ข้อมูลท่ีพนักงานสอบสวนมักต้องการจากแพทย์ ในการตรวจสถานท่ีเกิดเหตุ คือ ผู้ตายเป็นใคร, ผู้ตาย เสยี ชวี ติ มานานเทา่ ใด และสาเหตกุ ารตายเกดิ จากอะไร กรณี ที่สาเหตุการตายเกิดจากการบาดเจ็บ ส่ิงท่ีต้องพิจารณาคือ บาดแผลของผู้ตายเกิดจากอาวุธชนิดใด สัมพันธ์กับอาวุธ ทพ่ี บในทเ่ี กดิ เหตหุ รอื ทพี่ บภายหลงั หรอื ไม่ เพอ่ื น�ำไปประกอบ การสบื สวนสอบสวนต่อไป ขณะเดียวกัน แพทยค์ วรสอบถามรายละเอยี ดของ เหตุการณ์ที่น่าจะเกิดข้ึน หรือประวัติเหตุการณ์เท่าที่ทราบ เบ้ืองต้นว่าเกิดอะไรข้ึนก่อนผู้ตายจะเสียชีวิต เพื่อบันทึกไว้ เปน็ ขอ้ มูลส�ำหรับการน�ำมาวิเคราะหใ์ นภายหลงั สถานท่เี กดิ เหตรุ ูปแบบเฉพาะท่พี บไดใ้ นเวชปฏบิ ตั ทิ ่วั ไป 1. bloody scene สง่ิ ทแ่ี พทยต์ อ้ งตรวจในทเ่ี กดิ เหตุ ไดแ้ ก่ 1.1 source of bleeding คือ คราบเลือด ในท่ีเกิดเหตุมาจากท่ีใด เช่น มาจากบาดแผลตามร่างกาย, มาจาก body orifice เชน่ มาจากชอ่ งปากกรณไี อหรอื อาเจยี น เปน็ เลอื ด 1.2 ปรมิ าณของเลอื ดทอ่ี อกในที่เกิดเหตุ อาจ เทียบปริมาณเลือดกับปริมาณพ้ืนท่ีที่มีคราบเลือดอยู่ เช่น เป็นตารางเมตร 24 บทที่ 3 การตรวจสถานท่เี กดิ เหตุร่วมกับเจ้าพนักงาน
1.3 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง source of bleeding กบั ปรมิ าณเลอื ดทอี่ อก ใชบ้ อกถงึ สภาพของผปู้ ว่ ยขณะกอ่ นตาย และอาจบอกวา่ ผตู้ ายไมไ่ ดเ้ สยี ชวี ติ ในทเี่ กดิ เหตุ แตถ่ กู เคลอื่ นยา้ ยมา เช่น พบบาดแผลท่ีล�ำคอตัดโดน carotid artery ขาด แตท่ ีเ่ กิดเหตุไมม่ ีคราบเลอื ด หรือมีปรมิ าณนอ้ ย แสดงว่าศพ ขณะมแี ผลทลี่ �ำคออาจมภี าวะ hypotension จนเลอื ดออกนอ้ ย หรอื ศพถกู เคลื่อนย้ายมาจากทีอ่ ืน่ กไ็ ด้ 1.4 สาเหตขุ องบาดแผลทท่ี �ำให้เกิดเลอื ดออก เชน่ ตรวจหาอาวธุ ในที่เกดิ เหตุ โดยแพทย์ควรตรวจว่า อาวธุ ทพ่ี บคอื อะไร, ขนาดเทา่ ไร, ท�ำใหเ้ กดิ บาดแผลทพี่ บไดห้ รอื ไม,่ อาวธุ อยูท่ ่ใี ดในทีเ่ กิดเหตุ (หากกรณีฆ่าตัวตาย อาวุธควรอยู่ ใกล้กับศพ) 2. ทเ่ี กดิ เหตทุ สี่ ภาพศพเปลยี่ นไปจาก postmortem change 2.1 ศพเน่า (decomposed bodies) ส่ิงที่ แพทยค์ วรตรวจ คือ • identification ไดแ้ ก่ ศพมเี สอ้ื ผา้ หรอื ขา้ วของ ตดิ ตวั ท่รี ะบุบุคคลหรือไม,่ ศพมีรอยแผลเปน็ หรอื แผลผา่ ตัด หรือไม่ (ดูบทที่ 7) • postmortem change (ดบู ทท่ี 9) บทที่ 3 การตรวจสถานทเี่ กิดเหตุรว่ มกบั เจ้าพนักงาน 25
• การพบหนอนแมลงวนั ควรดวู า่ หนอนแมลง ในทเี่ กิดเหตุมีระยะใดบา้ ง เช่น ไข่, ตวั หนอน, ดกั แด้ หรือ ตวั เตม็ วยั หากเปน็ ตวั หนอน มขี นาดแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ หรอื ขนาดใกล้เคียงกัน 2.2 โครงกระดูก (skeletal remains) ส่งิ ที่แพทยค์ วรตง้ั ค�ำถาม คือ • โครงกระดูก มีทั้งหมดกี่โครง (มีทั้งหมด ก่ศี พนนั่ เอง) • โครงกระดกู ยงั มเี สอ้ื ผา้ หรอื ขา้ วของตดิ ตวั ท่พี อจะระบุบุคคลอยบู่ า้ งหรอื ไม่ • โครงกระดูกเป็นเพศใด • โครงกระดูกยังมีกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นติด อยู่หรือไม่ หรือกลายเป็นโครงกระดูกท้ังหมดแล้ว (บอก postmortem change) • โครงกระดูกมีร่องรอยของ bone trauma หรือไม่ • หากเป็นศพที่ถูกฝัง หรือถูกขุดขึ้นมา (exhumation) ควรดูว่าถูกฝังอยู่ลึกเท่าใด และถูกฝังอยู่ใน สง่ิ แวดลอ้ มแบบใด และตอ้ งแนะน�ำใหจ้ ดั การขดุ ศพขน้ึ มาตรวจ ตามแบบนกั โบราณคดี กลา่ วคอื ท�ำตารางพกิ ดั เหนอื ต�ำแหนง่ ท่ีจะขุดพร้อมท�ำแผนผัง ก่อนลงมือขุดดินออกเป็นชั้น ๆ โดยบนั ทกึ สง่ิ ทพี่ บทกุ อยา่ งในแตล่ ะชนั้ ความลกึ หากเปน็ ไปได้ ควรขอความร่วมมือจากนักโบราณคดีของกรมศิลปากร มาชว่ ยใหค้ �ำแนะน�ำด้วย 26 บทท่ี 3 การตรวจสถานที่เกดิ เหตุร่วมกบั เจา้ พนักงาน
ดังนั้น การตรวจโครงกระดูกจึงสมควรแยกแยะ เป็นส่วน ๆ เท่าท่ีได้ แล้วส่งไปตรวจต่อ เน่ืองจากมีความ ละเอยี ดซบั ซอ้ นรวมถงึ ตอ้ งอาศยั ความรเู้ ฉพาะทางมานษุ ยวทิ ยา 3. ทเี่ กดิ เหตทุ ศี่ พเปลยี่ นไปจากการบาดเจบ็ ไดแ้ ก่ charred bodies (ศพไหมเ้ กรียม), blast injuries (ศพถูก ระเบดิ ), fragment remains หรอื dismemberment (ศพที่ ถูกแยกกลายเป็นช้ินส่วน) มีประเดน็ ปญั หา คอื 3.1 ศพ หรอื ชิ้นส่วน มจี �ำนวนเทา่ ไร นบั ได้ หรือไม่ว่ามีกี่ศพ 3.2 ศพ หรือ ช้ินส่วน อยู่ในต�ำแหน่งใดของ ที่เกิดเหตุ แต่ละชิ้นอยู่รวมกันท่ีใกล้เคียงกัน หรือแยกกัน อยหู่ า่ งกนั 3.3 ศพ หรอื ชิ้นสว่ น ยังมสี ิง่ ที่พอจะระบบุ ุคคล ไดห้ รือไม่ 3.4 ตรวจพบสาเหตุการบาดเจ็บในท่ีเกิดเหตุ หรอื ไม่ เชน่ บา้ นไฟไหม้ (มศี พไหมเ้ กรยี มอยใู่ นบา้ น), โรงงาน หรือแก๊สระเบิด (ศพถูกระเบิดอยู่ภายใน), มีดท่ีใช้ห่ันศพ (กรณีศพถกู แยกชนิ้ ส่วน) บทท่ี 3 การตรวจสถานทเ่ี กิดเหตุร่วมกบั เจา้ พนักงาน 27
การตรวจสภาพแวดลอ้ มอ่นื ๆ ในสถานท่ีเกดิ เหตุ สภาพแวดลอ้ มในทเ่ี กดิ เหตทุ แ่ี พทยค์ วรสนใจมกั เกยี่ วกบั postmortem change และสาเหตกุ ารตาย ไดแ้ ก่ 1. ซักประวัติกับพนักงานสอบสวน หรือญาติของ ผู้ตาย ว่าพบมีชีวิตคร้ังสุดท้ายเมื่อใด หรือตรวจหา scene marker ท่ีพอจะบอกว่าผู้ตายมีชีวิตครั้งสุดท้ายเมื่อใด เช่น โทรศพั ท์คร้งั สดุ ทา้ ย 2. สภาพแวดลอ้ มทมี่ ผี ลตอ่ postmortem change ไดแ้ ก่ อณุ หภมู ใิ นหอ้ งทผ่ี ตู้ ายอย,ู่ การระบายอากาศ (สถานที่ เกดิ เหตเุ ปน็ ทเี่ ปดิ โลง่ หรอื เปดิ หนา้ ตา่ ง หรอื เปน็ ทปี่ ดิ และอบั ) 3. สภาพแวดลอ้ มทมี่ ผี ลตอ่ postmortem artifact ไดแ้ ก่ ศพลอยนำ�้ อาจพบบาดแผลหลงั ตายทเี่ กดิ จากใบพดั เรอื , ศพถกู พบในปา่ อาจมบี าดแผลหลงั ตายจากสตั ว์ หรอื อาจท�ำให้ กลายเป็นโครงกระดูกเร็วกว่าท่ีควรจะเป็นเนื่องจากถูกสัตว์ กนิ เนือ้ กนิ ไป 4. สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการตาย ได้แก่ อาวธุ , ขวดบรรจสุ ารเคม,ี จดหมายลาตาย, อุปกรณ์ ไฟฟา้ (กรณถี ูกไฟดดู ) 5. บันทึกภาพใหค้ รบถว้ น (ดบู ทท่ี 4) 28 บทท่ี 3 การตรวจสถานทเี่ กดิ เหตุร่วมกบั เจ้าพนกั งาน
ส่งิ ท่แี พทยค์ วรน�ำไปใช้กรณไี ปตรวจสถานท่เี กดิ เหตุ 1. บันทึกการตรวจศพและที่เกิดเหตุ แนะน�ำใหใ้ ช้ เปน็ OPD card ท�ำการบันทกึ ประวัติ, การตรวจศพ และ ลกั ษณะท่ีเกิดเหตุ 2. ตลบั เมตร หรอื อปุ กรณส์ �ำหรบั วดั ความยาว สามารถ ใชว้ ดั ความสงู ของศพ, ต�ำแหนง่ ของศพหา่ งจากจดุ อา้ งองิ เทา่ ใด, ความสูงของศพจากพื้น (กรณี hanging), ขนาดของอาวุธ ในทเี่ กดิ เหตเุ มอ่ื เทยี บกบั ขนาดของบาดแผลบนตวั ศพ เปน็ ตน้ 3. ถุงมอื การหยิบจบั วตั ถพุ ยานในท่ีเกดิ เหตคุ วรใช้ ถุงมือ เพอื่ เปน็ การปอ้ งกนั ลายพิมพ์นวิ้ มอื หรือ DNA ของ แพทย์ผู้ตรวจเข้าไปปนเปื้อนกับวัตถุพยาน และหากต้อง หยิบจับวัตถุพยานที่มีคราบเลือดหรือท่ีอาจมีลายพิมพ์น้ิวมือ มากกวา่ 1 อยา่ ง ควรเปลยี่ นถุงมือทกุ ครง้ั ก่อนหยิบจับวตั ถุ พยานครงั้ ตอ่ ไป 4. กล้องถา่ ยภาพ ส�ำหรบั ถา่ ยภาพสถานทเ่ี กิดเหตุ, สภาพศพ, วัตถุพยานบางชนดิ เช่น อาวธุ ปืน, กระสนุ ปนื เป็นต้น แนะน�ำให้ท�ำการเก็บภาพถ่ายไว้ท่ีส่วนกลาง เช่น หอ้ งฉุกเฉนิ พรอ้ มท้ังระบชุ ื่อของศพ, HN และวนั ทท่ี �ำการ ตรวจศพไว้ด้วย เพ่อื สะดวกในการค้นหาในภายหลงั และน�ำ ไปใชเ้ ป็นวตั ถพุ ยานในช้ันศาล (ดูบทที่ 4) 5. ไฟฉาย บทท่ี 3 การตรวจสถานท่ีเกิดเหตุรว่ มกับเจา้ พนักงาน 29
ส่งิ ท่แี พทยค์ วรท�ำการแนะน�ำไดใ้ นการตรวจสถานท่ี เกดิ เหตุ 1. การน�ำศพเขา้ มาตรวจเพมิ่ ในโรงพยาบาล หากศพ มีคราบเลอื ดทท่ี �ำใหต้ รวจบาดแผลได้ไม่ชดั เจน หรือตรวจหา สาเหตกุ ารตายไดไ้ มช่ ดั เจน แพทยค์ วรแนะน�ำใหน้ �ำศพเขา้ มา ทโ่ี รงพยาบาล เพราะท�ำใหเ้ หน็ บาดแผลชดั เจนขน้ึ หรอื น�ำศพ มา X-ray ทท่ี �ำใหไ้ ดส้ าเหตกุ ารตายทชี่ ดั เจนขน้ึ หรอื เพยี งแตน่ �ำเขา้ มาเกบ็ สง่ิ สง่ ตรวจบางอยา่ ง เชน่ เจาะเลอื ดหรอื นำ้� ลกู ตาส�ำหรบั ตรวจระดบั แอลกอฮอล์ (ดบู ทที่ 32-33) ซง่ึ อาจท�ำใหส้ ามารถ จ่ายศพให้ญาตไิ ด้ 2. การสง่ ศพเพอ่ื ผา่ พสิ จู นเ์ พมิ่ เตมิ กรณมี เี หตจุ �ำเปน็ ตอ้ งสง่ ศพเพอื่ ผา่ พสิ จู น์ (ดบู ทที่ 2) แพทยค์ วรแนะน�ำพนกั งาน สอบสวนวา่ ควรสง่ ผา่ พสิ จู นเ์ พมิ่ เตมิ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความชดั เจน กับพนกั งานสอบสวนและญาติ เพราะหากมีสิ่งใดติดขัด เช่น ไม่ตอ้ งการผา่ ศพ จะได้พูดคยุ อธบิ ายใหช้ ัดเจน 3. การสง่ วตั ถพุ ยานเพอื่ ตรวจตอ่ พนกั งานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่วิทยาการต�ำรวจ มีหน้าท่ีนี้อยู่แล้ว แพทย์ อาจเพียงแนะน�ำวา่ ควรส่งวตั ถุพยานใดท่จี �ำเป็นไปตรวจต่อ เพ่ือให้ได้ข้อมูลที่สัมพันธ์กับการวินิจฉัยการตาย และวัตถุ พยานแต่ละอย่างควรใส่ถุงกระดาษหรือถุงพลาสติกแยกกัน 30 บทที่ 3 การตรวจสถานท่เี กิดเหตรุ ว่ มกบั เจา้ พนักงาน
เพ่ือปอ้ งกนั การปนเปอื้ น แตไ่ มค่ วรไปยงุ่ กบั ตวั วัตถพุ ยานนนั้ โดยตรงไมว่ า่ กรณใี ดทง้ั สน้ิ เพราะเปน็ การท�ำลายระบบ chain of custody (ดูบทท่ี 29) 4. ศพทจ่ี ะตอ้ งสง่ ผา่ ศพ ควรเกบ็ รกั ษาสภาพศพใหด้ ี ส่งตรวจใหร้ วดเรว็ และหา้ มฉดี ยารกั ษาสภาพศพ ตัวอย่างการเขียนรายงานในส่วนของสถานที่เกิดเหตุ (ดูบทท่ี 5) ตัวอย่างท่ีจะกล่าวถึงเป็นกรณีท่ีแพทย์ท่ัวไปพบบ่อย จงึ ยกมาเพอื่ ใหแ้ พทยเ์ หน็ ภาพ และมคี วามเขา้ ใจในการตรวจ ทเ่ี กิดเหตุ 1. ศพเน่า (decomposed bodies) ตัวอย่าง สภาพศพนอนคว�่ำ พบหนอนแมลงวัน ทงั้ ระยะไข่ และตวั หนอน โดยตวั หนอนมีขนาดแตกตา่ งกนั ต้ังแต่ 0.3-0.6 ซม. (การบรรยายสภาพศพเนา่ ดบู ทท่ี 9) 2. โครงกระดกู (skeletal remains) ตวั อยา่ ง ศพเปน็ โครงกระดกู จ�ำนวน 1 โครง โดยยงั มี กลา้ มเนอ้ื และเสน้ เอน็ ทเี่ นา่ แลว้ ตดิ อยบู่ างสว่ นทแ่ี ขน, ขา และ หลัง พบเสื้อ, กางเกง และนาฬกิ าติดอย่ทู ี่โครงกระดูก (ระบุ ลกั ษณะ) สภาพศพอยู่ขา้ ง ๆ เตยี งนอน พบซองยาโรคหัวใจ อยู่ทห่ี วั เตยี ง บทท่ี 3 การตรวจสถานที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าพนกั งาน 31
3. ศพแขวนคอตาย (hanging) ตัวอย่าง ศพแขวนคอเสียชีวิตในท่าคุกเข่าบนพื้น หลังพิงหน้าต่าง เชือกที่ใช้ผูกเป็นเชือกไนลอน ขนาดกว้าง 0.5 ซม. คล้องอยู่รอบคอ ปมเชือกอยู่ด้านซ้ายของล�ำคอ และเชือกไปแขวนกับตะขอท่ีอยู่เหนือหน้าต่าง ความสูง จากปมเชือกถึงพื้นเทา่ กับ 120 ซม. และความสูงจากตะขอ ทเ่ี ชอื กแขวนถึงพืน้ เทา่ กับ 170 ซม. 4. ศพยงิ ตวั ตาย (suicidal gunshot wound) ตัวอย่าง ศพนอนหงายบนเตียง พบคราบเลือด จ�ำนวนมากที่หวั เตยี งและผนังหอ้ งท่ีติดกับเตยี ง พบอาวธุ ปืน รวี อลเวอร์ (revolver) อยทู่ ใี่ กลก้ บั มอื ขวาของศพ พบกระสนุ ปนื ตกอยบู่ นพนื้ ดา้ นซา้ ยของเตยี งใกลก้ บั ผนงั หอ้ งหา่ งจากตวั ศพ 1 เมตร เป็นกระสนุ ตะกัว่ ลว้ น 5. ศพถกู ท�ำรา้ ย (blunt and sharp force injuries) ตวั อยา่ ง ศพนอนควำ่� บนพน้ื ปนู มคี ราบเลอื ดจ�ำนวนมาก ที่ศีรษะ และล�ำตัวด้านขวา พบไม้มีลักษณะเป็นสันเหลี่ยม ยาว 75 ซม. มีคราบเลอื ดเปอื้ นอย่ใู กล้กบั ศีรษะ พบมีดพร้า ตัวมีดยาว 60 ซม. มคี ราบเลือดเปื้อนอยู่ใกล้กับปลายเทา้ ด้านขวาของศพ 32 บทท่ี 3 การตรวจสถานที่เกดิ เหตรุ ว่ มกับเจา้ พนกั งาน
6. ศพอบุ ัติเหตุจราจร (road traffic injuries) ตัวอย่าง ศพนอนตะแคงทับขวาอยู่ข้างฟุตบาท มีรถจักรยานยนต์ ทะเบยี น กก-1111 กรงุ เทพฯ อยู่ด้านหลัง ศพห่างออกไป 100 เมตร สภาพรถจักรยานยนต์เสียหาย ดา้ นท้ายรถ และมีรอยครดู อยู่ดา้ นขวา บทท่ี 3 การตรวจสถานท่ีเกิดเหตรุ ว่ มกับเจา้ พนกั งาน 33
34
บทท่ี 4 การถ่ายภาพทางนิติเวชศาสตร์ ทศนัย พพิ ัฒนโ์ ชติธรรม
“A picture is worth a thousand words” ภาพหนง่ึ ภาพแทนค�ำพดู นบั พนั ภาพสามารถใชส้ อ่ื สารไดเ้ ปน็ อย่างดี และยงั เปน็ พยานวัตถุทสี่ �ำคัญอกี ประการหน่งึ หลกั การในการถ่ายภาพทางนติ เิ วช 1. ถ่ายภาพให้เห็นมุมกว้าง รวมถึงความสัมพันธ์ ระหว่างศพกบั สภาพแวดลอ้ ม 2. ถ่ายภาพหลาย ๆ มุมมอง 3. ถา่ ยภาพรวมก่อนถ่ายเฉพาะจดุ 4. ถา่ ยภาพใหต้ ้ังฉากกบั พ้ืนผวิ และถ่ายใหโ้ ฟกัสชดั 5. ถา่ ยภาพใหม้ หี มายเลข (กรณมี หี ลายต�ำแหนง่ อยู่ ใกลก้ นั ) หรอื ตอ้ งวางแถบวดั ขนาด หรอื ไมบ้ รรทดั (ถา้ จ�ำเปน็ ) 6. กล้องถ่ายภาพท่ัวไป เช่น กล้อง compact ก็สามารถถา่ ยภาพใหอ้ อกมาไดด้ พี อสมควรอยูแ่ ลว้ หลกั การถา่ ยภาพสถานท่เี กดิ เหตุ การถา่ ยภาพสถานทเ่ี กดิ เหตุ เพอ่ื ใหเ้ หน็ สภาพสถานท่ี ทีพ่ บศพ ว่าศพอยใู่ นต�ำแหน่งใด ท่าทางใด มีวัตถุพยานใด ตกอยู่ในท่ีเกิดเหตุบ้าง เพื่อให้เชื่อมโยงไปสู่การสรุปสาเหตุ และพฤติการณก์ ารตาย โดยมหี ลกั การดังต่อไปนี้ 36 บทที่ 4 การถา่ ยภาพทางนิติเวชศาสตร์
1. ควรถา่ ยภาพจากมมุ กวา้ ง ใหเ้ หน็ สภาพทเี่ กดิ เหตุ โดยรอบกอ่ น หากเป็นบา้ นมีเลขที่ หรือปา้ ยชือ่ ควรถ่ายเก็บ ไวเ้ พอ่ื อ้างอิง 2. ห้ามเคล่ือนย้ายศพ หรือวัตถุพยานก่อนที่จะมี การถ่ายภาพเสมอ และควรจดบันทกึ ไวว้ ่ามกี ารเคลื่อนยา้ ย 3. ควรถา่ ยภาพกวา้ ง ๆ โดยรอบศพอยา่ งนอ้ ย 3 มมุ มอง เพ่ือให้เหน็ ความสมั พนั ธ์ระหว่างศพ กบั สภาพแวดล้อม 4. จดั องคป์ ระกอบของสถานทเ่ี กดิ เหตุ กบั วตั ถหุ ลกั (subject) คอื ตวั ศพ หรอื วตั ถพุ ยานทต่ี อ้ งการถา่ ย (เชน่ มดี , ปนื ) ใหเ้ หมาะสม แสดงรายละเอยี ดและความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง วตั ถหุ ลักกับสถานทเ่ี กดิ เหตุไดถ้ ูกต้อง 5. หากเปน็ ภาพทต่ี อ้ งการรายละเอยี ด ควรถา่ ยภาพ ระยะใกล้ ใหว้ ตั ถทุ ต่ี อ้ งการเตม็ ภาพ ไมเ่ หลอื ทวี่ า่ งโดยไมจ่ �ำเปน็ 6. ควรระวังอย่าให้ภาพมืด หรือสว่างเกินไป การถา่ ยภาพในทรี่ ม่ กค็ วรใชไ้ ฟแฟลช หากเกรงวา่ ภาพอาจจะ สว่างเกินไป อาจจะถ่ายจากระยะไกลไม่เกินระยะไฟแฟลช แลว้ ซูมเข้าไป 7. โฟกัสภาพให้ถูกต�ำแหน่งและคมชัด ให้มีระยะ ชัดลึกมากทสี่ ุดเท่าท่จี ะท�ำได้ บทที่ 4 การถ่ายภาพทางนิตเิ วชศาสตร์ 37
8. จัดให้วัตถุหลัก ขนานกับแนวตัวรับภาพ หรือ ต้ังฉากกับแนวเลนส์ เพ่ือให้วัตถุหลักไม่ถูกบิดเบี้ยวไปจาก มุมทีถ่ า่ ยภาพ 9. จากนน้ั คอ่ ยถา่ ยเขา้ มาใกล้ ๆ ตวั ศพ แสดงใหเ้ หน็ ความสมั พันธ์กับสง่ิ ทต่ี กอยรู่ อบตวั ศพ 10. ถ่ายภาพศพ (ข้ันตอนอยู่ในหัวข้อ หลักการ ถ่ายภาพศพ) 11. ขอ้ ควรระวังอน่ื ๆ • การถ่ายภาพท่เี กดิ เหตุ มกั จะต้องใช้แฟลช ร่วมด้วย จึงควรระวังส่ิงที่จะไปบังไฟแฟลช ท�ำให้เกิดเงา ในภาพได้ • ในสถานที่เกิดเหตุอาจมีกระจก หรือวัสดุ ที่สะท้อนแสงแฟลชได้ หลักการถา่ ยภาพศพและบาดแผล (ดบู ทที่ 2 และ 3) วัตถุประสงค์ส�ำคัญในการถ่ายภาพศพ ก็เพ่ือบันทึก รายละเอียดของการตรวจศพด้วยภาพ ภาพจึงควรถ่ายทอด ถึงวัตถุประสงค์ในการตรวจศพที่ส�ำคัญคือ ผู้ตายเป็นใคร ตายเมื่อไร มีการบาดเจ็บหรือพยาธิสภาพที่ส�ำคัญอะไรบ้าง รวมถึง negative finding ทส่ี �ำคญั 38 บทที่ 4 การถ่ายภาพทางนติ ิเวชศาสตร์
ดังน้นั จงึ ควรถ่ายภาพข้ันต่ำ� ดังตอ่ ไปน้ี 1. ภาพทุกภาพควรมีหมายเลขศพและสเกลในภาพ เพ่อื ใช้เปรยี บเทยี บขนาดและอ้างองิ 2. ถา่ ยภาพรวมของศพทงั้ ตวั เพอื่ ใหเ้ หน็ ขนาดของศพ และรูปร่างโดยรวม 3. ภาพหน้าตรง ถ่ายภาพให้เลยเส้นผมด้านบน เล็กนอ้ ยครอบคลมุ มาถึงบรเิ วณล�ำคอสว่ นต้น 4. เสื้อผ้า เครอ่ื งแตง่ กาย แบง่ เป็นทอ่ นบน (เสือ้ ) ท่อนล่าง (กางเกงหรือกระโปรง) ท้ังด้านหน้าและด้านหลัง ในกรณี ศพนริ นาม ควรเก็บรายละเอยี ดใหห้ มด ทั้งลวดลาย บนเสอื้ , ปา้ ยบอกขนาดและยห่ี อ้ หากมเี ครอ่ื งประดบั ควรถา่ ย อย่างนอ้ ย 2 ภาพ คือ 4.1 ถ่ายภาพเครื่องประดับว่าอยู่ส่วนใดของ รา่ งกาย เช่น สร้อยคอ, ก�ำไลท่ีข้อมอื ขวา 4.2 ถ่ายภาพขยายที่เครื่องประดับเพื่อให้เห็น รายละเอียดของเครือ่ งประดบั นนั้ และหากเครอื่ งประดับนัน้ มีหลายด้านตอ้ งถา่ ยใหค้ รบทกุ ด้าน 5. สงิ่ ของตดิ ตวั เชน่ กระเปา๋ สตางค์ ควรน�ำสงิ่ ของออก มาและกระจายใหเ้ หน็ สง่ิ ของภายในทกุ ชนิ้ ถา่ ยบตั รประจ�ำตวั ให้เตม็ ภาพ (ดหู ลกั การถ่ายภาพบัตรประจำ� ตัว) 6. ล�ำตัวด้านหน้า ครอบคลุมบริเวณล�ำคอส่วนล่าง หน้าอก ถงึ ทอ้ งน้อย บทที่ 4 การถา่ ยภาพทางนติ เิ วชศาสตร์ 39
7. ทอ้ งนอ้ ย บริเวณอวยั วะเพศ และตน้ ขาดา้ นหนา้ หากมกี ารบาดเจบ็ หรอื รอยโรคดา้ นขา้ งควรถา่ ยภาพ เพอ่ื เกบ็ รายละเอียดเพิ่มเติม 8. ปลายขาและเทา้ ดา้ นหนา้ หากมกี ารบาดเจบ็ หรอื รอยโรค ด้านขา้ งควรถ่ายภาพ เพอ่ื เก็บรายละเอยี ดเพ่ิมเตมิ 9. ตน้ แขนขา้ งขวา และปลายแขนขา้ งขวา โดยเฉพาะ ด้านน้ิวก้อย เพ่ือดูรอ่ งรอยของการตอ่ ส้ปู ้องกันตัว 10. ตน้ แขนขา้ งซา้ ย และปลายแขนขา้ งซา้ ย โดยเฉพาะ ดา้ นนิ้วกอ้ ย เพอื่ ดรู ่องรอยของการต่อสูป้ อ้ งกันตัว 11. หลังจากน้ันให้พลิกตัว ถ่ายภาพแผ่นหลัง ให้ ครอบคลุมต้ังแตล่ �ำคอด้านหลงั แผน่ หลังช่วงบนและชว่ งลา่ ง ใชน้ ิว้ กดบรเิ วณท่มี ี livor mortis เพอ่ื ดวู ่ากดแลว้ จางหรือไม่ 12. ก้นและต้นขาด้านหลัง หากมีการบาดเจ็บหรือ รอยโรคดา้ นขา้ งควรถา่ ยภาพ เพ่อื เกบ็ รายละเอยี ดเพม่ิ เติม 13. ปลายขาดา้ นหลงั หากมกี ารบาดเจบ็ หรอื รอยโรค ดา้ นข้าง ควรถ่ายภาพเพอื่ เก็บรายละเอยี ดเพม่ิ เติม 14. ควรระวงั บรเิ วณล�ำตวั ดา้ นขา้ งทงั้ ขา้ งซา้ ยและขวา เพราะเมอื่ พลกิ ตวั แลว้ อาจทบั อยดู่ า้ นลา่ ง ท�ำใหม้ องไมเ่ หน็ บาดแผล เมื่อถ่ายด้านหลังแล้วควรพลิกตัวอีกด้าน เพื่อตรวจบริเวณ ล�ำตวั ท่ีโดนทบั อยู่และถา่ ยภาพบนั ทึกไว้ 15. ในกรณที ่ีมบี าดแผล หรอื รอยโรค ควรถา่ ยภาพ อยา่ งนอ้ ย 2 ภาพ ดงั น้ี 40 บทท่ี 4 การถา่ ยภาพทางนติ ิเวชศาสตร์
15.1 เห็นต�ำแหน่งบาดแผลหรือรอยโรค เมื่อ เทยี บกบั อวยั วะ เช่น บาดแผลอยู่บริเวณข้อมอื ซ้าย ควรถ่าย ภาพใหเ้ หน็ บาดแผลและครอบคลมุ ถงึ มอื ซา้ ย และขอ้ ศอกซา้ ย 15.2 ขยายขนาดบาดแผลหรอื รอยโรคใหเ้ ตม็ ภาพ เพื่อแสดงรายละเอยี ด หลักการถา่ ยภาพจากฟิลม์ เอ็กซเรย์ การตรวจเอ็กซเรย์ หรือเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ช่วยให้สามารถเห็นการบาดเจ็บหรือรอยโรคภายในได้ เป็นอย่างดี ช่วยให้วินิจฉัยสาเหตุและพฤติการณ์การตาย ได้ ในหลายโรงพยาบาลยังไม่มีการจัดเก็บภาพเอ็กซเรย์ เป็นระบบดิจิตอล ท�ำให้ภาพเอ็กซเรย์สูญหาย หรือสืบค้น ไดย้ าก จงึ ควรจดั เกบ็ ไวเ้ องเพอื่ ทจ่ี ะไดส้ บื คน้ และอา้ งองิ ไดง้ า่ ย ขั้นตอนการถา่ ยภาพจากฟลิ ม์ เอก็ ซเรยม์ ดี ังตอ่ ไปน้ี 1. ติดฟลิ ์มเอ็กซเรย์บนบล็อกเอ็กซเรย์ 2. หากเปน็ ไปได้ควรใช้ขาตงั้ กล้อง (ถ้าม)ี เพอ่ื การ ถ่ายภาพคร่อมจะได้อยู่ในต�ำแหนง่ เดียวกัน 3. ปิดแฟลช เพราะจะสะท้อนกับฟิลม์ 4. ควรจัดองค์ประกอบภาพให้เต็มฟิล์ม ให้ระนาบ ฟิล์มขนานกบั ระนาบตัวรบั ภาพ หรอื ตงั้ ฉากกบั แนวเลนส์ บทที่ 4 การถา่ ยภาพทางนติ ิเวชศาสตร์ 41
หลักการถา่ ยภาพบัตรประจ�ำตวั บัตรประจ�ำตัวเป็นหลักฐานส�ำคัญอันหน่ึงในการช่วย ระบบุ คุ คล โดยสว่ นใหญบ่ ตั รประจ�ำตวั มกั เปน็ พลาสตกิ หรอื เคลอื บดว้ ยพลาสตกิ ทเี่ ปน็ ผวิ มนั จงึ ควรหลกี เลย่ี งการใชแ้ ฟลช หรือมุมท่ีมีแสงสะท้อนกับบัตร ข้ันตอนการถ่ายภาพจาก บตั รประจ�ำตวั มีดงั ตอ่ ไปนี้ 1. วางบัตรบนพื้นหรือโต๊ะทีร่ าบ 2. ปดิ แฟลช เพราะจะสะทอ้ นกบั บัตรประจ�ำตัว 3. ควรจัดองค์ประกอบภาพให้เต็มฟิล์ม ให้ระนาบ ฟิล์มขนานกบั ระนาบตัวรบั ภาพ หรือต้งั ฉากกับแนวเลนส์ หลักการในการจดั เกบ็ ภาพ เมอื่ ถา่ ยภาพแลว้ การจดั เกบ็ ภาพกม็ คี วามส�ำคญั อยา่ งยงิ่ ควรทจี่ ะมกี ารจดั เกบ็ ภาพเปน็ ฐานขอ้ มลู กลางของโรงพยาบาล ต้องค�ำนึงถึง ความปลอดภัย การเข้าถึง การค้นหาได้ง่าย และการส�ำรองข้อมลู เป็นส�ำคญั โดยมีหลกั การท่ัวไปดังน้ี 1. ควรจดั เกบ็ ไฟลภ์ าพในคอมพวิ เตอรท์ สี่ ามารถจ�ำกดั การเข้าถงึ จากบคุ คลภายนอกได้ 2. ควรจัดเก็บไฟลใ์ หเ้ ปน็ folder แยกในแต่ละเคส โดยเรียงล�ำดับตามหมายเลขการตรวจเพ่ือให้ค้นหาได้งา่ ย 42 บทที่ 4 การถ่ายภาพทางนิตเิ วชศาสตร์
3. ควรท�ำการส�ำรองขอ้ มลู อยา่ งสมำ่� เสมอ ไว้ 2 ชดุ เป็นอย่างนอ้ ย อาจพจิ ารณาพมิ พ์ภาพถ่ายเก็บประกอบไวใ้ น รายงาน ขอ้ ควรระวังในการถา่ ยภาพผู้ป่ วยคดี ควรค�ำนึงถงึ สิทธิผปู้ ่วย (ดบู ทท่ี 37) เชน่ 1. ไมเ่ ปดิ เผยเนอื้ ตวั รา่ งกายในทล่ี บั มาก จนเกนิ สมควร ในท่สี าธารณะ หากจ�ำเป็นกค็ วรเคล่ือนมากระท�ำในทเี่ ฉพาะ 2. ในกรณีที่เป็นผู้ป่วย อาจต้องขอความยินยอม หากตอ้ งเปดิ เผยตอ่ บคุ คลทสี่ ามโดยไมม่ อี �ำนาจทางกฎหมาย 3. ภาพถ่ายที่ติดเอกลักษณ์บุคคล เช่น ป้ายชื่อ หรือใบหนา้ ควรหลีกเลยี่ งให้มากท่สี ดุ เว้นแตเ่ ป็นการพสิ จู น์ เอกลกั ษณบ์ คุ คลน้ัน 4. ภาพถา่ ยทต่ี ดิ สญั ลกั ษณข์ องสถานทหี่ รอื บคุ คลอน่ื ควรหลกี เล่ยี งเสีย หรอื ลบทงิ้ หรือปิดบัง บทที่ 4 การถ่ายภาพทางนติ ิเวชศาสตร์ 43
ภาพท่ี 4.1 ตวั อยา่ งการถ่ายภาพสถานทเ่ี กดิ เหตุ 44 บทที่ 4 การถ่ายภาพทางนติ เิ วชศาสตร์
ภาพที่ 4.2 ตวั อยา่ งการถ่ายภาพศพ บทที่ 4 การถ่ายภาพทางนิตเิ วชศาสตร์ 45
ภาพท่ี 4.2 ตวั อย่างการถ่ายภาพศพ ภาพท่ี 4.3 ตวั อย่างการถ่ายภาพบาดแผล 46 บทที่ 4 การถา่ ยภาพทางนติ เิ วชศาสตร์
บทท่ี 5 รายงานการชันสูตรพลิกศพ นิตกิ ร โปริสวาณชิ ย์ ทศนยั พิพัฒนโ์ ชตธิ รรม
กฎหมายวา่ ดว้ ยการชนั สตู รพลกิ ศพ ก�ำหนดใหผ้ ไู้ ป ชันสูตรพลิกศพต้องรว่ มท�ำเอกสาร 2 ฉบับ คอื 1. บนั ทกึ รายละเอียดแห่งการชันสตู รพลกิ ศพ - เป็นเอกสารที่ท�ำขึ้นร่วมกันระหว่างผู้ชันสูตร พลกิ ศพทกุ คน ในทางปฏบิ ตั กิ จ็ ะมแี บบฟอรม์ ของพนกั งานสอบสวน ทใ่ี หก้ รอกรายละเอยี ดในแตล่ ะประเดน็ ตามกฎหมาย (ภาพที่ 5.1) 2. รายงานแนบท้ายบันทึกรายละเอียดแห่งการ ชันสูตรพลิกศพ -- เปน็ รายงานของแพทยซ์ งึ่ อาจจะใชแ้ บบฟอรม์ ต่อท้ายบันทึกรายละเอียดแห่งการชันสูตรพลิกศพที่เป็น ของพนักงานสอบสวน หรือจะเขียนหรือใช้แบบฟอร์มที่ทาง หน่วยงานจดั ท�ำขน้ึ มาเองก็ได้ (ภาพท่ี 5.2) โดยกฎหมาย ก�ำหนดให้ต้องจัดท�ำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาเจ็ดวัน เวน้ แตม่ เี หตจุ �ำเปน็ เชน่ มศี พเปน็ จ�ำนวนมาก อาจจะขอขยาย ระยะเวลาไปไดอ้ ีกสองครง้ั ครง้ั ละไม่เกินสามสิบวนั 48 บทที่ 5 รายงานการชันสตู รพลิกศพ
ภาพที่ 5.1 แสดงรายงานของต�ำรวจที่ใช้เปน็ บนั ทกึ รายละเอยี ด บทท่ี 5 รายงานการชันสตู รพลกิ ศพ 49
ภาพที่ 5.2 แสดงแบบรายงานของแพทย์ที่ต�ำรวจมใี ห้ (อยูใ่ นหน้าหลงั ของภาพท่ี 5.1) 50 บทที่ 5 รายงานการชนั สตู รพลิกศพ
การเขยี นรายงานของแพทย์ ในเนอ้ื หาของรายงาน นอกจากหวั ขอ้ ทร่ี ะบรุ ายละเอยี ด ของศพและสถานทพ่ี บศพหรอื เวลาทไี่ ดต้ รวจศพแลว้ มเี นอ้ื หา รายงานหลกั ๆ 2 สว่ น คอื 1. สง่ิ ท่ีตรวจพบ - ให้เขียน 3 หัวข้อท่ีจ�ำเป็น และอาจมีอีก 1 หวั ข้อเพ่ิมเติม คอื 1.1 ลักษณะของศพภายนอก – บรรยาย เอกลักษณ์บุคคล, ท่าทาง และอาจจะบรรยายสภาพ ทเ่ี กดิ เหตุ ทเ่ี กยี่ วเนือ่ งกับพยาธสิ ภาพเท่าท่ีจ�ำเปน็ ก็ได้ เช่น ปรมิ าณเลือดที่พบ สารพิษทีพ่ บนอกร่างกาย เป็นต้น 1.2 การเปล่ยี นแปลงภายหลังตาย 1.3 พยาธสิ ภาพทีพ่ บ 1.4 หวั ข้อเพิม่ เตมิ - เป็นข้อยกเว้นกรณีท่ีตายด้วยโรคซึ่งต้องน�ำ ประวัติของโรคมาวินิจฉัยสาเหตุการตาย โดยปกติแล้ว ไม่ควรบรรยายประวัติเหตุการณ์อื่น ๆ ลงไป เช่น มีพยาน เหน็ เหตุการณย์ ิงกนั อยา่ งไร เป็นตน้ 2. สาเหตุการตาย - ใหส้ นั นษิ ฐานสาเหตกุ ารตายอยา่ งครา่ ว ๆ เชน่ บาดแผลกระสนุ ปนื เขา้ ศรี ษะ ศรี ษะและล�ำตวั ไดร้ บั บาดเจบ็ จาก บทที่ 5 รายงานการชันสตู รพลิกศพ 51
อบุ ัตเิ หตุจราจร ฯลฯ แต่ไมต่ ้องสรปุ พฤติการณห์ รือต้นเหตุ ทเี่ กิดเรอื่ ง เช่น ยิงตัวตาย ตกท่สี งู เปน็ ตน้ (เปรียบเทียบ กับสาเหตุการตายภาษาไทยในบทที่ 6) ค�ำแนะน�ำในการเขียนรายงาน 1. เขยี นเปน็ ภาษาไทยโดยหลกี เลยี่ งศพั ทเ์ ฉพาะหรอื การทับศัพท์แพทย์ เพ่อื ให้ผู้อ่านซง่ึ ไมใ่ ช่แพทยเ์ ขา้ ใจงา่ ย 2. แยกหวั ข้อใหช้ ดั เจน 3. น�ำสิง่ ทต่ี รวจไดม้ าเขียนเป็นวลตี ่อเนอ่ื งกัน อย่าง กระชบั ชดั เจน ใหค้ รบทกุ รายละเอียดที่จ�ำเป็น 4. เขยี นเปน็ ระบบ ไมก่ ระโดดเนอ้ื หาไป ๆ มา ๆ เชน่ เมอ่ื กลา่ วถงึ รอยสกั และต�ำหนิ หรอื บาดแผล กไ็ ลจ่ ากบนลงลา่ ง หรอื ซา้ ยไปขวา ให้ต่อเนื่องกนั ไม่เอย่ ข้ามไปมา 5. กรณที ไี่ มพ่ บ trauma ใหก้ ลา่ วถงึ negative finding นด้ี ว้ ย เพราะเปน็ เรอื่ งส�ำคญั เชน่ เขยี นวา่ “ตรวจไมพ่ บบาดแผล ตามร่างกาย” 6. กรณีเจ็บป่วย อาจจะเขียนประวัติที่น�ำให้เกิด ความเข้าใจถงึ การวนิ ิจฉยั โรคอยา่ งย่อ ๆ ได้ เช่น “ประวตั กิ ารเจบ็ ปว่ ย : ปว่ ยดว้ ยโรคหลอดเลอื ดสมองแตก มา 5 ปี ลักษณะเป็นอัมพาต ไมส่ ามารถ พดู เคลอ่ื นทหี่ รือ ช่วยเหลือตนเองได้ ไดร้ บั อาหารทางสายยางและมีการส�ำลัก อาหารจนปอดติดเช้ือบ่อยคร้ัง ก่อนเสียชีวิตมีอาการซึมลง รบั อาหารไดล้ ดลง และญาติมาพบวา่ เสียชีวติ ” 52 บทท่ี 5 รายงานการชนั สูตรพลิกศพ
ตัวอย่าง ส่งิ ท่ีแพทย์ไดต้ รวจ 1. สภาพภายนอก : ศพชายไทยวยั หนุ่ม รูปร่างสันทัด สวมเส้ือยืดคอปกสีเทา กางเกง ขายาว สเี ขม้ คาดเขม็ ขดั หนงั และสวมรองเทา้ ผา้ ใบ พบรอยสกั อกั ขระยนั ตส์ เี ขยี วบรเิ วณตน้ แขนขา้ งขวา และกลางหลัง พบรูฉีกขาดบริเวณหน้าอกเสื้อ ดา้ นขวา และกลางดา้ นหลงั ของเสอื้ เสอ้ื เปอ้ื นคราบ เลอื ด โดยศพนอนหงายบนพนื้ และพบกองเลอื ดอยู่ โดยรอบศพ 2. การเปลยี่ นแปลงภายหลงั ตาย : ศพแขง็ ตวั บรเิ วณขากรรไกร คอ และขอ้ มอื ทง้ั สองขา้ ง ขอ้ ศอก แข็งตัวปานกลางส่วนข้ออื่น ๆ ยังไม่พบว่าแข็งตัว พบการตกของเลอื ดลงตำ่� ภายหลงั ตายลกั ษณะเปน็ หยอ่ มสแี ดงคลำ้� บรเิ วณหลงั เพง่ิ เรม่ิ เกิดขน้ึ 3. ตรวจรา่ งกาย พบบาดแผลฉกี ขาดบรเิ วณ หน้าอกด้านขวา โดยมีคราบสีเทาจาง ๆ และจุด เลือดออกเล็ก ๆ รอบบาดแผล และพบบาดแผล ฉีกขาดบริเวณกลางหลงั ไม่พบบาดแผลอนื่ ๆ สาเหตกุ ารตาย : บาดแผลกระสนุ ปืนเขา้ ร่างกาย บทท่ี 5 รายงานการชันสูตรพลิกศพ 53
ขอ้ สงั เกต: ผตู้ รวจไมแ่ นใ่ จทศิ ทางของกระสนุ ปนื จึงไม่ชี้ชัดว่าเป็นทางเข้าหรือออก เพียงแต่บรรยาย สงิ่ ที่พบครา่ ว ๆ เท่านน้ั ซึง่ เป็นสง่ิ ทีส่ มควรแลว้ และ การสนั นษิ ฐานสาเหตกุ ารตาย กเ็ พยี งกลา่ วพอใหเ้ ขา้ ใจ ไดก้ ็เพียงพอ 54 บทท่ี 5 รายงานการชันสตู รพลกิ ศพ
บทท่ี 6 หนังสือรับรองการตาย ณัฐสิทธ์ิ เจริญสนั ติ นติ กิ ร โปริสวาณิชย์
ความผูกพนั ทางกฎหมายของแพทยก์ บั การรบั รอง การตาย การแจ้งการตายเป็นหน้าท่ีตามกฎหมายว่าด้วย การทะเบียนราษฎร์ ซึ่งเจ้าบ้านหรือผู้พบศพต้องแจ้งต่อ นายทะเบียนแห่งท้องท่ีท่ีคนตายภายใน 24 ชั่วโมง นับแตเ่ วลาตาย หรือเวลาท่ีพบศพ การแจ้งตายมักตอ้ งการ หนงั สอื รบั รองการตาย ซง่ึ ผมู้ หี นา้ ทอ่ี อกหนงั สอื รบั รองการตาย คอื แพทย์ทเี่ ก่ียวข้องกบั การตายนนั้ ไดแ้ ก่ 1. แพทยผ์ ทู้ ร่ี กั ษาพยาบาลกอ่ นตาย หรอื คณะแพทย์ ผทู้ ที่ �ำหนา้ ทวี่ นิ จิ ฉยั เชน่ การตายทข่ี อผา่ ศพตรวจ หรอื ตรวจ บางส่วนเพ่ิมเติมจนได้ข้อสรุป ผู้รับผิดชอบการออกหนังสือ รบั รอง กอ็ าจจะตกลงกนั ใหแ้ พทยใ์ นคณะแพทยเ์ ปน็ ผรู้ บั รอง 2. แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ หรือแพทย์ผู้มีหน้าท่ี ผา่ ตรวจศพตามกฎหมาย (ทง้ั นข้ี ึ้นอยูก่ ับระเบียบปฏบิ ัตขิ อง นายทะเบยี นในแตล่ ะทอ้ งที่) เน่ืองจากแพทย์ต้องผูกพันตามกฎหมายว่าด้วย การประกอบวชิ าชพี เวชกรรมและกฎหมายวา่ ดว้ ยการทะเบยี น ราษฎร 56 บทท่ี 6 หนงั สือรบั รองการตาย
หนังสอื รบั รองการตาย ในประเทศไทยมีแบบท่ีกระทรวงมหาดไทยออกมา ใหใ้ ชต้ ามกฎหมาย (แบบ ท.ร. ชนดิ ตา่ ง ๆ) ส่วนที่ส�ำคัญส�ำหรับแพทย์ คือ ส่วนแสดงสาเหตุ การตาย แบ่งเปน็ 2 สว่ น คือ • สว่ นท่ี 1 เปน็ ไปตามแบบสากลขององคก์ าร อนามัยโลก • สว่ นท่ี 2 มเี ฉพาะของประเทศไทยทใ่ี หเ้ ขยี น ชอื่ โรคเปน็ ภาษาไทย ส�ำหรบั พมิ พล์ งในใบมรณบตั รและขอ้ มลู เก่ียวกับการตั้งครรภ์กรณีที่ผู้เสียชีวิตเป็นสตรี หรือข้อมูล การสิ้นสุดการตั้งครรภ์ (หลังแท้งหรือหลังคลอด) ในเวลา ไม่เกนิ 6 สัปดาห์ สว่ นแรกประกอบด้วย 2 หวั ข้อต่อไปน้ี 1.โรคที่เปน็ สาเหตุการตาย มี 4 บรรทัด คอื บรรทัด a, b, c และ d (a) ___________________________(due to) (b) ___________________________(due to) (c) ___________________________(due to) (d) _________________________ 2.โรคหรือภาวะอื่นท่เี ป็นเหตุหนุน _______________ บทท่ี 6 หนังสือรบั รองการตาย 57
ภาพท่ี 6.1 แสดงหนังสอื รับรองการตายแบบ ท.ร. 4/1 58 บทที่ 6 หนงั สอื รบั รองการตาย
หัวข้อแรกมีความส�ำคัญที่สุด แบ่งเป็น 2 คอลัมน์ โดยคอลมั น์แรก ใหบ้ นั ทกึ ช่ือโรคทค่ี ิดว่าเปน็ สาเหตกุ ารตาย สว่ นคอลมั น์ทสี่ องให้กรอกระยะเวลาทีเ่ ป็นโรคน้นั ๆ สาเหตุการตายที่ระบุในหัวข้อแรกนี้ เป็นไปตาม หลักการของบัญชีจ�ำแนกโรคระหว่างประเทศ (ICD-10) เพอื่ ใชเ้ กบ็ รวบรวมขอ้ มลู สถติ กิ ารตาย และน�ำไปใชป้ ระโยชน์ ในด้านการวางแผนปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาสาธารณสขุ หลักการกรอกสาเหตกุ ารตายตาม ICD-10 1. ให้ระบุสาเหตุการตายมีเหตุการณ์ท่ีด�ำเนิน ตอ่ เนอ่ื งเปน็ เหตเุ ปน็ ผลซง่ึ กนั และกนั (logical sequence) โดยเรียงล�ำดับย้อนจากปลายทางหรือปัจจุบันไปหาต้นเหตุ หรอื อดตี ท่สี ุด เรียงล�ำดับจากบรรทัดบนสดุ คอื (a) จนถึง สาเหตตุ น้ ตอทแ่ี ท้จรงิ ในบรรทัดล่างสดุ แลว้ แตว่ ่ามีล�ำดับมาก น้อยเพยี งใด 2. กรณที มี่ หี ลายสาเหตกุ ารตายทอ่ี าจจะไมเ่ กยี่ วขอ้ ง กนั โดยตรง แตไ่ มอ่ ยากตดั ทงิ้ หรอื อาจจะเกย่ี วขอ้ งกนั อยบู่ า้ ง ให้บันทึกโรคที่คิดว่ามีโอกาสเป็นสาเหตุการตายมากที่สุด ตามข้อท่ี 1 และบันทึกโรคอ่ืน ๆ ในหัวข้อถัดมาที่ระบุว่า “โรค หรือ ภาวะอ่นื ทเี่ ปน็ เหตหุ นุน” บทที่ 6 หนงั สอื รบั รองการตาย 59
3. ไมบ่ ันทึกรูปแบบการตายในบรรทัดสุดทา้ ยของ สาเหตกุ ารตาย หรอื ไมค่ วรระบใุ นบรรทดั ใด ๆ เลย แตใ่ หร้ ะบุ โรคที่เป็นสาเหตุการตายเท่าน้นั รปู แบบการตาย (mode of death) คอื กระบวนการ ทต่ี ายหรอื pathophysiology ของรา่ งกาย เชน่ heart failure, cardiac arrest, respiratory failure, cardiorespiratory failure, shock, brain dysfunction เปน็ ต้น เกดิ ได้จากหลายสาเหตุ ส่วนสาเหตกุ ารตาย (cause of death) ต้องเปน็ โรคถึงแมว้ า่ จะกำ�กวม คลุมเครือ หรือยังไม่สามารถวินิจฉัยเด็ดขาดได้ เช่น sudden cardiac death (I46.1) เป็นโรคหัวใจที่ยัง ระบไุ มไ่ ด้ เป็นตน้ 4. การตายตามธรรมชาติ ท่ีไม่มีความจ�ำเป็น ต้องค้นหาเหตุตายอีก หรือค้นหาแล้วแต่ไม่ได้เหตุตาย ให้สันนิษฐานตามความน่าจะเปน็ ท่ีคดิ ว่าใกล้เคยี งทส่ี ุด เช่น ป่วยด้วย hypertension มานาน จนทราบวา่ มี cardiomegaly แตต่ รวจ ไมพ่ บหลกั ฐานของ coronary disease กอ่ นเสยี ชวี ติ มอี าการเหนอื่ ยมากจงึ นอนพกั และหมดสตไิ ป อาจจะสนั นษิ ฐาน ว่าเป็น hypertensive heart disease with (congestive) heart failure (I11.0) 5. ไม่ลง etiology เช่น โรคติดเชื้อหรือปรสิต บางชนิด เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งบางอย่าง เช่น พยาธิ ใบไม้ตับเป็นสาเหตุของมะเร็งท่อน�้ำดี ให้ลงสาเหตุตาย เปน็ โรคมะเรง็ ยกเวน้ บางกรณที แี่ ยกรหสั ไวเ้ ฉพาะ เชน่ HIV 60 บทที่ 6 หนงั สือรับรองการตาย
ทที่ �ำให้เกดิ Kaposi sarcoma ใหส้ าเหตกุ ารตายเป็น HIV disease resulting in Kaposi sarcoma (B21.0) 6. ถ้าไม่สามารถสันนิษฐานได้ หรือกลัวว่าอาจจะ ท�ำให้เกิดความคลาดเคลื่อนที่กระทบต่อสถิติชีพ ให้เลือก จากกล่มุ ill-defined and unknown causes of mortality (R95-R99) ไดแ้ ก่ • R95 Sudden infant death syndrome คอื การใหลตายในทารก • R96 Other sudden death, cause unknown (1) R96.0 Instantaneous death หรือ Sudden unexplained death in adult คือ ภาวะใหลตาย ในผู้ใหญ่ (2) R96.1 Death occurring less than 24 hours from onset of symptoms, not otherwise explained เป็นการตายที่มีอาการแต่เกิดขึ้นในเวลา อนั สน้ั และไมช่ ดั เจนวา่ เกดิ ขน้ึ กบั ระบบใดเปน็ หลกั ไมไ่ ดข้ อ้ มลู ของอาการแสดง เพียงแตม่ ีประวัตอิ าการ • R98 Unattended death คอื การตายทคี่ วรพบ โรคแต่ไม่ได้ตรวจหรือไม่มีข้อมูลพอ เช่น ชายอายุ 60 ปี รูปร่างอ้วน แต่ไม่เคยตรวจสุขภาพ นอนหลับแล้วเสียชีวิต ถ้าไดผ้ า่ ศพตรวจกน็ ่าจะพบโรค แต่ไม่ได้ท�ำ • R99 Other ill-defined and unspecified causes of mortality เป็นกรณที ่ีจัดเข้าพวกไม่ได้ อาจจะ เป็นโรคท่ีเกดิ ใหม่ หรอื โรคระบาดรา้ ยแรงทีเ่ กดิ รวดเรว็ บทที่ 6 หนงั สอื รับรองการตาย 61
7. กรณที ส่ี าเหตกุ ารตายด�ำเนนิ ตอ่ กนั หลายขน้ั ตอน หรือมหี ลายสาเหตรุ ่วมกนั ในหลาย ๆ ภาวะโรค มีรหัสของ “sequelae of ….” ใหเ้ ลอื กใช้ เชน่ ผปู้ ว่ ย hemorrhagic stroke ที่ basal ganglia นอนปว่ ยมา 10 ปแี ล้ว กอ่ นเสียชีวิตพบทงั้ pressure ulcer, pneumonia และ urinary tract infection จนอาจจะมี sepsis แลว้ เสยี ชวี ติ ลง อาจจะระบเุ พยี ง sequelae of intracerebral haemorrhage (I69.1) > (due to) intracerebral haemorrhage in hemisphere, subcortical (I61.0) 8. กรณีทอ่ี ยากจะระบหุ ลาย ๆ สาเหตุ ทม่ี นี ้�ำหนกั เทา่ ๆ กนั สามารถเขียนลงในบรรทัดเดียวกันโดยใช้จลุ ภาค “,” ค่ัน 9. มีรหัสโรคที่สามารถเลือกกว้าง ๆ หรือแคบ ลงมาก็ได้ ไม่จ�ำเป็นต้องเลือกแคบ ๆ เสมอไปถ้าไม่แน่ใจ เชน่ ไมท่ ราบวา่ เปน็ intracerebral hemorrhage ต�ำแหนง่ ใด กม็ รี หสั “intracerebral haemorrhage, unspecified (I61.9)” ให้เลือกใช้ แต่หากยิ่งระบุได้แคบลงเท่าไร ก็ยิ่งมีประโยชน์ มากขนึ้ เท่านน้ั 10. กรณีไม่อยากเขยี นการวนิ จิ นิจฉัยทย่ี าว ๆ หรอื เป็นการวินจิ ฉยั ทท่ี �ำใหผ้ เู้ กีย่ วข้องไม่สบายใจ ท่อี า่ นพบ หรือ ไมอ่ ยากเปดิ เผยขอ้ มลู อยา่ งโจง่ แจง้ สามารถลงเฉพาะรหสั ได้ เชน่ AIDS อาจลงเปน็ B24 62 บทที่ 6 หนังสอื รบั รองการตาย
11. เพ่ือให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้ข้อมูลทางสถิติ ของประเทศชาตมิ ากทสี่ ดุ สาเหตแุ ตล่ ะล�ำดบั ขน้ั ควรจะระบุ ระยะเวลาในคอลมั นข์ วามอื ใหส้ อดคลอ้ งกนั เพราะจะมคี วามหมาย แตกต่างกนั มาก เช่น การเป็น intracerebral hemorrhage แลว้ เสยี ชวี ติ ใน 3 วนั กบั อยไู่ ดม้ า 10 ปี จงึ คอ่ ยเกดิ sequelae แลว้ เสยี ชวี ติ ใน 1 สัปดาห์ 12. กรณีการตายผดิ ธรรมชาติ ได้แก่ injury หรอื toxicology รหสั โรคจะถูกเขียนตามพยาธสิ ภาพไดต้ ามกลุม่ injury, poisoning and certain other consequences of external causes (S00-T98) 13. ถา้ การบาดเจบ็ สง่ ผลตอ่ เนอื่ งจนเกดิ ภาวะแทรกซอ้ น และเสยี ชวี ติ เชน่ เกดิ septicemia หรอื tetanus ใหล้ งสาเหตุ การตายในกลุ่ม sequelae of injuries, of poisoning and of other consequences of external causes (T90-T98) หรือ กรณที ไี่ ดร้ บั ผลจากกระบวนการรกั ษา เชน่ แพย้ า ใหเ้ ลอื กลงกลมุ่ complications of medical and surgical care (Y40-Y84) ไม่ควรลงเป็น septicemia หรือ tetanus หรือการแพ้ยา เพียงอย่างเดียว หรือไม่ระบุพยาธิสภาพหลักท่ีบาดเจ็บเป็น สาเหตใุ นบรรทดั ถดั มา เพราะจะเกดิ ผลรา้ ยแรงตอ่ สทิ ธติ า่ ง ๆ ทเี่ กย่ี วพนั ทางกฎหมาย และอาจจะท�ำใหแ้ พทยท์ รี่ ะบไุ ปเชน่ นน้ั ตอ้ งประสบความยุ่งยากได้ บทที่ 6 หนังสือรบั รองการตาย 63
14. อีกกรณี คือ โรคทอี่ าจกระตุ้นใหเ้ กดิ อบุ ตั ิเหตุ เชน่ epilepsy ท�ำใหเ้ กดิ อุบัติเหตจุ ราจรและเสยี ชีวิตจากการ บาดเจบ็ ใหล้ งเปน็ เรอื่ งการบาดเจบ็ เวน้ แตไ่ มพ่ บพยาธสิ ภาพ ของการบาดเจบ็ ทเ่ี ปน็ สาเหตกุ ารตาย อาจจะลงโรคที่เปน็ อยู่ ก็ได้ แต่ต้องท�ำด้วยความระมัดระวังยิ่ง โดยเฉพาะกรณี ทไ่ี มแ่ นใ่ จวา่ โรคนนั้ ไดก้ �ำเรบิ ขน้ึ มาจรงิ ๆ หรอื ไม่ ยกเวน้ มหี ลกั ฐาน เชน่ ขบั รถยนตช์ นก�ำแพงโดยมกี ารบาดเจบ็ เลก็ นอ้ ยแตห่ มดสติ แล้วตรวจพบต่อมาว่ามี myocardial infarction ชัดเจน จนเสียชีวิต อาจจะลงเป็น โรคดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ตอ้ งพงึ สงั วรไวว้ า่ การบาดเจบ็ แมเ้ พยี งเลก็ นอ้ ย กอ็ าจจะกระตนุ้ ให้โรคก�ำเริบได้ เท่าๆ กับท่ีโรคกระตุ้นให้เกิดอุบัติเหตุได้ เชน่ กนั ดงั นน้ั ถา้ จะลงโรคเปน็ หลกั กใ็ หล้ งอบุ ตั เิ หตทุ บี่ าดเจบ็ ในหัวข้อ “โรคหรือภาวะอื่นท่เี ปน็ เหตหุ นนุ ” ดว้ ย 15. ข้อส�ำคัญคือ กติกาของ ICD-10 ต้องการให้ ลงสาเหตุของพยาธิสภาพน้ันในกลุ่ม external causes of morbidity and mortality (V01-Y98) เปน็ บรรทดั ตน้ เหตุ (ลา่ งลงมา) เพราะจะท�ำใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ การใชข้ อ้ มลู ยงิ่ กวา่ 16. กลุม่ external causes of morbidity and mortality (V01-Y98) เทียบเท่ากบั “พฤตกิ ารณ์การตาย” ซ่ึงอาจมีผลทางกฎหมาย ถึงแม้ว่าจะมีหมายเหตุก�ำกับไว้ ในหนงั สอื รบั รองการตายกต็ าม ดงั นน้ั เราสามารถท�ำตาม ICD-10 โดยไม่กระทบต่อข้อเท็จจริงทางกฎหมายได้ ตามค�ำแนะน�ำ ในข้อดังต่อไปนี้ 64 บทท่ี 6 หนังสือรบั รองการตาย
17. ให้ลง external causes of morbidity and mortality ตามความเป็นจริงที่ปรากฏชัดและสอดคล้องกับ ส�ำนวนการชนั สตู รพลกิ ศพของพนกั งานสอบสวนหรอื อยั การ แลว้ แตก่ รณี ทีไ่ ด้สรปุ ยืนยันแลว้ 18. กรณีที่ไม่ชัดเจน ให้ลงกว้าง ๆ เช่น พบศพ คนเดนิ ถนนถกู รถไมท่ ราบชนดิ ชน โดยแนใ่ จวา่ ถกู รถชนแนน่ อน ไม่ได้ถูกท�ำร้ายหรือถูกกระท�ำอย่างอ่ืน ให้ลง pedestrian injured in nontraffic accident involving other and unspecified motor vehicles (V09.1) แตถ่ า้ ไมแ่ น่ใจเลยว่า ศพบนถนน จะตกจากสะพานลอยหรอื โดนรถชนหรอื ไม่ ใหเ้ ลอื ก unspecified event, undetermined intent (Y34) เป็นตน้ 19. กรณที อี่ าจจะเปน็ การฆา่ ตวั ตายหรอื อบุ ตั เิ หตุ เชน่ กระโดดน้ำ� ตายหรือตกน้�ำตายเอง ซึ่งเป็นทแ่ี นช่ ดั วา่ ไมใ่ ช่คดี ฆาตกรรมแล้ว เราอาจลงในหวั ข้อ event of undetermined intent (Y10-Y34) ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าการตายนนั้ มีผลประโยชน์ทางกฎหมายด้วย เช่น การท�ำประกันชีวิต หากฆ่าตัวตายจะไม่ได้รับประโยชน์ชดเชย จึงไม่ควรลง ในหวั ข้อท่ีเส่ียงตอ่ ความขัดแยง้ กับญาตโิ ดยไมจ่ �ำเปน็ 20. การเลอื กทจี่ ะไมล่ ง external causes of morbidity and mortality กอ็ าจจะท�ำได้ แตจ่ ะกระทบตอ่ ขอ้ มลู ของชาติ และการไมร่ ะบเุ ทา่ ทจี่ ะท�ำไดเ้ ลยนนั้ มคี วามหมายเทยี บเทา่ กบั การลง event of undetermined intent (Y10-Y34) บทที่ 6 หนังสือรบั รองการตาย 65
21. สามารถคน้ หารหสั โรคไดง้ า่ ย ๆ จาก http://apps. who.int/classifications/icd10/browse/2010/en หลักการเขียนช่ือโรคเป็นภาษาไทยในหนงั สือรบั รอง การตายส�ำหรบั พิมพ์ลงในใบมรณบตั ร 1. ไมเ่ ก่ียวขอ้ งโดยตรงกับรหัสโรคตาม ICD-10 2. มีความส�ำคัญในฐานะที่จะถูกบันทึกในเอกสาร ทางกฎหมายมหาชน และเป็นหลกั ฐานท่ีจะถกู ใช้อา้ งอิงก่อน แพทยย์ ่อมต้องรบั ผิดชอบในทุกกรณี 3. ลงสาเหตกุ ารตายตามทคี่ วรจะเปน็ ยกเวน้ โรคทอี่ าจ จะท�ำใหญ้ าตผิ ตู้ ายเสยี หายหรอื ล�ำบากใจ แพทยส์ ามารถเลย่ี ง ใช้ค�ำกลาง ๆ ได้ เช่น เป็นโรคติดเชื้อเร้ือรัง (กรณี HIV) ขาดอากาศ (กรณีแขวนคอทญ่ี าตไิ ม่อยากเปิดเผย) เป็นตน้ 4. กรณที ี่เสยี ชีวิตจากโรคธรรมชาติ และลงสาเหตุ เป็นกลุม่ ill-defined and unknown causes of mortality ไมค่ วรเขยี นภาษาไทยวา่ “ไมท่ ราบสาเหต”ุ เพราะอาจจะเกดิ ปญั หายงุ่ ยากตอ่ ญาตผิ ตู้ าย เชน่ งานทะเบยี นราษฎรป์ ฏิเสธ การออกใบมรณบตั ร ทางวัดไม่กลา้ ฌาปนกิจศพ เพราะกลัว ว่าเป็นการตายอย่างมีเง่ือนง�ำ หรือญาติบางคนอาจจะเกิด ขอ้ สงสยั ตา่ ง ๆ นานา ดังนั้นอาจลงเปน็ อาการหรอื รปู แบบ การตายได้ เชน่ “หวั ใจลม้ เหลว โดยมปิ รากฏเหต”ุ “ปว่ ยตาย ตามธรรมชาติ” “ป่วยไม่ทราบโรค” “เสียชีวิตจากโรค 66 บทท่ี 6 หนังสือรบั รองการตาย
ธรรมชาต”ิ “หัวใจหยดุ เตน้ เฉยี บพลนั โดยไม่ทราบสาเหต”ุ เพราะไม่เก่ยี วขอ้ งกันกบั ICD-10 5. ลงสาเหตหุ ลกั เพยี งอยา่ งเดยี วกไ็ ด้ เชน่ “มะเรง็ ตบั ” อาจจะไม่ต้องขยายความว่า “ของเสยี คง่ั จากตบั วายจากโรค มะเรง็ ตับ” 6. ถ้าเป็นสาเหตุหรือโรคที่เก่ียวเนื่องกัน ให้เขียน ให้กระชับเป็นวลีที่เข้าใจง่ายเพียงสั้น ๆ เช่น “สมองฟกช้�ำ จากอบุ ตั ิเหตุจราจร” บทท่ี 6 หนังสือรบั รองการตาย 67
68
บทท่ี 7 หลกั การพสิ ูจนเ์ อกลกั ษณ์บุคคล วจิ ารณ์ วชิรวงศากร ณฐั วฒุ ิ ชอุ่มกฤษ
หลักการและวตั ถุประสงค์ เอกลกั ษณบ์ ุคคล (personal Identity) คอื ลกั ษณะ ต�ำหนิซ่ึงสามารถแสดงถึงความเฉพาะตัวของบุคคลคนน้ัน ท�ำให้แยกบุคคลน้นั ออกจากบุคคลอน่ื ได้ การพสิ จู นเ์ อกลกั ษณบ์ คุ คล (personal Identification) คือกระบวนการตรวจและเก็บเอกลักษณ์บุคคลของบุคคล นิรนามหรอื ศพท่ีตอ้ งสงสัย แล้วน�ำมาเปรยี บเทยี บกับข้อมลู ของบคุ คลทีถ่ ูกกล่าวอา้ งว่าเปน็ คนเดียวกัน ส�ำหรับใช้ยืนยัน ว่าเปน็ คน ๆ นั้นหรือไม่ การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลมีความส�ำคัญมากในทาง นิติเวชศาสตร์และการสืบสวนสอบสวน เพราะการสืบสวน สอบสวนจะเกิดขึ้นได้ยากถ้าไม่มีข้อมูลที่จะบ่งช้ีถึงตัวบุคคล ที่เสียหายหรอื ศพ ท้ังนี้ ยังมีความจ�ำเป็นในกรณที ม่ี ีการตาย พร้อมกันเปน็ จ�ำนวนมากและกรณีภยั พบิ ัตดิ ้วย หลกั การในการตรวจพิสจู นเ์ อกลกั ษณบ์ ุคคล เป็นการเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ ข้อมูลที่มีประโยชน์ สามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ตามนำ้� หนกั ความนา่ เชอ่ื ถอื ไดแ้ ก่ 1. ข้อมูลที่แสดงว่าน่าจะเป็นบุคคลที่สงสัย (presumptive identification) สามารถใชใ้ นการพจิ ารณา เบ้ืองต้นได้ แต่ไม่สามารถใช้ในการตัดสินแน่ชัดได้ว่าเป็น 70 บทท่ี 7 หลักการพสิ จู น์เอกลักษณบ์ ุคคล
บุคคลดงั กล่าวจรงิ หรือไม่ เพราะมีความไม่จ�ำเพาะเจาะจงสงู ข้อมูลดังกล่าวเป็นส่ิงที่ตรวจเก็บได้จากการชันสูตรพลิกศพ แตภ่ ายนอก และมรี ะดบั เรียงจากนอ้ ยไปมาก ได้แก่ 1.1 ขอ้ มลู พ้นื ฐาน (biophysical profile) คือ เพศ อายุ เช้ือชาติ และความสงู 1.2 ทรัพยส์ ินทีต่ ิดตัวศพ (personal effect) เชน่ เสอ้ื ผา้ เครอื่ งประดับ ทรัพย์สนิ -ลกั ษณะทางกายภาพ ของร่างกาย (physical effect) เชน่ การดูใบหน้า รอยสกั รอยแผลเป็น ความพกิ าร 1.3 ลกั ษณะทางมานษุ ยวทิ ยา (anthropology) พจิ ารณาในกรณตี รวจศพทเี่ ปน็ กระดกู โดยอาศยั ผเู้ ชยี่ วชาญ 1.4 ลักษณะทางวิทยาศาสตร์ (scientific information) เชน่ congenital anomaly, deformity, iatrogenic scar หรอื ขอ้ มลู ทางรงั สวี ทิ ยา (radiology) โดยใชก้ ารตรวจโดย เอก็ ซเรยเ์ ปรยี บเทยี บกบั ขอ้ มลู ทมี่ ี เชน่ orthopedic instrument 2. ข้อมูลท่ีสามารถยืนยันว่าเป็นบุคคลที่สงสัย (positive identification) เป็นข้อมูลท่ีมีความแม่นย�ำสูง มาก สามารถใชใ้ นการตดั สนิ วา่ เปน็ บคุ คลดงั กลา่ วจรงิ หรอื ไม่ ไดแ้ ก่ การตรวจลายพมิ พน์ วิ้ มอื (fingerprints), การตรวจทาง ทนั ตกรรม (dental profiles) และการตรวจหลกั ฐานทาง พนั ธกุ รรม (genetic evidence) ขอ้ มลู เหลา่ นไี้ ดจ้ ากการตรวจ โดยผู้เชย่ี วชาญเทา่ นนั้ และใชเ้ ม่อื มคี วามจ�ำเป็น บทท่ี 7 หลักการพิสจู นเ์ อกลกั ษณ์บคุ คล 71
การด�ำเนินการทางเวชปฏิบัติ ในทางปฏบิ ตั นิ น้ั การพสิ จู นเ์ อกลกั ษณบ์ คุ คลจะตอ้ งดู สภาพของศพเปน็ หลกั 1. ศพทยี่ งั ไมเ่ นา่ (fresh body) ใชว้ ธิ ี presumptive identification เปน็ หลัก เช่น การใหญ้ าติดูใบหนา้ และแจง้ รปู พรรณทแ่ี พทยซ์ กั ถามตามหวั ขอ้ รว่ มกบั การเกบ็ ลายพมิ พ์ นวิ้ มือ 2. ศพทเ่ี นา่ แลว้ (decomposed body) ใชท้ งั้ สองวธิ ี รว่ มกนั โดยพจิ ารณาจากระยะของการเนา่ ทง้ั นี้ ไมแ่ นะน�ำใหใ้ ช้ วธิ จี �ำใบหนา้ รปู รา่ งในการตดั สนิ เพราะมคี วามไมแ่ นน่ อนมาก 3. ศพท่ีเป็นโครงกระดูก (skeletal remain) ต้องใช้วิธีการตรวจทางมานุษยวิทยาร่วมด้วย เพื่อระบุ ข้อมูลพ้นื ฐาน เชน่ เพศ อายุ รว่ มกบั การตรวจยนื ยันด้วย การตรวจทางทนั ตกรรมและการตรวจหลกั ฐานทางพนั ธกุ รรม ประเด็นปัญหา 1. ในกรณที ไี่ มม่ ขี อ้ มลู เปรยี บเทยี บกบั ขอ้ มลู จากศพ จะท�ำให้ไม่สามารถยืนยันบุคคลได้ ในกรณีดังกล่าว ให้ลง รายละเอียดชอ่ื ไดเ้ พียงบคุ คลไม่ทราบชอ่ื เท่านั้น 72 บทท่ี 7 หลกั การพสิ ูจนเ์ อกลักษณบ์ ุคคล
2. การใช้เพียงข้อมูลท่ีแสดงว่าน่าจะเป็นบุคคล ท่ีสงสัย (presumptive identification) นั้นไม่สามารถน�ำ มายนื ยันบุคคลได้ 100% ถ้าเปน็ กรณีท่ไี ม่มีประเด็นในการ พสิ จู น์ เชน่ ศพทเ่ี สยี ชวี ติ ในบา้ นและไดร้ บั การยนื ยนั โดยญาติ อาจไมม่ คี วามจ�ำเปน็ ตอ้ งใชก้ ารตรวจ positive identification แตใ่ นกรณีท่ีจ�ำเปน็ ต้องพสิ ูจน์ใหแ้ นช่ ัด เชน่ ศพเน่าท่ีพบและ สงสัยว่าถูกฆาตกรรม ควรต้องส่งศพตรวจชันสูตรพลิกศพ (ดบู ทท่ี 2) 3. ในผู้ป่วย ควรเก็บเอกลักษณ์บุคคลไว้เบื้องต้น เช่น ถ่ายภาพ หรือเก็บลายพิมพ์น้ิวมือไว้ โดยกระทรวง สาธารณสขุ ไดอ้ อกหนงั สอื “แนวทางปฏบิ ตั งิ านนติ เิ วชส�ำหรบั ชาวตา่ งชาตแิ ละพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู บคุ คลสญู หาย/พสิ จู น์ เอกลกั ษณบ์ คุ คลระหวา่ งประเทศ” โดยสามารถดไู ดท้ ี่ http:// www.phdp.moph.go.th แลว้ download > คู่มือ/แนวทาง > แนวทางปฏบิ ตั งิ านนิติเวชส�ำหรับชาวต่างชาติ บทท่ี 7 หลกั การพิสจู น์เอกลกั ษณ์บคุ คล 73
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442