหข์ อ้ มลู ข่าวสารท้งั ทเ่ี ปน็ ตวั เลข สถิติ หรือคณิตศาสตร์ ภาษาพดู วเิ คราะห์ และภาษาเขยี น อนั มผี ลใหส้ ามารถสร้างองค์ความรู้ หรือประเด็นปัญหาได้อยา่ งรวดเรว็ เชิงตัวเลขการ  5.2 มีความสามารถในการใช้ดุลยพินิจที่ดีในการประมวลผล แปลความหมาย และเลือกใช้ข้อมูล ส่ือสารและการใช้ สารสนเทศ โดยใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศไดอ้ ยา่ งสม่ำเสมอและตอ่ เน่ือง เทคโนโลยี  5.3 มีความสามารถในการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพทั้งการพูด การเขียน และการนำเสนอด้วย สารสนเทศ รูปแบบทเ่ี หมาะสมสำหรับบคุ คลและกลมุ่ ที่มคี วามแตกต่างกนั  6.1 มคี วามเชีย่ วชาญในการจดั การเรยี นรู้ทมี่ ีรูปแบบหลากหลายทัง้ รปู แบบท่ีเป็นทางการ (formal) รูปแบบก่งึ ทางการ (none - formal) และรูปแบบทไ่ี มเ่ ป็นทางการ (informal) อยา่ งสร้างสรรค์  6.2 มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนที่หลากหลาย ทั้งผู้เรียนที่มีความสามารถ 6. ทกั ษะการจัดการ พเิ ศษ ผ้เู รยี นท่มี ีความสามารถปานกลาง และผูเ้ รียนท่ีมคี วามตอ้ งการพเิ ศษ อยา่ งมีนวตั กรรม เรียนรู้  6.3 มีความเชย่ี วชาญในการจดั การเรยี นรู้ในวชิ าชพี ครูท่ีจะสอนอยา่ งบูรณาการ  ปลูกปา่ ในใจคน  เช่ยี วชาญการจดั การเรยี นรู้  จิตวิญญาณความเปน็ ครู เป็นแบบอย่าง การเปน็ ผู้นำความเปลย่ี นแปลง / หมายถึง มีการน้อมนำศาสตรพ์ ระราชาบูรณาการกับการจัดการเรยี นรู้ / หมายถงึ สมรรถนะตามโมเดลการผลติ ครูตามวิชาชพี ชน้ั สูง

ฉ ผังความคดิ สำหรบั หมวด 4 วิชา จติ วทิ ยาสำหรับครู (PC58501) เนอื้ หา วตั ถปุ ระสงค์ เร่อื งท่ี 1. ความหมายของจติ วิทยาและประวตั คิ วามเปน็ มา o15 มีทักษะการให้คำปรึกษาทางจติ วทิ ยาเบอ้ื งตน้ 2. แนวคดิ ทางจติ วิทยายุคเรมิ่ ต้น 3. จิตวทิ ยาพฒั นาการ วัตถปุ ระสงคเ์ ฉพาะ 4. จติ วทิ ยาพฒั นาการ 5. จิตวิทยาพฒั นาการ 1. มีความรู้ หลักการ แนวคิดดา้ นจิตวทิ ยาทเ่ี ก่ยี วข้องกับการศึกษา 6. จิตวิทยาการเรยี นรู้ 2. สามารถประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ในการจดั การศึกษา 7. จิตวทิ ยาการเรียนรู้ 3. สามารถใชค้ วามรูใ้ นการพัฒนาคุณลกั ษณะ และเจตคติท่ีเหมาะสมในการเป็นครู 8. จิตวิทยาการเรียนรู้ 9. จิตวทิ ยาสำหรบั ผเู้ รยี นทีม่ คี วามตอ้ งการพเิ ศษ 10.จิตวิทยาสำหรบั ผู้เรยี นท่ีมคี วามต้องการพเิ ศษ 11.จิตวทิ ยาสำหรับผู้เรยี นที่มคี วามตอ้ งการพเิ ศษ 12.ความรู้เบ้ืองต้นเกย่ี วกับการแนะแนว 13.ความรเู้ บ้อื งต้นเกยี่ วกบั การให้คำปรกึ ษา 14.ความรูเ้ บื้องต้นเกย่ี วกับการให้คำปรกึ ษา 15.ความรเู้ บ้ืองต้นเกยี่ วกับการให้คำปรกึ ษา มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง การจดั การเรียนรู้ O L1 บรรยาย อภิปรายกล่มุ และ ทำใบกจิ กรรมทา้ ยบทเรยี น วัตถปุ ระสงค์ท่วั ไป L2 บรรยาย อภิปรายกลุม่ และ ทำใบกิจกรรมทา้ ยบทเรยี น L3 บรรยาย และ อภปิ รายกลมุ่ 01.คณุ ธรรม จรยิ ธรรม L4 บรรยาย และ อภปิ รายกลมุ่ 02. ความรู้ L5 บรรยาย และ อภปิ รายกลมุ่ คน้ ควา้ ทฤษฎที ่ไี ด้รับมอบหมาย และ นำเสนอความรู้ 03.ทกั ษะทางภาษา L6 บรรยาย และ อภิปรายกลมุ่ 04. ทักษะความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคลและ L7 บรรยาย และ อภิปรายกลมุ่ ความรบั ผิดชอบ L8 บรรยาย และ อภิปรายกลมุ่ คน้ ควา้ ทฤษฎที ี่ได้รบั มอบหมาย และ นำเสนอความรู้ 05.ทักษะการวเิ คราะหเ์ ชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้ L9 บรรยาย และ อภิปรายกลมุ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ L10 บรรยาย และ อภปิ รายกลุ่ม 06. ทกั ษะการจัดการเรยี นรู้ L11 บรรยาย และ อภปิ รายกลุ่ม คน้ ควา้ ทฤษฎีทีไ่ ด้รับมอบหมาย และ นำเสนอความรู้ L12 บรรยาย และ อภปิ รายกลุ่ม E L13 บรรยาย และ อภปิ รายกลมุ่ L14 บรรยาย และ อภปิ รายกลุ่ม e1 สังเกตการณต์ อบคำถาม การอภปิ ราย และ ผลงานใบกจิ กรรมทา้ ยบทเรยี น L15 ฝึกปฏิบตั ิ อภิปรายกลมุ่ บรรยายเสรมิ e2 สงั เกตการณต์ อบคำถาม การอภปิ ราย และ ผลงานใบกจิ กรรมทา้ ยบทเรยี น e3 สังเกตการณ์ตอบคำถาม และ การอภปิ ราย o1 มคี วามรเู้ กี่ยวกบั ความหมายและประวัตคิ วามเป็นมาของศาสตร์ e4 สงั เกตการณต์ อบคำถาม และ การอภิปราย o2 มีความรเู้ ก่ยี วกบั แนวคดิ ทางจิตวิทยายุคเรม่ิ ตน้ e5 สังเกตการณต์ อบคำถาม การอภิปราย และ ผลงานใบกจิ กรรมทา้ ยบทเรียน o3 มีความรเู้ กยี่ วกับพฒั นาการเบอื้ งต้น e6 สงั เกตการณ์ตอบคำถาม และ การอภปิ ราย o4 มคี วามรเู้ กี่ยวกบั ทฤษฎีพัฒนาการและสามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้ e7 สังเกตการณต์ อบคำถาม และ การอภปิ ราย o5 มคี วามรเู้ กี่ยวกบั ทฤษฎีพฒั นาการและสามารถนำไปประยกุ ต์ใชไ้ ด้ e8 สงั เกตการณ์ตอบคำถาม การอภปิ ราย และ ผลงานใบกิจกรรมทา้ ยบทเรยี น o6 มคี วามรเู้ กีย่ วกับการเรยี นร้เู บอื้ งต้น e9 สงั เกตการณต์ อบคำถาม และ การอภปิ ราย o7 มีความรเู้ กี่ยวกับทฤษฎกี ารเรยี นรแู้ ละสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ได้ e10 สงั เกตการณ์ตอบคำถาม และ การอภปิ ราย o8 มีความรเู้ กี่ยวกับทฤษฎีการเรยี นรู้และสามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้ e11 สงั เกตการณ์ตอบคำถาม การอภปิ ราย และ ผลงานใบกจิ กรรมทา้ ยบทเรยี น o9 มคี วามรเู้ กย่ี วกบั การศึกษาพเิ ศษเบ้ืองต้น e12 สงั เกตการณ์ตอบคำถาม การอภปิ ราย และ ผลงานใบกิจกรรมทา้ ยบทเรยี น o10 มีความรู้เกีย่ วกับเดก็ ทมี่ ีความตอ้ งการพเิ ศษ e13 สงั เกตการณต์ อบคำถาม และ การอภิปราย o11 มคี วามรู้เก่ียวกบั กลุ่มโรคปญั หาทางการเรยี นรู้ e14 สังเกตการณต์ อบคำถาม และ การอภปิ ราย o12 มีความรู้เกี่ยวกบั เก่ียวกับการแนะแนวเบอื้ งตน้ e15 สงั เกตจากการตอบคำถาม และ การปฏิบัติการให้คำปรกึ ษาจำลองสถานการณ์ o13 มีความรเู้ กยี่ วกับเก่ียวกับการใหค้ ำปรึกษาเบอื้ งตน้ o14 มคี วามรู้เกยี่ วกับทฤษฎีการใหค้ ำปรึกษา

1. แผนการจดั การเรยี นรู้ หมวดที่ 5 แผนการจัดการเรีย สปั ดาหท์ ี่ หวั ขอ้ เร่ือง/ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ Meta Active วตั ถุประสงค์/สาระสำคัญ กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบ่งกลุม่ 1 เรือ่ ง ความหมายของจติ วิทยาและ ผู้สอนชี้แจง มคอ. 3 และข้อตกลงเบ้ืองต้นเกย่ี วกบั การเรีย ประวตั คิ วามเปน็ มา รายวิชา 1. จับคู่สนทนาต่อประเด็น \"จติ วิทยาเป็นวิชาทเ่ี รียนเกยี่ วก จุดประสงค์ เร่อื งอะไร” สมุ่ 2-3 คู่ ตอบคำถาม 1. อธิบายความเป็นมาของ 2. ผู้สอนสรุปประเด็น จติ วทิ ยาได้ 3.แบง่ กลุม่ และ แจกประเด็นค้นคว้าโดยให้แตล่ ค้นคว้าปร 2. บอกความหมายของ ความเปน็ มาของจิตวิทยา จติ วทิ ยาและอธบิ ายความสำคัญ ของจติ วทิ ยาได้ 4.ใหแ้ ต่ละกลุ่มส่งตวั แทนมานำเสนอ สาระสำคญั 5.อาจารยบ์ รรยายเกย่ี วกบั ความหมายของจิตวทิ ยา มหาวิทยา ัลยราช 1.ความหมายของจติ วทิ ยา แนวความคิดทางจิตวทิ ยาแต่ละยุค แนวความคดิ ทางจิตวิทยาในแตล่ ะ 6.ใหน้ ักศึกษาทำกจิ กรรมท้ายบทเรียน ยุค 7.สมุ่ นกั ศกึ ษาเพ่ือออกมานำเสนอผลงานโดยอาจารยค์ อย กระตุ้นใหเ้ กดิ การอภปิ ราย และ บรรยายเพิ่มเตมิ ในส่วนท ตกหลน่

ช ยนรแู้ ละการประเมินผล ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง Learning เวลา สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ วธิ ีการประเมนิ ผล ผลการเรียนรทู้ ่ี เชอ่ื มโยงกับ องค์ (นาที) วัตถุประสงค์และ ประกอบ 15 -มคอ. 3 สงั เกตการณ์ตอบ มคอ. 2 ยน คำถาม การอภปิ ราย 1 กับ E 15 -Power point และ ผลงานใบกจิ กรรม 2.1 C, R+D ระวัติ E ท้ายบทเรียน 2, 3 2, 5.2, 5.3 E 15 -Power point C 2, 3, 4, 6 60 -Power point และ 2 เอกสารประกอบการ สอน -flipchart 60 -Power point E 60 -เอกสารประกอบการ 2, 3 สอน 2, 3, 4, 6 ย C,E, R+D 45 -Power point ท่ี

สปั ดาหท์ ี่ หวั ข้อเรอ่ื ง/ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ Meta Active วัตถปุ ระสงค/์ สาระสำคญั กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบง่ กล่มุ 2 เร่ือง แนวคดิ ทางจติ วิทยายุค เร่มิ ตน้ 1.จับคสู่ นทนาทบทวนเนื้อหาของสัปดาหท์ ่ี 1 2.ส่มุ นกั ศกึ ษาออกมาสรปุ เนอ้ื หาของสปั ดาหท์ ่ี 1 ใหเ้ พือ่ น จุดประสงค์ โดยอาจารย์จะคอยเพิ่มเตมิ ในส่วนทตี่ กหลน่ 3.อาจารยบ์ รรยายเกย่ี วกับแนวคดิ ทางจติ วิทยายคุ เริ่มตน้ 1. อธิบายความเป็นมาของ 4.ให้นักศึกษาทำกิจกรรมทา้ ยบทเรียน จิตวิทยาได้ 5.สุ่มนกั ศกึ ษาเพื่อออกมานำเสนอผลงานโดยอาจารย์คอย 2. อธบิ ายแนวคดิ ทางจติ วทิ ยา กระต้นุ ให้เกดิ การอภปิ ราย และ บรรยายเพม่ิ เติมในส่วนท ยุคเร่มิ ต้นได้ ตกหล่น สาระสำคัญ 1.ความหมายของจิตวิทยาและ แนวความคดิ ทางจิตวิทยาในแต่ละ ยุค มหาวิทยา ัลยราช

ซ Learning เวลา สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ วิธกี ารประเมนิ ผล ผลการเรยี นร้ทู ่ี เชอ่ื มโยงกบั องค์ (นาท)ี วตั ถปุ ระสงคแ์ ละ ประกอบ 15 -Power point สังเกตการณ์ตอบ มคอ. 2 E 15 -Power point คำถาม การอภิปราย นฟงั E 2.1 และ ผลงานใบกจิ กรรม 3.1, 5.3 C 135 -Power point ท้ายบทเรยี น E 2, 3 ย C, R+D 45 -Power point 2, 3 ที่ 30 -Power point 2, 3, 4, 6 -เอกสารประกอบการ -สอน -flipchart ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง

สปั ดาหท์ ่ี หวั ข้อเรื่อง/ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ Meta Active วตั ถุประสงค์/สาระสำคญั กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบง่ กลุ่ม 3 เรอ่ื ง จิตวิทยาพฒั นาการ 1. จบั คสู่ นทนาตอ่ ประเด็น “เม่ือพดู ถงึ พัฒนาการคดิ ถงึ อะ ส่มุ 2-3 คู่ ตอบคำถาม จุดประสงค์ 2. อาจารยส์ รุปความหมายของพัฒนาการเพม่ิ เติมจากคำต 1. มีความรเู้ กี่ยวกบั ความหมาย และให้ความรู้เกี่ยวกบั องค์ประกอบของพฒั นาการ พัฒนา หลกั ของพัฒนาการการแบ่งดา้ น ด้านตา่ งๆ 4 ดา้ น และพฒั นาการตามช่วงวยั ของพฒั นาการ องค์ประกอบและ 3. แบง่ กลมุ่ 4 คน จบั ฉลากวยั 1 วัย ศกึ ษาลักษณะของคน พัฒนาการแตล่ ะชว่ งวัย วัย โดยการหาความรูจ้ ากเอกสารประกอบการสอนหรือ โทรศัพท์มอื ถือ จดั ทำแผนผังความคดิ และส่งตวั แทนนำเส สาระสำคญั อาจารยแ์ ละเพอ่ื น ๆ ตงั้ คำถาม การทำความเข้าใจเกยี่ วกับ 4. อาจารยเ์ สรมิ ความร้เู พ่มิ เติม พัฒนาการเบ้อื งต้น อันไดแ้ ก่ 5. อาจารยน์ ำสรปุ ถงึ ลกั ษณะสำคัญของแตล่ ะวัย องคป์ ระกอบของพัฒนาการ 6. อาจารยต์ งั้ คำถามกลุ่มเดิมว่า “การเรียนรู้เรอื่ งวยั สำคัญ การแบ่งด้านของพัฒนาการ และ เป็นครูอยา่ งไร” สุม่ นำเสนอ 2-3 กลุ่ม มหาวิทยา ัลยราช การแบง่ วยั 7. อาจารยส์ รปุ ความสำคญั ของการเรียนรู้เรอ่ื งวยั

ฌ Learning ผลการเรียนรทู้ ี่ เชอื่ มโยงกบั องค์ เวลา วตั ถปุ ระสงค์และ ประกอบ (นาท)ี ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง สื่อ/แหล่งเรยี นรู้ วิธีการประเมนิ ผล มคอ. 2 ะไร” E 10 -Power point สงั เกตการณต์ อบ 1, 2.1 คำถามและการอภิปราย 1, 3.1, 5.3 ตอบ C 40 -Power point าการ นแต่ละ R+D 60 -Power point 2, 5.2, 5.3 -เอกสารประกอบการ สนอ -สอน 1, 2.2 -flipchart 1, 2.2 C 2.2 C 20 -Power point ญตอ่ การ R+D, C 20 -Power point 30 -Power point C 20 -Power point 2.2, 3

สปั ดาห์ที่ หวั ขอ้ เรือ่ ง/ กระบวนการจดั การเรียนรู้ Meta Active วัตถุประสงค์/สาระสำคัญ กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบง่ กลุ่ม สปั ดาห์ที่ หวั ข้อเรอื่ ง/ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ Meta Active วัตถุประสงค์/สาระสำคญั กิจกรรมการเรียนรู้/การแบ่งกลุ่ม 4 เร่อื ง จิตวิทยาพฒั นาการ 1.จับคสู่ นทนาทบทวนเน้ือหาของสปั ดาหท์ ่ี 3 2.สมุ่ นักศกึ ษาออกมาสรปุ เนือ้ หาของสัปดาหท์ ่ี 3 ใหเ้ พื่อน จดุ ประสงค์ โดยอาจารยจ์ ะคอยเพิ่มเตมิ ในสว่ นทต่ี กหลน่ 1.อธิบายหลกั ของพฒั นาการได้ 3.อาจารยบ์ รรยายเกีย่ วกบั ทฤษฎีจิตวทิ ยาพฒั นาการ 2.อธบิ ายทฤษฎพี ัฒนาการได้ 4.ให้นักศึกษาทำกจิ กรรมทา้ ยบทเรยี น 5.สุ่มนักศึกษาเพ่ือออกมานำเสนอผลงานโดยอาจารย์คอย สาระสำคญั กระตุ้นใหเ้ กดิ การอภิปราย และ บรรยายเพ่ิมเติมในส่วนท 1. ทฤษฎีพัฒนาการ ตกหล่น มหาวิทยา ัลยราช

ญ Learning สอื่ /แหลง่ เรียนรู้ วิธกี ารประเมินผล ผลการเรียนรู้ท่ี เชอื่ มโยงกบั องค์ เวลา วัตถปุ ระสงคแ์ ละ ประกอบ (นาท)ี ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 Learning ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ วธิ กี ารประเมินผล ผลการเรยี นรทู้ ี่ เชอื่ มโยงกบั องค์ เวลา วตั ถุประสงค์และ ประกอบ (นาท)ี มคอ. 2 E 15 -Power point สงั เกตการณ์ตอบ นฟัง E 15 -Power point คำถาม การอภิปราย 2.1 3.1, 5.3 และ ผลงานใบกจิ กรรม C 135 -Power point ท้ายบทเรียน 2, 3 E 45 -Power point 2, 3 ย C, R+D 30 -Power point และ 2, 3, 4, 6 ท่ี เอกสารประกอบการ สอน -flipchart -Power point

สปั ดาหท์ ่ี หวั ขอ้ เรอ่ื ง/ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ Meta Active วัตถุประสงค/์ สาระสำคญั กจิ กรรมการเรียนรู้/การแบ่งกลมุ่ 5 เรอื่ ง จิตวิทยาพฒั นาการ 1.จบั ค่สู นทนาทบทวนเนือ้ หาของสปั ดาห์ท่ี 4 2.สุ่มนักศกึ ษาออกมาสรปุ เนอื้ หาของสปั ดาหท์ ี่ 4 ใหเ้ พือ่ นฟ จุดประสงค์ 3.แบง่ กล่มุ นักศกึ ษาและใหน้ กั ศกึ ษาทำ Mini classroom 1.อธิบายหลกั ของพฒั นาการได้ โดยอาจารยอ์ ธิบายขนั้ ตอนของการรับความรตู้ ามฐานต่าง ๆ 2.อธิบายทฤษฎีพัฒนาการได้ 4. แต่ละกลุ่มจัดเตรยี ม Mini classroom ของตนเอง โดยใช แผนผงั ความคิดที่จัดทำไว้เปน็ สือ่ การสอน จดั ท่ีนั่งตามจำนว สาระสำคญั ผฟู้ งั จัดผู้สอน 2 คน 1. ทฤษฎีพัฒนาการ มหาวิทยา ัลยราช 5. จดั ใหน้ ักศกึ ษาท่เี หลือจากคนทท่ี ำหนา้ ท่ีให้ความรู้ไปรบั ความรตู้ ามฐานจนครบ โดยจะเปล่ียนฐานไดต้ อ่ เมื่ออาจารย ตง้ั คำถามตรวจสอบความรู้ แล้วใหค้ วามรเู้ พิ่มเตมิ แล้ว 6. เมื่อครบตามฐานใหน้ กั ศึกษากลบั มารวมกลุ่มเดิม โดยน ความร้ทู ่ีได้มาร่วมกันสรปุ 7. จัดแบบทดสอบทุกคนโดยให้ทำแบบทดสอบเป็นกลมุ่ 8. อาจารยเ์ ฉลยและเพิ่มเตมิ ความรู้ 9. ให้แตล่ ะกลุ่มร่วมกันสรปุ การประยุกต์ใช้ทฤษฎขี องกลุ่ม

ฎ ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงLearningเวลาสอ่ื /แหล่งเรยี นรู้วิธีการประเมนิ ผลผลการเรียนรู้ท่ี (นาที) เช่ือมโยงกบั องค์ วัตถปุ ระสงค์และ ประกอบ มคอ. 2 E 15 -Power point สังเกตการณ์ตอบ 2.1 ฟัง E 15 -Power point คำถาม การอภปิ ราย 3.1, 5.3 E 5 -Power point และ ผลงานใบกิจกรรม 2.1, 3 ๆ ท้ายบทเรยี น ช้ E 10 -Power point 1 ,2.1, 6 วน -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart E 50 -Power point 2, 6 ยไ์ ด้ -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart นำ E 30 -Power point 1.1, 2 -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart R+D 25 -Power point 1.2, 3 -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart C 25 -Power point 1.1, 2 R+D 25 -Power point 2, 4

สปั ดาหท์ ่ี หัวข้อเรอ่ื ง/ กระบวนการจัดการเรียนรู้ Meta Active วตั ถปุ ระสงค/์ สาระสำคัญ กจิ กรรมการเรียนรู้/การแบ่งกลุ่ม 10. กล่มุ นำเสนอการประยุกต์ใช้หน้าชัน้ อาจารยค์ อยเพ่มิ เต ประเด็นทต่ี กหล่น 11. อาจารยส์ รปุ ถงึ ความสำคัญของการทำความเข้าใจทฤษ พฒั นาการท้ัง 4 ทฤษฎี สปั ดาห์ท่ี หัวขอ้ เร่ือง/ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ Meta Active วตั ถปุ ระสงค์/สาระสำคัญ กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบง่ กลมุ่ 6 เรอื่ ง จติ วิทยาการเรยี นรู้ 1. จับคแู่ สดงความคิดเห็นต่อใบงานเกย่ี วกบั ประเดน็ ความ ของการเรียนรู้สุ่มถาม 2-3 คู่ มหาวิทยา ัลยราช จดุ ประสงค์ 2. อาจารยส์ รปุ ความหมาย และประเด็นสำคัญของการเรีย 1.บอกความหมายองค์ประกอบ ความรเู้ พ่อื เรือ่ งลำดับขัน้ การเรียนรู้และองค์ประกอบการเ ลำดบั ข้ันการเรยี นรู้ และปจั จยั ทมี่ ี 3. แบ่งกลุม่ นักศกึ ษา 5-6 คน รว่ มกนั อภิปรายหัวขอ้ “มปี ผลตอ่ การเรยี นรู้ อะไรบา้ งทท่ี ำให้เด็กแตล่ ะคนเรียนรูไ้ ดไ้ ม่เทา่ กัน” ส่มุ 3-4 นำเสนอ ผูส้ อนร่วมอภิปรายเพ่ิมเตมิ สาระสำคัญ 1.ความหมายของการเรยี นรู้ 2.องคป์ ระกอบของการเรียนรู้ 4. ให้แต่ละกลุ่มอภปิ รายวา่ จะนำข้อสรุปจากปัจจยั ตา่ ง ๆ 3.กระบวนการของการเรยี นรู้ เดก็ เรยี นร้ไู ดไ้ ม่เท่ากนั ไปใชป้ ระโยชน์ในการจดั การเรยี นรู้อ 4.ปจั จยั ทม่ี ีอทิ ธพิ ลตอ่ การเรยี นรู้ สมุ่ นำเสนอ 2-3 กลุ่ม 5. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกนั สรุปเร่อื งการเรียนรู้

ฏ Learning เวลา ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ วธิ กี ารประเมินผล ผลการเรยี นรทู้ ี่ (นาที) เช่อื มโยงกับ องค์ วัตถปุ ระสงคแ์ ละ ประกอบ ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 ติม C 25 -Power point 2, 4 ษฎี C 15 -Power point 3.1, 5 Learning ส่อื /แหล่งเรียนรู้ วธิ ีการประเมนิ ผล ผลการเรียนรทู้ ี่ เชื่อมโยงกบั องค์ เวลา วตั ถปุ ระสงค์และ ประกอบ (นาที) มคอ. 2 มหมาย E, R+D 15 -Power point สงั เกตการณ์ตอบ คำถาม การอภปิ ราย 1, 2.1 ยนรู้ ให้ C เรียนรู้ 60 -Power point และ ผลงานใบกจิ กรรม 1, 2.1 ปัจจัย R+D, ท้ายบทเรียน 4 กลุ่ม E, C 1, 2.1 60 -Power point 4 ท่ีทำให้ A -Power point อย่างไร -เอกสารประกอบการ 2, 5.3 สอน C -flipchart 1.2 2.1 60 -Power point 3, 4 -เอกสารประกอบการ สอน 3, 5.3 -flipchart 45 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน

สปั ดาห์ท่ี หวั ขอ้ เร่ือง/ กระบวนการจดั การเรียนรู้ Meta Active วตั ถุประสงค/์ สาระสำคัญ กิจกรรมการเรียนรู้/การแบง่ กลุ่ม หวั ขอ้ เรอื่ ง/ กระบวนการจัดการเรียนรู้ Meta Active วัตถุประสงค/์ สาระสำคญั กจิ กรรมการเรียนรู้/การแบง่ กลุ่ม สปั ดาหท์ ่ี มหาวิทยา ัลยราช 7 เรอ่ื ง จิตวิทยาการเรยี นรู้ 1.จบั คู่สนทนาทบทวนเน้ือหาของสัปดาหท์ ี่ 6 2.อาจารยบ์ รรยายเรอ่ื งทฤษฎีจิตวิทยาการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ 3. แบง่ กลุ่ม 4-5 คน วิเคราะหส์ าระสำคัญของแต่ละทฤษฎ 1. อธิบายหลกั การเรยี นรกู้ ลุ่ม พฤติกรรมนยิ มได้ 2. ประยกุ ต์ใช้ทฤษฎกี ารเรียนรู้ กล่มุ พฤติกรรมนิยมได้ 4. กลุ่มนำเสนอโดยอาจารยค์ อยอธบิ ายเพิ่มเติม 3. ตระหนักถงึ ความสำคญั หลัก 5. กลุม่ คดิ แนวทางการใชท้ ฤษฎีไปประยุกต์ใช้ในการจัดกา ของการเรียนรูก้ ลุ่มพฤตกิ รรมนยิ ม เรยี นรู้หรอื พัฒนาผู้เรยี นพรอ้ มยกตวั อยา่ ง ตอ่ การเปน็ ครู สาระสำคัญ 6. ส่มุ นำเสนอ 2 – 3 กลุม่ อาจารยอ์ ธิบายเพมิ่ เติม

ฐ Learning ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ วิธีการประเมินผล ผลการเรียนรู้ท่ี เช่อื มโยงกบั องค์ เวลา วัตถุประสงค์และ ประกอบ (นาท)ี ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 -flipchart Learning สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ วิธกี ารประเมินผล ผลการเรียนรู้ที่ เช่ือมโยงกับ องค์ เวลา วตั ถุประสงคแ์ ละ ประกอบ (นาที) มคอ. 2 E, R+D 15 -Power point สงั เกตการณต์ อบ C 90 -Power point คำถาม การอภปิ ราย 1, 5.1 2, 3 ฎี R+D 30 -Power point และ ผลงานใบกิจกรรม 1, 5.1 -เอกสารประกอบการ ทา้ ยบทเรียน สอน 1, 5.1 -flipchart 2, 3 C 30 -Power point 2, 5.3 าร A 30 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart C 30 -Power point

สัปดาห์ท่ี หัวข้อเร่อื ง/ กระบวนการจดั การเรียนรู้ Meta Active วตั ถปุ ระสงค์/สาระสำคญั กจิ กรรมการเรียนรู้/การแบ่งกลมุ่ 1.ทฤษฎกี ารเรยี นรกู้ ลุม่ พฤติกรรม นยิ ม 7. อาจารยแ์ ละนักศกึ ษารว่ มกันสรุปประเด็นสำคญั สัปดาห์ที่ หัวข้อเร่อื ง/มหาวิทยา ัลยราช กระบวนการจดั การเรียนรู้ Meta Active วัตถุประสงค/์ สาระสำคัญ กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบ่งกลมุ่ 8 เรอ่ื ง จิตวทิ ยาการเรยี นรู้ 1.จบั คู่สนทนาทบทวนเนื้อหาของสัปดาหท์ ่ี 7 2.ผู้สอนบรรยายเรือ่ งทฤษฎจี ิตวิทยาการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ 3. แบง่ กล่มุ 4-5 คน วเิ คราะห์สาระสำคญั ของแต่ละทฤษฎ 1. อธบิ ายหลกั การเรยี นรู้ ปญั ญานยิ มและการเรียนรทู้ าง ปญั ญาสังคมได้ 2. ประยุกตใ์ ช้ทฤษฎีการเรยี นรู้ 4. กล่มุ นำเสนอ อาจารยอ์ ธิบายเพ่ิมเติม

ฑ Learning สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ วิธีการประเมนิ ผล ผลการเรียนรู้ท่ี เชือ่ มโยงกบั องค์ เวลา วตั ถปุ ระสงค์และ ประกอบ (นาท)ี ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 -เอกสารประกอบการ สอน 2, 3 -flipchart C 15 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart Learning สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ วิธีการประเมนิ ผล ผลการเรยี นรู้ที่ เช่อื มโยงกับ องค์ เวลา วตั ถปุ ระสงคแ์ ละ ประกอบ (นาที) มคอ. 2 E, R+D 15 -Power point สงั เกตการณ์ตอบ C 90 -Power point คำถาม การอภปิ ราย 1, 5.1 2, 3 ฎี R+D 30 -Power point และ ผลงานใบกจิ กรรม 1, 5.1 -เอกสารประกอบการ ท้ายบทเรียน 1, 5.1 สอน -flipchart C 30 -Power point

สปั ดาหท์ ี่ หวั ขอ้ เรื่อง/ กระบวนการจัดการเรียนรู้ Meta Active วตั ถุประสงค/์ สาระสำคัญ กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบง่ กลุม่ กลุ่มปัญญานยิ มและการเรียนรู้ 5. กลุ่มคิดแนวทางการใชท้ ฤษฎีไปประยุกตใ์ ช้ในการจัดกา ทางปัญญาสงั คมได้ เรยี นรู้หรือพัฒนาผู้เรียนพร้อมยกตัวอยา่ ง 3. ตระหนักถึงความสำคญั ของ ทฤษฎีการเรยี นรกู้ ล่มุ ปัญญานิยม 6. สุม่ นำเสนอ 2 – 3 กลมุ่ อาจารยอ์ ธิบายเพิ่มเติม และการเรยี นรู้ทางปัญญาสงั คม สาระสำคญั 1.ทฤษฎจี ิตวทิ ยาการเรยี นรู้กล่มุ 7. อาจารย์และนักศกึ ษารว่ มกนั สรปุ ประเด็นสำคัญ 2.ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ทางปญั ญา มหาวิทยา ัลยราช สปั ดาหท์ ี่ หัวข้อเรือ่ ง/ กระบวนการจัดการเรียนรู้ Meta Active วตั ถุประสงค/์ สาระสำคัญ กิจกรรมการเรียนรู้/การแบ่งกลุ่ม 9 เรอ่ื ง จิตวิทยาสำหรับผเู้ รยี นทมี่ ี 1.ผูส้ อนให้นักศึกษาดูคลปิ VDO เกยี่ วกับผเู้ รียนที่มีความต ความตอ้ งการพิเศษ พิเศษ 2. จบั คู่สนทนาแสดงความคดิ เห็นและแลกเปลยี่ นประสบก

ฒ Learning ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ วธิ กี ารประเมนิ ผล ผลการเรียนรู้ท่ี เชอ่ื มโยงกบั องค์ เวลา วตั ถปุ ระสงค์และ ประกอบ (นาท)ี ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 าร A 30 -Power point -เอกสารประกอบการ 2, 3 สอน 2, 5.3 C 30 -Power point -เอกสารประกอบการ 2, 3 สอน -flipchart C 15 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart Learning สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ วิธกี ารประเมนิ ผล ผลการเรียนรู้ที่ เชอื่ มโยงกับ องค์ เวลา สงั เกตการณ์ตอบ วตั ถุประสงคแ์ ละ ประกอบ (นาท)ี คำถาม การอภปิ ราย และ ผลงานใบกจิ กรรม มคอ. 2 ตอ้ งการ E 15 -VDO clips 1, 5.1 การณ์ E R+D 15 -Power point 1, 5.1

สปั ดาหท์ ่ี หัวข้อเรื่อง/ กระบวนการจัดการเรียนรู้ Meta Active วัตถปุ ระสงค์/สาระสำคัญ กจิ กรรมการเรยี นรู้/การแบง่ กลุ่ม จุดประสงค์ ในประเด็น 1) ความหมายของผู้เรยี นทม่ี ีความต้องการพเิ ศ 1.อธบิ ายความหมายของผู้เรยี นที่ การศึกษาพิเศษ 2) ประเภทของผเู้ รยี นท่ีมีความตอ้ งการพ มคี วามตอ้ งการพเิ ศษ และ ตามประสบการณ์ท่ีตนเองเคยพบเหน็ การศกึ ษาพิเศษได้ 3.ผู้สอนบรรยายเรือ่ งจติ วิทยาสำหรบั ผูเ้ รยี นทม่ี ีความตอ้ งก 2.อธิบายรูปแบบการเรยี นของ พเิ ศษ ผเู้ รียนท่มี ีความต้องการพเิ ศษได้ 4. แบง่ กลุม่ 4-5 คน วิเคราะหส์ าระสำคญั ของแต่ละทฤษฎ 3.จำแนกประเภทของผเู้ รียนท่ีมี ความตอ้ งการพิเศษและบทบาท ของครไู ด้ 5. กลมุ่ นำเสนอ อาจารยอ์ ธิบายเพ่มิ เติม สาระสำคญั 6. กลุ่มคิดแนวทางการใชท้ ฤษฎีไปประยุกต์ใช้ในการจัดกา 1. ความหมายของผเู้ รยี นท่มี ีความ เรียนรู้หรอื พัฒนาผู้เรียนพรอ้ มยกตัวอย่าง ตอ้ งการพิเศษ 2.ประเภทของผู้เรียนทม่ี คี วาม 7. สุ่มนำเสนอ 2 – 3 กลมุ่ อาจารยอ์ ธบิ ายเพิ่มเติม มหาวิทยา ัลยราช ตอ้ งการพิเศษ 8. อาจารย์และนักศกึ ษารว่ มกันสรุปประเดน็ สำคัญ

ณ Learning สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ วิธกี ารประเมนิ ผล ผลการเรยี นรทู้ ่ี ทา้ ยบทเรียน เช่อื มโยงกบั องค์ เวลา วตั ถปุ ระสงคแ์ ละ ประกอบ (นาท)ี มคอ. 2 ศษ และ พเิ ศษ ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง การ C 75 -Power point 2, 3 ฎี R+D 30 -Power point 1, 5.1 -เอกสารประกอบการ 1, 5.1 สอน 2, 3 -flipchart 2, 5.3 C 30 -Power point าร A 30 -Power point 2, 3 -เอกสารประกอบการ สอน C 30 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart C 15 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart

สปั ดาหท์ ่ี หัวขอ้ เรอ่ื ง/ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ Meta Active วัตถุประสงค์/สาระสำคัญ กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบ่งกลมุ่ 10 เรื่อง จติ วิทยาสำหรบั ผเู้ รียนท่ีมี 1.จับคูส่ นทนาทบทวนเน้ือหาของสปั ดาหท์ ่ี 9 ความตอ้ งการพิเศษ 2.ผู้สอนบรรยายเรือ่ งจติ วทิ ยาสำหรับผูเ้ รียนท่ีมคี วามตอ้ งก พิเศษ จดุ ประสงค์ 3. แบง่ กล่มุ 4-5 คน วิเคราะหส์ าระสำคญั 1.จำแนกประเภทของผูเ้ รียนท่ีมี ความตอ้ งการพเิ ศษและบทบาท ของครูได้ 2.บอกแนวทางการใหค้ วาม 4. กลุม่ นำเสนอ อาจารยอ์ ธบิ ายเพม่ิ เติม ช่วยเหลือผ้เู รียนท่ีมีความต้องการ 5. อาจารย์และนักศกึ ษาร่วมกนั สรุปประเด็นสำคัญ พิเศษได้ สาระสำคัญ 1.ประเภทของผู้เรยี นทม่ี ีความ ตอ้ งการพิเศษ 2.กลุม่ โรคปญั หาทางการเรยี นรู้ และบทบาทของครู มหาวิทยา ัลยราช

ด Learning สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ วธิ กี ารประเมินผล ผลการเรียนร้ทู ่ี เชอื่ มโยงกับ องค์ เวลา วตั ถปุ ระสงค์และ ประกอบ (นาที) ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 E R+D 15 -Power point สังเกตการณ์ตอบ การ C 120 -Power point คำถาม การอภิปราย 1, 5.1 2, 3 และ ผลงานใบกจิ กรรม R+D 45 -Power point ท้ายบทเรียน 1, 5.1 -เอกสารประกอบการ 1, 5.1 สอน 2, 3 -flipchart C 45 -Power point C 15 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart

สปั ดาห์ท่ี หวั ขอ้ เรอื่ ง/ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ Meta Active วตั ถปุ ระสงค์/สาระสำคัญ กจิ กรรมการเรยี นรู้/การแบ่งกลุม่ 11 เรอื่ ง จิตวิทยาสำหรับผู้เรียนที่มี 1.จบั คสู่ นทนาทบทวนเนอื้ หาของสัปดาห์ท่ี 10 ความต้องการพเิ ศษ 2.อาจารยบ์ รรยายเรื่องจิตวทิ ยาสำหรบั ผ้เู รยี นทีม่ ีความตอ้ พเิ ศษ จดุ ประสงค์ 3. แบง่ กลุ่ม 4-5 คน วิเคราะหส์ าระสำคญั 1.บอกแนวทางการจดั กจิ กรรมการ เรยี นการสอนสำหรบั ผ้เู รียนทม่ี ี ความต้องการพิเศษได้ 2.อธบิ ายแนวทางการคัดกรอง 4. กลมุ่ นำเสนอ อาจารยอ์ ธิบายเพม่ิ เติม ผู้เรยี นที่มีความต้องการพเิ ศษได้ 5. อาจารย์และนักศกึ ษาร่วมกันสรปุ ประเดน็ สำคัญ 6. ให้นักศกึ ษาทำใบกิจกรรมทา้ ยบทเรยี น สาระสำคญั 1.กล่มุ โรคปัญหาทางการเรยี นรู้ 7.สมุ่ นกั ศึกษาเพื่อออกมานำเสนอผลงานโดยอาจารยค์ อย และบทบาทของครู กระตุ้นใหเ้ กดิ การอภปิ ราย และ บรรยายเพิ่มเตมิ ในสว่ นท มหาวิทยา ัลยราช 2.กลมุ่ โรคปญั หาทางการเรยี นรู้ ตกหลน่ และบทบาทของครู

ต Learning ผลการเรียนรทู้ ี่ เช่อื มโยงกบั องค์ เวลา วตั ถปุ ระสงค์และ ประกอบ (นาที) ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้ วิธีการประเมินผล มคอ. 2 E, R+D 15 -Power point สังเกตการณ์ตอบ 1,5.1 องการ C 60 -Power point คำถาม การอภิปราย 2,3 และ ผลงานใบกจิ กรรม 1,5.1 R+D 30 -Power point ท้ายบทเรียน 1,5.1 -เอกสารประกอบการ 2,3 สอน 2,3 -flipchart C 30 -Power point 2,3,4,6 C 15 -Power point E, R+D 30 -เอกสารประกอบการ สอน ย E, R+D 30 -Power point ที่ -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart

สปั ดาหท์ ่ี หวั ขอ้ เร่ือง/ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ Meta Active วตั ถุประสงค/์ สาระสำคญั กจิ กรรมการเรยี นรู้/การแบ่งกลุ่ม 12 เร่อื ง ความรู้เบ้ืองต้นเกี่ยวกับการ 1. จบั คอู่ ภปิ รายประเดน็ เหน็ ด้วยหรือไมก่ ับคำพดู “ครทู กุ แนะแนว ครูแนะแนว” สมุ่ คำตอบ 2 – 3 คู่ 2. อาจารยส์ รุปความสำคญั ของครกู ับการแนะแนวจากคำต จดุ ประสงค์ ของนกั ศกึ ษา 1. บอกความหมายของการ 3. อาจารยบ์ รรยายเกยี่ วกบั ความหมายปรัชญา หลกั การแ แนะแนวปรชั ญาหลักการและ บรหิ ารแนะแนว 5 บรกิ าร บรกิ าร 5 บริการของงานแนะแนว 4. เป็นกลุม่ 4 – 5 คน สมมุติฐานสถานการณ์ให้แต่ละกลุม่ เป ได้ บริการและสรา้ งเคร่อื งมอื เพ่ือทดลองใช้กับเพ่อื นในหอ้ งเรีย 2.ประยุกต์ใชห้ ลักการของการ แนะแนวในการเป็นครู 3. ตระหนักถงึ ความสำคญั ของ 5.นำเคร่อื งมือมาทดลองใช้กับเพ่อื นในหอ้ ง การแนะแนวตอ่ การเปน็ ครูมหาวิทยา ัลยราช สาระสำคัญ 1.ความหมายของการแนะแนว 6. แตล่ ะกลมุ่ สรุปสง่ิ ทไี่ ด้เรยี นร้แู ต่ละบรกิ ารจัดการนำเสน 2.ประวตั ิการแนะแนวในประเทศ กลุ่มอ่นื โดยใช้ชอบตรงท.่ี .... จะดีกว่านีถ้ ้า...... ไทย 7. อาจารยแ์ ละนักศึกษารว่ มกนั สรุปประเด็นสำคัญ 3.ความสำคญั และความจำเปน็ ของการแนะแนว 4.จดุ มงุ่ หมายของการแนะแนว 5.ประเภทของการแนะแนว 6.ปรัชญาของการแนะแนว 7.หลักการของการแนะแนว 8.รปู แบบวธิ ีการแนะแนว 9.บริการแนะแนว

ถ ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงLearningสื่อ/แหล่งเรียนรู้วิธีการประเมนิ ผลผลการเรียนรู้ท่ี เชือ่ มโยงกับ องค์ เวลา สงั เกตการณต์ อบ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละ ประกอบ (นาที) คำถาม การอภิปราย และ ผลงานใบกิจกรรม มคอ. 2 กคนเป็น E 15 -Power point ทา้ ยบทเรียน 3, 4 ตอบ E 30 -Power point 2.1, 3 และ C 60 -Power point 1, 2.1 ป็นครู R+D 30 -Power point 2, 3 ยน -เอกสารประกอบการ 2, 5.3 สอน -flipchart 1, 2.1 A 45 -Power point 2, 3 -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart นอของ C 45 -Power point C 15 -Power point

สัปดาห์ที่ หวั ข้อเรื่อง/ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ Meta Active วตั ถปุ ระสงค/์ สาระสำคญั กจิ กรรมการเรยี นรู้/การแบ่งกลมุ่ 10.ประโยชนข์ องการแนะแนว 11.จรรยาบรรณวิชาชพี จิตวิทยา การแนะแนว สัปดาห์ที่ หวั ขอ้ เรื่อง/ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ Meta Active วตั ถปุ ระสงค/์ สาระสำคัญ กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบง่ กลุม่ 13 เร่ือง การให้คำปรึกษา 1.ผสู้ อนใหน้ กั ศึกษาดูคลปิ VDO เกยี่ วกับการให้คำปรึกษา จติ วิทยา จดุ ประสงค์ 2. จับคู่สนทนาแสดงความคิดเหน็ และแลกเปลี่ยนประสบก 1. บอกความหมาย ปรชั ญา ในประเดน็ 1) ความหมายของการให้คำปรึกษาทางจติ วิทย หลักการ จดุ มุ่งหมาย หลกั การ 2)คูณลักษณะชองผใู้ ห้คำปรึกษา 3) ความสำคัญของการให มหาวิทยา ัลยราช ใหค้ ำปรึกษา รปู แบบการให้ คำปรึกษา คำปรึกษา และ คณุ สมบตั ขิ องผู้ให้ 3.ผู้สอนบรรยายเรอื่ งการให้ตำปรึกษาทางจติ วิทยา คำปรึกษาได้ 4. แบ่งกลุ่ม 4-5 คน วิเคราะห์สาระสำคญั ของทฤษฎีการใ 2. ตระหนักถงึ ความสำคัญของ ปรกึ ษาแบบผ้รู ับคำปรึกษาเปน็ ศนู ย์กลาง การให้คำปรึกษาในโรงเรียน สาระสำคญั 5. กลมุ่ นำเสนอ อาจารยอ์ ธิบายเพ่ิมเติม 1.ความหมายของการให้คำปรกึ ษา 6. กลมุ่ คดิ แนวทางการใช้ทฤษฎไี ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจัดกา 2.ความสำคัญของการให้คำ เรียนรู้หรอื พัฒนาผู้เรยี นพรอ้ มยกตวั อย่าง ปรกึ ษา 3.จุดมุ่งหมายของการให้คำปรกึ ษา 7. สุ่มนำเสนอ 2 – 3 กลมุ่ อาจารยอ์ ธิบายเพม่ิ เติม 4.หลักทฤษฎกี ารใหค้ ำปรกึ ษา แบบผู้รบั คำปรกึ ษาเป็นศูนย์กลาง

ท Learning สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ วิธกี ารประเมนิ ผล ผลการเรยี นรูท้ ่ี เชอื่ มโยงกับ องค์ เวลา วัตถปุ ระสงค์และ ประกอบ (นาที) ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 Learning ส่อื /แหลง่ เรียนรู้ วิธกี ารประเมนิ ผล ผลการเรียนรูท้ ี่ เชอ่ื มโยงกบั องค์ เวลา สังเกตการณต์ อบ วตั ถุประสงคแ์ ละ ประกอบ (นาที) คำถาม การอภิปราย และ ผลงานใบกิจกรรม มคอ. 2 าทาง E 15 -VDO clips ท้ายบทเรียน 1, 5.1 การณ์ E R+D 15 -Power point ยา 1, 5.1 ห้ C 75 -Power point 2, 3 ใหค้ ำ R+D 30 -Power point 1, 5.1 -เอกสารประกอบการ 1, 5.1 สอน 2, 3 -flipchart C 30 -Power point 2, 5.3 าร A 30 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน C 30 -Power point -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart

สัปดาห์ที่ หวั ขอ้ เรอื่ ง/ กระบวนการจดั การเรียนรู้ Meta Active วัตถุประสงค/์ สาระสำคญั กจิ กรรมการเรียนรู้/การแบง่ กลุ่ม 8. อาจารยแ์ ละนักศึกษาร่วมกันสรุปประเดน็ สำคัญ สัปดาห์ที่ หัวขอ้ เร่ือง/ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ Meta Active วตั ถุประสงค์/สาระสำคัญ กจิ กรรมการเรียนรู้/การแบ่งกลุ่ม 14 เรื่อง การให้คำปรกึ ษา 1.จบั คสู่ นทนาทบทวนเนอื้ หาของสัปดาหท์ ่ี 13 2.ผ้สู อนบรรยายเรือ่ งกระบวนการใหค้ ำปรึกษาและทกั ษะก มหาวิทยา ัลยราช จุดประสงค์ คำปรกึ ษา 1. บอกความหมาย ปรชั ญา 3. แบ่งกลุม่ 4-5 คน วิเคราะห์สาระสำคัญ หลกั การ จุดม่งุ หมาย หลกั การ ใหค้ ำปรึกษา รปู แบบการให้ คำปรึกษา และ คุณสมบตั ขิ องผู้ให้ คำปรึกษาได้ 4. กล่มุ นำเสนอ อาจารยอ์ ธิบายเพ่มิ เติม 2. ตระหนกั ถึงความสำคญั ของ 5. ผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันสรปุ การให้คำปรกึ ษาในโรงเรยี น 6. อาจารยแ์ ละนักศึกษารว่ มกันสรุปประเดน็ สำคญั สาระสำคญั 7.สุ่มนักศึกษาเพือ่ ออกมานำเสนอผลงานโดยอาจารย์คอย 1.ความหมายของการใหค้ ำปรกึ ษา กระตุ้นให้เกดิ การอภปิ ราย และ บรรยายเพ่ิมเตมิ ในสว่ นท 2.ความสำคญั ของการให้คำ ตกหล่น ปรึกษา 3.จุดมุง่ หมายของการใหค้ ำปรึกษา

ธ Learning สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ วิธีการประเมนิ ผล ผลการเรียนรทู้ ี่ เช่ือมโยงกับ องค์ เวลา วัตถุประสงคแ์ ละ ประกอบ (นาท)ี ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 C 15 -Power point -เอกสารประกอบการ 2, 3 สอน -flipchart Learning สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ วธิ กี ารประเมินผล ผลการเรียนร้ทู ี่ เช่อื มโยงกบั องค์ เวลา วตั ถุประสงคแ์ ละ ประกอบ (นาท)ี มคอ. 2 E, R+D 15 -Power point สังเกตการณต์ อบ การให้ C 60 -Power point คำถาม การอภิปราย 1, 5.1 2, 3 และ ผลงานใบกจิ กรรม R+D 30 -Power point ท้ายบทเรยี น 1, 5.1 -เอกสารประกอบการ 1, 5.1 สอน 2, 3 -flipchart 2, 3 C 30 -Power point C 15 -Power point 2, 3, 4, 6 E, R+D 30 -เอกสารประกอบการ สอน ย E, R+D 30 -Power point ที่ -เอกสารประกอบการ สอน -flipchart

สัปดาห์ที่ หัวขอ้ เร่อื ง/ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ Meta Active วัตถุประสงค์/สาระสำคัญ กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบ่งกลุม่ 4.หลกั ทฤษฎีการให้คำปรึกษา แบบผูร้ บั คำปรกึ ษาเปน็ ศนู ย์กลาง สัปดาห์ที่ หวั ขอ้ เรอ่ื ง/ กระบวนการจัดการเรียนรู้ Meta Active วัตถุประสงค/์ สาระสำคญั กิจกรรมการเรียนรู้/การแบง่ กลมุ่ 1.จบั คสู่ นทนาทบทวนเนอ้ื หาของสัปดาหท์ ่ี 14 2.ผ้สู อนบรรยายทบทวนเรอื่ งกระบวนการให้คำปรกึ ษาแล การให้คำปรึกษา 3.แบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3 คน ฝึกซอ้ มการให้คำปรึกษาแบบ T 4.อาจารยแ์ ละนักศกึ ษารว่ มกันสรปุ ประเด็นสำคัญ 15 เรอ่ื ง การให้คำปรึกษา มหาวิทยา ัลยราช จุดประสงค์ 1.ใหค้ ำปรึกษาในสถานการณ์ จำลองได้ สาระสำคญั 1.หลกั การของการให้คำปรกึ ษา 2.ขอบข่ายของการให้คำปรึกษา 3.รปู แบบของการใหค้ ำปรกึ ษา 4.คุณสมบัติของผูใ้ ห้คำปรึกษา 5.จรรยาบรรณการให้คำปรึกษา

น Learning สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ วธิ ีการประเมินผล ผลการเรียนรทู้ ่ี เช่อื มโยงกบั องค์ เวลา วตั ถุประสงคแ์ ละ ประกอบ (นาที) ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2 Learning สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ วธิ กี ารประเมนิ ผล ผลการเรยี นร้ทู ี่ เชอื่ มโยงกับ องค์ เวลา สงั เกตการณต์ อบ วตั ถุประสงคแ์ ละ ประกอบ (นาท)ี คำถาม การอภิปราย และ ผลงานใบกิจกรรม มคอ. 2 E, R+D 15 -Power point ท้ายบทเรียน ละทกั ษะ C 60 -Power point 1, 5.1 2, 3 Trio E, R+D 150 E, R+D 15 -Power point 2, 3 2, 3

สปั ดาหท์ ่ี หวั ขอ้ เรือ่ ง/ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ Meta Active วัตถุประสงค/์ สาระสำคญั กิจกรรมการเรยี นรู้/การแบ่งกลุ่ม 6.กระบวนการให้คำปรกึ ษา 7.ทกั ษะการให้คำปรึกษา มหาวิทยา ัลยราช

บ Learning ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ วธิ ีการประเมนิ ผล ผลการเรยี นรู้ที่ เชอ่ื มโยงกับ องค์ เวลา วตั ถุประสงค์และ ประกอบ (นาที) ช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง มคอ. 2

ป 2. แผนการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ สัดส่วนคะแนน(%) 50 % ที่ ประเภทการวดั ผล 1 การวดั ผลระหวา่ งเรยี น 20 % 2 การวัดผลกลางภาคเรยี น 30 % 3 การวัดผลปลายภาคเรียน หมวดท่ี 6 ทรัพยากรประกอบการเรยี นการสอน 1. เอกสารหลัก/ตำราหลกั * Coon, D., & Mitterer, J. O. (2012). Introduction to psychology: Gateways to mind and behavior with concept maps and reviews. Cengage Learning. สุนิสา วงศ์อารีย์. (2559). ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจิตวิทยา. เอกสารประกอบการสอนวิชา ED15101 จิตวิทยาสำหรับครู. อุดรธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2564 จาก http://portal5.udru.ac.th/ebook/pdf/upload/17k571811058953fF15F.pdf ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2551). ทฤษฎีจิตวิทยาบุคลิกภาพ. (พิมพ์ครั้งที่ 15). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์หมอ ชาวบา้ น มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 2. เอกสาร/ตำราหลกั เพ่มิ เติม* Schultz, D. P., & Schultz, S. E. (2016). Theories of personality. Cengage Learning สมชาย รัตนทองคำ. (2556). ทฤษฎีการเรียนรู้พื้นฐาน. เอกสารประกอบการสอนวิชา 475 788 การสอนทาง กายภาพบำบดั . ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2549). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัย แนวคิดเชิงทฤษฎี – วัยเด็กตอนกลาง.(พิมพ์ ครัง้ ที่ 9). กรงุ เทพฯ: สำนกั พมิ พม์ หาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ อรพิน สถิรมน. (2562). แนวความคิดทางจิตวิทยา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2564 จาก https://ebook.lib.ku.ac.th/ebook27/ebook/2019RG0169/ files/basic-html/page1.html 3. แหล่งการเรียนรทู้ ่เี กี่ยวขอ้ ง ตามเอกสารอ้างอิงประจำหวั ข้อการสอน 4. ส่ืออเิ ลคทรอนกิ สห์ รือเวบ็ ไซต์ท่เี ก่ยี วข้อง* ตามเอกสารอา้ งอิงประจำหวั ขอ้ การสอน 5. ส่ือวัสดุประกอบการเรียนการสอนทเ่ี กีย่ วข้อง Power point presentation และ เอกสารประกอบการสอน 6. แหล่งการเรียนรทู้ ี่เกี่ยวขอ้ ง สำนักวทิ ยบรกิ าร และ โรงเรยี นบริเวณรอบมหาวิทยาลัย

ผ หมวดที่ 7 การประเมินและปรับปรงุ การดำเนนิ การของรายวิชา 1. การประเมินการสอน  นกั ศึกษาประเมินออนไลน์โดยใชแ้ บบประเมินของมหาวทิ ยาลัย  ใช้วธิ ีอืน่ ไดแ้ ก่การสนทนากลุ่มระหวา่ งผูส้ อนและผู้เรียน 2. การปรบั ปรงุ จากผลการประเมินการสอนครง้ั ท่ผี ่านมา ปรบั ปรุงวธิ ีสอนโดยการสงั เกตการสอนโดยอาจารยใ์ นสาขาวชิ า  ปรบั ปรงุ สอ่ื การสอนโดยนำผลการประเมนิ จากการสังเกตมาใช้ปรับปรงุ การใชส้ ่ือการสอน  ปรับปรุงวิธีวัดผลประเมนิ ผลโดยสมุ่ ถามดว้ ยวาจาจากอาจารย์ในสาขาวิชาและนักศึกษา  ปรบั ปรุงเรือ่ งอน่ื คอื เพ่ิมหวั ขอ้ การบูรณาการงานวจิ ยั เร่ืองพหวุ ัฒนธรรมเกี่ยวกบั นิทาน (ต่อเน่ือง) 3. การทวนสอบมาตรฐานผลสมั ฤทธข์ิ องนกั ศกึ ษาในรายวิชา  สาขาวิชาวิชามีคณะกรรมการประเมินขอ้ สอบโดยกล่มุ จิตวทิ ยาและการแนะแนว  สาขาวชิ ามีการตรวจสอบความเหมาะสมของการตัดสนิ ผลการเรยี นโดยการประชุม  อนื่ ๆระบ.ุ ....................................................... 4. การดำเนนิ การทบทวนและการวางแผนปรบั ปรงุ ประสิทธผิ ลของรายวชิ า  สาขาวิชามีระบบการทบทวนประสิทธิผลของรายวิชา โดยนำผลการประเมนิ การสอนโดยนักศกึ ษามาสรุปในท่ีประชุมเพื่อ หาแนวทางการพฒั นา  สาขาวชิ านำ ผลการประเมินโดยคณะกรรมการประเมินของมหาวทิ ยาลยั ฯมาสรปุ ในทปี่ ระชมุ เพอ่ื หาแนวทางการพฒั นา หลังการทบทวนประสิทธิผลของรายวิชา อาจารย์ผู้สอนรับผิดชอบในการทบทวนเนื้อหาที่สอนและกลยุทธ์การสอนที่ใช้ และนำเสนอแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาในรายงานรายวิชา เสนอต่อที่ประชุมอาจารย์ประจำหลักสูตรพิจารณาให้ความ คิดเห็นและสรปุ วางแผนพฒั นาปรบั ปรงุ พรอ้ มนำเสนอสาขาวชิ า / คณะ เพือ่ ใชใ้ นการสอนคร้ังต่อไป มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 1 แผนบริหารการสอนประจำบทท่ี 1 ความหมายของจติ วทิ ยาและประวตั ิความเปน็ มา ผ้สู อน - อาจารยต์ ้นสาย แกว้ สวา่ ง เวลา - 4 ช่วั โมง วตั ถุประสงค์ 1. อธบิ ายความเปน็ มาของจิตวทิ ยาได้ 2. บอกความหมายของจิตวทิ ยาและอธิบายความสำคญั ของจติ วทิ ยาได้ เนอ้ื หา 1. ความหมายของจติ วิทยา 2. แนวความคิดทางจิตวิทยาในกรีซยคุ อารเ์ คอกิ (Archaic period) และ ยุคคลาสสิก (Classical Greece) 2.1 กลุม่ ธรรมชาตินยิ ม (Naturalistic orientation) 2.2 กลมุ่ ชวี วิทยา (Biological orientation) 2.3 กลมุ่ คณิตศาสตร์ (Mathematical orientation) 2.4 กล่มุ ความเชื่อแบบผสม (Eclectic orientation) 2.5 กล่มุ มนษุ ยนิยม (Humanistic orientation) 3. แนวความคดิ ทางจิตวทิ ยายคุ เฮเลนนิสติค (Hellenistic Greece) 4. แนวความคดิ ทางจติ วทิ ยายคุ โรมัน จนถงึ ยคุ กลาง (Middle Ages) 5. แนวความคิดทางยุคฟืน้ ฟูศลิ ปวิทยา (Renaissance) 6. ความก้าวหนา้ ของวทิ ยาศาสตรใ์ นศตวรรษที่ 18 ซ่งึ เปน็ ฐานส่กู ารเป็นศาสตร์จิตวทิ ยา

2 การจดั ประสบการณ์เรยี นรู้ 20 นาที 170 นาที 1. แจง้ วตั ถปุ ระสงคแ์ ละแจ้งขอบเขตเน้อื หา 30 นาที 2. สอนบรรยายเนื้อหาหัวขอ้ ตา่ งๆ 20 นาที 3. อภิปรายรว่ มกนั 4. ตอบถำถามและขอ้ สงสัย ส่ือการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. Power point presentation การประเมินผล 1. กจิ กรรมท้ายบท มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง

มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง 3 หวั ข้อการสอนที่ 1 ความหมายของจิตวิทยาและประวตั คิ วามเป็นมา ว่า “จิตวิทยา” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Psychology” มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า Psycheกับ Logos คำว่า Psyche หมายถึงวิญญาณ (Soul) กับคำว่า Logos หมาย ถึงศาสตร์วิชา วิทยาการ และ การศึกษา (Study) ดังนั้น เมื่อทั้ง 2 คำรวมกนั เปน็ คำวา่ Psychology จึงมีความหมายวา่ ด้วยศาสตรว์ ิชา ที่ศึกษาเกี่ยวกับวิญญาณอย่างไรก็ตาม “ศาสตร์วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับวิญญาณ” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการศึกษา เกี่ยวกับภูติ ผี ปีศาจ หรือ วิญญาณ จริงๆ (อรพิน สถิรมน, 2562; สุนิสา วงศ์อารีย์, 2559; สิทธิพงศ์วัฒนา นนทส์ กุล, 2557) ก่อนสมัยกรีกความเชื่อเรื่องชีวิตมักจะถูกอธิบายในรูปของความเชื่อเรื่องวิญญาณ (Soul) ที่อยู่ใน ร่างกาย พฤติกรรมทั้งหมดของมนุษย์ เช่น การรู้สึก การรับรู้ ความคิด อารมณ์ และ สติสัมปชัญญะเกิดจาก วิญญาณ เมื่อบคุ คลหลบั วิญญาณจะออกจากร่างชั่วคราวและกลบั เขา้ มาใหม่ก่อนต่ืนนอน เมื่อคนตายวญิ ญาณ จึงจะออกจากร่างไปอย่างถาวร หรืออาจกล่าวได้ว่าพฤติกรรมของมนุษย์นั้นเกิดจากวิญญาณ อย่างไรก็ตามใน ยุคก่อนสมัยกรีกคำอธิบายเกี่ยวกับชีวิตหรือวิญญาณ ยังคลุมเครือ เกณฑ์การแบ่งแยกสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวติ กไ็ ม่มีความชดั เจน (อรพนิ สถิรมน, 2562; สนุ สิ า วงศอ์ ารีย,์ 2559; สิทธพิ งศ์วฒั นานนทส์ กุล, 2557) ดังนั้นประโยคก่อนหน้าที่ว่า “Psychology จึงมีความหมายว่าด้วยศาสตร์วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับ วิญญาณ” จึงหมายความอกี นัยได้ว่า จติ วิทยาเปน็ ศาสตรท์ ศ่ี กึ ษาเกีย่ วชีวิต ซ่ึงเมอื่ เวลาผ่านไป ความหมายของ จติ วทิ ยากเ็ ปล่ยี นแปลงไปตามยุคสมัย การทจี่ ะเข้าใจถึงความหมายของสิง่ ใด จำเปน็ ต้องเข้าใจประวตั ิความเปน็ มาของสิ่งนั้นก่อน ดงั นั้นหาก จะเข้าใจความหมายของจิตวิทยาอย่างแท้จริงแล้วการศึก ษาถึงประวัติความเป็นมาของจิตวิทยาจึงเป็น สาระสำคัญ แนวคิดทางจิตวิทยาต่างๆ มีรากฐานจากปรัชญาจนกระทั้งศตวรรษที่ 19จึงเริ่มมีการศึกษาจิตวิทยา โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาได้แยกตัวออกจากปรัชญาและกลายเป็นศาสตร์อีกสาขาหน่ึง กล่าวคือประวัติความเป็นมาของจิตวิทยาเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมทางตะวันตกซึ่งมีรากฐานมาจากสมัย กรกี แนวความคดิ ทางจติ วิทยาในกรซี ยคุ อารเ์ คอิก (Archaic period) และ ยคุ คลาสสกิ (Classical Greece) ในกรีกกรีซยุคอาร์เคอิกและ ยุคคลาสสิกแนวคิดทางปรัชญาส่วนใหญ่ได้อธิบายสาเหตุของการเกิด ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ว่าเกิดจากธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม โดยแนวคิดทางปรัชญาในยุคยุคกรีก สามารแบ่งได้ เปน็ 5 กลมุ่ ใหญ่ เรียงตามลำดบั เวลาดงั นี้ 1) กลุ่มธรรมชาตนิ ิยม (Naturalistic orientation) 2) กลุ่มชีววทิ ยา (Biological orientation) 3) กลุ่มคณิตศาสตร์ (Mathematical orientation) 4) กลุ่มความเชื่อแบบผสม (Eclectic orientation)และ 5) กล่มุ มนุษยนิยม (Humanistic orientation) (อรพิน สถริ มน, 2562)

4 [1.] กล่มุ ธรรมชาตนิ ิยม (Naturalistic orientation) ปรัชญากลุ่มธรรมชาตินิยมเริ่มก่อตั้งจากเมืองมิเลทัส (Miletus) ซึ่งเป็นหนึ่งในสหพันธรัฐกรีกโบราณ นักปรัชญากลุ่มนี้เป็นที่รู้จักกันในนามนักปราชญ์ไอโอเนียน (Ionian Physicists) ซึ่งมีความเชื่อว่าสิ่งแวดล้อม เป็นต้นตอของชีวิต ชีวิตและสิ่งแวดล้อมทางกายภาพไม่สามารถแยกออกจากกนั ได้ กฎทางกายภาพจึงเป็นกฎ สากลของสิ่งมีชีวิตโดยนักปราชญ์ไอโอเนียนที่มีอิทธิพลในช่วงเวลานั้นได้แก่ธาเลส (Thales) อานักซิมานเดอร์ (Anaximander)อานกั ซเิ มเนส (Anaximenes) (Anthropocenepsyh, 2018; อรพนิ สถิรมน, 2562) • ธาเลส (Thales) ประมาณ 640 - 546 ปีก่อนคริสตกาล มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบง ธาเลสเป็นนักปรัชญาของชาวกรีกโบราณที่ได้รับเกียรติให้เป็นบิดาของ วิชาปรัชญาตะวันตก การศึกษาของ ธาเลสเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด เรื่องสสาร (Matter) และแนวคิดจักรวาลวิทยา (Cosmology) ทฤษฎี ของ ธาเลสเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมถือกำเนิดขึ้นจากปฐมเหตุ (Being) กล่าวคือจะต้องมีสารเบื้องต้นซึ่งประกอบขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ พืช หรือ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นมาจากสารเบื้องต้นสิ่งเดียวกันซึ่ง สารเบื้องต้นดังกล่าวนั้นคือ “น้ำ” กล่าวโดยสรุปคือธาเลสเชื่อว่าชีวิต เกิดจากนำ้ และน้ำกเ็ ป็นรปู แบบสุดทา้ ยชีวิต (Smith, 1849) ท่ีมา: http://abbykristenatomhistory. weebly.com/uploads/1/5/2/5/ 15256206/9508851_orig.jpg?1 • อานกั ซิมานเดอร์ (Anaximander) ประมาณ 610 - 546 ปี กอ่ นคริสตกาล อานักซิมานเดอร์เป็นศิษย์ของธาเลส ความเชื่อของอานักซิมาน เดอร์ต่างจากธาเลสโดยเชื่อว่าปฐมธาตุไม่ใช่น้ำแต่เป็นอนันต ภาวะ และสรรพสิ่งในโลกล้วนมีแหล่งกำเนิดมาจากอนันตภาวะ (ฟืน้ ดอกบวั , 2555) ทมี่ า: https://stravaganzastravaganza. blogspot.com/2013/04/anaximander .html • อานักซเิ มเนส (Anaximenes) ประมาณ 600 ปกี ่อนครสิ ตกาล อานักซิเมเนสเป็นลูกศิษย์ของอานักซิเมนเดอร์ซึ่งสนใจปัญหาเรื่องปฐม ธาตุเหมือนกัน โดยอานักซิเมเนสเชื่อว่าน้ำและอนันตภาวะล้วนไม่ใช่ ปฐมธาตุของชีวติ ปฐมธาตขุ องชีวิตคอื อากาศ (James, 2014) ทีม่ า: https://quotesgram.com/ anaximenes-quotes/

5 นอกจากนักปราชญ์ไอโอเนียนยังยังมีนักปรัชญาในกลุ่มธรรมชาตินิยมคนอื่น ๆ เช่น เฮราคลีตุส (Heraclitus) ปาร์มนี ิเดส (Parenides) และ เดมอคริตุส (Democritus) • เฮราคลีตสุ (Heraclitus) ประมาณ 530 ปกี อ่ นคริสตกาล เฮราคลีตุส ไม่เชื่อว่าปฐมธาตุของชีวิตคือ น้ำ อนันตภาวะ หรือ อากาศ แตป่ ฐมธาตุของชวี ติ คอื ไฟ (อรพิน สถิรมน, 2562) มหา ิวทยา ัลยราช ัภฏห ู่ม ้บานจอม ึบงทมี่ า:https://www.goodreads.com/author/ show/77989.Heraclitus • พารเ์ มนเิ ดส (Parmenides) ประมาณ 515 ปกี อ่ นครสิ ตกาล พารเ์ มนเิ ดสเชื่อว่าธาตแุ ทห้ รือแก่นแทข้ องสรรพเปน็ สิง่ ถาวรและไม่ เปลยี่ นแปลงกลา่ วได้วา่ ปรัชญาของพาร์เมนเิ ดสเป็นอภปิ รัชญาเพราะมุ่ง แสวงหาแก่นแท้หรือความจริงสูงสุดเกี่ยวกับโลกปรัชญาของพาร์เมนิเด สถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งลัทธิจิตนิยม (Idealism) ซึ่งต่อมาพลาโต้ได้นำ แนวคิดของพาร์เมนิเดสไปพัฒนาเป็นแนวคิดโลกแห่งมโนคติ (World of ideas) (ฟื้น ดอกบัว, 2555) ทม่ี า: https://en.wikipedia.org/wiki/ Parmenides • เดมอคริตุส (Democritus) ประมาณ 460 - 362 ปีก่อน คริสตกาล เดมอคริตุส เชื่อว่าปฐมธาตุคือ ปรมาณู หรือ อะตอม (Atom) อาจกล่าวได้ว่า เดมอคริตุสเป็นนักวัตถุนิยม (Materialist) เพราะเชื่อว่าความจริงสูงสุดเป็นอนุภาคของสสาร วิญญาณใน ทัศนะของเดมอคริตุสเป็นรูปแบบอะตอม (Toulmin & Goodfield, 1962) ท่ีมา: https://sites.google.com/site/ mrjhatomichistory/democritus


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook