Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

Published by pm.punnatat, 2022-08-16 09:58:56

Description: แผนจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ม.3 เล่ม 1

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.3 กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 พระมหาปัณณทตั อภิวฑฒฺ โน ครูผสู้ อน / ผูจ้ ดั ทำแผนกำรเรยี นรู้

คานา กระทรวงศึกษาธกิ ารได้ประกาศใช้หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 และได้ กาหนดมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั กลมุ่ สาระการเรยี นรตู้ า่ งๆ เพ่อื ใหส้ ถานศกึ ษานาไปใชเ้ ป็นกรอบทศิ ทางใน การพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา วางแผนจดั การเรยี นการสอนและจดั กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ พ่อื พฒั นาผู้เรยี นให้มี ความรู้ความสามารถ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชว้ี ดั ท่กี าหนดให้ พรอ้ มทงั้ ดาเนินการวดั ประเมนิ ผลการเรยี นรขู้ องผูเ้ รยี นให้มคี ุณภาพตามหลกั การของหลกั สตู ร เพ่อื ใหเ้ กดิ ผลสาเรจ็ ตาม เจตนารมณ์ของการปฏริ ูปการศกึ ษาไทย ดงั นนั้ ขนั้ ตอนการนาหลกั สูตรสถานศกึ ษาไปปฏบิ ตั จิ รงิ ในชนั้ เรยี นของ ครูผสู้ อน จงึ จดั เป็นหวั ใจสาคญั ของการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมายของหลกั สตู ร บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จากดั จงึ จดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาภาษาไทย : หลกั ภาษา และการใช้ภาษา ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 (ฉบบั อนุญาต) เพ่อื ใหค้ รูผู้สอนใชเ้ ป็นแนวทางวางแผนจดั การเรยี นรู้ แกผ่ ู้เรยี น โดยจดั ทาเป็นหน่วยการเรยี นรอู้ งิ มาตรฐานและออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรูต้ ามแนวคดิ การออกแบบ ยอ้ นกลบั (Backward Design) ท่มี ุ่งเน้นกระบวนการคิดและการประกันคุณภาพผู้เรยี น ช่วยใหผ้ ู้ปกครองและ หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษา สามารถมนั่ ใจในผลการเรยี นรแู้ ละคณุ ภาพของผเู้ รยี นทม่ี ี หลกั ฐานตรวจสอบผลการเรยี นรอู้ ยา่ งเป็นระบบ คณะผู้จดั ทาหน่วยการเรยี นรูอ้ งิ มาตรฐาน ได้ดาเนินการออกแบบการจดั การเรยี นรู้ตามรูปแบบท่สี านัก วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา (สวก.) กาหนดขน้ึ เพอ่ื เป็นเอกภาพเดยี วกนั ตามองคป์ ระกอบตอ่ ไปน้ี

องคป์ ระกอบของหน่วยการเรยี นรอู้ ิงมาตรฐาน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี เวลาเรยี น ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ ชนั้ 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ (ถา้ ม)ี 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 6. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 7. การวดั และการประเมนิ ผล ) 7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น ) (ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น ประจำหน่วยกำรเรยี นรู้ 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 7.3 การประเมนิ หลงั เรยี น (ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น ประจำหน่วยกำรเรยี นรู้ 7.4 การประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 9. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

องคป์ ระกอบของแผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ชนั้ ชวั่ โมง เร่อื ง เวลาเรยี น 1. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด 2. ตวั ชว้ี ดั /จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 3.2 สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ (ถา้ ม)ี 4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาถามกระตุ้นความคิด วิธีสอนและขนั้ ตอนการจดั กิจกรรม 7. การวดั และการประเมนิ ผล 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

คานา (ต่อ) ผู้สอนสามารถนาแผนการจดั การเรียนรูเ้ ล่มน้ี ไปเป็นคู่มอื วางแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ประกอบ การใชห้ นังสอื เรยี น รายวชิ าภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 (ฉบบั อนุญาต) ทท่ี าง บรษิ ทั จดั พมิ พจ์ าหน่าย โดยออกแบบการเรยี นรู้ (Instructional Design) ตามหลกั การสาคญั คอื 1 หลกั การจดั การเรยี นร้อู ิงมาตรฐาน หน่วยการเรยี นรแู้ ตล่ ะหน่วย จะกาหนดมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ไวเ้ ป็นเป้าหมายในการจดั การเรยี น การสอน ผสู้ อนจะต้องศกึ ษาและวเิ คราะหร์ ายละเอยี ดของมาตรฐานตวั ชว้ี ดั ทุกขอ้ ว่า ระบุให้ผูเ้ รยี นตอ้ งมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั เร่อื งอะไร และตอ้ งสามารถลงมอื ปฏบิ ัติอะไรได้บ้าง และผลการเรยี นรู้ท่เี กดิ ขน้ึ กับผู้เรยี น ตามมาตรฐานตวั ชว้ี ดั น้จี ะนาไปสกู่ ารเสรมิ สรา้ งสมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคด์ า้ นใดแกผ่ เู้ รยี น มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั ผเู้ รยี นรอู้ ะไร นาไปสู่ ผเู้ รยี นทำอะไรได้ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2 หลกั การจดั กิจกรรมการเรียนร้ทู ่ีเน้นผ้เู รยี นเป็นสาคญั เม่อื ผู้สอนวเิ คราะห์รายละเอียดของมาตรฐานตัวช้วี ดั และได้กาหนดเป้าหมายการจดั การเรยี นการสอน เรยี บรอ้ ยแลว้ จงึ กาหนดขอบขา่ ยสาระการเรยี นรแู้ ละแนวทางการจดั การเรยี นการสอนใหผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั ติ าม ขนั้ ตอนของกจิ กรรมการเรยี นรทู้ อ่ี อกแบบไวจ้ นบรรลตุ วั ชว้ี ดั ทกุ ขอ้

มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั เป้าหมาย หลกั การจดั การเรยี นรู้ การเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น และการพฒั นา เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั คณุ ภาพ สนองควำมแตกต่ำงระหวำ่ งบคุ คล คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ของผ้เู รียน เนน้ พฒั นำกำรทำงสมอง ของผเู้ รยี น กระตนุ้ กำรคดิ เนน้ ควำมรคู้ คู่ ุณธรรม 3 หลกั การบูรณาการกระบวนการเรียนร้สู ู่มาตรฐานตวั ช้ีวดั เมอ่ื ผสู้ อนกาหนดขอบขา่ ยสาระการเรยี นรู้ และแนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนไวแ้ ลว้ จงึ กาหนด รูปแบบการเรียนการสอนและกระบวนการเรยี นรู้ท่ีจะฝึกฝนผู้เรยี นให้เกิดการเรียนรูบ้ รรลุผลตามมาตรฐาน ตวั ชว้ี ดั โดยเลอื กใช้กระบวนการเรยี นรูท้ ่สี อดคล้องกับมาตรฐานการเรยี นรู้ท่เี ป็นเป้ าหมายในหน่วยนัน้ ๆ เช่น กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการเรยี นรู้ด้วยตนเอง กระบวนการ เผชญิ สถานการณ์และการแกป้ ัญหา กระบวนการเรยี นรูจ้ ากประสบการณ์จรงิ กระบวนการพฒั นาลกั ษณะนิสยั กระบวนการปฏบิ ตั ิ กระบวนการคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ กระบวนการทางสงั คม ฯลฯ กระบวนการเรยี นรู้ ท่มี อบหมายให้ผู้เรียนลงมอื ปฏิบัตินัน้ จะต้องนาไปสู่การเสริมสร้างสมรรถนะสาคัญ และคุณลกั ษณะอันพึง ประสงคข์ องผเู้ รยี นตามสาระการเรยี นรทู้ ก่ี าหนดไวใ้ นแต่ละหน่วยการเรยี นรู้ 4 หลกั การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน และกจิ กรรมการเรยี นรู้ในแต่ละหน่วย ผสู้ อนตอ้ งกาหนดขนั้ ตอนและวธิ ี ปฏบิ ตั ใิ หช้ ดั เจน โดยเน้นใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ฝึกฝนและฝึกปฏบิ ตั มิ ากทส่ี ุด ตามแนวคดิ และวธิ กี ารสาคญั คอื 1) การเรียนรู้ เป็นกระบวนการทางสติปัญญา ท่ีผู้เรียนทุกคนต้องใช้สมองคิดและทาความเข้าใจ ในสงิ่ ต่างๆ ร่วมกับการลงมอื ปฏบิ ตั ิ ทดลองค้นคว้า จนสามารถสรุปเป็นความรู้ได้ด้วยตนเอง และ สามารถนาเสนอผลงาน แสดงองคค์ วามรทู้ เ่ี กดิ ขน้ึ ในแต่ละหน่วยการเรยี นรไู้ ด้

2) การสอน เป็นการเลอื กวธิ กี ารหรอื กิจกรรมท่เี หมาะสมกบั การเรยี นรู้ในหน่วยนัน้ ๆ และทส่ี าคญั คอื ตอ้ งเป็นวิธกี ารทส่ี อดคลอ้ งกับสภาพผู้เรยี น ผูส้ อนจงึ ต้องเลอื กใช้วธิ ีการสอน เทคนิคการสอน และ รปู แบบการสอนอย่างหลากหลาย เพอ่ื ชว่ ยให้ผเู้ รยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเรยี นรูไ้ ดอ้ ย่างราบร่นื จนบรรลุ ตวั ชว้ี ดั ทุกขอ้ 3) รูปแบบการสอน ควรเป็นวิธีการและขนั้ ตอนฝึกปฏิบตั ิท่สี ่งเสรมิ หรอื กระตุ้นให้ผู้เรยี นสามารถคิด อย่างเป็นระบบ เช่น รูปแบบการสอนตามวฏั จกั รการสร้างความรู้แบบ 5E รูปแบบการสอนโดยใช้ การคดิ แบบโยนิโสมนสกิ าร รูปแบบการสอนแบบ CIPPA Model รูปแบบการเรยี นการสอนตามวฏั จกั ร การเรยี นรู้แบบ 4MAT รูปแบบการเรียนการสอนแบบร่วมมือ เทคนิค JIGSAW, STAD, TAI, TGT เป็นตน้ 4) วิธีการสอน ควรเลอื กใช้วธิ กี ารสอนทส่ี อดคลอ้ งกบั เน้ือหาของบทเรยี น ความถนัด ความสนใจ และ สภาพปัญหาของผู้เรยี น วธิ สี อนทด่ี จี ะชว่ ยให้ผเู้ รยี นบรรลผุ ลการเรยี นรูต้ ามตวั ชว้ี ดั ในระดบั ผลสมั ฤทธิ์ ท่สี ูง เช่น วธิ ีการสอนแบบบรรยาย การสาธติ การทดลอง การอภิปรายกลุ่มย่อย การแสดงบทบาท สมมติ การใช้กรณีตัวอย่าง การใช้สถานการณ์จาลอง การใช้ศูนย์การเรียน การใช้บทเรียนแบบ โปรแกรม เป็นตน้ 5) เทคนิ คการสอน ควรเลอื กใช้เทคนิคการสอนท่สี อดคล้องกับวธิ ีการสอน และช่วยให้ผู้เรยี นเข้าใจ เน้ือหาในบทเรยี นได้ง่ายข้นึ สามารถกระตุ้นความสนใจและจูงใจให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติกจิ กรรมการ เรยี นรอู้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เชน่ เทคนิคการใชผ้ งั กราฟิก (Graphic Organizers) เทคนิคการใชค้ าถาม เทคนิคการเล่านิทาน การเล่นเกม การใช้ตัวอย่างกระตุ้นความคิด การใช้ส่อื การเรียนรู้ท่นี ่าสนใจ เป็นตน้ 6) สือ่ การเรียนการสอน ควรเลอื กใชส้ ่อื หลากหลายกระตุ้นความสนใจ และทาความกระจ่างให้เน้ือหา สอดคล้องกบั สาระการเรยี นรู้ และเป็นเคร่อื งมอื ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้บรรลุตวั ชว้ี ดั อย่างราบร่นื เชน่ สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ เอกสารประกอบการสอน แถบวดี ทิ ศั น์ แผน่ สไลด์ คอมพวิ เตอร์ VCD LCD Visualizer เป็นตน้ ควรเตรยี มส่อื ใหค้ รอบคลมุ ทงั้ สอ่ื การสอนของครแู ละสอ่ื การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น

5 หลกั การจดั กิจกรรมการเรียนร้แู บบย้อนกลบั ตรวจสอบ เม่อื ผูส้ อนวางแผนออกแบบการจดั การเรยี นรู้ รวมถึงกาหนดรูปแบบการเรยี นการสอนไวเ้ รยี บร้อยแล้ว จงึ นาเทคนคิ วธิ กี ารสอน วธิ จี ดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ และส่อื การเรยี นรไู้ ปลงมอื จดั การเรยี นการสอน ซงึ่ จะนาผเู้ รยี น ไปสู่การสร้างช้ินงานหรือภาระงาน เกิดทักษะกระบวนการและสมรรถนะสาคญั ตามธรรมชาติวชิ า รวมทงั้ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชว้ี ดั ท่เี ป็นเป้าหมายของหน่วยการเรยี นรู้ ตามลาดบั ขนั้ ตอนการเรยี นรทู้ ก่ี าหนดไว้ ดงั น้ี จากเป้าหมายและหลกั ฐาน เป้าหมายการเรยี นร้ขู องหน่วย คิดย้อนกลบั สจู่ ุดเร่ิมต้น ของกิจกรรมการเรียนรู้ หลกั ฐานชน้ิ งาน/ภาระงาน แสดงผลการเรยี นรขู้ องหน่วย 4 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ 3 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ จากกิจกรรมการเรียนรู้ 2 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ ทีละขนั้ บนั ไดสหู่ ลกั ฐาน 1 กจิ กรรม คาถามชวนคดิ และเป้าหมายการเรยี นรู้ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากจะเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ แลว้ จะตอ้ ง ฝึกฝนกระบวนการคดิ ทุกขนั้ ตอน โดยใช้เทคนิคการตงั้ คาถามกระตุ้นความคิด และใช้ระดบั คาถามให้สมั พนั ธ์ กับเน้ือหาการเรียนรู้ตัง้ แต่ระดับความรู้ ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมนิ ค่า นอกจากจะช่วยให้ผู้เรยี นเกิดความเข้าใจบทเรยี นอย่างลกึ ซ้งึ แลว้ ยงั เป็นการเตรยี มความ พร้อมเพ่ือสอบ O-NET ซึ่งเป็นการทดสอบระดับชาติท่ีเน้นกระบวนการคิดระดับวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ด้วย และในแต่ละแผนการเรยี นรูจ้ งึ มกี ารระบุคาถามเพ่อื กระตุ้นความคดิ ของผูเ้ รยี นไว้ดว้ ยทุกกจิ กรรม ผู้เรยี นจะได้ ฝึกฝนวธิ กี ารทาขอ้ สอบ O-NET ควบคู่ไปกบั การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเรยี นรตู้ ามตวั ชว้ี ดั ทส่ี าคญั

6 การเตรยี มความพร้อมรองรบั การประเมินคณุ ภาพจากหน่วยงานภายนอก(สมศ. รอบที่ 3) ในปีการศกึ ษา 2554 ถึง 2558 สถานศึกษาทุกแห่งต้องเตรยี มการรองรบั การประเมนิ คุณภาพภายนอก จาก สมศ. ในรอบท่ี 3 ตามตารางเปรยี บเทยี บด้านคุณภาพผู้เรยี นตามมาตรฐานการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐานของ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร และมาตรฐานการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกจาก สมศ. มาตรฐานการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2553 มาตรฐานเพ่อื การประเมิน กระทรวงศึกษาธิการ คณุ ภาพภายนอก รอบสาม (ดำ้ นคณุ ภำพผเู้ รยี น 5 ตวั บง่ ชห้ี ลกั ) (ดำ้ นคณุ ภำพผเู้ รยี น 6 มำตรฐำน) ตวั บง่ ชี้ที่ 1 ผเู้ รยี นมสี ขุ ภาพกาย มาตรฐานที่ 1 ผเู้ รยี นมสี ขุ ภาวะทด่ี แี ละมสี นุ ทรยี ภาพ และสุขภาพจติ ทด่ี ี มาตรฐานที่ 2 ผเู้ รยี นมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ ม ตวั บ่งชีท้ ี่ 2 ผเู้ รยี นมคี ุณธรรม จรยิ ธรรม ทพ่ี งึ ประสงค์ และค่านยิ มทพ่ี งึ ประสงค์ มาตรฐานท่ี 3 ผเู้ รยี นมที กั ษะในการแสวงหาความรู้ ตวั บ่งชี้ท่ี 3 ผเู้ รยี นมคี วามใฝ่รู้ และเรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง รกั การเรยี นรู้ และพฒั นาตนเอง อย่างต่อเน่อื ง อยา่ งต่อเน่อื ง มาตรฐานที่ 4 ผเู้ รยี นมคี วามสามารถในการคดิ อยา่ ง ตวั บ่งชี้ท่ี 4 ผเู้ รยี นคดิ เป็น ทาเป็น เป็นระบบ คดิ สรา้ งสรรค์ ตดั สนิ ใจ ตวั บ่งชี้ท่ี 5 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น แกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมสี ติ สมเหตุสมผล มาตรฐานที่ 5 ผเู้ รยี นมคี วามรแู้ ละทกั ษะทจ่ี าเป็น ของผเู้ รยี น ตามหลกั สตู ร มาตรฐานท่ี 6 ผเู้ รยี นมที กั ษะในการทางาน รกั การทางาน สามารถทางานรว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดแ้ ละมเี จตคติ ทด่ี ตี อ่ อาชพี สุจรติ การออกแบบกจิ กรรมการเรยี นการสอนในแต่ละหน่วยจะครอบคลมุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ และการประเมนิ ผล ด้านความรู้ความเขา้ ใจ (K) ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) และดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ตามหลกั สตู ร แกนกลางฯ 2551 พรอ้ มทงั้ ออกแบบเคร่อื งมอื การวดั และประเมนิ ผล รวมทงั้ แบบบนั ทกึ ผลการเรยี นรูด้ า้ นต่างๆ ไว้ครบถ้วน สอดคล้องกบั มาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียน และตวั บ่งช้ที ต่ี ้องรบั การประเมนิ ภายนอกจาก สมศ. เช่น แบบบันทึกผลด้านการคิดวเิ คราะห์ ด้านการอ่านและแสวงหาความรู้ ด้านสมรรถนะและคุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ตามหลักสูตร เป็นต้น ผู้สอนสามารถนาไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ และใช้ประกอบ การจดั ทารายงานการประเมนิ ตนเอง (Self Assessment Reports) จงึ มนั่ ใจอย่างยงิ่ ว่า การนาแผนการจดั การ เรยี นรู้ฉบบั ปรบั ปรุงใหม่ไปเป็นแนวทางจดั การเรยี นการสอนตามแผนการสอนท่ีจดั ทาเป็นรายคาบไว้อย่าง ละเอียด จะช่วยพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนักเรยี นให้สูงข้นึ ตามมาตรฐานการศึกษาและการประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษาทุกประการ คณะผ้จู ดั ทา

สารบญั  การพฒั นาศกั ยภาพการคิดของผเู้ รียน หน้า  คาอธิบายรายวิชา  โครงสร้างรายวิชา พเิ ศษ 1-26  โครงสรา้ งแผนการจดั การเรียนรู้ พเิ ศษ 27 พเิ ศษ 28-30 พเิ ศษ 31-38 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การอ่านออกเสียง 1-35 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 การอ่านอย่างมวี ิจารณญาณ 36-142 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 การอ่านวินิจสาร 143-210 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 การคดั ลายมอื 211-236 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 5 การเขยี นเพ่ือการสือ่ สาร 1 237-301 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 การเขียนเพ่อื การสอื่ สาร 2 302-364 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 การพดู เร่อื งจากส่ือท่ีฟังและดู 365-412 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ 413-467 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 9 การใช้คาในภาษาไทย 468-511 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 10 การวิเคราะหภ์ าษา 512-546 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 11 การแต่งบทร้อยกรองประเภทโคลงส่ีสภุ าพ 547-579  แบบประเมินสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 580-608

การพฒั นาศกั ยภาพการคิดของผเู้ รียน โดย เอกรินทร์ สี่มหาศาล 1 การคิดและกระบวนการคิด การคดิ เป็นพฤตกิ รรมการทางานทางสมองของมนุษยใ์ นการเรยี บเรยี งขอ้ มูลความรแู้ ละความรูส้ กึ นึกคดิ ท่ี เกดิ จากกระบวนการเรยี นรผู้ ่านการดู การอา่ น การฟัง การสงั เกต การสมั ผสั และการดงึ ขอ้ มูลความรทู้ บ่ี รรจอุ ยู่ ในสมองเดมิ ตามประสบการณ์การเรยี นรทู้ ถ่ี ูกสงั่ สมมา ทกั ษะการคดิ จงึ เป็นพฤติกรรมท่มี นุษยแ์ สดงการกระทาออกมาไดอ้ ย่างชดั เจนมองเหน็ เป็นรูปธรรม เช่น พฤตกิ รรมการสงั เกต แสดงออกด้วยการเพ่งดูอย่างพนิ ิจพเิ คราะห์ หรอื พฤตกิ รรมการเปรยี บเทยี บ เป็นการนา ลกั ษณะของสง่ิ ของตงั้ แต่สองอยา่ งขน้ึ ไปมาเปรยี บเทยี บกนั เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ ถงึ สง่ิ เหมอื นหรอื สงิ่ ต่าง เป็นตน้ ดงั นนั้ การคดิ จงึ เป็นพฤติกรรมซบั ซอ้ นท่มี ลี กั ษณะแยกย่อยแตกตา่ งกนั ไป เช่น การคดิ วเิ คราะห์ การคดิ สรา้ งสรรค์ การคดิ ไตร่ตรองโดยใช้วจิ ารณญาณ ซึ่งล้วนเกีย่ วขอ้ งกบั กระบวนการทางานของร่างกาย ประสาท สมั ผสั ทงั้ 5 และการเช่อื มโยงระหว่างขอ้ มูลท่รี บั รูเ้ ข้ามาใหม่กบั ขอ้ มูลเก่าท่ถี ูกบรรจุอยู่ในคลงั สมองของคนเรา ตลอดเวลา หากเปรียบเทียบการทางานของระบบคอมพิวเตอร์กับสมองมนุษย์หรืออาจเปรยี บได้กบั สมองคนกับ สมองกลจะพบว่า การทางานของสมองคน ประกอบดว้ ยความชาญฉลาด 3 ลกั ษณะ คอื 1. ความสามารถในการเรยี นร้แู ละสืบค้น (Tactical Intelligence) ทงั้ ในรูปแบบการสงั เกต การคน้ หา การซกั ถาม การทดลองปฏบิ ตั ิ เป็นตน้ 2. ความสามารถในการแยกแยะคณุ ค่า (Emotional Intelligence) ทงั้ ในรูปแบบการตดั สนิ การลงมติ การแสดงความคิดเหน็ วิพากษ์วจิ ารณ์ ด้วยอารมณ์ความรูส้ กึ ท่เี ห็นด้วย หรอื ต่อต้าน หรอื วางเฉย เป็นตน้ 3. ความสามารถในการประมวลเนื้อหาสาระ (Content Intelligence) จากเร่อื งราวท่ีเรียนรู้ใหม่ ผสมผสานกบั ประสบการณ์เดมิ ทถ่ี ูกจดั เกบ็ อยู่ในสมอง โดยผา่ นกระบวนการกลนั่ กรอง และสงั เคราะห์ เป็นความรู้ใหม่ ท่ีมักประกอบไปด้วยความเข้าใจ เหตุผล และทัศนคติ ทงั้ ในเชิงบวกหรือเชิงลบ ซ่ึงความรู้สกึ นึกคดิ ต่อเร่อื งราวต่างๆ นี่เอง ท่สี มองกลของคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทางานได้เหมอื น สมองของมนุษย์ การฝึกฝนกระบวนการเรยี นรูแ้ ก่ผูเ้ รยี นจงึ ต้องกระตุน้ การทางานและเสรมิ สร้างความสามารถของสมอง ทงั้ 3 ด้านท่กี ล่าวมา จงึ จะบงั เกดิ ผลการเรยี นรูท้ ่สี มบูรณ์ คอื บงั เกดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจท่มี คี วามชดั เจน ยง่ิ ข้นึ บงั เกิดความชานาญในทกั ษะและการปฏบิ ตั ิไดค้ ล่องแคล่วข้นึ และทส่ี าคญั บงั เกิดค่านิยมคุณธรรมทง่ี อกงามข้นึ ในจติ ใจของผเู้ รยี น พิเศษ 1

2 การสร้างศกั ยภาพในการคิดของสมอง การจดั การเรยี นการสอนตามจุดหมายของการปฏริ ูปการเรยี นรู้ทศวรรษท่ี 2 และเป้าหมายการเรยี นรู้ของ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 มจี ุดมุ่งหมายสาคญั คอื การฝึกฝนใหผ้ เู้ รยี นมคี วามสามารถ ในการคดิ และการเรยี นรู้ ผสู้ อนตอ้ งจดั กจิ กรรมการเรยี นรใู้ หส้ มั พนั ธก์ บั กระบวนการทางานทางสมองของผูเ้ รยี น (Brain-Based Learning : BBL) โดยฝึกฝนพฤตกิ รรมการคดิ ระดบั ต่างๆ ตามลาดบั ทกั ษะกระบวนการคดิ ทเ่ี ป็น แกนสาคญั (Core Thinking Processes) ดงั น้ี 1. การสงั เกตลกั ษณะของสง่ิ ตา่ งๆ 2. การสงั เกตและระบคุ วามเหมอื น 3. การสงั เกตและจาแนกความแตกตา่ ง 4. การจดั หมวดหมู่สง่ิ ของหรอื ตวั อย่างทเ่ี ขา้ พวก 5. การระบุสงิ่ ของและจาแนกตวั อย่างทไ่ี ม่เขา้ พวก 6. การเปรยี บเทยี บและระบุขอ้ มลู ความรไู้ ดถ้ กู ตอ้ ง 7. การคน้ หาสงิ่ ของทม่ี ลี กั ษณะหมวดหมู่เดยี วกนั 8. การรวบรวมและจดั ลาดบั สงิ่ ของตามขนาด 9. การรวบรวมและจดั ลาดบั เหตุการณ์ตามกาลเวลา 10. การยกตวั อยา่ งและการกลา่ วอา้ ง 11. การสรปุ ความหมายจากสงิ่ ทอ่ี า่ นหรอื ฟัง 12. การสรปุ ความหมายจากสง่ิ ทส่ี งั เกตและพบเหน็ 13. การวเิ คราะหเ์ ช่อื มโยงความสมั พนั ธ์ 14. การวเิ คราะหร์ ปู แบบและจดั ลาดบั ความสาคญั 15. การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและสรา้ งความรคู้ วามคดิ 16. การนาเสนอขอ้ มูลความรคู้ วามคดิ เป็นระบบ 17. การแยกแยะขอ้ เทจ็ จรงิ และรายละเอยี ดทเ่ี ป็นความคดิ เหน็ 18. การนิยามและการสรุปความ 19. การคน้ หาความเชอ่ื พน้ื ฐานและการอา้ งองิ 20. การแยกแยะรายละเอยี ดทเ่ี ชอ่ื มโยงสมั พนั ธก์ นั และการใชเ้ หตผุ ล 21. การคดิ วเิ คราะหข์ อ้ มูลความรจู้ ากเร่อื งทอ่ี า่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ 22. การตงั้ สมมตฐิ านและการตดั สนิ ใจ 23. การทดสอบสมมตฐิ าน อธบิ ายสาเหตแุ ละผลทเ่ี กดิ ขน้ึ 24. การพนิ จิ พเิ คราะห์ ทาความกระจ่าง และเสนอความคดิ ทแ่ี ตกต่าง 25. การคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ การจดั ระบบและโครงสรา้ ง 26. การออกแบบสรา้ งสรรคแ์ ละการประยกุ ตด์ ดั แปลง พิเศษ 2

รปู แบบการคดิ ทงั้ 26 ประเภทน้ี ผสู้ อนสามารถนามาสรา้ งเป็นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี น การสอน มอบหมายใหผ้ เู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั แิ ละแสดงพฤตกิ รรมการคดิ ตามลาดบั เน้ือหาการเรยี นรู้ เหมาะสมกบั วยั และจติ วทิ ยาการเรยี นรู้ ตงั้ แต่ระดบั ช่วงชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1-3 ประถมศกึ ษาปีท่ี 4-6 และระดบั มธั ยมศกึ ษา ปีท่ี 1-6 ซ่งึ จะสะท้อนออกมาไดอ้ ยา่ งชดั เจนว่า ผู้เรยี นมคี วามสามารถคดิ คล่อง คดิ ละเอยี ด คดิ กว้าง คดิ ลกึ ซ้ึง คดิ หลากหลาย และคดิ สร้างสรรค์แตกต่างกนั ไปตามคุณลักษณะและภูมหิ ลังประสบการณ์การเรยี นรูท้ ่สี งั่ สม อยู่ในสมองเดมิ ของผเู้ รยี นแตล่ ะคน 3 การพฒั นากระบวนการคิด การคดิ เป็น คดิ คล่อง คิดได้ชัดเจน จนสามารถคิดเป็น ปฏิบัติเป็น และแก้ปัญหาได้ จะมีลกั ษณะเป็น กระบวนการการพฒั นาการคดิ แก่ผูเ้ รยี น จงึ เป็นการสอนกระบวนการและฝึกฝนวธิ กี ารอย่างหลากหลายทเ่ี ป็น ปัจจยั สง่ เสรมิ เก้อื กูลกนั คอื 1. การสร้างความพร้อมด้านร่างกาย นับตงั้ แต่การรบั ประทานอาหาร ด่มื น้า การหายใจ การผ่อนคลาย การฟังเสยี งดนตรหี รอื ฟังเพลง การบรหิ ารสมองดว้ ยการบรหิ ารร่างกายอยา่ งถูกวธิ ี 2. การสรา้ งบรรยากาศและสภาพแวดล้อมท่เี อ้อื อานวยต่อการคดิ การเสรมิ แรงใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ และพฒั นาตนเอง 3. การจดั กจิ กรรมและการสร้างเน้ือหาการเรยี นรทู้ เ่ี หมาะสมต่อการฝึกฝนวธิ กี ารคดิ รูปแบบต่างๆ โดยใช้ การเรยี นรกู้ ระตนุ้ ผา่ นการสอนและการฝึกทกั ษะการคดิ 4. การจดั กจิ กรรมและกระบวนการเรยี นรู้เพ่อื ส่งเสรมิ การคดิ ตามทฤษฎตี ่างๆ ท่ผี ่านการวจิ ยั และพฒั นา มาแล้ว เช่น ทฤษฎีพหุปัญญา ทฤษฎีการสร้างความรู้ หลักเสริมสร้างความเป็นพหูสูตและหลัก โยนิโสมนสิการของพุทธศาสนา การจดั กิจกรรมบูรณาการการสอนกับการฝึกทกั ษะการคดิ ในกลุ่ม สาระต่างๆ และการเรยี นรผู้ ่านการทาโครงงาน เป็นตน้ 5. การใชเ้ ทคนคิ วธิ กี ารทส่ี ง่ เสรมิ พฒั นาการคดิ ของผเู้ รียน สอดแทรกในบทเรยี นต่างๆ เชน่ เทคนคิ การใช้ คาถาม การอภปิ รายโดยใชเ้ ทคนิคหมวก 6 ใบ การทาผงั กราฟิก แผนภมู คิ วามรู้ ผงั มโนทศั น์ และการ ใช้กิจกรรมบรหิ ารสมอง (brain gym) เป็นตน้ ซ่ึงมผี ู้พฒั นาเทคนิควธิ กี ารเหล่าน้ีและได้รบั ความนิยม อย่างแพร่หลายในสถานศกึ ษาตา่ งๆ หมายเหตุ : การสร้างศกั ยภาพการคดิ ผ่านการจดั กระบวนการเรยี นรู้ทส่ี ่งเสรมิ การคดิ ใหแ้ ก่ผู้เรยี นเป็น หัวใจสาคญั อย่างย่ิงของการปฏิรูปการศึกษา และยังใช้เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะครู รวมทัง้ มาตรฐานการ ปฏบิ ตั ิงานของวชิ าชพี ครู โปรดศกึ ษาวธิ กี ารออกแบบการจดั การเรยี นรูท้ ่เี น้นกระบวนการคดิ จากคู่มอื ครูและ แผนการจดั การเรยี นรู้อิงมาตรฐาน ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และทุกรายวชิ า ท่ีจัดพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จากดั และศกึ ษาคน้ ควา้ จาก www.aksorn.com ไดต้ ลอดเวลา พิเศษ 3

จดุ เน้นการพฒั นาทกั ษะการคิดของผเู้ รยี น ตามนโยบายปฏิรปู การศกึ ษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) ม.4-6 ทกั ษะการคดิ แกป้ ัญหาอย่างสรา้ งสรรค์ ม.3 ทกั ษะกระบวนการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ม.2 ทกั ษะการสงั เคราะห์ ทกั ษะการประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ ทกั ษะการคิด ม.1 ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ทกั ษะการประเมนิ ขนั้ สงู ทกั ษะการสรุปลงความเหน็ ทกั ษะการคิด ป.6 ทกั ษะการสรุปอา้ งองิ ทกั ษะการนาความรไู้ ปใช้ ขนั้ พืน้ ฐาน ป.5 ทกั ษะการแปลความ ทกั ษะการตคี วาม ป.4 ทกั ษะการตงั้ คาถาม ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล ป.3 ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มูล ทกั ษะการเชอ่ื มโยง ป.2 ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ ทกั ษะการจาแนกประเภท ป.1 ทกั ษะการสงั เกต ทกั ษะการจดั กลุ่ม ท่ีมา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. 2553. แนวทางการนาจุดเน้นการพฒั นาผเู้ รียนสกู่ ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. พิเศษ 4

ทกั ษะการคิดท่ีนามาใช้ในการพฒั นาผ้เู รียนในแต่ละระดบั ชนั้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ม.4-6 ทกั ษะการสอ่ื สาร (ฟัง พดู อา่ น เขยี น) ทกั ษะการสงั เกต ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ ทกั ษะการจาแนก ประเภท ทกั ษะการรวบรวมข้อมูล ทกั ษะการตีความ ทกั ษะการแปลความ ทักษะการสรุปย่อ ทกั ษะการเช่อื มโยง ทกั ษะการให้เหตผุ ล ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ ทกั ษะการทาใหก้ ระจ่าง ทกั ษะ การสรุปลงความเห็น ทักษะการวิเคราะห์ ทกั ษะการสังเคราะห์ ทักษะการประยุกต์ใช้ความ รู้ ทกั ษะการจดั ระเบียบ ทกั ษะการสร้างความรู้ ทักษะการตงั้ เกณฑ์ ทักษะการประเมิน ทักษะ กระบวนการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ ทักษะกระบวนการคิดตัดสินใจ ทักษะกระบวนการคิด สรา้ งสรรค์ ทกั ษะการส่ือสาร (ฟัง พูด อ่าน เขียน) ทักษะการสงั เกต ทักษะการสารวจค้นหา ทกั ษะการ เปรยี บเทียบ ทักษะการจาแนกประเภท ทักษะการตีความ ทักษะการแปลความ ทักษะการ ม.3 สรุปย่อ ทักษะการเช่ือมโยง ทักษะการให้เหตุผล ทักษะการสรุปอ้างอิง ทักษะการสรุป ลงความเห็น ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ ทกั ษะการวเิ คราะห์ ทักษะการสร้างองคค์ วามรู้ ทกั ษะ การประยุกต์ใช้ความรู้ ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ ทักษะการประเมิน ทักษะกระบวนการคดิ อย่างมี วจิ ารณญาณ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ทกั ษะการสอ่ื สาร (ฟัง พดู อา่ น เขยี น) ทกั ษะการสงั เกต ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ ทกั ษะการจาแนก ประเภท ทกั ษะการรวบรวมขอ้ มูล ทกั ษะการตคี วาม ทกั ษะการสรุปย่อ ทกั ษะการเช่อื มโยง ทกั ษะ ม.2 การให้เหตุผล ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ ทกั ษะการสรปุ ลงความเห็น ทกั ษะการวเิ คราะห์ ทกั ษะ การสังเคราะห์ ทักษะการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะการตัง้ เกณฑ์ ทักษะการประเมิน ทักษะ กระบวนการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ทกั ษะการสอ่ื สาร (ฟัง พดู อ่าน เขยี น) ทกั ษะการสงั เกต ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ ทกั ษะการจาแนก ประเภท ทกั ษะการรวบรวมข้อมูล ทกั ษะการตีความ ทักษะการแปลความ ทักษะการสรุปย่อ ม.1 ทักษะการเรยี งลาดับ ทักษะการสรุปลงความเห็น ทกั ษะการให้เหตุผล ทกั ษะการสรุปอ้างอิง ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้ ทกั ษะการวเิ คราะห์ ทกั ษะการให้คาจากดั ความ ทกั ษะการสงั เคราะห์ ทกั ษะการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ ทกั ษะการประเมนิ ทกั ษะกระบวนการคดิ อยา่ งมี วจิ ารณญาณ ทกั ษะกระบวนการคดิ ตดั สนิ ใจ ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ท่ีมา : สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน. 2553. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพ่อื พฒั นาทกั ษะการคิด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ระดับ มธั ยมศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. พิเศษ 5

จดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น ตามนโยบายปฏิรปู การศกึ ษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) นโยบายปฏิรปู การศึกษาในทศวรรษท่ีสอง (พ.ศ. 2552-2561) วิสยั ทศั น์ คนไทยไดเ้ รยี นรตู้ ลอดชวี ติ อยา่ งมคี ณุ ภาพ เป้าหมาย ภายในปี 2561 มกี ารปฏริ ูปการศกึ ษาและการเรยี นรอู้ ยา่ งเป็นระบบ ประเดน็ หลกั ของเป้าหมายปฏิรปู การศึกษา 1. พฒั นาคุณภาพ มาตรฐานการศกึ ษา และการเรยี นรขู้ องคนไทย 2. เพม่ิ โอกาสทางการศกึ ษาและการเรยี นรอู้ ย่างทวั่ ถงึ และมคี ุณภาพ 3. สง่ เสรมิ การมสี ว่ นร่วมของทกุ ภาคส่วนในการบรหิ ารและการจดั การศกึ ษา กรอบแนวทางในการปฏิรปู การศึกษา และการเรยี นรอู้ ย่างเป็นระบบ 1. พฒั นาคณุ ภาพคนไทยยุคใหม่ 2. พฒั นาคณุ ภาพครยู คุ ใหม่ 3. พฒั นาคณุ ภาพสถานศกึ ษาและแหลง่ เรยี นรใู้ หม่ 4. พฒั นาคุณภาพการบรหิ ารจดั การใหม่ หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา จดุ เน้นการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน ขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 • เป้าหมายหลกั สตู ร/คณุ ภาพผเู้ รยี น • ดา้ นความสามารถ ทกั ษะ และคุณลกั ษณะของผ้เู รียน • การจดั การเรยี นรู้ โรงเรยี นจะตอ้ งประกนั ไดว้ า่ ผู้เรยี นทกุ คนมคี วามสามารถ ทกั ษะ และคุณลกั ษณะของ • การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นตามจดุ เนน้ นโยบายดา้ นการศึกษาของรฐั บาล แนวทางการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น มุ่งเน้นให้ผเู้ รียน • ดา้ นการจดั การเรียนรู้ • มคี วามสามารถในการรบั รู้ 1. โรงเรยี นจะตอ้ งจดั การเรยี นรใู้ หผ้ เู้ รยี นมคี วามสามารถ ทกั ษะ และคณุ ลกั ษณะทเี่ ป็น • รกั ทจ่ี ะเรยี นรใู้ นรูปแบบทหี่ ลากหลาย จดุ เน้น พรอ้ มทงั้ ผลกั ดนั ส่งเสรมิ ใหค้ รผู สู้ อนออกแบบและจดั การเรยี นรตู้ ามความถนดั • สนุกกบั การเรยี นรู้ ความสนใจ เตม็ ศกั ยภาพของผเู้ รยี น • มโี อกาสไดเ้ รยี นรนู้ อกหอ้ งเรยี น 2. การจดั การเรยี นรพู้ งึ จดั ใหเ้ ช่อื มโยงกบั วถิ ชี วี ติ เนน้ การปฏบิ ตั จิ รงิ ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น โดยจดั กจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี นไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 30 ของเวลาเรยี น อยา่ งสรา้ งสรรค์ 3. ใชส้ อ่ื เทคโนโลยที ห่ี ลากหลาย เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นสนุกกบั การเรยี น และเพม่ิ พูนความรู้ ความเขา้ ใจ 4. แสวงหาความรว่ มมอื จากชุมชน จดั แหล่งเรยี นรู้ ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ มาร่วมในการจดั การเรยี นรู้ 5. ผบู้ รหิ ารตอ้ งเป็นผนู้ าทางวชิ าการ ตลอดจนกากบั ดแู ล นเิ ทศการจดั การเรยี นรู้ อย่างสมา่ เสมอ และนาผลการนิเทศมาปรบั ปรุง พฒั นาการเรยี นการสอนของครู • ดา้ นการวดั และประเมินผล ครูทกุ คนวดั ผลและประเมนิ ผลผเู้ รยี นเป็นรายบคุ คลตามจุดเน้นดว้ ยวธิ กี ารและเครอ่ื งมอื ทหี่ ลากหลาย เน้นการประเมนิ สภาพจรงิ ใชผ้ ลการประเมนิ พฒั นาผเู้ รยี นอย่างตอ่ เน่อื ง และรายงานคุณภาพผเู้ รยี นตามจดุ เนน้ อยา่ งเป็นระบบ ที่มา : สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. 2553. แนวทางการนาจุดเน้นการพฒั นาผเู้ รียนสู่การปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. พิเศษ 6

การขบั เคลอ่ื นหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน 2551 และการปฏริ ปู การศกึ ษาในทศวรรษทส่ี อง (พ.ศ. 2552-2561) ใหป้ ระสบผลสาเรจ็ ตามจดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น โดยใหท้ ุกภาคสว่ นรว่ มกนั ดาเนนิ การ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดก้ าหนดจดุ เน้นการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ดงั น้ี ทกั ษะความสามารถ คณุ ลกั ษณะ จดุ เน้นตามช่วงวยั คณุ ลกั ษณะตามหลกั สตู ร ม.4-6 แสวงหาความรู้ เพอ่ื แกป้ ัญหา  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื การเรยี นรู้  ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ  มุ่งมนั่ ในการศกึ ษา ใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) และการทางาน มที กั ษะการคดิ ขนั้ สงู ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะ การส่อื สารอยา่ งสรา้ งสรรคต์ ามชว่ งวยั ม.1-3 แสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง  มวี นิ ยั ใชเ้ ทคโนโลยี เพอ่ื การเรยี นรู้  ใฝ่เรยี นรู้  อย่อู ยา่ งพอเพยี ง มที กั ษะการคดิ ขนั้ สงู ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะ การส่อื สารอยา่ งสรา้ งสรรคต์ ามช่วงวยั ป.4-6 อ่านคลอ่ ง เขยี นคลอ่ ง คดิ เลข  อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง คลอ่ ง ทกั ษะการคดิ ขนั้ พน้ื ฐาน  มุ่งมนั่ ในการทางาน  ใฝ่เรยี นรู้ ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะการสอ่ื สารอย่าง สรา้ งสรรคต์ ามช่วงวยั ป.1-3 อา่ นออก เขยี นได้ คดิ เลขเป็น  ใฝ่ดี  รกั ความเป็นไทย มที กั ษะการคดิ ขนั้ พน้ื ฐาน  มจี ติ สาธารณะ ทกั ษะชวี ติ ทกั ษะการสอ่ื สารอย่าง สรา้ งสรรคต์ ามช่วงวยั ท่ีมา : สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจุดเน้นการพฒั นาผเู้ รียนส่กู ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. พิเศษ 7

แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น การดาเนินการตามจุดเน้นการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี นในการขบั เคล่อื นหลกั สตู ร และการปฏริ ูปการศกึ ษา ในทศวรรษทส่ี อง (พ.ศ. 2552-2561) สกู่ ารปฏบิ ตั ใิ นสถานศกึ ษานนั้ ครูเป็นบคุ ลากรสาคญั ท่สี ุดในการดาเนนิ การ ในระดบั หอ้ งเรยี นในการจดั การเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นบรรลุเป้าหมายตามจดุ เนน้ การพฒั นา คุณภาพผเู้ รยี น ดงั แผนภูมิ แนวทางการปฏิบตั ิระดบั สถานศึกษา   นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ เป้าหมายการพฒั นาผเู้ รยี น ทาความเขา้ ใจให้กระจา่ ง  แนวทางการพฒั นาผเู้ รยี นตามจดุ เนน้  บทบาทหนา้ ทข่ี องผเู้ กย่ี วขอ้ ง  ตรวจสอบ ทบทวน  การจดั การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น วิเคราะห์จุดเดน่ จดุ พฒั นา  คณุ ภาพผเู้ รยี นในภาพรวมของสถานศกึ ษา  คุณภาพผเู้ รยี นแยกเป็นรายวชิ าและระดบั ชนั้  กาหนดเป้าหมาย  จุดเด่น จุดพฒั นาของสถานศกึ ษา การพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน  จุดเด่น จดุ พฒั นาของผเู้ รยี น ตามจดุ เน้น  ปีการศกึ ษา 2553 ระยะท่ี 1  กาหนดภาระงาน  ปีการศกึ ษา 2554 ระยะท่ี 2, 3 การพฒั นาคณุ ภาพ  ปีการศกึ ษา 2555 ระยะท่ี 4, 5 ตามจดุ เน้น  ทบทวน ออกแบบหลกั สตู รการเรยี นรู้  ดาเนินการ  ทบทวน ปรบั โครงสรา้ งเวลาเรยี น ตารางเรยี น พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน  ออกแบบการเรยี นรทู้ งั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น ตามจุดเน้น  การวดั ผลและประเมนิ ผลตามหลกั สตู รและจุดเนน้  ตรวจสอบ  ดาเนนิ การพฒั นาผเู้ รยี นตามหลกั สตู รทอ่ี อกแบบ ปรบั ปรงุ พฒั นา  นเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม และประเมนิ ระหวา่ งการปฏบิ ตั งิ านตามแผน  วดั ผลและประเมนิ ผลผเู้ รยี นตามจุดเนน้  สรปุ และรายงานผล การพฒั นาผเู้ รียน  ตรวจสอบ ปรบั ปรุง พฒั นา  นาผลการตรวจสอบ ปรบั ปรงุ ไปใชพ้ ฒั นา  ผลการดาเนนิ งาน  ความภาคภูมใิ จ และความสาเรจ็  ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแกไ้ ข พิเศษ 8

แนวทางการปฏิบตั ิระดบั สถานศึกษา ขนั้ ที่ ประเดน็ ที่เกี่ยวข้อง วิธีการ ผลที่ได้รบั 1. ทาความเข้าใจ 1. นโยบาย จดุ เนน้ ยุทธศาสตร์ 1. ประชุมชแ้ี จง 1. ผูท้ เ่ี กยี่ วขอ้ งมคี วามตระหนกั ให้กระจา่ ง และเป้าหมายการพฒั นาคณุ ภาพ 2. ประชาสมั พนั ธผ์ ่าน เหน็ ความสาคญั ในบทบาท ผูเ้ รยี นตามจุดเน้น ของตนเอง สอ่ื ตา่ งๆ ทงั้ ใน 2. แนวทางการพฒั นาคุณภาพ ระดบั สถานศกึ ษา 2. มคี วามเขา้ ใจในการนาจุดเน้น ผูเ้ รยี นตามจุดเน้น และชุมชน การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ไปสูก่ ารปฏบิ ตั ิ 3. บทบาทหน้าทขี่ องผูเ้ กย่ี วขอ้ ง ทงั้ ในและนอกโรงเรยี น 3. มคี วามร่วมมอื ในระดบั องคก์ ร และชมุ ชน 4. แนวทางการออกแบบหลกั สตู ร และตารางการเรยี นรูท้ เี่ หมาะสม 4. ครมู คี วามรู้ ความเขา้ ใจ กบั การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ในการออกแบบหลกั สตู ร ตามจดุ เนน้ และปรบั ตารางเรยี น ใหเ้ หมาะสมกบั จุดเนน้ 5. มกี ารปรบั พฤตกิ รรมการเรยี น การสอนตามแนวทางปฏริ ูป การศกึ ษารอบสอง 2. ตรวจสอบ 1. คณุ ภาพผเู้ รยี นในภาพรวม 1. ตรวจสอบเอกสาร 1. ขอ้ มูลสารสนเทศ ทบทวน ของสถานศกึ ษาทงั้ จุดเดน่ และ ขอ้ มลู ตา่ งๆ 2. จดุ เดน่ จุดพฒั นาดา้ น วิเคราะห์จุดเดน่ จดุ พฒั นา เช่น ผลการประเมนิ จดุ พฒั นา ในระดบั ชาติ สมศ. เขตพน้ื ที่ 2. วเิ คราะหข์ อ้ มูลที่ คณุ ภาพผูเ้ รยี น สถานศกึ ษา การศกึ ษา โรงเรยี น ฯลฯ เกยี่ วขอ้ ง และครูผสู้ อน 2. ผลการเรยี นของผเู้ รยี นแยกเป็น 3. ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ระดบั ชนั้ และรายวชิ า ระดบั 4. ประชมุ สมั มนา สถานศกึ ษา เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา ฯลฯ 3. กาหนดเป้าหมาย 1. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ 1. ประชมุ วางแผน เป้าหมายสถานศกึ ษา และมี 2. จดั ทาแผนพฒั นา แผนการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น การพฒั นา สถานศกึ ษา ระยะท่ี 1 ตามจุดเนน้ ในแตล่ ะระยะท่ี คุณภาพ สอดคลอ้ งกบั บรบิ ท และ คณุ ภาพผเู้ รยี น ภาคเรยี นที่ 2/2553 ศกั ยภาพของสถานศกึ ษา/ผูเ้ รยี น ตามจุดเน้น 2. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ สถานศกึ ษา ระยะที่ 2 ภาคเรยี นที่ 1/2554 3. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ สถานศกึ ษา ระยะที่ 3 ภาคเรยี นที่ 2/2554 พิเศษ 9

ขนั้ ท่ี ประเดน็ ท่ีเก่ียวขอ้ ง วิธีการ ผลท่ีไดร้ บั 4. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ สถานศกึ ษา ระยะที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1/2555 5. ตวั ชว้ี ดั ภาพความสาเรจ็ ของ สถานศกึ ษา ระยะที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 2/2555 4. กาหนดภาระงาน 1. ทบทวนจุดแขง็ จดุ ออ่ นของ 1. ประชุม ทบทวน 1. สถานศกึ ษามหี ลกั สูตรการ เรยี นรูท้ ส่ี ่งเสรมิ การพฒั นา การพฒั นา องคป์ ระกอบ เช่น วสิ ยั ทศั น์ หลกั สตู รฯ และ คณุ ภาพผเู้ รยี นตามจุดเนน้ คณุ ภาพตาม โครงสรา้ งเวลาเรยี น การจดั ปรบั ปรงุ หลกั สตู ร 2. ตารางเรยี นใหม่ 3. ครูผสู้ อนมวี ธิ กี ารจดั การ จุดเน้น รายวชิ า/กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ 2. ประชุม ปฏบิ ตั กิ าร การจดั ตารางเรยี น ฯลฯ ปรบั โครงสรา้ ง เรยี นรูท้ ห่ี ลากหลายตาม จุดเน้น 2. ออกแบบหลกั สตู รการเรยี นรูท้ ี่ เวลาเรยี น และจดั ทา 4. ส่อื แหลง่ เรยี นรูท้ ห่ี ลากหลาย 5. มเี คร่อื งมอื วธิ กี ารวดั ผล สอดคลอ้ งกบั การพฒั นาคณุ ภาพ แผนการเรยี นรู้ และประเมนิ ผลตามจุดเนน้ ผูเ้ รยี นตามจดุ เนน้ (พจิ ารณาได้ 3. สารวจ จดั หา พฒั นา จากตวั อย่าง 4 ลกั ษณะ) ส่อื และแหล่งการ 3. ปรบั โครงสรา้ งเวลาเรยี น และ เรยี นรู้ ตารางเรยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั สตู รการเรยี นรูท้ อ่ี อกแบบไว้ 4. ออกแบบการจดั การเรยี นรูใ้ ห้ สง่ เสรมิ การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ตามจุดเน้นทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น 5. จดั หา จดั ทาส่อื แหล่งเรยี นรู้ และ ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ทเี่ หมาะสมกบั การจดั การเรยี นรู้ 6. ออกแบบการวดั และประเมนิ ผล ทห่ี ลากหลายและเหมาะสมกบั ผูเ้ รยี น โดยเน้นการประเมนิ สภาพจรงิ 5. ดาเนินการ 1. จดั การเรยี นรูต้ ามหลกั สตู รและ 1. ครจู ดั กจิ กรรมการ 1. ผูเ้ รยี นไดร้ บั การพฒั นาตาม พฒั นาคณุ ภาพ ผ้เู รยี นตาม ตารางเรยี นทอ่ี อกแบบไว้ เรยี นรูอ้ ย่างหลากหลาย จดุ เนน้ จดุ เน้น โดยเนน้ การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น 2. ครมู รี ูปแบบและนวตั กรรมการ ตามจุดเนน้ 2. ออกแบบการวดั และ จดั การเรยี นรูท้ น่ี าไปพฒั นา 2. วดั และประเมนิ ผลความกา้ วหน้า ประเมนิ ผลทส่ี อดคลอ้ ง คุณภาพผเู้ รยี นไดต้ ามจุดเน้น ของผเู้ รยี นระหวา่ งเรยี น กบั จุดเนน้ 3. วดั และประเมนิ ผลคุณภาพผเู้ รยี น ตามตวั ชว้ี ดั ของจดุ เน้น พิเศษ 10

ขนั้ ที่ ประเดน็ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง วิธีการ ผลท่ีไดร้ บั 6. ตรวจสอบ 1. ตรวจสอบ ประเมนิ ผลการพฒั นา 1. ประชุมครเู พอ่ื 1. หลกั สตู รและการจดั การ ปรบั ปรงุ พฒั นา คุณภาพผเู้ รยี นตามจดุ เน้นในขนั้ ประเมนิ ผลการนา เรยี นรูไ้ ดร้ บั การพฒั นา ที่ 5 หลกั สตู รไปใช้ - การใชห้ ลกั สูตรการเรยี นรูท้ ่ี 2. กระบวนการบรหิ ารหลกั สตู ร ส่งเสรมิ การพฒั นาคณุ ภาพ 2. ผูท้ เี่ กยี่ วขอ้ งประเมนิ มกี ารขบั เคล่อื น ผูเ้ รยี นตามจดุ เน้น ตนเอง - การใชโ้ ครงสรา้ งเวลาเรยี นและ 3. ผูเ้ รยี นมกี ารพฒั นาตาม ตารางเรยี นตามรูปแบบของ 3. ตรวจสอบแผนการ จุดเนน้ หลกั สตู รการเรยี นรู้ จดั การเรยี นรู้ - การจดั การเรยี นรูท้ ห่ี ลากหลาย ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น - การวดั และประเมนิ ผลทเ่ี นน้ การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นตาม จุดเน้น 2. นาผลการตรวจสอบปรบั ปรงุ จุดออ่ น และพฒั นาจดุ เด่น 7. สรปุ และรายงาน 1. สรปุ ผลการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น 1. ประชุมสมั มนา 1. มผี ลการพฒั นาคุณภาพ ผลการพฒั นา ตามจุดเนน้ ในดา้ นการดาเนนิ งาน แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ผูเ้ รยี นตามจดุ เนน้ ผ้เู รียน ผลการดาเนินงาน ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ เสนอแนะ 2. นาเสนอผลงาน 2. มแี นวทางและนวตั กรรม คณุ ภาพผเู้ รยี น การพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น 2. รายงานผลการพฒั นาคุณภาพ ตามจุดเน้น ตามจดุ เน้น ผูเ้ รยี นตามจดุ เน้น เม่อื สน้ิ สุดตาม ระยะท่ี 1-5 3. จดั นิทรรศการ 3. มหี ลกั ฐานและร่องรอยในการ แสดงผลงานหรอื พฒั นาคุณภาพผเู้ รยี นตาม 3. นาผลจากรายงานไปใชใ้ นการ ประชาสมั พนั ธ์ผลงาน จุดเน้น วางแผนและพฒั นา สูส่ าธารณชน 4. มคี วามภาคภมู ใิ จใน 4. สรปุ รายงานผล เสนอ ความสาเรจ็ ผูท้ เ่ี กยี่ วขอ้ ง 5. ไดข้ อ้ เสนอแนะเพอ่ื การ พฒั นา ท่ีมา : สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผ้เู รยี นสู่การปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. พิเศษ 11

แนวทางการปฏิบตั ิระดบั ห้องเรียน  ตรวจสอบ  โครงสรา้ งรายวชิ า ตารางเรยี น ทบทวนรายวิชาและกิจกรรม  หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั กจิ กรรม และโครงการ ในความรบั ผิดชอบ  สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้  วิเคราะห์ผ้เู รียน  จดั ทาขอ้ มลู สารสนเทศระดบั ชนั้ เรยี น รายบุคคล  จดั กลมุ่ การพฒั นาผเู้ รยี นตามจดุ เนน้  กาหนดแนวทาง  รูปแบบกจิ กรรมในและนอกหอ้ งเรยี น การจดั การเรียนรู้  หน่วยการเรยี นรู้ กจิ กรรมโครงการ ท่ีสอดคล้องกบั จุดเน้น  แผนการจดั การเรยี นรู้   จดั การเรยี นรตู้ ามแนวทางทอ่ี อกแบบ  วดั และประเมนิ ผลการพฒั นาผเู้ รยี น ดาเนินการจดั การเรียนรู้  วจิ ยั และนวตั กรรมการเรยี นรู้  นเิ ทศ ตดิ ตาม และแลกเปลย่ี นเรยี นรู้  นาเสนอผล  รายงานผลการพฒั นาผเู้ รยี นรายบคุ คล/กลุ่ม  รายงานผลการพฒั นาตามจดุ เนน้ การพฒั นาผเู้ รียน  รายงานการพฒั นาวจิ ยั /นวตั กรรมการเรยี นรู้  รายงานภาพความสาเรจ็ อุปสรรค และปัญหา ตามจุดเน้น พิเศษ 12

แนวทางการปฏิบตั ิระดบั ห้องเรยี น ขนั้ ท่ี ประเดน็ ท่ีเก่ียวขอ้ ง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 1. ตรวจสอบ 1. โครงสรา้ งรายวชิ า โครงสรา้ ง 1. ศกึ ษาเอกสาร ขอ้ มลู 1. ไดจ้ ุดเดน่ จดุ พฒั นาของ ทบทวนรายวิชา กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น และกิจกรรมใน ต่างๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การ รายวชิ าและกจิ กรรมในความ ความรบั ผิดชอบ 2. ตารางเรยี นหน่วยการเรยี นรู้ 3. แผนการจดั กจิ กรรมพฒั นา พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น รบั ผดิ ชอบ ผูเ้ รยี นและแผนปฏบิ ตั กิ าร ตามจดุ เน้น 2. ไดแ้ นวทางการปรบั ปรุง/ โครงการตา่ งๆ 4. ส่อื แหล่งการเรยี นรู้ และ 2. วเิ คราะหจ์ ุดเดน่ พฒั นารายวชิ าและกจิ กรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ 5. คุณภาพผเู้ รยี นทกุ ระดบั ทงั้ จดุ พฒั นาทุกดา้ น ใหส้ อดคลอ้ งกบั แนวทางการ ในภาพรวมและแยกรายวชิ า เช่น NT, O-Net, สมศ., 3. นาขอ้ มูลของสถานศกึ ษา พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นตาม เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา มาเปรยี บเทยี บกบั จดุ เนน้ ของ สพฐ. และ แนวทางการพฒั นา สถานศกึ ษา คุณภาพผเู้ รยี นตาม 3. มขี อ้ มูลพน้ื ฐานในการกาหนด จดุ เนน้ ของ สพฐ. ทศิ ทางการพฒั นาคณุ ภาพ 4. ตรวจสอบความ ผูเ้ รยี นตามจุดเนน้ สอดคลอ้ งของส่อื แหล่ง การเรยี นรู้ สถานศกึ ษา ทปี่ รบั ปรงุ ใหม่และสงิ่ ท่ี ใชอ้ ย่เู ดมิ 2. วิเคราะหผ์ เู้ รยี น 1. ขอ้ มูลดา้ นสตปิ ัญญา ทกั ษะ 1. ศกึ ษา รวบรวมขอ้ มูล 1. มขี อ้ มูลพน้ื ฐานของผูเ้ รยี น เป็ นรายบุคคล ความสามารถ และคณุ ลกั ษณะ รายบคุ คล โดยใชว้ ธิ กี าร เป็นรายบุคคล ดงั น้ี 2. สขุ ภาพ ร่างกาย - ตรวจสอบจากขอ้ มลู 2. มขี อ้ มลู ทเี่ ป็นจดุ เดน่ จุดพฒั นา 3. พน้ื ฐานครอบครวั เศรษฐกจิ เอกสารของ ของผเู้ รยี นรายบคุ คล และ 4. สงั คม เพ่อื น และผูเ้ กยี่ วขอ้ ง สถานศกึ ษา และ รายกลุม่ 5. ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น Portfolio นักเรยี น 6. ผลงานทภี่ าคภูมใิ จประสบ - สอบถาม 3. มหี ลกั ฐาน ร่องรอยเพ่อื - สมั ภาษณ์ นาไปสกู่ ารพฒั นาผูเ้ รยี นเป็น ความสาเรจ็ - สงั เกต ฯลฯ รายบุคคล รายกล่มุ อย่างเป็น 7. ผลกระทบทเี่ ป็นปัญหา รูปธรรม 2. วเิ คราะหจ์ ดุ เด่น จุดดอ้ ย ของผเู้ รยี นรายบคุ คล 3. จดั กลุ่มผูเ้ รยี น โดยใหแ้ ต่ ละกลุ่มมคี วามสอดคลอ้ ง ใกลเ้ คยี งกนั ตามจุดเน้น ระดบั ชนั้ พิเศษ 13

ขนั้ ท่ี ประเดน็ ที่เก่ียวข้อง วิธีการ ผลท่ีไดร้ บั 3. กาหนดแนวทาง 1. หน่วยการเรยี นรู้ 1. ออกแบบการจดั การ 1. มแี นวทางในการพฒั นาผูเ้ รยี น การจดั การ เรยี นรทู้ ่ี 2. แผนการจดั การเรยี นรู้ เรยี นรูแ้ ละการจดั กจิ กรรม เป็นรายบคุ คลและรายกลมุ่ สอดคลอ้ งกบั จุดเน้น 3. แผนการจดั กจิ กรรมพฒั นา ทหี่ ลากหลายเหมาะสมกบั สอดคลอ้ งตามจดุ เน้น ผูเ้ รยี น จุดเน้นการพฒั นาผูเ้ รยี น 2. มรี ปู แบบการจดั การเรยี นรู้ 4. แผนปฏบิ ตั กิ ารโครงการและ และตารางเรยี นทกี่ าหนด ทเี่ หมาะสมกบั ผูเ้ รยี นตาม กจิ กรรมพเิ ศษตา่ งๆ 2. จดั ทา จดั หาสอ่ื แหล่งการ จดุ เนน้ 5. สอ่ื แหลง่ การเรยี นรู้ ภูมปิ ัญญา เรยี นรู้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั 3. มสี อ่ื แหล่งการเรยี นรู้ 6. การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่ี ทห่ี ลากหลายสอดคลอ้ ง ออกแบบ ตามจุดเน้น 3. ออกแบบเครอ่ื งมอื วดั ผล 4. มเี คร่อื งมอื วดั และประเมนิ และประเมนิ ผลที่ คณุ ภาพผเู้ รยี นตามจุดเน้น หลากหลาย โดยเน้นการ ประเมนิ สภาพจรงิ ใน ระดบั ชนั้ เรยี น 4. ดาเนินการ 1. การจดั การเรยี นรูต้ ามจดุ เนน้ 1. จดั การเรยี นรูใ้ นหอ้ งเรยี น 1. ผูเ้ รยี นมที กั ษะความสามารถ จดั การเรียนรู้ ทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ และคณุ ลกั ษณะตามจุดเนน้ 2. การประเมนิ ความกา้ วหน้าของ 2. จดั กจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี น 2. ชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในการ ผูเ้ รยี น ทส่ี ่งเสรมิ จดุ เน้นตาม จดั การเรยี นรู้ 3. การประเมนิ คุณภาพผเู้ รยี น ศกั ยภาพผเู้ รยี น 3. มกี ารใชน้ วตั กรรมการเรยี นรู้ ตามจดุ เน้น 3. วดั และประเมนิ ตามจุดเน้น 4. การพฒั นานวตั กรรมการ ความกา้ วหน้าของผูเ้ รยี น 4. ผูเ้ รยี นไดแ้ สดงออกตาม เรยี นรู้ และประเมนิ คุณภาพตาม ศกั ยภาพของตนเอง 5. การวจิ ยั เพ่อื พฒั นาคุณภาพ จุดเน้น 5. มกี ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ผูเ้ รยี นในระดบั ชนั้ เรยี น 4. พฒั นานวตั กรรมการ โดยใชก้ ระบวนการวจิ ยั 6. การนเิ ทศ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ เรยี นรูท้ ชี่ ่วยใหเ้ กดิ การ 6. มกี ารสรา้ งความร่วมมอื พฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพ ระหว่างครูและผูท้ เ่ี กยี่ วขอ้ ง ทงั้ รายบุคคลและรายกลมุ่ 7. มกี ารนาหลกั สตู รการเรยี นรู้ 5. นาผลการประเมนิ ไปใช้ ไปสู่การปฏบิ ตั ิ พฒั นาและแกไ้ ขปัญหา ผูเ้ รยี นตาม กระบวนการวจิ ยั 6. ครูผสู้ อนและผูเ้ กยี่ วขอ้ ง มกี ารนเิ ทศแลกเปลยี่ น เรยี นรู้ โดยเนน้ การสรา้ ง ความรว่ มมอื พิเศษ 14

ขนั้ ที่ ประเดน็ ที่เกี่ยวข้อง วิธีการ ผลท่ีได้รบั 5. นาเสนอผลการ 1. ผลการพฒั นาผูเ้ รยี นตาม 1. ประเมนิ ผลการพฒั นา 1. มผี ลการพฒั นาผูเ้ รยี นตาม พฒั นาผ้เู รียน จดุ เนน้ รายบคุ คลและรายกลุ่ม ตามจดุ เน้น คุณภาพผเู้ รยี นตาม จดุ เน้นในทุกมติ ทิ งั้ รายบคุ คล 2. ผลการพฒั นานวตั กรรม การเรยี นรู้ จดุ เนน้ ดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ รายกลุม่ และระดบั หอ้ งเรยี น 3. ผลการวจิ ยั ในชนั้ เรยี น 2. วเิ คราะหแ์ ละสรุปผลการ 2. มหี ลกั สตู รการเรยี นรูร้ ะดบั 4. ผลการพฒั นาหลกั สูตร พฒั นาผูเ้ รยี นทงั้ รายกลุม่ หอ้ งเรยี นทเี่ ป็นตวั อย่างใน การเรยี นรูใ้ นระดบั หอ้ งเรยี น และรายบคุ คลตาม การพฒั นาผูเ้ รยี นตามจุดเนน้ จุดเน้น 3. มกี ารวจิ ยั ในชนั้ เรยี นทเ่ี ป็น 3. นาผลการพฒั นาผูเ้ รยี น แนวทางในการพฒั นาผูเ้ รยี น ไปจดั ทาเป็นขอ้ มลู ใน ตามจุดเน้น ระดบั หอ้ งเรยี นเพอ่ื ใชใ้ น 4. มรี ปู แบบความรว่ มมอื ของครู การพฒั นาผูเ้ รยี นตาม และผูท้ เี่ กยี่ วขอ้ ง จุดเน้น 5. มเี อกสารรายงานและขอ้ มลู 4. สรุปผลการนานวตั กรรม สารสนเทศทเี่ ป็นร่องรอย การเรยี นรูแ้ ละการวจิ ยั หลกั ฐานในการพฒั นาผูเ้ รยี น ในชนั้ เรยี น ตามจดุ เนน้ 5. จดั ทารายงานผลการ พฒั นาผูเ้ รยี นตามจุดเนน้ ระดบั หอ้ งเรยี นในความ รบั ผดิ ชอบ 6. จดั ทารายงานผลการ พฒั นาหลกั สูตรการ เรยี นรูร้ ะดบั หอ้ งเรยี นใน ความรบั ผดิ ชอบ ท่ีมา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รยี นสกู่ ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. พิเศษ 15

แนวทางการประเมินตามจดุ เน้นคณุ ภาพผเู้ รียน ภาษาไทย จดุ เน้น : อ่านออก ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมิน ป.1 อ่านคาพน้ื ฐานและ - ใหผ้ ูเ้ รยี นอ่านออกเสยี งคา - แบบทดสอบการอ่าน ผ่าน : เขา้ ใจความหมายของ ตามวงคาศพั ท์ของชนั้ ป.1 ออกเสยี งและการ อ่านคาพน้ื ฐานและเขา้ ใจ คาพน้ื ฐานไดไ้ มน่ ้อย ทกี่ าหนด พรอ้ มทงั้ บอก บอกความหมาย ความหมายของคาพน้ื ฐาน กวา่ 600 คา ความหมายของคา โดย ของคา ชนั้ ป.1 ได้ 600 คาขน้ึ ไป การแสดงท่าทาง หรอื ช้ี - แบบบนั ทกึ ผลการ รูปภาพทก่ี าหนด แลว้ อา่ นออกเสยี งและ บนั ทกึ ผล การอา่ น การ การบอกความหมาย บอกความหมายของคาลง ของคา ในแบบบนั ทกึ ป.2 อา่ นคาพน้ื ฐานและ - ใหผ้ ูเ้ รยี นอา่ นออกเสยี งคา - แบบทดสอบการอา่ น ผา่ น : เขา้ ใจความหมายของ ตามวงคาศพั ทข์ องชนั้ ป.2 ออกเสยี งและการ อ่านคาพน้ื ฐานและเขา้ ใจ คาพน้ื ฐานเพมิ่ จาก ทก่ี าหนด พรอ้ มทงั้ บอก บอกความหมาย ความหมายของคาพน้ื ฐาน ชนั้ ป.1 ไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ ความหมายของคา โดย ของคา เพม่ิ จากชนั้ ป.1 ได้ 800 คา 800 คา และอ่าน การแสดงทา่ ทาง หรอื ช้ี - แบบบนั ทกึ ผลการ ขน้ึ ไป ขอ้ ความเร่อื งทม่ี คี วาม รปู ภาพทกี่ าหนด แลว้ - อา่ นออกเสยี งและ ผ่าน : ยากง่ายใกลเ้ คยี งกบั บนั ทกึ ผล การอ่าน การ - การบอกความหมาย อา่ นขอ้ ความและเร่อื งทมี่ ี หนังสอื เรยี น และมี บอกความหมายของคาลง ของคา ความยากงา่ ยใกลเ้ คยี งกบั มารยาทในการอ่าน ในแบบบนั ทกึ แบบทดสอบการอ่าน หนงั สอื เรยี น ชนั้ ป.2 - ใหผ้ ูเ้ รยี นอ่านออกเสยี ง ออกเสยี งขอ้ ความ ไดถ้ ูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี ขอ้ ความและเร่อื งทม่ี คี วาม และเร่อื ง เวน้ วรรคตอน และมมี ารยาท ยากงา่ ยใกลเ้ คยี งกบั แบบบนั ทกึ ผลการอา่ น ในการอ่าน หนงั สอื เรยี น แลว้ บนั ทกึ ผล ออกเสยี งขอ้ ความ การอ่านลงในแบบบนั ทกึ และเร่อื ง พิเศษ 16

ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน ป.3 อ่านคาพน้ื ฐานและ - ใหผ้ ูเ้ รยี นอ่านออกเสยี งคา - แบบทดสอบการอ่าน ผ่าน : เขา้ ใจความหมายของ ตามวงคาศพั ท์ของชนั้ ป.3 ออกเสยี งและการ อา่ นคาพน้ื ฐานและเขา้ ใจ คาพน้ื ฐานเพม่ิ จาก ทกี่ าหนด พรอ้ มทงั้ บอก บอกความหมาย ความหมายของคาพน้ื ฐาน ชนั้ ป.2 ไดไ้ ม่นอ้ ยกวา่ ความหมายของคา โดยการ ของคา เพม่ิ จากชนั้ ป.2 ได้ 1,200 คา 1,200 คา และอ่าน แสดงทา่ ทาง หรอื ชร้ี ปู ภาพ - แบบบนั ทกึ ผลการ ขน้ึ ไป ขอ้ ความ เรอ่ื ง ทก่ี าหนด หรอื พดู แลว้ อา่ นออกเสยี งและการ ผา่ น : บทรอ้ ยกรอง ทมี่ คี วาม บนั ทกึ ผลการอ่าน การบอก บอกความหมายของ ยากง่ายใกลเ้ คยี งกบั ความหมายของคาลงใน - คา อ่านขอ้ ความ เรอ่ื ง หนังสอื เรยี น ดว้ ยความ แบบบนั ทกึ - แบบทดสอบการอ่าน บทรอ้ ยกรองทม่ี คี วามยากงา่ ย เขา้ ใจ และมมี ารยาท - ใหผ้ ูเ้ รยี นอา่ นออกเสยี ง ออกเสยี งขอ้ ความ ใกลเ้ คยี งกบั หนงั สอื เรยี น ในการอ่าน ขอ้ ความ เรอ่ื ง บทรอ้ ยกรอง เรอ่ื ง บทรอ้ ยกรอง ชนั้ ป.3 ไดถ้ กู ต้องตามอกั ขรวธิ ี ทม่ี คี วามยากง่ายใกลเ้ คยี ง และความเขา้ ใจใน ฉนั ทลกั ษณ์ เวน้ วรรคตอน กบั หนงั สอื เรยี น ชนั้ ป.3 เรอ่ื งทอี่ า่ น ถูกต้อง มมี ารยาทในการอา่ น และตอบคาถามเกยี่ วกบั แบบบนั ทกึ ผลการอ่าน และตอบคาถามเกย่ี วกบั เร่อื งทอี่ า่ น แลว้ บนั ทกึ ผล ออกเสยี งขอ้ ความ เรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ การอ่านออกเสยี งและการ เรอ่ื ง บทรอ้ ยกรอง ตอบคาถามลงในแบบบนั ทกึ และความเขา้ ใจใน เร่อื งทอี่ ่าน จดุ เน้น : อ่านคลอ่ ง ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ป.6 อ่านขอ้ ความ เรอ่ื ง - ใหผ้ ูเ้ รยี นอ่านออกเสยี ง - แบบทดสอบการอ่าน ผา่ น : บทรอ้ ยกรองทมี่ คี วาม ขอ้ ความ เรอ่ื ง บทรอ้ ยกรอง ออกเสยี งขอ้ ความ อ่านขอ้ ความ เรอ่ื ง ยากงา่ ยใกลเ้ คยี งกบั ทมี่ คี วามยากงา่ ยใกลเ้ คยี ง เร่อื ง บทรอ้ ยกรอง บทรอ้ ยกรองทมี่ คี วามยาก หนังสอื เรยี น อยา่ ง กบั หนงั สอื เรยี น ชนั้ ป.6 และสรุปใจความสาคญั งา่ ยใกลเ้ คยี งกบั หนงั สอื เรยี น คล่องแคลว่ สรุปใจความ และสรปุ ใจความสาคญั ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คดิ เหน็ ชนั้ ป.6 ไดถ้ ูกตอ้ งตาม สาคญั แยกแยะ แยกแยะขอ้ เทจ็ จรงิ จากเร่อื งทอี่ ่าน อกั ขรวธิ ี ฉันทลกั ษณ์ ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คดิ เหน็ ขอ้ คดิ เหน็ จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน - แบบบนั ทกึ ผลการอา่ น เวน้ วรรคตอนถูกตอ้ ง และมมี ารยาทในการอา่ น แลว้ บนั ทกึ ผลการอา่ น ออกเสยี งขอ้ ความ มมี ารยาทในการอ่าน ออกเสยี งและการสรปุ เรอ่ื ง บทรอ้ ยกรอง สรุปใจความสาคญั และ ใจความสาคญั ขอ้ เทจ็ จรงิ และการสรุปใจความ ขอ้ เทจ็ จรงิ ขอ้ คดิ เหน็ จาก ขอ้ คดิ เหน็ ลงในแบบบนั ทกึ สาคญั ขอ้ เทจ็ จรงิ เร่อื งทอ่ี า่ นไดต้ ามเวลาที่ ขอ้ คดิ เหน็ กาหนด พิเศษ 17

จดุ เน้น : เขียนได้ ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน ป.1 เขยี นคาพน้ื ฐานไดไ้ ม่ - ใหผ้ ูเ้ รยี นเขยี นคาพน้ื ฐาน - แบบทดสอบการ ผ่าน : น้อยกว่า 600 คา ชนั้ ป.1 ตามคาบอก และ เขยี นคาพน้ื ฐานตาม เขยี นคาพน้ื ฐานเพม่ิ จากชนั้ ประโยคง่ายๆ ได้ และมี ใหน้ าคาพน้ื ฐานนนั้ มาแต่ง คาบอก และนาคา ป.1 ได้ 600 คาขน้ึ ไป เขยี น มารยาทในการเขยี น ประโยคง่ายๆ พน้ื ฐานนนั้ มาแตง่ ประโยคงา่ ยๆ ทส่ี อ่ื ความหมาย ประโยค ได้ โดยใช้คาพน้ื ฐานชนั้ ป.1 และมมี ารยาทในการเขยี น ป.2 เขยี นคาพน้ื ฐานเพมิ่ - ใหผ้ ูเ้ รยี นเขยี นคาพน้ื ฐาน - แบบทดสอบการเขยี น ผ่าน : จากชนั้ ป.1 ไดไ้ ม่ ชนั้ ป.2 ตามคาบอก และ คาพน้ื ฐานตามคาบอก เขยี นคาพน้ื ฐานเพม่ิ จากชนั้ น้อยกว่า 800 คา เขยี น ใหผ้ ูเ้ รยี นเลอื กภาพทส่ี นใจ ป.1 ได้ 800 คาขน้ึ ไป เขยี น บรรยายภาพ และมี แลว้ เขยี นบรรยายภาพนนั้ บรรยายภาพไดส้ อดคลอ้ งกบั มารยาทในการเขยี น สาระสาคญั ของภาพ โดยใชค้ า พน้ื ฐานชนั้ ป.2 และมมี ารยาท ในการเขยี น ป.3 เขยี นคาพน้ื ฐานเพมิ่ - ใหผ้ ูเ้ รยี นเขยี นคาพน้ื ฐาน - แบบทดสอบการเขยี น ผ่าน : จากชนั้ ป.2 ไดไ้ ม่น้อย ระดบั ชนั้ ป.3 ตามคาบอก คาพน้ื ฐานตามคาบอก เขยี นคาพน้ื ฐานเพม่ิ จากชนั้ กว่า 1,200 คา เขยี น และใหผ้ ูเ้ รยี นเลอื กภาพที่ ป.3 ได้ 1,200 คาขน้ึ ไป เขยี น เรอ่ื งจากภาพ และมี สนใจ แลว้ เขยี นเร่อื งจาก เรอ่ื งจากภาพ เน้อื หาเชอ่ื มโยง มารยาทในการเขยี น ภาพนนั้ สมั พนั ธก์ นั ครอบคลุม สาระสาคญั ของภาพ โดยใชค้ า พน้ื ฐาน ชนั้ ป.3 และมี มารยาทในการเขยี น จดุ เน้น : เขียนคลอ่ ง ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมิน ป.6 เขยี นเรยี งความอย่าง - ใหผ้ ูเ้ รยี นเขยี นเรยี งความ - แบบทดสอบการเขยี น ผ่าน : คล่องแคล่ว และมี ตามหวั เร่อื งหรอื ประเดน็ ท่ี เรยี งความ ยอ่ ความ เขยี นเรยี งความไดอ้ ย่าง มารยาทในการเขยี น กาหนด คลอ่ งแคลว่ รวดเรว็ เน้อื หา สาระชดั เจน การใชภ้ าษา ถูกต้องเหมาะสม องคป์ ระกอบถูกตอ้ งครบถว้ น และมมี ารยาทในการเขยี น พิเศษ 18

จดุ เน้น : การส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์ ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ป.1 ตงั้ ใจฟัง และพูดส่อื สาร - กาหนดใหผ้ ูเ้ รยี นฟัง - แบบประเมนิ ผา่ น : พดู สอ่ื สารเรอ่ื งทฟ่ี ังใหผ้ ูอ้ ่นื เขา้ ใจ ใหเ้ ขา้ ใจโดยใชค้ า เรอ่ื งราว เหตกุ ารณ์ หรอื การพูด ไดถ้ ูกตอ้ งตามสาระสาคญั เร่อื งทฟ่ี ัง สุภาพ นิทาน อยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง แลว้ ออกมาพูดใหเ้ พ่อื นฟัง ป.2 ตงั้ ใจฟัง และพดู ส่อื สาร - กาหนดใหผ้ ูเ้ รยี นฟังนิทาน - แบบประเมนิ ผ่าน : พดู สอ่ื สารเร่อื งทฟ่ี ังใหผ้ ูอ้ ่นื เขา้ ใจ ไดช้ ดั เจน ตรงตาม เรอ่ื งสนั้ อย่างใดอย่างหนึ่ง การพูด ไดถ้ ูกตอ้ ง ชดั เจน ตรงตาม วตั ถุประสงค์ โดยใชภ้ าษาได้ วตั ถุประสงคแ์ ละใชค้ า แลว้ ออกมาพูดใหเ้ พ่อื นฟัง ถกู ต้อง สภุ าพ สภุ าพ ป.3 ฟัง ดู พูด อ่าน และ - กาหนดใหผ้ ูเ้ รยี นฟัง ดู อา่ น - แบบประเมนิ ผ่าน : - พดู ส่อื สารเร่อื งทฟี่ ัง ดู อ่านให้ เขยี นอย่างมมี ารยาท นทิ าน เรอ่ื งสนั้ บทรอ้ ยกรอง การพดู ผูอ้ น่ื เขา้ ใจไดถ้ กู ต้อง ชดั เจน และพูดเขยี นสอ่ื สารได้ อยา่ งใดอยา่ งหน่งึ แลว้ ให้ - แบบประเมนิ ตรงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องเร่อื ง ทฟี่ ัง ดู อา่ น โดยใชภ้ าษาพูดได้ อยา่ งชดั เจนและตรง ผูเ้ รยี นพดู เขยี น สอ่ื สารจาก การเขยี น ถูกต้อง สภุ าพ และมมี ารยาท - เขยี นเรอ่ื งทฟ่ี ัง ดู อา่ น โดยใช้ ตามวตั ถุประสงคโ์ ดยใช้ เรอ่ื งทไี่ ดฟ้ ัง ดู อา่ น นนั้ ภาษาทถี่ กู ต้อง เหมาะสม ตรงประเดน็ ไมค่ ดั ลอกผลงาน คาสุภาพ ผูอ้ น่ื และมมี ารยาท ป.6 ฟัง ดู พดู อ่าน และ - กาหนดใหผ้ ูเ้ รยี นฟัง ดู อา่ น - แบบประเมนิ ผ่าน : - พูดแสดงความคดิ เหน็ วเิ คราะห์ เขยี นอย่างมมี ารยาท นทิ าน เรอ่ื งสนั้ บทความ การพดู จากเรอ่ื งทฟ่ี ัง ดู อา่ นไดอ้ ย่างมี และพูดเขยี นแสดง เอกสาร หนงั สอื ขา่ ว - แบบประเมนิ เหตผุ ล น่าเช่อื ถอื พดู ไดก้ ระชบั ตรงประเดน็ ใชภ้ าษาไดถ้ ูกตอ้ ง ความคดิ เหน็ วเิ คราะห์ เหตุการณ์ บทรอ้ ยกรอง การเขยี น สภุ าพ และมมี ารยาท - เขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากเรอ่ื งทฟี่ ัง ดู อา่ น อยา่ งใดอยา่ งหนึง่ แลว้ พูด วเิ คราะหจ์ ากเรอ่ื งทฟ่ี ัง ดู อ่าน โดยใชภ้ าษาเขยี นทถี่ กู ต้อง มี อยา่ งสมเหตุสมผล เขยี นสอ่ื สารเรอ่ื งทฟ่ี ัง อา่ น เหตุผล ขอ้ เขยี นมคี วามแปลก ใหม่ น่าเชอ่ื ถอื ไมค่ ดั ลอก ผลงานผูอ้ ่นื และมมี ารยาท ท่ีมา : สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา. 2553. แนวทางการนาจุดเน้นการพฒั นาผเู้ รียนส่กู ารปฏิบตั ิ. กรุงเทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. พิเศษ 19

จดุ เน้น : การส่ือสารอย่างสร้างสรรค์ ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน ม.1 ฟัง ดู พูด อา่ น เขยี น - กาหนดใหผ้ ูเ้ รยี นฟัง ดู อา่ น - แบบประเมนิ ผ่าน : - พูดอธบิ าย ชแ้ี จง สาระสาคญั อย่างมมี ารยาทและพูด นิทาน เรอ่ื งสนั้ บทความ การพูด และรายละเอยี ดเรอ่ื งทฟ่ี ัง ดู เขยี นเพ่อื อธบิ ายชแ้ี จง เอกสาร ขา่ ว เหตกุ ารณ์ - แบบประเมนิ อ่าน ไดห้ ลายแงม่ ุม อย่าง สมเหตุสมผล พดู ไดก้ ระชบั จากเร่อื งทฟ่ี ัง และดแู ละ บทรอ้ ยกรอง อย่างใดอยา่ ง การเขยี น ตรงประเดน็ ใหข้ อ้ คดิ ใชภ้ าษา ไดอ้ ย่างถูกต้อง และมมี ารยาท อ่านไดห้ ลายแง่มุม หนึ่ง แลว้ พูดเขยี นสอ่ื สาร - เขยี น อธบิ าย ชแ้ี จงจากเร่อื งที่ ฟัง ดู อ่าน โดยใชภ้ าษาเขยี น อย่างสมเหตสุ มผล เรอ่ื งทฟ่ี ัง ดู อา่ น ทถี่ ูกตอ้ ง มเี หตุมผี ล ขอ้ เขยี น มคี วามแปลกใหม่น่าเชอ่ื ถอื ม.2 ฟัง ดู พดู อ่าน เขยี น 1. แบง่ กล่มุ ใหว้ เิ คราะหข์ ่าว - แบบประเมนิ ไมค่ ดั ลอกผลงานผูอ้ น่ื และมี มารยาท อย่างมมี ารยาท และพดู จากหนังสอื พมิ พ์ วทิ ยุ การพูด ผ่าน : เขยี น โต้แยง้ จากเรอ่ื งท่ี โทรทศั น์ อนิ เทอรเ์ นต็ - แบบประเมนิ - ฟัง พูด ดู อา่ น ไดห้ ลายแง่มมุ ฟัง ดแู ละอา่ นไดอ้ ย่าง แลว้ ส่งตวั แทนนาเสนอ การเขยี น อย่างสมเหตสุ มผล พดู เขยี น โตแ้ ยง้ ตรงประเดน็ ใหข้ อ้ คดิ สมเหตุสมผล ทไี่ มเ่ ป็น และใหแ้ สดงความคดิ ใชภ้ าษาไดอ้ ย่างถกู ต้อง และ มมี ารยาท โทษต่อตนเองและผูอ้ น่ื อยา่ งสมเหตุสมผล - ฟัง พูด ดู อ่าน จากเรอ่ื งทฟ่ี ัง ใชภ้ าษาเขยี นทถี่ กู ต้อง มเี หตุ 2. เขยี นโต้แยง้ เชงิ สรา้ งสรรค์ มผี ล ขอ้ เขยี นมคี วามแปลกใหม่ น่าเชอ่ื ถอื ไม่คดั ลอกผลงาน ทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง ผูอ้ ่นื และมมี ารยาท และผูอ้ น่ื 3. สรปุ ย่อข่าวเหตกุ ารณ์ บทความ สารคดี และ วเิ คราะหแ์ สดงความ คดิ เหน็ ทงั้ ในสว่ นทเ่ี ป็น ประโยชน์ และเป็นโทษ แลว้ นามารวมเล่มเพอ่ื เผยแพร่ พิเศษ 20

ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน ม.3 ฟัง ดู พดู อา่ น เขยี น 1. รวบรวมขา่ วเหตกุ ารณท์ อ่ี ยู่ - แบบประเมนิ ผ่าน : อยา่ งมมี ารยาท และพดู ในความสนใจ แลว้ รว่ มกนั การพดู - ฟัง ดู พดู อ่าน เขยี น วเิ คราะห์ วจิ ารณจ์ ากเรอ่ื งทฟ่ี ัง อยา่ ง เขยี น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ อภปิ รายอยา่ งมเี หตุผลใน - แบบประเมนิ สมเหตสุ มผล ตรงประเดน็ ให้ ขอ้ คดิ ใชภ้ าษาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง จากเรอ่ื งทฟี่ ัง ดู และ สว่ นทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อ การเขยี น และมมี ารยาท อา่ นอยา่ งมเี หตผุ ลทเ่ี ป็น ส่วนรวม แลว้ นามารวมเลม่ - ฟัง ดู พูด อ่าน เขยี น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์จากเรอ่ื งทฟ่ี ัง ใชภ้ าษา ประโยชน์ต่อสว่ นรวม เพอ่ื เผยแพร่ในสอ่ื ท่ี เขยี นทถ่ี กู ตอ้ ง มเี หตมุ ผี ล และมี มารยาท หลากหลาย 2. พูดและเขยี น วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ ขา่ ว เหตกุ ารณ์ ทเี่ ป็นประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม 3. ใหฟ้ ัง และสรปุ ยอ่ บทความ สารคดี เร่อื งสนั้ นวนยิ าย แลว้ นาเสนอในชนั้ เรยี น แลว้ นามาเผยแพร่ในสอ่ื ทห่ี ลากหลาย 4. ฝึกเขยี น นยิ าย เรอ่ื งสนั้ สารคดี เกย่ี วกบั สงิ่ ทเี่ ป็น ประโยชน์ต่อสว่ นรวม เช่น อนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม การ พฒั นาชมุ ชน แลว้ นาเสนอ ในชนั้ เรยี น เพอ่ื ใหท้ กุ คน แสดงความคดิ เหน็ และให้ ขอ้ เสนอแนะก่อนเผยแพร่ ในสอ่ื ทหี่ ลากหลาย พิเศษ 21

ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน ม.4-6 ฟัง ดู พดู อ่าน และ - กาหนดใหผ้ ูเ้ รยี นฟัง ดู อา่ น - แบบประเมนิ ผ่าน : เขยี นอยา่ งมมี ารยาท นทิ าน เรอ่ื งสนั้ บทความ การพดู และพูดเขยี นโน้มน้าว เอกสาร หนงั สอื ขา่ ว - พูดโนม้ น้าว เชญิ ชวน และแสดง เชญิ ชวน และแสดง เหตกุ ารณ์ บทรอ้ ยกรอง - แบบประเมนิ ความคดิ เหน็ ใหมใ่ หเ้ กิดการ ความคดิ เหน็ ใหม่ จาก อย่างใดอย่างหน่งึ แลว้ พูด การเขยี น เปลยี่ นแปลงทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อ เร่อื งทฟี่ ัง ดู และอ่าน เขยี นสอ่ื สารเร่อื งทฟี่ ัง อา่ น ส่วนรวม มเี หตผุ ล มมี ารยาท ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง ในการพูด พูดไดต้ รงประเดน็ ทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อ ใชภ้ าษาไดอ้ ย่างถูกต้อง สว่ นรวม - เขยี นโน้มน้าว เชญิ ชวน และ แสดงความคดิ เหน็ ใหมจ่ าก เร่อื งทฟ่ี ัง ดู อา่ น โดยใหภ้ าษา เขยี นทถ่ี กู ตอ้ ง มเี หตุมผี ลทเี่ ป็น ประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม และมี มารยาท ท่ีมา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจดุ เน้นการพฒั นาผเู้ รยี นสกู่ ารปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหานคร : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. พิเศษ 22

แนวทางการประเมินตามจดุ เน้นคณุ ภาพผ้เู รยี น ทกั ษะการคิด จดุ เน้น : ทกั ษะการคิดขนั้ พืน้ ฐาน ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน ป.1 ทกั ษะการสงั เกตและ 1. ใหผ้ ูเ้ รยี นสงั เกตรปู ภาพ - แบบทดสอบ ผ่าน : ทกั ษะการจดั กลุ่ม ผลไม้ หรอื สตั ว์ ฯลฯ แลว้ - แบบบนั ทกึ ผูเ้ รยี นจดั กลุ่ม และบอกเหตุผล ใหผ้ ูเ้ รยี นจดั กลุ่มรูปภาพ ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม ผลไม้ หรอื สตั ว์ ฯลฯ การสงั เกต หมายเหตุ พรอ้ มบอกเหตผุ ลในการ จดั กลมุ่ และบอก จดั กลุ่ม หรอื เหตผุ ลการ เกณฑก์ ารประเมนิ อาจจะจดั เป็น จดั กลมุ่ ระดบั คุณภาพกไ็ ด้ ถา้ หากมกี าร 2. จดั วสั ดหุ รอื สง่ิ ของให้ จดั กลุ่มหรอื บอกเหตุผลหลาย ผูเ้ รยี นสงั เกตแลว้ ใหผ้ ูเ้ รยี น รายการ เชน่ จดั กล่มุ วสั ดหุ รอื สง่ิ ของ พรอ้ มกบั บอกเหตผุ ลในการ ถ้าหากมกี ารสงั เกตแลว้ จดั กล่มุ โดยมคี รคู อย สามารถจดั กลุ่ม และบอกเหตผุ ล สงั เกตการณ์การจดั กลุ่ม ได้ 6 รายการ อาจกาหนดเกณฑ์ และการอธบิ ายเหตุผล การประเมนิ ดงั น้ี ในการจดั กลมุ่ ของผูเ้ รยี น ระดบั 1 จดั กลุ่ม แต่บอกเหตผุ ล ฯลฯ ไม่ได้ ระดบั 2 จดั กล่มุ และบอกเหตผุ ล ได้ 1-2 รายการ (ผ่าน) ระดบั 3 จดั กลมุ่ และบอกเหตุผล ได้ 3-4 รายการ ระดบั 4 จดั กล่มุ และบอกเหตผุ ล ได้ 5-6 รายการ พิเศษ 23

ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน ป.2 ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ 1. ใหผ้ ูเ้ รยี นสงั เกตรปู ภาพ - แบบทดสอบ ผา่ น : และทกั ษะการจาแนก วสั ดุ หรอื สงิ่ ของ ฯลฯ ทมี่ ี - แบบบนั ทกึ ผูเ้ รยี นเปรยี บเทยี บ หรอื จาแนก ขนาดต่างกนั แลว้ ให้ การสงั เกต และบอกเหตผุ ลไดถ้ กู ตอ้ ง นักเรยี นเปรยี บเทยี บขนาด การเปรยี บเทยี บ เหมาะสม หรอื ความสูง และจาแนก และการจาแนก หมายเหตุ รปู ภาพ วสั ดุ หรอื สง่ิ ของ เกณฑก์ ารประเมนิ อาจจะจดั เป็น ฯลฯ ทมี่ ลี กั ษณะเหมอื นกนั ระดบั คณุ ภาพกไ็ ด้ ถ้าหากมกี าร หรอื คลา้ ยกนั พรอ้ มบอก เปรยี บเทยี บหรอื จาแนกแลว้ บอก เหตผุ ล หรอื เหตผุ ลหลายรายการ เช่น 2. ใหน้ ักเรยี นสงั เกตวสั ดุหรอื ถา้ หากมกี ารสงั เกตแลว้ สงิ่ ของ ซง่ึ วสั ดหุ รอื สง่ิ ของ สามารถเปรยี บเทยี บ หรอื จาแนก ทน่ี ามาใหน้ กั เรยี นสงั เกต แลว้ บอกเหตุผลได้ 8 รายการ เป็นวสั ดหุ รอื สงิ่ ของชนดิ อาจกาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ เดยี วกนั เช่น กอ้ นหนิ ดงั น้ี ใบไม้ ดนิ สอ ปากกา ฯลฯ ระดบั 1 เปรยี บเทยี บ หรอื จาแนก แตม่ ขี นาด หรอื มคี วามสงู แต่บอกเหตุผลไม่ได้ หรอื ความยาวต่างกนั ระดบั 2 เปรยี บเทยี บ หรอื จาแนก แลว้ ใหผ้ ูเ้ รยี นเปรยี บเทยี บ แลว้ บอกเหตผุ ลได้ ขนาด หรอื ความสูงหรอื 1-3 รายการ (ผา่ น) ความยาว จากนนั้ ให้ ระดบั 3 เปรยี บเทยี บ หรอื จาแนก ผูเ้ รยี นจาแนกสง่ิ ของที่ แลว้ บอกเหตผุ ลได้ ไม่เหมอื นกนั หรอื แตกต่าง 3-4 รายการ กนั ไวเ้ ป็นหมวดหมู่ ระดบั 4 เปรยี บเทยี บ หรอื จาแนก พรอ้ มกบั อธบิ ายเหตุผล แลว้ บอกเหตผุ ลได้ การจาแนก ครสู งั เกต 5-6 รายการ การเปรยี บเทยี บและ การจาแนกของผูเ้ รยี น ฯลฯ พิเศษ 24

ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมิน ป.3 ทกั ษะการรวบรวม 1. ใหผ้ ูเ้ รยี นวางแผน/ - แบบทดสอบ ผ่าน : ขอ้ มลู และทกั ษะ การเช่อื มโยง ออกแบบ กาหนด สถานการณ์ - ผูเ้ รยี นวางแผน/ออกแบบ กาหนดจุดประสงค์ วธิ กี ารเกบ็ จดุ ประสงค์ วธิ กี ารเกบ็ ปฏบิ ตั จิ รงิ รวบรวมขอ้ มูล และนาเสนอ ขอ้ มลู ไดเ้ หมาะสมตามประเดน็ รวบรวมขอ้ มูล และนาเสนอ ทก่ี าหนด ขอ้ มลู จากสถานการณ์ที่ - ผูเ้ รยี นเลอื กขอ้ มูลทเ่ี กย่ี วขอ้ ง สมั พนั ธก์ นั และบอกความหมาย กาหนดให้ และอธบิ ายเหตผุ ลของขอ้ มลู ได้ เหมาะสม 2. ใหผ้ ูเ้ รยี นเลอื กขอ้ มลู ท่ี เกย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั และ บอกความหมายของขอ้ มูล โดยอาศยั ความรู้ และ ประสบการณเ์ ดมิ ของ ตนเองพรอ้ มกบั อธบิ าย เหตุผลประกอบ ป.6 ทกั ษะการสรุปอา้ งองิ 1. ประเมนิ ทกั ษะการสรปุ - แบบทดสอบ ผา่ น : และทกั ษะการนา - สรุปสถานการณ์ หรอื เร่อื งราว ความรูไ้ ปใช้ อา้ งองิ โดยการกาหนด การสรุปอา้ งองิ ต่างๆ และมกี ารอา้ งองิ สถานการณ์หรอื เร่อื งราว - แบบทดสอบการ แหลง่ ขอ้ มูลไดเ้ หมาะสม - สรุปและบอกวธิ กี ารนาขอ้ สรปุ ต่างๆ จากหนังสอื พมิ พ์ นาความรูไ้ ปใช้ จากสถานการณ์หรอื เรอ่ื งราว ตา่ งๆ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ ขอ้ ความจากโฆษณา แลว้ เหมาะสม ใหผ้ ูเ้ รยี นสรุปความเป็นไป ได้ พรอ้ มกบั สรปุ ขอ้ อา้ งองิ จากแหล่งขอ้ มูลทเ่ี ชอ่ื ถอื ได้ 2. กาหนดเน้อื หาหรอื เร่อื งราว ใหผ้ ูเ้ รยี นอา่ น แลว้ ให้ ผูเ้ รยี นสรุป และบอก วธิ กี ารทจ่ี ะนาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั โดยการ ตอ่ ยอดจากเน้อื หาหรอื เรอ่ื งราวทอี่ ่าน พิเศษ 25

ชนั้ ความสามารถ วิธีการวดั และประเมินผล และทกั ษะ วิธีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน ม.1 ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1. ประเมนิ ทกั ษะการคดิ - แบบทดสอบ ผา่ น : ทกั ษะการประเมนิ และทกั ษะการสรปุ วเิ คราะห์ โดยการกาหนด สถานการณ์ - วเิ คราะหข์ อ้ มูลจากสถานการณ์ ความคดิ เหน็ ไดเ้ หมาะสม สถานการณใ์ หผ้ ูเ้ รยี น - สรุปและอธบิ ายเหตุผลได้ แลว้ ตงั้ คาถามใหผ้ ูเ้ รยี น เหมาะสม วเิ คราะห์ 2. กาหนดสถานการณห์ รอื คาถามแลว้ ใหผ้ ูเ้ รยี น ประเมนิ หรอื ตดั สนิ 3. กาหนดสถานการณใ์ ห้ ผูเ้ รยี นแลว้ ตงั้ คาถามให้ ผูเ้ รยี นสรุปพรอ้ มกบั อธบิ าย เหตุผล ม.4-6 ทกั ษะการคดิ แกป้ ัญหา ประเมนิ ทกั ษะการคดิ - แบบทดสอบ ผ่าน : อย่างสรา้ งสรรค์ แกป้ ัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ สถานการณท์ เี่ น้น ผูเ้ รยี นแกป้ ัญหาจากสถานการณ์ โดยการกาหนดสถานการณ์ การคดิ แกป้ ัญหา ทกี่ าหนดให้ไดเ้ หมาะสมอยา่ ง ใหผ้ ูเ้ รยี นแกป้ ัญหา โดยเนน้ อยา่ งสรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรคแ์ ละมคี วามเป็นไปได้ การแกป้ ัญหาเชงิ บวกทเ่ี ป็น ในการแกป้ ัญหาในชวี ติ จรงิ วธิ กี ารทสี่ รา้ งสรรค์ และมี ความเป็นไปได้ในการนาไป ใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ติ จรงิ ที่มา : สานักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา. 2553. แนวทางการนาจุดเน้นการพฒั นาผ้เู รยี นสู่การปฏิบตั ิ. กรงุ เทพมหานคร : สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. พิเศษ 26

คาอธิบายรายวิชา รายวิชา ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี รหสั วชิ า ท เวลา 120 ชวั่ โมง/ปี ฝึกทกั ษะการอา่ น การเขยี น การฟัง การดูและการพดู การวเิ คราะหแ์ ละประเมนิ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม โดยศึกษาเกี่ยวกบั การอ่านออกเสยี ง การอ่านจบั ใจความ การอ่านตามความสนใจ ฝึกทกั ษะการคดั ลายมือ การเขยี นขอ้ ความตามสถานการณ์และโอกาสต่างๆ เขยี นอตั ชวี ประวตั หิ รอื ชวี ประวตั ิ เขยี นย่อความ การเขยี น จดหมายกจิ ธุระ เขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความคดิ เหน็ และโตแ้ ยง้ เขยี นวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ และแสดงความรู้ความ คดิ เหน็ หรอื โตแ้ ยง้ จากส่อื ตา่ งๆ กรอกแบบสมคั รงาน เขยี นรายงาน ฝึกทกั ษะการพดู แสดงความคดิ เหน็ และการ ประเมนิ เร่อื งจากการฟังและการดู พูดวเิ คราะหว์ จิ ารณ์จากเร่อื งท่ฟี ังและดู พดู รายงานการศกึ ษาค้นควา้ พดู ใน โอกาสต่างๆ พดู โน้มน้าว และศกึ ษาเกยี่ วกบั คาภาษาต่างประเทศทใ่ี ช้ในภาษาไทย โครงสร้างประโยคซบั ซ้อน ระดับภาษา คาทับศัพท์และศัพท์บัญญัติ คาศัพท์ทางวิชาการและวิชาชีพ การแต่งบทร้อยกรองประเภท โคลงสส่ี ุภาพ วเิ คราะหว์ ถิ ไี ทย ประเมนิ ค่า ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากวรรณคดี วรรณกรรมบทละครพดู เร่อื งเหน็ แก่ลกู นทิ าน คากลอนเร่อื งพระอภัยมณี ตอนหนีนางผเี ส้อื พระบรมราโชวาท อิศรญาณภาษิต บทพากย์เอราวณั ท่องจา บทอาขยานทก่ี าหนดและบทรอ้ ยกรองทม่ี คี ุณคา่ ตามความสนใจ โดยใช้กระบวนการอ่านเพ่ือสร้างความรู้ความคิดนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต กระบวนการเขยี นเพ่อื การสอ่ื สารอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ กระบวนการฟัง การดู และการพดู สามารถเลอื กฟังและดู และพดู แสดงความรคู้ วามคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ เพ่อื ใหเ้ ขา้ ใจธรรมชาตภิ าษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษา พลงั ภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา วเิ คราะหว์ จิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมอย่างเหน็ คุณค่านามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจรงิ รกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ และมนี ิสยั รกั การอ่าน การเขยี น มมี ารยาทในการอ่าน การเขยี น การฟัง การดู และการพดู ตวั ชีว้ ดั ท 1.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/10 ท 2.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/10 ท 3.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ท 4.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ท 5.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 รวม 36 ตวั ชี้วดั พิเศษ 27

โครงสร้างรายวิชา วิชาภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.3 ลาดบั ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ท่ี เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั (ชวั่ โมง) คะแนน 1 การอ่านออกเสียง ท 1.1 ม.3/1 การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และ 4 บทรอ้ ยกรอง ผเู้ รยี นตอ้ งรหู้ ลกั การอา่ น จงึ จะสามารถอ่านไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม กบั เร่อื งทอ่ี า่ น 2 การอ่านอย่างมี ท 1.1 ม.3/3 การอ่านสอ่ื ต่างๆ ผเู้ รยี นตอ้ งระบุ 12 วิจารณญาณ ม.3/4 ใจความสาคญั และรายละเอยี ดของ ม.3/9 ขอ้ มูลทส่ี นบั สนุนจากเร่อื งทอ่ี า่ น ตคี วามและประเมนิ คณุ คา่ แนวคดิ ทไ่ี ดจ้ ากงานเขยี นอยา่ งหลากหลาย เพ่อื นาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ติ และเขยี นกรอบแนวคดิ ผงั ความคดิ บนั ทกึ ยอ่ ความ และรายงาน 3 การอ่านวินิจสาร ท 1.1 ม.3/2 การอ่านจบั ใจความจากสอ่ื ตา่ งๆ 7 ตอ้ งระบคุ วามแตกตา่ งของคาทม่ี ี ม.3/3 ความหมายโดยตรงและความหมาย ม.3/4 โดยนยั ระบใุ จความสาคญั และ ม.3/5 รายละเอยี ดของขอ้ มูลทส่ี นับสนุน ม.3/6 จากเรอ่ื ง แลว้ เขยี นกรอบแนวคดิ ม.3/7 ผงั ความคดิ บนั ทกึ ยอ่ ความ และ ม.3/8 รายงาน วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และ ประเมนิ เร่อื งทอ่ี ่านโดยใชก้ ลวธิ กี าร เปรยี บเทยี บ ประเมนิ ความถกู ตอ้ งของ ขอ้ มลู ทใ่ี ชส้ นบั สนุนในเรอ่ื ง วจิ ารณ์ ความสมเหตุสมผล การลาดบั ความ และความเป็นไปไดข้ องเรอ่ื ง วเิ คราะห์ เพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เรอ่ื ง พิเศษ 28

ลาดบั ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ที่ เรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั (ชวั่ โมง) คะแนน 4 การคดั ลายมอื ท 2.1 ม.3/1 การคดั ลายมอื ทถ่ี กู ตอ้ ง จะตอ้ ง 2 คดั ลายมอื ตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั ตาม รูปแบบการเขยี นตวั อกั ษรไทย 5 การเขียนเพ่อื การ ท 2.1 ม.3/2 การเขยี นเพอ่ื การสอ่ื สาร ผเู้ รยี นตอ้ ง 8 สอ่ื สาร 1 ม.3/3 เขยี นขอ้ ความโดยใชถ้ อ้ ยคาไดถ้ กู ตอ้ ง ม.3/4 ตามระดบั ของภาษา เขยี นชวี ประวตั ิ ม.3/5 หรอื อตั ชวี ประวตั ิ เขยี นยอ่ ความ ม.3/8 เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ กรอกแบบ ม.3/10 สมคั รงาน พรอ้ มเขยี นบรรยายเกยี่ วกบั ความรแู้ ละทกั ษะของตนเองท่ี เหมาะสมกบั งาน และมมี ารยาทใน การเขยี น 6 การเขียนเพอ่ื การ ท 2.1 ม.3/6 การเขยี นอธบิ าย ชแ้ี จง แสดงความ 7 ส่อื สาร 2 ม.3/7 คดิ เหน็ เขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และ ม.3/9 แสดงความรู้ ความคดิ เหน็ หรอื โตแ้ ยง้ อยา่ งมเี หตุผล รวมทงั้ เขยี นรายงาน แสดงการศกึ ษาคน้ ควา้ และโครงงาน เป็นการเขยี นเพอ่ื การส่อื สารทต่ี อ้ ง คานึงถงึ รปู แบบ และวธิ กี ารเขยี นท่ี ถกู ตอ้ ง 7 การพดู เรื่องจากสือ่ ที่ ท 3.1 ม.3/1 การพดู แสดงความคดิ เหน็ และประเมนิ 6 ฟังและดู ม.3/2 เรอ่ื งจากการฟังและดู จะตอ้ งอาศยั การ ม.3/3 วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ เพ่อื ใหส้ ามารถนา ม.3/6 ขอ้ คดิ ทไ่ี ดร้ บั มาประยุกตใ์ ชใ้ นการ ดาเนนิ ชวี ติ และพดู รายงานเรอ่ื งหรอื ประเดน็ ทศ่ี กึ ษาคน้ ควา้ ไดอ้ ย่างมี มารยาท พิเศษ 29

ลาดบั ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั ที่ เรยี นร้/ู ตวั ชีว้ ดั (ชวั่ โมง) คะแนน 8 การพดู ในโอกาสต่างๆ ท 3.1 ม.3/4 การพดู ในโอกาสต่างๆ และการพดู 7 ม.3/5 โนม้ น้าว ตอ้ งพดู ใหต้ รงตาม ม.3/6 วตั ถปุ ระสงคแ์ ละนาเสนอหลกั ฐาน ตามลาดบั เนอ้ื หาอยา่ งมเี หตุผลและ น่าเชอ่ื ถอื มมี ารยาทในการพดู 9 การใช้คาในภาษาไทย ท 4.1 ม.3/1 การศกึ ษาเร่อื งการใชค้ าในภาษาไทย 4 ม.3/4 จะช่วยใหจ้ าแนกและใชค้ าภาษา ม.3/5 ตา่ งประเทศทใ่ี ชใ้ นภาษาไทย ใชค้ าทบั ศพั ทแ์ ละศพั ทบ์ ญั ญตั ไิ ด้ อยา่ งถูกตอ้ ง และสามารถอธบิ าย ความหมายของคาศพั ทท์ างวชิ าการ และวชิ าชพี 10 การวิเคราะหภ์ าษา ท 4.1 ม.3/2 การศกึ ษาหลกั ภาษาไทยตอ้ งสามารถ 3 ม.3/3 วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซบั ซอ้ น เพ่อื สรา้ งประโยคทส่ี ละสลวย ส่อื ความหมายไดช้ ดั เจน และวเิ คราะห์ ระดบั ภาษาทใ่ี ชใ้ นการสอ่ื สารได้ ถกู ตอ้ งและเหมาะสม 11 การแต่งบทร้อยกรอง ท 4.1 ม.3/6 การแตง่ บทรอ้ ยกรองประเภท 3 ประเภทโคลงส่ีสุภาพ โคลงสส่ี ุภาพ จะตอ้ งแต่งใหถ้ กู ตอ้ ง ตามลกั ษณะบงั คบั และเลอื กสรร ถอ้ ยคาภาษาทม่ี คี วามหมายลกึ ซง้ึ กนิ ใจ และมคี วามไพเราะ พิเศษ 30

โครงสรา้ งแผนฯ วิชาภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ภาษา ม.3 เวลา 63 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 (ชวั่ โมง) การอ่านออกเสียง 1. การอา่ นออกเสยี ง - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 บทรอ้ ยแกว้ (1) (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการประเมนิ 1 การอา่ นอยา่ งมี 1 วิจารณญาณ 2. การอา่ นออกเสยี ง - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 บทรอ้ ยแกว้ (2) (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการประเมนิ 1 3. การอ่านออกเสยี ง - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 บทรอ้ ยกรอง (1) (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการประเมนิ 1 4. การอา่ นออกเสยี ง - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 บทรอ้ ยกรอง (2) (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการประเมนิ 1 1. การอา่ นจบั ใจความ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการตคี วาม สารคดี (1) (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการสรุปลงความ คดิ เหน็ 2. การอ่านจบั ใจความ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการตคี วาม สารคดี (2) (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการสรปุ ลงความ คดิ เหน็ 3. การอ่านจบั ใจความ - วธิ สี อนแบบ SQ4R 1. ทกั ษะการตคี วาม จากสารคดี 2. ทกั ษะการสรปุ ลงความ ชวี ประวตั ิ คดิ เหน็ 4. การอา่ นจบั ใจความ - วธิ สี อนแบบ KWL - Plus 1. ทกั ษะการตคี วาม จากตานาน (1) 2. ทกั ษะการสรปุ ลงความ คดิ เหน็ 5. การอ่านจบั ใจความ - วธิ สี อนแบบ KWL - Plus 1. ทกั ษะการตคี วาม จากตานาน (2) 2. ทกั ษะการสรุปลงความ คดิ เหน็ 6. การอ่านตคี วาม - วธิ สี อนตามแนววฏั จกั ร 1. ทกั ษะการตคี วาม และประเมนิ คณุ ค่า การเรยี นรู้ (4 MAT) 2. ทกั ษะการสรุปลงความ หนงั สอื นอกเวลา (1) คดิ เหน็ พิเศษ 31

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรียนรู้ จดั การเรียนรู้ (ชวั่ โมง) หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 7. การอา่ นตคี วาม - วธิ สี อนตามแนววฏั จกั ร 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 การอา่ นอย่างมี และประเมนิ คณุ คา่ การเรยี นรู้ (4 MAT) 2. ทกั ษะการสรุปลงความ วิจารณญาณ (ต่อ) หนงั สอื นอกเวลา (2) คดิ เหน็ 8. การอา่ นตคี วาม - วธิ สี อนแบบโมเดลซปิ ปา 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 และประเมนิ คณุ คา่ (CIPPA Model) 2. ทกั ษะการประเมนิ หนงั สอื ตามความ สนใจ (1) 9. การอา่ นตคี วาม - วธิ สี อนแบบโมเดลซปิ ปา 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 และประเมนิ คณุ คา่ (CIPPA Model) 2. ทกั ษะการประเมนิ หนงั สอื ตามความ สนใจ (2) 10. การอ่านตคี วาม - วธิ สี อนแบบมุ่งประสบการณ์ 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 และประเมนิ ค่า หนงั สอื ทคี่ รแู ละ ทางภาษา 2. ทกั ษะการประเมนิ นกั เรยี นร่วมกนั กาหนด (1) 11. การอา่ นตคี วาม - วธิ สี อนแบบมุ่งประสบการณ์ 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 และประเมนิ คา่ หนังสอื ทคี่ รแู ละ ทางภาษา 2. ทกั ษะการประเมนิ นักเรยี นร่วมกนั กาหนด (2) 12. การเขยี นกรอบ - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 แนวคดิ แบบร่วมมอื : เทคนิคแบง่ ปัน 2. ทกั ษะการสรปุ ลงความ ความสาเรจ็ คดิ เหน็ 3. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 1. การอ่านวเิ คราะห์ - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการแปลความ 1 การอ่านวินิ จสาร ความหมายของคา แบบร่วมมอื : เทคนิคคู่คดิ 2. ทกั ษะการตคี วาม สส่ี หาย 3. ทกั ษะการสรุปลงความ คดิ เหน็ 2. การจบั ใจความ - วธิ สี อนแบบ SQ4R 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 สาคญั 2. ทกั ษะการสรปุ ลงความ คดิ เหน็ พิเศษ 32

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 (ชวั่ โมง) การอ่านวินิ จสาร (ต่อ) 3. การอ่านวเิ คราะห์ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 วจิ ารณ์ และแสดง (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการประเมนิ การคดั ลายมือ ความคดิ เหน็ (1) หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 การเขยี นเพ่ือการ 4. การอา่ นวเิ คราะห์ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 1 สือ่ สาร 1 วจิ ารณ์ และแสดง (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการประเมนิ ความคดิ เหน็ (2) 5. การอ่านประเมนิ - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 คุณค่า แบบรว่ มมอื : เทคนิค 2. ทกั ษะการประเมนิ คตู่ รวจสอบ 6. การแสดงความ - วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 คดิ เหน็ โตแ้ ยง้ (1) กระบวนการคดิ อย่างมี 2. ทกั ษะการคดิ อย่างมี วจิ ารณญาณ วจิ ารณญาณ 3. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 7. การแสดงความ - วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : 1. ทกั ษะการตคี วาม 1 คดิ เหน็ โตแ้ ยง้ (2) กระบวนการคดิ อย่างมี 2. ทกั ษะการคดิ อยา่ งมี วจิ ารณญาณ วจิ ารณญาณ 3. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 1. การคดั ลายมอื (1) - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 2. การคดั ลายมอื (2) - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 1. การเขยี นในโอกาส - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 ต่างๆ แบบรว่ มมอื : เทคนคิ การต่อ 2. ทกั ษะการประเมนิ เรอ่ื งราว (Jigsaw) 3. ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 4. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 2. การเขยี นชวี ประวตั ิ - วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา 1 และอตั ชวี ประวตั ิ กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2. ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ (1) 3. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 4. ทกั ษะการประเมนิ 5. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ พิเศษ 33

หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 (ชวั่ โมง) การเขยี นเพอ่ื การ สื่อสาร 1 (ต่อ) 3. การเขยี นชวี ประวตั ิ - วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา 1 และอตั ชวี ประวตั ิ กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2. ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ (2) 3. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 4. ทกั ษะการประเมนิ 5. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 4. การเขยี นยอ่ ความ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 1 (1) (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการเช่อื มโยง 3. ทกั ษะการสรุปย่อ 4. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 5. การเขยี นย่อความ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 1 (2) (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการเชอ่ื มโยง 3. ทกั ษะการสรุปย่อ 4. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 6. การเขยี นจดหมาย - วธิ สี อนแบบแบ่งกลุ่มทางาน 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 4. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 7. การกรอกแบบ - วธิ สี อนแบบนิรนยั 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 สมคั รงาน (1) 2. ทกั ษะการตคี วาม 3. ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 4. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 8. การกรอกแบบ - วธิ สี อนแบบนิรนัย 1. ทกั ษะการสงั เกต 1 สมคั รงาน (2) 2. ทกั ษะการตคี วาม 3. ทกั ษะการตงั้ เกณฑ์ 4. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 5. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ พิเศษ 34

หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 6 (ชวั่ โมง) การเขียนเพอื่ การ 1. การเขยี นอธบิ าย - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการใหเ้ หตุผล 1 สื่อสาร 2 ชแ้ี จง โต้แยง้ แบบรว่ มมอื : เทคนคิ แบง่ ปัน 2. ทกั ษะการวเิ คราะห์ แสดงความคดิ เหน็ ความสาเรจ็ 1 อยา่ งมเี หตผุ ล 1 2. การเขยี นวเิ คราะห์ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ 1 แสดงความรู้ (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการสรปุ ลงความ 1 ความคดิ เหน็ 1 หรอื โตแ้ ยง้ ส่อื (1) คดิ เหน็ 1 3. การเขยี นวเิ คราะห์ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความรู้ (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการสรุปลงความ ความคดิ เหน็ หรอื โต้แยง้ สอ่ื (2) คดิ เหน็ 4. การเขยี นรายงาน - วธิ สี อนแบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา การศกึ ษาคน้ ควา้ 2. ทกั ษะการวเิ คราะห์ (1) 3. ทกั ษะการประเมนิ 5. การเขยี นรายงาน - วธิ สี อนแบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา การศกึ ษาคน้ ควา้ 2. ทกั ษะการวเิ คราะห์ (2) 3. ทกั ษะการประเมนิ 6. การเขยี นรายงาน - วธิ สี อนแบบโครงงาน 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา โครงงาน (1) 2. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 3. ทกั ษะการประเมนิ 7. การเขยี นรายงาน - วธิ สี อนแบบโครงงาน 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา โครงงาน (2) 2. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 3. ทกั ษะการประเมนิ พิเศษ 35

หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรียนรู้ จดั การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 7 (ชวั่ โมง) การพดู เรอ่ื งจากส่ือ ที่ฟังและดู 1. การพูดแสดงความ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการเชอ่ื มโยง 1 คดิ เหน็ เรอ่ื งทฟี่ ัง (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการสรุปลงความ และดู (1) คดิ เหน็ 3. ทกั ษะการประเมนิ 4. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 2. การพดู แสดงความ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการเชอ่ื มโยง 1 คดิ เหน็ เร่อื งทฟี่ ัง (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการสรปุ ลงความ และดู (2) คดิ เหน็ 3. ทกั ษะการประเมนิ 4. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 3. การพดู วเิ คราะห์ - วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1 วจิ ารณจ์ ากเรอ่ื งท่ี ฟังและดู (1) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2. ทกั ษะการสรุปลงความ คดิ เหน็ 3. ทกั ษะการประเมนิ 4. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 4. การพดู วเิ คราะห์ - วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : 1. ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1 วจิ ารณจ์ ากเร่อื งที่ ฟังและดู (2) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2. ทกั ษะการสรุปลงความ คดิ เหน็ 3. ทกั ษะการประเมนิ 4. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 5. การพดู รายงาน - วธิ สี อนแบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา 1 การศกึ ษาคน้ ควา้ 2. ทกั ษะการสรปุ อา้ งองิ (1) 3. ทกั ษะการสรุปลงความ คดิ เหน็ 4. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 6. การพูดรายงาน - วธิ สี อนแบบใชป้ ัญหาเป็นฐาน 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา 1 การศกึ ษาคน้ ควา้ 2. ทกั ษะการสรปุ อา้ งองิ (2) 3. ทกั ษะการสรุปลงความ คดิ เหน็ 4. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ พิเศษ 36

หน่วยการเรียนรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 8 (ชวั่ โมง) การพดู ในโอกาส ต่างๆ 1. การพูดโน้มน้าว (1) - วธิ สี อนโดยเนน้ กระบวนการ : 1. ทกั ษะการเช่อื มโยง 1 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 9 กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2. ทกั ษะการสรุปลงความ การใช้คาใน ภาษาไทย คดิ เหน็ 2. การพูดโน้มนา้ ว (2) - วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : 1. ทกั ษะการเช่อื มโยง 1 กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2. ทกั ษะการสรปุ ลงความ คดิ เหน็ 3. การพูดอภปิ ราย - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสรุปลงความ 1 (1) (Inquiry Method : 5E) คดิ เหน็ 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 4. การพดู อภปิ ราย - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสรปุ ลงความ 1 (2) (Inquiry Method : 5E) คดิ เหน็ 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 5. การพดู โต้วาทแี ละ - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการสรุปลงความ 1 ยอวาที (1) แบบรว่ มมอื : เทคนคิ คดิ เหน็ กล่มุ สบื คน้ 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 6. การพดู โตว้ าทแี ละ - วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : 1. ทกั ษะการสรปุ ลงความ 1 ยอวาที (2) กระบวนการเรยี นความรูค้ วาม คดิ เหน็ เขา้ ใจ 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 7. การพูดโต้วาทแี ละ - วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : 1. ทกั ษะการสรปุ ลงความ 1 ยอวาที (3) กระบวนการเรยี นความรูค้ วาม คดิ เหน็ เขา้ ใจ 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ 1. คาภาษา - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการจาแนกประเภท 1 ต่างประเทศใน แบบรว่ มมอื : เทคนคิ การตอ่ 2. ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ ภาษาไทย เร่อื งราว (Jigsaw) 2. การใชค้ าทบั ศพั ท์ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา 1 และศพั ท์บญั ญตั ิ (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ ต่างๆ (1) พิเศษ 37

หน่วยการเรยี นรู้ แผนการจดั วิธีสอน/กระบวนการ ทกั ษะการคิด เวลา การเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้ (ชวั่ โมง) หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 9 3. การใชค้ าทบั ศพั ท์ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา 1 การใช้คาใน และศพั ท์บญั ญตั ิ (Inquiry Method : 5E) 2. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ ภาษาไทย (ต่อ) ต่างๆ (2) 4. คาศพั ท์ทางวชิ าการ - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการสารวจคน้ หา 1 และวชิ าชพี แบบรว่ มมอื : เทคนิคแบง่ ปัน 2. ทกั ษะการนาความรูไ้ ปใช้ ความสาเรจ็ หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 10 1. การวเิ คราะห์ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1 การวิเคราะหภ์ าษา โครงสรา้ งของ (Inquiry Method : 5E) ประโยคซบั ซ้อน (1) 2. การวเิ คราะห์ - วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ 1 โครงสรา้ งของ (Inquiry Method : 5E) ประโยคซบั ซ้อน (2) 3. ระดบั ภาษา - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการสรปุ ลงความ 1 แบบร่วมมอื : เทคนิค คดิ เหน็ คู่ตรวจสอบ 2. ทกั ษะการวเิ คราะห์ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 11 1. หลกั การแตง่ - วธิ สี อนโดยการจดั การเรยี นรู้ 1. ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ 1 การแต่ง โคลงสส่ี ภุ าพ 1 บทร้อยกรองประเภท แบบรว่ มมอื : เทคนิค 2. ทกั ษะการประเมนิ 2. การแต่ง โคลงส่ีสุภาพ โคลงสส่ี ุภาพ (1) คตู่ รวจสอบ - วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : 1. ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2. ทกั ษะการประเมนิ 3. การแตง่ - วธิ สี อนโดยเน้นกระบวนการ : 1. ทกั ษะการคดิ สรา้ งสรรค์ 1 โคลงสส่ี ภุ าพ (2) กระบวนการปฏบิ ตั ิ 2. ทกั ษะการประเมนิ พิเศษ 38

1หน่วยการเรียนรู้ท่ี การอ่านออกเสียง 4เวลา ชวั่ โมง 1 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั ท 1.1 ม.3/1 อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั เรอ่ื งทอ่ี ่าน 2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และบทรอ้ ยกรอง ผเู้ รยี นตอ้ งรหู้ ลกั การอ่าน จงึ จะสามารถอ่านไดถ้ กู ตอ้ ง เหมาะสมกบั เร่อื งทอ่ี ่าน 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง  การอ่านออกเสยี ง ประกอบดว้ ย - บทรอ้ ยแกว้ ทเ่ี ป็นบทความทวั่ ไปและบทความปกณิ กะ - บทรอ้ ยกรอง เชน่ กลอนบทละคร กลอนเสภา กาพยย์ านี 11 กาพยฉ์ บงั 16 และโคลงสส่ี ภุ าพ 3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสงั เกต 2) ทกั ษะการประเมนิ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทางาน 3. รกั ความเป็นไทย 1 หลกั ภาษาฯ ม.3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook