การด�ำเนนิ การทางนติ เิ วชศาสตร์ 1. หน้าที่ของแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ คือให้ ความยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย คือ ท้ังฝ่ายผู้เสียหายและ ฝ่ายของบุคลากรทางการแพทยท์ ถ่ี กู กล่าวหา 2. ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งท่ีจะไม่กระท�ำตัว เปน็ ผตู้ ดั สนิ เสยี เอง ในการกลา่ วหาวา่ ผลรา้ ยทเี่ กดิ ขนึ้ เกดิ จาก ความประมาทหรือความผิดของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะการ ตดั สนิ วา่ ผใู้ ดประมาทหรอื ไม่ มไิ ดใ้ ชเ้ พยี งขอ้ มลู ทางการแพทย์ การชนั สตู รพลกิ ศพเทา่ นน้ั ตอ้ งอาศยั ประเดน็ ทางกฎหมายอนื่ ๆ รว่ มดว้ ย 3. หน้าที่ของผู้ชันสูตรพลิกศพ คงมีหน้าที่เพียง ให้ข้อมูลถึงส่ิงท่ีตรวจพบและสาเหตุการตายเท่าท่ีบอกได้ โดยไม่วนิ จิ ฉยั ไปถึงพฤติการณ์การตาย 4. กระบวนการคน้ หาความจรงิ เกยี่ วกบั ความเสยี หาย หรือโดยเฉพาะอย่างย่ิงกรณีที่ถึงข้ันเสียชีวิต ในเวชปฏิบัติ ท่ัวไปอาจไมส่ ามารถท�ำได้หรอื มีข้อจ�ำกัด 5. ในบางครง้ั แมก้ ระทง่ั การผา่ ชนั สตู รศพทางนติ เิ วช กม็ ไิ ดร้ ับค�ำตอบใดทชี่ ัดเจนนกั จ�ำต้องอาศยั ขอ้ มูลการรักษา พยาบาลหรือความเห็นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาอื่น ๆ ที่เกย่ี วข้องเพอื่ ประมวลขอ้ มูลถงึ สาเหตกุ ารตายท่ีแท้จรงิ 224 บทที่ 23 การตายทเ่ี กยี่ วเน่ืองกบั การรักษาพยาบาล
6. หากทา่ นเปน็ แพทยเ์ วชปฏบิ ตั ทิ ว่ั ไป หนา้ ทข่ี องทา่ น คือการชันสูตรพลิกศพตามที่กฎหมายก�ำหนด เท่าที่ท่าน ท�ำได้และจัดให้มีการส่งศพพร้อมข้อมูลการรักษาพยาบาล ทค่ี รบถว้ น ไปยงั สถานทหี่ รอื หนว่ ยงานทสี่ ามารถตรวจชนั สตู ร ศพไดอ้ ย่างละเอียดตอ่ ไป ข้อแนะน�ำส�ำหรบั กระบวนการชันสูตรพลกิ ศพ 1. การตายที่สงสยั ว่าเกิดจากการรกั ษาพยาบาลนัน้ จัดเป็นการตายโดยผิดธรรมชาติชนิดหน่ึง ทั้งนี้เนื่องจาก พฤตกิ ารณก์ ารตายที่เกิดขึ้นส่วนใหญเ่ ป็นอุบัติเหตุ ซงึ่ มิอาจ ป้องกันได้ หรืออาจจะเกิดข้ึนจากความประมาทเลินเล่อ ดงั ทไี่ ดก้ ลา่ วไปแลว้ นนั้ จ�ำเปน็ ตอ้ งมกี ารแจง้ การตายทเ่ี กดิ ขน้ึ แกพ่ นกั งานสอบสวน เพอ่ื เรม่ิ กระบวนการชนั สตู รพลกิ ศพเสมอ 2. ขอ้ ควรระวงั คอื อยา่ ชนั สตู รหรอื ลงความเหน็ ใด ๆ โดยไมผ่ า่ นกระบวนการชนั สตู รพลกิ ศพตามกฎหมาย เพราะ หลายคร้ังท่ีเก่ียวข้องกับชื่อเสียงหรือความสัมพันธ์ส่วนตัว กบั ผู้ต้องสงสยั ท�ำใหม้ ีการพยายามไม่ให้เกดิ คดีความ 3. บคุ คลทจ่ี ะมาชนั สตู รพลกิ ศพ ควรเปน็ บคุ คลทไ่ี มไ่ ดม้ ี ความเกย่ี วขอ้ งใด ๆ กบั กระบวนการรกั ษาพยาบาลผตู้ ายและ หากจะใหเ้ หมาะสม การสง่ ต่อ หรือ ขอความชว่ ยเหลือจาก โรงพยาบาล หรอื หนว่ ยงานอนื่ ๆ จะใหผ้ ลในแงค่ วามโปรง่ ใส และความนา่ เชอ่ื ถือไดด้ กี วา่ บุคคลากรในหน่วยงานเดยี วกัน บทท่ี 23 การตายที่เกยี่ วเน่ืองกบั การรักษาพยาบาล 225
4. นอกจากรวบรวมขอ้ มลู จากกระบวนการรกั ษาพยาบาล ก่อนตายแล้วน้ัน บางครั้งการปรึกษาผู้เช่ียวชาญ ในสาขา ท่เี กี่ยวขอ้ งกับการตายเป็นส่งิ ท่ีพงึ กระท�ำ แต่ตอ้ งระมดั ระวงั ในการเปดิ เผยขอ้ มลู ของผตู้ ายและบคุ ลากรทถ่ี กู กลา่ วหาดว้ ย 5. ในการวนิ จิ ฉยั สาเหตกุ ารตาย ตอ้ งพงึ กระท�ำดว้ ยขอ้ มลู ท่ีมีอยู่ ท้ังจากประวัติการรักษาและการตรวจสภาพศพ โดยไม่ลงความเห็นส่วนตัวหรือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พึงระลึกเสมอว่ามีหน้าท่ีในการค้นหาและรายงาน ข้อเท็จจริงที่ตรวจพบเท่าน้ัน 6. ขอ้ มลู ทใี่ ชป้ ระกอบการลงสาเหตกุ ารตาย รวมถงึ ใชเ้ พอ่ื สง่ ตอ่ ไปยงั หนว่ ยงานหรอื โรงพยาบาล ทสี่ ามารถตรวจ ชนั สตู รไดน้ นั้ ควรมเี ปน็ เวชระเบยี นทส่ี มบรู ณแ์ ละผลการตรวจ เพม่ิ เตมิ อน่ื ๆ แนบไปดว้ ย จงึ ท�ำใหก้ ารชนั สตู รศพสมบรู ณข์ น้ึ 7. บางครั้งกรณีการเสียชีวิตในลักษณะนี้ มีความ ซับซ้อนท้ังในแง่ของสาเหตุและกลไกการตาย ตลอดจนถึง ประเดน็ ทางสังคมและกฎหมายท่เี กยี่ วข้อง จึงควรได้รบั การ จัดการโดยแพทย์ผู้ท่ีมีประสบการณ์หรือแพทย์ผู้ท่ีอาวุโส ในหนว่ ยงานมากกว่าจะปล่อยให้แพทย์จบใหม่เป็นผ้รู บั มือ 226 บทที่ 23 การตายทีเ่ ก่ียวเน่ืองกบั การรกั ษาพยาบาล
8. ควรส่งศพต่อเพื่อชันสูตร เพื่อให้ได้ค�ำตอบ ที่ชัดเจนในการตายที่เกิดข้ึน ทั้งยังอ�ำนวยความยุติธรรม ใหก้ บั ผเู้ สียหายและผู้ถูกกลา่ วหาด้วย รูปแบบการตายท่เี กดิ ขน้ึ เน่อื งจากการรกั ษาพยาบาล ท่พี บบอ่ ย 1. การตายอนั เนอื่ งมาจากกระบวนการท�ำใหผ้ ปู้ ว่ ย สลบ (anesthetic death) 1.1 มีความยากในการวินิจฉัยแม้ได้รับ การผา่ ศพตรวจอยา่ งสมบรู ณแ์ ลว้ กต็ าม มผี ปู้ ว่ ยจ�ำนวนนอ้ ยมาก ที่จะตายจากผลของกระบวนการท�ำให้ผู้ป่วยสลบแต่เพียง อย่างเดียว แตห่ ลาย ๆ กรณีอาจเกิดจากสาเหตุอ่ืน 1.2 เกดิ จากสารเคมที ใ่ี ชห้ รอื ขน้ั ตอนกระบวนการ ท�ำให้ผู้ป่วยสลบ 1.3 เกิดจากผลข้างเคียงหรือความผิดพลาด ของการผ่าตัดรักษา 1.4 เกิดจากการผ่าตัดรักษาบางชนิดท่ีมีภาวะ ของผูป้ ว่ ยทไ่ี มด่ กี อ่ นอยู่แลว้ เช่น มีการบาดเจบ็ ทร่ี นุ แรง 1.5 เกดิ จากโรคทางธรรมชาตขิ องผปู้ ว่ ยเอง อาทิ เช่น เกิดจากโรคท่ีต้องท�ำการผ่าตัดในครั้งน้ี, เกิดโรคอ่ืน ๆ ทตี่ รวจพบกอ่ นการผา่ ตดั แตจ่ �ำเปน็ ตอ้ งด�ำเนนิ การผา่ ตดั รกั ษา ในคร้งั นี้ (risk/benefit) หรอื เกิดจากโรคทางธรรมชาตอิ ื่น ๆ ทม่ี ิไดต้ รวจพบกอ่ นผา่ ตัด บทที่ 23 การตายท่ีเกีย่ วเนอื่ งกับการรักษาพยาบาล 227
1.6 กรณีท่ีเกิดข้ึนจากกระบวนการท�ำให้ผู้ป่วย สลบเป็นสาเหตกุ ารตายหลักนั้น อาจเกิดขน้ึ ไดห้ ลายสาเหตุ เชน่ การไดร้ บั สารเคมที ่ที �ำใหผ้ ปู้ ว่ ยสลบเกนิ ขนาด การขาด อากาศหายใจเนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้บกพร่องหรือแหล่งจ่าย ก๊าซเสียหาย ภาวะอุณหภูมิต�่ำอย่างรุนแรงจากการได้รับ สารเคมบี างชนดิ (malignant hypothermia associated with halothane and curare-liked drug) ตลอดจนความผดิ พลาด ในกระบวนการท�ำให้ผูป้ ่วยสลบ 1.7 การปรึกษากับวิสัญญีแพทย์ ผู้ท่ีสามารถ อธบิ ายขน้ั ตอนกระบวนการและกลไกการออกฤทธขิ์ องสารเคมี ทใ่ี ช้ ตลอดจนสภาวะของผปู้ ว่ ยขณะท�ำการเหนยี่ วน�ำการสลบ เป็นข้อมูลท่ีส�ำคัญมากในการหาสาเหตุการตาย โดยเฉพาะ ข้อมูลที่ได้จากวิสัญญีแพทย์ที่มิได้เก่ียวข้องกับกระบวนการ รักษาผูป้ ่วย 1.8 ควรเก็บตัวอย่างเลือดหรือส่ิงคัดหลั่ง ของผปู้ ว่ ยชว่ งกอ่ นตายและหลงั ตาย ส�ำหรบั การสง่ ตอ่ ไวด้ ว้ ย แม้ว่ากรณกี ารตายท่เี กิดจากสารเคมชี นดิ ท่เี ปน็ กา๊ ซ อาจไม่ สามารถตรวจพบได้หลังตายกต็ าม แต่ยงั มสี ารเคมบี างอยา่ ง ท่ีอาจตรวจพบจากรา่ งกายผปู้ ่วยหลงั ตายไดเ้ ชน่ กนั 1.9 ส�ำหรบั การตายทเ่ี กดิ จากกระบวนการท�ำให้ ผปู้ ว่ ยสลบเปน็ หลกั นนั้ แมจ้ ะด�ำเนนิ การผา่ ศพตรวจโดยสมบรู ณ์ แลว้ อาจไมพ่ บค�ำตอบถงึ สาเหตกุ ารตาย ดงั นนั้ ขอ้ มลู ประวตั กิ าร รกั ษาพยาบาลจงึ มีความส�ำคญั มากในการวนิ ิจฉัยการตาย 228 บทท่ี 23 การตายทเ่ี ก่ียวเน่ืองกับการรักษาพยาบาล
2. การตายที่เก่ียวข้องกับหัตถการในหลอดเลือด (death associated with intra-vascular procedures) 2.1 เกดิ การบาดเจบ็ จากหตั ถการตอ่ หลอดเลอื ด หรือห้องหัวใจ รวมไปถึงการเกิดการอุดตันของหลอดเลือด เนอ่ื งจากชน้ิ สว่ นของอปุ กรณจ์ ากการใสส่ ายสวนชนดิ ตา่ ง ๆ ได้ 2.2 ได้รับเลือดผิดหมู่ ส่วนใหญ่แล้วเกิดจาก ความผดิ พลาดของบคุ ลากรในขณะใหเ้ ลอื ด เชน่ การใหเ้ ลอื ด ผิดคน หรอื ผิดหมู่ หากพบกรณีดงั กล่าว ควรเก็บเลอื ดผู้ป่วย ทงั้ ก่อนและหลังใหเ้ ลอื ด รวมทงั้ เลอื ดที่เหลอื จากการใหเ้ ลือด ถุงนั้น ๆ ดว้ ย 3. การตายจากการผ่าตัดรักษา (fatal surgical mishaps) 3.1 อาจเกดิ ข้ึนจากความประมาท เชน่ ผา่ ตัด ผิดคน ผิดข้าง ผิดต�ำแหน่ง หรือผิดอวัยวะ การหลงลืม ชนิ้ สว่ นของเครอ่ื งมอื หรอื ผา้ ซบั เลอื ดไวใ้ นรา่ งกายผปู้ ว่ ย และ อาจไมร่ ุนแรงจนท�ำใหถ้ งึ แกค่ วามตาย 3.2 ในบางกรณี เชน่ การผกู ทอ่ หรอื หลอดเลอื ด รวมถึงการหลุดของการตัดต่อท่อหรือหลอดเลือดของอวัยวะ ทสี่ �ำคญั ๆ อาจน�ำไปสสู่ าเหตกุ ารตายได้ ซง่ึ ตอ้ งพสิ จู นว์ า่ เกดิ จากความผดิ พลาดหรอื เปน็ เหตสุ ดุ วิสยั บทที่ 23 การตายท่ีเกยี่ วเนอ่ื งกบั การรักษาพยาบาล 229
4. การตายจากการได้รับยารักษาโรค (pharma- cological mishaps) 4.1 อาจเกิดจากการแพ้ยาที่สามารถตรวจพบ ลักษณะทางพยาธิสภาพได้ 4.2 อาจจะไมม่ ีลกั ษณะส�ำคญั ใด ๆ ทตี่ รวจพบ ในการชันสตู รพลกิ ศพ 4.3 การตรวจหายารกั ษาโรคจากเลอื ดของผปู้ ว่ ย หลงั ตาย อาจไมไ่ ดส้ ะทอ้ นระดบั ของยาทแ่ี ทจ้ รงิ ในกระแสเลอื ด กอ่ นตาย 4.4 ส�ำหรบั สาเหตกุ ารตายอาจเกดิ จากการใหย้ า ผิดชนิด ผดิ ขนาดแม้ให้ถูกชนิด รวมถงึ การให้ยาผิดชอ่ งทาง การแพย้ า หรอื การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งยาชนดิ อน่ื ๆ ทไี่ ดร้ บั ด้วยกัน เปน็ ต้น 4.5 ต้องระวังว่า โรคทางธรรมชาติบางชนิด อาจมีอาการคล้ายการไดร้ ับยาเกินขนาด เชน่ โรคลมชักหรอื หอบหดื เปน็ ตน้ 5. การตายของมารดา (maternal death) 5.1 การต้ังครรภ์เป็นภาวะท่ีร่างกายของสตรี มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยา ส่งผลให้มีโอกาสท่ีสตรี มีครรภ์และหลังคลอดบุตรจะเสี่ยงต่อโรคหรือกลุ่มอาการ บางชนิดท่อี าจท�ำใหถ้ งึ แกค่ วามตายได้ 230 บทที่ 23 การตายทเี่ กี่ยวเน่ืองกับการรกั ษาพยาบาล
5.2 ภาวะแทรกซ้อนจากการต้ังครรภ์และ คลอดบตุ รทพี่ บบอ่ ยและน�ำไปสกู่ ารสญู เสยี ชวี ติ อยา่ งเฉยี บพลนั คือ pulmonary artery thrombo-emboli และ amniotic fluid emboli 5.3 นอกจากนแ้ี ลว้ ยงั มโี รคและกลมุ่ อาการอน่ื ๆ ท่ีสามารถเป็นสาเหตุของความสูญเสียแก่สตรีตั้งครรภ์และ มารดา เชน่ peripatum cardiomyopathy, venous air emboli, coronary artery dissection and aortic dissection, non-traumatic uterine rupture เป็นต้น 5.4 การตงั้ ครรภแ์ ละคลอดบตุ ร เปน็ กลไกปกติ ทเ่ี กดิ ขนึ้ มใิ ชโ่ รคหรอื การบาดเจบ็ ใด สง่ ผลใหผ้ ปู้ ว่ ยและญาติ มีความคาดหวังสูง เมื่อความเสียหายต่อชีวิตและอนามัย ท่เี กิดข้นึ จึงมีความละเอยี ดอ่อนและซบั ซ้อนกวา่ กรณที ัว่ ไป 5.5 ความเสยี หายตอ่ ชวี ติ และอนามยั เกอื บทง้ั หมด จะเกดิ จากโรคหรอื ภาวะทางธรรมชาติ ซงึ่ แมไ้ ดร้ บั การปอ้ งกนั หรอื เฝา้ ระวงั อยา่ งเตม็ ทแี่ ลว้ กต็ าม จงึ กอ่ ใหเ้ กดิ ความไมพ่ อใจ ข้ึนไดเ้ สมอ 5.6 หากต้องเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว การพดู คยุ ท�ำความเขา้ ใจ การอธบิ ายโดยค�ำนงึ ถงึ ความสญู เสยี ทเ่ี กดิ ขน้ึ ตอ่ ผปู้ ว่ ยและครอบครวั ยอ่ มเปน็ ทางออกทพ่ี งึ กระท�ำ รวมไปถงึ กระบวนการชนั สตู รพลกิ ศพและการสง่ ศพเพอ่ื ชนั สตู ร โดยละเอยี ดเพื่อหาสาเหตุการตายทแ่ี ทจ้ ริงตอ่ ไป บทที่ 23 การตายท่ีเกยี่ วเนื่องกบั การรักษาพยาบาล 231
ข้อสรุป 1. จ�ำเป็นต้องรวบรวมข้อมลู ตา่ ง ๆ ให้ไดม้ ากทสี่ ดุ 2. ต้องวิเคราะห์ถึงสาเหตุอ่ืนท่ีเป็นไปได้ เช่น โรคทางธรรมชาติหรือการบาดเจ็บท่มี กี อ่ นตาย 3. ตอ้ งเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การรกั ษาพยาบาลกอ่ นตาย ให้ครบถ้วน 4. อยา่ ลงความเหน็ เรอ่ื งพฤตกิ ารณใ์ นรายงานชนั สตู ร เนอื่ งจากประเดน็ ดงั กลา่ วตอ้ งการขอ้ มลู อน่ื ๆ รว่ มดว้ ย มากกวา่ ขั้นตอนการชันสูตรพลิกศพ 232 บทที่ 23 การตายทเ่ี กี่ยวเน่ืองกบั การรกั ษาพยาบาล
บทท่ี 24 หลักการตรวจและให้ความเหน็ ทางนติ เิ วชคลินกิ ปิยะ ดรุ งคเดช นิติกร โปรสิ วาณิชย์
ความส�ำคญั ภารกิจของแพทย์นอกจากการตรวจและรักษาโรค ตามปกติแล้ว ส่วนหน่ึงยังต้องท�ำหน้าท่ีจัดการด้านนิติเวช ซง่ึ เปน็ ปัญหาของผ้ปู ว่ ยทีท่ �ำใหเ้ กดิ การบาดเจ็บ ผลของการ จดั การทางนติ เิ วชของแพทยท์ ง้ั ตอ่ ผเู้ สยี หายและผตู้ อ้ งหา กเ็ พอ่ื ใหก้ ระบวนการยุตธิ รรมทางอาญาสามารถด�ำเนนิ ไปได้ และ กอ่ ใหเ้ กดิ ความยตุ ธิ รรมตอ่ ทกุ ฝา่ ย ความเหน็ ประกอบการตรวจ รกั ษา เปน็ กระบวนการแสวงหาพยานหลกั ฐานทางการแพทย์ ในการคน้ หาความจรงิ และประกอบการตดั สนิ ผลทางกฎหมาย วตั ถปุ ระสงคข์ องการตรวจและใหค้ วามเหน็ (ดบู ทท1่ี 0) 1. เพอื่ บอกความรนุ แรงของการบาดเจ็บ เนอื่ งจาก ผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ ทมี่ ปี ระเดน็ ทางนติ เิ วชศาสตรน์ นั้ มกั เปน็ ผเู้ สยี หายในคดอี าญา โดยหลกั แลว้ การตดั สนิ ความผดิ และโทษ ต้องอาศัยความเห็นของแพทย์ว่า การบาดเจ็บท่ีเกิดข้ึนนั้น รนุ แรงมากนอ้ ยเท่าใด 1.1 กฎหมายอาญาจดั ฐานความผดิ แบง่ ตามผล ท่เี กดิ วา่ บาดเจบ็ หนักหรือเบา 1.2 การบาดเจบ็ ทห่ี นกั ทส่ี ดุ ทกี่ ฎหมายจดั ไวค้ อื “อนั ตรายสาหัส” 234 บทท่ี 24 หลักการตรวจและใหค้ วามเห็นทางนิตเิ วชคลินกิ
1.3 การวนิ จิ ฉยั ระดบั ของการบาดเจบ็ ตามกฎหมาย เป็นหน้าที่ของผู้บังคับใช้กฎหมาย แพทย์เป็นผู้ให้ความเห็น เพอ่ื ใหผ้ ทู้ มี่ หี นา้ ทนี่ �ำไปปรบั ใชเ้ ทา่ นน้ั เชน่ เราจะไมล่ งความเหน็ ว่าผู้ป่วยของเราเป็นอันตรายสาหัส หรือมีสภาพตามท่ี กฎหมายบัญญัตวิ า่ เปน็ อนั ตรายสาหัสหรอื ไม่ แต่เราตอ้ งรู้วา่ อนั ตรายสาหสั มอี ะไร และเราสมควรท�ำอะไร แคไ่ หน และ เพียงใด 1.4 ความเห็นของแพทย์ต้องมีรูปลักษณะ ทีส่ ามารถใชง้ านได้ และสอดคลอ้ งกับดลุ ยพนิ จิ ทางกฎหมาย แตต่ อ้ งจ�ำกดั ขอบเขตไมใ่ หเ้ ลยเถดิ เขา้ ไปในหนา้ ทข่ี องผบู้ งั คบั ใชก้ ฎหมาย ดังนน้ั การลงความเห็นจงึ ควรท�ำตามค�ำแนะน�ำ ทีจ่ ะใหต้ ่อไปในบทน้ี 2. เพอ่ื ใหข้ อ้ มลู ทใ่ี ชใ้ นการอธบิ ายกลไกของการบาดเจบ็ เพ่ือใชค้ น้ หาความจริง พยานหลกั ฐานทางการแพทยท์ ่ีควรจะรวบรวม 1. ข้อมูลจากการซักประวัติให้ได้ประเด็นที่ส�ำคัญ มากทสี่ ุด ไดแ้ ก่ 1.1 ลกั ษณะการบาดเจบ็ ทเ่ี กดิ ขนึ้ มคี วามรนุ แรง เพียงใด • วนั เวลาทเี่ กดิ เหตุ เพอื่ ใชป้ ระเมนิ ความสมั พนั ธ์ กับลักษณะของบาดแผลท่ีตรวจพบ บทที่ 24 หลกั การตรวจและใหค้ วามเหน็ ทางนิติเวชคลินิก 235
• รายละเอียดของบาดแผลหรือการบาดเจ็บ (ดบู ทท่ี 10) • อวัยวะท่ีได้รับผลกระทบหรือการสูญเสีย เชน่ แทง้ ลูก เกิดแผลเป็น • เวลาทม่ี ีอาการและภาวะที่เกดิ ขนึ้ • ความสามารถในการใชง้ านระหวา่ งทย่ี งั ไมห่ าย • ผลกระทบต่อมีการใช้ชีวิตประจ�ำวันและ การท�ำงาน 1.2 พฤตกิ ารณ์ที่กอ่ ให้เกดิ การบาดเจ็บ • วธิ ที ท่ี �ำให้เกิดการบาดเจ็บ • ลกั ษณะอาวุธทใี่ ช้ • จ�ำนวนผ้กู ระท�ำ • จ�ำนวนครัง้ ท่ีถกู กระท�ำ • สภาพเหตกุ ารณโ์ ดยสงั เขป เชน่ ขบั รถยนต์ แลว้ ถกู ชนทา้ ย ไมไ่ ดค้ าดเขม็ ขดั นริ ภยั หนา้ อกจงึ กระแทกกบั พวงมาลัย เปน็ ตน้ 2. ตรวจรา่ งกายอยา่ งละเอยี ด ตอ้ งตรวจทกุ สว่ นของ รา่ งกายแมผ้ ู้บาดเจ็บจะมิไดใ้ หป้ ระวตั ิ 3. ตรวจชนั สตู รบาดแผลให้ครบถว้ น (ดูบทที่ 10) 236 บทท่ี 24 หลกั การตรวจและให้ความเหน็ ทางนิตเิ วชคลินกิ
4. กรณที ีอ่ าจเปน็ “อนั ตรายสาหัส” ตามกฎหมาย นัน้ ได้แก่ 4.1 ตาบอด หหู นวก ลน้ิ ขาด หรอื เสยี ฆานประสาท - ในกรณนี ี้ ไมใ่ ชก่ ารประเมนิ ตามกฎหมาย ว่าด้วยคนพิการ แพทย์จึงต้องตรวจประเมินเมื่อการรักษา โดยแพทยเ์ ฉพาะทางสน้ิ สดุ ลง และตรวจตามสภาพทหี่ ลงเหลอื อยู่ ของอวยั วะทไี่ ดร้ บั บาดเจบ็ นนั้ ๆ ตา่ งจากการวนิ จิ ฉยั ความพกิ าร ที่ต้องประเมินข้างที่ดีท่ีสุด นอกจากนี้ เกณฑ์ท่ีศาลจะใช้ ตดั สนิ กไ็ มช่ ดั เจนอยา่ งกฎหมายคนพกิ าร ทไี่ ดน้ �ำเกณฑต์ า่ ง ๆ ของ WHO มาใช้ ดังนน้ั แพทย์ตอ้ งตรวจตามเกณฑท์ ่ใี ชอ้ ยู่ ร่วมกับการตรวจประเมินความสามารถใช้งานท่ัว ๆ ไป เช่น หากระดบั การมองเหน็ (visual acuity) เหลอื 2/6 กต็ อ้ งมี ข้อมูลว่าผู้ป่วยยังมองเห็นเท่าใด อ่านหนังสือได้หรือไม่และ อย่างไร เดินตามล�ำพังได้หรือไม่ อย่างไร เป็นต้น เพื่อใช้ ประกอบการอธิบายความในการสบื พยาน 4.2 เสยี อวยั วะสบื พนั ธ์ุ หรอื ความสามารถสบื พนั ธ์ุ - จากการตรวจประเมนิ โดยผู้เชีย่ วชาญ 4.3 เสยี แขน ขา มือ เทา้ นว้ิ หรอื อวยั วะอ่นื ใด - ให้ดขู อ้ 6. บทที่ 24 หลกั การตรวจและใหค้ วามเห็นทางนติ ิเวชคลินกิ 237
4.4 หน้าเสียโฉมอยา่ งตดิ ตัว - ในกฎหมายไม่มีเกณฑ์วัดอย่างชัดแจ้ง มีเพียงข้อเท็จจริงที่ศาลเคยตัดสินไว้ว่าลักษณะใดศาลเห็นว่า “หนา้ เสยี โฉม” ดงั นน้ั แพทยต์ อ้ งประเมนิ วา่ ผลของการบาดเจบ็ เช่น ถูกน�้ำกรดสาดที่ใบหน้า เม่ือหายแล้วจะเกิดแผลเป็น หรือไม่ มีขนาดเท่าใด มีวิธีการรักษาหรือไม่ และถ้ารักษา ไม่ได้อีกต่อไป แล้วสภาพจะเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าศาลอาจ จะเคยพิจารณาถึงแผลเป็นท่ีมีขนาดใหญ่พอท่ีจะมองเห็นได้ ชดั เจนในระยะไกลเทา่ ใด เรากไ็ มต่ อ้ งตรวจตามนนั้ เนอื่ งจาก ศาลใชด้ ลุ ยพนิ ิจไดเ้ อง 4.5 แทง้ ลูก - หากเกิดกรณีดังกล่าว สมควรมี การสง่ ตรวจชน้ิ เนอ้ื ทแ่ี ทง้ ออกมาทง้ั หมด รวมถงึ ตรวจดสู ภาพ ในโพรงมดลกู ว่าเกิดอะไรข้นึ เช่น มีภาวะรกรอกตวั หรอื ไม่ เพอ่ื ใชป้ ระกอบความเหน็ แสดงความสมั พนั ธอ์ ยา่ งเปน็ เหตเุ ปน็ ผล 4.6 จิตพิการอย่างติดตวั - หมายรวมถึงอาการทางสมองและทาง สขุ ภาพจติ โดยตอ้ งไดพ้ ยาธสิ ภาพทเี่ หน็ ชดั เจน รวมถงึ อธบิ าย สาเหตุได้ว่าเกิดมาจากอะไร 4.7 ทพุ พลภาพ หรือป่วยเจบ็ เร้อื รงั ซง่ึ อาจถงึ ตลอดชีวติ - ตอ้ งไดก้ ารวนิ จิ ฉยั ทแ่ี นน่ อน แลว้ ตอ้ งประเมนิ ลักษณะของ activity of daily life รวมถงึ การพยากรณโ์ รค 238 บทท่ี 24 หลกั การตรวจและใหค้ วามเห็นทางนิติเวชคลนิ ิก
4.8 ทพุ พลภาพ หรอื ปว่ ยเจบ็ ดว้ ยอาการทกุ ขเวทนา เกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้ เกินกว่าย่ีสิบวันเป็นกรณีท่ีพบบ่อยท่ีสุด แพทย์ต้องตรวจว่า มอี าการ หรอื อาการแสดง อยา่ งไร มกี ารด�ำเนนิ ของโรคอยา่ งไร แล้วมีความสามารถในการใช้งานในสว่ นทีบ่ าดเจ็บได้เพยี งใด ซ่งึ ศาลตอ้ งการข้อมลู ดังกล่าวรว่ มกับระยะเวลาการหายดว้ ย 5. กรณีกระดูกหัก ให้ระบุข้าง ชิ้น และต�ำแหน่ง ทุกท่ีทีห่ ักใหค้ รบถว้ น 6. กรณีมีการฉีกขาดหลุดหายของนิ้ว ให้ระบุส่วน ทขี่ าดให้ชัดเจนว่าอยู่ที่ขอ้ ใด หรือหา่ งจากข้อเทา่ ใด 7. บาดแผลหรือการบาดเจ็บ ที่จะก่อให้เกิดผล สืบเนอื่ งส�ำคัญ เชน่ เกิดแผลเป็นหดรง้ั ควรนดั ประเมินซำ้� ตามระยะเวลาท่ีสมควร 8. การบาดเจบ็ ทถ่ี กู สง่ ตอ่ ไปรกั ษากบั แพทยเ์ ฉพาะทาง รวมถงึ การบาดเจบ็ ของฟนั ใหต้ ดิ ตามการรกั ษาและผลทเี่ กดิ ขนึ้ เป็นระยะ ๆ เสมอ ถ้าเป็นไปได้ควรได้ทบทวนรายงาน การรกั ษาหรอื จดหมายตอบการส่งตอ่ ดว้ ย 9. กรณีบาดแผลที่มีหรืออาจจะมีส่ิงแปลกปลอม ที่ส�ำคัญอย่างยิ่งคือ ช้ินส่วนของอาวุธคาอยู่ เช่น บาดแผล ถกู แทงหรอื ถกู ยงิ ควรส�ำรวจกน้ แผล และถา่ ยภาพรงั สี เพอื่ คน้ หา สง่ิ แปลกปลอมหรอื ชน้ิ สว่ นของอาวธุ ในแผล หรอื เปน็ ไปไดค้ วร น�ำออกมาเพ่อื ส่งให้พนักงานสอบสวนไวเ้ ปน็ พยานหลกั ฐาน บทท่ี 24 หลกั การตรวจและให้ความเห็นทางนิติเวชคลินกิ 239
10. ควรเก็บรวบรวมเส้ือผ้าของผบู้ าดเจ็บ โดยเฉพาะ อยา่ งยงิ่ ในกรณถี กู ยงิ เพอื่ สง่ มอบใหพ้ นกั งานสอบสวน และขณะ ท�ำการรกั ษาหากตอ้ งตดั เสอ้ื ผา้ ควรเลย่ี งการตดั ผา่ นรอยฉกี ขาด หรอื รอ่ งรอยทอี่ าจจะใชเ้ ปน็ พยานหลักฐานเท่าทจ่ี ะท�ำได้ 11. กรณีผู้บาดเจ็บจากอาวุธปืน ควรเล่ียงการ ท�ำความสะอาดมือเท่าท่ีจะท�ำได้ เพื่อจะได้ให้ผู้มีหน้าท่ีเก็บ สง่ิ ส่งตรวจส�ำหรับตรวจหาเขม่าแก๊ปปนื เสยี กอ่ น 12. ตวั บาดแผลนนั้ นอกจากจะตอ้ งบนั ทกึ รายละเอยี ด ลงในเวชระเบยี นแลว้ ยงั สมควรถา่ ยภาพเกบ็ ไวด้ ว้ ย (ดบู ทท่ี 4) 13. กรณีผู้บาดเจ็บหมดสติหรือสงสัยว่าถูกมอมยา ให้รีบเก็บ เลือด และปัสสาวะไม่ต�่ำกว่า 50 มล. หรือ อาจเก็บน�้ำล้างกระเพาะครั้งแรกหากท�ำได้ เพ่ือตรวจหา สารเคมีในร่างกาย และควรติดตามอาการในโรงพยาบาล เพอ่ื บนั ทกึ ลกั ษณะอาการ อาการแสดง และเกบ็ สง่ิ สง่ ตรวจซำ้� เป็นระยะ ๆ อย่างน้อย 2-3 คร้ัง ห่างกันตามเวลาคร่ึงชีวิต ของสารน้นั ๆ หรือตามการเปล่ียนแปลงท่ีพบ (ดบู ทท่ี 33) 14. ในการตรวจและบันทึกข้อมูลจากผู้ต้องหา ควรให้มีเจ้าหน้าที่ต�ำรวจอยู่ด้วยเสมอ และไม่ควรถอด กุญแจมือ โดยแพทย์ควรอยู่ในสถานท่ีที่สามารถเคลื่อนตัว ออกจากบริเวณนนั้ ไดง้ า่ ย 240 บทท่ี 24 หลกั การตรวจและใหค้ วามเหน็ ทางนติ ิเวชคลนิ กิ
เอกสารท่ีแพทยต์ อ้ งเขยี น ได้แก่ รายงานชันสูตรบาดแผล (ดูบทท่ี 26) ใบรับรองแพทย์เพื่อใช้ลาหรือเบิกค่าทดแทนต่าง ๆ และ ใบเรียกรอ้ งค่าทดแทนประกันภัย (ดูบทที่ 28) บทท่ี 24 หลกั การตรวจและให้ความเห็นทางนิติเวชคลนิ ิก 241
242
บทท่ี 25 การตรวจผู้ป่ วยทางนติ เิ วชคลินกิ ท่ีมลี กั ษณะเฉพาะบางประการ กนั ต์ ทองแถม ณ อยธุ ยา วศิ าล วรสวุ รรณรกั ษ์
การตรวจผูต้ อ้ งหา ผูเ้ สยี หาย หรอื บุคคลท่ีเก่ยี วขอ้ ง 1. การตรวจผู้ต้องหานั้น แพทย์สามารถท�ำการ ตรวจร่างกาย หรือเก็บตัวอย่างจากภายนอก เช่น เส้นผม เส้นขน น้�ำลาย ปัสสาวะ อุจจาระ สารคัดหล่ังภายนอก ได้เลยตามค�ำส่ังของพนักงานสอบสวน โดยไม่ต้องได้รับ การยินยอมจากเจ้าตัว ซ่ึงแตกต่างกับการตรวจร่างกายของ ผู้เสียหายท่ีแพทย์ต้องได้รับการยินยอมในการตรวจร่างกาย ก่อนเสมอ ทง้ั นหี้ ากผูเ้ สยี หายหรอื ผูต้ อ้ งหาเปน็ ผู้หญงิ ให้จดั ใหเ้ จา้ พนกั งานหญงิ เขา้ รว่ มตรวจ หรอื จะขอน�ำบคุ คลใดมาอยู่ ร่วมในการตรวจนัน้ ดว้ ยกไ็ ดต้ ามสมควร 2. หากพนักงานสอบสวนขอให้แพทย์ท�ำการ เจาะเลือด หรือตัดเก็บเน้ือเย่ือ ผิวหนัง หรือส่วนประกอบ ของรา่ งกาย ซง่ึ การกระท�ำดงั กลา่ วอาจเปน็ อนั ตรายแกร่ า่ งกาย จึงต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับการตรวจก่อนเสมอ แม้ว่าจะเป็นผู้ต้องหาก็ตาม หากไม่ได้รับความยินยอม แพทย์อาจจะด�ำเนินการได้ต่อเมื่อ ผู้ต้องหาไม่ได้ขัดขืนและ การกระท�ำของแพทย์ไม่มีอันตรายเกินสมควร หรือเป็นไป เพ่ือวินจิ ฉยั และรักษา 3. กรณีท่ีผู้รับการตรวจไม่ให้ความยินยอม หรือ ขดั ขนื โดยไมม่ เี หตอุ ันควร การเกบ็ สง่ิ สง่ ตรวจ หรอื การตรวจ รา่ งกาย อาจจะกอ่ ใหเ้ กดิ การรกุ ลำ้� ทางรา่ งกาย หรอื อาจท�ำให้ ไดร้ บั บาดเจบ็ แพทยค์ วรอธบิ ายเพอ่ื ใหผ้ รู้ บั การตรวจเขา้ ใจถงึ 244 บทที่ 25 การตรวจผู้ปว่ ยทางนติ ิเวชคลินิก ทม่ี ลี กั ษณะเฉพาะบางประการ
ผลเสยี ทป่ี ฏเิ สธการตรวจ หรอื ใหเ้ จา้ พนกั งานรว่ มอธบิ ายดว้ ย หากยงั ไมเ่ ปลย่ี นท่าทแี ละยังคงไม่ยนิ ยอมอยู่ ให้บันทึกลงใน เวชระเบียนไว้ การรบั รองการท�ำพนิ ยั กรรมและรบั รองความสามารถ ของบุคคลในการท�ำนติ กิ รรม 1. การรบั รองความสามารถ ของผทู้ �ำพนิ ยั กรรมและ การเป็นพยานในการท�ำพินัยกรรม มีหลักกฎหมายว่าผู้จะ ท�ำนิติกรรมต้องบรรลุนิติภาวะ หรือมีอายุเข้าตามนิติกรรม ทก่ี ฎหมายก�ำหนดไวเ้ ฉพาะ และตอ้ งมสี ตสิ มั ปชญั ญะเพยี งพอจะ แสดงเจตนาได้ ในหลาย ๆ กรณจี งึ ตอ้ งการการรบั รองจากแพทย์ 2. แพทย์จะต้องตรวจพิสูจน์ว่า ผู้ท�ำนิติกรรม จะต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือ มีอาการวิกลจริต ดังนั้นจึงใช้การตรวจสภาพจิตเบ้ืองต้นด้วยวิธีสัมภาษณ์ ทางจิตเวช (psychiatric interview) และตรวจสภาพจิต (mental status examination) โดยผู้เป็นแพทย์อาจใช้ แบบฟอร์ม Thai Mental Status Examination (MMSE หรอื TMSE) รว่ มกบั การท�ำ projective test, objective test หรอื IQ test โดยนักจิตวิทยา กไ็ ด้ 3. ในกรณีท่ีนิติกรรมนั้นมีความเสี่ยง ต่อข้อพิพาท หรอื มคี วามสลบั ซบั ซอ้ นทง้ั จากตวั นติ กิ รรมเองและจากสภาพ ของผมู้ าตรวจ ควรปรกึ ษาแพทยน์ ติ เิ วช จติ แพทย์ นกั จติ วทิ ยา บทท่ี 25 การตรวจผู้ป่วยทางนติ เิ วชคลนิ กิ 245 ที่มีลกั ษณะเฉพาะบางประการ
และแพทย์ทางระบบประสาทที่รักษาผู้ป่วย รวมถึงอาจมี นักกฎหมายมารว่ มด้วยเสมอ ในบางกรณี ควรสง่ ไปปรกึ ษา ในสถาบนั ที่มที ีมสหวิชาชพี ดงั กล่าวพรอ้ ม การพิสจู น์ความเป็นบิดา มารดา และบุตร 1. ในหลายกรณที มี่ ขี อ้ พพิ าททางกฎหมาย โดยเฉพาะ คดีทางแพ่งท่ีเก่ียวข้องกับลักษณะครอบครัวและมรดก แพทยถ์ กู ปรกึ ษาเรอื่ งการขอตรวจพสิ จู นค์ วามเปน็ บดิ า-มารดา กบั บุตร หรืออาจจะตอ้ งตรวจความสัมพนั ธท์ างเครือญาติ 2. แพทย์ควรแนะน�ำความรู้เบ้ืองต้น และแนะน�ำ ให้ไปติดต่อเพ่ือตรวจพิสูจน์ยังสถาบันทางนิติเวชศาสตร์ (ดภู าคผนวก) 3. โดยทวั่ ไปแลว้ ค�ำแนะน�ำเบ้ืองต้นคอื 3.1 การตรวจพสิ จู น์ ตอ้ งอาศยั การเกบ็ ตวั อยา่ ง จากเครือญาติใกล้ชิดที่สุด และควรเก่ียวข้องในคดีท่ีพิพาท หรือเปน็ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทีก่ ล่าวอา้ ง 3.2 การตรวจทางพนั ธศุ าสตร์ สามารถเกบ็ ตวั อยา่ ง รา่ งกายไดจ้ ากหลาย ๆ สว่ น เชน่ จากเลอื ด จากเยอ่ื บกุ ระพงุ้ แกม้ เสน้ ผม เป็นตน้ ซง่ึ อาจจะเลือกใชใ้ ห้เหมาะกบั สภาพร่างกาย ของผ้ตู รวจแต่ละคนได้ 246 บทท่ี 25 การตรวจผู้ป่วยทางนติ เิ วชคลินิก ท่มี ีลักษณะเฉพาะบางประการ
3.3 ควรตดิ ตอ่ สถานทท่ี จี่ ะไปตรวจ เพอ่ื ใหท้ ราบ ถงึ ขอ้ ปฏบิ ตั ิ การเตรยี มตวั หรอื เอกสารทตี่ อ้ งมี การท�ำหนงั สอื จากหนว่ ยงานทต่ี อ้ งการผล นดั หมายเพอื่ ตรวจ ผทู้ ต่ี อ้ งไปตรวจ กระบวนการตรวจจนถงึ การออกผล การรบั ผล และคา่ ใชจ้ า่ ย การประเมนิ อายุผู้ป่ วย 1. ในทางกฎหมายแล้ว อายุของผู้ต้องหา หรือ ผู้เสียหายในคดีอาญา มีความส�ำคญั ในแต่ละคดีแตกตา่ งกนั เช่น การรับโทษ หรือเขตอ�ำนาจของศาล หรือกระบวนวิธี พจิ ารณา ตัวอย่างเชน่ ในกรณีคดคี วามผดิ ทางเพศ อายุของ ผเู้ สยี หายมผี ลตอ่ การพจิ ารณาความผดิ และความยนิ ยอม หรอื อายขุ องผตู้ ้องหาท่ีท�ำให้มีวิธีพิจารณาความแบบเด็ก ขนึ้ ศาล เดก็ และเยาวชน รวมถึงข้อจ�ำกดั โทษตามอายุ 2. ในคดีใด ๆ หากไม่ทราบอายุของผู้ต้องหาหรือ ผเู้ สยี หายทแ่ี ทจ้ รงิ อาจเพราะไมม่ ปี ระวตั ทิ างทะเบยี นราษฎร์ มาก่อน พนักงานสอบสวนหรือผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับ กระบวนการยุติธรรมอาจส่งตัวผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายมาให้ บคุ ลากรทางการแพทยม์ าประเมินอายุได้ 3. หลักท่ัวไปท่ีแพทย์ควรทราบในการประเมินอายุ หรือควรส่งผู้มารับการตรวจไปตรวจได้ถูกต้อง คือ อายุ สามารถประเมนิ ได้จาก บทท่ี 25 การตรวจผปู้ ว่ ยทางนิติเวชคลินกิ 247 ที่มีลกั ษณะเฉพาะบางประการ
3.1 การขึ้นของฟัน ภาพถ่ายรังสีของรากฟัน เพอ่ื ดกู ารเจรญิ ของฟนั และลกั ษณะการบดเคยี้ วสกึ หรอของฟนั ในกรณนี ค้ี วรปรกึ ษาทนั ตแพทยใ์ นการตรวจและใหค้ วามเหน็ และความแมน่ ย�ำมขี ้อจ�ำกัดในชว่ งอายุไม่เกนิ 21-25 ปี 3.2 อายุกระดูก ได้จากการถ่ายภาพรังสีของ กระดกู ในส่วนต่าง ๆ ทีน่ ยิ มใชใ้ นเด็กวัยรนุ่ คอื ภาพถ่ายรงั สี ของมือ ในกรณีนี้ควรปรึกษารังสีแพทย์ในการตรวจและให้ ความเห็น และความแม่นย�ำมีข้อจ�ำกัดจนถึงช่วงอายุผู้ใหญ่ ตอนต้น 3.3 การใช้ Tanner Stage ซ่ึงแพทย์ทุกคน สามารถตรวจร่างกายได้เอง เพียงแต่การประมาณอายุ ต้องอาศัยการตรวจอื่น ๆ ประกอบกันเสมอ เน่ืองจากวิธีนี้ มีความคลาดเคล่ือนสูง เพียงใช้ประกอบกันเท่าน้ัน และท่ีส�ำคัญคือ ต้องไม่มีโรคหรือภาวะท่ีส่งผลต่อระบบ ตอ่ มไรท้ อ่ ดว้ ย 248 บทที่ 25 การตรวจผู้ป่วยทางนติ เิ วชคลนิ ิก ทม่ี ีลกั ษณะเฉพาะบางประการ
บทท่ี 26 การเขียนรายงานทางนิตเิ วชคลินกิ เก่ียวกับการบาดเจ็บ นิติกร โปรสิ วาณชิ ย์ อนิรุต วรวาท
รายงานทางนิติเวชคลินิก เป็น รายงานของแพทย์ ทจี่ ะต้องให้ความเห็น เพ่อื ให้ผเู้ กีย่ วข้องสามารถน�ำไปปรบั ใช้ กับปัญหาในทางนติ ิศาสตร์ ส�ำหรับรายงานทแี่ พทย์พบบอ่ ย ได้แก่ รายงานการตรวจผู้ป่วยคดีอาญา (หรือผู้เก่ียวข้อง ในคดีอาญา) ท่ีนิยมเรียกว่า “ใบชันสูตรผู้ป่วยคดี” หรือ “ใบชนั สตู รบาดแผล” วตั ถุประสงค์ของรายงาน 1. เพอ่ื ใหค้ วามเหน็ เกย่ี วกบั ความรนุ แรงของการบาดเจบ็ อันเปน็ ผลจากการกระท�ำ 2. เพอ่ื บรรยายรายละเอยี ดของการบาดเจบ็ อนั จะน�ำ ไปสู่ความเห็นเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับกลไกหรือรูปแบบของ การกระท�ำ ส�ำหรับพิสูจน์ความจริงท่ีเป็นองค์ประกอบ ทางกฎหมาย ส่วนประกอบของรูปแบบรายงาน รายงานของแพทย์สามารถเขียนลงในแบบฟอร์ม ของต�ำรวจท่ีน�ำส่งผู้บาดเจ็บหรือผู้ต้องหามาให้ตรวจ หรือ เขียนแยกก็ได้ แตโ่ ดยทว่ั ไปแล้วนยิ มเขียนในแบบของต�ำรวจ มากกวา่ รูปแบบท่ัวไป ไดแ้ ก่ 250 บทท่ี 26 การเขยี นรายงานทางนติ เิ วชคลนิ ิกเกี่ยวกบั การบาดเจบ็
1. ส่วนต้น เป็นรายละเอียดของผู้บาดเจ็บและ ข้อมูลในการตรวจ ประกอบด้วยสถานท่ีตรวจช่ือและข้อมูล ของผู้มาตรวจ วนั และเวลาทตี่ รวจครั้งแรกในสถานพยาบาล และผู้น�ำส่งมาให้ตรวจ ส่วนนี้เป็นตัวเชื่อมโยงความสัมพันธ์ ของผทู้ ่เี กี่ยวขอ้ งในคดี 2. ส่ิงท่ีแพทย์ตรวจ ประกอบด้วยรายละเอียดของ การบาดเจ็บแตล่ ะอยา่ ง หรอื รายละเอียดที่เป็นองค์ประกอบ ในการบรรยายบาดแผล 3. ความเห็นของแพทย์ เป็นการให้ความเห็น ตามวัตถุประสงค์ข้างต้น ส�ำหรับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ใหค้ วามเหน็ เฉพาะความรุนแรงของการบาดเจบ็ ก็เพียงพอ บทท่ี 26 การเขยี นรายงานทางนติ เิ วชคลนิ ิกเกย่ี วกบั การบาดเจ็บ 251
ภาพที่ 26.1 แสดงหนา้ แรกของแบบใบน�ำสง่ ผู้บาดเจ็บให้แพทย์ตรวจของต�ำรวจ 252 บทที่ 26 การเขียนรายงานทางนติ เิ วชคลนิ กิ เกี่ยวกบั การบาดเจ็บ
สว่ นตน้ สง่ิ ทแ่ี พทย์ตรวจ ความเห็น ภาพที่ 26.2 แสดงหนา้ หลังที่เป็นส่วนที่แพทย์ใช้ ส�ำหรับเขียนรายงาน บทที่ 26 การเขยี นรายงานทางนิตเิ วชคลินิกเกี่ยวกบั การบาดเจ็บ 253
ส่งิ ท่ีแพทย์ตรวจพบ 1. ใหบ้ รรยายรายละเอยี ด เปน็ วลที เี่ ปน็ องคป์ ระกอบ ของบาดแผล (ดูบทที่ 10) อาจจะมีผลการสืบค้นเพิ่มเติม ตามสมควร และการวนิ ิจฉัย เช่น cut wound 0.1 x 5 cm. at ulnar side of the left wrist with complete tear of muscles and cortical breakage of distal ulnar bone s/p repairmen of muscle and apply short arm slab ให้เขียน วา่ “บาดแผลฉกี ขาดจากของมคี มบริเวณข้อมือขา้ งซา้ ยด้าน นิ้วก้อย ลักษณะเป็นแนว ขนาดกวา้ ง 0.1 ซม. ยาว 3 ซม. ตดั กล้ามเน้ือฉกี ขาดและลกึ จนถงึ กระดกู โดยถูกกระดูกบ่ิน ได้รบั การเย็บกลา้ มเนื้อ เย็บบาดแผล และเขา้ เฝอื ก” 2. ใช้ศัพท์ภาษาไทย ให้สอดคล้องสละสลวยและ กระชบั 3. เขยี นเรียงล�ำดับให้เปน็ ระบบ นิยมเขียนไล่เรียง จากศีรษะจรดเทา้ และจากขา้ งขวาไปข้างซ้าย 4. กรณีที่เป็นบาดแผล เก่ียวเน่ืองมีทิศทางของ บาดแผล (wound trajectory) เช่น บาดแผลกระสุนปืน ใหเ้ ขยี นตงั้ แตบ่ าดแผลทางเขา้ ตอ่ เนอ่ื งกนั โดยแสดงแนวทาง ว่ิงที่ผ่านเข้าไปในส่วนของร่างกายจนกระทั่งถึงทางออกของ กระสุนปืน เช่น “บาดแผลทางเข้าของกระสุนปืนบริเวณ หนา้ อกดา้ นขวา ในระดบั ตำ่� จากไหปลารา้ 5 ซม. และหา่ งแนว กลางล�ำตัว 5 ซม. บาดแผลมีลักษณะกลมขนาดเส้นผ่าน 254 บทท่ี 26 การเขยี นรายงานทางนิติเวชคลินกิ เกี่ยวกบั การบาดเจบ็
ศูนย์กลางประมาณ 0.7 ซม. โดยไม่พบเขม่าหรือรอยสัก ดินปืนรอบบาดแผล กระสุนปืนวิ่งทะลุเข้าช่องซี่โครงที่ 2 เข้าช่องอก ถูกปอดข้างขวา กลีบบน ทะลุออกบรเิ วณสะบัก ด้านขวา ในระดบั ต�่ำจากไหปลารา้ 6 ซม. และหา่ งแนวกลาง ล�ำตัว 3 ซม. พบเลอื ดออกในชอ่ งอกขา้ งขวา 800 มล. ขณะ มาถึงรพ. มีความดันโลหิตต�่ำและหมดสติ ได้รับการผ่าตัด รักษา และใส่สายระบายเลือดและลมออก” 5. กรณที พ่ี บบาดแผลเลก็ นอ้ ย และแตล่ ะบาดแผล ไมม่ คี วามส�ำคญั ในการแปลผล สามารถเขยี นรวบโดยทไ่ี มต่ อ้ ง ลงในรายละเอียดในแตล่ ะบาดแผล เช่น บาดแผลทีเ่ กดิ จาก การจราจร ผปู้ ว่ ยมกี ารกลงิ้ ไถลไปตามพน้ื ถนนเกดิ บาดแผลถลอก เลก็ นอ้ ยๆ ไดห้ ลายแหง่ เชน่ นก้ี อ็ าจจะเขยี นรวมไปวา่ “บาดแผล ถลอกครดู ขนาดเลก็ แตล่ ะบาดแผล มคี วามกวา้ งประมาณ 0.5 ซม กระจายตามใบหนา้ แขนและขาท้งั สองขา้ ง” ความเหน็ ของแพทย์ แพทย์เวชปฏิบัติอาจจะมีระดับความรู้ในการแปลผล กลไกการเกิดบาดเจบ็ อยา่ งจ�ำกัด ดงั นน้ั สง่ิ ท่จี ะลงในรายงาน มเี พยี งระยะเวลาการรกั ษา ทแ่ี สดงความรนุ แรงของการบาดเจบ็ 1. ระยะเวลาการรักษา ได้มาจากการวินิจฉัย ทีแ่ น่นอนแลว้ บทที่ 26 การเขยี นรายงานทางนติ ิเวชคลินิกเกยี่ วกับการบาดเจ็บ 255
2. ขณะทแี่ พทยอ์ อกใบชนั สตู รบาดแผล ยงั เปน็ เวลา ทเ่ี รว็ เกนิ กวา่ ทจี่ ะคาดเหน็ ภาวะแทรกซอ้ นได้ เรากจ็ ะประเมนิ เวลาการรกั ษาจากอาการ (clinical healing) และการใช้งาน (function recovery) วา่ ควรจะกลบั มาเปน็ ปกตใิ นเวลาเทา่ ไร เชน่ กระดกู หกั มรี ะยะเวลาทกี่ ระดกู ตดิ จนไมต่ อ้ ง immobilize กบั ระยะเวลาในการ rehabilitation โดยใหป้ ระเมนิ จากสภาพ ของตัวผู้ป่วยแต่ละคนกับระยะเวลาทั่ว ๆ ไปตามข้อมูล ท่ีอา้ งอิงได้ วา่ โดยรวมแล้วนา่ จะใชร้ ะยะเวลาเท่าใด 3. หากผู้ป่วยรักษาจนหายดีแล้ว ก็ให้ใช้ระยะเวลา ท่ีเกิดข้ึนจริง ถ้ามีภาวะแทรกซ้อน หรือปัญหาท่ีท�ำให้ การรกั ษาใช้เวลาเนนิ่ นานออกไป ก็จะตอ้ งยึดตามท่เี กิดขนึ้ 4. ความเห็นทปี่ ระเมนิ ให้ใช้เขยี นว่า “ใช้ระยะเวลา การรักษาประมาณ.....(ตัวอักษร).....วัน/สัปดาห์/เดือน/ปี ถา้ ไมม่ ภี าวะแทรกซอ้ น” หรอื กรณที รี่ กั ษายาวนานจนไมส่ ามารถ ประเมนิ ไดช้ ดั อาจจะประมาณการครา่ ว ๆ วา่ “ใชร้ ะยะเวลา การรกั ษาไมน่ อ้ ยกวา่ .....(ตวั อกั ษร).....วนั /สปั ดาห/์ เดอื น/ป”ี 5. ขณะที่ผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาน้ัน ผู้ป่วยอยู่ใน ภาวะ life threatening condition สามารถจะเขียน เพม่ิ เตมิ หรอื ลงความเหน็ วา่ “หากไมไ่ ดร้ บั การรกั ษาทนั ทว่ งที อาจจะถึงแก่ชีวิต” ซ่ึงอาจจะเป็นประโยชน์แก่รูปคดีที่มีการ ฟอ้ งรอ้ งในขอ้ หาพยายามฆ่า แตถ่ า้ ไม่ไดร้ ะบุลงไปก็ไมถ่ ือวา่ บกพรอ่ งแตอ่ ยา่ งใด เพราะวา่ แพทยอ์ าจถกู ถามเมอ่ื ไปค�ำใหก้ าร 256 บทท่ี 26 การเขียนรายงานทางนิตเิ วชคลินกิ เกยี่ วกบั การบาดเจ็บ
6. ไมล่ งความเห็นวา่ เกิดอันตรายสาหสั แตใ่ ห้เขยี น ผลการตรวจประเมินให้สอดคล้องกับลักษณะที่เข้าข่ายเป็น อันตรายสาหสั ในสว่ นทีแ่ พทย์ตรวจเทา่ น้ัน 6.1 กรณีที่ผู้ป่วยถูกส่งไปรับการรักษาต่อกับ แพทยท์ ่านอนื่ หรือทโ่ี รงพยาบาลอื่น สามารถให้ความเหน็ ได้ 2 แนวทาง คอื 6.2 สามารถรวบรวมขอ้ มลู เกยี่ วกบั กระบวนการ รักษาและการด�ำเนินโรคได้ ก็สามารถประมาณเวลารักษา ไปได้เอง 6.3 ไมส่ ามารถหาข้อมูลไดค้ รบถ้วน ควรเขียน ความเหน็ เปดิ วา่ “ผปู้ ว่ ยมารบั การรกั ษาเบอ้ื งตน้ กอ่ นถกู สง่ ตวั ไปรับการรกั ษาต่อที่...” หรือ “การรักษาทางทนั ตกรรมไดร้ บั การรกั ษาท.ี่ ...” เพอ่ื ใหส้ ามารถเชอื่ มโยงไปยงั ความเหน็ ทผี่ รู้ บั รกั ษาต่อจะสรุปให้ 7. หากมีข้อเท็จจริงเปล่ียนแปลงภายหลังการออก รายงานไปแล้ว แพทย์อาจให้การเพ่ิมเติมด้วยวาจาทั้งต่อ พนกั งานสอบสวนหรอื ศาล บทที่ 26 การเขยี นรายงานทางนิตเิ วชคลนิ ิกเกย่ี วกับการบาดเจบ็ 257
ตัวอยา่ ง เลขที่ 007/2557 ต�ำบลท่ีแพทยต์ รวจ ร.พ.ด่านชา้ ง จ.สุพรรณบุรี ชอ่ื ผ้บู าดเจบ็ นาย วันชัย ภยั คุกคาม อายุ 57 ปี สถานีต�ำรวจท่ีน�ำส่ง สถานตี �ำรวจภธู รด่านชา้ ง จ.สุพรรณบรุ ี รับไว้วันท่ี 31 เดือน มนี าคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.00 น. รายการที่แพทย์ไดต้ รวจ 1. บาดแผลทางเข้าของกระสุนปืนบริเวณหน้าอกด้านขวา ในระดับต�่ำจาก ไหปลารา้ 5 ซม. และหา่ งแนวกลางล�ำตัว 5 ซม. บาดแผลมีลกั ษณะกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.7 ซม. โดยไม่พบเขม่าหรือ รอยสัก ดนิ ปนื รอบบาดแผล กระสนุ ปนื วงิ่ ทะลเุ ขา้ ชอ่ งซโ่ี ครงที่ 2 เขา้ ชอ่ งอก ถกู ปอด ขา้ งขวากลบี บน ทะลอุ อกบรเิ วณสะบกั ดา้ นขวา ในระดบั ตำ�่ จากไหปลารา้ 6 ซม. และห่างแนวกลางล�ำตวั 3 ซม. พบเลอื ดออกในชอ่ งอกขา้ งขวา 800 มล. ขณะมาถึงรพ.มีความดันโลหิตต่�ำและหมดสติ ได้รับการผ่าตัดรักษา และ ใส่สายระบายเลือดและลมออก 2.บาดแผลถลอกครดู ขนาดเลก็ แตล่ ะบาดแผลมคี วามกวา้ งประมาณ 0.5 ซม กระจายตามใบหน้า แขนและขาทัง้ สองขา้ ง ความเหน็ ใช้ระยะเวลารักษาประมาณ หนึ่งเดือน ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน โดยหาก ไมไ่ ดร้ บั การรกั ษาทันท่วงทอี าจจะถึงแกช่ วี ติ ลงชือ่ จ๋วิ จงเจริญ (นพ.จวิ๋ จงเจริญ) แพทยผ์ ู้ตรวจ 258 บทท่ี 26 การเขยี นรายงานทางนิตเิ วชคลนิ กิ เก่ยี วกับการบาดเจ็บ
บทท่ี 27 การเขียนรายงานผูป้ ่ วย หรอื ผู้ตอ้ งหาในคดีความผิดทางเพศ วรทั พร สิทธิจรูญ นติ ิกร โปรสิ วาณชิ ย์
การเขียนรายงานผู้ป่ วยในคดีความผิดทางเพศ ผปู้ ว่ ยในคดคี วามผดิ ทางเพศ ทมี่ าตรวจทโี่ รงพยาบาล จะถูกนำ�ส่งโดยพนักงานสอบสวน ซึ่งจะมีเอกสารคือ “ใบน�ำ สง่ ผบู้ าดเจบ็ หรอื ศพใหแ้ พทยต์ รวจชนั สตู ร” (ดา้ นตราครฑุ ) ตามภาพท่ี 27.1 เหมอื นกนั กบั ผทู้ ไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ (ดบู ทท่ี 26) เมอ่ื แพทยล์ งทะเบยี นรบั ไวแ้ ลว้ กจ็ ะตอ้ งท�ำ รายงานการตรวจชนั สตู ร ซึ่งอาจจะเขียนรายงานไว้ในด้านหลังของแบบฟอร์มเอกสาร ฉบบั นที้ เ่ี ขยี นวา่ “ผลการตรวจชนั สตู รบาดแผลหรอื ศพของแพทย”์ ตามภาพที่ 27.2 หรอื ในบางแหง่ จะมแี บบรายงานแยกตา่ งหาก ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ความสำ�คัญของการทำ�รายงานอยู่ท่ี รปู แบบขอ้ มลู และความเหน็ ทต่ี อ้ งเขยี นลงไปโดยกอ่ นทแี่ พทย์ จะออกรายงาน ต้องตรวจสอบชื่อผู้ป่วย ช่ือสถานีตำ�รวจ วนั ทเ่ี กดิ เหตทุ ต่ี �ำ รวจระบมุ าดา้ นหนา้ วา่ ตรงกนั หรอื ไม่ และต�ำ รวจ มคี �ำ ถามใดทตี่ อ้ งการใหเ้ ราตอบโดยเฉพาะเจาะจงดว้ ยหรอื ไม่ เช่น ถูกกระทำ�ชำ�เราหรือผ่านการร่วมเพศมาแล้วหรือไม่ มีร่องรอยบาดแผล การเขียนใบชันสูตรบาดแผล กรณีการตรวจผู้ป่วย ในคดีความผิดทางเพศ เป็นการรายงานข้อเท็จจริงที่ได้จาก ประวตั ิ การตรวจรา่ งกายและผลการตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร รวมทง้ั การใหค้ วามเหน็ ของแพทยแ์ กพ่ นกั งานสอบสวนและใช้ จนถงึ ชน้ั ศาล เพอื่ เปน็ พยานหลกั ฐานของผเู้ ชยี่ วชาญประกอบ การพจิ ารณาคดี ประกอบดว้ ย 3 สว่ นหลกั คอื การระบบุ คุ คล ข้อเท็จจริง และความเหน็ ดงั ตอ่ ไปนี้ 260 บทท่ี 27 การเขียนรายงานผ้ปู ว่ ย หรือผู้ตอ้ งหา ในคดคี วามผิดทางเพศ
ส่วนท่ี 1 การระบุบุคคลและข้อมูลท่ัวไป 1. ต�ำบลที่แพทย์ตรวจ ต้องเขียนชื่อโรงพยาบาล (อาจระบุต�ำบลท่ีโรงพยาบาลตัง้ อยดู่ ้วยได)้ 2. ชือ่ ผู้ป่วย 3. สถานตี �ำรวจทส่ี ง่ ดจู ากดา้ นหนา้ ทรี่ ะบมุ า (หนา้ ครฑุ ) 4. วันทแ่ี ละเวลาในการมาตรวจครงั้ แรก (เวลาที่พบ แพทยค์ ร้งั แรก) 5. อายุ สว่ นท่ี 2 ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื รายละเอยี ดท่แี พทยไ์ ดต้ รวจ แบ่งออกเปน็ 5 หัวขอ้ ดังน้ี 1. สภาพโดยท่ัวไปเก่ียวกับเจริญเติบโต ให้ระบุ น้�ำหนัก และส่วนสูง ซ่ึงมีความส�ำคัญโดยเฉพาะอย่างย่ิง เมอื่ เปน็ เดก็ และอาจจะบรรยายลกั ษณะภายนอกทวั่ ไปหากมี ความจ�ำเป็น เช่น สภาพเส้ือผ้าที่เปรอะเปื้อน หรือมีคราบ ท่เี ปน็ พยานหลักฐาน 2. สภาพจิตใจของผู้ป่วย เช่น มีความเครียด วิตกกังวล หรือมีอาการทางจิตที่ตรวจพบแล้วมีนัยส�ำคัญ ตามทก่ี ลา่ วไวแ้ ลว้ ซงึ่ ความผดิ ปกตเิ หลา่ น้ี เมอ่ื ไดร้ บั การตรวจ วนิ จิ ฉยั โดยจติ แพทยแ์ ลว้ ใหร้ ะบกุ ารวนิ จิ ฉยั นน้ั ลงไปดว้ ย เชน่ “พบว่ามอี าการซึมเศรา้ เบอื่ อาหาร นอนไม่หลบั ตอ่ เนอื่ งกัน และประสิทธิภาพของการท�ำงานรวมถึงกิจวัตรประจ�ำวัน บทท่ี 27 การเขยี นรายงานผปู้ ว่ ย 261 หรือผตู้ อ้ งหา ในคดีความผดิ ทางเพศ
แย่ลงไป จิตแพทย์ตรวจวินิจฉัยว่าเป็น ภาวะซึมเศร้าจาก การกระทบกระเทือนทางจิตใจ” หากตรวจไม่พบความผิด ปกติ ก็ควรระบลุ งไปดว้ ยวา่ “ไม่พบความผดิ ปกติทางจติ ” 3. การตรวจรา่ งกายภายนอก เขยี นบรรยายบาดแผล ที่พบตามหลักการเขียนทั่วไป (ดูบทที่ 26) นอกจากนี้ หากมี อาการหรอื มปี ระวตั ทิ ถ่ี กู มอมยาหรอื ไดร้ บั สารตา่ ง ๆ มา ให้บรรยายอาการและอาการแสดงที่ตรวจพบในระบบต่าง ๆ ลงไปด้วย ในกรณีที่ไม่พบบาดแผลหรือความผิดปกติอ่ืนใด กส็ มควรเขยี น negative finding คือ “ตรวจไมพ่ บบาดแผล การบาดเจ็บ หรอื ความผดิ ปกติทางสตสิ มั ปชัญญะ” 4. การตรวจบริเวณอวัยวะเพศ เขียนบรรยาย ลักษณะบาดแผล หรือลักษณะที่พบจากการตรวจบริเวณ อวยั วะเพศโดยรอบ เชน่ บาดแผลฟกชำ�้ บาดแผลถลอก บาดแผล ฉกี ขาด บรเิ วณแคมใหญ่ แคมเลก็ ปากชอ่ งคลอด ผนงั ชอ่ งคลอด เยื่อพรหมจารีซึ่งอาจจะระบุว่ามีรอยฉีกขาด เก่าหรือใหม่ ที่ต�ำแหน่งใด การตรวจภายในอื่น ๆ เช่น ช่องคลอดมดลูก ปกี มดลกู ชอ่ งเชงิ กราน และทวารหนกั หากมปี ระเดน็ ปญั หา ท่ีเกยี่ วข้อง 5. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ให้เขียนรายงาน และแปลผลการตรวจชีววัตถพุ ยาน ที่เกบ็ จากปากชอ่ งคลอด ภายในช่องคลอด ปากมดลูก หรืออาจจะมีกรณที ต่ี รวจจาก ภายในชอ่ งปาก รูทวารหนกั และการตรวจอนื่ ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง เชน่ เลือด ปัสสาวะ ได้แก่ 262 บทท่ี 27 การเขยี นรายงานผูป้ ่วย หรือผู้ตอ้ งหา ในคดคี วามผดิ ทางเพศ
• ตรวจพบ/ไมพ่ บตัวอสุจิ จากท่ีใดบา้ ง • ตรวจพบ/ไม่พบส่วนประกอบของน�้ำอสุจิ จากทใี่ ดบา้ ง • การตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ เช่น การตรวจปัสสาวะเพ่ือทดสอบการตั้งครรภ์ การตรวจครรภ์ โดยคลื่นความถ่ีสูงหรืออัลตราซาวน์ และการตรวจเลือด เพื่อหาสารต่าง ๆ เปน็ ตน้ ส่วนท่ี 3 ความเห็น (ดบู ทที่ 21) 1. ความเหน็ เกีย่ วกับการกระท�ำช�ำเรา หรอื เขียนว่า รว่ มประเวณี หรอื มีเพศสัมพันธ์ได้แก่ 1.1 พบหลักฐานว่าผ่านการกระท�ำช�ำเรา (หรอื ร่วมประเวณี) 1.2 พบหลักฐานว่าอาจจะ (หรือน่าจะ) ผา่ นการกระท�ำช�ำเรา (หรือรว่ มประเวณ)ี 1.3 ตรวจไม่พบหลักฐานการกระท�ำช�ำเรา (หรอื ร่วมประเวณี) 1.4 ในกรณีที่มีประเด็นของการร่วมประเวณี มาแล้วและตอ้ งให้ความเห็น หากพบรอ่ งรอยฉกี ขาดเก่าของ เย่ือพรหมจารี กอ็ าจจะลงความเห็นว่า “ตรวจพบหลักฐานวา่ เคยผา่ นการกระทำ� ช�ำเรา (หรอื รว่ มประเวณ)ี ” บทที่ 27 การเขียนรายงานผ้ปู ว่ ย 263 หรอื ผ้ตู ้องหา ในคดคี วามผดิ ทางเพศ
2. ไม่เขียนว่า “ถูกข่มขืน” เพราะมิใช่หน้าที่ของ แพทย์ในการตัดสิน 3. ความเห็นเก่ียวกับระยะเวลาการรักษาบาดแผล หรือการบาดเจ็บ 4. ความเห็นอื่น เช่น การต้ังครรภ์ หรือการมี โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์ การลงช่ือตอนทา้ ย 1. ถา้ เปน็ ลายเซน็ ตอ้ งระบชุ อื่ นามสกลุ ใหอ้ า่ นงา่ ย 2. อาจบอกหน้าที่ที่เก่ียวกับการรักษา หรือ ความเชยี่ วชาญเฉพาะสาขา 3. วันทีอ่ อกรายงาน 264 บทที่ 27 การเขยี นรายงานผปู้ ่วย หรอื ผูต้ อ้ งหา ในคดีความผิดทางเพศ
ภาพท่ี 27.1 ตวั อยา่ งใบน�ำ ส่งจากพนกั งานสอบสวน บทที่ 27 การเขยี นรายงานผปู้ ว่ ย 265 หรือผู้ต้องหา ในคดีความผดิ ทางเพศ
ภาพท่ี 27.2 ตัวอยา่ งรายงานชันสตู รบาดแผล ผู้ถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ 266 บทท่ี 27 การเขยี นรายงานผู้ป่วย หรือผตู้ ้องหา ในคดคี วามผิดทางเพศ
ตัวอย่าง เลขที่ 007/2557 ตำ�บลทีแ่ พทยต์ รวจ ร.พ.ด่านซ้าย จ.เลย ชอ่ื ผู้บาดเจ็บ นางสาว พรายภตู ยิง่ ศักดิ์ลง อายุ 27 ปี สถานีตำ�รวจทน่ี �ำ สง่ สถานตี ำ�รวจภูธรดา่ นซา้ ย จ.เลย รับไว้วันที่ 31 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.00 น. รายการทแ่ี พทย์ได้ตรวจ 1. หญงิ ไทยวยั สาว รปู รา่ งผอมสงู นำ้� หนกั 49 กก. สว่ นสงู 170 ซ.ม. เสอ้ื ผา้ มลี กั ษณะยบั ยน่ เปอ้ื นโคลนและฝนุ่ และพบคราบเลอื ดทเ่ี สอ้ื และกางเกงชน้ั ใน 2. การตรวจสภาพจติ พบว่า มีอาการหวาดกลวั ซึมเศร้า วิตกกังวล มคี วามคดิ ฆา่ ตวั ตายและมคี วามเสย่ี งปานกลาง จติ แพทยต์ รวจประเมนิ และวนิ จิ ฉยั ว่าเปน็ ภาวะเครยี ดกงั วลจากการกระทบทางจติ ใจ 3. ตรวจรา่ งกายพบบาดแผลดงั น้ี 3.1 บาดแผลฟกช้�ำกระจายทั่วใบหน้า เปลือกตาทั้งสองข้าง มลี กั ษณะบวมมาก และพบเลือดออกใต้เยือ่ บุตาท้ังสองขา้ ง 3.2 กระดูกสนั จมูกหัก พบเลือดก�ำเดาไหลออกจากจมูก 3.3 บาดแผลฟกช�ำ้ ขนาดกว้างประมาณ 3-5 ซ.ม. กระจายท่ี บริเวณปลายแขน ขอ้ มือ และหลงั มอื ท้ังสองข้าง 4. ตรวจบรเิ วณอวยั วะเพศพบรอยฉกี ขาดใหมท่ เี่ ยอื่ พรหมจารี ในต�ำแหนง่ 4 - 7 นาฬิกา หลายรอย โดยมเี ลือดไหลซึม พบล่มิ เลือดปนมกู ในชอ่ งคลอด 5. ตรวจทางห้องปฏิบัติการพบตัวอสุจิและส่วนของน้�ำอสุจิ จากปากชอ่ งคลอด ภายในชอ่ งคลอด และปากมดลูก ความเห็น 1. พบหลกั ฐานการร่วมประเวณี 2. การบาดเจ็บทางร่างกายใช้ระยะเวลารักษาประมาณหน่ึงเดือน ถา้ ไมม่ ีภาวะแทรกซอ้ น 3. การเจบ็ ป่วยทางจติ ตอ้ งไดร้ ับการประเมินทางจติ เวช ลงชอื่ ลำ�ยอง จริงจัง (พญ.ลำ�ยอง จรงิ จงั ) แพทย์ผู้ตรวจ บทที่ 27 การเขยี นรายงานผู้ป่วย 267 หรอื ผู้ตอ้ งหา ในคดีความผิดทางเพศ
การเขียนรายงานผู้ตอ้ งหาในคดีความผดิ ทางเพศ เขียนรายงานผู้ป่วยในคดีความผิดทางเพศ เป็นการรายงานข้อเท็จจริงท่ีได้จากตรวจร่างกายและผล การตรวจทางห้องปฏิบัติการ รวมท้ังการให้ความเห็นของ แพทย์ แก่พนักงานสอบสวน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการ ประกอบการพิจารณาคดี ประกอบด้วย 3 สว่ น เช่นเดยี วกับ การเขยี นรายงานการตรวจรา่ งกายผปู้ ว่ ยในคดคี วามผดิ ทางเพศ 1. การเขยี นรายงานการตรวจผตู้ อ้ งหาในคดคี วามผดิ ทางเพศทเี่ ปน็ ชาย ขอ้ เทจ็ จรงิ ในสว่ นที่ 2 แบง่ ได้ 3 สว่ น คอื 1.1 การตรวจร่างกายภายนอก เป็นการเขียน บรรยายบาดแผลที่พบตามหลักการเขยี นทว่ั ไป 1.2 การตรวจบริเวณอวยั วะเพศ เป็นการเขยี น บรรยายลกั ษณะบาดแผลทพี่ บจากการตรวจอวยั วะเพศชายและ อณั ฑะ เชน่ บาดแผลฉกี ขาดบรเิ วณหนงั หมุ้ ปลายอวยั วะเพศ บาดแผลชำ�้ ถลอก หรอื รอยฟนั กัด 1.3 การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร เปน็ การรายงาน และแปลผล สงิ่ สง่ ตรวจ เชน่ การตรวจหาเซลลเ์ ยอ่ื บชุ อ่ งคลอด ทป่ี ลายอวยั วะเพศชาย หรือการตรวจ DNA จากคราบเลอื ด หรือรอยกดั หรือการตรวจหาสารเสพตดิ เปน็ ตน้ 1.4 ความเหน็ – พบ / ไมพ่ บ หลักฐาน ว่ามี การร่วมประเวณี 268 บทที่ 27 การเขียนรายงานผูป้ ่วย หรือผู้ต้องหา ในคดีความผดิ ทางเพศ
2. การเขียนรายงานการตรวจผู้ต้องหาในคดี ความผิดทางเพศที่เปน็ หญิง • ใช้หลักการเขียนรายงานเช่นเดียวกับ ผเู้ สยี หายในคดีความผดิ ทางเพศ บทที่ 27 การเขียนรายงานผู้ปว่ ย 269 หรอื ผ้ตู อ้ งหา ในคดคี วามผดิ ทางเพศ
270
บทท่ี 28 การเขียนหนงั สอื รบั รอง ทางการแพทยท์ ่ีส�ำคัญ กันต์ ทองแถม ณ อยธุ ยา อนิรุต วรวาท
ความส�ำคญั 1. การเขยี นหนงั สือรับรองแพทย์ เปน็ ส่วนหนึ่งของ เกณฑ์ของมาตรฐานการประกอบวชิ าชพี เวชกรรม และเปน็ หน้าที่ที่แพทย์จะต้องออกให้แก่ผู้ป่วยในท�ำนองเดียวกันกับ การให้ประวตั กิ ารตรวจรักษา 2. หนงั สอื รบั รองของแพทยถ์ กู น�ำไปใชใ้ นวตั ถปุ ระสงค์ หลายประเภท เช่น หนังสือรับรองสุขภาพเพื่อสมัคร งานหรือสมัครเรียน หนังสือรับรองความพิการ หนังสือ รบั รองแพทยเ์ พอ่ื ใชเ้ บกิ จา่ ยในกองทนุ ทดแทนจากการประกอบ อาชีพ หนังสือรับรองแพทย์เพ่ือแสดงว่าได้มาตรวจจริง เพอื่ ใชป้ ระกอบการเบกิ คา่ รกั ษา หนงั สอื รบั รองแพทยเ์ พอื่ ใชล้ า หนงั สอื รบั รองสติสัมปชญั ญะ รายงานประกอบคดี หนงั สือ รับรองการเกิด-ตาย หนังสือรับรองความเป็นบุตร รวมถึง หนังสือรับรองเพื่อใชใ้ นการเบกิ ประกันภยั เป็นตน้ 3. หนงั สอื รบั รองแพทยเ์ กอื บทกุ แบบ แพทยส์ ามารถ ให้ข้อมูลและความเห็นได้ตามที่ได้ตรวจ ตามสภาพของโรค และตามทผ่ี ้ปู ่วยตอ้ งการ ในบทน้ีจะกล่าวถึงเฉพาะหนังสือรับรองแพทย์ท่ีใช้ ส�ำหรบั การลาและการเบกิ คา่ รกั ษา 272 บทที่ 28 การเขียนหนังสอื รับรองทางการแพทย์ท่ีส�ำคัญ
หนงั สือรับรองแพทยส์ �ำหรบั การลาป่ วย 1. การกรอกข้อมูลพื้นฐานน้ันประกอบด้วย วันที่ ออกหนงั สอื วนั ทต่ี รวจ สถานทตี่ รวจหรอื โรงพยาบาลทตี่ รวจ ชอ่ื แพทย์ เลขทใ่ี บอนญุ าตประกอบวชิ าชพี เวชกรรม ชอื่ คนไข้ การวนิ จิ ฉัย และอาการของผู้ป่วย ซึง่ มักเป็นข้อเทจ็ จรงิ 2. กรณีที่ผู้ป่วยมาขอใบรับรองแพทย์ย้อนหลัง แพทย์กรอกในวันออกใบรับรองแพทย์เป็นวันท่ีได้เขียนจริง ตามภาพที่ 28.1 เพียงแต่ 2.1 กรณีท่ีผู้ป่วยได้มาตรวจที่โรงพยาบาล เดียวกัน แต่กับแพทย์ท่านอื่น ให้ออกใบรับรองแพทย์ได้ นบั แตว่ นั ทีไ่ ด้มาตรวจ ตามทมี่ บี นั ทึกไว้ในเวชระเบยี น 2.2 กรณีที่ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ท่ีบ้านและเพิ่ง มาตรวจ ให้ออกใบรับรองแพทย์ได้ นับแต่วันท่ีได้มาตรวจ ตามทม่ี ีบนั ทกึ ไว้ในเวชระเบยี น เชน่ เดียวกนั บทที่ 28 การเขยี นหนงั สอื รับรองทางการแพทย์ท่สี �ำคญั 273
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442