2. กรณี DFC 2.1 กรณี DFSA ส�ำหรับผู้ป่วยถูกข่มขืน กระท�ำช�ำเราพบว่า 40-80% ของผ้ปู ่วยเหล่านี้ ตรวจพบว่า มีแอลกอฮอล์ในเลือด (เมือ่ ท�ำการตรวจภายใน 12 ชว่ั โมง หลังเกิดเหตุ) ดังนั้นการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด ของผู้ป่วย จึงมีประโยชน์ในการทางคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากตรวจภายใน 12-24 ช่วั โมง หลังเกิดเหตุ 2.2 กรณี DFC กรณีอนื่ เชน่ การมอมยาแลว้ ปลดทรัพย์ ซึ่งกรณีน้ี จะเข้าข่ายการใช้ก�ำลังประทุษร้าย ตามกฎหมาย ซง่ึ ก�ำหนดวา่ ใหห้ มายรวมถงึ การกระท�ำทที่ �ำให้ บคุ คลอยใู่ นภาวะทไี่ มส่ ามารถขดั ขนื ได้ ไมว่ า่ จะโดยการใชย้ า ท�ำใหม้ นึ เมา หรอื อยา่ งอนื่ ดงั นนั้ การวนิ จิ ฉยั ระดบั แอลกอฮอล์ ในเลอื ดรว่ มกบั ผลในทางคลนิ กิ ถงึ ความมนึ เมา จงึ มคี วามส�ำคญั ในการวนิ จิ ฉยั ในกรณีน้ี การออกรายงานชันสตู รและการใหค้ วามเห็น เนอื่ งจากยงั ไมไ่ ดม้ แี นวทางทเี่ ปน็ consensus ในการออก รายงาน และใหค้ วามเห็นในเร่อื งน้ี ดงั นั้นแนวทางทก่ี ลา่ วถงึ จงึ เปน็ ความเหน็ ของผนู้ พิ นธต์ ามประสบการณท์ ไี่ ดอ้ อกรายงาน และให้ความเห็นทัง้ ในช้ันพนักงานสอบสวนและในชน้ั ศาล 324 บทท่ี 32 แอลกอฮอล์
1. ระดบั แอลกอฮอล์ในเลอื ด แนะนำ�ให้แพทย์ออกรายงานในลักษณะ \"ตรวจพบ ระดับแอลกอฮอลใ์ นเลอื ดเท่ากับ …. มลิ ลกิ รัมเปอร์เซน็ ต์” (ไดท้ ำ�การตรวจผปู้ ว่ ยในวนั ท.ี่ .........เวลา...........)\" โดยไมแ่ นะน�ำ ใหแ้ พทยใ์ หค้ วามเหน็ เพมิ่ เตมิ อยา่ งอนื่ หากพนกั งานสอบสวน มีคำ�ถามเพิ่มเติม ให้ทำ�คำ�ถามมาถามเพ่ิมเติมอีกทีหนึ่ง หรือหากศาลต้องการให้แพทย์ให้ความเห็นเพ่ิมเติมเร่ืองผล ในทางคลนิ กิ ของระดบั แอลกอฮอลใ์ นเลอื ดดงั กลา่ ว กใ็ หเ้ รยี ก แพทย์ไปเปน็ พยานในช้ันศาลอกี ทหี นงึ่ คำ � ถ า ม ท่ี แ พ ท ย์ มั ก โ ด น ถ า ม เ ก่ี ย ว กั บ ร ะ ดั บ แอลกอฮอล์ในเลอื ด มกั จะเกี่ยวข้องกบั กรณี DFC เนือ่ งจาก ศาลมักต้องการให้แพทย์ให้ความเห็นว่า ระดับแอลกอฮอล์ ในเลือด ท�ำ ให้ผปู้ ว่ ยอย่ใู นภาวะทไ่ี ม่สามารถขดั ขนื ได้หรอื ไม่ ส่งิ ท่ีแพทยต์ ้องค�ำ นงึ ถงึ ในการแปลผลคือ 1.1 ระยะเวลาที่ตรวจเลือดห่างจากเวลา ท่ีเกิดเหตุมากน้อยเพียงใด เนื่องจากแอลกอฮอล์ในเลือด อาจจะลดลงด้วยอัตราประมาณ 15-20 mg/dl ต่อชั่วโมง (ซง่ึ ขน้ึ กบั หลายปจั จยั ) หากผปู้ ว่ ยมาตรวจหลงั เกดิ เหตมุ าแลว้ มากกว่า 12 ชวั่ โมง อาจท�ำใหพ้ บระดบั แอลกอฮอล์ในเลอื ด ในระดบั ทต่ี ำ�่ ได้ ซง่ึ แพทยอ์ าจตอ้ งใหค้ วามเหน็ วา่ ในชว่ งเวลา เกิดเหตุ ผู้ป่วยน่าจะมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดท่ีสูงกว่าน้ี ซงึ่ อาจท�ำให้มอี าการทางคลนิ ิกบางอยา่ งได้ บทท่ี 32 แอลกอฮอล์ 325
1.2 อาการทางคลนิ กิ ขน้ึ อยกู่ บั ระดบั tolerance ของผู้ป่วย ดงั ทีไ่ ดก้ ลา่ วขา้ งต้นว่า อาการทางคลนิ กิ ในตาราง ท่ี 32.1 น้ันอยบู่ นพนื้ ฐานของผปู้ ว่ ยทไ่ี ม่มี tolerance ดงั น้นั เวลาแพทยใ์ หค้ วามเหน็ วา่ ผปู้ ว่ ยอาจมอี าการดงั ตารางท่ี 32.1 น้ันจะต้องกล่าวด้วยว่า อาการเหล่าน้ีใช้กับผู้ป่วยที่ไม่ได้ด่ืม แอลกอฮอลเ์ ป็นประจ�ำดว้ ย 1.3 ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล ได้แก่ เพศ, อายุ, เชื้อชาติ และน้�ำหนกั ตวั ซง่ึ มผี ลตอ่ ระดบั แอลกอฮอล์ ในเลือด และผลในทางคลินิก ดังน้ันระดับแอลกอฮอล์ใน เลอื ดทต่ี วั เลขเดยี วกนั ในผปู้ ว่ ยทม่ี ลี กั ษณะรา่ งกายแตกตา่ งกนั ย่อมแตกต่างกนั ไปดว้ ย ดงั นนั้ แนวทางในการใหค้ วามเหน็ ควรใหก้ ารดว้ ยวาจา ในลกั ษณะทว่ี า่ \"ตรวจพบระดบั แอลกอฮอลใ์ นเลอื ดเทา่ กบั …. มลิ ลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (mg/dl) ซึ่งระดบั แอลกอฮอล์ดงั กลา่ ว อาจทำ�ให้ผู้ป่วยมีอาการตาม ตารางที่ 32.1 แต่เน่ืองจาก ผู้ป่วยมาตรวจหลังเกิดเหตุ ….ชั่วโมง ซึ่งในเวลาเกิดเหตุ จริงอาจมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่สูงกว่านี้ และมีอาการ มากกว่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม อาการทางคลินิกยังขึ้นอยู่กับ ระดับความบอ่ ยครง้ั ของการดมื่ แอลกอฮอลข์ องผปู้ ว่ ย และ ลกั ษณะร่างกายของผู้ปว่ ยดว้ ย\" เชน่ น้เี ป็นต้น 326 บทท่ี 32 แอลกอฮอล์
2. ระดับแอลกอฮอล์ในปัสสาวะ แนะน�ำให้แพทย์ออกรายงานในลักษณะเพียงว่า \"ตรวจพบแอลกอฮอล์ในปัสสาวะ ….มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ (ไดท้ ำ� การตรวจผปู้ ว่ ยในวนั ท.ี่ ...........เวลา..........)\" แตห่ ากจะ น�ำผลการตรวจแอลกอฮอลใ์ นปสั สาวะนไ้ี ปใชใ้ นทางกฎหมาย กฎหมายได้ก�ำหนดใหป้ รับคา่ ให้เทียบเทา่ กบั ในเลอื ด โดยน�ำ ไปหารด้วย 1.3 เช่น หากตรวจในปัสสาวะได้ปริมาณ 65 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะเทียบเท่ากับระดับแอลกอฮอล์ ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการ ตรวจแอลกอฮอลใ์ นปสั สาวะนไี้ มเ่ ปน็ ทน่ี ยิ ม เนอ่ื งจากการเทยี บ กลบั ไปเปน็ ระดบั แอลกอฮอลใ์ นเลอื ดนน้ั มคี วามแปรปรวนสงู บทที่ 32 แอลกอฮอล์ 327
328
บทท่ี 33 ส่งิ ส่งตรวจทางพษิ วทิ ยา พีรยุทธ เฟ่อื งฟ้งุ ธรี พร เหลอื งรังษยิ ากุล
เม่ือใดจึงควรส่งตรวจทางพษิ วิทยา 1. ผปู้ ว่ ยมปี ระวตั หิ รอื อาการ ทส่ี งสยั วา่ จะไดร้ บั สารพษิ 2. ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติท่ีหาค�ำอธิบายทางคลินิก ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ อาการทางหวั ใจ, ระบบประสาท และจติ เวช 3. ผู้ป่วยถูกส่งตัวมาเพื่อให้ตรวจหา alcohol และ สารพิษ เช่น คดีอุบัติเหตุจราจร, ผู้ป่วยถูกข่มขืนหรือ ถกู มอมยาปลดทรพั ย์ ส่งิ สง่ ตรวจท่ีเป็น biological specimen สิ่งส่งตรวจท่ีแพทย์ทั่วไปควรทราบแนวทางในการ สง่ ตรวจ รวมถงึ ขอ้ ดแี ละขอ้ จ�ำกดั ของแตล่ ะสงิ่ สง่ ตรวจ ไดแ้ ก่ 1. blood 1.1 ขอ้ ดใี นการตรวจเลอื ด คอื สามารถตรวจพบ parent drug ได้ และระดับยาในเลือดมักจะมีความสัมพนั ธ์ กบั อาการทางคลนิ กิ หรอื สาเหตกุ ารตาย ดงั นน้ั การตรวจเลอื ด จงึ ใชว้ นิ จิ ฉยั สาเหตกุ ารตาย หรอื สาเหตขุ องอาการทางคลนิ กิ ได้ 1.2 ข้อจ�ำกัดในการตรวจเลอื ด คือ ระยะเวลา ในการตรวจพบสารพษิ ในเลอื ดอยทู่ ป่ี ระมาณ 3-5 เทา่ ของ T1/2 ของยานัน้ ๆ 330 บทท่ี 33 สิ่งสง่ ตรวจทางพิษวทิ ยา
2. urine 2.1 ข้อดีในการตรวจปัสสาวะ คือ ระดับยา ในปสั สาวะ มคี วามเขม้ ขน้ สงู และมโี อกาสตรวจพบไดง้ า่ ยกวา่ และระยะเวลาในการตรวจพบยาในปัสสาวะมักจะนานกว่า ในเลือด 2.2 ข้อจ�ำกัดในการตรวจปัสสาวะ คอื ระดบั ยาในปัสสาวะไม่สะท้อนถึงอาการทางคลินิก หรือสาเหตุ การตาย แต่การตรวจระดับยาในปัสสาวะมีความส�ำคัญใน เรอ่ื งสารเสพตดิ เพราะระดบั ยาในปสั สาวะมผี ลตอ่ การวนิ จิ ฉยั ว่าเปน็ ผู้เสพยาเสพติดหรอื ไม่ 3. gastric content 3.1 ข้อดีในการตรวจ gastric content คือ ระดับยาใน gastric content มีความเขม้ ข้นสูงและมีโอกาส ตรวจพบไดง้ า่ ย 3.2 ขอ้ จ�ำกดั ในการตรวจ gastric content คอื บอกเพยี งวา่ ผปู้ ว่ ยได้รบั ยาทางการกนิ , ระดบั ยาใน gastric content ไม่สะท้อนถึงอาการทางคลินิก และต้องแปลผล คกู่ บั การตรวจเลือดเสมอ บทที่ 33 สงิ่ ส่งตรวจทางพิษวทิ ยา 331
4. vitreous humor (น้�ำลูกตา) เฉพาะกรณี การตรวจศพ 4.1 ขอ้ ดใี นการตรวจนำ�้ ลกู ตา คอื สามารถตรวจพบ parent drug ได้ และระดับยาในน�้ำลูกตามีความสัมพันธก์ ับ ระดบั ยาในเลอื ดจงึ ใชแ้ ปลผลเรอื่ งสาเหตกุ ารตายได้ โดยปจั จบุ นั นำ�้ ลกู ตาใชเ้ พอ่ื การตรวจหา alcohol เปน็ ส�ำคญั เพราะสามารถ แปลผลเทยี บกบั ระดบั alcohol ในเลอื ดได้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ กรณที ่ศี พไม่สามารถเจาะเลอื ดได้ เชน่ เสียเลือดมาก หรือ บาดเจบ็ ทแี่ ขนขา 4.2 ข้อจ�ำกัดในการตรวจน้�ำลูกตา คือมี ปรมิ าณนอ้ ย และการแปลผลเรือ่ งระดับยาในน�้ำลูกตา ยงั มี ขอ้ จ�ำกัดในสารหลายชนิด ความยินยอมในผูป้ ่ วย จากบันทึกของส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 10 ไดพ้ จิ ารณาวา่ การตรวจแอลกอฮอลใ์ นเลอื ด จ�ำเปน็ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย เนื่องจากเป็นการกระท�ำ ตอ่ รา่ งกายของผปู้ ว่ ยทกี่ ระทบตอ่ สทิ ธแิ ละเสรภี าพในชวี ติ และ รา่ งกาย ดงั นนั้ ในหลกั ปฏบิ ตั ทิ ว่ั ไป แพทยค์ วรด�ำเนนิ การดงั น้ี 1. ขอความยินยอมจากผูป้ ่วย เมื่อจะขอเจาะเลือด ตรวจเสมอ ถึงแม้ว่าจะมีใบส่งตัวจากพนักงานสอบสวนมา ก็ตอ้ งขอความยินยอมด้วย ไมอ่ าจเจาะโดยผปู้ ว่ ยไม่ยินยอม ได้ เวน้ แตผ่ ปู้ ว่ ยอยใู่ นสภาพทไี่ มส่ ามารถยนิ ยอมและไมข่ ดั ขนื 332 บทท่ี 33 ส่งิ สง่ ตรวจทางพิษวทิ ยา
จนนา่ จะเกดิ อนั ตราย แพทยอ์ าจจะพจิ ารณาเจาะเลอื ด ตามหนงั สอื ทพี่ นกั งานสอบสวนรอ้ งขอมา หรอื กรณผี ปู้ ว่ ยไมร่ สู้ กึ ตวั และ เจาะเพอื่ ประโยชนใ์ นการช่วยชวี ิตของผู้ปว่ ยกรณีฉกุ เฉนิ 2. ความยนิ ยอมดงั กลา่ ว ควรเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษร โดยให้ผู้ปว่ ยลงลายมอื ชอ่ื ไวใ้ น consent form แตถ่ า้ ผูป้ ว่ ย ไม่ยินยอม ก็ใหผ้ ู้ป่วยลงลายมือช่ือปฏิเสธการตรวจ หรืออาจ จะบันทึกไว้ในเวชระเบยี น แนวทางการเก็บส่งิ ส่งตรวจ 1. การเจาะเลือด 1.1 ผปู้ ว่ ยคดี ใหท้ �ำเชน่ เดยี วกบั การเจาะเลอื ดทวั่ ไป แตก่ รณกี ารเจาะเลอื ดเพอื่ ตรวจหา alcohol หา้ มใช้ alcohol หรอื antiseptic ทม่ี แี อลกอฮอลผ์ สมอยเู่ ชด็ ท�ำความสะอาดผวิ หนงั ควรเลือกใช้ antiseptic อื่นท่ีไม่มี alcohol เป็นส่วนผสม เชด็ ท�ำความสะอาดแทน 1.2 การตรวจศพ การเจาะเลือดจากศพ จะท�ำ ในกรณที มี่ ขี อ้ จ�ำกดั ในการสง่ ศพผา่ พสิ จู น์ แตม่ คี วามจ�ำเปน็ ตอ้ ง ตรวจพสิ จู นท์ างพิษวิทยา เช่น ตรวจหา alcohol ในอบุ ัตเิ หตุ จราจร, ตรวจหาสาเหตุการตายในกรณีท่ีสงสัยว่าเสียชีวิต จากสารพษิ บทที่ 33 สิง่ สง่ ตรวจทางพษิ วิทยา 333
การเจาะเลอื ดจากหลอดเลือดดำ�จากศพ ท�ำ ไดจ้ าก หลายต�ำ แหนง่ ไดแ้ ก่ subclavian vein, internal jugular vein (ทัง้ 2 ทน่ี ้ีท�ำ เช่นเดียวกับการทำ� central venous catheter ในทางคลนิ กิ ) แต่ที่ดีที่สดุ คือ การเจาะจาก femoral vein เนอ่ื งจากการเจาะดว้ ย blind technique จ�ำ เปน็ ตอ้ งคล�ำ ชพี จร ท่ี femoral artery ประกอบ ซึ่งไม่อาจท�ำ ได้ในศพ ดังน้นั จงึ ควรทำ�ดว้ ย open technique ตามภาพท่ี 33.1 ภาพที่ 33.1 แสดงการเจาะ femoral vein ดว้ ย open technique 334 บทท่ี 33 ส่งิ สง่ ตรวจทางพษิ วิทยา
2. การเกบ็ ปสั สาวะ 2.1 ผปู้ ว่ ยคดี ใหเ้ กบ็ ใสภ่ าชนะพลาสตกิ เชน่ เดยี วกบั ผปู้ ว่ ยทว่ั ไป โดยตอ้ งอยใู่ นความดแู ลของเจา้ หนา้ ทเ่ี พอ่ื ปอ้ งกนั การสบั เปลยี่ น หรอื ปนเป้อื นของสง่ิ สง่ ตรวจ 2.2 การตรวจศพ การเจาะปัสสาวะจากศพ สามารถท�ำได้โดย suprapubic aspiration ตามภาพที่ 33.2 ภาพท่ี 33.2 การท�ำ suprapubic aspiration เพอ่ื เกบ็ ปสั สาวะ บทที่ 33 สงิ่ ส่งตรวจทางพษิ วทิ ยา 335
3. การเกบ็ gastric content ท�ำไดใ้ นกรณผี ปู้ ว่ ยคดี และศพทเ่ี พิง่ เสียชวี ติ มาไมเ่ กิน 2-3 ชั่วโมง (ยังไมม่ ี rigor mortis) โดยใหเ้ กบ็ ตวั อยา่ งครง้ั แรกทด่ี ดู ไดจ้ ากกระเพาะอาหาร หากไม่สามารถดดู ได้ให้ลา้ งกระเพาะอาหารดว้ ยน�้ำประมาณ 50-100 ml และเก็บตวั อย่างสง่ ตรวจประมาณ 30 ml 4. การเก็บ vitreous humor การเก็บน�้ำลูกตา ให้เก็บจากตาทั้งสองข้างรวมกัน การเจาะน้�ำลูกตาท�ำได้ ตามภาพท่ี 33.3 ภาพที่ 33.3 การเจาะและเกบ็ vitreous humor (น�ำ้ ลูกตา) 336 บทท่ี 33 สง่ิ สง่ ตรวจทางพษิ วิทยา
ลักษณะส่ิงสง่ ตรวจ สงิ่ สง่ ตรวจทั้ง 4 ชนิดควรมปี รมิ าณ และลกั ษณะ ทเี่ พยี งพอและเกบ็ ในหลอดเกบ็ เลอื ดหรอื ภาชนะเกบ็ ทเี่ หมาะสม ดงั แสดงใน ตารางที่ 33.1 ตารางที่ 33.1 ปรมิ าณและลกั ษณะสิ่งสง่ ตรวจทางพษิ วทิ ยา ส่งิ ส่งตรวจ ปรมิ าณและลกั ษณะ blood - 10 ml for clotted tube (tube ฝาสแี ดง) ส�ำ หรับตรวจ drug of abuse, pesticide urine และ medication ชนิดต่าง ๆ gastric content - 2.5 ml for NaF tube (tube ฝาสีเทา) vitreous humor สำ�หรบั ตรวจ alcohol, toxic gas (CO, cyanide) และ heavy metal 20-30 ml หรอื ทงั้ หมด ใสภ่ าชนะพลาสตกิ 20-30 ml หรอื ทง้ั หมด ใสภ่ าชนะพลาสตกิ 2.5 ml for NaF tube (tube ฝาสีเทา) สำ�หรับตรวจ alcohol การเกบ็ รกั ษาส่ิงส่งตรวจ สิ่งส่งตรวจทางพิษวิทยา แนะน�ำว่าควรเก็บไว้ ในตู้เย็นอุณหภูมิ 4°C ท้ังก่อนและขณะน�ำส่ง เนื่องจาก สารพษิ หลายชนดิ มเี สถยี รภาพในอณุ หภมู ติ ำ�่ แตไ่ มม่ เี สถยี รภาพ ในอุณหภูมิห้อง เพราะสลายตัวได้จากผลของอุณหภูมิ, เอนไซม์ และแบคทเี รยี จงึ ควรน�ำสง่ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารใหเ้ รว็ ทสี่ ดุ บทที่ 33 ส่งิ สง่ ตรวจทางพษิ วทิ ยา 337
เท่าท่จี ะเปน็ ไปได้ แตส่ �ำหรับเลือด ไม่ควรแชจ่ นเป็นน�้ำแข็ง เพราะจะท�ำให้เม็ดเลือดแดงแตกและกระทบต่อการวัดและ แปลผลได้ ส่ิงส่งตรวจท่เี ป็น non-biological specimen ในเวชปฏิบัติท่ัวไป แพทย์มีโอกาสท่ีจะพบกับ สง่ิ ส่งตรวจที่ญาตเิ อามาให้แพทยด์ ูกรณีผู้ป่วยคดี หรอื แพทย์ พบในท่ีเกิดเหตุกรณีการชันสูตรพลิกศพ เช่น หีบห่อหรือ บรรจุภณั ฑ์สารเคมี, ซองยา, แก้วน้ำ� หรอื ภาชนะทีม่ ีสารเคมี อยู่, อุปกรณ์เสพยาเสพติด ซ่ึงแนวทางการเก็บส่ิงส่งตรวจ ลกั ษณะนี้เพ่ือสง่ ตรวจต่อ มดี งั นี้ 1. แยกส่ิงส่งตรวจแต่ละชิ้นออกจากกัน บรรจุซอง กระดาษหรือภาชนะพลาสติกเพ่ือน�ำส่งตรวจ เพื่อป้องกัน การปนเปือ้ นข้ามชน้ิ (cross contamination) 2. กรณมี ขี องเหลวบรรจอุ ยู่ เชน่ แกว้ นำ�้ มนี ำ�้ อยู่ ใหน้ �ำ ของเหลวใสล่ งในภาชนะพลาสตกิ อน่ื แลว้ แยกสง่ ทง้ั ตวั ภาชนะ ท่ีบรรจขุ องเหลวเดมิ และของเหลวทอ่ี ยใู่ นภาชนะพลาสติก กรณกี ารชันสตู รพลกิ ศพ แพทยค์ วรแนะน�ำพนักงาน สอบสวนให้สง่ ส่งิ สง่ ตรวจในทเ่ี กิดเหตเุ หลา่ นี้ ไปตรวจพรอ้ ม กับศพกรณที มี่ กี ารส่งศพไปผา่ พิสจู นต์ ่อ 338 บทที่ 33 ส่งิ สง่ ตรวจทางพิษวิทยา
บทท่ี 34 การเป็นพยานศาลของแพทย์ นิติกร โปรสิ วาณิชย์ ภทั รพงษ์ สนิ ประจักษผ์ ล
หน้าท่กี ารเป็นพยานของแพทย์ เมอื่ แพทยต์ อ้ งใหค้ วามเหน็ ในกระบวนการทางกฎหมาย เกี่ยวกบั ตวั ผู้ป่วยหรือศพ แพทยจ์ ะมสี ถานะเปน็ พยาน ซงึ่ ก็ แลว้ แตว่ า่ จะตอ้ งใหค้ วามเหน็ นน้ั ในชนั้ ใดบา้ ง ในคดอี าญา แพทย์ จะตอ้ งเขา้ ไปใหค้ วามเหน็ ตงั้ แตช่ น้ั การสอบสวนของพนกั งาน สอบสวน จนถงึ การสง่ ฟอ้ ง และไปเปน็ พยานในศาล แตส่ �ำ หรบั คดีแพง่ นนั้ ไมม่ ีการสอบสวน ดงั น้นั แพทย์อาจท�ำ ความเห็น หรือรายละเอียดตามท่ีคู่ความขอมา และอาจจะต้องไปให้ ถ้อยคำ�ในฐานะพยานตอ่ ศาล ฐานะของพยานแพทย์ หลักกฎหมายถือว่า 1. เป็น “พยานผเู้ ชีย่ วชาญ” หมายความว่า เปน็ ผูท้ ี่ ใชค้ วามรทู้ อ่ี า้ งองิ ไดแ้ ละความเหน็ ทเ่ี ปน็ เหตเุ ปน็ ผลในทางวชิ าการ แปลผลแล้วอธิบายความต่อผู้รับฟังผลที่เกี่ยวข้องกับคดี เพ่อื ท่ีจะไดน้ �ำไปใชต้ ัดสินประเด็นขอ้ เท็จหรอื จรงิ ตา่ ง ๆ หรือ อาจจะเรียกกนั วา่ เปน็ “พยานความเหน็ ” 2. เป็น “พยานบุคคล” คือ ไปให้ถ้อยค�ำต่อหน้า ผู้มอี �ำนาจหน้าที่ และใหโ้ อกาสคูค่ วามได้ซกั ถามจนสน้ิ สงสยั เพื่อประโยชน์แห่งความยตุ ธิ รรม 340 บทท่ี 34 การเป็นพยานศาลของแพทย์
วธิ ีการเป็นพยาน 1. ท�ำความเหน็ เปน็ หนงั สอื เชน่ รายงานชนั สตู รตา่ ง ๆ 2. ไปใหถ้ อ้ ยค�ำตอ่ เจา้ พนกั งานหรอื เบกิ ความตอ่ ศาล ในฐานะพยานบุคคล การไปเบิกความตอ่ ศาล 1. ควรไปในหนา้ ทแ่ี ละไปโดยไดร้ บั หมายเรยี กพยาน จากศาล 2. “หมายเรยี กพยาน” มผี ลบงั คบั ใหแ้ พทยต์ อ้ งไปให้ ถอ้ ยค�ำตามวนั เวลาทร่ี ะบุ และหนว่ ยงานตน้ สงั กดั กจ็ ะตอ้ งถกู ผกู พนั ใหอ้ นญุ าตโดยขดั หมายไมไ่ ด้ เพราะการขดั หมายถอื เปน็ โทษทางอาญา แต่แพทย์น้ันมีสิทธิท่ีจะได้รับค่าเดินทางและ ค่าตอบแทนพยานตามที่กฎหมายก�ำหนดดว้ ย 3. หมายศาลท่ีจะมีผลบังคับพยานได้ ต้องออกมา โดยชอบตามหลักเกณฑท์ กี่ ฎหมายบัญญตั ิไว้ คอื 3.1 ต้องมีรายละเอียดครบถ้วน ได้แก่ ช่ือ และที่อยู่ของพยาน ช่ือคู่ความและศาลที่ก�ำลังพิจารณาคดี รวมถึงสถานทแ่ี ละวันเวลานดั 3.2 ต้องออกมาล่วงหน้าเพื่อให้พยานรับรู้ อยา่ งนอ้ ย 3 วัน 3.3 ตอ้ งมกี ารรบั หมายโดยถกู ตอ้ งตามกฎหมาย บทท่ี 34 การเปน็ พยานศาลของแพทย์ 341
4. หากแพทยไ์ ดร้ ับหมายแล้ว เกดิ ตดิ กจิ ธรุ ะจ�ำเป็น ไมอ่ าจเลย่ี งได้ กส็ ามารถท�ำหนงั สอื ชแี้ จงแจง้ เหตใุ หศ้ าลทราบ กอ่ นลว่ งหนา้ เพอ่ื ใหอ้ นญุ าตได้ หากศาลเหน็ วา่ ยงั ตอ้ งสบื พยาน อย่กู ็อาจจะออกหมายเรยี กพยานมาในภายหลงั 5. หากว่าแพทย์อยู่ไกลจากศาลที่จะสืบพยานน้ัน มาก ก็อาจขอให้สง่ ประเดน็ มาสืบยงั ศาลในภูมิล�ำเนาของตน กไ็ ด้ แต่แพทย์จะต้องสง่ หนังสือรอ้ งขอและรอศาลอนญุ าตไว้ แต่เนิ่น ๆ เช่น เม่ือได้ตรวจและท�ำความเห็นไปแต่แรกนั้น แพทยย์ งั ท�ำงานทีจ่ ังหวดั หน่ึง ตอ่ มา ยา้ ยหรอื ลามาศึกษาตอ่ ท�ำให้เดินทางไปท่จี ังหวดั เดิมล�ำบากหรอื ไมส่ ะดวก 6. เมื่อแพทย์มาศาล ควรตรวจสอบกับคู่ความ ซงึ่ อา้ งตนมาเปน็ พยานกอ่ น วา่ มกี ารเปลยี่ นแปลงก�ำหนดหรอื ไม่ เม่ือต้องมาตามหมายแน่ชัดแล้วก็ให้มาโดยตรงเวลา เพราะ โดยทวั่ ไปนนั้ แพทยจ์ ะไดร้ บั ความเกรงใจใหน้ �ำสบื กอ่ นอยแู่ ลว้ เพ่อื ไม่ใหเ้ สียเวลาท�ำงาน 7. เมือ่ มาศาล ใหต้ รวจสอบเลขคดีตามหมายวา่ อยู่ ที่หอ้ งพิจารณาใด 8. ในห้องพิจารณาคดี เม่ือหันหน้าเข้าหาบัลลังก์ พิจารณาคดี ฝ่ายโจทยจ์ ะอยู่ทางซา้ ยมอื และฝา่ ยจ�ำเลยจะอยู่ ทางขวามือ แพทย์ควรแจ้งแก่คู่ความท่ีอ้างตนมาให้ถูกฝ่าย วา่ ไดม้ าแลว้ หรอื แจง้ แก่เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังกก์ ็ได้ 342 บทท่ี 34 การเป็นพยานศาลของแพทย์
9. เมอื่ ขนึ้ เบกิ ความ แพทยต์ อ้ งสาบานหรอื ปฏญิ าณ ตนโดยไม่มีข้อยกเวน้ 10. แพทย์ตอ้ งให้การด้วยวาจา แตก่ ฎหมายอนุญาต ให้อ่านข้อความท่ีเขียนหรือเตรียมมาก็ได้ทุกเรื่องในฐานะ ของผูเ้ ชยี่ วชาญ และหา้ มใหก้ ารเทจ็ 11. แพทย์มีหน้าที่ต้องตอบทุกค�ำถาม แม้แต่ไม่รู้ ในเรอ่ื งนน้ั จรงิ ๆ กต็ อ้ งตอบวา่ ไมร่ ู้ ยกเวน้ ในกรณที ก่ี ฎหมายใหส้ ทิ ธิ ทีจ่ ะไม่ตอบค�ำถามได้ เช่น ค�ำถามทีอ่ าจท�ำให้พยาน คคู่ วาม หรอื บคุ คลอนื่ ตอ้ งรบั โทษทางอาญา หรอื เปน็ การหมน่ิ ประมาทพยาน เว้นแต่เป็นสาระส�ำคัญในคดี หรือค�ำถามที่อาจท�ำให้พยาน ถกู ฟอ้ งคดอี าญา หรอื การเปดิ เผยความลบั ผปู้ ว่ ยทไ่ี มเ่ กยี่ วขอ้ ง กบั คดี 12. พยานจะถูกถามโดยคู่ความท่ีอ้างตนข้ึนก่อน เรยี กวา่ “การซกั ถาม” และกฎหมายหา้ มถามน�ำ ดงั นนั้ แพทย์ ควรตอบค�ำถามให้ครบถว้ นและรดั กมุ 13. ตอ่ มาจะถกู ฝา่ ยตรงข้ามถาม เพ่ือท�ำลายน้ำ� หนัก ค�ำพยาน เรียกว่า “ถามค้าน” ค�ำถามชว่ งนี้ใช้ส�ำหรับจบั เท็จ พยานหรอื ท�ำใหพ้ ยานหมดความนา่ เชอ่ื ถอื หรอื ตอ้ นใหพ้ ยาน เบกิ ความเพม่ิ นำ้� หนกั แกฝ่ า่ ยตน กฎหมายไมไ่ ดห้ า้ มใชค้ �ำถามน�ำ และคู่ความมักจะมีกลยุทธ์หลอกล่อจนพยานสับสนหรือ ย่ัวให้โกรธ ดังน้ันแพทย์จึงต้องต้ังหลักให้ดี ตอบให้ตรงกับ หลักการและชัดเจน พร้อมกับขยายความได้หากว่าค�ำถาม ประเดน็ นนั้ ท�ำให้ศาลไขวเ้ ขวจากหลักการที่ถูกต้อง บทท่ี 34 การเปน็ พยานศาลของแพทย์ 343
14. สดุ ทา้ ยจะเปน็ การ “ถามตงิ ” โดยคคู่ วามฝา่ ยแรก เพอ่ื เรยี กเอาสว่ นทเ่ี สยี หายจากการถามคา้ นนน้ั กลบั มา แพทย์ ไม่ใช่คู่ความโดยตรง จึงไม่จ�ำต้องกังวลเกินไปนัก หากเห็น ว่าตนถูกถามค้านจนท�ำให้ศาลสับสนในประเด็นและยังไม่มี โอกาสชี้แจงได้ เพราะคู่ความท่ีอ้างตนมาจะมีโอกาสถามติง ซง่ึ ก็จะตอ้ งอาศยั ปฏิภาณในการแกไ้ ขปัญหาเอง 15. เม่ือแพทย์ให้การเสร็จแล้ว ศาลจะจดบันทึก ค�ำให้การแลว้ ให้แพทยต์ รวจดู หากมสี ่วนใดไมต่ รงก็ควรแจง้ ให้ศาลทราบเพื่อแก้ไขก่อนลงช่ือในค�ำให้การ 16. หากแพทยม์ าศาลชา้ หรอื คู่ความหรอื ศาลเหน็ ว่า ควรจดั แพทยไ์ วใ้ นล�ำดบั หลงั พยานคนอน่ื แพทยจ์ งึ ตอ้ งรออยู่ นอกหอ้ งพจิ ารณาคดจี นเสรจ็ สน้ิ กอ่ นถงึ ล�ำดบั ของตน ในขณะที่ พยานอน่ื ใหก้ ารอย่นู น้ั พยานคนต่อ ๆ มาจะเขา้ รบั ฟงั ไม่ได้ ตามหลักกฎหมายท่ีห้ามพยานบุคคลฟังค�ำให้การของพยาน คนก่อนหนา้ เว้นแตศ่ าลจะอนญุ าตเป็นอย่างอ่ืน 344 บทที่ 34 การเป็นพยานศาลของแพทย์
การเตรียมตวั ไปเป็นพยาน 1. เตรียมเอกสารท่ีเกี่ยวข้อง เวชระเบียน และ ความเห็นทต่ี นเองเคยท�ำและมอบแก่เจ้าพนักงาน 2. ทบทวนรายละเอยี ดของผปู้ ว่ ยหรอื ศพทเี่ คยตรวจ ไปแล้วอย่างถถ่ี ้วน 3. ทบทวนความรู้เพื่อที่จะให้การได้ตามประเด็น ทเ่ี ป็นหลกั วชิ าการ 4. อาจจะเตรยี มเอกสารที่เป็นขอ้ มลู บางอย่าง เชน่ ภาพถ่าย หรือแผนผงั เพอ่ื เสนอตอ่ ศาลหรอื หากศาลร้องขอ เพ่ือช่วยใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจงา่ ยขนึ้ 5. แตง่ กายสภุ าพรดั กมุ และภมู ฐิ านสมฐานะ รวมถงึ ปดิ โทรศพั ทม์ อื ถอื หรอื เครอื่ งมอื สอ่ื สาร และไมน่ งั่ ไขวห่ า้ งหรอื อาการทไี่ มเ่ รยี บรอ้ ย เพราะศาลมรี ะเบยี บก�ำหนดไว้ และเพอื่ ความนา่ เช่ือถอื ในเกียรตภิ มู ขิ องผ้มู วี ิชาชพี บทท่ี 34 การเปน็ พยานศาลของแพทย์ 345
346
บทท่ี 35 ความปลอดภยั กับ การปฏบิ ัตงิ านเก่ียวกบั ศพ กันต์ ทองแถม ณ อยุธยา
ในศพที่เสียชีวิตจากการติดเช้ือ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เช้ือรา โปรตัวซัว หรือ หนอนพยาธิ หรือไพรออน ที่ท�ำให้เกิดโรคกลุ่ม Creutzfeldt-Jakob Disease (CJD) ก็สามารถแพร่เช้ือมายังผู้ปฏิบัติงานเก่ียวกับศพได้ทั้งน้ัน ซงึ่ เคยมรี ายงานวา่ สารคดั หลงั่ จากศพทตี่ ดิ เชอื้ HIV ยงั สามารถ แพร่เชื้อแม้จะเสียชีวิตไปนานกว่า 2 สัปดาห์ หรือเช้ือโรค ในกลุ่มไวรัสและวัณโรคที่สามารถแพร่เช้ือทางอากาศไปยัง ผู้ปฏิบัติงานที่ท�ำการผ่าชันสูตร หรือจากการเจาะเลือด จากศพไดเ้ ชน่ กนั ดงั นน้ั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านเกย่ี วกบั ศพ ควรมรี ะบบ การบริหารความเส่ียง และมกี ารสวมชุดป้องกันตัว ให้อยู่ใน หลกั การของ Universal precautions อยูเ่ สมอ การก�ำหนดระดบั ความรุนแรงของเชื้อโรค เราสามารถจ�ำแนกชนิดความรุนแรงของเชื้อโรค biosafety level (BSL) ตามระบบของ centers for Disease Control and Prevention (CDC) ได้ 4 ระดบั ดงั ตอ่ ไปน้ี Biosafety level 1 ได้แก่ เชื้อโรคในกลุ่มแบคทีเรียหรือไวรัสที่ก่อโรค รุนแรงระดับตำ่� (biohazard Level 1) หรอื แพร่เช้อื ได้ยาก เชน่ bacillus subtilis, canine hepatitis, Escherichia coli, varicella (chicken pox) ซึง่ สวมชุดป้องกนั โดยใช้หน้ากาก และถงุ มอื ยาง รวมถงึ มกี ารท�ำความสะอาดฆา่ เชอ้ื วสั ดอุ ปุ กรณ์ และรา่ งกายของผปู้ ฏิบตั ิงานกเ็ พียงพอ 348 บทที่ 35 ความปลอดภัยกับการปฏบิ ตั งิ านเกย่ี วกับศพ
Biosafety level 2 ได้แก่ เชื้อโรคในกลุ่มแบคทีเรียหรือไวรัสท่ีก่อโรค รุนแรงระดับกลาง (biohazard Level 2) และติดเช้ือได้ยาก จากเช้ือที่ลอยอยู่ในอากาศผ่านระบบทางเดินหายใจ เช่น เช้ือ viral hepatitis A B C, influenza A, Lyme disease, scrapie (Prion), salmonella, mumps, measles, Dengue fever, MRSA ซ่ีงควรมีการเฝ้าระวงั ท่เี พม่ิ ข้นึ ผูป้ ฏิบตั งิ าน ควรมคี วามรูแ้ ละถกู ฝกึ ในดา้ นการป้องกนั การตดิ เช้ือ มีการ ระวังการท�ำงานเกย่ี วกับวัตถุมีคม และผปู้ ฏิบัตงิ านควรได้รบั การฉีดวคั ซีนป้องกนั ท่ีเหมาะสม Biosafety level 3 ได้แก่ เชื้อโรคในกลุ่มแบคทีเรียหรือไวรัส ที่ก่อโรค ทรี่ นุ แรงระดบั สงู (biohazard Level 3) หรอื ตดิ เชอื้ ทางระบบ ทางเดินหายใจได้ง่าย เช่น เชื้อ SARS, rabies, anthrax, malaria, typhus, CJD prion, Rocky mountain spotted fever, tuberculosis, HIV ซึ่งในระดบั น้ี ควรมรี ะบบระบาย อากาศแบบแรงดนั ลบและแยกออกจากส่ิงแวดลอ้ ม มีระบบ กรองอากาศฆ่าเชื้อ Biosafety level 4 ได้แก่ กลุ่มเช้ือโรครุนแรงท่ีท�ำให้เกิดการเสียชีวิต ไดง้ า่ ย สามารถตดิ เชอื้ ทางอากาศไดง้ า่ ย และยงั ไมพ่ บวธิ กี าร บทท่ี 35 ความปลอดภยั กบั การปฏิบตั งิ านเกี่ยวกบั ศพ 349
รักษาไดใ้ นปจั จุบัน (biohazard Level 4) เชน่ Argentine hemorrhagic fevers, Ebola virus, Hanta viruses, Lassa fever virus, Crimean–Congo hemorrhagic fever, variola virus (smallpox) รวมถงึ เชอ้ื ไวรสั ทท่ี �ำใหเ้ กดิ เลอื ดออกรนุ แรงอนื่ ๆ ซ่ึงต้องใช้การป้องกันระดับสูง เช่น ใช้ห้องท่ีมีระบบระบาย อากาศแบบแรงดนั ลบและแยกออกจากสิ่งแวดลอ้ ม มรี ะบบ กรองอากาศฆ่าเช้ือ มีการแยกระบบระบายอากาศของห้อง และผู้ปฏิบัติงานออกจากกัน หรือผู้ปฏิบัติงานต้องมีการ สวมชดุ ทม่ี รี ะบบอากาศหรอื ระบบหายใจภายในชดุ แรงดนั บวก รวมถึงมกี ารชะลา้ งรา่ งกายกอ่ นเข้าและออกจากหอ้ ง และมี ระบบเตอื นการรวั่ ไหลของอากาศ ซงึ่ ในหอ้ งเกบ็ ศพหรอื ปฏบิ ตั กิ ารชนั สตู รหรอื หอ้ งเกบ็ ศพ โดยทั่วไป ควรมีระบบป้องกันเช้ือโรคในระดับ biosafety level 3 เปน็ อยา่ งน้อย หรือ biosafety level 2 ในกรณีที่ ไม่มกี ารผ่าชนั สูตรศพ แตต่ ้องมกี ารเก็บศพในถุงใสศ่ พเสมอ ขอ้ ปฏบิ ัตใิ นระหว่างการปฏบิ ัติงาน 1. บุคลากรที่มีความสัมพันธ์เก่ียวกับศพ อันได้แก่ ผปู้ ฏิบัติงานในหอผู้ปว่ ย พนักงานผา่ และรกั ษาศพ ควรได้รบั การฉีดวัคซนี viral hepatitis B และ/หรอื Influenza virus กับ tuberculosis vaccine 2. หลีกเล่ียงการสัมผัสกับสารคัดหล่ังทุกชนิด หากไม่จ�ำเปน็ 350 บทท่ี 35 ความปลอดภยั กบั การปฏบิ ัตงิ านเกี่ยวกับศพ
3. ห้ามสูบบุหรี่ กินอาหารหรือดื่มน�้ำ ในระหว่าง การปฏบิ ัตงิ าน 4. หา้ มใช้มอื หรือส่งิ อ่ืนใด สมั ผสั กบั ตา ปาก หรือ จมูกของร่างกายผปู้ ฏบิ ัติงาน 5. สวมใส่ PPE (Personal Protective Equipment) ชนิดใช้แลว้ ทงิ้ (disposable) อันประกอบดว้ ย 5.1 ถงุ มือยาง 5.2 หนา้ กาก (surgical mask) หรือหนา้ กาก N95 ในกรณี biosafety level 3 ขน้ึ ไป หรอื ปฏบิ ัติงานกับ เชื้อโรคทีต่ ดิ ตอ่ ทางระบบทางเดินหายใจได้ง่าย 5.3 แว่นตา (goggles) หรือ หนา้ กาก (face shield) 6. ในศพท่ีถูกส่งจากหอผู้ป่วย ให้ถอดท่อ หรือ สายสวน ที่ติดกบั ร่างกายผู้เสียชีวิตกอ่ น โดยตอ้ งระมดั ระวัง สว่ นประกอบที่มีคม 7. ภายหลังจากการปฏิบัติงาน ใหถ้ อด PPE และ ลา้ งมอื ดว้ ยสบู่ หรอื นำ้� ยาท่ีมสี ว่ นประกอบของแอลกอฮอล์ 8. ภายหลงั การปฏบิ ตั งิ าน ควรมกี ารท�ำความสะอาด อปุ กรณ์ พน้ื ผนัง และส่งิ ของภายในหอ้ ง มรี ะบบการก�ำจดั ขยะตดิ เช้อื 9. จ�ำแนกศพตาม categorization 1 – 3 เพอ่ื เกบ็ ศพและจดั การเกีย่ วกบั ศพใหถ้ กู วิธี บทท่ี 35 ความปลอดภยั กบั การปฏบิ ัติงานเกี่ยวกับศพ 351
ระดบั ความเส่ียงจากศพในขัน้ ตอนการเกบ็ รกั ษาศพ สามารถแยกได้เปน็ 3 ระดับ ดังน้ี • Categorization 1 โรคทวั่ ไป หรอื ศพทต่ี ดิ เชอื้ Biohazard Level 1 แนะน�ำใหใ้ ชป้ า้ ยระบถุ งุ เกบ็ ศพ สฟี า้ หรอื สนี �้ำเงิน (BLUE label) • Categorization 2 ได้แก่ ศพที่ติดเช้ือ Biohazard Level 2 แนะน�ำใหใ้ ชป้ า้ ยระบถุ งุ เกบ็ ศพสเี หลือง (YELLOW label) และควรเพมิ่ ความระมดั ระวงั มากขน้ึ เชน่ โรค a. HIV b. Hepatitis C c. CJD (Creuzfeldt-Jacob disease) ที่ยงั ไมม่ ีการผา่ ชันสูตรพลกิ ศพ d. Severe Acute Respiratory Syndrome (SARS) e. Dengue hemorrhagic fever f. Avian influenza • Categorization 3 ได้แก่ศพที่ติดเชื้อ Biohazard Level 3 และ 4 แนะน�ำใหใ้ ชป้ า้ ยระบุถุงเก็บศพ สแี ดง (RED label) และควรมกี ารระมดั ระวงั เปน็ พเิ ศษ เชน่ โรค g. Anthrax h. Plaque 352 บทที่ 35 ความปลอดภยั กับการปฏบิ ัติงานเก่ยี วกับศพ
i. Rabies j. Viral hemorrhagic fever รนุ แรง k. CJD (Creuzfeldt-Jacob disease) ท่มี กี ารผ่าชันสตู รพลิกศพ ตาราง 35.1 ระดับความเสีย่ งจากศพในขั้นตอนการเก็บรกั ษาศพ การวาง ศพไว้ในท่ี การฉีด สาธารณะ ระดบั ความเสยี่ ง การเกบ็ ใน การอาบน�้ำศพ น้�ำยารกั ษา เพอื่ การจัดการ ในศพ ถงุ ใสศ่ พ กบั ศพ ศพ ประกอบ พธิ ที าง ศาสนา Categorization ไมจ่ �ำ เป็น ทำ�ได้โดยใส่ PPE ท�ำ ได้ ทำ�ได้ เผาหรือฝงั หรือแค่ universal 1 precaution Categorization ควรทำ� ท�ำ ได้โดยใส่ PPE ไมค่ วรท�ำ ท�ำ ได้ แนะนำ�ให้ 2 (หากจ�ำ เปน็ เผา ต้องทำ�ให้ ระมัดระวัง เป็นพิเศษ) Categorization จำ�เป็น หา้ มท�ำ หรอื ท�ำโดย ไมค่ วรท�ำ ห้ า ม ทำ � เผาเท่านั้น 3 อ้อม เช่น รดนำ้� ต่อ (หากจ�ำ เปน็ หน้ารูปศพ แล้วจงึ ต้องหีบห่อ คอ่ ยใหต้ วั แทนซงึ่ ใส่ ศพในโลง PPE ระดบั สงู สดุ ไป ใหป้ ดิ สนทิ ) รดน�้ำศพคนเดยี ว บทท่ี 35 ความปลอดภัยกบั การปฏบิ ตั ิงานเกย่ี วกับศพ 353
ขอ้ แนะน�ำการปรับปรุงหอ้ งผา่ ศพหรือเกบ็ ศพ 1. จดั ใหม้ หี อ้ งทห่ี า่ งไกลจากบรเิ วณสาธารณะ หรอื จดั ให้ เป็นหอ้ งมรี ะบบระบายอากาศปิด 2. ติดป้ายหน้าห้องให้ชัดเจน ปิดล็อคไม่ให้ผู้อื่น นอกเหนือจากผู้ปฏบิ ตั งิ านเข้า-ออก 3. ห้องปฏิบัติงานต้องมีแสงสว่างเพียงพอ พ้ืนห้อง ต้องไมท่ �ำใหล้ ื่นล้มง่าย 4. มีป้ายแสดงถึงระบบการท�ำงาน ระบบป้องกัน ความเส่ียง วิธีการปฏิบัติตัวหลังจากสัมผัสสารคัดหลั่ง วธิ กี าร ใสเ่ ครอื่ งปอ้ งกนั ตวั PPE การลา้ งมอื กอ่ นออกจากหอ้ ง รวมถงึ มกี ารระบขุ ้อหา้ ม เช่น ห้ามสูบบุหร่ี หา้ มรับประทาน อาหาร เปน็ ตน้ 5. ควรมหี อ้ งหรอื ระบบชะลา้ งท�ำความสะอาดรา่ งกาย ภายหลังจากปฏิบัติงานหรือเมอ่ื สัมผสั สารคดั หล่งั 6. จดั ให้มหี อ้ งหรอื ระบบท�ำความสะอาดและฆา่ เชือ้ อปุ กรณ์ พืน้ ผนงั และสงิ่ ของภายในหอ้ ง มีระบบการก�ำจดั ขยะตดิ เช้อื และก�ำจดั เข็มหรอื วตั ถุมคี ม 7. หากปฏบิ ตั งิ านกบั เช้ือโรคใน Biosafety level 3 ขน้ึ ไปควรมรี ะบบระบายอากาศแบบแรงดนั ลบและแยกออกจาก สงิ่ แวดล้อมภายนอก รว่ มกบั มีระบบกรองอากาศฆา่ เชือ้ โรค 354 บทที่ 35 ความปลอดภยั กับการปฏิบตั งิ านเกี่ยวกบั ศพ
บทท่ี 36 การชันสตู รศพมุสลิม วิธู พฤกษนันต์ กันต์ ทองแถม ณ อยธุ ยา
ในการชนั สตู รศพมสุ ลมิ หรอื บางศาสนาทมี่ คี วามเชอื่ และใหค้ วามเคารพต่อศพ ในฐานะที่กลบั คนื สู่อ้อมหัตถข์ อง พระผเู้ ปน็ เจา้ การผา่ ศพหรอื ท�ำหตั ถการทม่ี กี ารลว่ งลำ้� เขา้ ไป ในรา่ งกายผปู้ ว่ ย เชน่ การเจาะเลอื ดหรอื ปสั สาวะ หรอื แมก้ ระทง่ั ชันสูตรศพภายนอก บางคร้ังอาจมีข้อขัดข้องหรือไม่ได้รับ ความรว่ มมอื จากญาติ แมก้ ฎหมายจะมไิ ดบ้ ญั ญตั ขิ อ้ ยกเวน้ ไว้ เป็นการเฉพาะ แต่เพื่อให้การชันสูตรพลิกศพเป็นไปด้วย ความเรียบร้อยและมิให้เป็นการเสียหายแก่คดี แพทย์และ ผเู้ กย่ี วข้องจึงควรชันสตู รศพด้วยความเขา้ ใจในความเชอื่ และ เงอื่ นไขทางศาสนา และค�ำนงึ ถงึ จรยิ ธรรมในเรอื่ งดงั กลา่ วดว้ ย ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะบรบิ ทของศาสนาอสิ ลาม แนวทางการชันสตู รศพมุสลมิ 1. โดยหลักแล้วการผ่าชันสูตรหรือแม้กระท่ัง การกระท�ำใด ๆ ท่ีล่วงละเมิดต่อศพ เป็นการต้องห้าม ตามบทบญั ญตั ิอสิ ลาม 2. คณะกรรมการฟัตวาระดบั ชาติ ซ่งึ เปน็ ทีป่ ระชมุ ในการตัดสนิ ขอ้ ช้ขี าดในประเด็นทางศาสนา เคยมีขอ้ สรุปให้ สามารถท�ำการผา่ ชนั สตู รศพมสุ ลมิ ไดห้ ากมคี วามจ�ำเปน็ ไดแ้ ก่ กรณที ที่ �ำเพอ่ื ประโยชนแ์ หง่ ความยตุ ธิ รรม เชน่ ศพทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กบั คดอี าญา หรอื กรณที โี่ จรขโมยของมคี า่ แลว้ กลนื ลงไปในทอ้ ง หากบุคคลดงั กลา่ วเสยี ชวี ติ กส็ ามารถผา่ ทอ้ งเพอ่ื น�ำของมีคา่ 356 บทท่ี 36 ความปลอดภยั กับการปฏบิ ตั งิ านเกี่ยวกบั ศพ
คืนใหเ้ จา้ ของได้ นอกจากนั้น กรณที ่มี ารดาเสียชีวิตแตท่ ารก ในครรภย์ งั มชี วี ติ อยู่ กส็ ามารถผา่ ทอ้ งมารดาเพอ่ื ชว่ ยชวี ติ บตุ ร ไดเ้ ชน่ กนั 3. ในที่ประชุมคณะกรรมการฟัตวาระดับชาติ ดังกล่าวในคร้ังต่อ ๆ มายังได้เพ่ิมข้อยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน หรือมีความจ�ำเป็นเร่งด่วน เช่น เพื่อการศึกษาเก่ียวกับโรค ในการหาสาเหตุการตาย รวมถึงการศึกษาวิจัยโดยเฉพาะ อย่างยิ่งในทางการแพทย์ด้วย 4. ส�ำนักจุฬาราชมนตรีได้จัดพิมพ์หนังสือเรื่อง “แนวทางการตรวจชันสูตรศพตามกระบวนการทางด้าน นิติวิทยาศาสตร์ตามหลักศาสนาอิสลาม” ซึ่งได้อธิบายเรื่อง ดงั กลา่ วไวโ้ ดยละเอยี ดและรบั รองใหก้ ารผา่ ชนั สตู รศพมสุ ลมิ รวมถงึ การขดุ ศพมสุ ลมิ ขน้ึ มาตรวจชนั สตู รสามารถกระท�ำได้ หากมคี วามจ�ำเปน็ แนวทางปฏิบตั ิ อย่างไรก็ดี ในบรรดาชาวมุสลิมก็ยังคงมีความเห็น แตกตา่ งกนั ในเรอ่ื งนี้ ดงั นนั้ หากมคี วามจ�ำ เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งชนั สตู ร ศพมสุ ลมิ จึงควรปฏิบตั ติ ามแนวทางต่อไปนี้ 1. กรณีท่ีต้องมีการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย แพทย์สามารถใช้ดุลพินิจได้ว่าควรท�ำการชันสูตรพลิกศพ มากน้อยเพียงใด เพ่ือให้ได้พยานหลักฐานทางคดีภายใต้ พืน้ ฐานความช�ำนาญทางวชิ าชีพ บทที่ 36 ความปลอดภยั กบั การปฏบิ ตั ิงานเกย่ี วกับศพ 357
2. หากญาติผู้ตายมีข้อขัดข้อง อาจท�ำการชันสูตร เท่าที่จ�ำเป็น เพื่อให้ได้หลักฐานเพียงพอต่อการประกอบ ส�ำนวนคดี แตห่ ากญาตผิ ้ตู ายไม่ยินยอม ควรพูดคุยอธบิ าย ญาตใิ นเบอ้ื งตน้ ถงึ ความจ�ำเปน็ เพอ่ื ประโยชนแ์ หง่ ความยตุ ธิ รรม และพจิ ารณาแจง้ ให้พนกั งานสอบสวนทราบ เพอื่ ใหพ้ นกั งาน สอบสวนด�ำเนนิ การตามสมควร 3. แตส่ �ำหรบั กรณอี น่ื ๆ เชน่ เพอื่ การศกึ ษาหรอื วจิ ยั แพทย์ตอ้ งไดร้ บั ความยนิ ยอมจากญาติกอ่ น 4. ให้ค�ำม่ันว่ากระบวนการผ่าศพ จะท�ำด้วย ความเคารพและปฏิบตั ิตอ่ ผู้ตายประหนง่ึ ยังมีชีวติ อยู่ โดยไม่ ค�ำนึงถงึ เชื้อชาติหรอื ศาสนา 5. ผทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ งควรรบี สง่ ผา่ ศพโดยเรว็ ทส่ี ดุ เทา่ ทจี่ ะท�ำได้ โดยค�ำนงึ ถงึ ความจ�ำเปน็ ทางคดี และหลกั วชิ าชพี อยา่ งเครง่ ครดั ทง้ั น้ี เพอ่ื เคารพตอ่ ความเชอ่ื ทางศาสนาทญ่ี าตจิ ะตอ้ งรบี จดั การ ฝังศพผู้ตายโดยเรว็ 6. การพิจารณาเก็บสิ่งส่งตรวจสามารถท�ำได้เท่าท่ี จ�ำเป็น และควรเกบ็ รกั ษาเปน็ อย่างดี 7. ต้องรักษาส่วนพึงสงวน (เอารัต) ของศพ ไม่เปิดเผยอวัยวะท่ีควรปกปิดของผู้ตายโดยไม่จ�ำเป็น กรณี ท่ีต้องเปิดเผย พึงกระท�ำในท่ีลับตาคนเท่านั้นทั้งต้องไม่น�ำ เร่ืองท่เี กีย่ วกบั ศพไปเปิดเผยแกส่ าธารณะ เว้นแต่กรณีท่ีตอ้ ง ใหก้ ารกับพนกั งานสอบสวนหรือเบกิ ความในศาล 358 บทท่ี 36 ความปลอดภัยกับการปฏบิ ตั งิ านเก่ียวกบั ศพ
8. พงึ ระมดั ระวงั การกระท�ำทจ่ี ะเปน็ การดถู กู เยาะเยย้ หรอื ว่าร้ายศพ 9. แพทย์ผู้ท�ำการชันสูตรศพ ควรมีเพศเดียวกัน กับศพและเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม แต่หากไม่มีควรเป็น แพทย์ท่ีมีเพศเดียวกับศพ หากไม่มีแพทย์ท่ีมีเพศเดียวกับ กับศพ ก็ควรเป็นแพทย์ที่นับถือศาสนาอิสลาม กรณีที่ไม่มี แพทยด์ งั กลา่ วแลว้ จงึ อนโุ ลมใหแ้ พทยต์ า่ งเพศทนี่ บั ถอื ศาสนา อ่นื ชันสูตรศพได้ 10. ในกรณีท่ีแพทย์กับศพไม่ใช่เพศเดียวกัน แพทย์ ควรหลีกเลี่ยงการมองส่วนพึงสงวนของศพ และสัมผัสศพ เฉพาะบรเิ วณทจี่ �ำเป็นเท่าน้ัน 11. แพทยไ์ มค่ วรท�ำการชนั สตู รศพตามล�ำพงั โดยควร มีผชู้ ว่ ยหรือพยานอยรู่ ว่ มในการชันสูตรศพดว้ ย ทง้ั น้ี บคุ คล ทสี่ ามารถอยรู่ ว่ มระหวา่ งการผา่ ศพควรไดร้ บั อนญุ าตจากญาติ หรอื อิหมา่ ม หรอื ประธานกรรมการอิสลามประจ�ำจังหวัด 12. ควรช�ำระลา้ งศพใหส้ ะอาด และตกแตง่ สภาพให้ เรียบร้อยก่อนส่งมอบศพคืนครอบครัว ทั้งนี้ควรส่งมอบศพ ทันทีเมือ่ การชนั สูตรเสร็จสิน้ ลง 13. กรณีศพนิรนามหรือศพไม่มีญาติ โรงพยาบาล สามารถด�ำเนนิ การฝงั ศพได้เอง บทที่ 36 ความปลอดภัยกับการปฏิบตั งิ านเก่ียวกบั ศพ 359
14. ญาติ หรอื อหิ มา่ ม หรอื ประธานกรรมการอสิ ลาม ประจ�ำจังหวัดสามารถทักท้วงการชันสูตรศพท่ีไม่เป็นไป ตามบทบญั ญัติอสิ ลามได้ จากแนวทางดังกล่าวจะเห็นได้ว่าข้อพึงปฏิบัติ ในการชันสูตรศพมุสลิม โดยหลักแล้วก็มิได้แตกต่างกับ ข้อพึงปฏิบัติต่อศพท่ัว ๆ ไป หากแพทย์มีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องดังกล่าวก็จะไม่เป็นการท�ำให้เกิดข้อขัดแย้งและ ในขณะเดยี วกนั กส็ ามารถชว่ ยอ�ำนวยความยตุ ธิ รรมในสว่ นท่ี เปน็ หนา้ ที่ของแพทย์ไดอ้ ยา่ งเต็มท่ี 360 บทท่ี 36 ความปลอดภยั กบั การปฏบิ ัตงิ านเกีย่ วกับศพ
บทท่ี 37 การเปิดเผยขอ้ มูลดา้ นสขุ ภาพ จากประวตั ิการรกั ษา หรอื เวชระเบียนผู้ป่ วย กนั ต์ ทองแถม ณ อยธุ ยา
ความผูกพันของแพทยต์ ่อความลบั ในวชิ าชีพ 1. เป็นหลักเวชจรยิ ศาสตร์ 2. ตาม ค�ำประกาศสิทธิผู้ป่วย พ.ศ.2541 ขอ้ 7 “ผปู้ ว่ ยมสี ทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั การปกปดิ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ตนเอง จากผปู้ ระกอบวชิ าชพี โดยเครง่ ครดั เวน้ แตจ่ ะไดร้ บั คำ� ยนิ ยอม จากผู้ป่วยหรือปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย” และ ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 323 กล่าวว่า “ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มา ซงึ่ ความลบั ของผอู้ น่ื โดยเหตทุ ป่ี ระกอบอาชพี แพทย์ เภสชั กร ผู้พยาบาล ผู้ผดุงครรภ์ นักบวช หมอความ ทนายหรือ ผสู้ อบบญั ชี หรอื โดยเหตทุ เี่ ปน็ ผชู้ ว่ ยในการประกอบอาชพี นนั้ และเปดิ เผยความลบั นนั้ ในประการทน่ี า่ จะเกดิ ความเสยี หาย แกผ่ หู้ น่งึ ผู้ใด ต้องระวางโทษ” 3. ดงั นนั้ แพทยแ์ ละผปู้ ฏบิ ตั งิ านทางการแพทยจ์ ะตอ้ ง รกั ษาความลบั และเวชระเบยี นของผปู้ ว่ ยใหเ้ ปน็ ความลบั อยเู่ สมอ การขอขอ้ มูลการรักษา 1. สทิ ธใิ นขอ้ มลู การรกั ษาเปน็ สทิ ธสิ ว่ นบคุ คล 2. การขอข้อมูลน้ันจึงกระท�ำได้ตามค�ำประกาศ สทิ ธิผู้ป่วย พ.ศ.2541 ข้อ 9 “ผูป้ ่วยมีสทิ ธทิ ่ีจะไดร้ ับทราบ ข้อมูลเก่ียวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตน ที่ปรากฏ ในเวชระเบียนเมื่อร้องขอ ทั้งน้ีต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิ 362 บทท่ี 37 การเปิดเผยขอ้ มูลด้านสขุ ภาพ จากประวัตกิ ารรกั ษาหรอื เวชระเบยี นผู้ปว่ ย
สว่ นตวั ของบคุ คลอน่ื ” และตามพระราชบญั ญตั ิ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ของทางราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 25 บญั ญตั วิ า่ “บคุ คลยอ่ ม มสี ทิ ธทิ จี่ ะไดร้ ถู้ งึ ขอ้ มลู ขา่ วสารสว่ นบคุ คลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ตน” แต่ในความเป็นจริงจะมีผู้มาขอข้อมูลของผู้ป่วยได้ ในหลายกรณี ผเู้ ขยี นจงึ ยกตวั อยา่ ง ดงั ต่อไปนี้ ผู้ท่ีมา ขอ้ ปฏบิ ตั ิ หลักการและ หมายเหตุ ขอประวัติ สามารถให้ได้ กฎหมายที่เกยี่ วข้อง ต้องทำ�เปน็ การรกั ษา ลายลกั ษณอ์ กั ษร พยาบาล ค�ำ ประกาศสทิ ธผิ ปู้ ว่ ย และสามารถ เจ้าของข้อมูล พ.ศ.2541 ขอ้ 9 เรียกเก็บ (ตัวผ้ปู ว่ ยเอง) พรบ.ข้อมูลข่าวสาร คา่ ธรรมเนยี มได้ หรอื ผ้แู ทน ของทางราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 25 ผอู้ นื่ ผ้ใู ด ตอ้ งไดร้ บั ความ ค�ำ ประกาศสทิ ธผิ ปู้ ว่ ย นอกจากเจา้ ของ ทเี่ จา้ ของ ยินยอมจาก พ.ศ.2541 ข้อ 7 ข้อมูลเสียชีวิต ไมไ่ ด้ เจ้าของข้อมูล พรบ.สุขภาพแห่งชาติ อาจให้อำ�นาจ มอบหมาย ก่อน พ.ศ.2550 มาตรา 7 ข อ ง ท า ย า ท โดยชอบธรรม บทท่ี 37 การเปดิ เผยขอ้ มูลด้านสุขภาพ 363 จากประวัตกิ ารรกั ษาหรอื เวชระเบยี นผปู้ ว่ ย
ผู้ที่มาขอ ข้อปฏบิ ตั ิ หลกั การและ หมายเหตุ ประวัติ การ กฎหมายที่เก่ยี วขอ้ ง รกั ษาพยาบาล เจ้าหนา้ ที่ สามารถให้ได้ พรบ.ข้อมูลข่าวสาร ต้องเปน็ ไปตาม ของรฐั ในหน่วย ตามอ�ำ นาจ ของทางราชการ อ�ำ นาจหนา้ ท่ี งานของตน หนา้ ทีข่ อง พ.ศ.2540 ของหน่วยงาน รฐั แหง่ นัน้ หนว่ ยงานรัฐ มาตรา 24 แหง่ น้ัน หนว่ ยงานของ สามารถให้ได้ พรบ.ข้อมูลข่าวสาร ให้ได้แต่หา้ ม รัฐที่ท�ำ หนา้ ท่ี ในแบบเนอ้ื หา ของทางราชการ เปิดเผยต่อไป เกีย่ วกับการ ขอ้ มูล เพ่ือใช้ พ.ศ.2540 ยังผอู้ น่ื วางแผน สถิติ วิเคราะห์ มาตรา 24 หรือส�ำ มะโน ทางสถิติ พรบ.สขุ ภาพแหง่ ชาติ ต่าง ๆ พ.ศ.2550 มาตรา 7 หนว่ ยงานของ ใหไ้ มไ่ ด้ พรบ.ข้อมลู ข่าวสาร นอกเสยี จาก รฐั อน่ื ๆ ทไี่ ม่มี ของทางราชการ เพือ่ การ หนา้ ทีโ่ ดยตรง พ.ศ.2540 สอบสวน ในการขอ มาตรา 24 ฟ้องคดี ประวตั ผิ ้ปู ว่ ย พรบ.สุขภาพแหง่ ชาติ วางแผน สถติ ิ ตามกฎหมาย พ.ศ.2550 ตามอำ�นาจ มาตรา 7 หนา้ ทีข่ อง หน่วยงาน น้นั ๆ 364 บทที่ 37 การเปดิ เผยขอ้ มูลด้านสุขภาพ จากประวตั ิการรกั ษาหรือเวชระเบียนผู้ป่วย
ผู้ทีม่ าขอ ขอ้ ปฏิบัติ หลักการและ หมายเหตุ ประวัติ การ กฎหมายที่เก่ียวข้อง รักษาพยาบาล ศาล สามารถ พรบ.ขอ้ มูลขา่ วสาร สามารถให้ ให้ได้ ของทางราชการ ขอ้ มูล พ.ศ.2540 ต่อศาลได้ มาตรา 24 พระธรรมนญู ศาลยุตธิ รรม มาตรา 24(2) พนกั งานสอบสวน สามารถใหไ้ ด้ พรบ.ขอ้ มูลขา่ วสาร เพือ่ การ ของทางราชการ สืบสวน พ.ศ.2540 สอบสวน มาตรา 24 หรือฟ้องคดี พรบ.สุขภาพแหง่ ชาติ ตามอำ�นาจ พ.ศ.2550 มาตรา 7 หนา้ ท่ี ประมวลกฎหมาย ของพนักงาน วธิ ีพจิ ารณา สอบสวน ความอาญา แพทย์ในหน่วย ให้ไม่ได้หาก พรบ.ข้อมลู ขา่ วสาร งานอน่ื ไม่ได้รับความ ของทางราชการ ยินยอม พ.ศ.2540 มาตรา 24 พรบ.สุขภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 7 บทที่ 37 การเปิดเผยข้อมลู ด้านสุขภาพ 365 จากประวัติการรักษาหรอื เวชระเบยี นผู้ปว่ ย
ผทู้ ม่ี าขอ ข้อปฏิบัติ หลักการและ หมายเหตุ ประวัติ การ กฎหมายทีเ่ กย่ี วข้อง รกั ษาพยาบาล บรษิ ัท ให้ไม่ได้ ค�ำ ประกาศสิทธิ กรณเี จ้าของ ประกนั ภัย หากไม่ไดร้ บั ผ้ปู ่วย พ.ศ.2541 ข้อมลู มีชวี ติ อยู่ ความยนิ ยอม ขอ้ 7 และข้อ 9 ต้องได้รบั การ พรบ.สุขภาพแห่งชาติ ยินยอม แต่ พ.ศ.2550 หากเจ้าของ มาตรา 7 ข้อมูลเสยี ชีวติ ต้องมีเอกสาร ยินยอมที่ได้ กระท�ำ ไวก้ ่อน เสียชีวติ หรอื ผ่านผู้แทน หนว่ ยงานหรอื สามารถใหไ้ ด้ พรบ.ขอ้ มลู ข่าวสาร ต้องขออนุญาต ผู้อน่ื เพื่อการ ในแบบเนอื้ หา ของทางราชการ ผ่านหัวหน้า ศกึ ษาวิจยั ข้อมูล เพ่ือ พ.ศ.2540 หน่วยงาน เช่น ใชว้ ิเคราะห์ มาตรา 24 ผอู้ �ำ นวยการ ทางสถิติ โดย โรงพยาบาล ต้องไม่ระบุ หรือผทู้ ่ไี ดร้ ับ ช่ือ หรอื สง่ิ ที่ มอบหมายแทน เกย่ี วขอ้ งวา่ เปน็ บุคคลใด 366 บทท่ี 37 การเปิดเผยข้อมลู ด้านสุขภาพ จากประวัตกิ ารรกั ษาหรอื เวชระเบียนผู้ปว่ ย
ผทู้ ส่ี ามารถใหบ้ คุ คลอนื่ ด�ำ เนนิ การแทนเจา้ ตวั ไดถ้ กู ก�ำ หนด ไวใ้ นกฎกระทรวงฉบบั ที่ 2 พ.ศ. 2541 ออกตามพระราชบญั ญตั ิ ขอ้ มูลขา่ วสารของทางราชการ พ.ศ.2540 ดังต่อไปนี้ 1. ผู้ปกครอง กรณีเปน็ ผเู้ ยาวอ์ ายุน้อยกว่า 15 ปี 2. ผู้อนบุ าล กรณีเปน็ คนไรค้ วามสามารถ 3. ผู้พิทักษ์ กรณีเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ กายพกิ าร หรอื จติ ฟ่นั เฟอื น 4. กรณีเสยี ชวี ติ ให้เรยี งล�ำดบั ตามน้ี 4.1 บคุ คลตามพนิ ัยกรรมระบุ (หากม)ี 4.2 บตุ รโดยชอบดว้ ยกฎหมาย หรอื บตุ รบญุ ธรรม 4.3 คู่สมรส 4.4 บิดาหรือมารดา 4.5 ผู้สบื สนั ดาน 4.6 พี่น้องรว่ มบิดามารดา 4.7 คณะกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของทางราชการ ขัน้ ตอนการให้ข้อมูลแก่บรษิ ัทประกัน การเขยี นรายงานแกบ่ รษิ ทั ประกนั นน้ั เปน็ การใหข้ อ้ มลู การรกั ษาพยาบาลของผปู้ ว่ ย หรอื ผทู้ เี่ สยี ชวี ติ แกห่ นว่ ยงานอนื่ ทไ่ี มใ่ ชห่ นว่ ยงานทางราชการทมี่ หี นา้ ทโี่ ดยตรงในการขอขอ้ มลู ดงั กลา่ ว ดงั นน้ั ตอ้ งไดร้ บั การอนญุ าตจากเจา้ ของขอ้ มลู กอ่ นเสมอ จงึ มขี ้นั ตอนในการดำ�เนนิ การดังน้ี บทที่ 37 การเปดิ เผยข้อมูลด้านสขุ ภาพ 367 จากประวตั ิการรกั ษาหรือเวชระเบียนผู้ป่วย
ตรวจสอบเอกสารการขอขอ้ มลู หรอื ยนิ ยอมใหเ้ ปดิ เผยขอ้ มลู ซ่ึงเอกสารอาจจะแตกต่างกันไปตามแตล่ ะหน่วยงาน 1. หากเจ้าของข้อมูลยังมีชีวิตอยู่ ให้ตรวจสอบลายมือ ช่ือของเจ้าของข้อมูลพร้อมสำ�เนาบัตรประชาชนหรือหลักฐานอ่ืน เพ่อื ยินยอมใหท้ างโรงพยาบาลเปิดเผยข้อมลู ของตวั ผ้ปู ่วยได้ 2. หากเปน็ ผเู้ สยี ชวี ติ ใหผ้ สู้ บื สนั ดานหรอื ผแู้ ทนโดยชอบธรรม เป็นผูด้ �ำ เนินการแทนได้ หรือใชเ้ อกสารยินยอมใหท้ างโรงพยาบาล เปิดเผยข้อมลู ทผ่ี ู้ปว่ ยทำ�ไว้ก่อนเสยี ชีวิต หนว่ ยงานอาจเรยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มตามความเหมาะสมของ หนว่ ยบรกิ าร โดยทผ่ี ขู้ อขอ้ มลู จะเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ ไมส่ ามารถเบกิ จากสทิ ธิ ค่ารักษาพยาบาลใด ๆ ได้ หากเปน็ แบบฟอรม์ เฉพาะ ใหแ้ พทยเ์ จา้ ของไข้ หรอื แพทย์ ผู้ทำ�การชันสตู รพลกิ ศพ ลงขอ้ มลู ตามความเปน็ จริง หากเปน็ การขอขอ้ มลู ประวตั กิ ารรกั ษาพยาบาล ใหแ้ พทย์ เจา้ ของไข้ เปน็ ผใู้ หอ้ �ำ นาจในการคดั ส�ำ เนาเอกสารทง้ั หมด หรอื เฉพาะ ส่วนที่จ�ำ เปน็ โดยทผ่ี ขู้ อคดั ส�ำ เนาตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ย หรอื แพทยอ์ าจเลอื ก ทจ่ี ะจัดทำ�เอกสารสรุปการรักษาพยาบาลขึน้ เปน็ ฉบับใหมก่ ไ็ ด้ 368 บทท่ี 37 การเปิดเผยข้อมูลดา้ นสขุ ภาพ จากประวตั ิการรักษาหรือเวชระเบยี นผปู้ ว่ ย
หนังสอื ท่ีแนะน�ำ เป็นแหล่งค้นควา้ เพ่ิมเตมิ
370
หนังสอื ท่แี นะน�ำเป็นแหล่งค้นควา้ เพ่มิ เติม บทท่ี 2 สมบูรณ์ ธรรมเถกิงกจิ และนติ ิกร โปรสิ วาณิชย.์ เวชปฏบิ ัติ ทางนิติเวชศาสตร์กับเจตจ�ำนงในกฎหมายชันสูตรพลิกศพ ของไทย. ใน : แสวง บญุ เฉลมิ วภิ าส (บรรณาธกิ าร). นติ เิ วชศาสตร์ และกฎหมายการแพทย์ หนงั สอื ทรี่ ะลกึ ในโอกาสวนั เกดิ ปที ี่ 80 ศาสตราจารยเ์ กยี รตคิ ณุ นายแพทยว์ ฑิ รู ย์ อง้ึ ประพนั ธ.์ พมิ พ์ ครัง้ ที่ 1. ส�ำนักพมิ พว์ ญิ ญชู น, กรุงเทพฯ. 2555. บทท่ี 6 CDC, Physicians' Handbook on Medical Certification of Death. Atlanta, Georgia, USA. 2003. available at:http:// www.cdc.gov/nchs/data/misc/hb_cod.pdf บทท่ี 7 ส�ำนกั บรหิ ารการสาธารณสขุ . แนวทางปฏบิ ตั งิ านนติ เิ วชส�ำหรบั ชาวตา่ งชาตแิ ละพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู บคุ คลสญู หาย/พสิ จู น์ เอกลกั ษณบ์ คุ คลระหวา่ งประเทศ. พิมพค์ รง้ั ท่ี 1. กระทรวง สาธารณสขุ . 2556 บทท่ี 8 นติ กิ ร โปรสิ วาณชิ ย.์ บทท่ี 2 แนวทางการปฏบิ ตั ทิ างนติ เิ วชศาสตร,์ ใน : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ส�ำนักงานต�ำรวจแห่งชาติ และองคก์ ารอนามยั โลก. แนวทางปฏบิ ตั ทิ างนติ วิ ทิ ยาศาสตร์ ในการพสิ จู นเ์ อกลกั ษณบ์ คุ คล กรณเี หตภุ ยั พบิ ตั ใิ นประเทศไทย : National guideline of forensic science services for disaster victim identification in Thailand. พิมพ์คร้งั ที่ 1. ร�ำไทยเพรส, กรุงเทพฯ. 2549. 371
บทท่ี 9 1. Tsokos M. Postmortem Changes and Artifacts Occurring During the Early Postmortem Interval. In: Tsokos M, editor. Forensic Pathology Reviews, Volume 3. Totowa, New Jersy: Humana Press; 2005. p. 183-238. 2. ศักดา สถิรเรืองชัย. การประเมินระยะเวลาตาย ในเวชปฏบิ ตั ิทัว่ ไป. คลินิก, 2555; 28(4): 271-279. บทท่ี 10-22 1. Knight B, Saukko P. Knight’s Forensic Pathology. 3rd ed. Great Britain : Oxford University Press Inc.; 2004. 2. Spitz WU, Spitz DJ, Clark R, Fisher RS (eds.). Spitz And Fisher's Medicolegal Investigation of Death: Guidelines For The Application Of Pathology To Crime Investigation. 4th ed. USA: Charles C. Thomas Publisher; 2006. 3. Dimaio VJ, Dimaio D. Forensic Pathology. 2nd ed. USA : CRC Press; 2001. 4. Payne-James J, Busuttil A, Smock W (eds). Forensic Medicine: Clinical and Pathological Aspects. 1st ed. London, UK:Greenwich Medical Media ; 2003. 5. Payne-James J, Jones R, Karch SB, Manlove J (eds). Simpson's Forensic Medicine. 13th ed. USA : CRC Press; 2011. 6. บทท่ี 18 372
7. Lachs MS, Pillemer K. Abuse and neglect of elderly persons. N Engl J Med. 1995;332(7):437-43. 8. Levine JM. Elder neglect and abuse. A primer for primary care physicians. Geriatrics. 2003;58(10):37-40, 2-4. 9. Knight LD, Collins KA. A 25-year retrospective review of deaths due to pediatric neglect. Am J Forensic Med Pathol. 2005;26(3):221-8. 10. Welch GL, Bonner BL. Fatal child neglect: characteristics, causation, and strategies for prevention. Child Abuse Negl. 2013;37(10):745-52. บทท่ี 19 1. Office of the United Nations High Commissioner for Human Right. Istanbul Protocol. Geneva. 2004 available at http://www.ohchr.org/Documents/Publications/ training8Rev1en.pdf 2. Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment 1984. บทท่ี 20 เบญจพร ปญั ญายง และ อชิมา เกดิ กลา้ (บรรณาธิการ). แนวทางปฏบิ ตั เิ พอ่ื ชว่ ยเหลอื เดก็ สตรี และบคุ คลในครอบครวั ทถ่ี กู กระท�ำรนุ แรง. พมิ พค์ รงั้ ที่ 2. กรมสขุ ภาพจติ และส�ำนกั บรกิ ารการสาธารณสขุ . 2556. 373
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442