¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 151 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๒. การแปลมคธเปน ไทยและแปลไทยเปน มคธ ลำดบั การแปลมคธเปนไทยและแปลไทยเปนมคธในวาจกท้งั ๕ ของอาขยาต ดงั น้ี ๑. ประโยคกตั ตุวาจก : แปลมคธเปน ไทย มีลำดบั การแปลดังน้ี ๑. อาลปนะ ๒. นิบาตตน ขอความ ๓. กาลสัตตมี ๔. ประธาน ๕. บทที่เนือ่ งดวยประธาน ๖. กิริยาคุมพากย (อาขยาต) ๗. บททเ่ี น่อื งดว ยกิริยาคมุ พากย (อาขยาต) ตวั อยางประโยคกัตตุวาจก บาลี : อยํ๑ มหาชโน๒ กหุ ึ๓ คจฉฺ ต๔ิ ฯ ไทย : อ.มหาชน๒ น้ี๑ จะไป๔ ในที่ไหน๓ ฯ อยํ : บทท่เี นื่องดวยประธาน ประธาน มหาชโน : บทที่เนอื่ งดว ยกิริยาคมุ พากย กริ ยิ าคมุ พากย กุหึ : คจฉฺ ติ : บาลี : ภนฺเต๑ สเจ๒ อยยฺ า๓ อมิ ํ๔ เตมาสํ๕ อธิ ๖ วเสยยฺ ุ๗ ฯ ไทย : ขา แตทานผูเ จรญิ ๑ ถา วา ๒ อ.พระผเู ปน เจา ท.๓ พึงอย๗ู ในท่นี ๖้ี ตลอดหมวดแหงเดอื นสาม๕ นี้ ไซร๔ ฯ ภนเฺ ต : อาลปนะ สเจ : นิบาตตน ขอ ความ อยยฺ า : ประธาน อิมํ เตมาสํ อิธ : บทที่เนอื่ งดว ยกิรยิ าคมุ พากย วเสยยฺ ุ : กิรยิ าคมุ พากย เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 151
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 152 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò บาลี : ตสฺม๑ึ สมเย๒ สตฺถา๓ ปริสมชฺเฌ๔ ธมมฺ ํ๕ เทเสติ๖ ฯ ไทย : ในสมัย๒ น้ัน๑ อ.พระศาสดา๓ ยอ มทรงแสดง๖ ซึง่ ธรรม๕ ในทามกลางแหงบริษัท๔ฯ ตสมฺ ึ สมเย : กาลสัตตมี สตฺถา : ประธาน ปรสิ มชฺเฌ ธมฺมํ : บทท่ีเนื่องดว ยกริ ิยาคมุ พากย เทเสติ : กิรยิ าคมุ พากย ประโยคกตั ตวุ าจก : แปลไทยเปน มคธ มีวธิ ีการดงั น้ี ๑. อาลปนะเรียงไวเปนตวั ท่ี ๑ หรือ ๒ หรือตวั สดุ ทาย กไ็ ด ๒. นิบาตตนขอความบางตัวเรียงไวเปนตัวท่ี ๑ เชน สเจ, เตนหิ, ยถา, เอวํ เปน ตน บางตวั เรยี งไวเปน ตวั ที่ ๒ เชน หิ, จ, ปน, ตุ, เจ เปนตน ๓. กาลสตั ตมี เรยี งไวเปนตวั ที่ ๑ หรือตอจากนบิ าตตนขอ ความทต่ี องเรยี งไว เปน ตวั ที่ ๑ ๔. ประธาน เรยี งไวต อจากบทกาลสตั ตมแี ละนบิ าตตนขอ ความ ๕. บททเี่ น่ืองดวยประธาน เรียงไวหนาประธาน ๖. กิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวตัวสุดทายของประโยค, ท่ีเรียงไวตน ประโยคก็มีบาง เชน ประโยคคำถามที่ไมใส กึ ศัพทไว ประโยคคำสั่ง ประโยคเนน ความ เปนตน ๗. บทที่เน่ืองดวยกิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวหนากิริยาคุมพากย (อาขยาต) ตวั อยางประโยคกัตตุวาจก ดงั น้ี ไทย : อ.มหาชน๑ น้ี๒ จะไป๓ ในท่ไี หน๔ ฯ บาลี : อย๒ํ มหาชโน๑ กหุ ึ๔ คจฉฺ ติ๓ ฯ อ.มหาชน : ประธาน น้ี : บทที่เนื่องดวยประธาน จะไป : กิรยิ าคมุ พากย ในทไ่ี หน : บททเี่ น่ืองดวยกิริยาคมุ พากย เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 152
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 153 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ไทย : ดูกอนอาวุโส๑ ไดยินวา๒ อ.อุบาสิกา๓ น้ัน๔ ยอมรู๕ ซึ่งจิต๖ ของชน ท.๗ เหลา อนื่ ๘ฯ บาลี : อาวุโส๑ สา๔ กิร๒ อปุ าสิกา๓ ปเรสํ๘ ชนานํ๗ จิตตฺ ๖ํ ชานาต๕ิ ฯ ดูกอ นอาวโุ ส : อาลปนะ ไดย ินวา : นบิ าตตนขอ ความ อ.อุบาสิกา : ประธาน นัน้ : บทท่เี น่อื งดวยประธาน ยอมรู : กิรยิ าคมุ พากย ซ่ึงจติ ของชน ท. เหลาอน่ื : บททีเ่ นือ่ งดวยกิรยิ าคมุ พากย ไทย : ในขณะ๑ น้ัน๒ อ.เมฆใหญ๓ ต้ังข้ึนแลว๔ ฯ บาลี : ตสฺมึ๒ ขเณ๑ มหาเมโฆ๓ อุฏหิ๔ ฯ ในขณะ นั้น : กาลสตั ตมี อ.เมฆใหญ : ประธาน ต้งั ข้ึนแลว : กริ ยิ าคมุ พากย ๒. ประโยคกัมมวาจก : แปลมคธเปนไทย มีลำดบั การแปลดังนี้ ๑. อาลปนะ ๒. นบิ าตตนขอ ความ ๓. กาลสัตตมี ๔. ประธาน ๕. บททเ่ี นอื่ งดว ยประธาน ๖. ตัวอนภิหติ กตั ตา ๗. บทที่เนอื่ งดวยตวั อนภหิ ติ กัตตา ๘. กิริยาคมุ พากย (อาขยาต) ๙. บททีเ่ น่อื งดวยกิรยิ าคมุ พากย (อาขยาต) เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 153
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 154 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ตวั อยา งประโยคกมั มวาจก บาลี : ตทา๑ มยา๒ เอโก๓ คตี สทโฺ ท๔ สุณิยเต๕ ฯ ไทย : ในกาลน้ัน๑ อ.เสียงแหง เพลงขับ๓ เสียงหนง่ึ ๒ อนั เรา๔ ฟง อย๕ู ฯ ตทา : กาลสัตตมี มยา : ตัวอนภิหติ กัตตา เอโก : บทท่เี นือ่ งดวยประธาน คตี สทฺโท : ประธาน สณุ ยิ เต : กิริยาคมุ พากย บาลี : ภนเฺ ต๑ โสสานิเกน๒ ภกิ ฺขุนา๓ มจฉฺ าทีนิ๔ วตฺถนู ๕ิ วิวชฺชิยนเฺ ต๖ ฯ ไทย : ขาแตทา นผเู จรญิ ๑ อ.วตั ถุ ท.๕ มปี ลาเปนตน ๔ อันภกิ ษุ๓ ผอู ยใู นปาชาเปนวตั ร๒ ยอมเวน ๖ ฯ ภนฺเต : อาลปนะ โสสานเิ กน : บทที่เนื่องดว ยตัวอนภิหติ กตั ตา ภิกฺขนุ า : ตวั อนภหิ ติ กัตตา มจฉฺ าทีนิ : บททเี่ นื่องดว ยประธาน วตถฺ ูนิ : ประธาน วิวชฺชยิ นฺเต : กริ ยิ าคมุ พากย บาลี : กุมาร๑ เมธาวินา๒ ห๓ิ ปคุ คฺ เลน๔ อปฺปมาเทน๕ อตตฺ า๖ รกขฺ ยิ เต๗ ฯ ไทย : ดูกอ นกมุ าร๑ ก็๓ อ.ตน๖ อันบุคคล๔ ผูมีปญ ญา๒ ยอมรกั ษา๗ ดว ยความไมป ระมาท๕ ฯ กุมาร : อาลปนะ เมธาวนิ า : บททเ่ี นื่องดวยตัวอนภิหิตกัตตา หิ : นิบาตตน ขอ ความ ปุคคฺ เลน : ตวั อนภหิ ิตกตั ตา อปฺปมาเทน : บททเ่ี น่ืองดว ยกิริยาคุมพากย เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 154
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 155 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò อตตฺ า : ประธาน รกขฺ ยิ เต : กิริยาคมุ พากย ประโยคกัมมวาจก : แปลไทยเปน มคธ มวี ิธีการดงั น้ี ๑. อาลปนะเรียงไวเปน ตัวท่ี ๑ หรอื ๒ หรือตัวสุดทาย กไ็ ด ๒. นิบาตตนขอความบางตัวเรียงไวเปนตัวที่ ๑ เชน สเจ, เตนหิ, ยถา, เอวํ เปนตน บางตวั เรียงไวเปนตวั ที่ ๒ เชน ห,ิ จ, ปน, ต,ุ เจ เปนตน ๓. กาลสตั ตมี เรยี งไวเ ปน ตัวท่ี ๑ หรอื ตอจากนบิ าตตนขอความที่ตองเรียงไว เปนตวั ท่ี ๑ ๔. ประธาน เรียงไวห นากริ ิยาคุมพากย (อาขยาต) ๕. บทท่เี น่อื งดว ยประธาน เรียงไวห นาประธาน ๖. ตัวอนภิหิตกัตตา เรียงไวเปนตัวที่ ๑ หรือหลังกาลสัตตมีและนิบาต ตน ขอความ ๗. บทท่ีเน่อื งดว ยตัวอนภิหติ กตั ตา เรยี งไวหนา ตัวอนภหิ ติ กตั ตา ๘. กิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวตัวสุดทายของประโยค, ท่ีเรียงไวตน ประโยคก็มีบาง เชน ประโยคคำถามที่ไมใส กึ ศัพทไว ประโยคคำสั่ง ประโยคเนน ความ เปนตน ๙. บทที่เนื่องดวยกิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวหนากิริยาคุมพากย (อาขยาต) ตัวอยางประโยคกมั มวาจก ไทย : ขา แตทา นผเู จรญิ ๑ อ.วตั ถุ ท.๒ มปี ลาเปนตน๓ อันภิกษุ๔ ผอู ยใู นปา ชาเปน วัตร๕ ยอมเวน ๖ ฯ บาลี : ภนฺเต๑ โสสานิเกน๕ ภิกฺขนุ า๔ มจฉฺ าทนี ิ๓ วตฺถูน๒ิ ววิ ชฺชิยนเฺ ต๖ ฯ ขาแตทา นผเู จรญิ : อาลปนะ อ.วัตถุ ท. : บทที่เน่ืองดว ยตวั อนภหิ ติ กัตตา มีปลาเปน ตน : ตัวอนภหิ ติ กตั ตา เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 155
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 156 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò อันภิกษุ : บททเี่ นื่องดวยประธาน ผอู ยปู า ชาเปน วตั ร : ประธาน ยอมเวน : กริ ิยาคุมพากย ไทย : ขาแตม หาราชเจา ๑ เพราะวา ๒ อ.ขาพระองค๓ อันดาบส๔ นี้๕ ยอมแชง๖ ฯ บาลี : อมิ ินา๕ หิ๒ ตาปเสน๔ อหํ๓ อภสิ ปย าม๖ิ มหาราช๑ ฯ ขา แตม หาราชเจา : อาลปนะ เพราะวา : นิบาตตน ขอ ความ อ.ขาพระองค : ประธาน อนั ดาบส : ตัวอนภิหิตกัตตา นี้ : บทที่เนือ่ งดวยตวั อนภหิ ิตกตั ตา ยอ มแชง : กิรยิ าคมุ พากย ไทย : ในวนั ๑ นั้น๒ อ.ผล ท.๓ ของมะมวง๔ อันเด็ก ท.๕ ยอื้ แยงอย๖ู ฯ บาลี : ตสฺม๒ึ ทวิ เส๑ ทารเกหิ๕ อมพฺ สสฺ ๔ ผลานิ๓ วิลุมปฺ ยนฺเต๖ ฯ ในวนั น้นั : กาลสัตตมี อ.ผล ท. : ประธาน ของมะมวง : บทที่เนื่องดวยประธาน อนั เดก็ ท. : ตวั อนภิหิตกัตตา ยอ้ื แยงอยู : กิริยาคมุ พากย ๓. ประโยคภาววาจก : แปลมคธเปน ไทย มีลำดบั การแปลดงั นี้ ๑. อาลปนะ ๒. นิบาตตน ขอความ ๓. กาลสัตตมี ๔. ตวั อนภหิ ติ กัตตา ๕. บทท่ีเน่อื งดว ยตวั อนภหิ ติ กตั ตา เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 156
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 157 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๖. กิริยาคมุ พากย (อาขยาต) ๗. บทท่ีเน่ืองดว ยกริ ยิ าคุมพากย (อาขยาต) ตัวอยา งประโยคภาววาจก บาลี : ตาต๑ เยน๒ ปุคฺคเลน๓ อนุตีเร๔ คจฉฺ ยเต๕ ฯ ไทย : ดกู อ นพอ ๑ อันบคุ คล๓ ใด๒ ยอ มไป๕ ในทไ่ี ปตามซงึ่ ฝง๔ ฯ ตาต : อาลปนะ เยน : บททเ่ี น่ืองดวยตัวอนภิหติ กตั ตา ปุคคฺ เลน : ตัวอนภิหติ กตั ตา อนุตีเร : บททเี่ นอ่ื งดว ยกริ ยิ าคมุ พากย คจฺฉยเต : กริ ยิ าคุมพากย บาลี : กถ๑ํ ปน๒ มยา๓ ปฏปิ ชฺชเต๔ ฯ ไทย : ก๒็ อันขาพเจา๓ จะปฏบิ ัติ๔ อยางไร๑ ฯ กถํ : บทท่ีเนือ่ งดวยกิริยาคุมพากย ปน : นบิ าตตนขอความ มยา : ตัวอนภิหติ กัตตา ปฏปิ ชฺชเต : กริ ิยาคมุ พากย บาลี : ตสมฺ ๑ึ ปน๒ กาเล๓ โจรภเยน๔ ชเนห๕ิ กลิ มยเต๖ ฯ ไทย : ก็๒ ในกาล๓ น้นั ๑ อันชน ท.๕ ยอมลำบาก๖ เพราะภยั แตโจร๓ ฯ ตสมฺ ึ กาเล : กาลสตั ตมี ปน : นบิ าตตน ขอ ความ โจรภเยน : บทที่เนอ่ื งดว ยกิริยาคุมพากย ชเนหิ : ตัวอนภหิ ติ กัตตา กลิ มยเต : กริ ยิ าคมุ พากย เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 157
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 158 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ประโยคภาววาจก : แปลไทยเปน มคธ มวี ธิ ีการดงั นี้ ๑. อาลปนะ เรยี งไวเ ปนตัวท่ี ๑ หรอื ๒ หรอื ตวั สุดทาย ก็ได ๒. นิบาตตนขอความบางตัวเรียงไวเปนตัวที่ ๑ เชน สเจ, เตนหิ, ยถา, เอวํ เปนตน บางตวั เรียงไวเ ปน ตวั ท่ี ๒ เชน หิ, จ, ปน, ตุ, เจ เปน ตน ๓. กาลสตั ตมี เรยี งไวเปน ตัวที่ ๑ หรือตอ จากนบิ าตตน ขอ ความทต่ี องเรียงไว เปนตวั ที่ ๑ ๔. ตวั อนภิหติ กัตตา เรยี งไวเ ปนตวั ท่ี ๑ หรือตอจากตัวกาลสัตตมี ๕. บทที่เน่อื งดวยตวั อนภหิ ติ กัตตา เรียงไวห นา ตัวอนภิหิตกัตตา ๖. กิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวตัวสุดทายของประโยค, ที่เรียงไว ตนประโยคก็มีบาง เชน ประโยคคำถามท่ีไมใส กึ ศัพทไว ประโยคคำสั่ง ประโยค เนนความ เปน ตน ๗. บทท่ีเน่ืองดวยกิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวหนากิริยาคุมพากย (อาขยาต) ตัวอยางประโยคภาววาจก ไทย : ดกู อ นพอ ๑ อนั บคุ คล๒ ใด๓ ยอ มไป๔ ในที่ไปตามซง่ึ ฝง ๕ ฯ บาลี : ตาต๑ เยน๓ ปคุ ฺคเลน๒ อนุตเี ร๕ คจฺฉยเต๔ ฯ ดกู อนพอ : อาลปนะ อันบคุ คล : ตัวอนภิหิตกัตตา ใด : บทที่เน่ืองดวยตัวอนภหิ ิตกัตตา ยอมไป : กิริยาคมุ พากย ในทไ่ี ปตามซ่งึ ฝง : บทท่เี น่อื งดวยกริ ิยาคมุ พากย ไทย : ก็๑ อันสุนขั ๒ ยอมนอน๓ ในภายใต๔ แหง เรอื น๕ ฯ บาลี : ฆรสสฺ ๕ ปน๑ เหฏา๔ สนุ เขน๒ สียเต๓ ฯ ก็ : นิบาตตน ขอความ อนั สุนขั : ตวั อนภิหติ กตั ตา เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 158
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 159 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ยอมนอน : กริ ยิ าคมุ พากย ในภายใต แหงเรอื น : บททเี่ น่ืองดว ยกิริยาคุมพากย ไทย : ในกาล๑ น้ัน๒ อันเด็ก๓ ท. ยอมเลน๔ ในแมน ำ้ ๕ ฯ บาลี : ตสมฺ ๒ึ กาเล๑ นทยิ ๕ํ ทารเกห๓ิ ทิพพฺ ยเต๔ ฯ ในกาล นน้ั : กาลสัตตมี อันเด็ก ท. : ตัวอนภิหติ กัตตา ยอมเลน : กิรยิ าคมุ พากย ในนำ้ : บทท่ีเน่อื งดว ยกิรยิ าคุมพากย ๔. ประโยคเหตุกตั ตุวาจก : แปลมคธเปน ไทย มีลำดบั การแปลดงั นี้ ๑. อาลปนะ ๒. นิบาตตน ขอความ ๓. กาลสตั ตมี ๔. ประธาน ๕. บทที่เนอ่ื งดว ยประธาน ๖. ตัวการิตกรรม ๗. บทท่เี น่อื งดว ยตวั การิตกรรม ๘. กริ ิยาคมุ พากย (อาขยาต) ๙. บททเ่ี น่ืองดว ยกิริยาคมุ พากย (อาขยาต) ตวั อยางประโยคเหตุกตั ตุวาจก บาลี : เตนห๑ิ ตาต๒ ตวฺ ํ๓ มม๔ ปตุ ฺตกํ๕ โอตาเรหิ๖ ฯ ไทย : ขา แตพอ ๒ ถา อยางนัน้ ๑ อ.ทา น๓ ยังบตุ รนอย๕ ของเรา๔ จงใหข ามลง๖ ฯ เตนหิ : นิบาตตน ขอความ ตาต : อาลปนะ ตฺวํ : ประธาน มม : บทที่เนือ่ งดวยการิตกรรม เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 159
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 160 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ปุตตฺ กํ : การติ กรรม โอตาเรหิ : กิรยิ าคุมพากย บาลี : ตทา๑ ราชา๒ นิเวสเน๓ ปจเฺ จกพุทฺธํ๔ โภเชสิ๕ ฯ ไทย : ในกาลนน้ั ๑ อ.พระราชา๒ ทรงยงั พระปจเจกพุทธเจา๔ ใหฉ นั แลว๕ ในพระราชวัง๓ ฯ ตทา : กาลสัตตมี ราชา : ประธาน นเิ วสเน : บทที่เน่ืองดว ยกริ ิยาคุมพากย ปจฺเจกพทุ ธฺ ํ : การติ กรรม โภเชสิ : กิริยาคมุ พากย บาลี : เคเห๑ นปิ นโฺ น๒ มาณโว๓ พุทเฺ ธ๔ มนํ๕ ปสาเทสิ๖ ฯ ไทย : อ.มาณพ๓ ผูน อนแลว ๒ ในเรอื น๑ ยังใจ๕ ใหเลื่อมใสแลว๖ ในพระพุทธเจา๔ ฯ เคเห นปิ นโฺ น : บททเ่ี นอ่ื งดวยประธาน มาณโว : ประธาน พุทฺเธ : บททเ่ี น่อื งดวยกิรยิ าคุมพากย มนํ : การติ กรรม ปสาเทสิ : กิริยาคมุ พากย ประโยคเหตกุ ัตตวุ าจก : แปลไทยเปนมคธ มวี ธิ ีการดังน้ี ๑. อาลปนะ เรียงไวเ ปน ตวั ที่ ๑ หรอื ๒ หรอื ตัวสุดทาย กไ็ ด ๒. นิบาตตนขอความบางตัวเรียงไวเปนตัวท่ี ๑ เชน สเจ, เตนหิ, ยถา, เอวํ เปน ตน บางตัวเรียงไวเปนตวั ที่ ๒ เชน หิ, จ, ปน, ต,ุ เจ เปน ตน ๓. กาลสัตตมี เรยี งไวเปน ตัวท่ี ๑ หรือตอจากนิบาตตน ขอ ความทต่ี อ งเรียงไว เปน ตัวที่ ๑ ๔. ประธาน เรยี งไวเปนตวั ที่ ๑ หรือตอ จากตวั กาลสัตตมี ๕. บททีเ่ น่ืองดว ยประธาน เรียงไวห นาประธาน เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 160
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 161 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๖. ตัวการิตกรรม เรียงหลังประธาน หนาตัวกรรมและกิริยาคุมพากย (อาขยาต) ๗. บทที่เนื่องดวยตวั การติ กรรม เรยี งไวหนา ตัวการติ กรรม ๘. กิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวตัวสุดทายของประโยค, ที่เรียงไว ตนประโยคก็มีบาง เชน ประโยคคำถามท่ีไมใส กึ ศัพทไว ประโยคคำส่ัง ประโยค เนนความ เปนตน ๙. บทท่ีเน่ืองดวยกิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวหนากิริยาคุมพากย (อาขยาต) ตวั อยางประโยคเหตุกัตตุวาจก ไทย : ขา แตพ อ ๑ ถา อยางนนั้ ๒ อ.ทา น๓ ยังบตุ รนอย๔ ของเรา๕ จงใหข ามลง๖ ฯ บาลี : เตนหิ๒ ตาต๑ ตวฺ ํ๓ มม๕ ปุตฺตกํ๔ โอตาเรหิ๖ ฯ ขา แตพอ : อาลปนะ ถา อยา งนัน้ : นิบาตตน ขอความ อ.ทา น : ประธาน ยังบตุ รนอ ย : การติ กรรม ของเรา : บทท่ีเนือ่ งดวยการติ กรรม จงใหขามลง : กริ ยิ าคุมพากย ไทย : ในวนั ๑ นน้ั ๒ อ.บิดา๓ ยังธิดา๔ ใหกรออยู๕ ซึง่ ดา ย๖ ฯ บาลี : ตสฺม๒ึ ทวิ เส๑ ปตา๓ ธตี รํ๔ ตนตฺ ๖ึ วฏฏ าเปต๕ิ ฯ ในวนั นน้ั : กาลสัตตมี อ.บดิ า : ประธาน ยงั ธดิ า : การิตกรรม ใหกรออยู : กริ ยิ าคมุ พากย ซึ่งดาย : บทท่เี นื่องดว ยกิรยิ าคุมพากย เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 161
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 162 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๕. ประโยคเหตุกมั มวาจก : แปลมคธเปน ไทย มีลำดับการแปลดังน้ี ๑. อาลปนะ ๒. นบิ าตตนขอ ความ ๓. กาลสัตตมี ๔. ประธาน ๕. บทที่เนอ่ื งดวยประธาน ๖. ตวั อนภหิ ติ กตั ตา ๗. บทที่เนือ่ งดว ยตวั อนภหิ ิตกัตตา ๘. ตัวการติ กรรม ๙. บทท่ีเนอ่ื งดว ยตัวการิตกรรม ๑๐. กิรยิ าคุมพากย (อาขยาต) ๑๑. บททเี่ นื่องดว ยกริ ยิ าคุมพากย (อาขยาต) ตวั อยา งประโยคเหตุกมั มวาจก บาลี : สามิเกน๑ สเู ทน๒ โอทโน๓ ปาจาปย เต๔ ฯ ไทย : อ.ขา วสุก๓ อนั นาย๑ ยงั พอ ครัว๒ ใหหุงอยู๔ ฯ สามเิ กน : ตวั อนภหิ ิตกตั ตา สูเทน : การติ กรรม โอทโน : ประธาน ปาจาปย เต : กริ ิยาคุมพากย บาลี : ตสฺมึ๑ ปน๒ ทวิ เส๓ ปต รา๔ ธีตรํ๕ ปปุ ผฺ านิ๖ วุณาปยนฺเต๗ ฯ ไทย : ก็๒ ในวนั ๓ นนั้ ๑ อ.ดอกไม ท.๖ อันบดิ า๔ ยงั ธิดา๕ ใหร อ ยอยู๗ ฯ ตสมฺ ึ ทวิ เส : กาลสัตตมี ปน : นบิ าตตน ขอความ ปตรา : ตวั อนภหิ ิตกัตตา ธีตรํ : การิตกรรม ปปุ ผฺ านิ : ประธาน วณุ าปย เต : กิรยิ าคมุ พากย เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 162
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 163 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò บาลี : อาวโุ ส๑ พาเลน๒ เมธาว๓ี กุลปุตฺโต๔ นาสาปยเต๕ ฯ ไทย : ดกู อ นผูมอี าย๑ุ อ.กุลบตุ ร๔ ผูม ีปญญา๓ อันคนพาล๒ ใหฉ ิบหายอยู๕ ฯ อาวุโส : อาลปนะ พาเลน : ตวั อนภิหิตกัตตา เมธาวี : บทที่เน่ืองดว ยประธาน กลุ ปุตฺโต : ประธาน นาสาปยเต : กิรยิ าคมุ พากย หมายเหตุ : กิรยิ าคุมพากยใ นเหตุกมั มวาจก เปนอกมั มธาตกุ ็มี ประโยคเหตุกัมมวาจก : แปลไทยเปน มคธ มวี ธิ กี ารดังน้ี ๑. อาลปนะเรยี งไวเ ปนตัวท่ี ๑ หรือ ๒ หรอื ตัวสุดทา ย กไ็ ด ๒. นิบาตตนขอความบางตัวเรียงไวเปนตัวท่ี ๑ เชน สเจ, เตนหิ, ยถา, เอวํ เปน ตน บางตัวเรยี งไวเปน ตัวที่ ๒ เชน ห,ิ จ, ปน, ตุ, เจ เปน ตน ๓. กาลสัตตมี เรียงไวเ ปน ตวั ท่ี ๑ หรือตอ จากนบิ าตตน ขอ ความท่ีตอ งเรยี งไว เปน ตัวที่ ๑ ๔. ประธาน เรยี งไวหนา กิริยาคมุ พากย (อาขยาต) ๕. บทที่เน่อื งดว ยประธาน เรียงไวห นาประธาน ๖. ตัวอนภิหติ กัตตา เรยี งไวเปน ตวั ที่ ๑ หรือหลังกาลสตั ตมี ๗. บททเี่ น่ืองดว ยตวั อนภหิ ติ กตั ตา เรยี งไวหนาตวั อนภหิ ติ กัตตา ๘. ตวั การติ กรรม เรียงหลงั ตัวอนภหิ ติ กัตตา หนาประธานและกิริยาคุมพากย (อาขยาต) ๙. บททเ่ี นื่องดวยตวั การิตกรรม เรยี งไวหนา ตวั การติ กรรม ๑๐. กิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวตัวสุดทายของประโยค, ท่ีเรียงไวตน ประโยคก็มีบาง เชน ประโยคคำถามท่ีไมใส กึ ศัพทไว ประโยคคำส่ัง ประโยคเนน ความ เปน ตน ๑๑. บทท่ีเนื่องดวยกิริยาคุมพากย (อาขยาต) เรียงไวหนากิริยาคุมพากย (อาขยาต) เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 163
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 164 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ตัวอยางประโยคเหตุกัมมวาจก ไทย : อ.ขา วสกุ ๑ อนั นาย๒ ยงั พอ ครัว๓ ใหห ุงอยู๔ ฯ บาลี : สามิเกน๒ สูเทน๓ โอทโน๑ ปาจาปยเต๔ ฯ อ.ขาวสกุ : ประธาน อันนาย : ตัวอนภิหิตกัตตา ยงั พอครวั : การิตกรรม ใหหุงอยู : กริ ิยาคุมพากย ไทย : ก็๑ อ.จีวร๒ อันพระเถระ๓ ยงั สามเณร๔ ใหเ ย็บอย๕ู ฯ บาลี : เถเรน๓ ปน๑ สามเณรํ๔ จวี ร๒ํ สพิ ฺพาปยเต๕ ฯ ก็ : นบิ าตตน ขอความ อ.จีวร : ประธาน อนั พระเถระ : ตวั อนภหิ ิตกตั ตา ยังสามเณร : การติ กรรม ใหเยบ็ อยู : กริ ิยาคมุ พากย ไทย : ในขณะ๑ นน้ั ๒ อ.ประต๓ู แหงพระนคร๔ อนั พระราชา๕ ยงั บคุ คล๖ ใหป ดอยู๗ ฯ บาลี : ตสฺม๒ึ ขเณ๑ รฺา๕ ปคุ คฺ ลํ๖ นครสสฺ ๔ ทฺวาร๓ํ รนุ ธฺ าปยเต๗ ฯ ในขณะ น้ัน : กาลสตั ตมี อ.ประตู : ประธาน แหงพระนคร : บทท่เี นื่องดว ยประธาน อันพระราชา : ตวั อนภิหติ กัตตา ยังบุคคล : การติ กรรม ใหปด อยู : กริ ยิ าคมุ พากย เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 164
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 165 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò ประโยคมคธตอ ไปนีใ้ หน กั เรียนแปลเปนไทย กัตตุวาจก ๑. ธมโฺ ม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ ฯ ๒. สปปฺ รุ ิสา สพฺเพสุ สตฺเตสุ เมตตฺ ํ กโรนฺติ ฯ ๓. สปปฺ รุ ิโส รโห จ อาวี จ ปาปกมฺมํ น กรสิ สฺ ติ ฯ ๔. อิมสสฺ ปรุ สิ สฺส ปตุ โฺ ต ปพฺพชิ ฯ ๕. เอสา อิตฺถี นหานาย นทึ คจฉฺ ิ ฯ กัมมวาจก ๑. ตสฺมึ ปน ทิวเส มาตาปตหู ิ อมฺพผลานิ ขาทยิ นฺเต ฯ ๒. ทารเกหิ ปานียํ ปุนปปฺ ุนํ ปวิยสิ ฺสเต ฯ ๓. สทา หิ ปณฺฑเิ ตน กลยฺ าณํ กริยเต ฯ ๔. รโฺ นาคเรหิ สุงกฺ า ทียนฺเต ฯ ๕. จีวรภาชเกน พหนู ิ จีวรานิ ภกิ ขฺ นู ํ วิภชิยนฺเต ฯ ภาววาจก ๑. อาตาปนา ภิกขฺ นุ า นจิ จฺ ํ ชาครยเต ฯ ๒. ปมตตฺ สฺส ธเนน อจิเรน ขยี เต ฯ ๓. เตน พาเลน อปาเยสุ มุยหฺ เต ฯ ๔. เสฏ โิ น มาตรา สาสเน ปสที ยเต ฯ ๕. สกเุ ณหิ รุกฺเข นสี ีทยเต ฯ เหตกุ ัตตวุ าจก ๑. มหลฺลกกาเล ปพฺพชติ า ชนา วปิ สฺสนํ ภาวเยยยฺ ฯุ ๒. เสฺว ทายกา อมฺเห ภตตฺ ํ โภชาเปสฺสนฺติ ฯ ๓. มยํ สามเณรํ ภาชนํ คาหาเปสสฺ าม ฯ ๔. ราชา วฑฒฺ กึ นาเสสฺสติ ฯ ๕. ปณฑฺ โิ ต อตตฺ านํ ปมํ ตสมฺ ึ คเุ ณ ปตฏิ าเปยยฺ ฯ 165
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 166 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) เหตุกัมมวาจก ๑. ปณฑฺ ิเตน อตฺตโน กิเลสา เขปเยยยฺ ุ ฯ ๒. เตนหิ ตยา ถปตึ ฆรํ การาปเยถ ฯ ๓. อมิ นิ า ปรุ ิเสน กมุ ารา นิปาตาปย นเฺ ต ฯ ๔. อทิ านิ ปน พาเลน ปุรสิ ํ หตฺถี วสิ สฺ ชฺชาปยเต ฯ ๕. เกน อยํ กุลปตุ ฺโต ปพพฺ าชาปยเต ฯ 166
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 167 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò เฉลยแปลเปนไทย กัตตวุ าจก ๑. อ.ธรรม แล ยอ มรกั ษา ซ่ึงบุคคลผปู ระพฤตซิ ึง่ ธรรมโดยปกติ ฯ ๒. อ.สตั บรุ ุษ ท. ยอมกระทำ ซ่งึ เมตตา ในสัตว ท. ทงั้ ปวง ฯ ๓. อ.สัตบุรุษ จักไมกระทำ ซึง่ กรรมอันลามก ในที่ลับดว ย ในทีแ่ จง ดวยฯ ๔. อ.บุตร ของบรุ ษุ น้ี บวชแลว ฯ ๕. อ.หญิง น่ัน ไปแลว สูแมน ้ำ เพื่ออันอาบน้ำ ฯ กัมมวาจก ๑. ก็ ในวันนัน้ อ.ผลของมะมว ง ท. อนั บดิ าและมารดา ท. ยอ มเคย้ี วกิน ฯ ๒. อ.นำ้ อันบคุ คลพงึ ดืม่ อันเดก็ ท. จกั ด่ืม บอย ๆ ฯ ๓. จริงอยู อ.กรรมอันงาม อนั บณั ฑิต ยอ มกระทำ ในกาลทกุ เมื่อ ฯ ๔. อ.สวย ท. อนั ชาวพระนคร ท. ยอมถวาย แกพ ระราชา ฯ ๕. อ.จีวร ท. มาก อันภิกษุ ผูแบงซึ่งจวี ร ยอมแบง แกภกิ ษุ ท. ฯ ภาววาจก ๑. อนั ภกิ ษุ ผมู คี วามเพยี รเปน เครอื่ งยงั กเิ ลสใหร อ นทว่ั ตน่ื อยู เนอื งนติ ย ฯ ๒. อนั ทรพั ย ของชนผูประมาทแลว ยอ มสนิ้ ไป โดยกาลไมนาน ฯ ๓. อนั คนพาลนั้น ยอมหลง ในอบาย ท. ฯ ๔. อนั มารดา ของเศรษฐี ยอมเล่ือมใส ในพระศาสนา ฯ ๕. อนั นก ท. ยอ มจบั บนตน ไม ฯ เหตกุ ตั ตุวาจก ๑. อ.ชน ท. ผบู วชแลว ในกาลแหง ตนเปน คนแก ยงั วปิ ส สนา พงึ ใหเ จรญิ ฯ ๒. อ.ทายก ท. ยงั เรา ท. จักใหฉนั ซง่ึ ภัตร ในวันพรุง ฯ ๓. อ.เรา ท. ยังสามเณร จักใหถือเอา ซ่ึงภาชนะ ฯ ๔. อ.พระราชา ยังนายชาง จักใหฉ บิ หาย ฯ ๕. อ.บณั ฑติ ยังตน พึงใหต ัง้ อยูเฉพาะ ในคุณนัน้ กอน ฯ 167
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 168 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) เหตุกัมมวาจก ๑. อ.กเิ ลส ท. ของตน อนั บัณฑติ พึงใหส้ินไป ฯ ๒. ถา อยางนัน้ อ.เรอื น อันทา น ยังชางไม พงึ ใหก ระทำ ฯ ๓. อ.กมุ าร ท. อนั บุรษุ น้ี ยอ มใหตกไป ฯ ๔. ก็ อ.ชาง อันคนพาล ยงั บรุ ษุ ใหป ลอ ยอยู ในกาลน้ี ฯ ๕. อ.กลุ บุตร น้ี อันใคร ยอมใหบ วช ฯ 168
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 169 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ประโยคภาษาไทยตอไปนีใ้ หน ักเรียนแปลเปนมคธ กตั ตวุ าจก ๑. ก็ อ.บณั ฑติ ท. ยอ มกระทำ ซึ่งกรรมอนั งาม เพื่อประโยชนเกอ้ื กลู เพ่ือความสขุ แกตนดวยนนั่ เทียว แกชน ท. เหลาอ่ืนดวย ฯ ๒. อ.ทายก ท. ไดแ ลว ซง่ึ โอกาสเทยี ว เพ่อื อนั ถวาย ซงึ่ ภตั ร แกภ ิกษุ ท. ฯ ๓. ก็ อ.เรา จักแสดง ซง่ึ ธรรม แกชน ท. ในธรรมสภา ในเวลาเย็น ในวันน้ี ฯ ๔. อ.ภกิ ษุ ท. นงั่ แลว ในเรอื น ของเศรษฐี ผูมโี ภคะ ฯ ๕. อ.อาพาธ เกิดขน้ึ แลว แกเ ศรษฐี ฯ กมั มวาจก ๑. อ.ศษิ ย ท. อันอาจารย จงกลาวสอน เนอื งนติ ย ฯ ๒. อ.ความสุข อันสตั ว ท. ยอ มปรารถนา ในกาลทกุ เมอ่ื ฯ ๓. อ.ศษิ ย ผูเปน ที่รัก ของตน อนั อาจารย จะสงไป สสู ำนัก ของทาน ฯ ๔. อ.พระราชา อนั ชน ท. ยอมนับถือ ฯ ๕. อ.พระพทุ ธเจา อนั คนผรู วู เิ ศษ ท. ยอ มบชู า ฯ ภาววาจก ๑. อันชน ท. เหลา นนั้ ไมป ระมาทอยู ฯ ๒. อันสตั ว ท. ผมู ีศีลเปนท่รี ัก จกั พน จากอบาย ฯ ๓. อันศรี ษะ ของทา น พงึ แตก โดยสวนเจด็ ในกาลน้ี แน ฯ ๔. อนั แสงสวาง แหง ปญญา ยอมรุงเรือง กวา แสงสวาง ท. ทงั้ ปวง ฯ ๕. อนั พระราชา ยอมเสด็จไป สพู ระอทุ ยาน ดว ยบริวาร ใหญ ฯ เหตุกตั ตุวาจก ๑. อ.บดิ าและมารดา ท. ยงั บตุ ร ของตน ยอมใหศ ึกษา ซง่ึ ศิลปะ ฯ ๒. อ.เศรษฐี ยงั บุรษุ ผูฉลาด ใหนมิ นตแ ลว ซึง่ ภกิ ษุ ท. ฯ ๓. อ.ทา น ท. ยงั ชนผกู ระทำซง่ึ การงาน ท. จงใหฉ าบ ซงึ่ ฝา ของโรงอโุ บสถ ฯ 169
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 170 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ๔. อ.พระราชา ยงั กมุ าร นี้ ใหบ รรพชาแลว ในสำนัก ของพระเถระ ฯ ๕. อ.มาณพ ยงั หนทาง ใหหมดจดแลว โดยเดอื น ท. ๒ ฯ เหตุกมั มวาจก ๑. อ.พระราชวงั ของพระราชา อนั ใคร ยังนายชาง ใหสรางอยู ฯ ๒. อ.ชา ง เชอื กน้ี อันพระราชา ยงั ควาญชา ง ใหฝ กอยู ในกาลนี้ ฯ ๓. ถาวา อ.เหตนุ ้ี อนั ทา น ยงั เรา จักใหร ูแลวไซร, อ.โจรน้ัน อนั เรา ยงั บคุ คล จักใหฆาแลว ฯ ๔. อ.สะพาน น้ี อันเศรษฐี ยงั นายชา ง ยอ มใหกระทำ ดวยทรัพย ท. มาก ฯ ๕. อ.นก อันบรุ ษุ ยงั ทารก ท. ยอ มใหจบั ฯ 170
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 171 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เฉลยแปลเปนมคธ กัตตวุ าจก ๑. ปณฺฑิตา ปน อตฺตโน เจว ปเรสฺจ หติ าย สขุ าย กลยฺ าณํ กโรนฺติ ฯ ๒. ทายกา ภิกฺขนู ํ ภตฺตํ ทาตุ โอกาสํ ว ลภึสุ ฯ ๓. อชชฺ ปน สายํ ธมฺมสภายํ ชนานํ ธมมฺ ํ เทเสสสฺ ามิ ฯ ๔. ภกิ ฺขู โภคโิ น เสฏิโน เคเห นสิ ที ึสุ ฯ ๕. เสฏ โิ น อาพาโธ อปุ ปฺ ชชฺ ิ ฯ กมั มวาจก ๑. อาจริเยน สสิ ฺสา นจิ จฺ ํ โอวทยิ นตฺ ุ ฯ ๒. สทา สตเฺ ตหิ สุขํ ปตถฺ ิยเต ฯ ๓. อาจรเิ ยน อตฺตโน ปโ ย สสิ โฺ ส ตว สนฺติกํ เปสิยเต ฯ ๔. ชเนหิ ราชา มานยิ เต ฯ ๕. วิฺูหิ พทุ โฺ ธ ปูชยิ เต ฯ ภาววาจก ๑. เตหิ ชเนหิ น ปมชชฺ ยเต ฯ ๒. ปยสเี ลหิ สตฺเตหิ อปายโต มุจจฺ ยสิ ฺสเต ฯ ๓. นูน อิทานิ ตว สเี สน สตฺตธา ภชิ ชฺ เยถ ฯ ๔. ปฺ าย ปภาย สพฺพาหิ ปภาหิ วโิ รจยเต ฯ ๕. รฺา มหนฺเตน ปรวิ าเรน อยุ ยฺ านํ คจฉฺ ยเต ฯ เหตกุ ัตตวุ าจก ๑. มาตาปตโร อตตฺ โน ปตุ ตฺ ํ สปิ ปฺ สิกฺขาเปนตฺ ิ ฯ ๒. เสฏ ปณฑฺ ติ ปุริสํ ภิกฺขู นมิ นตฺ าเปสิ ฯ ๓. ตมุ เฺ ห กมมฺ กาเร อโุ ปสถาคารสฺส ภิตตฺ ึ ลิมฺปาเปถ ฯ ๔. ราชา อิมํ กุมารํ เถรสฺส สนตฺ เิ ก ปพฺพาเชสิ ฯ ๕. มาณโว ทฺวีหิ มาเสหิ มคฺคํ วิโสธยิ ฯ 171
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 172 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เหตกุ มั มวาจก ๑. เกน วฑฺฒกึ รฺโ นิเวสนํ การาปยเต ฯ ๒. อิทานิ รฺา หตถฺ าจรยิ ํ อยํ หตฺถี ทมาปยเต ฯ ๓. สเจ เต มํ อทิ ํ ชานาปยสิ สฺ า, มยา ปุคฺคลํ โส โจโร ฆาตาปย สิ ฺสา ฯ ๔. เสฏ ินา ถปตึ พหูหิ ธเนหิ อยํ เสตุ การาปยเต ฯ ๕. ปรุ ิเสน ทารเก สกโุ ณ คาหาปยเต ฯ ใหน กั เรยี นใชศ พั ทท ใ่ี หไ วน ี้ เพม่ิ เตมิ กบั ศพั ทอ น่ื ๆ ประกอบเปน ประโยคตาง ๆ จะเปน วาจกใดก็ได อยางนอ ย ๒ ประโยค ขอ ศัพทนาม ศพั ทก ริ ยิ า (ธาตุ) ๑. เสฏ ี คมฺ ๒. กุมาร ภุชฺ ๓. อมหฺ ทา ๔. เถร สุ ๕. ปตุ ตฺ ทสิ ฺ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 172
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 173 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò นามศพั ท นามศพั ท – กิริยาศพั ท – คำแปล อยยฺ (ปุง.) เตมาส (นปุง.) คำแปล ปริสมชฌฺ (นปงุ .) พระผเู ปน เจา อุปาสิกา (อติ .) หมวดสามแหงเดือน,ประชุมแหงเดือนสาม จติ ฺต (นปงุ .) ทามกลางแหงบริษทั มหนตฺ (วิ.) อุบาสิกา มหาเมฆ (ปุง.) จิต คตี สททฺ (ปุง.) ใหญ โสสานิก (วิ.) เมฆใหญ มจฉฺ าทิ (วิ.) เสียงแหงเพลงขับ เมธาวี (ว.ิ ) ผอู ยูป าชาเปน วัตร อปปฺ มาท (ปงุ .) มปี ลาเปนตน ตาปส (ปงุ .) มปี ญญา อมพฺ (ปุง.) ความไมป ระมาท อนตุ ีร (วิ.) ดาบส โจรภย (นปงุ .) มะมวง นที (อิต.) อนั ไปตามซึ่งฝง ปุตตฺ ก (ปงุ .) ภยั แตโ จร นิเวสน (นปงุ .) แมน้ำ ปจฺเจกพุทธฺ (ปงุ .) ลูกนอ ย, ลูกชาย นิปนนฺ (ว.ิ ) ทเี่ ปนทอี่ ยู, นิเวศน, ตำหนัก พทุ ฺธ (ปงุ .) พระปจ เจกพุทธเจา นอนแลว พระพทุ ธเจา เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 173
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 174 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò นามศัพท คำแปล ตนตฺ ิ (อติ .) ดาย, สาย, เชือก, แบบแผน สามกิ (ปุง.) นาย, เจานาย, สามี สทู (ปุง.) พอครัว โอทน (ปงุ ., นปุง.) ขา ว, ขาวสกุ , ขา วสวย ปุปผฺ (นปุง.) ดอกไม พาล (ปงุ .) คนพาล, คนเขลา กลุ ปตุ ตฺ (ปงุ .) กุลบุตร นคร (นปุง.) เมือง, นคร ทวฺ าร (นปงุ .) ประตู, ชอง, ทวาร ธมมฺ จารี (วิ.) ผูประพฤติซึ่งธรรมโดยปกติ, ผูมีอันประพฤติซึ่งธรรม เปน ปกติ สปปฺ ุริส (ปุง.) สัตบรุ ษุ , สปั บรุ ษุ สตตฺ (ปุง.) สัตว เมตตฺ า (อิต.) เมตตา, ความรัก, ความเยอ่ื ใย ปาปกมมฺ (นปุง.) กรรมชว่ั , กรรมอันลามก, บาปกรรม นหาน (นปุง.) การอาบ, การอาบนำ้ มาตาปตุ (ปงุ .) บดิ าและมารดา, พอและแม ปานยี (นปุง.) น้ำอนั ..พงึ ด่ืม, น้ำ, นำ้ ดมื่ กลยฺ าณ (นปุง.) กรรมอนั งาม, กรรมดี นาคร (ปุง.) ชนผเู กิดในนคร, ชนผอู ยูในนคร, ชาวพระนคร สงุ กฺ (ปุง., นปงุ .) สวย, ภาษี, อากร จวี รภาชก (ว.ิ ) ผแู จกซงึ่ จีวร พหุ (ว.ิ ) มาก เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 174
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 175 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò นามศพั ท คำแปล อาตาป (ว.ิ ) ผูมีความเพียรเปนเคร่ืองยังกิเลสใหเรารอน, ผูยังกิเลส ปมตตฺ (ว.ิ ) ใหแ หง ไป อจิร (วิ.) ผูประมาทแลว อปาย (ปุง.) ไมนาน สาสน (นปงุ .) อบาย, โลกอนั ปราศจากความเจรญิ สกุณ (ปงุ .) ศาสนา, คำสอน มหลลฺ กกาล (ปงุ .) นก กาลแหง ตนเปน คนแก, กาลแหง ตนเปน ผถู อื เอาซง่ึ ความ ปพฺพชติ (ว.ิ ) เปน แหง คนแก วปิ สฺสนา (อติ .) ผบู วชแลว, บรรพชาแลว ทายก (ปงุ .) วิปส สนา, ปญญาอันเหน็ แจง ภาชน (นปุง.) ทายก, ผูใ ห วฑฺฒกี (ปุง.) ภาชนะ ปม (วิ.) นายชาง คุณ (ปงุ .) ท่ี ๑, กอน กเิ ลส (ปุง.) คุณ หติ (นปงุ .) หติ า (อติ .) กเิ ลส, เคร่ืองเศรา หมอง สขุ (นปุง.) ประโยชน, ประโยชนเ กอื้ กลู ทาตุ (อพั . ปจ จัย) สุข, ความสขุ , ความสบาย โอกาส (ปุง.) เพือ่ อนั ให ธมมฺ สภา (อิต.) โอกาส, ชอง อาพาธ (ปุง.) ธรรมสภา, โรงเปนทีก่ ลาวกบั เปนทีแ่ สดงซ่งึ ธรรม อาพาธ, ความเจ็บไข, ความปว ยไข เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 175
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 176 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò นามศพั ท คำแปล สิสสฺ (ปงุ .) ศษิ ย, ลกู ศษิ ย ปย (วิ.) เปน ทีร่ ัก สนฺติก (นปงุ .) สำนกั ปยสีล (ว.ิ ) ผูม ีศลี เปน ทร่ี กั สีส (นปงุ .) ศีรษะ สตฺตธา (อพั .นบิ าต) โดยสว นเจ็ด ปริวาร (ปุง.) บรวิ าร, เครอื่ งหอ มลอ ม อุยยฺ าน (นปุง.) อุทยาน, สวน สิปฺป (นปุง.) ศลิ ปะ อุโปสถาคาร (ปงุ ., นปงุ .) โรงแหงอุโบสถ ภิตตฺ ิ (อติ .) ฝา, ฝาเรือน มคคฺ (ปงุ .) ทาง, หนทาง, มรรค หตฺถาจริย (ปุง.) อาจารยผ ูฝก ซ่ึงชาง, ควาญชาง เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 176
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 177 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò กริ ยิ าศพั ท คำแปล ที่มาของกริ ยิ าศพั ท วเสยฺยุ พงึ อยู วส+ฺ อ+เอยฺยุ เทเสติ ยอ มแสดง ทิส+ฺ เณ+ติ ชานาสิ ยอ มรู า+นา+สิ อฏุ หิ ตัง้ ขึ้นแลว อุ+า+ห+อี สุณิยเต ฟงอยู สุ+ณา+ย+อิ+เต ววิ ชชฺ ยิ เต ยอ มเวน ว+ิ วชฺ+ย+อ+ิ เต รกขฺ ิยเต ยอมรักษา รกฺข+ย+อ+ิ เต อภิสปย ามิ ยอมแชง อภิ+สป+ฺ ย+อิ+มิ วลิ ุมปฺ ย นฺเต ยอ มย้อื แยง ว+ิ ลุปฺ+ย+อิ+อนฺเต คจฺฉยเต ยอ มไป คมฺ++ย+เต ปฏปิ ชชฺ เต จะปฏบิ ัติ ปฏ+ิ ปทฺ+ย+เต กิลมยเต ยอมลำบาก กิลมฺ+ย+เต สียเต ยอ มนอน ส+ี ย+เต ทิพฺพยเต ยอ มเลน ทวิ +ฺ ย+เต โอตาเรหิ จงใหขา มลง โอ+ตร+ฺ เณ+หิ โภเชสิ ใหกนิ แลว ภุชฺ+เณ+ส+อี ปสาเทสิ ใหเ ล่ือมใสแลว ป+สทฺ+เณ+ส+อี วฏฏ าเปติ ใหกรออยู วฏฏ +ณาเป+ติ ปาจาปย เต ใหห ุงอยู ปจฺ+ณาเป+ย+อ+ิ เต วณุ าปย นเฺ ต ใหร อยอยู ว+ุ ณา+ณาเป+ย+อ+ิ อนฺเต นาสาปย เต ใหฉบิ หายอยู นสฺ+ณาเป+ย+อิ+เต สพิ พฺ าปยเต ใหเ ยบ็ อยู สวิ ฺ+ณาเป+ย+อ+ิ เต เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 177
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 178 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò กริ ยิ าศัพท คำแปล ที่มาของกริ ิยาศพั ท รุธฺ+ณาเป+ย+อ+ิ เต รุนฺธาปย เต ใหปดอยู รกฺข+อ+ติ กร+ฺ โอ+อนตฺ ิ รกฺขติ ยอ มรักษา กรฺ+อ+อิ+สสฺ ติ ป+วช+ฺ อ+อี กโรนฺติ ยอมกระทำ คมฺ+อ+อี ขาทฺ+ย+อิ+อนเฺ ต กรสิ ฺสติ จักกระทำ ปา+ย+อิ อาคมหนา ย+อิ+สสฺ เต กรฺ+ย+อิ+เต ปพพฺ ชิ บวชแลว ทา+ย+อ+ิ อนเฺ ต วิ+ภชฺ+ย+อิ+อนเฺ ต คจฉฺ ิ ไปแลว ชาครฺ+ย+เต ขี+ย+เต ขาทยิ นเฺ ต ยอ มเคีย้ วกนิ มหุ ฺ+ย+เต ป+สทฺ+ย+เต ปวิยิสฺสเต จกั ดื่ม นิ+สท+ฺ ย+เต ภู+ณย+เอยฺยุ กริยเต ยอมทำ ภุชฺ+ณาเป+สสฺ นฺติ คห+ฺ ณาเป+สสฺ าม ทียนเฺ ต ยอ มให นสฺ+เณ+สสฺ ติ ปฏ+ิ า+ณาเป+เอยยฺ วภิ ชิยนฺเต ยอมแจก ขี+ณาเป+ย+อ+ิ เอยฺยุ ชาครยเต ตื่นอยู ขียเต ยอมส้นิ ไป มุยหฺ เต ยอมหลง ปสที ยเต ยอ มเล่ือมใส นิสที ยเต ยอ มนั่ง ภาวเยยยฺ ุ พึงใหเจรญิ โภชาเปสฺสนฺติ จกั ใหกนิ คาหาเปสฺสาม จักใหถอื เอา นาเสสสฺ ติ จกั ใหฉ บิ หาย ปติฏ าเปยฺย พึงใหต ัง้ อยเู ฉพาะ เขปเ ยยฺยุ พงึ ใหส ้นิ ไป เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 178
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 179 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò กริ ิยาศพั ท คำแปล ท่มี าของกิรยิ าศพั ท กรฺ+ณาเป+ย+อิ+เอถ การาปเ ยถ พึงใหกระทำ น+ิ ปต+ฺ ณาเป+ย+อ+ิ อนเฺ ต ว+ิ สช+ฺ ณาเป+ย+อิ+เต นปิ าตาปย นเฺ ต ยอ มใหต กไป ป+วช+ฺ ณาเป+ย+อิ+เต ลภฺ+อ+อุ วิสฺสชชฺ าปย เต ยอมใหปลอย ทิส+ฺ เณ+สสฺ ามิ นิ+สทฺ+อ+อุ ปพพฺ าชาปย เต ยอ มใหบวช อุ+ปท+ฺ ย+อี โอ+วทฺ+ย+อิ+อนตฺ ุ ลภสึ ุ ไดแ ลว ปตฺถ+ย+อ+ิ เต ปส ฺ+เณ+ย+อิ+เต เทเสสฺสามิ จกั แสดง มานฺ+ย+อิ+เต ปูชฺ+ย+อิ+เต นิสที สึ ุ นัง่ แลว ป+มท+ฺ ย+เต มุจ+ฺ ย+อ+ิ สฺสเต อุปปฺ ชฺชิ เกิดขึ้นแลว ภทิ ฺ+ย+เอถ ว+ิ รุจฺ+ย+เต โอวทิยนฺตุ จงกลา วสอน สกิ ขฺ +ณาเป+อนตฺ ิ นิ+มนตฺ +ณาเป+ส+อี ปตฺถยิ เต ยอมปรารถนา ลิป+ฺ ณาเป+ถ วิ+สธุ ฺ+ณย+อี เปสิยเต ยอมสงไป กรฺ+ณาเป+ย+อ+ิ เต มานยิ เต ยอ มนบั ถอื ปูชิยเต ยอมบชู า ปมชฺชยเต ประมาทอยู มจุ ฺจยสิ ฺสเต จกั พน ภชิ ฺชเยถ พึงแตก วิโรจยเต ยอมรงุ เรือง สิกขฺ าเปนฺติ ยอมใหศ กึ ษา นิมนฺตาเปสิ ใหน ิมนตแ ลว ลิมฺปาเปถ จงใหฉาบ วิโสธยิ ใหห มดจดวิเศษแลว การาปย เต ใหกระทำอยู เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 179
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 180 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò กริ ิยาศพั ท คำแปล ทมี่ าของกิริยาศพั ท ทมาปย เต ยอมใหฝ ก ทม+ฺ ณาเป+ย+อิ+เต ชานาปยสิ ฺสา จกั ใหรแู ลว า+นา+ณาเป+ย+อิ อาคมหนา ย+อ+ิ สสฺ า ฆาตาปย ิสฺสา จักใหฆ า แลว วธ+ฺ ณาเป+ย+อิ อาคมหนา ย+อ+ิ สสฺ า คาหาปยเต ยอมใหจับ คหฺ+ณาเป+ย+อิ+เต ธาตุบางตัว ลงปจจัยประจำหมวดธาตุ แตมิไดใสไวในที่น้ี เพราะเกรงวาจะ สับสน ผศู กึ ษาพงึ กำหนดดตู ามปจ จัยประจำหมวดธาตุนน้ั ๆ เถดิ . คำยอ ปุง. : ปุงลงิ ค นปงุ . : นปุงสกลงิ ค อติ . : อิตถลี ิงค ว.ิ : วเิ สสนะ อัพ. : อพั ยยศพั ท เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 180
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 181 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò แบบประเมินผลตนเองกอ นเรียน หนว ยที่ ๖ จดุ ประสงค เพ่ือประเมินความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่อง “การแปลมคธเปน คำส่ัง ไทยและแปลไทยเปน มคธ ในวาจกทงั้ ๕ ทใี่ ชก ริ ยิ าอาขยาตคมุ พากย” ใหนักเรียนอานคำถามแลวเขียนวงกลมลอมรอบขอคำตอบที่ถูกตอง ที่สุดเพียงขอเดยี ว ๑. คำวา “อุปาสโก ภตตฺ ํ ภุชฺ ิสฺสติ” ตรงกับขอใด ? ก. อ.ภัตร อนั อบุ าสก ยอ มบรโิ ภค ข. อ.อุบาสก ท. บรโิ ภคแลว ซงึ่ ภตั ร ค. อ.อบุ าสก จกั บริโภค ซงึ่ ภัตร ง. อ.อบุ าสก ยอ มบริโภค ซงึ่ ภัตร ๒. คำวา “ทกุ ฺกฏํ กมฺมํ ปณฑฺ ิเตน น กรเิ ยถ” ตรงกบั ขอใด ? ก. อ.บณั ฑติ ไมพงึ กระทำ ซ่งึ กรรม อนั ชั่ว ข. อันบณั ฑิต ยอ มไมก ระทำ ซ่งึ กรรม อนั ชั่ว ค. อ.กรรม อนั ชัว่ อนั บัณฑติ ยงั บคุ คล ไมใหก ระทำแลว ง. อ.กรรม อนั ชั่ว อนั บณั ฑิต ไมพงึ กระทำ ๓. คำวา “อวสฺสํ ปน สตฺเตน มรยเต” ตรงกบั ขอ ใด ? ก. ก็ อนั สตั ว ยอ มตาย แนแ ท ข. ก็ อนั บุคคล ยอ มตาย เพราะสัตว แนแ ท ค. ก็ อันสัตว พึงตาย แนแ ท ง. ก็ อนั สตั ว ยงั บคุ คล ยอมใหต าย แนแท ๔. คำวา “ปต า ปุตตฺ ํ ภกิ ฺขู วนฺทาเปส”ิ ตรงกับขอ ใด ? ก. อ.บดิ า ไหวแลว ซ่งึ ภิกษุ ท. ดวยบุตร ข. อ.บตุ ร ยงั บิดา ใหไ หวแลว ซึง่ ภกิ ษุ ท. ค. อ.ภกิ ษุ ท. อนั บดิ า ยังบุตร ยอมใหไหว ง. อ.บิดา ยังบตุ ร ใหไหวแ ลว ซงึ่ ภิกษุ ท. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 181
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 182 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò ๕. คำวา “เสฏ นิ า ปนายํ วหิ าโร การาปยสิ สฺ เต” ตรงกับขอใด ? ก. ก็ อ.วหิ ารน้ี อันเศรษฐี ยังบุคคล ใหกระทำอยู ข. ก็ อ.วิหารน้ี อนั เศรษฐี จกั กระทำ ค. ก็ อ.วิหารนี้ อนั เศรษฐี ยังบุคคล จกั ใหก ระทำ ง. ก็ อ.วหิ ารน้ี อันเศรษฐี ยงั บคุ คล จักไดใหก ระทำแลว ๖. คำวา “อ.เรา เค้ยี วกินอยู ซึง่ ผลไม ท.” ตรงกบั ขอใด ? ก. ผลานิ ขาทติ ข. ผลานิ ขาทามิ ค. ผลานิ ขาทสิ ง. ผลานิ ขาทาม ๗. คำวา “อ.ศาลา อนั ชา ง จกั ทำลาย” ตรงกับขอ ใด ? ก. หตถฺ ินา สาลา ภินทฺ ิยสิ สฺ เต ข. หตฺถี สาลํ ภินฺทิสสฺ ติ ค. หตฺถนิ า สาลา ภินฺทสิ สฺ ติ ง. หตถฺ ี สาลํ ภินทฺ ยิ สิ สฺ เต ๘. คำวา “อันทาน พึงตาย เพราะมารยาของหญงิ ” ตรงกับขอ ใด ? ก. ตยา อติ ถฺ ีมายาย มิยฺเยยยฺ าสิ ข. ตฺวํ อิตถฺ มี ายาย มิยเฺ ยถ ค. ตยา อติ ฺถีมายาย มิยเฺ ยถ ง. ตยา อิตฺถีมายาย มเรยยฺ าถ ๙. คำวา “อ.พระเถระ ยงั สามเณร ใหต ม แลว ซ่ึงน้ำ” ตรงกบั ขอ ใด ? ก. เถโร สามเณรํ อทุ กํ ปาเจสสฺ ติ ข. เถโร สามเณรํ อทุ กํ ปจิ ค. เถโร สามเณเรน อุทกํ ปาจาปย ิ ง. เถโร สามเณรํ อุทกํ ปาเจสิ ๑๐. คำวา “อ.นก อนั มาดา ยังธิดา จงใหป ลอ ย” ตรงกบั ขอ ใด ? ก. มาตยุ า ธตี รํ สกโุ ณ โมเจตุ ข. มาตรา ธีตรํ สกโุ ณ มุจฺ าปยตํ ค. มาตยุ า ธตี า สกุณํ โมเจตุ ง. มาตรา ธตี ยุ า สกุณา มุจฺ าเปตุ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 182
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 183 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò แบบประเมนิ ผลตนเองหลังเรียน หนว ยที่ ๖ จดุ ประสงค เพ่ือประเมินผลความกาวหนาของนักเรียนเก่ียวกับเรื่อง “การแปล คำสง่ั มคธเปนไทยและแปลไทยเปนมคธ ในวาจกท้ัง ๕ ท่ีใชกิริยา อาขยาตคมุ พากย” ใหนักเรียนอานคำถามแลวเขียนวงกลมลอมรอบขอคำตอบที่ถูกตอง ทส่ี ดุ เพยี งขอ เดยี ว ๑. คำวา “อปุ าสโก ภตฺตํ ภุ ฺชสิ ฺสต”ิ ตรงกับขอ ใด ? ก. อ.อบุ าสก ท. บรโิ ภคแลว ซึง่ ภัตร ข. อ.ภตั ร อันอบุ าสก ยอ มบรโิ ภค ค. อ.อบุ าสก ยอมบรโิ ภค ซ่ึงภตั ร ง. อ.อบุ าสก จกั บรโิ ภค ซึง่ ภัตร ๒. คำวา “ทกุ ฺกฏํ กมมฺ ํ ปณฑฺ ิเตน น กรเิ ยถ” ตรงกบั ขอใด ? ก. อ.กรรม อันชั่ว อันบณั ฑติ ไมพ ึงกระทำ ข. อ.กรรม อันชว่ั อนั บณั ฑติ ยงั บคุ คล ไมใ หก ระทำแลว ค. อันบณั ฑิต ไมพ ึงกระทำ ซง่ึ กรรม อนั ชว่ั ง. อนั บณั ฑิต ยอ มไมกระทำ ซ่งึ กรรม อนั ช่วั ๓. คำวา “อวสฺสํ ปน สตเฺ ตน มรยเต” ตรงกบั ขอใด ? ก. ก็ อันสตั ว พงึ ตาย แนแท ข. ก็ อนั สตั ว ยังบคุ คล ยอมใหตาย แนแ ท ค. ก็ อันสัตว ยอมตาย แนแ ท ง. ก็ อนั บคุ คล ยอ มตาย เพราะสัตว แนแ ท ๔. คำวา “ปตา ปุตฺตํ ภิกขฺ ู วนฺทาเปส”ิ ตรงกบั ขอใด ? ก. อ.บดิ า ยงั บุตร ใหไหวแลว ซงึ่ ภกิ ษุ ท. ข. อ.ภิกษุ ท. อันบิดา ยังบุตร ยอมใหไ หว ค. อ.บดิ า ไหวแ ลว ซ่งึ ภกิ ษุ ท. ดว ยบตุ ร ง. อ.บตุ ร ยังบดิ า ใหไหวแลว ซ่งึ ภิกษุ ท. เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 183
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 184 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๕. คำวา “เสฏฐ ินา ปนายํ วิหาโร การาปยิสฺสเต” ตรงกับขอใด ? ก. ก็ อ.วหิ ารนี้ อันเศรษฐี จกั กระทำ ข. ก็ อ.วิหารน้ี อันเศรษฐี ยังบคุ คล จกั ใหก ระทำ ค. ก็ อ.วิหารนี้ อนั เศรษฐี ยงั บุคคล จักไดใ หกระทำแลว ง. ก็ อ.วิหารน้ี อนั เศรษฐี ยงั บุคคล ใหกระทำอยู ๖. คำวา “อ.เรา เค้ียวกนิ อยู ซึง่ ผลไม ท.” ตรงกบั ขอใด ? ก. ผลานิ ขาทสิ ข. ผลานิ ขาทติ ค. ผลานิ ขาทาม ง. ผลานิ ขาทามิ ๗. คำวา “อ.ศาลา อันชา ง จกั ทำลาย” ตรงกับขอใด ? ก. หตฺถี สาลํ ภินฺทิสสฺ ติ ข. หตถฺ ี สาลํ ภินทฺ ิยิสฺสเต ค. หตฺถินา สาลา ภนิ ฺทิยิสฺสเต ง. หตถฺ นิ า สาลา ภนิ ฺทิสสฺ ติ ๘. คำวา “อนั ทา น พึงตาย เพราะมารยาของหญงิ ” ตรงกับขอ ใด ? ก. ตยา อติ ฺถีมายาย มิยฺเยถ ข. ตยา อติ ถฺ มี ายาย มยิ ฺเยยยฺ าสิ ค. ตยา อิตถฺ ีมายาย มเรยยฺ าถ ง. ตฺวํ อติ ฺถีมายาย มิยเฺ ยถ ๙. คำวา “อ.พระเถระ ยงั สามเณร ใหตม แลว ซ่ึงนำ้ ” ตรงกับขอ ใด ? ก. เถโร สามเณรํ อทุ กํ ปจิ ข. เถโร สามเณรํ อทุ กํ ปาเจสิ ค. เถโร สามเณรํ อุทกํ ปาเจสฺสติ ง. เถโร สามเณเรน อุทกํ ปาจาปย ิ ๑๐. คำวา “อ.นก อนั มาดา ยังธดิ า จงใหป ลอ ย” ตรงกบั ขอใด ? ก. มาตยุ า ธตี รํ สกุโณ โมเจตุ ข. มาตรา ธีตุยา สกณุ า มฺุจาเปตุ ค. มาตุยา ธีตา สกณุ ํ โมเจตุ ง. มาตรา ธตี รํ สกุโณ มฺุจาปยตํ เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 184
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 185 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เฉลยแบบประเมินผลตนเอง หนว ยท่ี ๖ ขอ กอ นเรียน หลงั เรียน ๑. ค ง ๒. ง ก ๓. ก ค ๔. ง ก ๕. ค ข ๖. ข ง ๗. ก ค ๘. ค ก ๙. ง ข ๑๐. ข ง เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 185
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 186 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) แผนการสอนวิชาบาลไี วยากรณ หนว ยท่ี ๗ เร่ือง กิตก “กริ ิยากติ ก [วภิ ตั ต,ิ กาล, วจนะ, ธาต,ุ วาจก, ปจ จยั ]” เวลาทำการสอน ๓ คาบ สาระสำคัญ ศัพทท่ีประกอบดวยปจจัยหมูหน่ึง ซึ่งเปนเคร่ืองหมายกำหนดเน้ือความของ นามศัพทและกิริยาศัพทท่ีตางๆ กัน เรียกวา “กิตก” แบงเปน ๒ คือ นามศัพท ๑ กริ ิยาศัพท ๑ กิตกที่เปน กริ ยิ า เรียกวา “กริ ิยากติ ก” จดุ ประสงค ๑. เพ่ือใหน ักเรียนรูและเขา ใจกิตก และกริ ยิ ากิตก ๒. เพื่อใหนักเรียนรูและเขาใจถึงองคประกอบของกิริยากิตก และนำไปใชได ถูกตอง เนอ้ื หา ๑. กติ ก ๒. กิรยิ ากติ ก ๓. องคประกอบของกิริยากิตกพรอมวิธีใช [วิภัตติ, กาล, วจนะ, ธาตุ, วาจก, ปจจยั ] กจิ กรรม ๑. ประเมินผลกอนเรยี น ๒. ใหนักเรียนทอ งกิตก กริ ยิ ากิตก [วิภตั ติ, กาล, วจนะ, ธาตุ, วาจก, ปจจยั ] 186
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 187 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๓. ครูนำเขา สบู ทเรยี น และอธิบายเนอื้ หา ๔. บตั รคำ ๕. ครสู รปุ เน้อื หาทง้ั หมด ๖. ประเมนิ ผลหลงั เรยี น ๗. ใบงาน ๘. กจิ กรรมเสนอแนะ ครูสอนควรใหน กั เรียน ๑. ทอ งแมแบบได ๒. ใหนักเรียนหัดแยกธาตุ และประกอบธาตุดวยปจจัยกิริยากิตก (สั่งเปน การบา นดวย) ส่อื การสอน ๑. ตำราที่ใชประกอบการเรียน-การสอน ๑.๑ หนงั สอื พระไตรปฎ ก ๑.๒ หนังสือพจนานกุ รม มคธ-ไทย โดย พนั ตรี ป. หลงสมบุญ สำนกั เรียนวดั ปากนำ้ ๑.๓ หนังสือพจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ๑.๔ หนังสอื พจนานุกรมพทุ ธศาสน ฉบับประมวลศพั ท โดย พระธรรมปฎ ก (ป.อ.ปยุตฺโต) ๑.๕ หนงั สอื คมู อื บาลไี วยากรณ นพิ นธ โดย สมเดจ็ พระมหาสมณเจา ฯ ๑.๖ หนงั สอื ปาลิทเทศ ของ สำนักเรยี นวัดปากนำ้ ๑.๗ คัมภีรอภิธานัปปทปี ก า ๑.๘ หนงั สอื พจนานุกรมธาตุ ภาษาบาลี ๒. อุปกรณท่คี วรมปี ระจำหองเรยี น ๒.๑ กระดานดำ-แปรงลบกระดาน-ชอลก หรอื กระดานไวทบอรด ๒.๒ เครอ่ื งฉายขามศีรษะ (Over-head) ๓. บัตรคำ ๔. ใบงาน 187
¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 188 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) วิธวี ัดผล-ประเมินผล ๑. สอบถามความเขาใจ ๒. สงั เกตพฤติกรรมการมสี วนรวมในกจิ กรรม ๓. สังเกตความกา วหนา ดา นพฤติกรรมการเรยี นรูของผูเรียน ๔. ตรวจใบงาน 188
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 189 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò กติ ก ศพั ทท ที่ า นประกอบดว ยปจ จยั หมหู นง่ึ ซง่ึ เปน เครอ่ื งกำหนดหมายเนอื้ ความของ นามศัพท และกิริยาศัพทท่ีตางๆ กัน. คำวาศัพทในที่นี้ หมายความถึงกิริยาศัพทท่ี เปน มลู รากคอื ธาตุ เชน เดยี วกบั ธาตใุ นอาขยาต กริ ยิ าศพั ทท เ่ี ปน มลู ราก คอื ธาตทุ ง้ั หลาย น่ันเอง เมื่อนำมาประกอบกับปจจัย ซ่ึงทานจัดไวเปนหมวดหมูแลว ยอมเปนเครื่อง กำหนดหมายใหทราบเนื้อความไดวา ศัพทท่ีประกอบดวยปจจัยเหลานี้เปนนามศัพท และเปนกิริยาศัพท ซงึ่ นามศพั ทแ ละกริ ยิ าศพั ทเ หลา นน้ี กั ปราชญด า นภาษาบาลบี ญั ญตั ิ เรยี กวา “กติ ก” ความหมายของคำวา “กติ ก” นักวิชาการทางดานภาษาศาสตรใหความหมายของคำวา “กิตก” ไวแตกตาง กันออกไป ดังตอไปน้ี คอื กติ ก (ปุ.) ศพั ทอันเรยี่ รายดว ยกติ ปจจัย, กติ ก ช่ือของศัพททีป่ ระกอบดว ย ปจ จัยหมหู น่งึ ซ่งึ เปน เครื่องของนามศัพทและกริ ยิ าศพั ทท ต่ี า งๆ กนั . จากบาลไี วยากรณก ติ ก. ว.ิ กติ ปจจ เยน กริ ตตี ิ กตโก. กติ บทหนา กริ ฺ ธาตุ ในความเรยี่ ราย ร ปจ . ลบทสี่ ดุ ธาตุ แปลง อิ ที่ กิ ตัว ธาตุเปน อ และลบตัวเอง (ร ปจ.). (พจนานกุ รม มคธ-ไทย โดย พนั ตรี ป. หลงสมบญุ สำนกั เรยี น วดั ปากนำ้ จัดพิมพ พ.ศ.๒๕๔๐ หนา ๑๙๒) และในคูมือบาลีไวยากรณเลมนี้จะใหความหมายของคำวา “กิตก” เชนเดียว กบั นกั วชิ าการทา นอน่ื ๆ คอื “ศพั ทท ป่ี ระกอบดว ยปจ จยั หมหู นง่ึ ซง่ึ เปน เครอ่ื งหมาย ของนามศัพทและกิรยิ าศัพทท ตี่ า งๆ กนั ” คำวา กิตก นมี้ ีมลู เดมิ มาจาก กริ ฺ ธาตุ ในความเร่ยี ราย, กระจาย กตั ตรุ ปู กัตตุ สาธนะ วิเคราะหคำวา “กติ ก” วิเคราะหว า กติ ปจฺจเยน กริ ตีติ กติ โก (ศัพทใ ด) ยอ มเร่ียราย ดว ยปจ จัยกิตก เหตนุ น้ั (ศัพทน ้ัน) ชื่อวากติ ก. 189
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 190 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ศัพทตางๆ ที่เปนธาตุ ซ่ึงปจจัยในกิตกปรุงแตงแลว ยอมสำเร็จรูปเปน ๒ คือ นามศัพทและกิริยาศัพท สวนศัพทท่ีปจจัยอาขยาตปรุงแลว ยอมใชเปนกิริยาศัพท อยางเดียว และใชไดเฉพาะเปนกิริยาหมายพากยเทานั้น สวนศัพทที่ปจจัยกิตกปรุง แลว ยอมใชเปนนามศัพท คือเปนนามนามก็ได คุณนามก็ได และใชเปนกิริยาศัพท คือ เปนกิริยาหมายพากยก ็ได เปนกริ ยิ าในระหวางพากยกไ็ ด. ศัพทที่ปจจัยปรุงแตงเปนนามศัพทศัพทตางๆ ที่ปจจัยในกิตกปรุงใหสำเร็จรูป เปนนามศัพทแลวนามศัพทนั้นๆ ยอมมีความหมาย แตกตางกันออกไปตามปจจัยท่ี ประกอบนั้นๆ ไมตองกลาวถึงศัพทท่ีประกอบดวยปจจัยตางๆ กันยอมมีความหมาย ผดิ แผกแตกตางกันออกไป แมศพั ทเ ดียวกนั และประกอบปจ จยั ตวั เดยี วกนั นั่นเอง ยัง มคี วามหมายแตกตา งออกไปไดห ลายอยา ง แลว แตค วามมงุ หมายของปจ จยั ทป่ี ระกอบเขา กับศัพทจะใชความหมายวากระไรไดบาง ในสว นรปู ท่เี ปนนามศพั ท ศพั ทว า ทาน ดังที่ทานยกขน้ึ มาเปนอทุ าหรณในแบบน้ัน ศพั ทนีม้ ูลเดมิ มาจาก ทา ธาตุ ในความให ลง ยุ ปจจยั แลว แปลง ยุ เปน อน ไดร ปู เปน ทาน ถา จะใหเปน รปู ศพั ทเ ดมิ ตองลง สิ ปฐมาวภิ ัตติ นปุส กลงิ คไ ดร ปู ทาน ศพั ทนีแ้ หละอาจแปลไดถ งึ ๔ นัย คือ :- ๑. ถาเปนช่ือของสิ่งของที่จะพึงสละเปนตนวา ขาว น้ำ เงิน ทองก็ตองแปล เปนรูปกัมมสาธนะวา “วัตถุอันเขาพึงให” แยกรูปออกตั้งวิเคราะหวา ทาตพฺพนฺติ ทาน. [ ย วตฺถุ ส่ิงใด เตน อันเขา ] พึงให เหตุน้ัน [ ต วตฺถุ สิ่งน้ัน ] ช่ือวา ทาน [ อนั เขาพงึ ให ]. เชนในคำวา ทานวตฺถุ ส่ิงของอันเขาพงึ ให. ๒. ถาเปนชื่อของการให คือเพงถึงกิริยาอาการของผูให แสดงใหเห็นวา ผูใหๆ ดวยอาการอยางไร เปนตนวาอาการชื่นชมยินดีอาการหยิบยกให เชนนี้ตอง แปลเปน ภาวสาธนะวา “ความให การให” แยกรปู ออกตง้ั วิเคราะหวา ทิยฺยเตติ ทาน. (เตน อันเขา) ยอมให เหตุนั้น ช่ือวา ทาน. (การให) รูปน้ีไมตองมีตัวประธานเพราะ เปนรูปภาววาจก. เชนในคำวา สพฺพทาน ธมฺมทาน ชินาติ. การใหธรรมยอมชนะ การใหท งั้ ปวง. 190
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 191 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ๓. ถาเปนชื่อของเจตนา คือเพงถึงความคิดกอน หรือความจงใจใหทาน หมายความวาเขาใหดวยเจตนาใด เจตนานั้นไดช่ือวา เปนเหตุใหเขาสละสง่ิ ของ คอื ยกเจตนาข้ึนพูดเปนตัวตั้ง เชนน้ีตองแปลเปนรูปกรณสาธนะวา “เจตนาเปนเหตุให แหงชน” แยกรูปออกต้ังวิเคราะหวา เทติ เตนาติ ทาน. (ชโน ชน) ยอมให ดวย เจตนากรรมนั้น เหตุนน้ั (ต เจตนากมฺม เจตนากรรมน้นั ) ชอ่ื วา ทาน (เจตนากรรมเปน เหตุใหแ หง ชน). เชน ในคำวา ทานเจตนา เจตนาเปน เครอ่ื งให. ๔. เปนชื่อของสถานท่ี คือเพงถึงที่ๆ เขาให มีโรงเรือน ศาลา หรือ บาน เปนตน หมายความวา เขาใหในสถานที่ใด สถานที่น้ันไดช่ือวา เปนที่ใหของเขา คือ ยกสถานท่ีข้ึนพูดเปนตัวตั้ง เชนนี้ตองแปลเปนรูปอธิกรณสาธนะวา “ท่ีเปนท่ีใหแหง ชน” แยกรูปออกตงั้ วิเคราะหว า เทติ เอตฺถาติ ทาน. (ชโน ชน) ยอ มใหใ นท่นี ั่น เหตุ น้ัน (เอต าน ทนี่ ่นั ) ชื่อวา ทาน (ทเ่ี ปน ทใ่ี หแหงชน). เชนในคำวา ทานศาลา โรงเปน ที่ให (โรงทาน) ดังตัวอยางนี้ เราจะเห็นไดแลววา คำวา ทาน คำเดียว อาจแปล ความหมายไดหลายนยั ดังแสดงมาฉะน.้ี ศัพทท ่ีปจ จยั ปรงุ แตง เปน กิรยิ ากติ ก ศัพทตางๆ ท่ีปจจัยในกิตกปรุงใหสำเร็จรูปเปนกิริยาศัพทแลวกิริยาศัพทน้ันๆ ก็ยอมมีความหมายแตกตางกันออกไปตามปจจัยนั้นๆ เชนเดียวกับศัพทที่ปจจัยปรุง ใหสำเร็จรูปเปนนามศัพทในสวนกิริยาศัพทนี้ ดังท่ีทานยกคำวา “ทำ” ข้ึนมาเปน อุทาหรณ ยอมอาจหมายความไปไดต าง ๆ ดว ยอำนาจปจ จยั ดงั จะแสดงใหเหน็ ตอ ไป คำวา “ทำ” ออกมาจากศัพทธาตุ “กรฺ” ถาใชเปนศัพทบอกผูทำ ก็เปนกัตตุวาจก, บอกส่ิงท่เี ขาทำ กเ็ ปนกมั มวาจก, บอกอาการท่ที ำ ก็เปน ภาววาจก (ไมกลาวถงึ กัตตา และ กัมม). บอกผูใ ชใ หท ำ กเ็ ปน เหตุกตั ตวุ าจก, บอกส่ิงท่ีเขาใชใ หทำ กเ็ ปน เหตกุ ัมม วาจก. ดังตัวอยา ง ดงั นี้ ๑. บอกผูทำท่ีเปนกัตตุวาจกน้ัน คือเมื่อนำปจจัยปรุงธาตุแผนก กัตตุวาจก มาประกอบเขา เชน อนตฺ หรือ มาน ปจ จยั เปน ตน กไ็ ดรูปเปน กัตตุวาจก เชน กรฺ ธาตุ ลง อนตฺ ปจ จัย ไดร ูปเปน กโรนฺโต, กโรนตฺ า, กโรนฺต. แปลวา “ทำอยู เม่อื ทำ” ตาม รูปลิงคของตัวประธาน เมื่อตองการจะแตงใหเปนประโยคตามในแบบ ก็ตองหาตัว 191
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 192 ÇÔªÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) กัตตาผูทำ ในทนี่ ี้บงถึงนายชา ง กต็ องใชศ พั ทว า “วฑฒฺ กี” ตัวกรรมบงถงึ เรือน ก็ตอ ง ใหคำวา “ฆร” ตัวคุณนามที่เพิ่มเขามาแสดงถึงอาการที่นายชา งทำ คอื งามจรงิ กใ็ ช คำวา “อตวิ ยิ โสภ” ซงึ่ แสดงความวเิ ศษของการกระทำวา ทำไดงามจริง ทานเรียกวา กิริยาวิเสสนะ เมื่อประกอบใหเปนประโยคก็ตองวา วฑฒฺ กี อตวิ ยิ โสภ ฆร กโรนโฺ ต นายชา ง ทำอยู ซงึ่ เรอื น งามจรงิ นเ้ี ปน รปู กตั ตวุ าจกเพราะยกผูทำขึ้นเปนประธาน คือ บอกผทู ำน่ันเอง. ๒. บอกสิ่งที่เขาทำ เปนกัมมวาจก เมื่อจะใหเปนรูปนี้ ก็นำปจจัยท่ีปรุงกิริยา ศัพทใหเปนกัมมวาจกมาประกอบ เชน ต อนีย ตพฺพ ปจจัย เปนตน เชน กรฺ ธาตุ นำ ต ปจจยั มาประกอบก็ไดร ปู เปน กโต, กตา, กต. ตามรปู ลงิ คข อง นามศัพทที่เปนประธานในประโยคในท่ีนี้ยกคำวา “เรือนนี้นายชางทำงามจริง” ข้ึนเปนอุทาหรณ ถาจะประกอบใหเปนประโยคก็ตองวา อิท ฆร วฑฺฒกินา อติวิยโสภ กต. เรือนน้ี อันนายชาง ทำแลว งามจริง นี้เปนรูปกัมมวาจก เพราะยก คำวา “ฆร” (เรอื น) ข้ึนเปนประธาน คือบอกสง่ิ ที่เขาทำน่ันเอง. ๓. บอกแตอาการท่ีทำ ไมยกกัตตา (ผูทำ) ซ่ึงเปนตัวประธานและกรรม (ผูถูกทำ) ข้ึนพูด กลาวขึ้นมาลอย ๆ เม่ือจะใหเปนรูปน้ีก็นำปจจัยท่ีปรุงกิริยาศัพทให เปนภาววาจก มี ตพฺพ ปจจัยเปนตนมาประกอบ เชน ภู ธาตุ นำ ตพฺพ ปจจัยมา ประกอบ ก็ไดร ูปเปน ภวิตพพฺ (พฤทธ์ิ อู ที่ ภู เปน โอ แลวเอาเปน อว ลง อิ อาคม ภาววาจกน้ีใชเปนรูปนปุสกลิงคเสมอไป) ประกอบใหเปนประโยค เชน การเณเนตฺถ (การเณน+เอตฺถ) ภวติ พฺพ. อันเหตุ ในสง่ิ นั้น พึงมี. ในท่นี ี้ การท่มี ิไดย ก กรฺ ธาตเุ ปน ตัวอยาง ก็เพราะ กรฺ ธาตุเปนธาตุมีกรรมจะใชในภาววาจกไมเหมาะ จึงไดยกเอา ภู ธาตซุ ึ่งเปนธาตไุ มม ีกรรมขึ้นมาเปน อุทาหรณแทน. ๔. บอกผูใชใหเขาทำ เปนเหตุกัตตุวาจก เมื่อจะใหเปนรูปนี้ก็ตองนำปจจัยที่ ใชในเหตุกัตตุวาจกมาประกอบ เชน อนฺต ปจจัยเปนตน เมื่อนำมาประกอบกับ กรฺ ธาตุก็จะไดรูปเปน การาเปนฺโต, การาเปนฺตา, การาเปนฺต. (ยืม ณาเป ปจจัยใน อาขยาตมาใชดวย) ตามลิงคของตัวประธาน ประกอบเปนประโยควา วฑฒฺ กี ปรุ เิ ส อมิ ํ ฆรํ การาเปนโฺ ต. นายชา ง ยงั บรุ ษุ ทงั้ หลาย ใหท ำอยู ซงึ่ เรอื นน.้ี 192
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 193 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๕. บอกส่ิงที่เขาใชใหคนอ่ืนทำ เปนเหตุกัมมวาจก เม่ือจะใหเปนรูปนี้ ก็ตองนำปจจัยท่ีใชในเหตุกัมมวาจกมาประกอบ เชน มาน ปจจัย เปนตน ปจจัยนี้ เมื่อนำมาประกอบกับ กรฺ ธาตุ ก็จะไดรูปเปน การาปยมาโน, การาปยมานา, การาปย มาน. (ยืม ณาเป และ ย ปจจัย อิ อาคมในอาขยาตมาใชด วย) ตามลงิ คของ ตัวประธาน ประกอบใหเปนประโยควา อิท ฆร วฑฺฒกินา ปุริเสหิ การาปยมาน. เรอื นนอี้ นั นายชาง ยังบุรุษทัง้ หลาย ใหทำอย.ู ดังตัวอยางท่ีแสดงมาน้ี เราจะเห็นไดแลว กรฺ ธาตุตัวเดียวเม่ือนำปจจัยในฝาย กริ ยิ ากิตกม าประกอบแลว อาจหมายเนอื้ ความไดเ ปน อเนกประการ ตามปจจยั ทน่ี ำมา ประกอบน้นั ๆ แมปจจัยตัวเดียวกนั น่นั เองก็ยงั อาจแปลงเน้อื ความไดมากเชนเดยี วกนั แลวแตปจจัยนน้ั ๆ จะใชห มายวาจกอะไรไดบ า ง. การแบงประเภทของกิตก กิตกแบง เปน ๒ อยาง กิตกเ มือ่ สำเรจ็ รปู แลว เปน นามศพั ทอ ยา ง ๑ เปน กริ ิยาศัพทอยาง ๑ คำวา “นามศพั ท” นนั้ หมายความกวา ง อาจหมายถงึ นามศพั ทท เ่ี ปน นามนาม ทั้งหมดซึ่งเปนนามโดยกำเนิดก็ได, นามศัพทที่ปรุงขึ้นจากธาตุและใชเปนบทนามก็ได, คุณนามโดยกำเนิด และคุณนามที่ปรุงขึ้นจากธาตุก็ได, และสัพพนามดวยก็ได. คำวา “กิริยาศัพท” ก็เชนเดียวกัน อาจหมายถึงศัพทท่ีกลาวกิริยาทั้งสิ้นเชนกิริยาอาขยาต กไ็ ด, หมายถึงกริ ยิ าที่ใชใ นกติ กกไ็ ด ฉะน้ัน เพื่อจำกัดความใหส้ันและแคบเขา เพ่ือใหหมายความเฉพาะในเรื่อง กิตก คำวา นามศัพท ในท่ีนี้ ทานหมายเฉพาะนามศัพทท่ีสำเร็จรูปมาจากธาตุอยาง เดยี ว ไมใชนามศัพทโ ดยกำเนิด และนามศัพทใ นกติ กนี้เปน ไดเ ฉพาะนามนามอยา ง ๑ คณุ นามอยาง ๑ เทา นนั้ รวมเรยี กชือ่ วา “นามกติ ก” หมายถงึ กิตกทใ่ี ชเ ปน นาม และ คำวา กิริยาศัพท ก็หมายเฉพาะกิริยาท่ีใชประกอบปจจัยในกิตกอยางเดียวเทานั้น ไมห มายถึงกริ ิยาอาขยาตดว ย รวมเรียกช่ือวา “กิริยากติ ก” หมายความวา กิตกท่ใี ช เปนกริ ยิ า. 193
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 194 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò ธาตกุ ติ ก ในกิตกทั้ง ๒ นี้ คือ ทั้งนามกิตกและกิริยากิตก ลวนมีธาตุเปนท่ีต้ัง คือสำเร็จ มาจากธาตุท้ังสิ้น แตธาตุใชอยางเดียวกับอาขยาตหาแปลกกันไม จะตางรูปกันก็ใน เม่ือใชเคร่ืองปรุงตางฝายเขาประกอบเทา นัน้ คอื ถา ใชเครือ่ งปรงุ ฝายอาขยาต ธาตนุ น้ั เมื่อสำเร็จรูปก็กลายเปนอาขยาตไป แตถาใชเครื่องปรุงฝายกิตก ธาตุน้ันก็มีรูปสำเร็จ เปนกติ กไปเทานั้น เพราะฉะน้ัน ธาตุเปนตวั กลาง อาจปรุงเปน อาขยาตกไ็ ด กติ กก็ได เชน ภุ ฺช, กรฺ ธาตุ ถาเปน อาขยาตก็เปน ภฺุชติ, กโรต.ิ เปน นามกิตกก็เปน โภชน, โภชโก, กรณ, การโก, เปนกิริยากิตกเปน ภฺุชนฺโต, ภฺุชิตฺวา, ภุตฺโต, กโรนฺโต, กตวฺ า, กโต. เปน ตน. อนง่ึ บางคราวก็ใชน ามศพั ทม าปรงุ เปนกิรยิ ากติ กกไ็ ดเ ชน เดียวกับอาขยาต เชน :- อาขยาต กริ ิยากิตก ศพั ทนามนามวา ปพพฺ ต (ภเู ขา) ปพฺพตายติ ปพพฺ ตายนฺโต ศัพทคุณนามวา จริ (นาน, ชักชา) จริ ายติ จิรายนโฺ ต ฉะน้ัน จึงรวมความวา อาขยาต ใชธาตุและนามศัพทเปนตัวต้ังสำหรับปรุงได ฉันใด กิตกก็ใชได ฉันน้ัน แตตองยืมปจจัยในอาขยาตมาลงดวยในที่บางแหง เชน อาย, อิย ปจ จยั ในอุทาหรณน ี้ เปน ตน . กริ ยิ ากติ ก คำวา กิริยา นั้น ไดแก อาการของนามนามท่ีแสดงออกมานั่นเอง อาการน้ัน ไดแก ยนื เดิน นั่ง นอน กิน ดม่ื ทำ พูด เปนตน อาการชนดิ หนง่ึ ๆ นี้ เรียกวา กริ ิยา. เชน ชโน ิโต แปลวา ชน ยนื อยแู ลว. คำวา ชโน ชน เปน นาม คือชอ่ื คำวา ‘ยืน’ น้ี เปนกิริยา คือ แสดงอาการของชนน้ันเอง ใหรูวา ชนทำอะไร อาการที่แสดงอาการ อยา งหน่ึง ๆ นแ้ี หละ เรยี กวา กิรยิ า, แมอาการเดนิ อาการกิน เปน ตน ก็เชน กนั . กติ ก ท่ีเปนกริ ยิ าเชนนี้ เรยี กวา กริ ิยากิตก. กริ ยิ ากิตกนกี้ ็เหมือนกริ ยิ าอาขยาตเพราะมี ธาตุ เปน มลู ศพั ท สำเรจ็ ดว ยเครอ่ื งปรงุ คอื วภิ ตั ติ วจนะ กาล วาจก ปจ จยั ตา งแตไ มม บี ท และบุรุษ เทานั้น. การท่ีไมมีบทและบุรุษนั้น เพราะไมมี วิภัตติแผนกหนึ่งตางหาก เหมอื นอาขยาต ตองใชวิภัตตนิ ามเปนเครอ่ื งประกอบ. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 194
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 195 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò อนึ่ง เพยี งแตพ ูดวา กิน ด่ืม ทำ พดู เปน ตน เปน กิริยากติ กเทานี้ยังไมพ อกอ น จำเปนตองช้ีใหชัดวา ศัพทท่ีสำเร็จมาจากธาตุประกอบดวยวิภัตติ กาล วจนะ วาจก ปจ จัยเหลาน้ี จงึ สำเรจ็ เปน กริ ยิ าหรอื เรียกวา กริ ิยากิตก เตม็ ที่. ฉะน้นั “กิรยิ ากิตก หมายถงึ กิตกท เี่ ปน กิริยา” วภิ ัตติ และ วจนะ วิภัตติกิริยากิตกนี้ ไมมีแผนกหนึ่งเหมือนวิภัตติอาขยาต ใชวิภัตตินาม ถา นามศพั ทเปน วภิ ตั ตวิ จนะอันใด กิริยากติ กก็ตอ งเปน ไปตาม. ที่พดู นหี้ มายเอาความ กิริยาศัพทอันเปน อนพฺยยกิริยา คือศัพทท่ีประกอบดวย อนฺต มาน และ ต ปจจัย เปน ตน ท่แี จกดวยวิภตั ติทั้ง ๗ ในลงิ คท ั้ง ๓ ได. ในขอ น้นั มอี ุทาหรณดงั นี้ :- ๑. ภกิ ฺขุ คาม ปณฺฑาย ปวฏิ โ. ภกิ ษุ เขาไปแลว สูบานเพอื่ กอนขา ว. ๒. เย เกจิ พุทฺธ สรณ คตา เส. ชน ท. เหลาใดเหลาหนึ่ง ถึงแลว ซึ่งพระพทุ ธเจา วา เปน ท่รี ะลึก ซ.ิ ๓. เอก ปุริส ฉตฺต คเหตฺวา คจฺฉนฺต ปสฺสามิ. [ขาพเจา] เห็น ซึ่งบุรุษ คนหนง่ึ ผถู อื ซ่ึงรม ไปอยู. - ปวิฏโ ในอทุ าหรณขอ ๑ น้ัน ลง ต ปจจัยในกริ ยิ ากติ กสำเร็จรูปเปน ปวิฏโ เปน อ การนั ต นำไปแจกตามแบบ ปุริส ศพั ท นาม ปุงลิงค ปฐมาวภิ ัตติ เอก. เอา อ กับ สิ เปน โอ จึงเปน ปวิฏโ. ท้ังนี้ก็เพราะตัวนามซ่ึงเปนประธานในประโยค คือ ภิกขฺ ุ น้ันเปน ปงุ ลงิ ค ป. วิภัตติ เอก. ซง่ึ ตรงกบั คำวา นามนาม เปนลิงค วจนะ วิภตั ติ อันใด กิริยากิตกกต็ อ งเปนไปตาม. - ในอุทาหรณน ก้ี เ็ ชนกัน คตา เปนกริ ิยากิตก ต ปจ จัย เปน พหุวจนะ ตามรูป ของตัวประธาน คือ เย เกจิ [ชนา] ซึ่งแปลวา ชน ท. เหลาใดเหลาหนึ่ง อันเปน พหุวจนะ. ถาหากตัวนามนามเปนรูป ชโน คือ เอกวจนะ ตัวกิริยาศัพทก็ตองเปน คโต ตามกนั . - สว นในอทุ าหรณท ่ี ๓ กริ ยิ าศพั ทป ระกอบดว ย อนตฺ ปจ จยั คอื คจฉฺ นตฺ ปรุ สิ . เปนนามนาม [แตมิใชเปนตัวประธาน] เปนแตตัวกัมม คือ เปนผูท่ีถูกเห็น ตามทาง สัมพันธเรียกวา อวุตฺตกมฺม เปนทุติยาวิภัตติ เอก. กิริยากิตกก็ตองเปน ทุติยาวิภัตติ เอก. ตามดว ย จึงเปน รูป คจฉฺ นฺต. 195
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 196 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) อุทาหรณ ๓ ขอนี้ แสดงใหเห็นวา กิริยากิตกนี้ใชวิภัตตินามแมตัวนามนามจะ เปนลงิ ค วภิ ตั ติ วจนะ ใด กต็ อ งเปนไปตามนน้ั . กาล คำวา กาล น้ี ก็ไดแก เวลา คือ เวลาที่บงั เกดิ กริ ิยา หรือเวลาแหง กิริยานั้นเอง. กาลน้ีเปนส่ิงสำคัญ จะเวนเสียมิไดในบรรดากิจท่ีทำ คำท่ีพูด ถาหากขาดจากเวลา เครื่องกำหนดหมาย ก็ไมอาจรูไดวา ทำเมื่อไร กอนหรือหลัง เพราะฉะนั้น ในบาลี ภาษากต็ อ งมกี าลเปน เคร่อื งกำหนดใหแนน อน เฉพาะคำพูดในประโยคหน่งึ ๆ มีกริ ิยา ศัพทหลายตัว แตตัวไหนทำกอน ตัวไหนทำทีหลัง หรือกำลังทำอยู ขอนี้เรารูไดดวย กาลน้นั เอง. การแบงประเภทของกาล ในกิริยากิตกนี้ แบงกาลที่เปนประธานหรือโดยยอได ๒ คือ ปจจุบันกาล ๑ อดตี กาล ๑ ปจจบุ ันกาล ไดแ ก กาลเกดิ ขึน้ เฉพาะหนา ซึ่งแปลวา “อยู” เชน ทำอยู พูดอยู เปน ตน. อดตี กาล ไดแ ก กาลลวงไปแลว ซ่งึ แปลวา “แลว ” เชน ทำแลว พูดแลว เปนตน . คำวา ‘อยู‘ ยังเปนคำพูดท่ีคลุม อาจพูดไดวา กำลังทำอยู หรือกำลังจะทำอยู เปนตน แมคำวา ลวงแลว กเ็ หมือนกนั ชวนใหคดิ ไปวา ลว งแลว เมื่อไร นานแลว หรือ ไมน าน เมอ่ื เชน น้ี จงึ แบง กาลใหล ะเอยี ดแนน อนลงไปอกี หรอื แบง โดยพศิ ดารได ๔ คอื ปจจุบันกาลแบงเปน ๒ คือ ปจ จุบันแท ๑ ปจ จบุ นั ใกลอนาคต ๑ อดีตกาลแบง ออกเปน ๒ คือ ลว งแลว ๑ ลวงแลวเสร็จ ๑ อธิบายวา เพื่อกำหนดคำพูดใหชัดข้ึนกวาเดิมปจจุบันแบงออกเปน ๒ คือ ปจ จบุ ันแท แปลวา “อยู” ๑ ปจ จบุ นั ใกลอ นาคต แปลวา “เมือ่ ” ๑. ปจจุบันแทแปลวา “อยู” น้ัน มี อุ. วา อห ธมฺม สุณนฺโต ปตึ ลภามิ. ขา ฯ ฟง อยู ซงึ่ ธรรม ยอ มได ซงึ่ ปต .ิ อห กมมฺ กโรนโฺ ต ภตตฺ เวตน ลภาม.ิ ขา ฯ ทำอยู ซึ่งการงาน ยอมได ซึ่งคาจา ง. 196
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÕ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 197 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅÁ‹ ò ๒. ปจ จบุ นั ใกลอนาคต แปลวา “เม่ือ” นน้ั มี อ.ุ วา อนสุ นฺธึ ฆเฏตฺวา ธมมฺ เทเสนฺโต อิม คาถ-มาห. พระศาสดาเมื่อสืบตอ ซ่ึงอนุสนธิ แสดง ซึ่งธรรม ตรัสแลว ซ่ึงพระคาถา นี้. กุกฺกุฏมิตฺโต สร วิสชฺเชตุมฺป โอโรเปตุมฺป อสกฺโกนฺโต กิลนฺตรูโป อฏาสิ. นายกุกกุฏมิตร เม่ือไมสามารถ ทั้งเพ่ือจะยิงท้ังเพ่ือจะวางศรลง เปน ผูออ นเพลีย ไดยนื อยแู ลว. กิริยาศัพทที่เปนปจจุบันท้ัง ๒ น้ี ตองประกอบดวย อนฺต มาน ปจจัย เชน กเถนฺโต ภาสมาโน กโรนฺโต กริยมาโน เปนตน ถาเปนปจจุบันแท ก็ใหแปลวา “อย”ู อยา ง กเถนโฺ ต ภาสมาโน กลา วอย.ู ถา เปน ปจ จบุ นั ใกลอ นาคต กใ็ หแ ปลวา “เมื่อ” อยาง กโรนโฺ ต กริยมาโน เม่ือกระทำ เมอ่ื อนั ....กระทำ เปนตน. อดตี กาลนนั้ แบง ออกเปน ๒ อยา งเหมอื นกนั คอื ลว งแลว ๑ ลว งแลว เสรจ็ ๑. ๑. คำวา ลวงแลว น้ัน หมายความวา ลวงไปแลวไมมีกำหนด นับแตวันนี้ จนถึงลว งมาแลวหลายๆ ปกไ็ ด เพราะไมมกี ำหนด. อยา ง อุ. วา ตโย มาสา อตกิ กฺ นตฺ า แปลวา เดือน ท. สาม ลวงไปแลว เอกูนอสีติ สวจฺฉรุตฺตรจตุสตาธิกานิ เทฺว สว จฺฉรสหสฺสานิ อตกิ กฺ นฺตานิ แปลวา ๒๔๗๙ ปล ว งไปแลว เปนตน นี้แสดงใหเ ห็น วา ลว งไปแลว ไมมีกำหนด คือ จะลว งไปเทา ไร ๆ ก็ใชไ ดไมจำกดั . ซง่ึ มีคำแสดงกาล ในการแปลวา “แลว”. ๒. คำวา ลวงแลวเสร็จ นั้น หมายความวา ลวงในขณะที่ทำเสร็จ พูดเสร็จ ซ่ึงอยใู นระยะใกลๆ กบั กิรยิ าทที่ ำกอ นนนั้ เอง จงึ มีคำแสดงกาล ใหแ ปลวา “ครน้ั แลว” ขอนี้โดยมากมักใชกิริยาศัพทซ้ำกันกับคำในประโยคตน [และประกอบดวย ตูนาทิ ปจจัยอยางเดียว] อยาง อุ. วา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺต อภิวาเทตฺวา เอกมนฺต นิสีทิ. (ภิกษุรูปหน่ึง) พระผูมีพระภาคเจา เสด็จอยูโดยที่ใด เขา ไปใกลแ ลว โดยทน่ี ัน้ . ครัน้ เขา ไปใกลแลว ถวายบงั คมแลว ซงึ่ พระผูมพี ระภาคเจา น่งั แลว ณ สวนขา งหนึ่ง. อปุ สงกฺ มิ เปนกิริยาศพั ทในประโยคตน แปลวา เขา ไปใกล แลว. ในประโยคหลงั จึงใชก ิริยาศพั ทวา อุปสงฺกมิตฺวา อนั แปลวา คร้นั เขา ไปใกลแ ลว [ซำ้ กับคำตน วา อุปสงฺกมิ ตา งแตป จจยั เทา น้นั ] ซงึ่ แสดงวา พอเขา ไปแลวเสร็จ. ในกิริยากิตกน้ี แมไมมีอนาคตกาลก็จริง แตสำหรับบอกความจำเปน ก็มี เหมือนอาขยาต ไดแก ศัพทที่ประกอบดวย อนีย ตพฺพ ปจจัย ที่ใหแปลวา “พึง” 197
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 198 ÇªÔ ÒºÒÅäÕ ÇÂҡó àÅ‹Á ò เชน กรณีย อัน...พึงทำ, คนฺตพฺพ อัน...พึงไป เชน อุ. วา กต กรณีย กิจท่ีพึงทำ อนั ...ทำแลว. อุโปสโถ สงฺเฆน อนุมาเนตพโฺ พ. อโุ บสถ อนั สงฆ พึงอนมุ ตั ิ ดังน้.ี กิริยาศัพทที่บอกความจำเปนนี้ แมทานไมกลาววาเปนกาลประเภทใดก็ดี ถงึ กระนัน้ เม่ือเพงดูแลว กเ็ หน็ คลา ยกบั อนาคตกาลเพราะแสดงถงึ กิจน้นั ๆ วา ควรทำ เปนเชงิ บังคบั กลายๆ อันสอ ใหร ูวา กิจนั้นๆ ยังไมไ ดท ำ. ธาตุ ธาตุ คือศัพทท่ีเปนมูลรากของกิริยา เพราะในกิริยากิตกน้ีก็ใชธาตุอยางเดียว กับกิริยาอาขยาตนั่นเอง ตางแตรูปศัพทเทานั้น คือกิริยาอาขยาตมีวิภัตติแผนกหนึ่ง ตา งหาก สวนกิริยากิตก ใชว ภิ ตั ตินาม มีตัวอยางเทียบเรียงกันดังน้ี :- กรฺ ธาตุ อาขยาต แปลวา กิตก แปลวา กโรติ ยอมทำ กโรนโฺ ต ทำอยู กเรยยฺ พึงทำ กรณยี พึงทำ อกาสิ ไดทำแลว กโต ทำแลว ตัวอยางเทาน้ีก็พอสังเกตไดวา ธาตุตัวเดียวกัน สวนกิริยาอาขยาต ใชวิภัตติแผนกหน่ึง กิริยากิตกก็ใชวิภัตตินาม สวนท่ีเปนสกัมมธาตุน้ัน และ อกมั มธาตุนั้น มีแจง ในอาขยาตแลว. วาจก วาจก ในกิริยากิตกน้ี ก็มี ๕ เหมือนกับอาขยาต ตางแตรูปกิริยาศัพทเทาน้ัน. การทตี่ า งนี้ ก็เน่อื งจากใชวิภตั ติและปจจยั ไมเ หมือนกันนนั้ เอง จึงเปล่ยี นรูปกิริยาศัพท ใหแ ปลกไปได มีตัวอยา งดงั จะแสดงเปน ลำดบั ตอ ไป. เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) 198
เน้อื ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 199 ÇÔªÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò กตั ตุวาจก กิริยาศัพทท ก่ี ลาวถงึ ผูทำ คือ แสดงวา เปนกริ ยิ าของผูทำน้นั เองผทู ำในท่นี ี้ คอื ตัวประธานของประโยคที่ทานประกอบดวยปฐมาวิภัตติ เปนเจาของกิริยาศัพทน้ัน อุทาหรณว า ภกิ ขฺ ุ คาม ปณ ฑฺ าย ปวิฏโ . ภกิ ษุ เขา ไปแลว สบู า น เพอ่ื กอ นขา ว. อธบิ าย ปวฏิ โ เปน กริ ยิ ากติ ก ป บทหนา วสิ ฺ ธาตุ ต ปจ จยั ธาตุ มี ส เปน ทส่ี ดุ แปลง ต เปน ฏ แลว ลบ ส ทส่ี ุดธาตุ สำเร็จรูปเปน ปวิฏ แจกตามแบบ อ การนั ตในปงุ . ป. วิภัตติ เอา อา กับ สิ เปน โอ เปน ปวิฏโ น้ีแหละเปนกริ ยิ าของภกิ ษุ เพราะแสดง วา ภิกษุ เขา ไป สูบ า นเอง. หรอื จะประกอบเปน อนตฺ มาน ปจจัย ก็ไดเชน กนั เหมือน อทุ าหรณว า ภิกฺขุ สงฺฆกมมฺ กโรนฺโต. ภิกษุ ทำอยู ซึ่งสงั ฆกรรม. อุปาสโก อยยฺ สฺส อาคมน อากงขฺ มาโน. อุบาสก หวงั อยู ซึง่ การมาของพระผูเ ปน เจา เปน ตน. กโรนฺโต และ อากงฺขมาโน นี้เปนกิริยา คือ แสดงอาการของตัวนามนามวา ทำเองเหมือนกัน จงึ เรียกวาเปน กตั ตุวาจก. การลงปจจัยในวาจกนี้มี ๒ อยาง คือ วิธีหน่ึงตองอาศัยปจจัยในอาขยาตที่ ประจำหมวดธาตแุ ละวาจกมาลงกอ น จะเรยี กวาขอยมื มาใชกไ็ ด เชน สณุ นโฺ ต ตองลง ณา ปจจัยมากอนแลวจึงลง อนฺต ปจจัยซ้ำอีก หรือ กโรนฺโต เปนตนก็เหมือนกัน ลง โอ ปจจัยมากอนแลว จึงมีรูปอยางน้ี. สวนอีกวิธีหน่ึงนั้น ไมตองอาศัยปจจัยในอาขยาต เปนแตลงปจจัยเฉพาะใน กริ ิยากิตกก พ็ อ เชน ปวิฏโ เขาไปแลว คโต ไปแลว เปน ตน . สว นปจ จยั นั้น ใชป จจัยทปี่ ระจำวาจก คอื กิตปจ จยั น้ันเองมาลงเปนเครือ่ งหมาย ใหรชู ัด. สว นธาตนุ น้ั ใชไ ดท ัง้ ๒ อยา ง คอื สกัมธาตุ และ อกัมมธาตุ. 199
¡ÒÃàÃÂÕ ¹ - ¡ÒÃÊ͹ 200 ÇªÔ ÒºÒÅÕäÇÂҡó àÅ‹Á ò เนือ้ ใน ไวยากรณ (àÅÁ‹ 2) กมั มวาจก กิริยาศัพทท่ีกลาวถึงกรรม คือ ส่ิงท่ีถูกเขาทำ ยกตัวกรรมน้ันขึ้นเปน ตวั ประธานของประโยค กริ ยิ าศพั ทน ั้น เรียกวา กมั มวาจก มอี ุทาหรณดงั น้ี :- อธคิ โต โข มยา-ยํ ธมฺโม. แปลวา ธรรมน้ี อนั เราบรรลุแลว . อธิบาย อธคิ โต เปน กิรยิ ากิตก อธิ บทหนา คมฺ ธาตุ เปนไปในความไป - ถงึ ลบทสี่ ดุ ประธาน คอื ธมฺโม ซ่งึ เปนตวั กรรมทถ่ี กู เขาบรรลุ เปน ป. วิภัตต.ิ มยา เปนตวั กตั ตา คอื ผบู รรลุ ประกอบดวยตติยาวภิ ัตติ บัญญตั ใิ หแ ปลวา “อัน.” ปจจยั ท่ลี งเปน เครือ่ งหมายของวาจกนี้ มี ๒ อยาง คือ กิจจปจจยั และกิตกิจจ- ปจจัย. กิจจปจจัยนั้น ไดแก อนีย ๑ ตพฺพ ๑ ท้ัง ๒ นี้เปนเครื่องหมายโดยตรงของ วาจกน้แี ละภาววาจกดวย เชน อโุ ปสโถ สงฺเฆน อนุมาเนตพโฺ พ. อโุ บสถ อนั สงฆ พึง อนุมตั .ิ หรือ กิจฺจํ กรณยี .ํ กิจ อนั บคุ คล ควรทำ. เปน ตน . กิตกิจจปจจยั ท่ีบอกกมั มวาจกนน้ั เชน มาน และ ต ปจ จัย อทุ าหรณวา กริยมาโน อัน...ทำอยู ภาสโิ ต อนั ...กลา วแลว เปนตน. สำหรับ มาน ปจจยั นั้น เมื่อจะลงในธาตุ ตัวใด ตองอาศัยยืม ย ปจจยั และ อิ อาคม ซงึ่ เปนเครอ่ื งหมายกมั มวาจกในอาขยาต มาใชดว ย เชน อุโปสโถ อุปาสเกน รกฺขยิ มาโน อโุ บสถ อันอบุ าสก รกั ษาอยู. มาน ปจจัยนี้ ถาเปนกัตตุวาจก ไมมี ย ปจจัย และ อิ อาคม จงสังเกตใหดี. แตท่ีไมอาศัยปจจัยในอาขยาต โดยวิธีขอยืมมาก็มี เชน อธิคโต อัน...บรรลุแลว อธิ บทหนา คมฺ ธาตุ ต ปจจัย ลบที่สุดธาตุ. ปริจฺฉินฺโน อัน....กำหนดตัดแลว ปริ บทหนา ฉทิ ฺ ธาตุ ในความตดั ต ปจ จยั ธาตมุ ี ท เปนท่ีสุด แปลง ต ปจจัย เปน นฺน แลวลบท่ีสุดธาตุ เปนตน. สำหรับ ต ปจจัยท่ีเปนกัมมวาจกนี้ ถาธาตุตัวเดียวมี อา เปนทีส่ ุดตองลบ อา เสีย แลว ลง อิ อาคม เชน ปโต อันเขาดม่ื แลว. ถาธาตุ ๒ ตวั ตอง ลบหรือแปลงที่สุดธาตุ กับ ต ปจจัยเปนรูปตาง ๆ ตามแตที่สุดธาตุจะเปนอะไร. ถา หากไมล บหรือไมแ ปลงแลว ตอ งลง อิ อาคม เชน ภาสิโต อนั ....กลา วแลว ภาสฺ ธาตุ ในความกลา ว ต ปจ จัย ไดในคำวา อยํ คาถา เกน ภาสติ า แปลวา คาถา นี้ อนั ใคร กลา วแลว เปน ตน. 200
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356