5.4.2.1 วิธีการทำเตียงธรรมดาหรือการทำเตียงว่างหรือเตียงเปิด (Closed bed, empty bed, ordinary bed) 1) ล้างมือให้สะอาดก่อนจัดเตรียมอุปกรณ์ 2) ถอื ผา้ และอปุ กรณเ์ ครือ่ งใช้หา่ งจากเครอื่ งแตง่ กายท่สี วมใส่ 3) นำผ้าที่เตรียมไว้ เรียงลำดบั การใชม้ าวางบนเกา้ อ้ที ีส่ ะอาด 4) จัดบริเวณเตยี งใหม้ ที วี่ ่างพอสมควร 5) ลอ็ คลอ้ เตียง 6) ตรวจดทู ีน่ อนใหอ้ ยู่ในสภาพแข็งแรง 7) ตรวจดูความสะอาดของหมอน ความออ่ นแข็ง การฉกี ขาด มขี นาดพอดี 8) ทำเตียงทีละขา้ งเพอ่ื การประหยดั แรงงาน 9) ปูผา้ ปูทีน่ อนโดยให้จุดก่งึ กลางของผา้ วางทบั ลงบนจุดกึ่งกลางของท่นี อน 10) คล่ผี า้ ปูออกไปทางหวั และปลายเตียง ตลบผา้ ปคู รึ่งหนงึ่ กลบั ไปดา้ นตรงข้าม 11) เหน็บชายผ้าปูท่ีนอนดา้ นข้างเตียงก่อน แล้วจึงเหน็บชาผ้าด้านหัวเตียงแล้วตาม ด้วยด้านปลายเตียงและทำมุมด้านข้างทั้งสองข้าง โดยทำมุมด้านหัวเตียงก่อนเพราะดึงผ้าได้สะดวก และทำดา้ นปลายเตยี ง กรณที ่ีนอนเบา ผา้ ปแู คบ ผู้ป่วยดน้ิ อาจตอ้ งใช้วิธผี กู การทำมุมดา้ นข้างเตียง - ดึงผ้าปู (ผ้าห่มหรือผ้าคลุมเตียง) ให้ตึงและแบมือสอดเข้าใต้ที่นอน ด้านข้างและ ดา้ นหวั เตียงและปลายเตียง - จบั ผา้ ปูทม่ี ุม ทำเปน็ รูปสามเหลยี่ ม (ชายธง) ให้ชายผ้าขนานกับท่ีนอนดา้ นหัวเตยี ง - เหน็บมุมชายธงด้านล่างเข้าใตท้ นี่ อน - ใช้มือสอดทำมุมชายธงด้านบน - เหนบ็ มมุ ชายธงดา้ นลา่ ง เกบ็ ชายผา้ ดา้ นขา้ งดงึ ให้ตึง พับเหน็บชายธงดา้ นบนเข้าใต้ เตยี งใหเ้ รยี บร้อย 12) ปผู า้ ยางขวางเตียงบริเวณท่ีต้องการ คลีผ่ ้ายางใหอ้ ยตู่ รงกลางทน่ี อน พบั ผา้ ยางที่ เหลอื ไปด้านตรงข้ามเหนบ็ ชายผา้ ยางเขา้ ใต้ทน่ี อน 13) ปผู ้าขวางเตียงใหค้ ลมุ ปิดผ้ายาง เหนบ็ ชายผ้าเขา้ ใตท้ น่ี อน โดยแบมือสอดผ้าเข้า ไปใหส้ ดุ ชายผ้า 14) สวมปลอกหมอน โดยสอดมือทั้งสองข้างเข้าไปในปลอกหมอนที่ตลบกลับเอา ดา้ นในออก จบั ตรงมุมทง้ั สองข้างแล้วตลบปลอกหมอนกลับไปท่ีตัวหมอน ใช้มอื ขา้ งหนึ่งจับตรงกลาง 150
ด้านตัวหมอนที่มปี ลอกหุ้มแล้ว อีกมือหนึ่งดึงปลอกหมอนโดยรอบลงมาคลุมตัวหมอน จับหมุนปลอก หมอนให้เรยี บรอ้ ยแล้ววางท่หี ัวเตียง 15) พับผ้าห่มตามยาวไว้ปลายเตียง 16) แขวนผ้าเช็ดตวั ทีพ่ นักหัวเตยี ง 17) เดนิ ไปหวั เตียงอีกดา้ นหนึ่งปูผา้ ท่เี หลอื 18) จัดเตียงให้เข้าท่ี ดูแลความสะอาดของตู้ขา้ งเตียง เลื่อนเข้ามาใกล้เตียง กรณีทำ เตยี งเพื่อรับผปู้ ว่ ยใหม่ นำผา้ คลมุ เตียงมาปูทับผ้าปู ชายผ้าดา้ นหัวเตยี งเสมอกับขอบท่ีนอนคลุมหมอน ให้มดิ ทำชายธงดา้ นลา่ ง ปล่อยปลายบนลงมาคลมุ ไมเ่ หนบ็ เข้าใตเ้ ตยี งเพอ่ื ความสะดวกขณะรบั ผู้ป่วย ใหม่ 5.4.2.2 การทำเตียงทีม่ ผี ูป้ ว่ ย (Occupied bed) 1) แจ้งให้ผปู้ ว่ ยทราบ 2) เคลือ่ นย้ายอุปกรณท์ ่ีไม่จำเป็นออกจากบรเิ วณรอบๆ เตยี ง 3) ปรบั เตยี งใหอ้ ยู่ในแนวราบ ถา้ ไม่ขดั กบั ความเจบ็ ปว่ ย 4) เดินไปด้านตรงข้ามตู้ข้างเตียง รื้อชายผ้าออกจากใต้ที่นอน พลิกตะแคงตัวผู้ป่วย โดยพลิกเข้าหาตัวพยาบาล ให้ผู้ป่วยนอนในท่านอนตะแคง เพื่อสะดวกในการปูเตียง ถ้าผู้ป่วยไม่ รูส้ กึ ตวั ใหย้ กราวก้นั เตียงข้ึน 5) เดนิ กลบั มาทางด้านตขู้ ้างเตียง ร้อื ผา้ ต่อ 6) ตลบผา้ ขวางเตยี งโดยเอาดา้ นนอกม้วนไวภ้ ายในไปชิดตวั ผปู้ ่วยมากที่สดุ 7) เช็ดผา้ ยางขวางเตยี งแล้วมว้ นสอดไว้แนบชดิ ผู้ปว่ ยมากท่ีสุด 8) ตลบผา้ ปทู นี่ อนเช่นเดียวกันโดยใหช้ ิดตัวผ้ปู ่วยมากที่สดุ 9) เช็ดท่นี อน 10) ปูผ้าปูที่นอนทีละคร่ึงเตียง โดยให้กึ่งกลางผ้าปูตรงกับกึ่งกลางทีน่ อน ตลบผ้าไป ทางหัวเตียงและปลายเตียง เหน็บผ้าข้างเตยี ง หวั เตียงทำมุมให้เรียบรอ้ ย ดึงผา้ ยางออกมาปูและเหน็บ ใตเ้ ตยี ง ปผู า้ ขวางและเหนบ็ ผา้ ยางและผ้าขวางเขา้ ใต้ที่นอน 11) ยกศรี ษะผู้ปว่ ยนำหมอนออก เปลยี่ นปลอกหมอน โดยพลิกดา้ นในออกภายนอก เอาด้านที่สกปรกเข้าด้านใน ใช้ปลอกหมอนเก่าเช็ดผมออกจากตัวหมอน แล้วม้วนทิ้งในตะกร้าผ้า สวมปลอกหมอนใหมว่ างหมอนไว้ทหี่ ัวเตยี งดา้ นสะอาด 12) พลิกผู้ป่วยให้นอนหงายก่อนแล้วพลิกกลับมานอนตะแคงด้านที่เปลี่ยนผ้าแล้ว ใหห้ นนุ หมอน จดั ทา่ นอนตะแคง ยกราวกัน้ เตียงข้ึน 13) ยกถังน้ำเดินไปด้านตรงข้ามตู้ข้างเตียง รื้อผ้าออกพับทีละชิ้นให้บริเวณสกปรก อยู่ดา้ นใน ตลบหวั ทา้ ย ท้ิงลงในตะกรา้ ผา้ เปื้อนทลี ะช้ิน 151
14) ปูที่นอนทีละชิ้นตามลำดับ ดึงให้เรียบตึง ล้างมือให้สะอาด จัดให้ผู้ป่วยนอนใน ทา่ ทสี่ บาย 15) หม่ ผา้ ห่มใหผ้ ปู้ ว่ ย หรอื พับพาดไวห้ วั เตยี ง 16) เช็ดและทำความสะอาดเตียง ข้างเตียง จัดสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ตู้ข้าง เตยี ง โตะ๊ ที่คร่อมเตยี งใหใ้ กลผ้ ู้ปว่ ย วางกร่งิ หรอื เครอ่ื งเรียกไว้ใกลต้ วั ผปู้ ่วย 17) นำเหยือกน้ำ ถ้วยน้ำ ไปล้างทำความสะอาด แต่ถ้าเป็นขวดตวงน้ำ ๒๔ ชั่วโมง ไม่ตอ้ งนำไปล้าง 18) ล้างและทำความสะอาดถังเช็ดเตียง ซักทำความสะอาดผ้าเช็ดเตียงผึ่งตากให้ แห้ง 5.4.2.2 การทำเตียงผูป้ ว่ ยหลงั จากการผ่าตัด (Surgical / Anesthetic / recovery bed) มีวิธีการเช่นเดียวกับการการทำเตียงว่าง แตกต่างกันเพียงการพับผ้าห่มให้สะดวก สำหรบั ผู้ป่วยหลงั ผา่ ตดั โดยวธิ ีการพับผา้ หม่ ดังแสดงในรปู ภาพ 5-3 ก. ข. ค. รูปภาพที่ 5-2 แสดงการพบั ผ้าหม่ การทำเตียงผ้ปู ่วยหลงั จากการผา่ ตัด ก. ข้นั ตอนที่ 1 พบั ผา้ ห่มพาดตามแนวขวางของเตยี ง ข. ขนั้ ตอนที่ 2 พับผา้ ห่ม พับปลายผา้ หม่ เป็นสามเหลี่ยม ค. ขน้ั ตอนที่ 3 พับผ้าหม่ ทบเปน็ ชนั้ 3 ช้ัน 5.5 บทสรปุ สุขวิทยาสว่ นบคุ คล เปน็ สิง่ สำคัญท่ีทุกคนต้องปฏิบตั ิเปน็ กจิ วัตรประจำวนั ในการดูแลตนเองเพื่อความ สะอาดและสุขสบายของร่างกาย เมื่อบุคคลมีความเจ็บป่วยเกิดขึ้นพยาบาลมีบทบาทสำคัญในการ ตอบสนองความตอ้ งการขน้ั พ้ืนฐานเหล่าน้ีบรรยายแบบมสี ่วนร่วม 152
5.6 คำถามทา้ ยบท 1 เทคนคิ การนวดหลัง (Back rub) ทีช่ ่วยขับเสมหะออกจากปอดได้คอื ขอ้ ใด 1. Stroking 2. Kneading 3. Percussion 4. Digital kneading 2 ขอ้ ใดคอื ท่าจบของการนวดหลงั 1. Stroking 2. Kneading 3. Percussion 4. Digital kneading 3 การทำความสะอาดฟนั ปลอมขอ้ ใด ไมถ่ ูกต้อง 1. ลวกน้ำอนุ่ 2. ใชแ้ ปรงสีฟันแปรง 3. แชน่ ้ำเกลือนอรม์ อล 4. เปดิ นำ้ ก๊อกให้ไหลผ่าน 4 การทำเตียงผูป้ ่วยท่ีแพทยไ์ ม่อนญุ าตให้ลงจากเตยี งคือข้อใด 1. Opened bed 2. Ordinary bed 3. Occupied bed 4. Anesthetic bed 153
5 การทำความสะอาดอวัยวะสืบพนั ธภ์ ายนอก ต้องเตรยี มสำลีอย่างน้อยกี่ก้อน 1. 3 กอ้ น 2. 4 กอ้ น 3. 5 ก้อน 4. 6 ก้อน 6 การทำความสะอาดอวัยวะสืบพนั ธภ์ ายนอกผปู้ ่วยเพศหญงิ สำลีก้อนที่ 1 เชด็ บริเวณใด 1. Clitoris 2. Mons pubis 3. Labia majora 4. Labia minora 7 การจดั ทา่ สำหรบั การทำความสะอาดอวยั วะสืบพันธภ์ ายนอกผู้ปว่ ยเพศชาย ข้อใดถกู ตอ้ ง 1. นอนหงาย กางขา 2. นอนหงาย หุบขาตามปกติ 3. นอนหงาย ชันเข่าท้งั 2 ข้าง 4. นอนหงายชนั เข่าข้างทพี่ ยาบาลยนื 8 ผปู้ ว่ ยช่วยเหลอื ตวั เองได้พอควร ลงจากเตียงไม่ได้ ควรเลือกการทำความสะอาดร่างกายแบบ ใด 1. Partial bed bath 2. Self-assisting bath 3. Complete bed bath 4. Self-administered bath 9 ข้อใดถกู ต้องเกย่ี วกบั น้ำยาสำหรับลา้ งตา 1. 0.9 % NSS 2. Sterile water 3. Betadine solution 4. 2 % Chlorhexidine 154
10 การจัดท่าสำหรบั mouth care ผ้ปู ว่ ยทีไ่ มร่ สู้ ึกตัว ข้อใดถกู ตอ้ ง 1. นอนควำ่ 2. นอนตะแคงกึ่งคว่ำ 3. นอนหงายให้หนา้ อย่ใู นแนวตรง 4. นอนหงายเอียงหนา้ ไปด้านใดห้านหน่ึง 5.7 กรณศี ึกษา กรณีศึกษาท่ี 1 ผปู้ ว่ ยหญิงไทย อายุ 25 ปีป่วยเป็นโรคไตวายเร้ือรัง ตัวบวมหายใจเหนื่อย ให้ สารน้ำทางหลอดเลือดดำแขนซา้ ย จงวางแผนการพยาบาลปัญหาพร่องสขุ วิทยาส่วนบคุ คลของผ้ปู ่วย รายน้ี กรณีศึกษาที่ 2 ผู้ป่วยชายไทย อายุ 68 ปี มาโรงพยาบาลด้วยปัญหากระดูกข้อสะโพกซ้ายหัก อยู่ระหว่ารักษาด้วยการดึงถ่วงตุ้มน้ำหนัก (skin traction) ที่ขาข้างซ้าย ปวดสะโพกมาเวลาขยับ รา่ งกาย แขนขวาให้สารนำ้ ทางหลอดเลือดดำ จงวางแผนการพยาบาลปญั หาพรอ่ งสุขวิทยาส่วนบุคคล ของผปู้ ว่ ยรายน้ี กรณีศึกษาที่ 3 ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 59 ปี มาโรงพยาบาลด้วยปัญหาปอดอักเสบ มีไข้สูง สัญญาณชีพ ดังนี้ T = 40.1 O C, PR = 88 bpm, RR = 22 bpm, Bp = 130/70 mmHg. จงวาง แผนการพยาบาลปญั หามีไข้สูงของผูป้ ว่ ยรายนี้ 155
5.8 แบบประเมินทกั ษะปฏบิ ตั กิ ารดแู ลสขุ วทิ ยาสว่ นบคุ คลและสิ่งแวดลอ้ ม คณะพยาบาลศาสตร์และวทิ ยาการสขุ ภาพ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เพชรบรุ ี วิชาการพยาบาลพนื้ ฐาน แบบประเมนิ ทกั ษะการอาบนำ้ ผู้ปว่ ยบนเตยี ง (Complete bed bath) ชื่อ...........................................สกุล...................................รหัสนกั ศึกษา........................................ คำช้ีแจง โปรดทำเครอ่ื งหมาย ลงที่ตรงกบั ผลการปฏิบัติ ลำดับ รายการประเมนิ ผลการปฏิบัติ หมาย ปฏิบัติ ไมป่ ฏบิ ตั ิ เหตุ ขนั้ เตรยี มการ (1) (0) 1. ประเมนิ สภาพผู้ปว่ ย 2. อธบิ ายจุดประสงคแ์ ละขน้ั ตอนในการอาบนำ้ ให้ผปู้ ่วยทราบ 3. ลา้ งมอื ก่อนจัดเตรียมของใช้ 4. เตรยี มของใช้ ดังน้ี - อา่ งน้ำ 2 ใบ - ผ้าถตู วั 2 ผนื ผ้าเชด็ ตัว 1 ผนื - สบู่ หวี แป้ง โลชนั่ ทาผวิ ไมพ้ นั สำลี นำ้ ยาบว้ นปาก หรอื ยาสฟี นั แปรงสฟี ัน - เส้ือ ผ้าถงุ หรอื กางเกงสำหรบั ผูป้ ว่ ย - ชามรปู ไตและถงุ พลาสตกิ - ผา้ คลมุ ตวั ผู้ปว่ ย - ชุดทำความสะอาดอวัยวะสืบพนั ธพุ์ ร้อมหมอ้ นอนและถงุ ขยะ 5. ก้ันมา่ นให้มดิ ชิด ปดิ พดั ลม ไขเตยี งราบให้เหมาะสมกับผปู้ ว่ ย ข้นั ปฏบิ ตั ิ 6. ลา้ งมือใหส้ ะอาด นำของใช้มาวางทโี่ ต๊ะคร่อมเตยี งหรอื ตขู้ า้ งเตียง ผูป้ ว่ ย 7. บอกให้ผู้ป่วยทราบ 8. เล่อื นตัวผปู้ ่วยมาริมเตยี งด้านพยาบาลยนื อยู่ 156
ลำดับ รายการประเมิน ผลการปฏิบัติ หมาย ปฏิบัติ ไมป่ ฏบิ ัติ เหตุ (1) (0) 9. ให้หมอ้ นอนทำความสะอาดอวยั วะสบื พนั ธุ์ภายนอกโดยไม่เปิดเผย ผปู้ ว่ ย (ตามการแบบประเมินการทำความสะอาดอวยั วะสืบพนั ธุ์) 10. เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดอวยั วะสืบพันธ์ภายนอกใหเ้ รยี บรอ้ ย 11. ล้างมือให้สะอาด 12. ใชผ้ ้าคลุมตัวผปู้ ่วยแลว้ ถอดเสอ้ื ผ้าออกใหห้ มดโดยไมเ่ ปิดเผยผูป้ ่วย 13. ใชผ้ ้าเชด็ ตวั คลมุ หนา้ อกผปู้ ว่ ยให้ชาย 2 ข้าง แนบใบหนา้ ขา้ งๆ หู 14. ทำความสะอาดปากฟนั โดยใช้ไมพ้ นั สำลหี รือแปรงสฟี ัน 15 ใช้ผ้าถตู ัวชบุ นำ้ บิดพอหมาดพนั รอบมอื เหนบ็ ชายผ้าด้านลา่ ง 16. เร่มิ เชด็ จากหัวตาไปหางตาทลี ะข้าง หนา้ จมกู หู ลำคอ ดว้ ยสบู่ และนำ้ จนสะอาด 17. รองผ้าเชด็ ตัวคลมุ บรเิ วณอก แล้วเล่ือนผา้ คลุมมาทีเ่ อว เช็ดหน้าอก และทอ้ ง เช็ดใหแ้ หง้ 18. รองผา้ เชด็ ตัวใต้แขนด้านใกลต้ วั เชด็ แขน รกั แร้ แชม่ ือ เชด็ ใหแ้ หง้ เปล่ยี นน้ำ 19. รองผา้ เชด็ ขาดา้ นไกลตัว เช็ดให้แห้ง เปลีย่ นน้ำ 20. แช่เท้า เช็ดใหแ้ ห้ง เปลี่ยนนำ้ 21. เดนิ ไปด้านตรงขา้ ม พลกิ ตวั ผปู้ ่วยเข้าหาพยาบาล 22. พยาบาลกลบั มายนื ท่ีเดมิ ปผู ้าเช็ดตวั แนบหลงั เชด็ หลังถงึ ก้นยอ้ ย ซบั ใหแ้ ห้ง 23. เทแปง้ ใสฝ่ า่ มือ ลบู ตั้งแตค่ อถึงเอว แลว้ นวดหลังตามหลักการ 24. พดู คยุ ซกั ถาม ใหค้ ำแนะนำเกี่ยวกบั สุขภาพที่พบขณะเชด็ ตัวให้ ผูป้ ่วย 25. สวมเส้ือผา้ หวผี ม ใหผ้ ปู้ ว่ ย 26. จดั ท่านอนใหส้ ขุ สบาย และปลอดภัย 27. นำอปุ กรณ์ตา่ งๆ ท่ีใชแ้ ล้วไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้ เรียบร้อย 28. จัดของใช้ของผู้ป่วยใหเ้ ขา้ ที่ ดแู ลจดั สง่ิ แวดลอ้ มข้างเตยี ง 29. บอกผู้ป่วย จัดสิง่ แวดลอ้ ม เปดิ มา่ นเปิดประตู เปดิ พัดลมดังเดมิ 30. ลา้ งมือให้สะอาด เชด็ ใหแ้ หง้ 31. บันทกึ อาการและความผดิ ปกตทิ พ่ี บ อธบิ าย รวมคะแนน (31 คะแนน) 157
ขอ้ เสนอแนะ ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... .......................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) วนั ที.่ ..........เดอื น..........................พ.ศ............... 158
คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสขุ ภาพ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เพชรบรุ ี วิชาการพยาบาลพืน้ ฐาน แบบประเมินทักษะการนวดหลงั ผูป้ ว่ ย (Back rub) ชอ่ื ...........................................สกลุ .........................................รหสั นกั ศึกษา..................................... คำชแี้ จง โปรดทำเครื่องหมาย ลงที่ตรงกับผลการปฏบิ ัติ ลำดบั รายการประเมิน ผลการปฏิบตั ิ หมาย ปฏิบัติ ไม่ปฏบิ ัติ เหตุ (1) (0) ขน้ั เตรยี ม 1. ประเมินสภาพผู้ป่วย 2. อธิบายใหผ้ ้ปู ่วยเข้าใจ 3. ลา้ งมอื กอ่ นเตรียมของใช้ 4. เตรยี มของใช้ - ผ้าเช็ดตัวผนื ใหญ่ 1 ผนื - แปง้ โลชน่ั สมนุ ไพรสำหรับนวดหลงั - ผ้าคลุมตัว 5. กัน้ มา่ นให้มดิ ชิด ปดิ พัดลม ไขเตยี งราบใหเ้ หมาะสมกับผปู้ ว่ ย ข้ันปฏบิ ตั ิ 6. บอกใหผ้ ูป้ ่วยทราบ 7. ถอดเส้ือผปู้ ว่ ย ไม่เปิดเผยผปู้ ว่ ย 8. จัดใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนตะแคง หรือกึ่งควำ่ ชิดขอบเตยี งข้างที่พยาบาลยืน หัว หันหลังใหพ้ ยาบาล 9. เปดิ เฉพาะแผ่นหลัง ปูผา้ เชด็ ตวั ตามแนวยาวขา้ งลำตวั ผปู้ ว่ ย 10. เทแปง้ /โลชั่น / สมุนไพรสำหรับนวดหลังใสฝ่ า่ มือ ลูบแป้งด้วยฝ่า มือทั้งสองขา้ ง ตงั้ แต่ตน้ คอจนถึงกน้ กบ 11. นวดกล้ามเนื้อแผ่นหลังตามวธิ กี ารโดยเรมิ่ เปน็ ลำดบั ขัน้ ตอนดังน้ี - Stroking down (ท่าลูบแผ่นหลัง) ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางบน หลงั เริ่มจากก้นกบลูบขึน้ ไปจนถึงหัวไหล่ วกกลับ ทำอยา่ งน้อย 3 คร้ัง 159
ลำดับ รายการประเมิน ผลการปฏิบัติ หมาย ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏบิ ัติ เหตุ (1) (0) 12. - Kneading (ท่าบิดกล้ามเนื้อ) ใช้มือดึงกล้ามเนื้อให้เข้ามาอยู่ใน อุ้งมือทั้งสองข้าง ให้เนื้ออยูร่ ะหว่างนิว้ หัวแม่มือกับปลายนิ้ว ทั้ง 4 บีบและคลายสลับกันพร้อมกับหมุนมือทั้ง 2 ข้างขึ้นลงโดยไม่ยก มือ เริ่มจากหัวไหล่ลงมายังก้นกบ ทำ 3 ครั้งตามแนวกระดูกสัน หลงั 13. - Clapping or Percussion (ท่าตบกล้ามเนื้อ) ห่อมือให้ปลายน้ิว ชดิ กันทั้ง 5 น้ิว ตบเบาๆ สลับกันทง้ั 2 มือ เริม่ จากหัวไหลล่ งมายัง กน้ กบ ทำประมาณ 10 คร้ัง 14. - Digital Kneading (ท่ากด) ใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างกดลงตาม ดา้ นข้างของกระดกู สนั หลัง ตั้งแต่บรเิ วณต้นคอ ตามแนวยาวลงมา จนถึงก้นกบ แล้วลูบฝ่ามือทั้ง 2 ข้างขึ้นไปตั้งต้นใหม่ ทำเช่นนี้ 3 ครงั้ 15. - Vibration (ท่าสั่นสะเทือน) ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือข้างที่ ถนัด กดด้านขา้ งของกระดกู สันหลงั ใช้อ้มุ มอื อกี ข้างทั้งบนหลังมือ พรอ้ มท้ังกดให้มกี ารสนั่ สะเทือนเบาๆ ตามแนวกระดูกสันหลังจาก คอเป็นแนวยาวลงไปจนถึงก้นกบ ลูบมือขึ้นแล้วเริ่มทำอีกรวม 3 คร้งั 16. - Hacking (ท่าสับกลา้ มเน้ือ) ใช้มือ 2 ขา้ งสลับกันเร็วๆ โดยใช้แรง ที่สับเกิดจากข้อมือของผู้ทำ สันมือขวางกับใยของกล้ามเนื้อโดย เร่มิ ทำจากหัวไหลม่ ายังกน้ กบ ทำ 3 ครง้ั 17. - Stroking down (ท่าลูบแผ่นหลัง) ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางบน หลงั เรมิ่ จากก้นกบลบู ขึน้ ไปจนถึงหัวไหล่ วกกลับ ทำอย่างน้อย 3 ครง้ั 18. ขณะทำการนวดหลงั สังเกตลักษณะผวิ หนงั และอาการของผูป้ ว่ ย 19. จัดท่าและแต่งตวั ใหผ้ ู้ปว่ ยไดเ้ รยี บรอ้ ย 20. นำของใช้ไปทำความสะอาดเก็บเขา้ ที่เรียบรอ้ ย รวมคะแนน (20 คะแนน) ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... .......................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) วนั ท่ี...........เดอื น..........................พ.ศ............... 160
คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสขุ ภาพ มหาวิทยาลัยราชภฏั เพชรบุรี วิชาการพยาบาลพนื้ ฐาน แบบประเมินการเช็ดตัวลดไข้ (Tepid sponge) ช่อื ............................................. สกลุ ..................................... รหสั นกั ศึกษา............................... คำช้ีแจง โปรดทำเคร่อื งหมาย ลงในช่องทต่ี รงกบั ผลการปฏบิ ตั ิ ลำดบั รายการประเมิน ผลการประเมิน หมายเหตุ ขน้ั เตรียม ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏิบัติ ใช้ 1. แนะนำตวั และประเมินสภาพผู้ปว่ ย (1) (0) ผ้าเชด็ ตัว 2. อธบิ ายวัตถปุ ระสงค์การเชด็ ตัวลดไข้ให้ผู้ป่วยเข้าใจ ผนื ใหญ่ 3. เตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ครบถ้วน ได้แก่ อ่างใส่น้ำ ผ้าถูตัว 3 ผืน รอง ผ้าเชด็ ตวั ผนื ใหญ่ ปรอทวดั อณุ หภูมิ ผา้ ห่ม บรเิ วณที่ 4. ปิดประตู/กัน้ มา่ น จะเชด็ ขัน้ ปฏบิ ัติ 5. ปิดมา่ น 6. ห่มผ้าและถอดเส้อื -ผ้าผปู้ ่วยออก 7. ใช้ผ้าถูตัวชุบน้ำ บิดหมาด ๆ ลูบใบหน้า ลำคอ ซอกคอ หลังหูและ พักผา้ ทซ่ี อกคอ ทำซ้ำ 3 รอบ 8. ใช้ผ้าถูตัวชุบน้ำ บิดหมาด ๆ ลูบลำตวั เขา้ หาหัวใจแล้วพักผ้าบริเวณ หนา้ อกและทอ้ ง ทำซำ้ 3 รอบ 9. ใช้ผ้าถูตัวชุบน้ำ บิดหมาด ๆ ลูบมือและแขนด้านไกลตัวเข้าหาหัวใจ คลมุ ผ้าท่แี ขนแลว้ พกั ผ้าที่ซอกรกั แร้ ทำซำ้ 3 รอบ 10. ใช้ผ้าถูตัวชุบน้ำ บิดหมาด ๆ ลูบมือและแขนด้านใกล้ตัวเข้าหาหัวใจ คลมุ ผา้ ทแี่ ขน แล้วพักผ้าทซ่ี อกรักแร้ ทำซำ้ 3 รอบ 11. ใช้ผ้าถูตัวชุบน้ำ บิดหมาด ๆ ลูบขาด้านไกลตวั ลูบเขา้ หาหัวใจ คลมุ ผา้ ทีข่ า พกั ผ้าทข่ี าหนีบและข้อพบั ทำซำ้ 3 รอบ 161
ลำดบั รายการประเมิน ผลการประเมนิ หมายเหตุ 12. ใช้ผ้าถตู วั ชุบน้ำ บิดหมาด ๆ ลูบขาด้านใกล้ตัว ลูบเข้าหาหัวใจ คลมุ ปฏบิ ัติ ไม่ปฏบิ ตั ิ ผ้าที่ขา พกั ผ้าที่ขาหนีบและขอ้ พบั ทำซำ้ 3 รอบ (1) (0) 13. ให้ผู้ป่วยตะแคงตัว ใช้ผ้าถูตัวชุบน้ำ บิดหมาด ๆ ลูบหลังจากต้นคอ ถึงบ้นั เอวและลูบบรเิ วณกน้ สุดท้าย ทำซำ้ 3 รอบ 14. ใส่เสอ้ื ผา้ ให้ผ้ปู ว่ ย (ไม่ต้องทาแปง้ ) 15. เก็บอปุ กรณ์ไปทำความสะอาดและเกบ็ เขา้ ที่ ขนั้ ประเมนิ ผล 16.. วดั อณุ หภูมริ า่ งกาย หลงั ลูบตัวเสรจ็ 30 นาที การบนั ทกึ 17. บันทกึ อณุ หภมู ริ ่างกายในฟอร์มปรอท เปน็ จดุ ไขป่ ลา 18. บันทึกทางการพยาบาล รวมคะแนน (18 คะแนน) ขอ้ เสนอแนะ ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... .......................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) วันท่ี...........เดอื น..........................พ.ศ............... 162
คณะพยาบาลศาสตร์และวิทยาการสุขภาพ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบรุ ี วชิ าการพยาบาลพื้นฐาน แบบประเมนิ ทักษะการทำความสะอาดอวยั วะสืบพันธภ์ุ ายนอก (Flushing) ช่ือ.....................................สกุล..............................................รหสั นักศึกษา.............................. คำชแ้ี จง โปรดทำเครื่องหมาย ลงที่ตรงกับผลการปฏิบัติ ลำดบั รายการประเมิน ผลการปฏบิ ัติ หมาย ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏบิ ัติ เหตุ ขัน้ เตรยี มการ (1) (0) 1. ประเมินสภาพผูป้ ว่ ย 2. อธิบายจุดประสงค์ในการทำความสะอาดให้ผปู้ ่วยทราบ 3. ลา้ งมือ 7 ขน้ั ตอน 4. เตรยี มของใชด้ ังน้ี 1) หม้อนอน (bed pan) 2) ชุดทำความสะอาดอวัยสืบพนั ธุ์ (flushing set) 3) น้ำยา 0.9 % NaCl สำหรับทำความสะอาดอวัยวะสืบพนั ธ์ุ 4) ปากคีบยาว 1 อัน หรอื ถงุ มอื สะอาด 1 คู่ 5) กระดาษชำระ 6) ชามรปู ไตหรอื ถงุ พลาสตกิ 7) ผา้ ขนหนปู ดิ ตา 5. ก้นั มา่ นใหม้ ดิ ชิด ปิดพดั ลม 6. ขั้นปฏบิ ัตกิ าร บอกใหผ้ ้ปู ว่ ยทราบ ใชผ้ า้ ปิดตาผ้ปู ว่ ย 7. จัดทา่ ผู้ป่วย - เพศหญิง นอนหงายชันเขา่ แยกขาออกจากกนั - เพศชาย นอนหงาย แยกขาออกจากกัน 8. คลมุ ผา้ บริเวณขา ปลายเทา้ และอวัยวะสืบพันธ์ุ 9. สอดหม้อนอนใตก้ น้ และอวัยวะสืบพันธ์ุ 10. หยบิ ภาชนะหรอื ถงุ สำหรับใส่สำลีทีใ่ ช้แลว้ วางข้างหม้อนอน 11. เปดิ ผ้าคลุมออกใหเ้ ห็นอวยั วะสืบพนั ธุ์ 163
ลำดับ รายการประเมนิ ผลการปฏิบัติ หมาย ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏิบัติ เหตุ 12 ใส่ถงุ มอื (1) (0) 13. เปดิ ชดุ ทำความสะอาดและราดนำ้ บนอวยั วะสืบพันธุ์ ให้ อธบิ าย ใช้ปากคีบคมี สำลที ำความสะอาด ดังนี้ 14. เพศหญิง - กอ้ นที่ 1 เชด็ Mons pubis จากลา่ งขึ้นบน - ก้อนที่ 2 เช็ด Labia majora ด้านไกลตัว จากด้านบนลงล่างถึง ทวารหนัก - ก้อนที่ 3 เช็ด Labia majora ด้านใกล้ตัว จากด้านบนลงล่างถึง ทวารหนัก - ก้อนท่ี 4 เช็ด Labia minora ด้านไกลตวั จากดา้ นบนลงลา่ ง - ก้อนที่ 5 เชด็ Labia minora ด้านใกลต้ วั จากดา้ นบนลงลา่ ง - ก้อนที่ 6 เช็ด external urethral orifice จากบนลงล่างถึงทวาร หนกั เพศชาย - ก้อนที่ 1 เชด็ Mons pubis จากลา่ งข้นึ บน - ใช้มือท่ีใส่ถุงมือจบั อวยั วะเพศพร้อมดงึ หนังห้มุ อวัยวะเพศเปิดขน้ึ - สำลีก้อนที่ 2 และ 3 เช็ดจาก external urethral orifice วน ออกเปน็ ก้นหอย ทำซ้ำจนสะอาด ใช้สำลี 1 ก้อนต่อการเชด็ หนง่ึ ครั้ง - สำลีก้อนที่ 4 ทำความสะอาดรอบ Penis เช็ดดา้ นนอกจากด้านบน ลงดา้ นลา่ งหรอื จากปลายถึงโคนเชด็ ดว้ ยความน่มุ นวล - สำลีก้อนที่ 5 เชด็ บริเวณ Scrotum - สำลีกอ้ นที่ 6 เชด็ บริเวณขาหนีบดา้ นไกลตัวและใกลต้ ัว ตามลำดบั - ก้อนที่ 7 เชด็ บรเิ วณใต้ Scrotum ลงมาถงึ Anus 15. ใชส้ ำลหี รือกระดาษชำระซับบรเิ วณกน้ ใหแ้ ห้ง 16. ถอดถงุ มือ 17. จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และให้ผู้ป่วยนอนในท่าสบาย เอาผ้าปิดตา ออก 18. นำอปุ กรณ์ใช้แลว้ ไปทำความสะอาด และเก็บเขา้ ที่ 19. ล้างมือใหส้ ะอาด 20. เขยี นรายงานในบนั ทึกการพยาบาล 164
ลำดับ รายการประเมิน ผลการปฏบิ ัติ หมาย รวมคะแนน (20 คะแนน) ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบัติ เหตุ (1) (0) ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... .......................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) วันท่ี...........เดอื น..........................พ.ศ............... 165
คณะพยาบาลศาสตร์และวทิ ยาการสุขภาพ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเพชรบรุ ี หมาย วชิ าการพยาบาลพื้นฐาน เหตุ แบบประเมนิ ทักษะการทำเตียงที่มีผปู้ ว่ ย (Occupied bed) ชอ่ื ...........................................สกลุ .......................................รหสั นกั ศึกษา.............................. คำช้แี จง โปรดทำเครื่องหมาย ลงที่ตรงกบั ผลการปฏบิ ัติ ผลการปฏิบัติ ลำดบั รายการประเมิน ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏบิ ัติ (1) (0) ข้ันเตรยี มการ 1. ประเมินสภาพผ้ปู ว่ ย 2. อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจ 3. ล้างมอื ก่อนจดั เตรียมของใช้ 4. เตรยี มของใช้ - พับผ้าทกุ ผนื ถกู ตอ้ ง โดยเรียงลำดบั ผ้าเพ่ือสะดวกในการใช้ ไดแ้ ก่ ผ้าปทู ีน่ อน ผ้ายางขวางเตียง ผ้าขวางเตยี ง ปลอกหมอน ผ้าหม่ - ถงั ใสน่ ำ้ ผสมผงซักฟอก - ผา้ ทำความสะอาดเตียง 2 ผนื 5. ปิดพดั ลม ไขเตยี งราบ เก็บของใชอ้ อกจากเตียง วางไวใ้ หเ้ หมาะสม 6. ขน้ั ปฏิบัติ บอกให้ผปู้ ว่ ยทราบ 7. นำผ้าที่เตรียมวางที่โต๊ะคร่อมเตียง เรียงลำดับตามการหยิบใช้ กอ่ นหลงั ได้ถกู ตอ้ ง 8. บอกผูป้ ่วยและเล่อื นหมอนมาไวด้ า้ นใกล้ตวั พยาบาล 9. พลิกตวั ผู้ป่วย โดยจดั ทา่ ใหถ้ กู ต้อง เชน่ แขนขา้ งท่ใี กล้ตัวพยาบาล เหยียดออก แขนดา้ นตรงขา้ มงอวางบนหน้าอก ขาดา้ นตรงกนั ขา้ ม วางด้านบน จับไหล่ สะโพกพลิกเข้าหาตัวพยาบาลเลื่อนเหล็กกน้ั เตยี งข้นึ ในรายทผ่ี ้ปู ว่ ยไม่ร้สู ึกตวั 10. เดินอ้อมไปด้านตรงข้าม ม้วนผ้าปูที่นอนชิดลำตัวผู้ป่วย ทำความ สะอาดเตยี งและที่นอน 11. วางผ้าปูที่นอนชิดหลังผู้ป่วย โดยวางรอยพับกลางผ้าปูให้ตรงเสน้ กลางเตยี งเหนบ็ ทางด้านหวั เตียงทำมมุ แลว้ เหนบ็ ปลายเตยี งทำมุม 166
ลำดบั รายการประเมิน ผลการปฏบิ ัติ หมาย ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏบิ ัติ เหตุ 12. ปูผา้ ยางและผา้ ขวางเตียงตรงกง่ึ กลางท่ีนอน เหนบ็ ให้เรียบร้อย (1) (0) 13. พลิกตวั ผู้ป่วยกลบั มายังด้านทีป่ ูผา้ แลว้ 14. ทำอีกดา้ นหน่ึง โดยรือ้ ผ้าเกา่ ออกใหห้ มด 15. ทำความสะอาดเตียงและท่นี อน 16. ปผู ้าใหต้ ึง เหน็บริมและทำมมุ ใหเ้ รียบรอ้ ย 17. ดงึ ผา้ ยาง ผ้าขวางเตียงทีอ่ ย่ใู กลห้ ลงั ผ้ปู ว่ ยเหน็บชายให้เรียบร้อย 18. ใสป่ ลอกหมอนให้ผู้ปว่ ยหนนุ หมอน จัดทา่ ผปู้ ว่ ย 19. ห่มผ้าให้ผปู้ ่วย อย่าห่มดา้ นปลายเทา้ ผู้ปว่ ยตงึ เกนิ ไป 20. ทำความสะอาดตขู้ า้ งเตียง และสงิ่ แวดลอ้ ม 21. เกบ็ อุปกรณต์ ่าง ๆ ให้เรยี บร้อย 22. ลา้ งมือใหส้ ะอาด รวมคะแนน (22 คะแนน) ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................... .......................................................ผู้ประเมิน (.....................................................................) วันที่...........เดือน..........................พ.ศ............... 167
5.9 เอกสารอ้างอิง ณัฐสุรางค์ บุญจันทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา. (2559). ทักษะพื้นฐานทางการพยาบาล. กรุงเทพฯ: หจก. เอน็ พีเพรส. สุปราณี เสนาดิสัย และ วรรณภา ประไพพานิช. (2564). การพยาบาลพื้นฐาน ปรับปรุงครั้งท่ี 2. กรงุ เทพฯ: บรษิ ัทจุดทอง จำกัด. สุภวรรณ วงศ์ธีรทรัพย์ สุมาลี โพธิ์ทอง, และสัมพันธ์ สันทนาคณิต. (2558). ปฏิบัติการพยาบาล พืน้ ฐาน I.กรงุ เทพฯ: บริษทั บพิธการพมิ พ์ จำกัด. สัมพันธ์ สันทนาคณิต, สุมาลี โพธิ์ทอง และสุภวรรณ วงศ์ธีรทรัพย์. (2558). ปฏิบัติการพยาบาล พน้ื ฐาน II. กรุงเทพฯ: บริษทั บพิธการพมิ พ์ จำกัด. อภิญญา เพียรพิจารณ์ (2556). คู่มือปฏิบัติการพยาบาลเล่ม 1. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1, กรุงเทพฯ : บริษทั ธนาเพรส จำกัด. อภิญญา เพียรพิจารณ์ (2558). คู่มือปฏิบัติการพยาบาลเล่ม 2. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1, กรุงเทพฯ : บริษทั จรลั สนทิ วงศก์ ารพิมพ์ จำกัด. อัจฉรา พุ่มดวง. (2559). การพยาบาลพื้นฐาน : ปฏิบัติการพยาบาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่ง จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . Nettina SM. (2 0 1 4 ) . Manual of Nursing Practice. Philadelphia: Williams &Wilkins Lippincott. Patricia A. Potter. (2 0 1 3 ) . Fundamentals of Nursing 8 th ed. St. Louis, Mo : Mosby Elsevier. Taylor ll. (2015). Fundamental of Nursing .8th ed. Philadelphia: Walters Kluwer. 168
แผนบริหารการสอนประจำบทท่ี 6 หลักการและเทคนคิ การพยาบาลพน้ื ฐาน ในการช่วยเคลื่อนไหวร่างกายและการฟน้ื ฟูสภาพ หวั ขอ้ เนื้อหาประจำบท 1. องค์ประกอบของการเคลื่อนไหว 2. การพยาบาลผูป้ ่วยท่ีต้องไดร้ บั การจัดทา่ 3. การพยาบาลผู้ปว่ ยทต่ี ้องได้รบั การเคล่ือนยา้ ย 4. การพยาบาลเพ่ือฟน้ื ฟูสภาพและป้องกันภาวะแทรกซ้อน จำนวนช่วั โมงท่ีสอน: ภาคทฤษฎี 2 ช่วั โมง ภาคทดลอง 2 ชั่วโมง วัตถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. บอกถงึ ความสำคัญของการจัดทา่ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ 2. อธบิ ายหลกั การจัดทา่ และการเคลอ่ื นย้ายผปู้ ่วยได้ 3. วางแผนการพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหวได้ เหมาะสมกับ สถานการณ์ 4. ปฏิบัติการพยาบาลในการจัดท่า การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในสถานการณ์จำลองเสมือนจริง ไดถ้ ูกตอ้ ง 5. จัดท่า การเคลื่อนย้ายผูป้ ่วยในสถานการณ์จำลองเสมือนจรงิ ดว้ ยความเอ้ืออาทร เคารพ ในคุณคา่ และศักดศิ์ รีความเปน็ มนุษย์ 6. มีส่วนร่วมในการดูแลความสะอาด ความเรียบร้อยของวัสดุ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการ ฝกึ ปฏบิ ัติในหอ้ งปฏบิ ัติการและห้องปฏิบัตกิ ารเสมือนจริงอยา่ งสม่ำเสมอ วิธสี อนและกิจกรรมการเรียนการสอน 1. วธิ สี อน 1.1 บรรยายแบบมีส่วนร่วม 1.2 อภปิ รายกลมุ่ 1.3 มอบหมายงานกรณีศึกษา 169
1.4 ฝกึ ปฏบิ ัติในสถานการณจ์ ำลองเสมือนจริง 2. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 2.1 บรรยายประกอบ Power point presentation เรอื่ ง องคป์ ระกอบของการเคล่ือนไหว การจดั ท่าผ้ปู ว่ ยแบบต่าง ๆ การเคลือ่ นย้ายผปู้ ่วยและฟน้ื ฟูสภาพเพือ่ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน 2.2 มอบหมายกรณีศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนร่วมกันอภิปราย วางแผนการพยาบาลผู้ป่วยที่มี ปัญหาการเคล่อื นไหวร่างกาย นำเสนองานและร่วมกันแสดงความคิดเหน็ 2.3 ฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองเสมือนจริง เรื่อง การจัดท่า การเคลื่อนย้าย การฟื้นฟู สภาพ 2.4 ขนั้ สรปุ กระตุน้ ใหผ้ ้เู รียนร่วมกนั สรุปหลักการสำคญั ของการจดั ท่า การเคล่อื นย้าย การ ฟื้นฟสู ภาพ ใหผ้ เู้ รยี นเล่นเกมดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ พือ่ ตอบคำถามท้ายบท ส่อื การเรยี นการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. โปรแกรมสำเรจ็ รปู Power Point Presentation, Quizizz.com 3. ใบงานกรณศี ึกษา 4. วัสดุ อปุ กรณ์ หุ่น ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารและห้องปฏบิ ัติการเสมอื นจริง การวดั ผลและประเมินผล 1. การสังเกตการมีสว่ นร่วมในอภิปราย การตอบคำถาม พฤตกิ รรมการปฏิบัติการพยาบาล ด้วยความเอื้ออาทร ผ่านแบบสังเกตพฤติกรรมการเรียน ด้านคุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณ วชิ าชพี พยาบาล (ภาคผนวก ก.) 2. ความถกู ต้องของใบงานกรณีศึกษาและการนำเสนองาน ผ่านแบบประเมนิ กรณีศึกษา 3. การเล่นเกมตอบคำถามท้ายบท ผลคะแนนการเล่นเกมตอบคำถามท้ายบทถูกต้อง ร้อย ละ 80 ข้นึ ไป 4. ประเมนิ ทักษะปฏบิ ตั ิการจัดทา่ การเคลอ่ื นยา้ ยผู้ปว่ ย ผา่ นแบบประเมนิ ทักษะปฏิบัติ 170
บทที่ 6 หลักการและเทคนิคการพยาบาลพน้ื ฐาน ในการช่วยเคลื่อนไหวรา่ งกายและการฟ้ืนฟูสภาพ การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นการทำหน้าท่ปี ระสานกันของระบบกลา้ มเนื้อ กระดูก โดยการ สงั่ การของระบบประสาทและสมอง นอกจากน้ียังต้องใช้ออกซเิ จนมาจากการทำหน้าที่ของอยา่ งมี ประสิทธิภาพของระบบหายใจ ระบบหวั ใจและการไหลเวียนเลือด ดงั น้ันหากการทำหนา้ ทีข่ องระบบ ใดระบบหนงึ่ บกพร่องไปย่อมสง่ ผลต่อความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายได้ 6.1 องค์ประกอบของการเคลื่อนไหว 6.1.1 กลไกการเคลือ่ นไหวรา่ งกาย กลไกการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นการใช้ร่างกายอย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ มีการ ประสานงานกนั ในการเคล่ือนไหวและดำรงความสมดุลระหว่างการมีกิจ กลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย จะทำโดยตนเองหรือทำการเคลื่อนไหวดว้ ยวัตถุส่ิงของใดก็ได้ท่ีทำให้เกิดผลดีต่อร่างกาย ทำให้ลดการ เมื่อยล้าหรือการใช้พลังงานในการเคลื่อนไหวและรักษาสมดุลช่วยให้เกิดความปลอดภัย มีการใช้ กลา้ มเนือ้ อยา่ งเหมาะสม ส่งเสรมิ และสนับสนุนการทำงานของรา่ งกายให้เปน็ ไปตามปกติ 6.1.2 แนวปกติของรา่ งกาย (Body alignment) แนวปกติของร่างกาย (Body alignment) หมายถึง การที่ส่วนต่างๆของร่างกายอยู่ในแนว ที่ถูกต้องไม่ว่าในอิริยาบทใดหรือเป็นความสัมพันธ์อย่างเหมาะสมของส่วนต่างๆของร่างกายใน ลักษณะที่ไม่ทำให้เกิดความตึงเครยี ดตอ่ ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเอ็น ซึ่งส่วนต่างๆอยูใ่ นแนวที่ถูกตอ้ ง จะชว่ ยสง่ เสริมการทำหน้าท่ขี องอวัยวะภายในได้ แนวปกติของร่างกายดงั แสดงในรูปภาพท่ี 6-1 171
รูปภาพท่ี 6-1 แสดง แนวปกตขิ องร่างกาย (Body alignment) ทม่ี า https://breakingmuscle.com. 1) ท่ายืนที่ดี ยืนตัวตรงในท่าที่สบาย น้ำหนักตกที่ส่วนโค้งของเท้า ให้แนวแกนของ ร่างกายเป็นเส้นตรงตั้งแต่ศีรษะ ไหล่ เอว สะโพก เข่าและเท้า กางเท้าเล็กน้อย ไม่ก้มหน้าหรือโค้ง ลำตวั รูปภาพท่ี 6-2 แสดง ท่ายืนที่ถกู ต้อง ที่มา : https://innerbreathyoga.com. 172
2) ท่านั่งที่ดี ศีรษะยืดตรงไม่ก้มหรือเงย หลังตรงกระดูกสันหลังอยู่ในท่าที่เช่นเดียวกับ ทา่ ยืน ยดื อกขึน้ พร้อมกับดงึ กล้ามเนื้อหน้าอกขึ้น น้ำหนักของร่างกายตกลงทก่ี ่งึ กลางระหว่างต้นขากับ สะโพก เท้าวางบนพื้น ข้อเท้างอในลักษณะเท้าทำมุมฉากกับขา ข้อพับที่เข่าอยู่ห่างขอบเก้าอี้อย่าง น้อย 1 นิ้ว ป้องกันการกดทับของหลอดเลือดและเส้นประสาทที่มาเลี้ยงขา ต้นขาอยู่ในแนวราบบน เก้าอ้ี และแขนวางบนพนกั รูปภาพที่ 6-3 แสดงท่าน่งั ที่ถูกตอ้ ง ทม่ี า: http://www.freepik.com. 3) ท่านอนที่ดี หลงั ตรง กระดูกสนั หลังอยู่ในท่าท่ีถูกต้องเช่นเดียวกบั ท่ายนื เขา่ งอ เล็กน้อยเพอื่ ลดการเกรง็ ของกลา้ มเนอื้ ท่ีขา ท้อง และหลงั ไหลต่ รง แขนวางข้างลำตัว ข้อศอกและน้ิว มืออยูใ่ นท่างอเล็กน้อย รปู ภาพท่ี 6-4 แสดงท่านอนที่ถกู ต้อง ที่มา: http://www.healthwise.incorporated. 173
6.1.3 การปฏิบตั ิเกย่ี วกบั กลไกการเคลือ่ นไหวร่างกายที่เหมาะสม หลักการการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับกลไกการเคลอื่ นไหวร่างกายท่ีเหมาะสม ควรมลี ักษณะดงั นี้ 1) การคงไว้ซ่ึงแนวปกติของร่างกายและการทรงตวั ท่ดี ี 2) มีการเตรยี มกลา้ มเนื้อก่อนการทำกิจกรรม 3) มีการเคล่อื นไหวรา่ งกายอยา่ งน่มุ นวล ประสานกนั และเปน็ จงั หวะ 4) ใช้หลกั การลดแรงเสยี ดทาน เพ่ือช่วยใหเ้ สียพลังงานน้อยลง 5) พยายามใช้กลา้ มเนื้อมัดใหญ่ทแี่ ข็งแรงทำงาน 6) ใช้น้ำหนักรา่ งกายของตนเองในการช่วยเคล่อื นยา้ ย 7) ใชห้ ลกั การดันและการดึงมากกวา่ การยก 8) ใชห้ ลกั การเอือ้ ม ดังนี้ ยนื ใหใ้ กลข้ องทจี่ ะเอื้อมให้มากท่ีสดุ เพอ่ื ลดระยะทางและเป็น การหลกี เลี่ยงการยืดหลงั มากเกินไปและไมค่ วรเขยง่ ตวั เอือ้ มจะทำให้เสยี การทรงตัว มองให้เห็นของท่ี เอ้ือมหยิบก่อนจะเคลื่อนยกลงมา เพราะถา้ มองไมเ่ หน็ อาจเกดิ อบุ ัติเหตไุ ด้ ถ้าของทจ่ี ะเอื้อมหยบิ อยสู่ ูง เกนิ ศีรษะ ไม่ควรเขย่ง ควรใช้เกา้ อ้หี รือบนั ได เพื่อช่วยใหฐ้ านรองรบั ร่างกายม่นั คงขึ้น 9) ใช้หลกั การก้มและการหมุน 10) มีการหยดุ พักเปน็ ช่วงๆในระหว่างการทำกิจกรรม 11) หาผู้ช่วยเหลือหรอื อปุ กรณ์ผอ่ นแรงมาใช้ 6.2 การพยาบาลผูป้ ่วยท่ีต้องไดร้ ับการจัดทา่ การจัดท่าให้ผู้ป่วยสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ด้วยตนเองหรือมี ข้อจำกัดในการเคล่อื นไหวน้ันมีความจำเป็นอย่างย่งิ นอกจากช่วยใหผ้ ู้ปว่ ยสุขสบายแล้วยังช่วยป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนได้ 6.2.1 การจดั ท่านอน การจัดท่านอน พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยมีความสำคัญกับผู้ป่วยที่นอนบนเตียงนาน ๆ เพราะ ผู้ปว่ ยที่ไม่ไดร้ บั การเคลอ่ื นไหวรา่ งกายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรา้ ยแรงตา่ ง ๆ ได้ 174
6.2.1.1 หลักการการจดั ทา่ นอน การจัดท่านอนมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดความสุขสบาย พักผ่อนได้และ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและความพิการทางร่างกายจากท่านอนที่ไม่ถูกต้องและการนอนนานๆ หลักการปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1) คงไว้ซึ่งแนวปกติของร่างกายตลอดเวลา จัดท่านอนให้เป็นไปตามหลักของกาย วิภาคศาสตร์ตั้งแต่แนวของลำตัวต้องตรงอวัยวะทุกส่วนของร่างกายสามารถทำงานได้ อย่างปกติ นำ้ หนกั ตัวทุกสว่ นกดลงใกลเ้ คียงกนั บรเิ วณอกและชอ่ งทอ้ งไมถ่ ูกกดทบั เพ่ือให้ทางเดินหายใจสะดวก 2) จัดพยุงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายด้วยม้วนผ้าหรือหมอนตามความเหมาะสมของ ผู้ป่วยแตล่ ะรายเพอ่ื ลดจดุ กดทบั ชว่ ยใหก้ ล้ามเนอ้ื ผ่อนคลาย 3) ขอ้ ต่ออย่ใู นทา่ ตามธรรมชาติ งอเลก็ น้อย ไมม่ ีการยดื เกร็ง สามารถขยบั รา่ งกายได้ ตามปกติ ยกเว้น กรณีที่ห้ามไว้เพื่อรักษา สามารถการออกกำลังกายตามสมควรโดยไม่ขัดกับการ รกั ษา 4) จัดเปลี่ยนท่านอนอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมงหรือตามช่วงเวลาที่เหมาะสมกับกิจวตั ร ประจำวนั 5) ก่อนจัดท่าควรบริหารขอ้ ต่าง ๆ ให้เคลื่อนไหวตามขอบเขตที่ทำได้ ป้องกันข้อติด แขง็ 6) ทาโลชั่นบำรุงผิวโดยเฉพาะบริเวณปุ่มกระดูกเพื่อให้การไหลเวียนดีขึ้น ผิวหนัง ออ่ นนุ่มไมแ่ หง้ กระดา้ ง 7) หากต้องมีการผูกยึดข้อมือ ข้อเท้า ต้องมีผ้ารองรับและคลายเปลี่ยนตามสมควร และจัดเปลี่ยนท่านอนอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดปัญหาการเกิดแผล กดทับ (pressure injury) 6.2.1.2 การจดั ท่านอนในลักษณะตา่ ง ๆ 1) การจดั ทา่ นอนหงาย (Dorsal or Supine position) จัดท่านอนในลกั ษณะทส่ี ขุ สบาย หมอนรองประคองถึงไหล่ สำหรับผูป้ ่วยทีไ่ ม่รู้สึกตัว ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างการได้เองต้องจัดท่านอนหงายเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน (protective supine position) เช่น ผู้ป่วยอมั พาตครึง่ ลา่ ง อัมพาตครึ่งซีก ผู้ป่วยภายหลังไดร้ ับยาระงับความร้สู ึก ทย่ี งั ไม่สามารถเคลอ่ื นไหวร่างกายเองได้ ปฏิบัติดังน้ี 175
(1) ใช้หมอนเล็ก ๆ รองรับบริเวณส่วนโค้งเอว ไม่ให้หลังโค้งงอ และลดความ เจ็บปวด ปอ้ งกันการการงอและการเหยียดออกของกระดูกสันหลงั ส่วนเอวมากเกนิ ไป (2) ใช้หมอนเล็ก ๆ รองไว้ใต้ข้อพับเข่า และข้อเท้า ยกส้นเท้าให้สูงลอยจาก พื้นเพื่อปอ้ งกนั การกดทบั กบั ทีน่ อน (3) ใชห้ มอนหรือผา้ ห่มหรือหมอนทรายหนุนดันฝา่ เท้าให้ปลายเท้าต้งั ตรง ข้อ เทา้ อยู่ในลักษณะ เหมอื นทา่ ยืนเพื่อปอ้ งกนั ปลายเทา้ ตก (foot drop) (4) วางหมอนหรือผ้าห่มท่ีมว้ นกลมขนานกับต้นขาทั้ง 2 ข้างของผู้ป่วย จัดให้ อยใู่ นท่าปกติ ไมแ่ บะออกด้านนอก จะชว่ ยป้องกันข้อตะโพกหมนุ ออก (external rotation) รูปภาพที่ 6-5 แสดงการจัดท่าท่านอนหงาย (protective supine position) ทม่ี า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012. 2) การจัดทา่ นอนตะแคง (Lateral or Side-lying position) ท่านอนตะแคงช่วยลดปัญหาการกดทับ บริเวณก้นกบ ส้นเท้า กระดูกสะบัก ท้าย ทอย และส่วนหลังของร่างกาย ข้อต่างๆจะงอจึงเป็นท่าที่ควรเปลี่ยนให้หลังจากที่นอนหงายมาระยะ หนึ่ง และเป็นท่าที่สบายสำหรับผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวตนเองไม่ได้ ผลเสียของการนอนท่านี้ คือข้อไหล่ และข้อสะโพกที่อยู่ด้านบนจะห้อยลงและหมุนเข้าด้านใน (Adduction and internal rotation) ถ้า ไมห่ นุนผ้าหรือหมอนให้อย่ใู นระดบั ทถ่ี ูกต้อง - การจัดท่านอนตะแคง (protective side-lying or lateral position) เป็นการ จัดท่านอนตะแคง ขากา่ ยหมอน งอขอ้ เขา่ (knee flexion) 30 – 35 องศา ใชห้ มอนรองใต้ศีรษะและ 176
ใตค้ อ ใหอ้ ย่ใู นแนวลำตวั ตรง หมอนรองใต้แขนและไหล่ ลำตวั แนวลำตวั ตรง หมอนรองใต้ขาข้างท่ีทับ ข้างบน ให้ไหล่ ตะโพก และขา อยู่ในแนวท่ีถูกตอ้ ง รูปภาพที่ 6-6 แสดงการจดั ท่านอนตะแคง (protective side-Lying or Lateral position ทม่ี า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012. - ท่านอนตะแคงประยุกต์ (Modified lateral position) เป็นท่าที่นิยมปฏิบัติ เนื่องจากจัดให้สะโพกทำมุม 30 องศากับที่นอนแรงกดที่สะโพกน้อยกว่าเหมาะสมกับผู้ป่วยที่ได้รับ การผา่ ตัดเปลยี่ นข้อสะโพก (hip arthroplasty) รูปภาพท่ี 6-7 แสดงการจัดท่านอนตะแคงประยกุ ต์ (Modified lateral position) ท่ีมา: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012. 177
3) การจัดท่านอนคว่ำ (protective prone position) การจัดทา่ นอนใหด้ ้านหน้าท้องแนบกับท่ีนอนและเอยี งหนา้ ไปข้างใดข้างหนง่ึ งอแขนทั้ง สองข้างไปด้านศีรษะ ขาเหยียดออกและแยกห่างออกจากกันเล็กน้อย สะโพกไม่งอ ท่านอนคว่ำช่วย ลดหรือป้องกันการกดทับที่จะเกิดขึ้นกับปุ่มกระดูกต่าง ๆ เช่น ปุ่มกระดูกบริเวณกระดูกสันหลัง เชิง กราน ทา้ ยทอย บางคนอาจสขุ สบาย ในท่านอนควำ่ แตบ่ างคนจะนอนไม่ไดเ้ ลย ตอ้ งพิจารณาก่อนจัด ท่านี้ให้แก่ผู้ป่วย และการนอนท่านี้ทำให้เสียแนวปกติของกระดูกสันหลังส่วนเอว และลำบากในการ ประเมินการหายใจ ดังนั้น ไม่ควรจัดให้นอนท่านี้ในผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวและผู้ป่วยที่มีปัญหากระดูกสัน หลัง ท่านี้เหมาะสมสำหรับการป้องกันภาวะข้อสะโพกดึงรัง้ ในท่างอ (Hip Flexion contraction) ซ่ึง เกดิ ขึ้นได้ในผปู้ ่วยทถี่ กู ตัดขา ตง้ั แตส่ ว่ นเหนอื เข่า (Above Knee Amputation: AKA) การป้องกันปัญหาจากการจัดท่านอนคว่ำโดยใช้หมอนเล็ก ๆ วางใต้ศีรษะ เพื่อป้องกัน เสมหะไหลออกมาเปื้อน ใช้หมอนเล็กรองใต้หน้าท้องต่ำกว่ากระบังลม ใช้หมอนรองบริเวณหน้าแข้ง ทงั้ สองข้างให้ปลายเท้ายกสูงจากท่ีนอน รูปภาพที่ 6-8 แสดงการจัดท่านอนคว่ำ (protective prone position) ท่มี า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012. 4) การจัดทา่ นอนตะแคงกง่ึ ควำ่ (Semi - prone position / Sim’s Position) ท่านอนกึ่งคว่ำกึ่งตะแคงใช้ในกรณีที่ต้องการให้เสมหะไหลออกจากปากและจมูกได้ สะดวก การตรวจทางทวารหนัก การสวนอจุ จาระและชว่ ยใหห้ ญิงมีครรภ์นอนในท่าทส่ี บาย คล้ายกับ ท่านอนตะแคง ต่างกันที่ท่านอนนี้แขนล่างจะอยู่ทางด้านหลังของลำตัวแขนที่อยู่ตรงข้ามกับด้านที่ ตะแคงจะงอท่ีข้อไหล่และข้อศอก ขางอมาทางดา้ นหน้าของร่างกายโดยขาบน งอที่สะโพกซึ่งมักใช้กับ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนการนอนในท่านอนคว่ำได้ เป็นท่าที่ช่วยลดแรงกดต่อด้านหลังและด้านข้าง ใช้ 178
หมอนรองศีรษะ จัดให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง ใช้หมอนรองใต้แขน ป้องกัน Internal rotation ของข้อ ไหล่ ใช้หมอนรองขาส่วนบน ให้อยูใ่ นแนวทีไ่ มก่ ดทับ ใช้หมอนทรายดันปลายเทา้ ไวใ้ ห้ตรงไปขา้ งหลงั รูปภาพท่ี 6-9 แสดงการจดั ท่านอนตะแคงก่ึงควำ่ (Protective Sim’s Position) ท่ีมา: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012. 5) การจดั กง่ึ ท่าน่ังบนเตยี ง (Fowler’s position) ทา่ ก่งึ นง่ั ศีรษะสูง ชว่ ยใหท้ างเดนิ หายใจโลง่ หายใจไดส้ ะดวก ทำกิจกรรมต่าง ๆ บน เตยี งสะดวก เป็นการจัดท่านงั่ บนเตียงท่สี ขุ สบายและเพ่ือการรักษา การจัดทา่ ให้ไขเตยี งดา้ นปลายเท้า 15 องศา กอ่ นการไขด้านหัวเตียงเพื่อป้องกันผปู้ ่วยตวั ไหลลงมา การไขเตยี งดา้ นศรี ษะแบ่งตามระดับ องศาทท่ี ำมมุ กบั พื้นเตียง แบ่งเป็น 3 แบบ ดังนี้ (1) High Fowler’s position จัดทา่ ให้หัวเตยี งสงู ทำมมุ 60-90 º กับพื้นเตยี ง เหมาะกับทำกิจวัตรประจำวัน เช่น บ้วนปาก แปรงฟัน รับประทานอาหาร และเหมาะกับผู้ป่วยที่ หายใจเหน่ือยหอบ (2) Fowler’s position จัดท่าให้หวั เตยี งสูงทำมุม 45 – 60 º กับพน้ื เตยี ง รปู ภาพที่ 6-10 แสดงการจดั ทา่ Fowler’s position ทม่ี า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012. 179
(3) Semi Fowler’s position จัดท่าให้หัวเตียงสูงทำมุม 30-45 º กับพื้น เตยี ง เหมาะกับผปู้ ่วยหลังผา่ ตัดช่องท้อง เพราะทำให้หน้าทอ้ งหยอ่ นไมด่ ึงร้งั รปู ภาพท่ี 6-11 แสดงการจัดท่า Semi Fowler’s position ที่มา: https://nurseslabs.com 6) ทา่ นงั่ ฟบุ หน้า (Orthopneic position) เป็นท่าที่ให้ผู้ป่วยนั่งอยู่กลางเตียงหรือขอบเตียง แขนวางอยู่บนโต๊ะคร่อมเตียง (Over bed table) ทา่ น้เี หมาะสำหรับชว่ ยใหท้ างเดินหายใจโลง่ หายใจไดด้ ีขึน้ ใชก้ บั ผูป้ ว่ ยท่ีมีปัญหา เกี่ยวกับการหายใจนอนราบไม่ได้ (orthopnea) ควรแนะนำให้ผู้ป่วยตะแคงหน้าสลับกันไปมา อย่า ฟุบข้างเดียวนานเกนิ ไป ให้เหยยี ดแขนออกไปตรง ๆ และงอแขนสลบั กัน เปลี่ยนเปน็ ท่าน่ัง งอขาบ้าง ยดื ขาออกบ้าง และพงิ พนักด้านหวั เตยี ง รปู ภาพท่ี 6.-12 แสดงการจดั ทา่ Orthopneic position ทม่ี า: https://nurseslabs.com 180
7) การจัดทา่ นอนศีรษะต่ำปลายเท้าสงู (Trendelenburg position) เป็นท่านอนหงายราบยกปลายเตียงให้ปลายเท้าสูง 45 องศา ไม่หนุนหมอนเพื่อให้ ศีรษะและไหลต่ำกว่าบริเวณตะโพกและขา ใชใ้ นกรณชี ่วยเหลือผู้ป่วยเสียเลือด ชอ็ ก เพื่อให้เลือดไหล มาเลี้ยงสมองได้มากขึ้น เป็นการจัดท่าระบายเสมหะในปอดส่วนล่าง ใช้จัดท่าในผู้ป่วยที่ขาและเท้า บวม ช่วยให้เลือดดำไหลกลับหัวใจมากขึ้น เพื่อลดอาการบวมของขา และใช้จัดท่าเพื่อล้างช่องคลอด เพ่อื ใหน้ ำ้ หรอื นำ้ ยาไหลเขา้ ไปลึกพอ รูปภาพที่ 6-13 แสดงการจดั ทา่ Trendelenburg position ทม่ี า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012 8) การจัดทา่ นอนหงายชนั เขา่ (Dorsal recumbent position) เป็นทา่ เตรยี มตรวจหรอื ทำการพยาบาลโดยเฉพาะ เชน่ ตรวจชอ่ งคลอด ฝีเย็บ ทวาร หนัก การสวนปัสสาวะ ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกและทำคลอดบตุ ร การคลุมผ้าจะเปดิ เฉพาะตำแหน่งที่ต้องการโดยวางผ้าห่มใหม้ ุมหน่ึงอยูท่ ีอ่ ก มุมตรงข้ามคลุมระหวา่ งขาผู้ปว่ ย สองมุมท่ี เหลือปิดต้นขาและเท้าหนุนหมอนเตี้ย ๆ บริเวณโค้งเอวและน่องทั้ง 2 ข้าง จะรองไว้ด้วยหมอน บริเวณปลายเท้ามีกล่องไมห้ รือหมอนหนุนดันฝา่ เทา้ ปอ้ งกันเท้าตก (Foot drop) 181
รปู ภาพที่ 6-14 แสดงการจดั ทา่ Dorsal recumbent position ทมี่ า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012 9) การจดั ทา่ นอนหงายพาดเทา้ บนขาหยั่ง (Lithotomy position) การจัดท่าโดยชันเข่าทั้งสองข้างแยกปลายเท้าและหัวเข่าออกจากกัน อาจจะชันเข่า บนเตียงหรือพาดเท้าบนขาหยัง่ ก็ได้ ต้องจัดให้ก้นผู้ป่วยอยู่พอดีกบั ขอบทีน่ อน อย่าปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ ตามลำพัง และอย่าให้นอนท่านี้นานเกินจำเป็น ต้องมีผ้าคลุมขาและปลายเท้าให้อบอุ่นไม่เปิดเผย ผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น เป็นท่าเตรียมตรวจโดยเฉพาะ การจัดท่านี้จะช่วยให้สามารถเข้าใกล้บริเวณที่ ต้องการได้มากข้ึนทำใหส้ ะดวกและทำให้ถนดั เช่น การทำคลอดเมื่อทารกในครรภ์อยใู่ นทา่ ผดิ ปกติ รปู ภาพท่ี 6-15 แสดงการจดั ท่า Lithotomy position ท่มี า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012 182
10) การจดั ทา่ นอนคว่ำคกุ เขา่ (Knee- chest position) การจัดท่าโดยให้ผู้ป่วยนอนคว่ำ งอขาท่อนบนให้หัวเข่าแนบชิดกับหน้าอกให้มาก ที่สุด หันหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง วางแขนข้างลำตัวในท่างอข้อศอก อาจจะหนุนหมอนหรือไม่หนุน หมอนก็ได้ ใช้หมอนหนุนศีรษะให้มือทั้งสองข้างกอดหมอนไว้ และใช้หมอนทรายวางข้างหัวเข่า ด้านข้างทั้งสองขา เป็นการจัดท่าเพื่อเตรียมตรวจหรือทำผ่าตัดทวารหนักและลำไส้ส่วนปลาย โดยเฉพาะ รูปภาพท่ี 6-16 แสดงการจดั ทา่ Knee- chest position ท่ีมา: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012 6.3 การพยาบาลผปู้ ว่ ยที่ต้องได้รบั การเคล่อื นย้าย 6.3.1 การพลิกตะแคงตัว การพลิกตะแคงตัวจะกระทำเมื่อต้องการเปลยี่ นท่านอนให้กบั ผปู้ ว่ ย มีหลักการคือต้องพลิก ตัวผู้ปว่ ยเขา้ หาพยาบาลเสมอ เพอื่ ป้องกันการตกเตียงและเปน็ อนั ตรายแกผ่ ้ปู ว่ ย 6.3.1.1 หลักการพลิกตวั ตะแคงตวั 1) ต้องพลิกตัวผู้ปว่ ยเขา้ หาตัวผู้พลิกตัวเสมอ เพอื่ ป้องกนั ผ้ปู ่วยตกเตยี ง 2) การตะแคงตัวผู้ปว่ ยให้อยู่ขอบเตยี งข้างใดขา้ งหนึ่ง จะตอ้ งกั้นเหลก็ ก้ันเตียง (Side rail) ให้ผู้ป่วยทกุ ครงั้ ปอ้ งกนั อนั ตรายจากการตกเตียง 3) ก่อนการพลกิ ตัวผ้ปู ่วย ควรปรับระดับเตยี งใหอ้ ย่ใู นแนวราบ เลื่อนหมอนออกจาก ศรษี ะและไหล่ของผู้ปว่ ย 183
4) หากจัดให้ผู้ป่วยนอนตะแคงกลางเตียง ต้องเลื่อนตัวผู้ป่วยให้อยู่ริมเตียงด้านตรง ข้ามท่จี ะพลกิ ตะแคงกอ่ น ซง่ึ เมือ่ พลิกตวั แลว้ ผ้ปู ่วยอยู่กลางพอดี 6.3.1.2 วิธีการพลิกตัวตะแคงตวั การพลิกตัวตะแคงตัวควรใช้ผู้ดูแล 2-3 คน ช่วยจัดแขน ขา ลำตัว ไหล่ สะโพกในการ พลกิ ตัวและมีการใชเ้ ครื่องพยุงเพ่ือพลิกตัวโดยใชผ้ ้าปูท่ีนอนหรือผา้ ขวางเตียงช่วยทำให้ไม่ต้องใช้กำลัง มากสามารถปฏิบัตดิ ังนี้ 1) อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ เพื่อคลายความวิตกกังวล เพื่อความร่วมมือและส่งเสริม ความเป็นบุคคล 2) จับแขนผปู้ ว่ ยพาดบนหน้าอกหรือให้ผปู้ ่วยกอดออก เพอื่ ความปลอดภัยขณะพลิก ตวั 3) ใชผ้ ้ารองยกเพอื่ ยกเลือ่ นตวั ผู้ปว่ ยให้อยู่ขอบเตียงด้านตรงกันขา้ มกับด้านที่พลิกตัว เพ่ือเพม่ิ พ้นื ท่ใี นการพลกิ ตัว 4) ใชผ้ า้ รองยกพลกิ ตะแคงตวั ผปู้ ่วยไปดา้ นท่ตี ้องการ 5) จัดทา่ ผู้ป่วยใหส้ ขุ สบาย วางขาบนหมอนในทา่ งอเข่าเล็กน้อย ใชห้ มอนรองรับขา ด้านบนและหลัง 6) ยกข้างเตียงข้นึ แลว้ เดินกลับไปด้านที่จะตะแคงตัว เพอื่ ปอ้ งกนั ผปู้ ่วยพลกิ ตกเตียง 6.3.1.3 ข้อควรระวังในการพลกิ ตะแคงตัว 1) กอ่ นพลิกตวั ตอ้ งประเมนิ สภาพผู้ปว่ ยและเลือกทิศทางท่จี ะพลกิ ตะแคงตัว ให้เหมาะสม 2) หากผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวมาก หรือผ่าตัดกระดูกสันหลังการพลิกตัวผู้ป่วย ด้วยพยาบาลคนเดียว อาจจะไม่สะดวกควรจะใช้พยาบาล 2-3 คน โดยการตะแคงตัวพร้อมกนั โดยวิธี Log rolling technique ควรใช้ผ้าขวางหรือ ผา้ ปทู ีน่ อนจะช่วยผ่อนแรงด้วย 3) ระมัดระวังท่าทางของพยาบาล เช่น การยืน การวางเท้า การก้าวเท้า การ ถ่ายนำ้ หนกั ตวั ใหเ้ หมาะสม มคี วามสมดุลของร่างกาย 4) หลีกเลี่ยงการใช้กำลังมากในการพลิกตัวผู้ป่วย ควรหาผู้ช่วยเหลือหรือ เครอ่ื งผอ่ นแรง เช่น ผา้ ขวางเตยี งและอย่าใช้พลังงานของผู้ดแู ลในการพลิกตวั อย่างเดียว ควรใช้เครื่อง ผอ่ นแรงอยา่ งเหมาะสม 184
รูปภาพท่ี 6-17 แสดงการพลิกตะแคงตัวแบบ Log rolling method ดัดแปลงจาก Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012 6.3.2 การเคล่อื นย้ายผูป้ ่วย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเป็นกิจกรรมของพยาบาลที่ต้องปฏิบัติกับผู้ป่วยอยู่เสมอ เพื่อช่วย ส่งเสริมและ ฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย ให้กลับคืนสูส่ ภาพปกติให้มากทีส่ ุด ก่อให้เกิดความสขุ สบาย ลดแรงกด ป้องกันปัญหาของระบบกล้ามเนื้อ ระบบกระดูก ระบบประสาท ระบบการไหลเวียนโลหิต พยาบาลจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และสามารถเลือกวิธีการเคลื่อนย้ายให้ เหมาะสมกบั ผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายตามสภาพความเจ็บปว่ ย 6.3.2.1 วัตถปุ ระสงค์การเคลื่อนย้ายผูป้ ่วย 1) ชว่ ยการเปล่ียนอริ ิยาบถในผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้หรอื ได้นอ้ ย 2) ช่วยให้เกดิ ความสะดวกในการรักษาพยาบาล 3) ทำให้เกิดความสขุ สบาย 4) ช่วยใหร้ ะบบกลา้ มเน้อื กระดกู ประสาทและการไหลเวยี นโลหติ ทำหนา้ ทไ่ี ด้ปกติ 185
6.3.2.2 หลกั การในการเคลือ่ นยา้ ย 1) ต้องเตรียมผู้ป่วยให้ถูกต้อง ควรบอกให้ผู้ป่วยทราบ ปรับระดับเตียงให้อยู่ใน แนวราบ ล็อคล้อเตียงให้เรียบร้อย หากผู้ป่วยสามารถช่วยตัวเองหรือช่วยในการเคลื่อนย้ายได้บ้าง ควรใหผ้ ู้ปว่ ยไดม้ ีส่วนรว่ ม 2) ต้องจัดท่าทางให้ถูกต้องในท่ายืน การวางเท้า การใช้น้ำหนัก การถ่ายน้ำหนัก เคลื่อนยา้ ยดว้ ยความนุ่มนวล 3) ต้องให้ความปลอดภยั ความสขุ สบาย และความมั่นใจแกผ่ ูป้ ว่ ยในการเคล่อื นย้าย 6.3.2.3 การเคลอ่ื นย้ายผู้ป่วยในท่านอนไปทางหัวเตยี ง การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยการช่วยเลื่อนตัวขึ้นไปทางหัวเตียงเนือ่ งจากผู้ป่วยมักเลื่อนตัว ลงไปปลายเตียงแตร่ า่ งกายอ่อนแรงไม่สามารถเคล่ือนตวั ขนึ้ ไดด้ ้วย ปฏบิ ตั ิดงั นี้ 1) แจ้งผู้ป่วยถึงวัตถุประสงค์และขั้นตอนเพื่อคลายความวิตกกังวล ให้ความร่วมมือ และส่งเสริมความเปน็ บคุ คล 2) ไขหวั เตียงในแนวราบ เพ่ือลดแรงตา้ นจากแรงโน้มถ่วง เล่อื นหมอนจากศีรษะ 3) จับผา้ รองยกให้ชิดตวั ผ้ปู ว่ ยมากทส่ี ุด 4) บอกผู้ป่วยให้ชันเข่า 5) สง่ สญั ญาณให้ผปู้ ่วยดันตัวขน้ึ โดยพยาบาลออกแรงยกพร้อมกนั เพ่อื ผ่อนแรงของ พยาบาลหรอื ผชู้ ่วยเหลือ 6) ในกรณีที่มีบาร์โหนและผู้ป่วยพอมีแรงให้จับบาร์โหนยกตัวขึ้น ขณะเดียวกันให้ ผู้ป่วยออกแรงดนั ตวั ข้ึน 186
รูปภาพท่ี 6-18 แสดงการยกตวั ผู้ปว่ ยไปด้านหวั เตียง ทมี่ า: https://commons.wikimedia.org/ รูปภาพท่ี 6-19 แสดงการยกตัวผปู้ ่วยไปด้านหัวเตยี งโดยการโหนบาร์ร่วมด้วย ที่มา: https://www.fairview.org 6.3.2.4 การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยลงจากเตยี งในท่านอน การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยลงจากเตียงในท่านอนในกรณีที่ผู้ป่วยต้องไปทำหัตถการภายนอก หอผู้ปว่ ย การเคลือ่ ย้ายผู้ปว่ ยทด่ี ีจะตอ้ งไม่ใหผ้ ิวหนังของผู้ปว่ ยเสยี ดสกี ับเตียงและมีการผ่อนแรงของผู้ เคลื่อนย้ายด้วยการใช้กระดานเลื่อน จะวางกระดานเลื่อนระหว่างเตียงและสอดกระดานเลื่อนเข้าใต้ ผ้าขวางเตียงโดยสอดไปใต้หลังผู้ป่วยขณะนอนตะแคงแล้วพลิกกลับ การเคลื่อนย้ายวิธีนี้ จะถูกต้อง 187
และสะดวกในการเคลื่อนย้าย หากมกี ารจดั วางเตียงเก่าและเตียงใหม่หรือเปลนอน โดยใหเ้ ตยี งใหม่ต้ัง ฉากกับเตยี งเดิม ล็อคลอ้ เตยี งใหเ้ รยี บรอ้ ย เพอื่ ปอ้ งกนั การเคล่อื นขณะยกหรือวางผปู้ ่วยลง 1) การเคลือ่ นยา้ ยดว้ ยพยาบาล 3 คน ปฏิบตั ิดงั น้ี (1) อธบิ ายให้ผปู้ ่วยทราบ เพ่อื คลายความวติ กกังวล ให้ความรว่ มมือและส่งเสริม ความเปน็ บคุ คล (2) พยาบาลคนท่ี 1 ยนื อย่ดู า้ นศีรษะของผู้ป่วยใช้แขนข้างหน่ึงวางไว้ที่คอใต้ไหล่ ของผู้ป่วยโดยให้ส่วนคอของผู้ป่วยอยู่บนแขนของพยาบาลและแขนอีกข้างหนึ่งรองอยู่ใต้หลังบริเวณ เหนือเอว (3) พยาบาลคนที่ 2 รองแขนข้างหนึ่งเข้า ใต้เอวให้ชิดกับแขนพยาบาลคนที่ 1 และแขนอกี ดา้ นหนึง่ รองเขา้ ใตโ้ คนขาหรือสะโพกของผปู้ ่วย (4) พยาบาลคนท่ี 3 สอดแขนขา้ งหนึง่ เขา้ ใต้สะโพกให้ชดิ กับแขนของพยาบาลคน ที่ 2 และแขนอีกขา้ งหนง่ึ สอดรองเข้าใตข้ ้อเท้าของผู้ป่วย (5) ให้สัญญาณยกตัวผู้ป่วยขึ้น พร้อมๆ กับอุ้มผู้ป่วยให้ชิดตัวพยาบาลมากที่สุด เพื่อรักษาความสมดุลในการทรงตัว ไม่ใช้กำลงั แขนมากเกนิ ไป (6) ถอยเทา้ ไปด้านหลงั เดินพรอ้ มกันไปยังเตยี งท่เี ตรยี มไว้ (7) พยาบาลผู้ทีย่ กทางปลายเตยี งผูป้ ่วยจะเดนิ ไปยังปลายเตยี ง (8) ส่งสัญญาณวางผ้ปู ่วยลงบนเตียงใหม่พรอ้ มกนั (9) จัดท่าให้ผ้ปู ว่ ยสบาย ผอ่ นคลาย เลอ่ื นตวั ผู้ป่วยใหอ้ ยู่กลางเตยี ง (10) คลุมผ้าให้ผปู้ ่วยระดับหนา้ อก รูปภาพที่ 6-20 แสดงการเคลื่อนยา้ ยผปู้ ว่ ยด้วยพยาบาล 3 คน ที่มา: https://www.jaypeedigital.com 188
(11) กรณีมีกระดานสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วย (transfer board/ pad-slide) สามารถใช้กระดานได้เพือ่ ชว่ ยผอ่ นแรงพยาบาลท่ีทำการเคล่ือนยา้ ยผู้ป่วย รูปภาพที่ 6-21 แสดงการเคลื่อนย้ายผูป้ ่วยดว้ ยกระดานเคล่ือนย้าย ทีม่ า: smart draw. 6.3.2.5 การเคลอ่ื นยา้ ยผ้ปู ่วยลงจากเตียงในท่าน่ัง การเคลื่อนย้ายนี้สำหรับผู้ป่วยสามารถนั่งรถเข็น (wheelchair) เช่น การเคลื่อนย้ายไป ทำกายภาพบำบัด การไปตรวจภายนอกหอผูป้ ว่ ย กอ่ นการเคลอื่ นย้ายตอ้ งล็อคและล้อของรถเข็นก่อน เสมอเพอ่ื ความปลอดภยั ของผู้ป่วยและตวั ผชู้ ่วยเหลือ การปฏิบตั ิดงั นี้ 1) อธิบายผู้ป่วยและบอกวิธีการเคลื่อนย้ายเพื่อคลายความวิตกกังวล ให้ความ ร่วมมือและสง่ เสรมิ ความเป็นบคุ คล (Autonomy) 2) นำเก้าอี้ล้อเข็นมาวางบริเวณหัวเตียง โดยวางขนานกับเตียง และล็อคล้อเตียงให้ เรยี บรอ้ ยเพื่อป้องกนั อันตราย 3) เลื่อนตัวผู้ป่วยมาริมเตียงใกล้พยาบาล ปรับตัวเตียงสูงประมาณ 60 ๐เลื่อนราว ขา้ งเตียงลงขณะเคล่ือนยา้ ยผปู้ ่วย พยาบาลอย่ใู นท่าทางท่ถี กู ต้อง ไม่ก้มตวั ลงมากเกินไป 189
4) พยาบาลยืนข้างเตียงใกล้สะโพกผู้ป่วยเท้าเฉียงไปทางปลายเตียง แยกเท้าห่างกนั เล็กน้อยเพื่อการทรงตัวที่มั่นคงของพยาบาล สอดมือข้างหนึ่งเข้าใต้หัวไหล่ มืออีกข้างหนึ่งจับบริเวณ เหนือเข่าของผู้ป่วยออกแรงหมุนตัวให้ผู้ป่วยห้อยเท้าข้างเตียงประมาณ 2-3 นาทีเพื่อป้องกันผู้ป่วย หนา้ มดื เปน็ ลม (Hypotension) 5) ใช้มือทงั้ สองข้างจบั ใตร้ ักแร้ ใชข้ าขวาเปน็ หลกั ประคองให้ผู้ปว่ ยยืนริมเตียงกอ่ น 7) หมุนเอียงผ้ปู ่วยลงน่ังโดยใหผ้ ูป้ ่วยจบั ทที่ ้าวแขนประคองตวั ช่วย 8) ประเมินความสามารถในการทรงตัวของผู้ป่วย วางเท้าบนที่วางเท้าให้เรียบร้อย เพ่อื ปอ้ งกันอนั ตรายจากปลายเท้าตก รปู ภาพท่ี 6-22 แสดงการเคล่ือนยา้ ยผปู้ ่วยด้วยกระดานเคล่ือนยา้ ย ท่ีมา: https://www.wikihow.com 6.3.2.6 การพยุงผปู้ ่วยเดิน 1) การพยุงผู้ป่วยเดนิ โดยผูช้ ว่ ยเหลือ 1 คน สามารถปฏิบัติดังน้ี (1) อธิบายให้ผู้ป่วยทราบเพื่อคลายความวิตกกังวล ความร่วมมือและส่งเสริม ความเป็นบคุ คล (Autonomy) และพยงุ ผปู้ ่วยลงจากเตียง (2) พยาบาลยืนข้างซ้ายผู้ป่วยหรือข้างที่อ่อนแรงของผู้ป่วย หันหน้าไปทิศ เดียวกนั เพ่อื ประคองผู้ปว่ ย (3) ใช้มือขวาจับเข็มขัดที่รัดเอวผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยใช้แขนได้อย่างอิสระ อีกมือ อาจประคองปลายตน้ แขนผู้ป่วยหรอื ประคองดา้ นหลงั เพือ่ ความมนั่ คง 190
(4) พยุงเดินโดยกา้ วเท้าขา้ งเดียวกับผ้ปู ่วยเดนิ ไปพร้อมกนั ถา้ ผู้ป่วยหน้ามดื เปน็ ลม พยาบาลเลือ่ นมือทีพ่ ยุงต้นแขนผู้ป่วยไปขา้ งหนา้ สอดแขนทงั้ สองขา้ งใตร้ ักแร้ รับนำ้ หนักตัว ผปู้ ่วยไวพ้ ร้อมกับใช้สะโพกยันสะโพกของผูป้ ว่ ยและค่อยๆ พยุงผู้ป่วยลงน่ังกบั พ้นื รปู ภาพที่ 6-23 แสดงการพยุงผปู้ ่วยเดินโดยผูช้ ่วยเหลอื 1 คน ทีม่ า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012 2) การพยุงผปู้ ่วยเดนิ โดยผู้ชว่ ยเหลือ 2 คน มวี ิธกี ารปฏบิ ัตดิ งั นี้ (1) อธิบายผู้ป่วยถงึ วตั ถปุ ระสงค์และการปฏบิ ัติ เพื่อคลายความวติ กกงั วล ความ ร่วมมอื และส่งเสริมความเป็นบุคคล (Autonomy) (2) พยาบาลทั้ง 2 คน ยืนคนละข้างของผู้ป่วยและหันหน้าไปทิศทางเดียวกัน พยาบาลแตล่ ะคนใช้มอื พยงุ ใตร้ กั แก้ผปู้ ่วยหรือจับเข็มขดั อกี มือหนงึ่ จับประคองต้นแขนผ้ปู ่วยไว้ (3) เดนิ กา้ วเทา้ ข้างเดยี วกันเดนิ ไป พรอ้ มๆ กัน (4) ถ้าผู้ป่วยเวียนศีรษะ หน้ามืด พยาบาลทั้ง 2 คน จะเลื่อนมือข้างที่พยุงตัวไป ข้างหน้าใช้แขนสอดอยู่ใต้รักแร้ รับน้ำหนักตัวผู้ป่วยไว้ พร้อมกับใช้สะโพกยันสะโพกผู้ป่วยไว้ แล้ว คอ่ ยๆ พยงุ ตัวผู้ป่วยไปน่งั เกา้ อ้ี 191
รูปภาพท่ี 6-24 แสดงการพยุงผ้ปู ่วยเดนิ โดยผชู้ ว่ ยเหลือ 2 คน ทม่ี า: Potter, P. A., & Perry, A.G.,Elkin MK., 2012 6.4 การพยาบาลเพ่อื ฟื้นฟูสภาพและปอ้ งกันภาวะแทรกซอ้ น การฟื้นฟูสมรรถภาพ (rehabilitation) หมายถึงการช่วยเหลือบุคคลที่ด้อยสมรรถภาพทาง กาย จิตใจ บุคคลที่เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือบุคคลที่อยู่ในระยะพักฟื้น ได้ตระหนักถึงสมรรถภาพของ ตนเองที่ยังเหลืออยู่ และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิต และการทำงาน รวมทั้งเพื่อให้ ผปู้ ว่ ยกลบั ฟืน้ คืนสภาพเดมิ หรือดที ส่ี ุดเท่าทเ่ี ปน็ ไปได้ โดยมวี ตั ถุประสงค์เพ่อื 1) ปอ้ งกนั ความพิการ (mobility) หรอื ความดอ้ ยสมรรถภาพท่ีอาจเกิดข้นึ 2) เพอื่ ฟน้ื ฟสู มรรถภาพของผู้ปว่ ยให้กลบั ส่สู ภาวะการทำหนา้ ทเ่ี ดิมให้มากทีส่ ุดเท่าท่ีเป็นไป ได้ (functional recovery) 3) เพอ่ื ใหบ้ คุ คลน้ันดำรงชีวติ ได้อยา่ งเหมาะสมมีคณุ ภาพชีวิตท่ีดี 6.4.1 หลกั การฟนื้ ฟสู มรรถภาพ หลกั การฟื้นฟสู มรรถภาพคำนงึ ถงึ ส่งิ สำคญั 7 ประการคอื 1) การเร่ิมตน้ ของการฟื้นฟู ควรเรม่ิ ในระยะทีผ่ ปู้ ่วยพ้นวิกฤตแล้ว 2) ความต้องการและขอบเขตความสามารถในการปรับตัวของผู้ป่วย ทั้งร่างกาย จิตใจ สงั คม ประเพณี ความเชอ่ื อาชพี เศรษฐกจิ 3) การวางแผนฟ้ืนฟูสมรรถภาพควรวางแผนเปน็ รายบุคคล 4) วางแผนฟน้ื ฟูสมรรถภาพท้งั ในระยะส้ัน ระยะยาว และกระบวนการทีต่ ่อเนอ่ื ง 192
5) การมสี ว่ นร่วมของผูป้ ว่ ยและครอบครวั ในการวางแผนฟนื้ ฟูสมรรถภาพ 6) มกี ารใหก้ ำลังใจผปู้ ่วย 7) จำเปน็ ต้องมคี วามร่วมมอื ของเจ้าหน้าที่ในทมี สขุ ภาพ 6.4.2 บทบาทพยาบาลในการฟื้นฟสู มรรถภาพ 1) ปอ้ งกันการเกดิ ความดอ้ ยสมรรถภาพแทรกซ้อน 2) ประสานงานในทีมการฟน้ื ฟสู มรรถภาพ จดั ตารางเวลาทเ่ี หมาะสมและไดป้ ระโยชน์ ทส่ี ดุ 3) เป็นผตู้ ระหนัก และประเมินถึงความต้องการของผู้ป่วย 4) กระตุน้ ให้ผ้ปู ่วยมีความหวัง กำลงั ใจ 5) สอนแนะนำทักษะต่างๆ เพ่ือช่วยใหผ้ ูป้ ว่ ยยอมรับการเปล่ยี นแปลงสมรรถภาพของ ตน 6) แนะนำการใชบ้ ริการจากแหล่งอ่ืนๆ ในชมุ ชน เพื่อใหผ้ ้ปู ่วยได้รบั บรกิ ารอย่างต่อเนอื่ ง 7) คำนึงถงึ ความเป็นบุคคลของผู้ป่วย ในการฟนื้ ฟูสมรรถภาพนั้น พยาบาลมีบทบาท สำคัญในทมี 6.4.3 การประเมนิ ผปู้ ่วยก่อนการฟื้นฟูสภาพ ควรมีการประเมินความพร้อมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ รวมทั้งการประเมินความเสี่ยง ต่อการพลัดตกหกล้มก่อนเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการฟื้นฟูสภาพ หากมีความเสี่ยงต่อ การพลดั ตกหกล้มต้องเฝ้าระวังเป็นพเิ ศษระหวา่ งการฟ้ืนฟูสภาพ อาจเลอื กการออกกำลังกายบนเตียง ก่อน ทั้งนี้แบบประเมินความเสี่ยงต่อดการพลัดตกหกล้มที่นิยมนำมาใช้ เช่น Hendrich Fall Risk Assessment Tool 193
รปู ภาพที่ 6-25 แสดงแบบประเมนิ ความเสีย่ งตอ่ การพลดั ตกหกลม้ ทมี่ า: www.nurse.kku.ac.th 6.4.4 การบริหารร่างกาย ข้อ และกล้ามเน้ือ ผปู้ ว่ ยท่นี อนโรงพยาบาลควรมีการบรหิ ารรา่ งกายหรอื ออกกำลังกาย ข้อและกลา้ มเน้อื เพื่อใหร้ า่ งกายคงสมรรถภาพทางกายทด่ี ี เม่ือหายจากการเจบ็ ป่วยสามารถเคลอื่ นไหวร่างกาย หรือ ช่วยเหลอื ตนเองได้ตามสมรรถภาพของแตล่ ะบคุ คล การออกกำลงั กายเพ่ือการบำบัดรักษาน้นั แบง่ ออกเปน็ 5 ประเภท ได้แก่ 194
1) การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Exercise for strength) ใช้ สำหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยที่นอนนาน ๆ หรือเข้าเฝือกนาน ๆ ทำให้แขนและขาไม่ได้เคลื่อนไหว เกิดลีบเพราะไม่ได้ใช้งาน การออกกำลังกายประเภทนี้ผู้ป่วยจะต้องทำเอง (Active exercise) แบ่ง ออกเปน็ 3 ประเภท คอื (1) การออกกำลังกายแบบเกรง็ กล้ามเนือ้ (Isometric exercise) เป็นการออกกำลัง กายโดยการเกรง็ กล้ามเนื้อเฉพาะมัด ไมม่ กี ารเปล่ยี นแปลงความยาวของกล้ามเนื้อ เป็นการเพิ่มความ แข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยที่ข้อไม่มีการเคลื่อนไหว เช่น การเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง การเกร็ง กล้ามเนื้อแขนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของแขน และเพื่อเป็นการเตรียมผู้ป่วยในการเดินด้วยไม้ค้ำยัน การออกกำลังแบบน้ี ใช้เวลาเกร็งนาน 6 – 10 วินาทีแล้วคลายและทำรอบละ 10 ครั้ง วันละ 2 – 3 รอบ (2) การออกกำลังกายแบบคงความตึงตัวของกล้ามเนื้อ (Isotonic exercise) มีการ เปลี่ยนแปลงความยาวของกล้ามเนื้อ เป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยมีการเคลื่อนไหว ของขอ้ การออกกำลงั กายแบบน้ีได้ผลดีเพราะข้อต่าง ๆ ของร่างกาย มีการเคลอ่ื นไหวและกล้ามเนื้อมี การหดรัดตัวทำให้ตึงตัวและแข็งแรง การไหลเวียนของเลือดดี เช่น การให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวัน การลุกเดิน เป็นตน้ (3) การออกกำลังกายแบบออกแรงต้าน (Resistive exercise /isokinetic exercise) เป็นการออกกำลังกายโดยให้แรงต้านต่อการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่นั้นๆ แรง ต้านอาจมาจากเครื่องมือหรือจากคน เชน่ ระบบรอกและน้ำหนัก ตุ้มน้ำหนัก แรงตา้ นจากน้ำ เป็นต้น การออกกำลังกายแบบนี้เป็นทั้งแบบ Isometric exercise และ Isotonic exercise โดยช่วงที่มีการ เคลื่อนไหวของข้อจะเป็นแบบ Isotonic exercise และในช่วงที่ต้านแรงเกร็งกล้ามเนื้อจะเป็นแบบ Isometric exercise การออกกำลังแบบน้ี ได้แก่ การยกน้ำหนกั การให้ผู้ป่วยปั่นจักรยาน การใช้มอื ออกแรงดึงลูกรอก ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น แข็งแรงและทำงานได้นานขึ้น การออกกำลังใน ลกั ษณะน้คี วรทำอย่างละ 3- 10 ครัง้ วนั ละ 2-3 คร้ัง 2) การออกกำลังกายเพื่อการเคลื่อนไหวของข้อต่อ (Exercise for Range of Motion) Range of Motion (ROM) หมายถึง การเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ของข้อนั้นๆ แต่ละคนไม่เหมือนกัน ตามปกติการเคลื่อนไหวข้อต่างๆของร่างกายจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเฉพาะของข้อนั้นๆ ดังน้ัน Range of Motion Exercise หมายถึง การเคลื่อนไหวของข้อต่อไม่เกินช่วงการเคลื่อนไหวปกติของ ข้อนั้นๆ เพื่อคงไว้ซึ่งการเคลื่อนไหวปกติของข้อ เพื่อป้องกันข้อยืดติด และเพิ่มการเคลื่อนไหวของขอ้ กรณีที่ข้อยืดติดแล้ว มักกระทำโดยนักกายภาพบำบัด โดยการเคลื่อนไหวของข้อต่อต่าง ๆ ใน ร่างกายดงั แสดงตารางที่ 6-1 195
ข้อตอ่ ขอบเขตการเคล่อื นไหว คอ ก้มศีรษะ (flexion) เหยียดคอตรง (extension) แหงนศีรษะไปข้างหลัง (hyperextension)เอียงศีรษะไปหาไหล่ (lateral flexion) หมุนศีรษะไปด้านข้าง (rotation) ไหล่ ยกแขนไปข้างหน้าให้สูงระดับศีรษะ (flexion) วางแขนข้างลำตัว (extension) เหยยี ดแขนไปด้านหลงั ลำตวั (hyperextension) กางแขนออกจากลำตวั (Abduction) หุบแขนเข้าหาลำตัว (Adduction) หมุนแขนเป็นวงรอบ(circumduction) หมุนแขน ออกนอกลำตัว (outwardly rotation) หมนุ แขนเขา้ หาลำตัว (inwardly rotation) ข้อศอก งอข้อศอก (flexion) เหยียดข้อศอกให้แขนตรง (extension) หมุนข้อศอกในท่า หงายมือ (rotate for supination) หมุนข้อศอกในท่าคว่ำมือ (rotate for pronation) ข้อมือ งอข้อมือให้ฝ่ามือโค้งเข้าหาปลายแขน (flexion) เหยียดข้อมือในท่าปกติ (extension) ยกหลังมือให้โค้งเข้าหาปลายแขน (hyperextension) งอข้อมือไป ทางนิว้ หวั แม่มอื ( radial flexion) งอข้อมือไปทางนิว้ ก้อย ( ulnar flexion) มอื น้ิวมอื กำมือ (Flex the hand and finger) เหยียดนิ้วมือในท่าปกติ (extension) เหยียด นิ้วมือในท่ารำละคร (hyperextension) กางนิ้วมือ (Abduction) หุบนิ้วมือให้ชิด กัน (Adduction) ให้นิ้วหัวแม่มือสัมผัสนิ้วอื่นๆ (Oppose the thumb) หมุน น้ิวหวั แม่มอื เปน็ วงรอบ (rotate the thumb) สะโพก ยกขาขึ้นมาทางด้านหน้า (Flexion) เหยียดขาในท่าปกติ (extension) เหยียดขา ไปดา้ นหลงั ลำตัว (hyperextension) กางขาออกจากลำตัว (Abduction) หบุ ขาเข้า หาลำตวั (Adduction) หมุนขาเขา้ หาลำตวั (circumduction) หมนุ ขาให้หวั แม่เท้า เข้าหาลำตัว inwardly rotation) หมุนขาให้หัวแม่เท้าออกนอกลำตัว (outwardly rotation) เขา่ งอเขา่ (Flexion) เหยียดเขา่ ออกในท่าปกติ (extension) 196
ขอ้ ตอ่ ขอบเขตการเคล่อื นไหว ขอ้ เท้า เหยยี ดข้อเทา้ ให้หลงั เทา้ เบนห่างออกจากขา (plantar flexion) งอข้อเทา้ ใหห้ ลงั เท้า โค้งเข้าหาขา (dorsal flexion) หมุนฝ่าเท้าเข้าหาลำตัว (inversion) หมุนฝ่าเท้า ออกนอกลำตัว นิ้วเทา้ งอนิ้วเท้า (Flexion) เหยียดนิ้วเท้าในท่าปกติ (extension) กางนิ้วเท้า (Abduction) หบุ นิ้วเทา้ ใหช้ ิดกนั ((Adduction) ลำตัว กม้ ลำตัวให้หลงั โคง้ งอ (Flexion) ลำตวั เหยยี ดตรงในทา่ ยนื (extension) แอ่นลำตวั ไปด้านหลัง (hyperextension) เอียงลำตัวไปด้านข้าง (lateral flexion) หมุน ลำตัวไปด้านขา้ ง (rotation) ตารางท่ี 6-1 แสดงขอบเขตการเคล่อื นไหวของข้อตอ่ จำแนกตามชนิดของข้อตอ่ 3) การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความทนทาน (Exercise for Endurance) 4) การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการประสานงานของกล้ามเนื้อ (Exercise for Co - ordination) 5) การออกกำลังกายเพ่ือการผ่อนคลาย (Exercise for Relaxation) 6.4.5 การอปุ กรณ์ช่วยพยุงเดินเพ่ือการฟืน้ ฟูสภาพ อุปกรณ์ช่วยพยุงเดินมีหลายประเภทควรเลือกให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย พิจารณา จากความสามารถในการเดนิ การทรงตัวและอายุของผูป้ ่วย มรี ายละเอียด ดงั นี้ 1) ไม้เท้า (cane) ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีการทรงตัวค่อนข้างดี สามาถช่วยเหลือตนเองได้ ส่วนใหญใ่ ช้ในผู้สงู อายุ ลักษณะของไมเ้ ทา้ มหี ลายรปู แบบ (1) ไม้เท้าแบบมาตรฐาน (standard cane) มีลักษณะฐานแบบขาเดียว บางคร้ัง เรยี กวา่ single cane 197
รปู ภาพที่ 6-26 แสดงไมเ้ ทา้ แบบมาตรฐาน (standard cane) ที่มา: https://meded.psu.ac.th. (2) Wide base cane เป็นไม้เทา้ ทส่ี ว่ นฐานมี 3 ขา (tripod cane / triple cane) หรือ 4 ขา (quad cane) ซึ่งไม้เท้ากลุ่มนี้จะมีความมั่นคงมากกว่า สามารถใช้เดินในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ดี มากกวา่ standard cane รูปภาพท่ี 6-27 แสดงไมเ้ ท้าแบบ Wide base cane ท่มี า: https://meded.psu.ac.th. 2) ไม้คำยัน (crutch) ส่วนใหญ่ใชใ้ นผู้ป่วยอายุนอ้ ย ภายหลังได้รับการผา่ ตัดส่วนระยาง ลา่ งของรา่ งกาย มีความแข็งแรงของกล้ามเน้ือแขนทีด่ ี เนอื่ งจากการใชง้ านต้องอาศัยกล้ามเน้ือแขนใน การชว่ ยพยงุ ร่างกาย ไม้คำ้ ยนั มหี ลายประเภทแต่ทใ่ี ช้บอ่ ยคอื คือ Axillary crutches 198
รปู ภาพท่ี 6-28 แสดงไม้คำยัน (crutch) ท่ีมา: https://pefricea.com. การใช้งาน Axillary crutches ที่ถูกต้อง ควรให้ปลายบนของไม้คำยันห่างจากรักแร้ เล็กน้อยประมาณ 1 -2 นิ้ว เพื่อลดการกดทับ radial nerve บริเวณมือจับต้องให้จับแล้วข้อศอกงอ เล็กน้อยประมาณ 30 องศา ส่วนปลายล่างของไม้ค้ำยนั กางออก ให้ระยะห่างของปุ่มทีส่ ว่ นปลายล่าง 2 ข้างหา่ งกนั ประมาณ 6 นวิ้ ดงั แสดงในรปู รูปภาพที่ 6-29 แสดงการใชง้ าน Axillary crutches ท่ีถกู ต้อง ท่ีมา: https://quizlet.com/ 199
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 527
Pages: