Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ป.3 สสวท

ป.3 สสวท

Published by patteenee21, 2020-05-11 01:25:14

Description: ป.3 สสวท

Search

Read the Text Version

คมู่ ือครูรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑



คูม ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร ชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ ๓ กลมุ สาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ จัดทําโดย สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ



คาํ นาํ สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) มีอํานาจหน้าท่ีในการพัฒนา หลักสูตร วิธีการเรียนรู้ การประเมินผล การจัดทําหนังสือเรียน แบบฝึกหัด และสื่อการเรียนรู้ทุก ประเภทท่ีใช้ประกอบการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของการจัดการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน หนังสอื คมู่ อื ครู รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓ น้ี สถาบันส่งเสริมการ สอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) จัดทําข้ึนเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ของ ครูผู้สอนตามเน้ือหาและกิจกรรมในแต่ละหน่วยของหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๓ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ของการวิจัย โดยใช้ในโรงเรียนที่เข้าร่วม โครงการวิจัยและพัฒนาหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ท่ีเน้นการอ่าน การคิด และการแก้ปัญหาของ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งมีจํานวนทั้งส้ิน ๑๕,๔๘๘ โรง ไม่ได้ใชใ้ นโรงเรียนทว่ั ไป สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือครู เล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้ และเป็นส่วนสําคัญในการพัฒนาคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ขอขอบคุณสถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนบุคคลและหน่วยงานอ่ืน ๆ ท่ีมีส่วนเก่ียวข้องในการจัดทําไว้ ณ ท่นี ี้ (ศาสตราจารย์ชกู ิจ ลิมปจิ ํานงค)์ ผูอ้ ํานวยการสถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

คําชี้แจง สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) ไดรับมอบหมายจาก กระทรวงศึกษาธิการ ใหดําเนินการพัฒนาหลักสูตร หนังสือเรียน แบบฝกหัด คูมือครู และส่ือ ประกอบการเรียนรู กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร เพื่อสงเสริมการจัดการเรียนรู และวิธีการ เรยี นรูใหเปน ไปตามหลักการและจดุ มุงหมายของหลักสูตร คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ ๓ กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตรเลมน้ี สสวท. ไดพัฒนาข้ึน เพ่ือนําไปใชประกอบหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๓ โดยภายในคูมือครูประกอบดวยผังมโนทัศน ตัวชี้วัด ขอแนะนําการใชคูมือครู ตารางแสดงความสอดคลองระหวางเนื้อหาและกิจกรรมในหนังสือเรียน กับตัวช้ีวัดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตลอดจนแนวการจัด กิจกรรมการเรียนรูที่มุงเนนการพัฒนาทักษะรอบดาน ทั้งการอาน การฝกปฏิบัติ การสํารวจ ตรวจสอบ การปฏิบัติการทดลอง การสืบคนขอมูล และการอภิปราย โดยมีเปาหมายใหนักเรียน พัฒนาท้งั ดานความรู ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร จิตวิทยาศาสตร กระบวนการสืบเสาะ หาความรู ทักษะการคิด การอาน การสื่อสาร การแกปญหา ตลอดจนการนําความรูไปใชใน ชีวิตประจําวันอยางมีคุณธรรมและคานิยมที่เหมาะสม สามารถดํารงชีวิตอยูในสังคมแหงการ เปล่ียนแปลงในศตวรรษท่ี ๒๑ อยางมีความสุข ในการจัดทําคูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๓ กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรเลมน้ี ไดรับความรวมมืออยางดียิ่งจาก คณาจารย ผูทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ และครูผูสอน จากสถาบันการศึกษาตาง ๆ จึงขอขอบคุณไว ณ ทน่ี ี้ สสวท. หวังเปนอยางยิ่งวา คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ ๓ กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรเลมนี้ จะเปนประโยชนแกผูสอน ท่ีจะชวยใหการศึกษา วิทยาศาสตรมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หากมีขอเสนอแนะใดท่ีจะทําใหคูมือครูรายวิชา พนื้ ฐานวิทยาศาสตร ชัน้ ประถมศกึ ษาปที่ ๓ กลุมสาระการเรยี นรูว ทิ ยาศาสตรเลมนี้สมบูรณยิ่งขึ้น โปรดแจง สสวท. ทราบดว ย จักขอบคุณยิง่ สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ

สารบัญ หนา คํานาํ ก คาํ ชีแ้ จง ข เปาหมายของการจัดการเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร ฎ คุณภาพของผูเรียนวิทยาศาสตรชว งช้ันท่ี 1 ฐ ผงั มโนทศั นร ายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร ชน้ั ประถมศึกษาปท ่ี 3 ด ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรูแกนกลางวิทยาศาสตร ช้นั ประถมศึกษาปท่ี 3 ท ขอ แนะนําการใชคมู ือครู ท การจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตรในระดับประถมศึกษา ผ การจัดการเรยี นการสอนท่ีเนนการสืบเสาะความรทู างวิทยาศาสตร การจดั การเรียนการสอนทส่ี อดคลองกับธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร ฟ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร ย การวดั ผลและประเมินผลการเรียนรูว ทิ ยาศาสตร ตารางแสดงความสอดคลองระหวางเนอ้ื หาและกจิ กรรม ระดบั ช้ันประถมศึกษาปท ี่ 3 ห กบั ตวั ช้วี ดั หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 1 รายการวสั ดุอุปกรณวิทยาศาสตร ป.3 2 หนว ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาติกับชีวิต 3 ลําดบั แนวคดิ สําคัญ 5 บทที่ 1 ส่งิ มชี ีวติ กบั ทรัพยากรธรรมชาติรอบตวั 15 บทนี้เร่ิมตนอยางไร 19 เร่ืองท่ี 1 ชีวิตสมั พนั ธ 33 กิจกรรมท่ี 1 ส่งิ มีชีวติ ใดคลา ยกนั บาง 37 เร่อื งที่ 2 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั มนษุ ย 47 กิจกรรมท่ี 2.1 ในทองถนิ่ มีการใชทรัพยากรธรรมชาติอยา งไร 56 กจิ กรรมท่ี 2.2 ใชท รัพยากรธรรมชาติอยางประหยัดและคุมคา ไดอ ยา งไร 57 สรปุ บทท่ี 1 สง่ิ มีชวี ิตกับทรัพยากรธรรมชาตริ อบตวั 63 แนวคําตอบในฝกฝนตนเอง 67 แนวคาํ ตอบในแบบฝก หดั ทา ยหนว ย 68 หนว ยท่ี 2 น้าํ อากาศ กับชีวิต 69 ลาํ ดับแนวคิดสําคญั 71 บทที่ 1 น้ําและสมบัติของน้ํา บทนเ้ี ร่ิมตน อยางไร

เรอ่ื งท่ี 1 ความสาํ คญั ของนาํ้ สารบัญ กิจกรรมที่ 1.1 นํ้าบนโลกมีอยูเ ทาใด หนา กิจกรรมท่ี 1.2 นํ้าจากแหลงนํ้าในทองถนิ่ เปน อยางไร 78 กจิ กรรมที่ 1.3 ใชน ํา้ อยา งไรใหประหยดั 81 เร่อื งท่ี 2 สมบัตขิ องนํ้า 91 กจิ กรรมที่ 2.1 นาํ้ แขง็ น้ํา ไอนา้ํ มลี ักษณะอยางไร 100 กจิ กรรมท่ี 2.2 นํา้ มสี มบัติอยางไร 110 114 สรุปบทที่ 1 นา้ํ และสมบัตขิ องนา้ํ 123 144 แนวคาํ ตอบในฝกฝนตนเอง 145 บทที่ 2 อากาศและสมบัติของอากาศ 148 บทนเี้ ร่มิ ตนอยางไร 150 เร่ืองท่ี 1 อากาศ 154 158 กิจกรรมท่ี 1.1 อากาศมสี วนประกอบและสมบตั ิอะไรบาง 172 187 กจิ กรรมที่ 1.2 อุณหภูมิของอากาศในหนึ่งวันเปน อยา งไร 199 200 กจิ กรรมท่ี 1.3 ลมเกิดขึน้ ไดอยางไร 204 สรปุ บทที่ 2 อากาศและสมบัตขิ องอากาศ 209 210 แนวคําตอบในฝกฝนตนเอง 211 213 แนวคําตอบในแบบฝก หดั ทา ยหนวย 219 หนว ยที่ 3 แรงและพลังงานกับชวี ติ 222 ลาํ ดบั แนวคิดสาํ คญั 231 บทที่ 1 แรงไฟฟาและพลังงานไฟฟา 242 บทน้ีเร่ิมตน อยางไร 246 เรอ่ื งที่ 1 แรงไฟฟา 254 262 กจิ กรรมที่ 1.1 แรงไฟฟา เกดิ ข้นึ ไดอยา งไร 271 กจิ กรรมท่ี 1.2 ผลของแรงไฟฟาเปนอยางไร 277 เรื่องท่ี 2 พลังงานไฟฟา กิจกรรมที่ 2.1 ไฟฟาเปน พลงั งานหรือไม กจิ กรรมที่ 2.2 พลังงานไฟฟาเปล่ยี นเปนพลงั งานอะไรไดบาง กิจกรรมที่ 2.3 ผลิตไฟฟาไดอยางไร กิจกรรมที่ 2.4 แหลง พลงั งานท่ใี ชผลิตไฟฟา มีอะไรบาง กจิ กรรมท่ี 2.5 ใชไฟฟา ใหประหยัดและปลอดภยั ไดอยา งไร

สารบญั หนา 285 สรปุ บทท่ี 1 แรงไฟฟาและพลังงานไฟฟา 286 แนวคําตอบในฝกฝนตนเอง 290 แนวคําตอบในแบบฝก หัดทา ยหนวย 293 หนวยท่ี 4 ดวงอาทติ ยกับชีวิต 294 ลําดบั แนวคดิ สาํ คญั 295 บทที่ 1 ดวงอาทิตยก ับปรากฏการณข องโลก 297 บทนเ้ี รมิ่ ตนอยางไร 303 เรอ่ื งที่ 1 ดวงอาทติ ยและโลก 307 326 กจิ กรรมท่ี 1 การหมนุ รอบตัวเองของโลกทาํ ใหเกดิ ปรากฏการณอะไรบา ง 327 สรปุ บทท่ี 1 ดวงอาทิตยก ับปรากฏการณของโลก 330 แนวคาํ ตอบในฝกฝนตนเอง แนวคาํ ตอบในแบบฝก หัดทา ยหนว ย

1 คูม่ อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับชวี ิต หน่วยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกบั ชีวิต ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาติกับชวี ติ 2 ลาดบั แนวคดิ สาคัญ หน่วยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาติกับชีวิต ส่งิ มชี ีวติ มีหลายชนิด ซึง่ แตล่ ะชนดิ มีลักษณะแตกต่างกัน สิง่ มีชวี ิตชนดิ เดียวกันจะมลี กั ษณะภายนอกทปี่ รากฏคล้ายกบั พอ่ แม่ของสงิ่ มีชวี ิตชนดิ นน้ั ลกั ษณะภายนอกท่ีปรากฏคลา้ ยกันของพ่อชแนมิด่แนลัน้ะลกู ของสงิ่ มชี ีวติ เปน็ ลกั ษณะทางพันธุกรรม ชนดิ น้นั สิ่งมชี วี ิตแตล่ ะชนิดจะมคี วามสัมพนั ธ์กับสิ่งแวดล้อม ซึง่ ส่ิงแวดล้อมจะมีทงั้ ส่งิ มีชวี ิตและส่งิ ไมม่ ชี วี ติ ชนดิ นั้น ถา้ สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ส่ิงมชี ีวติ ที่สามารถปรับตัวเข้ากบั สิ่งแวดล้อมที่เปลีย่ นแปลงได้ จะสามารถอยู่รอดและดารงพันธตุ์ ่อไปได้ สิง่ มีชวี ิตทไ่ี ม่สามารถปรบั ตัวใหเ้ ขา้ กับสิ่งแวดล้อมท่ีเปลี่ยนแปลงได้ จะสูญพนั ธ์ุไปในทส่ี ุด พันธกุ รรม สิ่งแวดล้อมที่เกดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติและมนชุษนยดิ น์ นาน้ั มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ จัดเป็นทรัพยากรธรรมชาติ มนษุ ย์ใชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาตใิ นด้านตา่ ง ๆ ถ้ามนุษยใ์ ช้ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างไม่ระมัดระวงั อาจทาให้เกิดปัญหาส่ิงแวดล้อม มนษุ ยค์ วรใช้ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างประหยัดและค้มุ ค่า โดยอาจใชว้ ธิ ีลดการใช้ ใชซ้ า้ นากลบั มาใช้ใหม่ และหลีกเลยี่ งการใช้ เพื่อให้มีทรพั ยากรธรรมชาติไวใ้ ชไ้ ด้นานและย่งั ยนื สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

3 ค่มู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชีวติ บทที่ 1 สิง่ มชี วี ิตกบั ทรพั ยากรธรรมชาติรอบตวั แนวคดิ สาคญั ส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกัน ส่ิงมีชีวิตชนิด เดียวกันจะมีลักษณะภายนอกที่ปรากฏคล้ายกับพ่อแม่ของสิ่งมีชีวิต ชนิดนั้น ๆ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะมีความสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อม ถ้า ส่ิงแวดล้อมเปล่ียนแปลงไปอาจส่งผลให้ส่ิงมีชีวิตสูญพันธุ์หรือมีการ ปรับตวั เพ่อื ให้อยู่รอด มนุษย์เป็นส่ิงมีชีวิตท่ีมีความสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อมท่ีเป็น ทรัพยากรธรรมชาติ โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ถ้ามนุษย์ ใช้อย่างไม่ระมัดระวังอาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นได้ จึง ควรใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและคุ้มค่า เพื่อให้มี ทรพั ยากรธรรมชาติใช้อยา่ งย่ังยนื บทน้มี อี ะไร เรอื่ งที่ 1 ชีวติ สัมพนั ธ์ อ่านเป็น สตั วป์ า่ สงวน ปรับตัว กจิ กรรมที่ 1 ส่ิงมีชีวติ ใดคล้ายกนั บ้าง เรื่องที่ 2 ทรพั ยากรธรรมชาติกับมนษุ ย์ อ่านเป็น ทรพั ยากรธรรมชาติ กจิ กรรมที่ 2.1 ในท้องถนิ่ มีการใช้ทรพั ยากรธรรมชาติ อยา่ งไร กิจกรรมท่ี 2.2 ใชท้ รัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด และคุ้มคา่ ได้อยา่ งไร ส่อื การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น หนา้ 1–20 2. แบบฝึกหัด หน้า 1–32 แหล่งการเรียนรู้ ข้อมูลจากกระทรวงทรัพยากรและส่ิงแวดลอ้ ม (http://website.mnre.go.th/main.php?filename=index) ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชีวติ 4 ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ แนวคิดคลาดเคลอ่ื น ที่ ทกั ษะ กิจกรรมที่ ครูควรฟังการสนทนาอภิปรายของนกั เรียนอย่าง 1. การสังเกต 1 2.1 2.2 2. การวัด  ต่อเน่ือง พร้อมบันทึกแนวคิดของนักเรียนไว้ 3. การใช้ตัวเลข 4. การจาแนกประเภท  เพื่อท่ีจะจัดการเรียนรู้ให้สามารถแก้ไขแนวคิด 5. การหาความสมั พันธ์ระหวา่ ง  คลาดเคล่ือนและต่อยอดแนวคิดท่ถี กู ต้อง - สเปซกบั สเปซ  - สเปซกับเวลา แนวคดิ คลาดเคล่อื น แนวคดิ ทถ่ี กู ตอ้ ง 6. การจัดกระทาและ สือ่ ความหมายขอ้ มลู สิ่งมีชีวิตมีลักษณะท่ี ส่ิงมีชีวิตมีลักษณะ 7. การพยากรณ์ / การคาดคะเน 8. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู แตกต่างกัน เพราะ แตกต่างกัน เพราะ 9. การตั้งสมมตฐิ าน 10. การกาหนดนยิ ามเชงิ พ ร ะ เ จ้ า ท า ใ ห้ มี ได้รับการถ่ายทอด ปฏบิ ตั กิ าร 11. การกาหนดและควบคุม ลักษณะน้ี ลักษณะทางพนั ธุกรรม ตวั แปร 12. การทดลอง จากพอ่ แมแ่ ตกตา่ งกนั 13. การตีความหมายข้อมูล และการลงขอ้ สรปุ ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติ 14. การสร้างแบบจาลอง เช่น ถ่านหิน น้ามันแร่ เช่น ถ่านหิน น้ามันแร่ ธาตุ ไมม่ ีวนั หมด ธาตุ ไม่มีวันหมด มีวัน หมดได้ เพราะต้องใช้ ระยะเวลานานในการ เกดิ ข้นึ มาทดแทนใหม่ เชื้อเพลงิ เป็นพลงั งาน เช้ือเพลิง เช่น น้ามนั เป็น ทรพั ยากรธรรมชาติท่ี ให้พลงั งานได้ เอกสารอา้ งองิ Gordon G. (2003). Alternative frameworks And Misconceptions in Primary Science. http://www.ase.org.uk/sci-tutors/ Carol E., William R., Jacqueline H., Mark K., and Erika V. (2010). MiTEP List of Common Geoscience Misconceptions. http://hub.mspnet.org/index.cfm/226010 สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

5 คมู่ อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกบั ชวี ติ บทนีเ้ รมิ่ ตน้ อย่างไร (1 ชวั่ โมง) 1. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 1 อ่านชื่อหน่วย ช่ือบท และ แนวคิดสาคญั จากน้ันครูใชค้ าถามดังต่อไปนี้ 1.1 ในบทเรียนนี้นักเรียนจะเรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร (ลักษณะของ สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันและสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกัน การถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับ ส่ิงแวดล้อม การเปล่ียนแปลงของสิ่งมีชีวิต เมื่อส่ิงแวดล้อม เปลี่ยนแปลงไป การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ การ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติแล้วก่อให้เกิดปัญหาส่ิงแวดล้อม และ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยดั และคุ้มค่า) 1.2 นักเรียนคิดว่าพืชและสัตว์จะมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบไดต้ ามความเขา้ ใจของตนเอง) 1.3 นักเรียนคิดว่าพืชและสัตว์มีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบได้ตามความเข้าใจ ของตนเอง) 2. ครูชักชวนนักเรียนหาคาตอบข้อ 1.2 จากเนื้อเรื่อง โดยครูให้ นักเรียนอ่านเนื้อเร่ืองในหนังสือเรียนหน้า 2 ทีละย่อหน้า ซ่ึงครู อาจใช้วิธีฝึกอ่านตามความเหมาะสมกับความสามารถของ นักเรียน จากนั้นครูอาจใช้คาถามเพื่อตรวจสอบการอ่านจับ ใจความ ดงั น้ี 2.1 สิ่งมีชีวิตในเรื่องที่อ่านมีอะไรบ้าง (หยาดน้าค้าง และ ทาก ทะเล) 2.2 หยาดน้าค้างมีลักษณะอะไรบ้าง (มีใบเรียงกันเป็นวงใกล้ ๆ พื้นดนิ สีสวย และมเี มือกไว้จบั แมลง) 2.3 ทากทะเลมลี ักษณะอะไรบ้าง (มีลาตัวออ่ นนมุ่ มีสีฉดู ฉาด) 2.4 หยาดน้าค้างและทากทะเลมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม เหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (ไม่เหมือนกัน หยาดน้าค้างจะ สร้างเมือกไว้จับแมลงได้ แต่ทากทะเลสามารถปรับสีของ ลาตัวให้เขา้ กับสิ่งแวดล้อมทอ่ี าศัยอยู่ได)้ 2.5 สิ่งแวดล้อมคืออะไร (นักเรียนตอบได้ตามความเข้าใจของ ตนเอง) 2.6 สิ่งแวดล้อมมีอะไรบ้าง (ส่ิงแวดล้อมประกอบด้วยส่ิงมีชีวิต และสง่ิ ไม่มีชีวติ ) ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับชีวิต 6 2.7 หากส่งิ แวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป จะมผี ลต่อการดารงชีวิตของ ครูรับฟังเหตุผลของนักเรียนเป็น หยาดน้าค้างและทากทะเลหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบได้ สาคัญ และยังไม่เฉลยคาตอบใด ๆ ตามความเข้าใจของตนเอง) ให้กับนักเรียน แต่ชักชวนนักเรียน ไป หาคาตอบท่ีถูกต้องในกิจกรรมต่าง ๆ 2.8 หยาดน้าค้างและทากทะเลเป็นทรัพยากรธรรมชาติหรือไม่ ในบทเรียนนี้ เพราะเหตใุ ด (นกั เรียนตอบไดต้ ามความเขา้ ใจของตนเอง) 2.9 ทรัพยากรธรรมชาตมิ ีอะไรอีกบ้าง (นกั เรียนตอบได้ตามความ เขา้ ใจของตนเอง) 2.10 เรามีวิธีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไรเพ่ือให้มีใช้อย่าง ย่งั ยนื ตลอดไป (นกั เรียนตอบไดต้ ามความเข้าใจของตนเอง) ครูยังไม่เฉลยคาตอบ แต่อาจกระตุ้นให้นักเรียนสงสัย และ ชักชวนนักเรียนหาคาตอบในกจิ กรรมตอ่ ไป 3. ให้นักเรียนทากิจกรรมสารวจความรู้ก่อนเรียนในแบบฝึกหัด หนา้ 13 โดยอา่ นทาเปน็ คิดเป็น จากนน้ั ครตู รวจสอบความเข้าใจ โดยใชค้ าถาม ดงั น้ี 3.1 นักเรียนต้องสารวจความรู้ของตนเองเก่ียวกับเรื่องอะไรบ้าง (เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม การ เปล่ียนแปลงของสิ่งมีชีวิตเมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ลักษณะของส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันและต่างชนิดกัน การ ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต ส่ิงที่เป็น ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ ก า ร ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ จ า ก ทรพั ยากรธรรมชาติ) 3.2 นกั เรียนเรียนด้วยวิธีการใด (สังเกตและวิเคราะห)์ 3.3 หลังจากเรียนจบบทนี้แล้ว นักเรียนทาอะไรได้ (บอก ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิงแวดล้อม อธิบายการ เปล่ียนแปลงของส่ิงมีชีวิตเมื่อส่ิงแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป เปรียบเทียบลักษณะของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันและต่างชนิด กัน อธิบายการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ระบุส่ิงที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ และบอกการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ) 4. ครูให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร ข้อ 1 จากน้ันครูตรวจสอบความ เข้าใจโดยใชค้ าถาม เชน่ 4.1 นกั เรียนต้องทาอะไร (สงั เกตรปู และบอกความสัมพันธร์ ะหว่าง สิง่ มีชวี ิตกับสิง่ แวดลอ้ ม) สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

7 คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชีวติ 4.2 นักเรียนตอ้ งสงั เกตรูปในแบบฝึกหดั หน้าอะไร (หน้า 3) เม่ือนักเรียนแต่ละคนเข้าใจข้ันตอนการทากิจกรรมแล้ว ให้เวลานกั เรียนทาในแบบฝกึ หดั ตามความเหมาะสม 5. ครใู หน้ ักเรียนอ่านทาอย่างไร ข้อ 2 จากนน้ั ครูตรวจสอบความเข้าใจ โดยใชค้ าถาม เช่น 5.1 นกั เรยี นต้องทาอะไร (วิเคราะห์กรณีศึกษา และอธิบายผลของ การเปลยี่ นแปลงสงิ่ แวดล้อมท่ีมตี ่อสงิ่ มชี วี ติ ) 5.2 กรณีศึกษาอยใู่ นแบบฝึกหัดหน้าอะไร (หนา้ 4) เมื่อนักเรียนเข้าใจข้ันตอนการทาแล้ว ให้เวลานักเรียนทาใน แบบฝกึ หัดตามความเหมาะสม 6. ครูให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร ข้อ 3 จากนั้นครูตรวจสอบความ เข้าใจโดยใช้คาถาม แล้วให้นักเรียนทาในแบบฝึกหัด จากน้ันให้ นักเรียนอา่ นและทาในข้อต่อไปจนถึงข้อ 6 ตามลาดบั 7. ขณะนักเรียนแต่ละคนทากิจกรรม ครูควรเดินสารวจและ ตรวจสอบว่านักเรียนมีแนวคิดเกี่ยวกับการทากิจกรรมนี้อย่างไร บ้าง ครูจดบันทึกแนวคิดที่น่าสนใจ/แนวคิดคลาดเคลื่อนของ นักเรียน เพ่ือนามาออกแบบการสอนและแก้ไขหรืออภิปราย ภายหลังจากนักเรยี นทากิจกรรมแลว้ 8. ครูให้นักเรียนแต่ละคนตอบคาถามใน ฉันรู้อะไร ในแบบฝึกหัดหน้า 8–9 ซึ่งนักเรียนอาจตอบถูกหรือผิดได้ตามความเข้าใจ โดยครูไม่ เฉลยคาตอบใด ๆ และชักชวนนักเรียนไปหาคาตอบท่ีถูกต้องจาก การทากิจกรรมต่อ ๆ ไป ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ 8 แนวคาตอบในแบบฝกึ หัด คาตอบของนกั เรยี นในการสารวจความร้กู อ่ นเรียนครั้งแรก ขนึ้ อยู่กับความรู้เดิมของนักเรียน ซึ่งอาจเหมือนหรือแตกตา่ งจากแนวคาตอบนไ้ี ด้ และเมื่อกลับมาสารวจความรกู้ ่อนเรียนอกี ครั้ง ควรไดค้ าตอบท่ีถูกตอ้ ง เปน็ ที่อยู่อาศยั เป็นท่ีหลบภัย เป็นอาหาร เปน็ ท่ีอยู่อาศยั เปน็ ทเี่ ลย้ี งดลู ูกออ่ น เปน็ ทอ่ี ยู่อาศยั เปน็ ท่ีหลบภยั เป็นอาหาร สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

9 คู่มอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชีวิต แนวคาตอบ เช่น เต่าทะเลตาย อพยพยา้ ยไปที่อ่นื ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ 10 4 ตน้ กุหลาบ แมว นกเอ้ยี ง คน   นักเรยี นตอบตามท่นี กั เรียนสังเกต เชน่ ลักษณะของหน้า ลักษณะของตา ลักษณะของใบหู ลูกสนุ ขั ไดร้ บั การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพอ่ แม่ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

11 คู่มือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกบั ชวี ติ      ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชีวิต 12 ใชใ้ นการอุปโภคบริโภค ใช้ในการเกษตร สร้างความเพลิดเพลิน ปา่ ไม้มีตน้ ไมน้ ้อยลง ทาให้เกิดความแหง้ แลง้ น้าปา่ ไหลหลาก ดินถล่ม สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

13 คู่มอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ คาตอบมีหลากหลาย เชน่ เปน็ ทอี่ ยู่อาศยั เปน็ อาหาร เป็นทเ่ี ลย้ี งดูลูกอ่อน เป็นท่หี ลบภัย สิ่งมีชวี ติ อาจตาย ยา้ ยที่อยู่ หรอื ปรับเปล่ยี นโครงสรา้ งลักษณะ สิง่ มีชีวติ ตา่ งชนดิ กันจะมลี ักษณะแตกตา่ งกนั สิ่งมีชีวติ ในครอบครัวเดียวกันจะมลี ักษณะคลา้ ยกัน เพราะลกู จะได้รบั การถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากพอ่ แม่ น้า แสงแดด ดนิ สตั ว์ป่า อากาศ หิน ถ่านหนิ ป่าไม้ แร่ เป็นสงิ่ ท่เี กดิ ขึ้นเองตามธรรมชาตแิ ละมนษุ ย์สามารถนามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ติ 14 คาตอบมีหลากหลาย เชน่ เปน็ ทอ่ี ยู่อาศัย ใชใ้ นการอุปโภคบรโิ ภค ใช้สร้างความเพลดิ เพลิน คาตอบมีหลากหลาย เช่น ทาใหเ้ กดิ น้าทว่ ม ดินถล่ม นา้ เนา่ เสยี สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

15 ค่มู ือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชีวิต เรอ่ื งที่ 1 ชีวติ สัมพนั ธ์ ในเรื่องน้ีนักเรยี นจะได้เรียนรู้เก่ียวกับความสัมพันธ์ระหวา่ งส่ิงมีชีวติ กับสงิ่ แวดล้อม ลักษณะของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกนั และตา่ งชนดิ กัน และการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกตและอภิปรายลักษณะของส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกัน และสิง่ มชี ีวิตตา่ งชนิดกัน 2. สังเกต เปรียบเทียบ และอธิบายลักษณะภายนอกท่ี ปรากฏของลกู กับพอ่ แม่ เวลา 3 ชัว่ โมง วัสดุ อุปกรณ์สาหรับทากจิ กรรม รูปสิง่ มีชวี ิตหลาย ๆ ชนดิ รปู ครอบครัว ของสง่ิ มชี ีวิต ส่ือการเรียนรู้ หน้า 3–7 หนา้ 12–18 1. หนังสอื เรียน 2. แบบฝึกหดั แหลง่ เรียนรู้ - แนวการจัดการเรียนรู้ (เวลา 1 ชั่วโมง) ในการตรวจสอบความรู้ ครูเพียงรบั ฟังเหตุผลของนักเรียนและยังไม่เฉลย ขั้นตรวจสอบความรู้ (5 นาที) คาตอบใด ๆ แต่ชักชวนให้นักเรียนไปหา 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเก่ียวกับความสัมพันธ์ระหว่าง คาตอบด้วยตนเองจากการอา่ นเน้ือเรอื่ ง สงิ่ มชี วี ติ กบั สงิ่ มชี ีวิต ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งส่ิงมีชวี ิตกับสงิ่ ไม่มีชีวิต โดยครอู าจนารูปสิ่งมีชีวิต เช่น แมว กับรูปส่งิ มชี ีวิตหรอื สิ่งไมม่ ีชวี ิต อื่น ๆ ท่ีมีความสัมพันธ์กับแมว เช่น อาหาร บ้าน น้า มนุษย์ หนู และให้นักเรียนเลือกบอกความสัมพันธ์ของแมวกับส่ิงท่ีเลือกตาม ความเข้าใจ และชักชวนให้นักเรียนมีความเข้าใจเก่ียวกับ ความสัมพันธข์ องส่งิ มชี ีวติ มากขน้ึ จากการอ่านเน้ือเรอื่ ง ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกบั ชวี ติ 16 ขั้นฝกึ ทกั ษะจากการอา่ น (45 นาที) การวัดผลจากการอ่าน 2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 3 อ่านชื่อเร่ือง แล้วอ่าน สิ่งท่ีสังเกตเห็น ครูอาจสังเกตเห็นว่า คาถามชวนคิดทีละข้อ และให้นักเรียนตอบคาถามตามความ นักเรียนยังอ่านคาว่า นกแต้วแล้วท้องดา เข้าใจของตนเอง ครูบันทึกคาตอบของนกั เรียนบนกระดานเพ่ือใช้ ไมค่ ลอ่ ง เปรยี บเทยี บกบั คาตอบหลังการอ่านเนอ้ื เรอื่ ง นกั เรยี นอ่านคาศัพท์ แนวทางการช่วยเหลอื ใน อา่ นเปน็ หากนกั เรียนยงั อา่ นไมไ่ ด้ใหค้ รูสอน ครูควรเขียนคาอ่านแล้วให้นักเรียนฝึก การอา่ น 3. ครูให้นักเรียนอ่านเนื้อเรื่อง ย่อหน้าที่ 1 โดยครูอาจใช้วิธีฝึกอ่าน ตามความเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูนา นักเรียนอาจไม่สามารถตอบคาถาม อภิปรายเพื่อตรวจสอบความรู้ที่ได้จากการอ่านเนื้อเร่ือง โดยถาม หรืออภิปรายได้ตามแนวคาตอบ คุณครู คาถาม ดังน้ี ควรให้เวลานักเรียนคิด อย่างเหมาะสม 3.1 นกแต้วแล้วท้องดามีลักษณะอย่างไร (นกแต้วแล้วท้องดามี ร อ ค อ ย อ ย่ า ง อ ด ท น แ ล ะ รั บ ฟั ง ทอ้ งสีเหลืองดา ปากแหลม หวั และหางมสี ีฟ้า) แนวความคิดของนักเรยี น 3.2 นกแต้วแล้วท้องดามีความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตอะไรบ้าง อย่างไร (มีความสัมพันธ์กับต้นระกาหรือหวายซ่ึงใช้เปน็ ท่ีอยู่ อาศัยและเลี้ยงดูลูกอ่อน และมีความสัมพันธ์กับไส้เดือน หนอน กบ และแมลง ซ่ึงเปน็ อาหาร) 3.3 นกแต้วแล้วท้องดามีความสัมพันธ์กับสิ่งไม่มีชีวิตอะไรบ้าง อย่างไร (มีความสัมพันธ์กับน้าไว้กิน มีความสัมพันธ์กับ อากาศไวห้ ายใจ) 3.4 นกแต้วแล้วท้องดาหรือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นมีความสัมพันธ์กับ สิง่ มีชีวิต และสง่ิ ไม่มชี วี ติ เพือ่ อะไร (เพือ่ ใหม้ ีชวี ติ อยูร่ อดได้) 4. นักเรียนอ่านเนอ้ื เรอ่ื ง ย่อหนา้ ที่ 2 โดยครูอาจใช้วธิ ีฝึกการอ่านตาม ความเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูนา อภิปรายเพื่อตรวจสอบความรู้ท่ีได้จากการอ่านเน้ือเรื่อง โดยถาม คาถาม ดังน้ี 4.1 นกแต้วแล้วท้องดาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนเพราะเหตุใด (เพราะเปน็ สตั ว์ป่าหายากใกลส้ ญู พันธุ์) 4.2 เพราะเหตุใด นกแต้วแล้วท้องดาจึงใกล้สูญพันธุ์ (เพราะ มนษุ ย์ทาลายแหลง่ ทอี่ ย่เู พอ่ื ใช้เปน็ พนื้ ทีเ่ พาะปลกู ) 4.3 นกแต้วแล้วท้องดาควรปรับตัวอย่างไรเพื่อความอยู่รอด (นกแต้วแล้วท้องดาอาจมีการปรับโครงสร้างหรือพฤติกรรม เช่น อพยพหนีไปหาท่อี ย่ใู หม)่ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

17 คู่มอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ 4.4 ถ้านกแต้วแล้วท้องดาปรับตัวไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น (นกแต้ว การเตรียมตวั ลว่ งหนา้ สาหรบั ครู แลว้ ท้องดาอาจจะตายหรอื สญู พนั ธไุ์ ปในที่สดุ ) เพ่ือจดั การเรยี นรู้ในครงั้ ถดั ไป 5. นักเรียนอ่านเนอื้ เรื่อง ย่อหน้าท่ี 3 โดยครูอาจใชว้ ธิ ฝี กึ การอา่ นตาม ในคาบถดั ไป นักเรยี นจะไดท้ า ความเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูนา กจิ กรรมที่ 1 ส่ิงมชี วี ิตใดคลา้ ยกัน อภิปรายเพ่ือตรวจสอบความรู้ที่ได้จากการอ่านเน้ือเรื่อง โดยถาม คาถาม ดังนี้ ครูเตรียมหารูปให้เทา่ กบั จานวนกลุ่ม 5.1 ใครมหี น้าท่ีในการอนุรกั ษส์ งิ่ มชี วี ิต (ทุกคน) ของนักเรียน โดยแต่ละกลมุ่ จะได้รับรปู ไม่ 5.2 วิธีในการอนุรักษ์ส่ิงมีชีวิตมีอะไรบ้าง (ไม่ทาลายแหล่งที่อยู่ ซ้ากัน ดังน้ี และแหล่งอาหารของส่ิงมีชีวิต หรือทาลายสิ่งมีชีวิตเพื่อ ความสนุกและประโยชน์ส่วนตน) 1. รปู ส่งิ มชี วี ติ ชนิดเดยี วกนั 3 พันธ์ุ 5.3 การอนุรักษ์ส่ิงมีชีวิตมีประโยชน์อย่างไร (ทาให้มีส่ิงมีชีวิต เชน่ รปู แมวพนั ธเ์ุ ปอรเ์ ซีย แมว หลายชนิดอย่ใู นธรรมชาต)ิ พันธุ์ ขาวมณี 6. นักเรียนอ่านย่อหน้าท่ี 4 พร้อมกัน จากน้ันครูให้นักเรียนแต่ละ 2. รูปครอบครัวส่ิงมีชวี ิตซึง่ กลุ่มช่วยกันยกตัวอย่างความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตอ่ืน ๆ กับ ประกอบดว้ ยพ่อแม่และลกู โดยให้ สิ่งแวดล้อมท่ีนักเรียนเคยเรียนรู้หรือมีประสบการณ์เพิ่มเติม และ มีทง้ั ครอบครวั มนุษย์ สัตว์ และพืช ลองคิดว่าถ้าส่ิงแวดล้อมที่ส่ิงมีชีวิตอาศัยอยู่เปล่ียนแปลง จะมีผล ต่อส่ิงมชี วี ิตอยา่ งไร หรอื ครูใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ หารูปมากไ็ ด้ ข้นั สรุปจากการอ่าน (10 นาที) 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปจากการอ่านว่า นกแต้วแล้วท้องดามีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม โดยใช้ต้นระกา หรือหวายเป็นท่ีอยู่อาศัย เลี้ยงดูลูก และเป็นแหล่งหลบภัย มี ความสัมพันธ์กับไส้เดือน หนอน กบ แมลง ในด้านอาหาร กินน้า และใช้อากาศในการหายใจ หากแหล่งที่อยู่ถูกทาลายหรือ เปล่ียนไป นกแต้วแล้วท้องดาท่ีไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ ส่ิงแวดล้อมได้ อาจอพยพไปอยู่ท่ีอ่ืนหรือตายไป และเสี่ยงต่อการ สญู พันธ์ุในท่ีสดุ 8. ครูให้นักเรียนตอบคาถามรู้หรือยัง ในแบบฝึกหัดหน้า 12 จากนั้น ครูชักชวนให้นักเรียนเปรียบเทียบคาตอบในชวนคิดท่ีครูบันทึกไว้ เพื่อตรวจสอบความรกู้ อ่ นอ่านและหลังอ่านของนักเรียน 9. ครใู หน้ ักเรียนอา่ นคาถามสาคัญเพ่ือชักชวนให้นักเรยี นทากจิ กรรม ต่อไป ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คูม่ อื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาติกบั ชวี ติ 18 แนวคาตอบในแบบฝึกหัด นกแตว้ แล้วท้องดามีความสัมพันธก์ ับต้นระกาหรือหวายเป็นซึ่งเปน็ ที่อยู่อาศัยและ เล้ยี งดูลูกอ่อน และมคี วามสัมพนั ธ์กบั ไส้เดอื น หนอน กบ และแมลง ซ่ึงเปน็ อาหาร นกแต้วแล้วทอ้ งดามคี วามสัมพนั ธ์กับนา้ เพ่ือใช้กิน มคี วามสมั พันธ์กับอากาศเพื่อใช้หายใจ เพราะมนษุ ย์ทาลายแหล่งที่อยู่ของนกแตว้ แลว้ ท้องดา เพ่ือใช้เป็นพน้ื ท่ีเพาะปลูก นกแตว้ แลว้ ทอ้ งดาอาจปรับรูปร่าง พฤตกิ รรม อพยพหนี หรือตายและสูญพนั ธไุ์ ป ไม่ทาลายแหล่งท่ีอยแู่ ละแหล่งอาหารของส่ิงมีชีวิต รวมทง้ั ไม่ทาลายสิ่งมีชีวติ เพ่อื ความสนุกและประโยชน์ส่วนตน สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

19 ค่มู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ กจิ กรรมท่ี 1 สิ่งมชี ีวติ ใดคล้ายกันบ้าง กจิ กรรมน้ีนักเรียนจะได้สังเกต และอธบิ ายลักษณะของสง่ิ มชี ีวติ ชนดิ เดยี วกนั และสิ่งมีชีวิตตา่ งชนดิ กนั รวมท้งั เปรยี บเทียบ ลักษณะภายนอกทป่ี รากฏของลกู กับพอ่ แม่ เวลา 2 ช่วั โมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกตและอภิปรายลักษณะของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน และ สงิ่ มชี ีวิตต่างชนดิ กนั 2. สังเกต เปรียบเทียบ และอธบิ ายลกั ษณะภายนอกที่ปรากฎของลูก กับพอ่ แม่ วสั ดุ-อุปกรณ์สาหรับทากจิ กรรม สง่ิ ทคี่ รูต้องเตรยี ม/กล่มุ 1. รปู สิ่งมชี ีวติ หลาย ๆ ชนดิ แต่ละชนดิ มีรปู ตา่ งพนั ธช์ุ นดิ ละ 3 รูป 2. รปู ครอบครัวสิ่งมีชีวิตซ่งึ ประกอบดว้ ยพ่อแมแ่ ละลกู 1 รปู สิ่งทนี่ ักเรยี นตอ้ งเตรยี ม - ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล การตคี วามหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาติกับชวี ิต 20 แนวการจัดการเรยี นรู้ ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับลักษณะของสิ่งมีชีวิต โดยครูอาจ นั ก เ รี ย น แ ต่ ล ะ ก ลุ่ ม ค ว ร ไ ด้ รั บ รู ป ให้นักเรียนดูรูปแมวพันธุ์ต่าง ๆ เช่น แมวพันธ์ุเปอร์เซีย พันธุ์ขาว ส่ิงมีชีวิตไม่ซ้าชนิดกัน และควรมีท้ังพืช มณี พนั ธสุ์ สี วาด และใชค้ าถามดงั ต่อไปน้ี และสัตว์ชนิดต่าง ๆ ในการจัดการเรียน 1.1 ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกัน เช่น แมวพันธุ์เปอร์เซีย พันธุ์ขาวมณี การสอนของครู นักเรียนแต่ละกลุ่มควรมี พันธุ์สีสวาด มีลักษณะเป็นอย่างไร (นักเรียนตอบตามความ โอกาสนารูปส่ิงมีชีวิตมาติดไว้ท่ีกระดาน เข้าใจของตนเอง) เพ่ือให้เพื่อนกลุ่มอ่ืนได้สังเกตรูปแล้ว 1.2 สิ่งมีชีวิตต่างชนิดกัน เช่น นกแต้วแล้วท้องดา เป็ด สุนัข มี อภิปรายร่วมกนั ลักษณะเป็นอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง) 1.3 สิ่งมีชวี ิตต่างชนิดกนั มลี กั ษณะเหมือนหรือแตกตา่ งกนั เพราะ เหตใุ ด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 5 อ่านช่ือกิจกรรม และหัวขอ้ ทาเป็นคิดเป็น ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับ เรอ่ื งทีจ่ ะเรียนในกิจกรรมนี้ โดยใช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (ลักษณะ ของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ลักษณะของสิ่งมีชีวิตต่างชนิดกัน และลักษณะภายนอกทีป่ รากฏของลกู กับพ่อแม่) 2.2 นักเรียนจะได้เรียนเรื่องน้ีด้วยวิธีใด (จะได้เรียนรู้ผ่านการ สงั เกตและการอภปิ ราย) 2.3 เมื่อเรียนแล้วนกั เรยี นจะทาอะไรได้ (สามารถอธบิ ายเกี่ยวกับ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน ลักษณะของสิ่งมีชีวิต ต่างชนิดกัน และลักษณะภายนอกทปี่ รากฏของลูกกบั พ่อแม)่ 3. ครูชวนนักเรียนทากิจกรรม โดยให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร ตอนท่ี 1 ข้อ 1 และ 2 ในหนังสือเรียนหน้า 5 โดยครูใช้วิธีการอ่านตาม ความเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน แล้วครูตรวจสอบ ความเข้าใจขน้ั ตอนการทากจิ กรรม โดยอาจใช้คาถาม ดงั นี้ 3.1 ในกิจกรรมนี้ เรากาลังจะได้เรียนรู้เก่ียวกับอะไร (ลักษณะ ของส่ิงมีชวี ติ ชนดิ เดยี วกนั ทต่ี า่ งพนั ธก์ุ นั ) 3.2 นักเรียนจะเริ่มทากิจกรรมน้ีอย่างไร (สังเกตลักษณะของ สิ่งมีชีวติ ชนิดเดยี วกัน) 3.3 นกั เรียนจะตอ้ งสงั เกตส่งิ มีชวี ิตชนดิ เดียวกันกพ่ี ันธ์ุ (3 พนั ธ์ุ) สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

21 ค่มู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับชีวิต 3.4 แล้วนักเรียนต้องทาอะไรอีกบ้าง (อภิปรายผลการสังเกต นักเรียนอาจไม่สามาร ถตอบ ภายในกลุ่ม และนาเสนอผลการสงั เกตส่งิ มีชวี ติ ครบทกุ พนั ธ์ุ) คาถามหรืออภิปรายได้ตามแนวคาตอบ เมื่อแน่ใจแล้วว่านักเรียนสามารถทากิจกรรมได้แล้ว ครูให้ คุ ณ ค รู ค ว ร ใ ห้ เ ว ล า นั ก เ รี ย น คิ ด อ ย่ า ง เหมาะสม รอคอยอย่างอดทน และรับฟัง นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ลงมือทากจิ กรรม แนวความคดิ ของนกั เรยี น 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสังเกตและอภิปรายลักษณะของ ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกัน 3 พันธุ์ (1, 8) และวาดรูปส่ิงมีชีวิตลงใน แบบฝึกหัดหรือนารูปที่ถ่ายเอกสารให้ทุกคนในกลุ่มได้ติดลงใน แบบฝึกหัดหน้า 13 - 14 5. จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอลักษณะของสิ่งมีชีวิตชนิด เดียวกันว่ามีลักษณะใดบ้างที่คล้ายกันหรือแตกต่างกัน และติดรูป บนกระดาน 6. เม่ือแต่ละกลุ่มนาเสนอครบและมีรูปสิ่งมีชีวิตของแต่ละกลุ่มติด บนกระดานเรียบร้อยแล้ว ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย เก่ยี วกับลักษณะของสิ่งมชี วี ติ ชนิดเดียวกัน โดยอาจใช้คาถาม ดงั นี้ 6.1 สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันมีลักษณะที่คล้ายกันหรือแตกต่างกัน (ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันจะมีท้ังลักษณะที่คล้ายกันและ แตกตา่ งกัน) 6.2 ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันมีลักษณะคล้ายกันอย่างไร (นักเรียน ตอบตามท่สี งั เกต เช่น สุนัขทัง้ 3 พนั ธ์ุ มรี ูปร่างหน้า ลักษณะ จมกู จานวนขา และลกั ษณะขาคล้ายกัน) 6.3 สิง่ มชี ีวิตชนิดเดียวกนั มีลักษณะแตกตา่ งกันอยา่ งไร (นักเรียน ตอบตามทส่ี งั เกต เชน่ สุนัขพนั ธ์ุที่ 1 และ 3 ขนสนั้ สนุ ขั พันธ์ุ ที่ 2 ขนยาว) 6.4 ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันมีลักษณะท่ีคล้ายกันมากกว่าหรือน้อย กว่าลักษณะที่แตกต่างกัน (ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันมีลักษณะ ที่คล้ายกนั มากกว่าลกั ษณะท่ีแตกต่างกนั 7. ครูอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียนเข้าใจว่าส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดจะมี ลักษณะเฉพาะที่ทาให้สามารถระบุชนิดของส่ิงมีชีวิตน้ันได้ โดย สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันมีลักษณะที่คล้ายกันมากกว่าลักษณะท่ี แตกตา่ งกนั และให้นกั เรยี นบันทกึ ผลลงในแบบฝกึ หัดหนา้ 14 8. ครูชวนนักเรียนทากิจกรรม โดยให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร ตอนท่ี 1 ข้อ 3 ในหนังสือเรียนหน้า 5 โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านตามความ ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชีวิต 22 เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบ ความเข้าใจข้ันตอนการทากจิ กรรม โดยอาจใชค้ าถาม ดงั นี้ 8.1 นักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับอะไร (ลักษณะของส่ิงมีชีวิตต่าง ชนิดกัน) 8.2 นักเรียนจะทากิจกรรมน้ีอย่างไร (สังเกตและอภิปราย ลักษณะของสิ่งมชี ีวิตต่างชนดิ กนั ) 9. ครูชวนนักเรียนแต่ละกลุ่มสังเกตและอภิปรายลักษณะของ ส่ิงมีชีวิตชนิดต่าง ๆ จากรูปที่ติดบนกระดาน (1), (8) โดยอาจใช้ คาถามดงั ต่อไปนี้ 9.1 สงิ่ มชี ีวติ ต่างชนิดกนั มีลกั ษณะคล้ายกนั หรือแตกต่างกนั อย่างไร (นักเรียนตอบตามที่สังเกต เช่น แตกต่างกัน โดย สุนัขมีขา 4 ขา แต่นกมีขา 2 ขา และขามีลักษณะแตกต่าง กนั ) 9.2 สิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันมีลักษณะที่คล้ายกันมากกว่าหรือ น้อยกว่าลักษณะที่แตกต่างกัน (สิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันมี ลักษณะทแี่ ตกตา่ งกันมากกวา่ ลักษณะท่คี ลา้ ยกนั ) 9.3 เพราะเหตุใดส่ิงมีชีวิตต่างชนิดกันจึงมีลักษณะที่แตกต่างกัน (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 10. ครใู หน้ ักเรยี นบนั ทึกผลเก่ียวกบั ลกั ษณะของส่งิ มชี วี ิตตา่ งชนดิ กัน ในแบบฝึกหัดหนา้ 14 11. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า ส่ิงมีชีวิตชนิด เดียวกันแต่ต่างพันธุ์จะมีลักษณะส่วนใหญ่คล้ายกันและมีลักษณะ บางอย่างแตกต่างกัน แต่สิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันจะมีลักษณะที่ แตกต่างกัน โดยส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดจะมีลักษณะเฉพาะที่ทาให้ สามารถระบุชนดิ ของสิ่งมชี ีวติ ได้ (13) 12. นกั เรียนตอบคาถามฉนั รู้อะไร ตอนท่ี 1 ในแบบฝึกหดั หน้า 17 13. ครูชวนนักเรียนทากิจกรรมต่อไป โดยให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร ตอนท่ี 2 ในหนังสือเรียนหน้า 5 โดยครูใช้วิธีการอ่านตามความ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบ ความเขา้ ใจข้ันตอนการทากจิ กรรม โดยอาจใช้คาถาม ดงั นี้ 13.1 ในกิจกรรมน้ี ตอนท่ี 2 เรากาลังจะได้เรียนรู้เก่ียวกับอะไร (ลักษณะภายนอกท่ีปรากฏของลูกกับพ่อแม่ที่เป็นส่ิงมีชีวิต ชนิดเดยี วกนั ) สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

23 ค่มู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ 13.2 นักเรียนจะเร่ิมทากิจกรรมนี้อย่างไร (เล่นเกมจับคู่รูปภาพ สงิ่ มีชีวติ ทเ่ี ปน็ ลูกกับพ่อแม่ท่ีครูเตรยี มไว้) 13.3 หลังจากเล่นเกมแล้ว ต้องทาอย่างไร (เลือกส่ิงมีชีวิตมา 1 ครอบครัว แล้วสังเกตลักษณะภายนอกท่ีปรากฏที่ คลา้ ยกันระหว่างลกู กบั พ่อแม)่ 13.4 นักเรียนบันทึกผลอย่างไร (วาดรูปหรือติดรูปลูกกับพ่อแม่ ในแบบฝึกหัดหน้า 15 และบันทึกลักษณะภายนอกที่ ปรากฏของลูกที่คล้ายกับสมาชิกในครอบครัวลงในตาราง ในแบบฝกึ หัดหน้า 16) 14. เม่ือทากิจกรรมเสร็จแล้ว ครูอาจสุ่มนักเรียนนาเสนอผลการ สงั เกต 15. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการสังเกต โดยครูอาจใช้ คาถาม ดงั น้ี 15.1 จากรูปครอบครวั ของสิง่ มชี ีวิตที่เลอื ก ลกู มีลกั ษณะภายนอก ที่ปรากฏใดบ้างท่ีคล้ายกับพ่อแม่ (นักเรียนตอบตามที่ สังเกตได้ เชน่ ถ้าเป็นคน อาจพบสีผิว ลักยิ้ม สตี า ความสูง ถ้าเป็นสัตว์ อาจพบสีขน ความยาวขน และถ้าเป็นพืช อาจ พบลักษณะใบ ลักษณะลาต้น) 15.2 จากกิจกรรม นกั เรียนคิดว่าเพราะเหตุใดลกู จงึ มลี ักษณะ ภายนอกทีป่ รากฎคลา้ ยกบั พ่อแม่ (เพราะลูกเกิดมาจากพ่อ และแม่) 15.3 ลักษณะทเ่ี หมือนพอ่ หรือเหมือนแม่ เรยี กลักษณะนี้ว่าอะไร (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) ถา้ นักเรยี นตอบไมไ่ ด้ ครใู ห้นักเรียนอา่ นจบั ใจความใน นานานา่ รู้ 16. ครูพูดคุยกับนักเรียนได้ว่าลักษณะของลูกที่คล้ายกับพ่อแม่เป็น ลักษณะทางพันธุกรรม และสามารถถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ได้ และอาจใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ งลักษณะทางพนั ธกุ รรมของ สง่ิ มีชีวิต ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชวี ิต 24 17. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั ลงข้อสรุปว่าสิง่ มชี วี ติ ในครอบครัวเดียวกนั การเตรยี มตัวล่วงหน้าสาหรบั ครู จะมลี ักษณะภายนอกท่ีปรากฏคลา้ ยกัน และลกั ษณะทค่ี ล้ายกนั เพื่อจัดการเรยี นร้ใู นครงั้ ถดั ไป เหล่านั้นจะไดร้ ับการถา่ ยทอดมาจากพอ่ แม่ (13) ในคาบถัดไป นกั เรยี นจะได้อ่านเร่ืองท่ี 18. นักเรียนตอบคาถามฉันรู้อะไร ตอนที่ 2 และต้ังคาถามใน 2 ทรพั ยากรธรรมชาติกบั มนษุ ย์ อยากรู้อีกว่า ในแบบฝึกหัดหน้า 18 โดยครูอาจให้นักเรียน นาเสนอคาถามคนละ 1 ข้อหนา้ ช้นั เรียน และให้นักเรยี นอภิปราย ครูอาจเตรียมรูปทรัพยากรธรรมชาติ คาตอบวา่ ควรเป็นอย่างไรหรือจะหาคาตอบของคาถามจากที่ใดได้ เช่น ดิน น้า อากาศ แสงแดด และส่ิงท่ี บา้ ง ได้มาจากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดินสอ ไม้บรรทัด แก้วน้าพลาสติก พร้อมเขียน 19. ครูให้นักเรียน ตรว จ ส อบ ตน เ องว่ า ได้ ท า อ ะ ไรเ ห มื อ น ช่ือใต้รูป นักวิทยาศาสตร์บ้างในการทากจิ กรรมนี้ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

25 ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชีวิต แน แนวคาตอบในแบบฝึกหัด สงั เกตและอภิปรายลักษณะของสิ่งมีชวี ติ ชนดิ เดยี วกนั และสิง่ มีชวี ติ ต่างชนดิ กนั ขนึ้ อยกู่ ับทส่ี ่ิงมีชีวติ ท่นี ักเรียนเลอื ก เชน่ สุนัข ไทย ปอมเมอริเดยี น แจ็ครสั เซลล์เทอรเ์ รยี ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกบั ชีวิต 26 คาตอบขึ้นกับการสังเกต เช่น ลักษณะจมกู ลักษณะน้วิ เท้า รปู หนา้ จานวนขา คาตอบขนึ้ กับการสงั เกต เช่น ลักษณะเส้นขน สีขน คาตอบขนึ้ กับตัวอยา่ งส่ิงมชี ีวิต เช่น สุนัข นก ไก่ แมว ปลา คาตอบขึ้นกับการสงั เกต เช่น ไมม่ ีลกั ษณะทคี่ ล้ายกนั คาตอบข้นึ กับการสงั เกต เช่น ลกั ษณะขน สีขน จานวนขา สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

27 คู่มอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ติ สังเกต เปรยี บเทียบ และอธิบายลักษณะภายนอกท่ีปรากฏของลกู กับพ่อแม่ ขึ้นอย่กู ับสิง่ มีชีวติ ท่นี กั เรยี นเลอื ก เช่น สนุ ขั ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกับชวี ิต 28 2. ใบหู √ 3. สจี มูก √√ √√ นักเรยี นตอบตามท่ีสงั เกตได้ สถาบันสง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

29 คมู่ ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชีวิต ส่ิงมีชวี ติ ชนดิ เดยี วกนั มลี ักษณะทั้งท่ีคลา้ ยกนั เช่น ลกั ษณะจมูก ลักษณะนิ้วเทา้ รปู หนา้ จานวนขา และลกั ษณะที่แตกต่างกัน เชน่ ลักษณะเสน้ ขน สขี น ส่งิ มีชีวติ ต่างชนดิ กนั มีลักษณะทแ่ี ตกต่างกัน เช่น ลกั ษณะเสน้ ขน สขี น ลักษณะจมูก ลกั ษณะนว้ิ เท้า รปู หนา้ สง่ิ มีชวี ติ ชนดิ เดยี วกนั แต่ต่างพนั ธ์จุ ะมีลกั ษณะบางลักษณะคลา้ ยกัน และมีลกั ษณะ บางลกั ษณะแตกตา่ งกนั สว่ นส่งิ มีชีวติ ต่างชนิดกันจะมลี ักษณะที่แตกต่างกนั ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ค่มู อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ติ 30 นกั เรยี นตอบตามท่ีสงั เกตได้ เชน่ สีขน ใบหู สีจมกู นักเรยี นตอบตามท่ีสงั เกตได้ เช่น สขี นไดร้ บั มาจากพอ่ สีจมกู ไดร้ บั มาจากแม่ ใบหูได้รบั มาจากท้ังพ่อและแม่ ลูกจะมีลักษณะภายนอกทีป่ รากฏบางลักษณะคล้ายพ่อ บางลกั ษณะคลา้ ยแม่ และบางลกั ษณะคล้ายทั้งพ่อและแม่ สงิ่ มีชีวิตแตล่ ะชนดิ จะมีลักษณะเฉพาะทีท่ าใหส้ ามารถระบุชนดิ ของสิง่ มชี ีวติ นน้ั ได้ และ สง่ิ มีชวี ติ ในครอบครัวเดียวกันจะมลี กั ษณะภายนอกท่ีปรากฏคล้ายกัน โดยลกั ษณะภายนอก ครูกระตุ้นใหน้ กั เรียนฝึกตงั้ คาถามเกยี่ วกับเร่อื งทีส่ งสัย หรอื อยากรเู้ พิ่มเตมิ หรอื สง่ิ ท่ียังไม่เขา้ ใจจากการทากิจกรรมในหอ้ งเรียน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

31 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ิต แนวการประเมินการเรียนรู้ การประเมินการเรยี นร้ขู องนกั เรยี นทาได้ ดังนี้ 1. ประเมินความร้เู ดิมจากการอภิปรายในชนั้ เรยี น 2. ประเมินการเรียนรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจัดการเรยี นรแู้ ละแบบฝกึ หัด 3. ประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จากการทากิจกรรมของนกั เรยี น การประเมินจากการทากจิ กรรมท่ี 1 สิ่งมีชวี ติ ใดคลา้ ยกันบ้าง ระดับคะแนน 0 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง 2 คะแนน หมายถงึ ดี 1 คะแนน หมายถึง พอใช้ สิง่ ท่ปี ระเมนิ คะแนน 1. การสงั เกต 2. การลงความเห็นจากข้อมูล 13. การตีความหมายข้อมลู และการลงขอ้ สรุป รวมคะแนน ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดับความสามารถของนกั เรียน โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดังนี้ 2 คะแนน หมายถึง ดี 1 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 0 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรงุ ทักษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 1. การสงั เกต ใช้ประสาทสมั ผัสเก็บ ใช้ประสาทสัมผสั เกบ็ ไมส่ ามารถใชป้ ระสาทสัมผัส รายละเอียดของลักษณะ รายละเอียดของลักษณะ เก็บรายละเอยี ดของลกั ษณะ ส่ิงมีชีวติ ด้วยตนเองโดยไมเ่ พ่ิม สงิ่ มีชวี ิต โดยต้องอาศัยการ ส่งิ มชี วี ิต แม้วา่ ครูหรือผูอ้ ื่น ความคดิ เหน็ ช้ีแนะของครูหรือผู้อื่น หรอื ใช้ ช่วยแนะนาหรอื ชี้แนะ ประสาทสมั ผัสไดด้ ้วยตัวเอง แต่ เพ่ิมเติมความคิดเห็น ⎯ สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ 32 ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี พอใช้ ควรปรับปรงุ 8. การลงความเหน็ เพ่มิ เติมความคิดเห็นเก่ียวกบั เพิ่มเติมความคิดเห็นเก่ยี วกบั ไม่สามารถแสดงความ จากข้อมูล ขอ้ มลู ท่ีมอี ยู่อยา่ งถูกต้อง มี ขอ้ มูลท่ีมอี ยู่อยา่ งถกู ต้อง คดิ เหน็ เกี่ยวกับข้อมูลทีม่ ีอยู่ เหตุผล จากความรหู้ รือ บางสว่ น พยายามให้เหตุผลจาก หรอื เพม่ิ เตมิ ความคิดเหน็ ประสบการณ์เดิมได้ดว้ ยตนเอง ความรูห้ รือประสบการณเ์ ดิมได้ อย่างไมม่ ีเหตผุ ล แม้ว่าครู จากการช้ีแนะของครูหรือผูอ้ ่ืน หรือผูอ้ นื่ ชว่ ยแนะนาหรือ ชแี้ นะ 13. การ ตีความหมายข้อมูลจากการ ครูหรอื ผูอ้ ื่นตอ้ งช่วยแนะนา ไม่สามารถตีความหมาย ตีความหมายข้อมูล สังเกต การอภิปราย และลง หรอื ชี้แนะจึงจะสามารถ ขอ้ มูลจากการสงั เกต การ และการลงขอ้ สรปุ ข้ อ ส รุ ป ไ ด้ ด้ ว ย ต น เ อ ง ว่ า ตีความหมายข้อมลู จากการ อภปิ ราย และลงข้อสรปุ ได้วา่ สิ่ ง มี ชี วิ ต แ ต่ ล ะ ช นิ ด จ ะ มี สังเกต การอภิปราย และลง สง่ิ มีชีวิต แต่ละชนิดจะมี ลักษณะเฉพาะ ทาให้สามารถ ข้อสรุปไดว้ า่ สิง่ มชี วี ติ แต่ละชนิด ลักษณะเฉพาะ ทาใหส้ ามารถ ระบุชนิดของส่ิงมีชีวิตนั้นได้ จะมลี ักษณะเฉพาะ ทาให้ ระบุชนดิ ของสิง่ มชี ีวติ นั้นได้ และส่ิงมีชีวิตใน คร อบ ค รั ว สามารถระบุชนิดของส่ิงมีชวี ติ และสิง่ มชี วี ติ ในครอบครัว เดียวกันมีลักษณะภายนอกที่ นัน้ ได้ และสง่ิ มีชีวติ ในครอบครัว เดียวกนั จะมีลักษณะ ปรากฏคล้ายกัน โดยลักษณะ เดยี วกนั มลี กั ษณะภายนอกท่ี ภายนอกทปี่ รากฏคลา้ ยกัน ภายนอกท่ีปรากฏของลูกคล้าย ปรากฏคลา้ ยกัน โดยลักษณะ โดยลกั ษณะภายนอกที่ พอ่ แม่ เปน็ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รร ภายนอกทปี่ รากฏของลกู คลา้ ย ปรากฏของลูกคล้ายพอ่ แม่ รม ซงึ่ ได้รบั การถ่ายทอดจากพ่อ พอ่ แม่ เป็นลักษณะทางพนั ธุกรร เปน็ ลักษณะทางพนั ธกุ รรรม แม่ไปสู่ลกู รม ซ่ึงได้รบั การถ่ายทอดจากพ่อ ซ่ึงไดร้ ับการถ่ายทอดจากพ่อ แมไ่ ปสู่ลกู แม่ไปสูล่ กู แม้วา่ ครูหรือผู้อืน่ ชว่ ยแนะนาหรือช้แี นะ สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

33 คมู่ อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชีวติ เรื่องที่ 2 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับมนุษย์ ในเร่ืองน้ีนักเรียนจะได้เรียนรู้เก่ียวกับส่ิงท่ีเป็นทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและคมุ้ คา่ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สารวจทรพั ยากรธรรมชาติและอภิปรายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใน ท้องถิน่ 2. สืบค้นข้อมูลและบรรยายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติท่ีก่อให้เกิด ปัญหาส่ิงแวดล้อมในท้องถ่ิน 3. อภิปรายและนาเสนอการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด และคุม้ คา่ เวลา 5 ชวั่ โมง วัสดุ อุปกรณ์สาหรับทากจิ กรรม - สื่อการเรยี นรู้ หน้า 8–16 หน้า 19–26 1. หนงั สือเรยี น 2. แบบฝกึ หัด แหลง่ เรยี นรู้ - แนวการจัดการเรียนรู้ (เวลา 1 ช่วั โมง) ในการตรวจสอบความรู้ ครูเพียงรับ ฟังเหตุผลของนักเรียน และยังไม่เฉลย ข้ันตรวจสอบความรู้ (5 นาท)ี คาตอบใด ๆ ให้กับนักเรียน แต่ชักชวน 1. ครูใช้รูปสิ่งที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดิน น้า อากาศ ถ่านหิน นักเรียนไปหาคาตอบด้วยตนเองจากการ อา่ นเนอื้ เรือ่ ง และส่ิงที่ได้มาจากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น แก้วน้าพลาสติก ดิ น ส อ ไ ม้ บ ร ร ทั ด น า ม า ใ ห้ นั ก เ รี ย น เ ลื อ ก รู ป ที่ เ ป็ น ทรัพยากรธรรมชาติพร้อมบอกเหตุผลแต่ครูยังไม่เฉลย จากน้ัน ชักชวนใหน้ ักเรยี นหาคาตอบจากการอา่ นเนอื้ เร่ือง ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หน่วยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชีวติ 34 ขั้นฝึกทกั ษะจากการอ่าน (45 นาที) ปัญหาท่อี าจพบจากการอ่าน 2. นกั เรียนเปดิ หนังสือเรียนหน้า 8 อา่ นชื่อเร่อื ง จากนั้นนักเรยี นอ่าน ส่งิ ทีส่ ังเกตได้ ครอู าจสงั เกตเห็นวา่ คาถามชวนคิด และให้นักเรียนตอบคาถามตามความเข้าใจของ นักเรียนยังอ่านคาว่า ทรัพยากรธรรมชาติ ตนเอง ครูบันทึกคาตอบของนักเรียนบนกระดานเพ่ือใช้ ไม่คล่อง เปรยี บเทยี บกับคาตอบหลังการอา่ น แนวทางการช่วยเหลือ ครูควรเขยี นคาอา่ นแลว้ ใหน้ ักเรียนฝกึ อา่ น 3. นักเรียนอ่านคาศัพท์ใน อ่านเป็น หากนักเรียนยังอ่านไม่ได้ให้ครู สอนวิธีสะกดคา โดยอาจเขียนคาศัพท์บนกระดานโดยไม่อธิบาย นักเรียนอาจไม่สามารถตอบคาถาม และให้นกั เรียนหาความหมายจากการอ่านในเนื้อเรื่อง หรืออภิปรายได้ตามแนวคาตอบ คุณครู ควรให้เวลานักเรียนคิดอย่างเหมาะสม 4. ครใู หน้ กั เรียนอา่ นเน้ือเรื่อง ยอ่ หนา้ ท่ี 1–2 โดยครอู าจใช้วิธฝี ึกอ่าน ร อ ค อ ย อ ย่ า ง อ ด ท น แ ล ะ รั บ ฟั ง ตามความเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูนา แนวความคิดของนกั เรยี น อภิปรายเพ่ือตรวจสอบความรู้ท่ีได้จากการอ่านเน้ือเร่ือง โดยถาม คาถาม ดังน้ี 4.1 ส่ิงต่าง ๆ รอบตัวเราจากเรื่องท่ีอ่านมีอะไรบ้าง (กระดาษ ดินสอ ไมบ้ รรทดั น้ามนั เช้อื เพลิง แกว้ นา้ พลาสตกิ ) 4.2 สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราล้วนได้มาจากไหน (ได้มาจาก ทรพั ยากรธรรมชาติ) 4.3 ทรัพยากรธรรมชาติ คืออะไร (ส่ิงต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนเองตาม ธรรมชาติและมนุษย์สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้) 4.4 ส่ิงใดบ้างท่ีเป็นทรัพยากรธรรมชาติ (ปิโตรเลียม ถ่านหิน อากาศ) 4.5 นักเรียนรู้จักทรัพยากรธรรมชาติในข้อ 4.4 หรือไม่ อธิบาย (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 5. ครูชวนนักเรียนอ่านนานาน่ารู้ ทีละย่อหน้า และพูดคุยเก่ียวกับ ปิโตรเลยี ม ถ่านหิน และอากาศ 6. นักเรียนอ่านเนื้อเร่ือง ย่อหน้าท่ี 3 โดยครูอาจใช้วิธีฝึกอ่านตาม ความเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูนา อภิปรายเพื่อตรวจสอบความรู้ที่ได้จากการอ่านเนื้อเร่ือง โดยถาม คาถาม ดังนี้ 6.1 เพราะเหตใุ ด เราจงึ ตอ้ งใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด และคุ้มค่า (เพราะทรัพยากรธรรมชาติบางอย่างมีจากัด บางอยา่ งเกดิ ทดแทนได้ แต่ใช้เวลานานในการเกิด) สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

35 คมู่ อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชีวติ 6.2 เรามีวิธีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอ ย่างไร จึงจะมี ทรัพยากรธรรมชาติไว้ใช้ได้นานและย่ังยืน (ลดการใช้ ใช้ซ้า นากลบั มาใชใ้ หม่ และหลกี เล่ยี งการใชท้ รัพยากรธรรมชาต)ิ ข้นั สรุปจากการอ่าน (10 นาท)ี การเตรียมตัวล่วงหนา้ สาหรับครู เพอ่ื จดั การเรียนรู้ในครง้ั ถัดไป 7. ครูให้นักเรียนจัดกลุ่มรูปทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงที่ได้มาจาก ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้ในข้ันนาเข้าสูบ่ ทเรยี นอีกคร้ังเปรียบเทียบ ในคาบ ถัดไ ป นักเรียนจะ ไ ด้ ท า กบั ผลการจดั กลมุ่ ทีน่ กั เรยี นทาไวใ้ นชว่ งตน้ ชั่วโมง กิจกรรมท่ี 1.1 ทรัพยากรธรรมชาติ รอบตวั มอี ะไรบา้ ง 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปจากการอ่านว่า ทรัพยากรธรรมชาติเป็นส่ิงท่ีเกิดข้ึนเองตามธรรมชาติและมนุษย์ ค รู อ า จ ใ ห้ นั ก เ รี ย น ไ ป ส า ร ว จ สามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ เช่น ปิโตรเลียม ถ่านหิน อากาศ ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นและการใช้ และเราควรใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและคุ้มค่า โดย ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดย วิธีลดการใช้ ใช้ซ้า นากลับมาใช้ใหม่ และหลีกเลี่ยงการใช้ สอบถามจากผู้ปกครองหรือคนในท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติ ซง่ึ อาจจะใชว้ ัสดุอย่างอ่นื แทน ก่อนเรียนในชั่วโมงถัดไป และเตรียม แนะนาแหล่งการเรียนรู้ เช่น เว็บไซต์ที่ 9. ครูให้นักเรียนตอบคาถามรู้หรือยัง ในแบบฝึกหัดหน้า 19 จากนั้น เชื่อถือได้และคาท่ีใช้ค้นหา เพื่อให้ ครูเปรียบเทียบคาตอบในชวนคิดท่ีครูบันทึกไว้เพื่อตรวจสอบ นักเรียนไปสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ ความรู้ก่อนอา่ นและหลังอ่านของนกั เรยี น ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ก่อให้เกิดปัญหา สิ่งแวดลอ้ มในท้องถ่นิ 10. ครูให้นักเรียนอ่านคาถามสาคัญ เพื่อชักชวนให้นักเรียนทา กจิ กรรมต่อไป ⎯ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ 36 แนวคาตอบในแบบฝึกหดั ส่ิงทีเ่ กิดข้ึนเองตามธรรมชาติและมนษุ ยน์ ามาใชป้ ระโยชน์ เพราะทรพั ยากรธรรมชาติบางอย่างมจี ากดั บางอย่างเกิดทดแทนได้ แตใ่ ช้เวลานาน ในการเกดิ ลดการใช้ ใชซ้ า้ นากลบั มาใชใ้ หม่ และหลีกเลี่ยงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเลือกใช้วัสดุอ่ืนทดแทน สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

37 คมู่ อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับชวี ิต กิจกรรมท่ี 2.1 ในทอ้ งถน่ิ มีการใชท้ รัพยากรธรรมชาติอยา่ งไร กจิ กรรมนนี้ กั เรยี นจะไดอ้ ภปิ รายเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และบรรยายการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตทิ ี่กอ่ ให้เกดิ ปญั หา สงิ่ แวดล้อมในท้องถนิ่ เวลา 2 ชัว่ โมง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สารวจทรัพยากรธรรมชาติและอภิปราย การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ในท้องถ่ิน 2. สืบค้นข้อมูลและบรรยายการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ก่อให้เกิด ปญั หาสิง่ แวดล้อมในทอ้ งถนิ่ วสั ดุ อปุ กรณ์สาหรบั ทากจิ กรรม ส่งิ ท่ีครตู อ้ งเตรยี ม/กลุ่ม - ส่งิ ที่นักเรียนต้องเตรียม - ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การจัดกระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มลู การลงความเหน็ จากข้อมูล การตคี วามหมายข้อมูลและการลงขอ้ สรปุ แนวการจดั การเรียนรู้ 1. ครูทบทวนความรู้เก่ียวกับทรัพยากรธรรมชาติที่ได้เรียนรจู้ ากเรื่อง ท่ีอ่าน โดยครูอาจใช้คาถามดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 ทรัพยากรธรรมชาติหมายถึงอะไร (สิ่งที่เกิดข้ึนเองตาม ธรรมชาติและมนุษย์นามาใชป้ ระโยชน์) 1.2 ทรัพยากรธรรมชาติมีอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามท่ีเข้าใจ ของตนเอง เชน่ น้า อากาศ ปิโตรเลียม ถ่านหนิ ) 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของ มนุษย์ โดยครูถามต่อว่าในแต่ละวัน เราใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติอะไรบ้าง และใช้อย่างไร (นักเรียนตอบตาม ความเขา้ ใจของตนเอง) ⎯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คู่มือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หนว่ ยที่ 1 ทรัพยากรธรรมชาติกับชีวิต 38 3. ครูใหน้ กั เรียนเปดิ หนังสือเรยี นหน้า 10 อา่ นช่อื กิจกรรม และหวั ข้อ ทาเปน็ คดิ เปน็ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนเกี่ยวกับเร่ือง ท่จี ะเรียนในกจิ กรรมนี้ โดยใช้คาถามดงั ต่อไปนี้ 3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะได้เรียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร (ส่ิงท่ีเป็น ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น และการใช้ทรัพยากรธรรมชาตทิ ี่ก่อให้เกิดปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม ในท้องถนิ่ ) 3.2 นักเรียนจะได้เรียนเร่ืองน้ีด้วยวิธีใด (การสารวจ และสืบค้น ข้อมลู ) 3.3 เมอ่ื เรยี นแล้วนักเรียนจะทาอะไรได้ (สามารถอภปิ รายการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน และบรรยายการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติทกี่ ่อให้เกิดปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มในท้องถ่ิน) 4. จากน้ันครูชวนนกั เรียนทากิจกรรม โดยให้นักเรียนอ่านทาอย่างไร ในหนังสือเรียนหน้า 10 โดยครูใช้วิธีการอ่านตามความเหมาะสม กับความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูตรวจสอบความเข้าใจ ขัน้ ตอนการทากจิ กรรม โดยอาจใชค้ าถาม ดังน้ี 4.1 นักเรียนจะต้องสารวจอะไร (สารวจทรัพยากรธรรมชาติใน ท้องถ่นิ ) 4.2 นักเรียนจะต้องอภิปรายเก่ียวกับเร่ืองอะไร (เก่ียวกับการใช้ ประโยชนจ์ ากทรัพยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถน่ิ ) 4.3 นักเรียนจะหาข้อมูลเก่ียวกับการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นจากที่ใด (จากการสอบถาม ผู้ปกครองหรือคนในท้องถ่ิน หรือสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ ท่ีเชือ่ ถอื ได)้ 4.4 นักเรียนจะสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับเร่ืองอะไร (การใช้ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ่ีก่อให้เกิดปญั หาสง่ิ แวดล้อมในท้องถน่ิ ) 4.5 นักเรียนใช้วิธีการใดในการสืบค้นข้อมูล (นักเรียนตอบตามที่ ได้ทา เช่น ใช้แหล่งข้อมูลท่ีครูเตรียมไว้ให้ หาข้อมูลใน อินเทอรเ์ น็ตโดยครูบอกคาค้นหาให)้ 5. เมอื่ แนใ่ จแลว้ วา่ นกั เรียนสามารถทากิจกรรมได้แลว้ ครูให้นักเรียน แต่ละกลุ่มเร่ิมบันทึกชื่อทรัพยากรธรรมชาติที่ได้สารวจมาลงใน แบบฝกึ หดั หนา้ 20 และคอยตรวจความถูกตอ้ ง สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ⎯

39 ค่มู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เล่ม 1 | หนว่ ยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาติกบั ชวี ิต 6. ครูสุ่มนักเรียนออกมานาเสนอช่ือทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นที่ นักเรียนอาจไม่สามารถตอบคาถาม นักเรียนสารวจมา ถ้ามีนักเรียนบางคนไม่เข้าใจและระบุช่ือ หรืออภิปรายได้ตามแนวคาตอบ คุณครู ทรัพยากรธรรมชาติไม่ถูกต้อง ครูควรนาอภิปรายให้ท้ังชั้นเข้าใจ ควรให้เวลานักเรียนคิด อย่างเหมาะสม ตรงกนั ร อ ค อ ย อ ย่ า ง อ ด ท น แ ล ะ รั บ ฟั ง แนวความคดิ ของนักเรยี น 7. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายข้อมูลการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ินท่ีได้สอบถามมาก่อนล่วงหน้า และ ครูควรเตรียมข้อเสนอแนะหรือเตรียมแหล่งข้อมูลให้นักเรียนไว้ ถา้ นกั เรียนสบื คน้ ขอ้ มลู ลว่ งหนา้ มาไมเ่ พยี งพอ 8. ครสู มุ่ นกั เรยี นนาเสนอการใชป้ ระโยชนท์ รพั ยากรธรรมชาติ ใน ท้องถ่ิน โดยครูบันทึกผลการนาเสนอของนักเรียนบนกระดาน จากนั้นครชู วนนักเรยี นอภิปรายโดยอาจใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้ 8.1 ในท้องถิ่นมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร บ้าง (นักเรียนตอบตามข้อมูลท่ีได้ เช่น ช้าน้าในการอุปโภค ใช้ดนิ ในการเพาะปลกู ใช้ไม้จากป่าไมใ้ นการสรา้ งท่ีอยู่อาศยั ) 8.2 ในท้องถิ่นมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติแต่ละ อย่างมากน้อยเพียงใด และใช้อย่างไร (นักเรียนตอบตามที่ คิด เช่น มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้ามากเพราะทุกคน ตอ้ งใช้ทุกวนั ) (8) 9. เ มื่ อ นั ก เ รี ย น อ ภิ ป ร า ย ข้ อ มู ล ก า ร ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์ จ า ก ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ เ รี ย บ ร้ อ ย แ ล้ ว ใ ห้ นั ก เ รี ย น บั น ทึ ก ล ง ใ น แบบฝึกหดั หน้า 21 10. ครูชักชวนนักเรียนต่อไปว่าเม่ือมนุษย์มีการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติแล้ว จะก่อให้เกิดปัญหาส่ิงแวดล้อมใน ท้องถ่ินหรือไม่ อย่างไร ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพ่ือหาคาตอบ โดยครูอาจให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติที่ก่อให้เกิดปัญหาส่ิงแวดล้อมกลุ่มละ 1 อย่าง โดยไมซ่ า้ กนั บนั ทึกผลในแบบฝึกหัดหนา้ 22 แล้วนาเสนอ ข้อมูลร่วมกันทัง้ ช้นั (6) 11. เม่ือนักเรียนนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติท่ี ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้ว ครูชวนนักเรียนอภิปรายโดย อาจใช้คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี 11.1 ในท้องถ่ินมีปัญหาสิ่งแวดล้อมท่ีเกิดจากการ ใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ อะไรบา้ ง อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตาม ⎯ สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยท่ี 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ ับชวี ติ 40 ข้อมูลทสี่ ืบค้นมา เช่น น้าเสยี โดยคนในท้องถิ่นใช้น้าแล้ว การเตรยี มตวั ล่วงหนา้ สาหรับครู ปลอ่ ยนา้ เสยี ลงแหลง่ นา้ ) (8) เพ่อื จดั การเรยี นรู้ในครงั้ ถัดไป 11.2 นักเรียนจะมีวิธีการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นใน ท้องถ่ินหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ในคาบถัดไป นักเรยี นจะได้ทา ของตนเอง) กจิ กรรมท่ี 2.2 ใชท้ รัพยากรธรรมชาติ 12. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่า ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น อยา่ งประหยัดและคุ้มค่าได้อย่างไร มีหลายอย่าง เช่น น้า อากาศ ป่าไม้ มนุษย์ใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติมากมาย เช่น ใช้เป็นอาหาร ใช้ทาเครื่องใช้ 1. ครูอาจให้นักเรียนเลือกเร่ืองที่อ่าน ใช้ทาท่ีอยู่อาศัย ใช้ในการเพาะปลูก โดยคนในท้องถิ่นมีการใช้ กลุ่มละ 1 เร่อื ง แล้วให้อ่าน สรปุ ทรัพยากรธรรมชาติบางอย่างแล้วก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และเตรียมนาเสนอให้น่าสนใจให้ เชน่ น้าเสยี อากาศเปน็ พิษ (13) เพื่อนฟังในชั่วโมงถัดไป โดยอาจ 13. นักเรียนตอบคาถามฉันรู้อะไร ในแบบฝึกหัดหน้า 22-23 และ ให้ผู้ปกครองช่วยในการอ่านจับ ต้งั คาถามใน อยากรู้อีกวา่ ในแบบฝกึ หดั หน้า 23 และถ้ามเี วลา ใจความ ใหน้ ักเรียนนาเสนอคาถามคนละ 1 ขอ้ หน้าชั้นเรยี น 14. ครูให้นักเรียนตรวจสอบตนเองว่าได้ทาอะไรเห มื อน 2. ครูให้สอบถามข้อมูลจากแหล่ง นักวิทยาศาสตรบ์ ้าง เรียนรู้ต่าง ๆ เช่น สอบถามจาก ผู้ปกครองหรือ คนในท้อ ง ถ่ิ น เก่ียวกบั การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ ใ น เ รื่ อ ง ท่ี อ่ า น ใ ห้ ป ร ะ ห ยั ด แ ล ะ คมุ้ ค่า 3. ครูเตรียมรูปทรัพยากรธรรมชาติที่ อุ ด ม ส ม บู ร ณ์ แ ล ะ รู ป ทรัพยากรธรรมชาติท่ีเสื่อมโทรม เช่น ภูเขาท่ีมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และภูเขาหวั โล้น สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ⎯

41 ค่มู อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ป.3 เลม่ 1 | หน่วยที่ 1 ทรพั ยากรธรรมชาตกิ บั ชวี ิต แนวคาตอบในแบบฝกึ หดั 1. สารวจทรัพยากรธรรมชาตแิ ละอภิปรายการใช้ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถน่ิ 2. สบื คน้ ขอ้ มูลและบรรยายการใชท้ รัพยากรธรรมชาติท่กี ่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในท้องถ่นิ นกั เรียนบนั ทกึ ตามทส่ี ังเกตได้ เชน่ ดนิ นา้ ⎯ สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook